ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)  (อ่าน 323436 ครั้ง)

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
คุณคีย์ งอน แรงงง์ นะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
ชอบจังง ที่พอถึงการงอแงกันจุดหนึ่ง
ทั้งคู่จะพูดความจริงออกมา
ดราม่าใหญ่คงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่มั้ง
55555

ขอน่ารักมุ้งมิ้งแบบนี้ไปไม่ได้หรอออออ

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
อยากได้เด็กแบบฟานสักคนมั่งอ่ะ ต้องทำยังไงนะ 555^^ :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ฟานน่ารักจัง อิอิ  คีย์ใจอ่อน  ปากไม่แข็งแล้วจ้า

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
น่ารักมากเลยค่ะ  อ่านยาวๆ มาเลยทีเดียว
ตอนแรกจะรอจบก่อน แต่อดใจไม่ไหว 5555

คีย์ปากแข็งได้โล่ แต่ตอนบอกก็บอกซะไม่มีเก็บ
ขี้งอน หึง หวง มาเต็มมากก ชอบค่ะ น่ารักดี

ฟานก็น่ารัก ไม่เด็กไป แต่ก็แอบเด็กบ้างบางเวลา
ต้อนคีย์ได้น่ารักมาก คีย์หลงแย่
แต่ฟานเป็นใคร เล่าฝั่งฝานสลับด้วยน้า อยากอ่านฟีลฟานด้วยค่ะ

ลิปชนะเลิศได้โล่ เป็นเรื่องชะตาจริงๆค่ะ
ในที่สุดก็ได้เจอ ได้ตอบสักทีว่า เป็นเพราะคุณ
เมษเข้าถูกทางมากเลยอะ

ขอบมากค่ะ ลุ้นตอนต่อไปรอแล้วนะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ถูกใจอ่ะ ไม่ชอบอะไรก็บอก หึงก็บอก ฮา

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อั๊ยยยย น่ารักกกกกกก ฟานน้อยน่ารักอ่ะ คีย์ก็ซึนไม่เปลี่ยนเลยอ่ะ  :-[ :-[

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 13
' ซื้อของเข้าบ้าน '

“ ขอแวะร้านสะดวกซื้อก่อนจะเข้าห้องได้มั้ยครับ " คนข้างๆที่พูดขึ้นก่อนจะเบี่ยงตัวเข้าไปในร้าน ฟานหยิบตะกร้าขึ้นมาใบนึงก่อนจะเดินไปที่ชั้นวางขายขนมปัง ก่อนจะหยิบมันมาหลายๆแบบ

“ ทำไมนายซื้อเยอะจัง กินให้หมดนะ " ผมบอกเค้าก็ยิ้มพลางพยักหน้า

“ เมื่อเช้าที่คุณคีย์ซื้อไปให้ผม มันอร่อยมากเลยครับ ก็เลยคิดว่าจะซื้อไว้กินตอนอ่านหนังสือคืนนี้ "  เค้าพูดแบบนั้นตอนที่เดินไปที่ตู้เย็นที่ชั้นวางพวกไส้กรอก " คุณไม่คิดจะทำอาหารแบบ ไส้กรอกทอดกินบ้างเหรอครับ "

“ ไม่นิ " ผมส่ายหน้า " เรื่องอะไรแบบนั้นลืมไปเถอะ ฉันไม่ชอบหรอก ตอนทำยังพอโอเคอยู่แต่ตอนล้างนี่สิ ไม่เอาอะขี้เกียจ ซื้อกินง่ายกว่า "

“ แต่ทำเอง ถูกกว่านะครับ " เค้าบอก " แถมยังใส่ของเราอยากจะกินได้เยอะเท่าไหร่ก็ได้ "

“ นายพูดเหมือนทำอาหารเก่งเลยนะฟาน "

“ ก็พอทำได้นะครับ ผมเห็นเครื่องครัวในห้องคุณ เลยคิดอยากจะทำอะไรให้คุณสักอย่างแต่ในตู้เย็นคุณกลับไม่มีอะไรเลยยกเว้นเบียร์ แล้วก็ขนมที่บางอันก็หมดอายุไปแล้ว น้ำมันจะทอดไข่ยังไม่มีเลย อย่าว่าแต่ไข่ไก่สักฟองเลย "

“ นี่เลิกบ่นได้มั้ย  นายเป็นแม่ฉันรึไง "

“ รักษาสุขภาพหน่อยสิครับ ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ "

“ นี่ว่าฉันแก่เหรอ " ผมหันไปตีหลังอีกคน ที่หัวเราะพลางเบือนหน้าหนีแต่ก็ไม่ตอบอะไร ฟานเดินไปหยิบนมแพ็คนึงมาไว้ในตะกร้ามันเป็นนมสดรสจืดพวกที่มีแคลเซียมสูง " นี่นายยังกินนมอยู่อีกเหรอ "

“ ทำไมครับ ก็ผมชอบกินนิ "

“ เปล่า ไม่ทำไมหรอก ฉันแค่รู้สึกว่านายสูงเกินไปแล้วรึเปล่า ยังไม่หยุดสูงนิ กินเยอะๆไม่กลัวสูงกว่านี้เหรอ " เพราะแค่นี้ก็สูงมากแล้วขนาดผมที่รู้สึกว่าตัวเองก็สูงแล้วนะสำหรับส่วนสูง 174 แต่พอมาเจอหมอนี่ที่สูง 183 ทั้งๆที่อายุแค่ 19 แล้วแบบ..

“ ผมก็อยากจะหยุดสูงแล้วนะ แต่เหมือนว่ายังสูงได้เรื่อยๆอยู่เลย "

“ ก็เลิกกินนมสิ ก็เลิกสูงเองแหละ "

“ แต่ผมติดกินนมนะต้องกินทุกเช้าอะ งั้นคุณให้ผมกินนมคุณสิ ผมจะได้เลิกกินนมจืด โอ๊ย! เจ็บนะครับ " หยิบแพ็คนมเขกหัวอีกคนก็ร้องลั่นขึ้นมา

“ เพื่อนเล่นนายรึไง ไอ้เด็กหื่น "  ส่ายหน้าไปมากับความทะเล้นของอีกคน บทจะกวนมันก็กวนกันแบบได้ใจจริงๆเลย ผมหันไปดูพวกเครื่องดื่มดีๆเพื่อสุขภาพที่วางขายอยู่บนชั้น ก่อนที่คนตัวสูงข้างๆจะยื่นมาให้ นมสำหรับผู้สูงอายุ  " ไอ้ฟาน "

“ กระดูกจะได้แข็งแรงไงครับ ผมเป็นห่วงนะ " คว้าคอเสื้ออีกคนเข้ามาใกล้ ฟานที่ขมวดคิ้วมองผมก็บอกเค้าเบาๆ

“ ฉันยังโยกไหวนะจะบอกให้ "

“ ไม่เชื่อครับ เพราะงั้นต้องลอง " ปล่อยมือจากเสื้ออีกคนตอนที่จะเดินหนีไปที่อื่นเค้าก็คว้ามือดึงให้ผมเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมกระซิบลงข้างหู " งั้นช่วยโยกบนตัวผมหน่อยสิ "

“ ชิส์ ปล่อยเลยไอ้เด็กลามก " ดึงมือออกจากมืออีกคนเบือนหน้าหนีไปซื้ออย่างอื่น ฟานก็ถาม

“ แล้วตกลงคุณคีย์จะซื้อเครื่องดื่มอะไรมั้ย "

“ อยากได้น้ำผลไม้อร่อยๆนะ " แต่ถึงจะบอกแบบนั้นผมก็เห็นอีกคน หยิบนมเสริมสร้างกระดูกอะไรนั่นลงในตะกร้าอยู่ดี " เอาอันนี้ " ผมหยิบน้ำส้มกับน้ำมะเขือเทศแบบผสมใส่ลงไปในตะกร้า " จะว่าไปอยากจะไปซื้อพวกผลไม้สดๆนะ "

“ อยากจะซื้อของที่ทำครัวได้ ผมอยากจะทำอาหารกินเอง "

“ ไม่ขี้เกียจล้างรึไง บอกไว้ก่อนเลยนะโมเม้นต์ที่นายทำฉันล้าง จะไม่ทางเกิดขึ้น เพราะฉันไม่ชอบล้างจาน "

“ ผมทำเองก็ต้องล้างเองสิครับ ไม่ต้องห่วงผมชอบทำครัว "

“ เป็นผู้ชายประเภทไหนของนายฉันละไม่เคยเจอ " ไอ้พวกที่ชอบทำครัว ล้างจานอะไรแบบนี้ น้อยมากเลยในความรู้สึกของผมที่จะพบในพวกผู้ชายแบบนี้ แถมยังเด็กกว่าอีก แต่เอาจริงๆ ไอ้หมอนี่เป็นผู้ชายประเภทที่ผมไม่เคยเจอเลยเอาจริงๆ หน้าด้านก็เท่านั้น แถมยังหื่นอีก ไม่นับความกวนตีนของมันที่มาในรูปแบบใบหน้าหล่อเหลา และท่าทางที่ดูเหมือนจะเรียบร้อย

“ ก็แค่ ผู้ชายที่อยากจะทำกับข้าวอร่อยๆให้แฟนกิน "

“ ไม่ได้คิดจะวางยาพิษแล้วฮุบคอนโดฉันไปเป็นของตัวเองหรอกนะ "

“ บางทีผมว่าคุณก็ดูหนังมากไป " เค้าพูดบ่นๆ ก่อนจะเดินไปหยิบขนมขบเคี้ยวทั่วไปแล้วก็น้ำอัดลมสองสามกระป๋อง " คุณคีย์พรุ่งนี้ เราไปห้างกันมั้ยครับ "

“ ห้าง ? “ ผมทวนความต้องการของอีกคน ฟานก็พยักหน้า

“ พรุ่งนี้สอบเสร็จผมจะไปรอคุณที่หน้าบริษัท เราก็ไปซื้อของเข้าบ้านกัน มันมีหลายอย่างที่ผมอยากจะซื้อ "

“ ซื้อของเข้าบ้านเหรอ " อยู่ๆก็รู้สึกเขินคำนี้ขึ้นมาซะงั้น ผมเหลือบมองไปทางอื่นอย่างไม่รู้จะตอบว่าอะไรตอนได้ยิน ยังกับคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่ช่วยกันซื้อของยังไงอย่างงั้นเลย คิดสภาพว่าพรุ่งนี้ผมกับเค้าต้องไปเข็นรถเข็นซื้อของเดินเข้าตรอกนี้ ซอยนู้นเพื่อซื้อของจากนั้นก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านสิ  หน้าที่อยู่ๆก็แดงจัดผมหันหลังกลับก่อนจะเดินไปดูของอย่างอื่นอย่างไม่รู้จะทำยังไง

“ ว่าไงครับ ไปด้วยกันมั้ย ไปด้วยกันนะ ผมอยากจะไปกับคุณคีย์ " คำพูดนี้อีกแล้ว ผมเม้มริมฝีปากแน่นตอนที่อีกคนดึงให้ผมหันไปมองเค้า " นะครับ "

“ นายไปซื้อเองสิ อยากจะได้อะไรก็ไปซื้อเลย "

“ ก็อยากจะให้คุณไปช่วยเลือกด้วยกัน ผมอยากจะเริ่มทำอาหารให้คุณกิน ผมอยากรู้ว่าคุณชอบกินอะไรจะได้ทำให้ถูก ไปด้วยกันนะครับ ผมอยากไปกับคุณนะ " ส่องสายตาคมมาหา รอยยิ้มที่ค่อยๆยิ้มออกมาแล้วตอนนั้นปากของผมมันก็ตอบออกไปแบบชนิดที่หลงไปกับใบหน้าหล่อเหลานั้น

“ ไป..ก็ได้ "

“ เย้! งั้นเรานัดกันเลยนะครับ ว่าจะไปซื้อของกันกี่โมงดี เจอกันที่ไหน ผมน่ะ พอสอบเสร็จก็จะออกมาจากมหาลัยตรงมาหาคุณคีย์ทันทีเลยครับ ส่วนของที่จะซื้อ คืนนี้เดี๋ยวจะกลับไปจดไว้ ดีมั้ย คุณอยากจะกินอะไรเป็นมื้อแรกดีครับ " ท่าทางดีใจของเค้าฉุดไว้ไม่อยู่อีกแล้ว ผมถอนหายใจออก ถึงจะไม่ค่อยอยากไปแต่ดูท่าทางดีใจที่เค้าจะได้ไปกับผมสิ เอาจริงๆนะ ไม่ต่างกับเด็กที่แม่ตกลงว่าจะพาไปซื้อของเล่นเลยให้ตาย แต่มันติดอยู่ที่ว่า เด็กของผมคนนี้เค้าดีใจกับเรื่องที่กำลังจะทำให้ผมมันก็เท่านั้นแหละ

..................................................

   ลุกขึ้นจากโต๊ะที่ตัวเองนั่งตอนที่กำลังนั่งฟังเรื่องของลิปกับโฮสผู้ชายคนนึงที่เจ้าตัวไปพบด้วยเมื่อวาน เรื่องราวที่น่าสนใจที่ผมฟังอยู่แต่ดันมีเมล์เรียกตัวให้ไปพบจากหัวหน้าส่งมาก็เลยต้องผละตัวออกมาก่อน 

   เรื่องของโฮสผู้ชายอายุวัยหัวหน้าที่รูปร่างหน้าตาดีแถมยังคมเข้มแบบที่อีกคนเล่า จินตนาการถึงหน้าตากับเรื่องราวที่เพื่อนพบเจอ ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ คนเราก็เป็นแบบนี้  ทุกอย่างตรงข้ามกันไปหมด คนที่ชอบเด็กกลับได้แฟนเป็นผู้ใหญ่ แล้วดูคนชอบผู้ใหญ่แบบผมสิ กลับได้แฟนเด็กซะงั้น  '  ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย '

“ ขออุณญาติครับ " เปิดประตูเข้าไปในห้องประชุม หัวหน้าที่กำลังยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ก้มหน้าลงทักเค้าก่อนจะยิ้ม" หัวหน้าเรียกผม มีอะไรผมรึเปล่าครับ "

“ มีสิ ฉันมีอะไรจะคุยกับนายหน่อย " พยักหน้ารับช้าๆ ตอนที่เลื่อนเก้าอี้ตัวนึงแล้วนั่งลงอีกคนก็เดินมาใกล้โต๊ะตรงฝั่งตรงข้ามกันก่อนจะถาม " แต่คำถามฉัน มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะ "

“ อ่า.. ครับ "

“ วันนี้ตอนเย็นว่างมั้ย ฉันจะชวนนายไปกินข้าวหลังเลิกงานสักหน่อย " เม้มริมฝีปากของตัวเองทันทีตอนที่อีกคนพูดชวนออกมาแบบนั้น

“ หมายถึง ผมกับหัวหน้า สองคนเหรอครับ " พอถามออกไป เค้าก็หัวเราะก่อนจะพยักหน้ารับ

“ ก็ใช่นะสิ แค่เราสองคน " หัวใจของผมเพิ่มจังหวะการเต้นขึ้นเรื่อยๆตอนที่ได้ยินคำพูดนั้น สบสายตาคมของเค้าที่ก็มองผมอยู่  " ฉันมีร้านซูซิดีๆร้านนึงอยากจะพานายไป มันเป็นร้านหรูที่มีเซฟมาทำให้เรากินในห้องส่วนตัวเลย ถ้านายสนใจเราไปด้วยกันนะ แล้วเดี๋ยวฉันจะไปส่งนายที่บ้านเอง "

" เอ่อ.. " ท่าทางลังเลของผม ไม่ใช่ไม่อยากไปหรอก ก็อยากจะไปนะ.. ก็ผมชอบเค้ามานานแล้ว อีกอย่างอะไรแบบนี้ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะเดินเข้ามาหาง่ายๆ แต่ว่าวันนี้น่ะ...ผมมีนัดกับใครอีกคนไว้แล้วนะสิ คนที่ดีใจเหลือเกินทั้งๆที่ก็แค่จะไปซื้อของกับผม เค้าที่อุตส่าห์นั่งจดนู้นนี่ว่าตัวเองอยากจะได้อะไร ในห้องครัวขาดเครื่องปรุงอะไร คนที่นอนพูดทั้งคืนว่า วันมะรืนจะทำอาหารเช้าให้ผมทานแบบไหน คนที่ถามจนน่ารำคาญว่าเย็นนี้เราจะกินอะไรกันดี คนที่บอกว่าสอบเสร็จแล้วจะรีบมาหา 

“ แล้วหลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ไปนั่งรถเล่นกันเป็นไง แบบส่วนตัว ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนายด้วย อีกอย่างฉันว่านายเองก็คงมีเรื่องที่อยากจะคุยกับฉันเหมือนกัน ฉันรอให้เรื่องทุกอย่างของฉันมันจบลงไม่ไหวแล้ว มาคุยเรื่องของเรากันเถอะ " รอให้เรื่องของตัวเองจบลงไม่ไหวแล้ว หมายความว่ายังไงกันวะ คือหมายความว่า ยังไม่หย่ากับเมียแต่ก็ทนรอจะคั่วคนอื่นไม่ไหวแล้วอย่างงั้นเหรอ " ฉันอยากจะคุยเรื่องของเรา "

“ คือว่า..”

“ เดี๋ยวหลังเลิกงาน นายไปรอฉันที่ใต้ห้างใกล้ๆบริษัทนะ ฉันจะไปรับตรงนั้น อย่าออกไปพร้อมกันมันน่าเกลียด "

" น่าเกลียดยังไงเหรอครับ " ผมรู้สึกแปลกใจกับความคิดของเค้า ขมวดคิ้วมองอีกคนที่เหมือนจะกำลังคิดถึงเหตุผลที่ผมถามออกไป

“ ถ้าให้พูดตรงๆ สถานะของเราตอนนี้ไม่ใช่ในแบบที่เราจะเดินด้วยกันได้นะ " ทั้งๆที่ไม่เคยบอกว่ารู้สึกอะไรต่อกัน แต่การกระทำของเค้า คำพูดที่เอ่ยออกมา ก็ทำเหมือนว่าตอนนี้ผมไปมีความสัมพันธ์กับเค้าเสียแล้ว ความสัมพันธ์ที่มากกว่าลูกน้องกับหัวหน้าทั้งๆที่ตลอดมา ทุกอย่างก็เป็นแค่ความคิดของผม โดยที่ผมไม่ได้รู้เลยว่าเค้ารู้สึกยังไง เพราะเค้าไม่เคยบอก

“ หัวหน้ารู้สึกยังไงกับผมเหรอครับ " คำถามตรงๆที่ถามออกไป อีกคนก็ยิ้ม

“ ฉันจะบอกนายคืนนี้ "

“ แล้วหัวหน้าคิดว่าผมรู้สึกยังไงกับหัวหน้าเหรอครับ "

“ คิดว่าเราคงรู้สึกเหมือนกัน "

“ ช่วยพูดออกมาตรงนี้ตรงๆเลยไม่ได้เหรอครับ " ผมแค่อยากรู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ ความคิดที่ดูเหมือนเอาตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วบอกว่าเราต้องรู้สึกเหมือนกัน  รู้สึกเหมือนกันแล้วยังไง ถ้าไม่บอกให้รู้แล้วพูดอ้อมไปอ้อมมา ใช้วลีที่ดูเหมือนมีชั้นเชิง ทั้งๆที่ในความจริงๆก็แค่พูดออกมามันก็สิ้นเรื่อง  แล้วมั่นใจเกินไปรึเปล่ากับคำที่บอกว่าเราคงคิดเหมือนกัน เราอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกันก็ได้

" ฉันแค่ไม่อยากให้คนในบริษัทเห็น แล้วก็รู้เรื่องนี้นะ เดี๋ยวเป็นข่าวดัง " หรือพูดง่ายๆก็คือ ' อาย ' นั่นเอง หัวหน้าเป็นเกย์แอบคั่วกับลูกน้องตัวเองในบริษัท เค้าคงไม่ได้อยากได้ชื่อแบบนี้ห้อยติดหลังแน่ๆ เค้ามีความรู้สึกแค่นั้นจากที่ผมฟังคำพูดทั้งหมดที่เค้าพูดออกมา แอบไปที่ร้านอาหารด้วยกัน กินข้าวในร้านหรูๆแต่เป็นที่ลับตาคน จากนั้นก็นั่งรถเล่นพูดจาหวานๆหว่านล้อมจนผมใจอ่อน จากนั้นก็กลับไปที่ห้องผม ขึ้นเตียง จบด้วยการมีเซ็กส์ที่ถ้าถึงใจก็คงต้องผูกมัดแบบแอบๆอย่างงี้ไปเรื่อยๆ พอผมถามว่าเมื่อไหร่จะเปิดตัว ก็ตอบแบบเท่ห์ๆว่า ' ต้องรอดูเวลาก่อน ' หรือไม่ก็ตอบว่า ' ยังไม่พร้อม '

   ยิ้มให้คนตรงหน้าตอนที่มองความคิดของเค้าออกด้วยคำพูดที่ดูมีชั้นเชิงแค่ไม่กี่คำของเค้า นี่นะเหรอ ? คนที่เราแอบชอบมาตลอด นี่นะเหรอ คนที่เราบอกว่าอยากได้เป็นแฟน แค่อาหารสักมื้อยังไม่กล้าไปกินด้วยกันแบบออกนอกหน้าเลย นี่เหรอวะ คนที่เราอยากจะให้มาเดินข้างๆเรา ฝันไปเถอะคีย์.. เค้าไม่กล้าเดินข้างนายหรอก แล้วหวนคิดว่าผมเซ็งเอามากที่ชีวิตต้องมาเจอกับเด็กอายุน้อยกว่าที่เที่ยวบอกใครต่อใครว่าผมเป็นแฟน คนที่กล้าจูบผมต่อหน้าเพื่อน หรือแม้แต่ข้างถนนถ้าผมเกิดงอนเค้าขึ้นมา คนที่ดีใจกับเรื่องเล็กๆที่ผมทำให้

“ ขอโทษนะครับหัวหน้า แต่ผมคงไปกินซูซิกับหัวหน้าไม่ได้หรอกครับ วันนี้ผมมีนัดแล้ว "

“ นายยกเลิกนัดไม่ได้เหรอ นี่ฉันอุตส่าห์ชวนนายแล้วก็จองร้านหรูไว้แล้วนะ " โดยที่ไม่ได้คิดเลยเหรอวะ ว่าจะปฎิเสธ.. มั่นหน้าเกินไปหน่อยแล้วมั้ง หรือไม่อีกแง่ก็คิดว่าสายตาที่เรามองเค้าเป็นสายตาที่สื่อออกไปว่า อยากได้เค้าตลอดเวลา  ถ้าเมื่อก่อนก็คงตอบว่าไปนั่นแหละ แต่ตอนนี้ผมคงไม่ตอบแบบนั้นแล้ว

“ ไม่ได้หรอกครับ คนของผมก็เตรียมตัวไว้แล้วเหมือนกัน "

“ จะไปทำอะไร "

“ ก็แค่ซื้อของเข้าบ้านน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก "

“ ถ้าแค่ซื้อของเข้าบ้านจะไปวันไหนก็ได้ไม่ใช่รึไง นี่ซูซิร้านดังเลยนะ "

“ สำหรับผมแค่ซูซิร้านธรรมดาก็พอครับ อาหารมันไม่สำคัญหรอก มันอยู่ที่ว่า ผมรู้สึกโอเคกับการไปกินกับใครมากกว่า "

“ แล้วกับฉันมันไม่โอเครึไง " คำถามที่แสนมั่นใจนั่นหลุดออกมา ผมยิ้มก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ที่นั่ง

“ เมื่อก่อนมันก็โอเคนะครับ แต่ตอนนี้ดูเหมือนผมจะมีคนที่โอเคกว่าแล้ว "

“ หมายความว่านายมีแฟนแล้วเหรอ " เค้าถามแบบไม่เชื่อสายตาเท่าไหร่

“ ไม่มีใคร ทนชอบในสิ่งที่เรารู้ว่า ไม่ใช่ของของเราได้นานหรอกครับ ผมเองก็เหมือนกัน เมื่อเจอของที่รู้สึกว่ามันดีกว่า ก็ต้องไป แม้มันจะไม่ได้สวยถูกใจทั้งหมด แต่มันก็ดีกว่าของเดิมนะผมว่า "

“ คีย์ "

“ ขอโทษด้วยนะครับ แต่ซูซิสุดหรูน่ะ คุณชวนภรรยากับลูกคุณไปกินดีกว่านะ ขอตัวก่อนนะครับหัวหน้า " หันหลังเดินออกไปจากห้องแต่อยู่ๆอีกคนก็พูดขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้

“ แล้วครั้งหน้าฉันจะชวนนายอีก " ผมหันไปยิ้มให้เค้าตามมารยาท " มันต้องมีสักครั้งสิ ที่นายจะตกลง "

“ ครับ งั้นก็ไว้โอกาสหน้านะครับ " ถอนหายใจแล้วเปิดประตูเดินออกมา ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงตัดสินใจไปโดยไม่รั้งรออะไร แต่ว่าตอนนี้ พอมีใครอีกคนเข้ามา ก็เหมือนกับว่าทุกอย่างก็ถูกเอามาเปรียบเทียบกันจนทำให้ผมรู้สึกว่า บางทีสิ่งที่เราชอบก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นสิ่งที่ดีสุดเสมอไป อย่างน้อยตอนนี้คนในฝันที่เคยชอบก็ไม่ได้ดีอย่างที่จินตนาการเอาไว้อีกแล้ว

      ปิดคอมเก็บกระเป๋าตอนหันไปมองเวลาที่กำลังบอกว่าใกล้จะหกโมงเย็นแล้ว วันนี้ทำงานเกินเวลาเหมือนเคยทั้งๆที่คิดไว้แล้วว่าจะออกเร็วกว่าปกติ เพราะฟานเองก็ส่งข้อความมาบอกว่าตัวเค้าจะถึงที่หน้าบริษัทผมตอนสี่โมงเย็นแท้ๆ คว้ากระเป๋าของตัวเองขึ้นมาก่อนจะหันไปบอกลิปที่กำลังงานอยู่อย่างตั้งใจ

“ ลิปฉันกลับบ้านก่อนนะ "

“ เที่ยวให้สนุกนะ " อีกคนบอกผมก็ยิ้มก่อนจะพยักหน้า " แล้วฟานมาถึงแล้วเหรอ "

“ ตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้วละ ฉันมัวทำงานเพลินไปหน่อย "

“ งั้นรีบไปเถอะ " เค้าบอกแบบนั้น ผมก็รีบเดินออกมาจากบริษัททันที

   

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
กดลิฟต์ลงไปชั้นล่างก่อนจะมองเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่ในนั้น หน้าตาซีดเซียวของผมที่โหมงานจนหนัก ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกขาที่ต้องก้าวไปข้างหน้าก็หันกลับหันหลังไปที่ห้องน้ำทันที ยืนเช็คหน้าตัวเองที่หน้ากระจก หยิบทิชชู่มาซับหน้ามันๆของตัวเองก่อนจะจัดทรงผมให้ดูดีสักหน่อย

' ทำยังกับจะไปเดทเลยนะคีย์ ' พอคิดได้แบบนั้น มือมันขยี้หัวตัวเองให้ยุ่งมากกว่าเดิมไปอีก " ทำหน้าดีๆไปมีหวังไอ้หมอนั้นต้องเข้าข้างตัวเองคิดว่าผมทำไปให้มันดูแน่ๆ " ถอนหายใจออกมา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องตื่นเต้นด้วยไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปเที่ยวกับหมอนี่สักหน่อย ผมเดินออกมาจากบริษัทถนนข้างนอกที่เริ่มมืด แต่หลับมีผู้ชายคนนึงที่โดดเด่นแม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีเพียงแค่แสงไฟนีออนสว่างๆหน้าบริษัทสาดลงมาก็แค่นั้น ร่างสูงที่เหมือนกำลังฟังเพลงอยู่ในตอนนั้นผมเดินเข้าไปใกล้ เค้าก็หันหน้ามามอง รอยยิ้มที่ยิ้มกว้างออกมาตอนที่เห็นหน้าผม ฟานลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนจะเดินเข้ามาหา

“ เลิกงานแล้วเหรอครับ "

“ อื้ม " ผมตอบสั้นๆ รู้สึกเขินยังไงก็ไม่รู้ สายตาของเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คนอื่นที่มองมาในตอนนั้น ผมเหลือบมองเค้าที่ยังคงยิ้ม " จะยิ้มอะไรนักหนา "

“ อย่าดุผมแก้เขินสิครับ "

“ ฉันไม่ได้เขิน แต่พอเห็นหน้านายแล้วมันหงุดหงิดตังหาก " ผมบอกตอนที่เดินนำเค้าไป อีกคนก็เดินตามมายืนข้างๆก่อนจะแซว

“ แต่หน้าคุณแดงหมดแล้วนะ "

“ ตกลงว่ายังอยากจะไปซื้อของอยู่มั้ย ฟาน "

“ ซื้อสิครับ " เค้าพยักหน้ารับก่อนจะหยิบเอากระดาษแผ่นเล็กๆออกมา " วันนี้กินข้าวกันข้างนอกดีมั้ยครับ "

“ ก็ได้นะ นายอยากจะกินอะไร "

“ ซูซิมั้ยครับ " ถอนหายใจออกมาก่อนจะเบือนหน้าหนีอีกคน ฟานก็หัวเราะ

“ ทำไมวันนี้ถึงมีแต่คนชวนไปกินซูซิวะ วันนี้มันเซลล์รึไง หรือว่าเป็นวันแรกที่เค้าคิดค้นอาหารชนิดนี้ขึ้นมาได้ " มือหนากอดคอผมตอนที่ดึงเข้าไปใกล้ฟานก้มลงหอมแก้มผมด้วยความรู้สึกหมั่นเขี้ยวเล็กๆแต่ทว่าขาของผมกลับหยุดนิ่ง เงยหน้ามองเค้าที่ก็ก้มลงมามองผม เสียงของคนรอบข้างที่เดินอยู่ข้างๆเรา ผมเอ่ยถามเค้า " ฟาน "

“ ครับ "

“ กอดฉันแบบนี้ นายไม่อายคนที่มองมารึไง " ผมแค่คิดว่าเค้าน่ะทั้งหล่อแล้วก็ยังดูเด็ก ภายนอกที่ดูเท่ห์มากขนาดนั้นเป็นที่สะดุดตาของใครๆเสมอ แต่แน่นอนว่าเค้าที่กอดผมแบบนี้ก็ต้องมีคนหันมาสนใจเราไม่น้อยอยู่แล้ว เด็กวัยรุ่นหน้าตาหล่อเหลากับลุงแก่ๆที่หน้าตาห่อเหี่ยวเพราะมัวแต่ทำงานหนัก

“ ไม่นิครับ สนใจทำไมละ นี่เรื่องของเรานะ ผมอยากจะกอดคุณผมก็แค่กอด จะให้เก็บเอาไปกอดที่บ้านเหรอครับ ไม่เอาอะเดี๋ยวต้องทำมากกว่ากอดอีก "

“ นี่ " ผมต่อยท้องเค้าอีกคนก็หัวเราะ

“ อย่าคิดแค่ว่า เรื่องแบบนี้ทำได้เฉพาะผู้ชายผู้หญิงที่เค้าเป็นแฟนกันสิครับ เราก็เป็นแฟนกันนะ แค่กอดเองไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดสักหน่อย " มือหนาที่กอดคอเกลี่ยแก้มผม เราที่เดินออกไปพร้อมๆกัน " แล้วตกลงคุณคีย์ไม่อยากจะกินซูซิเหรอ "

“ อยากจะกินข้าว "

“ ซูซิก็เป็นข้าวนะครับ "

“ นายอยากจะกินซูซิว่างั้นเถอะ " อีกคนพยักหน้ารับผมก็ถอนหายใจออกมา สุดท้ายก็ต้องแดกอยู่ดีสินะ ไอ้ซูซิเนี้ย

“ อยากจะกินข้าวหน้าปลาไหลครับ "

“ อยากจะกินของแพงด้วยนะนาย " เค้ายิ้มตอนที่ผมพูดออกไปแบบนั้น " งั้นกินข้าวก่อนแล้วค่อยไปซื้อของแล้วกัน "  เราแวะร้านอาหารญี่ปุ่นตามที่ตกลงกันไว้ สั่งอาหารมาคนละชุดพร้อมกับเครื่องดื่ม มองดูราคาอาหารของเค้าแล้วอยากจะรู้นักว่า ครอบครัวเป็นยังไงถึงให้ลูกใช้จ่ายแบบสุรุ่ยสุร่ายได้ขนาดนี้ แต่จะว่าไปผมก็ไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของหมอนี่เลยนะ อาจจะเพิ่งรู้จักกันก็เลยไม่ได้รู้อะไรถึงขนาดนั้น แต่ก็แอบอยากรู้เหมือนกันนะว่ามาจากครอบครัวแบบไหน

   เรากินอาหารกันเสร็จเรียบร้อย เป็นอีกครั้งที่ฟานออกค่าอาหารให้ผมอีกแล้ว แม้จะบอกให้แชร์แค่ไหนอีกคนก็ไม่ยอมเสียท่าเดียว พ่อแม่แกจะรู้สึกยังไงที่เอาเงินเยอะๆมาเลี้ยงข้าวคนอื่นแบบนี้แค่คิดก็สงสัยแล้วละ เดินออกจากร้านเข้าไปในส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ต ฟานดึงรถเข็นออกมาคันนึง ก่อนจะเดินเข้าไปในล๊อคแรก

“ คุณคีย์อยากจะกินอะไรเป็นอาหารเช้าพรุ่งนี้ดีครับ "

“ ปลาแซลมอนย่างเกลือ กับข้าวสวยห้าสี " หันไปบอกอีกคนที่ขมวดคิ้วออกมาตอนที่ผมพูด " นายทำได้มั้ยละ " ฟานถอนหายใจออกมาเค้าเดินไปเลือกอย่างอื่นอย่างไม่สนใจ " ฮ่าๆ  นี่ นาย ฉันเมินเหรอ "

“ เอาที่มันกินได้ในชีวิตจริงสิครับ "

“ ปลาแซลม่อนย่างเหลือนี่ง่ายมากเลยนะ "

“ ผมหมายถึงข้าวห้าสี "

“ อ้อเหรอ " พยักหน้าหงึกหงัก อีกคนก็เดินไปเลือกปลาแซลม่อนที่ตู้ให้ " เอาชิ้นใหญ่ๆนะ นี่ๆ อันนี้ใหญ่สุดเลย " หยิบให้ฟานตั้งสี่ชิ้นอีกคนก็ชมวดคิ้ว

“ สี่ชิ้นเลยเหรอครับ "

“ ก็ซื้อแล้ว ซื้อไปเลยสิ จะออกมาซื้อหลายๆรอบทำไมอะ "

“ ของสดเอาไว้ในตู้เย็นนานๆ มันไม่อร่อยหรอกครับ ค่อยออกมาซื้อก็ได้ เดี๋ยวถ้าอยากจะกินอีกผมจะซื้อเข้าไปให้ " พยักหน้ารับอีกคนฟานเอามันออกไปแขวนที่เดิมก่อนจะเลือกซื้ออย่างอื่น ทั้งผักทั้งเนื้อ เยอะแยะเต็มไปหมด

“ เอาจริงๆนะฟาน เราอยู่กันสองคน นายจะกินหมดเหรอ "

“ หมดสิครับ ทำไมจะไม่หมดละนี่แค่หนึ่งอาทิตย์เองนะ " เค้าบอกก่อนจะพูดยิ้มๆ

“ เอาที่สบายใจแล้วกัน แต่ฉันอยากจะกินมะเขือเทศลูกเล็กๆอะ " เค้าหันไปมองมะเขือเทศที่อยู่ในแพ็คตอนที่ก้มลงเลือกอีกคนก็ก้มลงมาค่อมทับตัวผมไว้ สองแขนที่เหมือนกำลังกอดกัน " ทำอะไรของนายประเจิดประเจ้อจริงไอ้เด็กนี่ "

“ แค่ช่วยเลือกมะเขือเทศเองครับ " เค้าบอกก่อนจะยิ้ม " เอาอันนี้สิ อันนี้สดกว่านะ "

“ แค่แพ็คเดียวพอ " ผมบอกก่อนจะวางมันไว้ในรถเข็น " นายซื้อของตรงนี้ไปนะ เดี๋ยวฉันมา "  หมุนตัวจะเดินออกไปจากมุมของสด ผมเดินไปดูของอย่างอื่นเค้าก็ถาม

“ แล้วจะไปไหนครับนั่น "

“ ไปดูขนม ไปดูของที่อยากจะซื้ออย่างอื่น ก็มาแล้ว จะซื้อให้หมดเลย "

" ฝากซื้อของอย่างนึงสิครับ "

" อะไร " ผมถามอีกคนยิ้มก่อนจะดึงตัวเองเข้ามาใกล้ ฟานกระซิบ

“ ถุงยางอนามัยครับ แล้วก็เจลหล่อลื่นด้วย "

“ ไอ้บ้า ใครจะซื้อของแบบนั้นกัน อยากได้ก็ไปซื้อเองสิ " ผมบอกปัดตอนที่หันหน้าไปทางอื่น รู้สึกตัวเองหน้าแดงขึ้นมายังไงไม่รู้ ร้อนไปหมดเลย " อยากตายรึไง " ยกมือขึ้นจะต่อยอีกคนก็หัวเราะ

“ อะไรกันครับ ที่ผมให้คุณคีย์ซื้อ คุณคีย์จะได้เลือกไงว่าชอบแบบไหน ถ้าไม่ซื้อมาผมใส่สดนะ "

“ ไอ้เด็กลามก ที่มีก็ใช้ให้หมดก่อนเถอะ "  ผมบอกอีกคนก็หัวเราะ ตอนที่เรามองหน้ากันฟานก็เหมือนจะเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ผมเหลือบมองซ้ายขวา ก่อนจะผลักเค้าออกไปไกลตัว แล้วเดินหนีออกไปอีกทางทันที นิสัยเสียชะมัดชอบทำอะไรรุ่มร่ามให้เขินอยู่เรื่อย ไอ้เด็กโรคจิต

   ผมเดินมาที่ล๊อคของใช้ เพราะคิดว่ามาแล้วก็ซื้อไปให้หมดเลย จะไม่ได้ไม่เปลืองค่าเท็กซี่ด้วย อะไรที่ขาดหรือใกล้หมดก็จะซื้อไปให้หมดเลย เพราะยังไงก็ขนขึ้นแท็กซี่อยู่แล้ว  ผมเดินเลือกของใช้ที่จำเป็นใส่ในตะกร้าที่หาได้จากแถวนั้น มันเป็นของใช้ส่วนตัวพวกครีมทาตัว หรือครีมอาบน้ำอะไรพวกนั้น ผ่านล๊อคถุงยางอนามัยที่ตัวเองหยุดดูอยู่แปปนึง ปรายตามองไปทั่วก่อนจะสะดุดกับคำพูดหน้ากล่องต่างๆ

" เดี๋ยวนี้แม่ง มีให้เลือกหลายแบบจัง " แล้วผิวขรุขระนี่คืออะไร เข้าไปในร่างแล้วต้องรู้สึกยังไงเหรอ ผมเม้นริมฝีปากถอนหายใจออกมารู้สึกขนลุกชะมัด แค่คิดว่าไอ้ส่วนกลางนั้นต้องใส่อะไรแบบนี้แล้วยัดเข้าไปในตัวเรา " ให้ตายก็ไม่ซื้อหรอก " ผมเดินไปดูของอย่างอื่นแบบไม่สนใจมัน เดินไปทุกล๊อคซื้อของจนรู้สึกตะกร้าที่ถือเริ่มหนัก ผมก็เดินผมเดินออกจากล๊อคของใช้ไปหาฟานที่อีกฝั่งกะว่าจะเอาของใช้ไปถ่ายลงในรถเข็นแล้วจะมาช็อปต่อ

    มองไปตามล๊อคเครื่องปรุงเกี่ยวกับอาหารต่างๆก่อนจะเห็นคนคุ้นตาที่กำลังเลือกซื้อของอยู่ แต่ทว่า เหมือนเค้ากำลังยืนคุยกับใครอยู่ด้วย ผู้ชายร่างสุงที่ดูท่าทางกวนๆเหมือนพวกอันธพาลแต่มีเงินสักหน่อย

“ ใครวะ " ผมสถบออกมา ตอนที่เดินไปที่ล๊อคข้างกัน มองไปก็ไม่คุ้นหน้าแล้วก็ดูเหมือนไม่ใช่คนรุ่นเดียวกันด้วย

“ แล้วนี่มาซื้อของคนเดียวเหรอ " คนตรงข้ามของเค้าถาม เหมือนจะหาเรื่องกันด้วยซ้ำ

“ ก็เปล่าหรอกครับ "

“ มากันแฟน " อีกคนถอนหายใจเหมือนไม่ค่อยอยากจะตอบแต่ก็ พยักหน้ารับไป " แล้วพ่อแม่นายเป็นยังไงบ้างละ ตอนนี้ได้ข่าวว่าอยู่อเมริกานิ "

“ ผมไม่รู้เรื่องของท่านหรอก เราไม่เคยติดต่อกัน "

“ ได้ข่าวว่าพี่สาวจะหย่าแล้วนิ เป็นไงละ ไปด้วยกันไม่รอดเหรอ อย่างงี้แหละน้า ขนาดเอาตัวซวยออกจากบ้านไปแล้วยังขจัดความซวยไม่หมดเลย "

“ อันนั้นมัน ไม่เกี่ยวกับผมเหมือนกัน นั่นเป็นเรื่องของพี่เค้า แล้วผมก็คิดนะครับว่ามันก็ไม่เกี่ยวกับคุณด้วย "

“ มึงว่ากูเสือกเหรอฟาน " เค้าดึงคอเสื้อของฟานไป อีกคนก็ยกยิ้มท่าทางก็ไม่ได้กลัวคนตรงหน้าเลยสักนิด

“ คุณพูดเองนะครับ ผมไม่ได้พูดเลยสักคำเดียว ด่าตัวเอง ยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก "

“ พ่อแม่ก็ทิ้งแถมยังเป็นตัวซวย ถ้าฉันพูดอะไรออกไป ว่าเจอนายทำตัวไม่ดีอยู่ คิดว่าระหว่างฉันกับนายเค้าจะเชื่อใคร " อีกคนว่าก่อนจะยกยิ้ม " แต่ฉันคิดว่าเค้าคงไม่เชื่อนายหรอก ลูกนอกคอกนี่นะ "

“ จะพูดอะไรก็พูดเถอะครับ ผมไม่สนหรอก เพราะผมไม่ได้ใช้เงินของเค้าอยู่ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเค้ามานานมากแล้วด้วย  " ฟานบอกแบบนั้นอีกคนก็ยิ้ม

“ น่าแปลก ลูกชายคนกลางแท้ๆแต่เค้าไม่ค่อยสนใจนายเลยนะ เคยสงสัยบ้างรึเปล่าว่าทำไม ถ้าอยากรู้ฉันจะบอกให้ "

“ ไม่อยากจะรู้หรอกครับ รกสมองเปล่าๆ "

“ หึ.. “ รอยยิ้มที่ยกยิ้มขึ้นมานั้น " ฉันว่านายต้องเป็นลูกเมียน้อยแน่ๆ หรือว่าลูกของผัวคนอื่นของแม่นาย นายเลยเป็นตัวซวยไง "

“ ความคิดมึงนี่ ต่ำพอๆกับสันดานมึงเลยนะ " ฟานขึ้นเสียงใส่อีกคนราวกับว่าจะหมดความอดทนทั้งหมดแล้ว " หึ  “ เค้ายิ้มก่อนจะมองอีกคนตั้งแต่หัวจรดเท้า “ กูจะบอกอะไรให้นะ มึงใช้ชีวิตของตัวเองมึงให้ดีเถอะ มึงฐานะแล้วไงวะถ้าสันดานไพร่ขนาดนั้น แล้วก็อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า ต่างคนต่างอยู่ไม่ได้รึไง กูเคยไปทำอะไรมึงเหรอ กูก็อยู่เฉยๆของกู เก็บปากไว้กินข้าวเถอะ "

“ ไอ้ฟาน " อีกฝ่ายที่กัดฟันแน่นคว้าเอาเสื้อของอีกคนให้เข้ามาใกล้ ฟานก็ยกยิ้ม

“ เอาสิ ถ้ามึงแน่จริงละก็ มึงต่อยกูทีนึง แล้วจากนั้นก็เตรียมเรียกรถพยาบาลไว้ได้เลย อย่าหาว่ากูใจร้ายก็แล้วกัน "

“ หึ " เค้าปล่อยคอเสื้ออีกคนด้วยสายตาที่ก็รู้ว่ากลัวคำพูดพวกนั้นอยู่ไม่น้อยแต่ก็ยังปากดีต่อว่าอีกคนอยู่ " ฉันก็ไม่อยากจะเจอนายให้ดวงตัวเองมันแย่ไปมากกว่านี้หรอก ไปดีกว่าเดี๋ยวความซวยจะติดตัวเอา " คำพูดทิ้งท้ายก่อนที่อีกคนจะเดินออกไป ผมก็ได้แต่ยืนงงอยู่แบบนั้น เหมือนเค้าสองคนจะเป็นญาติกันแต่คำพูดคำจาก็ไม่ได้ดูเหมือนญาติกันเลยสักนิด ทำไมต้องด่าฟานว่าตัวซวยด้วยแล้วไอ้เรื่องลูกเมียน้อยผัวน้อยอะไรนั่นอีก พ่อแม่ที่ให้เงินใช้เยอะขนาดนั้นจะไม่สนใจลูกจะเป็นไปได้เหรอ แล้วไหงบอกไม่ได้ใช้เงินพ่อแม่แล้วเงินที่เอามาใช้ตอนนี้มันเอามาจากไหนละ  จริงๆมันเป็นยังไงกันแน่นะ ครอบครัวหมอนี่.. อยากรู้ชะมัดเลย

.....................................................

ตอนหน้า เราจะได้รู้เรื่องของน้องฟานแล้วว่าเป็นยังไง  :katai4:
ตอนนี้เหมือนเป็นเกริ่นนำไปก่อนนะคะ
หนมชอบเวลาที่น้องฟานแกล้งพี่คีย์ มันตลกดี มีความกวนตีนในมาดของผู้ชายที่ดูเหมือนอบอุ่นและเรียบร้อย
ส่วนหัวหน้า.. ก็รุกพี่คีย์เหลือเกินน
ดูท่าจะไม่ปล่อยด้วยนะเนี้ยยย

เจอกันตอนหน้าค่าาา
ใครมีทวิต เฟส ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :m31:      เรียกสายด่วนๆ. เจอคนหน้าด้านสันดานไพร่สองคนค่ะ
น้องฟานก้อน่านับถือนะคะ ไม่เห็นต้องไปแคร์เลย พวกสันดานกดคนอื่นแล้วตัวเองดีนักหรือไง
ส่วนพี่ตีย์ก็ทำดีค่ะ เชิดหน้าเข้าไว้ค่ะ ใครมันอยากจะทิ้งครอบครัวหรืออะไรก้อแล้วแต่เขาเถอะ อยู่ให้ห่างดีกว่าเพราะว่ามันไม่คุ้มเลยที่จะเอาตัวเข้าไปเกือกกลั้ว
ปล. เอร๊ยยย. พี่คีย์หมุนกลับไปแล้วหยิบอันที่ขรุขระมาสิคะ.  :serius2:  ขอบคุณค่ะหนมมี่

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
เรื่องฟานน่าสงสัยจริงๆ
สงสัย หัวหน้า จะต้องเจอฟานด่าซักที
หรือไม่ก้ซักหมัดมั้ง ถึงจะเลิก
แต่คีย์รักตัวเองแบบนี้ก้ดีละ
คงไม่มีปัญหาที่หลังง 55555

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ใครกล้ามาด่าน้องฟาน!!!!!!!! :z6: :z6: เอ็งดิตัวซวย ซวยคนรอบข้างเจอคนสมองเน่าขนาดนี้

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ดีแล้วที่คีย์คิดได้ กับคนแบบนี้คบไปมีแต่ช้ำใจมากกว่า

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
อยากรู้เรื่องน้องฟานนนนนนย



ออฟไลน์ HanTwoH

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
 :katai2-1: :katai2-1: นางซื้อของเข้าบ้านด้วยกัน อ๊ายยยยยยยยย

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
อะไร ยังไงล่ะทีนี้ มาต่อเร็วๆนะ อยากจิรู้ไวๆเน้อ^^ ว่ามีความในอะไรซ้อนอยู่

ออฟไลน์ milin03

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
หัวหน้านี่ก็มั่นละเกินเนอะ

และเรื่องของฟานน่าสนใจจังเลย แต่ไม่ว่าเป็นยังไง ฟานก็โตมาเป็นเด็กที่น่ารักมากเลยนะ (อย่างน้อยก็ในสายตาเรา)

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
ชอบฟานมากกกกกกกกก อยากได้ๆๆๆๆ
แต่ก้อชอบพี่คีย์ด้วยนะคะ 55555
อยากรู้จังเลยว่าฟานมีอดีตยังไง น้องต้องเปนคนเอาการเอางานสุด แระมีชีวิตดราม่ามากๆแหงๆ เลยเปนผู้ใหญ่เกินตัว
รอนะคะๆๆๆ >\\\\\\\\\\<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ nolirin

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2755
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +274/-5
โอ๋ๆๆน้องฟานท่าจะผ่านเรื่องหนักหน่วงมา
มาม่า เค้้าจะกอดปลอบใจ :กอด1:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
นั่น เป็นไงล่ะ อยากรู้ก็จะรู้สมใจทีนี้แหละ คีย์
ฟานซับซ้อนนะ แต่ไม่มาก เข้าใจไม่ยาก คีย์ดูแลฟานให้ดีนะ น้องต้องมีกำลังใจ

ฟานอ้อนน่ารักมาก คนแก่ใจอ่อนได้ตลอด แล้วยังจะด่าแก้เขินตลอดด้วยนะ 555

คนแก่ก็มีคนแก่กว่ามาจิกสมใจ แต่ตอนนี้คงปิดโอกาสได้แล้วมั้ง ออกจะชัดเจนขนาดนี้ว่าเค้าอยากเก็บไว้ส่วนตัว

คนนั้นเป็นใคร ต้องการอะไร ฮึ่มมมม




ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 14
' อย่ารักเพราะสงสาร '

      คำถามมากมายที่กำลังอัดแน่นอยู่ในสมองของผม ตอนที่หยุดนิ่งแล้วยืนอยู่ตรงนั้น มองอีกคนผ่านล๊อคขายของ ฟานถอนหายใจออกมาเค้ายืนนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักก่อนจะเดินซื้อของต่อ เหลือแต่ผมที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้จะไปไหน คำพูดมากมายที่มีแต่ความสงสัยที่อยากจะรู้ แต่เรื่องของครอบครัว เวลาที่เราคบกันมันก็เหมือนว่า เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายจะเปิดใจพูดเองมากกว่า พูดโดยที่เราไม่ต้องถาม เหมือนคบกันไปนานๆก็เรียนรู้กันไปเอง  ฟานที่ดูขี้อ้อน แถมชอบความอบอุ่น ผมเองก็คิดว่าเค้าจะมาจากครอบครัวอบอุ่นที่คงประคบประหงมลูกซะอีก แต่ที่ได้ยินเมื่อกี้น่าจะผิดจากที่คาดไว้ ยังจำวันที่เค้ากอดแล้วผมก็ถามเค้าว่า ' ขาดความอบอุ่นรึไง ' ได้เลย อีกคนที่เงียบไปในตอนนั้น ตอนนี้รู้แล้วละว่าทำไมถึงเงียบไปเพราะมันคงไปประทบจิตใจเค้าเข้าสินะ 

“ คุณคีย์ " ผมหันไปหาเค้าด้วยสีหน้างงๆ ฟานก็เดินเข้ามาหา " มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ ผมคิดว่า คุณซื้อของใช้อยู่อีกฝั่งซะอีก "

“ ฉันเดินซื้อมาเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่ามันหนักอะ ก็เลยเดินมาหานาย " ผมบอกก่อนจะทะยอยเอาของในตะกร้าใส่ลงไปในรถเข็นแต่ฟานกลับดึงทั้งตะกร้านั้นใส่ลงไปในรถเข็น

“ เดินซื้อของด้วยกันดีกว่า ผมซื้อของในครัวเสร็จแล้วละ " พยักหน้ารับอีกคนที่ดูนิ่งๆเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ "  เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น "

“ ก็เปล่าหรอกครับ " เค้าส่ายหน้าบอกผม คราวนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกคนโกหก เพิ่งเจอเรื่องแบบนั้นมาแท้ๆ จะมาทำร่าเริงทะเล้นก็คงไม่ใช่ทีละนะ " แค่กำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อย "

“ คิดอะไรละ " ผมหันไปถามอีกคนแบบอยากรู้ ฟานที่ขมวดคิ้ว

“ คุณก็ดูแปลกๆนะ "

“ แปลกยังไง แค่ฉันถามนายว่าเป็นอะไรงั้นเหรอ ? ฉันก็เห็นนายทำหน้าเศร้าเลยคิดว่า น้ำปลาที่จะซื้อมันไม่ขายรึเปล่า " คำพูดที่ชวนให้อีกคนยิ้มฟานเอื้อมมือมากอดไหล่ แต่ผมก็ถอยห่างจากอีกคนทันที แต่ทว่าเค้าก็ยังดึงให้เข้ามาใกล้

“ ขอกอดหน่อยสิครับ "

“ ตรงนี้อะนะ " ผมมองซ้ายขวา คนเดินซื้อของเยอะแยะไปหมดนี่อะนะ  ยังไงก็ไม่ได้นี่มันที่สาธารณะ แล้วถ้าญาตินายมาเห็นละจะทำยังไง  " ไม่เอาอะ "

“ ผมอยากกอดคุณนี่ นะครับ ขอกอดหน่อย " เค้าที่กระชับมือที่กอดไหล่ผมอยู่ ฟานเข็นรถไปข้างหน้าด้วยมือข้างเดียว ท่าทางที่ดูนิ่งๆไม่เหมือนในเวลาปกติ

“ ฉันจะละเว้นให้นายสักครั้งแล้วกันนะ " ช่วยเข็นรถอีกคนไปข้างหน้า ฟานเลือกซื้อของใช้ของตัวเอง ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้หมอนี่มันย้ายเข้ามานอนที่บ้านผมเต็มตัวเลยนี่หว่า " นี่เดี๋ยวนะ ฉันขอถามหน่อย "

“ ครับ "

“ นี่นายหยิบของใช้ตัวเองลงมาในรถเข็นเนี้ย ไม่ได้หมายความว่าจะเอาไปใช้ที่ห้องฉันใช่มั้ย "

“ ก็เอาไปใช้ในห้องคุณคีย์นั่นแหละครับ  ทำไมเหรอ "

“ นี่กะจะเข้ามาอยู่ถาวรเลยรึไง  " ผมถามอีกคนก็พยักหน้ารับ

“ ที่เหลือก็แค่คุณบอกให้ขนเสื้อผ้าเข้ามาได้นั่นแหละครับ แต่ตอนนี้ก็มีเสื้อผ้าอยู่ส่วนนึงแล้วนะ ไม่น้อยหรอก "  ถอนหายใจพลางเบือนหน้าหนีอีกคน

    ให้มันได้แบบนี้สิ เผลอตัวแปปเดียวไอ้เด็กนี่ก็แทบจะขนทุกอย่างเข้ามาอยู่ในห้องผมซะแล้ว จากห้องที่อยู่คนเดียวตอนนี้กลายเป็นว่าทุกอย่างต้องเพิ่มมาเป็นสอง ครีมอาบน้ำสองแบบที่เราใช้ไม่เหมือนกัน แปรงสีฟันสองอันคนละสี แล้วยังไม่นับอาหารมากมายที่จะทำกินด้วยกันอีก ไม่ต่างอะไรกับคู่รักใหม่เลยสักนิด สมยอมให้เค้าเข้ามาจับจองทุกพื้นที่ส่วนตัวแบบชนิดที่ว่าถ้าตีตัวออกห่างก็คงจะยากแล้วละ

“ นี่ถามจริงๆเถอะ ฉันไปบอกว่า นายเป็นแฟนฉันเมื่อไหร่ห๊ะ ?  ถึงได้เข้ามาจัดการระเบียบทุกอย่างในชีวิตของฉันเนี้ย "

“ คุณก็รับผมเป็นแฟนแล้วละ แต่แค่ไม่ยอมพูดออกมาเท่านั้นเองครับ "

“ รู้ดี " อีกคนที่ยกยิ้มฟานหยุดเดินก่อนจะหันไปที่ชั้นวางสินค้าที่เมื่อครู่ผมตัดสินใจไม่ซื้อมัน หันไปมองที่ชั้นวางนั่นแล้วอยู่ๆก็รู้สึกหน้าแดงขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

   เราสองคนที่กำลังยืนอยู่หน้าชั้นวางขายถุงยางอนามัย เค้าที่กำลังกอดผมอยู่ในตอนนั้นมองซ้ายมองขวาก่อนจะดันให้อีกคนขยับไปด้านหน้าให้มากขึ้น " นี่ ไปเถอะ อย่าซื้อเลย "

“ คุณอยากใส่สดเหรอครับ " ถามจริงๆเถอะ ไอ้หมอนี่มันแปลความหมายได้แค่นี้ใช่มั้ย  ไม่ซื้อถุงยางคือเท่ากับอยากจะใส่แบบสดๆ คือมึงไม่คิดว่ากูจะมียางอายเลยว่างั้นอะ ฟานหยิบถุงยางแบบบางชนิดเรียบชึ้นมาเค้าถามต่อ " คุณชอบแบบไหน เลือกเลยครับ "

“ ไม่เลือกตรงนี้  ไม่เอา " หน้าที่กำลังแดงของผมอีกคนที่ยิ้มกว้างออกมา เค้ายังกอดผมอยู่แถมยังดึงไว้ไม่ให้เดินหนีไปไหนอีก

“ ไม่เห็นเป็นไรเลย เราต้องป้องกันไว้ นั่นก็ถูกแล้ว ใครๆเค้าก็ป้องกันกันนะ "

“ แต่ฉันไม่เลือกตรงนี้เว้ย " ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเค้า ฟานก็ยิ้ม " ไปกันเถอะนะ  ไปเถอะ "

“ หน้าแดงหมดแล้วครับ "

“ ก็ฉันอายนี่  " ก้มหน้างุดลงกับอกของอีกคน " กอดกันอยู่ได้ปล่อยได้แล้ว  "

“ ไม่ปล่อยครับ เราต้องซื้อด้วยกันสิ ของแบบนี้อะ " ใครเป็นคนคิดตระกะนี่ให้มึง ไอ้ตระกะที่แฟนกันแล้วช่วยเลือกยุงยางอนามัยเนี้ย คือมึง..มึงต้องเข้าใจใหม่นะ  นี่มันไม่ใช่เสื้อผ้าที่จะช่วยกันเลือกแล้วรู้สึกมุ้งมิ้ง นี่ถุงยางอนามัยลูกกก " คุณอยากจะลองอันนี้มั้ย "

“ อะไรก็ได้ เอาๆ มาเถอะน่า แล้วก็รีบๆด้วย คนมองใหญ่แล้ว " ผมเหลือบมองซ้ายขวา ทุกคนที่กำลังสนใจเรา ผมถอนหายใจออกมาตอนที่ฟานกำลังลังเลของในมือผมก็คว้ามันทั้งหมดแล้วโยนใส่รสเข็น " ไปกันเถอะ ได้แล้ว "

“ แต่ว่านั่น "

“ อะไรอีกกกกก "

" ผมจะซื้อเจลหล่อลื่นด้วยครับ "

“ พูดให้มันเบาๆหน่อยไม่ได้รึไง " ผมเม้มริมฝีปาก หน้าแดงจนไม่รู้ว่าจะแดงยังไงแล้ว ฟานหัวเราะเบาๆก่อนจะหยิบเจลหล่อลื่นกลิ่นสตอเบอรี่ใส่ลงไปในรถเข็น

“ คุณคีย์หน้าแดงหมดแล้วครับ " เค้าเกลี่ยแก้มผมที่เบือนหน้าหนีทันทีในตอนนั้น

“ ใครมันจะไปหน้าด้านเหมือนนาย ยืนกอดฉันเลือกถุงยางอนามัยหน้าตาเฉยแบบนั้นอะ " สีหน้าหงุดหงิดของผมทำให้อีกคนหัวเราะออกมา ผมเงยหน้าขึ้นมองเค้า ท่าทางที่ไม่พอใจเค้าก็ถาม

“ งอนเหรอครับ "

“ ไม่มั้ง "

“ น่านะ เดี๋ยวเลี้ยงไอติม "

“ ฉันไม่ใช่เด็กนะ ที่นายจะเอาไอติมมาล่อกันน่ะ " ผมบอก ตอนที่สะบัดหน้าหนีอีกคน ฟานก็เข็นรถไปใกล้เค้าเตอร์ แต่ทว่าตอนนั้นเค้าก็แวะที่ตู้ไอติมก่อน

“ เอารสอะไรดีครับ "

“ ก็บอกว่าไม่ใช่เด็กไง " หันไปบอกอีกคน ฟานหยิบไอติมรสช็อคโกเล็ตกับสตอเบอรี่ขึ้นมาใส่รถเข็นผมก็บอกเค้าเสียงเบาๆ " เอารสวานิลลาด้วย "  เสียงหัวเราะของอีกคนที่ดังขึ้น ก็ดีที่ผมทำให้เค้าหัวเราะขึ้นมาได้บ้างเพราะฟานในเวลาที่นิ่งเงียบเพราะมีเรื่องทุกข์ใจแบบนั้น สีหน้าแบบนั้นของเค้า ผมไม่ชอบมันเอาซะเลย

   จ่ายเงินที่เค้าเตอร์เรียบร้อย เราขนทุกอย่างใส่รถแท็กซี่ที่เรียกได้จากหน้าห้าง ถุงสินค้าเยอะแยะที่ขนขึ้นคอนโดกับแบบพะรุงพะรัง เรากองมันไว้บนพื้นหน้าห้องก่อนที่ตัวผมจะพาตัวเองมานั่งพักเหนื่อยอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี " เหนื่อยชะมัดเลย " พูดออกมาพลางมองไปที่ฟานที่ก็กำลังจัดของเข้าที่เก็บให้เรียบร้อย " จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ มีนายอยู่ที่นี่เหมือนฉันมีพ่อบ้านเลย "

“ คุณเห็นผมเป็นคนใช้เหรอ " เค้าถาม ผมก็เบือนหน้าหนีไม่ตอบคำถาม ลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปในครัวหยิบเอาถุงผลไม้ที่ถูกแยกออกมามาล้าง

“ นายซื้อสตอเบอรี่มาด้วยเหรอ "

“ เห็นว่ามันลูกใหญ่ดีน่ะครับก็เลยซื้อมา " ผมเปิดกล่องสตอเบอรี่ตอนที่จับมันล้างก็อดใจไม่ได้ที่จะแอบชิมมันสักหน่อย รสชาติหวานอมเปรี้ยวของมันถ้ามีนมข้นหวานคงดี ตอนที่คิดแบบนั้นขามันก็กำลังหันไปที่ตู้เย็นแต่ทว่ากลับถูกฟานกอดจากด้านหลังเอาไว้เสียก่อน คางของอีกคนที่ก้มลงซบที่ไหล่ผม

“ เป็นอะไรอีกละ จะอ้อนอะไรอีก "

“ แค่อยากจะกอดคุณคีย์เฉยๆ " เค้าบอกแบบนั้น ผมก็ถอนหายใจออกมาตอนที่หยิบสตอเบอรี่ขึ้นมา มือมันก็เลื่อนไปที่ปากอีกคนที่ก็งับมันเข้าไปทั้งลูก เค้าเคี้ยวมันเงียบๆก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น

“ อยากจะพูดอะไรก็พูดออกมา ไม่ใช่มาทำท่างอแงแล้วกอดฉันอยู่แบบนี้ " หันไปบอกอีกคนที่เลื่อนมาจูบริมฝีปากของผมที่ยังคงนิ่งมองเค้า

“ คุณได้ยินเรื่องครอบครัวของผมแล้วใช่มั้ย "

“ เรื่องครอบครัวอะไรของนาย " ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกคนก็ยิ้ม

“ ปกติคุณไม่ให้ผมกอดนิ่งๆแบบนี้หรอก แล้วตอนที่ผมจูบคุณก็จะไม่นิ่งด้วย แต่ที่คุณนิ่งเพราะรู้สึกสงสารผมใช่มั้ยละ "

“ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นสักหน่อย แต่ว่าฉันก็ได้ยินเรื่องนั้นจริงๆนั่นแหละ เรื่องครอบครัวของนาย "

" เหรอครับ " เสียงทุ้มที่ตอบออกมาเบาๆ ฟานที่กอดผมอยู่คายอ้อมกอดของเค้าออก ผมก็หันตัวไปมองอีกคนให้ชัดขึ้น

“ ถ้าอยากจะเล่าก็เล่ามันออกมา นายอาจจะรู้สึกดีขึ้น "

“ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรหรอก สำหรับผมแค่มีเงินใช้ก็พอแล้วละ "

“ แต่ฉันไม่คิดว่าลึกๆแล้วนายจะรู้สึกแบบนั้นนะ " ฟานที่ยังคงต้องการความอบอุ่นเค้าที่ชอบกอดผมไว้แน่นๆ การกระทำที่บอกว่าเค้าเป็นแค่เด็กขี้อ้อนที่อยากได้ความรักมากกว่าใครๆ " คิดซะว่าเราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ถ้าคิดแบบนี้นายจะยอมเล่าฉันมั้ยละ " ผมดึงตัวเองขึ้นนั่งบนเค้าเตอร์ครัวที่ว่าง " ฟาน..” ผมเรียกเค้าตอนที่ยื่นเท้าไปหนีบชายเสื้อของอีกคนให้เข้ามาใกล้ เค้าที่เดินเข้ามาผมใช้ขาหนีบเค้าให้เข้ามายืนตรงกลาง ก่อนจะยื่นมือขึ้นกอดเค้าไว้ "  ถ้าฉันบอกว่าอยากจะรู้จักนายมากกว่านี้จะยอมเล่าให้มั้ย "
“ ทำไมต้องใช้วิธียั่วกันแบบนี้ด้วยนะ " เค้าถามตอนที่ค้ำมือกับเค้าเตอร์แล้วยกยิ้มออกมา

“ เล่าออกมา เดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะจัดการนาย "

“ จัดการยังดีละครับ " เค้าถาม ผมก็เอียงหน้าคิด "จะจูบผมจนกว่าผมจะเล่ารึยังไงดี "

“ ถ้านายไม่เล่าฉันจะไม่ให้นายเข้ามาใกล้ฉัน "

“ เรื่องแบบนั้นผมเข้าไปหาคุณเองก็ได้ครับ ผมถนัดเรื่องเข้าหาคุณอยู่แล้วนี่ "

“ งั้นฉันจะไม่ให้นายเข้าบ้านฉัน "

“ คุณให้กุญแจบ้านผมมาแล้วนะ " เค้าบอกก่อนจะหัวเราะ " ทำไมวิธีแต่ละวิธีของคุณมันถึงเด็กจังละครับ " มือหนาเอื้อมมาหยิกแก้มฟานที่ก้มลงหอมมัน คงรู้สึกหมั่นเขี้ยวอีกแล้วแน่ๆ " งั้นบอกผมหน่อยสิ ทำไมคุณถึงอยากจะรู้ละ มันไม่ได้น่ารู้เลยนะ "

“ ทำไมถึงบอกว่า มันไม่น่ารู้ละ นายคิดว่าเพราะมันไม่สมบูรณ์แบบก็เลยไม่สมควรเล่าเหรอ "  อีกฝ่ายเงียบ ผมก็ถอนหายใจ "  ในชีวิตนึงไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก ไม่ว่าจะนายหรือว่าฉัน แล้วอีกอย่างที่ฉันอยากรู้ คือทำไม นายถึงต้องเศร้าขนาดนั้นเวลาที่พูดถึงครอบครัวของตัวเอง ทั้งๆที่นายเองก็ดูเป็นคนที่พร้อมทุกอย่าง "

“ ผมเป็นลูกชายคนกลางของบ้านครับ พ่อแม่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง มีพี่สาวคนนึง มีน้องสาวคนนึง เป็นลูกชายคนเดียวครับ " เค้าบอกแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจออกมา " ครอบครัวผมเชื่อเรื่องดวงชะตามาก ฟังแล้วก็ดูเหมือนตลกแล้วก็ไร้สาระ แต่มันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ บ้านผมเชื่อเรื่องหมอดูอะไรแบบนี้มานานแล้วละ ครั้งนึงตอนที่พ่อกับแม่แต่งงานกัน เค้าบอกว่าบ้านเราไม่เหมาะกับการมีลูกชายจะทำให้บ้านล่มจม "

“ แต่นายก็เกิดมาเป็นผู้ชายสินะ " เค้ายิ้มรับก่อนจะพยักหน้า

“ ตอนนั้นแม่ก็ไม่อยากจะเชื่อเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก แต่พอผมเกิดไม่นานธุรกิจที่เหมือนจะรุ่งเรืองของพ่อก็ล้มลงไม่เป็นท่าเลย เรามีหนี้สินเยอะแยะ ทั้งพ่อทั้งแม่ก็เครียดกันมาก ตอนนั้นจำได้ว่าไม่มีใครเข้ามายุ่งด้วยเลย ถามอะไรพ่อกับแม่เค้าก็ไม่สนใจ จำได้ลางๆว่า พ่อเคยโมโหมากจนตีผมแบบไม่มีเหตุผลเลยสักนิด โดนตะคอกใส่แบบที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างเป็นความทรงจำที่แย่มาก ผมยังจำได้จนถึงทุกวันนี้เลย ไม่มีใครคุยด้วย ไม่มีใคยุ่งด้วย อยู่ตัวคนเดียว เล่นคนเดียว มองดูพ่อกับแม่ที่ทั้งกอดทั้งหอมพี่สาวตัวเอง ใส่ใจน้องสาวตัวเอง แล้วตอนนั้นตัวผมก็ได้แต่ยืนมอง บางทีก็ถูกไล่ให้ไปไกลๆ เพราะเค้าต้องทำเหมือนว่าผมไม่ใช่ลูกของเค้า เพื่อให้ทุกอย่างในบ้านเราดีขึ้น "

" เพราะเค้าคิดว่านายเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวล่มจมสินะ "

" ใช่ เพราะผมเกิดมาเลยทำให้พวกเค้าต้องล่มจมครับ " คำพูดของอีกคนที่พูดขึ้นตอนที่มองหน้าผม ในแววตาคมที่กำลังเจ็บปวดนั้น ใบหน้าเฉยชาที่เล่าเรื่องราวนั้นออกมา เค้าคงเจ็บปวดในอกไม่น้อย ผมที่เม้มริมฝีปากเข้ากันไว้แน่น น่าแปลกทั้งๆที่เมื่อกี้อยากจะฟังแท้ๆ แต่พอฟังเข้าจริงๆกลับรู้สึกว่ามันเจ็บปวดจนอยากจะให้หยุดเล่าได้แล้ว   การที่เราเกิดมาแล้วไม่เป็นที่ต้องการของใครเจ็บปวดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ความรู้สึกของเด็กสักคนที่ต้องทนอยู่ในสภาพแบบนั้น ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจ  ผมก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่กำกันไว้แน่นอย่างไม่รู้จะไประบายความรู้สึกสงสารไว้ที่ไหน

“ แล้วเป็นไงต่อ "

“ ก็อยู่แบบนั้นจนถึงป.สามมั้งครับ แล้วผมถูกย้ายไปอยู่บ้านตากับยาย โอนเป็นลูกบุญธรรมของเค้า "

“ แล้วหลังจากนั้นที่บ้านเป็นไง "

“ เจริญรุ่งเรืองขึ้นมากเลยครับ " เค้าหลุดหัวเราะออกมา " อยู่ๆธุรกิจของพ่อก็ฟื้นตัวขึ้นมา แล้วนับตั้งแต่นั้นพ่อกับแม่ก็ไม่หันกลับมาใส่ใจผมอีกเลย ไม่พูดคุยด้วย ไม่สนใจ นานๆทีถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้างแต่ก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เรียกว่าพ่อกับแม่ ต้องเรียกแค่ว่า ลุงกับป้าแทน แต่ว่าก็หลายปีนะครับถึงมาทีนึงนะครับ จำได้ว่า ป.5 ครั้งนึง ม.3 ครั้งนึงแล้วก็ตอนที่ตากับยายเสียแค่นั้นแหละครับ  ส่วนคนที่คุณเห็นวันนี้เป็นญาติฝ่ายพ่อครับ เค้าก็รู้กันหมดนั่นแหละว่าผมเป็นตัวล่มจม เจอกันทีไรก็คอยเหยียดกันแบบนั้นตลอด แต่ผมไม่สนหรอกครับยังไงก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผม จะว่าอะไรก็ว่าไปเถอะ ยังไงผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวนั้นอยู่แล้ว เงินก็ไม่ได้ใช้เงินของเค้า เป็นเงินของตากับยายที่เหลือไว้ให้ ผมไม่แคร์หรอกครับ "

' ไม่จริงหรอก ' ผมอยากจะเถียงเค้าออกไปแบบนั้น แต่คิดว่าไม่ดีกว่า สายตาที่กำลังพูดอยู่นั้นแค่คิดถึงก็เหมือนว่าเค้าในตอนนี้กลับไปยืนอยู่ในความทุกข์นั้นอีกครั้ง กลับไปยืนมองดูตัวเองกำลังทรมานในตอนที่ยังเป็นเด็ก แต่ฟานก็เข้มแข็งเกินกว่าจะมาบอกกับผมตรงๆ ว่าเค้าเสียใจ

“ งั้นเงินที่นายใช้ตอนนี้ นายเอามาจากที่ไหน "

“ เป็นเงินที่ตากับยายเหลือไว้ให้ครับ ไม่มีอะไรมากมายหรอก แค่เงินติดตัวนิดหน่อย แล้วก็พวกที่ดินที่ให้เช่าจ่ายค่าเช่าแบบรายปีให้ผมไว้ใช้จ่ายเกี่ยวกับการเรียนแล้วก็ใช้ชีวิต เป็นสมบัติที่เค้าเหลือไว้ให้  " แต่ดูจากการใช้เงินของนายฉันไม่คิดว่ามันจะมีแค่นิดหน่อยหรอกนะฟาน คงเยอะมากพอที่ตากับยายของเค้าจะวางใจได้ว่าหลานชายจะอยู่แบบสบายๆแหละ ผมพยักหน้ารับ

“ นายก็ดีนะ ทั้งๆที่พ่อแม่ไม่สนใจ อยู่กับตากับยายแท้ๆ แถมตอนนี้พวกท่านก็ไม่อยู่แล้ว ถ้าเป็นเด็กคนอื่นอาจจะไม่เอาถ่าน เสเพลอะไรแบบนั้นไปแล้ว "

“ ตอนเด็กๆช่วงที่จะออกนอกลู่นอกทางได้พอดีว่า โดนหลอกนะครับ เลยไม่ได้เกเรอะไร "

“ โดนหลอก ? โดนหลอกอะไร “

“ ตาบอกว่า ถ้าเป็นเด็กดี พ่อแม่จะกลับมารับ ตอนนั้นก็เลยทำตัวเป็นเด็กดีซะยกใหญ่เลย แต่ว่าเค้าก็ไม่มานะ " ฟานหัวเราะ " ยายเคยเล่าว่าผมน่ะ คอยแต่ถามตลอดเลยว่า ผมเป็นเด็กดีรึยัง ผมเป็นเด็กรึยัง น่าตลกมั้ยละ "
 
“ อื้ม " ผมยิ้มออกมาจางๆทั้งๆที่ในใจก็อยากจะร้องไห้มากกว่าด้วยซ้ำ เราต้องใช้ความรู้สึกแบบไหนผ่านวันเวลาแบบนั้นมาได้วะ ต้องเข้มแข็งแค่ไหนที่จะพูดเรื่องราวเหล่าออกมาโดยที่ไม่ร้องไห้ออกมา " แล้วตากับยายเสียนานแล้วเหรอ "

“ ก็ไม่นานนะครับ ตาผมเสียตอนอยู่ม.ต้น ส่วนยายก็ม.ปลาย ตอนนี้ก็เหมือนอยู่คนเดียวนั่นแหละ "

“ เหรอ " พยักหน้ารับเค้าช้าๆ ความรู้สึกหลากหลายทิ่มแทงเข้ามาในใจของผม ความรู้สึกที่ผมไม่เคยเข้าใจในตัวเค้าเลย

    ทำไมถึงต้องตื้ออยากจะให้ผมบอกว่าชอบ บอกรักนักหนา ทำไมต้องอ้อนกันขนาดนั้น ทำไมต้องมาอยู่ใกล้ๆผมด้วย ทำไมต้องทำรุ่มร่ามแล้วคลอเคลียอยู่อย่างงั้น ตอนนั้นที่ไม่เคยเข้าใจแต่ทุกอย่างที่เคยสงสัย วันนี้ถูกคลายคำตอบออกหมดแล้ว ก็แค่เพราะว่าเค้าไม่เคยมี วันนี้พอตัวเองหลงรักใครสักคนก็อยากจะได้ทั้งหมดที่ตัวเองไม่เคยมมีมาตลอด เหตุผลมันก็มีแค่นั้น

   ผมก้มหน้าลงต่ำรู้สึกเจ็บปวดยังไงก็ไม่รู้ เจ็บปวดที่ต้องรับรู้ว่าเค้าเจ็บปวด เจ็บปวดที่เคยทำอะไรต่อมิอะไรเหมือนไปย้ำความรู้สึกของเค้าที่เคยเป็นแผลอยู่ก่อนแล้ว

“ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ " มือหนาที่ประคองหน้าผมที่กำลังก้มให้เงยหน้าขึ้นมาสบตาเค้า 

" นายแบกรับความรู้สึกทั้งหมดนั้นไว้ได้ยังไงกันนะฟาน  นายเคยร้องไห้ออกมาบ้างมั้ย "

“ น้ำตาของผมมันไม่ไหลเพราะเรื่องแบบนั้นอีกแล้วละครับ "  หรือพูดง่ายๆก็คือ เค้าคงร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลเพราะเรื่องแบบนั้นแล้ว ผมหลับตาลงตอนที่ฟังเค้าพูด ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรทั้งนั้น " อย่าทำหน้าสงสารผมแบบนั้นสิ "

“ ฉัน..” เงยหน้าสบตาเค้าอีกคนก็นิ่ง สายตาที่เหมือนกำลังอ่านความรู้สึกทุกๆอย่างของผม

“ นี่คือเหตุผลที่ผมไม่อยากจะเล่าคุณ เพราะคุณเป็นคนใจอ่อนแล้วก็ขี้สงสาร ผมก็เลยไม่อยากจะเล่าคุณ " เค้าบอก " ผมไม่อยากจะให้คุณสงสารผม ไม่อยากจะให้คุณคิดว่าต่อไปนี้คุณจะตามใจเพื่อเติมเต็มส่วนที่ผมเคยขาด ผมไม่อยากให้คุณคิดแบบนั้น ผมไม่อยากให้คุณรักผมเพราะสงสาร ไม่อยากให้คุณทำดีกับผมเพราะสงสาร ไม่ต้องสงสารผมหรอก ถ้าสงสารผมจริงๆ ช่วยทำตัวเหมือนเดิมอย่างที่เคยทำกับผมเถอะ  เพราะผมอยากให้คุณบอกว่าชอบผม เพราะชอบผมจริงๆ ไม่ใช่บอกว่าชอบผม เพราะสงสารผม " เบือนหน้าหนีออกจากมือเค้า โดนอ่านใจได้หมดอีกแล้วทั้งๆที่แค่มองตาเค้าเท่านั้นเอง แต่ก็จริงอย่างที่เค้าพูดเราจะรักใครเพราะความสงสารไม่ได้หรอก แล้วผมก็ไม่สมควรที่จะทำแบบนั้นกับเค้าด้วย เอื้อมมือไปหยิบสตอเบอรี่มากิน อีกคนที่กำลังมองอยู่ผมก็ถาม

“ มองอะไร ไปจัดของที่ซื้อมาสิ " เชิดหน้าไปที่ถุงที่กองไว้ตรงพื้น ฟานยิ้มออกมาเค้าจับคางผมให้หันมาจ้องหน้าเค้า ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากของผมที่กำลังเคี้ยวสตอเบอรี่อยู่ในตอนนั้น

“ อยากจะกินสตอเบอรี่จังเลยครับ " แขนที่กอดเอวผมไว้ จูบอบอุ่นของเค้าเผลอเผยอริมฝีปากรับความรู้สึกทั้งหมดที่แทรกตัวเข้ามาหา ทั้งๆที่เติบโตมาแบบเจ็บปวดขนาดนั้นแต่ทำไมถึงได้อบอุ่นขนาดนี้ก็ไม่รู้  ผละริมฝีปากออกจากเค้า ฟานก็กอดผมไว้

“ ทำไมนายถึงเป็นคนที่อบอุ่นได้ถึงขนาดนี้นะ "

“ ก็เพราะคนตรงหน้าผมเป็นคุณ "

“ คำตอบของนายคือแค่นั้นเหรอ "

“ ครับ แค่นั้น "

“ งั้นขอเลียนแบบหน่อยได้มั้ย "

“ เลียนแบบอะไรครับ " คำถามที่มาพร้อมกับจูบที่ก้มลงมาจูบผมอีกครั้ง

' ที่ฉันชอบให้นายเข้ามาใกล้ฉันขนาดนี้ทั้งๆที่ไม่ชอบเด็กเอาซะเลย ก็เพราะว่ามันคือนายนะฟานคำตอบของฉันมันก็มีแค่นั้นเหมือนกัน ' คำตอบที่ตอบเค้าอยู่ในใจผมยิ้มตอนที่ผละริมฝีปากออกจากอีกคน " ฉันไม่บอกนายหรอก " 

“ ทำไมคุณถึงปากแข็งจังนะ "

“ ก็นายชอบคนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า

“ ไม่นิครับ " เค้าตอบ ก่อนจะยิ้ม " ผมแค่ชอบคุณเท่านั้นเอง "  เบือนหน้าหนีพลางถอนหายใจเซ็งๆออกมากับคำพูดเลี่ยนๆขอ
เค้า ฟานหัวเราะออกมาก่อนจะเดินออกไปจัดของต่อ แผ่นหลังหนาที่ผมเหลือบมอง จริงๆก็อยากจะถามเค้าว่า ' ตอนที่อยู่กับผมตอนนี้เค้ามีความสุขบ้างมั้ย ' ผมที่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ ชอบจริงๆเหรอ แต่นั่นก็ถามออกไปไม่ได้หรอก เพราะมันคงกลายเป็นว่าเราทำไปเพราะสงสารเค้าอีก แต่สำหรับผมตอนนี้ ขอแค่ตอนที่เค้าอยู่กับผม เค้ามีความสุขบ้าง เท่านั้นก็พอแล้ว

เป็นความรู้สึกเล็กๆที่อยากให้เค้ามีความสุข   ปฎิเสธไม่แล้วสิว่า ถ้าไม่ชอบก็คงไม่ทำแบบนั้น
 แต่ว่าคนอย่างผม ก็ยังปากแข็งที่จะพูดมันออกไปอยู่ดี
...............................................

น้องฟานนนนนนนนนนนนนนนน #วิ่งเข้าไปกอด
พี่คีย์ก็ช่างอ่อนไหว
แต่อย่ารักใครเพราะความสงสารเลย ไม่มีอะไรดีทั้งนั้น

ส่วนตัวเราคิดเรื่องปัญหาของน้องฟานมาสักพักละ ตอนแรกจะให้เป็นลูกชายคนเล็กที่ค่อนข้างขี้อ้อน
แต่บังเอิญได้ฟังเรื่อง เรื่องนึงมาก็เลยเอามาเขียนเป็นเรื่องของน้องฟาน
เพราะรู้สึกว่า เออ โลกนี้ก็มีเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยเว้ย เลยเขียนออกมาค่ะ
ตอนแรกจะเป็นผู้ชายใสๆ ซะแล้วฟานเอ้ยยยย
แต่เรามองว่า คนทุกคนไม่มีใคร เหมือนวัตถุด้านเดียวหรอก คนเรามีด้านเสีย และคนเรามีด้านแย่
ยิ่งนานวันไป ความรู้สึกจริงๆในใจก็จะออกมา ทุกคนเป็นแบบนั้น
ผ่านวันที่มีความสุข และ ผ่านวันที่มีความทุกข์ มันอยู่ที่ว่าจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่ ก็เท่านั้น

วันนี้ทอล์คยาวดูมีสาระ ( ยกยิ้ม )
ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ฝากแชร์ในเฟสด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
น้องฟานนนนนนนนนน

ถ้าพี่คีย์ไม่เอา หันมาทางนี้ก็ได้น๊าาาา ฮาาาา

#กอดดดดด

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องฟานนน น่าสงสารรร :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
งุ้ย มาซบเจ้มั่งม่ะหนูฟาน. โอ๋ๆๆๆนะลูกนะ  :man1:  ยังดีนะที่หนูไม่ต้องมีพ่อแม่บังคับขู่เข็ญเหมือนนายเอกบางเรื่อง เห้อ
ยังไงก็แล้วแต่ครอบครัวคือเบ้าหลอมของเด็กหนึ่งคน การที่น้องอยู่กับคนที่ต้องการน้องแล้วทำตัวเองให้ดี เห็นคุณค่าของตนเองและรู้จักรักผู้อื่นเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจมากแล้ว ใครจะซวยไปตลอดไม่มีหรอกลูก คนเรามีขึ้นมีลง มีล้มมีลุกเนอะ
เด็กดีของพี่คีย์ อ้อนเข้าไปลูก   o13 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2016 13:36:39 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
โธ่ น้องฟานนนนนนนนนนนน  :hao5: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด