ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 14
' ปัญหาแรกรัก '
ขยับเม้าส์ไปตามแบบงานที่ร่างเอาไว้ หยิบนู้นเติมนี่ เปลี่ยนงานไปมาจนกระทั้งลงตัวในสิ่งที่ชอบ งานใหม่ของผมที่ต้องทำตอนนี้คือการออกแบบแพ็คเก็จอาหารเสริมตัวใหม่ที่มีคุณประโยชน์ล้านชนิดจากผลไม้หลากหลายมาไว้ในแคปซูลเดียว แต่เอาจริงๆยาก็คือยานั่นแหละนะ สู้กินผลไม้สดๆก็ไม่ได้หรอก เงยหน้ามองเวลาก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว หันไปมองคีย์โต๊ะข้างๆที่หายไปตั้งเวลายังไม่ทุ่มดี ก่อนจะไปก็หันมาบอกผมด้วยเสียงอ้อมแอ้มแบบเกรงใจว่า " โทษทีนะขอกลับก่อน พอดีฉันมีนัดกินข้าวกับไอ้ลูกหมา " ไอ้ลูกหมาตัวโตสุดหล่อที่นับวันจะยิ่งเข้าทำให้คนปากแข็งเริ่มใจอ่อนขึ้นเรื่อยๆอย่างไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่
ครืน ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ที่ทำให้ตัวผมหลุดออกจากความคิดนั้น หันไปมองหน้าจอก็พบว่าคนที่นัดเอาไว้ช่วงดึกก็โทรมาตรงเวลาพอดีเป๊ะ " ฮัลโหล " กรอกเสียงไปตามสายอีกฝ่ายก็ตอบกลับมา
“ ขอหยิกแก้มหน่อยได้มั้ยครับ "
“ อะไรของคุณอีกละเนี้ย " เผลอยิ้มออกมากับคำทักทายของเค้า มือก็จับเม้าส์เลื่อนไปเซฟงานที่ทำไว้ก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเองลง
“ จะให้ไปรับที่ไหนดี "
“ เจอกันที่หน้าตึกที่ผมทำงานก็ได้ หรือว่าคุณจะรอผมในสถานีรถไฟก็ได้นะ "
“ ฉันคงถึงช้าหน่อย นายไปนั่งรอที่ร้านกาแฟก็ได้ " เค้าบอก ผมก็ถอนหายใจ
“ ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้นะคุณ ผมจะได้ไม่ต้องปิดคอม จะได้นั่งทำงานต่ออีกสักหน่อย "
“ ขยันเกินไปแล้วมั้ง นายคิดว่าจะฮุบบริษัทเค้ารึไง " อีกคนแซว
“ ผมต้องขยันทำงานสิ จะได้เอาเงินไปซื้อโฮสเด็กๆมาเป็นขวัญและกำลังใจ "
“ เดี๋ยวจะโดนโฮสแก่ๆคนนี้จัดการนะครับ " เค้าว่าผมก็หัวเราะออกมา
“ งั้นเจอกันนะ จะนั่งรออยู่ที่หน้าบริษัทแล้วกัน "
“ เจอกันครับ " ผมกดวางสายถอนหายใจออกมาตอนที่คว้ากระเป๋าตัวเองขึ้นมาสะพายแล้วเดินออกไปจากแผนกที่ทำงาน
ตั้งแต่ที่บอกว่าจะคบแบบดูๆกันก่อน ชีวิตของผมก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่หรอกจะมีก็แค่เหมือนว่าตัวเองต้องทำงานนานขึ้นเพียงเพราะว่ารอให้อีกฝ่ายเลิกงานพิเศษของตัวเองเสียก่อน งานพิเศษที่ผมบอกกับตัวเองแล้วว่าอย่าไปสนใจเด็ดขาดว่าวันนึงเค้าจะทำอะไรกับใครบ้าง ไม่อย่างงั้นต้องเป็นฝ่ายอกแตกตายไปก่อนแน่ๆ ในเมื่อมันคืองานจะไปหึงหวงการทำงานของเค้านั่นก็คงจะไม่ได้ แล้วอีกอย่างเราเองก็เป็นฝ่ายที่รู้อยู่แล้วเต็มอก ว่าเค้าทำงานอะไร แต่ก็ยังตกลงไปคบด้วยนั่นก็เท่ากับว่าเหมือนต้องรับสภาพนั้นกลายๆอยู่แล้ว
นั่งลงที่เก้าอี้หน้าตึก สูดอากาศเย็นที่พัดเข้าหน้า ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอนที่เสียบหูฟังแล้วกดฟังเพลงสบายๆสักเพลงก่อนจะก้มหน้าอ่านข่าวของวันในหน้าเฟสบุ๊คของตัวเองฆ่าเวลา
“ อ๊ะ " เผลอสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ไอเย็นๆของกระป๋องอะไรสักอย่างจะกระทบหน้าตัวเองอย่างจัง
“ เบียร์หน่อยมั้ยครับ "
“ ตกใจหมด ดีนะไม่แช่งแม่ "
“ ถึงกับต้องแช่งแม่เลยเหรอ " ร่างสูงที่นั่งลงข้างหัวเราะ กระป๋องเบียร์ที่ถูกเปิดขึ้นเค้ายื่นอีกกระป๋องนึงให้ผม " สักหน่อยมั้ย "
“ อื้ม " พยักหน้ารับกระป๋องเบียร์ในถุงมาเปิดก่อนจะกินเข้าไป " แล้วคุณกินอะไรมารึยัง "
“ ก็กินแล้ว "
“ อ๋อ ผมลืมไป คงจะกินมากับแขกแล้วสินะ " พูดแบบนั้นคนที่นั่งข้างๆก็ลดกระป๋องเบียร์ที่กินอยู่ลงทันที " ทำไมอะ "
“ แขกเลยเหรอ เปลี่ยนคำว่าแขกเป็นแค่คำว่า ลูกค้าได้มั้ย "
“ ทำไมอะ "
“ ก็แขก ฟังดูแล้วเหมือนฉันไปขายตัวเลย " อีกคนบอกก่อนจะหัวเราะ " ผมแค่ไปช่วยเค้าเลือกเสื้อผ้านะครับ ไม่ได้เข้าไปช่วยเค้าลองเสื้อผ้าสักหน่อย "
“ เหรอ " ผมเหล่เค้า " ไม่ใช่ว่าอยากจะเข้าไปช่วยลองแต่ว่ามีกฏห้ามทำอะไรกับลูกค้าก็เลยอดเหรอ "
“ ก็ถ้าลูกค้าคนนั้นเป็นนายก็อยากจะเข้าไปดูอยู่นะ " เค้าพูดพลางหันมาเหล่มองผม
“ มองอะไร ลามกจริงคุณ "
“ อะไรกันแค่จินตนาการเอง ว่าข้างในจะเป็นยังไงบ้าง แค่นี้ก็ลามกแล้วเหรอ "
“ ใช่ แค่ความคิดมันก็ลามกแล้ว " ผมเบือนหน้าหนี " สงสัยจริงๆว่าคนที่เป็นลูกค้าคุณเค้าติดใจอะไรนักหนาถึงไหนจองตัวคุณติดกันจนคิวยาวเป็นเดือนขนาดนั้น "
“ ลองดูมั้ยละ "
“ ห๊ะ ? “ ผมหันไปมองอีกคนที่ยิ้มออกมาก่อนจะทวนประโยคที่ผมได้ยินให้เคลียร์มากกว่าเดิม
“ ลองดูมั้ยละ ไปซื้อเสื้อผ้ากันแล้วเดี๋ยวผมจะบริการคุณให้เหมือนเวลาที่ผมเป็นโฮสดูแลคนอื่นเลยเป็นไง " คำชวนที่ทำให้ผมส่ายหน้า ตอนที่ลุกขึ้นจากที่นั่งผมเดินไปทิ้งกระป๋องเบียร์ที่กินหมดแล้วลงในถังก่อนจะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าเค้าที่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง
“ ไม่เอาอะ ผมไม่อยากจะเป็นแค่ลูกค้าของคุณ ผมอยากจะเป็นแฟนคุณมากกว่า "
“ เอาอย่างงั้นก็ได้ " มือหนาดึงเนคไทที่ผมใส่ให้ลำตัวก้มลงมาหาเค้าจนใบหน้าของเราใกล้กัน แล้ววินาทีต่อมาที่ยังไม่ทันตั้งตัวนั้น คุณเมษก็จูบลงบนริมฝีปากของผมเนิ่นนานจนกว่าจะผละออกแล้วหันมาสบตาผม " ถ้าเป็นแฟนเรื่องแบบนี้ก็ทำได้ใช่มั้ยละ "
“ ก็ได้ละมั้ง " ผมเบือนหน้าหนีเค้าที่ยืนขึ้นก็ลุกขึ้นก่อนจะขยี้หัวผมจนยุ่ง ฝ่ามืออุ่นที่จับอยู่เงยหน้ามองหน้าเค้ากับความรู้สึกแบบนั้นที่ไม่เคยเกิดขึ้น เม้มริมฝีปากของตัวเองอีกคนก็ยิ้มก่อนจะคว้ามือของผมไปจับก่อนจะดึงให้เดินไปด้วยกัน
ต่างไปจากทุกทีที่เคยรู้สึกเลย ถ้าเป็นเด็กที่คบด้วยคงจะกอดคอแล้วเดินดึงให้เราไปนู้นนี่ แต่นี่ไม่ใช่ เพิ่งรู้สึกว่าการเดินจับมือแบบนี้บางทีก็อุ่นมากกว่าก่อนจะเดินกอดกันเสียอีก อะไรๆที่ผู้ใหญ่เค้าทำกันมันเป็นแบบนี้เองเหรอ มันอบอุ่นแบบนี้เองเหรอ
“ คิดอะไรอยู่ "
“ เปล่านี่ " ผมส่ายหน้า เราที่เดินข้างกันไปบนถนน คนที่เดินข้างๆกระชับมือผมก่อนจะหยุดแล้วเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้า " เดี๋ยวๆ ไปไหน " นึกจะหยุดก็หยุดลากไปนู้นมานี่อะไรของเค้า
“ ไปซื้อเสื้อผ้ากันหน่อยมั้ย วันนี้ฉันไปเจอเสื้อตัวนึงอยากได้มากเลย "
“ ตอนที่ไปกับลูกค้านะเหรอ " ผมถามตอนที่เราเดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดัง คุณเมษพยักหน้ารับ " แล้วทำไมไม่ซื้อตอนนั้นละ เผื่อลูกค้าจะซื้อให้ไง "
“ ไม่เอาอะ ให้แฟนช่วยเลือกให้ดีกว่า " เค้าบอกตอนที่ปล่อยมือผมแล้วหยิบเสื้อตัวนึงขึ้นมา ทาบทับกับร่างตัวเองก่อนจะหันมาทางผม " สีนี้สวยมั้ย " เสื้อยีนส์แบบยาวที่ทาบอยู่บนตัวของอีกคน อยู่ๆหน้าก็แดงขึ้นมาผมเบือนหน้าหนีไปจับเสื้อตัวอื่นอีกคนก็ถามซ้ำ " อ้าว ว่าไง เบือนหน้าทำไมอะ "
“ ก็สวยดี ซื้อสิ ก็เหมาะกับคุณนะ ถ้าใส่เสื้อเชิ้ตยาวข้างใน แล้วก็ทับด้วยยีนส์ยาวใส่กางเกงสีดำมันก็ดูดีนะคุณ " บอกเค้าแบบนั้นอีกคนก็พยักหน้ารับ
“ มีเซ็นส์เลือกเสื้อผ้าเหมือนกันนินายน่ะ "
“ คุณเถอะ ไหนบอกว่า เป็นโฮสที่เชี่ยวชาญเรื่องเสื้อผ้า ไหงพอซื้อผ้าตัวเองดันมาถามคนอื่น "
“ เรื่องแบบนี้ ฉันก็มีเหตุผลที่ต้องทำเป็นไม่รู้บ้างนะ "
“ เหตุผลอะไร "
“ อยากให้แฟนเลือกให้ เผื่อแฟนจะอยากถอดให้ " เค้าหันมายักคิ้วผมก็ขมวดคิ้วก่อนจะพูด
“ ลามก "
“ แค่ถอดเสื้อตัวเดียวก็ไม่ได้เหรอ อะไรกัน นายคิดเรื่องอะไรอยู่ " ใบหน้าคมที่ยิ้มแกล้งๆ ผมก็เอียงหน้ามองเค้า
“ เหรอ คุณคิดแค่จะตั้งใจให้ผมถอดแค่ตัวเดียวจริงๆอะ " เอื้อมมือไปจับเสื้อของเค้าตอนที่ไล่มือลงต่ำเรื่อยๆ จนถึงขอบกางเกง " ก็คิดว่า.. อยากจะให้ถอดอย่างอื่นด้วย "
“ นี่ .. “ ดึงมือตัวเองกลับตอนที่อีกคนเดินมาใกล้ผมกันไปทางอื่น " ระวังจะไม่ได้ลุกจากเตียงนะครับ "
“ ไม่กลัวหรอก คุณจะแรงมีแค่ไหนกันเชียว "
“ อย่าดูถูกกันสิ " เค้ายิ้มออกมา ก่อนจะหยิบเสื้ออีกสองสามตัวมาถือไว้ ก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม" ฉันอาจจะเด็ดกว่าไอ้พวกเด็กๆในสต๊อกของนายที่เพิ่งหัดเอาก็ได้นะ " สายตาคมยกยิ้มก่อนจะดึงมือผมให้เดินไปที่ห้องลองเสื้อด้วยกัน
“ ดะ เดี่ยวจะไปไหนเนี้ยคุณ "
“ ไปช่วยเลือกเสื้อหน่อย ฉันจะลอง "
“ ก็ไปคนเดียวสิ แล้วก็ค่อยเดินออกมาให้ผมดู " ดึงแขนเค้าที่ลากผมไว้ แต่อีกคนก็ยังดึงดันให้ผมเข้าไปในห้องลองนั่นให้ได้ " คุณเดี๋ยวสิ นี่..” สิ้นคำพูดร่างของผมก็ถูกดันเข้าไปชิดห้องลองเสื้อเสียแล้ว
ม่านที่ถูกปิดในห้องแคบๆร่างสูงแขวนเสื้อไว้ตรงที่แขวนก่อนจะหันมาค้ำมือกับกำแพงที่ผมยืน กั้นไม่ให้หนีไปไหน เงยหน้ามองเค้าที่ก้มลงมาจ้อง ใบหน้าคมก้มลงมาใกล้เค้าที่จูบผมโดยที่ไม่พูดจาอะไรทั้งนั้น ริมฝีปากที่แนบชิดสอดเกลียวลิ้นเข้าไปในปากตอนที่ผมเผลอจะพูดห้ามเค้า มือที่ไม่รู้จะเอาไปตั้งไว้ไหนดันหน้าอกเค้าที่ยังคงรุกล้ำเข้ามาหา สองแขนหนาลดลงกอดเอวผมเอาไว้แน่นตอนที่ผละริมฝีปากออกเค้าลดลงไปจูบที่ข้างแก้มก่อนจะไล่ลงมาที่ต้นคอ จูบดูดดื่มตรงนั้นเสียจนต้องเม้มปากตัวเองไว้แน่นเพราะเสียงครางที่กำลังจะเปล่งออกมาเพราะความเสียวซ่านที่อีกฝ่ายกำลังปลุกปั่น
“ นี่คุณ..” ผมผลักอกเค้าเบาๆ ในขณะที่อีกฝ่ายดึงเสื้อทำงานที่ผมใส่ให้หลุดออกจากขอบกางเกง สอดมือเข้าไปในเสื้อ แผ่นหลังที่ถูกลูบไล้ เค้าเลื่อนมาข้างหน้าก่อนจะใช้นิ้วสะกิดยอดอกของผมที่ก็ต้องหดตัวหนี " นี่คุณ ไม่เอา พอแล้ว " แม้จะรู้สึกดีแค่ไหนแต่ก็ต้องห้ามเค้าไว้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เราจะมาทำอะไรแบบนี้ " นี่..” ปากที่ห้ามเค้าถูกปิดด้วยริมฝีปากของร่างสูงอีกครั้ง จูบหนักหน่วงที่แทบหายใจไม่ทัน เค้าผละริมฝีปากออกตอนที่จ้องหน้าผมคุณเมษก็ยกยิ้มขึ้นมา ราวกับพอใจในผลงานของตัวเองที่ทำเอาไว้
ใบหน้าที่กำลังหอบแดงจัดของผม ไม่รวมซอกคอที่มีรอยแดงชัดเจน " อันนี้แค่น้ำจิ้มนะ ถ้านายบอกว่าฉันไม่มีเรี่ยวแรงอีกละก็..”
“ แค่นี้ก็ยั๊วะด้วยเหรอคุณ "
“ ถ้าฉันบอกว่านายน่ารักสู้ลูกค้าฉันวันนี้ไม่ได้ นายจะยั๊วะมั้ยละ " คำถามสั้นๆที่เค้าถามผมก็ช้อนตามองเค้า " ไม่ต้องมามองอ้อนๆ"
“ ก็คงต้องยั๊วะละมั้ง "
“ ไว้วันหลังฉันทำ นายจะได้รู้ "
“ ไม่ต้องก็ได้ " ผมบอกก่อนจะดึงตัวเองไปใกล้ " ผมขอโทษ..ทีหลังจะไม่พูดอะไรแบบนั้นอีก เป็นคนแก่แล้วขี้น้อยใจชะมัด "
“ ไว้วันหลังฉันทำให้นายน้อยใจบ้าง "
“ คุณอะ " รู้สึกเหมือนอีกคนกำลังงอนเลย เค้าที่จ้องหน้าผมแบบไม่พอใจนั้น ผมหลบตาเค้า " ผมขอโทษ ลองเสื้อดีกว่านะ " หันไปบอกเสื้อที่แขวนอยู่ มือผมก็เอื้อมไปถอดเสื้อตัวนอกให้เค้า " อย่าหงุดหงิดกับคำพูดของผมเลย เดี๋ยวคิ้วขมวดเยอะๆ หน้าเหี่ยวนะคุณ "
“ นี่ "
“ อะไรกัน ก็เป็นห่วง " ผมเถียงตอนที่เค้าจะหงุดหงิดขึ้นมาอีก ถอดเสื้อตัวนอกให้ " ลองเสื้อนอกสิ "
“ ถอดเสื้อตัวในด้วย "
“ อ้าว จะซื้อเสื้อนอกไม่ใช่เหรอ "
“ อีกตัวมันเป็นเสื้อตัวใน " เค้าบอกผมก็หันไปมองเสื้อที่แขวนอยู่ แอบมีเสื้อตัวในอยู่จริงๆด้วย " ถอดเสื้อตัวในให้ผมด้วยครับ "
“ ไม่มีมือรึไงคุณ ถึงใช้คนอื่นอยู่ได้อะ "
“ เรื่องแบบนี้ใช้แฟนแล้วฟินกว่า " ถอนหายใจกับตระกะความคิดของอีกคน ผมเอื้อมมือไปถอดกระดุมของเค้าออกทีละเม็ด ตอนที่ดึงเสื้อออกให้ผมแอบเบือนหน้าหนีกล้ามอกของเค้า อีกคนก็หัวเราะ " เขินเหรอ "
“ ไม่ได้เขินสักหน่อย "
“ อ๋อเหรอ " คำพูดที่ดูไม่เชื่อกันอีกคนหยิบเสื้อที่จะลองมาใส่ เป็นเชิ้ตตัวยาวกับเสื้อคลุมยีนส์ที่ผมบอก มองตัวเองอยู่ที่หน้ากระจกก่อนจะหันมาถาม " คุณว่าเป็นไง โอเคมั้ย "
“ อื้ม ก็โอเคนะ " อยากจะบอกว่า มันมากกว่าคำว่าโอเคอีก แต่กลัวว่าอีกคนจะได้ใจ คนหล่อใส่อะไรมันก็หล่อ ถ้าพูดออกไปอย่างงี้มีหวังได้ลอยตัวขึ้นทะลุเพดานร้านแน่ๆ " ก็เหมาะกับคุณดี "
“ ดูแล้วน่าถอดมั้ย "
“ ไม่อะ " ตอบอีกคนทันที เค้าก็หัวเราะ
“ อะไรกัน ผมออกอยากจะถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นของคุณแท้ๆ "
“ เลิกลามกสักทีเถอะน่า แล้วก็รีบถอดเสื้อผ้าแล้วใส่ชุดเดิมได้แล้วคุณ คนอื่นเค้าจะได้ใช้ห้องลองต่อ "
“ มันมีห้องเดียวที่ไหนละ " เค้าเถียง ก่อนจะถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกแล้วใส่ชุดเดิม " ตกลงก็เอาชุดนี้แหละนะ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับตอนที่เดินออกมาจากห้องลองชุด พนักงานที่ยืนอยู่ก็ขมวดคิ้วงง ที่เห็นผู้ชายสองคนเดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า ห้องเดียวกัน " เอ่อ.. พี่น้องกันนะครับ " ทั้งๆที่ไมไ่ด้ถาม ผมกลับตอบเค้าไปแบบนั้น คุณเมษคว้ามือผมให้เดินไปต่อคิวที่เค้าเตอร์ เค้าก็หลุดหัวเราะ
“ ฮ่าๆ "
“ หัวเราะอะไรคุณ มันน่าตลกมั้ยละ "
“ ก็หน้าตานายตอนเหวอๆ มันขำนิ " เค้าทำหน้าเลียนแบบผม ตาที่เปิดกว้าง ปากที่เผยอขึ้นนิดหน่อย " นายทำหน้าแบบนี้นะ รู้ตัวมั้ย "
“ ไม่ตลกเลยนะ เค้าจะคิดยังที่เห็นเราเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเดียวกัน ทีหลังอย่าเที่ยวลากผมเข้าไปอีกนะ "
“ เค้าไม่คิดอะไรหรอก " อีกฝ่ายเถียง " เพราะถ้าคิด ก็คงคิดแค่ว่าเค้าสองคนนั้นคงเข้าไปทำอะไรกันมั้ง "
“ บ้า!! ไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นสักหน่อย “ เค้ายกยิ้มก่อนจะหันมากระซิบผม
“ ที่คอนายอะ มันแดงมากเลยนะ " ยกมือขึ้นปิดคอตัวเองตอนที่อีกคนบอก ลืมไปเลยว่าที่คอผมตอนนี้มันมีรอยแดงที่คนข้างๆทำเอาไว้ ขมวดคิ้วมองหน้าเค้าอีกคนที่หัวเราะก่อนจะถึงคิวจ่ายเงิน
“ จ่ายเงินเลยคุณ มัวหัวเราะอยู่ได้ " เสื้อผ้ามีราคา แอบตกใจราคาของมันนิดหน่อยตอนที่พนักงานบอกออกมา การ์ดที่ถูกยื่นจ่าย ไม่นานก็ได้เสื้อผ้าสองถุงมาถือเอาไว้
“ อยากจะกินอะไรก่อนจะกลับมั้ย "
“ กินอีกแล้วเหรอ ตั้งแต่รู้จักกันมาคุณชวนผมกินทุกวันเลยนะ ไม่เอาอะ เดี๋ยวอ้วน "
“ ตอนนี้ก็ไม่ผอม "
“ นี่!!!!!! “ ผมหันไปตะโกนใส่อีกคนที่ก็ยิ้มกว้าง ขาที่หยุดนิ่งของผม " ฉันไม่ได้อ้วน แค่เสื้อมันทำให้ดูอ้วนเฉยๆ "
“ ไปโทษเสื้อผ้าอีก "
“ ไม่ได้โทษ ก็มันเป็นแบบนั้นจริงๆอะ ก็แก้มเยอะมันเลยดูอ้วนๆ อวบๆอะ " ใบหน้าคมยิ้มตอนที่หันมาพิจารณาหน้าตาของผม ที่ยกสองมือขึ้นบีบแก้มตัวเอง " จริงๆนะคุณ คุณไม่รู้สึกเหรอ "
“ ผมรู้สึก รู้สึกว่าคุณน่ารักจัง " มือหนายกมือขึ้นลูบหัว " อวบๆก็น่ารักดี มีเนื้อมีหนัง น่าจับออก "
“ ไม่ได้อ้วน แล้วก็ ไม่ได้อวบด้วย "
“ เฮ้ออ " คุณเมษถอนหายใจ " งั้นก็ตามใจ ผอมก็ผอม แล้วตกลงหิวมั้ยละ ผมจะพาไปกินอะไรก่อนคุณกลับ "
“ ไม่อะ ไม่หิว อื้มม " ท่าทางลังเลของผมตอนที่หันมองไปรอบๆ ก็ไม่ได้รู้สึกหิวนะ แต่อยากจะกินอะไรบางอย่าง " อยากจะกินช็อคโกเล็ตปั่นอะคุณ "
“ สามทุ่มแล้วนะ " เหลือบมองคนข้างๆ อีกคนก็ยิ้ม
“ ทีหลังก็ไม่ต้องมาชวนกินเลย แล้วก็บอกว่าคนอื่นอ้วน " ผมหันไปบอกอีกคน ใบหน้าที่กำลังปั้นหน้าโกรธ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้อารมณ์ดีนัก ไม่ว่าจะทำอะไร ก็เอาแต่หัวเราะอยู่อย่างงั้น " แล้วก็ไม่ต้องหัวเราะเลย มันน่าหงุดหงิดเว้ย "
“ ทำไมอะ ก็ฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับนายนิ " คำถามที่ชวนให้ผมเงียบ เงยหน้ามองเค้าอีกคนที่กำลังมองผมอยู่ เค้าก็ถอนหายใจออกมา " ที่ฉันหัวเราะ เพราะรู้สึกว่าไม่ว่าจะทำอะไรนายก็น่ารักไปหมด น่ารักจนฉันหยุดยิ้มไม่ได้เลย "
“ ประสาท " คำพูดกลบเกลื่อนของผม เบือนหน้าหนีอีกคนตอนที่เดินนำออกไปก่อน เค้าก็หัวเราะก่อนจะเดินตามมา
“ แล้วตกลงไม่กินอะไรเหรอ "
“ ไม่กินเล่า กลับบ้านดีกว่า "
“ ไม่ใช่กลับบ้านไป ไปฟาดมาม่าถ้วยโตนะนายน่ะ "
“ คุณที่ยังไงกันนะ กวนตีนกันจัง " ผมหันไปถามอีกคนก็เอื้อมมือมาคว้ามือผมไปจับไว้ " พรุ่งนี้เรานัดเจอกันอีกนะ "
“ ที่นี่นะเหรอ "
“ คุณอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศเป็นห้องคุณ หรือว่า ห้องผม ก็ได้นะ ผมไม่เกี่ยงหรอก " ใบหน้าคมยักคิ้วก่อนจะพูดเค้าหยุดเดินก่อนจะก้มลงมากระซิบ " แต่คุณก็ต้องเตรียมตัวไว้ด้วยนะ "
“ เตรียมตัวอะไร "
“ ก็เตรียมตัวไว้ สำหรับที่ว่าผมอาจจะ.. " หันไปสบตาคนที่กำลังพูด ในแววตาที่แทบจะกลืนผมเข้าไปนั้น
“ ไอ้ลามก "
“ อะไรอีก เตรียมตัวไว้ สำหรับที่ว่าฉันอาจจะทำอะไรอร่อยๆให้กิน "
“ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง สายตาคุณมันบอกหมดทุกอย่างนั่นแหละ ไอ้เฒ่าหัวงู "
“ โห แรงจัง นายใช้คำว่า เฒ่ากับคนที่อายุแค่ 32 นี่อะนะ "
“ ผมอายุยังแค่ 25 นะคุณ เจ็ดปีเลยนะ เฒ่าก็ถูกแล้ว " ใบหน้าคมที่กำลังยกมืออีกข้างขึ้นเขกหัวผม แต่ทุกอย่างก็ถูกหยุดอยู่ตรงนั้น เมื่อมีใครบางคนที่ผมไม่รู้จักเอ่ยทักคนตรงหน้าของผมขึ้นมา
“ อ้าว เมษ " ผมหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ผู้หญิงในวัยทำงานที่ดูเหมือนแก่กว่าอีกคนสักหน่อย ผู้หญิงสวยที่อยู่ในชุดสูททำงานสีขาวดูดี ร่างสูงก็ก้มหน้าทัก
“ สวัสดีครับคุณมาเรีย " เค้ายิ้มให้เธอที่ก็มองลงมาตรงมือของเราสองคนที่กำลังจับกันอยู่ คนข้างๆผมปล่อยมือลงช้าๆ ในจังหวะนั้นราวกับทุกอย่างทุกอย่างถูกกระชากออกไปจากตัวผม อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มองดูคนข้างๆที่ก้าวเดินไปหาอีกคนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเข้าใจ ก็ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาทำงานโฮสไม่ใช่เหรอ ทำไมเราจะจับมือกันไม่ได้ละ ทำไมเราจะบอกใครๆไม่ได้ว่าเราเป็นอะไรกัน ในเมื่อตอนนี้คือชีวิตส่วนตัวของเค้าแท้ๆ " มาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ "
“ ฉันมากินข้าวกับเพื่อนนะ แล้วนายละ "
“ มาเดินเล่นซื้อของน่ะครับ "
“ กับ ? “ เธอถามพลางหันมามองที่ผม สายตาที่กำลังสงสัย อีกฝ่ายก็ยิ้ม
“ น้องชายนะครับ " คำพูดที่ทำให้ผมแค่นิ่งไป ' น้องชาย ? ' หัวใจที่ว่างเปล่าตอนนั้นอยากจะหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้น แต่ก็ได้แต่ยืนนิ่งไว้ไม่รู้ทำไมแต่เหมือนว่ามันก้าวขาไม่ออกเสียแล้ว แฟนกันแท้ๆ แต่พอมาเจอใครอีกคนกลายถูกยัดเยียดอีกสถานะให้อย่างไม่เต็มใจ ผมไม่เข้าใจ ทำไมเค้าต้องพูดแบบนั้น ในเวลาแบบนี้โฮสก็ต้องอยู่กับความจริงไม่ได้เหรอ แต่อย่างว่า ถ้าโฮสมีแฟนความนิยมก็ต้องตกลงไปสินะ แล้วแบบนั้น ใครมันจะยอมพูดความจริงออกไปวะ " ขอตัวก่อนนะครับ "
“ อื้ม ไว้เจอกันนะแล้วฉันจะโทรหา "
“ ครับผม " เธอที่เดินจากไป คุณเมษก็หันกลับมามองผม " เธอเป็นโฮสที่ซื้อตัวผมไปคุยด้วยบ่อยๆน่ะ "
“ คงไม่ได้แค่เลือกซื้อเสื้อผ้าใช่มั้ยละ คนนี้น่ะ แล้วก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะแค่ปรึกษาปัญหาชีวิตด้วยสินะ เพราะดูเค้ารวย ไม่น่าจะมีเรื่องน่าปวดหัวเท่าไหร่หรอกมั้ง " ผมบอกเค้าก็เงียบ " ถ้าจับมือผมแล้วรู้สึกว่าต้องปล่อยแบบเมื่อกี้เวลาที่เจอลูกค้าของคุณล่ะก็ ทีหลังไม่ต้องจับมือผมนะ "
“ ลิป " เค้าที่ก้าวเข้ามาหา " ฉันอธิบายได้นะ มันไม่ใช่เรื่องอะไรแบบนั้น "
“ ถ้าอย่างงั้น ไหนลองอธิบายให้ฟังหน่อยสิครับ คุณเมษ ทั้งๆที่ตอนนี้มันเป็นเวลาเลิกงาน คุณไม่ได้เป็นทั้งช่างภาพ ไม่เป็นโฮสแล้วเหตุผลอะไรที่คุณต้องแคร์ลูกค้าของคุณด้วย ในเมื่อตอนนี้ก็ไม่ได้ทำงานอยู่สักหน่อย คุณปล่อยมือผมตอนที่เธอมา คุณบอกเธอว่า ผมเป็นแค่น้อง ขอโทษทีนะ แต่ผมไม่ได้เป็นน้องคุณสักหน่อย พ่อแม่เราไม่ได้รู้จักกันเลยนะ "
“ เธอเป็นลูกค้าคนแรกๆของผม เธอทำงานในวงการสื่อ การที่ผมได้ตั้งบริษัทโฮส ก็เพราะเธอช่วยแนะนำให้ว่าจะทำยังไงบ้าง ก็ใช่ จะว่าไปเธอก็ไม่ใช่ลูกค้าที่มาปรึกษาทั่วไปหรอก เพราะผมเจอเธอก่อนหน้านั้น ตั้งแต่ยังเป็นโฮส.. " เค้าเว้นเสียงก่อนจะถอนหายใจออกมา " ตั้งแต่เป็นโฮสที่ต้องมีเรื่องอย่างงั้นด้วย เธอเป็นทั้งลูกค้าแล้วก็ คนที่มีพระคุณ ผมเลยเกรงใจเธอ "
“ เกรงใจเธอ แล้วก็มาทำร้ายความรู้สึกของผมนะเหรอ "
“ มันไม่ใช่อย่างงั้น ฉันขอโทษ ฉันคิดเร็วไปหน่อย คือมัน.. ฉันไม่ได้ตั้งใจ " อีกคนที่กำลังอธิบาย เหมือนว่าอยากจะให้ผมเข้าใจในเรื่องงานของเค้าแต่ไม่ว่ายังไงผมก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมาเข้าใจกันอยู่ดี
" คุณอยากจะให้ผมเข้าใจเรื่องนั้นเหรอ เรื่องของคุณกับเธอให้ผมเข้าใจและไม่โกรธที่คุณจะสะบัดมือบอกว่าผมเป็นน้องชาย และต้องไม่โกรธทุกครั้งที่โดนคุณสะบัดมือออกห่างเวลาเจอผู้มีพระคุณคนอื่นของคุณอีกอย่างั้นเหรอ "
" ลิป " เค้าที่เรียกชื่อผมเหมือนคนที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาก็เท่านั้น เหมือนจะยอมรับว่า ' ใช่ อยากจะให้เข้าใจ ' แต่เค้าเองก็รู้สึกลึกๆว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรทำความเข้าใจด้วยซ้ำ
" ผมต้องเข้าใจว่าคุณจะต้องรักษาน้ำใจของเธอ โดยที่ไม่ว่าเราจะจับมือกันอยู่ตรงไหน จะพลอตรักกันยังไง เราต้องผละออกจากกันตรงนั้น สะบัดมือผมบอก แล้วบอกกับเธอว่าเราเป็นแค่พี่น้อง อย่างงั้นเหรอ ที่ผมต้องเข้าใจ ที่ผมต้องทำมันคืออะไรแบบนั้นเหรอ " คนตรงหน้าของผมเงียบ " คุณเมษ ผมเข้าใจนะการทำงานที่โฮสของคุณน่ะ ทั้งๆที่เป็นคนอื่นเค้าจะไม่เข้าใจเลย ทำไมต้องยอมให้แฟนตัวเองออกไปเที่ยวไหนต่อไหนกับคนอื่น ผมที่นั่งมองนาฬิการอให้เวลาผ่านไปเจ็บปวดกับเวลาหลายชั่วโมงที่ต้องรู้สึกว่า แฟนตัวเองกำลังถูกใครบางคนออเซาะอยู่ข้างๆ โดยที่ ที่ข้างๆนั่น ก็คือที่ของผม แต่เพราะรู้ว่างานของคุณผมเลยไม่ยุ่ง ทำเป็นไม่สนใจ แต่นี่มันนอกเหนือเวลางานแต่ผมยังต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกเหรอ ต้องมาแคร์คนที่เคยอุ้มชูคุณ นั่นเหรอที่คุณอยากจะให้ผมเข้าใจ ผมไม่ใช่ของตายนะคุณ คุณคิดว่าผมรักคุณจนต้องยอมเหรอ " มือที่กำลังเอื้อมมาจับมือของผมที่เบี่ยงหลบออกไปนั้น " ถ้าไม่พร้อมจะจับมือผม ก็อย่าจับเลยครับ เพราะเวลาที่มันโดนคุณสะบัดออก ผมรู้สึกเจ็บนะ แล้วอีกอย่างผมไม่ใช่พี่น้องของคุณแล้วก็ไม่อยากจะเป็นด้วย ถ้าไม่พร้อมจะบอกใครว่าเป็นแฟนกัน ก็เลิกมายุ่งกับผมเถอะ ผมไม่ชอบเป็นของเก็บของใคร แล้วก็จะไม่ทนอยู่ในสภาวะนั้นด้วย ต่อให้รู้สึกชอบคุณมากแค่ไหนก็เถอะ ขอตัวนะครับ "
..................................................................
เดี๋ยวเค้าจะว่านิยายเราไม่มีดราม่า #คนอ่านเขวี้ยงรองเท้ามา

เรามองว่าพี่ลิปนี่เหมือน คนเล่นกับไฟเลยอะ
คือรู้อยู่แล้วว่าพี่เมษน่ะ ร้อน คือ รู้อยู่แล้วแหละ รักแล้วต้องเจ็บ แต่ก็อยากลองไง
รักแล้วก็ต้องเลี่ยง.. ตอนหน้าดูกันว่า พี่เมษจะง้อน้องลิปยังไง
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ให้ทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
