ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 20
' คิดมาก '
เดินลงมาจากตึกพร้อมกับฟานที่เดินลงมาด้วยกัน ผมที่เดินก้มหน้าลงมามีความคิดมากมายที่อยู่ในหัวของผมตอนนี้ ' ผมรู้ครับ ว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม แต่ไม่ว่ายังไงก็จะรอวันที่คุณพูดมันออกมาอยู่ดี ' มันไม่ใช่คำพูดบีบบังคับเพราะเค้าไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ยกเว้นครั้งนี้ที่พูดออกมา ทำไมทุกครั้งที่เค้าพูดความจริงออกมาจากใจตรงๆ ถึงเป็นผมทุกครั้งที่ต้องรู้สึกว่าตัวเองผิดตลอด เพราะความรู้สึกที่ไม่เท่ากันของเราน่ะเหรอ หรือเพราะความจริงแล้วเราเองก็เห็นว่ามันเป็นแบบนั้น เราเป็นอย่างที่เค้าพูดไม่มีผิดเลย ทั้งเรื่องที่ไม่เคยบอกว่าชอบเค้า แล้วก็เรื่องที่เค้าต้องพยายามอย่างหนักเพราะไม่มั่นใจว่าจะเป็นคนที่เราชอบรึเปล่า
ใช่ เราเป็นแบบนั้น จะให้อีกคนมามั่นใจอะไรในตัวเรา ถ้าเรายังไม่คิดให้ความมั่นใจกับเค้าก่อน
“ คุณคีย์ "
“ หื้ม ? “ หันไปหาอีกคนที่เรียกผม ฟานยิ้มก่อนจะถาม
“ จะกลับบ้านเลยรึเปล่า แต่พรุ่งนี้ผมมีงานอีกวันนึง คงกลับไปพร้อมคุณไม่ได้ "
“ จะกลับอาทิตย์หน้างั้นเหรอ " ผมถามเค้าก็พยักหน้ารับ
" อาทิตย์หน้ามีงานสัปดาห์วิชาการของมหาลัยครับ ผมต้องอยู่ช่วยงานอาจารย์เพชร คงกลับอีกอาทิตย์นึงเลย "
“ เหรอ " ตอบรับเค้า ฟานก็คว้ามือผมไปจับก่อนจะดึงให้ผมหันมามองหน้าเค้า
“ ไม่โกรธนะครับ เดี๋ยวผมกลับไปนะ "
' อ่อนโยนกับฉันอีกแล้ว ไม่ต้องมาอ่อนโยนกับฉันเลย ' ผมพูดกับตัวเองในใจ ไม่ชอบเวลาแบบนี้เลยตอนที่มองสายตาคมที่กำลังมองผมมาด้วยความอบอุ่น คำพูดที่ดูห่วงใยอะไรพวกนั้น อ่อนไหวจนอยากจะดึงตัวเองเข้าไปกอดเค้าไว้ แล้วเอาแต่ใจให้ถึงที่สุด ' แวะกลับมาหน่อยก็ไม่ได้เหรอฟาน กินข้าวกันสักมื้อก็ได้นะ อาทิตย์นึงตั้งเจ็ดวันมันยาวเกินไปสำหรับฉัน ' ในใจที่คิดแบบนั้นแต่เอาเข้าจริงปากมันก็พูดออกไปอีกอย่าง " ใครจะไปโกรธเรื่องไร้สาระแบบนั้นกัน "
“ งั้นก็ดีแล้วละครับ " เราเดินลงมาถึงชั้นล่างของตึก กิจกรรมที่ดูเหมือนคนจะโล่งลงไปเยอะ คงเพราะเย็นแล้วด้วยเด็กๆก็คงทะยอยกลับไปแล้ว
“ เฮ้ย! ฟาน ทางนี้ " เสียงเรียกคนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆผมดังมาจากโต๊ะนึง ที่มีเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันนั่งอยู่เต็มโต๊ะ คนที่เรียกเป็นผู้ชายผอม เค้าที่ยิ้มกว้าง ฟานก็หันมาบอกผม
“ ขอเข้าไปหาเพื่อนหน่อยนะครับ "
“ ก็เข้าไปสิ มาถามฉันทำไมอะ "
“ ก็ผมจะพาคุณไปด้วย " เค้าบอกก่อนจะดึงมือผมให้เดินไปที่โต๊ะที่มีเพื่อนเค้านั่งอยู่ เด็กหนุ่มสองสามคนที่พอเห็นผมก็ยืนขึ้นแนะนำตัวกันทีละคน
“ สวัสดีครับ ผมชินครับ "
“ ผมทาม "
“ ส่วนผมเป็นรุ่นพี่ฟานปีนึงชื่อ คอม "
“ โฮมครับ " ผมพยักหน้ารับทุกคนก่อนจะแนะนำตัว
“ เอ่อ.. คีย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ " ไม่รู้จะแนะนำว่าอะไรดี แค่จะพูดว่า พี่คีย์นะทุกคน ยินดีที่ได้รู้จัก ก็รู้สึกกระดากปากชะมัดเลย
“ พี่คีย์แฟนฟานสินะครับ " คนที่ชื่อทามพูดขึ้นมาก่อนทั้งโต๊ะจะหัวเราะออกมาเสียงดัง ผมที่ยิ้มแห้งๆ ไม่รู้จะพูดอะไรก็ได้เลื่อนตัวเองไปยืนหลบอยู่หลังของอีกคน
“ มึงทำเค้าเขินใหญ่แล้ว ต้องไปหลบหลังแฟนเลยเห็นมั้ย "
“ ขอโทษนะครับ " ผมส่ายหน้าไปมาตอนที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น " แล้วนี่มึงจะพาแฟนไปไหน "
“ จะไปส่งเค้ากลับบ้าน " ฟานตอบ
“ แต่มึงมีงานต่ออีกนะ อย่าทิ้งพวกกูไว้กับอาจารย์เพชรนะเว้ย พวกกูทำไม่เป็น " ชินโวยวาย
“ กลัวอะไรวะ ไอ้โฮมก็อยู่ "
“ มีสองคนดีกว่ามีคนเดียวเปล่าวะ " ทามบอก อีกคนก็พยักหน้า
“ กูแค่ไปส่งเฉยๆ เดี๋ยวกลับมา " ฟานหันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปบอกเพื่อน " งั้นเดี๋ยวกูมานะ "
“ แล้วเจอกันนะครับ พี่คีย์ "
“ อ่า เจอกัน " ผมยกมือบอกลาพวกเค้า ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับฟานที่ก็ยิ้มอยู่แบบนั้น " ยิ้มอะไรของนาย "
“ คุณดูเกร็งๆ เวลาเจอเพื่อนผมนะ "
“ เหอะ " ไม่เกร็งได้ไงละ ดูหน้ามันแต่ละคน เหมือนพวกขี้แซวที่แบบว่าถ้าเกิดเผลอทำอะไรถูกใจลงไปสักอย่างต้องโห่ออกมาดังๆแน่นอน ไอ้เรื่องจุดเด่นพวกนั้น ผมไม่อยากเป็นครับ ไม่เอาเด็ดขาด แค่นี้ก็ถูกจ้องมองจะแย่อยู่แล้วเพราะมาเดินจูงมือกับหนุ่มบ๊อปของมหาลัย
“ ไม่ชอบเหรอครับ "
“ ก็เปล่าหรอก แต่ดูท่าทางเพื่อนนายเป็นพวก จะว่ายังไงดีละ อื้มม คิดคำไม่ออก ขี้หลีเหรอ พวกที่ชอบแซวสาวเสียงดังๆ " ฟานยิ้มตอนที่ผมอธิบาย
“ พวกมันเป็นแบบนั้นแหละครับ "
“ ฉันไม่อยากให้มันแซวอะ ต้องเสียงดังมากแน่ๆ "
“ ก็แค่คนทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆอาจจะหันมามองคุณ "
“ นั่นแหละที่ไม่เอาเด็ดขาด " ฟานหัวเราะตอนที่ผมพูดออกมาแบบนั้น เราที่เดินข้างๆกันอยู่ๆเค้าห็หยุดเดินเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ " มีอะไรเหรอ "
“ ผมลืมกระเป๋าไว้ที่ห้องในคณะน่ะ ขอไปเอาก่อนนะครับ "
“ อื้ม ไปสิ " ผมบอกอีกคนที่ก็ปล่อยมือผมก่อนวิ่งขึ้นตึกไป ถอนหายใจออกมากับความขี้ลืมของอีกคนก่อนจะหย่นตัวนั่งรอตรงโต๊ะว่างที่อยู่แถวนั้น
อากาศเงียบๆที่มีลมพัดเบาๆ เผลอคิดถึงเรื่องที่เราคุยกันในห้องนั่นอีกแล้ว ยิ่งเค้าดีกับเราเท่าไหร่เราก็ยิ่งแคร์เค้ามากแค่นั้น แววตาที่ฟานมองมาความเสียใจที่สื่อออกมาให้ผมรู้ ต่อให้ไม่พูดยังไง ต่อให้บอกว่าไม่รู้สึกอะไร ยังไงเค้าก็ยังเสียใจกับเรื่องนั้นอยู่ดีนะสินะ เรื่องปากแข็งไม่เข้าท่าของเรา เรื่องที่ไม่ยอมบอกว่าชอบทั้งๆที่ความจริงก็รู้อยู่แล้วว่า รู้สึกยังไง
ถอนหายใจออกมาเซ็งๆผมหยิบมือถือมาเล่นฆ่าเวลาอย่างไม่รู้จะทำอะไรระหว่างรออีกคน “ เหมือนลุงแก่ๆ เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานเลยอะ " เสียงที่ดังขึ้นผมหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นกลุ่มเด็กสาวสองสามคนที่นั่งอยู่ไกลจากผมนัก จำได้คุ้นๆว่ามีคนนึงเป็นเด็กผู้หญิงที่ผมเจอตอนที่อยู่โรงอาหาร เธอทักผมแล้วฟานก็บอกว่าเราเป็นพี่น้องกัน " คนสมัยนี้ชอบซื้อเด็กหล่อๆไปกินเหรอวะ แบบนี้แหละนะ เค้าบอกว่าถ้าคิดว่าหาไม่ได้แล้วก็ให้ทำงานรวยๆแล้วซื้อกินเอา "
“ พูดอะไรแบบนั้น อาจจะเป็นความรัก " เสียงอีกเสียงที่แทรกขึ้น
“ ความรักแบบไหนกันวะ แบบที่ว่าถ้าไม่มีเงินก็ถูกทิ้งอะเปล่า "
“ แกเคยอ่านข่าวคนแก่อึ้บเด็กแล้วแม่ง หัวใจวายตายปะ " เสียงเม้าส์ที่เริ่มสนุกสนามมากขึ้นเพราะเสียงหัวเราะที่สอดแทรกเข้ามาตลอดเวลา
“ เคยๆ "
“ แม่ง ไม่เจียมสังขารจะมาเอาเด็ก "
“ แกรู้อะไรมั้ย เด็กแบบพวกเราอะ ใช้เวลา 28 วันเซลล์ผิวถึงจะตาย แต่ว่าพวกป้าแก่ๆหรือว่าลุงแก่ๆอะ ต้องใช้เวลาตั้ง 45 วันเพื่อสร้างใหม่เลยนะ "
“ พูดหลักการแบบนี้หมายความว่าไงวะ "
“ ก็หมายความว่า หน้าที่เหี่ยวลงทุกวันต้องใช้เวลาตั้ง 45 วันกว่ามันจะสร้างใหม่นะสิ ฮ่าๆ " เสียงหัวเราะล้อเลียนที่ดังขึ้นมา ตอนที่ผมหันไปมองพวกเธอก็แค่จ้องมาแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่กำลังพูดอยู่ แสร้งทำเหมือนไม่ได้พูดอะไรเสียดสีผมเลยสักนิด
“ แค่คิดว่าต้องหอมแก้มหน้าเหี่ยวๆ ก็สุดจะทนแล้วอะ ไม่ใช่พ่อแม่เราสักหน่อย "
“ คิดไงไปคบคนรุ่นแม่วะ "
“ หน้าตาก็หล่อ ผู้หญิงสวยๆ ที่เข้ามาชอบก็เยอะแยะ สุดท้ายไปคว้าคนแบบนี้มาน่ะเหรอวะ สิ้นคิดมากเลยอะ " เสียงของผู้หญิงคนนึงที่พูดผมลุกขึ้นหันไปจ้องหน้าพวกเธอ ที่ก็ยกคิ้วขึ้นมองผม " มองอะไรเหรอค่ะ คุณลุง "
“ เปล่าหรอกครับ " ผมตอบ ก่อนจะมองไปรอบๆ " แค่สงสัยว่าทำไมมหาลัยนี้ถึงรับนักศึกษาที่มีวุฒิภาวะต่ำขนาดนี้เข้ามาเป็นนักศึกษาก็แค่นั้นเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่่า นี่คือ ปัญญาชนคนมีความรู้ แต่ก็ไม่แปลกหรอก คนบางคนมีหัวแต่ไร้สมองก็เยอะแยะไป "
“ พูดแบบนี้หมายความว่าไง " ผู้หญิงคนนึงที่ลุกขึ้นถามผม หน้าตาเอาเรื่อง
“ ก็แค่พูดโดยรวมไม่ได้เจาะจงใครหรอกครับ เหมือนกับที่พวกเธอพูด ก็ไม่ได้เจาะจงจะว่าใครไม่ใช่เหรอ " ผมถามเธอที่ก็หน้านิ่งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆด้วยความหงุดหงิด " แต่ว่าถ้ามันไปตรงใจเธอ อันนี้ก็น่าเห็นใจนะ "
“ งั้นคำพูดของพวกฉันก็ต้องไปโดนใจคุณน่ะสินะ ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น คงคิดว่าตัวเองแก่แล้วก็ไม่ได้เหมาะสมจะเป็นแฟนกับเด็กรุ่นลูกถูกมั้ยละ "
“ แต่ในความคิดของผม ถ้าแฟนรุ่นเดียวกันมีความคิดความอ่านแบบที่ได้ฟังคุณพูด ผมไม่คิดว่า ผมจะอยากคบคนรุ่นเดียวกันหรอกครับ เพราะดูไม่มีสมองเลย มีแค่ความอิจฉาเท่านั้น " ผมยิ้มให้เธอ " แล้วลองคิดดูสิว่าเพราะอะไรกันนะ เค้าถึงไม่เอาเรา แล้วมาเอาคนแก่ๆแบบนี้ เพราะพวกเธอมีความคิดแบบนี้รึเปล่า "
“ เงียบปากไปเลยนะ " คำพูดที่หลุดพูดออกมา ผมเบือนหน้าหนีในตอนที่หันไปมองฟานก็เดินเข้ามาพอดี
“ ไปกันเถอะครับ " เค้าบอกก่อนจะกระชับกระเป๋าของตัวเองแล้วคว้ามือผมไปจับไว้
“ อื้ม ไปกันเถอะ ฉันก็ไม่อยากจะอยู่แถวนี้นานๆเหมือนกัน " หันไปบอกเค้า ฟานที่สงสัยไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพียงแค่พยักหน้ารับก็เท่านั้นเราที่กำลังจะเดินผ่านโต๊ะของผู้หญิงกลุ่มนั้นผมก็หันไปถามเค้า " จะว่าไปมหาลัยนายนี่ก็แปลกนะ "
“ ทำไมครับ "
" เค้ารับชะนีมาเรียนด้วยเหรอ " คนตรงหน้าขมวดคิ้วผมก็เลยแสร้งหัวเราะออกมา " ฉันแค่ได้ยินเสียงร้องเรียกว่า ผัวๆ ดังระงมเลยเมื่อกี้นะ ชะนีขี้อิจฉาน่ะรู้จักมั้ย " แม้จะสงสัยในสิ่งที่ผมพูดแต่ฟานก็ไม่ถามอะไรทั้งนั้น เค้าแค่ยิ้มในตอนที่เดินผ่านกลุ่มของเด็กสาวนั่นไปช้าๆ ผมไม่ได้หันไปมองเธอแต่ก็คิดว่า คงจะแสดงทีท่าไม่พอใจอยู่แน่ๆเพราะไม่ได้สวนกลับคำพูดของผม
“ หิวมั้ยครับ อยากจะกินอะไรก่อนกลับรึเปล่า "
“ ยังไม่อยากกลับ " พูดออกมาเสียงเบาๆอีกคนก็หันมามอง
“ ว่าอะไรนะครับ "
“ บอกว่ายังไม่อยากกลับ ฉันพรุ่งนี้หยุดอีกวัน " เค้าถอนหายใจออกมาตอนที่ผมพูดแบบนั้น ก้มหน้าลงต่ำผมรู้ว่าไม่ควรจะพูดเอาแต่ใจแบบนั้น ฟานก็มีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง แล้วผมเองก็เป็นคนบอกเค้าเองว่าต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง
“ พรุ่งนี้ผมมีงานต่อ ผมก็อยากจะให้คุณอยู่นะ แต่ผมคงไม่มีเวลาอยู่กับคุณ " เค้าที่อธิบายออกมา สองมือที่เอื้อมมาจับหน้าผมให้เงยหน้าขึ้นมองเค้า " อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ ผมเองก็ลำบากใจนะ "
“ ฉันทำแบบไหนกัน " ผมถามก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ หน้างอนๆที่กำลังบอกผมว่า ไม่อยากกลับ อยากจะอยู่ด้วยกัน หน้าตาที่บอกว่า ไปส่งที่บ้านหน่อยแล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ หน้าตาคุณตอนนี้มันเป็นแบบนั้นแหละครับ "
“ เข้าข้างตัวเอง "
“ ก็ยังดีกว่าคนโกหกหัวใจตัวเองก็แล้วละครับ " ปล่อยมือจากหน้าผมที่ถอนหายใจออกมา ฟานเปลี่ยนมาเป็นจับมือเราที่เดินข้างกันไปเรื่อยๆถึงหน้ามหาลัยเค้าก็ถามผมอีก " สรุปว่าไม่กินอะไรนะครับ "
“ ยังไม่หิวอะ ถ้าอยากจะกินอะไรตอนนี้ สิ่งที่อยากจะกินที่สุดคงเป็นคอลลาเจนละ "
“ คอลลาเจน " เค้าทวนคำผมก็ยักคิ้วรับ
“ จะเอามาเติมเต็มส่วนที่เหี่ยวให้เต่งตึงยิ่งกว่าสาวอายุ 18 “
“ ทำไมอยู่ๆ คิดอยากจะเต่งตึงขึ้นมาละนั่น " เค้าพูดยิ้มๆ ผมก็หันไปมอง " อย่าบอกนะว่า โดนใครพูดสะกิดใจอะไรขึ้นมาอีก " พอฟานทักผมก็ทำหน้ามุ้ยลงเหมือนโดนตามทันเค้าก็หัวเราะ " ว่าแล้ว ไปโดนใครพูดอะไรมาอีกละครับ หื้ม ว่าไง "
“ ไม่ต้องมาพูดเสียงอ่อนเสียงหวานกับฉันเลย " ใจสั่นไปหมดแล้ว นายละชอบอ่อนโยนทุกทีทั้งๆที่ตัวเองก็มีด้านมืดดำแท้ๆ จริงๆนายควรดาร์กกับฉันในเวลานี้ฉันจะเข้มแข็งอยู่คนเดียวได้ครบอาทิตย์ ไม่ใช่มาอ่อนโยนแบบนี้ เพราะพอเป็นแบบนั้นแล้วฉันที่ต้องอยู่คนเดียวอีกเป็นอาทิตย์จะไม่คิดถึงนายได้ยังไง ไอ้คนใจร้าย
“ อะไรอีกละครับ ผมก็แค่ถามเองนะ " ผมถอนหายใจออกมา ทำไมในสมองมันมีแต่เรื่องให้คิด ทั้งเรื่องฟาน เรื่องที่ต้องทนเหงาคนเดียว แล้วยังจะมีเรื่องคำพูดเหี้ยๆจากปากชะนีพวกนั้นอีก หงุดหงิดเว้ยยย " เค้าว่าอะไรคุณละ "
“ อยากรู้ไปทำไม จะไปจัดการให้ฉันรึไง "
“ ก็ต้องดูก่อนว่าเค้าพูดว่าอะไร "
“ เค้าบอกว่าฉันแก่ มาคบกับเด็กรุ่นหลาน เรียกฉันว่าคุณลุง หนำซ้ำยังบอกอีกว่า ฉันไม่กลัวหัวใจวายคาอกนายรึไง แล้วก็บอกด้วยว่า เราคบกันก็แค่เงิน พอฉันไม่มีเงินนายก็ไป " ถอนหายใจออกมา ฝ่ามือที่กุมกัน อยู่ๆผมก็จับมือเค้าไว้แน่น
“ ไปฟังอะไรเรื่องไร้สาระแบบนั้นละ "
“ เค้ายังบอกอีกนะว่าฉันน่ะต้องใช้เวลาสร้างเซลล์ผิวใหม่ตั้ง 45 วันแหน่ะถ้าหน้าฉันเหี่ยว "
“ ไม่มีอะไรจริงเลยที่เค้าพูด คุณหน้าเหี่ยวเหรอ ก็ไม่นะครับ แล้วเวลาเรามีอะไรกันเราก็ไม่เคยถึงขั้นจะหัวใจวายเลยสักครั้ง คุณยังทำอะไรๆกับผมในท่ายืนได้ผมไม่คิดว่าคุณแก่หรอกนะ แล้วเราคบกันที่เงินเหรอ ก็เปล่า ไม่มีอะไรจริงเลย ไปเครียดทำไมละ " เค้าที่พูดปลอบผมใบหน้าคมที่หันมามองฟานยิ้มอยู่ในตอนนั้น " คุณไม่แก่เลยสักนิดสำหรับผม เพราะในบางทีคุณก็อ้อนผมเหมือนเป็นเด็กน้อย บางทีก็ยิ้มมีความสุขกับเรื่องเด็กๆ แถมวิธีจัดการกับคุณก็ยังเป็นวิธีที่ใช้จัดการกับเด็กเท่านั้นด้วย คุณไม่แก่หรอก คุณเด็กจะตายไป "
“ ก็พวกเธออยากพูดให้ฉันคิด ฉันก็คิดสิ "
“ เราห่างกันแค่หกปีเอง มีคนที่อายุห่างมากกว่านี้อีกครับ จะไปแคร์ทำไม "
“ ก็ฉันไม่ได้เปิดใจคบนาย แบบแค่คบๆแล้วก็เลิกนี่ ฉันหวังจะคบกับนายไปตลอด " ผมริมฝีปากตัวเองตอนที่พูดคำนั้น " ถ้าคบกันได้ละก็นะ " นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แล้วก็เป็นสิ่งที่ผมกังวล เราจะเข้ากันได้มั้ยสำหรับอายุที่ต่างกันของเรา สภาพสังคมที่ต่างกัน ความคิดก็ต่างกัน คนแบบผม คนแบบเค้า เราจะปรับเข้ากันได้มั้ย เพราะไม่ได้คิดถึงแค่วันนี้ แต่สำหรับผมคิดถึงวันพรุ่งนี้ คิดถึงอนาคต อนาคตของเราสองคน เราเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ จนไม่รู้ว่าตอนนี้มันใกล้ชิดกันเท่าไหร่แล้ว แต่ที่รู้คือมันยากแล้วที่จะออกห่างจากกัน
“ คุณคีย์ " เสียงที่เรียกพร้อมกับท่อนแขนหนาที่ดึงผมเข้าไปกอด
“ ฟาน กอดทำไมคนเยอะแยะ " เพราะมันเป็นหน้ามหาลัย เค้าที่อยู่ๆดึงผมไปกอดแบบนั้น ใครๆก็ต้องมองอยู่แล้ว มือที่พยายามดันแต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดันจะกอดไว้แน่น " นี่..”
“ ขอผมกอดคุณหน่อยเถอะครับ ก็ผมดีใจนี่น่าที่คุณพูดแบบนั้นออกมา " หยุดมือที่กำลังจะผลักเค้ากะทันหันตอนที่ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ฟานก็บอก " ผมคิดว่ามีแค่ผมที่คิดไปคนเดียวซะอีกว่าอยากจะอยู่กับคุณไปตลอด ดีใจจัง ที่คุณเองก็คิดแบบผม "
“ ก็บอกแล้วไง ว่าถ้าอยู่ด้วยกันได้น่ะ "
“ ต้องอยู่ได้อยู่แล้ว "
“ มั่นใจอีกแล้วนะนาย " เค้าผละตัวออกจากตัวผม ที่ขมวดคิ้วมองอีกคนที่กำลังยิ้มกว้าง แล้วเห็นน่าหมั่นไส้จะมีความสุขอะไรเบอร์นั้น ผมเบือนหน้าหนีเค้าอีกคนก็เอียงหน้ามามอง " อะไรของนาย "
“ ผมมีอะไรอยากจะถามคุณคีย์หน่อย "
“ อะไรละ "
“ ทำไมถึงอยากจะอยู่กับผมตลอดไปเหรอ " คำถามตอบยากที่ชวนให้ผมนิ่งไป จะตอบว่าะไรดีละ เพราะความอบอุ่นของเค้า ความใส่ใจ ความมั่นใจเวลาเราไปไหนด้วยกัน ความรู้สึกที่ว่าต่อให้วันข้างหน้าหน้าตาผมจะเหี่ยวลง ผมที่มีสีดำอาจจะกลายเป็นสีขาว อาจจะไม่มีได้มีฟันสวยๆแบบนี้ แต่ก็คิดว่าฟานก็คงยังอยู่ข้างผมแน่ๆ คำตอบพวกนั้นที่จะตอบออกไปดูมั่นใจในตัวอีกคนเหลือเกิน มั่นใจเสียจนรู้สึกว่าถ้าผิดหวังขึ้นมาคงรู้สึกเจ็บไม่น้อย
“ นายทำข้าวปลาแซลมอนย่างเกลือที่ฉันชอบอร่อย ดีอะ " ฟานขมวดคิ้วก่อนจะจ้องหน้าผมงงๆ
“ แค่นั้นจริงๆเหรอครับ "
“ อื้ออ ถ้าฉันได้กินทุกวันมันคงดี ก็คิดแบบนั้นแหละเลยอยากให้ฟานอยู่ด้วยกันไปตลอด " ยักคิ้วบอกเค้าที่ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ
“ ปากแข็งอีกตามเคย " ฟานว่า ก่อนจะเงียบไปสักพัก " แต่ข่างเถอะ สักวันคุณก็บอกความจริงผมมาเองแหละ เหมือนอย่างเรื่องที่จะบอกว่า ชอบผมก็เหมือนกัน "
“ นี่..ฟาน " หัวใจของผมเหมือนถูกสะกิดความรู้สึกแย่พวกนั้นกลับมาอีกครั้ง มองเค้าด้วยแววตาหนักใจที่สื่ออกไปอย่างปิดไม่มิด
“ ครับ "
“ เรื่องที่ฉันไม่เคยบอกว่า ชอบนายน่ะ จริงๆแล้ว ฉัน..”
“ กังวลเรื่องนี้อยู่อีกเหรอ " เค้าถามผมก็พยักหน้ารับช้าๆ " บอกแล้วไงครับ ว่าผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม เรื่องที่คุณจะบอก จะบอกเมื่อไหร่ก็ได้ "
“ แต่นายไม่มั่นใจตัวฉันเพราะฉันไม่ยอมบอกไม่ใช่เหรอ วันนี้ที่เรามีปัญหากันก็เพราะเรื่องนี้ นายที่โกรธฉันก็เพราะเรื่องนี้ เพราะนายไม่มั่นใจในตัวฉัน "
“ ถึงมันจะเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่อยากให้คุณบอกเพียงเพราะว่าต้องบอกผมหรอกนะ ผมอยากจะให้คุณรู้สึกว่า ชอบผมมากจริงๆ ถึงจะพูดคำนั้นออกมา เหมือนที่ผมบอกคุณ เพราะรู้สึกว่าชอบจริงๆ ผมถึงพูดออกมา มันไม่มีค่าอะไรหรอก ถ้าคุณจะบอกว่าชอบผมเพียงเพราะอยากจะให้ผมมั่นใจในตัวคุณ คำว่าชอบที่บอก เพราะต้องบอก มันไม่มีค่าอะไรหรอก " เค้าพูดก่อนจะยิ้มจางๆ " ใช่ครับ มันอาจจะทำให้ผมเจ็บอยู่บ้างเวลาที่ไม่รู้ว่าตัวเองดีพอรึยังสำหรับคุณ ไม่รู้ว่าสิ่งทีทำไปคุณจะชอบ หรือว่าไม่ชอบ แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้นก็ยังอยากจะรอฟังคำที่คุณพูดว่าชอบ ในตอนที่รู้สึกชอบผมจริงๆมากกว่า ก็อย่างบอกไงครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณรู้สึกยังไง "
“ รู้อยู่แล้วจริงๆนะ " เงยหน้าถามเค้า อีกคนก็พยักหน้ารับ
“ อย่าทำหน้าอ้อนผมแบบนั้นสิครับ "
“ ฉันไม่อยากให้นายรู้สึกว่าฉันไม่รู้สึกอะไร เพราะมันไม่จริง ฉันรู้สึกนะ รู้สึกกับนายเหมือนอย่างที่นายรู้สึกกับฉัน "
“ ผมรู้ครับ " ฟานยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวผม " ไม่งั้นคุณไม่มาหาผมหรอก "
“ อื้อ " ตอบรับเค้าสั้นๆ เราที่เงียบให้กันและกัน ' คงต้องไปแล้ว ' ใจผมมันบอกตัวเองแบบนั้น แต่ว่าขาที่หยุดยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆกับงอแงไม่อยากจะจากไหนเลย " คงต้องกลับแล้วละมั้ง " ตัดสินใจพูดออกไปอีกคนก็พยักหน้ารับ
“ อาทิตย์หน้าเจอกันนะครับ "
“ จะโทรไปหารึเปล่า " ผมถามเค้า " ถ้าบอกว่าจะโทรฉันจะชาร์จแบตไว้รอนะ "
“ ผมจะโทรไปหาคุณทุกวันเลยครับ แล้วถ้าว่างก็จะไลน์หาด้วย "
“ จริงเหรอ " ผมถามย้ำ กลายเป็นคนงอแงไปเสียแล้ว งอแงที่กำลังจะจากไอ้ลูกหมาที่เคยบอกว่ารำคาญนักหนาเวลาที่มันอยู่ใกล้ๆ
“ จริงครับ จะไม่ปล่อยให้คิดถึงอีกแล้ว ไม่ทำหน้าแบบนี้สิ ผมรู้สึกผิดนะที่ไม่กลับบ้านน่ะ "
“ งั้นก็จ้องหน้าฉันแล้วรู้สึกผิดมากๆซะเดี๋ยวนี้เลยเราจะได้กลับไปด้วยกัน " พอบอกอีกคนแบบนั้นเค้าก็ดึงผมเข้าไปกอด " ทั้งๆที่ฉันควรมีความสุขแท้ๆในเวลาที่นายไม่อยู่ แต่กลับกันเลยรู้มั้ย เวลาที่นายไม่อยู่ ในห้องมันเงียบมากเลยนายรู้มั้ย เงียบจนน่ากลัว "
“ คุณคีย์ " ผมเผลอแสดงความรู้สึกจริงๆออกไปซะแล้ว ความรู้สึกที่ต้องทำให้ฟานเป็นห่วงแล้วต้องกลับไปทำงานด้วยความรู้สึกแย่ๆหลังจากผมกลับไป " ผม.. "
“ เพราะงั้นกลับไปทำงานของนายได้แล้วไป " ผมผละตัวเองออกจากเค้า " ตั้งใจทำงานของนายให้ดี เสร็จแล้วก็รีบกลับละกัน "
“ ครับผม คุณก็ดูแลตัวเองดีๆนะ ผมจะโทรหา "
“ อื้ออ " ตอบรับเค้าสั้นๆ ผมเห็นแท็กซี่ที่กำลังจะเข้ามาจอด ในตอนนั้นมือที่กวักมือเรียกเป็นสัญญาณ รถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาอยู่ๆผมก็หันไปหาเค้า ในตอนนั้นสมองมันอยากจะทำอะไรสักอย่างแบบชนิดที่ว่าลืมความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมข้างๆ ลืมสายตาของใครๆที่กำลังจะมองมา " ฟาน " ผมเรียกเค้าก่อนจะเขย่งตัวแล้วดึงคอเสื้อของอีกคนลงมาจูบเสียเนิ่นนาน " คิดถึงฉันด้วยนะ " คำพูดที่มาพร้อมแก้มแดงๆของผม ที่ตอนนั้นก็รีบวิ่งขึ้นรถไปทันทีอย่างไม่ทันได้ฟังอะไรจากอีกคนทั้งนั้น
ปิดประตูลงเสียงดัง พนักงานขับรถก็หันมามองหน้าผมที่กำลังหน้าแดงอยู่ในขณะนั้น เอ่ยบอกสถานที่ที่จะให้เค้าไปส่งแต่ทว่าเค้าก็พูดคำพูดบาดใจออกมาแค่สั้นๆ.. “ ส่งรถครับ "
“ ห๊า ? “
“ ส่งรถครับ ไปไม่ได้อะน้อง มันไกล ลงไปเถอะ " ให้กูลงไป ทั้งๆที่กูเขินเค้าแล้วเพิ่งกระโดดขึ้นรถมาอะนะ
“ เอ่อ..”
“ บอกว่าส่งรถไงครับ " เค้าย้ำ แล้วในตอนนั้นผมก็จำใจลงจากรถมาด้วยความรู้สึกเขินที่มีมากกว่า เพราะฟานยังคงยืนรออยู่ตรงนั้น
“ มีอะไรเหรอ " เค้าถามผมแบบกลั้นขำเอาไว้
“ ส่งรถ " ผมบอก อีกคนก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ "
“ อายอะ ยังจะมาหัวเราะอีก " ผมบอกตอนที่เบือนหน้าหนีเค้าอีกคนก็หยุดขำก่อนจะพยักหน้ารับ
“ ไม่หัวเราะแล้วครับ ไม่หัวเราะแล้ว "
“ หยุดยิ้มเลยด้วย "
“ โอเค หยุดยิ้ม " แต่ก็ยังเห็นว่ายังยิ้มอยู่ดีนั่นแหละ ฟานที่เอื้อมมือมากอดผม " นี่แหละที่ทำให้ผมชอบคุณ ก็คุณน่ารักแบบนี้ไง "
“ ไม่ต้องมาพูดมาก เรียกเท็กซี่ให้เลย "
“ โอเคครับ เรียกก็เรียก " ฟานกวักมือเรียกเท็กซี่ให้ผม เค้าเปิดประตูถามคนขับก่อนจะหันมาพยักหน้าให้ผม " เค้าไปครับ เชิญเลย "
“ แล้วทำไมคันนี้ไม่มาเมื่อกี้ " ผมพูดบ่น ฟานก็ยิ้มกว้างพลางเปิดประตูให้ ก่อนที่เค้าจะเรียกผมไว้
“ คุณคีย์ "
“ หื้ม ? “ แล้วในตอนที่หันไปริมฝีปากก็ถูกช่วงชิงจูบไปเสียแบบไม่ทันตั้งตัว
“ คิดถึงผมด้วยนะ "
“ รู้แล้วละน่า พูดมาก " เข้าไปนั่งในรถผมที่ก้มหน้างุดอยู่ตอนนั้นก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป ผมมองฟานผ่านกระจกมองข้างที่อีกคนก็ยังยืนรออยู่ตรงนั้น
' คิดถึงฉันด้วยละ ' เพราะอยากให้เค้าคิดถึงผมเหมือนกัน เหมือนอย่างที่ผมก็คงต้องคิดถึงเค้าแน่ๆ
............................................
ไม่รู้จะคอมเม้นท์ตอนนี้ยังไง
มันเหมือนเป็นความรู้สึกกึ่งๆ เพราะงั้นเราจะรอให้คนอ่านแสดงความคิดเห็นแทน
ทางทวิตแท็ก #ฟานคีย์
ทางเฟส ใต้โพส
ทางเล้า เม้นท์ได้ตามสะดวก
แต่ส่วนตัวมองว่า ดีแล้วเหรอ ที่ปล่อยทุกอย่างไว้แบบนั้น
เค้าที่ไม่โกรธ เราก็ปล่อยผ่านไป เคยอ่านการ์ตูนเรื่องนึงมันมีคำพูดที่บอกว่า
" รักเรื่อยๆ มักเกิดปัญหา "
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่าา
