ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 25
' ผมอยากเป็นโฮส '
“ ผมอยากขอลองสมัครเป็นโฮสบริษัทคุณน่ะ ให้ผมทำนะ " นิ่งฟังแววตากลมๆที่จ้องมาทางผมด้วยความสนใจ ผ่อนลมหายใจออกมาขอทายเลยว่าถ้าบอกว่า 'ไม่' อีกฝ่ายต้องดื้อดึงจนถึงที่สุดแบบไม่ยอมแพ้แน่ๆ
“ ไม่ให้สมัคร "
“ ทำไมละ! ทำไมสมัครไม่ได้ " นั่นไง ผิดจากที่คิดซะที่ไหนละ เบือนหน้าหนีอีกคนที่ยังคงทำหน้างอนแบบไม่เข้าใจ ใบหน้าหวานของคนตัวเล็กข้างหน้าแก้มกลมๆที่เสริมให้ทุกอย่างดูน่ารัก รูปลักษณ์ของลูกค้าคนแรกที่ชวนให้ผมตกหลุมรักและยิ่งตกหลุมรักมากขึ้นกับความคิดของเค้าที่พูดออกมา ไม่รู้ว่าเพราะชอบคนหน้าตาแบบนั้นแล้วก็อวยไปเองรึเปล่าว่าเค้ามีความคิดที่ดีก็เลยตัดสินใจสารภาพคำว่าชอบออกไปตรงๆ ทั้งๆที่เป็นกฏเข้มงวดของงานโฮสอยู่แล้วว่าไม่ควรทำ " บอกเหตุผลผมมาหน่อยว่าทำไมไม่ได้ "
“ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ "
“ นั่นไม่ใช่เหตุผล " เค้าที่เถียงออกมา ก็คิดไว้แล้วว่าอีกคนต้องดื้อ แต่ไม่คิดว่าจะดื้ออะไรขนาดนี้ " หวงเหรอครับ " คำพูดตรงๆที่ชวนให้ผมหันไปมองหน้าเค้า สบแววตาที่กำลังตั้งคำถามมันไม่มีคำอื่นที่จะต้องตอบหรอกยกเว้นแค่พยักหน้ารับอีกคนไปตรงๆอย่างที่เค้าเข้าใจ
“ ใช่ ฉันหวงนาย "
“ อะไรกันน่ะ ผมยังให้คุณทำได้เลย "
“ นั่นมันไม่เหมือนกัน " จะอธิบายยังไงให้คนตรงหน้าเข้าใจดี คำพูดที่บอกว่าไม่อยากจะให้ใครมายุ่งกับเค้าเหมือนที่เราโดนบ่อยๆ ' ฉันโทรหานายเป็นการส่วนตัวได้มั้ย ' หรือไม่ก็ ' ถ้าหลังจากนี้เรามาเจอกันอีกในฐานะอื่นจะได้มั้ย ' หลากหลายคำชวนที่แค่คิดว่าถ้าคนตรงหน้าถูกชวนแล้วจะปฏิเสธยังไง ถึงมันจะมีกฏที่ระบุเอาไว้ว่าห้ามพูดคุยกันนอกเหนือเรื่องที่ปรึกษา หรือกฏที่ว่าห้ามสานต่อความสัมพันธ์ใดๆกับลูกค้า แต่คนเราบางทีถ้าถูกใจจริงๆก็ชอบแหกกฏข้อบังคับเหล่านั้น ไม่ต้องพูดถึงใครคนอื่นหรอก ดูอย่างเรามาเป็นแฟนกันได้ก็เพราะการแหกกฏนั่นแหละ แล้วแบบนั้นจะไม่ให้หวงได้ไง
“ มันไม่เหมือนกันยังไง จะบอกว่าเพราะว่าคุณเป็นเจ้าของแล้วก็ทำงานนี้มานานก่อนจะเจอผมเหรอ "
“ ก็ใช่ " ผมตอบอีกคนก็ยังดื้อไม่ฟังอะไรอยู่ดี " นี่ อย่าทำเลยน่า ทำงานของนายอย่างเดียวนั่นก็พอแล้ว นายทำไม่ได้หรอก "
“ ทำไมถึงจะทำไม่ได้ " พอพูดอะไรไม่เข้าหูสักหน่อยก็ดันยั๊วะขึ้นมาอีกผมที่ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาไม่รู้จะพูดยังไงดีแล้วกับคนตรงหน้า " คุณยังไม่ได้สัมภาษณ์ผมเลยว่าผมจะทำได้รึเปล่า แต่ก็มาบอกว่าผมทำไม่ได้แล้ว ผมน่ะเก่งนะ "
“ เก่งยังไง " กอดอกถามเค้าตอนที่นั่งลงบนโซฟาอีกคนก็เดินมายืนตรงหน้าด้วยท่าทางที่เหมือนจะหาเรื่องกัน
“ ผมน่ะ ให้คำปรึกษาเพื่อนตัวเองเรื่องความรักอยู่บ่อยๆ " เบือนหน้าหนีอีกคนที่เอามือกอดอกตัวเองแล้วพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ เค้าจะรู้มั้ยว่ามันไม่เหมือนกัน การให้คำปรึกษาของเพื่อนกับการให้คำปรึกษาแบบโฮสน่ะ
“ มันไม่เหมือนกันหรอกนะครับ " บอกแบบนั้นตอนที่ดึงอีกคนเข้ามากอดแล้วล้มตัวลงนอนโซฟา เสียงโวยวายดังๆของลิปที่ทับอยู่บนตัวผม เค้าเม้มริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด เสียงที่กำลังจะเถียงออกมาผมก้มลงจูบปิดริมฝีปากนั้นโอบกอดเค้าไว้แน่นก่อนจะลุกล้ำเข้าไปมากกว่านั้น ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะดึงให้เค้ามานอนเบียดใกล้ๆ
ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะทำอะไรมากกว่านี้ ก็อยากทำแต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้มากกว่า ผมไม่ใช่คนดีอะไรในเรื่องแบบนั้น ซ้ำยังชอบอะไรที่มันดูไม่เหมือนกับคนอื่น กลัวว่าการมีอะไรกันในครั้งเดียวของเราจะทำให้เค้าตกใจแล้วเลิกที่จะคบหากัน ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนไม่เคยซีเรียสกับการคบใคร ไม่เคยสน ว่าจะเลิกหรือจะคบต่อ อาจเพราะตัวเองเป็นคนที่มีอาชีพแบบนี้เลยไม่คาดหวังความเข้าใจจากใครทั้งนั้น เราเลิกเป็นตัวเราไม่ได้นั่นคือสิ่งที่ผมคิดมาตลอด
แต่ทุกอย่างมันก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากคนไม่สนอะไร ก็กลายเป็นว่าแคร์เค้าไปทุกเรื่อง จนเกิดความสงสัยว่า ตัวผม ใจผม มันจะเปลี่ยนไปเพื่อคนคนนี้ได้ถึงขนาดไหนนะ
“ คุณเมษ " ลิปเอ่ยเรียกผมตอนที่หันไปมองอีกคนที่นอนอยู่ข้างๆ เค้าก็พูดขึ้นเสียงเบาๆ " ผมอยากจะลองทำงานเป็นโฮสจริงๆนะ "
“ ทำไมถึงได้ดื้ออะไรขนาดนี้นะ " พอทำหน้าดุอีกคนก็ก้มหน้าหลบ ใบหน้าน่ารักที่เหลือบมองผมเป็นระยะ " บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ไง ฉันไม่อยากให้นายทำ "
“ ขอผมลองครั้งเดียวก็ไม่ได้เหรอคุณ " ยังจะมาต่อรองอีก
“ ต่อไปนี้ถ้านายพูดเรื่องจะมาเป็นโอสกับฉันอีก ฉันจะจูบปากนายจนกว่านายจะหยุดพูด " ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากันอัตโนมัติผมผ่อนลมหายใจออกมา ให้มันได้แบบนี้สิ ถึงกับต้องขู่จะได้เข้าใจกัน
นอนกอดกันอยู่บนโซฟาเงียบๆ ตอนที่หันไปมองอีกคนที่ยังคงจ้องผมตาปริบๆ เราเงียบกันมาได้สักพักแล้วอย่างไม่รู้จะพูดอะไร คงเพราะอีกฝ่ายหวังอยากจะพูดเรื่องนั้นอีกแต่พอบอกว่า ถ้าพูดจะจูบก็เลยหยุดที่จะพูดไป " อยากจะกินอะไรหน่อยมั้ย "
“ วันนี้ไม่ค่อยหิวน่ะ อยากจะกลับบ้านมากกว่า " ลิปลุกขึ้นมานั่งบนเค้าที่ผ่อนลมหายใจออกมา ผมมองนาฬิกาที่เผลอแปปเดียวก็จะทุ่มนึงแล้ว
“ โกรธฉันรึไง ที่ไม่ยอมให้นายเป็นโฮส " เค้าไม่ตอบแต่แสดงสีหน้าด้วยการเบือนหน้าหนีผมแทน " ลิป "
“ ก็ถ้าผมพูด คุณก็ต้องจูบผม แล้วจะให้ผมพูดยังไง " หลุดยิ้มออกมากับคำพูดของเค้า ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ
“ ก็นึกว่าอยากจะให้จูบนะ เห็นดื้อเถียงอยู่ได้ตั้งนาน "
“ ใช่ที่ไหนกันละ "
“ งั้นหนนี้ฉันจะไม่จูบนาย งั้นพูดมาสิ " มองตาเค้าที่ก็จ้องมองผม
“ ผมไม่ได้โกรธ แต่ที่อยากจะเป็นเพราะอยากรู้ว่างานของคุณมันเป็นยังไง อยากรู้ว่าคุณที่มารับผมสาย คืนคืนนึงต้องทำอะไรบ้าง ก็เท่านั้นเอง คุณให้ผมเป็นเถอะ แค่ครั้งสองครั้งก็ได้ " ฝ่ามือที่เอื้อมมาจับมือผม เค้าที่พยักหน้าน้อยๆอ้อนกัน
“ มันไม่ได้มีเรื่องอะไรที่น่ารู้หรอก เอาเป็นว่ายังไงก็ไม่ได้ เลิกหวังได้เลยครับ " ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ลิปที่เบือนหน้าหนีผมก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ตู้เย็น " งอนกันอีก "
“ เปล่างอนสักหน่อย ก็แค่เซ็งๆ " เค้าพูดก่อนจะกดน้ำที่หน้าตู้เย็นขึ้นมากิน ผ่อนลมหายใจออกมาช้า " งั้นผมกลับบ้านก่อนนะ "
“ จะกลับแล้วเหรอ "
“ อื้ม คุณโอเคแล้วนี่น่า เรื่องที่เครียดอยู่น่ะ "
“ ถ้าบอกว่าไม่โอเค นายจะยังอยู่ต่อมั้ยละ " ผมถามพลางค้ำหน้ากับพนักพิงโซฟาเพื่ออ้อนเค้า
“ ยังมีอะไรที่ไม่โอเคอีกเหรอ " ร่างบางที่เดินมาหาก้มหน้าลงจูบริมฝีปากของผมก่อนจะยิ้มให้ " ถ้ามีอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะ "
“ การโทรคุยกันมันไม่ได้เหมือนอยู่ด้วยกันนะคุณ นอนที่นี่ไม่ได้เหรอ " คำถามที่ชวนให้มือที่กำลังหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพายหยุดชะงัก " ใส่เสื้อผ้าของผมไปทำงานก็ได้พรุ่งนี้น่ะ "
“ เสื้อผ้าของคุณ มันใช่ไซส์ผมซะที่ไหนละ " เค้าตอบก่อนจะถอนหายใจออกมา " คุณเมษ " มือบางจับแก้มของผม เค้าที่จ้องตามองมาไม่ต่างอะไรกับเด็กตัวเล็กๆที่กำลังอ้อนให้ใครสักคนให้อยู่ด้วย " แล้วตอนนี้อยากจะทำอะไรละครับ "
“ อยากจะให้นายอยู่กับฉัน "
“ งั้นผมทำอะไรให้กินมั้ย "
“ ฉันไม่หิว " บอกไปตามตรงอีกคนก็เอียงหน้าคิด
“ งั้นจะให้ทำอะไรละ แค่นั่งอยู่เฉยๆน่ะเหรอ " เค้าถาม " งั้นดูหนังมั้ยละ เปิดทีวีดูกัน "
“ ฉันอยากจะมีอะไรกับนาย " แม้จะพูดออกไปทีเล่นทีจริงแต่อีกคนที่เงียบไปนั้นก่อนดึงตัวเองยืนตรงก่อนจะมองซ้ายมองขวาราวกับคนเขินที่ทำตัวไม่ถูก
“ พูดอะไรแบบนั้นละคุณ "
“ ก็แค่พูดความจริงมันผิดรึไง " ผมบอก อีกคนก็ถอนหายใจออกมา
“ ทีเมื่อกี้อารมณ์กำลังพาไปแล้วหยุดทำไมละ หยุดเพื่อมาขอกันหน้าด้านๆแบบนี้น่ะเหรอ " ใบหน้าหวานขมวดคิ้วหน้าแดงผมก็หลุดขำ
“ เมื่อกี้มีอารมณ์แล้วเหรอ "
“ ก็ล้วงเข้ามาทำไมเล่า ลูบอยู่ได้ " เค้าเถียงแบบเอาแต่ใจ ผมก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปกอดเค้าไว้ ลำตัวบางที่แข็งทื่อไปผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ " บางทีก็ไม่เข้าใจเลยว่าคุณเป็นคนยังไงกันแน่ "
“ ฉันก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน " ผละตัวเองออกมองหน้าเค้าที่ก็เงยมองผม " บางทีนายก็น่ารัก มีเหตุผล บางทีก็ไม่มี บางทีก็ดื้อ บางทีก็เอาแต่ใจ บางทีก็น่าตี น่าจัดการเหลือเกิน " ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดต่อ " ฉันอยากมีอะไรกับนายนะ แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะสำหรับฉันมันไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์นะ "
“ ตามใจคุณก็แล้วกัน " ลิปพูดแบบบอกปัดก่อนจะหันหน้าไปมองทางอื่น " แล้วตอนนี้จะให้อยู่ด้วย แล้วจะชวนทำอะไรล่ะ ข้าวก็ไม่อยากจะกิน หนังก็ไม่อยากจะดู "
“ นั่งเฉยๆไม่ได้เหรอ แค่อยากจะอยู่ด้วยกันไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น " นั่นคือความรู้สึกของผม แค่อยากจะนั่งกอดเค้าเราไม่ต้องคุยกันเรื่องเครียดๆอะไรทั้งนั้นแค่นั่งเฉยๆ แค่กอดกัน กอดไว้เหมือนอย่างที่กอดไว้ตอนนี้
ครืน ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ของผมที่ดังขึ้นชวนให้จำใจผละมือออกจากอ้อมกอดของเค้า ก้มลงไปจูบปากอีกคนเบาๆก่อนจะเดินมารับสายโทรศัพท์ที่เพียงแค่มองชื่อก็ทำให้นิ่งคิดอยู่สักพัก ผมกดปิดเสียงก่อนจะวางมันไว้ที่เดิมอีกคนก็ถาม
“ ไม่รับสายล่ะครับ "
“ ไว้ค่อยรับก็แล้วกัน " พอพูดออกไปแบบนั้นลิปก็ยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมา เหมือนเค้าจะอ่านสถานการณ์ในตอนนั้นออก มือบางคว้าเอากระเป๋าของตัวเองขึ้นสะพายบ่าก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผม
“ กลับก่อนดีกว่า คุณจะได้ทำงาน ดูเหมือนจะมีงานทำแล้วใช่มั้ยละ "
“ ลิป " เอ่ยเรียกเค้าไว้ อีกคนก็เดินมาหาก่อนจะจูบผมเบาๆที่ข้างแก้ม
“ ฝันดีนะครับ ไว้ถ้ามีอะไรก็โทรไปแล้วกัน "
“ อื้ม " ผมตอบรับสั้นๆอีกคนก็เดินออกไปจากคอนโดของผม ถอนหายใจออกมาตอนที่หันไปมองโทรศัพท์ของตัวเอง ถ้าเค้ารู้ใครโทรมาจะออกไปง่ายๆแบบนั้นมั้ยนะ
คว้าเอาบุหรี่ที่เมื่อกี้ไม่ได้สูบก่อนจะเปิดประตูเดินออกไปข้างนอกก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่ระเบียง จุดบุหรี่สูบอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจโทรกลับหาผู้หญิงคนนั้น ' คุณมาเรีย ' คนที่เคยช่วยเหลือไว้ตลอด แต่ก็ตัดความสัมพันธ์ไปตั้งแต่ครั้งที่พาลิปไปเจอเค้า
“ ทำไมโทรกลับมาช้าจัง เธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่ชอบคอย " คำพูดแรกที่เอ่ยออกมา ผมผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆเธอก็หลุดหัวเราะ " งานช่วงนี้เป็นยังไงบ้างละ ดีมั้ย "
“ ก็ดีตามสภาพของมันหลังจากที่โดนบทความของสื่อบางสำนักโจมตีไป "
“ เธอใช้คำว่าโจมตีเลยเหรอ " อีกฝ่ายหัวเราะ ผมก็ยกยิ้มออกมา
ปัญหาที่เกิดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ที่ก่อตั้งบริษัทโฮสนี้ขึ้นมา เพื่อนร่วมหุ้นอย่าง ' โท ' ที่โทรมาเล่าด้วยความกังวลใจ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดขึ้นจากใคร พอได้อ่านเองก็ยิ่งเข้าใจแค่ชื่อเว็บไซต์ก็รู้แล้วว่าอยู่ในเครือของคนที่ผมรู้จักดี มันคงเป็นเธอที่พยายามบอกผมให้รู้ว่า เธอไม่พอใจกับการที่ผมพาลิปไปเจอและไปบอกว่า นั่นคือคนรัก ทั้งๆที่ความสัมพันธ์ของเราก็ไม่มีอะไรแต่แค่ ยังผูกมัดกันไว้ด้วยเซ็กส์ที่เธอชอบ " ใจร้ายจังนะ แต่เธอก็ใจร้ายกับฉันก่อน "
“ ผมใจร้ายยังไง "
“ เธอใจร้ายที่พาเค้ามาแนะนำกับฉัน ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันน่ะจะโกรธนะถ้าคนที่ฉันรักไม่รักษาน้ำใจของฉัน " ถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ฟังก็คิดไว้แล้วว่าอีกคนน่าจะไม่จบลงง่ายๆแต่แค่ไม่คิดว่าจะทำกันถึงขนาดนี้ เพราะยังคิดในแง่ดีถึงคำพูดที่อีกคนพูดว่า อย่างน้อยเราก็เป็น เพื่อนกันได้ แต่นั่นก็แค่คำพูดหรูหราที่อีกคนบอกเพื่อให้ตัวเองดูดี และน่าเกรงขามต่อหน้าเจ้าตัวเล็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างก็ลิปเท่านั้น
' คุณมาเรีย ' เป็นผู้หญิงที่เข้ามาใช้บริการผมมากที่สุดในสมัยที่ยังเป็นแค่นักศึกษามหาลัยที่ยังคงใช้ทุนเรียนและหางานพิเศษทำไปด้วย ทั้งค่าใช้จ่ายทุกอย่างแค่เงินจากงานพิเศษไม่พอใช้ ก็เลยต้องออกมาหางานพิเศษแบบนั้นกับเพื่อนสนิทอย่างไอ้โทที่ก็ไม่มีเงินเหมือนกัน
เราเป็นแค่เด็กบ้านนอกสองคนที่ต้องปากกัดตีนถีบในเมืองหลวงโดยที่พ่อแม่ไม่ได้ใยดีอะไร แต่นั่นก็ถูกแล้ว ลำพังตัวเองยังไม่ค่อยจะมีกินจะเอาเงินที่ไหนส่งลูกมาเรียน แค่ค่าเดินทางกับค่าตั้งต้นที่ออกให้ก็เต็มกลืนจนต้องกู้หนี้ยืมสินแล้ว ในครั้งแรกที่ผมพบเธอ เธอขับรถมาชวนผมจากคำบอกเล่าของเพื่อนที่เคยใช้บริการ แล้วหลังจากนั้นผมก็ถูกผูกมัดแล้วให้บริการเธอมาตลอด เป็นทั้งเพื่อนเที่ยว เป็นทั้งคู่นอน เวลาที่มีคนอยากจะใช้บริการผม เธอจะจ่ายให้ผมมากเป็นสามเท่าเพื่อให้ผมตัดสินใจเลือกเธอ
ผมบริการทุกอย่างอย่างดีในสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะเรื่อง เซ็กส์ เพราะมันคือสิ่งที่เธอต้องการมากที่สุด เราเคยไปเที่ยวต่างประเทศนอนโรงแรมหรูหราแต่ขังตัวเองอยู่นั้นมีอะไรกันทั้งวันทั้งคืน สั่งอาหารจากข้างล่างมากิน กินแล้วแล้วทำ ทำเสร็จเหนื่อยก็กิน เป็นผู้หญิงที่มอบโอกาสหลายๆอย่างให้ด้วยเงินหนาๆของเธอ และโอกาสที่ดีที่สุดที่เธอมอบให้ก็คือ ' เมษนายไม่ลองอยากจะเป็นเจ้าของบริษัทโฮสดูบ้างละ '
เธอเป็นคนหัวธุรกิจอะไรที่เธอจับต้องและเริ่มบริหารไม่มีคำว่าขาดทุน พอคิดแบบนั้นก็เคยคว้าเหยื่อชิ้นใหญ่นั่นไว้ทั้งๆที่เพื่อนสนิทอย่างโท ก็ได้เตือนเอาไว้แล้วว่า ' คนที่ทำธุรกิจ เค้าไม่ทำธุรกิจให้คนอื่นฟรีๆเพื่อไม่หวังผลหรอกนะ ' สำหรับผมตอนนั้นก็แค่คิดว่า ถ้าจะมีเซ็กส์กับเธอไปตลอดนั่นไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะคนอย่างผมก็ไม่คิดจะมีใครเป็นจริงเป็นจังอยู่แล้ว ผมคว้าโอกาสนั้นโดยไม่รีรอ โอกาสที่สร้างรายได้ให้ผมต่อปีเป็นเงินมหาศาล เงินที่ต่อยอดทำอะไรได้มากมาย ไม่ว่าจะซื้อบ้านหลังใหม่ให้พ่อแม่ ซื้อคอนโดสุดหรู ซื้อบ้านให้ตัวเองอีกหลัง หรือแม้แต่รถราคาแพงสักคัน
“ ฉันเป็นคนที่ให้เธอทุกอย่าง แล้วสุดท้ายเธอก็ทำกับฉันแบบนี้นะเหรอ คิดดูสิ ว่าใครจะสนใจเธอ เด็กคนนั้นจะสนใจเธอเหรอ ถ้าเธอเป็นแค่เมษคนที่ฉันรู้จักครั้งแรก คนที่ยังไม่มีอะไร ไม่ใช่เจ้าของบริษัทโฮสที่มีรายได้มากขนาดนี้ ฉันที่ให้ทุกอย่างกับเธอในตอนที่เธอลำบาก สุดท้ายพอไปได้ดีก็มาตีตัวจากฉันไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันใช้ได้เหรอ "
“ แล้วทำไมไม่พูดคำพูดพวกนั้นตั้งแรกละ ทำไมไม่พูดกับลิปด้วยประโยคที่พูดกับผมล่ะ ก่อนหน้านี้คุณบอกกับผมว่า อยากจะให้ผมมีชีวิตของผม คุณคงไม่มีเวลามามีเที่ยวเล่นกับผมแล้ว คุณอยากจะใช้ชีวิตกับครอบครัวเพราะลูกสาว ไม่ใช่เหรอ " ยังจำได้ที่เธอบอก ตอนที่เรามีเซ็กส์กันครั้งล่าสุดเมื่อปีก่อน เธอบอกว่าจะหยุดการทำแบบนี้เพราะลูกสาวเริ่มจะเข้ามหาลัยแล้วอยากจะอยู่กับลูกมากๆ คำพูดสวยหรูที่บอกว่า ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอไม่ต้องห่วงผมแล้วเพราะว่าผมจะมีชีวิตที่ดี เธอบอกแบบนั้น " สุดท้ายก็แค่หวงก้างผมพูดถูกใช่มั้ย "
“ แล้วทำไมฉันจะไม่มีสิทธิทำอะไรแบบนั้นละ เมื่อฉันเองก็ลงทุนให้กับเธอทุกอย่าง ที่มีวันนี้ได้ก็เพราะว่าเงินของฉันไม่ใช่เหรอ แล้วมันจะผิดอะไรล่ะ ในเมื่อวันนึงที่ฉันไม่อยากจะใช้บริการเธอแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากจะเห็นเธอที่เป็นเหมือนเดิม และไม่เป็นของใคร "
“ คุณจะพูดว่า คุณลงทุนให้ผมทุกอย่างก็คงไม่ใช่ทั้งหมดหรอกมั้ง คุณคิดเข้าข้างตัวเองเกินไปนะ "
“ เมษ "
“ การทำงานโฮสคือการซื้อของแลกเปลี่ยน คุณให้เงิน ผมให้เซ็กส์ ผมให้การบริการที่ดี แต่คุณพูดเหมือนผมไม่ต้องให้อะไรคุณ แล้วคุณก็เอาเงินมาให้ผมฟรีๆ ผมถึงต้องฟังข้อเรียกร้องนู้นนี่นั่นของคุณ ทั้งๆที่ทุกอย่างมันก็แค่ คุณไม่อยากให้ผมมีใครผมพูดถูกมั้ยละ "
“ แต่ฉันก็ให้เธอมากกว่าใคร ฉันจ่ายให้เธอหลายเท่า "
“ เพราะคุณเสนอมาเอง แล้วผมก็ไม่เคยร้องขอว่า ต้องให้ผมมากกว่าคนอื่นสองสามเท่า คุณเสมอให้ผมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร แต่ผมว่า การบริการของผมมันก็ไม่ได้น้อยหน้ากว่าเงินที่คุณเสียให้นิครับ " คำพูดที่ทำให้อีกฝ่ายเงียบ " ผมขอบคุณสำหรับโอกาสที่หยิบยื่นมาให้ ขอบคุณที่คุณติดใจแล้วก็เลือกผมมาตลอด ขอบคุณที่สร้างงานแล้วก็คิดวางแผนระบบบริษัทเล็กๆให้ผม นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าคุณคือผู้มีพระคุณของผมมาตลอด ผมคิดว่าตัวเองโชคดีที่เจอคนอย่างคุณ เพราะงั้นอย่างทำให้ตอนนี้ตัวผมต้องมาคิดว่า ผมโชคร้ายเลยนะ "
“ เธอดูท่าทางจะติดใจเด็กหนุ่มคนนั้นจังเลยนะ เค้ามีอะไรดีรึไง หรือว่า โฮสของเธอตอนนี้มันเปลี่ยนจากแค่ให้คำปรึกษาไปบริการเรื่องแบบนั้นด้วย "
“ ผมไม่ได้ติดใจเค้าในเรื่องแบบนั้น แล้วที่คุยกับคุณอยู่ตอนนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเค้าเลย ผมกำลังคุยเรื่องของเราอยู่ตังหาก เรื่องที่คุณลงทุนเขียนบทความงี่เง่าแบบนั้นโจมตีบริษัทของผม ใช้คำพูดที่ส่อถึงเรื่องเพศ การบริการเรื่องอย่างว่า ทั้งๆที่บริษัทของเราไม่ได้มีเรื่องแบบนั้นมาข้องเกี่ยว เพียงเพราะแค่ไม่พอใจที่ผม พาแฟนไปแนะนำ "
“ เหตุผลที่ฉันไม่พอใจ มันน้อยไปเหรอ " เธอถาม " ฉันต้องยิ้มรับความรักของเธอเหรอ ในเมื่อฉันเองไม่ได้เธอมาครอบครองทั้งๆที่ก็อยากจะได้ ฉันที่ต้องจำใจเลือกครอบครัวทางนี้ แล้วทิ้งเธอ ทำไมละ ? ฉันเป็นเจ้าของเธอนะ นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดแล้วฉันผิดรึไง ? ฉันที่คอยอุ้มชู้เธอ จะพูดอะไรกับเธอก็ได้ไม่ถูกเหรอ แล้วมันแปลกอะไร ถ้าฉันจะไม่พอใจแล้วเลือกที่จะทำร้ายเธอ ในเมื่อเธอทำร้ายฉันก่อน "
“ เลิกคิดว่า ตัวคุณเป็นเจ้าของของผมเถอะ สำหรับเรา ไม่มีอะไรที่ติดค้างกันอีกแล้วนะ คุณให้เงิน ผมให้บริการ ทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว เพราะครั้งหลังๆตั้งแต่ที่ผมเปิดบริษัทคุณไม่เคยให้เงินค่าบริการผมเลยด้วยซ้ำ คุณยังติดค้างหนี้ค่าบริการของผมด้วยซ้ำไปนะ แต่ก็คิดว่าเราเหมือนเพื่อนเก่าในตอนนั้นผมยังไม่มีใคร ทุกอย่างมันก็ได้แหละ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว "
“ แล้วถ้าฉันจะนัดเธออีกล่ะ มามีอะไรกับฉันได้มั้ย "
“ ผมขอปฎิเสธครับ "
“ ถ้าฉันจ่ายให้เธอ สามล้านละ จะมามั้ย "
“ ขอปฎิเสธครับ " ผมบอกเธอสั้นๆอีกคนก็ถอนหายใจออกมา
“ คิดดีแล้วเหรอเมษ ที่จะมีชีวิตที่มีคนรักแบบจริงจังเหมือนคนอื่นๆ ทั้งๆที่ตัวเองก็ทำงานเป็นโฮสที่ต้องคอยบริการผู้หญิงคนอื่นมากมาย นายคิดว่าเค้าจะรับได้เหรอ ที่นายเป็นแบบนั้น ความรักน่ะ มันเป็นความรู้สึกที่เห็นแก่ตัวมากกว่าที่นายคิดนะ และการทำเพื่อใครสักคนนึงบางทีผลตอบแทนมันอาจจะไม่ได้มาอย่างที่คิดก็ได้ สักวันเธออาจจะเสียเค้าไปก็ได้ แล้วแบบนั้นสิ่งที่ทุ่มเทเพื่อเค้าไปมันจะคุ้มกันเหรอ "
“ ถึงจะเป้นอย่างงั้น ถ้าใจอยากจะทำอะไร ผมก็อยากจะลองทำตามใจตัวเองดูครับ "
“ แม้ว่าจะเสียรายได้ส่วนนี้ไปน่ะเหรอ "
“ ครับ " ผมตอบเธอเพียงสั้นๆ ก่อนที่สายนั้นจะถูกตัดไปวางมือถือลงบนโต๊ะ ถอนหายใจออกมากับคำเตือนบอกให้รู้ว่าเธอเองก็คงไม่ยอมให้เรื่องนี้มันจบง่ายๆ ส่วนผมเองก็ไม่ยอมจำนนเพียงแค่คำขู่ไร้สาระแบบนั้นเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องความรักก็ตาม
....................................................
ครืน ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากโต๊ะทำงานให้ระหว่างกำลังเช็คภาพที่ถ่ายอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผมละสายตาไปมองมันก่อนจะหยิบขึ้นมากดรับพลางเดินออกไปจากสตูดิโอถ่ายภาพที่กำลังเตรียมเซ็ตสถานที่เพื่อถ่ายแบบเซ็ตต่อไป " เดี๋ยวมานะ " ผมบอกกับรุ่นน้องที่พยักหน้ารับ ก่อนจะกดรับสาย " ว่าไงมึง "
“ ทำอะไรอยู่ว่ะ รับสายช้าชะมัด "
“ ทำมาหากินสิว่ะ มึงเห็นกูเป็นคนว่างงานที่จะว่างรับสายมึงมากเลยรึไง ไอ้หัวหน้าวิศวกร " ยกยิ้มออกมาตอนที่ตัวเองพูดไปแบบนั้น ปลายสายไม่ใช่ใครที่ไหนเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ตั้งบริษัทโฮสมาด้วยกัน แถมยังเคยเป็นโฮสเหมือนๆกัน อย่างไอ้โท ที่ตอนนี้นอกจจะเป็นรองประธานบริษัทโฮสแล้วมันจะยังพ่วงด้วยตำแหน่งวิศวะกรในบริษัทผลิตรถยนต์แห่งหนึ่งด้วย " แล้วโทรมามีอะไร "
“ มีข่าวดี " มันบอก " มึงบอกให้กูเปิดรับสมัครโฮสคนใหม่ใช่มั้ยละ "
“ อ่าห๊ะ " พยักหน้ารับก่อนจะหยิบบุหรี่ในกระเป๋าขึ้นมาจุดสูบ ผมเดินไปที่ระเบียงข้างนอกอาคารก่อนจะนั่งยืนพิงกับระเบียงแล้วผ่อนควันออกมา " แล้วยังไง "
“ กูหาโฮสคนใหม่ให้มึงได้แล้วนะ "
“ เร็วจัง "
“ กูคิดว่ามันคงเป็นโชคชะตาว่ะ มึงลองคิดดูดิ แค่เปิดรับสมัครไปแปปเดียวอยู่ๆเค้าก็ส่งใบสมัครมา "
“ แล้วเป็นยังไง อาชีพ หน้าตา "
“ จัดว่าเหมาะสม ก็อย่างทุกที การงานดีนะ หน้าตาบุคคิคก็ดี น่ารัก "
“ น่ารัก ? “ ผมทวนเสียงอีกคนก็ขานรับเสียงยาวๆ
“ อื้มมมมมมม น่ารัก กูถูกใจเลยนัดสัมภาษณ์เค้าไปแล้วเมื่อตอนเที่ยงกูว่างพอดีเลยนัดเค้าสัมภาษณ์ที่ใต้ตึกบริษัทเค้า "
“ แล้วเป็นยังไง "
“ ทุกอย่างผ่านหมด ทุกอย่างดีมาก ทั้งความคิดที่ต่อการเป็นโฮส ทั้งคำพูดในเหตุการณ์สมมุติที่กูถามออกไปแล้วเค้าตอบ คือมันแบบ มึงคือมึงเข้าใจคำว่า หน้าตาเยียวยาจิตใจคนได้ปะ ซึ่งเค้าเป็นคนแบบนั้น เป็นคนที่แบบ แค่มึงเห็นเค้ายิ้ม เค้ามองมา ไม่ต้องปลอบอะไรหรอก ก็เหมือนจะหายแล้ว น่ารักมากจริงๆ "
“ ผู้หญิง ? “ คำพูดของมันที่กำลังบรรยายทำให้ผมเริ่มงง คำก็น่ารักสองคำก็น่ารัก แถมไอ้คำพูดที่บอกว่าหน้าตาเยียวยาจิตใจของคนได้อีก
“ ผู้ชายเว้ย ผู้หญิงบ้าอะไร "
“ ก็มึงพูดเหมือนเค้าเป็นผู้หญิง บรรยายซะเว่อร์ " ผมหลุดยิ้มออกมา " แล้วยังไงมึงจับเค้าเซ็นสัญญาแล้วใช่มั้ย "
“ ใช่ เป็นช่วงทดลองงานก็คือ ให้ลองพบลูกค้าก่อน ถ้าเกิดว่าผ่านได้สามคนก็จะถือเป็นพนักงาน "
“ ก็ขอให้ผ่านได้ก็แล้วกัน " เพราะส่วนใหญ่จะมาตายก็ตอนทำงานจริงๆนี่แหละ ในชีวิตจริงกับสิ่งที่เราสัมภาษณ์มันค่อนข้างแตกต่างกัน ความเป็นจริงลูกค้าบางคนก็ถึงกับร้องไห้ออกมา บางคนร้องเงียบๆ บางคนก็ร้องไห้โวยวาย หน้าที่ของเราก็คือทำให้เค้าสงบ แต่ก็ต้องทำให้เค้ารู้สึกดีกับการที่ได้รับคำปรึกษานั่นด้วย " แล้วมึงเขียนว่าเค้าถนัดให้ความปรึกษาเรื่องอะไร "
“ ความรัก " อีกคนตอบสั้นๆก่อนจะหัวเราะ " กูอยากจะไปเป็นลูกค้าเลยเนี้ย กูบอกตรงๆ ถ้ามึงเห็น มึงก็ต้องบอกว่าเค้าน่ารัก " ยกยิ้มขึ้นมากับคำพูดของเพื่อน ส่ายหน้าไป " เอาไว้เย็นนี้ กูนัดเค้าไว้มาถ่ายรูปกับมึงลงเว็บไซต์ ยังไงเย็นนี้เข้าบริษัทหน่อยนะ "
“ โอเค ยังไงไว้เจอกัน "
“ เดี๋ยวกูไปรับเค้าแล้ว จะตรงไปเลย "
“ ถึงขั้นต้องไปรับเลยเหรอวะ " ผมถามอีกคนก็หลุดหัวเราะ
“ นิดๆหน่อยๆ ปลาไม่ได้กิน ก็ขอให้ได้เชยชม " เสียงหัวเราะที่ดังตามมาก่อนที่สายนั้นจะถูกวางไป อยากจะเห็นนักพนักงานใหม่ที่ไอ้โทบอกว่าน่ารักนัก น่ารักหนา หน้าตาจะเป็นยังไง
............................................................................
แล้วตอนหน้า พี่เมษเห็นหน้าโฮสคนใหม่จะเป็นยังไงกันนะ

โปรดติดตามตอนต่อไป
จะว่าไป เมษลิปก็น่ารัก ดูมีอะไรดีเนอะ ลิปก็ซนนิดนึง ดื้อด้วย น่ารักกก #อวย ฮ่าๆ
ยังไงก็ฝากรี #ฟานคีย์ ด้วยนะคะ สำหรับคนมีทวิต
ฝากไลค์ ฝากแชร์ ในเพจหนมมี่ผู้ใสซื่อด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและ คอมเม้นท์ เจอกันตอนหน้าค่า
