ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 33
' จุดเริ่มต้น '
หย่อนตัวเองลงนั่งที่เก้าอี้สำนักงานสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์ของตัวเอง นั่งรอมองดูคนอื่นที่เข้างานมาเรื่อยๆ ก่อนจะยิ้มให้ลิปที่เดินเข้ามาทัก
“ วันนี้แฟนมาส่งเหรอ "
“ รู้ได้ไงน่ะ " ผมถามก่อนจะขมวดคิ้วมองเค้า
“ ก็ฉันเห็นฟานที่หน้าบริษัทกำลังยืนไหว้ศาลพ่อตาเจ้าที่อย่างตั้งใจเลย ฉันเลยเข้าไปบอกเค้าว่า บนเยอะๆ เดี๋ยวนายก็โดนลูกค้าแอบปิ้งเข้าหรอก เค้าก็หัวเราะใหญ่ " หลุดยิ้มออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น
“ ติ๊งต๊อง เป็นเด็กเป็นเล็กเชื่อเรื่องไม่มีจริงแบบนั้นด้วย "
“ เค้าต้องพูดว่า เราก็ต้องทำทุกอย่างที่พอมีทางทำได้ ไม่ว่าจะด้วยสมองหรือด้วยเล่ห์กลก็ตาม น่ารักดีออก เค้าดูห่วงนายมากเลยนะ "
“ อื้ม ฉันรู้ " ฟานที่ไม่ได้นอนทั้งคืนก็เพราะกอดผมไว้แน่น เค้าที่พูดปลอบผมวกไปวนมาด้วยเรื่องซ้ำๆ สีหน้าท่าทางที่ดูออกทั้งหมดว่ากำลังกังวลแทนตัวผมขนาดไหน
“ แฟนนายน่ารักชะมัด ถึงเค้าจะเด็ก แล้วก็ช่วยแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ แต่ก็ดูเดือดร้อนแทนมากเลยนะ ขอให้โชคดีละ " ลิปจับไหล่ของผม " ฉันเองก็จะเป็นกำลังใจให้นาย สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พูดในสิ่งที่นายคิด นายไม่ผิดก็ต้องยืนยันในสิ่งนั้น แล้วก็ยอมรับในส่วนที่ผิดจริงๆ นายทำได้ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป "
“ ขอบคุณนะลิป "
“ ฉันอยู่ข้างนายเอง ถ้ามันกดดันให้นายรับผิดชอบด้วยการลาออก ฉันจะให้คุณเมษรับนายเป็นโฮสเองนะ "
“ ลิป..”
“ ถ้าฟานไม่มาฉีกอกฉันก่อนละก็นะ " เสียงหัวเราะของอีกคนที่ดังขึ้นมาก่อนที่เราจะแยกย้ายไปทำงาน ผมมองดูเวลาที่ค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ ขีดๆเขียนๆงานออกแบบที่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ก่อนจะมีเสียงนึงเรียกผมขึ้นมา เสียงของหัวหน้า
“ คีย์ ไปกันเถอะ ลูกค้ามาแล้วละ รออยู่ที่ห้องประชุมชั้นล่าง "
“ ครับ " ลุกขึ้นยืนจากโต๊ะที่ทำงานผมคว้าเอาแฟ้มเอกสารที่เตรียมไว้ เดินตามร่างสูงและรองหัวหน้าออกไปจากออฟฟิศ ก่อนจะหันไปมองหน้าลิปที่มองผมแล้วก็ยิ้มให้ เค้ากำมือให้กำลังใจผมก็ยิ้มรับ
ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ลงลิฟต์ลงมา ในตู้สี่เหลี่ยมที่รู้สึกอึดอัดนั่นหัวหน้าก็ถาม " ตื่นเต้นเหรอ "
“ ก็ครับ..กลัวว่าจะตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก "
“ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงตื่นเต้นเหมือนกันนะ "
“ ครับ " พยักหน้ารับอีกคน ลิฟต์ที่เปิดออกหัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงเวลาขึ้นเขียงโดยสมบูรณ์แล้ว รองหัวหน้าเดินออกไปก่อนในตอนนั้นผมที่จะเดินตามออกไปต้องหยุดชะงักกับมือหนาของหัวหน้าที่เดินเข้ามาอยู่ข้างหลังพร้อมกับจับเอวของผมไว้ ใบหน้าคมที่ก้มลงมากระซิบข้างๆหู
“ ต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่ๆ ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะช่วยนาย แล้วอยู่ข้างหลังนายเอง ไม่ทิ้งนายไปไหนแน่นอน "
“ หัวหน้า " แก้มแดงๆของผม พยักหน้ารับอีกคนที่เดินนำออกไป แผ่นหลังหนาที่เหมือนปกป้องเราได้นั่น ในตอนนี้ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ ขออนุญาติครับ " ประตูที่ถูกเลื่อนออกลมแอร์เย็นๆที่ปะทะเข้าใบหน้า ผมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพูดให้กำลังใจตัวเองในใจ ' เราต้องทำได้ ทำให้ดีที่สุดคีย์ ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแหละ '
“ สวัสดีครับ " ทักทายลูกค้าวัยกลางคนที่ก็ลุกขึ้นทักทายเราเช่นกัน รูปร่างท้วมที่ไม่คุ้นตาของเค้าจำได้ว่าตอนที่เสนอผลงาน ไม่ใช่คนคนนี้ที่มานั่งฟังแล้วตอบรับให้สิ่งที่เราออกแบบ จำได้ว่าตอนนั้นเป็นผู้ชายที่ดูหนุ่มกว่านี้ไม่ได้แก่ขนาดนี้ แล้วก็ไม่ได้ลงพุงด้วยในขณะที่กำลังนิ่งสงสัย ตอนนั้นรองหัวหน้าก็ผายมือแนะนำตัวผมพอดี
“ นี่เป็นพนักงาน ที่ออกแบบงานของคุณนะคะ ชื่อ ณาศิส อัครภานุวัตน์ "
“ ณาศิสครับ "
“ คนนี้น่ะเหรอที่ ลอกงานคนอื่นมาส่งผม "
“ ผมไม่ได้ลอกนะครับ " ผมพูดตอบรับอีกคนไปคนทั้งห้องก็หันมามองแม้แต่หัวหน้าเอง
“ ใจเย็นคีย์ นั่งลงก่อน " หัวหน้าบอกก่อนจะดึงมือผมให้นั่งลงใกล้ๆตัวเค้า ก้มหน้าลงขอโทษอีกฝ่ายที่ก็ยกยิ้มมองมา ท่าทางหาเรื่องของเค้าวันนี้ไม่รู้จะจบด้วยดีรึเปล่า แต่ที่แน่ๆ เหมือนเค้าจะไม่ยอมแน่ๆ ถ้าเกิดว่าเราบอกความจริงไปว่า ฝ่ายเค้านั่นแหละที่ผิด
“ ถ้าไม่ได้ลอก งั้นคุณบอกผมได้มั้ยละว่าทำไมงานของคุณกับคู่แข่งของเราถึงเหมือนกันขนาดนั้น "
“ บอกได้ครับ เพราะผมทำตามรายละเอียด " เปิดเอกสารออกมาก่อนจะแจกจ่ายให้กับทั้งลูกค้า และทุกคนที่อยู่ในที่ประชุม " เอกสารที่ผมแจกไปคือรายละเอียดทั้งหมดที่ลูกค้าต้องการครับ จะเห็นว่า ส่วนของวงกลมในโลโก้มันเหมือนกันกับหน้าตาของอีกผลิตภัณฑ์นึง ซึ่งที่มันเหมือน ก็เพราะลูกค้าเจาะจงรายละเอียดมากับทางเราว่า จะเอาวางกลมสีเหลืองที่ทับซ้อนกับวงกลมสีส้ม ลูกค้ากำหนดขนาดของตัวหนังสือ สี ทุกอย่าง ทำให้มันมีความเหมือนกัน เพราะเป็นรายละเอียดที่ลูกค้าต้องการ ผมก็เลยต้องออกแบบไปตามที่ลูกค้าสั่ง "
“ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ทำไมคุณถึงไม่เปลี่ยนมันละ ถ้ารู้อยู่แล้วว่าความต้องการของผมมันเหมือนกันกับอีกฝ่าย คุณละเลยที่จะช่วยเหลือ และขาดความรับผิดชอบในการออกแบบนิอย่างงี้นะ เรียกว่างานชุ่ยนะคุณ "
“ งานทำตามความต้องการของลูกค้าที่กำหนดว่าต้องเป็นอย่างไร ได้ตรงตามเป้าหมาย คุณเรียกมันว่างานชุ่ยเหรอครับ " หัวหน้าเอ่ยถามอีกฝ่าย " แต่นั่นคือสิ่งที่เราปฎิบัติกันมานานแล้วนะครับ คือ เราต้องออกแบบงานให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ถ้าเราเปิดบริษัทออกแบบ แต่เรากลับออกแบบตามความคิดของเราแต่ไม่ตรงตามความต้องการของลูกค้าแบบนั้นจะได้เหรอครับ ผมว่ามันไม่น่าจะใช่นะครับ "
“ แต่คุณก็ต้องรู้ด้วยสิ ว่าทางนู้นเค้าออกแบบเป็นยังไง คุณก็น่าจะทำออกมาให้มันต่างกัน บริษัทคุณเป็นบริษัทออกแบบที่ออกแบบตามใจลูกค้าโดยไม่สนใจใช่มั้ยว่าหลังจากที่งานออกไปแล้ว ลูกค้าจะโดนกล่าวหาว่าลอกงานใครรึเปล่า "
“ ก่อนหน้าที่เราจะส่งงานให้กลับลูกค้า เราจะส่งงานกลับไปให้ลูกค้าตรวจถึงความพึงพอใจในการออกแบบ และสอบถามถึงการแก้ไขที่อยากจะเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่กลับไม่มีผลตอบกลับการแก้ไขอะไร แบบนั้นทางเราก็คิดว่า ลูกค้าก็พึงพอใจแล้วและลูกค้าก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับว่างานของอีกฝ่ายเป็นแบบไหน ทำไมตอนนั้นไม่แก้ไขละครับ "
“ คุณกำลังจะบอกว่า ผมจงใจจะให้รายละเอียดพวกนั้นเพื่อออกแบบแพ็คเก็จสินค้ามาแข่งกับคู่แข่งงั้นเหรอ คุณจงใจจะบอกว่าเราตั้งใจลอกของของเค้าโดยสมัครใจ เพราะเราไม่เปลี่ยนแปลงอะไรในรูปแบบงานของพวกคุณ เราเอาความผิดมาโยนให้คุณเพียงเพราะโดนอีกฝั่งโจมตีว่าเหมือนอย่างงั้นเหรอ "
' ใช่ อย่างงั้นแหละ ' ผมตอบอีกฝ่ายในใจคุณคงจงใจให้มันเป็นแบบนั้นแหละ ตั้งใจจะออกแบบให้ผู้บริโภคสับสนทางแพ็คเก็จที่ดูคล้ายคลึงกัน แต่สุดท้ายพอเปิดตัวรูปลักษณ์ไปกลับโดนสังคมของอีกฝ่ายโจมตีถึงความเหมือน พอทุกอย่างออกมาเป็นแบบนั้นก็เลยโยนความผิดมาให้คนอออกแบบ ไม่ใส่ใจบ้างละ เราลอกงานอีกฝ่ายบ้างละ น่ารังเกียจจริงๆไอ้พวกที่คิดว่าลูกค้าคือพระเจ้าจะทำอะไรก็ได้
“ ถ้าคุณคิดอย่างงั้นเราก็คงไม่ต้องทำงานร่วมกันอีก งานที่ผมจ้างบริษัทคุณออกแบบทั้งหมด ทางผมจะขอยกเลิก "
“ เดี๋ยวก่อนสิค่ะท่าน อย่าเพิ่งใจร้อน เรามาหาทางแก้ไขมันไม่ดีกว่าเหรอ " รองหัวหน้าของผมพูดขัด เธอที่หันหน้ามามองหัวหน้าก่่อนจะพูดกระซิบ " ทำอะไรสักอย่างสิบค่ะหัวหน้า ถ้าเค้ายกเลิกงานของเรา เราซวยนะ งานที่เค้าจ้างไม่ได้มีแค่แผนกเรานะ มันมีตั้งหลายอย่างเป็นล้านเลยนะคะ คุณอาจจะต้องโดนไล่ออกเลยนะ ให้คีย์รับผิดชอบไปเถอะค่ะ คีย์ยอมๆเค้าไปเถอะ " รองหัวหน้าที่หันมาพูดกับผม " อย่าทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย คราวนี้โดนเรียกถึงระดับผู้บริหารแน่ๆ "
“ ทำไมต้องยอมละ ก็เราไม่ได้ทำผิด " หัวหน้าที่หันไปพูดกับรองหัวหน้าที่ผ่อนลมหายใจออกมา ก่อนจะบ่นเบาๆ
“ ปกป้องกันซะจริง "
“ ฉันเป็นหัวหน้าของคีย์ จะไม่ให้ปกป้องลูกน้องที่ไม่ได้ทำความผิดอะไรแต่ต้องมารับผลกรรมแทนมันใช่เหรอ "
“ หัวหน้า " คำพูดเบาๆของผมที่เอ่ยออกไป ในตอนที่เค้าหันมามองผมสักพักแล้วหันไปตอบคำถามของอีกฝ่าย
“ ถ้าเกิดว่าคุณไม่พอใจเราล้มงานชิ้นนี้กันมั้ยครับ "
“ หมายความว่าไง " ฝ่ายลูกค้าถาม " แค่ยอมรับว่าตัวเองลอกงานของคนอื่น มันไม่ตายหรอกมั้ง แล้วยังไงละฉันเป็นลูกค้านะ ปีๆนึงเสียให้บริษัทนี้ไปตั้งเท่าไหร่ คิดดีแล้วเหรอที่จะปกป้องลูกน้องที่ตัวเองต้องจ่ายเงินเดือน แถมยังหาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ เด็กจบใหม่ก็เยอะแยะ กับเงินเป็นล้านที่ทางผมจ่ายให้พวกคุณทำงานน่ะ "
“ คุณพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ ลูกน้องถึงจะแค่คนเดียวแต่เค้าไม่ต้องกินไม่ต้องใช้ ไม่ต้องมีเงินเหรอครับ ไม่มีสิ่งที่เค้าต้องรับผิดชอบเหรอครับ คุณทำความผิดแต่กลับยกความผิดของตัวเองไปให้คนอื่น ผมว่าถ้าเพียงแค่บอกว่ามีเงินแล้วจะทำอะไรก็ได้ มันไม่ใจร้ายกับคนอื่นไปหน่อยเหรอครับ คุณเอาตัวรอดเพราะคุณมีเงิน แล้วลูกน้องผมละ ต้องมีความผิดทั้งๆที่ไม่ได้ทำความผิดน่ะเหรอ " หัวหน้าที่ลุกขึ้นพูดกับอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง คำพูดที่เอ่ยปกป้องผมทั้งๆที่อีกฝ่ายเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัท " ขอโทษนะครับ ผมคงรับข้อเสนอแบบนั้นของคุณไม่ได้ "
“ หัวหน้า " รองหัวหน้าเงยหน้ามองอีกคนแบบไม่เชื่อสายตาเท่าไหร่ " นี่ ไม่ได้นะคะ "
“ แต่ผมจะทำงานออกแบบผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ให้คุณใหม่ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และจะทำให้เสร็จทันเวลา เพราะทางเราก็ไม่อยากจะเสียลูกค้าคนสำคัญไปเช่นกัน เราเห็นความสำคัญของคุณครับ แต่การที่คุณจะให้เราบีบลูกน้องที่ไม่ทำความผิดคนนึงออก เพื่อรับผิดชอบรายละเอียดงานที่เป็นความต้องการของลูกค้าเอง เราคงทำแบบนั้นไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทางเดียวที่เราจะทำได้ตอนนี้ คือ ทำงานให้คุณใหม่ เหมือนเดินมาคนละครึ่งทางแบบนั้นจะโอเคมั้ยครับ "
“ แล้วใครจะเป็นคนออกแบบ "
“ ผมเองครับ ผมจะเป็นคนทำให้เอง " หัวหน้าบอกอีกคนก็ทำท่าคิดอยู่สักพักแล้วก็พยักหน้ายินยอมไปในที่สุด
“ ตกลงตามนั้นก็ได้ แต่ว่างานต้องเสร็จภายในวันนี้นะ เพราะเป็นงานที่ฉันต้องทำให้ทันกับวันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ "
“ ได้สิครับ ไม่มีปัญหา " สิ้นเสียงตอบตกลงของหัวหน้า ลูกค้าก็ดูพึงพอใจอยู่มากแน่นอนว่านอกจากไม่ต้องเสียเงินเพิ่มแล้วยังได้รูปแบบการออกแบบใหม่อีก หนำซ้ำยังได้คนเก่งๆออกแบบให้ มีแต่ได้กับได้ แต่ว่าผมที่ทำให้เค้าต้องรับงานหนักเพิ่มขึ้นแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมสบายใจเท่าไหร่เลย ที่เรื่องนี้ผ่านพ้นออกจากตัวเองไปได้
“ แม่ง ผู้ชายบ้าอะไรวะ โคตรประสาท น่ารังเกียจชะมัด " รองหัวหน้าพูดขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมา " แต่ก็ดีนะคะที่เค้าไม่ยกเลิกงานของเราทั้งหมดน่ะ แล้วแบบนี้จะทำยังไงละ งานก็ท่วมหัวอยู่แล้วนะหัวหน้าน่ะ "
“ จิ๊บๆ อย่างผม แปปเดียวก็เสร็จ "
“ อย่ามาทำเป็นคุยหน่อยเลยค่ะ งานที่ค้างๆเอาไว้ช่วยทำให้เสร็จก่อนเถอะ ฉันสุดจะจี้งานคุณแล้วนะ " รองหัวหน้าว่าบ่นๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องทิ้งไว้แค่ผมกับหัวหน้าที่อยู่ในห้องประชุมนั้นสองคนไม่ออกไปไหน
“ หัวหน้าครับ " ผมเอ่ยเรียกเค้า
“ ว่าไง " ใบหน้าคมที่หันมามองก้มหน้าลงยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นขยี้หัวผม " ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ นายไม่ได้ผิดอะไรแล้วละ "
“ แต่ดูเหมือนคุณต้องมารับผิดชอบงานทั้งหมดก็เพราะผม " รู้สึกผิดชะมัดแม้อีกคนจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ
“ คิดมากน่า ฉันเต็มใจทำมันเพื่อนายอยู่แล้ว " เงยหน้าสบสายตาของอีกคนที่จ้องมองมา ก่อนที่เค้าจะหลบตาแล้วพูดแก้คำพูดไปอีกทาง " นายเป็นลูกน้องที่ทำงานดี ใครจะยอมเสียไปละ "
“ ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือผม "
“ ถ้ารู้สึกผิดมากๆ ก็ช่วยไปกินข้าวกับฉันสักมื้อสิ แค่นั้นก็พอแล้ว " ก้มหน้าหลบเค้าอีกคนก็หัวเราะออกมา " แต่ถ้ายังไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปก็ได้ ฉันไม่บังคับหรอก "
“ งั้นไว้เสร็จงานแล้วเราหาวันว่างๆไปกันก็แล้วกันครับ " หันไปยิ้มรับตอบตกลงคำชวนของเค้าไปในที่สุด ก็แค่กินข้าวคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ก็หัวหน้าช่วยเราไว้ ถ้าไม่ไปก็คงดูน่าเกลียด
“ เยส!!! นายสัญญากับฉันแล้วนะว่าจะไปน่ะ " อีกคนทำท่าดีใจเหมือนเด็กผมก็หลุดยิ้มออกมา " ฉันจะส่งเมล์ไปบอกแล้วกัน ว่าวันไหน หรืออาจจะเป็นพรุ่งนี้ นายอยากจะกินอะไรละ "
“ อะไรก็ได้ครับ กินได้ทั้งนั้นแหละ "
“ โอเค ไว้ยังไงฉันจองร้านอร่อยๆแล้วจะบอกแล้วกัน "
“ โอเคครับ " พยักหน้ารับเค้าตอนที่จะเดินออกไปจากห้องประชุมอีกคนก็เรียกผมไว้
“ คีย์ "
“ ครับ " หันไปหาเค้าที่ยิ้มจางๆให้ผม
“ นายน่ะ เป็นลูกน้องคนพิเศษของฉันนะ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม ฉันถึงปกป้องนายทั้งๆที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน เพราะนายพิเศษมากกว่าใครๆ " ใบหน้าคมที่ก้มลงก่อนจะถอนหายใจออกมา " ฉันรู้สึกแบบนั้น แม้ว่ามันจะไม่ควรคิดก็เถอะ " หัวใจที่เต้นแรงของผมเหมือนทุกอย่างจะควบคุมไว้ไม่อยู่แล้ว เค้าที่ไม่เคยปกป้องใครแต่เลือกที่จะปกป้องเรา คนที่เห็นแก่ตัวและเกลียดความผิดพลาดคนนั้น
กลับยื่นมือเข้ามาช่วยเราไว้ในช่วงเวลาที่เราลำบาก ทั้งๆที่เลือกที่จะไม่ทำ แล้วเลือกที่จะทำตามที่รองหัวหน้าพูดก็ได้ ความรู้สึกประทับใจที่แสนอบอุ่นนี้ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลับมายืนตรงที่เดิมอีกครั้ง ตรงที่ที่เคยรู้สึกดีกับเค้า เหมือนกำลังกลับมาชอบเค้าอีกครั้ง ถึงแม้ในตอนนี้จะไม่ควรรู้สึกแบบนั้นเลยก็ตาม
..................................................................
หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ก่อนถอนหายใจออกมา เพื่อนร่วมงานที่กำลังทำงานวางเม้าส์ปากกาที่กำลังถือแล้วหันมาสนใจตัวผมทันที ลิปเลื่อนเก้าอี้มาใกล้ก่อนจะถามไถ่
“ เป็นยังไงบ้างคีย์ โอเคมั้ย " คำพูดที่ทำให้ผมพยักหน้ารับ
“ ก็โอเค ไม่โดนไล่ออก ไม่โดนตีตราหน้าว่าลอกใคร "
“ ค่อยยังชั่ว ฉันนั่งใจระส่ำไปพร้อมกับนายเลยเนี้ย ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย เป็นห่วงนาย " อีกคนบอกก่อนจะยื่นมือมาตบไหล่ " ดีแล้วละ ดีแล้วที่ผ่านไปได้ก็ดี "
“ แต่ว่า หัวหน้าต้องมารับผิดชอบงานนั้นแทนฉัน "
“ หมายความว่าไง "
“ ลูกค้าไม่ยอมแล้วก็บีบบังคับเรา ว่าเค้าจะยกเลิกงานทั้งหมดที่จ้างเรา เค้าบอกด้วยนะว่า ลูกน้องที่ต้องจ่ายเงินให้อย่างฉันจะไปแคร์ทำไม ทำไมไม่แคร์เค้าที่จ่ายเงินให้ทางบริษัท แล้วตอนนั้นหัวหน้าเค้าก็ลุกขึ้นอธิบายแล้วก็ปกป้องฉันไว้ แล้วเค้าก็บอกกับลูกค้าไปว่า จะออกแบบงานอันนั้นใหม่ให้ลูกค้าเอง ลูกค้าก็เลยยอม "
“ อย่างงั้นเหรอ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนก่อนจะหันไปมองหัวหน้างานตัวเองที่ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองอยู่ที่โต๊ะ เค้าที่ต้องทำงานมากขึ้น รับผิดชอบงานเยอะขึ้น " ฉันเหมือนทำให้หัวหน้าต้องลำบากที่ต้องมาปกป้องฉันเลย "
“ คิดมากน่า หัวหน้าก็มีหน้าที่ที่ต้องปกป้องลูกน้องที่ไม่ได้ทำผิดสิ "
“ แต่ลิป คนแบบเค้าที่ไม่แคร์ใคร แล้วเกลียดความผิดพลาดอะไรพวกนั้น กลับยื่นมือมาปกป้องฉันไว้ ฉัน..” ผมหยุดคำที่จะพูดกับอีกคนไว้ ทั้งๆที่จะหลุดออกไปแล้วว่า ' ฉันประทับใจในตัวเค้ามากเลย '
“ นายทำไม "
“ เปล่าหรอก ฉันแค่รู้สึกตัวเองเหมือนเป็นภาระให้เค้าน่ะ ทั้งๆที่งานของเค้าก็เยอะอยู่แล้วยังจะต้องมาแก้งานให้ฉันอีก เกรงใจน่ะ "
“ เหรอ " อีกคนพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มเจื่อนๆออกมา สีหน้าที่อยากจะพูดคำพูดแรงๆของเค้า ผมรับรู้ได้แต่ที่ไม่พูดเพราะเค้าคงคิดว่าตัวเองไม่สมควรพูดหรือเข้ามายุ่งเรื่องส่วนตัวอะไรของผม และไม่ควรคิดแทนใครอีกคน โดยเฉพาะ ฟาน " ก็ถ้าเค้าทำแบบนั้น มันคงไม่แปลกที่นายจะประทับใจเค้า "
“ อื้ม ฉันแค่ไม่คิดว่าเค้่าจะทำแบบนั้น ทั้งๆที่รองหัวหน้าเองก็พูดเหมือนกันว่า รักษาลูกค้าไว้จะดีกว่า "
“ รองหัวหน้าก็เกินไปนะ รายนั้นก็คิดถึงแต่เงิน บีบใครก็บีบออก หน้าเนื้อใจเสือชัดๆ " ลิปบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " แต่มันผ่านไปก็ดีแล้วละ ตอนนี้นายก็ทำงานของนายให้เต็มที่ก็แล้วกัน "
“ อื้ม "
“ แต่มันก็น่าแปลกนะ "
“ แปลกยังไง " ผมหันไปถามอีกฝ่าย
“ หัวหน้าน่ะ ตั้งแต่เราทำงานด้วยกันมาไม่เคยมีครั้งไหนที่จะไม่ตรวจงานลูกค้าก่อนให้เราส่งเลยไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ พอมาคิดว่าลูกค้ารายนี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ตัวเค้าก็ต้องระวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด นายไม่คิดว่ามันไม่แปลกเหรอที่อยู่ๆ งานของนายก็ถูกละเลยจากเค้า แล้วเค้าก็เข้ามาช่วยเหลือนายเอาไว้ "
“ อาจจะเพราะช่วงนี้งานเค้ายุ่งมากจนละเลยจุดเล็กๆก็ได้ " ผมบอก อีกคนก็ยังคงส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่เข้าใจ ลิปที่เลื่อนเก้าอี้ไปทำงานต่อ
“ ถึงจะพูดอย่างงั้นแต่ฉันว่ามันก็ยังแปลกอยู่ดีนั่นแหละ แต่ก็นะ ฉันมองเค้าให้แง่ลบอยู่แล้ว มันก็ไม่แปลกไม่หรอกที่จะบอกว่า นั่นคือแผนที่จะไม่ตรวจงานของเค้า เพื่อสร้างความประทับใจให้กับนายมากกว่า "
“ แล้วเค้าจะทำแบบนั้นทำไม " ผมถามแต่อีกคนก็หันมายิ้มก่อนจะส่ายหน้า
“ ไม่รู้สิ แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันว่ามันก็ได้ผลดีด้วยนะ อาจจะดีกว่าที่เค้าคาดด้วยละมั้ง " ผ่อนลมหายใจกับคำพูดของอีกคนก่อนจะมองไปที่โต๊ะของหัวหน้าอีกคน ผู้ชายที่กำลังขมักเขม้นทำงานที่ต้องรับผิดชอบต่อจากผม ในตอนนั้นตัวผมที่ลุดขึ้นยืนก็ตัดสินใจเดินตรงไปหาเค้า
“ หัวหน้าครับ "
“ ว่าไงคีย์ " เค้าที่เงยหน้าขึ้นมามองผม
“ คือ มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ "
“ งานนายเสร็จแล้วเหรอ " คำถามที่ทำให้ผมส่ายหน้าก่อนจะยิ้มแห้งๆให้เค้า
“ แต่ว่าผมทำให้หัวหน้าลำบาก ต้องมารับผิดชอบงานของผม ผมก็อยากจะช่วยอะไรหัวหน้าบ้าง "
“ แต่ฉันไม่ได้มองว่ามันเป็นความผิดของนายเลยนะ " อีกคนบอกก่อนจะหมุนเก้าอี้มามองหน้าผม " นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่ได้ลอก แค่ทำตามรายละเอียดของงาน "
“ แต่ว่า..”
“ ฉันที่ทำงานใหม่ให้เค้า ก็เพราะว่าเค้าเป็นลูกค้าที่บริษัทเราทำงานด้วยมานานแล้วมันก็แค่นั้นแหละ ฉันไม่อยากจะเสียเงินหลายๆล้านไป ก็เท่านั้นเอง ตัดความรำคาญของผู้บริหารด้วย เรื่องจะได้ไม่ต้องถึงหูเค้า "
“ แต่ว่า..”
“ คิดมาก ไปทำงานของนายได้แล้วไป ทำออกมาให้ดี ฉันใช้เวลาทำงานไอ้แพ็คเก็จนี่ไม่นานหรอก ตอนที่นั่งฟังในห้องประชุมก็ร่างๆไว้แล้ว " เค้าพูดเชิงปลอบก่อนจะยื่นกระดาษมาให้ดู มันเป็นกระดาษที่ผมแจกเพื่ออธิบายลูกค้า ส่วนล่างที่มีพื้นที่ว่างมันเหมือนถูกวาดเอาไว้เป็นแบบร่างเล็กๆ " คิดไว้แล้วทำแปปเดียวก็เสร็จ เอาเป็นว่าถ้าเกิดว่ามีอะไรให้ช่วยฉันจะเรียกแล้วกัน "
“ โอเคครับ " พยักหน้ารับอีกคน ผมก็เดินกลับมานั่งที่เดิม เปิดงานตัวเองขึ้นมาทำขีดๆเขียนๆร่างแบบ ตั้งใจทำงานของตัวเองแบบที่อีกคนบอกด้วยความตั้งใจ จนงานที่ทำนั้นมันเสร็จลง ก็ล่วงเลยเวลาถึงช่วงดึกเสียแล้ว
“ คีย์งานเสร็จรึยัง กลับบ้านกันเถอะ "
“ เสร็จแล้วละ " ผมหันไปบอกลิป เซฟงานเรียบร้อยก่อนจะส่งเข้าไปในเมล์หัวหน้าปิดจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองก่อนจะเก็บกระเป๋าของตัวเอง ในตอนนั้นมือมันก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็ค มีข้อความนึงที่ส่งมาจากฟานมันเป็นข้อความไลน์ ข้อความสั้นๆที่ขึ้นมาบนหน้าจอ ' เป็นยังไงบ้างครับ โอเคมั้ย '
“ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไร ใครส่งข้อความมาให้รีบกลับเหรอ "
“ เปล่าหรอก " ส่ายหน้าบอกอีกคน " แค่ไอ้ลูกหมาตัวนึงน่ะ "
“ งั้นก็กลับบ้านกัน "
“ อื้ม "
“ กลับก่อนนะครับ หัวหน้า " เราสองคนหันไปทักหัวหน้าที่เหมือนจะยังคงทำงานอยู่คนเดียวในออฟฟิศตอนนี้
“ อื้ม โชคดีละ พรุ่งนี้เจอกัน " เค้าบอกก่อนจะก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อแบบไม่สนใจเท่าไหร่นัก ความรู้สึกในอกที่ถูกบีบรัดของผม เราที่เหมือนสร้างความเดือดร้อนให้เค้า แต่กับกลับบ้านไปก่อนหน้าเค้าทั้งๆที่เค้าต้องกลับดึกเพราะแบกรับงานของเราเอาไว้ทั้งๆที่ไม่จำเป็นน่ะเหรอ
“ คีย์ คีย์ กลับบ้านกัน " ลิปยื่นมือมาเขย่าแขนผมที่หันไปพยักหน้าเค้า เราก็เดินออกไปจากออฟฟิศด้วยกัน ลงลิฟต์ลงมาทีชั้นล่างในตอนที่กำลังจะข้ามถนนไปขึ้นรถไฟอยู่ๆขาผมมันก็หยุด
“ ลิป นายกลับบ้านไปก่อนเถอะ "
“ อ้าวทำไมละ นายไม่รีบกลับไปหาฟานเหรอ "
“ ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังมีงานที่ต้องทำอีกนิดหน่อยน่ะ นายไปก่อนเถอะนะ ไว้พรุ่งนี้เจอกัน " เดินถอยหลังวิ่งเข้าตึกไป อีกคนก็ตะโกนไล่หลังมา
“ นี่!! นายมีคนที่คอยฟังข่าวดีของนายด้วยความเป็นห่วงอยู่ที่บ้านนะเว้ย "
เรื่องนั้นผมรู้แล้ว ว่าฟานคอยอยู่ แต่ว่า ตัวผมคงบอกเค้าด้วยความรู้สึกมีความสุขไม่ได้เต็มๆหรอก ถ้ายังคงทิ้งให้อีกคนต้องทำงานที่รับผิดชอบแทนผมอยู่คนเดียวในตึกนี้ ถึงจะไม่ใช่ความผิดอะไรของผมแต่เค้าที่ต้องมารับผิดชอบลูกค้าแทนผมก็ไม่ใช่กงการอะไรของเค้าเหมือนกัน เพราะงั้นถ้าเค้าไม่ได้กลับไปพัก ผมเองก็คงกลับไปพักไม่ได้หรอก ไม่ใช่คนที่จะไม่รู้สึกอะไรแบบนั้น หัวหน้าที่ใจดีกับผมคนนั้นจะทิ้งเค้าให้ต้องลำบากคนเดียวได้ยังไงกัน
........................................................
ไม่รู้จะพูดอะไร ..
ต่อจากนี้คิดว่าคงเขียนทอล์คไม่ออก ไปเรื่อยๆ
ถ้ามองว่าลิปมองโลกในแง่ร้ายมั้ย ก็ร้ายอยู่นะ แต่คีย์ก้มองโลกในแง่ดีมากไปอีก
คือมันก็ไม่ผิดหรอก ถ้าคีย์จะรู้สึกดีที่มีคนช่วยเหลือแต่เราก็เห็นด้วยกับลิปที่ว่า
มันคือหน้าที่ของหัวหน้าอยู่แล้ว ที่ต้องช่วยเหลือลูกน้อง
สุดท้ายนี้ สงสารน้องฟานเหลือเกินค่ะคุณ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต
ฝากแชร์ในเฟส
สามารถด่าได้ตามสะดวก ระบายความรู้สึกพวกนั้นออกมา
เจอกันตอนหน้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
