ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)  (อ่าน 323503 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 39
' ความลับไม่มีในโลก '

   ขบวนรถไฟที่อึดอัดในช่วงเช้า ผมกลืนน้ำลายกับความอึดอัดที่มีมากกว่าทุกครั้งอาจเพราะร่างสูงของหัวหน้าที่กำลังยืนช้อนหลังของผมอยู่ในตอนนี้ เราที่กำลังแนบชิดกันและกัน ลำตัวที่ค่อยๆส่ายไปมาเล็กน้อยเพราะทางเดินของรถไฟที่กำลังโยกย้ายไปมา อากาศเย็นๆแต่ภายในอกของผมกำลังร้อนรุ่ม เพราะรู้สึกถึงส่วนกลางของเค้าที่กำลังบดเบียดอยู่ที่ช่วงบั้นท้ายของตัวเอง ทั้งๆที่พยายามสงบจิตสงบใจกับความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น ' ไม่มีอะไรหรอก คิดไปเอง ' แต่ส่วนกลางที่ดันผมอยู่ตอนนี้แถมยังโด่ขึ้นเรื่อยๆก็ไม่ได้ช่วยให้คิดอะไรให้แง่นั้นได้

“ ขอโทษนะคีย์ " ร่างสูงก้มลงมาบอกผมให้ตอนนั้นก็ได้แต่หน้าแดงแล้วก็ก้มหน้างุด ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่รู้จะทำยังไง " ฉันเหมือนควบคุมมันไม่ได้อะ " ผมไม่ตอบอะไรอีกคน อยากบอกว่าเข้าใจแต่นั่นก็กระดากปากเหลือเกินที่จะพูดออกไป

“ เดี๋ยวอีกสองสถานีก็ถึงแล้วครับ " ตัดสินใจพูดออกไปแบบนั้นก่อนจะพยายามขยับตัวหนีเค้าแต่เหมือนว่าความอึดอัดในโบกี้จะไม่สามารถทำให้ผมหนีได้เท่าไหร่ หนำซ้ำเค้ายังเบียดเข้ามาใกล้กันอีกเป็นเท่าตัวตอนที่รถไฟจอดลงที่สถานีเหมือนย้ำสัมผัสของเราให้แนบชิดขึ้นไปอีก ผมหดเกร็งตัวเอง เม้มริมฝีปาก ก่อนจะเบิกตากว้างกับความรู้สึกที่เหมือนมีอะไรมาถูตรงที่ช่วงก้นเบาๆมันไม่ใช่การสัมผัสแบบผิวๆแต่เป็นการสัมผัสที่เรียกว่า จงใจ   ตอนที่หันขวับไปมองก็พบกับลุงแก่ๆคนนึงที่เหมือนกำลังยืนนิ่งแต่มือก็สัมผัสอยู่เค้าลูบก้มผม ตอนที่พยายามเอามือมาปัดออก เค้าก็นิ่งไปสักพักก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่มือแล้ว แต่กลับเป็นอะไรแข็งๆที่น่าจะเป็นส่วนนั้นมากกว่า เค้าที่เอามันมาถูที่ก้นของผม หลับตาแน่นนึกถึงคำถามของฟานที่เคยถามผมเมื่อวาน
 
' ไม่กลัวเหรอครับ ถ้าโดนลวนลานในรถไฟ ' ตอนที่ตอบไปว่าไม่กลัว เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ อีกอย่างผมมองว่าใครจะมาโรคจิตทำอะไรแบบนั้นได้วะ แต่ว่าตอนนี้ก้นที่กำลังโดนคนแปลกหน้าสัมผัสอยู่ตอนนี้ ปากที่ไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากห้ามออกไป ผมที่ได้แต่กอดตัวเองเพราะไม่รู้จะทำยังไงไม่กล้าแม้จะปัดออก เพราะถ้าปัดก็คงโดนส่วนนั้นของเค้า คนก็เบียดแน่นเกินไป ถ้าเกิดว่าเผลอพูดคงต้องเป็นข่าว แล้วต้องแพร่ไปทั่วในบริษัทแน่ๆ

“ ทำอะไรน่ะ " เสียงทุ้มนิ่งๆของหัวหน้าที่คว้ามือนั่นให้หยุดลงก่อนจะจ้องเขม็งไปที่ชายคนนั้น " มายุ่งอะไรกับคนของผม "

“ พี่ธีร์ " ผมหันไปมองเค้าที่กำลังขมวดคิ้วเอาเรื่องอีกคน ชายร่างเตี้ยหัวล้านๆที่เหมือนไอ้แก่ตันหากลับ เค้าสะบัดมือออก

“ ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย " คำพูดที่ประจวบเหมาะกับรถไฟที่  จอดลงที่สถานีอีกคนก็วิ่งออกไป ท่ามกลางผู้คนในโบกี้ที่กำลังสงสัยในตัวเค้า หัวหน้าก็ก้มลงมามองผม พร้อมทั้งสายตาของอีกหลายๆคน

“ ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน " พูดออกไปแบบนั้นก่อนจะก้มหน้าลงกับหัวใจที่ก็ยังเต้นแรง สัมผัสที่โดนล่วงเกินนั้นทั้งน่ารังเกียจแถมยังน่าขยะแขยงผมทำได้แต่กอดตัวเองก่อนจะเงยมองหน้าอีกฝ่ายที่เอื้อมมือมาจับไหล่ผมไว้ เค้าที่ยิ้มให้ราวกับกำลังปลอบโยนผมด้วยแววตา ' ไม่เป็นไรหรอก ยังมีฉันอยู่ตรงนี้ '

   สถานีที่ต้องลงถูกจอดป็นสถานีต่อมา ผมก้าวเดินลงจากรถไฟก่อนจะเบี่ยงตัวเองออกไปนั่งตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่สักครู่ ร่างสูงที่เดินตามมาเค้าย่อตัวคุกเข่าลงถามผม " โอเครึเปล่าคีย์ ไม่เป็นไรนะ "

“ ครับ ไม่เป็นไร " ผมบอก " แค่รู้สึกไม่ค่อยดีก็เท่านั้นครับ เหมือนจะอ้วกอยู่หน่อยๆ "

“ นั่งพักก่อนก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก " มือหนาเอื้อมมาจับมือผม เค้ากุมไว้แน่น " ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง " เสียงอบอุ่นกับความอุ่นของมืออีกคนที่ทำให้ผมผ่อนลมหายใจออกมา

   ทุกอย่างเงียบอยู่ในขณะนั้นเป็นเวลานาน สัมผัสที่ชวนให้อยากกลับบ้านไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายของตัวเอง แม้จะไม่มากแต่การที่เราโดนสัมผัสที่ค่อยๆถูไถช้าๆ จากใครสักคนที่ไม่รู้จัก การสัมผัสด้วยความตั้งใจของเค้า ลมหายใจที่เข้าออกร้อนๆของเค้ายามที่สัมผัมเรา มันชวนให้อยากจะอาเจียนออกมาจนแทบจะกลั้นเอาไว้ไม่อยู่

“ ลางานมั้ย ฉันจะอนุมัติตอนนี้เลย "

“ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะกลับไปบ้านด้วยรถไฟแล้ว " ไม่อยากจะขึ้นไปแล้วเบียดเสียดกับผู้คนแบบนั้นอีกแล้ว " ไม่เป็นไรหรอกครับ นั่งสักพัก ขอให้ผมได้นั่งสักพักก็พอ "

“ อื้ม " เค้าตอบรับ ฝ่ามือที่ยังกุมมือของผม ผมมองฝ่ามือนั้นไม่รู้ทำไมแต่มันต่างจากครั้งนั้นที่เค้าดึงมือผมไปจับ หนนี้มันทั้งอบอุ่นแล้วก็รู้สึกว่าเค้าปกป้องเราได้ ไม่เหมือนหนนั้นที่ดูเหมือนเป็นการล่วงเกินแล้วพยายามจะจับเสียมากกว่า " โทรบอกแฟนนายมั้ย " คำถามที่ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองอีกคน " เผื่อนายจะรู้สึกดีขึ้น "

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ " ผมก้มหน้าลงบอกก่อนจะคิดขึ้นมาได้ว่า อีกไม่นานฟานก็ต้องออกจากบ้านแล้วมาทำงาน ถ้าผมมัวขืนช้านั่งรู้สึกแย่กับสัมผัสแบบนั้นอยู่ตรงนี้ กับหัวหน้าที่ยังจับมือผมอยู่ตอนนี้ คงได้มีเรื่องแน่ " เราไปทำงานกันเถอะครับ " ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง อีกคนก็รั้งมือไว้

“ ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องไปหรอก นายรู้สึกไม่ดีแบบนี้กลับไปพักที่บ้านก่อนก็ได้ "

“ ผมไม่เป็นไรแล้วจริงๆ เชื่อเถอะครับ " บอกอีกคนแบบนั้นทั้งๆที่อยากจะกลับไปบ้านเต็มทน แต่เพราะถ้ากลับไปฟานก็ต้องสงสัย แล้วคนแบบหมอนั้นคงไม่ปล่อยให้ผมโกหกได้นานอยู่แล้ว แสนวิธีที่จะถูกบีบคั้นความจริงออกมา แล้วฟานที่ห่วงผมอยู่แล้วมีหวังต้องฝืนตัวเองมาส่งกันทุกวันแถมยังคอยดูคนไม่ให้เข้าใกล้ผมอีก แล้วถ้าเป็นแบบนั้นเค้าที่เหนื่อยอยู่แล้ว แถมยังต้องมาคอยห่วงผม นั่นคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ 

“ แต่ว่า "

“ พี่ธีร์ก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นแล้วละ ไม่เป็นไรหรอก ไปทำงานกันเถอะครับ " หันไปพูดกับอีกคนแบบนั้น เค้าที่นิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มกว้างออกมา แล้วก้มหน้าลง " เป็นอะไรไปล่ะครับ "

“ เปล่าหรอก แต่นายนี่มัน..”

“ หื้ม ? “ เอียงหน้ามองเค้าอีกคนก็ยิ้มบอก

“ ไม่บอกหรอก "

“ อ้าว ไหงงั้นละครับ "

“ ไว้ไปกินข้าวด้วยกันเที่ยงนี้แล้วจะบอก " เค้าหันมาบอก เราที่เดินข้างกันออกไปจากสถานีรถไฟ เดินตรงสู่ตึกบริษัท

“ ต่อรองแบบนี้อีกแล้วนะครับ "

“ ก็ถ้านายไม่สนใจอยากจะรู้ก็ไม่ต้องมาสิ "

“ เหมือนกำลังโดนแกล้งเลย "

“ แค่รู้สึกดีน่ะ ฉันรู้สึกดีที่ทำให้นายรู้สึกดีขึ้นได้ในสถาวะแบบนั้น รู้สึกตัวเองสำคัญสำหรับนายขึ้นมานิดนึงแล้วละ " เค้าที่หันมายิ้มให้ " เพื่อไม่ให้มองว่าฉันต่อรองอะไรกับนาย ความรู้สึกในใจฉันมันเป็นเป็นแบบนั้นแหละ "

“ พี่ธีร์ ..”

“ ส่วนเที่ยงวันนี้ นายจะไปกินข้าวกับฉันมั้ยมันก็สุดแล้วแต่นายนะ " ใบหน้าคมที่จ้องหน้าผม ความอบอุ่นของเค้าชวนให้ผมประทับใจอีกแล้ว การช่วยเหลือหรือแม้แต่สองมือที่คอยโอบจับกันเอาไว้ " คีย์ "

“ ครับ "

“ โอเคจริงๆใช่มั้ย เรื่องนั้นน่ะ เรื่องในรถไฟเมื่อกี้ โอเคขึ้นแล้วใช่มั้ย " พยักหน้ารับอีกคนแบบนั้น มือหน้าก็เอื้อมมือลูบหัวผม " ฉันเป็นห่วงนะถ้ามีอะไรก็บอกกันก็แล้วกัน อยากจะกลับก็บอกฉันจะให้นายกลับเอง ฉันไปทำงานล่ะ เพื่อนนายที่เกลียดฉันเดินมานู้นละ " ผมหันไปมองตามสายตาคมที่มองไป ลิปที่กำลังเดินมาด้วยท่าทียิ้มๆ ผมหันกลับมามองเค้า ที่เหมือนมีคำพูดนึงที่ลังเลอยากจะพูดออกมา

“ มีอะไรเหรอครับ "

“ ฉันแค่อยากจะถามว่า พรุ่งนี้ ถ้าฉันขึ้นรถไฟมาทำงานกับนายอีกได้รึเปล่า นายจะรังเกียจมั้ย ถ้าฉันจะไปด้วย แต่ฉันเป็นห่วงนายไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นอีก ฉันไม่ชอบเลยที่นายต้องทำหน้าวิตกแบบนั้น ไม่ชอบที่ใครมาทำแบบนั้นกับนาย ไม่อยากจะคิดว่าถ้าฉันไม่เห็นมันจะเกิดอะไรมากขึ้นกว่านั้นรึเปล่า กลัวว่าแค่มือที่ฉันจับ จะทำให้นายอุ่นใจไม่พอ "

“ อย่าคิดมากเรื่องของผมขนาดนั้นสิ "

“ ฉันชอบนาย ฉันไม่อยากให้จะให้ใครแตะต้องของของฉันทั้งนั้น คนที่นายไม่สมยอม เพราะแค่คนนั้นสำหรับฉันมันก็สุดจะกลืนแล้ว "

“ พี่ธีร์ ..” เค้าที่ก้มหน้าลงผ่อนหายใจออกมาเบาๆ ผมก็ทำได้แค่เม้มริมฝีปากแล้วก็พยักหน้ารับความห่วงใยที่แสนอบอุ่นของเค้าไปในที่สุด " ก็ได้ครับ ยังไงซะนั่นมันก็รถสาธารณะนี่ ใครจะขึ้นก็ได้ไม่ใช่รึไง "

“ ขอบใจนะ งั้นไว้เจอกัน " รอยยิ้มของอีกคนที่เดินจากผมไป แผ่นหลังหนาที่ค่อยๆห่างสายตาออกไปเรื่อยๆ ผมมองดูเค้าอย่างไม่ละสายตาเลยสักนิด ความห่วงใยและความอบอุ่นของเค้า ก้มลงมองฝ่ามือของตัวเองที่ถูกเค้ากุมไว้เมื่อครู่ ความรู้สึกดีๆที่เค้าคอยอยู่ข้างๆตอนนั้น นี่แหละมั้ง คนที่เราชอบ ผู้ใหญ่ที่อบอุ่นแบบนี้แหละ

“ คีย์ " หันไปหาเสียงที่เอ่ยเรียกชื่อผม ลิปยิ้มจางๆ " ไปทำงานกันเถอะ "

“ อะ อื้ม " ผิดคาดไปหน่อยสำหรับคำทักทายธรรมดาๆของเค้าที่พูดแค่นั้นทั้งๆที่ปกติควรจะมีคำพูดประชดประชันหลุดออกมาจากปากเค้าแล้ว ผมที่ยืนนิ่งอยู่สักพัก อีกคนก็ขำ

“ ทำไมนิ่งแบบนั้น มีอะไร ฉันแปลกเหรอ "

“ ก็แปลกนิดหน่อย " ผมบอก ลิปก็หัวเราะ

“ แปลกยังไง "

“ ก็แปลก ที่ไม่ประชดทั้งๆที่เห็นฉันยืนคุยอยู่กับหัวหน้า "

“ ไม่เห็นต้องประชดเลยนี่น่า นายรู้ตัวดีอยู่แล้วว่าควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร จะ 30 แล้วนะเว้ยไม่ใช่เด็กเล็กๆที่ไม่รู้ประสีประสาสักหน่อย เราไม่ได้อยู่ในช่วงอายุที่ว่า สามารถพูดได้ว่า นี่มันเรื่องของผู้ใหญ่นะเว้ย แต่สุดท้ายพอโดนทิ้งจริงๆโดนโกรธจริงๆก็บอกว่า ผิดไปแล้ว เราพูดแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะผู้ใหญ่เค้าไม่พูดกัน  "

“ ที่พูดหมายความว่าไงกันแน่วะ " ทำไมถึงรู้สึกว่าคำพูดของลิปมันแปลกๆ เหมือนจะบอกไม่ใส่ใจ แต่ก็แอบประชดอยู่ ประชดแบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ด้วย เปรียบเปรยจนงง

“ หมายความว่า ถ้าฟานจับติด แรกๆ นายคงพูดว่า  ก็แค่สนิทกันเพราะงานมันก็เท่านั้น นี่เรื่องของผู้ใหญ่ แล้วหลังจากนั้นนานๆไปเค้าทนไม่ไหวจะเลิกกับนายขึ้นมานายคงพูดว่า นายผิดไปแล้วนายทำไปเพราะความไม่รู้ ไม่รู้ว่าฟานจะเสียใจถึงขนาดนี้ แล้วที่ฉันจะบอกคือ นายอ้างเหตุผลพวกนั้นไม่ได้หรอกนะ จะบอกว่าทำไปไม่รู้ไม่ได้หรอก เพราะนายเองก็รู้อยู่แก่ใจ จริงมั้ย " ลิปพูดจบก่อนจะเดินนำผมออกไปแต่ตอนนั้นผมก็พูดออกมาก่อน

“ นายไม่รู้อะไรหรอกลิป นายไม่รู้ว่าทุกวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง นายก็มองแค่ด้านเดียว คือเรื่องที่เกิดขึ้นฉันควรเลือกฟานเพื่อความถูกต้อง แต่ลิปถ้านายมาเป็นฉัน นายจะพูดแบบนั้นออกมาไม่ได้หรอก "

“ ใช่ เพราะมันไม่ใช่ฉันไง ฉันแค่พูดในสิ่งที่ฉันมองว่ามันถูกต้อง ฉันมองในแบบของคนไม่มีความรู้สึกอะไรมาทำให้ไขว้เขว มองอย่างเป็นกลาง แต่นายมองมันด้วยความความรู้สึก รัก แล้วก็ต้องการ"

“ วันนี้หัวหน้าช่วยฉันเอาไว้ จากผู้ชายที่กำลังลวนลามในรถไฟ เค้าที่กุมมือฉันไว้เพื่อปลอบใจฉัน ฉันคิดว่า เค้าไม่ใช่คนที่เห็นแก่ตัวแบบที่นายว่าหรอก " อย่างน้อยสำหรับฉัน เค้าก็สารภาพความเห็นแก่ตัวนั้นออกมาตรงๆ

“ ละ..แล้วเป็นยังไงบ้าง นายโอเคมั้ย " มือที่เอื้อมมือมาจับที่ไหล่ สายตาห่วงใยที่มองผมมันเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง ลิปที่มีท่าทางตกใจ " แล้วบอกฟานรึยัง เค้าน่าจะเป็นห่วงนายนะ "

“ ฉันคงไม่บอกเค้าหรอก "

“ อ้าว "

“ ฉันไม่อยากจะให้เค้าเป็นห่วง ถ้าฟานรู้มีหวังต้องคอยห่วงมากกว่านี้แน่ๆ ช่วงนี้ทำงานที่ร้านกาแฟเค้าเหนื่อยมากพออยู่แล้ว อีกอย่างถ้าต้องมาส่งฉันตอนเช้า เค้านั่นแหละที่จะไม่ไหวไปซะก่อน "

“ แล้วนายจะแจ้งตำรวจมั้ย ไปแจ้งรึยัง "

“ ฉันคงไม่แจ้งหรอก รถไฟคนเบียดขนาดนั้น กล้องคงจับไม่เห็นหรอก อีกอย่างนะ เวลาไปแจ้งตำรวจเค้าก็ต้องให้เราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น แบบนั้นก็เหมือนฉันโดนลวนลามซ้ำอีกทีนึงนั่นแหละ สู้ลืมๆมันไปไม่ได้กว่ารึไง "

“ คีย์ " ลิปเรียกชื่อผม ก่อนอีกคนจะถอนหายใจออกมามือของเค้าคว้ามือของผมจับก่อนจะบีบแน่น " ไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ เลิกคิดถึงมันเถอะ ฉันจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว ลืมมันซะเถอะนะ "

“ อื้ม "

“ พรุ่งนี้ฉันจะไปรับนายที่คอนโด เรามาทำงานด้วยกันนะ ดีมั้ย "

“ เอ่อ.. ลิปไม่ต้องก็ได้ "

“ ทำไมล่ะ ฉันเป็นห่วงนายนะ ไม่เป็นไรฉันเข้าใจว่าช่วงแรกๆนายต้องยังกลัวๆอยู่บ้าง ฉันจะไปรับนายก็ได้ "

“ คือพรุ่งนี้หัวหน้าจะมารับฉัน " ทุกอย่างเงียบไปตอนที่ผมพูดแบบนั้น คนตรงหน้าที่นิ่งไปก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ " เพราะว่าเค้าอยู่ในเหตุการณ์น่ะ แบบนั้นหัวหน้าเลยจะขึ้นรถไฟมากับฉันวันพรุ่งนี้ โทษทีนะ แต่ว่าฉันนัดกับเค้าไปแล้ว "

“ ไม่เป็นไรหรอก ก็ดีแล้วนี่นายจะมีใครสักคนมาเป็นเพื่อน นายจะได้อุ่นใจ แต่ว่านะ ดีแล้วเหรอที่ไม่บอกฟานไม่ให้เค้าเป็นห่วง แล้วให้คนอื่นที่นายไม่ควรหวั่นไหวด้วยมาเป็นห่วงแทน "

“ โทษทีนะ "

“ ขอโทษฉันทำไม ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันมันแค่เพื่อน เก็บคำขอโทษของนายไปบอกฟานเถอะ เพราะคนนั้นแหละ คือคนที่นายควรขอโทษเค้ามากกว่าใคร "    

   เดินขึ้นตึกมาเงียบๆข้างๆลิปที่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีกหลังจากนั้น ผมเองก็ไม่มีอะไรทั้งนั้นที่จะพูดจะแก้ตัวให้เค้ามองผมในแง่ดี ทุกอย่างดูโจ่งแจ้งไปหมดเหมือนเปิดไฟในห้องมืดๆ ทั้งความรู้สึกของหัวหน้า หรือความรู้สึกตอบรับของผมขยับเข้าไปสู่วังวนของการนอกใจอีกนิด

    เปิดคอมทำงานของตัวเองเงียบๆ ก่อนอีเมล์ฉบับนึงจะถูกส่งเข้ามาหา อีเมล์ของหัวหน้าที่พอมองดูเวลาแล้วอีกชั่วโมงนึงก็ใกล้เวลาพักเที่ยงแล้ว

' ไปกินข้าวกันมั้ย ' ประโยคสั้นๆที่เค้าพิมพ์มา ผมเหลือบมองลิปที่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกรงใจอีกคนเสียมากมายทั้งๆที่เรื่องนี้มันก็แค่เรื่องการตัดสินใจของเราคนเดียวเท่านั้น ว่าจะไปหรือไม่ไป  ' วันนี้ฉันจะชวนนายไปกินสเต็ก '

“ ไปก็ได้ครับ เจอกันที่ไหนครับ "

' เดินออกไปพร้อมกันเลยก็ได้ ชวนลิปด้วยสิ '

“ เค้าคงไม่ไปหรอกครับ " บอกอีกคนสั้นๆแบบนั้น เพราะลิปก็บอกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่าเค้าจะไปกินข้าวกับผมแค่วันนั้นวันเดียว
' งั้นออกไปพร้อมกันเลยก็ได้ '

“ โอเคครับ " ตอบรับเค้าไปก่อนจะถอนหายใจออกมา ถ้าอยากจะทำอะไรก็ทำไป ผมบอกกับตัวเองแบบนั้นกับสิ่งที่ตัดสินใจตอบตกลงเค้าไปทั้งๆที่ก็ปฎิเสธได้ เพราะพี่ธีร์ช่วยเหลือเค้าในยามที่ลำบากเสมอ ก็คิดซะว่านี่คือการตอบแทนในสิ่งที่ตัวเค้าจะทำได้ ก็แค่ไปกินข้าวด้วยกัน ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรหรอก ถ้ายังควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้อยู่แล้วละก็..

“ คีย์ "

“ ลิปเที่ยงนี้ฉันจะไปกินข้าวกับหัวหน้านะ " ผมพูดขัดอีกคนขึ้นมาก่อนที่เค้าจะชวน ลิปนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าลงเข้าใจในสิ่งที่ผมบอกแบบยังคงงงๆอยู่

“ ไปเถอะตามสบาย "

“ โทษทีนะ "

“ ไม่เป็นไร " เค้าที่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหันไปทำงานต่อ ผมหันมองดูเวลาที่บอกเวลาพักเที่ยง เพื่อนร่วมงานที่เดินออกไปจากที่ทำงาน ผมเองในตอนนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมกันกับพวกเค้า หัวหน้าเดินตามออกมาก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ ไปกันเถอะครับ "

“ อื้ม " เสียงตอบตกลงที่ยังงงๆของเค้า คงไม่คิดว่าวันนี้ผมจะตอบตกลงไปกินข้าวกับเค้ามากกว่า เพราะเมื่อวานผมเองก็มีท่าทางบอกเค้าไปชัดๆว่าไม่ค่อยอยากจะมากินข้าวด้วย

“ ร้านที่จะไปกินกันเป็นร้านสเต็กสินะครับ " เอ่ยถามอีกคนที่ที่พยักหน้ารับ " อยู่ตรงไหนเหรอครับ "

“ ข้างหลังตึกที่เราทำงานน่ะ เป็นร้านเล็กๆ อร่อยดีนะ ฉันเคยพาหัวหน้าไปนั่งกิน "

“ ท่าทางจะอร่อยจริงๆ เพราะว่าขนาดพี่ธีร์ยังพาคนระดับหัวหน้าไปกินเลย "

“ แน่นอนมากินกับนายทั้งทีฉันต้องแนะนำที่มันอร่อยๆอยู่แล้ว "

“ เลี้ยงผมด้วยนะ " เอียงหน้ายิ้มๆบอกเค้าอีกคนก็ยิ้มตาม

“ แน่นอนเลี้ยงอยู่แล้ว เพราะเมื่อวานไม่ได้เลี้ยงนิ " เดินลัดออกไปตามซอยเล็กๆ ร้านสเต็กที่ยังมีคนไม่เยอะเป็นร้านที่แต่งด้วยโทนสว่างหัวหน้าเปิดประตูให้ผม ก้มหน้าขอบคุณเค้าตอนที่เดินเข้าไปข้างในโต๊ะสำหรับสองคนที่เราเลือกนั่งพนักงานก็เอาเมนูมาให้เลือก

“ พี่ธีร์มากินบ่อย มันมีเมนูพิเศษแนะนำรึเปล่า "

“ ไม่รู้สิ ฉันไม่ได้กินบ่อยขนาดนั้นหรอก ฉันเป็นพวกชอบสั่งของที่ชอบกินก็เท่านั้นอะ "

“ งั้นเหรอครับ " ผมพยักหน้ารับก่อนมองไปตามเมนูต่างๆแล้วสะดุดกับสเต๊กปลาแซลม่อน ก่อนจะปรายตาไปมองอย่างอื่น " ผมสั่งสเต๊กสันคอหมูแล้วกันครับ "

“ โอเค งั้นฉันกินพอร์คชอปแล้วกัน " เค้าบอกก่อนจะเรียกพนักงานมารับเมนู ผมมองไปรอบๆร้านแต่ทว่าคนตรงหน้าที่กำลังจ้องหน้าผมก็ชวนให้เอ่ยถามออกไป

“ มองหน้าทำไมเหรอ "

“ วันนี้นายมาแปลก "

“ แปลก ? ผมแปลกเหรอ " ชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอีกคนก็พยักหน้า

“ เมื่อวานนายยังไม่อยากจะมากินข้าวกับฉันเลย แล้วทำไมวันนี้ "

“ อยากให้ผม ทำท่าเหมือนไม่อยากจะมากินข้าวกับพี่งั้นเหรอ " ยิ้มจางๆให้อีกคนที่ก็ส่ายหน้าไปมาก่อนจะหลุดหัวเราะ

“ ไม่ใช่สิ แบบนี้มันก็ดี แค่รู้สึกว่านายเหมือนมีอะไรรึเปล่าถึงมานั่งกินข้าวกับฉัน "

“ จริงๆก็มีนิดหน่อยนะครับ " สารภาพบอกอีกคนก่อนจะก้มหน้าลงไม่มองตาอีกฝ่าย " คุณช่วยผมไว้ .. ผมก็มาตอบแทนที่คุณใจดีกับผม อีกอย่างถ้ามัวแต่แคร์เพื่อนที่พูดว่าไม่ดี ผมคงต้องรู้สึกแย่แน่ๆที่ไม่ได้กินข้าวกับคุณที่ช่วยผมไว้วันนี้ เลยคิดว่า ก็มาดีกว่าเพื่อนไม่มาก้มาเถอะ อย่างน้อยก็ตอบแทนที่คุณช่วยผมไว้ "

“ อย่างงั้นเหรอ " คนตรงหน้าของผมตอบรับยิ้มๆ ใบหน้าคมที่กำลังซับสีแดงเค้ามองไปทางอื่นก่อนจะพูดออกมาแบบที่ผมได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่  " ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันก็ดีนะ "

“ เอ๊ะ ? ว่าอะไรนะครับ "

“ ถ้าฉันกับนายได้มากินข้าวด้วยกันสองคนแบบนี้ ทุกวันก็ดีสินะ อยากจะให้เป็นแบบนั้นทุกวันเลย " หลุดยิ้มออกมากับคำพูดของเค้า ผมก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่กำลังตั้งอยู่บนโต๊ะ แล้วอยู่ๆก็เผลอคิดเรื่องนั้นขึ้นมาอีก

“ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ ขอบคุณที่ปกป้องผม แล้วก็ขอบคุณที่อยู่ข้างๆผม "

“ มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำอยู่แล้ว " มือหนาเอื้อมมือมาจับมือผมก่อนจะบีบเบาๆ " อย่าคิดถึงเรื่องนั้นเลยนะ ลืมมันไปได้แล้ว ยิ่งคิดนายเองนั่นแหละจะยิ่งเจ็บปวด "

“ ครับ " ตอบเค้าแบบนั้นสั้นๆ มือหนาที่กำลังปลอบก็ดึงออกไป เป็นจังหวะเดียวกันที่อาหารก็ถูกเอามาเสิร์ฟพอดี หน้าตาที่น่ากินของมันผมยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพนิดหน่อยอีกคนก็หัวเราะ

“ นายเป็นพวกชอบถ่ายภาพอาหารก่อนกินด้วยเหรอ "

“ ก็แค่ของที่ผมรู้สึกน่ากินมากๆก็เท่านั้นแหละครับ ชอบถ่ายเก็บไว้ "

“ งั้นเหรอ " อีกคนว่าในตอนนั้นกว่าที่ผมจะรู้ตัวก็เหมือนมีเสียงชัตเตอร์เบาๆดังขึ้นมา ก่อนจะเงยหน้ามองอีกคนที่ก็ยิ้มกับผลงานภาพถ่ายในมือที่แอบถ่ายผมไว้ " งั้นฉันถ่ายบ้างแล้วกันของที่น่ากิน "

“ หมายความว่าไงน่ะครับ ลบเลยนะ " ผมบอกอีกคนยิ้มๆ หัวหน้าก็ส่ายหน้าไปมาทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร มือที่จะคว้ามือถือเค้ามาดูแต่อีกคนก็หลบก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าไป " หัวหน้า "

“ พูดใหม่ "

“ พี่ธีร์ ลบเลยนะครับ แอบถ่ายนิสัยไม่ดีเลย "

“ ภาพนายไม่น่าเกลียดหรอก ออกจะน่ารักให้ฉันเก็บไว้เถอะ กินกันได้แล้ว เดี๋ยวก็หมดเวลาพักพอดี "

“ จริงๆเลยนะ " หลุดพูดออกไปแบบนั้นก่อนจะขมวดคิ้วใส่อีกคนที่ก็ไม่สนใจหันสเต๊กในจานของตัวเองแล้วกินด้วยท่าทีอร่อยจนผมได้แต่ถอนหายใจปล่อยวาง ก้มหน้าลงหั่นสเต๊กในจานของตัวเองกินบ้าง รสชาติอร่อยอย่างที่อีกคนบอกจริงๆ

“ อร่อยมั้ย "

“ อร่อยมากครับ ชิมมั้ย " ผมหั่นสเต๊กให้เค้าชิมคำนึงตอนที่วางในจานให้เค้าอีกคนก็ถาม

“ ป้อนไม่ได้เหรอ "

“ เดี๋ยวก็จิ้มตาบอดเลย " ยื่นมีดขู่อีกคนเค้าก็หัวเราะก่อนจะกินสเต๊กที่ผมตัดให้เข้าไป

“ อร่อยจัง แต่คนที่ให้ชิม ต้องอร่อยกว่านี้แน่ๆ "

“ เลิกพูดอะไรแบบนั้นเลยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่มากินข้าวด้วยหรอก "

“ อุ้ย โดนขู่ว่ะ งั้นเลิกพูดๆเดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าไม่มากินข้าวด้วย " หลุดยิ้มออกกับท่าทางเป็นเด็กของคนตรงหน้าอีกคนครั้ง ผมก้มตักสเต๊กขึ้นมากินก่อนจะเงยหน้ามองไปนอกร้านเพราะรู้สึกเหมือนมีใครกำลังจ้องมองตัวผมอยู่ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆมีคนจ้องผมอยู่ รอยยิ้มของผมค่อยๆหดลงช้าๆผู้ชายร่างสูงคุ้นตาที่กำลังจ้องมองผมอยู่ด้วยท่าทางนิ่งๆ ปากที่กำลังเคี้ยวอาหารนั้นช้าลงเรื่อยๆผมวางอุปกรณ์ที่ตัวเองกำลังกินก่อนจะเผลอเรียกชื่อของคนนั้นออกมาด้วยเสียงเบาๆที่ไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่

“ ฟาน "

   เพียงชั่วขณะที่เรามั่นใจว่า เราควบคุมความรู้สึกได้และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจ ชั่วขณะที่เราหาเหตุผลต่างๆมาให้ตัวเองพ้นผิด นั่นคือชั่วขณะที่จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุด ผมลัพธ์ที่จะทำให้เรารู้สึกดีกับคนที่ไม่ควรรู้สึกมากขึ้น และผลลัพธ์ที่ว่าความจริงเรากำลังนอกใจอีกคน แต่ทว่าเราอาจลืมไปว่า ' ความลับมันไม่มีในโลก '


.......................................................

ยิ้มอ่อน ...
มาดูกันสิว่า จะตอแหลฟานว่าอะไร ... #นี่นายเอกนะดูพูดจา
จริงๆหมั่นไส้นิดนึงแหละ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

เจอกันตอนหน้านะคะ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ฝากแชร์ในเพจ fb ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่าาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:


ออฟไลน์ ZaRa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
วะ ฮะ ฮ่าๆๆๆๆ //หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง!! ในที่สุด!! ในที่สุด!!! ฟานก็เห็นจนได้ ไงล่ะอีดอกกกกก ตอนลิปเตือนนี่ก็แก้ตัวแล้ว แก้ตัวอีก หาข้ออ้างในความเลวของตัวเองได้เรื่อยๆ คราวนี้ฟานเห็นเองกับตา อยากรู้จริงๆ ว่ามันจะแก้ตัวกับพระเอกของเราว่าไง เดาว่าต้องตอแหลจนฟานเชื่อ หรือไม่ก็ต้องจำใจเชื่อเพราะไม่อยากเลิก เพราะตั้งแต่อ่านนิยายของหนมมา เดาว่านี่ยังไม่ใช่จุดพีค ต้องรอให้นางถลำลึกกว่านี้ก่อนค่ะ เวลาที่นางรู้ตัว จะได้รู้สึกผิดจนกระอักเลือดตายห่าไปเลย //ห่วงก็แต่ความรู้สึกของฟานน้อย โอ๋ๆ นะ อีกไม่นานหนูก็จะหลุดพ้นจากเกย์เฒ่ากระหายดุ้นแล้วลูกเอ๊ย

ปล.อยากบอกว่านิยายของหนมเรื่องนี้ถูกจริตเรามากกกกกกก เราเป็นคนที่ชอบนิยายพระเอกน่าสงสาร แต่ส่วนมากไม่มีไง 5555555 นานๆ ทีจะเจอ เรื่องหน้าขอแบบนี้อีกนะ แต่เปลี่ยนพล็อตก็ได้ แบบเอาดราม่าเรื่องอื่น แต่เอาพระเอกน่าสงสาร อิอิ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ย่ะ. ยัยสวิฟท์. อุ๊ย. แค่สวยเลือกได้เองค่ะ. หมั่นไส้

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ไม่ว่าจะตอแหลว่าไง แต่เราก็ขออนุโมธนาจิตขอให้ฟานตาสว่าง  เลิกหวังได้แล้วละว่ารักที่ทุ่มเทไปจะได้กลับมาเท่ากัน

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หึ ร่านจนได้เรื่อง อยากให้ฟานตาสว่างซะที อย่าเชื่อความสตอของมันให้มากนัก เห็นขนาดนี้เลิกกันเถอะ ปล่อยให้มันร่านต่อไปเถอะ

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ขอเหอะ ฟานอย่าได้โง่เชื่อความตอแหลนะ แต่่ถ้าจะให้ดี มึงมีได้กูก็มีได้เหมือนกัน ดูซิใครมันจะเจ็บได้มากกว่ากัน เอาให้แตกกันไปข้างนึง พระเอกแสนดีแกล้งโง่เพราะรักมากน่ะเก็บเข้ากรุไปได้แล้ว หมดเวลาเคี้ยวหญ้าแล้วฟาน

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
พี่คีย์มีขัอแก้ตัวที่ดีแน่นอนค่ะ ^^

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ว้ายยยยยยยย  :hao6: สมน้ำหน้า อีโง่ อีดอก อีหรี่
มีค.สะใจแบบสูงสุด ต่อมร่านหล่อนทำงานแล้วมั้ยละ
แม่ลิปไม่ต้องเตือนค่ะ อีนั่นโตเป็นควาย ไม่ๆ แรดตัวเต็มวัยแล้ว สมองมันคิดได้นะ คิดว่าทำยังไงให้ตัวเองได้กกผัวทีเดียว2คน โถ่อีหลวม

รอดูว่านางจะตอแหลอะไรใส่ฟาน ฉันแค่มากินข้าวกับหัวหน้านะะ เค้าแต่งงานแล้วไม่ยุ่งด้วยหรอก ฉันมีนายคนเดียว อิอิ  :hao7:

เราว่าฟานไม่โง่นะ

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
คงใกล้ถึงจุดที่นางต้องเลือกละ

นางจะเลือกใคร......

เห็นใจฟานนะ. แต่ก้อนะ.  ความรักความหลงมันห้ามกันไม่ได้

ตบบ่าฟานสามที.... ลูบหลังอีกสามรอบ...

แล้วหันไปกระโดด...นางสามตลบ

 :z6:   :z6:   :z6:

 :m16:  :m16:   :m16: 

...


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่jjay

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
ในที่สุดฟานก็เห็นสักที  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
เย้ๆๆๆๆ
ฟานเห็นแล้วววว
ไหนนนน นางจะไปแก้ตัวอะไรหละ
มีป้อนกันด้วย
เหอะ

#เบ้ปาก ไม่เอา #ฟานคีย์ แล้วนะ #ทีมฟาน ดีกว่า ฟานเลิกเลยเลิกเลยเลิกเลย

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ BChampa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สาแก่ใจกูนักอีช้อยเอ๊ยยยย
เป็นไงล่ะ ความสุขเล็กๆน้อยๆชั่วเวลาพัก
การแอบลักลอบกินกัน เล่นชู้กันลับหลังคนของตัวเองนี่มันเต้นเร้าใจดีใช่มั้ยล่ะ ยิ่งเวลาแฟนมาเห็นด้วยแล้วมันยิ่งตื่นเต้นใหญ่ เข้าใจๆว่าคนจืดชืดที่ผ่านมาได้แค่แอบซ่อนความกระหายสั่นระริกอยู่ในใจทั้งที่จริงแล้วอยากระเบิกออกมาพอมันได้ลองทำชั่วมันก็ซาบซ่านเสียวดี
เลิกเถอะคีย์ รู้ใจตัวเองได้แล้วว่าเธอไม่เหมาะกับคนนุ่มนวลและแสนดีอย่างฟานหรอก ถึงลีลาเซ็กส์ฟานจะดีแต่ก็คงไม่เท่าอะไรๆที่เธอยังไม่เคยลองหรอก ไปหาสิ่งที่เธอไฝ่ฝันจะดีกว่า
หวังดี ไม่อยากให้เลือกทางผิดนะ  :mew1: :katai2-1:

ออฟไลน์ iAlexiajang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอดูแถของผู้ใหญ่ค่าาาาา
หล่อนโตแล้วนะคีย์
โตจนเป็นแรดหนอแหล๊มแหลมอ่ะค่ะ


โอ๊ยยยยย ด่าได้ไม่เต็มปากเพราะชื่อเหมือนกัน. 5555555

ออฟไลน์ ่KEI_jry

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
เย้ๆๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

สาแก่ใจอิช้อยนักแล คนตอ..แหลจะแถยังไง (ขอโทษที่ไม่สุภาพจริงๆ อินมาก)

ไม่ชอบคนแบบคีย์ เพราะเราเป็นคนชัดเจนมากๆ เลยทำให้เกลียดคีย์อ่ะ

คือเพื่อนเตีือนเพื่อนอะไรกลายเป็นประชด กลายเป็นเพื่อนคิดลบ เอ้อออ.. แล้วแต่เลย

ออฟไลน์ aunszMT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
กรี๊ดดด สมใจอยากอีนี่มาหลายตอนแล้วค่าา. เป็นตอนนึงที่อยากให้มาถึงเร็วมากๆๆ รอดูความแหล ถ้าตอนหน้าฟานทิ้งไปชั้นจะจุดพลุฉลองงงง กลียดแบบคีย์ที่สุด ยังมีหน้ามาว้าคีย์อีก สะใจโว้ยยยยย ป.ล ขออภัยอินหนักไปหน่อยยย.

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ไม่ต้องกลัวไปคีย์ไม่ต้องสั่น ก็อย่างที่บอกละว่ามากินข้าวเพื่อตอบแทนน้ำใจที่ช่วยไว้ไง ไม่มีอะไรเลย ไม่ต้องซีเรียสนะ อืมมมม ฟานเชื่ออยู่แล้วเหอะ หึหึ 55555 //คีย์ปากไม่ตรงกับใจจริงนะเออ ที่บอกหัวหน้าว่ามาทานข้าวด้วยเพราะตอบแทนอะ หึ!!กูขำ ใจจริงอยากบอกใจจะขาดว่าอยากมาทานข้าวด้วยเพราะอยากมา ระริ้กระนี้เชียวละแต่เก็บอาการไปงั้น กูรู้หรอกน๊า 55555//ฟานจ่ะ เห็นแล้วคิดไงเอ่ย อิอิ เก็บภาพนี้ไปคิดประกอบกับอาการที่คีย์แสดงออกมาก่อนหน้านี้นะ มันมากพอแล้ว ควรสมเหตุสมผลที่จะแน่ใจ "อ่าาาาาาาาา เพราะแบบนี้สินะ" หรือไม่ก็ "อืมม อย่างที่คิดจริงๆ นั่นสินะ" มันจะบอกได้เลยว่าฟานรู้มาหรือเพิ่งรู้ 555 แต่ฟานอาจมีคำพูดอื่นอีกกะดะ รอไรท์ดีกว่า รอดูฟานจะพูดไง อิอิ พอกลับห้องไปคุยกันฟานก็ถามคีย์กลับไปว่า........?? คีย์จะพูดอะไรก็ถามคำเดิมนั่นละ (น่าจะเอะใจนะว่าไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น) *นานเท่าไหร่แล้ว* กดดันไม่ยากหรอกเพราะความอึดอัดเต็มปรอทพร้อมจะแตกร่อมร่อ ถ้ากดดันได้ดีคีย์ไม่มีอะไรจะแก้ตัวมีแต่ความจริง หึหึ!!! //ฟานเป็นคนดี ถ้าทำให้คีย์คนรักอึดอัดใจได้ขนาดนั้น ก็........ และอีกอย่างเขาอยู่เพราะความถูกต้อง เพราะงั้นเราก็ควรจะทำสิ่งที่ถูกต้องเหมือนกัน สิ่งที่ถูกต้องของฟานคือไร หรือจะไม่สนใจข้อนี้เลยแต่จะทำตามใจ ถ้าทำตามใจนี้แอบคิดว่าฟาน คือแบบฟานรักคีย์ไง รักมากมายเกินไป ครั้งนี้อาจ.....ป่าว?? ไม่หรอกม้างมันต่างกันใจอยู่โน้นแต่ตัวอยู่นี้ ถึงจะยื้อจะรั้งมันก็....อยากฟังคำพูดฟานหว่ะ คนมีเหตุผลตั้งสติได้แบบนี้ คำพูดที่คนฟังเจ็บสุดๆแค่ไม่กี่คำอ่ะ เดี๋ยวๆมึงคิดไปไกลแล้ว อินไง 555 มีแอบคิดว่าตัวเองเป็นฟานแล้วจะทำหยังนั้นหยังนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดคำไหนดีเช่นกัน รอแสงสว่างจากไรท์ 555555555 รอคะรอ ใกล้ละๆจะได้เห็นฟานทำไง อิอิ อย่าให้คีย์ได้เล่นชู้นานเห๊อะ สงสารและเห็นใจคีย์มากอ่ะ บอกเลย ไปคบกันซะ 5555555555 //ตอนนี้ลิปทำดีมากสงบคำพูดละดีแล้ว ปากแฉะแทน 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-10-2016 00:34:09 โดย blove »

ออฟไลน์ HanTwoH

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ooomukooo

  • AngieAngel
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
    • AngieAngel
ถ้าคนเขียนเขียนให้ฟานทำโง่น่ะ
จะเลิกอ่านจริงๆด้วยน่ะค่ะ
ขอคำพูดแบบกระอักเลือดจากฟานดีกว่า

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จะแก้ตัวว่าไงอ่ะ
พูดแบบไหนที่ผู้ใหญ่เขาพูดกันอ่ะ
หมั่นนางไปอี้ก
 :hao3:
ฟานเอ้ย.. เลิกเลยนะ อย่าไปยอม
ให้นางได้ลิ้มรสความเสียใจบ้าง
ลังเลอยู่นั่นแหละ ถ้าไม่รักน้องก็ปล่อยไป
อย่ารั้งไว้เพราะเขาดีกับตัวเอง
แต่ตัวเองแย่อ่ะ มันไม่สมควร
 :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ้ยยยยย ของขึ้น
คีย์ใช้ตรรกะอะไรคิด ชอบก็เข้าใจแต่ชอบอยู่บนคนมีคู่นี่ทำถูกว่างั้น หลงลม
เค้าช่วยต้องตอบแทน เค้าช่วยเค้าเป็นคนดี  เป็นข้ออ้าง เข้าข้างตัวเองมาก

ฟานจัดไปค่ะ ได้รู้สักที แล้วภาพชัดด้วย


ออฟไลน์ BChampa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ให้เราเดามั้ย "มันไม่ได้เป็นอย่างที่นายเห็นนะ" (คำตอบในใจจากเราคือ มึงเป็นลูกตากูเหรอออออ ถึงได้รู้ว่ากูเห็นอะไร)
"ชั้นรักนายนะ"
หรือคีย์อาจจะสารภาพความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของตัวเองแล้วคีย์ก็คลุกวงใน นัวเนียๆๆๆ จนฟานให้อภัยหวังว่าความดีและความจริงใจจะชนะทุกสิ่ง แล้วคีย์ก็ได้โควต้าไปแซ่บกับหัวหน้าอีกนานนนนนน กว่าดราม่าจะวนเวียนมาอีก

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
ฟานน่าจะเจอลิปก่อนเนอะ ถ้าเป็นแบบนั้นคงดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้

ออฟไลน์ EunSung87

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-2

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 40
' เรื่องโกหก '

   รอยยิ้มของผมค่อยๆหดลงช้าๆผู้ชายร่างสูงคุ้นตาที่กำลังจ้องมองผมอยู่ด้วยท่าทางนิ่งๆ ปากที่กำลังเคี้ยวอาหารนั้นช้าลงเรื่อยๆผมวางอุปกรณ์ที่ตัวเองกำลังกินก่อนจะเผลอเรียกชื่อของคนนั้นออกมาด้วยเสียงเบาๆที่ไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่

“ ฟาน "

“ หื้ม ? “  เสียงทุ้มตรงหน้าถามขึ้นด้วยความสงสัยเค้าที่จ้องหน้าผมงงๆ ในตอนนั้นผมที่หลบสายตาของคนนอกร้านมามองหัวหน้าที่ก็หันไปมองนอกร้านตามผม

“ ขอตัวสักครู่นะครับ " ขาของผมที่กำลังจะลุกขึ้นแต่ทว่ามือหนากลับเอื้อมมาจับเอาไว้แน่น

“ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ "

“ เอ๊ะ ? “ ขมวดคิ้วมองอีกคนก่อนจะหันกลับไปมองฟานที่ก็ยังจ้องมองมาทางผม

“ ถ้านายออกไปก็ต้องทะเลาะกับเค้า มันไม่ได้ดูดีเลยนะที่จะทะเลาะกันต่อหน้าคนเยอะๆในช่วงเวลาพักเที่ยงน่ะ แล้วที่ฉันบอกว่าไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ ก็คือ ไม่เห็นเป็นไรเราก็แค่กินข้าวกันตามประสาพนักงานออฟฟิศทั่วไป นายแค่มากินข้าวกับหัวหน้าไม่เห็นจะแปลก "

“ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่ว่าเค้ากำลังเข้าใจผมผิดนะครับ " หรือว่ากำลังเข้าใจถูกกันแน่วะ เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะถอนหายใจ ในสิ่งที่หัวหน้าพูดมันก็ถูกคนเยอะแยะถ้าออกไปหาก็ต้องทะเลาะกันเสียงดังแน่ๆ แต่ว่าถ้าปล่อยไว้ มันจะดีเหรอ

“ นายแค่ทำตัวให้มันปกติ ไม่เห็นเป็นอะไร " คำพูดเฉยๆที่อีกคนพูดออกมา หัวหน้ายังคงตัดชิ้นเนื้อเข้าปากทั้งๆที่ตอนนี้ผมเองก็รู้สึกอิ่มเสียจนไม่อยากจะกินมันต่อไปอีกแล้ว ในท้องที่ปั่นป่วนไปหมด จะบอกให้อยู่เฉยๆไม่รู้สึกอะไรได้ไง ในเมื่อตอนนี้ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าทำอะไรอยู่ แม้ปากจะบอกว่า ไม่จริงไม่ใช่  เราแค่มากินข้าวกับคนที่ช่วยเหลือเราไว้ก็เท่านั้น แต่ว่าในใจลึกๆก็ไม่ได้คิดแบบนั้น " กินเข้าไปกินอีกหน่อยสิ เค้าก็ไปแล้วนิ " เงยหน้ามองตามคำพูดของหัวหน้า ฟานไม่อยู่ตรงนั้นแล้วจริงๆ แต่ในใจของผมกลับไม่ได้สบายใจอย่างงั้น

“ ไม่ค่อยอยากจะกินแล้วละครับ " บอกอีกคนแบบนั้น ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมา

“ ถ้าเค้ารักนาย เค้าไม่ปล่อยนายไปง่ายๆหรอก เหมือนฉันไง ต่อให้เสียใจยังไงก็ต้องรั้งไว้ให้อยู่ด้วยกัน อยู่แล้วละ " จะจริงอย่างงั้นจริงๆ หรือแค่คำพูดของคนที่กำลังพูดเข้าข้างตัวเองกันนะ คำพูดของเค้าตอนนี้

“ แต่ว่าคนเราความอดทนมันมีขีดจำกัดนะครับ "

“ ฉันรู้ แต่กลัวอะไรละ " มือหนาเอื้อมมือมาจับมือผมอีกครั้งเค้าที่คว้ามือผมแล้วสอดมือเค้าเข้ามากุมมือผมไว้ " มองหน้าฉันสิคีย์ " เงยหน้าขึ้นมามองเค้าที่ตอนนี้กำลังจ้องหน้าผม  “ นายจะกลัวอะไร ในเมื่อตอนนี้นายเองก็มีฉันเป็นตัวสำรองอยู่ ไม่เห็นต้องแคร์เลย ไม่มีเค้าก็ยังมีฉันนะ "

“ ไม่แคร์ได้ไงละครับ สำหรับผม ผมน่ะไม่มีหัวหน้าได้นะ แต่ผมไม่มีเค้าคงไม่ได้หรอก แบบนั้นจะไม่ให้แคร์เค้าได้ยังไงจริงมั้ยละครับ " ดึงมือออกจากการจับกุมของอีกฝ่ายที่ก็นิ่งไป ลุกขึ้นจากที่นั่งที่กินอาหารแสนอร่อยตรงหน้าไว้ไม่ได้แล้ว " ขอตัวก่อนนะครับ " หยิบเงินออกจากกระเป๋าเงินตั้งเอาไว้ก่อนจะเดินออกไปโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองเค้าอีกเลย

   ขาของผมวิ่งออกจากมาจากร้าน มองซ้ายดูขวาผมไม่เห็นแม้เงาของคนที่ยืนอยู่เมื่อครู่แล้ว ก้มลงมองเวลาที่เหลืออีกแค่ไม่ถึง 20 นาทีก็ได้เวลาเข้างานหลังช่วงพักเที่ยงแล้ว ตัดสินใจวิ่งตรงไปที่ห้างที่อีกคนทำงาน ตรงร้านกาแฟร้านนั้นมีผู้คนไม่น้อยกำลังต่อคิวซื้อน้ำ ผมผ่อนลมหายใจหอบๆกับร่างสูงที่ยังคงทำงานอยู่ที่หน้าเค้าเตอร์ แถวยาวๆที่ตัดสินใจต่อคิวทั้งๆที่เวลาอาจจะล่วงเลยเกินกว่าที่จำเป็น

“ ชาเย็นแก้วนึงครับ " ผมบอกเค้าสั้นๆ ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรต่อหน้าผม มันเรียบเฉยเค้าไม่แม้จะสบตา ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ใจของผมมันว่างเปล่าเหมือนถูกราดน้ำเย็นจัดจนทำให้ชาไปหมดทั้งตัว ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีตัวตนอยู่ในแววตา แววตาที่เคยมีเราอยู่ในนั้นมาตลอด " ฟะ..” 

“ ยี่สิบห้าบาทครับ "

“ นี่ครับ " ยื่นเงินไปให้ตอนที่ยืนอยู่ตรงนั้นสักพักเพื่อรอเงินทอนผมก็เอ่ยเรียกเค้าออกไป " ฟานคือ..”

“ เงินทอนครับ กรุณาขยับไปข้างๆเพื่อรับสินค้านะครับ " แถวที่ถูกรันไปอย่างรวดเร็วผมได้แต่ถอนหายใจก่อนจะยื่นมือไปรับน้ำที่พนักงานอีกคนยื่นมาให้ หันมองดูหน้าเค้าที่ยิ้มแย้มให้คนอื่นด้วยความสุภาพก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างไม่รู้ว่าต้องรู้สึกอะไร ผลลัพธ์ของการปล่อยใจไปกับความรู้สึกที่ต้องหลบเลี่ยงมันร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอ ขนาดที่ว่าจะกลายเป็นแค่อากาศสำหรับอีกคน กลายเป็นคนไร้ตัวตน และกลายเป็นคนที่เค้าไม่รักไปในที่สุด

' คนที่ฟานจะไม่รักอีกแล้ว ' คนที่นอกใจเค้าอย่างผม

   เดินขึ้นตึกกลับมาทำงานตอนที่วางชาเย็นแก้วนั้นลงบนโต๊ะ ลิปก็หันมาถามด้วยความสงสัยเพราะเหมือนท่าทีของผมจะแปลกไปจากก่อนหน้านี้ที่ออกไปกินข้าว จากที่ร่าเริงพกความมั่นใจไปเต็มที่ ไม่แคร์ ไม่สนสิ่งใด แต่ขากลับมากลับนิ่งเงียบเหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเองแล้วก็ไม่พูดอะไรสักคำ

“ ไปแวะซื้อน้ำที่ร้านฟานมาเหรอ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคนสั้นๆ ก่อนจะหยิบชาเย็นยื่นให้อีกคน " นายกินมั้ย "

“ แล้วนายไม่กินรึไง "

“ ไม่ค่อยอยากจะกินแล้วละ "

“ แล้วไปซื้อมาทำไมเล่า " มือบางที่รับชาเย็นไปเจาะหลอดแล้วกินด้วยท่าทางชอบใจ ผมหันไปมองเค้าก่อนจะพูดความจริงออกไป

“ พอดีไปกินข้าวกับหัวหน้าแล้วฟานเห็นน่ะ รู้สึกผิดกับเค้าอยากจะง้อเลยไปซื้อน้ำร้านเค้ามาแต่หมอนั้นมันไม่สนใจเลยนะสิ "

“ อย่างงั้นเหรอ " ลิปตอบรับพลางพยักหน้ารับแล้วหันกลับไปมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง " กำลังจะถามพอดีว่าทำไม ออกไปพร้อมหัวหน้าแล้วไม่กลับมาพร้อมกัน "

“ ฉันอยากจะเคลียร์กับฟานวะ "

“ เคลียร์ว่าไรอะ "

“ มันไม่ใช่อย่างที่เค้าคิด "

“ มันไม่ใช่อย่างที่เค้าคิด ทั้งๆที่เค้าคิดถูกแล้วนี่อะนะ นายจะบ้ารึไง " อีกคนว่าก่อนจะหัวเราะออกมา " จะโกหกอีกละสิ ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าคิด จะอ้างอะไรดีละ เค้าช่วยเหลือไว้เลยไปกินข้าวเพื่อตอบแทนเป็นไง ได้ทั้งขึ้นทั้งร่องเลยนะ ข้อแรกคือฟานจะห่วงนายมากขึ้น ข้อต่อมาคือ พ้นความผิด เจ๋งดีปะ แต่อย่าหลุดพูดว่าจริงๆรู้สึกดีแฮปปี้แค่ไหนก่อนหน้าที่ฟานจะมาเห็นก็พอ แค่นั้นก็จบละ ง่ายมากๆ "

“ ลิป "

“ เอาจริงๆ ฉันว่าสิ่งที่นายควรเคลียร์กับเค้าคือ บอกเค้าให้ชัดไปเลยดีกว่า ว่านายกำลังคบคนอยู่สองคน เค้าจะได้ไม่มาเข้าใจอะไรถูกอยู่แบบนี้ "

“ ลิป เลิกพูดประชดสักทีได้มั้ย ”

“ คิดอะไรอยู่ ก็รู้อยู่แก่ใจน่า อย่าทำเป็นปฎิเสธนักเลยคีย์นายรู้สึกฉันพูดประชดนายจริงๆเหรอ หรือจริงๆฉันแค่พูดตรงใจนายแต่เพราะมันไม่ใช่เรื่องถูกต้องนายเลยบอกว่าฉันประชด ประชดตรงไหนวะก็ความจริงทั้งนั้นอะ จะบอกอะไรให้นะ " อีกคนว่าพลางยกมือขึ้นจับไหล่ผม " นายหนีความจริงในใจนายไม่พ้นหรอก แล้วอีกอย่างนายก็รู้อยู่แล้วนี่ตอนนี้น่ะว่าความลับมันไม่มีในโลก ทางที่ดีบอกเค้าไปตรงๆดีกว่า ว่าชอบหัวหน้ามาก หัวหน้าเองก็จีบอยู่ ตอนนี้หวั่นไหวนะ หวั่นไหวมากๆแต่ฉันก็ไม่อยากจะเสียฟานไปหรอกนะ ฟานว่าฉันต้องทำยังไงดี แบบนี้ได้มั้ย ฉันขอคบกับหัวหน้าสักพัก เดี๋ยวพอเค้าเบื่อ เค้าก็คงเลิกยุ่งกับฉันเอง ฟานทนหน่อยได้มั้ย ขอแค่ช่วงนี้ให้รักเราเป็นสามคน ทนหน่อยนะฉันรักฟาน พอพูดเสร็จนายก็จูบเค้า ให้เค้าอึ้บแรงๆสักทีแบบใส่สด แล้วก็บอกเค้าว่า ยังไงฉันก็ให้ฟานทุกอย่างนะ ให้ฟานใส่สด แต่หัวหน้าจะไม่ให้ใส่สดหรอกจะให้ใส่ถุงงี้ เป็นไง แจ๋มมั้ย  " คำพูดประชดที่มาพร้อมรอยยิ้มของอีกคน " หรือว่านายอยากจะให้หัวหน้าใส่สด แต่ว่านะ ใส่สดใส่ถุงยังไงก็โดนใส่อยู่แล้ว เค้าไม่รู้หรอก ตอแหลๆไปเถอะ "

“ ลิป!! "

“ ยอมรับความจริงเถอะน่า นายกำลังชอบผู้ชายสองคนแล้วก็เสียไปไม่ได้ทั้งสองคน คนนึงก็ดีถ้าเสียไปคงโง่เพราะจริงจังและน่าจะคบได้นาน ส่วนอีกคน..” คนพูดเหลือบสายตาไปมองที่ประตูแผนกหัวหน้าที่เดินเข้ามาเค้าก็ยกยิ้ม " อีกคนนี่ อยากจะได้ไว้ในครอบครองแต่ไม่จริงจัง อยากก็เอากัน สนุกสนานแบบไม่ผูกมัด "

“ ลิปฉันว่ามันมากไปแล้วนะสิ่งที่นายพูด ฉันไม่ได้คิดกับ หัวหน้าแบบนั้น โดยเฉพาะเรื่องนั้น ฉันไม่เคยคิด "

“ อ๋อ~เหรอ! " เค้าพยักหน้ารับ  อย่างน้อยผมก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องอย่างว่า แค่รู้สึกอุ่นใจที่มีเค้าอยู่เหมือนคนที่ชอบ ก็แค่คนที่ชอบทั่วไปมันก็เท่านั้น " แต่ฉันว่าหัวหน้าเค้าคิดนะ การที่เค้าตัดสินใจมาพยายามกับนายก็เพราะเรื่องนี้แหละฉันว่า เซ็กส์ล้วนๆไม่มีอย่างอื่นผสมหรอกเอากันจนหายเงี่ยนก็ทิ้งไปหาคนใหม่ "

“ ทำไมนายต้องพูดให้ฉันรู้สึกแย่ลงด้วยวะ คนกำลังเครียดก็ประชดกันอยู่ได้ พูดอยู่แต่เรื่องนั้นแหละ มันได้อะไรขึ้นมาวะ มันทำให้ฉันสบายใจขึ้นรึเปล่าวะ " คนตรงหน้าของผมเงียบ เค้าที่หยุดดูดน้ำที่กำลังกิน ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ แล้วนายจะให้ฉันพูดอะไร ในเมื่อสิ่งที่นายทำ ฉันเองก็เตือนนายแล้ว ฉันบอกนายทุกอย่าง แต่นายก็ไม่เคยฟัง ไปกินข้าวกับหัวหน้าทำท่าทางมั่นใจจนน่าหมั่นไส้เหมือนอยากจะไปกินข้าวกับเค้าจนตัวสั่น ยิ้มแย้มแฮปปี้พูดจาหยอกล้อยั่วยวนกันแบบมีความสุข และสุดท้ายพอผัวจับได้ก็มานั่งระทมกลัวผัวทิ้ง ก็น่าจะปากเก่งปากดีตั้งแต่ต้นจนจบไม่ใช่รึไง กลัวอะไรวะ ทำเก่งให้มันตลอดดิ เก่งให้มันเหมือนตอนที่นอกใจผัวอะ "

“ มันยากนะลิป " ผมถอนหายใจออกมากับคำพูดของอีกคนที่เหมือนการตบหน้าแรงๆหลายครั้งติดจนได้แต่เม้มริมฝีปากอย่างไม่รู้จะทำยังไง มันไม่มีข้อแก้ตัวมันเป็นแบบนั้นมันตรงทุกคำ ทุกคำที่อีกคนพูด " การที่เราจะขัดใจตัวเองในสิ่งที่เราชอบมันยากนะ ฉันไม่รู้แล้ววะ ว่าต้องทำยังไง  "

“ อื้ม ฉันรู้ ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ที่ฉันไม่รู้เลยคือความรักคือสิ่งที่นายขาดเหรอ ถ้านายขาดมันไปจริงๆ นายไม่มีใครอยู่ตอนนี้ นายเลยหลงใหลไปกับความอบอุ่นของหัวหน้าจนอยากจะยอมไปเป็นเมียน้อยเค้า ฉันจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่ฟานก็ให้นายทุกอย่างมากเกินกว่าใครสักคนจะทำให้กันด้วยซ้ำในบางครั้ง ทั้งทุ่มเท ทั้งเอาใจใส่ ล้นจนแทบไม่ขาดเลย แต่นายยังรู้สึกว่าเค้าให้นายไม่พอเหรอ นายถึงต้องยังอยากได้จากคนนั้นเพิ่มอีก ความต้องการของนายมันมากมายเป็นทะเลอันดามันรึไง ถึงได้เติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็มน่ะ "

“ ฉันจะพูดยังไงนายถึงจะเข้าใจฉัน เค้าช่วยเหลือฉัน เค้าอบอุ่น เค้าทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจ นายเข้าใจมั้ย เข้าใจความรู้สึกของฉันรึเปล่า ถ้าสักวันมีคนทำให้นายหวั่นไหวได้มากกว่าคุณเมษ นายคงเข้าใจฉัน นายคงรู้สึกว่าฉันรู้สึกยังไง  "

“ คนที่ทำให้ฉันหวั่นไหวได้ถึงขีดสุดตอนนี้ ก็คือทั้งหมดของคุณเมษที่จะคิดถึงแค่ฉัน ไม่ใช่เห็นฉันสำคัญน้อยกว่างานและการบริการผู้หญิงพวกนั้น สำหรับฉันแค่ทั้งหมดของเค้าก็ทำให้ฉันหวั่นไหวได้มากกว่าใครแล้วละ เพราะฉันอยากจะเป็นที่สุดของเค้าและสนใจเค้าแค่คนเดียวไง ส่วนนาย นายเป็นที่สุดของฟานอยู่แล้ว และตอนนี้ก็อยากจะทำตามหัวใจตัวเองที่อยากจะเป็นของหัวหน้ามาตลอด และฉันก็คิดว่าฉันไม่ได้เข้าใจอะไรผิดนะ บางทีคนอย่างนายคงได้ฟานมาง่ายไปคีย์ นายเลยไม่ค่อยเห็นค่าเค้าเท่าไหร่ ไม่เคยเห็นค่าอะไรในตัวเค้าเลย เป็นแค่ของตายเท่านั้น "

   ผมผ่อนลมหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะพูดอะไรกับอีกคนเบือนหน้าหนีเค้าที่พูดตรงใจจนได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ก็อาจจะจริงอย่างที่ลิปบอก ผมได้ฟานมาง่ายเกินไปเค้าที่ทั้งแสนดีและเอาใจเก่ง ผมเลยมองเป็นของตาย ส่วนหัวหน้าอยากได้มาตลอด เค้าได้มายาก แล้วตอนนี้ก็เหมือนจะเอื้อมถึงแล้ว เลยรู้สึกอยากจะเก็บมันไว้สักพัก

“ แต่ยังไงฉันก็ไม่มีทางปล่อยฟานไปหรอก ยังไงเค้าก็คือคนที่ฉันอยากจะให้อยู่กับฉัน ฉันเสียใครไปก็ได้ แต่ฉันคงเสียฟานไปไม่ได้  แต่จะไม่ยอมเสียไปเด็ดขาด "

“ ฟานไม่ใช่ของตายนะคีย์ ระวังไว้เถอะ นายจะเสียเค้าไปแล้วไม่ได้เค้ากลับมาอีกเลย "

.................................................

   เด้งตัวออกจากที่ทำงานตั้งแต่ห้าโมงครึ่งผมเดินไปที่ห้างเดิมตรงร้านที่ฟานมาทำงานพิเศษ หย่อนตัวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างหน้าร้านช้าๆ มองดูร่างสูงที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นผมแล้วแต่ก็ก้มลงทำงานต่อเหมือนไม่ได้รู้จักอะไรกันมาก่อน หัวใจของผมมันเหมือนกำลังจะหายไป สายตาที่ไม่มีผมอยู่ในนั้น เผลอคิดว่าสักวันถ้าไม่มีผมอยู่ในนั้นขึ้นมาจริงๆ มันจะเป็นยังไงนะ ฟานที่ไม่รักผมแล้วมันจะเป็นยังไง


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

   นั่งรออีกคนจนถึงเวลาเลิกงาน ผมลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองตอนที่ฟานเดินออกมาจากร้านแล้วถอนหายใจออกมาตอนที่มองหน้าผม เค้ามองไปทางอื่นก่อนที่ผมจะเดินตามเค้าไป เราเดินไปตามทางจะที่จะขึ้นรถไฟเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันแม้จะยืนอยู่ข้างๆกันก็ไม่พูดคุยอะไรกันสักอย่าง

“ ฟาน " เผลอเอ่ยเรียกชื่อเค้าไปอีกคนที่หันมามองหน้าผม ในสายตาที่กำลังโกรธนั้น " ฉันแค่คิดว่าเราต้องพูดกัน "

“ ค่อยคุยกันที่บ้าน "

“ อื้ม " ผมตอบได้แค่นั้นกับคำพูดนิ่งๆที่เหมือนกำลังสงบจิตสงบใจที่จะไม่พูดหรือแสดงออกอะไรไม่ดีในที่สาธารณะก็เท่านั้น นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเค้าถึงไม่เข้าไปจัดการผมตั้งแต่ที่เห็นนั่งกินข้าวกับหัวหน้า  เพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่รู้สึกว่าไม่ควรทำให้ขายหน้าด้วยเรื่องส่วนตัวที่ตัวเองไม่รู้ว่า เข้าใจผิดรึเปล่า

   กลับมาถึงบ้านผมก็ยิ่งหายใจได้ยากขึ้น ตอนที่เปิดประตูเข้าไปในห้องผมวางกระเป๋าก่อนจะหันมาสบสายตาคนที่ปิดประตูแล้วเดินตามเข้ามา ฟานก้มหน้าก่อนจะถามผม

“ ว่าไง จะพูดอะไรก็พูดมา "

“ นายกำลังเข้าใจผิดเรื่องของฉันกับหัวหน้า " ผมบอกเค้าอีกคนก็เงยหน้าขึ้นมา ในแววตาที่กำลังโกรธ หาเรื่อง และไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นั้น อีกฝ่ายถอนหายใจ

“ อย่างงั้นเหรอ เข้าใจผิดยังไงละ คุณไม่ได้ไปกินข้าวกับเค้า ? นั่นคือคุณตัวปลอม หรือว่า นั่นไม่ใช่หัวหน้าแต่เป็นคุณลิปที่เผลอกินเวย์โปรตีนเข้าไปทำให้ตัวใหญ่ขึ้น จะอ้างว่าไงดีละครับ "

“ ฉันไม่ได้จะอ้าง แล้วที่ฉันจะบอกก็คือ ทั้งบริษัทฉันไม่ได้มีเพื่อนไปกินข้าวอยู่แค่คนเดียวสักหน่อย และถ้าให้พูดกันตามความจริงแล้ว มันก็ไม่แปลกอะไรรึเปล่าที่ฉันจะไปกินข้าวกับหัวหน้า มันก็แค่หัวหน้ากับลูกน้อง "

“ แค่สองคน " เค้าทวนถาม

“ ใช่ แล้วมันแปลกยังไงละ ที่ฉันจะไปกินข้าวกับหัวหน้า "

“ ไม่แปลกหรอกครับ ถ้าคุณจะไปกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงาน ผมไม่ใช่คนใจคอคับแคบที่จะไม่ให้คุณไปกินข้าวกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นเลย แต่ผมก็ไม่ใช่คนใจดีที่จะให้คุณไปกินข้าวกับคนที่คุณเคยชอบ คนที่คุณเคยหวั่นไหว ผมจะได้รู้ได้ยังไงว่าคุณจะไม่หวั่นไหวไปกับเค้าอีก ไปกินข้าวด้วยกันเฉยๆมันได้เหละถ้าไม่รู้สึกอะไรกันมากก่อน แต่ผมจะมั่นใจได้ไง มันว่าจะเป็นไปอย่างงั้น "

“ นายไม่เชื่อใจฉัน " ราวกับข้ออ้างที่เผลอพูดออกไปแบบไม่คิด เรียกร้องความเชื่อใจจากอีกคนทั้งๆที่สิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ ฟานก็เข้าใจถูกแล้ว ผมที่กำลังหวั่นไหวไปกับหัวหน้า หวั่นไหวให้กับคนที่เคยชอบมาก่อน

“ ผมเชื่อใจคุณ แต่ผมไม่ไว้ใจเค้า เรื่องที่ผมได้ยินเกี่ยวกับเค้าทำให้ผมคิดไปในแง่ดีอะไรแบบนั้นไม่ได้ ครั้งก่อนที่คุณเมาเค้าไม่ใช่เหรอที่พยายามจะพาคุณมาส่งบ้าน แต่คุณลิปช่วยกันไว้ แล้วถ้าวันนั้นผมไปไม่ทัน ตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้วก็ได้ "

“ หมายความว่าไงยังไง "

“ เพราะถ้าคุณจะไปเป็นของเค้า ผมก็จะไป จะไม่ยืนโง่อยู่ตรงนี้หรอก ต่อให้คุณอ้างว่า คุณแค่เมาแล้วเผลอไปเอากับเค้าก็เถอะ "

“ หัวหน้าฉันเค้าไม่ใช่คนที่ร้ายกาจอะไรขนาดนั้น " ผมบอกอีกคนที่กำลังจ้องตาผมด้วยความหงุดหงิดแบบไม่ลดละ ราวกับกำลังคิดถึงเรื่องราวคราวนั้นตอนที่ผมเมาแล้วหัวหน้าจะอาสาไปส่ง 

“ เหรอครับ ในความคิดของคุณคนเดียวรึเปล่า ชอบไม่ใช่รึไง หัวหน้าของคุณน่ะ ผู้ใหญ่ในแบบที่ชอบเลยนี่ "

“ เลิกประชดเรื่องที่ฉันเคยชอบเค้าสักทีได้มั้ย หัวหน้าน่ะ ..อย่างน้อยเค้าก็ช่วยฉันในเวลาที่ฉันลำบาก อย่างตอนที่มีปัญหาเรื่องงานเค้าก็ช่วยเหลือฉันไว้ แล้ว..” ผมเผลอจะพูดเรื่องที่ถูกลวนลามบนรถไฟแต่ปากมันก็หยุดไว้แค่นั้น " แล้วก็อีกหลายๆเรื่อง เค้าก็ช่วยฉันไว้ในเวลาที่ฉันลำบาก เพราะงั้นฟานมันก็ไม่แปลกที่ฉันจะไปกินข้าวกับเค้า เราก็เหมือนเพื่อนร่วมงานกัน แค่เพื่อนร่วมงาน "

“ แล้วทำไมคุณลิปไม่ไปด้วยละ คุณลิปปลีกวิเวกอยากจะกินข้าวคนเดียวเหรอครับ "

“ ลิปไม่ชอบหัวหน้า ก็เลยไม่ไป "

“ ก็น่าแปลกอยู่นะครับพนักงานบริษัทมีตั้งเยอะแยะ แต่ไม่มีใครคิดจะไปกินข้าวเที่ยงกับเค้าเลย ยกเว้นคุณ เค้าตั้งใจไม่ชวนคนอื่นแล้วคิดจะชวนคุณคนเดียวรึเปล่า "

“ นายเลิกคิดอะไร ตั้งแง่ในแบบเด็กๆจะได้มั้ย ในโลกของการทำงานแค่ลูกน้องกินข้าวกับหัวหน้ามันแปลกยังไง มันไม่ใช่โลกของเด็กที่ยังยึดติดกับเพื่อน ต้องไปกินข้าวกับแค่กลุ่มของเราเท่านั้น ห้ามไปกินกับคนอื่น ต้องกินแค่กับเพื่อนของตัวเอง มันไม่ใช่นะ ฟานนี่สังคมของผู้ใหญ่ เราจะไปกินข้าวกับใครก็ได้ บางทีก็เพื่อตอบแทนความช่วยเหลือ หรือว่าแค่กินข้าวกันธรรมดา มันไม่ได้หมายความว่า ไปกินข้าวสองคนต้องรู้สึกพิเศษ " ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเถียง กำลังเถียงอีกฝ่ายหน้าตั้ง โกหกปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อให้อีกพ้นผิด แล้วเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาทุกทีที่ไม่เห็นแววตานั้นผ่อนความรู้สึกโกรธและไม่เชื่อใจนั่นลงเลย แม้จะโกหกบิดเบือนเท่าไหร่ก็ตาม

“ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร คุณก็อ้างเรื่องที่คุณเป็นผู้ใหญ่ตลอดเลยนะ คุณที่ชอบบอกว่าผมไม่เข้าใจในเรื่องราวผู้ใหญ่พวกนั้นที่เค้าเป็นกัน ผมที่ยังเด็กในสายตาของคุณ แต่ถามหน่อยเถอะ คุณเห็นผมอายุสักสามชวบที่ยังเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาล หรือว่า ประถมต้นเหรอครับ  ทำไมถึงไม่คิดบ้างว่าผมก็เป็นแค่ผู้ชายคนนึง ที่ไม่ชอบเห็นแฟนตัวเองไปนั่งกินข้าวกับคนที่เค้าก็เคยบอกเราว่า เค้าชอบ วันนึงถ้าคุณเห็นผมนั่งกินข้าวอยู่กับคนที่เคยเข้ามาสารภาพรักกับผม คนที่มอบเรือนร่างของเธอให้ผมคุณจะไม่รู้สึกอะไรกับผมเลยเหรอ คุณจะไม่หึง คุณจะเฉยๆ แล้วบอกว่า อ้อ เค้าเป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไรหรอก อย่างงั้นเหรอ คุณคิดว่าตัวเองจะทำได้อย่างงั้นกับคนที่คุณรักเหรอครับ " ใบหน้าคมที่เดินเข้ามาใกล้ " แต่สำหรับผมถ้าใครมาเจอเรื่องแบบนี้แล้วไม่รู้สึกอะไร ผมว่าคนคนนั้นมันต้องไม่รู้สึกอะไรต่ออีกคนแล้วแน่ๆ เค้าคงไม่รักกัน เพราะคนที่รักกันมันทนไม่ได้หรอก "

“ ฉันไม่อยากจะเถียงกับนายแล้ว วันๆนึงฉันเจอเรื่องเยอะแยะ เจอคำพูดไม่ดีเยอะแยะ แถมยังต้องมาทะเลาะกับนายอีกอย่างงั้นเหรอ มันเหนื่อยนะฟาน พอทีจะได้มั้ย " ผมที่เริ่มตัดบทอีกคนก็ถอนหายใจ

“ เบื่อจะเถียงเลยจะตัดบทแบบที่ ไม่ต้องสนใจว่าผมจะเข้าใจผิดอยู่รึเปล่า ผมรักคุณมากไปจนคุณรู้สึกว่าจะทำอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ จะอธิบายไม่อธิบายก็ได้ ช่างมันปล่อยไป อย่างงั้นเหรอ   "

“ งั้นนายต้องการอะไร จะให้ฉันทำอะไร ก็บอกไปแล้ว ว่าก็แค่เพื่อนร่วมงานมันก็เท่านั้น เค้าก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานคนนึงที่ฉันไปกินข้าวด้วย จะให้พูดอีกกี่ครั้งฉันก็จะพูดแบบนี้ เค้าเป็นแค่เพื่อนร่วมงาน " ผมที่ยังคงโกหก ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับในสิ่งที่อีกคนพูดเท่าไหร่

“ งั้นคุณก็ช่วยตอบคำถามผมหน่อย ว่าเพื่อนร่วมงานแบบไหน ถึงได้นั่งจับมือกันในร้านอาหารเหรอครับ " คำถามที่ทำให้ผมนิ่งไปสักพัก สายตาที่หลุบลงต่ำไม่คิดมาก่อนเลยว่าเค้าจะเห็นตอนนั้นด้วย ตอนที่ทั้งผมและหัวหน้าจับมือกัน " ว่าไงละครับ คราวนี้จะตอบว่าอะไรดีละ เพื่อนร่วมงานเหรอครับ ร่วมงานกันแบบไหนละ งานอะไรที่ทำร่วมกัน เรื่องอย่างว่ารึเปล่า "

“ ฟาน "

“ คราวนี้จะแก้ตัว.. ไม่สิ จะตอบว่าอะไรดีละครับ มุกเพื่อนร่วมงานใช้ไม่แล้วนะ คงต้องเปลี่ยนแล้วละ ว่ามาสิครับ ตอบว่าอะไรดี "
“ ฉัน " ผมถอนหายใจออกมากับแววตาที่กำลังจ้องหน้าผม ไม่ต่างอะไรจากคนที่กำลังจนมุมเลยสักนิด มองไปทางไหนก็มีแต่ทางตัน ไม่มีคำพูดที่ต้องบ่ายเบี่ยงอีกแล้ว ตอนนี้ที่มีในสมองก็คือแค่พูดความจริงแล้วยอมรับไปให้สิ้นเรื่องว่าเรากำลังหวั่นไหวไปกับหัวหน้า ขอโทษเค้าซะ หรือ จะโกหก โกหกเพื่อที่จะยังรักษาทุกอย่างไว้

“ ระหว่างคุณกับเค้าตอนนี้มันเป็นยังไงกันแน่ "  เงยหน้ามองหน้าเค้าที่กำลังจ้องตาผมเพื่อถามไถ่ความจริงในสิ่งที่ตัวเอยากจะรู้ ร่างหนาเดินเข้ามาใกล้ผมก็ถอยไปจนชิดกำแพง " อยากจะกลับไปรักเค้ารึเปล่า ถ้าจะไปผมก็ให้ไปนะ ไปเลย ไปเป็นเมียน้อยหัวหน้าคุณไง แต่อย่ากลับมาหาผมก็แล้วกัน เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ "

“ วันนี้ฉันโดนลวนลามบนรถไฟ " เอ่ยบอกเค้าไปแบบนั้นโดยไม่ตอบคำถามที่เค้าถามออกมา ตัดสินใจพูดเรื่องนี้ไปดีกว่าจะตอบคำถามพวกนั้น ' อยากจะกลับไปรักเค้ารึเปล่า ถ้าจะไปผมก็ให้ไปนะ ไปเลย ไปเป็นเมียน้อยหัวหน้าคุณไง แต่อย่ากลับมาหาผมก็แล้วกัน เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ  ' คำพูดพวกนั้นไม่อยากจะได้ยินมัน ตอนนี้ไม่ว่าเรื่องไหนที่ช่วยอ้างได้ ผมก็จะอ้างมันออกไป จะทำทุกอย่างเพื่อรั้งเค้าเอาไว้ จะทำเพื่อเค้ายังอยู่ตรงนี้ ข้างๆกัน

“ อะไรนะ " อีกคนถามซ้ำ

“ ฉันโดนลวนลามในรถไฟ แต่โชคดีที่หัวหน้าช่วยฉันไว้ได้ทัน เพราะเค้าบังเอิญขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันกับฉัน วันนี้ที่ฉันไปกินข้าวกับเค้าก็แค่เลี้ยงขอบคุณที่เค้าช่วยฉันไว้ แล้วตอนที่นายเห็นว่าเค้ากำลังจับมือฉันอยู่ ก็คงเป็นตอนที่เค้ากำลังปลอบใจ ไม่ให้ฉันคิดมาก มันก็แค่นั้น นั่นแหละความจริงที่ฉันจะบอกนาย ไม่มีอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว "

“ คุณโดนลวนลาม " ฟานพูดเสียงเบาๆด้วยตความตกใจ ก่อนจะคว้ามือผมขึ้นไปจับไว้แน่น " แล้วทำไมไม่บอกผม "

“ ก็เพราะว่าไม่อยากจะให้นายเป็นห่วงไง นายทำงานหนักมากอยู่แล้วเหนื่อยมากอยู่แล้ว ถ้าวันนี้ฉันโทรมาบอกนาย คนอย่างฟานต้องรีบออกมาช่วยฉันแน่ๆ ฉันแค่ไม่อยากจะให้นายต้องมาเป็นห่วงมันก็เท่านั้น " เอื้อมมือออกไปจับมือเค้า ผมบีบมันเบาๆเราก็จ้องหน้ากัน " ฉันไม่ได้คิดอะไรกับหัวหน้า  ไม่เคยคิด " ย้ำเค้าแบบนั้นก่อนจะกลืนก้อนโกหกลงไปในคอ ผมเลือกที่จะโกหกดีกว่าจะต้องมาเสียฟานไป แล้วมันก็ดีกว่า ที่ต้องทำเป็นไม่สนใจเรื่องหัวหน้าเลยทั้งๆที่ตอนนี้ก็รู้สึกดีกับเค้า ผมอยากจะจากกับหัวหน้าด้วยดี ไม่ใช่แบบที่ต้องหลบตาหลบตากันเพราะเป็นคำสั่งของฟานที่รู้ความจริงที่ว่า ผมรู้สึกยังไงกับเค้า ฟานที่ต้องคอยจับผิดผมกับหัวหน้าตลอดเวลา จับตาดูทุกฝีก้าว โกหกไปมันคงดีกว่า " ฟาน ขอโทษนะ  แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับหัวหน้าจริงๆ แค่เพื่อนร่วมงานจริงๆ มันไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น "

“ ทีหลังมีอะไรก็บอกผมนะ " แขนหนาที่ดึงผมเข้ามากอดไว้แน่น ใบหน้าคมที่ซบลงกับไหล่เค้าถอนหายใจออกมา ทุกอย่างเปลี่ยนไปทันทีจากหน้ามือที่เค้าบีบคั้นเรื่องราวของผมกับหัวหน้า กลายเป็นความห่วงใยที่ทำได้แต่กอดปลอบผมไว้แทน " ขอโทษที่คิดมากเรื่องคุณกับเค้า แต่คราวหน้าไม่ว่าเรื่องอะไรคุณก็ต้องบอกนะ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเหนื่อย ผมไม่เหนื่อยหรอก ไม่เป็นไร บอกผมเถอะ เรื่องแบบนี้จะไม่ให้ผมรู้ได้ไง คุณจะปล่อยให้ผมเข้าใจผิดแบบนั้นไม่ได้นะ เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะคุณ คุณคีย์คือคนที่ผมรักนะ คนที่ผมรักต้องรู้สึกไม่ดีแล้วจะให้ผมไม่รู้เรื่องนั้นได้ยังไง คุณเป็นยังไงบ้าง โดนลวนลามตรงไหน แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง "

“ แค่โดนลูบก้นน่ะ ไม่รู้ว่าคิดมากไปรึเปล่าเพราะคนช่วงเช้านายก็รู้ว่ามันเบียดกันขนาดนั้น "

“ แล้วตอนนี้รู้สึกดีขึ้นรึยังครับ โอเคมั้ยอยากจะให้ผมทำอะไรให้รึเปล่า " สายตาห่วงใยของเค้าที่จ้องตาผม ทำไมถึงได้รู้สึกผิดยิ่งหว่าสายตาโกรธๆของเค้าเสียอีก ทั้งๆที่สิ่งที่เล่าก็เป็นความจริง แต่แค่บิดเบือนเรื่องความรู้สึกต่อหัวหน้าเพื่อเอาตัวรอดก็เท่านั้นให้เค้ายังคงอยู่ก็เท่านั้น แต่ทำไมถึงได้รู้สึกผิดขนาดนี้ ผิดที่ตัวเราไม่ยอมบอกเค้าตั้งแต่แรกปล่อยให้ใครคนอื่นมานั่งปลอบเราแล้วให้เค้าเอาใจเราไปทำให้เราประทับใจ ส่วนคนที่ห่วงใยเราจริงๆ เรากลับปิดเค้าไว้ ด้วยเหตุผลโง่ๆ เหมือนกันทางให้อีกฝ่ายทำคะแนน
“ ฉันจะพยายามไม่คิดถึงมัน ไม่อยากจะคิดถึง "

“ โดนลูบตรงไหน "

“ ที่ก้น " ผมบอกเค้าอีกคนก็ลดมือที่กอดอยู่ตรงเอวลงไปลูบก้นผม " คุณเป็นของผมนะ ทุกพื้นที่ในร่างกายของคุณมันเป็นของผม ลืมมันซะเถอะแล้วคิดแค่ว่า ผมเป็นคนจับมันก็แล้วกันนะ "

“ อื้ม " ผมพยักหน้ารับ ฟานที่ถอนหายใจออกมาผมรู้ว่าเค้ารู้ว่าเค้าไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นหรอก แต่เค้าก็ยังเป็นเค้าเป็นคนที่พยายามจะทำให้ผมรู้สึกดีเสมอ ด้วยอ้อมกอดที่กอดผมไว้แน่น เสียงผ่อนลมหายใจช้าๆที่รู้สึกผิดผสมกับความหนักใจที่เค้าเผลอเข้าใจผมผิด ทั้งๆที่ความจริงเค้าเองก็เข้าใจทุกอย่างถูกต้องแล้ว

“ พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณนะ ผมจะไปส่งคุณทุกวัน "

“ ไม่ต้องก็ได้มั้ง ฉันคิดว่าพรุ่งนี้เค้าคงไม่กล้าแล้วละ "

“ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรอก เพราะงั้นผมจะไม่ยอมให้คุณไปเสี่ยงในที่แบบนั้นอีก เมื่อก่อนคุณไปคนเดียวได้เพราะตอนนั้นคุณยังไม่มีใคร แต่ตอนนี้คุณมีผมอยู่ ผมไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของของผม เพราะงั้นผมจะไปส่งคุณเอง " ผมยิ้มจางๆกับคำพูดของเค้า

“ ไม่เหนื่อยรึไง "

“ เพื่อคุณคีย์ผมทนได้ ไม่เป็นไรหรอก " ผ่อนลมหายใจออกมากับอ้อมกอดที่กอดผมแน่น คิดเอาไว้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ถ้าฟานรู้มีเหรอจะไม่หวง ไม่มีทางหรอกยังไงก็ต้องห่วงกันอยู่แล้ว ก็เค้ารักผมมากขนาดนี้จะไม่ให้เค้าห่วงได้ไง

   ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ผมคว้ามือถือออกจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ถ้าพรุ่งนี้อีกคนไปส่งผมก็ต้องส่งข้อความหาอีกคนก่อนเพราะหัวหน้าก็บอกไว้เหมือนกันว่าเป็นห่วงแล้วอยากจะมารับไปทำงานด้วยกัน ถ้าเป็นแบบนั้น รถไฟชนกันแล้วความต้องแตกแน่ๆ ไม่มีหัวหน้าคนไหนใส่ใจลูกน้องที่โดนลวนลามถึงขนาดมารับมาส่งหรอก ถ้าไม่คิดอะไรต่อกัน

' พรุ่งนี้หัวหน้าไม่ต้องมารับผมนะครับ เพราะฟานจะเป็นคนไปส่งผมที่บริษัทเอง ' กดปิดหน้าจอมือถือลงตอนที่ส่งข้อความไปให้อีกคนแล้ว ผมก็กอดตอบฟานไว้ซบลงไปบนอกของเค้า

   รู้ดีว่ามันผิดกับการจับปลาสองมือแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำยังไง ฟานคือคนที่ผมจะไม่มีวันเสียไปเด็ดขาด แต่หัวหน้าก็รู้สึกเสียหายเหมือนกันทั้งๆที่คนที่ชอบมานานมายืนอยู่ข้างหน้าตรงนี้แล้ว  " รู้มั้ย สายตาของนายตอนที่พูดเรื่องหัวหน้ากับฉัน เหมือนมันบอกฉันว่านายพร้อมจะไปเสมอ ถ้าฉันชอบหัวหน้าเข้าจริงๆ "

“ สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือคนที่พยายามหักหลังความพยายามของผม " เค้าบอก " แต่มันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอครับ ก็ผมเป็นคนทุ่มเท ตอนรักก็รักมาก ตอนเกลียดก็เกลียดมาก เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วละ "

“ อย่างงั้นเหรอ " ใจที่ผมที่เริ่มกลัว กลืนน้ำลายแบบใจดีสู้เสือพร้อมกับกอดเค้าไว้แน่น  " แต่ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก  ไม่ต้องกลัว ยังไงก็มีนายคนเดียวอยู่แล้ว "

แต่ความลับไม่มีในโลก เรื่องโกหก เรื่องนี้ ก็เช่นกัน
............................................................

รู้ว่า โกหกไม่ดี ก็ยังโกหก งั้นก็รับผลกรรมไปละกัน
เราชอบที่ลิปพูดอะ โคตรแรง และตรงมาก เขียนแล้วอิน เหมือนตัวเองเป็นลิป ..  :katai4:
มีคนอ่านเม้นท์ว่า " ถ้าฟานเจอลิปก็ดี " แต่หนมว่า ไม่ดีหรอก .. เจอกับพี่เมษอะ ดีแล้ว
เพราะว่า ก็ยังไม่เคยเห็นข้อเสียของลิปใช่มั้ยละ ฟานเองก็ด้วย
อ่านจบทุกอย่างแล้วอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้
หลายคนอ่านแล้วรู้สึกแบบ ไรวะ ทำไม ฟานเชื่อ .. หงุดหงิดอะดิ
เดี๋ยวสิ ถ้าทุกอย่างมันจบแค่นี้ มันก็ไม่มันส์สิ

เพราะงั้นเจอกันตอนหน้าค่ะ
หนมฝากแท็ก #ฟานคีย์ สำหรับคนที่มีทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
แล้วก็ ฝากแชร์ในเฟสบุ๊คด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
เย้ๆๆๆๆ
ฟานดีมาก ชอบมากที่ว่า "อยากจะกลับไปรักเค้ารึเปล่า ถ้าจะไปผมก็ให้ไปนะ ไปเลย ไปเป็นเมียน้อยหัวหน้าคุณไง แต่อย่ากลับมาหาผมก็แล้วกัน เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ"
ดีๆๆๆๆ
เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ เพราะผมไม่ชอบของเหลือๆ
เพราะงั้น ถ้าคีย์เผลอ ไปมีอะไรกับหัวหน้า ก้จบบบเย้ๆๆๆๆ

มีตัวละครใหม่ไม๊ ที่เขามาคู่กับฟาน 5555
ตอนนี้แซ่บจริงอย่างที่บอกไว้
ชอบจุดยืนของฟาน ที่ว่า เขาไม่ใช่ของตาย ไม่ชอบการหักหลัง รักมาก เกลียดมาก
มันดูเป็นฟานดี

คีย์รู้ขนาดนี้แล้ว ไปเอากับหัวหน้าก้ได้นะ จะได้รู้ว่าฟานเด็ดขาดขนาดไหน 555555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด