ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 41
' จุดเริ่มต้นของ ข่าวลือ '
ตื่นเช้าไปทำงานพร้อมกันผมที่ยืนถอนหายใจอยู่ที่สถานี วันนี้หัวหน้าไม่มายืนรออยู่ที่สถานีจริงๆด้วยอย่างที่ผมส่งข้อความบอกเค้าไปเมื่อวาน หันมองดูรถไฟที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะหลับตาลงช้าๆกับความรู้สึกที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก รู้สึกไม่อยากจะขึ้นรถไฟไปทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่อยากจะเข้าไปในนั้นเลย ก้มหน้าลงในตอนนั้นฟานที่ยืนข้างๆก็เอื้อมมือมาจับมือของผมไว้
“ ไปด้วยกันนะ " พยักหน้ารับเค้าสั้นๆ ก่อนที่เราจะเดินเข้าไปในขบวนรถไฟที่คนก็เริ่มเบียดเสียดกันมากขึ้น พื้นที่ชิดผนังที่ว่างฟานดันผมให้ไปพิงอยู่ตรงนั้นก่อนที่ตัวเค้าจะยืนอยู่ข้างหน้าแล้วยกแขนขึ้นกันผมไว้
“ ทำอะไรของนาย " เอ่ยถามอีกคนที่ทำหน้าดุมองซ้ายขวาก่อนจะจ้องผม
“ ขู่คนที่เข้ามาใกล้คุณ "
“ ด้วยหน้าตาเหมือนลูกหมาหัดแยกเขี้ยวอะนะ " หลุดยิ้มออกมาอีกคนก็ขมวดคิ้วพลางมองไปรอบๆ " ขยับเข้ามาน่า มันเสียพื้นที่คนอื่นเค้าจะไปทำงานเหมือนกัน " ดึงเอวเค้าเข้ามาใกล้ตัวผม ฟานก็จับราวข้างบนของตัวเองยึดเอาไว้ใบหน้าคมที่ยกยิ้ม " ยิ้มอะไร "
“ คุณกอดเอวผมอยู่ " ก้มหน้าลงมองมือตัวเองที่ยังคงยึดอยู่ที่ชายเสื้อของเค้า ผมดึงมันลงวางข้างตัวอีกคนก็หัวเราะ " โธ่ เอามือลงซะละทั้งๆที่กำลังรู้สึกดีแท้ๆ "
“ ไอ้เด็กบ้านิ เงียบไปเลย " เบือนหน้าหนีเค้ารถไฟที่ผ่านสถานีแล้วสถานีเล่าฟานก็ขยับตัวมาเบียดผมมากขึ้นเพราะผู้คนที่เพิ่มเข้ามาทุกสถานี ก้มหน้าลงมองต่ำส่วนกลางโปร่งพองขึ้นของเค้าผมขมวดคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ก็ยิ้มแห้ง แล้วก้มลงมากระซิบผม
“ อย่าบอกใครนะ "
“ จริงๆเลย " หัดควบคุมบ้างก็ไม่ได้ เบียดกันหน่อยสีกันหน่อยก็ตุงขึ้นมาซะอย่างงั้น แต่จะว่าไปเมื่อวานตอนที่ขึ้นรถไฟขบวนเดียวกับหัวหน้าเค้าก็รู้สึกเหมือนกัน แล้วส่วนกลางที่ขนาดใหญ่ขึ้นมันต้องมีอารมณ์ไม่ใช่เหรอถึงเกิดขึ้นได้ พอคิดถึงตรงนี้ ริมฝีปากของผมมันก็เม้มลงอัตโนมัติ งั้นแสดงว่าหัวหน้าก็คงจะ..
“ หน้าแดงหมดแล้วครับ " มือหนาปล่อยราวจับด้านบนก่อนจะหยิกแก้มผมเบาๆ " เขินผมเหรอ "
“ ใช่ที่ไหนละ " ตอบอีกคนออกไปแบบนั้น ทั้งๆที่ปกติมันเป็นคำพูดแก้เขินที่ใช้บอกปัดกัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่ต้องพูดคำพูดแก้เขินบอกปัดเค้า ทั้งๆที่ความจริงมันก็เป็นแบบนั้น ผมไม่ได้เขินเค้าแต่กำลังเขินเรื่องราวของใครอีกคนอยู่ตังหาก
ขบวนรถไฟจอดที่สถานีใกล้ที่ทำงานของผม เราเดินออกจากขบวนรถแล้วเดินไปที่หน้าบริษัทของผม ฟานคว้ามือผมไว้ ตอนที่หันไปหาอีกคน เค้าที่ก้มหน้าลงเหมือนมีอะไรสักอย่างที่อยากจะพูด
“ ช่วยรับผิดชอบของของผมหน่อยสิ " ก้มลงมองต่ำไปที่ส่วนกลางของเค้าที่ยังคงโปร่งพองอยู่ ใบหน้าคมที่กำลังยิ้มผมดันอกเค้าออกห่าง
“ ออกไปไกลๆฉันเลยไอ้ลูกหมา "
“ คุณทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้นะ รับผิดชอบผมด้วยสิครับ "
“ อยากจะมาส่งฉันเองทำไม ไม่ได้ขอร้องสักหน่อย " เบือนหน้าหนีอีกคนที่ก็หลุดหัวเราะออกมากับท่าทางของผม ฟานเอื้อมมือมาหยิกแก้ม
“ จริงๆไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกที่ผมจะขอร้องคุณคีย์ แต่เป็นอีกเรื่อง "
“ เรื่องอะไร "
“ ไม่ข้องเกี่ยวกับหัวหน้าของคุณจะได้มั้ย " สบสายตาคมของเค้าที่กำลังจ้องมองผมเขม็งด้วยแววตาจริงจัง สำหรับคำขอร้องที่เอ่ยออกมา " ผมไม่ชอบ ไม่อยากให้คุณอยู่ใกล้ๆเค้า "
“ แต่ฟานมันก็เป็นเรื่องงาน "
“ ผมรู้ว่าบางทีมันก็เป็นเรื่องงาน แต่ผมก็ไม่ชอบอยู่ดี " ผ่อนลมหายใจก่อนจะอ้าปากที่กำลังเอ่ยเถียงเค้าแต่ฟานก็พูดขึ้นก่อน " คุณกำลังมองว่ามันไร้สาระใช่มั้ยครับ มันเป็นเรื่องงานลูกน้องไม่คุยกับหัวหน้ามันดูแปลก "
“ อื้ม "
“ ถ้าคุณไม่เคยคิดอะไรกับเค้าก็คงไม่เป็นไร แต่คุณที่เคยชอบเค้าไม่มีอะไรมาการันตีหรอกครับว่าคุณจะไม่กลับไปชอบเค้าอีก " หัวใจผมแทบจะหยุดเต้นตอนที่อีกคนพูดออกมาแบบนั้น มือหนาเอื้อมมือจับมือของเค้าไว้ฟานที่บีบมันเบาๆ " ขอร้องเถอะครับ อย่ายุ่งกับเค้าเลย ถ้าคุณบอกว่าเมื่อวานเค้าช่วยคุณไว้ คุณเลยไปกินข้าวกับเค้าเพื่อเป็นการขอบคุณ งั้นมันก็พอแล้วละ เพราะงั้นอย่าให้มีอีกนะ " เงยหน้าสบสายตากับคำขู่ของเค้าที่พูดออกมา
“ นายกำลังทำเหมือนว่าฉันกำลังนอกใจนาย "
“ ผมไม่ได้คิดแบบนั้น "
“ แต่นายก็พูดว่า อย่าให้มีอีกนะ "
“ อย่าไปนั่งกินข้าวกับเค้าสองต่อสองอีก เป็นคำพูดที่บอกว่า คุณนอกใจผมเหรอ แค่บอกว่าอย่าไปกินข้าวกันสองคนก็เท่านั้น ชวนคุณลิปไปด้วยถ้าต้องไปมันก็แค่นั้น ไม่ได้บอกว่านอกใจเลย ไม่มีสักคำเลยที่พูดออกมา " คำถามที่ทำให้ผมเงียบก่อนจะผ่อนลมหายใจหงุดหงิดออกมา ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมสบหน้าเค้า ทำไมถึงหงุดหงิดนักก็ไม่รู้ อยากจะไปกินข้าวกับเค้าสองต่อสองอีกเหรอไงถึงได้หงุดหงิดนัก " คุณคีย์ "
" ฉันรู้แล้ว จะทำตามที่นายสั่งก็แล้วกัน " พูดประชดอีกคนไป ฟานก็ถอนหายใจ " ทำไมยังไม่พอใจอะไรอีก จะสั่งอะไรฉันอีกละ คราวนี้จะสั่งให้ฉันออกจากงานเลยมั้ย "
“ อยากจะไปกินข้าวกับเค้าถึงขนาดนี้เลยเหรอ คุณดูโมโหทั้งๆที่ผมแค่ขอคุณดีๆ มันไม่ได้หนักหนาเลย แค่ไม่ให้ไปกินข้าวกันสองต่อสอง คุณก็ชวนเพื่อนไปสิ เพื่อนในบริษัทมีตั้งเยอะแยะถ้าอยากจะชวนไป มันเว้นเสียแต่ว่า คุณอยากจะไปกับหัวหน้าคุณแค่สองคน "
“ ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ก็แค่ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ " ผมบอก อีกคนก็ถอนหายใจ
“ ถ้าคุณคิดว่าเรื่องที่ผมขอ แค่ไม่ให้ไปกินข้าวกับหัวหน้าคุณสองต่อสอง เป็นเรื่องบังคับใจกัน งั้นอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะครับ ผมไม่ห้ามก็ได้ แต่จำไว้นะว่า ถ้าถึงทีผม คุณก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน ทีใครก็ทีมัน " เค้าพูดแบบนั้นก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองผมเลยสักนิด
" ฟาน.." ถอนหายใจออกมาตอนที่จะเดินตามเค้าไปเสียงนึงก็ดังขึ้น
“ ใกล้จะถึงเวลางานแล้วนะ เข้างานสายไม่ดีหรอกมั้ง " หันไปมองต้นเสียงคุ้นๆของอีกคนผมก็หันกลับทันทีตอนที่รู้ว่าเป็นใคร
“ หัวหน้า "
“ ยังไม่ดีกันอีกเหรอ แฟนนายไม่เข้าใจเรื่องของเรารึเปล่า "
“ ดีกันแล้วครับ แล้วก็เพิ่งทะเลาะกันใหม่อีก "
“ ความรักเด็กๆมักไม่มีเหตุผลแบบนี้แหละนะ " ร่างสูงบอกก่อนที่ผมจะหันไปมองเค้าที่ก็หันมามองผม " นี่ เที่ยงนี้..”
“ เที่ยงนี้ผมคงไปกินข้าวกับหัวหน้าไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะครับ "
“ ทำไมละ มันก็แค่การกินข้าวของหัวหน้ากับลูกน้องเอง เอาเป็นว่าฉันสั่งก็แล้วกัน ไปกินข้าวกับฉันหน่อย แฟนนายจะได้สบายใจไง นายเองก็ด้วย "
“ ช่วยปล่อยผมไปสักวันได้มั้ยครับ ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้ว สับสนไปหมดแล้วจริงๆ คุณพอเถอะ ช่วยหยุดก่อนเถอะนะ วันนี้ผมจะไม่ไปกินข้าวกับคุณ ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่ไปครับ "
“ เพราะไอ้เด็กนั่นมันไม่ให้ไปสินะ นี่ นายไม่เห็นว่าต้องเชื่อฟังมัน "
“ ผมไม่ได้เชื่อฟังใคร! แต่ช่วยหยุด สักพักเถอะ ผมเหนื่อย เหนื่อยกับความรู้สึกแบบนี้เต็มทนแล้ว ช่วยหยุดก่อนไม่ได้เหรอไง แค่นี้ไม่พอเหรอไง จะเอาอะไรอีก คุณเห็นแล้วนิว่าผมกำลังทะเลาะกับเค้าเพราะเค้าแค่ขอร้องให้ผมเลิกไปกินข้าวกับคุณสองต่อสองแล้วผมไม่ยอม เพราะคุณผมก็เลยต้องทะเลาะกับเค้า "
" คีย์ "
" ช่วยหยุดสักพักเถอะ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามช่วยหยุดสักพักไม่ก็หยุดไปเลยก็ได้ ผมเหนื่อย เหนื่อยมากแล้ว บางทีผมก็แค่อยากจะรักใครสักคนแค่คนเดียว ไม่อยากจะหวั่นไหวกับใครทั้งนั้น ผมเหนื่อย เหนื่อยที่จะต้องมีความรู้สึกแบบนี้ ไม่อยากจะเสียฟานไปเลยแต่ก็หวั่นไหวไปกับคุณตลอด คุณที่ผมแอบชอบ " ผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ
“ คีย์แต่ตอนนี้..“
" ไอ้ความรู้สึกพวกนั้นน่ะ พอทีเถอะครับ ช่วยหยุดเข้ามาทำให้ผมรู้สึกแบบนั้นสักทีเถอะ ผมเลวจนไม่รู้จะเลวยังไงแล้ว รังเกียจตัวเอง ขยะแขยงตัวเอง จนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ตอนนี้ช่วยอยู่ห่างๆผมเถอะ แค่สักวันก็ยังดี ตอนนี้ผมเหนืิ่อยมากแล้ว " มันน่าเบื่อสำหรับความรักที่ไม่รู้จะทุ่มเทไปทางไหนแบบนี้ ผมที่ต้องแคร์ความรู้สึกของคนถึงสองคน มันเหนื่อย มันเบื่อ แล้วอยากจะหยุดเรื่องราวแบบนี้สักที อยากจะเลือกแล้ว ใครสักคนในสองคนนี้
“ ฉันหยุดสักพักก็ได้ แต่คงจะไม่หยุดไปเลยตามที่นายขอหรอก ตอนนี้ถ้านายอยากจะพักก็พักก่อน แต่ถ้านายจะเลือกใครสักคนแล้วละก็ สุดท้ายฉันอยากจะให้มันเป็นฉันนะ คนที่นายจะเลือก "
“ ผมคงไม่เลือกหัวหน้าหรอกครับ " หลุดปากเอ่ยออกไปกับอีกคนที่ได้แต่นิ่งค้าง " ผมหวั่นไหวไปกับคุณก็จริงอยู่แต่ผมคงจะไม่เลือกคุณหรอก เพราะสำหรับผมคุณเหมือนกับคนในความฝันมาตลอด เหมือนดาราที่เด็กๆใฝ่ฝันจะได้คบ ทั้งๆที่รู้ว่า นิสัยแท้ๆไม่ได้เป็นอย่างที่คิดและจินตนาการเอาไว้อย่างสวยหรู แต่ก็ยินดีจะยื่นมือเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ที่ตัวเองเคยอยากจะจับต้องมาตลอด อยากจะไปกินข้าวกับคุณ อยากจะอยู่กับคุณ ถ้าผมไม่มีใครตอนนี้ผมคงสนุกกับประสบการณ์นั้นมากกว่านี้ แต่เพราะผมมีฟานแล้ว เค้าที่รักผมมาก แล้วตอนนี้ผมก็เลวกับเค้ามากที่ต้องมารู้สึกแบบนี้กับคุณ ทุกอย่างที่เคยคิดว่าจะแค่สนุกๆระหว่างเราตอนนี้มันเริ่มกลายเป้นปัญหาระหว่างผมกับเค้าแล้ว เพราะงั้นมันควรถึงเวลาแล้วละที่ควรหยุดสักที "
“ แล้วฉันไม่จริงจังกับนายเหรอ นายพูดเหมือนนายเองก็ไม่ได้จริงจังอะไรกับฉัน เหมือนแค่เล่นๆ "
“ ครับ ผมไม่ได้จริงจังกับคุณ เหมือนอย่างที่คุณเองก็ไม่ได้จริงจังกับผม "
“ นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้จริงจังกับนาย "
" ถ้าคุณคิดจะเลิกกับภรรยาของคุณ คุณคงเลิกไปนานแล้วละ เพราะคุณก็บอกมานานแล้วว่าจะเลิกแต่จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่เห็นว่าคุณจะเลิกกับเธอสักที คุณบอกว่าเลิกไม่ได้ คุณสงสารลูก แต่ผมว่ามันไม่ใช่แบบนั้นหรอก เหมือนคุณแค่กำลังหาใครสักคนที่ถูกใจมาเป็นเมียน้อยคุณมากกว่า แล้วพอเบื่อก็เลิกรากันไป ตอนแรกคุณทำทีเหมือนสนใจผมแต่ไม่กล้าเพราะกลัวว่าผมจะไม่ยอม แต่พอรู้ว่าผมมีแฟนคุณก็กล้ามากขึ้นเพราะเอาคำพูดที่ว่า ต่างฝ่ายต่างก็มีเจ้าของมันเหมือนกัน มายื่นข้อเสนอที่ว่าผมไม่ต้องเลิกกับเค้า คุณไม่ต้องเลิกกับเธอ แล้วเราก็มาแอบคบกัน เพราะผมชอบคุณอยู่แล้วแค่ทำให้หวั่นไหวก็คงง่ายต่อการคบกัน ส่วนผมก็เป็นแค่ไอ้เหี้ยคนนึง ไอ้เหี้ยคนที่ทำร้ายคนที่รักมันมากๆเพราะความต้องการที่อยากจะได้ของที่เคยอยากได้ ไอ้เหี้ยที่ไม่เคยพอ รู้อยู่แล้วว่าคุณสันดานเป็นไงแต่ก็ยังอยากจะลองดี "
“ คีย์ ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น นายจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ฉันจริงจังกับนาย มากกว่าที่นายรู้สึก จริงจังแบบที่ไม่เคยจริงจังกับใครมาก่อน ใจเย็นๆ ฉันจะไม่พูดอะไรกับนายทั้งนั้น เพราะตอนนี้นายกำลังทะเลาะกับแฟน นายกำลังกลัวเรื่องที่ยังไม่เกิด "
“ ถ้าวันนี้ฟานไปกินข้าวกับใครคนอื่นที่ผมไม่ชอบ ผมจะไม่โทษใครเลยยกเว้นตัวเอง ทั้งๆที่ว่า ผมก็ทำกับเค้าก่อน ผมทำให้เค้าเสียใจก่อน ผมผิดเองที่หวั่นไหวไปกับคุณ " แค่คิดถึงคำพูดของเค้า แค่คิดว่าถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาเราจะรู้สึกยังไง ฟานที่ไปรักคนอื่น ฟานที่หวั่นไหวไปกับคนอื่น คนอื่นที่ไม่ใช่ผม
“ เราไม่ผิดหรอก "
“ เลิกพูดเห็นแก่ตัวแบบนั้นเถอะครับ! เราที่กำลังหวั่นไหวไปกับคนอื่นทั้งๆที่มีคนที่รักเรามากๆอยู่ข้างหลัง เราจะไม่ผิดได้ยังไง คนที่คิดว่าตัวเองไม่ผิดได้หน้าตาเฉย ผมว่า เค้าต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ ต้องเลวมากเลยแหละ ถึงจะคิดได้ขนาดนี้ ขนาดผมยังรู้สึกผิดเลย รู้สึกผิดมากๆจนอยากจะร้องไห้ออกมาหนักๆ หรือไม่ก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขทุกอย่าง ทั้งๆที่เรื่องของเรามันไม่มีอะไร แค่รู้สึกหวั่นไหวก็เท่านั้นผมยังรู้สึกผิดกับเค้าเลย รู้สึกว่าไม่ซื่อสัตย์กับความรักของเค้า เพราะงั้นเลิกยุ่งกับผมสักทีเถอะครับ เลิกทำให้หวั่นไหวสักที " จบการสนทนากับอีกคนด้วยการเดินออกห่างจากเค้าหลังจากพูดประโยคนั้นจบ
ผมควรเลิกได้แล้ว ความรู้สึกที่หวั่นไหวพวกนั้น เพราะแค่หลับตาลงแล้วคิดถึงคำพูดของอีกคนก็ได้แต่กลัวไปหมดจนไม่รู้จะทำยังไงดี ' ถ้าคุณคิดว่าเรื่องที่ผมขอ แค่ไม่ได้ให้ไปกินข้าวกับหัวหน้าคุณสองต่อสอง เป็นเรื่องบังคับกัน งั้นอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะครับ ผมไม่ห้ามก็ได้ แต่จำไว้นะครับว่า ถ้าถึงทีผม คุณก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน ทีใครทีมัน ' สมองทบทวนเรื่องที่อีกคนพูดเหมือนเทปชั้นดีที่คอยกรอเทปเสียงของอีกฝ่ายให้ผมฟังอยู่เรื่อยๆ แล้วถ้าฟานทำลงไปจริงๆละ ถ้าเค้าไปหวั่นไหวกับคนอื่นจริงๆอย่างที่เราทำละ แล้วถ้าเค้า เลือกใครอีกคนที่ไม่ใช่เราล่ะ ถ้าเค้าทิ้งเราไป
เป็นคนเห็นแก่ตัวที่พอเราทำเค้า เรากลับไม่คิดว่าเค้าจะเสียใจ แต่ในทางกลับกันที่แค่คิดว่า ถ้ามันเกิดขึ้นกับตัวเอง ตัวเราจะเสียใจแค่ไหน พอคิดได้แบบนั้นก็เกิดกลัวขึ้นมา กลัวว่าตัวเองจะเจ็บปวดเหมือนอย่างที่เราเองกระทำต่อเค้า
“ คีย์ " เสียงที่ทักผมพร้อมมือที่วางลงบนไหล่ทำเอาผมสะดุ้งตัวขึ้นตอนที่หันมองคนทักด้วยหน้าตาตื่นๆ ลิปก็ยิ้มแห้งๆออกมา " โทษที ตกใจที่ฉันทักเหรอ "
“ ลิป "
“ มีอะไรรึเปล่า เหม่อเชียว " คำถามที่ทำให้ผมมองหน้าเค้าก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ " หน้านายดูไม่ดีเลย "
“ เดี๋ยวมานะ "
“ จะไปไหนน่ะ จะเข้างานแล้วนะเว้ย " เสียงที่ตะโกนไล่หลังมาแต่ตอนนั้นขาของผมก็ไม่ได้หยุดหันไปตอบอะไรกับอีกคน มันยังคงวิ่งไปที่ห้างกวาดสายตามองไปที่หน้าห้างที่ยังไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่ ก่อนผ่อนลมหายใจกับร่างสูงคุ้นตาที่กำลังนั่งก้มหน้าคิดอะไรบางอย่างอยู่ ทั้งๆที่ไม่ใช่เวลางานแต่กลับต้องมาทำงานก่อนใครๆเพราะเป็นห่วงผม ทั้งๆที่เค้าทำทุกๆอย่างเพื่อผม ทุ่มเททั้งหมดให้ไป แล้วนั่นคือสิ่งที่เราให้เค้ากลับไปเหรอวะ นี่คือสิ่งที่ผมให้ฟานเหรอ การนอกใจและหวั่นไหวไปกับใครอีกคน ผมที่ทรยศความซื่อสัตย์ของเค้า ขาของผมเดินเข้าไปหาช้าๆ ตอนที่นั่งย่อตัวลงข้างหน้าอีกคน ฟานก็เงยหน้าขึ้นมามอง
“ ฉันขอโทษ "
“ ไม่ไปทำงานรึไงครับ "
“ ฉันขอโทษเรื่องที่หงุดหงิดนาย ฉันจะไม่ไปกินข้าวกับหัวหน้าสองต่อสองอีก ถ้ามีเรื่องที่ทำให้ต้องไปกินข้าวด้วยกัน ฉันจะชวนลิปไปด้วย แต่ว่า นายอย่าไปกินข้าวกับคนอื่นเลยนะ อย่าหวั่นไหวไปกับคนอื่นเลยนะ ถึงแม้จะโกรธฉันที่ฉันดื้อ ที่ฉันไม่ยอมฟัง แต่อย่าประชดฉันด้วยการไปนั่งกินข้าวกับคนอื่น คนที่ชอบนายหรือคนที่นายถูกใจแบบสองต่อสองเลยนะ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ ฉันขอโทษ ขอโทษนะฟาน ขอโทษจริงๆ นะ "
“ คุณคีย์ " เอื้อมมือไปจับเค้าไว้ ไม่รู้ทำไมถึงได้กลัวนัก น้ำตาที่ไหลออกมาตอนที่ผมมองเค้า แค่กลัวว่าคนคนนี้จะหวั่นไหวกับคนอื่น คนที่เค้าแสนดีและนิสัยน่ารักกว่าผม คนที่ทำให้ฟานค่อยๆมองผมเปลี่ยนไปแล้วเลิกรากันไปในที่สุด เรื่องนั้นแค่คิดก็กลัวไปหมดแล้ว กลัวว่าจะไม่มีเค้า กลัวว่าจะเสียเค้าไป
“ ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ ฉันจะไม่ไปกินข้าวกับเค้าอีก ฉันจะทำตามที่นายขอ ฉันจะทำ แต่อย่าประชดฉันแบบที่ฉันทำกับนายเลยนะ " อย่าหวั่นไหวกับคนอื่นแบบที่ฉันทำกับนาย อย่านอกใจฉันแบบที่ฉันทำกับนาย อย่าทำแบบที่ฉันทำกับนายเลย อย่าทำนะฟาน อย่าทำ
“ กลัวเรื่องที่ผมขู่ขนาดนั้นเลยเหรอ "
“ ก็นายเป็นคนพูดจริงทำจริง ฉันจะไม่กลัวได้ไงละ สัญญาสิ สัญญากันนะ ว่าจะไม่ทำ " ยื่นนิ้วก้อยไปให้เค้าอีกคนก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะหลุดยิ้ม
“ งอแงอะไรไม่เข้าท่า " เค้าว่าแบบนั้นก่อนจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้ผม
“ สัญญาก่อน " ส่งนิ้วก้อยยื่นเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้น ฟานที่เกี่ยวก้อยผมในตอนนั้น " ดีกันนะ "
“ โกงกันนิครับ เล่นให้เกี่ยวก้อยทั้งสัญญา ทั้งขอคืนดี "
“ แต่ถึงอย่างงั้นนายก็ไม่โกรธฉันแล้ว นายเกี่ยวก้อยฉันแล้ว " ผมบอกก่อนจะเกี่ยวก้อยของอีกคนไว้แน่น
“ ที่วิ่งมาหาผม เพราะเรื่องแค่นี้เองเหรอ แค่เพราะคำขู่ของผม อย่างงั้นเหรอ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับเค้าสั้นๆ ตอนที่ก้มหน้าลง ผมไม่กล้าสบตาเค้าเลย คำถามของเค้าที่ถามผมถ้าให้ตอบจริงๆคงต้องตอบว่ามีเรื่องอีกมากมายที่ทำให้ฉันกลัวว่าจะเสียนายไป แต่เพราะตอบความจริงออกไปทั้งหมดไม่ได้ ก็เลยได้แต่อ้างเหตุผลออกไปแค่เท่านั้น
“ สัญญากับผมแล้วนะ ว่าจะไม่ไปกินข้าวกับหัวหน้าคุณสองต่อสองอีก "
“ สัญญา แต่นายก็ต้องสัญญากับฉันเหมือนกัน ว่าจะไม่ประชดฉันด้วยการไปกินข้าวกับคนอื่น หรือแม้ว่ามันจะไม่ใช่การประชดนายก็ห้ามทำ "
“ ครับ ผมสัญญา "
" งั้นฉันก็สัญญา ถ้าถึงคราวจะไปจริงๆ ฉันจะมาบอกนายก่อน " พยักหน้าตอบเค้าแบบนั้นก่อนจะถอนหายใจโล่งฟานก็ถาม
" แล้วทำไมถึงได้กลัวขนาดนั้นละครับ "
“ เพราะฉันไม่ใช่คนดี ฉันต้องกลัวสิ " คนที่นอกใจนายคนที่หวั่นไหวไปกับคนอื่น คนที่กลัวว่าคนที่ตัวเองรักจะเป็นเหมือนตัวเอง แล้วแบบนั้นคนแบบฉันจะไม่กลัวเสียนายไปได้ยังไง ฉันต้องกลัวอยู่แล้ว
............................................