ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 44
' ทางที่ถอยไม่ได้ '
' แต่นายเลือกที่จะเล่นกับไฟเองนะ ฉันเตือนแล้ว ว่าอย่า ' ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆกับเรื่องจริงพวกนั้น ลิปเตือนแล้ว เตือนหลายครั้งแล้วว่าอย่า แต่คนที่ดื้อดึงจะเข้าไปหาเป็นพวกไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตาแบบผมก็คงทำได้แค่ด่าทอตัวเองและสมน้ำหน้าตัวเองในใจ
“ หัวหน้า " เสียงเบาๆที่ดังขึ้นตอนที่ใครอีกคนเดินเข้ามาในแผนก ทุกคนที่หันมามองหน้าผมก่อนจะมองหน้าหัวหน้า สลับไปมาเหมือนกำลังคิดว่า เราสองคนคงทะเลาะกันมา เมื่อครู่ผมเดินเข้ามาด้วยสายตาแดงๆ ต่อมาไม่กี่นาทีหัวหน้าก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิดอีก
“ เป็นประเด็นไม่จบไม่สิ้นจริงๆนะ " ลิปว่าเสียงเบาก่อนจะเลื่อนตัวเองกลับไปทำงานที่โต๊ะ ผมหันมาสนใจงานของตัวเองบ้างทำเป็นไม่ได้ยินเสียงนินทาของคนอื่น
' คงทะเลาะกันมาแน่ๆ เมื่อกี้คีย์ก็เข้ามาแบบตาแดงๆ คราวนี้หัวหน้าก็เข้ามาแบบหงุดหงิดอีก '
' คงจะเข้าไประบายความรักที่แสนจะทรมานเพราะการแอบกินกันที่โดนเมียหลวงจับได้ละมั้ง '
' ยังไง '
' ก็แบบว่าเหมือนในละครไง ผมทนไม่ได้แล้วครับหัวหน้า หัวหน้าก็กอดปลอบแล้วก็บอกว่า อดทนอีกหน่อยนะเพื่อฉัน '
' น้ำเน่า '
“ ตอแหลด้วย " ผมเผลอพูดออกไปเสียงไม่เบานักคนที่กำลังนินทาก็เลยเงียบไป ก่อนจะหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ความเป็นจริงเป็นยังไงก็ไม่รู้แต่จินตนาการเป็นเรื่องเป็นราว บอกเล่าคนนู้นนี่เหมือนตัวเองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดมากับตา
“ ทุกคนวันนี้ฉันมีเรื่องจะประกาศนะ " เงยหน้ามองเสียงของรองหัวหน้าที่พูดขึ้น สงสัยคงจะขอความร่วมมือหาคนสมัครไปเข้าร่วมอบรบอะไรสักอย่างของทางบริษัทอีกแน่เลย ทุกครั้งที่มาประกาศอะไรแบบนี้ก็มีแค่เรื่องแบบนี้แหละ หาคนไปอบรบคอมพิวเตอร์บ้าง ภาษาบ้าง " ฉันจะขอตัวแทนจากแผนกเราไปงานสัมมนาที่หัวหิน สองวันหนึ่งคืน "
“ เฮ้ยย น่าสนใจ "
“ ใช่ๆ น่าไปเนอะ " เสียงพูดคุยของพนักงานในบริษัทดังขึ้นด้วยความสนใจ ลิปที่หันมามองหน้าผมในแววตาของเค้าก็ดูเหมือนว่าจะสนใจไปไม่น้อยเหมือนกัน
“ แต่ว่าไปกับหัวหน้าสองคนนะ เพราะงั้นจะมีคนเดียวเท่านั้นที่ได้ไป "
“ งั้นก็หมดสิทธิ์ยังไงหัวหน้าก็ต้องเลือกเมียน้อยเค้าอยู่แล้ว " พนักงานที่นั่งอยู่ข้างหน้าของผมพูด
“ เหมือนได้ไปฮันนี่มูนเที่ยวต่างจังหวัดเลย แต่คราวนี้บริษัทออกให้ด้วย ดีจัง เมียว่าไม่ได้แน่ๆเพราะเป็นงาน " เพื่อนที่นั่งข้างๆเธอเสริมลิปก็หันมามองหน้าผม
“ สรุปใครจะอาสาไปกับหัวหน้ามั้ย " รองหัวหน้าถาม
“ ให้ตายฉันก็ไม่ไปหรอกจ้า เดี๋ยวโดนหาว่าเป็นเมียน้อยหัวหน้าอีกคนจะทำยังไง ผัวยิ่งไม่มีอยู่ " พนักงานหลายคนที่ส่ายหน้าปฎิเสธกับรองหัวหน้าที่ก็ได้แต่ถอนหายใจ ในช่วงเวลาที่มีข่าวแบบนี้มันคงยากที่ใครจะอาสาไป
“ ให้คีย์ไปสิค่ะ ยังไงคีย์ก็เหมาะสมที่จะไปที่สุดอยู่แล้ว " รุ่นพี่ที่ทำงานว่าทุกคนก็หันมามองหน้าผม " อีกอย่างหัวหน้าคงอยากจะให้คีย์ไปที่สุดแล้วละมั้ง ในบรรดาคนในแผนกน่ะ "
“ แต่ผมไม่ได้อยากไปนะ " คำพูดที่ทำให้ทุกคนหันมามองหน้าผม ก่อนจะแบะปากมองบนกันเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดเท่าไหร่
“ ตอนนี้ทำมาเป็นพูดว่าไม่อยากไป ทีตอนยังไม่มีใครรู้ว่าแอบคบกัน เห็นร่อนไปร่อนมากับหัวหน้าได้หน้าตาระรื่นขนาดนั้น พอทีแบบนี้ละมาบอกว่า ไม่อยากไป ตอแหล "
“ ช่วยคิดให้มันเบากว่านี้ไม่เหรอครับ " ผมหันไปหาคนที่พูดออกมาเสียงไม่เบานัก กับความคิดแย่ๆของเธอที่ถ่ายทอดออกมาทางแบบตั้งใจที่จะทำให้ตัวเองดูกล้า ดูแรง แต่จริงๆแล้วก็ดูเป็นคนที่จิตใจต่ำก็เท่านั้น " ทุกคนคงคิดว่าผมเป็นเมียน้อยหัวหน้าอย่างที่ดูจากในภาพ ทุกคนที่ว่าผม เหยียบผม พูดเสียดสีผม เหมือนไม่ใช่เพื่อนร่วมงานกัน เหมือนว่าตั้งแต่ทำงานกันมาเราไม่เคยยิ้ม ไม่เคยคุยกันเลย ในทางกลับกันทุกคนคุยกับผม รู้จักผม บางคนก็มีเบอร์ส่วนตัวของผม มีไลน์ แต่น่าแปลก น่าแปลกที่ว่าพวกคุณไม่เคยคิดจะมาถามความจริงเรื่องนี้จากปากของผม จริงเหรอคีย์ ? เรื่องของนายกับหัวหน้า ใช่รึเปล่าคีย์ ทุกคนไม่แม้จะให้ผมอธิบายแต่กลับพูดไปตามที่ทุกคนเห็น คุณรู้มั้ยว่าเบื้องหลังภาพถ่ายพวกนั้นมันเป็นยังไง ทำไมผมถึงไปกินข้าวกับหัวหน้า ทำไมถึงขึ้นรถไปกันสองต่อสอง ทำไมผมถึงนั่งอยู่ที่สถานีรถไฟกับหัวหน้า ก็ไม่เห็นมีใครถาม ไม่มีใครให้โอกาสผมพูดเลยสักคำ แต่ช่างเถอะไม่ถามก็ไม่ว่าไม่ให้อธิบายก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ที่เรื่องของผมไปพูดใส่สีตีไข่กันเหมือนตัวเองเห็นกับตา บวกผสมกับดราม่าละครหลังข่าวที่ดูกันบ่อยๆ มันเหมาะสมแล้วเหรอที่ทำแบบนั้น ไม่รู้ความจริงแต่เอาไปพูด ถ้าวันไหนวันนึงเป็นทีของพวกคุณบ้างละ จะรู้สึกยังไง "
“ งั้นถ้าไม่ใช่ความจริงก็ไม่เห็นต้องแคร์เลย คีย์ก็ไปงานสัมมนากับหัวหน้าสิ ไม่ใช่ความจริงก็ไม่แคร์ไม่ใช่เหรอ "
“ นั่นนะสิค่ะ พวกเราไปไม่ได้หรอก แค่นี้ก็เป็นข่าวซุบซิบไปทั้งบริษัทแล้ว ไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมองว่ามาจากแผนกออกแบบที่หัวหน้ากับลูกน้องแอบกินกัน " พนักงานอีกคนเสริม
“ ไม่ใช่เรื่องจริงคีย์ก็ไปสิ ยังไงมันก็แค่งานอยู่แล้ว "
“ งั้นให้คีย์ไปนะคะ " รองหัวหน้าหันไปมองหัวหน้าที่ก็ทำหน้านิ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา " หัวหน้าว่าไงค่ะ ดีมั้ย "
“ ดีสิ ให้คีย์ไปก็ได้ " ร่างสูงที่เอ่ยบอกคำนั้น ยิ่งทำให้พนักงานทั้งหมดมองผมในแง่ร้ายมากขึ้นไปอีก
“ แหม..มันก็ต้องดีอยู่แล้วละนะ จะได้มีอะไรกันแบบหามรุ่งหามค่ำไปเลย ซอยถี่ๆไง แล้วมาทำเป็นพูดว่าเข้าใจผิด แหม แม่นางเอกที่น่าสงสาร " พี่พนักงานคนเดิมว่าก่อนจะแบะปากใส่เพื่อนที่ก็หัวเราะออกมา
“ มันจะไม่ดีได้ไง ในเมื่อก็อยากจะไป... กันอยู่แล้วละนะ น่าจะตั้งกล้องแอบถ่ายคลิปตอนเอากันแล้วส่งไปให้เมียหลวงดูนะ เป็นการตอกหน้าไง ไม่ก็ถ่ายภาพสวีทๆกัน ส่งกลับไปให้เมียหลวงไปเลย "
“ แล้วเราจะไม่ถามเค้าหน่อยเหรอว่า จริงอะเปล่า "
“ ถามไปก็ได้คำตอบตอแหลๆว่า ไม่ได้เป็นอะไรกันครับ แล้วแบบนั้นถามทำไมวะ ยังไงเมียน้อยก็คือเมียน้อยนั่นแหละน่า "
“ ถามเพื่อดูความตอแหลไง ว่าแหลถึงเลเวลไหน ฮ่าๆ "
“ คีย์ " ลิปดึงตัวผมเหมือนห้ามไม่ให้พูดอะไรออกไป " พอเถอะ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก เงียบไว้ดีกว่า "
“ แต่ฉันไม่ได้อยากไปกับหัวหน้าเลย ทำไมฉันต้องไปด้วย แล้วฟานอีก คราวนี้เค้าไม่เลิกกับฉันเลยรึไง "
“ ใจเย็นๆก่อนลองพูดกับรองหัวหน้ามั้ย ก็บอกไปว่านายไม่อยากจะไปจริงๆ ฉันว่าเธอน่าจะเข้าใจนะ "
“ แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะเข้าใจหรอก " ตอนนี้ไม่มีใครอยากจะไปไหนกับหัวหน้าทั้งนั้นเพราะถ้าไปก็ต้องโดนซุบซิบนินทา บางคนก็หาว่าเป็นเมียน้อยคนใหม่ของหัวหน้า ตอนนี้ถ้าทำได้ก็มีแต่คนผลักเรื่องนี้ออกไปให้ไกลตัวทั้งนั้น
“ แล้วทำไมบริษัทต้องดันให้งบมาแค่สองคนด้วยนะ จะสามก็ไม่ได้ฉันจะได้ไปกับนาย " ถอนหายใจออกมา ไม่มีสมองจะมาคิดงานตรงหน้าอะไรนี่แล้ว ทำได้แค่นั่งนิ่งๆแล้วหยิบปากกาตัวเองมาขีดเขียนงานไปเรื่อย ผมกำลังคิดถึงฟานมากกว่า ถ้าบอกเค้าไปว่าคนทั้งบริษัทกดดันให้ผมไปแบบนั้นเค้าเชื่อมั้ย เค้าจะเข้าใจมั้ยว่าผมต้องไปต่างจังหวัดกับหัวหน้าแค่สองคน จะเข้าใจมั้ยว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“ คีย์ อันนี้เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับงานที่จะไปสัมมนานะ " รองหัวหน้าเดินเอาเอกสารมาเกี่ยวกับงานสัมมนามาให้ผม เอกสารที่บอกถึงหัวข้องานแล้วก็รายละเอีนด วันเวลาที่ไป
“ รองหัวหน้า ขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ย "
“ ไม่อยากไปใช่มั้ย " พยักหน้ารับอีกคนเค้าก็ถอนหายใจออกมา เธอพิงตัวเองลงกับโต๊ะของผม
“ ช่วยหาคนไปแทนผมทีเถอะ ผมไม่อยากจะเป็นขี้ปากคนไปมากกว่านี้อีกแล้ว "
“ ฉันเข้าใจนายนะคีย์ แต่จะให้ทำยังไงดีละ ตอนนี้ไม่มีใครอยากจะไปกับหัวหน้าทั้งนั้น เค้าก็เหมือนตกที่นั่งลำบากเหมือนกันนะ แม้ว่าฉันจะงงๆนิดหน่อยว่าทำไมเค้าถึงเลือกนายก็เถอะ "
“ ทำไมเหรอครับ "
“ ก็ตอนนี้เพราะเรื่องนั้นเค้าก็เลยถูกเพ่งเล็งจากทุกแผนก แล้วการสัมมนาครั้งนี้มันไปกันทุกแผนกเลยนะ แถมยังค้างคืนอีกกลับมาก็คงมีแต่เรื่องให้นายปวดหัวแน่ๆ ทั้งเรื่องจริงที่ใส่สีตีไข่เข้าไปแล้วก็เรื่องไม่จริง " รองหัวหน้าถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มลงมาถามผม " ทำไมถึงไปกินข้าวกับหัวหน้าสองต่อสองล่ะ บอกฉันได้มั้ย "
“ วันที่งานมีปัญหาที่โดนกล่าวหาว่าโดนลอกงานคนอื่น หัวหน้าเห็นผมเครียดๆวันต่อมาเลยนัดไปกินข้าวฉลองที่ผมไม่โดนไล่ออก ก็แค่นั้นครับไม่ได้มีอะไร เค้านัดผมให้ไปรอใต้ห้างก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม "
“ อย่างงั้นเหรอ " ผมพยักหน้ารับอีกคนก็ยิ้มจางๆ " แต่เหมือนนายไม่ได้มาอธิบายใครๆก็เลยพูดกันไปเป็นเรื่องอื่น "
“ ช่างมันเถอะ เรื่องนั้นอีกหน่อยก็คงลืมแล้วก็หายไปเองนั่นแหละ แต่ว่าตอนนี้ผมไม่อยากจะไปงานสัมมนากับหัวหน้ามากกว่า แค่ไม่อยากจะไปเป็นประเด็นมากกว่านี้อีกแล้ว "
“ นายไม่ได้เป็นอะไรกับหัวหน้าจริงๆเหรอ "
“ ครับ ก็จริงนะสิ จะเป็นได้ไง ผมมีแฟนแล้วนะ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับหัวหน้าด้วย " บอกอีกคนไปแบบนั้นแม้มันจะไม่ใช่ความจริงทั้งหมดก็ตาม
“ แต่หัวหน้าเค้าดูสนใจนายมากเลยนะ ฉันรู้จักหัวหน้ามานานเค้าไม่เคยใส่ใจใครได้เท่านายเลย อย่าตอนที่ฉันบอกว่า งานสัมมนาหนนี้คงหาคนไปยากแน่ๆ เค้าก็บอกแค่ว่า ถ้าเป็นนายก็คงดี พอฉันหันไปบอกว่า นายคงรับความรู้สึกกดดันพวกนั้นไม่ได้ เค้าก็บอกแค่ว่าแต่ไม่ว่ายังไงสุดท้าย ก็ต้องเป็นนายที่ไป เพราะไม่มีใครไปหรอก ใครจะกล้าไปกับเค้า เค้าว่ามาแบบนั้นแหละ "
“ แต่ผมก็ไม่อยากจะไปกับเค้านะ รองหัวหน้าไปแทนได้มั้ย "
“ ฉันอะนะ " เธอชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง " ตอนแรกฉันก็จะเสนอตัวเองนะ เพราะดูท่าทางจะไม่มีใครไปกับเค้าแต่เหมือนเค้าจะต้องการนายมากกว่าฉันนะ "
“ แล้วถ้าผมไปบอกหัวหน้าว่า ผมไม่อยากไปแล้วจะให้คุณไปแทน คุณจะยอมไปแทนผมมั้ย ถ้าผมขอกับหัวหน้าได้ "
“ ถ้าเค้ายอมละก็นะ " เธอพยักหน้ารับคำผมแบบง่ายๆ ง่ายเกินไปจนตัวผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่า ที่มันง่ายขนาดนี้เพราะเธอสงสารผม หรือเพราะแอบคิดอะไรกับหัวหน้ากันแน่ แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญอะไรแล้วช่างมันเถอะ ขอแค่ไม่ต้องไปก็พอ
“ นี่ นายจะไปพูดกับหัวหน้าเรื่องที่ขอไม่ไปงานสัมมนาจริงๆเหรอคีย์ "
“ จริง " พยักหน้ารับคำถามของลิปที่ก็พยักหน้ารับ
“ งั้นก็ขอให้โชคดีนะ ขอให้เค้าเปลี่ยนใจ แม้มันจะเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมากๆก็เถอะ " คำพูดที่ชวนให้เครียดมากกว่าเก่า เงยหน้ามองเวลาที่กำลังจะใกล้เที่ยง ผมนั่งมองคนทำงานคนอื่นที่ทะยอยออกไปพักกันเรื่อยๆจนเหลือเพียงแค่หัวหน้า รองหัวหน้า ผมแล้วก็ลิป “ คีย์ไปกินข้าวกัน "
“ ฉันขอไปคุยกับหัวหน้าก่อนไปกินข้าวได้มั้ย "
“ จะพูดเลยเหรอ "
“ ตอนนี้แหละ " ผมเดินตรงไปที่โต๊ะของหัวหน้า ใบหน้าคมก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมเค้าวางปากกาที่กำลังเขียนเอกสารอะไรสักอย่างลง " หัวหน้าผมมีอะไรจะพูดด้วยครับ "
“ ตรงนี้เหรอ "
“ ครับ ตรงนี้ " พยักหน้ารับ เค้าก็พยักหน้าตอบตกลง
“ ว่ามาสิมีอะไร เรื่องจะไปสัมมนารึเปล่า "
“ ครับ คือผมไม่สะดวกจะไปงานสัมมนาครั้งนี้ครับ ขอให้คนอื่นไปแทนผมได้มั้ย "
“ แล้วใครจะไปแทนนาย " หัวหน้าถาม
“ รองหัวหน้าจะไปแทนผมครับ ใช่มั้ย " หันไปมองเธอที่ก็พยักหน้ารับน้อยๆ
“ เพราะคีย์บอกว่าไม่อยากจะไป ในสภาวะแบบนี้ ฉันว่าถ้าเป็นแบบนั้นฉันควรจะไปแทนดีกว่า ถ้าขืนไปไม่รู้ว่าจะเกิดคำพูดไม่ดีต่อคีย์แล้วก็หัวหน้ามากขึ้นไปอีก ตอนนี้แผนกอื่นก็มองเราไม่ดีอยู่แล้ว อย่าให้เรื่องมันบานปลายเลยค่ะ "
“ แต่ฉันอยากจะให้คีย์ไปนะ " หัวหน้าบอก ทุกคนก็หันไปมองหน้าเค้า " ถ้าให้พูดตรงๆเลยก็คือ ฉันอยากจะไปกับคีย์อยู่แล้วตั้งแต่แรกอยากไปสัมมนากันสองต่อสองเราจะได้คุยกันในเรื่องยุ่งๆที่มันเกิดขึ้น ฉันคิดว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันแค่สองคนไม่มีคนอื่นมันอาจจะคุยอะไรกันง่ายขึ้นเพราะตอนนี้เค้าไม่คุยกับฉันเลย ขอเวลาคุยด้วยเค้าก็บ่ายเบี่ยง แล้วก็ไม่ยอมรับอะไรท่าเดียว เพราะงั้นนี่ก็เป็นทางเดียวที่เราจะได้คุยกัน ผมไม่เปลี่ยนตัวให้หรอก คุณไม่ต้องไปหรอกนะรองหัวหน้า ผมจะให้คีย์ไป ผมส่งชื่อเค้าไปแล้ว "
" หัวหน้า..”
" หัวหน้า จริงๆสินะคะ เรื่องของคุณกับคีย์ คุณชอบคีย์อย่างงั้นสินะ " รองหัวหน้าถามอีกคนที่ก็ยังนิ่งก่อนจะพยักหน้ารับในที่สุด
" ใช่ ผมชอบคีย์แล้วกำลังพยายามทำให้เค้าเป็นแฟนของผมอยู่ "
" แต่ผมมีแฟนแล้วครับ ถ้าคุณจะกรุณาเลิกยุ่งกับผมเถอะ อย่าทำให้แฟนผมต้องรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย อย่าทำให้ผมต้องทำร้ายเค้าซ้ำๆเลย "
" แต่นี่มันงาน การไปสัมมนาเป็นงานที่นายขัดไม่ได้หรอกนะ ไปอธิบายให้เค้าเข้าใจสิ ว่านี่คืองานในแบบฉบับของผู้ใหญ่ที่เค้าต้องทำกัน เรื่องบางเรื่องไม่อยากจะทำก็ต้องฝืน ไม่ใช่เด็กที่หนีปัญหาได้ทุกเรื่อง "
" หัวหน้า " ผมเอ่ยเรีบกชื่อเค้าเบาๆ อีกคนก็ถอนหายใจออกมา
" ฉันไม่เหลืออะไรให้ต้องรักษาอีกแล้ว ทั้งชื่อเสียง หรือแม้แต่ความน่าเคารพ ฉันเองก็ทุ่มเทให้นายทั้งหมดเหมือนกัน เพราะงั้นฉันจะไม่มีวันยอมแพ้เพียงเพราะนายที่ปฎิเสธฉันหรอกนะ ต่อให้เป็นฉันแค่คนเดียวที่ทุ่มเทให้นาย ต่อให้นายจะเฉยเมยกับฉัน ฉันก็จะพยายามเข้าไปใกล้นาย เพราะฉันจะไม่ถอยหรือกลัวอีกแล้ว "
ทุกคนเงียบในประโยคที่เค้าพูดกับผม อาจเพราะไม่คิดว่าใครคนนี้จะพูดความรู้สึกจริงๆออกมา ก็เลยทำได้แต่เงียบเพราะไม่รู้จะตอบโต้อะไร แม้แต่ลิปเองที่ยืนฟังอยู่คนที่ตอบโต้ใครอีกคนแบบไม่กลัวยังได้แต่ยืนนิ่ง
“ ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมคงปฎิเสธการเปลี่ยนตัวคีย์ให้เป็นรองหัวหน้าในการไปสัมมนาในครั้งนี้ "
“ หัวหน้าแต่ว่า อย่าทำให้ตัวเอง แผนก ต้องมีแต่เรื่องโดนนินทาเลย อย่างน้อยถ้าคุณไม่คิดถึงแผนก ไม่คิดถึงงาน ก็คิดถึงคีย์เถอะค่ะ คำว่า เมียน้อยน่ะ ไม่ใช่คำพูดธรรมดาที่ฟังแล้วมีความสุขนะคะ ถ้าชอบคีย์จริงๆ ทำไมไม่เลือกที่จะปกป้องเค้าละ "
“ รักของผมไม่ได้ บริสุทธิ์ขนาดนั้น ขอโทษครับ ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว " คำพูดทิ้งท้ายของร่างสูงที่พูดจบการจะเดินออกไป ทิ้งให้ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้นอย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกมาทั้งนั้น มือข้างนึงที่เอื้อมมาจับไหล่ของผมตอนที่หันไปมองดูลิปก็เดินมายืนอยู่ข้างๆ
“ คีย์ ไปกันเถอะ "
“ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลย ตอนนี้ช็อคไปหมดแล้ว " รองหัวหน้าบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา เธอมองหน้าผมสลับกับลิป " ความรักมันน่ากลัวชะมัด ว่ามั้ย ขนาดเป็นเรื่องที่รู้ว่าไม่เหมาะสมแท้ๆแต่เค้าก็ยังทำ "
“ อย่าเรียกว่าความรัก ให้เรียกว่าความเห็นแก่ตัว ผมว่าน่าจะเหมาะสมกว่า " ลิปพูดไว้แบบนั้นกับรองหัวหน้าที่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจ
" ขอโทษนะคีย์ ฉันเองก็คงช่วยนายได้แค่นี้ "
" ไม่เป็นไรหรอกครับ ทั้งหมดอาจจะเป็นความผิดของผมเอง " ยิ้มให้อีกคนที่ยกคิ้วสงสัยแต่ก็ไม่ถามอะไรต่อ จริงๆผมก็คิดว่าเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นตอนนี้มันคงเป็นเพราะผม เป็นความผิดของผมทั้งหมด ก็ถ้าผมไม่หวั่นไหวไปกับเค้า เรื่องราวพวกนี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก แต่เพราะหวั่นไหวไปกับเค้าให้ไปให้ท่าเค้าพอเค้าเล่นด้วยตอนนี้จะถอยหลังกลับก็ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว ติดกับอยู่ในเกมส์ที่ตัวเองไม่น่าจะหวั่นไหวไปตั้งแต่แรก
“ อย่าคิดมากเลยนะ " มือที่เอื้อมขึ้นมาจับไหล่ผมของลิป ตอนนั้นทุกอย่างเงียบไปหมด ผมไม่รู้จะพูดอะไรอออกมาดี คิดถึงฟานตอนที่รู้ว่าผมต้องไปสัมมนาก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา ตอนนี้ได้แต่กลัวไปหมดแล้ว กลัวที่สุดก็คือกลัวเค้าไม่พอใจแล้วเลิกรากันไป
“ ถ้าฟาน ขอเลิกกับฉันละ "
“ ให้ฉันช่วยพูดมั้ยว่านายจำเป็นต้องไปจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ "
“ ถ้านายช่วยพูดเค้าจะมองว่า ฉันต้องไปจริงๆ หรือแค่เอาเพื่อนมาช่วยพูดให้ตัวเองได้ไปไหนมาไหนกับชู้ละ "
“ คีย์ "
“ เพราะฉันโกหกเค้ามาแล้วครั้งนึง ฉันไม่คิดว่าฟานจะเชื่อฉันอีก "
“ ก็ลองดูก่อนมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายก็ได้ " ผ่อนลมหายใจออกมาคำปลอบพวกนั้นไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ฟานเป็นแฟนผม ผมรู้จักเค้าดี ว่าเค้าจะรู้สึกยังไงถ้าได้ฟังเรื่องนี้ ท่าทางโกรธของเค้าเมื่อคืนที่ยังอยู่ในสายตาแววตาที่แม้แต่จะร้องไห้ก็เหมือนร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกทั้งแค้นแล้วก็โกรธ
“ ลิป ฉันไม่หิวอะ "
“ กินอะไรเข้าไปหน่อยเถอะน่า เมื่อเช้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลยไม่ใช่เหรอ " ถอนหายใจออกมาตอนที่มองไปรอบๆ มันไม่อยากจะกินอะไรเลย มันรู้สึกตื้อไปหมด ตอนนี้สิ่งที่รู้สึกคือ ไม่อยากจะไปสัมมนาบ้าบออะไรนั่นเลยสักนิด ไม่อยากจะคุยกับฟานเรื่องนี้ ไม่อยากจะทะเลาะกันอีกแล้ว อยากจะดีกัน อยากจะมีความสุขเหมือนเดิม
“ หัวหน้า " เดินมาถึงร้านแซนวิชผมก็พบว่ามีใครคนนึงกำลังนั่งกินแซนวิชเงียบๆคนเดียวอยู่ในร้าน
“ ชิบหายแล้วเราจะไปแดกอะไรกันละทีนี้ " ลิปถอนหายใจออกมาในตอนนั้นร่างสูงที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้เหมือนกินเสร็จเรียบร้อยเค้าเดินออกมาจากร้านก่อนจะเอ่ยทักเรา
“ กินแซนวิชกันอีกแล้วเหรอ "
“ ก็ครับ " พยักหน้ารับ ก่อนที่ผมจะพูดออกไป
“ หัวหน้า ผมไม่อยากไปจริงๆนะ ช่วยฟังผมหน่อยไม่ได้เหรอ ช่วยเห็นใจผมหน่อยได้มั้ยครับ ลำพังตอนนี้ก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว ถูกคนอื่นนินทาว่าร้าย ไม่มีใครเคารพ แฟนกำลังจะทิ้ง อย่าให้ผมต้องกลายเป็นคนไม่มีอะไรเลยนะ อย่างน้อยก็ช่วยยกเลิกเรื่องที่ผมต้องไปสัมมนากับคุณเถอะ "
“ ฉันคิดว่าเราพูดคุยเรื่องนี้กันรู้เรื่องแล้วนะ "
“ ได้โปรดเถอะครับ ช่วยกรุณา..”
“ แต่ฉันเองก็ไม่เหลืออะไรเหมือนกัน นายบอกว่าตอนนี้นายไม่เหลืออะไรแล้ว ฉันเองก็ไม่เหลืออะไรเหมือนกัน ฉันเองก็ไม่มีใครเคารพ มีคนนินทา แถมคนทีฉันทุ่มเทสนใจเค้าตอนนี้ เค้ายังจะมาหนีจากฉันไปอีก ถ้านายบอกว่า นายไม่เหลือใคร ฉันเองก็ไม่เหลือใครเหมือนกัน "
“ แล้วคุณก็เลยทำให้คีย์ไม่เหลือใครเหมือนคุณ จะได้กลับมาเป็นของคุณอย่างงั้นเหรอ ถามจริงๆเถอะ คิดอะไรอยู่เหรอครับ " ลิปเอ่ยถามอีกคนที่ก็นิ่งแล้วหันมามอง " หัวหน้ากำลังทำให้คีย์เลิกกับแฟน แล้วก็หันมาสนใจหัวหน้าอย่างงั้นเหรอ เหมือนสุดท้ายเค้าไม่เหลือใครแต่ก็ยังเหลือหัวหน้าอยู่ เพราะคีย์คือคนที่หัวหน้าทุ่มเทให้ อย่างงั้นใช่มั้ย " เค้าเงียบไม่ตอบคำถามอีกคนก็ถอนหายใจก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ " เราก็ไม่น่าถาม ดูก็รู้อยู่แล้ว "
“ ถ้าผมตกลงไปจะช่วยเลิกยุ่งกับผมตลอดไปได้มั้ยครับ "
“ คีย์ " หัวหน้าเอ่ยเรียกชื่อผม ตอนที่พูดแบบนั้นออกมา
“ ถ้าผมไปสัญญาได้มั้ยว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของผมอีก ให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผม ให้ความเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน "
" คีย์ ฉันแค่อยากจะอธิบายเรื่องราวของเรา เรากลับมาคบกันได้นะ ทำไมเราต้องแคร์คนอื่นละ เรารักกันไม่ใช่เหรอ "
" เราไม่ได้รักกัน ผมไม่ได้รักคุณ " เอ่ยบอกเค้าไปตรงๆอีกคนก็นิ่ง " การที่ผมหวั่นไหวไปกับความอบอุ่นของคุณไม่ได้หมายความว่าผมจะรักคุณ ผมเคยบอกคุณไปหลายครั้งแล้วว่าผมรู้สึกยังไง แต่คุณก็ยังบีบบังคับทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับคุณ ทั้งๆที่ผมก็บอกมาตลอดว่า คุณไม่ได้สำคัญไปมากกว่าแฟนของผม "
" ทั้งๆที่ฉันคอยช่วยเหลือนาย ทั้งๆที่ฉันทุ่มเทให้นายมากขนาดนี้ นายยังมองไม่ออกอีกเหรอว่าฉันจริงจังกับนายมากแค่ไหนทั้งหมดนี้ฉันให้นายนะคีย์ แค่นายคนเดียวทำไมถึงพูดออกมาง่ายๆว่า ให้เลิกยุ่งกัน ทั้งๆที่ฉันเองพยายามขนาดนี้ "
" งั้นคุณก็คงคิดว่าหลังกลับจากทริปสัมมนาเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม หรือมากกว่าเดิม "
" แล้วมันผิดรึไงที่ฉันคิดแบบนั้น นายเองก็ต้องหวั่นไหวไปกับฉันอยู่แล้ว "
" มั่นหน้า " ลิปพูดเสียงเบาๆ ผมก็หันไปมองเค้าที่ก็ทำเป็นหันไปมองอย่างอื่นแทน
“ คีย์ ฉันไม่เข้าใจ แค่เรื่องภาพหลุดแค่นั้นทำไมเราถึงไม่ทำให้มันกลายเป็นผลดีละ "
“ ผลดี " ผมทวนคำพูดของเค้า " ผลดียังไง ผลดีจากการเป็นเมียน้อยคนอื่นมันมีผมดีด้วยเหรอครับ "
“ ทำไมเราไม่ใช่โอกาสนี้เปิดตัวไปเลยละ ว่าเราเป็นอะไรกัน เราจะได้ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆความรู้สึกของตัวเอง "
“ หัวหน้ากำลังพูดเหมือนคีย์ มันมีใจให้หัวหน้าเสียเต็มเปาเลยนะ ทั้งๆที่ มันก็แค่หวั่นไหวไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย "
“ แล้วคุณยุ่งอะไรด้วย เอาเรื่องของตัวเองให้รอดเถอะ "
“ ก็มันฟังแล้วจะอ้วก คุณก็ดีแต่เข้าข้างตัวเอง คิดว่าคนอื่นเค้าจะชอบคุณไปหมดรึยังไง "
“ นี่มันเรื่องของผมกับคีย์ ไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลยนะ "
“ แต่คีย์เป็นเพื่อนผม แล้วคุณกำลังบังคับเพื่อนผมให้ทำในสิ่งที่เค้าไม่อยากจะทำ " หัวหน้าไม่เถียงอะไรออกมา เหมือนไม่ยอมรับในสิ่งที่ลิปพูด และในสิ่งที่ผมขอร้อง “ ลาออกเถอะคีย์ ถ้าบังคับกันขนาดนี้ ถ้าไม่ยอมฟังเหี้ยอะไรเลยขนาดนี้ พอเถอะว่ะ มันมากไปแล้ว ออกไปหางานอื่นทำกัน ไปจากชีวิตแบบนี้สักที " ลิปหันมามองหน้าผมที่เอาแต่มองหน้าอีกคนอยู่แบบนั้น
“ ผมจะไม่มีวันหวั่นไหวไปกับคุณอีกเป็นครั้งที่สอง "
“ แต่คนอย่างฉัน จะลองดูมันทุกวิถีทาง "
“ หัวหน้า นี่คุณ.. " ผมถอนหายใจออกมาอย่างจนใจกับคนตรงหน้าที่ยังดื้อรั้นที่จะทำตามใจตัวเองอย่างไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่น
" ขอโทษด้วยกันที่คนอย่างฉันมารักนาย แต่นายก็ผิดเองนะ ที่เล่นด้วยกับฉันก่อน "
.................................................................
ชอบคำพูดของหัวหน้า ' แต่นายก็ผิดเองนะ ที่เล่นด้วยกับฉันก่อน '
เรื่องบางเรื่อง มันไม่ถอยกันง่ายๆ คนบางคนจบง่ายๆ คนบางคนไม่
ให้เมื่อ สร้างปัญหาให้มันเกิด ก็ต้องแก้ปัญหามันต่อไป
ปัญหาที่พี่คีย์ก่อขึ้น แม่จะบอกว่า แค่หวั่นไหว แต่บางทีผลกระทบมันมากมาย
เพราะงั้นทำอะไร ก็ต้องคิดถึงผลที่ตามมาเสมอ
ไม่ใช่บางอย่าง มันจะมาง่ายไปง่ายเสมอไป
ตอนหน้า ขอใบ้ว่า น้องฟานจะรู้เรื่องที่พี่คีย์จะไปงานสัมมนากับหัวหน้าสองต่อสองแหละ
เพราะงั้น... อาจจะเป็นฉากที่ทุกคนรอคอยต่อจากนี้ไป แซ่บลืมบอกไว้
อย่าลืมเข้ามาอ่านกันนะจ๊ะ ม๊วฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้าาา
หนมมี่ผู้ใสซื่อ
