ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 55
' อย่า!!! '
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อลงมาถึงชั้นแผนกบุคคล ผมผงะเล็กน้อยตอนที่เห็นหัวหน้ายืนอยู่ที่หน้าห้องตรงนั้น เค้าที่กำลังยืนนิ่งอยู่คนเดียวเงยหน้ามองผมก่อนจะยกยิ้มให้
“ เป็นไง สบายดีมั้ย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน " ผมไม่ตอบพยายามเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องประชูมแต่กลับโดนมือหนาคว้าแขนเอาไว้ เค้าที่ดึงผมเข้าไปหาเพราะไม่ทันตั้งตัวในตอนนั้น ผมสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจแล้วปกป้องกันตัวเองด้วยการผลักเค้าออกห่างตัวเสียเต็มแรง แผ่นหลังที่ถูกผลักไปชนกำแพง เค้าร้องโวยวาย " โอ๊ย! ฉันเจ็บนะเว้ยเป็นบ้าอะไรของนาย คนแค่ทัก ”
“ คีย์ เป็นอะไร ทำไมต้องผลักหัวหน้าขนาดนั้น " รองหัวหน้าถาม ผมก็ส่ายหน้าแรงๆ ก่อนจะถอยหลังออกห่าง
“ คือผม ขอโทษครับ ผมแค่ตกใจ " เหลือบมองคนที่มองถอนหายใจมองมา " ก็อยู่ๆหัวหน้าดันมาจับแขนผม ผมก็ตกใจสิ "
“ ขวัญอ่อนจังนะ "
“ แล้วมันเพราะการกระทำเหี้ยๆของใครละ " เค้ายกยิ้มตอนที่ผมพูดแบบนั้น หัวหน้าเดินเข้ามาใกล้ ผมที่ตอนนั้นเดินถอยหลังหลบไม่ให้ตัวเองเข้าไปใกล้เค้าอีกคนก็พูดเสียงไม่เบานัก
“ ถ้าอยากจะทำให้หายกลัวก็มีทางเดียว คือลองเป็นของฉันจริงๆเลยเป็นไง ฉันจะได้ลบความโหดร้ายแล้วเติมเต็มสิ่งดีๆให้ไง "
“ หัวหน้า คุณพูดแบบนั้นออกมาได้ไงน่ะ ทุเรศ! " รองหัวหน้าพูดขึ้น อีกคนก็ยกยิ้มขึ้นมา เค้าที่ดูไม่สนใจอะไรแปลก และ แตกต่างไปจากหัวหน้าที่ผมเคยรู้จัก " ความคิดต่ำๆแบบนี้ยังกับไม่ใช่คุณเลย หรือจริงๆแล้วมันคือสันดานแท้ๆของคุณ สันดานที่เพิ่งออกมาให้คนอื่นรู้ "
“ แล้วเธอละ ปกติก็เห็นแก่ตัวไม่ใช่เหรอ เอาความผิดให้คนอื่นประจำ " หัวหน้าว่าเสียงเบาๆตอนที่มองหน้ารองหัวหน้าที่ก็เหลือบตาไปมองทางอื่น " ง่ายๆก็ดูอย่างตอนงานคีย์เค้ามีปัญหาสิ ก็เธอไม่ใช่เหรอ ที่บอกให้ฉันไล่คีย์ออกบ้างละ บอกให้คีย์รับความผิดบ้างละ แล้วนี่อะไร พอฉันใกล้จะถูกไล่ออกตัวเธอเองก็คงถูกเลื่อนมาเป็นหัวหน้า ก็เลยพยายามทำดีกับลูกน้อง.. ไม่สายไปเหรอ คุณว่าที่หัวหน้าแผนกออกแบบ "
“ แต่ยังไงซะ ฉันก็คิดว่าความเลวของฉันมันก็ยังไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร อย่างเช่นพวก อยากปล้ำลูกน้องในแผนก แอบคิดแผนทำเรื่องเลวๆ พวกไม่ตรวจงาน แล้วพยายามบีบบังคับเค้าด้วยการถ่ายรูปแบล็คเมล์แล้วส่งไปในบริษัท จากนั้นก็บังคับจะข่มขืนลูกน้อง ส่วนบางคนที่มันเล่นด้วย พอตอนจะไปมีอะไรกันก็แอบถ่ายคลิปไว้ " หัวหน้านิ่ง รองหัวหน้าก็ถาม " คลิปของเนย์น่ะ คุณเป็นคนปล่อยออกมาใช่มั้ย " เค้าไม่ตอบแค่จ้องมองอีกคนด้วยสายตาที่ไม่ตกใจอะไร แค่นิ่งมองแล้วในตอนนั้นประตูฝ่ายบุคคลก็ถูกเปิดออกมา
“ คุณธีร์ .. อ้าว คีย์ มาแล้วเหรอ " ผมก้มหน้าทักเธออีกคนก็ยิ้ม " เข้ามาสิ คุณธีร์เองก็เข้ามาได้แล้วนะคะ " หัวหน้าเดินตามคำที่พูดแบบนั้นเข้าไปในห้อง ผมมองรองหัวหน้าแผนกตัวเองที่ก็พยักหน้าลงก่อนจะตบไหล่
“ เข้าไปกันเถอะคีย์ "
“ รองหัวหน้า คุณคิดรึเปล่าว่าคลิปนั่นของเนย์หัวหน้าจะเป็นคนปล่อย "
“ คิดสิ " เค้าพูดก่อนจะยิ้ม " คนที่ไม่ได้ปล่อยฟังครั้งแรกมันต้องตกใจไม่ใช่เหรอ แต่นี่ไม่ เพราะงั้นถ้าไม่ใช่เค้าจะเป็นใครละ น่ากลัวชะมัด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ดีขนาดนั้นพอเลวแล้วจะเลวได้ขนาดนี้ "
" นั่นสินะครับ " ผมเดินเข้าไปด้านในห้องของฝ่ายบุคคล ตรงไปที่ห้องประชุมที่อยู่อีกฝั่ง เปิดประตูเข้าไปภายในนั้นมีบุคคลหลายฝ่าย ผมเลือกนั่งเก้าอี้ใกล้กับหัวหน้าแผนกบุคคล ก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้น
“ อย่างที่ทุกคนรู้วันนี้หัวข้อการประชุมของเราก็คือ สรุปเหตุการณ์ของคีย์กับหัวหน้าแผนกนั่นก็คือคุณธีร์นะคะ วันนี้เรามีคนของทางโรงแรมมาด้วย คุณชัด "
“ สวัสดีครับ " เค้าลุกขึ้นแนะนำตัวเอง " ผมเป็นหัวหน้าแผนกความปลอดภัยที่โรงแรมครับ "
“ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ไม่ต้องให้เสียเวลา ผลของนิติวิทยาศาสตร์ ถูกส่งมาให้เมื่อวานนะคะ ผลของทางโรงแรมที่ส่งไปก็ถูกส่งมาให้แล้วเช่นกัน "
“ แล้วก็ยังมีภาพจากวงจรปิดด้วยครับ " ซีดีแผ่นเล็กถูกวางลงบนโต๊ะ ผมเงยหน้ามองหัวหน้าที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับคนที่ไม่ได้รู้สึกกลัวหรือ ตกใจอะไร " จากน้ำยาที่เหลืออยู่ในขวดที่ทางโรงแรมส่งไปตรวจนั้น พบว่ามีสารระเหยในกลุ่มไนไตรท์อยู่ครับ ซึ่งสารนี้เป็นสารที่เป็นส่วนผสมของยาปลุกเซ็กส์ "
“ ของทางบริษัท เราได้ตรวจทั้งยาแล้วก็รอยนิ้วมือ ผมก็ออกมาว่ายาที่อยู่ในขวดก็พบสารระเหยในกลุ่มไนไตรท์เหมือนกันค่ะ แล้วรอยนิ้วที่พบก็ตรงกับของคุณธีร์ " หัวหน้าแผนกบุคคลบอกก่อนจะมองหน้าร่างสูงที่ยังคงนั่งนิ่ง " คุณธีร์ค่ะ .. มีอะไรจะพูดมั้ย "
“ ไม่มี " เค้าตอบสั้นๆ " ทำไมต้องมีละ ในเมื่อผลมันออกมาเป็นแบบนี้ เถียงไปก็เท่านั้น ถ้าผมจะพูดความจริง นั่นก็คือ คีย์เองก็มีใจให้ผม เราที่ชวนกันออกไปเดินเล่นแล้วผมก็ชวนเค้าเล่นพิเรนทร์ เพราะปกติเราก็ชอบใช้ยาปลุกเซ็กส์กันอยู่แล้ว แต่ติดที่ว่าตอนนั้นเค้าอยากจะเลิกกับผมอยู่ ก็เลยสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายผม เพื่ออยากจะให้ผมไปไกลๆ ก็แค่นั้น "
“ ไม่จริงครับ " ผมบอก อีกคนก็ถอนหายใจออกมา
“ คีย์ นายควรจะยอมรับความจริงได้แล้ว ถ้าอยากจะบอกเลิกฉัน นายก็บอกมาตรงๆเลยสิ ทำไมต้องสร้างสถานการณ์แบบนี้ด้วย การที่นายทำทีบอกฉันว่าอยากจะได้ประสบการณ์พิเศษ อยากจะมีเซ็กส์หน้าโรงแรมที่บนหาด อยากได้ความรู้สึกแบบพวกโดนข่มขืนแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ตะหลบหลังฉันบอกว่า ฉันทำร้ายนายซะงั้น "
“ คุณคิดแบบนั้นได้ยังไงน่ะ คุณบอกว่าผมมีใจให้คุณ โอเค ผมยอมรับว่าผมเคยมี แต่การที่บอกว่า ผมอยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณ อยากจะเปลี่ยนบรรยากาศอะไรนั่น ถามจริงๆเถอะ ว่าคิดนานรึเปล่า กว่าจะได้เหตุผลนี้ ถามจริงๆเถอะ ว่าเอาสมองส่วนไหนคิดกว่าจะได้มันออกเป็นเหตุผลแบบนี้ คุณมันไม่ใช่คน คุณรู้ตัวมั้ย คุณเหมือนสัตว์เดรัจฉานที่มาจากนรก คุณแม่ง.. ผมไม่มีคำพูดไหนจะสรรหาคำพูดมาด่าคุณได้เลย เพราะดูคำพูดไหนแม่งก็ดูดีไปหมดพอมาเจอกับความเลวของคุณ "
“ คีย์ " หัวหน้าแผนกบุคคลคว้ามือผมเหมือนจะให้สงบสติลงหน่อย เพราะความโกรธที่ได้ยินอีกคนพูดมันกำลังทำให้ปากของสั่น น้ำตาที่ไหลออกมาของผม
“ คุณอย่าเลวไปมากกว่านี้เลย มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บ เจ็บที่เคยมองว่า คนแบบนี้เป็นคนดีไปได้ยังไง เคยรู้สึกชอบคนน่ารังเกียจคนนี้ไปได้ยังไง เคยนอกใจแฟนผมมารู้สึกดีกับคุณที่ชั่วช้าและต่ำตมแบบนี้ได้ยังไง คือ.. คือทุกอย่างมันเหี้ยมาก มันเลว มันต่ำช้า มันไม่อยากจะนึกถึงเลยว่าคุณคือคนที่ทำมันทั้งหมด อยากได้พนักงานในออฟฟิศตัวเองเป็นเมีย ก็ทำดีกับเค้า สร้างปัญหางาน แก้ปัญหาให้ คล้ายว่าจะอยู่ข้างๆ ทำให้หวั่นไหว ทำให้ชอบ พอใครตกร่องป่องชิ้นด้วย ก็มีเซ็กส์กัน จากนั้นก็แอบถ่ายคลิปเอาไว้ ส่วนใครที่ไม่ยอมก็จ้างคนไปถ่ายภาพแบล็คเมล์ บีบบังคับทุกอย่างแม้แต่การข่มขืน "
“ แอบถ่ายคลิปเอาไว้ ? "
“ วันนี้มีคลิปส่งมาในเมล์ของทุกคนในแผนกอีกแล้ว เป็นคลิปของหัวหน้ากับเนย์เด็กใหม่ในแผนกนะคะ " รองหัวหน้าแผนกผมบอก หัวหน้าฝ่ายบุคคลก็หันไปเบิกตากว้างตกใจกับคำพูดนั้น แล้วเช่นกันหัวหน้าก็ด้วย เค้าที่พูดขึ้นเสียงดัง
“ อะไรนะ! คลิปของผมกับเนย์อย่างงั้นเหรอ “
“ ตกใจอะไรคะ เมื่อกี้ตอนฉันบอกคุณ ก็ไม่เห็นว่าคุณจะตกใจอะไรเลยนี่ " รองหัวหน้าบอกหัวหน้าที่พูดออกไปด้วยความตกใจ
“ ฉันไม่เคยได้ยินนะ ทำไมมันมีหลุดออกมาละ ใครเป็นคนส่ง "
“ ก็คุณไม่ใช่เหรอ " ผมถาม อีกคนก็ส่ายหน้า
“ เปล่านะคีย์ ฉันรักนายคนเดียว ตลอดเวลาก็รักนายคนเดียวมาตลอด ไม่เคยคิดนอกใจเลย "
“ เลิกพูดแบบนั้นสักทีจะได้มั้ย คุณจะป่วนประสาทผมไปถึงไหน แค่นี้มันยังไม่พออีกรึไง! “ ผมตะโกนออกไปอีกคนก็ยกยิ้มน้อยๆก่อนจะพิงหลังตัวเองเข้ากับโซฟาตัวที่นั่งอยู่
“ ทำไม ฉันไปทำอะไรให้นาย ชีวิตนายมันพังเหรอตอนนี้น่ะ " เค้าถาม " ก็แล้วไงละ ชีวิตฉันมันก็พังเหมือนกัน ทั้งๆที่ฉันทุ่มเททุกอย่างให้นายมาตลอด แต่นายก็ไม่เคยเห็นค่าฉันเลย ฉันยอมเป็นขี้ปากคนในบริษัท เปิดเผยภาพพวกนั้น เพราะอยากให้นายมีรู้สึกถูกรังเกียจแล้วก็ไม่มีใครเข้าใจ จนสุดท้ายก็มีแค่ฉันที่ยังอยู่ข้างๆ แต่นายก็ไม่เคยหันมาเหลียวมองมัน ฉันที่พยายามทำให้นายมีความสุขถ้าลองมีอะไรกับฉันแล้ว นายอาจจะติดใจแล้วกลับมา แต่ก็ดันมีคนมาช่วยนายไว้ แต่นายเองก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอคีย์ทำไมละ ทั้งๆที่ก็นอกใจไอ้เด็กนั่นอยู่ตั้งหลายวัน ทำไมอยู่ๆถึงมาคิดได้ นายจะคิดได้ทำไม นายจะรู้สึกทำไม ความรู้สึกรักมันไม่ผิดนะ มีเจ้าของแล้วยังไง ใครมันแคร์ รักก็คือรักเราจอยกันได้นี่ ไม่ได้มาเอากันแบบสามคนสักหน่อย "
“ พอเถอะค่ะ ฉันฟังแล้วฉันจะอ้วกออกมา " หัวหน้าแผนกบุคคลบอก " คุณยอมรับมาเถอะ คุณธีร์ ว่าเรื่องทั้งหมดที่คีย์เล่าวันนั้นมันคือความจริง คุณจะข่มขืนเค้า จะใช้ยาปลุกเซ็กส์กับเค้า ยอมรับมาเถอะ อย่าให้เรื่องมันต้องใหญ่ไปมากกว่านี้เลย "
“ ทำไมผมต้องยอมรับ "
“ ทั้งๆที่พูดออกมาทั้งหมดด้วยปากของตัวเองแล้ว ว่าเป็นคนปล่อยภาพ ทำให้คีย์เสียชื่อเสียง ยอมรับออกมาแล้วว่าจะทำเรื่องไม่ดีกับเค้า ยอมรับมาเถอะเพราะถ้าคุณไม่ยอมรับ ฉันคงต้องเปิดซีดีนี่ ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าหาดในวันนั้น วันที่คุณจะทำร้ายคีย์ ทางโรงแรมได้ตัดแล้วบันทึกมาให้ทางเราหมดแล้ว "
“ แล้วถ้าผมยอมรับ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับผมละ สุดท้ายพวกคุณก็ไล่ผมออก ทั้งๆที่ตลอดมาผมทำงานดีๆให้บริษัทมาตลอด ใครๆก็รู้ว่าแผนกออกแบบที่ผมเป็นหัวหน้า เป็นแผนกที่สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัท แล้วนี่เหรอ สิ่งที่ฝ่ายแผนกบุคคลทำกับผม คนที่ทำงานดีมาตลอด เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของผมกับคีย์ แล้วก็เนย์ ไม่ใช่รึไง ไม่เกี่ยวอะไรกับบริษัท "
“ เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยว การสัมมนางานจัดขึ้นภายในองค์กรของเรา แม้ช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงเวลาพักแต่การที่คีย์ต้องมาตกอยู่ในอันตรายก็เกิดจากต้องมางานสัมมนาที่จัดขึ้นภายใน ทำไมจะไม่เกี่ยวละ อีกอย่างคุณทำให้บริษัทเสื่อมเสียเชื่อเสียงด้วยการที่เอาเมล์ของบริษัททำเรื่องแบบนั้น นั่นก็ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายแล้ว ไม่นับว่าคุณยังละเลยการตรวจงานซึ่งนำมาซึ่งปัญหา และนั่นมันก็ ผิดต่อกฏของบริษัทเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ฉันจึงต้องขอไล่คุณออกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้วก็ให้รองหัวหน้าของแผนกออกแบบ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าแทน "
“ กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ " ร่างสูงว่าก่อนจะถอนหายใจออกมา เค้าที่พิงร่างตัวเองกับเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ จ้องหน้าผมด้วยสายตาคมที่ไม่ละไปไหน แววตาที่ทั้งความโกรธและความเกลียด " เพราะนายคนเดียวคีย์ ที่ทำให้ชีวิตฉันต้องเป็นแบบนี้ "
“ กรุณาอย่าพูดข่มขู่แบบนั้นนะคะ เพราะไม่เช่นนั้น ฉันจะแจ้งความโทษฐานที่คุณข่มขู่อีกฝ่าย "
“ หึ เข้าข้างกันดีนัก บริษัทบ้าอะไรวะ ทำงานหนักมาให้ตั้งหลายปี สุดท้ายเกิดเรื่องแค่นี้ก็ไล่ออกเหมือนหมู เหมือนหมา เห็นพนักงานตัวเล็กๆที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรมากมายให้กับบริษัทมากกว่า หัวหน้างานที่ทำงานมาให้หลายปี K! " เค้าสถบก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง " ฉันไม่น่ามาจมปรักทำงานอยู่ที่นี่เลย โง่ตั้งนาน "
“ งั้นตอนนี้ก็ได้เวลาที่จะหายโง่แล้วละคะ เพราะตอนนี้ทางบริษัทก็ได้เชิญคุณออกไปแล้ว " ร่างสูงที่ลุกขึ้นยืนทันทีหลังจากได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มร้ายๆของเค้ามองหน้าหัวหน้าแผนกบุคคลด้วยสายตาแค้นๆ ตวัดสายตามามองผมกับรองหัวหน้าเค้าเดินออกไปทั้งๆที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น
ผมผ่อนลมหายใจออกมา ในตอนนั้นหัวหน้าแผนกบุคคลก็หันมาพูดกับผม " ฉันขอโทษนะคีย์ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับนาย แต่ต่อจากนี้ไปมันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วนะ "
“ ครับ ขอบคุณมากครับที่ตลอดมาคุณช่วยเหลือ และเห็นใจผมมาตลอด "
“ ฉันต้องเข้าข้างคนถูกอยู่แล้ว จะไปเข้าข้างคนผิดได้ยังไง " พยักหน้ารับกับเธออีกคนก็ตบหลังผมเบาๆ " ถ้าอยากจะได้วันลาพักร้อนสักหน่อยก็บอกฉันได้นะ ฉันจะจัดการให้ บางทีฉันว่านายควรจะได้พักผ่อนสักพักบ้าง "
“ นั่นนะสิ นายควรไปพักผ่อนบ้างนะ นายผอมมากแล้วหน้าตาก็อิดโรยมากเลยนะ ตอนนี้น่ะ " รองหัวหน้าแผนกผมเสริม ก้มหน้ารับความใจดีของคนทั้งคู่
“ ขอบคุณมากครับ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากจะอยู่คนเดียวก็เลยตักสินใจมาทำงานดีกว่า" ผมก้มหน้าลงยิ้มให้เธอ กับคนที่อยู่ในห้อง ตอนที่เดินออกมาจากห้องฝ่ายบุคคลนั้น มันน่าแปลกอยู่อย่างนึงคือ ผมไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรมากมาย แค่รู้สึกว่าก็ยังมีเรื่องดีๆอยู่ ในที่สุดผมก็แก้ต่างให้ตัวเองได้ว่า ผมไม่ได้พูดโกหก หัวหน้าทำแบบนั้นจริงๆ และผมไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าพูด ไม่ได้สมยอมเค้า เป็นความโล่งอกที่ตัวเองถูกพิสูจน์ได้ว่า บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่ได้ดีใจอะไรมากมาย อาจเพราะว่า ไม่ว่าเรื่องราวนี้สรุปออกมาว่าผมเป็นฝ่ายถูกหรือผิด จะเสียหายยังไง เค้าก็ไม่กลับ.. ไม่ว่ายังไง ฟานก็ไม่มีวันกลับมารักผมเหมือนเดิมอีก
ลงลิฟต์กลับมาที่แผนกตัวเองผมกับรองหัวหน้า ขาที่กำลังก้าวออกจากลิฟต์แต่กลับต้องผงะถอยหลังกับคนที่กำลังเดินตรงเข้ามาเหมือนกัน
" หัวหน้า " ผมเผลอหลุดปากเรียกเค้า ร่างสูงที่ถือกล่องใบโตเอาไว้เหมือนเป็นของใช้ส่วนตัวที่ก็ต้องมาเก็บออกไป หลังจากมีคำสั่งย้ายออก ผมก้มหน้าลงไม่สนใจตอนที่กำลังเดินเข้าไปในแผนกมือหนาก็คว้ามือผมเอาไว้
" จำไว้นะ ว่าชีวิตฉันมีวันนี้ได้ก็เพราะนาย "
" ไม่เกี่ยวอะไรกับผม คุณทำตัวของคุณเองทั้งนั้น " ผมบอก อีกคนก็ยกยิ้ม
" สักวันฉันจะทำให้ชีวิตของนาย จบลงแบบไอ้เด็กเนย์นั่น เพราะนายกล้าที่จะปฎิเสธคนแบบฉัน " ยืนนิ่งมองเค้าที่พูดออกมาด้วยสายตาโกรธ " ฉันบอกว่าแล้วว่าอย่าขัดใจฉัน เพราะไม่งั้นเราจะได้เห็นดีกัน แล้วนั่นก็คือผลที่เด็กนั่นขัดใจฉัน "
“ คุณเป็นคำปล่อยคลิปพวกนั้นออกมาจริงๆสินะ " รองหัวหน้าที่ยืนข้างผมพูด
“ แล้วทำไม ฉันต้องตกต่ำไปคนเดียวละ อย่าหวังว่าจะมีความสุขอยู่ในบริษัทนี้ได้เลย " เค้าบอกก่อนจะหันมาจ้องหน้าผม " นายเองก็ด้วยคีย์ .. สำหรับนาย จำไว้ว่าอะไรที่ฉันต้องได้ ฉันก็จะไปเอามันมา " สายตาคมมองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะยกยิ้ม " ระวังตัวไว้ก็แล้ว "
“ เลิกพูดจาข่มขู่คนอื่นก่อนจะที่ฉันจะแจ้งความจับคุณ "
“ หึ.. “ หัวหน้ายกยิ้ม " ผมไปก็ได้ แล้วเจอกันนะ คีย์ " คำพูดทิ้งทายที่ทำให้ผมนิ่งค้างไป แววตาของที่ไม่สั่นไหวของผม ทุกอย่างในร่างกายมันชาไปหมด คล้ายกับโลกทั้งใบนี้ได้หยุดหมุนไป ภาพที่หน้าโรงแรมนั่นหวนกลับมาในตาของผม เสียงกรีดร้องของผม ใบหน้าคมที่พยายามเข้ามาใกล้ แรงที่พยายามดึงรั้งให้ผมหยุดนิ่ง มือที่กำตรงข้อมือไว้แน่น ผมคิดถึงมือสากไที่ลูบไล้ไปทั่วร่างกาย
“ คีย์ "
“ อย่านะ!!!” ผมตะโกนออกไปเสียงดัง ตอนที่เด้งตัวออกห่างคนที่เอ่ยทัก รองหัวหน้าแผนกเบิกตาน้อยๆ ก่อนจะผ่อนลงช้าแล้วเอ่ยพูดกับผม
“ นี่ฉันเอง โทษที ทำให้ตกใจใช่มั้ย "
“ รองหัวหน้า ขะ ขอโทษครับ " ผมก้มหน้าบอกเค้า สายตาสั่นไหวที่กำลังกลัวของผม น้ำตาที่ไหลออกมา เธอเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกอดไหล่ผมไว้ ฝ่ามือที่ลูบหลังปลอบๆ
“ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น นิ่งซะไม่ต้องร้อง เค้าจะไม่มีวันทำอะไรนายได้หรอก เค้าไม่กล้าหรอก " เค้ากล้า เค้าทำแน่ๆ ผมรู้สึกแบบนั้น มั่นใจในแววตาของเค้าที่มองมาที่ผม " คีย์ กลับเข้าไปนั่งข้างในเถอะ ไปนั่งพักสักหน่อยนะ "
“ ครับ " ผมตอบรับเธอเสียงเบาๆ ตอนที่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำแล้วเดินเข้าไปนั่งที่ที่นั่งของตัวเอง ลิปก็หันมามองไม่มีเสียงถามอะไร เค้าที่ยื่นมือมาจับมือผมไว้
“ ไว้ตอนเย็นหาอะไรอร่อยๆกิน แล้วฉันจะพานายไปส่งบ้านนะ วันนี้เลิกงานสักหกโมงเย็นเป็นไง ดีมั้ย "
“ ก็ได้นะ "
“ หัวหน้าถูกไล่ออกแล้วสินะ "
“ อื้ม " พยักหน้ารับอีกคน
“ เมื่อกี้ตอนเค้าเข้ามาเก็บของ ในแผนกเงียบมาก ไม่มีใครพูดกับเค้าเลย เค้าเองก็เก็บของเงียบๆ แล้วก็พูดออกมาว่า เพราะที่นี่ก็เลยทำให้เค้าต้องตกต่ำแบบนี้ เค้าไม่น่ามาอยู่ที่นี่ ไม่น่ามาอยู่กับคนแบบพวกเราเลย " ลิปบอกก่อนจะยกยิ้ม " มันตลกน่ะว่ามั้ย ทั้งๆที่เค้าทำตัวเองแต่ไม่มีเลยสักเสี้ยววินาทีเดียว ที่เค้าจะคิดว่าตัวเองผิด ก็ยังบอกว่าคนอื่นผิดทั้งนั้น น่าสมเพช "
“ เค้าบอกด้วยนะ เมื่อกี้ตอนที่เดินออกไป เค้าเจอฉัน เค้าบอกฉันว่า ให้ฉันระวังตัวเองไว้ให้ดี เพราะอะไรที่เค้าต้องได้ เค้าต้องได้ เค้าบอกแบบนั้น "
“ คีย์ "
“ ฉันกลัวลิป " ผมร้องไห้ออกมาตอนที่หันมองเพื่อนตัวเองที่เลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ " ฉันกลัวมากๆเลย อึก กลัวมากๆ ฉัน อึก ฮือๆ ฉันจะทำยังไงดี ถ้าว่ามันเกิดขึ้นละ ฉันยังจำวันนั้น วันที่เค้าทำแบบนั้นกับฉัน วันที่ฟานสั่งให้คนของเค้ามาทำแบบนั้นกับฉัน " มือของผมจับกันแน่นบีบจบฝ่ามือขาวกลายเป็นสีแดง
" อย่าไปคิดถึงมันเลยคีย์ " ยาซุยเอื้อมมือมาจับมือผม " ถ้าเราระวังตัวเองดีๆ ไม่มีทางที่เรื่องร้ายแบบนั้นจะเกิดขึ้นกับเราหรอก ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง ไม่ต้องกลัว " มองแววตาของคนที่กำลังปลอบอยู่ในตอนนั้นก็ได้แต่นิ่ง ผมพยักหน้าลงแม้จะไม่มั่นใจอะไรเลยก็ตาม
ตั้งแต่เกิดเรื่องแบบนั้น ทุกอย่างมันบอกกับผมว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ต่อให้ระวังตัวหรือไม่ระวังตัว ขนาดวันนั้นเดินอยู่ในที่ที่คนเยอะๆก็ยังโดนเลย นับภาษาอะไรกับการเดินกันแค่สองคน ถ้ามากันมากกว่าสองคนก็จบแล้ว อีกอย่างพอลิปมาส่งผม ผมเองก็ต้องเป็นห่วงเค้าอีกในตอนที่เค้าเดินกลับไป หัวหน้าไม่ชอบลิปบางทีอาจจะคิดแค้นแล้วมาทำอะไรเพื่อนผมก็ได้ " ทำงานกันดีกว่านะ เดี๋ยวไม่เสร็จ " ผมยิ้มให้อีกคนตอนที่เค้าดันตัวเองกลับไปทำงาน ผมเองก็กลับมาทำงานบ้าง แม้จิตใจจะคิดแต่เรื่องของอีกคน คิดถึงแววตาและคำขู่พวกนั้นก็เถอะ
ช่วงเวลาใกล้เลิกงาน ผมที่จดจ่อกับงานก่อนจะหันมองคนข้างๆที่เหมือนกำลังตึงเครียดอะไรสักอย่างกับปลายสายของตัวเอง ลิปที่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันมามองผมแล้วลุกขึ้นออกไปโทรศัพท์นอกแผนก เค้าคุยอยู่นานด้วยสายตาเคร่งเครียดก่อนจะเดินกลับมานั่งที่เดิม
“ มีเรื่องให้เครียดอีกแล้วเหรอ " ผมแซว อีกคนก็พยักหน้ารับหน่ายๆ " ทำไม แฟนงอนเหรอ "
“ คุณเมษไม่สบายน่ะ นอนซมอยู่ที่บ้าน ก็เลยบอกให้ฉันกลับบ้านเร็วหน่อย ฉันเลยบอกไปว่า จะไปส่งนายก่อน แต่ดูเหมือนเค้าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดสักเท่าไหร่ ก็เลยประชดว่า ปล่อยให้แฟนแบบเค้าตายไปได้ก็ดี " ผมหลุดหัวเราะออกมา คิดสภาพผู้ใหญ่ใจดีแบบนั้นมาทำท่าทางประชดแบบเด็กๆแล้วขำ " ตลกตรงไหนเนี้ยคีย์ "
“ ก็คิดภาพคนสุขุมๆแบบเค้างอนแล้วขำ "
“ เค้าไม่ใช่คนในแบบที่ใครๆเห็นหรอก เป็นแค่ไอ้แก่ตันหากลับคนนึงก็เท่านั้น "
“ ที่บอกว่าเค้าตันหากลับ นี่หมายถึงเรื่องแบบนั้นรึเปล่า " ผมเหล่มองอีกคนที่ก็ถอนหายใจออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร " ใช่แน่ๆ ทำไมอะ เค้าเป็นพวกยังไง "
“ ไม่อยากจะพูดถึง พอเถอะ "
“ ที่ไม่อยากจะพูดถึง เพราะคืนนี้ต้องดูแลคนป่วยแบบนั้นรึเปล่า "
“ อย่าพูดเหมือนว่าขำไปหน่อยเลย ฉันอยากจะไปส่งนายก่อนไปหาเค้านะ ยังไงฉันก็เป็นห่วงนาย "
“ ไม่เป็นไรหรอก ลิป นายไปเถอะ ฉันจัดการชีวิตตัวเองได้ เดี๋ยวฉันจะขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเอง ไม่ขึ้นรถไฟฟ้าหรอก "
“ เหรอ " เค้าถามย้ำด้วยความเป็นห่วง
“ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันดูแลตัวเองได้ นายกลับไปดูแลคุณเมษเถอะ เดี่ยวเค้าโกรธว่านายมัวเอาเวลามาดูแลฉัน เดี๋ยวสั่งให้ฉันเลิกคบกับนายพอดี "
“ แต่ว่า..”
“ ถ้าถึงคอนโดแล้ว ฉันจะโทรหานาย ไม่ต้องกลัวหรอก "
“ ขอโทษนะคีย์ แต่พรุ่งนี้ฉันจะไปส่งนายแน่ๆ ไม่ต้องห่วง แต่วันนี้ขอกลับไปเคลียร์กับไอ้แก่ก่อนนะ " ผมพยักหน้ารับอีกคน ตอนนั้นผมหันกลับมาทำงานของตัวเอง ในใจที่กลัวแต่ต้องฝืนเอาไว้ ผมไม่อยากจะให้เพื่อนลำบาก ยังไงชีวิตใครก็ชีวิตมันอยู่แล้ว ถ้าต้องให้เพื่อนช่วยเหลือตลอดเวลา ก็ต้องช่วยกันอยู่ตลอดไป
นาฬิกาบอกเวลาเลิกงาน ผมเก็บของเปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่ง ลิปที่ลุกขึ้นตามในตอนนั้นผมสังเกตเห็นเนย์ ที่ยังนั่งทำงานอยู่ไม่ไปไหน คิดถึงคลิปหลุดของเค้าที่วันนี้ข่าวก็แพร่ไปทั่วทั้งบริษัท คลิปที่ถูกส่งต่อ ทำให้มีแต่คนพูดถึงเรื่องนี้ตลอดพักเที่ยง ร่างที่ไม่ขยับไปไหนตลอดวันเค้าที่เอาแต่นั่งทำงานข้าวปลาไม่กิน ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะชวนเค้ากลับบ้านด้วยกัน
“ เนย์ กลับบ้านกันมั้ย " คำถามที่ทำให้เด็กผู้ชายหันมามองหน้าผม ก่อนจะส่ายหน้า
“ ไม่ครับ ขอบคุณครับพี่คีย์ " เค้าบอกผมก็พยักหน้ารับ ลิปหันมามองหน้าผม เราเดินออกไปจากแผนกด้วยกัน ในตอนนั้นเค้าก็พูด
“ วันนี้ทั้งวัน เนย์ไม่ได้คุยกับใครเลย เอาแต่ทำงาน น่าสงสารเหมือนกันนะ "
“ อื้ม พรุ่งนี้เราชวนเค้าไปกินข้าวด้วยกันดีกว่ามั้ย มันคงมีคนมองแต่ฉันคิดว่า ตอนนั้นถ้านายไม่อยู่ข้างๆฉัน ฉันคงไม่เข้มแข้งถึงตอนนี้หรอก "
“ ได้สิ พรุ่งนี้นะ " ลิปตอบรับ เราลงลิฟต์มาถึงหน้าตึก เค้าที่แยกย้ายกลับไปผมก็ถอนหายใจกระชับกระเป๋าก่อนจะเดินไปเรียกแท็กซี่ที่อยู่ข้างหน้า รถที่จอดอยู่ผมเปิดประตูตอนที่จะเอ่ยถาม ผมผงะกับคนขับหน้าเข้มที่ก็หันมามองด้วยสายตานิ่งเฉย ทุกอย่างนิ่ง หัวใจของผมเต้นแรงขึ้นมา เผลอคิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว เรื่องของผู้ชายสองคนนั้น ผู้ชายคนที่ลูบไล้ร่างกายของผม
“ คุณครับ "
“ ขอโทษครับ คือ.. ผมไม่ไปแล้วครับ " ปิดประตูคืนรถตอนที่วิ่งให้ออกห่างแท็กซี่คันนั้น ผมตัดสินใจวิ่งไปที่สถานีรถไฟที่คนค่อนข้างพลุกพล่าน ผ่อนลมหายใจหอบช้าๆ มองดูคนที่กำลังต่อคิวกันกลับบ้าน ผมเดินไปนั่งรอตรงที่นั่ง รอจนกว่าคนจะเบาบางลงสักหน่อย แล้วค่อยขึ้นไปต่อคิวขึ้นรถไฟกลับบ้าน
รถที่เคลื่อนตัวไปช้าๆ ผมมองออกไปนอกหน้าต่างโบกี้ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม แต่สำหรับผมมันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก ทุกอย่างเปลี่ยนไปช้าๆ รอบตัวดูน่ากลัวไปหมด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่หรือผู้คน ความหวาดกลัวที่คอยเอาแต่ระแวงทุกอย่างทำได้แค่หลับตาลงช้าๆ ต้องใช้ชีวิตต่อไปไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตาม ผมคิดแบบนั้น สักวันก็ต้องหายกลัวแล้วก็กลับมาเป็นคนเดิมได้ในที่สุด
ลงรถไฟที่สถานีของคอนโดตัวเอง คนเบาบางกับอากาศช่วงตะวันลับขอบฟ้าทำให้ทุกอย่างดูสลัวเป็นสีส้มไปหมด ผมก้มหน้าก้าวเท้าเดินด้วยความเร็ว เหลือบมองคนรอบข้างด้วยความระวัง แผ่นหลังของผมเย็นวาบรู้สึกเหมือนมีใครบางคนจับจ้องมาตลอดเวลา แต่ผมไม่กล้าจะเหลือบมอง กลัวจนแม้แต่กระดูกที่คอก็ไม่สามารถหันไปมองได้ทั้งๆที่ใจอยากรู้ว่าเป็นใคร จะได้ระวังตัวได้ทัน ผมที่ได้แต่เร่งฝีเท้า คิดถึงคำพูดของหัวหน้า คำที่หัวหน้าพูดกับผม ' จำไว้ว่าอะไรที่ฉันต้องได้ ฉันก็จะไปเอามันมา ' ความคิดที่ทำให้ฝีเท้าเร่งขึ้นจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง แต่เงาข้างหลังก็ยังจะก้าวเท้าให้เร็มขึ้นตามมาอย่างไม่ลดละ
เหตุการณ์ตอนนั้นที่ยังอยู่ในใจของผม เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ตะโกนออกไป เป็นช่วงเวลาที่ทั้งทรมานและโหดร้าย ไม่อยากจะเกิดเรื่องแบบนั้นอีก เพราะหนนี้อาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนหนนั้น คำพูดของหัวหน้าดังเข้ามาในหูของผมอีกครั้ง แววตาของเค้าที่ผมยังจดจำได้ดีก่อนที่เค้าจะพูดคำนั้น ' แล้วเจอกันนะคีย์ '
' ไม่ ต้องไม่ใช่เค้า ต้องไม่ใช่ ' ในใจของผมคิด ขาของผมเร่งขึ้นอีกแล้วตอนนั้นมือหนาของคนที่เดินตามก็เอื้อมมือมาคว้าผมไว้หยุดชะงัก แววตาของผมเบิกกว้างในตอนนั้นปากก็ส่งเสียงร้องออกไปด้วยความกลัวอย่างสุดขีด
“ อย่า!!!!!!!!!! “
.................................................................
สงสารคีย์ ทั้งเรื่องของฟาน และก็เรื่องของหัวหน้า
อีหัวหน้าเลวมาก เกลียดมัน

ช่วงนี้เราเบลอมากเพราะมัวแต่เขียนนิยายชีวิต ขอทอล็คแค่นี้นะคะ
ยังไง ฝากเม้นท์ ฝากแชร์ในเฟส และ ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า
