ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 58
' ชีวิตที่ถูกทำลาย '
“ เอาน่าๆ อย่าคิดมาก ไปทำงานกันดีกว่า ทำงานหาเงินยังไงก็เป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุดแล้ว เพราะไม่มีผัวก็ยังมีเงิน นะ! " ลิปตบไหล่ของผมเบาๆคำพูดเล่นๆเชิงปลอบพวกนั้นทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา " ชีวิตของนาย นายต้องเลือกเองนั่นมันก็ถูกแล้ว แต่ไม่ว่านายจะเลือกทางไหนฉันก็ยืนอยู่ข้างนายอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ยังไงเราก็เพื่อนกัน "
“ ขอบคุณนะ " หันไปยิ้มให้คนข้างๆ มันก็จริงอย่างที่อีกคนบอก ' ฉันก็ยืนอยู่ข้างนายอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ' เค้าที่เตือนผมตอนที่ผมเดินทางผิด แล้วให้กำลังใจในสิ่งที่ตัดสินใจทำอะไรลงไปสักอย่างเสมอ อยู่ข้างกันเสมออย่างที่บอกจริงๆ " ฉันว่า ฉันโชคดีที่มีนายเป็นเพื่อน "
" เขินน้าาา ไม่เอา ไม่พูดแบบนี้เค้าเขิน " มือบางยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองก่อนจะฉีกนิ้วมองผม ผ่านซอกฝ่ามือนั้น " พูดซึ้งๆแบบนี้เดี๋ยวเค้าก็หาว่าเรามีใจให้กันนะ "
" ไม่เอาอะ เดี๋ยวคุณเมษจะฆ่าฉันเอา แล้วเป็นยังไงบ้างละ เค้าสบายดีขึ้นยัง "
" จะสบายดีขึ้นยังไง ไม่ได้ ไม่สบายเลยตังหาก เค้าก็แค่ไข้การเมืองอะ " ลิปบอกผมก็ขมวดคิ้ว " แค่อาการของคนโรคจิตที่คิดว่าแฟนตัวเองใส่ใจเพื่อนมากเกินไปแล้ว ก็เลยมีไข้การเมืองนิดหน่อย พอฉันโวยวาย เค้าก็พูดว่า เพราะแบบนี้เลยต้องโกหกฉันถึงจะเห็นความสำคัญของเค้า พวกคนแก่ขี้น้อยใจอะนะ "
" ฉันทำให้ นายกับคุณเมษทะเลาะกันรึเปล่าวะ "
" ไม่หรอก เพราะฉันกับไอ้แก่นั่นทะเลาะกันไม่นานหรอก สุดท้ายมันก็จบแบบเดิมทุกที วิธีเดิมๆที่ฉันแพ้เค้าตลอดนั่นแหละ "
“ วิธีอะไร " ผมถามอีกคนที่หันไปทางอื่น แก้มลิปแดงนิดหน่อย
“ ก็แค่ หอมแก้ม แล้วก็กอดฉันไว้จากด้านหลัง ลูบไล้กันนิดหน่อย พูดจาง้อกันดีๆ สุดท้ายก็จบลงที่เตียง " เค้าว่าก่อนจะถอนหายใจ " ฉันน่ะ มันพวกแพ้ทางแบบนี้กับไอ้แก่นั่นด้วยนะสิ ก็เลยโกรธไม่ลงทุกที "
“ ที่โกรธไม่ลง ไม่ใช่เพราะว่า กำลังทำเรื่องแบบนั้นอยู่แล้วถ้าเราโกรธกันมันก็ดูแปลกๆที่นายจะร้องบอกเค้าว่า ตรงนั้น แรงกว่านี้อีกสิ หรือว่า แรงเกินไปแล้ว อะไรพวกนั้นสินะ " ผมมองเค้าล้อๆคนที่เขินก็หันไปมองอย่างอื่น ราวกับกำลังหาอะไรสักอย่างมาพูดเบี่ยงประเด็น
“ ไปทำงานกันเถอะน่า มัวพูดอยู่กันอยู่ตรงนี้สายพอดี ไปๆ " ลิปคว้ามือของผมเดินเข้าไปด้านใน ท่าทางที่เหมือนไม่รู้เรื่องอะไรของเค้าทำให้ผมหลุดหัวเราะ
“ แสดงว่าจริงสินะ นายคิดแบบนั้นจริงๆ "
“ ฉันไม่พูดกับนายเล่าคีย์ เงียบไปเลย " คิ้วที่ขมวดกันผมเอียงหน้ามองเค้า " มองอะไรวะ "
“ เปล่านี่ แค่รู้สึกว่า นายก็เซ็กส์จัดเหมือนกันนะ ดูภายนอกคิดว่าเป็นพวกไม่ชอบอะไรแบบนี้ซะอีก "
“ น้อยไปนะสิสำหรับฉันน่ะ แต่ฉันว่ามันก็แล้วแต่บุคคล ถ้าเปนคนที่รักยังไงก็ชอบอยู่แล้ว แม้ว่าเค้าจะเป็นยังไงก็เถอะ "
“ แล้วคุณเมษเค้าเป็นยังไง "
“ เค้าเก่งเรื่องแบบนี้อะ เรียกว่าเซ็กส์จัดเลยก็ว่าได้ " อีกคนบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ยังจำที่หัวหน้าถ่ายวิดีโอตอนเค้ามีอะไรกับเนย์ได้มั้ย "
“ เค้าเซ็กส์จัดถึงขั้นชอบความเจ็บปวดเลยเหรอวะ " ผมถามอีกคนก็ส่ายหน้า
“ ไม่ถึงขั้นนั้น แต่ครั้งแรกที่เรามีอะไรกัน เค้าถ่ายรูปฉันไว้ด้วย แต่ตอนนั้นฉันก็บอกให้เค้าลบไปอะนะ แล้วฉันก็เห็นว่าเค้าลบออกไปจริงๆ เมื่อวานตอนที่เห็นคลิปที่หลุดออกมาของเนย์ฉันคิดถึงตัวฉันเลย ถ้าเกิดว่าเค้าไม่ลบให้ฉันเห็นวันนั้น ฉันคงไม่สบายใจหรอกเพราะคิดว่าถ้าสักวันที่เราเลิกกัน ถ้าเค้าทำอย่างที่หัวหน้าทำกับเนย์ ฉันจะมีชีวิตอยู่ยังไงวะ "
“ นั่นนะสิ ก็โชคดีแล้วที่นายบอกให้เค้าลบ ไม่มีอะ ดีแล้ว เพราะสุดท้ายเราไม่รู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น "
" นั่นนะสิ พอคิดถึงเรื่องเมื่อวานขนาดไม่มีฉันยังคิดมากเลย คิดว่าเค้าลบจริงๆรึเปล่า มีไฟล์สำรองอะไรมั้ย กลัวไปเลยวะ "
" จะไปว่าก็สงสารเนย์นะ ไม่รู้ว่าเด็กนั่นจะคิดอะไรอยู่ตอนนี้ "
" เห็นว่าไม่มีใครคุยด้วยเลย พอเค้าชวนกลุ่มของเค้าคุยก็เหมือนมีแต่คนตีตัวออกห่าง แล้วตอนนี้นะคลิปก็ถูกส่งต่อออกไปเยอะเลยด้วย เมื่อวานพี่ที่ฉันรู้จักที่แผนกบัญชีก็ยังไลน์มาถามว่าฉันมีคลิปอะไรนี่รึเปล่า ขอหน่อยได้มั้ย "
" มันไม่มีทางที่จะหยุดอยู่แค่รองหัวหน้าสั่งหรอก " ผมบอก " เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เหรอ ที่น่าพูดถึงมากที่สุด เรื่องของชาวบ้าน แถมยังมีคลิปออกมาแบบนี้แล้ว ก็หลักฐานชั้นดีเลยแหละ ดูอย่างของฉันสิ ยังพูดต่อๆกันได้โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าเรื่องที่พูดมันจริงรึไม่จริงคนพูดก็สักแต่พูดให้มีความสุข ออกรสชาติเท่านั้น ไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนที่ถูกพูดถึงหรอก ว่ามันจะเป็นยังไง "
" แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนายแล้วนะ เพราะความจริงที่หัวหน้าถูกไล่ออกเป็นไงทุกคนก็รู้อยู่ แต่เนย์น่ะสิ คลิปออกมาชัดขนาดนั้นแถมยังไม่มีการปัดป้องอะไรด้วยซ้ำจะบอกว่าไม่สมยอมคนก็คงไม่เชื่อ เจอหนักกว่านายหลายเท่าเลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเค้าอยู่ในกลุ่มที่คอยเอาแต่นินทานายแท้ๆ "
“ เรื่องราวพิสูจน์คน เพื่อนกันจริงมั้ยก็รู้ตอนที่มีปัญหานี่แหละ " ผมหันไปยิ้มให้ลิปที่ก็พยักหน้ารับ เราเดินมายืนต่อคิวที่ลิฟต์ขึ้นตึกเงียบๆ พนักงานมากมายที่กำลังต่อคิวกันอยู่ ผมได้ยินเสียงซุบซิบเหมือนกำลังชี้ชวนให้ดูอะไรสักอย่าง
“ คีย์ เนย์ยืนอยู่หน้านาย " ลิปกระซิบผมที่ก็เอียงมองคนตรงหน้า ก่อนจะมองคนโดยรอบที่มองมา ทุกคนมองก่อนจะหันไปซุบซิบกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ บ้างก็กำลังกดโทรศัพท์ราวกับกำลังพูดถึงกันแต่เรื่องของเค้า
“ นั่นไง คนในคลิป " เสียงเบาๆของผู้หญิงขี้นินทาดังขึ้นข้างหลังผมกับลิป " เมียน้อยหัวหน้าแผนกตัวจริงที่มีคลิปหลุดตอนเอากันออกมาไง "
“ คลิปทุเรศ วิปริต "
“ นี่ฉันได้ข่าวว่ามีคนหาเมล์เค้าให้ทั่วเลยนะ "
“ หาทำไมวะ "
“ ก็พวกที่ชอบอะไรแบบนั้นก็หาเมล์ ติดต่อเค้า ชวนไปทำเรื่องแบบนั้นกันไง ทั้งเบอร์ ทั้งไลน์ ตอนนี้มีความต้องการกันสุดๆ แต่คนเค้าก็ส่งกันแบบแอบๆอะนะ ก็อย่างว่าละน้า ใครอยากจะเปิดตัวว่าตัวเองเป็นเกย์ที่ชอบเรื่องแบบนั้นกัน ดูจิตไม่ปกติออก "
“ เนย์ " ผมเอ่ยเรียกคนตรงหน้า ตอนที่เอื้อมมือไปจับไหล่เค้าอีกคนก็สะดุ้งก่อนจะหันมามองด้วยสายตาตกใจ
“ พี่คีย์ "
“ กินข้าวรึยัง "
“ กิน กินแล้วครับ " เค้าพูดเสียงเบาๆก่อนจะยิ้ม
“ แล้วงานช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย ยากรึเปล่า "
“ ก็ไม่ค่อยยากหรอกครับ " อีกคนตอบสั้นๆ แล้วหันกลับไปยื่นนิ่งเหมือนเดิม ผมอยากจะเอ่ยถามอะไรเค้าต่ออีกหน่อยเห็นเค้าแล้วก็คิดถึงตัวเอง ตอนที่ไม่มีใคร ตอนที่รอบข้างมีแต่คนนินทา ตอนนั้นในใจของผมอยากจะให้คนพวกนั้นหยุดแม้จะรู้ดีว่าเราห้ามปากใครไม่ได้ก็ตาม และบางทีก็อยากจะมีใครสักคนมาอยู่ใกล้ๆ ใครสักคนที่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่า เราอยู่คนเดียว
“ นี่ " ลิปดึงผมเข้ากระซิบลงข้างหู " เค้าไม่ได้อยากให้นายไปอยู่ข้างๆเลยนะ ท่าทางน่ะ ระวังใจดีผิดคนนะฉันจะบอกให้ " ผมผ่อนลมหายใจออกมากับคำเตือนของเพื่อน
ตัดสินใจยืนรอเงียบๆจนกระทั้งขึ้นลิฟต์ไปถึงแผนก ผมมองเนย์ที่เดินเข้าไปข้างใน เค้าที่เอ่ยทักทุกคนที่ก็แค่พยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกับเค้าเหมือนอย่างปกติ ลิปที่ยืนอยู่ข้างๆผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะพูด " ชีวิตนายก็ทุกข์มากพอแล้วนะฉันว่า อย่าไปเอาชีวิตของใครมาใส่สมองเลยน่า สัตว์สังคมน่ะใครที่พลาดก็เป็นเหยื่อให้ทุกคนรุมด่าอยู่แล้วเหมือนว่าถ้าไม่ได้พูดเรื่องนี้เราจะกลายเป็นคนเชยๆไม่ตามสังคมก็เลยยอมด่าตามๆกันไปทั้งๆที่ไม่ได้รู้ความจริงอะไรหรอก นายอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเค้าเลย ตอนนั้นนายรู้สึกแย่ ตอนนี้นายไม่อยากจะให้เค้ารู้สึกแบบนั้น เรื่องอะไรพวกนั้นน่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ชีวิตใครชีวิตมัน "
" ก็จริงของนายนะ เค้าดูไม่ได้อยากจะให้ฉันเข้าไปยุ่งด้วยสักหน่อย " ท่าทางถามคำตอบคำแบบนั้นก็บอกกันอยู่
" คนที่เค้าอยากจะให้สนใจเค้าคือคนในกลุ่มเค้าตังหาก ที่ตอนนี้ก็ขับไล่เค้าออกจากกลุ่มเหมือนไม่ได้รู้จักกันเลยสักนิด แล้วฉันจะบอกอะไรให้อีกอย่าง เนย์เค้าไม่ได้ชอบนายหรอก "
“ ฉันไปทำอะไรให้เค้าวะ " ผมหันไปถามอีกคนงงๆ
“ แย่งผัวเค้าไง หรือไม่ก็เป็นคนที่ผัวเค้าต้องการมากกว่าเค้า " ลิปอธิบาย " นายไปลืมไปเหรอว่าเค้าเป็นเมียน้อยหัวหน้าน่ะ แล้วการที่นายโดนหัวหน้าให้ความสนใจมากกว่าเค้า แน่นอนว่าเค้าต้องไม่ชอบหรอก ฉันว่าที่ตอนนั้นคนในกลุ่มเค้าเกลียดนายมาก เพราะเค้าคงเสี้ยมเรื่องนายสุดๆ เพราะว่าเกลียดนายอยู่แล้ว ตอนนี้พอเรื่องพลิกกลับ เค้าก็รู้สึกอีกว่าตัวเองเหมือนแพะรับบาปเรื่องของนาย ใจดีให้มันถูกคนเถอะนะ แม่นางเอก "
“ แต่เค้าก็น่าสงสารนะ "
“ เรื่องนั้นฉันก็ไม่เถียงหรอก แต่เราไม่ใช่เพื่อนเค้า ไม่ใช่คนที่เค้าต้องการ ทำได้มากสุดก็คงแค่ไม่พูดถึงเรื่องของเค้า ก็เท่านั้นแหละ "
“ ก็จริงของนาย "
เราเดินกลับมานั่งทำงานของตัวเองที่โต๊ะ ในแผนกที่ไม่ถึงกับเงียบแต่ก็ไม่ได้มีเสียงโวยวายอะไร ผมออกแบบงานของตัวเองจนเสร็จตั้งแต่ช่วงก่อนพักเที่ยงของวัน ผละสายตาออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเองก่อนจะลุกเดินไปในห้องน้ำหน้าแผนก
เปิดประตูเข้าไปเบาๆ แต่ยังไม่ทันจะเปิดก๊อกล้างมือเสียงนึงก็ดังขึ้นก่อน เสียงของคนที่กำลังร้องไห้และพูดคุยกับใครบางคนผ่านสายโทรศัพท์ อยู่ในห้องน้ำห้องนึง
“ ทำไมคุณต้องเอาเรื่องแบบนั้นมาบีบบังคับผม ผมไม่อยากจะทำเรื่องแบบนั้นกับคุณอีกแล้ว รู้มั้ย ว่าคุณทำลายชีวิตของผมไปมากแค่ไหน แล้วยังเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับผมอีกอย่างงั้นเหรอ คุณต้องการอะไรกันแน่ ชีวิตของผมรึเปล่า ทำไมผมต้องคอยตามใจคุณ ต้องคอยเป็นทาสกามให้คุณ ทั้งๆที่คลิปมันก็หลุดออกมาแล้ว ผมเสียหายไปแล้ว ผมจะไม่เชื่อคุณอีก คุณทำลายชีวิตผม " เค้าพูดออกมาแบบนั้นด้วยเสียงที่ทั้งโกรธและสั่น " คุณจะปล่อยคลิปอะไรอีก! จะทำร้ายผมไปถึงไหน เมื่อไหร่จะหยุดสักที จะให้ผมตายไปเลยรึไง คุณถึงจะพอใจ ผม.. ไม่เหลืออะไรในชีวิตแล้ว ได้โปรดหยุดเถอะนะ.. ทุกวันนี้ผมไม่กล้าแม้ที่จะกลับบ้านเพราะผมกลัว กลัวว่าพ่อแม่ผมเค้าจะรู้แล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไง ผมไม่กล้าโทรหาเพื่อนเพราะกลัวว่าเพื่อนจะรู้แล้วเหมือนกัน ผมไม่มีอะไรแล้ว ไม่มีเลย คุณได้ทุกอย่างจากผมไปแล้ว ผมไม่ขอมันคืนหรอกแต่อย่าทำร้่ายผมอีกเลย ผมขอร้อง หยุดเถอะ อย่าปล่อยคลิปของผมเลย หัวหน้า ได้โปรดเถอะครับ " ผมเบิกตาตอนที่รู้แน่ชัดแล้วว่าคนในห้องน้ำตอนนี้มีใครกำลังพูดอยู่แล้วกำลังพูดอยู่กับใคร " งั้นถ้าคุณอยากจะให้ผมไปนัก ผมไปก็ได้นะ เจอกันก็แล้วกัน " คำพูดตัดสายนั่นที่ได้ยิน ผมเดินไปเปิดน้ำล้างมือทันที ทำเหมือนกับว่าตัวเองเพิ่งเข้ามาในห้องน้ำแล้วก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เนย์ชะงักเล็กน้อยตอนที่เดินออกมา เค้าเดินออกมาล้างมือ ผมที่มองเค้าผ่านกระจกอีกคนก็ยิ้ม
" พี่คีย์ "
" หื้ม ? “
“ เพิ่งเข้ามาเหรอครับ "
“ อื้ม มีอะไรรึเปล่า ทำไมตาแดงๆ มีอะไรปรึกษา.."
" พี่โชคดีนะ พี่รู้ตัวมั้ย ว่าพี่น่ะ โชคดีแล้วละ โชคดีที่วันนั้นมีคนช่วยพี่ไว้ " ผมอยากจะถามเค้าว่า หมายความว่ายังไงแต่เหมือนว่าทุกอย่างนั้นผมเองก็รู้อยู่แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าคงบังคับให้เนย์ออกไปหาเค้าคืนนี้ โดยการเอาคลิปมาเป็นตัวแบล็คเมล์ ถ้าไม่ออกมาเจอ มามีอะไรกับเค้า เค้าจะส่งคลิปพวกนั้นไปที่เมล์ของพนักงานในแผนก อย่างที่เค้าเคยขู่กับผมว่าเค้าจะทำแบบนั้น " เพราะวันนี้ มันไม่มีใครช่วยผมไว้ได้เลย แม้แต่ตัวผมเอง ผมก็ช่วยตัวเองไม่ได้ ทุกอย่างเพราะผมแค่คิดว่าก็เซ็กส์ธรรมดาไม่มีมีอะไรหรอก แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เค้าจะถ่ายคลิปพวกนั้นไว้ในทุกๆครั้งที่เรามีอะไรกัน "
" เนย์ "
" ผมโง่เองที่หลงรักคนแบบนั้น หลงเชื่อคนแบบนั้น เชื่อว่าเค้าจะมีใจให้ผมจริงๆ ผมโง่เอง วันนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็เพราะตัวของผมเอง " เค้าพูดก่อนจะเดินออกไปยังไม่ทันให้ผมได้พูดปลอบอะไรเค้าสักคำ ผมที่ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา หันมองตัวเองที่หน้ากระจกผมรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหาเยอะแยะ ทั้งเรื่องรูปถ่ายที่ถูกปล่อยออกมา ต้องเลิกกับแฟนที่รักผมมาก ต้องโดนทำร้ายหลายครั้ง จนรู้สึกแย่และกลัวกับการมีชีวิตอยู่ ผมไม่รู้ว่าเรื่องของผม กับเรื่องของเนย์ที่กำลังตกอยู่ในสภาพนั้นใครจะโหดร้ายกว่ากัน ผมไม่อยากจะเปรียบเทียบ แต่ถ้าเค้ามีใครสักคนที่ดีกับเค้าอย่างที่ผมมีลิปนั่นก็คงดี
“ คีย์ เที่ยงแล้วไปกินข้าวกัน " รุ่นพี่ในแผนกเอ่ยถามผมตอนที่เปิดประตูเข้าไปในแผนกแล้วสวนทางกับเธอพอดี ผมส่ายหน้าให้เธอพลางยิ้ม
“ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมรอไปกินพร้อมลิปนะ "
“ งั้นพวกพี่ไปนะ "
“ ครับ " ผมเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ ลิปที่กำลังขยันทำงานเค้าละมือที่กำลังขยับเม้าส์ปากกาหันมาพูดกับผม
“ อีก สิบนาทีนะคีย์ "
“ ตามสบายเถอะ " บอกแบบนั้น ก่อนที่ผมจะหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู เปิดไลน์ของฟานที่ไม่มีข้อความอะไร ผมตัดสินใจส่งข้อความไปให้เค้า ' อย่าลืมกินข้าวเที่ยงนะฟาน ' ยิ้มกับหน้าจอที่คงไม่มีการตอบกลับก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ไปหาลิป
“ นายเสร็จงานแล้วเหรอ "
“ อื้ม เสร็จเรียบร้อยแล้วละ "
“ โชคดีจริงๆเลยน้าาาา " ลิปบอกก่อนจะเหลือบมองไปรอบๆ เค้าหันมากระซิบผม " มีอะไรจะเล่าให้ฟัง "
“ นินทาคนที่อยู่ในห้องนี้แน่ๆ ถ้าพูดเสียงเบาขนาดนี้น่ะ " อีกคนหลุดยิ้มตอนที่ผมพูดออกไป ลิปมองซ้ายขวาก่อนจะพูดกับผมเสียงเบาๆ
“ เมื่อกี้น่ะ อีเจ๊กลุ่มเนย์ไม่ยอมชวนเนย์ออกไปกินข้าว คืออยู่ๆ กลุ่มนางก็ลุกขึ้นเลยแล้วเดินออกไปเลยไม่ได้ชวนสักนิด พอน้องมันถามว่าผมไปกินข้าวด้วยได้มั้ย อีเจ๊ก็บอกว่า วันนี้มันแยกกินกันไม่ได้ไปด้วยกันหรอก ทั้งๆที่เดินออกไปพร้อมกันอะ โคตรน่าเกลียดเลยแบบนั้นใครมันก็ต้องรู้ตัวเปล่าวะ ว่าโดนเขี่ยออกจากกลุ่ม "
" งั้นเราชวนเค้าไปกินข้าวสิ " ผมบอก ลิปก็ขมวดคิ้ว
" นี่เดี๋ยวนะ นายหมายความว่าไงอะ ปกติเราก็กินข้าวกันสองคนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยถ้าไม่ชวนน่ะ "
" สงสารเค้าน่า "
" คิดถึงตัวเองอีกแล้วละสิท่า " อีกคนบอก ผมก็พยักหน้ารับ " ตามใจนายแล้วกัน โดนนินทาว่าเมียน้อยด้วยกันทั้งคู่ก็เลยเข้าใจกัน อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน " ลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมกันหลังจากลิปพูดจบ ผมมองไปรอบๆไม่มีใครอยู่ในแผนกแล้วมีแค่ผมกับลิปสองคนแล้วก็ เนย์ที่ก็ยังนั่งเขียนอะไรสักอย่างลงไปในกระดาษ
" เนย์ "
" ครับ " เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองผมตอนที่เอ่ยเรียกเค้าออกไป
" ไปกินข้าวกันมั้ย ยังไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ "
" ผมไม่หิวครับ พี่คีย์กับพี่ลิปไปกินข้าวกันเถอะ พอดีผมมีอะไรที่จะต้องทำนิดหน่อยน่ะครับ "
" อย่างงั้นเหรอ แล้วจะให้พี่ซื้อแซนวิชมาให้มั้ย "
" ไม่เป็นไรครับ ผมคงไม่กินแล้วละ ขอบคุณมาก " เค้าบอกก่อนยิ้มให้ผมแล้วก็ก้มหน้าลงไปเขียนอะไรสักอย่างในกระดาษต่อ ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกมาจากแผนกโดยไม่เซ้าซี้เค้าอีก
“ น่าสงสารเหมือนกันนะ เค้าก็อยู่กลุ่มอีเจ๊นั่นมาตั้งแต่เริ่มทำงาน พอมาโดนเทออกจากกลุ่มแบบนี้ก็ลำบากอยู่เหมือนกัน แล้วด้วยสภาพจิตใจของเค้าที่โดนแบบนั้นด้วยแล้ว ฉันว่าตอนนี้เด็กนั่นต้องรู้สึกแย่มากแน่ๆ "
“ อย่าพูดเลย " ผมบอก ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสารแล้วยิ่งทำอะไรไม่ได้แบบนี้มันก็ยิ่งอึดอัด มันเหมือนผมรู้ว่าในช่วงเวลานี้เค้าต้องการใครแต่มันไม่ใช่ทุกคนที่เค้าต้องการ เค้าต้องการให้คนของเค้าเข้าใจเค้า แต่มันกลับไม่มีใครเข้าใจเลย ไม่มีคนปลอบเหมือนกำลังอยู่ในที่มืดที่มองไม่เห็นแม้แต่ตัวเอง
“ น่าๆ อย่าคิดมากเราก็ทำเต็มที่แล้ว เราไม่ได้นิ่งดูดายปล่อยเค้าไปสักหน่อย ไปกินข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวหมดเวลาพักเที่ยงนะ "
" อื้ม "
" นี่ๆ วันนี้หลังจากกินแซนวิชกันเสร็จ เราไปหากาแฟอร่อยๆกินกัน ฉันอยากจะกินชาเย็นอร่อยๆสักแก้ว ร่างกายต้องการความหวาน " เราเดินลงลิฟต์ไปที่ชั้นล่าง แม้ลิปจะชวนพูดเรื่องอื่นมากมายแต่สมองของผมก็ยังคิดถึง เรื่องของเด็กคนนั้นที่ตัวเองได้ยินมาตอนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำ " คีย์ นี่ "
“ ห๊ะ อะไร "
“ นายจะเหม่อไปไหน จะเดินผ่านร้านแซนวิชแล้วนะ " ลิปทักยิ้มๆ เราเดินเข้าไปในร้านกินแซนวิช พูดคุยกันตามปกติก่อนจะเดินออกจากร้านไปซื้อน้ำในห้าง ชาเย็นสองแก้วกับขนมอีกนิดหน่อยที่เราเดินถือกันเดินออกมาจากห้าง รอบข้างมีคนเดินกันไปมาเพราะเป็นช่วงพักเที่ยง
“ ชาเย็นร้านนี้กินอร่อยนะ ขนมก็อร่อย " ผมหันไปบอกลิปตอนที่กัดมันฝรั่งทอดเข้าไปในปาก " แต่ถ้ากินแล้วนั่งทุกวันต้องอ้วนแน่เลยวะ "
“ ให้มันอ้วนขึ้นมาบ้างเถ๊อะ นายอะ ผอมแบบถ้าเปิดพัดลมเบอร์สามนายคงปลิวอะ "
“ เว่อร์ไป ฉันหมายถึงว่ามันอาจจะลงพุงเพราะเราเอาแต่นั่งเว้ย อ้วนแค่พุงอะ เข้าใจมั้ย "
“ ทำไมคนมามุงตรงนั้นเยอะแยะ มีอะไรกันวะ " ลิปพูดออกมาตอนที่มองไปทางหน้าตึกของบริษัท เราเดินเข้าไปใกล้มองตามคนที่มองขึ้นไปบนยอดตึกนั่นก่อนจะมีเสียงของยามดังขึ้น
“ คนจะกระโดดตึกฆ่าตัวเองตาย เรียกตำรวจเร็ว! เรียกหน่วยกู้ภัยมาด้วย! "
“ เนย์.. " ผมหลุดเรียกชื่อของคนที่อยู่บนยอดตึกนั่นออกมา ขาของผมนิ่ง มันก้าวไม่ออก หัวใจของผมสั่นแรงจนยากจะควบคุมให้หยุดลงได้ สายตาของผมเงยมองอยู่แบบนั้น ผมไม่ได้ยินเสียงของใครคนอื่นแม้แต่เสียงของลิปที่กำลังร้อนรนแล้วดูเหมือนว่ากำลังโทรหารองหัวหน้า
ผมคิดถึงคำพูดของเค้าที่ผมได้ยินวันนี้ คำพูดที่เค้าบอกกับปลายสายถึงความทุกข์ทรมานของตัวเค้าที่กำลังเผชิญอยู่ ผมได้ยินถ้อยคำที่ถูกบีบบังคับจากใครอีกคน เสียงร้องไห้ที่พูดว่ารอบข้างไม่มีใคร ความทุกข์ทรมานพวกนั้นทำให้ขาของผมก้าวออกไปในสมองผมคิด คิดว่าผมอยากจะไปห้าม ห้ามเค้าไว้ไม่ให้จบชีวิตลงแบบนั้น ถ้าเค้าไม่มีใครผมจะเป็นเพื่อนเค้าเอง แต่อย่าทำลายตัวเองแบบนั้น อย่าทำลายตัวเองเพราะคนที่ทำร้ายเราถึงขนาดนั้น
“ คีย์! “
“ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด " เสียงแผดร้องที่ดังออกมาของผู้หญิงทั่วบริเวณ ผมเงยขึ้นมองยอดตึกที่ตอนนี้มีร่างนึงลอยออกมาจากตึกสูงและตกกระทบพื้นล่างด้วยความรวดเร็ว " แผละ! “ สะดุ้งเฮือกกับเสียงที่ได้ยินและภาพที่ได้เห็น ร่างบางของคนที่เพิ่งได้พูดคุยกันนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น เลือดสีแดงไหลนองออกจากร่างกายขยายเป็นวงกว้างไปเรื่อยๆ ชิ้นส่วนของร่างกายที่เหมือนจะหลุดออก
ภาพที่ผมเห็นชวนให้ลมหายใจของผมอ่อนลง ขาที่เคยมีแรงนั่นก็ด้วย มองดูศพด้วยสายตาสั่นไหวราวกับคนควบคุมไม่ได้ ร่างที่มีเลือดไหลนอง ทุกอย่างในร่างกายของผมสั่นไปหมด สั่นจนทำได้แค่นั่งลงช้าๆบนพื้นที่ตอนนี้ทุกคนถูกกันออกนอกพื้นที่ เสียงรถพยาบาลที่แล่นเข้ามาใกล้ แต่ทุกอย่างเหมือนไม่ได้อยู่ในสายตาของผม ผมยังคงจดจำแค่ภาพของเนย์ เสียงร้องไห้ของเค้า และความทุกข์ทรมานทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเค้า
“ คีย์ " เสียงที่เอ่ยเรียกผม ลิปนั่งลงข้างๆ เราไม่ได้พูดอะไรเหมือนรู้ดีอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไง เพราะคงเป็นความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน น้องในแผนกที่เราเพิ่งคุยกันไม่นาน ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงกลับเป็นร่างที่ตอนนี้จะไม่มีวันกลับมานั่งพูดคุยกับเราได้อีกแล้ว
ผ้าสีฟ้าถูกปิดคลุมตรงที่เกิดเหตุเป็นวงกว้าง พนักงานทุกคนถูกไล่ให้ออกจากพื้นที่และขึ้นไปบนตึก นักข่าวที่มาทำข่าวต่างยื่นไมค์สอบถามผู้อยู่ในเหตุการณ์ รถพยาบาล หน่วยเคลื่อนศพ ตำรวจ ทุกอย่างอยู่ในความวุ่นวาย ลิปที่ดูมีสติในตอนนั้นดึงผมให้ลุกขึ้นยืน
“ ขึ้นไปบนตึกกันเถอะ ถ้าอยู่ตรงนี้มีหวังได้ออกทีวีแน่ แถมยังเป็นคนในแผนกอีก พูดอะไรออกไปตอนนี้ไม่ดีหรอก ไปเถอะ " ผมไม่ได้ขานรับแต่ก็ลุกขึ้นยืนเดินไปตามที่อีกคนบอก เราขึ้นตึกมาที่แผนกที่มีแต่ความวุ่นวายทุกคนที่กำลังยืนอยู่ในนั้นด้วยความระส่ำระส่ายและจิตตก เสียงโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดของรองหัวหน้า เด็กผู้ชายในแผนกที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะของเนย์หันพบอะไรบางอย่างที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เค้ายืนพิจารณามันอยู่สักพักก่อนพูดขึ้น
“ เอ่อคือว่า.. นี่น่ะ จดหมายลาตายรึเปล่าครับ " คำพูดที่ทำให้ทุกคนสนใจแล้วลุกขึ้นไปมุงที่โต๊ะทำงานของเนย์พี่คนนึงที่เหมือนจะเอื้อมมือไปจับมันขึ้นมาอ่านโดนรองหัวหน้าตะโกนห้ามไว้
“ อย่าหยิบนะ! “ เธอถอนหายใจ ก่อนจะเดินมาอ่านแล้วพูดออกมาเสียงเบา " ให้ตำรวจเค้ามาจัดการ ตอนนี้ห้ามแตะต้องของอะไรบนโต๊ะของเนย์ทั้งนั้น " ทุกอย่างเงียบไปหลังจากที่รองหัวหน้าพูดออกมา เธอเดินกลับไปก่อนจะทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะของตัวเองเลื่อนเก้าอี้เบือนหน้าหนีพวกเราพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา
บรรยากาศที่ยิ่งชวนในทุกอย่างเงียบลงไปไม่มีอะไรเคลื่อนไหวทั้งนั้น เสียงพูดคุยหรือแม้แต่เสียงมือที่สัมผัสกับแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ที่ได้ยินบ่อยๆ ตัวผมที่ตอนนั้นได้ยินแต่เสียงของนาฬิกา เข็มวินาทีที่เคลื่อนไปช้าๆ แต่ทว่าในที่นี่กลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เหมือนว่าผมฝันไป แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อน เสียงของเค้าที่กำลังร้องไห้อยู่ในตอนนั้นถ้าผมพูดออกไปมันคงดี พูดบอกกับเค้าไปว่าผมได้ยิน แล้วให้กำลังใจเค้า อธิบายเค้า ถ้าเมื่อกี้ผมคะยั้นคะยอให้เค้าไปกินข้าวด้วย แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีคำว่า ถ้า... ผมหวนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้ว และเช่นกันเค้าที่จากไปแล้ว และก็ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว ..
................................................................
ไปดีนะน้องเนย์ หมดทุกข์หมดโศกสักที
การตายคือการพ้นทุกข์ อย่างนึง สำหรับน้องเนย์หนมเขียนในด้านของ
มนุษย์ที่มีสภาวะจิตใจอ่อนไหว คือ ด้วยความเป็นเด็ก ถูกมองข้าม โดนกระทำซ้ำ ข่มขู่ แล้วโดนดูถูก
ไม่มีคนคอยอยู่ข้างๆ ( อันนี้จะขยายความทุกอย่างในตอนถัดไปนะคะ )
อยากจะเขียนให้แนวมันฉีกไปจากเดิมนิดหน่อย เพราะคนเรามีการจัดการกับความเศร้าและแรงกดดันไม่เหมือนกัน
เลือกวิธีต่างกัน และ สุดท้าย หัวหน้ามีจุดจบของนางแน่นอนค่ะ
ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิต และ เฟส
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
เจอกันตอนหน้าจ้า