ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)  (อ่าน 323505 ครั้ง)

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เหยื่อ คำๆนี้น่ากลัวเหลือเกิน ขอบคุณคุณหนมที่ทำให้เราได้เห็น การที่ใครสักคนหนึ่งต้องตกเป็นเหยื่อ(สังคม) หัวหน้าไม่ใช่คนเดียวที่ฆ่าเนย์

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
มันเป็นฟิกมาก่อนสินะ ชื่อแปลกๆ โผล่มาให้งงเล่น ฮ่าาาา
ยาซุย ใครอ่ะ เกงกิ นี่ก็ใครอ่ะ  :ruready

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เฮ้อ  ดราม่ามาก  ดราม่าที่สุด
เรื่องต่อไป  ขอไม่ดราม่าเข้มข้นแบบนี้นะคะ  อ่านแล้วจิตตก  งือ

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
โอ้ยยย สงสารเนย แต่นางไม่มีคนที่ไว้ใจเลยอะ

สงสารจริงๆ
จริงๆถ้าบอกที่บ้านพ่อแม่ รู้อาจจะไม่เป็นแบบนี้

อีหัวหน้าจะรู้สึกยังไงเนี่ยยย นางทำให้คนฆ่าตัวตายยย
นางต้องจบไม่ดี แน่เลยยยย

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
มันเป็นฟิกมาก่อนสินะ ชื่อแปลกๆ โผล่มาให้งงเล่น ฮ่าาาา
ยาซุย ใครอ่ะ เกงกิ นี่ก็ใครอ่ะ  :ruready

แงงงงงง มันเป็นชื่อ ที่เราลืมเปลี่ยนค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
จริงๆ เราเขียนนิยายเรื่องนี้เป็นฟิคคู่ที่เราชอบด้วย เพราะเขียนไม่ออก คราวนี้มันติดมือมาน่ะค่ะ
มันเลยแก้ไม่หมด แงงงง อายยยย จัง ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดว่าเอาออกหมดแล้ว TTTTTTT

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
มันดาร์กมากกกก
คนจะตายก็งี้แหละเนาะปุบปับมาก

ออฟไลน์ allmysecret

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เราว่ามนุษย์หัวหน้าควรไปพบจิตแพทย์
สงสารเนย์อยู่นะ น่าน้องจะลาออกหรือไปตั้งต้นชีวิตด้านใหม่ ไปบวชก็ได้ เนอะ
แต่ก็เบื่อชะนีป้าที่เทนางออกจากกลุ่ม เราไม่ค่อยเข้าใจมนุษย์สังคมเท่าไหร่เล้ย
เฮ้ออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
รอดูจุดจบของหัวหน้านะคะ สำหรับผู้ชายคนนี้ติดคุกก็ยังน้อยไป ตายไปก็ยังไม่สาสมเลย แค้นแทนเนย์ :m31:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
อิหัวหน้าจะได้รับกรรมหนักๆบ้างไหมน่ะ

ออฟไลน์ nottto

  • MaxNuzz
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
อีหัวหน้าาาา อีเลวววว แหม่มันเค้นนักกก 5555

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สงสารเนย์...เพื่อนร่วมงานที่ไม่เข้าใจและไม่ให้ความช่วยเหลือแต่กลับซ้ำเติม

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
คนที่เหลือ ก็ต้องต่อสู้กันต่อไป ..

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
บีบหัวใจที่สุด อึดอัดค่ะ

ออฟไลน์ moobarpalang

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +185/-6
ทำไมเหมือนคีย์มักจะทำผิดซ้ำๆ แต่ผิดแบบใหม่ๆ
ตัดสินใจผิด เชื่อคนผิด คิดผิด
#ขอสมองจงสถิตอยู่กับคีย์

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 59
' สัญญา'

   ' ผมขอโทษ ในสิ่งที่ผมตัดสินใจทำลงไป แต่ผมใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว ผมไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่อายที่ต้องมีลูกแบบผม ผมขอโทษ ผมไม่กล้าบอกเพื่อนสนิทของผมเพราะผมอาย ผมขอโทษ ผมรู้ว่าถ้าบอกไปเค้าต้องช่วยเหลือผม ต้องปลอบใจผม แต่ผมไม่กล้าจริงๆ ผมขอโทษ ผมไม่กล้าจะบอกเรื่องนี้กับใครเพราะผมกลัว กลัวว่าคนที่ผมรักเค้าจะทำเหมือนคนอื่นๆที่รู้เรื่องของผม จะถอยห่างออกไปจากผม จากชีวิตสกปรกของผม ผมกลัวว่าผมจะไม่เหลือใคร ไม่มีใครเข้ามาคุยกับผม ไม่มีใครถามผมว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่ทุกคนตัดสินว่าผมเป็นคนไม่ดี ที่ไปทำเรื่องแบบนั้น ตัดสินว่าผมแย่ที่ทำให้เค้าต้องคอยเสียหน้าไปด้วยเพราะเราอยู่กลุ่มเดียวกัน ผมกลัวว่าคนที่ผมรักคนอื่นจะเป็นแบบนั้น จะเป็นแบบเดียวกันทุกๆคน

   ผมขอโทษที่อดทนไม่พอ อดทนไม่พอที่จะทนเห็นสายตาของทุกคนที่คอยเอาแต่พูดเรื่องผม มองมาทางผม แล้วคอยแต่พูดกันเรื่องของผม

   ผมขอโทษที่ผมทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้วที่หัวหน้าคอยแต่ใช้คลิปพวกนั้นบีบบังคับให้ผมทำทุกอย่าง อย่างที่เค้าต้องการ  เค้าอยากจะให้ผมไปหาเค้า ไปทำเรื่องแบบนั้นกับเค้า ถ้าไม่ไปเค้าจะปล่อยคลิปออกมาอีกเค้าบอกผมแบบนั้น แต่ผมไม่อยากจะทำมันแล้ว มันทรมาน ผมไม่อยากจะไปแล้วไม่อยากจะไปหาเค้า แล้วตอนนี้ผมก็ไม่อยากจะอยู่แล้ว ผมขอโทษที่ผมคิดง่ายเกินไป แต่ผมไม่อยากจะทรมานอีกแล้ว รักพ่อกับแม่ครับ ขอบคุณแล้วก็ขอโทษ
                               เนย์ '
“ แค่นี้ครับ " เด็กที่นั่งข้างเนย์พูดขึ้นหลังจากที่เค้าอ่านจดหมายนั่นจบลง ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะหันมองหน้าลิปที่ก็เครียดไม่แพ้กัน เหตุผลที่ทำให้เค้าฆ่าตัวตายบอกอยู่ในจดหมายนั่นหมดแล้ว เค้าทนกับเหตุการณ์รอบตัวของเค้าไม่ไหวแล้ว หนักหนาเกินไปสำหรับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในสังคมของทำงาน ที่ยังคงมีอายุที่คาบเกี่ยวกับความเด็กและความเป็นผู้ใหญ่อยู่

“ ไม่น่าเลย คิดอะไรง่ายๆแค่ไม่มีเพื่อนเป็นที่ระบายก็เท่านั้น ทำไมถึงไม่เดินเข้ามาหาละ คิดว่าคนอื่นเค้าจะเข้าไปปลอบใจตัวเองได้รึไง ใครจะรู้ว่าเครียด " เสียงเบาๆที่บ่นออกมาทำให้ทุกคนในแผนกหันไปมองดูเธอ หนึ่งในคนในกลุ่มของเนย์ คนที่เนย์เองก็พูดถึง " มองอะไร คิดว่าไอ้เด็กนั่นมันฆ่าตัวตายเพราะฉันด้วยงั้นสินะ ทุเรศ!! ทำไมมันต้องมาป้ายความผิดให้ฉันด้วย จะฆ่าตัวตายก็ฆ่าไปสิ ทำไมต้องเขียนระบายเหมือนฉันผิด ใครมันจะไปปลอบใจไอ้เด็กนั่นได้ตลอดเวลา งานก็มีทำตั้งเยอะแยะ แล้วแค่วันนี้เราแยกไปกินข้าวเท่านั้นเอง ก็เลยไม่ชวน มันแปลกรึไง "

" มันก็แปลกอยู่นะ ก็ปกติเธอชวนเค้าแล้วก็สนิทกระดี๊กระด๊ากันขนาดนั้นอะ แต่พอเกิดเรื่องเธอกลับไม่ชวนแล้วตีตัวออกห่างเค้าตลอด "  พี่อีกคนนึงเสริม

“ นี่! แทนที่เธอจะโทษฉัน เธอโทษหัวหน้าที่เอาคลิปมาประจานมันดีกว่ามั้ย แล้วเนย์มันก็เขียนอยู่ว่าหัวหน้าให้มันไปหาแล้วทำเรื่องแบบนั้น มันเลยไม่อยากจะไป มันเลยฆ่าตัวตาย ไม่เกี่ยวกับที่ฉันตีตัวออกห่างมันหรอก ถ้าจะฆ่าตัวตายเพราะเรื่องแบบนั้น คีย์มันคงฆ่าตัวตายไปนานแล้วละ เพราะเค้าโดนว่ายิ่งกว่านังเด็กนี่อีก "

“ กรุณาอย่าพาดพิงถึงคนอื่นครับ " ผมบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ถ้าจะผิดมันก็ผิดด้วยกันทุกคนที่เนย์เค้าเขียนถึงนั่นแหละ คนที่เค้าเขียนถึงก็คือคนสำคัญที่เค้านึกถึงในช่วงเวลานั้น ช่วงเวลาที่เค้าเสียใจ ไม่ต้องเถียงโยนความผิดกันหรอก "

“ นี่นายว่าฉันก็มีส่วนร่วมงั้นสิ! “ เธอหันมามองผมตาขวางท่าทางหาเรื่องของเธอ ทำให้รองหัวหน้าที่ฟังอยู่ลุกขึ้นปราม

“ หยุด!! ไม่ต้องเถียงกัน " เธอตวาดก่อนจะมองไปรอบๆ เธอมองทุกคนแล้วถอนหายใจออกมา " นี่แหละคือสิ่งที่ฉันห้าม เข้าใจรึยังว่าทำไมถึงบอกว่า อย่าส่งคลิปนี้ออกไปนอกแผนก อย่าคิดว่าคีย์ทนได้ แล้วเด็กคนนี้ต้องทนได้ คนเรามีวุฒิภาวะทางความรู้สึกไม่เท่ากัน เรามองว่ามันเรื่องเล็กน้อยแต่คนที่โดนกระทำมันไม่ใช่ พวกเธอไม่มีทางรู้ว่าเค้ารู้สึกยังไงในขณะที่พวกเธอพูดคุยเรื่องของเค้าอย่างสนุกปากในตอนพักเที่ยงหรอก แล้วฉันก็เห็นนะ คนในกลุ่มของเนย์วันนี้ก็นั่งกินข้าวกันที่ร้านเดิมไม่ได้แยกกันไปไหน ฉันไม่ได้บอกว่าเธอผิด ที่เธอปกป้องตัวเอง ไม่อยากจะให้ใครมามองพวกเธอถ้ามีเค้าไปกินข้าวด้วย แต่การที่เธอบอกว่าเธอไม่ผิด นั่นก็คงจะไม่ใช่ เธออาจจะคิดว่าไม่เห็นจะเป็นไรเธอแค่ไม่ยุ่ง ไม่เป็นไรแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่สำคัญ เค้าอาจจะไม่สำคัญสำหรับเธอ แต่บางทีฉันว่า เธออาจจะสำคัญสำหรับเค้านะ แล้วตอนนี้เธอก็คงเห็นชัดเจนแล้ว "

“ ทำไมทุกคนต้องหันมาโทษฉัน มาโทษพวกฉันทั้งๆที่ควรโทษหัวหน้ามากกว่า ลำพังแค่เรื่องนินทาแล้วโดนเทจากกลุ่มไม่ได้แย่ร้ายแรงนักหรอก "

“ ก็ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องของหัวหน้า ฉันพูดถึงเรื่องของเธอ " รองหัวหน้าบอก " นั่งลงแล้วคิดเถอะ ว่าตัวเองผิดรึเปล่า ไตร่ตรองให้ดี แล้วเอาเรื่องนี้เป็นบทเรียนซะ คนอื่นๆก็เหมือนกัน คิดว่าสมควรแล้วเหรอที่เอาแต่พูดเรื่องของคนอื่นในมุมมองที่เราไม่รู้ วิจารณ์เค้าด้วยคำพูดที่แต่งแต้มสีให้ดูมีสนุกสนาน ฉันจะบอกอะไรให้นะ คำพูดของคนเราน่ะมันทำร้ายให้คนเจ็บยิ่งกว่าหมัดหนักๆซะอีก "

“ ขออนุญาติครับ "  เสียงที่ดังขึ้นจากประตูแผนกทำให้ทุกคนหันไปมอง ตำรวจในเครื่องแบบเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคล

“ เจ้าหน้าตำรวจฝ่ายสืบสวนสอบสวนน่ะ " หัวหน้าแผนกบุคคลแนะนำ " คนนี้เป็นรองหัวหน้าแผนกออกแบบที่ผู้ตายทำงานอยู่ค่ะ "

“ สวัสดีค่ะ " รองหัวหน้าก้มหน้าทักทายก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะของเนย์ " เราพบจดหมายของผู้ตายที่คิดว่าจะเป็นจดหมายลาตายวางอยู่บนโต๊ะค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นของเค้า "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " ตำรวจที่เดินเข้าไปใกล้โต๊ะ เค้าเก็บหลักฐานต่างๆที่พอเป็นไปได้พร้อมกับสอบถามข้อมูลกับรองหัวหน้า " ผมขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดในแผนกด้วยนะครับ "

“ ได้ค่ะ " การตรวจสอบเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ในตอนนั้นทุกคนที่หยุดการทำงานทุกอย่างแล้วสนใจแต่กับขบวนการสอบสวนที่กำลังถูกตรวจเช็คจากที่โต๊ะ และกล้องวงจรปิดที่กำลังดูกันอยู่ข้างนอกที่ส่วนของมุมผักผ่อนนอกแผนก  พนักงานคนแล้วคนเล่าถูกเรียกออกไปสอบสวน ท่าทางที่ดูไม่สู้ดีอย่างเพื่อนร่วมกลุ่มของเนย์เดินกลับมาสีหน้าของเธอซีดเผือกแถมยังดูคล้ายว่าจะเป็นลม ท่าทางที่ทำให้ลิปหันมากระซิบผม

“ ท่าทางจะเจอหนักนะ "

“ ก็นะ พวกเค้าเป็นคนที่ถูกเขียนถึงนี่ยังไงก็ต้องเจอการสอบสวนแบบหนักๆอยู่แล้วละ  สาเหตุที่ฆ่าตัวตายก็ต้องมาจากเค้าด้วยส่วนนึง "

“ คีย์ ลิป คุณตำรวจเรียกน่ะ " หัวหน้าแผนกบุคคลเดินเข้ามาเรียกผมสองคนที่ก็ลุกขึ้นเดินออกไปนอกแผนก นั่งลงที่โซฟาข้างหน้าคุณตำรวจสองคนที่คนนึงกำลังพิมพ์อะไรสักอย่างอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ส่วนอีกคนก็กำลังนั่งจ้องมาทางเรา

“ จากหลังฐานวงจรปิดทางเราเห็นว่า คุณสองคนเป็นสองคนสุดท้ายที่เข้าไปคุยกับผู้ตายไม่ทราบว่าเข้าไปคุยอะไรกันครับ "

“ ผมสองคนเข้าไปชวนเนย์ไปทานข้าวครับ เพราะเห็นว่าเค้านั่งอยู่คนเดียวไม่มีใครชวนไปทานข้าว "

“ แต่ดูเหมือนมีการตอบโต้กันเป็นเวลานานนะ "

“ เพราะว่าเราชวนแล้ว แล้วเค้าไม่ไปน่ะครับ ก็เลยคุยกันว่าจะซื้ออะไรมาให้กินแต่เค้าก็ปฎิเสธอีก " ลิปอธิบายต่อ คุณตำรวจก็พยักหน้ารับ

“ แล้วคุณคีย์ ก่อนหน้านี้ คุณเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากที่ผู้ตายเข้าไปไม่นาน ไม่ทราบว่าได้คุยอะไรกับผู้ตายมั้ยครับ  "

“ ตอนที่ผมเข้าไปเนย์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าปลายสายเป็นใคร " ผมพูดออกไปแบบนั้นเพราะไม่อยากจะเข้าข่ายคดีปรักปรำคนอื่นแม้จะมั่นใจมากกว่าครึ่งว่าปลายสายเป็นใครก็เถอะ

“ คุยโทรศัพท์อย่างงั้นเหรอ "

“ เหมือนกำลังทะเลาะกับใครสักคน เค้าพูดเชิงน้อยใจ แล้วก็เหมือนว่านัดแนะออกไปกับปลายสาย ผมได้ยินเค้าพูดถึงเรื่องที่ว่าคนปลายสายทำลายชีวิตเค้า เค้าไม่เหลือใครแล้ว แล้วผมก็ได้ยินเค้านัดแนะกันเหมือนจะออกไปเจอกันครับ แค่นั้นแล้วเค้าออกก็มาจากห้องน้ำ "

“ แล้วคุณทำอะไรอยู่ "

“ ล้างมือครับ ผมเพิ่งทำงานเสร็จก็เลยเข้ามาล้างมือ ล้างหน้า "

“ แล้วผู้ตายพูดคุยอะไรกับคุณอีกมั้ย "

“ เค้าพูดว่า ผมโชคดีแล้วที่มีคนช่วยผมไว้ "

“ แล้วทำไมเค้าต้องพูดแบบนั้น มันหมายความว่ายังไง " ตำรวจที่ต้องการขยายความคำพูดของผม ทั้งๆที่อยากจะให้เรื่องนั้นจบไปแต่สุดท้ายก็ต้องเล่าทุกอย่างออกไปจนหมด ฝันร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับผมทั้งๆที่พยายามลืมแต่กลับต้องมาถูกสอบถามซ้ำๆไม่ต่างอะไรกับการฉายภาพพวกนั้นซ้ำวนไปมา

“ แล้วทำไมคุณถึงไม่แจ้งความ "

“ ไม่อยากจะมีเรื่องน่ะครับ ผมไม่อยากจะพูดถึงมันด้วยก็เลยไม่ได้แจ้งความ อีกอย่างทางบริษัทก็ไล่หัวหน้าออกไปแล้ว ตอนนั้นผมก็เลยไม่ได้แจ้งความว่าเค้าพยายามทำร้ายร่างกายและข่มขืนใจ "

“ แล้วตอนนี้หัวหน้ายังตามไปรังควานนายอยู่อีกรึเปล่า " รองหัวหน้าของผมเอ่ยถามขึ้นมา " คือแบบนี้นะคะ ตอนที่หัวหน้าแผนกโดนไล่ออกเค้าเกลียดแล้วก็โกรธมาก นอกจากเค้าจะปล่อยคลิปเนย์แล้ว เค้าก็ยังขู่คีย์ว่าเค้าจะทำร้ายคีย์ด้วย "

“ ไปครับ เมื่อวานเค้าไปหาผมที่คอนโดพยายามจะฉุดไปแต่แฟนผมช่วยเอาไว้ ก็เลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น "

“ แบบนั้นนายต้องแจ้งความเอาไว้นะว่าถูกเค้าข่มขู่โดยทำให้กลัว ใช่มั้ยค่ะ คุณตำรวจ คีย์แจ้งไว้ได้ใช่มั้ย "

“ ได้ครับ "

“ งั้นแจ้งไว้เลยค่ะ ว่าหัวหน้าแผนกที่ถูกไล่ออกไปแล้ว พยายามจะข่มขู่ทำร้าย "

“ จะแจ้งไว้เลยใช่มั้ยครับ " คุณตำรวจถามผม " แจ้งไว้ก็ดีนะคุณ ถ้าเกิดว่าเค้าทำอะไรคุณเราจะได้เอาผิดเค้าได้ "

“ แจ้งไว้ก็ครับ " ผมพยักหน้ารับ คุณตำรวจก็ทำเรื่องรับแจ้งความกับผมไว้ " คุณตำรวจแล้วแบบนี้เราจะเอาผิดกับใครได้มั้ยครับ "

“ หมายถึงเรื่องของคุณน่ะเหรอ "

“ เปล่าครับ ผมหมายถึงเรื่องของเนย์ " มันคงดีถ้าคนคนนี้ไม่ต้องตายเปล่า ผมอยากให้คนทำผิดได้ผลของความผิดบ้าง เค้าที่พลากชีวิตของคนคนนึงไปโดยไม่มีวันกลับมาเพราะความเห็นแก่ตัว ชีวิตที่ต้องจบลงเพราะการข่มขู่ของเค้า

“ ทางเราต้องสอบสวนของกับทางนู้นก่อน แต่โดยรูปการณ์ผมคิดว่าโทษหนักสุดก็คงจะเป็นแค่ปรับ หรือไม่ก็เอาผิดอะไรไม่ได้เพราะ เค้าข่มขู่แต่ไม่ได้คาดการณ์ว่าอีกฝ่ายจะฆ่าตัวตาย การฆ่าตัวตายเป็นการสมัครใจของผู้ตายเอง ทางเราตอนนี้ก็เหมือนหาข้อสรุปถึงสาเหตุการตายเท่านั้น "

“ อย่างงั้นเหรอครับ " ผมพยักหน้ารับเข้าใจ น่าเสียใจชะมัดที่เราไม่สามารถเอาผิดอะไรคนคนนั้นได้เลย ผมคิดถึงใบหน้าที่ถ้ารู้ว่าเค้าเป็นสาเหตุที่ทำให้เนย์ต้องฆ่าตัวตาย คนแบบนั้นก็ต้องมีเหตุผลออกมาอ้างเป็นร้อยเป็นพันเพื่อให้พ้นคดีอยู่แล้ว ถ้าไม่มีหลักฐานที่มัดตัวเค้าแน่นพอ ไม่มีทางที่จะยอมรับว่าทำจริงๆหรอก ซึ่งพอดูจากเหตุการณ์ตอนนี้ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสักนิดที่จะมีหลักฐานอะไร เมล์ที่ส่งคลิปก็เป็นเมล์ปลอม คลิปเสียงตอนข่มขู่ก็ไม่มี ถ้าเกิดว่าบอกว่าข้อมูลโทรศัพท์ แต่ถ้าอีกคนบอกว่าไม่ได้พูดคุยอะไรแค่ชวนออกมากินข้าวธรรมดา นั่นก็จบแล้ว 

   น่าเศร้าชะมัดทั้งๆที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นแท้ๆ แต่เหมือนคนตายกลับไม่ได้รับความยุติธรรมอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนตายไปเพราะปากของคนสังคม สังคมที่ไม่ฟังเค้าพูดอะไรทั้งนั้น

“ ขอบคุณที่ให้ความร่วมมือครับ คุณสองคนกลับไปได้แล้วละ "

“ ขอบคุณมากครับ " ผมลุกขึ้นพยักหน้ารับให้คุณเจ้าหน้าที่

“ ฟังแล้วโคตรรู้สึกแย่เลยวะ " ลิปบอกตอนที่เรานั่งลงประจำที่ของตัวเอง " ตามกฏหมายเอาผิดอะไรไม่ได้ เป็นแค่การข่มขู่ที่ไม่ได้คาดว่าคนโดนข่มขู่จะฆ่าตัวตาย ไม่ได้ข่มขู่ให้ตาย แต่ตายไปเองว่างั้นเถอะ "

“ แล้วก็ไม่ได้รู้ด้วยว่า ถูกข่มขู่จริงๆรึเปล่า เพราะไม่ได้มีบันทึกเสียงการสนทนาเอาไว้ "

“ โคตรเหี้ย น่าหงุดหงิดชะมัดเลยวะ เหมือนตายไปแบบไม่มีค่าอะไร เอาผิดคนที่ทำร้ายเรายังไม่ได้เลย "

“ พูดแบบนั้นมันก็ไม่ถูกหรอก " ผมบอก " บางทีเนย์อาจจะแค่ไม่อยากจะเจอปัญหาแบบนี้อีกก็ได้ ไม่อยากจะใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแบบนี้ ไม่อยากตกเป็นทาสใคร ไม่อยากจะทรมาน ไม่อยากจะตื่นขึ้นมารับรู้อะไรอีก เค้าอาจจะแค่รู้สึกแค่นั้นก็ได้ "

" คีย์ "

" เพราะฉันก็เคยรู้สึกแค่นั้นแหละ ไม่ได้อยากกล่าวโทษใครทั้งนั้น ก็แค่ไม่อยากจะอยู่แล้วมันก็เท่านั้น ไม่ได้คิดถึงว่าเรามีพ่อแม่อยู่ เรามีเพื่อน เราไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนั้นหรอก เราคิดสั้นๆแค่ว่า เราไม่อยากจะลืมตาตื่นมา เราเบื่อ เราเหนื่อย เราอยากจะหยุดแล้ว เราคิดสั้นๆ เราคิดง่ายๆ เวลาจะฆ่าตัวตาย ก็คิดกันแค่นี้ทั้งนั้นแหละ "

" ไม่ต้องพูด พอเถอะ " ลิปห้ามผมเค้าที่เอื้อมมือมาจับไหล่ผมไว้ ในแววตาที่เหมือนกำลังร้องไห้ " อย่าพูดเลยวะ ฉันไม่อยากจะได้ยิน นายพูดแบบนี้ "

" ฉันไม่ทำอะไรแบบที่ฟานเค้ากลัวหรอก นายฟังหมอนั่นมากเกินไปแล้ว "

" คีย์ นายอาจจะไม่รู้ตัว แต่ตอนนที่นายพูด ฉันรู้สึกว่านายเองก็รู้สึกแบบนั้น ไม่ได้แค่พูดไป " คนตรงหน้าผมเม้มริมฝีปาก " มันน่ากลัวนะกับการที่นายพูดออกมาแบบนั้น แล้วฉันว่ามันก็ไม่แปลกหรอกที่ฟานเค้าจะกลัว แล้วคิดว่านายจะทำแบบนั้น "

   ครืน ครืน ครืน
 
   เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวดังขึ้นจากรอบๆข้างของผม แม้แต่ของลิปเองก็ดังขึ้นมา ทุกคนที่กดรับสายโทรศัพท์ต่างถูกถามไถ่ถึงเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ คุณเมษโทรมา " ลิปบอกก่อนจะกดรับสาย ผมเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง เข้าเฟสบุ๊คเป็นอันดับแรกแล้วก็เจอเข้ากับข่าวด่วนที่ถูกอัพขึ้นมา เกี่ยวกับพนักงานงานแผนกออกแบบผลิตภัณฑ์บริษัทยักษ์ใหญ่ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึก จากการสันนิฐานเบื้องต้นตำรวจคิดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากปัญหาส่วนตัวและแรงกดดันจากเพื่อนร่วมงาน " ยังมีชีวิตอยู่เว้ย!!! ไม่ใช่ผมสักหน่อย เตรียมหาเมียใหม่อะไรกัน อยากตายเหรอไอ้แก่ " ผมหันไปมองลิปที่กำลังเถียง เผลอยิ้มออกมากับคำพูดห่วงใยที่ปลายสายก็ถามมา " อื้ม ก็เป็นรุ่นน้องในแผนกน่ะ คนที่เล่าให้ฟังเมื่อวานไง อื้ม คนนั้นแหละ ผมไม่ได้นินทาอะไรเค้า ผมไม่ได้รู้สึกแย่หรอก "

   ผมหันมองดูทุกคนที่มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา ถามไถ่ถึงความห่วงใยแต่โทรศัพท์ของผมก็ยังคงเงียบอยู่แบบนั้น หันมองลิปที่กดวางสายลงพลางถอนหายใจออกมา " คุณเมษคงเป็นห่วงนายน่าดู "

“ โทรมาเช็คว่าคนที่กระโดดลงไปเป็นฉันรึเปล่า จะได้หาเมียใหม่ " หลุดหัวเราะออกมาตอนที่อีกคนพูดแบบนั้น

“ เค้าก็พูดให้มันขำ แต่จริงๆคงเป็นห่วงนายเพราะไอ้ประโยคในข่าวที่บอกว่า ถูกกดดันจากเพื่อนร่วมงานมากกว่า "

“ นั่นก็ด้วย พอดีฉันเล่าเรื่องเนย์ให้เค้าฟังเมื่อวานนะ เรื่องของนายด้วย เค้าก็เลยโทรมา " ลิปเหลือบมองผม

“ ทำไม "

“ ตอนแรกคุณเมษคิดว่าเป็นนาย " ผมหลุดยิ้มออกมา " แต่ฉันด่าไปละ ไม่ต้องห่วง เค้าแค่บอกว่า ฉันเล่าว่านายถูกกดดันจากเพื่อนร่วมงาน ถูกนินทาเค้าก็เลยคิดแบบนั้น "

“ มันก็น่าคิดแบบนั้นอยู่นั่นแหละ ฉันไม่ถือโกรธเค้าหรอกน่า ซีเรียส "

“ ทำไมนักข่าวมันเขียน ข่าวแบบนี้วะ!! ทุเรศ!!!  " เสียงของรุ่นพี่ร่วมงานเพื่อนของเนย์ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง เธอที่กำลังหงุดหงิดถอนหายใจออกมาก่อนจะขมวดคิ้วอยู่หน้าจอโทรศัพท์ของเธอเอง " ที่บอกว่าเพราะแรงกดดันจากเพื่อนร่วมงาน แบบนี้มันก็หมายถึงพวกฉันนะสิ กดดันมันจนต้องฆ่าตัวตายอะ ใช่ที่ไหน มันก็ทำตัวของมันเองทั้งนั้น แบบนี้ถ้าคนที่แผนกอื่นอ่านเค้าก็คงจะคิดกับพวกฉันนะสิ เพราะฉันอยู่กลุ่มเดียวกับมันนี่ "

“ อย่าเพิ่งโวยวายสิ ตำรวจยังอยู่ข้างนอกนะ " เพื่อนร่วมงานปรามเธอก็ตะโกนด่ากลับ

“ ได้สิ! พวกแกไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกับมัน พวกแกก็พูดกันได้นี่ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรนี่ แต่ฉันอยู่ ตายไปแล้วยังทำให้ฉันขายหน้าได้ ไม่ต่างอะไรกับตอนที่อยู่เลยนะอีนี่ "

“ เนย์ก็ตายไปแล้ว หงุดหงิดไปมันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกน่า อโหสิกรรมกันไปเถอะ " ลิปบอก

“ แกพูดได้สิ แกไม่ได้มาถูกนินทาแบบฉันนิ!! ไม่ได้มาถูกใครๆจ้องมองแล้วบอกว่า นั่นไง เพื่อนของอีเด็กนั่นที่ฆ่าตัวตาย เพราะว่าฉันเขี่ยอีเด็กนั่นออกจากกลุ่มแน่ๆ มันเลยกดดันจนต้องฆ่าตัวตาย "

“ แล้วมันจริงแบบนั้นรึเปล่าละ " ผมถาม " พี่เขี่ยเค้าออกจากกลุ่มจริงๆรึเปล่าละ แล้วจะกลัวอะไรในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง พี่พูดกับผมแบบนี้ตอนที่มีภาพหลุดผมกับหัวหน้า พี่บอกว่าไม่ต้องถามความจริงหรอก เดี๋ยวผมตอแหลพี่จะรับฟังมันไม่ได้ พี่บอกว่าความจริงเป็นไงภาพมันก็ฟ้องอยู่ อย่ามาทำตัวน่าสงสาร แล้วตอนนี้พี่จะให้ใครมารับฟังพี่เหรอครับ  เพราะเค้าคงคิดอย่างที่พี่คิดและพูดกับผมเมื่อตอนนั้นนั่นแหละ เค้าจะไม่ฟังพี่อธิบายเพราะคิดว่าพี่ตอแหล และความจริงเป็นไงเค้าก็รู้อยู่แล้ว รู้แบบไม่ต้องให้พี่มาบอก รู้แบบในฉบับของเค้า ฉบับที่พี่จะเดาไม่ออกเลยว่า มันเป็นยังไง " ทุกอย่างเงียบ ทุกคนที่หันมามองหน้าผมเหมือนกำลังคิดถึงในสิ่งที่ตัวเองกระทำ และ เคยพูดไว้

“ มันไม่มีใครอยากจะอยู่ใกล้คนที่ปัญหาแล้วคอยแต่จะมีคนจ้องนินทาหรอก ใครๆก็รักตัวเองกันทั้งนั้นแหละ ใครจะเสียสละแบบนั้นได้ "

“ ลิปก็ยังอยู่กับผม ในตอนที่มีแต่คนมองและคนนินทา มันไม่ใช่ข้ออ้างหรอก มันอยู่ที่ว่าพี่จะอยู่ข้างๆน้องมันมั้ย มันไม่ใช่ทุกคนหรอกที่เนย์ต้องการ คนที่เค้าต้องการคือเพื่อนของเค้า ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่พอเพื่อนเค้าไม่เอาเค้า นั่นแหละที่ทำให้เค้าคิดว่าเค้าไม่มีใคร "

“ ยังไงซะ ฉันก็ผิดสินะ ก็แล้วไงละ ฉันไม่อยากจะให้ใครมองฉัน ไม่อยากจะเป็นจุดสนใจ มันทำเรื่องแบบนั้นมีแต่คนมอง ฉันก็ต้องปกป้องตัวเองไว้ก่อนสิ  ฉันผิดยังไงละ ก็แค่เขี่ยมันออกไป มันหาเพื่อนใหม่ไปสิ ก็ใช่ว่าเราจะสนิทกันมากมายขนาดนั้น ก็ใช่ ฉันผิดอยู่ แต่มันไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ฉันผิด แล้วจะทำให้ฉันดูเป็นคนเลวไปทั้งหมดนี่ เรื่องดีๆฉันก็มีอยู่ ทำไมไม่จดจำกันบ้างละ เอามาหักล้างกันสิ ฉันก็มีดีมีเลวนะ มนุษย์ทั่วไปมันก็แบบนั้นนี่ "

“ ความดีถ้าไม่มากพอ มันไม่ถูกจดจำหรอก มันแทบไม่ถูกจดจำเลยด้วยซ้ำ มันไม่เหมือนความเลวที่คุณทำมันแค่ครั้งเดียวหรอก  ต่อให้ทำความดีสักสิบอย่าง แต่ทำชั่วแค่ครั้งเดียว สิบอย่างนั่นก็ไม่มีค่าแล้ว สังคมเรามันเป็นแบบนี้แหละเค้าจดจำแค่เรื่องเลวๆเท่านั้นแหละ เหมือนอย่างที่พี่นินทาผม ว่าร้ายผม ผมไม่ได้คิดหรอกว่าพี่เคยดีกับผมยังไง ผมจดจำได้แค่ว่า พี่เคยนินทา แล้วทำร้ายผมด้วยปากของพี่  มันก็เท่านั้นแหละ " หลายสายตาหันมามองผมที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งของตัวเอง ลิปที่นั่งข้างๆยกยิ้มก่อนจะหันมากระซิบผม

“ พูดได้ถูกใจ "

   การสืบสวน สอบสวนดำเนินไปเรื่อยๆจนถึงใกล้เวลาเลิกงาน ช่วงเวลาที่ไม่มีใครทำงานแต่ทุกอย่างกลับเงียบไปหมดทั้งแผนก มีเสียงคุยโทรศัพท์กันบ้าง เสียงพูดคุยกันบ้างแต่นั่นก็เบาจนแทบไม่ได้ยินอะไร

“ วันนี้ทุกคนกลับบ้านได้แล้วละ การสืบสวนสอบสวนเสร็จแล้ว "

“ แล้วสรุปว่ายังไงเหรอคะ " พนักงานคนนึงถาม

“ เป็นการฆ่าตัวตายด้วยตัวเองน่ะ " รองหัวหน้าบอกก่อนจะถอนหายใจออกมา " ส่วนเรื่องศพทางครอบครัวก็คงมาจัดการ  ฉันอยากจะให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนสำหรับทุกคนนะ อยากให้ทุกคนใส่ใจแล้วอย่าละเลยความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน อย่าแบ่งพรรคแบ่งพวก อย่าอคติกับความผิดพลาดให้มากนัก ส่วนยังไงวันนี้ก็กลับไปกันก่อนเถอะ " เธอบอกก่อนจะเดินออกไปคุยอะไรสักอย่างกับคุณตำรวจพร้อมกับฝ่ายบุคคล ผมหันมองหน้าลิปที่ก็ทยอยเก็บของทั้งหมดของตัวเองช้าๆ เราเดินลงลิฟต์ไป ทยอยเป็นกลุ่มจนมาถึงชั้นล่าง วันนี้เพราะว่ากลับก่อนคนก็เลยยังไม่พลุกพล่านเหมือนอย่างทุกที

“ เราไปกินอะไรกันหน่อยมั้ย ฟานจะมารับนายกี่โมง "

“ ไม่รู้เหมือนกัน ฉันยังไม่ได้นัดเค้าเลย เมื่อเช้าเราแทบไม่ได้คุยกัน ข้อความฉันส่งไปเค้าก็ไม่ตอบ " ผมบอกอีกคนก่อนจะยิ้มออกมาแห้งๆ เพราะไม่ได้นัดเเรื่องเวลาไม่รู้ว่าอีกคนจะมาหลังงาน หรือว่าจะมาหลังเลิกทำโอทีกันแน่ " แต่ว่าวันนี้เลิกงานก่อน เหลือเวลาตั้งชั่วโมง ไปหาอะไรกินกัน..”

“ คีย์ " ผมหันไปมองเสียงที่เรียกผมตอนที่เดินออกมา เบื้องหน้าเป็นร่างสูงคุ้นตาคนที่บอกว่าจะมารับกันแต่ยังไม่รู้เวลายืนหอบอยู่

    ใบหน้าเคร่งเครียดของเค้าคลายลงตอนที่เราสบสายตากัน ฟานก้มหน้านิ่งอยู่สักพักก่อนที่ขายาวๆนั่นจะเดินเข้ามาหาผมช้าๆ แล้วก็คว้าตัวผมดึงเข้าไปกอดไว้

“ ฟาน..”

“ โล่งอกไปที " เค้าพูดออกมาแค่นั้นในตอนที่กอดผมไว้แน่นเค้าก็พูดซ้ำ " โล่งอกไปที ไม่ใช่นาย ไม่ใช่จริงๆด้วย "
 
“ คิดว่าเป็นฉันเหรอที่กระโดดตึกลงมา " ผมถามแต่อีกคนก็เงียบ " ไม่ใช่ฉันหรอก รุ่นน้องในแผนกน่ะ โทษทีนะ คงทำให้นายตกใจ แต่นายน่าจะโทรมาสักหน่อย จะได้ไม่ต้องตกใจแบบนี้ "

“ ฉันไม่กล้าโทร " เค้าบอกผมก็เบิกตาสงสัย " ฉันกลัวไม่มีคนรับสาย กลัวว่าคนที่รับสายจะไม่ใช่เสียงนาย "

“ ฟาน "

“ ฉันอยากจะเห็นด้วยตาตัวเอง ก็เลยมารับนายก่อนเวลา เพราะนายสัญญาว่าจะอยู่รอฉัน  ให้ไปรับ.. แล้วฉันก็คิดว่านายคงไม่เหี้ยขนาดที่่โกหกฉันอีกครั้งหรอกมั้ง "

“ ไม่หรอก ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ฆ่าตัวตายหรอก "

“ งั้นก็สัญญามาสิ!! “เค้าดึงตัวเองมาเผชิญหน้ากับผมก่อนจะตะคอกใส่ผมเสียงดัง " สัญญากับฉัน สัญญามาเดี๋ยวนี้ ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น สัญญาออกมา สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้น จะไม่ฆ่าตัวตาย จะไม่หาทางออกแบบนั้น สัญญาสิ สัญญากับฉัน อยู่กับฉัน สัญญาสิ สัญญามา!! “

“ ฟาน คือ "

“ สัญญามา!! พูดมาสิวะ ว่าจะอยู่กับฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อยู่ เจ็บแค่ไหนก็ต้องอยู่ ต้องอยู่กับฉัน พูด!! พูดออกมาสิ อย่าไปไหนเลยนะ อย่าจากฉันไป ขอร้องละ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ อยู่กับฉันเถอะ “ คำพูดของอีกคนที่พูดออกมาเบาๆในประโยคสุดท้ายเค้าที่กอดผมไว้แน่น

“ อะ อื้ม.. สัญญา ฉันจะอยู่กับฟาน " เค้าถอนหายใจออกมาตอนที่ผมตอบตกลง มือที่จับไหล่ผมไว้แน่นนั่นอ่อนลงจนลดลงข้างตัว สายตาที่จ้องผม ฟานจ้องลึกลงไปข้างใน

“ แล้วอย่าผิดสัญญากับฉันละ "
.............................................................



ขอออกตัวสักนิด คือเราไม่เก่งกฏหมายนะคะ
แต่ที่เขียนในอ่าน คือ ไปสอบถามจากคนที่เรียนกฏหมายมาได้ความมาตามนี้ค่ะ
ผิดพลาดยังไงขออภัยล่วงหน้าด้วยนะคะ
เอาจริงๆ ตอนนี้เราเขียนเน้นออกไปในแนวของสังคมปัจจุบัน
ที่พอเกิดปัญหาอะไร ก็จะดราม่าพูดถึงบางคนก็ด่ากัน  คือบางทีคำพูดรุนแรง
จนเรารู้สึกเลยว่า คนที่โดนด่า แม่งจะทนอยู่ในสังคมได้ยังไงกันวะ
คือคนเรามันผิดกันได้ แต่ผิดนั้น ผิดแล้ว แก้ไข หรือยิ่งทำให้แย่ลงมากกว่า
การด่าด้วยถ้อยคำรุนแรง วิจารณ์ในสิ่งที่เราไม่รู้จริง บางทีส่งผลเสียเยอะมากๆ
เราชอบคำที่คีย์บอกว่า
" ความดีถ้าไม่มากพอ มันไม่ถูกจดจำหรอก มันแทบไม่ถูกจดจำเลยด้วยซ้ำ มันไม่เหมือนความเลวที่คุณทำมันแค่ครั้งเดียวหรอก  ต่อให้ทำความดีสักสิบอย่าง แต่ทำชั่วแค่ครั้งเดียว สิบอย่างนั่นก็ไม่มีค่าแล้ว สังคมเรามันเป็นแบบนี้แหละเค้าจดจำแค่เรื่องเลวๆเท่านั้น "

ทุกคนแหละ.. ทุกคนในเรื่องที่ก็เป็นแบบนั้น และสังคมเราก็เป็นแบบนั้น เช่นกัน

ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตและแชร์ในเฟสด้วยนะคะ ตอนนี้ดูสั้นๆ ยังไงเดี๋ยวเจอกันตอนหน้านะค่าาาา
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ค่า   :pig4:

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
อ่านไปอ่านมาแล้วกลัวใจคีย์ที่สุด เฮ้อออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ่jjay

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
สะใจที่คีย์พูดกับนังรุ่นพี่ในแผนกคนนั้น  :katai1:

สั้นไปนิด แต่กราฟเริ่มพุ่งขึ้นแล้ว  :hao5:

ออฟไลน์ tkaekaa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สงสารเนย์ เมื่อไหร่อิหัวหน้าจิชดใช้นี่

ออฟไลน์ tonnum18

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ถูกต้องเลยค่ะ  ว่าสังคมเราสมัยนี้ ตายเพราะคำพูดกันเป็นส่วนใหญ่

พนักงานออฟฟิสที่อื่นเป็นงัยไม่รู้  แต่ของเราแบบนี้เลย เป็นกลุ่มเป็นพวก

นินทาซึ้งกันและกัน  ใครทนอยู่ได้ก็ทนไป  ตีสองหน้ากันไป  แต่เราทนไม่ได้สิ้นปีนี้ก็ออก

แต่ว่าคีย์นี้ก็เก่งนะ  ทนอยู่ได้ เป็นเราอยู่ไม่ได้หรอก  ที่ออฟฟิสแห่งนี้แล้งน้ำใจกันเป็นส่วนใหญ่


ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
โหหหห พอฟานพูดคือเข้าใจเลย
ไม่โทรเพราะกลัวว่าจะไม่ได้เจคนที่"รัก" อีก 55555

แต่คีย์พูดดีจริงๆ
โครตความจิงเลย
ทำดีมาเปน ร้อย ทำผิดครั้งเดียว โดนด่าไม่เหลือ
แต่อีพี่คนนั้น ไม่ได้ทำผิดครั้งเดียวไง 5555

ดีที่คีย์มีเพื่อนดีๆแล้วลิป

และมีแฟนที่ปากแข็งแบบฟาน 55555

วิ่งมาเหนื่อยไม๊ เด๋วพี่เช็ดเหงื่อให้ อิอิ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
คำพูดคีย์ในตอนนี้คือดีจน(เกือบ)ลืมว่านางเคยเลวมาก่อน คือแบบดีมาก กินใจมาก

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
ชอบนิยายเรื่องนี้มาก  ทุกตัวละครมันมีชีวิตจริงไม่ต้องฝันเฝ้อถึงเจ้าชายแสนดี ตัวร้ายสุดเลว นางเอกน่าสงสาร

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
ร้องไห้อีกแล้ว หลายๆตอนมานี้ร้องตลอดเลย แต่เราชอบนะและครอบคุณที่ยังแต่งให้อ่านกันต่อไป ชอบนิยายนี้สุดๆเลย

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
สงสารเนย์ เมื่อถึงจุดที่มองไม่เห็นใคร
มันเป็นความจริงที่เราจะไม่คิดถึงคนสำคัญจริงๆ จะคิดถึงแค่เรื่องตรงหน้า เรื่องที่ทำให้เสียใจ

คนถูกกระทำก็เสียใจ เครียด แต่ตอนเป็นผู้กระทำก็สนุกปาก ไม่เกิดกับใครก็ไม่รู้ นั่นแหละความจริง

ฟานคีย์ ก็ยังคงบีบหัวใจ

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 60
' ความรู้สึกที่ลังเล '

   ช่วงหลังพักเที่ยงที่อากาศเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องดูหนัง ชวนให้น่านอนเป็นพิเศษ ผมหลับตาลงช้าๆกับหนังที่ดูไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ของเพื่อนที่ยืมกันมาจากห้องสมุดเพื่อเอามานั่งดูกันให้ห้องดูหนังเล็กๆของมหาลัย มันเป็นห้องดูหนังขนาดห้าคน ที่มีทีวีจอเล็กๆ แล้วก็เก้าอี้โซฟาอย่างดีให้นั่ง นักศึกษาส่วนใหญ่ก็ชอบเอาเวลาต่อคาบมานั่งดูหนังกันที่นี้เพราะมีหลายห้องมากกว่าตากแดดร้อนๆ อบๆ อยู่ตามศาลา หลายๆชั่วโมง

“ ฟาน..” เสียงเรียกที่ทำให้ผมบรือตาขึ้นเล็กน้อย มองคนข้างๆที่ก็ยิ้มให้ผมก่อนจะซบลงหนุนที่ไหล่ มือของเธอเอื้อมมาจับมือของผมไว้ ใบหน้าสวยเลื่อนเข้ามาใกล้ปลายจมูกรั้นหอมแก้มของผมก่อนที่เธอจะยิ้ม ' พลอย ' เป็นคนที่ผมควงอยู่ตอนนี้ เพื่อนคณะเดียวกันที่ครั้งนึงเธอเคยเสนอร่างกายให้ผม

“ มีอะไร " ผมเอ่ยถาม เธอก็ส่ายหน้าก่อนจะกอดผมแน่นขึ้น

“ เปล่านี่ แค่คิดว่าเราน่าจะไปหาอะไรทำสนุกๆ มากกว่าการมานั่งดูหนังแบบนี้นะ "

“ ยกตัวอย่างเช่นอะไรละ "

“ ไม่มีสิ่งที่นายอยากจะทำบ้างเหรอ มากกว่าที่ต้องนั่งเฉยๆแบบนี้เนี้ย " เธอบอก ในตอนนั้นกระโปรงสั้นที่เธอสวมอยู่ก็ถูกร่อนขึ้น ขาสวยขยับเล็กน้อย ก่อนจะไขว่ข้างโชว์เรียวขาต่อสายตาของผม

“ ก็คงมี "

“ อะไรละ "

“ ฉันอยากจะกลับห้อง " ผมบอกเธอ " ไปนอน "

“ งั้นไปมั้ย เดี๋ยวฉันไปนอนเป็นเพื่อน " ผมเหลือบมองเธอที่ก็ยิ้มเชิญชวน ก่อนจะหันกลับมาดูหนังที่ฉายอยู่แล้ว ผมหลับตาลงอีกครั้งแค่ไม่เข้าใจว่าทำไม ต้องเชิญชวนกันถึงขนาดนั้น ทำไมถึงต้องอยากจะทำเรื่องแบบนั้น

   หลายครั้งแล้วที่พลอยชวนผม แต่ความรู้สึกลึกๆ คือ ไม่อะ กูไม่ได้อยากจะมีอะไรกับมึงเลย ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้น แค่ตอบตกลงที่จะมีมึงจะมาเดินควงกันข้างๆ ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรที่เกินเลยแบบนั้น สำหรับเซ็กส์ไม่ใช่เรื่องสนุก ผมอยากจะมีมันกับคนที่อยากจะมีเท่านั้น

   ถอนหายใจออกมาหลับตาลงตอนที่ภาพของใครบางคนฉายชัดขึ้นมาในสมอง พอคิดถึงเรื่องอย่างว่าแล้ว ก็เอาแต่คิดถึงเค้า คิดถึงรูปร่างผอมบางของเค้า ผิวกายขาวละเอียดที่ชวนลูบไล้ไปทั้งตัว ริมฝีปากสวย ผิวแก้มหอมๆ ลมหายใจอุ่น หรือแม้แต่เสียงครางที่ผมเคยได้ยิน คิดถึงคนนั้นแล้วอยากจะให้เป็นเค้า แค่คนเดียวเท่านั้นมากกว่าใครๆ

“ ฟาน ว่าไง "

“ ไม่ไปอะ ขี้เกียจ " ผมบอกเธอเชิงหงุดหงิด อีกคนก็ถอนหายใจเซ็งๆออกมา

“ นี่ถามจริงๆเถอะ.. ทำไม "

“ ทำไมถึงอยากจะไปนอนกับฉันนัก ฉันไม่ได้เก่งเรื่องอย่างว่านะ เป็นคนที่ถ้าไม่ใช่คนที่อยากจะทำด้วย ก็ไม่ค่อยมีอารมณ์หรอก " ผมหันไปบอกตัดความสงสัยที่เธอกำลังจะเอ่ยถาม เหลือบมองพลอยที่ก็นิ่งไปก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวผมที่เธอกอดอยู่ช้าๆ ลมหายใจของเธอผ่อนออกก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นท่านั่งที่สุภาพขึ้นก่อนจะเอียงหน้ามองผม

" ถ้าฟานบอกว่าไม่ชอบ ฉันก็จะไม่ทำ เพราะฉันอยากจะเป็นคนที่นายชอบ " เธอว่าแบบนั้นก่อนจะยกมือขึ้นเท้าคางแล้วมองหน้าผม " นายยังลืมไอ้ผู้ชายหลอกลวงคนนั้นไม่ได้ใช่มั้ยละ คนที่นอกใจนายน่ะ แต่เอาจริงๆก็เข้าใจได้อยู่ก็นายรักเค้ามากนี่นะ จริงๆ ฉันแค่อยากจะทำให้นายลืมเค้าไปเร็วๆมันก็เท่านั้น ก็ช่วงนี้นายเอาแต่หน้านิ่วคิ้วขมวดแล้วเครียดอยู่ตลอด ไม่เหมือนฟานคนเก่าที่ฉันเคยรู้จักเลย "

" แล้วฉันที่เธอรู้จักมันเป็นยังไง "

" เป็นคนที่ดูเท่ห์กว่านี้ ไม่เครียด นิสัยดี สุภาพบุรุษ เดี๋ยวนี่นายเอาแต่ตะหวาด แถมยังขี้หงุดหงิดอีก บางทีอยู่ดีๆก็อารมณ์เสียขึ้นมาเฉยๆ เดาอารมณ์ไม่ออกเลยสักนิด"

" ฉันไม่ได้อยากจะเป็นอย่างงั้นแต่บางทีมันก็.."

" เพราะนายยังลืมเค้าไม่ได้ แล้วพอคิดถึงหน้าเค้ามันก็ชวนให้หงุดหงิด ฉันไม่รู้เรื่องของนายกับเค้าหรอกนะ แล้วฉันก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าเรื่องของนายกับเค้ามันจะเป็นยังไง ฉันคิดแค่ว่าตอนนี้นายให้โอกาสฉันมาอยู่ใกล้ๆ ถ้าฉันทำดี ถูกใจ ฉันอาจจะได้เลื่อนขั้นมาเป็นตัวจริงของนายก็ได้ " ผมหลุดหัวเราะออกมาตอนที่เธอพูดแบบนั้น

" ไม่ได้คิดถึงผลเสียเลยนะเธอเนี้ย ถ้าฉันไม่เลือกเธอเพราะเธอง่ายแล้วไปเลือกคนอื่นละ แบบนั้นมันไม่เจ็บใจรึไง ทั้งๆที่อุตส่าห์พยายามมาตลอดแท้ๆ "

" ก็คงเจ็บใจ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่เหรอ นายพูดเหมือนว่าถ้าฉันอยู่เฉยๆ ไม่เสนอตัวเข้ามาดามอกนาย นายจะเข้ามาจีบฉันเองอย่างงั้นเหละ " เธอหลุดหัวเราะ ผมก็นิ่ง " นี่ฟาน ฉันนะไม่ได้ซีเรียสเรื่องเซ็กส์อะไรหรอก สำหรับฉันคนเราถ้าพอใจจะมีอะไรกัน ก็แค่มีแต่ก็ต้องป้องกันมันก็เท่านั้น สมัยนี้นายก็รู้ว่ามันเป็นแบบนั้น "

“ อย่าลดคุณค่าของตัวเองเพื่อฉันเลย ฉันไม่ได้จริงจังกับเธอ เธอก็รู้ " เอื้อมมือไปลูบหัวเธอ อีกคนก็ยิ้มก่อนจะเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากสวยแนบจูบลงมาที่ริมฝีปากของผม แววตาที่ช้อนขึ้นมามองกัน

“ สำหรับนายไม่เป็นไรหรอก อย่าบ่นได้มั้ยละนี่มันสมัยไหนแล้ว " เธอเว้นเสียงไปก่อนจะถอนหายใจออกมา " คิดว่าเห็นใจฉันหน่อยก็แล้วกัน ฉันก็แค่อยากอยู่ใกล้ฟานคนที่ฉันชอบมากๆ แต่ไม่เคยหันมามองฉันเลยมันก็เท่านั้นเอง ตามใจฉันหน่อยเถอะน่า  นายไม่ได้เสียหายสักหน่อย ซีเรียสอะไร "

" แล้วมันไม่ดีกว่ารึไง ที่เธอจะไปให้อะไรแบบนี้กับคนที่ชอบเธอ ที่เค้าจริงจังแล้วทุ่มเทให้เธอ "

" คนที่เราชอบ ยังไงก็คือคนที่เราชอบมันเอาใครคนอื่นมาทดแทนไม่ได้หรอกต่อให้เค้าดีกับเรายังไงก็เถอะ ยังไงซะเราก็ชอบคนที่เราชอบอยู่ดี แม้จะไม่ได้มันมาเป็นของตัวเอง แต่ถ้ามีโอกาสได้ลองใครๆก็ต้องคว้ามันไว้ทั้งนั้น ก็เค้าเป็นคนที่ชอบนี่ "

" อย่างงั้นสิ ถ้าอธิบายออกมาแบบนั้น ฉันก็เข้าใจแหละ เข้าใจมันดีซะด้วย " เพราะฉันเองก็เคยรู้สึกแบบนั้น รู้สึกว่าไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ทุ่มเทให้คนที่รักแค่ไหน สุดท้ายเค้าก็สนใจคนที่เค้าชอบ สุดท้ายก็ยังนอกใจแล้วไปคบกับคนที่ชอบมาตลอดอยู่ดี

“ เพราะคนที่นายรักเค้าก็กลับไปหาคนที่เค้าชอบมาตลอดสินะ "  ผมก้มลงจูบริมฝีปากของเธอตอนที่พูดประโยคนั้นออกมา

   ไม่อยากจะได้ยินอะไรแบบนั้น เรื่องของคนรักกันที่ทำร้ายใจผม คนที่เคยยิ้มให้ คนที่เคยทุ่มเทให้ คนที่คิดว่าจะไม่ทำร้ายกัน ไม่เหมือนกับครอบครัวที่เคยทำร้าย คนที่เคยคิดว่าถ้าพยายามและทุ่มเท ก็คงจะทำให้รักกันไปตลอด แต่ความจริงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ ไม่ว่าทุ่มเทแค่ไหนก็ได้แค่นั้น ไม่ชอบยังไงก็คือไม่ชอบ แต่ถึงอย่างงั้นทั้งๆที่น่าจะผลักออกไปไกลๆ แต่ใจของผมที่รักไปแล้วก็เอาแต่คิดว่า ' อยากจะให้อยู่ใกล้ๆ แม้ว่าจะทำให้ทั้งเค้าและผมเจ็บปวด ก็อยากจะให้เค้าอยู่ ไม่อยากจะให้จากไปไหน ไม่อยากจะให้อะไรพรากเค้าไป เพราะรู้สึกไม่แฟร์เลยที่ต้องเป็นฝ่ายเดียวที่เอาแต่เจ็บปวดอยู่แบบนี้ อยากจะให้อีกฝ่ายเจ็บปวดบ้าง ทั้งเจ็บและรักแบบที่ผมกำลังเป็นอยู่ '

    จูบที่ดำเนินไป ผมเอื้อมมือไปจับต้นคอของเธอไว้ สอดลิ้นเข้าไปในปากที่เผยอขึ้นน้อยๆเพื่อตอบรับจูบดูดดื่มของผม ความรู้สึกอุ่นและเหนียวกอดเกี่ยวกันในโพรงปาก ความรู้สึกที่ไม่ได้ลึกอะไรซึ้งในใจ ก่อนจะถูกผละออกในตอนที่มีเสียงเรียกชื่อผมจากโซฟาด้านหน้าสุด

“ ไอ้ฟาน "

“ อะไร " ผมหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า ไอ้ทามหันหน้ามาพร้อมกับยื่นมือถือให้ดู

“ มึง อ่านข่าวอะไรนี่ดิ "

“ ข่าวอะไร " มือที่ยื่นออกไปรับเอาโทรศัพท์ออกมาดู แต่ยังไม่ทันอ่านไอ้ชินก็พูดขึ้นมา

“ ข่าวคนกระโดดตึกตาย มึงอ่านดิ อยู่ใกล้ๆที่ทำงานของคุณคีย์รึเปล่า มีคนถ่ายภาพศพส่งมาด้วยโคตรน่ากลัว เหมือนจะเละๆ ตึกนั่นมันสูงแค่ไหนวะ " มองโทรศัพท์มือถือที่ฉายหน้าจอสว่างอยู่ในมือ ผมรู้สึกแปลกๆเหมือนใจมันไม่กล้าแม้จะอ่านรายละเอียดอะไรพวกนั้นหรือมองภาพอะไร

   ทั้งๆมันเป็นข้อความสั้นๆ กับภาพที่เหมือนเป็นไวรัสส่งต่อๆกันมาด้วยการแชร์ผ่านโลกออนไลน์ ศพที่ดูไม่น่ามองแทบมองไม่ออกว่าใคร ผมเลื่อนอ่านรายละเอียด อ่านมันอยู่แบบนั้นซ้ำๆ เหมือนไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่อ่านเท่าไหร่ สำหรับชื่อของบริษัทออกแบบยักษ์ใหญ่และชื่อตึกที่เจ้าของร่างนั้นกระโดดลงมา ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นชื่อที่ผมคุ้นเคย ตึกที่เมื่อเช้าเพิ่งไปส่งใครคนนั้น

“ ไอ้ฟานมึง..ทำไมเงียบไปวะ มีอะไรรึเปล่า " ไอ้ทามเอ่ยถาม

“ ตึกนี้ ตึกที่ทำงานของคีย์ " ผมพูดเสียงเบาๆในใจของผมมันหวิวแปลกๆตอนที่ลุกขึ้นจากที่นั่งมองเพื่อนที่ยังคงนิ่งมองดูผมด้วยความสงสัยในท่าทาง ที่หันซ้ายดูขวาเหมือนคนเลิกลั่ก ขาที่เดินชนนู้นชนนี่ตอนที่จะออกไปจากห้อง ไอ้ทามลุกมาคว้าตัวไว้ก่อนจะถามเรียกสติ

“ แล้วนี่มึงจะไปไหน "

“ กูจะไปหาคีย์ วันนี้เค้าสัญญากับกูไว้ว่าเค้าจะให้กูไปรับ ให้กูไปรับเค้ากลับบ้าน "

“ แต่นี่มันยังไม่ใช่เวลาเลิกงาน " ทามบอก ผมก็มองหน้ามัน

“ เค้าบอกกับกูว่า เค้าเคยคิด ที่ฆ่าตัวตาย " เสียงสั่นๆของผมพูดออกไป " แต่เค้าก็บอกกูนะว่าเค้าจะไม่ทำ ถ้า..”

“ ถ้าอะไร "

“ กูจะไปหาเค้า กูจะไปดูให้เห็นกับตากู ต้องไม่ใช่ ต้องไม่ใช่เค้า ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่ๆ " เดินถอยหลังไปจนถึงประตู ผมเปิดประตูห้องก่อนจะวิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยังไงก็ต้องได้เห็นกับตา ได้รู้ ว่าคนคนนั้นที่กระโดดตึกฆ่าตัวตายนั้นเป็นใคร จะใช่เค้ามั้ย เค้าที่มองผมด้วยสายตาเฉยชาตอนที่พูดเรื่องฆ่าตัวตายออกมาได้แบบไม่รู้สึกอะไร สีหน้าเรียบนิ่งราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เค้าก็อยากจะทำมันเหมือนกัน

   แววตาที่เหมือนกำลังคิดถึงเรื่องพวกนั้นอยู่ตลอด เค้าทำแน่ผมรู้..ถ้ามีเหตุผลอะไรสักอย่างที่ทำให้ใช้ชีวิตไม่ไหว เค้าคงทำแน่ๆ คงตัดสินใจจบชีวิตลง ชีวิตที่ผมอยากจะให้อยู่แต่เค้ากลับไม่อยากจะอยู่แล้ว

   เรียกแท็กซี่ให้มาส่งที่หน้าตึกทำงานของเค้าด้วยความรวดเร็ว ผู้คนที่กำลังมุงดูตรงที่เกิดเหตุ ตำรวจมากมายกำลังเคลียร์สถานการณ์ มีสายรัดห้ามไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ ผมเดินเข้าไปใกล้ แทรกผู้คนที่ยืนมุงดูกันอยู่มากมาย ศพมีการเคลื่อนย้ายไปแล้ว หลงเหลือแค่เลือดที่กระจายเป็นบริเวณกว้าง ผู้คนแถวนั้นพูดขึ้นเหมือนบอกเล่าสถานการณ์ที่ก็คงฟังปากต่อปาก

“ ศพเหมือนจะเละๆมากแบบดูไม่ออกว่าใครเลยนะ "

“ แต่ตึกสูงขนาดนี้จะไม่เละได้ยังไงละ เห็นว่าเป็นคนของแผนกออกแบบผลิตภัณฑ์ "  เสียงที่ทำให้ทุกอย่างนิ่งไปถนัดตา ผมกลืนน้ำลายของตัวเองกับใจที่กำลังเต้นระส่ำ ขาของผมชามันเหมือนทุกอย่างไร้ความรู้สึกใด

“ เครียดเรื่องงานเหรอ "

“ เปล่าหรอก เห็นว่าคนที่กระโดดเป็นเมียน้อยของหัวหน้าแผนกออกแบบที่โดนไล่ออกไปวันก่อน กระโดดเพราะทนเสียงนินทาของคนในแผนกที่บอกว่าเค้าเป็นเมียน้อยไม่ไหวอะ "

“ อย่างงั้นเหรอ น่าสงสารจังเลยนะ ต้องมาตายเพราะปากคน "

“ แล้วรู้เปล่าครับ ว่าคนที่เสียชีวิต ชื่ออะไร " ผมเอ่ยถามคนตรงหน้าออกไป เธอสองคนที่กำลังยืนพูดคุยกันอยู่ก็หันมามองผมด้วยความสงสัยที่อยู่ๆก็ถามขึ้น เธอสองคนส่ายหน้าไปมา

“ ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ รู้แค่ว่าเป็นคนของแผนกออกแบบ " ผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่ได้ยินอย่างงั้น ผมเดินเข้าไปใกล้พื้นที่อีกเล็กน้อย มองดูคราบเลือด ก็ได้แต่ภาวนาในใจตัวเอง ผมยืนนิ่งอยู่แบบนั้นไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ยืนนิ่งแม้ว่าสภาพแวดล้อมจะวุ่นวายแค่ไหนก็ตาม ทุกอย่างรอบตัวผมเหมือนหยุดหมุน ในใจที่คิดแค่ว่าต้องไม่ใช่ ต้องไม่ใช่แน่ๆ ราวกับว่าถ้าสะกดได้ก็อยากจะเปลี่ยนคนที่ตายไปได้ให้ฟื้นคืนมาถ้ามันเป็นเค้าแล้วละก็

   อยากจะให้กลับมาให้ผมเห็นหน้าก่อน ให้ผมบอกว่า อย่าไป อย่าทำแบบนั้น อย่าทิ้งกันไป เพราะถึงจะเกลียดแค่ไหนก็อยากจะให้มีชีวิตอยู่ อยู่เพื่อเจ็บปวดไปพร้อมๆกับผม

“ ไอ้น้อง  น้องมายืนตรงนี้นานแล้วนะ เป็นอะไรรึเปล่า " ตำรวจที่ยืนอยู่ใกล้ๆหันมาถาม คงเพราะเห็นว่ายืนนิ่งอยู่นานแล้ว " เกี่ยวข้องกับผู้ตายรึไง "

“ ไม่หรอกครับ ผมแค่อยากรู้เฉยๆว่าเป็นใครนะ "

“ อ้อ เค้าชื่อ.. " ตำรวจคนนั้นบอกก่อนจะก้มลงอ่านเอกสารที่ถืออยู่ในมือ ปากที่กำลังจะเอ่ยบอกแต่อยู่ๆ ผมก็ตะโกนออกไป

“ ไม่ต้องบอกหรอกครับ! “ ผมเว้นเสียงไปก่อนจะถอนหายใจออกมา กับหัวใจเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะ " คือ ผม..ผมไม่อยากจะรู้แล้ว "

“ อ้าว ตกลงว่าอยากรู้ หรือไม่อยากรู้ "

“ ไม่อยากรู้แล้วครับ ขอโทษที " ก้มหน้าลงให้เจ้าหน้าที่ก่อนจะถอยหลังเดินออกจากบริเวณนั้น ผมพาตัวเองมายืนมองทุกอย่างจากที่ไกลๆก้มหน้าลงผมคว้ามือถือออกจากกระเป๋า 

   ข้อความสุดท้ายที่ได้รับจากเค้า คือข้อความก่อนที่จะเกิดเหตุเค้าส่งมาว่าให้ผมกินข้าว ตอนนั้นไม่ได้สนใจจะตอบกลับอะไร แต่ตอนนี้ถ้าย้อนกลับไปก็อยากจะตอบกลับมันสักหน่อย ผมกินข้าวแล้วนะ อย่าลืมกินข้าวละกัน ข้าวนะไม่ใช่แซนวิชเหมือนทุกที ถ้าแบบนั้นเราอาจจะได้คุยกันยาวกว่านี้ ผมอาจจะมีหลักฐานว่าอาจจะไม่ใช่เค้า เพราะเค้าก็กำลังคุยไลน์กับผมอยู่ แต่ตอนนี้มันไม่มีหลักฐานอะไร มีแค่คำสัญญา สัญญาว่าจะไม่ทำ แต่ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เค้าทนไม่ไหวเค้าจะไม่ทำ.. เพราะมันมีคำว่า แต่.. ถ้าไม่มีคำนั้นก็ดี ถ้าไม่มีคำพูดนั้นผมคงมั่นใจกว่านี้ ว่าคงไม่ใช่เค้า คงไม่หลอกกันอีกครั้งหรอกมั้ง คงไม่ทำให้เสียใจอีกครั้งใช่มั้ย

“ เราไปกินอะไรกันหน่อยมั้ย ฟานจะมารับนายกี่โมง " เสียงคุ้นที่ดังขึ้น ทำให้ผมที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมอง หัวใจที่ถูกบีบรัดคายออกจนเหมือนเลือดที่หยุดไหลนั้นแล่นไปทั่วร่าง ทุกอย่างเหมือนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง คนตรงหน้าที่เดินคุยกับเพื่อนออกมา เค้ายังคงอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ ผมไม่ได้ตาฟาด ไม่ได้เห็นภาพหลอน นั่นคือเค้า

“ คีย์ " เอ่ยเรียกเค้าออกไป ผมที่เดินเข้าไปใกล้ใบหน้าที่กำลังเคร่งเครียดของผมคลายออกมาจนเกือบจะยิ้มกว้าง ผมบรรยายความรู้สึกของตัวเองไม่ออก รู้แค่ตอนนั้น ขาของผมมันก้าวยาวๆเข้าไปหาเค้า สบสายตาที่มองผมมาแบบงงๆ ผมดึงเค้าเข้ามากอดไว้

“ ฟาน..”

“ โล่งอกไปที " ผมพูดบอกเค้า " โล่งอกไปที ไม่ใช่นาย ไม่ใช่จริงๆด้วย " เค้ายังอยู่ ยังอยู่ในอ้อมกอดของผม ยังไม่ไปไหน ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆด้วย

“ คิดว่าเป็นฉันเหรอที่กระโดดตึกลงมา " เค้าถามแต่ผมก็ไม่ตอบ ในใจตอนนี้มันดีใจจนเกินกว่าจะตอบได้ ทั้งดีใจทั้งโกรธ ดีใจที่ไม่ใช่เค้า แต่ก็โกรธที่ทำให้เป็นห่วงกันเพราะคำพูดของเค้าก่อนหน้านี้ " ไม่ใช่ฉันหรอก รุ่นน้องในแผนกน่ะ โทษทีนะ คงทำให้นายตกใจ แต่นายน่าจะโทรมาสักหน่อย จะได้ไม่ต้องตกใจแบบนี้ "

“ ฉันไม่กล้าโทร  ฉันกลัวไม่มีคนรับสาย กลัวว่าคนที่รับสายจะไม่ใช่เสียงนาย "

“ ฟาน "

“ ฉันอยากจะเห็นด้วยตาตัวเอง ก็เลยมารับนายก่อนเวลา เพราะนายสัญญาว่าจะอยู่รอฉัน  ฉันให้มารับ.. แล้วฉันก็คิดว่านายคงไม่เหี้ยขนาดที่่โกหกฉันอีกครั้งหรอกมั้ง "

“ ไม่หรอก ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันจะไม่ฆ่าตัวตายหรอก " รอยยิ้มหวานๆของเค้าเอียงหน้าบอกผมเหมือนกำลังขอโทษกัน แววตาที่กำลังปลอบผมดูใจดีแต่นั่นก็ไม่จริงหรอก เมื่อถึงเวลาที่จะทำ แค่เสี้ยววินาทีนั้น ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ ผมไม่อยากจะเชื่ออะไรเค้าอีกแล้ว ไม่อยากจะได้ยินคำว่า ฉันจะไม่ฆ่าตัวตายหรอก ถ้า.. ผมไม่อยากให้มันมีคำว่าถ้า อยากจะให้แค่สัญญา สัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่ฆ่าตัวตาย เค้าที่สัญญาว่าจะอยู่ จะอยู่ด้วยกันกับผม อยากจะให้เค้าพูดแค่นั้น

“ งั้นก็สัญญามาสิ!! “ผมดึงเค้าเข้ามาหาก่อนจะตะคอกใส่เสียงดัง " สัญญากับฉัน สัญญามาเดี๋ยวนี้ ไม่มีข้อแม้อะไรทั้งนั้น สัญญาออกมา สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้น จะไม่ฆ่าตัวตาย จะไม่หาทางออกแบบนั้น สัญญาสิ สัญญากับฉัน สัญญาสิ สัญญามา!!!”

“ ฟาน คือ "

“ สัญญามา!! พูดมาสิวะ ว่าจะอยู่กับฉันจะไม่ฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อยู่ เจ็บแค่ไหนก็ต้องอยู่ ต้องอยู่กับฉัน พูด!! พูดออกมาสิ อย่าไปไหนเลยนะ อย่าจากฉันไป ขอร้องละ อย่าทำแบบนั้นเลยนะ อยู่กับฉันเถอะ “ ถึงใครจะบอกว่าบีบบังคับแต่ก็อยากจะให้ทำ ถึงจะดูเห็นแก่ตัวที่เรียกร้องแค่ความสบายใจของตัวเองก็อยากจะให้เค้าทำ เพราะอยากจะให้อยู่จริงๆ อยากจะให้อยู่กับผม อยู่ใกล้ๆ ไม่อยากให้จากไปไหนทั้งนั้น

“ อะ อื้ม.. สัญญา ฉันจะอยู่กับฟาน " ผมถอนหายใจออกมาตอนที่เค้าตอบตกลง ลดมือที่จับเค้าอยู่นั่นลง ก่อนจะจ้องลงไปในแววตาแล้วย้ำกับเค้าออกไปอีกครั้ง

“ แล้วอย่าผิดสัญญากับฉันละ " ใบหน้าหวานพยักหน้าลงน้อยๆ ยืนนิ่งอยู่แบบนั้นสักพักคุณลิปก็พูดออกมา

“ เอ่อ..ฉันว่าพวกนายกลับบ้านกันมั้ย ดูสิ รอบข้างมีแต่คนมองมา ไอ้ฟานเล่นตะโกนซะดังเรื่องห้ามให้นายตาย คนแถวนี้เค้าจะคิดไงเพิ่งมีคนกระโดดตึกมาสดๆร้อนๆแท้ๆ "

“ ขอโทษทีนะ " คีย์บอกเพื่อนตัวเองที่ก็ยิ้มแห้งๆ

“ ฉันกลับดีกว่านายกลับ กับหมอนี่เถอะ ไว้พรุ่งนี้เจอกัน "

“ เอางั้นเหรอ ไหนบอกจะไปกินข้าวด้วยกันก่อนไง "

“ กินข้าวกับนายอะ พอโอเคนะ แต่ไปกินข้าวกับคนบางคนเหมือนจะไม่ค่อยคุ้มแคลลอรี่เท่าไหร่วะ ฉันไปหาแฟนฉันดีกว่า ยังไงเจอกันพรุ่งนี้ละกัน "

“ งั้นเจอกันนะ " เค้ายกมือขึ้นลาเพื่อนที่ก็เดินออกไป ก่อนจะหันมามองหน้าผมที่ก็ก้มมองเค้าอยู่ " งั้นเราก็กลับบ้านกันเถอะ "

“ อื้ม " พยักหน้ารับสั้นๆผมเดินนำอีกคนออกไปเค้าก็เดินตามมา

   เราเดินขึ้นรถไฟขบวนก่อนหน้าเวลาเลิกงานที่ค่อนข้างว่าง หย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ตัวติดกันแต่กลับไม่พูดคุยอะไรกันทั้งนั้น  ความอึดอัดที่เหมือนคลุมตัวเราทั้งคู่ไว้ หวนคิดถึงคำพูดของไอ้ทามตอนที่ถามผมเกี่ยวกับเรื่องของคนข้างกายว่าจะเอายังไงต่อหลังจากนี้ หลังจากที่มันรู้แล้วว่าผมกลับไปอยู่ที่เดิม ที่ที่เคยคิดว่าจะไม่กลับไปอีก

“ กูไม่รู้ " ผมตอบมันออกไปแบบนั้น อีกคนก็ยกยิ้ม

“ เอาจริงๆ ถ้าเค้าจะตายมึงก็ไม่น่าจะไปเป็นห่วง มันก็สมควรตายแล้วไม่ใช่เหรอไง ตายไปจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับมึงอีก หมดบ่วงเวร บ่วงกรรม หนำซ้ำถ้าโดนไอ้หัวหน้านั่นจับไปข่มขืนหรือทำอะไรสักอย่าง เค้าก็คงไม่กล้ามายุ่งกับมึงอีก นั่นก็ดีแล้ว  มึงอยากจะให้เป็นแบบนั้นไม่ใช่รึไง กูว่าการที่มึงไปช่วยมันเหมือนมึงยังมีเยื้อใย ปล่อยเค้าไปเถอะอะไรจะเกิดขึ้นกับเค้าก็ช่างหัวเค้า จะตายจะอยู่มันไม่เกี่ยวอะไรกับมึงนี่ " ผมเงียบตอนที่มันพูดออกมาแบบนั้นเหมือนกำลังประชดกัน ประชดในสิ่งที่ผมเคยทำและเคยพูดไว้  " แบบนี้เค้าเรียก ไม่แน่จริงอย่างที่พูดไว้นี่หว่า ไหนบอกจะไม่ยุ่งกับเค้าอีก นี่เหี้ยอะไร อยู่ๆก็กลัวเค้าตายขึ้นมา อยู่ๆก็ไปรั้งคนที่เกลียดจนอยากจะให้ตาย ให้มาอยู่ด้วย " ผมถอนหายใจออกมากับคำพูดของมัน ลดบุหรี่ที่กำลังสูบลงอีกคนก็หัวเราะ " มึงยังรักเค้าอยู่นี่หว่า กลับไปดีกับเค้าสิ ไปง้อ ไปขอโทษ ถ้าเป็นห่วงเค้าขนาดนั้นละก็ "

“ มันไม่ใช่ความรู้สึกนั้น "

“ แล้วมันเป็นความรู้สึกยังไง "

“ กูก็ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร กูไม่ได้รู้สึกกับมันเหมือนเมื่อก่อน ไม่ได้รักมาก แล้วรู้สึกว่าต้องดูแลมาก ไม่ได้อยากจะทุ่มเท ไม่ได้ห่วง ไม่หวง ไม่ได้รู้สึกดีอะไร แต่สิ่งที่กูรู้สึก กูรู้สึกแค่ว่าถ้ามันตายไปกูต้องเสียใจแน่ๆ เหมือนคนที่เคยรู้จักกัน เคยเห็นหน้ากัน เคยรู้สึกดีๆต่อกัน ตายจากไป มันรู้สึกแบบนั้น กูรู้สึกแย่ที่ทำให้มันรู้สึกกลัวคนรอบข้างเพราะเรื่องที่กูทำระยำกับมัน เสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เป็นความรู้สึกผิดบาปของมนุษย์คนนึง แต่บางทีกูก็รู้สึกว่าทำไมมันไม่เจ็บแบบที่กูเจ็บบ้างวะ ทั้งที่กูตอนนี้ก็ยังรู้สึกไม่อยากจะคบใครใหม่ เพราะกลัวว่าเค้าจะมาหลอกเหมือนที่มันทำกับกู อย่างเรื่องหัวหน้าของมันที่เข้ามายุ่งกับมันกูก็รู้สึกว่า มันมากไปเพราะไอ้เหี้ยนั่นน่ะ กำลังคิดจะทำร้ายคนคนนึงให้ตายทั้งเป็น "

“ มึงก็เลยไปช่วยเค้าไว้ ตามประสาคนดี "

“ อื้ม ไม่รู้วะ กูก็ไม่รู้ว่ากูสึกยังไง แต่ที่รู้คือกูไม่รักมันอย่างที่เคยรักหรอก บางทีนึกเกลียด นึกเหม็นขี้หน้าขึ้นมา ไม่อยากจะสนใจปล่อยให้มันตายไปดีมั้ย แต่กูก็คิดนั่นแหละว่า การตายแม่งก็คือการพ้นทุกข์ดีๆนี่เอง แล้วแบบนั้น ทำไมกูต้องทำให้มันพ้นทุกข์ด้วยวะ ทั้งๆที่กูยังทุกข์อยู่ตั้งขนาดนี้ มันต้องทุกข์ไปพร้อมๆกูสิ "

“ มึงดูสับสนนะ แต่ฟาน คนเราอะ ถ้าไม่รู้สึกอะไร มึงไม่เข้าไปช่วยเค้าหรอก นี่มึงเองก็เหมือนกลับไปอยู่กับเค้าเหมือนเดิมแล้ว ถ้ามึงเกลียดเค้าอย่างที่มึงพูดจริงๆ มึงจะทนอยู่กับคนที่มึงเกลียด ทั้งๆที่บอกว่าอยากจะให้ตายไปด้วยซ้ำในบางทีได้เหรอวะ " ทามถอนหายใจออกมา ก่อนจะจ้องหน้าผม " มึงกำลังเป็นห่วงเค้ามาก มึงรู้ตัวมั้ย ห่วงว่าเค้าจะมีอันตราย ห่วงว่าเค้าจะจากไป ห่วงว่ามึงจะไม่ได้เจอกับเค้าอีก ห่วงความรู้สึกของเค้า มึงห่วงเค้าทุกอย่าง แต่เพราะเค้าเคยนอกใจมึงเองก็รู้สึกดง่มากที่ยังรักคนแบบนั้น มึงก็เลยปากแข็งบอกว่าไม่รู้สึกอะไร " ผมเงียบไป ไม่ตอบอะไร เบือนหน้าหนีกับความรู้สึกที่เพื่อนพูดได้ตรงใจ " ถ้ามึงเข้าไปอยู่ใกล้เค้า ต้องกลับไปรักเค้าแน่ๆ เชื่อกูสิ แต่มันไม่แปลกหรอกมั้ง ก็มึงรักเค้าอยู่ตลอด อยู่แล้วนี่ "

“ ไม่แฟร์เลยมึงว่ามั้ย ทั้งๆที่มันทำให้กูเสียใจขนาดนั้น ทั้งๆที่มันสวมเขาให้กู ทั้งๆที่มันหลอกกู แต่กูยังห่วงมันเหรอวะ "  ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มหน้าลง มองดูมวนบุหรี่ในมือที่ไฟค่อยๆกัดกินมันไปเรื่อยๆ " กูอยากจะให้มันเจ็บบ้าง แต่บางทีกูก็อยากจะหยุด อยากจะขอโทษ อยากจะกอดเค้าไว้แล้วบอกว่าไม่เป็นไร ต่อไปนี้จะมีกูดูแลอยู่ ไม่ต้องห่วง "

“ ไอ้ฟาน.. "

“ กูไม่รู้ว่ากูรู้สึกอะไรวะ กูไม่รู้ ไม่รู้เลยจริงๆ " ผมส่ายหน้าไปมาบุหรี่ที่หล่นลงพื้นผมเหยียบมันด้วยเท้าขยี้แรงๆ " กูทรมานมากเลยมึงรู้มั้ย ตอนที่เห็นเค้ากรีดร้องด้วยความกลัวแบบสุดขีดทั้งๆที่มันไม่มีอะไร หัวใจของกูเหมือนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เป็นความรู้สึกชาไปหมด จนบางทีก็อยากจะร้องไห้ หรือไม่ก็ทำร้ายตัวเองให้ตายไปแบบทรมาน ให้สาสมกับที่ทำกับเค้าไว้ กูมันเลว ชาติชั่ว ระยำ กูทำได้แม้ประทั่งคนที่กูรัก เพียงเพราะว่า กูเจ็บที่เค้าทำร้ายกู นอกใจกู "

“ มึงรู้สึกกับเค้าขนาดนี้ กูว่ามึงหยุดเถอะ ความรู้สึกที่ต้องให้เค้าเจ็บปวดอย่างที่มึงเจ็บ ด้วยการนอกใจหรืออะไรก็ตาม เค้าเจ้บปวดกว่ามึงอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ มึงเองก็รู้ดีนี่ แล้วยังคิดจะทำอะไรอีกเหรอ "

“ กูบอกว่ากูไม่รู้ กูก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน กูไม่ได้บอกว่า จะนอกใจมัน ตอนนี้กูแค่ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจัดการกับความรุ้สึกของตัวเองยังไง มึงเข้าใจมั้ย รักก็รัก โกรธก็โกรธ กูแม่งเจ็บไปหมดทั้งใจแล้ว "

“ ใจเย็นๆเว้ย " ไอ้ทามตบไหล่ผม มันที่ถอนหายใจออกมา " กูไม่รู้จะบอกมึงยังไง ไม่รู้ว่ามึงต้องไปทางไหน แต่ที่กูรู้สึกคือมึงควร ทำ อย่างที่ใจมึงอยากจะทำ ไม่ต้องคิดว่า ดูโง่ที่ต้องอ่อนลงให้คนที่เคยหักหลังหรือว่าอะไร คิดแค่ว่ามึงรู้สึกยังไงกับเค้า แล้วต้องการที่จะทำอะไรให้เค้าเท่านั้นก็พอ " ผมเงียบก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่ยักคิ้วให้ " คนเรามันผิดพลาดกันได้ แต่เราจะยอมรับรึเปล่าว่าเราผิด แล้วยอมแก้ไขในสิ่งที่เราผิดรึเปล่า มันก็เท่านั้น ฐิถิไม่ได้ช่วยอะไรดีขึ้น มันมีแต่แย่ลง มึงเองก็คงรู้ดี " 


.....................................................
ก่อนอื่น "  Merry Christmas " ค่าาาาาาา  :L2:
ก็ยังรู้สึกว่า สั้นอยู่ดี แต่ความรู้สึกมันดันจบลงแล้วในจุดนี้  :ling1:
แต่นิยายเรื่องนี้จะจบที่ 70 ตอนนะคะ ( ไม่รวมตอนพิเศษ )
เพราะงั้นก็ใกล้จบแล้วววววว
โค้งสุดท้ายยยยยยยย มาลุ้นตอนจบสิยตอนสุดท้ายนี้กันนะคะ
ยังไงก็ฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตและแชร์ในเฟสด้วย
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์
หนมมี่จ้า  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด