ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง{ตอนพิเศษที่ 2 UP - 10.2.60}หน้า 42 (จบเรื่อง+รวมเล่ม)  (อ่าน 323507 ครั้ง)

ออฟไลน์ konjingjai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +226/-4
เรื่องมาม่าชุดใหม่กำลังจะเข้ามา

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
คหสตนะ ถ้าเราเป็นคีย์นี่มาขั้นนี้แล้วเราจะไม่แปลกใจเลยถ้าฟานมีคนอื่น
เพราะว่าระหว่างคีย์กับฟานมันร้าวจากฐานะแฟนจนไม่สนิทแล้ว
อย่าบอกว่า You didn't see it coming.
เราคงจะปลงแล้วก็รอดูต่อไปว่าฟานจะยังไง
เป็นน้อง เป็นแฟนหรือไร
แต่ก็ว่าไม่ได้คีย์ถนัดนักกับการเข้าข้างตัวเอง
เรียกร้องสารพัดเพื่อตัวเอง

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ยังมีงานข้ามาอย่างไม่หมดไม่สิ้น  ถถถ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ seii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
อีฟานมันบ้าอ่ะ เดี๋ยวรักเดี๋ยวเกลียด เขาจะไปก็ยื้อ เหมือนจะกลับมาคบกันก็นอกใจ?
ถ้านอกใจนี่อยากกระโดดถีบมันมากอ่ะ โดนเขาทำเป็นเดือดเป็นเเค้น เเต่กลับทำซะเอง
เเต่นางคงอ้างเหตุผลกากๆ ว่าคบกับคีย์ไม่สนิดใจ เลยต้องมีตัวเลือก
เราว่าสองคนนี้ควรเเยกทางใครทางมันเถอะ ไม่ก็ห่างๆ กังซักปีสองปี
คนหนึ่งหลงผิดเเต่สำนึก ส่วนอีกคนก็หวาดระเเวงตลอด มันจูนกันไม่ติดเเล้วล่ะ

ออฟไลน์ tkaekaa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :katai1: ฟานเอาอีกแล้ววววว

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
จะจบอย่างไงกันนะ เรื่องนี้

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ ่jjay

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครรรรรร :hao4:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คีย์เข้มแข็งมากกกก เป็นเราคงโดดไปกับเนย์ละ...
รอตอนต่อไป... :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
อารายยยย ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก้เข้ามาแทรกกก
ต้องพูดแบบนี้เลย โอ้ยยชะนีอีกแล้ว
ใช่นางนั้นไม๊ แต่ถ้าใช่ หรือจะเป็นใคร ฟานก้คงกำลังเคลียร์ตัวเองอยู่5555

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แอบคิดว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นญาติหรือพี่น้องขอฟาน อะไรเทือกนั้น

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ก็บอกว่าไม่ชอบเด็กไง
ตอนที่ 64
' ครอบครัว '

   วางมือถือลงข้างตัวตอนที่ตอบข้อความสุดท้ายให้คีย์ที่ส่งมาบอกว่าเย็นวันนี้ให้ผมมารับเหมือนเดิม เพราะเค้าไม่มีธุระที่ต้องไปงานศพของรุ่นน้องในแผนกที่กระโดดตึกตายเมื่อวาน พอมาคิดดูแล้ว ท่าทางอีกคนคงจะเศร้าอยู่ในใจลึกๆ เมื่อวานก็นั่งร้องไห้แล้วโทษตัวเองที่ช่วยอะไรไม่ได้อยู่เลย พอยิ่งไม่ได้ไปงานศพแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าในใจจะนึกเสียใจมากแค่ไหน ที่ไม่ได้ไปบอกลา บอกขอโทษกันครั้งสุดท้าย

   ผมผ่อนลมหายใจออกมา เอนตัวลงนอนบนโซฟาที่เปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำสู้กับอาการข้างนอกที่ตอนนี้คงเริ่มจะร้อนแล้ว เพราะเมื่อเช้าตื่นเช้าไปหน่อยก็เลยหลับไปได้อีกรอบแบบชนิดที่ไม่มีปัญหาอะไร

   ครืน ครืน

   เสียงโทรศัพท์ที่ดังอยู่ข้างตัวผมลืมตาตื่นขึ้นกดมารับสายไม่ทันดูเบอร์ที่หน้าจอว่าเป็นใครที่โทรเข้ามา " ครับ "

“ พี่ฟาน ทำอะไรอยู่เหรอ " ผมขมวดคิ้วน้อยๆกับเสียงและสรรพนามที่ได้ยิน ตอนที่ดึงมือถือออกมาดูเบอร์มันเป็นเบอร์แปลกที่แม้แต่ผมเองก็ยังไม่ได้บันทึกไว้

“ ใครน่ะ " ผมถาม ปลายสายก็ถอนหายใจออกมา

“ นี่เฟิร์นไง นี่อย่าบอกนะว่าไม่ได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ของน้องสาวตัวเองไว้เลยน่ะ " ก็ใช่ ไม่เคยบันทึกเพราะไม่คิดว่าว่าจะได้รับการติดต่อจากใครทั้งนั้นในครอบครัวนั้นอยู่แล้วเพราะผมเองก็ถูกตัดขาดออกจากพวกเค้าตั้งแต่วันนั้น วันที่พ่อแม่โอนให้ผมมาเป็นลูกบุญธรรมของตากับยายและไม่เคยหันกลับมาสนใจใยดีกันอีก

“ มีอะไร "

“ พี่ทำอะไรอยู่ "

“ โทรมามีอะไร " ผมถามย้ำเธอก็เงียบไปสักพัก

“ ก็..คือพอดี เฟิร์นอยากเจอน่ะค่ะ พี่ฟานช่วยออกมาเจอเฟิร์นหน่อยได้มั้ย "

“ ไม่ต้องเจอหรอก มีอะไรก็พูดมาเลยทางโทรศัพท์นี่แหละ " ผมไม่ได้เจอญาติพี่น้องตัวเองนานแล้วไม่ว่าจะเป็นน้องสาว หรือว่าพี่สาวตัวเองก็ตาม ไม่ต้องนับพ่อแม่ เพราะตั้งแต่หลังจากที่ตากับยายของผมเสียผมก็ไม่เคยเจอพวกเค้่าอีกเลย พูดให้ถูกก็เหมือนกับว่า พวกเราก็เหมือนคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน รู้จักันก็แค่ชื่อ แล้วพอมีงานสำคัญเราก็มาเจอกัน เป็นเหมือนผู้ร่วมงานคนนึง ผมมีความรู้สึกแค่ว่า เค้าคือใคร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีใจหรือสนิทสนม แค่รู้ว่า นี่พ่อนะ แม่นะ พี่นะ น้องนะ  แต่ไม่ได้มีความรู้สึกถึงครอบครัวอะไร

“ พอดีหนูมีปัญหานิดหน่อยนะคะ " เธอเริ่มว่าเสียงเศร้า อย่างเฟิร์นเองผมก็ลืมไปแล้วว่าตอนนี้เธอเรียนอยูชั้นไหน หน้าตาเป็นยังไง เพราะเธอไม่เคยโทรศัพท์มาคุยกับผมแบบนี้เลยสักครั้ง ตอนนี้ก็ยังสงสัยเลยว่า เอาเบอร์ผมมาจากไหนกัน

“ ปัญหาอะไร เรื่องเงินหรอ "

“ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องเงิน คือหนูอยากจะเจอพี่ฟานจริงๆ ออกมาเจอหนูหน่อยได้มั้ยคะ หนูอยากจะคุยกับพี่ต่อหน้า " ถอนหายใจผ่านสายออกมา อยากจะถามออกไปตรงๆเลยว่า ถ้าเจอกันแล้วเธอจะจำพี่ได้เหรอ ถึงเรียกผมว่า พี่ ออกมาจากปากได้เหมือนว่าเรานั้นสนิทสนมกันเสียเหลือเกินแบบนั้น ทั้งๆที่เราก็เจอกันแบบนับครั้งได้ แล้วเจอกันทีไรก็แทบจำกันไม่ได้เพราะเด็กๆก็โตเร็วอยู่แล้ว

“ มันเป็นเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงต้องเจอหน้ากันแล้วคุยกัน ทำไมถึงพูดในโทรศัพท์ไม่ได้ "

“ เถอะค่ะ นะคะ ขอให้หนูได้เจอพี่แล้วหนูจะอธิบายทุกอย่าง " ผมมองนาฬิกาตอนที่เธอพูดออกมา มันเป็นช่วงใกล้พักเที่ยงแล้ว คิดเอาไว้เหมือนกันว่าจะออกไปดูหนังที่ห้างใกล้ที่ทำงานของคีย์ เพื่อรอรับอีกคนกลับบ้านพร้อมกันเลยทีเดียว

“ งั้นก็ได้ " ผมบอกที่อยู่เธอไป นัดแนะเรียบร้อยผมกดวางสายแต่ก็ไม่คิดจะเซฟเบอร์นั่นไว้ เพราะถ้าเป็นเรื่องเงิน ผมจะให้แล้วก็จะบล๊อคเบอร์โทรไปเลย เพื่อไม่ให้เธอกลับมาขอผมอีก ถึงใครจะบอกว่า เป็นพี่น้องกันต้องช่วยเหลือกันก็เถอะ แต่พี่น้องแบบที่พ่อแม่ไล่ให้ผมออกไปจากครอบครับตั้งแต่เด็กๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับคำว่า พี่น้อง หรือ ครอบครัวจากผมหรอก เพราะครอบครัวของผม มีแค่ตากับยายแล้วตอนนี้พวกท่านก็เสียไปแล้ว ผมมันแค่คนไม่มีครอบครัว

   นั่งรถไฟมาลงสถานที่ที่นัดกับเธอไว้ บอกไว้ว่าให้เจอกันที่ลานหน้าห้าง แต่ช่วงเวลาพักเที่ยงที่คนเยอะๆแบบนี้ ผมก็ทำได้แค่มองซ้ายมองขวาก่อนที่จะมีสายโทรศัพท์ของเธอโทรเข้ามา

“ พี่ฟาน หนูถึงแล้วนะ พี่ฟานอยู่ตรงไหน "

“ ที่หน้าห้างอะ ใส่เสื้อสีอะไรละ "

“ เป็นเดรสสีดำนะคะ " เธอบอก ผมก็มองหาก่อนจะเจอเข้ากับผู้หญิงคนนึงใส่ชุดเดรสสีดำแขนกุดสะพายกระเป๋าแบรนด์หรู ผมยาวสีน้ำตาลดัดลอนใหญ่ๆใบหน้าสละสวยของเธอ มันทำให้ผมไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่านั่นคือน้องสาวของผมแค่คุ้นๆว่า ก็น่าจะใช่ ตอนเด็กๆหน้าตาแบบนั้น โตมาก็คงหน้าตาแบบนี้  ผมเดินเข้าไปหา เอ่ยทักคนที่กำลังมองหาผมอยู่แม้ตอนนี้ผมจะมายืนอยู่ใกล้เธอแล้วก็ตาม

“ มีอะไร " ผมทัก เธอก็หันมามองก่อนจะลดโทรศัพท์ลงเหมือนตกใจไม่น้อยที่เห็นผม

“ พี่ฟาน.. เหรอค่ะเนี้ย " เธอหลุดคำพูดนั้นออกมาผมก็ยักคิ้ว รอยยิ้มสดใสของเธอตอนที่ผมตอบรับ เฟิร์นเก็บมือถือใส่กระเป๋าก่อนจะคว้ามือผมขึ้นมาจับ " หนูมีพี่ชายหล่อขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย ไม่อยากจะเชื่อเลย "

“ ฉันไม่ใช่พี่ชายเธอหรอก ลืมไปแล้วเหรอว่าที่บ้านเค้าไม่ให้เธอนับฉันเป็นพี่ชาย เธอมีแค่พี่สาวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวจะซวยเอานะ ฉันมันตัวซวยลืมไปแล้วรึไง  "

“ อย่าพูดเรื่องแบบนั้นเลยค่ะ ตอนนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้วนะที่บ้านน่ะ " เธอบอก

“ เปลี่ยน ? “ ผมทวนคำพูด เธอก็พยักหน้ารับ " แล้วเธอมีอะไรจะพูดกับฉัน "

“ หนูอยากจะมาคุยกับพี่ฟาน เรื่องธุระของพ่อกับแม่น่ะค่ะ ท่านฝากมา "

“ ฉันไม่คุย " ผมบอกก่อนจะเดินหนีเธอทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

“ เดี๋ยวสิค่ะ ยังไม่ได้ฟังเลยว่าจะพูดอะไร อย่าเดินหนีกันก่อนสิคะ " เธอฉุดแขนผมไว้ " ฟังหนูก่อนสิ พี่ยังไม่ได้รู้เลยว่าหนูจะพูดอะไร ฟังให้จบก่อน ถ้าจะจบแล้วก็ค่อยว่ากันไม่ได้เหรอ ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันนะ ต่อให้พ่อแม่จะว่ายังไง สำหรับหนู พี่ฟานคือพี่หนูนะ "

“ รู้มั้ยฉันเกลียดคนประเภทที่ชอบตอแยที่สุดเลย มันน่ารำคาญ "

" ก็แค่ฟังกันหน่อยไม่ได้รึไง แค่ฟังเองนะคะ "

" แค่ฟังใช่มั้ย " ผมหันไปถามเธอ "  ถ้าฉันฟังเรื่องที่เธอพูดจบแล้ว เธอกลับไปเลยนะ ตกลงมั้ย "

“ ก็..ได้ค่ะ " คำพูดที่ดูไม่มั่นใจเท่าไหร่ ผมหยุดนิ่งหันไปมองเธอที่ก็เอื้อมมือมาคว้าแขนผมให้เดินออกไป " งั้นเราไปหาอาหารเที่ยงกินกัน แล้วนั่งคุยไปกินไปกันดีกว่านะคะ "

   ผมไม่ได้ตอบอะไรเธอ ได้แต่เดินตามไปตามแรงลากจูงนั้นในห้างที่ผู้คนเริ่มเบาบางเพราะใกล้เวลาทำงานช่วงบ่ายเราเข้ามานั่งในร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่อยู่ตรงชั้นล่างของอาคาร พนักงานแจกเมนูผมสั่งอาหารจานเดียวแบบง่ายๆอย่างสปาเก็ตตี้ส่วนอีกคนก็สั่งทั้งสปาเก็ตตี้ทั้งเครปที่เป็นเมนูดังของร้าน

“ มีอะไรก็ว่ามา "

“ พี่ดูรีบนะ นัดใครไว้รึเปล่า "

“ ก็เปล่าหรอก แต่จะนั่งด้วยกันทำไมนานๆ ถ้าไม่มีอะไรละ " ผมยกมือถือขึ้นมาดูแก้เบื่อที่ต้องคุยกับคนตรงหน้า มีไลน์ของคีย์ส่งเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เค้าส่งภาพที่เหมือนจะเป็นอาหารที่เค้ากินวันนี้และดูท่าทางว่าจะเยอะเป็นพิเศษ เผลอยกยิ้มออกมากับความกินเก่งนั้น ดีแล้วผมเองก็อยากจะให้เค้ากินเยอะๆ ตอนนี้เค้าผอมลงไปจากแต่ก่อนเยอะมากจนดูเหมือนคนที่สุขภาพไม่ค่อยดี

“ พี่ฟานน่ะ มีแฟนอยู่แล้วรึเปล่า "

“ ถามทำไม "

“ ก็อยากจะรู้นะคะ แต่หนูคิดว่าก็คงมีแล้ว " เธอว่าก่อนจะยิ้ม " ก็พี่หล่อ คงจะมีแฟนแล้วละ "

“ อื้ม ฉันมีแฟนแล้ว "

“ พี่มีแฟนแล้วจริงๆด้วยสินะคะ " เสียงของเธออ่อนลงเหมือนผิดหวังที่ได้ยินเรื่องที่ผมมีแฟนแล้ว " แล้วหน้าตาแฟนพี่เป็นยังไง น่ารักมั้ย ขอหนูดูภาพหน่อยได้มั้ย อยากจะเห็นหน้าว่าที่พี่สะใภ้นะคะ " ผมทวนคำพูดของเธอในใจ ว่าที่พี่สะใภ้.. ว่าที่พี่สะใภ้อะไรกัน ผมไม่มีวันให้คีย์ไปรู้จักกับครอบครัวที่ผมไม่เคยเรียกว่าครอบครัวหรอก

“ เธอมีอะไรจะพูดกันแน่ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า "

“ ก็ไม่ได้ได้มีเรื่องอะไรหรอกค่ะ " เธอบอกในตอนนั้นอาหารที่เราส่งจานแรกก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เธอตัดแบ่งเครปที่อยู่ตรงหน้าตักใส่ปากก่อนจะเคี้ยว

“ ยิ่งบอกว่าไม่มีอะไรมันก็ยิ่งแปลกนะ ครอบครัวเธอไม่ได้ติดต่อกับฉันเลยมาหลายปี แต่อยู่ๆเธอก็เอาเบอร์ฉันมาจากไหนก็ไม่รู้ โทรมาหา บอกว่ามีเรื่องจะพูดด้วย เอาจริงๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรจะ โทรมาทำไม " ผมมองเธอที่ก็ก้มหน้าลงต่ำอาหารที่จะถูกตัดกินชะงักลง " แล้วยิ่งถ้าบอกแค่อยากจะเจอเฉยๆ ก็ยิ่งดูแปลก คนที่ไม่สนิทกัน เจอกันไม่ถึงห้าครั้งในรอบเกือบยี่สิบปี จะมาบอกว่า อยากจะเจอ คิดถึง ไม่ได้เจอกันนานแล้ว แบบนั้นมันก็ยิ่งดูแปลก เธอมีอะไร พูดออกมาตรงๆเลยดีกว่า ฉันไม่ได้มีความอดทนสูงแล้วก็ใจดี ที่จะนั่งฟังคนที่บอกว่าฉันเป็นคนในครอบครัวทั้งๆที่สั่งให้ฉันเรียกคนที่เป็นพ่อแม่ว่า น้า หรอกนะ "

“ คือพี่อาจจะจำไม่ได้แล้วแต่ว่าพี่เคยให้เบอร์กับพี่ฟิล์มไว้ ตอนงานศพคุณย่า หนูก็เอามาจากพี่ฟิล์มนะคะ "

“ แล้วมีอะไร "

“ คือพ่อแม่อยากให้หนูมาสนิทกับพี่ไว้น่ะ " เธอเงยหน้าขึ้นมองผมแบบกล้าๆกลัวๆ

“ ทำไมต้องให้มาสนิท ฉันเป็นตัวซวยพวกเค้าลืมไปแล้วเหรอ "

“ แต่ตอนนี้เค้าไม่ได้คิดแบบนั้นแล้วละค่ะ จริงๆนะ " น้ำเสียงจริงจังของเธอ ผมผ่อนลมหายใจออกมาก่อนจะค้ำมือแล้วหันไปมองอย่างอื่น จะให้พูดว่าไงดี คือผมไม่ได้เชื่อเรื่องหลอกเด็กอะไรแบบนั้นหรอก

   เมื่อก่อนตอนเด็กๆก็โดนหลอกเรื่องนี้มาตลอดเหมือนกัน สมัยที่ต้องมาอยู่กับตากับยายใหม่ๆ ช่วงนั้นเพราะติดแม่มากก็เลยยังร้องไห้งอแงหาแม่ ตากับยายก็คอยเอาแต่บอกว่า เดี๋ยวพ่อกับแม่จะมารับถ้าผมเป็นเด็กดี เชื่อฟังท่าน  แต่ไม่ว่าจะเรียนเก่งแค่ไหน ทำตัวดียังไง สุดท้ายเค้าก็ไม่มารับ ไม่เคยแม้แต่จะมาเยี่ยมกัน ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญจริงๆ

   อย่างพอเริ่มเข้าประถมห้าท่านก็มาพาผมกับตาและก็ยายไปทำเรื่องโอนชื่อผมให้เป็นบุตรบุญธรรมของตากับยาย ผมถูกเปลี่ยนนามสกุลแล้วก็ต้องเรียกคนที่เอ่ยเรียกว่ามาตลอดว่า พ่อกับแม่เป็น คุณน้าแทน และทุกครั้งที่เจอถ้าเรียกว่าพ่อกับแม่ผมจะถูกตีแล้วบอกให้เรียกใหม่

   ทุกอย่างในตอนนั้นดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ ความสัมพันธ์ของผมที่เคยผูกพันแย่ลงไป จากที่เคยอยากจะเห็นหน้า เคยโทรไปหาบอกให้มาเยี่ยม กลายเป็นว่าไม่โทรไปหา ไม่มีความรู้สึกอยากจะเจอ พวกเค้าเองก็ไม่เคยมาเยี่ยม ไม่เคยสนใจว่ามีผมอยู่ในโลกใบนี้ด้วยซ้ำไป ตั้งแต่นั้นเราก็ไม่เคยเจอกันอีก มาเจอกันอีกทีก็คือตอนที่ตาเสีย แล้วล่าสุดก็คือตอนที่ยายเสียหลังจากนั้นก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลยเหมือนเดิม กลายเป็นคนที่ไม่รู้จักและเหมือนไม่มีสิ่งใดมาผูกมัดให้ต้องมาเจอกันอีกตลอดกาล แล้วมาตอนนี้จะให้มาเชื่อคำพูดพวกนั้นน่ะเหรอ.. เป็นไปไม่ได้หรอก

“ อย่างงั้นเหรอ " ผมแสร้งทำท่าทางดีใจที่ได้ยิน ยิ้มให้เธออีกคนก็ยิ้มตามก่อนจะปั้นเรื่องโกหกขึ้นมาอีก

“ พ่อกับแม่น่ะ บ่นคิดถึงพี่ฟานเหมือนกันนะ เค้าบอกว่า มันคงดีถ้าพี่ฟานกลับมาอยู่ที่บ้านของเรา มาเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ท่านก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะพี่ฟานคงจะไม่ให้อภัยท่านแล้ว "

“ เหรอ ทำไมถึงแบบนั้นละ " ผมหยิบช้อนตัวเองขึ้นมาตอนที่อาหารถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ใช้ส้อมหมุนสปาเก็ตตี้เข้าปากผมเคี้ยวช้าๆมองเธอที่ก็ก้มหน้ากินเหมือนกัน

“ แล้วถ้าท่านอยากจะเจอพี่ฟาน อยากจะขอโทษ พี่ฟานจะให้อภัยท่านแล้วกลับไปอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวมั้ยคะ "
“ แล้วตอนนี้ท่านเป็นยังไงบ้างละ " ผมเสี่ยงไม่ตอบคำถามของเธอ แต่กลับถามคำถามอื่น เพื่อล้วงความจริงที่เธอมาหาผมให้วันนี้ ธุระจริงๆที่เธอถูกสั่งให้มาทำ

“ ก็สบายดีทั้งคู่นะคะ พ่อแม่เพิ่งกลับมาไปจากเที่ยวยุโรป ซื้อกระเป๋าใบนี้มาฝากหนูด้วย " เธอยกกระเป๋าแบรนด์ใบแพงขึ้นมาผมก็พยักหน้ารับ  " แต่ของพี่ฟิล์มได้ตั้งสองสามใบ ดูไม่แฟร์เลยหนูได้แค่นาฬิกากับกระเป๋าเอง "

“ แค่นั้นก็ดูแพงมากแล้วนี่ เค้าก็น่าจะซื้อของที่ราคาใกล้เคียงกันให้สิ พ่อแม่น่ะ มันต้องเท่าเทียมนะ "

“ ไม่ค่อยหรอกค่ะ พี่ฟิล์มน่ะแต่งงานแล้ว แถมตอนนี้ยังมีลูกพ่อกับแม่ค่อนข้างเห่อหลานน่ะค่ะ เค้าก็เลยค่อนข้างตามใจพี่ฟิล์มมากกว่า เธออยากจะได้อะไรก็ได้ ไม่เห็นเหมือนหนูขอของแต่ละอย่างกว่าจะได้ " เธอบอก

“ แล้วไม่มีของฝากของฉันบ้างเหรอ " เอียงหน้าถามเธอ อีกคนก็นิ่งไปถนัดตา ผมก็หลุดหัวเราะ " สงสัยที่เธอบอกพ่อแม่คิดถึงฉัน คงจะเป็นคิดถึงหลังจากกลับมาจากยุโรปสินะ ฮ่าๆ "

“ พี่ฟาน คือมันไม่ใช่แบบนั้นหรอก พ่อกับแม่มีของฝากพี่นะแต่ว่าพี่ไม่กลับไปบ้านเค้าจะให้พี่ได้ยังไงละ "

“ เค้าไม่รู้ว่าฉัน อยู่ที่ไหนด้วยซ้ำ "

“ แต่ที่หนูพูดว่าพ่อกับแม่คิดถึงพี่มันเป็นเรื่องจริงนะ " เธอเถียง

“ อื้ม ฉันเชื่อเธอ " พยักหน้ารับอีกคนผมก้มหน้ากินอาหารต่อ " ก็ดีแล้วที่พวกท่านยังสบายดี "

“ แต่จริงๆ พวกท่านก็มีเรื่องเครียดนิดหน่อยนะคะ " เธอเหลือบมองผมก่อนจะพูดออกมาเสียงอ้อมแอ้มเหมือนทำให้มันดูเหมือนเป็นเรื่องหนักใจที่ไม่ค่อยอยากจะพูด

“ เรื่องอะไรละ "

“ คือพ่อกับแม่ตอนนี้ ธุรกิจมันมีปัญหาน่ะ เค้ากำลังหาผู้ถือหุ้นรายใหญ่มารองรับธุรกิจที่กำลังจะใหญ่ขึ้นของเค้าน่ะค่ะ แต่หนูก็เห็นว่าหาได้แล้วนะเห็นพูดคุยกัน แต่ก็ยังไม่ได้ตกลงกันสักที เหมือนว่าเค้ายังขาดอะไรอยู่ "

“ ขาดอะไรละ "

“ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ว่าหนูเองก็เคยเจอคู่ค้าของธุรกิจพ่อกับแม่เหมือนกันนะ ลูกสาวเค้าน่ะ สวยมากเลยแหละคะ นี่นะคะ หนูจะเอารูปให้พี่ฟานดู " เธอที่รีบกุรีกุจอหาภาพเธอคนที่กล่าวถึงให้ผมดู หน้าจอมือถือถูกยื่นส่งมาให้ ก็เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยอยู่หรอกแต่ผมก็ไม่สนใจ สิ่งที่ผมสนใจคือผมรู้แล้วตังหากว่าที่เธอมาวันนี้ เธอมาเพื่ออะไรกันแน่ " เธอสวยมากแล้วก็นิสัยดีมากๆเลยล่ะค่ะ อีกอย่างเธอเรียบร้อยแถมยังเรียนเก่ง นี่กำลังจะไปเรียนต่อด้วยนะคะหลังจากเรียนจบที่ไทยน่ะ อ้อ! พี่เค้าชื่อ มีน นะคะ หนูน่ะชอบพี่เค้ามากเลย ถ้าเกิดว่าเราได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันมันก็คงดี "

“ ฉันว่าสิ่งที่ทำให้คู่ค้าธุรกิจของพ่อแม่เธอขาดไป ที่เธอบอกว่ามันยังขาดอะไรสักอย่างอยู่ คือพ่อแม่เธอไม่มี ลูกชายที่จะไปดองกับอีกฝั่งนึงมากกว่าละมั้ง "  ผมเอ่ยถามเธอ " แล้วคราวนี้พ่อกับแม่เธอก็ เลยคิดถึงลูกชายที่โยนทิ้งไปอย่างฉันขึ้นมา นี่สินะ เหตุผลจริงๆที่เธอมาในวันนี้ "

“ ไม่ใช่แบบนั้นนะคะพี่ฟาน คือ หนู..” เธอที่พยายามเถียง หันมองซ้ายขวาเหมือนคนที่เพิ่งรู้สึกว่า ตัวเองกำลังทำให้เหยื่ออย่างผมตื่นขึ้นซะแล้ว

“ ไม่ใช่อะไร ฉันดูออกหมดแล้วเธอจะบอกว่าไม่ใช่อะไรอีก เอาเป็นว่า ธุระของเธอก็คือพ่อกับแม่ของเธอวานให้เธอมาช่วยพูดกับฉัน มาทำตัวสนิทสนมกับฉันเพื่อที่จะได้กลับไปอยู่เป็นครอบครัวกันเหมือนเดิม แล้วหลังจากนั้นก็จับฉันคลุมถุงชนกับผู้หญิงคนนั้นเพื่อที่ธุรกิจจะได้ดำเนินต่อไป  งั้นก็เอาเป็นว่า ฉันฝากข้อความฉันส่งไปถึงพ่อแม่เธอทีนะ ' อย่ามายุ่งกับชีวิตของกู แล้วกูก็ไม่ใช่ลูกของพวกมึงตั้งแต่ที่พวกมึงทิ้งกูไปแล้ว มึงไม่ใช่ครอบครัวกู ครอบครัวกูพวกเค้าตายหมดแล้ว พวกมึงมันไม่ใช่ แม้แต่คนที่กูรู้จักกูก็ไม่อยากจะให้พวกมึงเป็น' “ ผมลุกขึ้นจากที่นั่งวางเงินค่าอาหารทั้งหมดลงบนโต๊ะ " แล้วมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง เพราะหลังจากนี้เราคงไม่ได้เจอกันอีก "

   ผมเดินออกจากร้านแต่ยังไม่ทันจะเดินหนีไปได้ไกล เฟิร์นก็เดินมาคว้ามือผมไว้เสียก่อน ผมหันไปมองเธอที่ยังคงจับมือผมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

 “ พี่ฟาน เดี๋ยวสิ!! ฟังเฟิร์นก่อน พี่อาจจะไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญอะไร แต่ตอนนี้ธุรกิจของบ้านเรามันเกี่ยวกับการที่ต้องมีคู่ค้าจริงๆนะคะ ถ้าไม่มี ธุรกิจของเรามันอาจจะมีปัญหาก็ได้ "

“ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน อย่างมาพูดว่า บ้านเรา นั่นไม่ใช่บ้านฉัน แล้วมันก็ไม่เคยเป็นบ้านของฉัน " ผมสะบัดมือออกจากการจับกุมของเธอ เดินก้าวออกไปอีกคนก็ตะโกนกลับมา

“ เห็นแก่ตัว! พี่มันคนเห็นแก่ตัว ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองเป็นความหวังที่จะช่วยพ่อแม่ได้ แต่พี่ก็ไม่ช่วย พี่ปล่อยให้พ่อแม่ต้องลำบาก พี่มันเป็นลูกแบบไหนกัน " ผมหลุดยิ้มออกตอนที่เธอถาม หันกลับไปใกล้เธอที่ก็ยังมองผมด้วยสายตาไม่พอใจ

“ ฉันเป็นแบบไหนน่ะเหรอ ฉันเป็นลูกที่พ่อแม่เค้าไม่ต้องการไง ฉันเป็นแบบลูกแบบนั้นแหละ "

“ แล้วถ้าหนูบอกพี่ว่า ถ้าพี่ไม่แต่งงานกับพี่มีน ไม่ตอบตกลงจะแต่งงานกับพี่เค้า มันต้องเป็นหนูที่ต้องหมั้นกับลูกชายบ้านเค้าแทนล่ะ แบบนั้นพี่จะช่วยหนูมั้ย หนูไม่อยากจะแต่งงานกับคนที่หนูไม่ได้รัก เค้าแก่กว่าหนูมากด้วย แถมยังหน้าตาก็ยังไม่ดี บุคลิคภาพก็แย่ มีดีก็แค่รวย แล้วหนูก็มีแฟนแล้ว หนูไม่อยากจะโดนจับคลุมถุงชน ถ้าเป็นแบบนี้หนูเป็นน้องสาวพี่ พี่จะช่วยหนูมั้ย "

“ ไม่ช่วย " ผมบอก เธอก็นิ่งอึ้งไป

“ ทั้งๆที่ครอบครัวกำลังลำบาก ทั้งๆที่หนูเป็นน้องสาวพี่ หนูกำลังลำบาก พี่ก็ไม่เคยคิดจะช่วยเหลือหนู "

“ เธอรู้มั้ย ว่าชื่อจริงของฉัน คืออะไร " ผมถาม เธอก็เงียบไป " เธอรู้มั้ย ฉันเกิดวันที่เท่าไหร่ เธอรู้มั้ยว่าตอนนี้ฉันเรียนที่ไหน คณะอะไร มีเพื่อนสนิทชื่ออะไร แฟนฉันชื่ออะไร เธอรู้รึเปล่า เธอกล้าเรียกฉันว่าครอบครัวได้ยังไง เธอกล้าบอกว่าฉันเห็นแก่ตัวได้ยังไง คนที่แก่ตัว คือ เธอ คือพ่อแม่เธอตังหาก เธอไม่รู้แม้กระทั้งชื่อจริงของฉัน เรื่องง่ายๆแค่นี้เธอยังไม่รู้ เธอยังกล้าเรียกฉันว่าครอบครัวได้ยังไงทั้งๆที่เธอเองตอนนี้ยังไม่รู้สึกเลยว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอแค่คิดถึงฉันขึ้นมาว่า ถ้าฉันตอบรับเธอจะพ้นทุกข์ที่เธอต้องเจอ เธอแค่คิดจะไปให้ไกลๆจากเรื่องนี้ เอาตัวรอดจากเรื่องนี้มันก็เท่านั้น เธอเอาเรื่องครอบครัวมาอ้าง ฉันเป็นพี่เธอ ฉันต้องช่วยเหลือเธอ เธอคิดว่ามันสมควรแล้วเหรอ ที่เธอจะมาขอความช่วยเหลือฉัน ฉัน..ที่พวกเธอไม่เคยนับรวมเป็นครอบครัวเลยแม้สักครั้งเดียว "

" แต่อย่างน้อย แต่ก็ควรคิดว่า พ่อกับแม่เป็นคนที่เกิดพี่มา เค้ามีบุญคุณกับพี่ เค้าทำให้พี่เกิดมา "

" ฉันไม่ได้ขอร้องให้เค้าเกิดฉันมา เค้าเกิดฉันออกมาเอง เป็นความสมัครใจของเค้าทั้งคู่ที่จะมีฉันเอง แล้วพวกเค้าก็เป็นพ่อแม่ที่แค่เกิดฉันมา แต่ไม่เคยให้ความรัก ไม่เคยเลี้ยงดู ไม่เคยเอาใจใส่ เค้าไม่ได้เรียกคนแบบนั้นว่าพ่อแม่หรอก สำหรับฉันพวกเค้าก็แค่ คนที่เกิดฉันมาก็เท่านั้นแต่ไม่ได้มีค่าให้ต้องเรียกว่า พ่อกับแม่เลย  "

“ พี่มันคนอกตัญญู จำไว้! พี่มันเห็นแก่ตัว พี่มันเลว ไม่รักพ่อแม่!! “

   เสียงตะโกนที่ด่าผมไล่หลัง ชวนให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น หันมามองดูผมที่ก็ไม่ใส่ใจสายตาของใคร หรือคำพูดนินทาพวกนั้นสักเท่าไหร่ ผมเดินตรงขึ้นไปที่ชั้นบนของห้าง เลือกตั๋วหนังเรื่องที่คิดว่าจะดูก่อนจะเข้าไปดูทันทีเพราะมันเป็นเวลาที่เปิดฉายหนังพอดี

   

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ผมมองหนังที่ฉายอยู่ตรงหน้าผ่อนลมหายใจสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงช้าๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอยากดูอะไรเหมือนก่อนหน้านี้ สมองของผมเหมือนหวนย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องราวสมัยเด็กที่ยังคงจำได้ดี บ้านหลังใหญ่ในห้องรับแขกที่ผมวิ่งเล่นไปมาตามประสา พ่อที่หัวเสียกลับมาจากที่ทำงานธุรกิจตอนนั้นคงแย่พอดู เค้านั่งลงข้างแม่ที่นั่งดูผมวิ่งเล่นก่อนจะพูดออกมาเสียงไม่เบานัก

“ เอาไอ้เด็กนั่นออกไปไกลๆผมที " เค้าบอกแม่แบบนั้น แม่ก็พยักหน้ารับแบบว่าง่ายก่อนจะบอกให้สาวใช้เป็นคนพอผมออกไป แต่ด้วยความเป็นเด็กตอนนั้นเหมือนจะแค่ห้าขวบ ตัวผมกลับวิ่งเข้าไปหาเค้าแล้วเอ่ยเรียกด้วยความไม่รู้

“ พ่อเล่นกับฟาน มาเล่นกับฟานนะ " แล้วตอนนั้นเค้าก็ก้มลงมาพูดกับผมก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินหนีขึ้นไปชั้นบนของบ้าน

“ ฉันไม่พ่อแก ไอ้ตัวซวย " เพราะไม่รู้เรื่องอะไร ตอนนั้นแค่สงสัยว่าคำว่าตัวซวยคืออะไรก็เท่านั้น ผมถามสาวใช้ที่เป็นพี่เลี้ยงด้วยความไม่รู้

“ ตัวซวยคืออะไรเหรอ ฟานเป็นตัวซวยเหรอ " แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ถูกย้ายจากบ้านหลังนั้นให้มาอยู่กับตากับยายที่บ้านหลังนึงที่ไกลออกจากตัวเมือง ยังจำภาพวันนั้นได้ดี วันแรกที่ถูกย้ายมาผมร้องไห้ ตอนที่พ่อกับแม่พูดกับตากับยายเสร็จว่า ขอฝากผมไว้เป็นลูกบุญธรรมสักคน ผมกอดเอวแม่ขอร้องให้เธออย่าทิ้งผมไว้ที่นี่ " อย่าทิ้งฟานไว้ แม่ อย่าทิ้งฟานไป ฟานจะเป็นเด็กดี จะเชื่อฟังแม่ จะไม่ดื้อ จะไม่ซน  อึก ฮือๆ อย่าทิ้งฟานนะ ไม่เอา ฟานไม่อยู่ ไม่อยู่ที่นี่ อย่าทิ้งฟานไป " เพราะคิดว่าเป็นเด็กไม่ดีเลยต้องถูกทิ้ง ถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับตากับยายที่ก็ไม่รู้ว่าพวกเค้าจะเป็นยังไง ผมกลัว กลัวจนต้องวิ่งตามรถที่มาส่ง วิ่งจนล้มแต่ก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อไป วิ่งตามรถที่มาทิ้งผมไว้เหมือนหมาตัวนึงอย่างไม่ลดละ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่ารถนั้นจะจอดลง เค้าขับออกไปไกล ไกลเกินกว่าเด็กอย่างผมจะสามารถวิ่งตามทัน 

   ความเสียใจของวันนั้นถูกเกลี้ยงหล่อมด้วยเสียงอบอุ่นของยายว่า ' ถ้าฟานเป็นเด็กดี พ่อกับแม่เค้าจะกลับมารับไปอยู่ด้วย ตอนนั้นเค้าแค่มีปัญหาเค้าเลยมาพาเราไปอยู่ด้วยไม่ได้  เค้ากลัวเราจะลำบากเค้าก็เลยให้ฟานมาอยู่กับตากับยายทีนี่ ' แต่หลังจากนั้นก็ไม่เคยมาเยี่ยมอีก ไม่ว่าจะเป็นเด็กดียังไงก็ไม่เคยมาเยี่ยมอีก จนกระทั้งเข้าประถมห้า รถที่ไม่คุ้นตาก็แล่นเข้าสู่บ้านสวนของตากับยาย ความรู้สึกดีใจของผมมันล้นเอ่อออกมา ผมทิ้งทุกอย่างที่ทำ ที่เล่นอยู่ วิ่งเข้าไปหารถคันนั้นตอนที่รู้ว่า คนที่มาเป็นใคร ผมตะโกนออกไปด้วยความดีใจแบบเด็กๆ

“ พ่อกับแม่มาหาฟานแล้ว มารับฟานกลับแล้ว " ตอนที่เห็นแม่ลงจากรถ ผมไหว้เธอแม้จะอยากกอดมากกว่าแต่เพราะคิดว่าต้องทำตัวให้ดูเรียบร้อยเค้าจะได้รับกลับไปก็เลยต้องข่มความดีใจเอาไว้

“ ธุรกิจมันไม่ดีอีกแล้วละคะ มีปัญหานิดหน่อย " แม่เอ่ยบอกกับตากับยายที่ก็เดินออกมารับ " หมอดูบอกว่าต้องเปลี่ยนนามสกุลของฟานทำเรื่องให้เป็นหลักฐาน เพื่อแก้ดวงนะคะ "

“ ยังไม่เลิกเชื่อเรื่องพวกนี้อีกเหรอพวกแกน่ะ เชื่อหมอดูที่สั่งให้ทิ้งลูกพวกแกนี่อะนะ " ตาเอ่ยถามแม่ อีกคนก็ถอนหายใจก่อนจะเถียง

“ แต่หลังจากที่ให้เค้าออกมาจากบ้าน ธุรกิจเรามันก็ดีขึ้นมากๆเลยนะคะ วันนี้เราก็เลยจะทำเรื่องโอนชื่อของเค้าให้เป็นลูกบุญธรรมของพ่อกับแม่เลย "

“ เอากับพวกมันสิ พวกแกมันบ้า ทิ้งลูกตัวเอง "

“ แต่ธุรกิจพวกเรามันดีขึ้นหลังจากที่ทิ้งเค้า เงินก็ไหลเข้ามาไม่ขาด ผมก็ต้องเชื่อแล้วละครับ ต่อให้ใครว่ายังไง " พ่อบอกแบบนั้น ตากับยายที่แม้จะไม่ชอบใจแต่ก็ตามใจดำเนินเรื่องทุกอย่างให้ เค้าพาผมกลับมาส่งที่บ้านหลังเดิม ทั้งๆที่ตอนนั้นผมเองยังไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ถูกย้ายมาเป็นลูกของตากับยายแล้วโดยสมบูรณ์

“ ฟานจะไปเก็บเสื้อผ้าครับ แม่กับพ่อรอฟานแปปนึงนะ " ผมที่เตรียมตัวออกวิ่ง แต่เค้าก็ฉุดมือไว้

“ ไม่ต้องหรอก เราไม่ได้มารับฟาน ฟานต้องอยู่ที่นี่กับตากับยายนะ " แม่บอก " ตากับยายแก่แล้ว อยู่ที่นี่ดูแลพวกท่านนะ "

“ แต่ฟานอยากจะอยู่กับแม่ " ผมบอกเธอเสียงอ่อน เธอก็ถอนหายใจออกมา

“ ไว้เป็นเด็กดีแม่จะกลับมารับ " เธอยิ้ม " เพราะงั้นต่อไปนี้การเป็นเด็กดีก็คือ อยู่กับตากับยายแล้ว ฟานก็เรียกพ่อกับแม่ว่า คุณน้า นะ "

“ ทำไมละ "

“ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ฟานไม่เข้าใจหรอก เอาเป็นว่า ถ้าอยากจะให้พ่อกับแม่มารับต่อไปนี้ก็เรียกพ่อกับแม่ว่า น้า นะ แบบนั้นถึงจะเรียกว่าเด็กดี เด็กดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ แล้วไม่ต้องถามอะไรอีก เพราะเด็กดีไม่เถียงผู้ใหญ่นะ " ตอนนั้นผมไม่ตอบอะไร เพราะไม่รู้จะพูดอะไร ผมสะบัดมือเธอแล้ววิ่งขึ้นไปบนบ้าน มีแต่ความรู้สึกไม่เข้าใจอยู่ในหัวเต็มไปหมดในตอนนั้น ผมนั่งซึมอยู่ในห้องนอนตัวเองเองเงียบๆ นั่งอยู่นานจนตากับยายเดินขึ้นมาดูด้วยความเป็นห่วง ทั้งสองคนที่นั่งลงข้างๆตัวผม กอดผมไว้แน่น

" ไม่เป็นไรนะฟาน ฟานยังมีตากับยายอยู่ ตากับยายจะเป็นพ่อกับแม่ให้ฟานเอง ตากับยายจะดูแลฟาน จะให้ทุกอย่างกับฟาน ลืมมันซะนะลูก คิดซะว่าไม่เคยมีแล้วกัน " คำพูดที่กรีดลงไปในใจของผม แม้จะไม่เข้าใจแต่ตอนนั้นมันก็เจ็บปวดเหลือเกิน ผมกอดยายไว้แน่นจำได้ว่าร้องไห้จะหลับไปทั้งแบบนั้น

   แล้วพอโตขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ได้เข้าใจอะไรมากขึ้นด้วยตัวเอง คำพูดของตากับยายในวันนั้น เข้าใจถึงเหตุผล และทุกๆอย่างที่โดนกระทำมาตลอด และเข้าใจว่า พ่อแม่ก็ไม่ได้จำว่าต้องรักลูกทุกคน บางคนก็เห็นแก่ตัว แล้วก็เป็นพ่อแม่แค่ในนามเท่านั้น แค่เกิดเด็กสักคนมาไม่ได้ทำให้คนบางคนถูกเรียกว่าพ่อแม่ได้หรอก การเป็นพ่อแม่ต้องมีปัจจัยหลายอย่าง และพวกเค้าไม่มี เค้าไม่ใช่พ่อแม่และครอบครัวของผม และจะไม่มีวันใช่ด้วย

................................................................................... 

#ขอแก้ไขทอล์คนิดนึง ไปหาชื่อหนังกับประโยคเต็มๆมาได้ละ
น้องฟาน  :hao5:
เคยดูหนังเรื่องนึง เป็นหนังญี่ปุ่น ชื่อ Ashita Mama ga Inai
เกี่ยวกับเด็กที่ถูกทิ้งในอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า  แต่ว่าในเรื่องคือเด็กทุกคนจะพยายามทำให้ตัวเองมีบ้าน
ตีแผ่หลายแง่มุมของเด็กหลายๆคน
เด็กคนนึง มาอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพราะแม่ติดคุก แม่ไม่กลับมารับ
จนนางกำลังไปมีครอบครัวอุปถัมละถึงจะกลับมา ควาวนี้นางก็ไม่รู้จะเลือกใคร
มีคำพูดนึงของผู้อำนวยการของสถานที่นั้นพูดว่า “ คนที่แค่ให้กำเนิดเธอออกมาไม่ใช่คนที่เรียกได้ว่าเป็น ‘พ่อแม่’ หรอกนะ คนที่เลี้ยงเธอให้เติบโตขึ้นมาด้วย ความรักต่างหากคือ ‘พ่อแม่ที่แท้จริง’ ของเธอ มันต่างกันนะระหว่าง ‘ผู้ที่ให้กำเนิด’ กับ ‘พ่อแม่ที่แท้จริง’ ” : Ashita Mama ga Inai เครดิตจากเว็บ marumura

ฟังแล้วก็คิดถึงชีวิตน้องฟานเลย ชีวิตน้องฟานเจ็บปวดนะ ถูกทิ้งมาตลอดเป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ

#สะอื้น
ยังไงฝากแท็ก #ฟานคีย์ ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ ค่าาา  :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 20:54:14 โดย patwo »

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ้ย น้องฟานนนน  :sad4:

ออฟไลน์ MENTA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่รู้จะพิมพ์อะไรเลย น้องฟานลูก  :o12: :o12: :o12:

ออฟไลน์ seii

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
กรี๊ดดดดดด อีชะนี ที่หล่อนด่านั่นเข้าตัวเองกับครอบครัวใจนรกหล่อนทั้งนั้น
เเหม ....ดอกกกกกกกกกกก ให้มันล้มละลายทั้งครอบครัวไปเลยค่ะ
เชื่อหมอดูเเล้วเป็นไง? ทิ้งลูก เเต่ครอบครัวกำลังล่มจน เห๊อะ สมน้ำหน้า
อยากให้มันไปหาหมออีกคน เเล้วโดนหมอตอกกลับเเรงๆ จัง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-01-2017 21:50:34 โดย seii »

ออฟไลน์ tonnum18

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รู้ประวัติความเป็นมาของฟานแล้ว  ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าครอบครัวฟาน

เป็นพ่อแม่ที่เห็นแก่เงินจริงๆ  เชื่อหมอดูโดยทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองได้ลงคอ

และสอนลูกได้ดีจริงๆ โคตรเห็นแก่ตัวเลย  ธุรกิจครอบครัวมีปัญหา จะหาคนมาต่อยอด

ธุรกิจ อย่างน้องสาวอยากเอาตัวรอด  โดยหาพี่ชายอ้างสารพัดว่าครอบครัวรักอย่างนั้นอย่างนี้

ที่ไหนได้  ตัวเองไม่อยากแต่งกับใครก็ไม่รู้  แต่หาตัวตายตัวแทนนี้เอง  ฟานเอ๋ยไปต้องกลับไปดูดำ

ดูดีหรอก  ปล่อยให้มันล่มจ่มดีแล้ว  อย่าเป็นพระเองละครไทยนักเลย  ให้ครอบครัวพวกนั้นมันสำนึกบ้างเถอะ

ออฟไลน์ Apple_matinie

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2

ออฟไลน์ tkaekaa

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
 :angry2: ปมครอบครัวฟานนี่สุดๆจริง ทิ้้งลูกได้ลงคอยังมีหน้าให้น้องมาทวงบุญคุณ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ้วววว ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมฟานโตมาเป็นคนแบบนี้ สิ่งที่ทำกับคีย์ สะท้อนจากสิ่งที่เคยได้รับแบบนี้นี่เอง
และนั่นเรียกว่าพ่อแม่ได้ด้วยเหรอ โคตรชั่วอ่ะ งมงายเห็นแก่เงินจนทิ้งลูก สุดจะสรรหาอะไรมาเปรียบ อีน้องก็นะ เห็นแก่ตัวไม่ต่างกัน เค้าเรียกว่าปัดขี้ให้คนอื่น
ดีแล้วฟานอย่าไปนับญาติด้วยเลย ใครจะว่ายังไงก็ช่าง ไม่ต้องไปช่วยอะไรทั้งสิ้น ไร้ซึ่งจิตสำนึกของความเป็นคนขนาดนี้ แม่งงง อินจัด!!

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
โอ๋ๆๆๆๆ ฟานนน มาให้พี่กอดน้าาา
โอ๋ๆๆๆๆๆ ไม่เปนไรไม่เปนไรรร
เด๋วคีย์จะเป็นครอบครัวให้เอง

ออฟไลน์ ่jjay

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 454
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
เป็นครอยครัวที่เห็นแก่ตัวมากๆ  สงสารฟานเลยยยยย  :hao5:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

มีพ่อแม่แบบนี้ โตมาได้แบบฟานก็บุญแล้ว
พ่อแม่ตัวจริงคือตายาย สองคนข้างบนคือผู้บริจาคไข่กับน้ำเชื้อ

ออฟไลน์ LovEYouOnLy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 439
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-2
เลวได้ใจจริงๆสำหรับครอบครัวนี้ เห็นแก่ตัวทั้งหมด :angry2: :angry2:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
พ่อแม่ฟานใช่คนหรือเปล่า

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ madxsound

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จริงๆ ที่่ฟานมีปัญหาด้านจิตใจ เอาแต่ใจตัวเอง มันเป็นเพราะครอบครัวฟานจริงๆแหละ
เอาตรงๆ นะ น้องสาวฟานตอนนี้คือนิสัยไม่ได้จริงๆ อ่ะ ไม่ได้เจอเค้าเป้นสิบๆปี กลับมาหาก็จะให้เค้าช่วยเรื่องของครอบครัวเลย คือเห็นแก่ตัวจริๆ ไม่ชอบเลยอ่ะ

เฮ้ออออ มาม่าอืดละ ตอนนี้รีดกำลังแบบปวดขมับ อยากให้ถึงตอนที่ฟานคีย์มีความสุขสักที อึดอัดจัง

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
อดีตผูกมาจนถึงปัจจุบัน

เรื่องคีย์กับฟานก็เหมือนจะเริ่มดี
คีย์อย่าเข้าใจผิดก็พอ

สงสารฟานนะ เด็กน้อยถูกทำร้ายเพราะความเห็นแก่ตัว โชคดีที่ตายายรัก
แต่น้องสาวก็กล้าถามเนาะ พูดออกได้ แค่ให้ตัวเองพ้นจากเรื่องที่ต้องเจอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด