♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนจบ (P.5) 10/10/59 -จบแล้ว-
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนจบ (P.5) 10/10/59 -จบแล้ว-  (อ่าน 65041 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






FOLLOW YOU ตามรักคุณ






เข้าไปเวิ่นเว่อกับเราที่เพจได้น้า https://www.facebook.com/Ch0cmint/





ผลงานทั้งหมด
♥ [เรื่องสั้น] Tweet Love - จบแล้ว
♥ [เรื่องสั้น] Flirt (Pack x Jeans) - จบแล้ว
♥ [เรื่องยาว] Day & Night เพราะว่ารัก - ยังไม่จบ
♥ [เรื่องยาว] Coffee Shop รักนี้...รสกาแฟ - ยังไม่จบ
♥ [เรื่องยาว] Fierce ถึงร้ายก็รัก - ยังไม่จบ
♥ [เรื่องยาว] Love at first sight คุณครับ...มาเป็นของผมเถอะ - ยังไม่จบ
♥ [เรื่องยาว] Demon' s Contract - ยังไม่จบ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2016 11:48:58 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP Intro 23/05/2559
«ตอบ #1 เมื่อ23-05-2016 08:35:03 »

Follow You 00







                ผมเคยเหนื่อยหน่ายกับการเรียนมหาวิทยาลัยมาก ทั้งเรียนทั้งงานมันหนักหนาสาหัสจริงๆ แต่เมื่อใครคนหนึ่งเข้ามาในสายตาของผม ทั้งๆที่เขาคนนั้น..เป็นคนใกล้ตัว เรียนคณะเดียวกันสาขาเดียวกันแต่เราไม่ได้สนิทกันอะไรมากมาย คุยกันได้ทักทายกันได้ วันหนึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดมันก็เริ่มเปลี่ยนไปเพราะอะไรผมก็ไม่อาจตอบได้ จากที่เขาแค่อยู่ในสายตาของผมกลับกลายเป็นเขาเข้ามาในหัวใจของผมซะอย่างนั้น เขาทำให้การเรียนมหาวิทยาลัยของผมมีสีสันยิ่งขึ้นไม่น่าเบื่อเหมือนปีที่ผ่านๆมาอีกแล้ว

 

                ครั้งหนึ่งเราเคยทะเลาะกัน เอ่อ คงเรียกว่าทะเลาะกันไม่ได้หรอกครับ แค่มีปัญหาเกี่ยงกันนิดหน่อยตอนจะประกวดดาวเดือนคณะ ผมกับเขาโดนเลือกเป็นตัวแทนสาขาให้เข้าชิงเป็นเดือนคณะ แต่ผมค้านหัวชนฝาไม่ยอมท่าเดียวส่วนเขาก็ไม่ชอบงานอะไรที่มีคนเยอะแยะ การพบปะผู้คนมากๆเป็นเรื่องที่น่ารำคาญสำหรับเขา แต่ผมก็ไม่สนใจอะไร ผมยอมรับว่าผมเอาแต่ใจตัวเองครับ ก็คนมันไม่อยากประกวดจะบังคับได้ยังไงกัน จริงไหม? จากวันนั้นเขาก็ได้เป็นเดือนคณะครับ ก็ตามคาดล่ะนะ ก็เขาหล่อ สูง ขาว หุ่นดี อาตี๋... แต่เอาจริงๆผมมองว่าเขาก็ดูสวยได้เหมือนกันนะ ส่วนสูงของเขาที่ว่าสูงแล้วก็ยังเป็นรองผมเกือบๆฝ่ามือเลยทีเดียว ส่วนผมเหรอ ไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่ผมเป็นคนที่มีใบหน้าคม ตาคม สูง ผิวออกจะคล้ำกว่าเขานิดหน่อย หุ่นเหรอ ก็ไม่ได้ดีอะไรมากมายแค่มีซิกแพคแค่นั้นเอง

 

                จะบอกว่าเรายังติดใจเรื่องประกวดดาวเดือนกันอยู่รึเปล่า? ก็ไม่นะครับ หลังจากวันนั้นเราก็พูดคุยกันได้แบบปกติ มีแต่ผมเนี่ยล่ะที่สายตามักจะมองไปหาเขาและเฝ้าสังเกตพฤติกรรมหลายๆอย่างของเขา เพราะแบบนี้ล่ะมั้งที่ทำให้เดือนคณะอย่างเขาเดินเข้ามาในหัวใจของคนเหนือเดือนอย่างผมได้ แปลกดีเนอะ ผู้หญิงมากมายเข้าหาผม แต่ผมดันมาสนใจผู้ชายด้วยกันเอง

 

                ตอนนี้ผมนั่งอยู่ตรงหน้าลานคณะ ในมือมีกล้องโปรตัวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งถอยออกมาจากร้าน ผมยกมันขึ้นมาเล็งโฟกัสไปที่หน้าของเพื่อนร่วมโต๊ะอย่างไอ้โฟร์ท มันก็เอามือมาปัดแล้วทำเสียงจิ๊จ๊ะออกมาอย่างไม่พอใจ มันไม่ชอบเป็นแบบให้ใครถ่ายรูปครับ เกลียดการเข้ากล้องมากเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าเป็นเซลฟี่ตัวเองมันไม่เกี่ยงนะเว้ย หลังจากที่มันปัดกล้องผมทิ้ง ผมก็วางกล้องลงบนโต๊ะแล้วยกมือขึ้นโบกหัวมันแทนพร้อมกับยักคิ้วกวนตีนมัน

 

                “มึงนี่ลามปาม”

                มันว่าผมก่อนจะจ้องเขม็งแล้วกลับไปสนใจลอกงานต่อ มันไม่ค่อยโกรธผมหรอกครับ เป็นเพื่อนที่ดี น่าแกล้งที่สุดในกลุ่มแล้วก็ว่าได้ อ้อ พูดถึงคนในกลุ่ม กลุ่มผมมีกันอยู่สี่คนครับ มีผม ไอ้โฟร์ท ไอ้แทม แล้วคนสุดท้าย ไอ้บีท พวกผมชอบเรียกมันว่าฮาร์ทบีทล่ะ แล้วก็ชอบยกมันให้สาวๆด้วย ก็ลูกอมฮาร์ทบีทไงครับ

 

                “กูลามปามอะไรมึง? กูแก่กว่ามึงนะโฟร์ท”

                ผมว่าพร้อมกับยกกล้องตัวเดิมขึ้นมาแล้วกวาดมันไปรอบๆลานคณะ เผื่อเจอสิ่งที่สนใจจะได้กดชัตเตอร์ทันที แล้วผมก็เจอกับฟอง... อืม คนที่ผมแอบขอบนั่นล่ะครับ กำลังเดินมาทางนี้พร้อมกับเพื่อนของมันอีกสองคน มือไวเท่าความคิดครับ กดชัตเตอร์รัวๆไปเกือบสิบภาพ หวังว่าเจ้าตัวเขาจะไม่ทันได้สังเกตนะ

 

                “ไอ้มิน!!”

                เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังขึ้น.. เอาจริงผมแอบสะดุ้งนะ ก็มันดังจนคนทั้งลานหันมามองทางโต๊ะผม พวกของฟองก็หันมามองแล้วยิ้มให้ผมด้วย โอย ทำไมน่ารักล่ะครับ จะยกกล้องขึ้นมาถ่ายอีกครั้งก็ไม่ได้ด้วยดิ ผมยิ้มกลับให้พวกเขาแล้วหันไปหาไอ้โฟร์ทที่มันแหกปากเรียกผมเมื่อกี้

 

                “อะไรของมึงเนี่ย นั่งใกล้กันแค่นี้ทำไมต้องตะโกนวะ”

                ผมปิดเลนส์กล้องแล้ววางมันลงก่อนจะให้มือเสยผมนิดหน่อย ก็อากาศมันร้อนครับไม่ได้จะทำเท่อะไรหรอก แต่ถ้าใครจะมองผมว่าเท่ของให้เป็นฟองได้ไหมล่ะ แค่คิดก็อิ่มเอมใจจนไม่ต้องกินข้าวแล้วล่ะครับ

 

                “แม่ง เรียกสองสามรอบแล้วนะเว้ย หูตึงรึไง”

                ไอ้โฟร์ทหน้ายุ่งเลยครับ แล้วนิ้วมันก็จิ้มลงกลางหน้าผากผมจึกๆ  ไอ้บ้านี่ หน้าผากนะเว้ยไม่ใช่ขี้ ทำตัวเป็นอาราเล่จิ้มอุนจิไปได้ ผมปัดมือมันทิ้งก่อนถลึงตาใส่

 

                “เออๆ มีอะไร?”

                ผมไม่อยากจะเถียงกับมันครับ เดี๋ยวยาว ไอ้โฟร์ทมันเถียงและแถเก่ง

 

                “จะถามว่ามึงเขียนว่าไร กูอ่านไม่ออก”

                มันพูดจบก็เอามือจิ้มที่ใบงานของผม อ๋อ... คือแบบผมก็อ่านไม่ออกเหมือนกันว่ะ สงสัยเมื่อคืนมันกึ่งหลับกึ่งตื่นตอนทำเลยกลายเป็นภาษาต่างดาวไปซะงั้น

 

                “กูก็อ่านไม่ออกว่ะ มึงลอกของไอ้บีทไป”

                ผมดึงใบงานออกจากมือมันแล้วจับยัดลงกระเป๋าทันที ยับก็ช่างมันครับ จังหวะนี้แบบอายลายมือตัวเอง มีหลายครั้งที่ไอ้พวกนี้มันชอบบอกว่าลายมือแบบผมน่าจะไปเรียนหมอ... จริงๆผมก็เรียนหมอได้นะแต่ชอบด้านอาร์ตมากกว่า

 

                “เอ้า อย่าโยนให้มันมาลอกกูดิวะ กูยังไม่เสร็จเว้ย”

                ไอ้บีททำตาโตแถมออกอาการโวยวายอีก ผมว่ามันเสียงดังเกินไปอีกแล้วนะครับ คนทั้งลานหันมามองอีกแล้วไง กลุ่มผมนี่มันกลายร่างมาจากโทรโข่งรึไง มีแต่ผมนี่ล่ะครับที่ใช้เสียงอย่างประหยัดตามสถานการณ์ที่สุดแล้ว

 

                “งั้นลอกของไอ้แทม”

                ผมพยักเพยิดหน้าไปทางไอ้แทม มันเอาแต่ส่ายหน้ากลับมาแล้วชูกระดาษรายงานที่มีแค่ชื่อ... ไอ้เชี่ยนี่หนักกว่าคนอื่นเลยครับ กระดาษมีแค่ชื่อ คนอื่นยังตอบมาข้อสองข้อ สงสัยเมื่อคืนมันจะเล่นเกมยันเช้าจนลืมทำการบ้านอีกตามเคย

 

                “ไอ้ชั่ว ติดเกมอีกสินะมึง”

                ผมไม่ได้ด่ามันนะครับ เป็นไอ้โฟร์ทนู่น ปากยื่นปากยาวด่ามันเข้าไป เดี๋ยวมึงก็ไม่มีการบ้านลอกยาวหรอก คือน้อยครั้งครับที่ไอ้แทมมันจะมากระดาษเปล่า เพราะมันเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในกลุ่มแล้วก็ว่าได้ มันคงทำแค่แปปเดียวแล้วมีต้นฉบับให้เพื่อนๆ

 

                “เรื่องกู กูมีปัญญาทำแล้วกัน ไม่ต้องคอยลอกใคร”

                เจ็บปวดครับ... ไอ้แทมมันพูดแต่ละครั้งแทบจะหงายหลังกันล่ะ เรียนเก่งปากหมา... คุณสมบัติอะไรของมันก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่คนก็ชอบมันเยอะนะ หนุ่มแว่นอะไรแบบนั้น

 

                “เจ็บไหมล่ะมึง ด่ามันก่อนเอง”

                ผมตบบ่าไอ้โฟร์ทเป็นการปลอบมัน ไอ้โฟร์ทหน้าเหลือสองนิ้วเถียงต่อไม่ออกเลยครับ มันแพ้ทางไอ้แทมตลอดล่ะ ไม่เคยชนะสักที ส่วนไอ้บีทนี่หัวเราะจนท้องแข็งไปแล้ว ทำท่าจะหงายหลังตกจากม้านั่งด้วย ดีนะที่ผมละมือจากไอ้โฟร์ทไปดึงแขนมันทัน หน้ามันยังดูตกใจอยู่เลย

 

                “โอ้ยๆ ใจหายใจคว่ำหมดกู ขอบใจเว้ยมิน”

                มันขอบคุณผม ผมส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรแล้วปล่อยแขนมันออก ไอ้โฟร์ทนี่แลบลิ้นปลิ้นตาล้อไอ้บีทต่อเลยครับ อย่าให้ได้ผุดได้เกิดกันเถอะกลุ่มผมเนี่ย

 

                “เดี๋ยวมึงจะโดนนะไอ้โฟร์ท”

                ไอ้บีทว่าคาดโทษมันไว้ก่อนจะกลับไปสนใจการบ้านที่ต้องส่งคาบบ่ายต่อ ไอ้บีทมันชอบพยายามด้วยตัวเองก่อนครับถ้าทำไม่ได้ถึงจะขอคนอื่นลอก ก็ดีของมันครับ

 

                “แม่ง.. งั้นกูไปขอไอ้ฟองลอกก็ได้วะ รายนั้นลายมือสวย งานดี”

                โฟร์ทพูดจบก็หอบใบรายงานพร้อมเครื่องเขียนเอาไว้ในมือก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ผมรีบเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะแล้วคว้าข้อมือมันทันที

 

                “อะไรของมึงไอ้มิน?”

                โฟร์ทมันก้มลงมองข้อมือก่อนจะมองหน้าผมแล้วยิ้มกวนๆมาให้ อยากตายรึไงวะมาทำหน้าตากวนตีนแบบนี้ใส่ผมเนี่ย

 

                “มึงจะไปไหน?”

                ผมก็ถามคำถามโง่ๆกับมันอีกแล้วไงครับ ฮ่วย

 

                “ก็ไปหาฟองไง แหม หรือมึงหวงครับคุณมิน”

                นั่นไงครับ โดนแซวจนได้ ทุกคนในกลุ่มรู้ครับว่าผมชอบฟองแล้วก็หวงฟองมาก.. พวกมันชอบกวนตีนผมด้วยการไปอยู่ใกล้ฟองจับเนื้อต้องตัวไรแบบนั้น ผมเห็นแล้วหงุดหงิดทุกทีถึงจะรู้ว่าพวกนั้นแค่แกล้งผมเล่นๆก็เถอะ

 

                “ก็รู้ๆอยู่”

                ผมยักไหล่แล้วปล่อยมือจากข้อมือไอ้โฟร์ท ส่วนไอ้บีทกับไอ้แทมนี่ยิ้มล้อหน้าบานเชียวครับ ผมได้แต่ยักคิ้วกวนๆไปให้พวกมัน อย่าคิดว่าผมจะเขินนะ ... ถ้าอยากให้ผมเขินก็ดึงไอ้ฟองมานั่งใกล้ๆดิวะ

 

                “เดี๋ยวกูจะโอบไหล่ไอ้ฟองเลยคอยดู”

                ไอ้โฟร์ทยิ้มเจ้าเล่ห์แถมยังแลบลิ้นเลียปากด้วยนะ ไอ้เชี่ย เดี๋ยวมึงจะโดนกูถีบหน้าคะมำ

 

                “โอบตีนกูก่อนไหม?”

                ผมแยกเขี้ยวแล้วยกเท้าขึ้นมาวางบนม้านั่ง ผมเป็นคนพูดจริงทำจริง กล้าได้กล้าเสียนะ แต่กับเรื่องฟองนี่โคตรป๊อดเลยว่ะ

 

                “อุ้ยตาย คุณมินมีน้ำโหแล้วว่ะ กูล้อเล่น”

                ดูมันอุทานครับ -_- ถามจริงเหอะ พ่อแม่มึงเครียดไหมที่มึงอุทานได้ตุ๊ดแตกขนาดนี้ แล้วผมก็ยกเท้ายันก้นมันจนได้ครับ มันหน้าเสียเลยไง ก็โดนคนทั้งลานหันมามองอีกแล้ว

 

                “มึงก็ไปแกล้งไอ้มินมัน”

                ไอ้บีทพูดจบก็ส่ายหน้าไปมา มือมันก็หมุนปากกาเล่นไปเรื่อย ชิวจังนะมึง การบ้านเสร็จแล้วรึไงวะ

 

                “เออ ส้นตีน”

                พี่แทมมาสั้นๆได้ใจความมากครับ จนไอ้โฟร์ทก้มหัวปรกๆ

 

                “ขอโทษคร้าบคุณชายทั้งหลาย กูไปหาฟองแล่ว การบ้านไม่เสร็จสักที”

                แล้วมันก็วิ่งไปหาฟองจริงๆครับ แม่ง... นึกว่าโดนขนาดนั้นมันจะเบนเข็มไปขอลอกคนอื่นซะอีก ไอ้นี่มันกวนตีนผมไม่เลิกจริงๆเลยเว้ย ผมก็ทำได้แค่มองตามหลังไอ้โฟร์ทที่หย่อนก้นลงโต๊ะของฟองเรียบร้อยแล้ว มันทั้งคุยทั้งยิ้มให้ฟองอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟองก็หยิบเอากระดาษใบงานของตัวเองส่งให้ไอ้โฟร์ท อิจฉาว่ะ ได้แต่นั่งมองตาละห้อยเนี่ย คราวหน้าไม่ทำการบ้านมาดีไหมวะ จะได้ทำเนียนไปขอลอกฟองบ้าง... แต่แม่ง ไม่ได้ไง ผมเสือกอยู่ในเกณฑ์เรียนดีแบบไอ้แทมมันซะด้วย

 

                “มึงจะอยู่แบบนี้อีกนานแค่ไหน?”

                อยู่ๆไอ้บีทก็ถามขึ้น ผมเลยต้องเบนความสนใจจากฟองมาสนใจมันแทน เสียเวลาส่องฟองว่ะ ถ้าไม่มีไรสำคัญนะกูจะคว่ำโต๊ะ

 

                “อะไร?”

 

                “ก็แอบชอบฟองไง”

 

                “ไม่รู้ว่ะ จะให้กูทำยังไง”

                ชิบหายเลยครับ มันไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่มันเป็นเรื่องเครียดต่างหาก จริงๆแล้วที่ผมทำได้แค่แอบชอบเพราะผมเป็นผู้ชายแล้วฟองก็เป็นผู้ชายไงครับ จะให้ผมเริ่มยังไงล่ะวะ ก็ไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อนฟองเป็นคนแรก และมันยังเป็นคนแรกที่ผมเข้าไปชอบก่อนด้วย ที่ผ่านๆมาผู้หญิงเข้ามาชอบเข้ามาจีบผมก่อนทั้งนั้นล่ะ ถ้าผมเข้าไปสารภาพรักกับฟองแล้วโดนรังเกียจขึ้นมาจะทำยังไงล่ะวะ

 

                “ไม่คิดจะบอกให้ฟองรู้บ้างเหรอ?”

                เป็นไอ้แทมที่เงยหน้าจากใบงานขึ้นมาถามผม ส่วนไอ้บีทก็พยักหน้าเห็นด้วย ผมได้แต่มองหน้ามันสองคนแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน ถามปัญหาเชาว์ยังตอบง่ายกว่านี้เลยว่ะ

 

                “ก็มันเป็นผู้ชาย”

 

                “แล้วไงวะ? เดี๋ยวนี้เรื่องเพศมันเป็นรองจากความรักแล้วเว้ย”

                ข้อคิดมึงดีงามมากครับบีท แต่ฟองมันจะคิดเหมือนมึงไหมล่ะ นั่นประเด็นสำคัญเลยนะเว้ย

 

                “กลัวว่าฟองมันจะไม่คิดแบบมึงแล้วรังเกียจกูนี่สิ”

                ผมเสยผมตัวเองอีกครั้งก่อนจะขยี้มันไปมา เวลาเครียดผมชอบเป็นแบบนี้ล่ะครับ ผมนี่ขยี้ให้ยุ่งเท่าไหร่ยิ่งเครียดเท่านั้น หมดมาดเหนือเดือนกลางลานคณะก็ไม่แคร์

 

                “ระวังหมาคาบไปแดกแล้วกันนะมึง”

                ไอ้บีทยักไหล่แล้วก้มหน้าทำงานของมันต่อ เอ้า ไอ้นี่ทิ้งระเบิดไว้แล้วหนีไปแบบนี้อ่ะนะ ฟายเอ้ย

 

                “พ่อง ทำกูเครียดนะไอ้บีท”

                ผมขยี้หัวตัวเองอีกครั้ง เอาให้แม่งหวีไม่ออกเลยไง แล้วผมต้องทำยังไงวะ หน้าด้านเดินเข้าไปหาฟองแล้วก็บอกว่า ‘เราชอบฟองว่ะ’ แบบนี้เหรอ? คิดว่ากูกล้าขนาดนั้นเลยเนอะไอ้พวกเชี่ย ถ้ากูกล้ากูคงสารภาพรักกับมันไปตั้งแต่ปีสองแล้วเว้ย

 

                “มึงควรทำอะไรสักอย่างได้แล้ว”

                ไอ้แทมพูดพร้อมกับเอื้อมมือใหญ่ๆของมันมาลูบหัวผม... เอาซะกูเป็นลูกมึงเลยไง ผมขยับหนีมือมันที่เอาแต่อมยิ้มน้อยๆ ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนสนิทที่รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วกูคงจีบมึงไปแล้วล่ะ ปลอบคนอื่นได้น่ารักถึงมันจะปากหมาไปบ้างก็เถอะนะ

 

                “เออ ไอ้บีทมึงไปถวายตัวให้ฟองดิ๊”

                ไอ้บีทหันขวับมองผม ตามันถลน ปากกาในมือร่วงไปเลยครับ

 

                “มึงว่าไงนะ??”

 

                “ก็มึงคือฮาร์ทบีทสื่อรักไงวะ”

                ผมหัวเราะในลำคอเพราะพอใจที่มันทำหน้าตาเหรอหรา โคตรตลกเลยครับ แต่ดูเหมือนมันจะดึงสติกลับมาได้แล้วหยิบปากกามาเคาะลงหน้าผากผม โอย ไอ้บ้า เจ็บนะเว้ย ผมปัดมือมันทิ้งแล้วลูบหน้าผากตัวเองไปมา

 

                “พ่อง กูไม่ใช่ลูกอม”

                ไอ้บีทว่าอย่างหัวเสียเล็กๆ แต่มันก็กลับไปทำงานต่อ ดีแบบนี้ล่ะครับกลุ่มผม ไม่ค่อยต่อปากต่อคำกันยาวเท่าไหร่ พอผมว่างจากพวกเพื่อนๆก็หันไปสนใจฟองอีกครั้งแต่ก็ต้องแปลกใจที่ฟองเดินมาทางผม เห้ย ไอ้โฟร์ทเล่นอะไรแผลงๆอีกแล้วแน่ๆ จะทำตัวยังไงดีวะเนี่ย ผมรีบหันหน้าเข้าหาโต๊ะแล้วหยิบกล้องขึ้นมาเปิดดูรูปที่ถ่ายๆไปจนฟองเดินมาถึงโต๊ะแล้วสะกิดผมนั่นล่ะ ไอ้บีทกับไอ้แทมก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับฟองแล้วกลับไปทำงานต่อ

 

                “ว่าไงฟอง?”

                ผมเงยมองหน้าฟอง พยายามควบคุมตัวเองให้ดูเป็นธรรมชาติและปกติที่สุดทั้งๆที่ตอนนี้ตัวเองแทบสติแตก พอได้เห็นหน้าขาวๆใสๆของฟองใกล้ๆมันพาลจะละลาย ไหนจะมือนุ่มๆที่แตะอยู่บนไหล่ผมอีก โอย อยากคว้ามาดมชิบหาย

 

                “เห็นโฟร์ทบอกว่ามินตอบคำถามข้อที่แปดไม่ได้ก็เลยให้ฟอง เอ้ย เราเดินมาบอก”

                ฟองยิ้มเล็กน้อย จริงๆผมก็รู้มาบ้างว่ากับคนที่สนิทกันฟองจะแทนตัวเองด้วยชื่อแต่เฉพาะกับสาวๆนะครับ เพราะกับเพื่อนผู้ชายที่ฟองสนิทก็กูมึงธรรมดา แต่กับคนที่ไม่สนิทฟองจะแทนตัวเองว่าเรา ถ้าถามว่าฟองเคยพูดหยาบไหม คำตอบคือเคยครับ เรื่องปกติของผู้ชายล่ะวะ

 

                “ห๊ะ? เอ่อ...”

                งงสิครับ งานผมเสร็จแล้วนะ ไอ้โฟร์ทเล่นบ้าอะไรวะเนี่ย ผมเลยหันไปอ้าปากถามไอ้โฟร์ทที่นั่งห่างออกไปสามโต๊ะแบบไม่มีเสียง ‘ว้อท?’ มันได้แต่ขยิบตาให้ผม ผมเลยแยกเขี้ยวใส่มันก่อนจะหันไปมองฟองที่กำลังมองผมแบบงงๆ

 

                “อ๋อ เอ้อ ใช่ๆ มันตอบอะไรนะ”

                ผมเลยเออออห่อหมกไปกับฟองด้วย ฟองยิ้มอีกครั้งแล้วก็บอกคำตอบผมก่อนเขาจะหยุดกึกไปเมื่อสายตามาหยุดที่กล้องผม ผมเลยมองตามฟองไปดูกล้องในมือบ้าง ผมถึงกับเบิกตากว้างแล้วปิดกล้องทันที ไอ้เชี่ยยยย รูปฟองเมื่อกี้เลยครับคุณ โชว์หราเต็มจอกล้องเลยไง ย๊าก

 

                “อ่า งั้นเราไปก่อนนะ”

                ฟองหลบหน้าผมน้อยๆแล้วเดินหนีกลับโต๊ะไปเลย โอ้ยย ชีวิตปรมินทร์จบแล้วใช่ไหมวะเนี่ย เครียดเว้ย ผมวางกล้องเจ้าปัญหาลงแล้วยกมือทั้งสองข้างขยี้หัวตัวเองจนพังยับเยิน คิดไปคิดมาก็เสียดายแว็กซ์ที่ใส่มาเมื่อเช้าว่ะ

 

                “เป็นไรของมึง ปรมินทร์?”

                ไอ้บีทวางปากกาลง สงสัยมันจะทำงานเสร็จแล้วล่ะครับ ผมนี่ส่งสายตา SOS ให้มันเลยครับ

 

                “ฟองแม่ง... เห็นรูปตัวเองในกล้องกูว่ะ”

                ผมพูดจบก็เปิดกล้องแล้วส่งให้ไอ้บีทดูเพื่อยืนยันว่าผมพูดจริง บีทก็นะ... พอเห็นรูปแล้วเอาแต่หัวเราะบ้าบอ ส่วนไอ้แทมก็วางปากกาแล้วชะโงกหน้าไปเสือกเหมือนกัน มันยิ้มมุมปากมาให้ผม เกลียดเว้ย

 

                “กูว่ามึงต้องเตรียมใจสารภาพกับฟองเร็วๆนี้แล้วว่ะ”

                เออครับ ปิดได้มาเป็นปีความแตกเพราะความประหม่าห่าเหวของตัวเอง โอ้ย แล้วจะสารภาพกับฟองยังไงล่ะวะ ปรมินทร์ขอยาพาราสิบเม็ดเลยได้ไหม ตอนนี้เครียดแล้วปวดหัวมาก ไอ้โฟร์ทกลับมาเมื่อไหร่ผมจะฆ่ามัน โทษฐานที่เป็นต้นเหตุให้ฟองเดินมาหาผม



♥♥♥♥♥
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2016 10:14:27 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Follow You : 01



 

                “เมื่อวานมึงแสบมากเลยนะไอ้เชี่ยโฟร์ท”

                ผมด่ามันแล้วโบกหัวมันไปหนึ่งทีหลังจากเลิกเรียนภาคเช้าแล้วเดินตรงไปที่โรงอาหารคณะ ไอ้โฟร์ทหันมาทำตาขวางก่อนจะต่อยเข้าที่ไหล่ผมเบาๆหนึ่งทีเป็นการเอาคืนที่ไม่รุนแรงมากนัก เพราะถ้ามันต่อยแรงผมจะสวนมันกลับอีกรอบ

 

                “แสบไรของมึง อุตส่าห์ช่วยมึงให้ได้คุยกับฟองนะเว้ย”

                มันมุ่ยหน้าแล้วพ่นลมออกทางจมูก... ไอ้บ้าเอ้ยเหมือนกระทิงตอนโกรธเลยว่ะ อยากจะขำนะแต่ผมกำลังเครียดอยู่ไง คิ้วแทบจะผูกกันเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว ไอ้บีทกับไอ้แทมนี่ไม่เคยจะทุกข์ร้อนอะไรกับเขาหรอกครับเดินหลีสาวมาตลอดทางล่ะ

 

                “ช่วยทำให้มันพังดิวะ ฟองแม่งเห็นรูปตัวเองในกล้องกู”

                ผมเหลือบตามองมันอีกครั้งก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะว่าง ทุกคนก็นั่งตามครับเพราะยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะกินอะไรดี

 

                “เห้ย เรื่องนั้นก็โทษกูไม่ได้ป่ะวะ มึงประมาทเอง”

                มันทำหน้าเครียดใส่ผมเลยครับ ก็จริงของมันล่ะครับที่เป็นเพราะความประมาทของผมเอง แต่ถ้ามันไม่ทำให้ฟองเดินมาหาผมผมก็คงไม่พลาดแบบนี้หรอก สรุปแล้วผมจะให้มันผิดครับใครจะทำไม

 

                “ก็กูจะให้มึงผิด มีปัญหาไง?”

                ผมจ้องไอ้โฟร์ทเขม็ง ถ้าวันนี้มันไม่ยอมผมก็อย่าหวังจะได้กินข้าวนะเว้ย ก็มันดันลืมเอากระเป๋าตังค์มาแล้วจะยืมผมเพราะไอ้สองตัวที่เหลือมันไม่ยอมให้ยืมไงล่ะ

 

                “ไอ้เชี่ย ผิดกันคนละครึ่งได้ไหม?”

                โอ้โห เดี๋ยวนี้หัดต่อรองแบบหน้าตายเลยครับ ไม่ยอมผิดคนเดียวด้วยว่ะ สายตาที่มันใช้มองผมนี่เหมือนลูกหมาอ้อนเจ้านายเลยไง คงรู้ชะตากรรมตัวเองถ้ามันยังดึงดันเถียงผมแบบเต็มรูปแบบอยู่

 

                “งั้นเที่ยงนี้มึงกินข้าวแค่ครึ่งจานพอ”

                เอาสิครับ ดูสิมันยังจะกล้าต่อรองอะไรอีกไหม ตอนนี้ผมถือไพ่เหนือกว่ามันนะ ผมยักคิ้วแล้วยิ้มกวนตีนไปให้มัน ไอ้โฟร์ทเลยทำถ้าฮึดฮัดก่อนจะยอมผมไปตามระเบียบ

 

                “ไอ้คนใจร้าย แม่ง กูผิดคนเดียวก็ได้วะ”

                ไอ้โฟร์ทหน้าหงิกเลยครับ ผมก็เลยยิ้มกว้างออกมาในชัยชนะที่บังคับมันได้ ส่วนไอ้แทมกับไอ้บีทเอาแต่หัวเราะแล้วตบบ่าปลอบไอ้โฟร์ทแบบเสแสร้งกันไปตามเรื่องตามราว

 

                “ดีมากครับคุณโฟร์ท เอานี่ตังค์ ซื้อกระเพราไก่ไข่ดาวให้กูด้วย”

                ผมยื่นตังค์ให้มันพร้อมกับสั่งเมนูสิ้นคิด เอาจริงๆผมเป็นคนกินอะไรง่ายๆครับ ไม่ได้เรื่องมากเลือกกินอะไรหรอก ไอ้โฟร์ทรับตังค์จากผมไปแล้วพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะดึงแขนไอ้แทมที่เป็นเวรซื้อน้ำวันนี้ไปด้วยกัน

 

                “กูเอาราดหน้าทะเลนะเว้ย”

                ไอ้บีทตะโกนตามหลังไปส่วนไอ้โฟร์ทแค่ยกมือทำสัญลักษณ์โอเคแล้วเดินต่อไป

 

                “เออ มิน”

                อยู่ๆไอ้บีทก็เรียกผมที่ตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมในมือถืออยู่ ผมกดสต็อปแล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกับมัน

 

                “ว่าไง?”

 

                “เมื่อเช้ากูเห็นฟองมองมาทางมึงด้วยว่ะ”

               

                “หือ ตอนไหนวะ?”

                ผมนี่งงเลยครับ ปกติฟองมันไม่เคยมองมาที่ผมหรอกครับ หรือว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อวาน? ผมจะโดนหาว่าเป็นสต็อกเกอร์ไหมวะเนี่ย

 

                “กูจะบอกมึงถูกไหมล่ะ ก็ตอนเรียนวิชาถ่ายภาพนั่นล่ะ”

                เอ้า ก็กูอยากรู้ว่าช่วงจังหวะไหนที่ฟองมองผมไง อยากรู้ว่าตัวเองพลาดชอตนั้นไปได้ยังไง ก็แค่นั้นเอง

 

                “เออ เขาคงติดใจเรื่องเมื่อวานมั้ง”

                ผมตอบไปแบบไม่ใส่ใจ ก็ไม่เคยคิดมาก่อนอยู่แล้วว่าฟองจะมองผมด้วยความพิศวาส นิ้วผมกดเล่นเกมต่อแต่ไอ้บีทก็ยังไม่เลิกพูด

 

                “ไอ้มิน - - แสดงว่ามึงไม่ได้ฟังอาจารย์พูดเลยใช่ไหม?”

                อ่าว อาจารย์พูดไรอีกวะเมื่อวาน ความทรงจำผมขาดๆหายๆเพราะมัวแต่เล่นเกมให้คาบเรียนล่ะมั้ง

 

                “มั้ง แล้ว’จารย์ว่าไง”

                ผมถามมันทั้งๆที่ตาและสมาธิกำลังจดจ่อเล่นเกมต่อไป กำลังมันเลยครับ ตีบอสอยู่

 

                “จับคู่ถ่ายภาพ Portrait”

 

                “อ๋อ แล้วไง?”

 

                “ไอ้เชี่ยมิน นี่มึงไม่รู้ห่าไรเลยใช่ไหม?”

                ไอ้บีทขึ้นเสียงใส่ผมครับ ไม่พอแค่นั้นนะ ฝามือมันจะฟาดลงกลางหัวผมด้วย เจ็บสิครับ เกมเชี่ยไรไม่เล่นมันแล้ว ผมวางมือถือลงบนโต๊ะแล้วจ้องมันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อทันที กล้ามากนะมึง

 

                “อะไรของมึงห๊ะ ทั้งด่าทั้งทำร้ายร่างกายกู”

                ผมพูดจบมันได้แต่ทำหน้าเอือมๆใส่ผมแล้วส่ายหัวเบาๆเหมือนผมเป็นควายที่เพิ่งลุกจากการแช่ตัวในโคลน เสียเซลฟ์คนเรียนเก่งชิบหาย

 

                “กูน่าจะปล่อยมึงให้โง่ต่อไปว่ะ แต่กูทำไม่ได้เพราะกูเป็นคนดี”

                ไอ้นี่พูดอะไรชวนงงเว้ย มันยิ้มมุมปากนิดหน่อย แล้วนี่กูไปโง่อะไรตอนไหนอีกวะเนี่ย

 

                “มึงพูดไรของมึงเนี่ย กูงง”

                ผมยกมือเกาหัว โอย งงเว้ย เกิดมาไม่เคยงงอะไรแบบนี้ แถมโดนด่าว่าโง่อีก เจริญเลยครับนายปรมินทร์

 

                “มึงคู่กับฟองไง ไอ้ฟาย”

                กรี๊ด เมื่อกี้ผมฟังไม่ผิดใช่ไหมครับ? ผมเนี่ยนะได้ทำงานคู่กับฟอง โอ้ยยย ผมมันโง่จริงๆล่ะเว้ย ถ้าฟังอาจารย์ตั้งแต่ตอนนั้นผมคงตะโกนลั่นห้องแล้วล่ะครับ อายคนอื่นไปอีก โว้ยยย แบบนี้มันต้องฉลองเว้ย แอร้ย ผมยิ้มกว้างมากครับจังหวะนี้ ยิ้มเหมือนบ้าเลยไง

 

                “กูดีใจมากกกกกกกกกก”

                ผมลุกขึ้นเอื้อมมือไปจับไหล่ไอ้บีทที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วเขย่าตัวมันไปมา มันด่าผมเสียงกระท่อนกระแท่นเลยครับ

 

                “ไอ้ห่า ปล่อยกู กูจะอ้วก!”

                มันยกมือขึ้นมาตีแขนผมรัวเลยครับ ผมเขย่ามันจนพอให้แล้วปล่อยมือ สะใจเล็กๆครับ มันก็อมพะนำอยู่ได้ไม่รีบบอกตั้งแต่ตอนเรียนล่ะวะ

 

                “เครื่องในกูมิกซ์กันหมดแล้วมั้ง”

                มันส่ายหัวไปมาเล็กน้อยไล่ความมึน ผมยักไหล่ไม่ได้รู้สึกผิดแต่อย่างใด คนมันมีความสุขครับถึงจะรู้ตัวช้าไปหน่อยก็เถอะ แต่ไอ้งานจับคู่ถ่ายภาพนี่มันทำไงบ้างวะ

 

                ก่อนที่ผมจะได้ถามอะไรต่อ ไอ้สองตัวที่หายไปซื้อข้าวกับน้ำเป็นนานสองนานก็เดินกลับมาพร้อมถาดอาหาร ไอ้แทมนั่งลงข้างผม ส่วนไอ้โฟร์ทนั่งลงข้างๆไอ้บีท มันแจกจ่ายอาหารให้ทุกคนในโต๊ะแล้วก็เริ่มลงมือกิน

 

                “เออ แล้วงานคู่มันทำยังไงบ้างวะ?”

                ผมถามแบบไม่ได้เจาะจงว่าถามใคร เป็นไอ้โฟร์ทที่หันมาสนใจผมคนแรกทั้งๆที่มันเพิ่งสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากไปเมื่อกี้ ผมจ้องมันเป็นเชิงบอกว่ามึงอย่าอ้าปากพูดตอนกินนะเว้ย แล้วมันก็เข้าใจครับรีบเคี้ยวรีบกลืนทันที สงสัยกลัวคนอื่นจะแย่งพูด

 

                “กูหัวเสียมากเลยมึงรู้ป่ะเรื่องงานคู่เนี่ย”

                ไอ้โฟร์ทว่าก่อนมันจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว มันกระแทกแก้วลงบนโต๊ะพร้อมทำหน้าเครียดส่งมาให้ผม... มันหัวเสียแต่ผมหัวสั่นว่ะ... หัวใจน่ะ!! อย่าคิดลึก

 

                “หัวเสียไรของมึง?”

                ผมถามมันก่อนจะยกขวดน้ำขึ้นดื่มบ้าง... ผมมันแนวฮาร์ดคอร์ครับไม่ค่อยชอบใช้แก้วน้ำเท่าไหร่

 

                “ก็แม่ง ต้องผลัดกันเป็นแบบถ่ายให้อีกคน แล้วกูได้คู่กับอิงฟ้า ฮ่วยย”

                ไอ้โฟร์ทมันไม่ชอบให้คนอื่นถ่ายรูปมันครับเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้มันหัวเสีย แล้วอีกอย่างอิงฟ้าเป็นคนสวยด้วยล่ะครับ มันคงเขินเข้าไปอีก ไอ้โฟร์ทคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวขึ้นมากินด้วยความดุดันอีกครั้ง ผมที่กำลังดื่มน้ำอยู่เกือบพ่นน้ำออกมา แต่สุดท้ายผมก็สำลักน้ำครับ ไอ้โขลกจนหน้าดำหน้าแดง ชิบหายแล้วไหมล่ะ... ตอนแรกผมได้ยินงานคู่เลยนึกว่าให้เราทำงานกันเป็นคู่แล้วเลือกแบบถ่ายภาพเป็นคนอื่น ที่ไหนได้ให้ผลัดกันเหรอวะ โอ้ย ขอเอาความดีใจเมื่อกี้กลับมาได้ไหม ผมไม่พร้อมจะเป็นแบบให้ฟอง!! ถ้าถามว่าทำไม ก็เพราะว่าผมเขินยังไงล่ะวะ

 

                “ไอ้มิน เบาๆเว้ย เดี๋ยวก็ตายกันพอดี”

                ไอ้แทมวางช้อนส้อมในมือแล้วลูบหลังผมเบาๆ มันมองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วงแค่แว้บเดียวก่อนจะยิ้มล้อเลียน ไอ้เชี่ย สงสัยจะคิดสาเหตุที่ผมสำลักน้ำได้แล้วมั้งครับ ผมก็ปิดปากไอแบบเอาเป็นเอาตาย ทรมานมากครับ

 

                “เปลี่ยนคู่ แค่ก ตอนนี้ทันไหมวะ”

                ผมพูดทั้งๆที่ยังมีอาการสำลักน้ำอยู่

 

                “ไม่ทันแล้วเหอะ ฟองตอบตกลงอาจารย์ไปแล้ว”

                ไอ้บีทเป็นคนทำฝันผมพังทลายลงต่อหน้าต่อตาและต่อจานกระเพราไก่ไข่ดาวของผม ผมอ้าปากหวอจนไอ้บีทต้องเอื้อมมือมาตบคางผมให้หุบปาก

 

                “กูขอลาไปทำใจก่อนได้ไหมวะ”

                ผมบอกพวกมันก่อนทำหน้าจะร้องไห้ ไอ้โฟร์ทก็ฉวยโอกาสทองขโมยไข่ดาวของผมไปหน้าตาเฉย ไอ้ห่า มึงต้องตายคาตีนกูสักวัน!

 

                “ไอ้สัดโฟร์ท!”

                ผมปาขวดน้ำเปล่าๆใส่มัน มันเสือกหลบได้แล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ผม ผมชี้หน้าแล้วขยับปากแบบไม่มีเสียงว่า ‘ฝากไว้ก่อนเถอะมึง’ เดือดร้อนไอ้แทมต้องหันไปตบหัวคนกวนตีนแล้วกลับมาลูบไล่ผมเบาๆให้อารมณ์เย็นลง ผมหลับตาลงแล้วพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แต่ไม่ทันได้ลืมตาขึ้นก็มีมือใครบางคนมาสะกิดไหล่ผม พอลืมตาก็เจอไอ้แทมนั่นล่ะครับที่สะกิดผมอยู่

 

                “หืม?”

                ผมส่งเสียงถามมันในลำคอ

 

                “เก้านาฬิกา”

                มันพูดสั้นๆก่อนผมจะหันไปตามทิศทางที่มันพูด ไอ้โฟร์ทกับไอ้บีทก็เช่นกัน... อืม เต็มตาเลยครับ กลุ่มของฟองนั่นเอง กำลังเดินมาทางผมกันด้วยนี่ดิ ต้องตะโกนบอกไหมว่าอย่าเข้ามายังไม่พร้อมจะเจอหน้า

 

                “โอ้โห มาถวายตัวให้คุณมินถึงที่เลยว่ะ”

                ไอ้โฟร์ททท มึงช่วยหยุดกวนส้นตีนกูสักห้านาทีได้ไหม มึงไม่ได้กวนกูนี่มึงจะลงแดงชักดิ้นชักงอรึไง เขามาถวายตัวให้กูก็ดีดิวะ กลัวเขาจะมาถวายตีนให้กูเนี่ย

 

                “ถวายพ่องงง”

                ผมว่ามันเสียงรอดไรฟันเลยครับ เพราะเสียงดังมากไม่ได้ ฟองเดินเข้ามาใกล้พวกผมก่อนจะหยุดแล้วส่งยิ้มมาให้พวกผมทั้งกลุ่ม ผมยอมรับตรงๆเลยว่าผมหลบสายตาสดใสนั่น

 

                “เรานั่งด้วยได้ป่ะ โต๊ะอื่นไม่ว่างเลย”

                เสียงใสใสของฟองถามขึ้น เขามากับเพื่อนอีกสองคนมันก็นั่งพอล่ะวะ ส่วนคนอนุญาตไม่ใช่ผมหรอกเว้ย เป็นไอ้ฮาร์ทบีทลูกอมสื่อรักต่างหาก บางทีผมก็คิดว่ามันทำหน้าที่ดีเกินไปทั้งๆที่มันปฏิเสธหัวชนฝาว่ามันไม่ใช่ลูกอมรูปหัวใจ

 

                “นั่งเลยๆ ตามสบาย”

                มึงบอกเขาตามสบายมึงช่วยดูเพื่อนมึงด้วยนะบีทว่าสบายดีไหม... มือไม้กูมีแต่เหงื่อแน่ จะตื่นเต้นทำห่าอะไรวะ เขาแค่มานั่งกินข้าวเอง โธ่เว้ย

 

                “เราขอนั่งด้วยนะ”

                เสียงใสๆพูดขึ้นตรงหน้าผมพร้อมด้วยร่างโปร่งที่นั่งลงฝั่งตรงข้าม เลือกที่ได้ดีนิฟอง... มานั่งข้างผมเถอะครับ ยังดีกว่ามานั่งมองหน้ากันนะเว้ย

 

                “อือ ต ตามสบาย”

                ผมจะพูดตะกุกตะกักทำไมวะเนี่ยพอหันไปมองเพื่อนที่เหลือมันดันขยับก้นไปทางนู้น... ก็ว่าทำไมฟองนั่งลงหน้าผมได้ ไอ้บีท ไอ้คนทรยศเอ้ย พวกมันยิ้มล้อผม ไอ้ชิบหาย ถ้ามันแซวได้มันคงแซวผมไปแล้วล่ะ ผมไม่สนใจพวกแม่งละ พอหันกลับมาก็เห็นมาฟองส่งยิ้มบางๆมาให้ ผมก็ได้แค่ยิ้มกลับไป ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี

 

                “ว่าไงมึง สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยว่ะ”

                เอ้า.. กูหันกลับมาแปปเดียว แล้วทำไมข้างกูมันไม่ใช่ไอ้แทมแล้ววะ กลายเป็นไอ้ฝุ่นเพื่อนฟองแทน

 

                “ห๊ะ? อ๋อ สงสัยกินมากไปเลยปวดท้องว่ะ”

                ผมตอแหลมันไปเต็มๆครับ นี่ผมทำหน้าแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แค่ตื่นเต้นเว้ยไม่ได้จะตาย ฝุ่นมึงถามโอเวอร์ไปป่ะวะ

 

                “ปวดท้องหรือใจสั่น มึงเอาให้แน่”

                ครับปิน ขอบคุณมากครับ ไอ้เชี่ยยย กูอยากจะกระโดดพุ่งออกจากโต๊ะไปบีบคอแม่งให้ตายๆตรงนี้เลย มันรู้ครับว่าผมชอบฟอง แต่มันไม่เคยปากโป้งบอกฟองหรอกนะ แต่มันชอบแซวเงี้ยล่ะครับ ไอ้พวกที่เหลือก็ไม่ช่วยผมหรอกครับ หัวเราะบ้าบอทำหน้าล้อเลียนผมส่งเสริมกันเข้าไป! มีแต่ไอ้ฝุ่นกับฟองนี่ล่ะที่ไม่เข้าใจอะไร... ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ~

 

                “ตอนนี้ตีนสั่นว่ะปิน”

                ผมจ้องหน้ามัน จริงครับ ตอนนี้ผมตีนสั่นและพร้อมลั่นถีบหน้ามันแล้ว ปินมันอ้าปากหวอก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างๆฟอง

 

 

                “กูไปซื้อข้าวดีกว่า พวกมึงสองคนเอาไร?”

                มันหันไปถามฝุ่นกับฟอง พอได้คำตอบเสร็จมันก็รีบก้าวขายาวๆออกไปจากตรงนี้ กลัวตีนกูลั่นสินะมึง หึหึ แต่พอมันไปผมก็สัมผัสได้ว่าฟองกับลังจ้องผมอยู่ ส่วนไอ้ฝุ่นอ่ะเหรอ เข้าสมาคมช่างเม้าท์ไปกับไอ้สามตัวที่เหลือแล้ว ไม่มีอะไรมากครับ เรื่องสาวๆตามเคย

 

                “หือ มีอะไรติดหน้าเราเหรอวะ?”

                ผมถามขึ้นเมื่อฟองเอาแต่จ้องหน้า ผมยกมือขึ้นลูบไปทั่วหน้าตัวเองจนฟองหัวเราะแล้วส่ายหน้าไปมาพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆที่เผยให้เห็นเขี้ยว... ฮึก อยากฟัดว่ะ

 

                “เปล่าๆ เรากำลังพิจารณาแบบงานของเราไง”

                ฟองพูดจบก็ยกมือขึ้นทำเป็นสี่เหลี่ยมแล้วโฟกัสมาที่หน้าผม... จ้า พ่อคนร่าเริง ถ้ารู้ว่าผมคิดอะไรจะไม่ทำตัวแบบนี้กับผมแน่ๆ

 

                “แล้วเป็นไงบ้าง หล่อป่ะ?”

                ตอนนี้ต้องพยายามหน้าด้านเข้าไว้ครับ ไม่งั้นสติจะแตกแบบที่ไอ้พวกตัวแสบไม่ต้องแซว ฟองยกมือลงทันทีก่อนจะบุ้ยปากใส่ผม โอ้ย พ่อคนหล่อ อย่าทำตัวแบบนี้ครับรู้ไหมว่ามันน่ารักเกินจะต้านทาน ถ้าผมเป็นไอติมคงละลายภายในสามวิ

 

                “เราหล่อกว่า เราเป็นเดือนคณะ”

                หืมม ไม่ยอมแพ้ผมด้วยนี่สิครับ แบบนี้มันน่าจับฟัดซะให้เข็ด ฟองพูดจบยังยักคิ้วให้ผมด้วยอีกนะ กวนตีนใช่เล่นนะเรา แต่กวนใจเก่งกว่าอีก T T  ผมหลุดขำก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยกับเจ้าตัว โอเคครับ เขาหล่อ

 

                “ฮ่าๆ โอเคๆเรายอมแล้ว”

                ผมยกมือขึ้นยอมแพ้ทำให้ฟองหันมายิ้มกว้างให้ผม ไอ้พวกที่เหลือก็ผิวปากล้อผมอีกแล้วครับ สัด! มึงสงสารฝุ่นกับฟองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเถอะนะ ไม่อยากให้เขามองพวกมึงเป็นคนบ้าว่ะ

 

                “งั้นเรื่องสถานที่กับวันเวลาเราค่อยนัดมินอีกทีนะ เอ้อ ขอไลน์หน่อยดิจะได้ติดต่อง่ายๆ”

                อุย.... ขอกรี๊ดเป็นตุ๊ดสักครั้งได้ไหมครับ โดนคนที่ตัวเองชอบขอไลน์อ่ะครับ เขินตัวจะบิดแล้ว .... เอ่อ ผมแมนนะครับ ขอโทษถ้าทำให้หลายๆคนเข้าใจผิด แล้วหลังจากนั้นเราก็แลกไลน์กันภายใต้สายตาล้อเลียนของพวกตัวแสบอีกเช่นเคย แล้วยังโดนไอ้ปินที่กลับมายิ้มล้ออีก - - เชิญครับ รุมให้เต็มที่ อย่าให้ถึงคราวผมบ้างนะ จะเอาให้เละจนไม่มีใครจำศพพวกมันได้เลยคอยดู



♥♥♥♥♥
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2016 09:48:06 โดย Ch0cmint »

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Follow You 02





 

                ผมแหกขี้หูขี้ตามานั่งร้านกาแฟแถวๆมหาวิทยาลัยตั้งแต่เก้าโมงเช้า ก่อนจะมาถึงที่นี่ได้ยังต้องแวะไปรับไอ้บีทอีกต่างหาก มันไม่ยอมขับรถมาเองครับ ทั้งๆที่คอนโดมันก็อยู่ใกล้แค่นี้ ลำบากให้ผมต้องจอดรับมันไปอีก แต่ก็ไม่เสียเปล่าครับ มันรับปากว่าจะเลี้ยงกาแฟผมพร้อมกับคืนค่าข้าวกลางวันเมื่อวันก่อนด้วย

 

                ผมกับบีทเลือกนั่งโต๊ะมุมในสุดของร้านติดกับกระจกใส มันมีเหตุผลอยู่สองข้อครับที่เลือกนั่งตรงนี้

1.       ส่องสาวๆได้ง่ายครับ เพราะนั่งติดกระจก

2.       คนไม่พลุกพล่าน เป็นส่วนตัวครับ

พอได้ที่สร้างแลนมาร์คเรียบร้อยผมกับไอ้บีทก็หันไปเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งอาหารกันครับ ออกมาเช้าขนาดนี้ผมยังไม่ทันได้กินอะไรสักอย่างเลยเถอะ ก็ไม่เข้าใจว่าไอ้แทมกับไอ้โฟร์ทมันจะรีบนัดออกมาทำไม มีเรียนตั้งบ่ายโมงครับ ถ้ามันมาถึงผมจากง้างปากมันให้ได้เลยคอยดูเถอะ

 

“มาแต่เช้าเลยนะ”

                เสียงนุ่มๆของเด็กเสิร์ฟ ไม่สิ เจ้าของร้านต่างหากครับ พี่เอสเจ้าของร้านกาแฟสนิทกับพวกผมครับ ก็พวกผมมันลูกค้าประจำ ถึงขั้นกินแล้วติดไว้ค่อยจ่ายก็ได้ ผมหันไปยิ้มให้พี่แกบางๆพร้อมกับยกมือไหว้ ให้บีทก็ทำเหมือนกับผม เพราะพี่แกแก่กว่าพวกผมอยู่หลายปีเหมือนกัน

 

                “เออดิพี่ ไอ้แทมกับไอ้โฟร์ทไม่รู้มันจะรีบอะไรนักหนา”

                ไอ้บีทว่าก่อนที่มันจะเกาหัวแกรกๆ ดูแล้วให้ความรู้สึกซกมกว่ะ มันอาบน้ำมารึยังเนี่ย ผมก็ได้แต่มองมันสลับกับพี่เอสแล้วพยักหน้าแกนๆ

 

                “อ๋อ เออ พวกมึงจะสั่งไรบ้าง?”

               

                “ผมขอคาปูชิโน่ร้อนกับครัวซองแฮมชีสครับ”

                เรื่องกินขอให้บอกบีทครับ สั่งอย่างไว นี่มึงนอนคิดมาก่อนแล้วใช่ไหม?

 

                “ผมขอเอสเพรสโซ่กับโจ๊กหมูแล้วกันครับ”

                ผมสั่งบ้าง ตอนเช้าๆขออะไรที่มันเบาๆสบายท้องหน่อยเหอะวะ พี่เอสพยักหน้ารับก่อนจะเดินหายเข้าไปหลังครัว สงสัยจะเอาออเดอร์ไปส่งให้พ่อครัว ตอนนี้ผมก็ว่างเพราะไม่รู้ว่าไอ้แทมกับไอ้โฟร์ทมันนัดผมสองคนออกมาทำไม แถมไอ้ฝ่ายนัดแม่งมาสายอีก

 

                “บีท”

                ผมเรียกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามที่เอาแต่มองหน้าจอมือถือแบบไม่วางตา มีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นวะ? ผมล่ะโคตรสงสัยเลย กำลังจะชะโงกหน้าไปแอบดูแล้วเชียวแต่มันเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมซะก่อน

 

                “มีไร?”

               

                “มันนัดเราออกมาทำไมแต่เช้าวะ?”

 

                “กูก็ไม่รู้”

                น้ำเสียงมันดูหงุดหงิดมากเลยครับ เอาจริงๆผมเดาว่ามันคงเพิ่งได้นอนเมื่อตอนตีสี่อะไรแบบนั้นเพราะไอ้บีทมันติดเกม แล้วพวกที่เหลือโทรไปปลุกมันตอนเจ็ดโมงเหมือนๆกับผมล่ะมั้ง แต่ผมนอนพอครับไม่ได้อดหลับอดนอนแบบมัน ใครเป็นแฟนผมนี่ไม่ต้องคิดว่าผมจะนอกใจนะครับ เพราะว่างเมื่อไหร่เป็นนอน

 

                “เออ ถ้าไม่มีไรสำคัญนะกูจะด่าให้เป็นหมัน”

                ผมว่าก่อนจะทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้แล้วหยิบมือถือตัวเองที่ตั้งอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดดูอะไรไปเรื่อย ส่วนไอ้บีทก็กลับไปนั่งสนใจอะไรที่มันดูค้างอยู่เมื่อกี้ต่อ



 

                เออ หลังจากที่ผมแลกไลน์กับฟองไปเราก็ไม่ได้ทักคุยอะไรกันนะ ... ทั้งๆที่ผมอยากทักไปคุยแทบตายแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี ก็บอกแล้วไงครับเรื่องอื่นน่ะผมกล้าหาญนะแต่ถ้าเป็นเรื่องฟอง ต่อให้นานแค่ไหนก็ป๊อดอยู่ดีล่ะวะ พอคิดถึงเรื่องนี้ก็เข้าไปส่องไลน์ฟองหน่อยเถอะครับ จริงๆผมก็ไม่รู้นะว่าฟองมีแฟนหรือแอบไปชอบใครอยู่รึเปล่า นี่คืออีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้ผมยังอยู่ในที่ของตัวเอง คิดแล้วก็เครียดครับ - -

 

                นิ้วผมจิ้มลงไปที่ไลน์ของฟองกำลังจะกดไปดูหน้าโฮมของเขา แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อแจ้งเตือนไลน์เด้งขึ้นมาแล้วมันเป็นไลน์ของฟองเว้ย!! หรือผมจะกดโดนอะไรแล้วส่งข้อความไปหาฟองก่อนรึเปล่าวะเนี่ย ผมแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่ มือไม้เริ่มชื้นเหงื่อขึ้นมาซะงั้นทั้งๆที่แอรืก้เป่าลงบนหัวตลอดเวลา



                ผมกลั้นใจแล้วตั้งสติเปิดหน้าแชทของฟองขึ้นมา พบว่า...ฟองเป็นคนทักผมมาก่อน! เหมือนสวรรค์มาโปรดเลยครับ ไม่ต้องเริ่มประโยคสนทนาเองด้วย เห้ย ถือว่าวันนี้ตื่นเช้ามานั่งร้านกาแฟก็มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นวะ จะยกโทษให้ไอ้แทมกับไอ้โฟร์ทไปก็แล้วกัน หลังจากดีใจอยู่นาน สงสัยจะเผลอยิ้มมากไปไอ้บีทเลยเงยหน้าขึ้นมาแซว

 

                “ยิ้มไรนักหนา คุณฟองบอกรักมึงรึไง”

                ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงอ่ะครับเพื่อน  ใครจะว่าผมเป็นผู้ชายขี้มโนก็เอาเถอะครับ แต่ผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่าผมมโนเรื่องฟองแค่คนเดียวเท่านั้นนะ เอ้อ เป็นตัวอย่างที่ดีเห็นไหมล่ะ รักเดียวใจเดียวนะ

 

                “ฟองทักไลน์มาว่ะ”

                ผมยักคิ้วให้ไอ้บีทกวนๆ มันถึงกับเบ้ปากแล้วด่าผมแบบไม่มีเสียงว่า ‘สัด’ ก่อนกลับไปดูอะไรของมันต่อ ให้ผมเดานี่หนังเอวีแน่ๆ - - จ้องจนตาจะติดจอขนาดนั้น ผมยกมือโบกหัวมันเลยครับ ไม่สนใจว่ามันจะด่าอะไรผมอีกไหม ส่วนมันก็เงยหน้ามาแล้วชูนิ้วกลางให้ผม ไอ้นี่นิ ไม่จบไม่สิ้นนะมึง แต่เอาเถอะครับ ผมกำลังอารมณ์ดีจะปล่อยมันไปแล้วกัน

 

                ผมก้มหน้าลงอ่านข้อความของฟองอีกครั้งก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อย

 

-           หวัดดีมิน

-           เราฟองเองนะ


ไม่บอกก็รู้แล้วครับคุณฟอง ใครมันจะไปลืมไลน์คนที่ตัวเองชอบล่ะวะ มือผมกำลังบรรจงพิมพ์ตอบกลับฟองไปว่า ‘อ๋อ ที่รักนั่นเอง’ คือแค่พิมพ์ไว้ในช่องเล่นๆครับไม่ได้คิดจะกดส่ง จังหวะที่ผมมองด้วยความพอใจแล้วกำลังจะกดลบ ไอ้เชี่ยที่ไหนไม่รู้พาดแขนกอดคอผมจากด้านหลังพร้อมกับทิ้งน้ำหนักตัวลงมาแบบที่ไม่ทันตั้งตัว นิ้วโป้งผมดันเสือกจิ้มลงบนหน้าจอมือถือ แต่ที่ตกใจมากกว่านั้นคือมันจิ้มลงบนเครื่องหมายสามเหลี่ยมแล้วกดส่งข้อความที่ผมตั้งใจจะลบออกไป บรรลัย!!! ใครทำกับกูแบบนี้มึงต้องตาย!

 

ผมรีบหันกลับไปดูไอ้มารผจญแล้วก็พบกับใบหน้าของไอ้โฟร์ทที่ซุกลงมาบนลาดไหล่กว้างของผมอย่างรักใคร่ ... ผมให้มือผลักหัวมันออกไปแรงๆด้วยความโมโห มันตกใจจนทำหน้าเหวอเลยครับ ก็ปกติผมไม่ได้ผลักไสมันหรอกถ้ามันทำแบบนี้กับผม

 

“มิน มึงเป็นไรวะ อารมณ์เสียมาจากไหน?”

โฟร์ทละล่ำละลักถามผมแบบกล้าๆกลัวๆ ส่วนไอ้แทมที่มาพร้อมมันก็เข้าไปนั่งข้างไอ้บีทเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่มันนี่ล่ะครับที่เล่นจ้องตากับผมอยู่

 

“เพราะมึงเลย มึงคนเดียว”

ผมพูดเสียงรอกไรฟันแล้วโชว์หน้าจอมือถือให้มันดู พอมันเห็นมันก็ปิดปากแล้วทำตาเป็นประกาย - - มันคงไม่เข้าใจที่ผมต้องการสื่อครับ ผมฟันธง

 

“ฟองทักมานี่ แล้วมึงก็เรียกฟองที่รักด้วยอ่ะ โอยๆ หวานจัง”

มันทำหน้าเคลิ้มฝัน มือสองข้างก็กุมกันแบบสาวน้อยช่างฝัน ไอ้เชี่ย! หวานพ่องมึงสิ หายนะไหมล่ะมึงเอ้ย ยังไม่รู้ตัวอีกว่ามึงทำอะไรลงไปเนอะ จากที่จะยกโทษให้เรื่องปลุกตอนเช้า ตอนนี้แม่งเพิ่มความผิดให้มันสองกระทงเลยไง มึงไม่ต้องผุดไม่ต้องเกิดแล้วครับเพื่อน

 

“พ่องมึง!! กูกำลังจะกดลบ มึงนั่นล่ะเสือกมากอดกู ห่า นิ้วแม่งดันไปโดนกดส่ง”

ผมด่ามันแล้วประดคนหมัดใส่ท้องมันแบบไม่เบาไม่แรง กำลังพอดีให้จุกเล่นๆครับ จะทำอะไรมากก็ไม่ได้ตอนนี้ เพราะลูกค้าคนอื่นๆก็เริ่มทยอยกันเข้ามานั่งในร้านแล้ว

 

“โอ้ย ไอ้มิน กูจุก”

ไอ้โฟร์ทกุมท้องตัวเองแน่นแล้วทิ้งตัวลงนั่งแหมะข้างไอ้แทมแล้วออดอ้อนออเซาะกันอย่างกับผัวเมีย ผมมองด้วยสายตาอาฆาตแค้นก่อนจะยกนิ้วชี้หน้ามันคาดโทษบอกเป็นนัยว่าเรื่องยังไม่จบแค่นี้แน่ๆ ผมกะว่าจะพิมพ์ไปแก้ตัวกับฟองว่าส่งแชทผิด แต่ฟองดันตอบผมกลับมาซะก่อน

 

-           หืม? ใครที่รักของมินวะ


แหม... พอเห็นฟองถามมาแบบนั้นไอ้เรื่องแก้ตัวเหมือนจะโดนพับเก็บไปซะแบบนั้น ผมอยากจะพิมพ์ตอบกลับไปเหลือเกินว่า ก็ฟองไงครับที่รักของมิน แต่ก็กลัวว่าฟองมันจะบล็อกไลน์ผมไปเลยนี่สิ

 

-           โทษๆ มินส่งแชทผิดคนว่ะ

ผมส่งแก้ตัวไปแบบนั้นล่ะครับ ไม่รู้จะบอกว่าอะไรดี ก่อนที่ผมจะได้ทำอะไรต่อเมนูอาหารที่สั่งไปก็ได้แล้วครับ ผมเลยละความสนใจจากมือถือมาสนใจข้าวต้มแทน ส่วนไอ้แทมกับไอ้โฟร์ทก็สั่งของมันกันบ้าง



“เออ พวกมึงนัดพวกกูออกมาทำไมแต่เช้า”

ไอ้บีทถามขึ้นหลังจากที่มันเพิ่งยกแก้วกาแฟดื่มไป คราบกาแฟแม่งติดปากด้วย มันแลบลิ้นออกมาเลียช้าๆเนิบๆ - - ผมมองแล้วทำหน้าเอือม มึงกำลังยั่วใครเหรอบีท กูล่ะอยากเอาเท้ายันปากมึงจริงๆ แล้วมันคงเห็นผมมองอยู่ก็เลยเบนมาถามผม

 

“เซ็กซี่ป่ะ? เปลี่ยนใจมาชอบกูก็ได้นะ”

มันพูดพร้อมขยิบตาข้างนึงให้ผมด้วยนะ ผมนี่รีบคว้าซองน้ำตาลที่อยู่ข้างแก้วขว้างใส่มันทันที แค่คิดก็สยองแล้วครับคุณ ใครจะไปเอามันลง! ไอ้แทมกับไอ้โฟร์ทนี่หัวเราะดังลั่นไม่เกรงใจลูกค้าคนอื่นเลยครับ

 

“เซ็กซ์เสื่อม!!!”

พูดพร้อมกันทั้งโต๊ะเลยครับ ไอ้บีทนี่หน้าหงิกหน้างอเลย โอย ขำครับ 55555555555555 งอนเป็นตุ๊ดเลยเพื่อน ผมเอื้อมมือไปดึงแก้มมันเล่นเป็นการง้อนะ... มันนี่มองผมตาเขียวเลยไง

 

“โอ๋ๆ กูง้อนะครับ อย่างอนนะ”

ผมฉีกยิ้มกว้างโคตรจริงใจให้มัน แต่มันกลับปัดมือผมทิ้ง

 

“ไม่ต้องมาแอคแทคกูเลย มึงอ่ะนอกใจกูตลอด”

มันบุ้ยปากใส่ผม.. ตกลงเพื่อนผมแมนหรือเป็นเกย์ช่วยบอกทีเถอะครับ ผมกับมันชอบเล่นกันแบบนี้ล่ะ โรคจิตดีเนอะ

 

“อ้าว มึงเพิ่งรู้เหรอ กูนอกใจมึงมาเป็นปีแล้วนะ”

ผมว่าพร้อมยักคิ้วให้มัน ก็ตามนั้นครับ ผมชอบฟองมาเป็นปีๆแล้วล่ะ เก่งเนอะคนแอบชอบเนี่ย ความอดทนสูงดี

 

“ไอ้มิน ไม่ต้องมาพูด มึงกำลังขายตัวเองว่ามึงป๊อดมาเป็นปีแล้ว”

พี่แทมครับ มึงจะนั่งเงียบแดกขนมปังปิ้งทาแยมไปเงียบๆก็ไม่มีใครว่าหรอก พูดทีผมหน้าหงายเลยไงครับ เถียงไม่ออกด้วยดิ

 

“กูเห็นด้วยว่ะ”

ไอ้โฟร์ทพูด

 

“เออๆ ใช่”

นี่เสียงไอ้บีทครับ มาองมาเออกับเขา เมื่อกี้ยังบอกว่ากูนอกใจอยู่เลย

 

“พอครับพอ เออ แล้วมึงนัดกูสองคนมาทำไม?”

ผมหันไปถามไอ้โฟร์ทกับไอ้แทมต่อ เพราะตอนมันเรียกพวกผมออกมามันก็ไม่ยอมบอกรายละเอียดอะไร บอกแค่ว่าออกมาเจอกันแล้วจะบอก

 

“รีบจังนะพวกมึง รอกูกินเสร็จก่อนเดะ”

ไอ้โฟร์ทว่าก่อนจะตักข้าวต้มกุ้งเข้าปากคำโต ผมเลยหันไปหาไอ้แทมเพื่อเอาคำตอบ แต่มันก็แค่จิ้มขนมปังปิ้งเข้าปากไปซะงั้น - - ความกวนตีนนี่พวกมึงมีกันทุกคนสินะเพื่อน

 

“เออๆ รีบๆยัดเลยมึง”

ผมบอกพวกมันเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่นต่อ ป่วยการจะไปเร่งอะไรพวกมันครับ มันไม่อยากบอกก็คือไม่บอกนั่นล่ะ ผมตั้งใจจะเข้าไปดูไอจีแต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเข้าไลน์ก่อน เพราะฟองส่งข้อความกลับมาแล้ว

 

-           ว้าว งั้นแสดงว่ามินมีแฟนแล้วอ่ะดิ?

 

แฟน?... ไม่มีเว้ยฟอง แฟนที่ไหน อย่าเพิ่งเข้าใจผิดได้ไหมเล่า นิ้วผมรีบรัวลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วเพื่อแก้ความเข้าใจผิด

 

-           เห้ย ไม่มีๆ มินแค่เล่นกับคนในกลุ่ม

 

-           อ๋อ แต่เหนือเดือนอย่างมินไม่น่าเชื่อว่าไม่มีแฟนนะ

 

-           55555555 เชื่อมินเหอะ แล้วเดือนอย่างฟองล่ะมีแฟนยัง?

 

 

เอ้า เฮกันหน่อยครับทุกคน นายปรมินทร์ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้วที่กล้าถามว่าฟองมีแฟนรึยัง แล้วฟองก็เงียบไปครับ เงียบหายไปจนน่ากลัวเลยว่ะ นี่ผมถามคำถามที่ไม่ควรถามไปรึเปล่าวะ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองคงเครียดมากแน่ๆ ความเงียบนี่มันช่างกดดันจนประสาทจะกินจริงๆนะ

 

“มึง ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้น?”

ไอ้โฟร์ทถามขึ้น ผมเลยเงยหน้าจากมือถือขึ้นเพื่อจะพบว่าทุกคนกำลังจ้องหน้าผมอยู่ด้วยสายตาเป็นห่วง คงเป็นเพราะช่วงนี้ผมชอบทำหน้าเครียดล่ะมั้ง คนอื่นๆเลยออกอาการเป็นห่วงกันขนาดนี้

 

“หือ เปล่าๆ แล้วตกลงนัดออกมาทำไม”

ผมบอกมันปัดๆแล้วถามเรื่องที่อยากรู้แทน พวกมันก็เลยมองผมอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ถามอะไรต่อ

 

“พรุ่งนี้วันเสาร์”

ไอ้แทมพูดขึ้น... เล่นเอาผมกับบีทนี่งงเป็นไก่ตาแตกเลยไง

 

“แล้ว?”

ผมถามเองล่ะ

 

“ต้องไปทำงานถ่ายภาพ”

 

“เออ แล้วไงต่อ มึงช่วยพูดแบบครั้งเดียวจบได้ไหมวะ”

เป็นไอ้บีทพูดขึ้นแทนผมครับ สงสัยมันจะเริ่มหงุดหงิดแล้ว

 

“เออ วันนี้ก็เลยนัดไอ้ปินมาที่นี่ ตกลงเรื่องสถานที่กับเวลา”

แค่นั้น? แล้วพวกกูเกี่ยวอะไรกับงานของมึงด้วยเนี่ย เดี๋ยวนะ... แล้วไอ้แทมคู่ไอ้ปินเหรอ กูเพิ่งรู้อีก - - มีไรไม่เคยจะบอกผมกันเลยนะพวกมันเนี่ย

 

“แล้วพวกกูเกี่ยวอะไรด้วย?”

ผมทำหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สายตาก็เหลือบไปมองหน้าจอมือถือที่ตั้งไว้บนโต๊ะเป็นระยะ ถ้าฟองตอบกลับมาผมจะรีบหยิบมันขึ้นมาอ่านเลยล่ะ

 

“กูอยู่กับมัน มันออกมากูก็เลยออกมาด้วย ขี้เกียจอยู่ห้องคนเดียว”

ไอ้โฟร์ทตอบ ผมก็พยักหน้าเข้าใจ เพราะสองคนนี้มันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมสนิทกันจนเรียนมหาวิทยาลัยเลยอยู่คอนโดเดียวกัน

 

“ส่วนไอ้มิน.. เพราะฟองจะมากับปินด้วย”

เหตุผลมึง! กูขอมอบโล่เพื่อนดีเด่นให้เลยครับ รักมึงมากที่สุดเลยไอ้แทมเอ้ย ให้กูจุ๊บหน้าผากมึงสักทีเถอะ

 

“มึงอย่ายิ้มเยอะ แม่ง เหมือนคนบ้า”

ไอ้โฟร์ทหันมาด่าผม... เออ กูขอโทษได้ไหมล่ะที่ยิ้มกว้างเกินไป ก็มันดีใจนี่หว่า

 

“ว่ากูนะมึง”

ผมขยำกระดาษทิชชู่แล้วปาใส่หัวมัน มันเสือกรับได้ครับ เออ พ่อนักบาสมหา’ลัย

 

“แล้วกูเกี่ยวไรรรรรรรรร?”

ไอ้บีทถามลากเสียงยาวเลยครับ เพราะดูยังไงๆ มันก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียเรื่องนี้เลยสักนิด

 

“มึงฆ่ากูตายในเกมเลยอยากแกล้งมึงเฉยๆ ไม่มีไร”

ไอ้แทมตอบหน้าตายเลยครับ นี่มึงเล่นเกมกันแล้วออกมาอาฆาตกันในชีวิตจริงด้วยเหรอวะ พ่อมหาจำเริญของผม

 

“กูยอมใจมึงจริงๆอ่ะแทม”

ไอ้บีทว่าเสียงเนือยๆก่อนจะปั้นกระดาษปาใส่ไอ้แทมบ้าง หน้ามันนี่หงิกปากเชิดจนจะถึงจมูกอยู่แล้ว ตลกชะมัดเลย 55555555

 

“เดี๋ยวกูกระโดดถีบ”

ไอ้แทมว่าไอ้บีทเสียงเย็นเลยครับ ส่วนไอ้บีททำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้แล้วยกมือถือขึ้นมากดปิดหน้าปิดตาตัวเอง

 

“เออ แล้วนัดกี่โมงวะ?”

ผมถามไอ้แทมที่กำลังจะเรียกพนักงานในร้านมาสั่งอะไรกินต่ออีก

 

“สิบครึ่ง”

 

“โอเค”

ผมตอบมันก่อนจะยกแก้วกาแฟตัวเองขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด เย็นชืดชิบหายเลยไง แล้วผมก็วางแก้วลงพร้อมด้วยหน้าจอมือถือสว่างวาบแจ้งเตือนข้อความไลน์เข้าของฟองเด้งขึ้นมา ผมรีบตะครุบมือถือแล้วกดอ่านทันที

 

-           เดือนอย่างเราก็ไม่มีแฟนเหมือนกัน โสดสนิท 555555555

-           เอ้อ เดี๋ยวเจอกันนะ เราจะไปนัดสถานที่กับเวลาพร้อมปินเลย

 

ผมรู้สึกว่าหลังจากอ่านข้อความของฟองจบแล้วโลกมันก็สดใสขึ้นมาอีกเท่าตัวเลยครับ ความหวังของผมมีแบบเต็มร้อย แต่ความกล้าล่ะ! เมื่อไหร่ผมจะสร้างได้สักทีวะ มีที่ไหนเปิดสอนเปิดติวเรื่องความกล้าสารภาพรักกับคนที่ชอบบ้าง ผมจะไปเข้าคอร์ส

 

-           อ่า โอเคครับ พวกมินรออยู่ที่ร้านแล้ว



♥♥♥♥♥


ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Follow You 03





 

                เสียงกรุ๊งกริ๊งจากประตูร้านกาแฟเรียกความสนใจจากพวกผมได้เป็นอย่างดี ตาของทุกคนจ้องไปที่ประตูร้านอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มสองคนกำลังเดินเข้ามาในร้าน คนหนึ่งใส่กางเกงขาสั้นเหนือเข่าขึ้นมานิดหน่อยสีกรมท่ากับเสื้อเชิ้ตสีขาวล้วนพับแขน หน้าอกด้านซ้ายมีรูปหัวใจสีแดงดวงเล็กๆ เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนไม่สั้นไม่ยาวพลิ้วไปตามแรงเครื่องปรับอากาศที่กำลังเป่าลงมา แสงแดดยามเช้าตกกระทบทำให้ใบหน้าหล่อเหลาติดจะสวยนั้นโดดเด่นขึ้นอีกเท่าตัว ส่วนอีกคนเหรอ? ไม่อยู่ในสายตาผมเลยว่ะ ถึงมันจะแต่งตัวดูดีแค่ไหนก็เถอะ โอย! ทำไมฟองแต่งตัวน่ารักแบบนี้วะเห้ย คนในร้านหันไปมองกันเต็มเลยไง หวงนะครับ ก็ได้แค่พูดในใจครับ แสดงออกไปก็ไม่ได้

 

                “มึง.. มองขนาดนั้นแดกฟองเข้าไปเลยไหม?”

                ไอ้บีทพูดเสียงกระซิบกระซาบข้างหูผม ถ้ามันไม่พูดผมก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองกำลังมองฟองด้วยสีหน้าและแววตาแบบไหนอยู่ พอได้ยินมันพูดแบบนั้นสมองผมก็คิดทันทีว่า ‘กูหื่นขนาดนั้นเลยเหรอ’ ผมหันไปมองหน้าบีทแล้วไหวไหล่ ไม่แคร์หรอกครับ เพราะฟองไม่ได้สังเกตเห็นผมมองเขาสักหน่อย....มั้ง

 

                “แดกได้กูแดกไปนานแล้ว”

                ผมพูดเสียงไม่ดังไม่เบาแต่มันก็พอจะทำให้ได้ยินทั้งโต๊ะ ตอนนี้ผมเลิกสนใจฟองแล้วครับเพราะเขากำลังเดินมาจะให้จ้องตลอดเวลาเดี๋ยวจะมีปัญหาอีก ยิ่งไอ้ปินมันยิ้มล้อๆผมก็เลยต้องถอยก่อน

 

                “อย่าว่าแต่แดก สารภาพรักกับเขาให้ได้ก่อนเถอะ”

                เจ็บไหมครับให้ทาย.... ไอ้แทมพูดแบบนี้เข้ามาต่อยหน้ากูเลยเถอะครับ ผมชักสีหน้าให้มันนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้นยืน เพราะคิดได้ว่าเก้าอี้มันไม่พอสำหรับหกคน แต่ก็ต้องนั่งลงที่เดิมเพราะไอ้บีทมันกดไหล่ผม

 

                “ไร?”

                ผมถามมันสั้นๆพร้อมกับเงยหน้ามอง ส่วนมันยิ้มกว้างให้ผม

 

                “มึงไม่ต้อง กูเอง”

                แล้วมันก็ปล่อยไหล่ผมเดินไปลากเก้าอี้จากตะว่างมาสองตัว ไอ้นี่รู้งานเว้ยเห้ย แล้วแทนที่มันจะกลับมานั่งข้างผมเหมือนเดิม มันดันขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวใหม่ที่อยู่ห่างผมไปอีกสองตัว แหม... ทำตัวเป็นลูกอมสื่อรักจริงๆเว้ยเพื่อนผม

 

                “เจ๋งง”

                ไอ้โฟร์ทลากเสียงยาว ใบหน้าของมันยิ้มแย้มอยากปิดไม่มิด ก่อนที่ไอ้บีทจะได้อวยตัวเองฟองกับปินก็เดินมาถึงโต๊ะพวกผมพอดี

 

                “หวัดดีทุกคน”

                ฟองทักทายพวกเราด้วยรอยยิ้ม ส่วนพวกเราก็ยิ้มให้ฟองแล้วพูดสวัสดีพร้อมๆกัน

 

                “นั่งด้วยนะ”

                ฟองก้มลงมากระซิบเสียงเบาข้างหูผม ผมอยากบอกว่าจังหวะนั้นผมโคตรตื่นเต้นเลยครับที่ฟองขอนั่งใกล้ๆ แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้ ไม่งั้นเดี๋ยวจะโดนล้อกันไปใหญ่

 

                “นั่งเลย”

                ผมพูดเสียงเรียบ ไอ้พวกเพื่อนที่เหลือก็ยิ้มแบบมีเลสนัยมาให้ผม - - ไม่แซวสักวันจะตายไหมวะ ส่วนไอ้ปินนี่ก็รู้หน้าที่ครับไม่หือไม่อือนั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดจากฟองทันที

 

                “สั่งไรกินก่อนไหม?”

                ผมหันไปถามฟองพร้อมกับยื่นเมนูที่ยังไม่ได้เก็บไปให้ ฟองส่ายหน้าเบาๆแล้วยิ้มบางมาให้ก่อนจะตอบผมด้วยเสียงนุ่มๆ ฟังแล้วมันลื่นหูชะมัด

 

                “เรากินมาแล้วล่ะ”

                ฟองว่าก่อนจะหยิบเอามือถือขึ้นมากดเล่น... อื่ม ตัดการสนทนาของผมแบบไร้เยื่อใยมากครับ ฮื่อออ

 

                “เอาเมนูมานี่ กูยังไม่ได้กินไรเลย”

                ไอ้ปินหันมามองผมก่อนยักคิ้วกวนๆแล้วเอนตัวแบมือมาตรงหน้าผม แขนข้างหนึ่งเท้ากับพนักเก้าอี้ของฟองไว้ด้านหนึ่งยื่นมาแบตรงหน้าผม.... นี่มึงโอบฟองเหรอไอ้ปิน!

 

                “เอาไป”

                ผมพูดแล้วส่งเมนูให้มัน... จริงๆจะพูดว่าส่งก็ไม่ได้ครับเพราะผมเอาเมนูฟาดมือมันที่แบรอไว้ก่อนหน้านี้ หึ อยากแกล้งกูดีนัก

 

                “อูวว พี่มินอารมณ์ไม่ดี”

                อูววพ่องมึงสิไอ้โฟร์ท ถ้าไม่เกรงใจฟองนะผมเอื้อมมือไปตบหัวไอ้โฟร์ทแล้ว

 

                “เออ ฟาดเมนูลงมาได้ มือจะหัก”

                ไอ้ปินพูดพร้อมเบ้ปากใส่ผมก่อนมันจะเปิดเมนูแล้วเรียกพนักงานมาสั่งของ ส่วนฟองก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับมือถือ... นี่แอบคุยกับใครแล้วมีความสุขขนาดนั้นล่ะหืม อยากรู้อยากเห็นว่ะ ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ฟองนิดหน่อยหมายจะชะเง้อมองหน้าจอมือถือของเขา แต่เสียงกระแอมของใครสักคนขัดขึ้นก่อน ไอ้มารหัวใจ!!

 

                “แฮ่มมม คันคอชิบหาย สงสัยน้ำหวานไป”

                ไอ้ปินที่ถือแก้วชาเขียวปั่นอยู่ยิ้มกว้างจนตาปิด ไอ้ตัวจังไร มึงแกล้งกูอีกแล้วนะ!

 

                “เวลากินเขาห้ามพูด แดกๆไปมึง”

                ผมแทบจะก้มลงไปกราบบนตักไอ้แทมครับ มันช่วยชีวิตผมเป็นอย่างมากเลยตอนนี้

 

                “มิน”

                เสียงเรียกจากคนข้างๆตัวผมดังขึ้น ผมเลยหันไปหาฟองแทบจะทันที แต่ก็ต้องเก็บอาการดีใจที่ฟองสนใจผมแล้วเพราะก่อนหน้านี้เอาแต่กดมือถือ มันน่าน้อยใจไหมล่ะ...

 

                “ว่า?”

                พูดน้อยได้อีกครับ... กลัวพูดมากไปแล้วจะหลุดท่าทางสนใจฟองมากเกินไปน่ะครับ ช่วยเข้าใจปรมินทร์คนแอบรักด้วยนะ

 

                “ไปถ่ายรูปงานที่สวน xxx กันดีไหม? เราว่าวิวมันสวยดี”

                ฟองพูดจบก็ยื่นมือถือตัวเองมาตรงหน้าผม ในนั้นปรากฏรูปของสวน xxx ที่ฟองบอก นี่นั่งยิ้มน้อยนิ้มใหญ่อยู่ตั้งนานเพราะหาสถานที่ทำงานหรอกเหรอ? ผมมองพิจารณาแล้วพยักหน้าน้อยๆ จริงๆแล้วฟองเสนอที่ไหนผมก็ไปหมดล่ะครับ ที่ต้องทำเป็นพิจารณานานหน่อยเพื่อให้ความร่วมมือช่วยคิดฟองนั่นเอง แต่ที่ฟองบอกว่าวิวสวยดี ผมว่าฟองสวยกว่าวิวอีกนะ

 

                “เออ สวยดีๆ ไปที่นี่ก็ได้”

                ผมตอบฟองไป สายตาที่มองรูปในมือถือค่อยๆเลื่อนไปที่หน้าฟองแล้วจ้องอยู่แบบนั้น เจ้าตัวเขาไม่รู้เรื่องหรอกครับเพราะมัวแต่เลื่อนรูปในมือถืออยู่ มองใกล้ๆแล้วรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มยังไงก็ไม่รู้ ถ้าเอามือไปดึงแก้มหรือเอาปากไปชนมันจะฟินแค่ไหนวะ แล้วไอ้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวฟองอีก มันโคตรจะทำให้ผมหลงใหลเลยไงครับ พี่มินหัวใจจะวายสติจะแตก

 

                “งั้นตกลงที่นี่....นะ”

                ฟองเงยหน้าขึ้นจากมือถือแล้วหันมาทางผม เขาชะงักคำพูดไปเมื่อปลายจมูกของเราชนกัน ตาตี๋ๆของเขาเบิกกว้างขึ้นเพราะตกใจ ผมก็ตกใจครับแล้วก็เป็นคนถอยหน้าออกเองด้วย หัวใจนี่เต้นโครมครามแถบจะทะลุออกมาจากอก ดีนะที่ผมเป็นคนเขินยาก ไม่งั้นหน้ากับหูคงแดงแปร้ดไปแล้ว ส่วนฟองก็รีบหันกลับไป หน้าเขาขึ้นสีชมพูน้อยๆ โอย น่ารักชิบหายเลยครับ ดีต่อใจนายปรมินทร์มาก

 

                “แหมะ มาสวีทอะไรกันตรงนี้ครับคุณปรมินทร์ คุณจิรัสย์”

                โอ้โหไอ้ปิน... มึงจะอัพเลเวลการแซวมากไปแล้วนะครับ มึงจะทำให้ฟองรู้แล้วใช่ไหมว่ากูชอบฟองเนี่ย มึงเงียบๆบ้างก็ได้ครับกูยังไม่พร้อมตอบคำถามจากฟองนะ ผมเลยหันไปถลึงตาใส่มัน ส่วนมันก็ยักไหล่ไม่สนใจอะไร ไอ้พวกที่เหลือนี่ยิ้มล้อกันใหญ่เลยครับ ช่วยซ้ำเติมกันเข้าไป!

 

                “สวีทบ้าอะไรของมึง”

                ฟองพูดเสียงแข็งเลยครับ แล้วจ้องไอ้ปินแบบเอาเรื่องด้วย ปินมันเลยขำออกมาแล้วโบกมือตรงหน้าฟอง

 

                “กูล้อเล่นน อุบัติเหตุเนอะ”

                แล้วมันก็ทำท่ากลั้นขำ ส่วนฟองถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

                “เออดิ”

                ฟองเหมือนจะยังอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ เพราะเขาไม่ได้มองมาทางผมอีก ตอนแรกก็ดีใจอยู่หรอกนะที่เกิดเรื่องแบบนั้น แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกแย่แล้วว่ะ ผมคงทำหน้าเครียดจนไอ้แทมที่นั่งด้านข้างสัมผัสได้จนตกยกมือขึ้นมาจับไหล่ผมแล้วบีบเบาๆ ผมหันไปมองมันแล้วพยักหน้าน้อยๆเป็นอันรับรู้ความห่วงใยของมัน

 

                “มิน”

                เสียงทุ้มๆเรียกชื่อผมอีกแล้วครับ พร้อมกับมีแรงแตะมือลงเบาๆบนแขนผม ผมรีบหันไปมองก็เจอฟองกำลังมองผมอยู่ ใจที่ห่อเหี่ยวไปเมื่อกี้กลับมาพองโตอีกครั้ง... ฟองจับแขนผมด้วย มือเขานิ่มชะมัดเลย ฮ่อยย

 

                “ครับ?”

                ผมมองฟองกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย ส่วนฟองยิ้มให้ผมบางๆ

 

                “ทำหน้าเครียดทำไมวะ? เพราะเรื่อเมื่อกี้เหรอ มันเป็นอุบัติเหตุนะ เราไม่คิดไรหรอก หรือมินคิด?”

                ฟองหุบยิ้มลงแล้วเริ่มทำหน้าเครียด สงสัยจะกลัวผมคิดมากหรือรังเกียจสินะ เห้ย มันตรงกันข้ามต่างหากว่ะ ผมเลยรีบส่ายหน้าเบาๆให้ฟอง เท่านั้นล่ะครับฟองยิ้มกว้างออกมาเลย คือขยันแอคแทคผมมากไปแล้วครับ อยากขย้ำให้เละจริงๆเลยเชียว

 

                “เปล่าๆ มินไม่ได้คิดหรอก แค่กลัวฟองจะคิดเฉยๆ”

                แล้วผมก็ส่งยิ้มให้ฟองแบบที่จริงใจที่สุดไปให้ ตอนนี้แทบไม่ได้สนใจคนที่เหลือบนโต๊ะเลยไงครับ โลกนี้มีกันอยู่แค่สองคนอะไรประมาณนั้น

 

                “อย่ามัวแต่จีบกันสิเว้ย”

                เสียงไอ้โฟร์ทล้อพวกผม ไอ้นี่ก็ปากหมา! ผมรีบหันขวับไปหามัน จ้องแบบหาเรื่องเลยครับ - -

 

                “จีบพ่องงง”

                ผมด่ามันออกไปจนทั้งโต๊ะหัวเราะเลยครับ เอาจริงๆแล้วเขินว่ะ แซวห่าอะไรของมันเนี่ย ใจก็กลัวว่าฟองจะจับได้ว่าผมรู้สึกยังไงกับเขา

 

                “ฟองๆ เราถามไรหน่อยดิ”

                หืม... ผมหันไปมองไอ้บีทตาโตเลยครับ ผมล่ะกลัวใจมันเหลือเกินว่ามันจะหลุดพูดอะไรออกมารึเปล่า คือบอกไปแล้วเนอะว่าเรื่องของฟองผมยังไม่พร้อมจะสารภาพเพราะกลัวคำตอบที่จะได้รับกลับมา

 

                “ถามมาดิ”

                ฟองมองบีทอย่างตั้งใจ ดวงตาเล็กๆนั่นดูจะสนใจเรื่องที่บีทกำลังจะถามเป็นอย่างมาก ถ้าไอ้บีทถามเรื่องอะไรเกี่ยวกับผมนะ มันไม่ตายดีแน่ๆ

 

                “ฟองคิดยังไงกับเรื่องผู้ชายรักกับผู้ชายวะ?”

                สัดบีท... แม่ง ถามเรื่องห่าอะไรเนี่ย แต่มันหันมันยักคิ้วให้ผมนะ... ก็ช่างเหอะ ถือว่ามันถามเพื่อให้ผมรู้ว่าฟองคิดยังไงกับเรื่องแบบนี้ ก็ดีเหมือนกันครับ ผมอาจจะตัดสินใจอะไรได้หลังจากฟังคำตอบของฟอง

 

                “หือ ก็เฉยๆนะ ความรักมันก็จำกัดไม่ได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

                ฟองพูดด้วยท่าทีสบายๆ  คนได้ฟังคำตอบก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันเข้าไป ส่วนผมนี่พยายามทำหน้านิ่งสุดๆ ถ้ายิ้มตามพวกมันไปด้วยก็โดนแซวดิวะ

 

                “เออ คิดเหมือนเราเลยว่ะ ความรักมากก่อนเรื่องเพศ”

                แหม ไอ้บีท ได้ทีนะมึง ผมก็ไม่ได้ขัดอะไรมันนะเพราะอยากรู้ว่ามันจะยกอะไรขึ้นมาถามฟองต่อ ผมก็เลยคว้าแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มพลางรอมันถามคำถามฟองต่อไป ถ้าถามว่าทำไมผมแน่ใจว่าบีทจะถามต่อ ก็เพราะไอ้บีทมันมีนิสัยถ้าชวนใครคุยแล้วจะชวนคุยยาว

 

                “อื้อ”

                ฟองตอบแค่นั้นแล้วยกมือขึ้นจัดผมตัวเองนิดหน่อย ผมน่าจะนุ่มเนอะ อยากจับจัง

 

                “ถามต่อนะ”

               

                “ถามมากจังวะ ฮ่าๆ”

                ฟองพูดแล้วหัวเราะออกมาเบาๆแบบไม่จริงจังอะไรมาก แล้วพยักหน้าอนุญาตให้บีทถามต่อได้ ไอ้ปินที่มันเงียบไปเพราะมันกำลังกินขนมอยู่ ก็ดีเหมือนกันครับหมดตัวมารไปหนึ่งตัว

 

                “สมมตินะ.. ถ้ามีคนแบบไอ้มินเข้าไปจีบฟอง ฟองจะว่าไง?”

                ทั้งโตะเงยหน้าขึ้นมองไอ้บีทเป็นตาเดียวกันครับ ผมเห็นไอ้โฟร์ทแอบชูนิ้วโป้งให้ไอ้บีทด้วย ส่วนไอ้แทมนี่ยกยิ้มมุมปาก ส่วนไอ้ปินนี่อ้าปากพูดคำว่า ‘เยี่ยม’ แบบไม่มีเสียง ส่วนผมเหรอ?.... น้ำแทบพุ่งออกจากปากเลยครับ ดีนะที่กลืนลงคอทัน ไม่งั้นได้รับน้ำมนต์กันถ้วนหน้าเลยล่ะครับ

 

                “เบาๆ”

                ไอ้แทมลูบหลังผมเบาๆแล้วหยิบทิชชู่มาให้ สงสัยมันเห็นตอนที่ผมกำลังจะสำลักน้ำแน่ๆ ผมรับมาแล้ววางแก้วน้ำลงก่อนจะเอาทิชชู่มาเช็ดปาก ฟองหันมามองผมแว้บนึงก่อนจะทำท่าคิด ส่วนผมนี่ลุ้นจนจะนั่งไม่ติดเก้าอี้อยู่แล้วครับ

 

                “แบบมินเหรอ?”

                ฟองเอียงคอนิดหน่อยแล้วหันกลับมามองผมอีกครั้ง คราวนี้มองนานครับคล้ายจะพิจารณาผมอยู่ ส่วนผมน่ะเหรอ พอโดนมองนานๆสายตาเลยเปลี่ยนโฟกัสไปที่อื่นที่ไม่ใช่คนตรงหน้าแทน รู้สึกเขินๆยังไงไม่รู้ว่ะ

 

                “มินหล่อมากนะ อืมมม”

                ฟองเงียบไป เหมือนจะกำลังคิด ไอ้คนที่เหลืออยู่มันก็มองมาที่ผมกับฟองแบบลุ้นๆเหมือนกัน นี่พวกมึงจะเอาแต่จ้องอย่างนี้เลยรึไง ไม่คิดจะทำอย่างอื่นเหรอ! จงใจเกินไปแล้วเว้ย

 

                “สาวๆคงติดเยอะ”

 

                “.....”

 

                “นิสัยก็ไม่ได้เลวร้าย เรียนเก่ง กีฬาก็เล่นเป็น ดนตรีก็เล่นได้ คุณสมบัติชายในฝันของสาวๆเลยเนอะ”

                มานงมาเนอะอะไรกับผมเล่า ผมก็ทำตัวไม่ถูกดิครับ ทั้งโดนจ้องทั้งโดนชม(?)แบบนี้เลยยกมือขึ้นถูท้ายทอยแก้เขิน... มันก็จริงครับที่ผมมีคุณสมบัติจะเป็นชายในฝันของสาวๆ แต่ผมอยากเป็นคนที่มีคุณสมบัติเป็นคนในฝันของฟองบ้างครับ จะมีโอกาสไหม

 

                “.....”

 

                “อืม ถ้าเป็นมิน เราก็คงไม่มีปัญหาหรอกถ้าจะจีบเรา J”

                ฟองว่าก่อนจะยิ้มให้กับผม.... เดี๋ยวนะ แอบรู้รึเปล่าว่าผมชอบเนี่ย โอยย แบบนี้เขาเรียกว่าอ่อยไหมครับ ถ้าฟองอ่อยผมไม่ทนแล้วนะ ตอนนี้ผมว่าผมมีความพร้อมจะสารภาพรักกับฟองแล้วล่ะ!! ความกล้าไหลมาอย่างกับน้ำป่าเลยครับ

 

                “ฮ่าๆ ครับ แล้วตกลงฟองกับมินไปทำงานที่ไหน?”

                ไอ้บีทเปลี่ยนเรื่องได้เร็วมาก แต่ผมนี่ดิยังใจเต้นอยู่เลยแล้วไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำเพราะมัวแต่กลั้นยิ้มอยู่

 

                “สวน xxx ล่ะ แล้วบีทไปที่ไหน?”

                ฟองถามกลับไป ผมเลยไม่ได้ฟังอะไรที่พวกเขาคุยกันอีก เพราะไอ้โฟร์ทมันลากผมออกไปหาอิงฟ้าที่โทรมาหามันเมื่อกี้เหมือนกัน โธ่เอ้ย ทำไมไม่ไปคนเดียววะ คนกำลังซึมซับกลิ่นกายฟองอยู่นะ นี่ไม่ได้หื่นนะครับ ใสใสเลย

 

                “ลากกูมาทำไมวะ?”

                ผมถามโฟร์ทแต่ก็ยอมให้มันเกาะแขนแล้วลากผมไปตามทางเพื่อไปหน้าร้านนะ ผมเห็นอิงฟ้ายืนรออยู่ตรงนั้นคนเดียวล่ะ... อ๋อ ผมเคยบอกไปรึยังครับว่าอิงฟ้าเนี่ยแอบชอบไอ้โฟร์ท แต่จะบอกว่าแอบก็ไม่ได้หรอกครับเพราะเมื่อวันวาเลนไทน์ปีที่แล้วเธอประกาศตัวแบบโจ่งแจ้งกลางลานคณะว่าชอบไอ้โฟร์ทโดยการเอาช่อดอกไม้มาให้มัน....ผมถึงกับอึ้งนิดหน่อยล่ะครับเหมือนโลกเรากลับตาลปัตร ผู้หญิงจีบผู้ชายก่อน

 

                “เป็นไม้กันหมาให้กูหน่อยเถอะนะที่รัก”

                ขนลุกเลยครับ ไอ้นี่ชอบเรียกผมงี้ล่ะแล้วชอบแสดงความรักแบบถึงเนื้อถึงตัวผมด้วย ถ้าใครไม่รู้ว่าผมกับมันเป็นเพื่อนสนิทกันคงคิดว่าผมกับมันเป็นผัวเมีย

 

                “กันดอกฟ้ามากกว่ารึเปล่า มึงอ่ะหมา”

                ผมหันไปพูดหยอกๆกับคนที่เงยหน้ามองผมตาขวาง เราไม่ได้สูงห่างกันเท่าไหร่หรอกครับแต่เมื่อกี้มันก้มหน้าอยู่

 

                “ตกลงมึงเป็นเพื่อนใคร?”

                มันยู่ปากใส่ผม... ทำไมมึงต้องหน้าหวานด้วยวะโฟร์ท บางทีกูก็สงสารผู้หญิงที่มาชอบมึงว่ะ สวยกว่าเขาอีก

 

                “กูไม่ใช่เพื่อนมึง”

                ผมยักคิ้วให้มัน มันไม่โกรธครับ ยิ้มกว้างให้ผมด้วยนะ

 

                “เออ มึงเป็นผัวกู ♥”

                ไอ้โฟร์ทพูดจบยังเอานิ้วมาจิ้มแก้มผมต่อหน้าอิงฟ้าที่จ้องพวกผมตาแทบถลน พวกผมก้ไม่ได้สนใจอะไรครับ แค่ทักทายเธอแบบปกตินั่น โฟร์ทมันก็ปล่อยแขนผมนะ แต่มือมันยังจับแขนเสื้อผมอยู่ อยากทำไรทำไปครับเพื่อนดอาให้เต็มที่ เอาที่มึงทำแล้วสบายใจ อีกไม่นานกูจะลาออกจกตำแหน่งผัวโฟร์ทไปเป็นแฟนฟองนะ ขี้มโนเนอะผม เอาเวลากลับไปคิดวิธีสารภาพรักเถอะ! เป็นประโยชน์กว่านี้เยอะ



♥♥♥♥

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เอาใจช่วยคุณมินค่ะ555555

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ฟองบอกไม่มีปัญหาถ้าจะจีบเพราะฉะนั้นมินอย่าป๊อด

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ความกล้าจงบังเกิด

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Follow You 04





 

                ผมกับโฟร์ทก็ยังคงยืนคุยกับอิงฟ้าอยู่หน้าร้านอยู่เหมือนเดิม ผมชวนเธอเข้าไปในร้านแล้วนะแต่เธอก็ไม่สนใจผม ทำเหมือนผมเป็นอากาศธาตุแล้วเอาแต่มองไอ้โฟร์ทชวนคุยนั่นนี่ไปเรื่อย ผมสงสัยมากว่าที่โทรมาหาไอ้โฟร์ทแล้วบอกว่าอยากมาคุยเรื่องสถานที่ไปถ่ายงานเนี่ยมันเป็นข้ออ้างรึเปล่า เพราะตั้งแต่คุยมาไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับงานสักอย่าง ผมจะเดินกลับโต๊ะก็ไม่ได้อีก เพื่อนตัวดีมันจับเสื้อผมไว้แน่นมาก เห้อ

 

                “โฟร์ท ตอนเย็นว่างรึเปล่าอ่า?”

                เสียงหวานๆถามไอ้โฟร์ทขึ้น จริงๆเขาก็คุยกันมานานแล้วครับแต่ผมเพิ่งมาตั้งใจเผือกนี่ล่ะ 55555555

 

                “เย็นนี้? ไม่ว่างๆ มีนัดทำงานกับเพื่อน”

                ผมมองคนข้างตัวอย่างอึ้งๆ จริงๆแล้วเย็นนี้พวกเราไม่ได้มีนัดอะไรกันเลยด้วยซ้ำครับ แต่โฟร์ทมันคงไม่อยากไปไหนสองต่อสองกับอิงฟ้า

 

                “เสียดายจัง ว่าจะชวนไปกินไอติมซะหน่อย เอ้อ แล้วตอนบ่ายล่ะ?”

                ถ้าเธอจะสังเกตพวกเราที่ใส่ชุดนักศึกษาสักนิด... พวกผมมีเรียนตอนบ่ายครับ ซึ่งมันเป็นวิชาเลือก พวกผมสี่คนลงวิชาเดียวกันหมดครับ ไม่อยากแยกกันไปเผชิญความลำบากกันคนเดียว

 

                “บ่ายเรามีเรียนไง แล้วจะคุยเรื่องนัดทำงานไหม?”

                เสียงไอ้โฟร์ทเริ่มแข็งแล้วครับ จากที่เก็บอาการมาได้ตั้งนาน

 

                “อ่าๆ คุยๆ ไปทำที่ไหนกันดีอ่ะ แต่เราไม่ชอบที่คนพลุกพล่านนะ”

                มองเพื่อนผมซะตาเยิ้มขนาดนั้น อิงฟ้าต้องการไปที่ลับตาคนรึไงครับ ถ่ายบนคอนโดเลยไหมล่ะ ถ้าจะส่งสายตาอ่อยกันขนาดนั้น

 

                “เราจะไปที่สวน xxx”

                ไอ้โฟร์ท.... นี่มึงจะไปที่เดียวกับกูเหรอ ไอ้มารผจญ - - แต่ผมก็เข้าใจล่ะวะ ถ้ามันไปทำงานกับอิงฟ้าสองคนผมก็กลัวว่ามันจะโดนอิงฟ้าลากไปปล้ำ(?)เหมือนกัน แต่มันจะไปเป็นก้างชิ้นโตระหว่างผมกับฟองนี่ดิ หลังจากนั้นเขาก็ตกลงกันได้นัดแนะเวลาเสร็จสรรพแต่อิงฟ้าก็ยังหาเรื่องชวนโฟร์ทคุยอยู่ ผมก็เลยไม่ได้สนใจฟังอีกจนสายตาเหลือบไปเห็นว่าฟองกำลังเดินมาทางนี้แล้ว... งั้นก็แสดงว่าฟองจะกลับแล้วอ่ะดิ?

 

                “ฟอง”

                ผมเรียกคนที่กำลังจะเดินผ่านกันไว้ด้วยเสียงไม่ดังมาก อีกฝ่ายก็หันมามองผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ส่งยิ้มมาให้

 

                “เรากลับก่อนนะมิน พรุ่งนี้เก้าโมงเจอกันนะ”

               

                “อ๋อ โอเคๆ พรุ่งนี้เจอกัน แล้วนี่จะไปซ้อมเต้น?”

                ผมถามไปงั้นล่ะครับ แต่เพราะรู้ว่าฟองเต้นโคฟเวอร์ด้วยไง ซึ่งผมก็แอบไปดูเขาซ้อมอยู่บ่อยๆนะ แต่เขาไม่รู้ตัวหรอก

 

                “ฮ่าๆ มินรู้ได้ไง เก่งว่ะ อือ จะไปซ้อมเต้น วันอาทิตย์จะแข่งแล้ว”

                นั่นไง... วันอาทิตย์ผมจะไปเชียร์ฟองให้ได้

 

                “มินเก่งอยู่แล้ว ฟองสู้ๆล่ะ”

                ผมยิ้มให้เขาพร้อมกับทำท่าชูสองนิ้ว กูจะแบ๊วไปไหนเนี่ย อายตัวเองเหมือนกัน ส่วนฟองเห็นผมทำแบบนั้นก็หลุดหัวเราะแล้วก็พยักหน้ารับเบาๆ

 

                “ไปนะ”

                แล้วฟองก็โบกมือให้ผมก่อนจะพาร่างของตัวเองเดินจากไป ผมก็ได้แต่มองตามฟองไปจนลับต่อ ถึงได้รู้ว่ามีแรงดึงเสื้อตัวเองยิกๆอยู่ข้างๆ

 

                “ไร?”

                ผมถามโฟร์ทที่ดึงแขนเสื้อผมไม่หยุด

 

                “ไม่เดินตามเขาไปเลยล่ะคุณมิน”

                มันพูดจบก็ยิ้มล้อผม... ผมเพิ่งสังเกตว่าอิงฟ้าก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกันนะเนี่ย

 

                “ถ้ากูไม่มีเรียน กูตามฟองไปแล้ว”

                ผมว่าพร้อมกับยักคิ้วกลับไปก่อนพวกเราจะพากันเข้าไปในร้านเหมือนเดิม พวกที่นั่งรากงอกอยู่ก็คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยอยู่ที่โต๊ะ พอผมทำท่าจะนั่งลงพวกมันก็ลุกขึ้นบอกว่าจะเข้ามอแล้ว ผมก็เลยไม่ว่าอะไรแล้วก็ออกมาพร้อมพวกมัน

 

               

                ตอนนี้ผมกับไอ้โฟร์ทยืนอยู่ริมน้ำที่เป็นแหล่งนัดแนะทำงานถ่ายภาพครับ ทำไมผมกับมันถึงอยู่ด้วยกันเหรอ? ก็พอดีว่าสวน xxx เนี่ย ถ้ามาจากบ้านผมก็ต้องผ่านคอนโดไอ้โฟร์ท มันก็เลยให้ผมรับมันมาด้วย - - ทำไมทุกคนขี้เกียจขับรถขนาดนี้วะ แล้วเลือกมากระจุกตรงทางผ่านไปไหนมาไหนของผมทุกที

 

                “มึง”

 

                “ว่า?”

                ผมหันไปมองโฟร์ทที่กำลังมองไปบนท้องฟ้า ดูอารมณ์มันไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่เลย สีหน้าก็ดูเครียดๆยังไงชอบกล

 

                “เปลี่ยนคู่ได้ป่ะวะ รำคาญอิงฟ้า”

                มันพูดด้วยเสียงติดจะหงุดหงิดนิดหน่อย ตากลมๆของมันปิดลงช้าๆแล้วถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมเอื้อมมือไปจับไหล่มันแล้วบีบเบาๆ

 

                “ทำไมวะ? อิงฟ้าทำไรมึงอีก”

 

                “ก็แม่งไลน์มาหากูแล้วให้กูเลือกชุดนั่นชุดนี่ที่เขาจะใส่มา ถามว่ากูชอบชุดไหน ใส่แบบนี้จะน่ารักไหม บลาๆ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบเขา เขาก็ยังตื้อกูอยู่ได้ ต้องทำไงวะ”

                ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยมันยังไง ทั้งๆที่โฟร์ทก็เคยปฏิเสธอิงฟ้าไปแบบจริงจังแล้วเหมือนกัน แต่ก็เท่านั้นครับ สาวเจ้าเขาไม่ยอมเลิกราง่ายๆ ขนาดบอกว่ามีแฟนแล้ว เธอก็ยังยืนยันว่า มีก็มีไปสิ เราจีบโฟร์ทนะไม่ได้จีบแฟนโฟร์ทซะหน่อย - - ผมนี่ถึงกับพูดไม่ออกเลยครับ ผู้หญิงอะไรน่ากลัวขนาดนี้

 

                “ไปหาแฟนเป็นผู้ชายไป เผื่ออิงมันจะปล่อยมึง”

                ผมพูดติดตลกไปงั้นล่ะครับ ถึงไอ้โฟร์ทมันจะหน้าหวานแต่มันก็แมนนะ มันลืมตาแล้วหันมามองผมแทบจะทันทีเลยครับ ตลกหน้ามันด้วยที่ทำท่าทางตกใจขนาดนั้น

 

                “เชี่ยมิน... ถ้ากูมีแฟนเป็นผู้ชายจริงกูก็ไปเป็นเมียเขาแบบไม่ต้องสืบอ่ะ - -”

                หน้ามันบึ้งเลยครับ ก็อย่างที่มันพูด มีผู้ชายมาจีบมันนะ... แถมหล่อด้วยครับ ได้ข่าวว่าเรียนวิศวะการบินแถมเป็นเดือนคณะอีก แต่เป็นรุ่นน้อง แหม เพื่อนผมนี่เสน่ห์แรงจริงๆ

 

                “เป็นๆไปเหอะ ไม่เสียหายไรหรอก”

 

                “ไม่เสียหายบ้านพ่อมึงดิ เสียตูดเนี่ย”

                ปากร้ายว่ะมึง บางทีบ้านพ่อกูก็บ้านกูนะ

 

                “กูก็เห็นไอ้รุ่นน้องนั่นตามจีบมึงอยู่นิ ไม่ลองเปิดใจบ้างวะ”

                ผมหมายถึงไอ้เด็กวิศวะการบินนั่นล่ะครับ ดูท่าทางมันจะจริงจังกับเพื่อนผมนะ ไม่ก้าวก่ายวุ่นวายแบบอิงฟ้าด้วย

 

                “ไอ้แอร์หลานรหัสไอ้เฟียอ่ะนะ?”

                มันนั่งตัวตรงแล้วมองไปที่ริมน้ำด้านหน้าเหมือนกำลังใช้ความคิด เฟียเป็นพี่ชายแท้ๆของมันครับ ส่วนแอร์ก็ชื่อคนที่มาจีบมันนั่นล่ะ จะบอกว่าพี่เฟียโคตรจะเชียร์ไอ้แอร์เลย - - มันอยากให้น้องมันเป็นเกย์รึยังไง

 

                “เออ หรือมึงมีหลายคน?”

                ผมถามพร้อมกับผลักหัวมันเบาๆ มันบึนปากใส่ผม บรรยากาศแม่งเหมือนคู่รักเลยครับ

 

                “หลายดิ มึงด้วยอีกคน ที่รักจ๋า”

                มันพูดจบก็ดึงแขนผมไปกอดแล้วซบหน้าเอาหัวถูไถกับช่วงไหล่ผมทันที - - ไอ้นี่... ผมผลักหัวมันออกแบบไม่เบาไม่แรงเท่าไหร่ จนได้ยินเสียงหัวเราะเล็กๆดังมาจากด้านหลังจนผมกับไอ้โฟร์ทรีบหันไปมองทันที

 

                “ฟอง!”

                ผมตกใจจนเรียกชื่อฟองดังไปนิดหน่อย เจ้าของชี้เลยยกนิ้วขึ้นจรดริมฝีปากตัวเองแล้วส่งเสียง ชู่วออกมาเบาๆ ผมหุบปากทันทีเลยครับแล้วผลักหัวไอ้โฟร์ทแรงๆ ไอ้โฟร์ทจิ๊ปากขัดใจแต่มันก็หันไปยิ้มให้ฟอง ฟองก็หัวเราะแล้วยิ้มจนตาเป็นขีดเดียว เขี้ยวเล็กๆโผล่ออกมาอีก คนเราจำเป็นต้องน่ารักขนาดนี้เลยเหรอวะ แถมใส่เสื้อยืดสีชมพูพาสเทลกับกางเกงยืนส์สีซีดที่ขาดจนเห็นขาอ่อนด้วย โอย ขาวกระแทกตาปรมินทร์ไปอีกครับคุณ

 

                “สวีทกันเชียวนะ เรามาช้าไปห้านาทีเอง”

                ฟองว่าพร้อมขำอออกมาเล็กน้อย สวีทอะไรกันเล่าฟอง จะฆ่าไอ้โฟร์ททิ้งอยู่แล้วเนี่ย

 

                “เห้ย ไม่ได้สวีทอะไรกันนะ”

                ผมรีบแก้ตัวอย่างร้อนรน จนฟองดูอึ้งๆไปแต่ก็ยกมือโบกไปมาให้ผม

 

                “เราล้อเล่นน่า ฮ่าๆ แล้วนี่โฟร์ทมาได้ไง?”

                ประโยคแรกพูดกับผมนะ แต่ประโยคถัดมาพูดกับคนข้างตัวผมแทน

 

                “มาทำงานกับอิงเหมือนกัน ไม่อยากไปที่อื่นกับอิงสองต่อสองว่ะ”

                ไอ้โฟร์ทตอบพร้อมทำหน้าเหนื่อยๆ ผมรู้ว่ามันลำบากใจที่ต้องทำงานคู่กับอิง อาจารย์ก็ช่างจับคู่ครับ เห้อ

 

                “อิงยังไม่เลิกตื้อโฟร์ทอีกเหรอ?”

                ฟองถามก่อนจะเดินลงมานั่งข้างๆผมที่ยังเหลือที่ว่าง

 

                “อือ เห้อออ”

                โฟร์ทมันถอนหายใจยาวๆพร้อมกับเสียงสดใสของสาวสวยวัยแรกแย้มตะโกนเข้ามา ไม่ต้องเดาให้ยากครับว่าเป็นใคร ก็น้องอิงฟ้าขวัญใจพี่โฟร์ทเขาล่ะนะ? พวกผมหันขวับไปตามเสียงนั้นก่อนจะพบเข้ากับร่างบอบบางที่เดินเข้ามาด้วยชุดที่ทำให้ทุกคนตะลึง... ชุดเดรสสีเขียวอมฟ้าสายเดี่ยวกระโปรงสั้นพลิ้วตามแรงลม ในความคิดของผู้ชายมันก็สวยนะครับ แต่โคตรยั่วเลยไง ไซต์หน้าอกของอิงก็ไม่ใช่เล็กๆซะด้วย

 

                “โห...”

                ไม่ใช่เสียงผมนะครับ เสียงฟองล่ะ ฟองมองอิงแบบตาค้างเลยครับ แต่ไม่ได้มีแววตาสนใจหรือหื่นกามอะไรนะ คงเพราะทึ่งมากกว่าที่อิงกล้าแต่งตัวแบบนั้นมา เพราะกระโปรงเธอเนี่ย ถ้าไม่จับเอาไว้ลมมันก็พัดจนเปิดขึ้นเห็นอะไรต่อมิอะไรได้แบบสบายๆเลย

 

                “ชอบอ่ะดิ?”

                ผมแกล้งกระซิบถามฟอง ฟองรีบหันมาหาผมแล้วส่ายหน้ารัวเลยครับ

 

                “มันมากเกินไปว่ะเราว่า ล่อเสือล่อตะเข้เกิน”

                ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเขา ส่วนไอ้โฟร์ทนี่มองไปทางอื่นแล้วครับ หวังว่าชุดนั้นมันคงไม่ได้เลือกให้อิงใส่หรอกนะ

 

                “มึงไม่รอดแน่ๆไอ้โฟร์ท”

                ผมหันไปกระซิบกระซาบกลับเพื่อนสนิทของตัวเอง มันหันกลับมามองผมตาขวางก่อนพูดอะไรที่ทำให้ผมอึ้งเล็กน้อย

 

                เดี๋ยวขากลับกูจะโทรให้แอร์มารับ! หึ”

                หืม... ความแรดเพื่อนผมเริ่มก่อตัวแล้วเหรอเนี่ย มันสะบัดหน้าหนีผมติดจะงอนด้วยเอาเถอะครับ ค่อยง้อทีหลังแล้วกันตอนนี้ขอแยกย้ายกันไปทำงานก่อนเถอะ

 

                ฟองขอให้ผมเป็นแบบให้กับเขาก่อน ไอ้ผมก็อิดออดไงครับ เพราะยังไม่ได้เตรียมใจอะไรมาก่อน ถึงฟองจะอยู่หลังเลนส์กล้องก็เถอะ แต่ผมก็เขินไง เพราะเขาต้องถ่ายรูปผมไม่รู้ตั้งกี่ชอต แต่ด้วยความอยากโชว์แมนล่ะเนอะ อิดออดพอหอมปากหอมคอสุดท้ายผมก็ยอมเป็นแบบให้ฟองก่อน ซึ่งเราก็ไม่ได้ไปไหนไกลครับ แค่ขยับใกล้ริมน้ำเพิ่มขึ้น วันนี้ผมใส่แค่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้ม มีสร้อยคอยาวๆประดับ ที่หูก็มีต่างหูสีดำอยู่แค่ข้างเดียว

                ฟองบอกกับผมว่าคู่เราไม่ต้องแต่งตัวโอเวอร์อะไรมากมายหรอก เพราะหน้าตาก็ดีอยู่แล้ว ถ้าแต่งตัวเยอะอีกมันอาจจะดูเยอะกันไปใหญ่ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่ แต่ก็ตอบตกลงไปครับ ผมก็ไม่ค่อยชอบแต่งตัวอะไรเยอะๆเหมือนกันล่ะ ผมมีปัญหานิดหน่อยเพราะเกร็งครับ... ก็คนที่ตัวเองชอบมาจ้องกันผ่านเลนส์แบบนี้นี่หว่า แต่พอทำงานด้วยกันไปเรื่อยๆผมก็เริ่มผ่อนคลายจนส่วนของฟองเสร็จเรียบร้อย คราวนี้ถึงทีฟองมาเป็นแบบให้ผมบ้างล่ะ

 

                “ฟองนั่งบนหญ้านะแล้วเงยมองกล้อง”

                ผมบอกฟอง ฟองก็ทำตามแบบไม่อิดออดนะ ทั้งๆที่ตอนนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว ผมพยายามรีบถ่ายให้เสร็จๆสักที แต่เพราะความที่ผมตื่นเต้นนี่ล่ะครับ ทำให้มือสั่น (_ _) อยากจะขอโทษฟองสักล้านครั้ง ก็พอถ่ายใกล้ๆ เห็นหน้าฟองผ่านกล้อง สายตา ท่าทางที่ตั้งใจทำออกมาเพื่อให้ผมเก็บรูป มันมีความเป็นธรรมชาติมาก ฟองให้บรรยากาศที่ชวนเคลิ้บเคลิ้ม ชวนหลงใหล งานผมจะเสร็จไหมเนี่ย เพ้ออะไรเป็นตุเป็นตะอยู่ได้!

 

                กว่าเราจะทำงานกันเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบบ่ายโมง  พวกเรารอโฟร์ทกับอิงทำงานเสร็จจนเดินมาหาพวกเรา อิงฟ้าทำหน้าตาค่อนข้างไม่พอใจ ให้ผมเดานะ เธอคงชวนโฟร์ทไปกินข้าวต่อแล้วโฟร์ทไม่ยอมไปแน่นอน

 

                “ก็บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวมีคนมารับ”

                เสียงไอ้โฟร์ทพร้อมจะเหวี่ยงตลอดเวลาเลยครับ แต่มันยังคงสีหน้าเรียบเฉยอยู่ ผมกับฟองได้แต่มองหน้ากันแล้วยิ้มบางๆ สงสารไอ้โฟร์ทมันครับ ถึงจะพูดตัดเยื่อใยหรือรุนแรงแค่ไหน อิงฟ้าก็ไม่เคยยอมแพ้สักที

 

                “ก็โทรไปบอกเขาสิคะว่าโฟร์ทจะไปกับอิง”

                เธอพูดเสียงกระเง้ากระงอด เหย คุณไม่มีสิทธิ์มางอนเพื่อนผมนะครับ

 

                “ผมโทรนัดเขามารับเองล่ะ มีปัญหาอะไรอีกไหม?”

                คราวนี้ไอ้โฟร์ทจ้องอิงฟ้าเขม็งเลยครับ ผมกับฟองนี่ขยับเข้าหากันแบบอัตโนมัติเลยล่ะ

 

                “อะไรกันคะ เขาเป็นใครเหรอ สนิทกันมากเหรอ?”

                อิงฟ้าไม่ได้รับรู้ถึงความอันตรายเลยครับ ผมว่าไอ้โฟร์ทมันพร้อมระเบิดอารมณ์แล้วล่ะตอนนี้

 

                “นี่... จะมีใครตายป่ะ?”

                เสียงฟองกระซิบข้างหูผม ดวงตาเล็กๆนั่นก็มองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความหวั่นใจ เพราะยังไงฝ่ายที่สร้างเรื่องก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่

 

                “ไม่หรอกมั้ง”

                ผมไหวไหล่ ก็ไม่รู้หรอกครับ แต่ผมเชื่อว่าโฟร์ทมันคงไม่ทำอะไรรุนแรงตอนนี้มั้ง เพราะคนในสวนก็เยอะ แต่ก่อนที่เราจะได้เห็นอะไรไปมากกว่านี้ เสียงทุ้มๆก็ตะโกนเรียกชื่อไอ้โฟร์ทมาแต่ไกล พร้อมกับการปรากฏกายของไอ้แอร์ หล่ออร่ามาเชียวนะมึง สาวๆแถวนั้นหันมองเพียบเลยว่ะ ก่อนหน้านั้นเขาก็มองพวกผมล่ะนะ แต่คงเบื่อแล้วมั้ง

 

                “พี่โฟร์ทครับ รอนานไหม?”

                ไอ้แอร์ส่งเสียงถามโฟร์ทแต่มันก็ยกมือขึ้นไหว้ผมกับฟอง ผมกับฟองเลยพยักหน้ารับ ส่วนฟองดูจะงงๆนิดหน่อย

 

                “ไม่นาน พี่เพิ่งทำงานเสร็จ แอร์เหงื่อออกเต็มเลย”

                ไอ้โฟร์ทเดินเข้าไปหาแอร์แล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของตัวเองซับหน้าให้กับแอร์ แอร์ดูตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้ไอ้โฟร์ทเช็ดดีๆแถมส่งยิ้มละลายใจสาวๆให้อีก

 

                “ขอบคุณครับ”

                แอร์ว่า ไอ้โฟร์ทก็ยิ้มกลับไปให้ มีความเคะมากมายก่ายกองเลยเพื่อนผมเวลามันอยู่กับไอ้แอร์เนี่ย ผมอยากถ่ายวีดีโอไปให้พี่เฟียดูชะมัด

 

                “ฟะ โฟร์ทคะ ทำไมต้องเช็ดเหงื่อให้เขาด้วยล่ะ”

                เสียงอิงฟ้าสั่นเลยครับ เธอมองโฟร์ทสลับกับแอร์ด้วยความสับสน อย่าว่าแต่อิงเลย พวกผมสองคนก็อึ้งเหมือนกัน

 

                “ก็มันเรื่องของโฟร์ท แอร์ไปกันเหอะ”

                ไอ้โฟร์ทพูดจบมันก็จับแขนแอร์แล้วลากออกไปทันที แล้วปล่อยผมกับฟองไว้กับอิงฟ้าเนี่ยนะ ให้ตายเถอะครับ ผมอยากฆ่ามันจริงๆนะ ผมกับฟองหันหลังจะเดินหนีไปพร้อมๆกันแต่เสียงของอิงฟ้าก็หยุดพวกผมไว้ก่อน เรามองหน้ากันนิดหน่อยแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

                “เมื่อกี้มันหมายความว่ายังไงคะมิน?”

                หน้าตาเธอเอาเรื่องมากเลยครับ ประมาณว่าถ้าผมตอบคำถามไม่ถูกใจ เธอจะกระโดดกัดคอผมอย่างนั้นล่ะ

 

                “ก็ตามที่เห็นครับ”

                ผมตอบเสียงราบเรียบ ถึงมันจะทำให้เธอโมโหจนควันออกหูก็เถอะ

 

                “อะไรคือตามที่เห็นคะ? หมายความว่าโฟร์ทชอบผู้ชายเหรอ?”

 

                “ครับ ผมไปล่ะ”

                ผมพูดจบก็สะกิดแขนฟองให้เดินออกมาพร้อมกัน มีเสียงซาวน์ประกอบเป็นเสียงกรี๊ดตามหลังมาด้วย เอาจริงๆนะครับ ผมแอบขนลุกว่ะ

 

                “โห... อิงนี่เสียงดีเนอะ”

                ฟองพูดหน้าตายมากครับ ผมถึงกับหลุดหัวเราะเลยล่ะ

 

                “แล้วนี่ฟองจะไปไหนต่อ?”

                ผมชวนฟองเปลี่ยนเรื่องครับ ไม่อยากพูดเรื่องอิงฟ้าเท่าไหร่ พวกเราเดินกันไปเรื่อยๆนี่ล่ะครับ ผมจะไปเอารถส่วนฟองจะไปไหนก็ไม่รู้

 

                “เราจะไปซ้อมเต้นล่ะ”

 

                “อ๋อ ขับรถไป?”

 

                “เปล่าอ่ะ ว่าจะไปรถเมล์”

 

                “อ่าว แล้วรถฟองล่ะ?”

 

                “ส่งซ่อมน่ะ”

 

                “งั้นเราไปส่งก็ได้”

                เหมือนฟ้าปะทานโอกาสมาให้ผมเลยนะครับเนี่ย ต้องรีบคว้าไว้ก่อน

 

                “จะดีเหรอ รบกวนมินรึเปล่า?”

               

                “ไม่หรอก มินจะไปห้างอยู่แล้วล่ะ”

 

                “งั้นก็ฝากตัวด้วยนะ ฮ่าๆ”

                ฟองหันมายิ้มกว้างให้ผม ผมก็ยิ้มตอบไปครับ มันถือว่าเป็นความสุขเล็กน้อยอย่างหนึ่งเลยนะเนี่ยที่ผมได้ใช้เวลาอยู่กับฟองนานขึ้นไปอีกแม้สักนาทีก็ยังดี รอผมรวบรวมความกล้าให้ได้ก่อนเถอะ ผมไม่ปล่อยฟองไปไหนแน่




♥♥♥♥♥ :กอด1:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Follow You 05





 

                “คุณชายปรมินทร์ มึงจะลากกูมาทำไมเนี่ย คนเยอะชิบหาย”

                ไอ้บีทบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ยอมเดินตามการลากของผมฝ่าผู้คนที่ยืนอยู่หน้าเวทีประกวดโคฟเวอร์เข้าไปเรื่อยๆจนตอนนี้เกือบจะอยู่ด้านหน้าเวทีแล้ว ผมก็ไม่อยากมาที่คนเยอะๆแบบนี้หรอก แต่เพราะว่าวันนี้ฟองแข่งโคฟเวอร์รอบชิงชนะเลิศและเป็นงานสุดท้ายที่ฟองจะเต้นแล้ว เพราะฟองจะเลิกเต้นถาวร

 

                “มาดูฟองแข่งเต้นไงวะ”

                ผมบอกไอ้บีทแล้วหยุดลากมัน ผมไม่ได้อยู่หน้าสุดของเวทีหรอกนะแต่อยู่ถัดลงมาสองสามแถว ใครจะไปกล้านั่งเสนอหน้าให้ฟองเห็นกันล่ะครับ ผมก็ลงทุนไปลากไอ้บีทตั้งแต่เช้ามาจากคอนโดด้วยการหลอกมันว่าจะพามาเลี้ยงอาหารญี่ปุ่น มันก็รีบกระเด้งตัวจากเตียงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที หลอกง่ายชิบหายเลยครับเพื่อนผมเนี่ย ใครอย่าเอาของกินมาล่อมันนะ ส่วนไอ้โฟร์ทกับไอ้แทมมีแก้งานถ่ายภาพกันครับ ผมหวังว่าไอ้โฟร์ทจะไม่ฆ่าอิงฟ้าตายนะ วันนี้มันมีตัวช่วยไปครับ ไอ้น้องแอร์นั่นล่ะ ผมเลยเบาใจ

 

                “แล้วมึงบอกฟองยังเนี่ย?”

                ไอ้บีททิ้งตัวลงนั่งข้างผม ตอนนี้คนเริ่มเยอะกว่าตอนที่ผมลากไอ้บีทเข้ามาอีกครับ อีกประมาณหนึ่งชั่วโมงงานก็จะเริ่มแล้ว

 

                “ไม่บอก จะบอกทำไมวะ”

               

                “เอ้า ไม่อยากให้เขารู้เหรอว่ามึงมาเชียร์เขา”

 

                “ไม่อยาก กูอาย”

 

                “ตกลงว่ากูจะได้เพื่อนเขยเหรอ ตอนแรกนึกว่าจะได้เพื่อนสะใภ้ซะอีก”

                ไอ้บีททำหน้าตากวนตีนจนผมอดไม่ได้ที่จะโบกหัวมันไป มันมองผมตาขวางก่อนจะยอกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ สมน้ำหน้า อยากปากหมาดีนัก

 

                “อย่างกูต้องอยู่บนเว้ย”

 

                “ออนท็อปอ่ะนะ?”

 

                “มึงอยากลองไหมล่ะบีท?”

                ผมทำหน้าตาหื่นกามใส่จนมันผลักหน้าผมออกไปไกล แหม... แค่นี้ต้องเขินผมด้วย

 

                “กูก็ล้อเล่นไหมล่ะ อย่าทำงี้บ่อยๆเดี๋ยวกูก็กลายเป็นเมียน้อยมึงหรอก”

                มันพูดพร้อมกระพริบตาปริบๆ ไอ้นี่กวนตีนผมอีกแล้วครับ - - วันไหนไม่ได้กวนตีนผมกันคงหลับไม่สบายแน่ๆ

 

                “สัดด”

 

                “งั้นกูเลือกเป็นกระต่ายนะ”

                ผมด่ามันไม่เคยสะเทือนเลยรึไงยังจะมาเลือกว่าจะเป็นสัตว์อะไรอีก ผมล่ะเครียดครับ ถ้ารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้จะรีบเลิกคบตั้งแต่ปีหนึ่งเลย มันก็ทำหูกระต่ายแล้วยื่นหน้าแบ๊วๆมาหาผม ผมจิ้มกลางหน้าผากมันให้ถอยห่างแล้วเบ้ปากใส่

 

                “ไปไกลๆ”

 

                “มึงแน่ใจแล้วรึไงว่าไล่กู แม่ง สาวๆแต่ละคนเขาเบียดเสียดกันมาจะนั่งข้างมึงทั้งนั้น”

                ไอ้บีทกระซิบกระซาบแล้วมองไปรอบๆที่เราสองคนนั่ง ก็จริงครับ สาวๆออกแรงยื้อยุดฉุดกระชากเพื่อนตัวเองกันใหญ่เพื่อจะเข้ามานั่งใกล้ผมให้ได้มาที่สุด ทางฝั่งไอ้บีทก็เกิดเหตุการณ์คล้ายๆกัน... หรือพวกผมควรลุกออกจากตรงนี้วะ น่ากลัวชะมัด

 

                “ลุกดีป่ะวะ?”

                ผมหันไปกระซิบกระซาบกับไอ้บีท แต่มันส่ายหน้าเบาๆ มึงอยากโดนรุมทึ้งรึไง?

 

                “มึงลุกแล้วจะดูฟองแข่งยังไงวะ เออ แล้วถ้าฟองชนะมึงจะให้อะไรเขา?”

 

                “หา? ต้องให้อะไรด้วยเหรอไง”

                ถ้าผมให้ฟองก็รู้ดิวะว่าผมมาตามเชียร์ มันดูมีพิรุธเกิดไปรึเปล่าครับ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น

 

                “อย่างเช่น ถ้าฟองแข่งชนะมึงจะสารภาพรักอะไรแบบเนี่ย”

                ไอ้บีทมองหน้าผม ผมก็หันไปมองหน้ามัน เฮ้ย ปิ๊งไอเดียว่ะ

 

                “เออ ช่างคิดนะมึง เอาเป็นว่าถ้าฟองชนะกูจะยอมเดินเข้าไปสารภาพกับฟอง”

                ผมพูดพร้อมส่งรอยยิ้มไปให้ไอ้บีท บีทก็ยิ้มกลับมาด้วยท่าทางพอใจ เอาวะ! แอบชอบมานานขนาดนี้ อึดอัดมานาน ทำใจบอกซะที คำตอบจะเป็นยังไงก็จะยอมรับแล้ว นายปรมินทร์จะไม่ป๊อดอีกต่อไป!

 

                เอาความจริงไหมครับ ตอนนี้ผมนั่งไม่ติด มือทั้งสองข้างชื้นเหงื่ออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน วงของฟองกำลังเต้นครับ มีคนตะโกนเรียกพี่ฟองๆสลับกับมาร์คๆ ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดหลอดลมแทบแตกของสาวๆ... มาร์คเป็นชื่อศิลปินที่ฟองโคฟเวอร์ครับ วงอะไรนะ ก็อตซิล่า หรือ ก็อตเซเว่นอะไรนี่ล่ะ แฟนคลับฟองชอบบอกว่าฟองหน้าตาเหมือนมาร์คแต่ผมว่าฟองตาตี๋กว่ามาร์คนะ โดนรวมก็หน้าคล้ายๆครับ ส่วนตัวผมนี่คนชอบบอกว่าเหมือนอี้ฟาน... แต่ขอถามครับ อี้ฟาน(คริส : อู๋อี้ฟาน) นี่มันใคร แล้วผมก็มันใจว่าตัวเองหน้าตาดีกว่า!

 

                ผมตั้งใจดูวงโคฟเวอร์ของฟองมากครับ วงเขาเต้นดีนะ เสียงเชียร์ก็ดัง ใจผมนี่เต้นรัวเป็นกลองเลยครับ ตอนนี้ไม่อยากให้ฟองชนะแล้วดิ ความกล้าจะสารภาพนี่มันลดฮวบลงไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วมันมีจังหวะหนึ่งที่เหมือนฟองจะเห็นว่าผมมานั่งเชียร์แล้วยิ้มให้นิดๆ ผมนี่สตั้นเลยครับ นั่งแข็งทื่อจนไอ้บีทต้องตบแก้มผมให้ได้สติ

 

                “เป็นไรวะมิน นั่งแข็งค้างอย่างกับรูปปั้น”

                ไอ้บีทป้องปากตะโกนใส่หูผมเพราะตอนนี้ทั้งเสียงเพลงทั้งเสียงกรี๊ดดังกระหึ่มมาก สาวๆด้านข้างก็เอาตัวมาเบียดผมเหลือเกินเว้ย จะเอาให้ได้เสียกันกลางงานเลยรึไงครับ เบียดจนจะขึ้นมาเกยตักผมอยู่แล้ว จนต้องเดือดร้อนไอ้บีทที่เอื้อมมือไปสะกิดสาวน้อยคนนั้น แล้วมันก็พูดกับเขาว่า ‘นี่แฟนผมครับ กรุณาอย่าเบียด’ เท่านั้นล่ะครับ สาวน้อยคนนั้นดีดตัวออกจากผมทันทีแล้วหันไปกรี๊ดกร๊าดกับเพื่อนแทน ผมนึกว่าเขาจะเสียใจนะ แต่ไม่เลยครับ จิ้นพวกผมเข้าไปอีก เจริญจริงๆ

 

                “มึงกลัวสาวน้อยข้างมึงเหรอ นั่งตัวเกร็ง”

 

                “เปล่าเว้ย เมื่อกี้เหมือนฟองจะยิ้มให้กูว่ะ”

                ผมตะโกนตอบแข่งกับเสียงเพลงและเสียงกี๊ดไป มันเบะปากใส่ผม อ้าว.... นี่ผมทำอะไรผิดอีก

 

                “ไอ้ขี้มโนเอ้ย”

                มันด่าผมซะงั้นอ่ะ แต่ผมไม่สนใจหรอก ความสุขผมครับ ถึงมันจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็เถอะ

 

                ตอนนี้ถึงช่วงเวลาสำคัญของงานแล้วครับ บนเวทีเขากำลังจะประกาศผลการแข่งขันโคฟเวอร์แล้ว ตอนนี้มีเหลืออยู่แค่สามตำแหน่งคือ รองชนะเลิศอันดับสอง รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง และ อันดับหนึ่ง มือไม้ผมชื้นเหงือและเย็นไปหมดอาการกังวลออกทางสีหน้าจนเห็นได้ชัด ไอ้บีทถึงกับยิ้มหน้าบานแล้วพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า ‘ฟองชนะแน่’ กรอกหูผมเป็นสิบๆรอบ จนผมต้องเอาฝ่ามือดันหน้ามันออกไปไกลๆ

 

                “เตรียมตัวเลยมึง หึหึ”

                กูเกลียดเสียงหัวเราะมึงมากเลยไอ้เชี่ยบีท!

 

                “และรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งได้แก่...ทีม xxx ครับ ยินดีด้วยครับ!!!”

                สิ้นเสียงประกาศ เสียงกรี๊ดจากบรรดาแฟนคลับก็ดังขึ้น ทีมฟองชนะเลิศครับแต่แทนที่ผมจะรว่มยินดีไปกับคนอื่นๆ ผมกลับถลึงตามองค้างไปด้านหน้า มือไม้เหมือนหมดเรี่ยวแรงเอาดื้อๆ นี่ผมต้องไปสารภาพรักกับฟองจริงดิ? หรือเมื่อกี้ผมฟังผลประกาศผิดวะเฮ้ย หัวใจของผมเต้นรัว ถ้าคำตอบมันออกมาแย่ล่ะ... เฮ้อ

 

                “พร้อมยังมึง?”

 

                “พร้อมเชี่ยไร?”

                ผมหันไปมองหน้าไอ้บีททันที นี่อย่าบอกนัว่าจะให้ผมเดินไปบอกฟองตอนนี้น่ะ คนเยอะแบบนี้เนี่ยนะ! ขนาดอยู่กันสองต่อสองผมยังไม่เคยกล้าบอกเลยนะเว้ย แบบนี้มันจะมากเกินไปหน่อยแล้วนะ

 

                “เอ้า ก็เรื่องสารภาพรักไง เร็วๆเลยมึงอย่ามาอิดออด ชักช้าหมาคาบไปแดกนะเว้ย มึงก็เห็นๆอยู่ว่าเพื่อนในวงฟองมันตัวติดกับฟองแปลกๆ”

                ผมหันไปจ้องทางที่สมาชิกวงของฟองยืนอยู่ จริงด้วยครับไอ้ตัวสูงๆหล่อๆผิวสีแทนนั่นที่โคฟเวอร์เป็นแจ็คสันอะไรนั่นตามประกบฟองแบบไม่ห่างเลย มันต้องคิดไม่ซื่อกับฟองแน่ๆ จากที่สังเกตมาสักระยะหนึ่งที่ผมแอบไปดูฟองด้วยแล้ว มันคงไม่ใช่แค่กระแสคู่จิ้นธรรมดา

 

                “เออๆ แต่รอให้คนซาก่อนเถอะ คนรุมฟองเยอะชิบ”

                ผมบ่นอุบอิบ จริงๆอยากตะโกนว่าหวงฟองแทบตายแต่ก็กลัวว่าจะโดนรุมกระทืบซะก่อน ผมเลยได้แต่ยืนหลบอยู่แถวๆนั้นรอ ผมกับบีทยืนเล่นมือถือฆ่าเวลาไปเรื่อยโดยบางครั้งหันไปมองฟองบ้างคุยกับบีทบ้างจนไม่ทันได้สังเกตว่ามีสาวๆกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาใกล้เราสองคน

 

                “เอ่อ พี่คะ”

                เสียงใสๆเรียกให้ผมกับไอ้บีทเงยหน้าจากมือถือแล้วเก็บลงกระเป๋า บนใบหน้าผมตอนนี้คงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามล่ะครับ ก็ผมจำหน้าพวกเธอได้นะว่ากรี๊ดฟองอยู่เมื่อกี้แล้วตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าผมทำไม

 

                “ครับ?”

                พวกผู้หญิงนี่เขามั่นใจจังเลยเนอะว่าจะอายุน้อยกว่าผู้ชายแบบผม ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นรุ่นพี่บ้างรึไง

 

                “เอ่อคือ ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมคะ?”

                สาวคนตรงหน้าผมเธอทำท่าทางเขินอาย แก้มขาวๆระเรื่อไปด้วยสีชมพูจางๆ แต่ผมไม่ชอบถ่ายรูปกับคนแปลกหน้าไงครับ ไม่รู้ว่าเขาจะเอารูปผมไปลงที่ไหนบ้าง ผมรักความเป็นส่วนตัวนะ ถึงแม้ว่าตอนอยู่มหา’ลัยจะโดนเอารูปลงเพจคิวท์บอยบ่อยๆก็เถอะ ผมมองไอ้บีทอย่างขอความช่วยเหลือ มันก็ยิ้มมุมปากแล้วสอดมือเข้ามาจับแขนผมทันที สาวๆตรงหน้าผมนี่จ้องตาเป็นมันเลยครับ ผมมั่นใจแล้วล่ะถึงเขาจะชอบผมมากแค่ไหนแต่การจิ้นของสาววายมักมาก่อนเสมอ

 

                “เกรงว่าจะไม่สะดวกนะครับ แฟนพี่ขี้อายน่ะ”

                มันพูดกับสาวๆพร้อมส่งยิ้มละมุนให้พวกเธอ... ส่วนพวกเธอหน้าแดงแปร๊ดแล้วกระโดดเร่าๆเหมือนโดนผีเข้าพร้อมกับกลั้นเสียงกรี๊ดกันยกใหญ่ก่อนจะตั้งสติแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องผมกับไอ้บีทสลับกันไปมา

 

                “ถ้าอย่างนั้นขอเป็นถ่ายรูปพี่กับพี่คนนี้แทนได้ไหม?”

                เธอทำหน้ากลั้นฟินใส่พวกผมด้วยครับ แต่...ถึงจะถ่ายกับไอ้บีทผมก็ไม่อยากให้ถ่ายนะ เดี๋ยวเอาไปเขียนแคปชั่นมั่วๆแล้วจะเป็นเรื่องอีก - -

 

                “พี่ว่าไม่ดีกว่าครับ”

 

                “มิน เราหาอยู่ตั้งนาน”

                เสียงสดใสของฟองดึงความสนใจของผมกับคนที่เหลือไปจนหมด เพราะผมมัวแต่ยุ่งกับคนพวกนี้เลยไม่ทันสังเกตว่าฟองเดินเข้ามาหา

 

                “หาแต่มินเหรอครับฟอง?”

                ไอ้บีทถามเสียงล้อ คือล้อผมอ่ะได้ครับ แต่ล้อฟองมันไม่ใช่ป่ะวะ ผมกระทุ้งศอกใส่มันแต่มันดันหลบทัน

 

                “น้อยใจเหรอบีท? อ่า สาวๆครับ พี่อิฐเรียกพวกเราอยู่น่ะ”

                ประโยคแรกฟองถามบีทครับ แต่ประโยคหลังหันไปพูดกับสาวๆพวกนั้น พวกเธอก็ไม่รอช้านะ วิ่งไปหาคนที่ชื่ออิฐทันที ซึ่งมันก็คือคนที่ตามติดฟองนั่นล่ะ

 

                “ล้อเล่น ยินดีด้วยนะฟอง ได้ที่หนึ่ง”

                ไอ้บีทว่าแล้วก็ยิ้มกว้างให้ฟอง ตัดหน้าผมชิบหายเลยไงครับ ไม่ให้ผมทำคะแนนเลยเนอะ

 

                “ยินดีด้วยนะฟอง”

                ผมรีบพูดบ้าง กลัวน้อยหน้าไอ้บีทมันครับ

 

                “ขอบคุณนะ แล้วนี่มาเชียร์วงไหนล่ะ?”

                ฟองถามพวกผมอย่างร่าเริง ส่วนผมนี่หาขอแก้ตัวพัลวันเลยครับ แต่ไม่ทันไอ้บีท ไอ้บ้านั่นปากไวชิบหาย ผมอยากฆ่ามันทิ้งตอนนี้เลยครับ

 

                “มาเชียร์ฟองนั่นล่ะ ใช่ไหมมึง?”

                มาถามกูอีกเนอะ ถามไม่พอมีกระแซะไหล่กูด้วย ผมได้แต่ยิ้มแห้งแล้วพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี จะโกหกอะไรตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วนี่ครับ

 

                “โห แล้วทำไมไม่บอกเราก่อน”

 

                “ก็คิดจะมาก็มา เลยไม่ได้ไลน์บอกน่ะ”

                คราวนี้ผมรีบตอบก่อนไอ้บีทเลยครับ ไม่งั้นฟองต้องสงสัยผมแน่ๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่ต้องปิดบังอะไรแล้วนี่หว่า เพราะยังไงไอ้บีทมันก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมกลับไปแบบไม่ยอมอ้าปากสารภาพอะไรแน่ๆ

 

                “อ๋อ แล้วมากันตั้งแต่ตอนไหน?”

                ฟองเล่นถามแบบนี้จะให้ผมตอบว่าไงล่ะครับ มาตั้งแต่ห้างเปิดยันสองทุ่มแบบนี้ มันจะดูจงใจเกินไปหน่อยไหม ผมรีบตะครุบปิดปากไอ้บีทเลยครับ แม่ง มันอ้าปากจะตอบฟองจริงด้วย

 

                “อื้อออ อ๋อยอู!”

                ไอ้บีททั้งดิ้นทั้งแงะมือผมออกจากปากมัน ตอนแรกผมไม่คิดจะปล่อยหรอกครับแต่ฟองมองมาผมเลยยอมปล่อยมัน

 

                “เออ แค่ก มินมันมีอะไรจะคุยกับฟองอ่ะ เดี๋ยวกูไปรอตรงนู้นนะ”

                มันพูดกับฟองเสร็จก็หันมาพูดกับผมแล้วเดินหนีไปลิ่วๆตามทางที่มันชี้ให้ผมดูเมื่อกี้ ไอ้นี่ คิดจะทิ้งผมมันก็ทิ้งเลยเว้ย คราวนี้เอาไงล่ะครับ

 

                “มีอะไรจะพูดเหรอ?”

                มินมองผมท่าทางของเขาตั้งใจฟังมาก ตั้งใจเกินไปแล้วครับ ใจผมกำลังเต้นรัว มือไม้กลับมาเย็นชื้นเหงื่ออีกรอบ

 

                “คือว่า...”

 

                “อื้อ รอฟังอยู่”



                “เอ่อ เราชอบฟองวะ!”

                ผมกลั้นหายใจแล้วพูดออกไป คิดว่าเสียงคงดังมากจนทำให้ฟองสะดุ้งเลยล่ะ เหมือนเขาจะหลบสายตาผมไปเลย ทำไงดีวะเนี่ย

 

                “มิน...เอ่อ ชอบเรา?”

                เสียงฟองเบากว่าปกติอยู่มาก แต่ผมก็ได้ยินมันชัดเจนนะ ฟองไม่กล้าสบตาผม เขาไม่ได้ก้มหน้าลงแต่เสมองไปทางอื่น

 

                “ครับ มินชอบฟอง”

 

                “ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย ไม่คิดว่าไอ้เรื่องสมมติของบีทจะเป็นเรื่องจริง”

                โห... กว่าจะรวบรวมความกล้าพูดออกไปกลายเป็นโดนหาว่าล้อเล่น แบบนี้ก็เฟลเหมือนกันนะครับเนี่ย แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นแก้มขาวเนียนของฟองระเรื่อไปด้วยสีชมพูอ่อนๆล่ะ

 

                “จริงๆดิ แล้วต่อจากนี่ไปมินจะจีบฟองแล้วนะ”

                พอผมกล้าก็เข้าข่ายคนหน้าด้านเลยว่ะ แต่เขาบอกว่าด้านได้อายอดนะ

 

                “โห มีบอกด้วยว่าจะจีบ เราป๊อปนะ”

                ฟองจ้องตาผม ไม่มีแววตาล้อเล่นหรืออาการเขินอายให้เห็น

 

                “เราก็ป๊อปเหมือนกัน”

 

                “ฮ่าๆ ไม่ยอมแพ้เหรอมิน”

                ฟองหัวเราะร่วนเมื่อผมพูดออกไปว่าผมก็ป๊อปเหมือนกันนะ ก็มันความจริงนี่หว่า

 

                “เปล่านะ ถ้าเป็นฟองเรายอมแพ้ทุกอย่างล่ะ”

 

                “นี่เริ่มจีบแล้วเหรอ?”

                ฟองมองผมตาโต ผมก็มองเขากับแล้วยกยิ้มมุมปากแบบที่เคยชอบทำ

 

                “เริ่มแล้วสิ”

                ถ้าไม่เริ่มตอนนี้แววกินแห้วคงฉายมาตั้งแต่ไกล





♥♥♥♥♥ :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 5 24/05/59
« ตอบ #9 เมื่อ: 24-05-2016 08:21:29 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ toshika

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 819
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-4
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 5 24/05/59
«ตอบ #10 เมื่อ24-05-2016 08:58:09 »

สู้ๆนะคะน้องมิน55555555

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 5 24/05/59
«ตอบ #11 เมื่อ24-05-2016 09:09:29 »

ชอบเรื่องนี้น่ารักมากกกเลยต้องติดตามครับ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 5 24/05/59
«ตอบ #12 เมื่อ24-05-2016 13:17:54 »

มินหายป๊อดแล้ววว :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 5 24/05/59
«ตอบ #13 เมื่อ24-05-2016 14:02:38 »

กว่าจะตัดสินใจบอกได้

ออฟไลน์ ZYSQ_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 5 24/05/59
«ตอบ #14 เมื่อ24-05-2016 14:32:44 »


5555555555555555
พยายามเข้านะคะคุณปรมินทร์

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 6 24/05/59
«ตอบ #15 เมื่อ24-05-2016 19:39:02 »

Follow You : 06



 

- Forth -

 

                ตอนนี้ชีวิตของผมมันช่างวุ่นวายอะไรขนาดนี้ ตั้งแต่วันที่ผมเรียกแอร์ให้ไปรับที่สวน xxx ผมนึกว่าอิงฟ้าเขาจะเลิกวุ่นวายกับผมนะ ที่ไหนได้อิงฟ้ายิ่งทำตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ แทบจะเกาะติดผมไปทุกที่ จนตัวผมเนี่ยต้องร้องขอความช่วยเหลือจากแอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่แอร์ก็ไม่เคยบ่นอะไรสักคำ ยิ้มรับทุกครั้งที่ผมขอช่วยจนผมเริ่มเกรงใจแล้วล่ะครับ

 

                ถ้าถามผมว่าแอร์เข้ามาในชีวิตของผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ตั้งแต่วาเลนไทน์ปีที่แล้วล่ะครับ... หลังจากที่อิงฟ้าให้ดอกไม้ผมไปตกเย็นมาเด็กจากคณะวิศกรรมอย่างแอร์ก็ตรงเข้ามาหาผมแล้วเอาช่อดอกไม้ให้ผม ตอนนั้นผมจำได้เลยว่าตัวเองทำหน้าเอ๋อแดกแค่ไหน เพื่อนๆก็เอาแต่โห่แซวเสียงดัง ผมทำได้แค่ตวาดแอร์ไปดังลั่นว่า ‘กูเป็นผู้ชายนะเว้ย ไม่ชอบผู้ชาย’ แล้วดูอย่างทุกวันนี้สิครับ ผมแทบจะซิ่วไปอยู่คณะเดียวกันกับแอร์อยู่แล้ว เพราะยัยอิงฟ้าคนเดียวเลย

 

                “เหม่ออะไรอยู่ครับพี่โฟร์ท?”

                เสียงนุ่มๆของแอร์เรียกให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง ผมหันไปตามเสียงเรียกแล้วก็เจอกับรอยยิ้มของเดือนคณะวิศวะปีที่แล้ว มันช่างเป็นรอยยิ้มที่สดใสชวนหลงใหลมากครับ แต่พอดีผมเป็นผู้ชายไงไม่หลงง่ายๆหรอก

 

                “คิดไรนิดหน่อย แล้วนี่ต้องทำงานถึงกี่โมง?”

                ตอนนี้ผมนั่งอยู่ลานเกียร์ครับ ไม่ได้ตั้งใจจะมาเฝ้าอะไรแอร์เขาหรอก แต่พอดีวันนี้ที่คณะผมเขามีงานสังสรรค์ของปีสามแล้วยัยอิงฟ้าอยู่ด้วย ผมเลยต้องหนีมาอยู่กับแอร์แทน จะกลับคอนโดก่อนก็ไม่ได้เพราะไม่ได้เอารถมา ติดรถไอ้มินมา... แฮะๆ

 

                “ก็ประมาณสามทุ่มล่ะครับ”

                แอร์ตอบผมกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆก่อนจะกลับไปสุ่มหัวทำงานกับเพื่อนต่อ ผมก็ได้แค่นั่งเล่นเกมในมือถือฆ่าเวลาไปเรื่อย แต่เล่นได้ไม่นานหรอกครับเสียงที่คุ้นเคยดันดังมาไกลๆ ตอนแรกนึกว่าแค่หูแว่ว พอได้ยินถี่เข้าถึงมั่นใจว่าเรียกผม

 

                “ไอ้โฟร์ท!”

                กว่าผมจะเงยหน้าขึ้น เสียงเรียกมันก็ดังกระแทกข้างหูผมจนผมต้องเอียงตัวหลบแล้วเบ้หน้าหันไปด่าคนที่บังอาจทำขี้หูผมเต้น

 

                “หูจะแตก!”

                ผมเหวใส่ไอ้มินแต่ปากผมยังไม่ทันได้หุบหรอกครับ มันเขกตัวผมดังโป้กจนเด็กวิศวะการบินเงยหน้าขึ้นมาดูกันเลยทีเดียว ผมได้แต่อ้าปากด่ามันแบบไร้เสียง

 

                “กูเรียกตั้งแต่เดินมายันมาถึงมึงเนี่ยไม่ได้ยินไง หูหนวก?”

 

                “ก็แม่งนึกว่าหูแว่ว”

                ผมตอบมันก่อนจะขยับตัวไปใกล้แอร์ให้ไอ้มินนั่ง มันก็นั่งนะครับ ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น ส่วนคนที่เหลือในโต๊ะก็ยกมือไหว้ไอ้มินกันใหญ่ มันก็รับไหว้ลวกๆตามสไตล์

 

                “งานเลิกแล้วเหรอวะ?”

                ผมหันไปถามมันที่ตอนนี้เอามือถือออกมากดแล้วครับ - - คือจะมานั่งทำไมเนี่ย ไม่ได้มารับกลับบ้านก็ไม่ต้องมาไหม

 

                “ยัง กูหนีอิงฟ้ามา ถามมากชิบหาย”

                ปากมันพูดกับผมนะแต่ตามันยังจ้องหน้าจอมือถือไม่ละสายตา หน้าตามันก็บ่งบอกว่ารำคาญอิงฟ้ามากแค่ไหน ขอโทษนะที่มึงต้องมาเป็นเพื่อนกับคนหล่ออย่างกู

 

                “มึงหนีมาแล้วไอ้แทมกับไอ้บีทล่ะ?”

                คือไอ้มินเนี่ยรับมือกับอิงฟ้าเก่งที่สุดแล้วส่วนไอ้แทมนี่ไม่ยอมพูดอะไรเลยทำหน้าตึงไร้อารมณ์ตลอดเวลา ส่วนไอ้บีทนี่...กลัวว่ามันจะหลุดบอกอิงฟ้าว่าผมอยู่ที่ไหนนี่ดิ

 

                “ป่านนี้ตายไปแล้วมั้ง”

                มันตอบผมก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงยีนส์ขาดๆของมัน กูใส่แล้วเหมือนกุ๊ย แต่มันใส่แล้วหล่ออย่างกับเทพบุตร ไหนความยุติธรรมครับ

 

                “เชี่ย...มึงฆ่าเพื่อนทางอ้อมเหรอวะ”

                ผมว่าพร้อมกับขำเบาๆ มันก็ยักไหล่แบบไม่แคร์

 

                “แล้วไม่กลับเหรอมึง?”

 

                “ยัง กูรอไปส่งฟอง”

 

                “หว่าย เดี๋ยวนี้สามีกูพัฒนามากอ่ะ มีไปส่งกันด้วย อิจฉาจัง”

                ผมพูดแล้วยิ้มล้อมันก่อนจะกอดแขนแล้วเอาหัวถูไถ

 

                “ไม่ต้องมาอิจฉากู ทุกวันนี้มึงจะย้ายมาอยู่วิดวะแล้วเหอะ”

                มันยักคิ้วกวนให้ผม ผมถึงกับจุกจนพูดไม่ออกเลยครับ ก็ไม่ได้จะย้ายมาอยู่วิศวะอะไรหรอก ก็แม่งต้องหนีอิงฟ้าทุกวันนี้หว่า - - แล้วนี่ไอ้แอร์มันจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำไมวะ แถมยังเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมด้วย เดี๋ยวตบกะโหลกแยก

 

                “ตั้งใจทำงานไป”

                ผมกัดฟันพูดกับแอร์ มันหลุดขำแล้วพยักหน้าน้อยๆก่อนจะกลับไปตั้งใจทำงานต่อ

 

                “ก็ต้องมาหา แอร์เป็นไม้กันหมาให้กูนี่หว่า”

                ผมพูดไปตามความจริงครับ ก็เวลาอยู่กับแอร์ อิงฟ้าเขาจะไม่ค่อยกล้าเข้ามาใกล้ผมหรอก แต่ก็ยังแว้ดๆใส่ผมอยู่ได้นะ

 

                “พูดงี้น้องเสียใจไหมล่ะมึง”

                ไอ้มินว่าพร้อมกับมองไปที่แอร์ น้องมันก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆก่อนจะส่ายหัวเบาๆ ผมว่าในแววตามันมีความเศร้าปะปนอยู่นะถึงแม้จะแค่แว้บเดียวเท่านั้นก็เถอะ

 

                “แอร์ ถ้ามันทำร้ายจิตใจเรา เราก็ฟ้องพี่เฟียเลยนะเว้ย ให้พี่เฟียจัดการ”

                ผมอ้าปาตาโตทันทีเลยครับแล้วออกหมัดต่อยลงบนต้นแขนที่มีแต่มัดกล้ามของไอ้มิน มึงนี่ชอบหาเรื่องคอขาดบาดตายมาให้กูตลอด ไอ้เฮียเฟียมันก็รักหลานรหัสมันคนนี้มากกว่าน้องตัวเองอีก - - ไม่รู้ว่าตกลงผมเป็นน้องแท้ๆของมันรึเปล่า

 

                “ฮ่ะๆ ไม่หรอกครับพี่มิน พี่โฟร์ทเขาไม่ได้ทำอะไรให้ผมเสียใจหรอก”

                มันตอบมินเสร็จก็หันมาฉีกยิ้มกว้างจนตาปิดให้ผม... ขอร้องน้องอย่างแอทแทคพี่ให้มากครับ จากไม่หวั่นไหวเดี๋ยวมันจะเริ่มหวั่นไหวนะเว้ย

 

                “เห็นมะ กูออกจะเป็นคนดี”

                ผมยืดอกอย่างภูมิใจ ก็แค่การแสดงออกครับว่าภูมิใจ แต่ในใจลึกๆก็อยากขอโทษแอร์อยู่เหมือนกันที่ผมขอความช่วยเหลือจากน้องมากเกินไปแล้วไม่มีอะไรตอบแทนบ้างเลย

 

                “เออๆ กูจะกลับคณะแล้วนะ ไอ้บีทแม่งไลน์มาโวยวายว่ากูทิ้งมัน มันจะตายอยู่แล้วไอ้แทมก็ไม่ช่วย”

                มันหยิบมือถือขึ้นมาเมื่อกี้ครับ ได้เรื่องเลยไง ผมก็ทำได้แค่ตบบ่ามันเบาๆทำหน้าหงอยๆ

 

                “ขอโทษนะมึง”

                ผมว่าเสียงเบาส่วนมันก็แค่ถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเอื้อมมือมายีหัวผมอย่างอ่อนโยน

 

                “ไม่เป็นไร เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน กูไปล่ะ เสร็จเรื่องแล้วจะมารับ”

                มันว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินกลับไปที่รถคันหรูของมัน ผมก็ทำได้แค่มองแผ่นหลังของเพื่อนเดินจากไปแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ ผมเครียดนะ ไม่รู้จะทำยังไงให้อิงฟ้าเลิกวุ่นวายกับผมสักที หรือว่าผมต้องเป็นแฟนกับแอร์ก่อนเขาถึงจะเลิกยุ่งกันนะ?

 

                ผมนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยพอเมื่อก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนด้านข้างก็พบว่าเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว พอเราสบตากันเขาก็ยิ้มบางให้ผม อย่าขยันยิ้มให้มันมากเลยครับน้องแอร์ คุณน้องหล่อเกินหน้าเกินตาพี่มากไปแล้วครับ

 

                “พี่โฟร์ทครับ”

                แอร์เรียกผมก่อนจะจ้องเข้ามาในดวงตาของผม... จ้องจนผมเริ่มทำตัวไม่ถูกจนเป็นฝ่ายต้องเสมองไปทางอื่นแทน

 

                “วะ ว่าไง?”

                จะติดอ่างเพื่อใครครับ

 

                “เดี๋ยวผมไปส่งพี่ก็ได้ครับไม่ต้องลำบกพี่มินวนมารับอีก”

                หะ? แต่อย่างที่แอร์พูดก็มีเหตุผลครับ ไอ้มินยังต้องไปส่งฟองอีกนี่ ถ้าต้องไปส่งผมด้วยมันก็ต้องวนไปวนมาหลายรอบอีก ก็ดีครับ ผมจะได้ขอโทษแอร์เรื่องที่ขอความช่วยเหลือเขามากมายเหมือนกัน

 

                “อ่า ก็ได้”

                แล้วผมก็ได้รับรอยยิ้มกว้างมาจากไอ้น้องแอร์คนหล่อ... เหมือนมีดวงอาทิตย์ขึ้นตอนสองทุ่มเลยว่ะ แสบตาชะมัด

 







                ตอนนี้ผมนั่งอยู่บนรถของแอร์ครับหลังจากที่โทรไปบอกไอ้มินเรียบร้อย...แถมมาด้วยเสียงแซวจากไอ้พวกที่เหลือด้วยว่าอย่าลากน้องแอร์ไปปล้ำที่ไหนนะ พ่อง คือเอาตามความจริงไหม? ผมตัวเล็กกว่าแอร์ครับ เตี้ยกว่าด้วย กล้ามเนื้อห่าเหวอะไรกับเขาก็มีเพียงเล็กน้อยพอให้ดูว่าเป็นผู้ชายนี่ล่ะ จะเอาแรงที่ไหนปล้ำน้องมันล่ะวะ ถ้าน้องมันปล้ำผมอันนั้นไม่แน่ แล้วนี่ผมคิดบ้าอะไร๊

 

                ภายในรถเงียบครับ ได้ยินแค่เสียงเครื่องปรับอากาศดัง สถานการณ์แบบนี้มันน่าอึดอัดนะที่ต่างคนต่างเงียบ แต่ถ้าคิดในทางที่ดีแอร์คงกำลังตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถล่ะมั้ง

 

                “แอร์... พี่ขอเปิดเพลงนะ”

                ผมเอ่ยเสียงเบา แต่เจ้าของชื่อกับสะดุ้งเล็กน้อยแล้วหันมามองผมแค่แว้บเดียว เหมือนเขากำลังพยายามระงับอารมณ์อะไรบางอย่างอยู่เลยว่ะ

 

                “ตามสบายเลยครับ”

                ผมได้รับคำอนุญาตก็ครางอือตอบไปก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดเครื่องเสียงแล้วเลือกเพลงที่ฟังสบายๆ ดึกแล้วครับฟังเพลงคึกๆแล้วมันน่ารำคาญ เพราะผมง่วง T^T หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก เอาจริงๆผมว่าเพลงมันไม่ได้ช่วยให้หายอึดอัดเลยว่ะ ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ

 

                “แอร์”

                ผมเรียกชื่ออีกคนทำลายความเงียบ แอร์สะดุ้งอีกแล้วครับ ผมอยากขำนะ แต่น้องมีท่าทางเกร็งๆยังไงบอกไม่ถูกเลยครับ

 

                “ครับ?”

                เขาตอบผมมาแค่นั้น ตาโตๆยังคงมองถนนต่อไป

 

                “เป็นอะไร พี่เรียกทำไมต้องตกใจขนาดนั้น?”

                ผมเหลือบไปมองคนด้านข้างอย่างพิจารณา ใบหน้าด้านข้างของแอร์ก็หล่อไม่แพ้หน้าตรงเลย ยิ่งได้มองใกล้ๆก็ยิ่งรู้ว่าจมูกสวยนั่นโด่งมากแค่ไหน ดวงตากลมโตที่ติดจะคม ปากสีชมพูสุขภาพดีรูปกระจับ... ถ้าแอร์เป็นผู้หญิงผมจับแอร์มาจูบแล้วล่ะ และเหมือนคนด้านข้างเขาจะรู้ตัวว่าผมกำลังจ้องอยู่ก้ยิ่งนั่งตัวเกร็งแล้วลมหายใจนั่นก็สะดุดกึกด้วย ผมกลัวน้องจะเกร็งจนตะคริวกินชิบหาย

 

                “อ่ะเอ่อ... ผมตื่นเต้นครับที่ได้ไปส่งพี่โฟร์ท”

                เสียงนุ่มตอบกลับมาตะกุกตะกักแต่นั่นมันทำให้ผมต้องเผลอยิ้มออกมา... ตื่นเต้นที่ได้ไปส่งผมอย่างนั้นเหรอ? ควรจะดีใจไหมนะ

 

                “ฮ่าๆ ต้องเกร็งขนาดนั้นเลยเหรอ?”

                ผมหัวเราะออกมาเพราะตอนนี้รู้สึกว่าความอึดอัดเริ่มคลายลงแล้วหลังจากที่เริ่มพูดคุยกัน

 

                “ก็...ได้ไปส่งคนที่ตัวเองชอบเป็นครั้งแรกนี่ครับ”

                ฉ่า... ตรงกว่านี้มีอีกไหมครับ ตรงจนผมหน้าร้อนเลยล่ะ ปกติเคยเขินใครที่ไหนกันเล่า! จะเก่งเกินไปแล้วครับน้องแอร์ แต่ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่นั่งหน้าแดงนะเว้ย ไอ้คนข้างผมก็หูแดงเหมือนกัน พูดเองเขินเองสินะ

 

                “อ่า...เออ ขอโทษนะที่ขอความช่วยเหลือจากแอร์บ่อย”

                ในที่สุดผมก็ขอโทษแอร์ครับ ถึงแอร์จะบอกว่าเต็มใจทำก็เถอะครับแต่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนะ เกรงใจ

 

                “ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมเต็มใจทำ”

                แอร์หันมามองผมแล้วยิ้มให้นิดๆ ผมก็เลยพยักหน้ารับเบาๆ ผมกำลังจะพูดต่อแต่แอร์ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน

 

                “ผม...ขออะไรจากพี่โฟร์ทอย่างนึงได้ไหม?”

                น้ำเสียงนุ่มเอ่ยจริงจังแต่แฝงด้วยน้ำเสียงคล้ายจะอ้อนวอน ผมหันไปมองใบหน้าด้านข้างของแอร์อีกครั้ง ครามนี้ก็จ้องเหมือนเดิมนั่นล่ะครับ ผมจงใจมอง ใครจะว่าอะไรผมไม่สนครับ

 

                “อ่าฮะ”

                ผมตอบพร้อมกับรถที่หยุดนิ่ง... แอร์หันมามองสบตาผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่คิดจะหันหนีแล้วครับ จะทำใจดีสู้เสือหล่อก็แล้วกัน

 

                “เปิดใจรับผมไปพิจารณาได้ไหมครับ?”

                น้ำเสียงอ้อนวอนพร้อมกับสายตาอ้อนๆนั่นทำให้ใจผมแกว่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมไม่เคยอนุญาตให้แอร์จีบครับ แอร์เขาก็เลยขอคุยกับผมแบบพี่น้องซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไรดีซะอีกมีน้องหล่อๆนิสัยดีเพิ่มขึ้นอีกคน แต่ในตอนนี้ ณ เวลานี้ แอร์เขาคงทนอยู่ในสถานะนั้นไม่ไหวแล้วมั้ง... ส่วนผมเหรอ?

 

                “คิดดีแล้วเหรอว่าจะจีบพี่?”

                ผมถามออกไปตรงๆ ผมไม่ได้มีอะไรดีแบบไอ้มินไอ้แทมหรือไอ้บีทเลยนะ ออกจะเป็นคนที่ไม่สนใจใคร ไม่สนใจโลก ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่นๆซะด้วยซ้ำ แล้วแอร์ที่แสนจะดีเนี่ยคิดอะไรอยู่

 

                “ผมคิดมาตลอดหนึ่งปีเลยนะ ผมยังยืนยันคำเดิมครับว่าผมจะจีบพี่”

                นั่นสินะ...ตั้งแต่วันที่แอร์มาบอกชอบผมจนมาถึงตอนนี้มันก็ปีกว่าๆแล้วสิ ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าแอร์ยังชอบผมอยู่ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ผมยอมก็ได้

 

                “อื้อ จะจีบก็จีบ”

                หวังว่าหลังจากวันนี้มันจะมีแต่เรื่องดีๆเกิดขึ้นนะ




----------------------------------

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 7 24/05/59
«ตอบ #16 เมื่อ24-05-2016 19:40:19 »

Follow You 07

 





                ผมกลับเข้าไปในงานเลี้ยงของปีสามคณะศิลปกรรมศาสตร์หลังจากที่ขับรถหนีการตามตื้อจากอิงฟ้ามา กว่าผมจะสะบัดเธอหลุดเล่นเอาเหนื่อยแทบตาย ก่อนจะได้เดินหนีออกมาเธอยังด่าผมอีกว่าเป็นตัวขัดขวางความรักของเธอกับโฟร์ท... คือผมก็ไม่เข้าใจว่าอิงเขาคิดอะไรอยู่? ผมขัดขวางตรงไหนในเมื่อเพื่อนของผมมันไม่เล่นด้วย เธอคงเป็นยัยขี้มโนขั้นเทพล่ะมั้ง

               

ผมเดินกลับโต๊ะของตัวเองก็เพิ่งเห็นมามีสมาชิกเพิ่มมาอีกสามคนจากที่ตอนแรกไม่มีใครกล้ามานั่งร่วมโต๊ะกับพวกผม ใจผมกระตุกเล็กน้อยเมื่อเจ้าของหัวใจของผมหันมายิ้มหวานให้พร้อมกับเอ่ยทัก ก็ตอนแรกฟองนั่งอยู่อีกโต๊ะนึงต่างหาก

 

“หวัดดีมิน”

เสียงฟองมันนุ่มละมุนจนผมอยากจะได้ยินมันทุกวันเอ่ยทักผมขึ้นมา ผมยกยิ้มมุมปากนิดหน่อยก่อนจะทักเขากลับไปบ้าง

 

“หวัดดีฟอง มานั่งตรงนี้นานรึยัง?”

ผมถามฟองกลับไปก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างไอ้แทม โต๊ะผมนั่งกันเป็นวงกลมครับ เริ่มจากผม ไอ้แทม ไอ้บีท ไอ้ฝุ่น ฟอง จบด้วยไอ้ปิน  ผมเหล่มองคนข้างตัวนิดหน่อยแล้วมันก็หันมายักคิ้วให้ผมหนึ่งที รู้เลยครับว่ามันเป็นคนจัดที่นั่งแน่ๆ กะจะแกล้งผมล่ะสิท่าที่ไม่ยอมให้ฟองนั่งด้านนอกสุด จะบอกว่าไอ้ปินมันหวงเพื่อนก็ไม่ถูกครับ มันคงอยากแกล้งผมมากกว่า

 

“แหม ถามกูก็ได้น่ามิน กูมาพร้อมฟองนะ”

ไอ้ปิน ไอ้ขี้สอด - - ผมแยกเขี้ยวใส่มัน คนอื่นๆก็ดูชอบใจที่ไอ้ปินแซวผมแบบนี้ได้ ตกลงพวกมันเป็นเพื่อนใครกันแน่วะเนี่ย

 

“เออๆ ถามมึงก็ได้ปิน”

ผมไม่อยากโดนแซวไปมากกว่านี้ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมไม่ได้เขินนะแต่กลัวว่าฟองเขาจะอึดอัด แค่ผมไปจีบเขาก็คงมากมายพออยู่แล้วอย่าให้เขาต้องมาโดนแซวจากทั้งเพื่อนของเขาและเพื่อนของผมอีกเลย

 

“ย้ายมาตอนเห็นมึงเดินหนีอิงอ่ะ พวกกูก็หนีสาวๆของไอ้ฟองมาเหมือนกัน”

หืม? สาวๆของฟองงั้นเหรอ? ก่อนจะเดินหนีอิงผมก็เห็นอยู่หรอกว่าโต๊ะของฟองก็นั่งกันแค่สามคน พอสาวๆเขาเห็นว่ามีที่ว่างก็คงอยากเข้าไปนั่งด้วยล่ะมั้ง ไม่แปลกที่ฟองจะมีสาวๆเข้าหา ก็เพราะเป็นเดือนคณะยังไงล่ะ... ส่วนเหนือเดินอย่างผมน่ะเหรอ ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามายุ่งเท่าไหร่หรอก เพราะผมเป็นคนหน้าดุไม่ค่อยยิ้มเท่าไหร่ด้วย ส่วนฟองเขาเป็นคนร่าเริง โลกสดใสตลอดเวลา ถ้าเขายิ้มตลอดเวลาด้วยผมคงคิดว่าฟองเป็นคนบ้า

 

“อ๋อ สาวๆรุมจีบอีกแล้วอ่ะดิ?”

ผมหันไปถามฟองที่กำลังยกแก้วบรรจุน้ำสีอำพันดื่มอยู่ ดวงตาเล็กๆนั่นมองผมแล้วแก้วที่บังหน้าของเขาก็เลื่อนต่ำลงเผยให้เห็นว่าเจ้าตัวกำลังยิ้มอยู่ มือสวยนั่นยังถือแก้วเบียร์ค้างอยู่ก่อนจะตอบผม

 

“อืม หนุ่มๆก็มีนะ”

ฟองพูดจบก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะวางแก้วเบียร์ลงแล้วปัดปอยผมที่หน้าออก เผยให้เห็นว่าใบหน้าขาวใสบัดนี้ที่แก้มของเขามีสีแดงระเรื่ออยู่ คงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่กินเข้าไป น่ารักว่ะ อยากจับมาฟัดสักทีสองที

 

“เรามีคู่แข่งด้วยเหรอ?”

ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงสบายๆ ถึงจะมีคู่แข่งเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายผมก็ไม่หวั่นหรอก เพราะยังไงฟองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกคบใครก็ได้อยู่แล้ว ถ้าถามว่าผมหึงหวงฟองไหม ตอบได้แบบไม่ต้องคิดเลยว่าหึงและหวงมาก แต่เพราะผมรู้ว่าสมควรวางตัวแบบไหนไม่ให้อีกฝ่ายอึดอัด เลยเลือกจะเก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้กับตัวเองก็แค่นั้น

 

“มีดิ เยอะแยะ”

ฟองยักคิ้วให้ผม กวนนะเราน่ะ ได้เป็นแฟนเมื่อไหร่จะลงโทษให้เข็ดเลยเชียว แต่ตอนนี้ทำได้แค่คิดครับ เชื่อว่าหนทางในการจีบฟองยังอีกยาวไกล ถึงอุปสรรคจะเยอะผมก็ไม่หวั่นอยู่แล้ว ผมได้แต่ทำหน้าหงอยๆกลับไปให้ฟอง แต่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของคนในโต๊ะดังขึ้น ตลกนักรึไงวะเพื่อนมีคู่แข่งเนี่ย

 

“โอ๋ๆ กลายเป็นหมาหงอยเลยเว้ย มึงก็ไปเชื่อไอ้ฟอง มีมึงคนเดียวนี่ล่ะที่เป็นผู้ชายมาจีบมัน”

ไอ้ปินขายเพื่อนหมดเลยครับ ผมหันไปมองฟองทันทีก็ได้รับเสียงหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังกลับมาจากคนขี้แกล้ง ฟองนะฟอง อย่าให้ผมแกล้งกลับบ้างนะเว้ยจะเล่นให้กลับบ้านไม่ถูกเลย

 

“แกล้งเรานะฟอง เดี๋ยวจะโดน”

ผมชี้หน้าฟองเอ่ยด้วยเสียงแข็งๆ ฟองรีบหุบปากฉับทันที ตาเล็กๆนั่นเบิกขึ้นเล็กน้อย เหมือนเขาจะตกใจที่ผมขู่เลยว่ะ แต่ทำไมต้องทำท่ากลัวขนาดนั้นด้วย พี่มินคนนี้ใจดีนะเว้ย ถึงแม้จะใจดีกับฟองคนเดียวก็เถอะ

 

“เดี๋ยวๆๆ กูขอขัดพวกมึงแปปนะ นี่กูพลาดอะไรป่ะ?”

ไอ้ฝุ่นถามพร้อมกับเกาหัวแกรกๆ ในมือมันยังถือแก้วน้ำอัดลมอยู่... ไอ้นี่มันชอบแดกไวน์ครับไม่ชอบแดกเบียร์ แต่ถ้าเป็นเหล้ามันก็ไม่หวั่นเหมือนกัน

 

“มึงไม่พลาดไรหรอก มึงแค่โง่”

โห... พี่แทมคนดีของกูปากหมาอีกแล้วครับ มึงไม่กลัวโดนรุมกระทืบบ้างรึไงวะ ปากหมาในกลุ่มไม่พอยังจะปากหมานอกกลุ่มอีก แต่มันก็ไม่ได้แคร์สีหน้าของไอ้ฝุ่นที่เอ๋อแดกไปแล้วนะ มันกลับหยิบถั่วแล้วโยนเข้าปากเคี้ยวหงุบหงับด้วยความกวนตีนไป

 

“กดไลค์ที”

ไอ้ปินยกนิ้วโป้งขึ้นมาแล้วขยับขึ้นลงหลายที  จนไอ้ฝุ่นเอื้อมมือข้ามตัวฟองไปตีมือไอ้ปินดังเพี้ยะ เจ็บแทนเลยครับ

 

“มึงชอบฟอง? มึงกำลังจีบฟอง?”

แล้วมันก็หันมาคาดคั้นผมแทน ดวงตากลมๆของมันจ้องผมเขม็ง ปากบางสีชมพูอ่อนของมันเม้มเข้าหากันแน่น

 

“เออ”

ผมตอบสั้นๆก่อนจะหยิบถั่วขึ้นมาเคี้ยวบ้าง ฟองดูจะอึ้งนิดหน่อยที่ผมยอมรับง่ายๆไม่มีปิดบัง ผมถือคติว่าจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้ชัดเจนไม่ใช่ครึ่งๆกลางๆ เจ้าของคำถามอ้าปากค้างก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าผม

 

“มึง.. มึง อย่าลากเพื่อนกูไปปล้ำนะ กูหวง!”

คนหวงเพื่อนที่แท้จริงเผยตัวออกมาแล้วครับ หวงอ่ะหวงได้ผมเข้าใจ แล้วทำไมประโยคมันทะแม่งๆ แล้วทำไมมันคิดว่าผมจะทำแบบนั้นกับฟองด้วยวะ ขอคำอธิบายด่วนเลย!

 

“เฮ้ย ฝุ่นมึงพูดไรออกมา”

เป็นฟองครับที่ถามออกไปก่อน มือเรียวสวยๆนั่นก็ฟาดลงบนไหล่ของเพื่อนสนิทดังเพี้ยะ อื่ม... ฟังจากเสียงแล้วมือฟองน่าจะหนักกว่าไอ้ฝุ่นด้วยซ้ำ

 

“ก็ไอ้มินอ่ะ ใครๆก็บอกว่ามันหื่นตัวพ่อเลยนะเว้ย”

อ้าวเฮ้ย ใครเอาเรื่องกูมาพูดวะเนี่ย ผมออกจะเงียบขรึม หื่นนี่ก็หื่นเงียบนะครับไม่ค่อยแสดงออกให้ใครเห็นซะหน่อย

 

“ก็รู้ แล้วทำไมต้องคิดว่ามินจะปล้ำกูด้วย?”

 

“เออ ทำไมต้องคิดว่ากูจะทำเรื่องแบบนั้นกับฟองวะ?”

                ได้ทีผมก็ถามต่อจากฟองเลยไง คนหื่นก็ไม่จำเป็นว่าต้องเลวนี่ครับ หื่นก็หื่นในที่ของผมนะเว้ยไม่ได้ไปหื่นกับใครให้เดือดร้อน แต่ฟองรู้ด้วยเหรอวะว่าผมหื่น T T บรรลัยจริงๆเลยเว้ย

 

                “กับคนที่ชอบเราก็อยากสัมผัสเขาไม่ใช่เหรอ? หรือกูเข้าใจไรผิด?”

                พอผมได้ยินคำตอบของไอ้ฝุ่นก็ได้แต่นั่งเงียบ ไม่มีข้อโต้แย้ง... ก็จริงของมันครับ ก็เมื่อกี้ยังคิดว่าฟองน่าฟัดอยู่เลย ฮือ

 

                “จริงของมึง”

                ไอ้แทมพูดพร้อมกับเหล่มามองผมที่เอาแต่ยกแก้วเบียร์ขึ้นกระดกอึกๆ ไม่ได้กลัวเมาเลยครับ ตอนนี้ขอกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดของตัวเองก่อนเลยอันดับแรก

 

                “เอ้า เงียบเลยนะมึง สรุปเรื่องจริงใช่ไหม?”

                ปินครับ... กูอุตส่าห์นั่งเงียบแล้วแดกเบียร์ของกูไป ทำไมมึงต้องหางานมาให้กูด้วย นั่นไง ฟองจ้องผมแบบต้องการคำตอบซะด้วยสิ ผมเลยทำได้แค่ลดแก้วเบียร์ลงจากปากแล้วตั้งมันไว้บนโต๊ะก่อนจะหลับตาแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

 

                “เออก็จริง แต่กูก็แค่คิดในที่ของกู ไม่ได้เลวถึงขั้นลากฟองไปปล้ำหรอกว่ะ”

                ผมปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน เผลอตอบตามความจริงทั้งๆที่ฟองก็นั่งอยู่ด้วย โอย ปากพาซวยแล้วไหมล่ะกู

 

                “ตรงชิบหาย แบบนี้ฟองจะคิดไงวะ?”

                ไอ้บีทที่เงียบมานานถามขึ้น ผมก็นึกว่ามันเมาหลับไปแล้วนะเนี่ย ที่แท้แม่งนั่งเก็บรายละเอียดอยู่นี่เอง

 

                ฟองจะคิดอะไรผมไม่รู้นะ แต่ที่รู้คือกูไม่น่าพูดเลย

 

                “มินลามกว่ะ”

                ฟองว่าผมแต่แก้มขาวๆนั่นกลับแดงมากขึ้นกว่าเมื่อกี้ที่ผมสังเกตอีก จะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าฟองเขิน... แต่เขาไม่ได้มองมาทางผมนะ เพราะสายตาของเขากำลังจดจ่อกับจานยำรวมมิตรตรงหน้าต่างหาก

 

                “ก็นะ..ไม่ปฏิเสธ”

                หลังจากที่ได้สารภาพว่าชอบฟองแล้วเริ่มจีบฟองไป ไอ้ความอายความไม่กล้าไม่รู้มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหนหมด เหลือแค่ไอ้มินที่หน้าด้านอยากพูดไรก็พูด อยากจะหยอดไรก็หยอดแบบไม่มีกั๊ก ไม่สนไม่แคร์คนอื่นด้วยนะ อยากได้ตัวเองคนเดิมกลับมาจัง

 

                ทั้งโต๊ะหันมามองผมเป็นตาเดียวแบบอึ้งๆแล้วก็หลุดหัวเราะกันออกมาพร้อมกับคำมากมายที่เพื่อนๆของเขาพูดออกมา เจ๋ง หน้าด้านว่ะ ชอบๆ ตรงว่ะ แล้วก็อีกมากมายนับไม่ถ้วน มีแต่ฟองนั่นล่ะที่เบิกตามองผมช้อนที่ตักยำก็ค้างอยู่ในอากาศ ปากสีชมพูสวยเริ่มขยับถามผม

 

                “ลามกกับคนอื่นแบบนี้ด้วยรึเปล่า?”

                หลังจากจบคำถามช้อนยำก็เคลื่อนไหวเข้าปากอิ่มนั่น ผมเผลอมองปากฟองที่ขยับเคี้ยวหงุบหงับแล้วรู้สึกว่า... มันน่ารักจนอยากจะจุ๊บลงไปหลายๆครั้ง นั่นไงครับ คิดลามกอีกแล้ว ฮืออ

 

                “แล้วคิดว่าไงล่ะ?”

                ผมถามฟองกลับ ไม่ใช่อะไรหรอก อยากกวนประสาทฟองบ้างเท่านั้นเอง หลังจากที่เจ้าตัวเคี้ยวยำในปากหมดก็ตอบคำถามของผมต่อ

 

                “อย่างมินเหรอ คงลามกกับสาวๆไปทั่วแน่เลย ก็เหนือเดือนสาวติดตรึมขนาดนั้น”

                ฟองพูดเหมือนจะน้อยใจนะที่ผมมีสาวๆมาติด แต่ผมรู้ว่านั่นก็แค่เป็นการพูดเล่นของฟองเท่านั้นล่ะ ผมเลยยักไหล่แบบไม่แคร์อะไรแล้ววางแก้วเบียร์ที่หยิบขึ้นมาจิบเมื่อกี้ลง

 

                “บ้าเหอะฟอง ไม่เคยคิดลามกกับคนอื่นว่ะ”

                ฟองมองผมแบบไม่เชื่อ ผมพูดความจริงนะเว้ย ตั้งแต่รู้ตัวเองว่าชอบฟองก็ไม่เคยเหลียวแลคนอื่นด้วยซ้ำ ถึงจะมีสาวๆอกอึ๋มเข้ามามากแค่ไหนผมก็ไม่เคยสนพวกเธอสักนิด

               

                “ตอแหลแล้วมึงอ่ะ”

                ไอ้ปินพูดขึ้นมา ผมนี่ไม่สนอะไรแล้วครับหยิบถั่วในจานปาหัวแม่งเลย มันก็หลบนะ แต่หลบไปทางฟองแล้วเอาหัวซบไหล่ซะงั้น ฮึ่มมม

 

                “ฟองงงงงงงง มึงดูมันดิ มันทำร้ายกูอ่ะ อย่าไปชอบมันนะเว้ย”

                ได้ทีอ้อนฟองใหญ่เลยนะไอ้ปิน ปากก็หมาน่าจะเอาไปอยู่กับไอ้แทม ผมถลึงตาใส่มันแต่มันยักคิ้วให้ผม กวนตีนชิบหาย

 

                “มึงว่ามินก่อนเอง เอาหัวเน่าๆของมึงออกไปเลย”

                ฟองว่าไอ้ปินก่อนจะผลักหัวมันออกไปจากไหล่ บอกได้เลยว่าตอนนี้ปรมินทร์สะใจมาก ไอ้ปินหน้างอเลยครับ มันจ้องฟองอย่างเอาเรื่อง

 

                “มึงปกป้องมันอ่ะฟอง มึงชอบมันแล้วใช่มะ!”

                ไอ้ปินโวยวายใส่ฟอง ฟองส่ายหน้าอย่างเอือมระอาแล้วผลักหัวไอ้ปินไปไกลๆ ส่วนผมที่กำลังจะตักยำเข้าปากชะงักมือเพราะประโยคที่ให้ปินพูด ผมยิ้มออกมาบางๆก่อนจะเคลื่อนช้อนยำเข้าปากตัวเอง มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่ฟองจะชอบผมน่ะ ก็เพิ่งเริ่มจีบเองนี่เนอะ

 

 

                “เพ้อเจ้อแล้วปิน เมาแล้วใช่ไหม?”

                ฟองว่าก่อนจะหยิบถั่วใส่ปากเพื่อนเป็นกำมือ ไอ้ปินเบิกตากว้างแล้วพยายามเคี้ยวถั่วในปากให้หมด

 

                “แฮ่ก ยัดมาได้นะมึง กูไม่ได้เพ้อเจ้อ ก็ทีไอ้พี่อิฐอะไรนั่นจะมาจีบมึง มึงยังไม่ยอมให้มันจีบเลย แล้วนี่อะไร ไอ้มินขอจีบมึงก็ให้มันจ... อื้อออ”

                ผมจ้องทั้งสองคนนั้นด้วยตาเป็นประกาย พี่อิฐอะไรนั่นก็จะจีบฟองด้วยเหรอวะ แต่ฟองไม่ยอมให้จีบ? แล้วฟองยอมให้ผมจีบเนี่ยนะ ผมมีหวังใช่ไหมครับ ใครก็ได้บอกผมทีเถอะ ไอ้ปินโดนฟองปิดปากไปแล้วครับ มันก็พยายามแงะมือฟองออกใหญ่เลย

 

                “เมาแล้วชอบเพ้อเจ้อนะปิน”

                เหมือนฟองกำลังไม่พอใจเลยครับ แต่เขาก็ยอมปล่อยไอ้ปินให้เป็นอิสระ ไอ้ปินก็เช็ดปากตัวเองไปมาไม่โวยวายอะไรต่อ

 

                “เออ คงเมาแล้วอ่ะ พูดไรไปไม่รู้เรื่อง จำไม่ได้แล้ว”

                ไอ้ปินพูดออกมาแบบนั้น ฟองถึงได้ระบายยิ้มแล้วผลักหัวเพื่อนตัวเองไปมาเบาๆ

 

                ผมก็ไม่ได้ถามอะไรต่อจากนั้นอีกแล้วทั้งๆที่ยังคาใจแต่ก็เลือกเก็บไว้จะดีกว่า เพราะผมคิดว่าคนเราก็ต้องมีเหตุผลส่วนตัวอยู่แล้วล่ะและมันไม่จำเป็นต้องเอาเหตุผลเหล่านั้นไปป่าวประกาศในคนอื่นได้รู้เลย

 

 

                ตอนนี้ผมกับฟองอยู่บนรถด้วยกันครับ ก็อย่างที่รู้ว่าผมอาสาไปส่งฟองที่บ้านซึ่งบ้านผมกับบ้านฟองเนี่ยมันไปทางเดียวกัน แต่บ้านฟองจะไกลออกไปมากกว่าบ้านผม ส่วนเพื่อนๆของฟองเนี่ย คนละฝากฝั่งกันเลยครับ ภายในรถเงียบสนิทครับยกเว้นก็แค่เสียงเครื่องปรับอากาศกับเสียงหายใจของเราสองคน อึดอัดชะมัด

 

                “มิน”

                อ่า... ฟองทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดนี้ลงแล้วล่ะครับ อยากจะดึงมาหอมแก้มสักที รู้ใจกันจริงๆเลย

 

                “ว่าไงครับ?”

                ผมตอบกลับไปแต่ตาก็ยังคงจ้องถนนอยู่เหมือนเดิม ผมไม่ค่อยชอบขับรถกลางคืนเท่าไหร่ครับ เพราะผมสายตาสั้นด้วยล่ะ ทุกวันนี้ก็ใส่คอนแทคเลนส์เอา อยู่บ้านก็ใส่แว่นตาไปครับ ไม่ได้ห่วงหล่ออะไรหรอกที่ไม่ได้ใส่แว่นไปเรียนก็เพราะความสะดวกสบายของตัวเองเป็นอย่างแรกนั่นล่ะ

 

                “มินคิด...เรื่องแบบนั้นกับเราจริงเหรอ?”

เสียงนุ่มๆของฟองขาดห้วงก่อนจะพูดต่อไป ผมถึงกลับกลั้นหายใจในจังหวะทิ้งห่างนั่นเลยครับ แล้วก็ต้องกลับมาขมวดคิ้วเมื่อประโยคคำถามมันจบลง ผมควรจะตอบว่ายังไงไม่ให้ฟองกลัวผมดีวะ? เรื่องแบบนั้น ฟองก็คงหมายถึงเรื่องที่เราคุยกันในงานเลี้ยงนั้นล่ะ ความหื่นและความลามกของผม

 

                “ก็..คิด แต่เราไม่เคยคิดจะปล้ำฟองนะเว้ย”

                ผมตอบตามความจริงแล้วเหลือบไปมองคนด้านข้างที่ตอนนี้ก็หันมามองผมเช่นกัน แต่ต่างคนก็ต่างหลบตากันไป

 

                “ฮ่าๆ อืม แล้วคิดยังไงบ้างล่ะ?”

                ดูเหมือนฟองจะไม่ได้เครียดอะไรกับเรื่องนี้ แถมยังหันมามองหน้าผมแล้วทำสีหน้าทะเล้นใส่อีก ผมว่าผมเห็นแก้มฟองแดงนะ... แต่คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อีกล่ะมั้ง

 

                “ก็... จะให้พูดจริงๆเหรอวะ? มันน่าอายจะตาย”

                ผมลูบท้ายทอยตัวเองเบาๆแล้วขับรถมือเดียว ผมได้ยินเสียงหัวเราะเล็กๆดังมาจากคนข้างตัว

 

                “อื่อ คนที่ต้องอายควรจะเป็นเรามากกว่าป่ะ?”

 

                “เออจริง”

                ผมตอบออกไปก่อนจะหัวเราะแห้งๆ ตอบก็ตอบวะ เพื่อนก็แม่งเอาผมไปขายหมดแล้วไงไม่มีอะไรจะปิดบังแล้ว

 

                “ก็.. คิดว่า ปากคงจะนิ่มเนอะ แก้มก็คงจะนุ่ม ถ้าได้จุ๊บคงจะฟิน”

                โอย พูดออกไปแล้วก็อยากกัดลิ้นตัวเองตายๆไปซะ ผมไม่ได้เหลือบมองว่าคนด้านข้างตอนนี้ทำหน้ายังไง ถ้าโดนรังเกียจกลับมาคงจะแย่มากแน่ๆ

 

                “แค่จุ๊บเองเหรอ?”

                ฟองถามผมเสียงทะเล้นแถมยังจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่มีกลิ่นเบียร์จางๆปะปนอยู่ ผมขยับหน้าหนีทันที เพราะหัวใจดันเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้

 

                “อย่าแกล้งเราน่าฟอง ขยับออกไปเลยเดี๋ยวเราอดใจไม่ไหว”

                ผมว่าเสียงเครียด ซึ่งฟองก็หลุดยิ้มกว้างออกมาแล้วขยับตัวไปนั่งที่เดิม สนุกเขาล่ะครับ ไม่คิดว่าฟองจะขี้แกล้งขนาดนี้นะเนี่ย กว่าผมจะจีบฟองติดผมไม่ประสาทตายไปก่อนหรอกเหรอ

 

                “ไว้จีบติดจะให้ลองสัมผัสดูนะ”

                คำให้ความหวังนั่นมันอะไรกันนะ ผมไม่อยากจะเก็บเอามาคิดให้วุ่นวายใจเลยให้ตายสิ

 

 

                หลังจากนั้นเราก็เงียบกันมาตลอดทางจนตอนนี้รถของผมจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้านสองชั้นหลังขนาดกลาง คนตัวบางกว่าผมเดินลงจากรถแล้วผิดประตูลงก่อนจะก้มตัวมาพูดกับผมที่เปิดกระจกรถทิ้งไว้

 

                “ขอบคุณนะที่มาส่ง ขับกลับบ้านดีๆล่ะ อย่าลงไปนอนข้างทาง เราขี้เกียจไปเก็บ”

                ฟองพูดจบพร้อมกับส่งรอยยิ้มกว้างมาให้ เล่นเอาผมใจกระตุกเลยครับ

 

                “ระดับไหนแล้ว ไม่นอนข้างทางหรอก เป็นห่วงอ่ะดิ?”

                ผมถามเสียงทะเล้นกลับไปบ้าง ฟองก็ได้แต่เบ้ปากใส่ผม

 

                “ขี้ตู่นะเรา จะเข้าบ้านแล้ว บาย”

                ฟองยกมือมาโบกสองสามครั้งก่อนจะหมุนตัวเข้าบ้าน แต่ผมก็ส่งเสียงให้เขาหยุดเดินซะก่อน ใบหน้าหวานๆของฟองเลยเอี้ยวมามองผมโดยไม่ได้หันตัวมาด้วย ผมเลยได้เห็นแค่ใบหน้าด้านข้างของฟองเท่านั้น

 

                “ฝันดีนะครับ”

                ผมพูดออกไปแล้ว... ผมเห็นฟองเม้มปากตัวเองนิดหน่อยก่อนจะตอบผม

 

                “อื้อ ฝันดี”

                แล้วฟองก็เดินหายเข้าไปในบ้าน ผมยิ้มให้กับคำบอกฝันดีของฟอง... ผมคิดว่าคืนนี้ผมคงนอนหลับแล้วมีความสุขที่สุดเลยล่ะ




---------------------------------------

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 8 24/05/59
«ตอบ #17 เมื่อ24-05-2016 19:42:07 »

Follow You 08





 

                เช้าวันนี้ผมมามหาวิทยาลัยด้วยความงัวเงียขั้นสุด เพราะเมื่อคืนยุ่งวุ่นวายกับงานที่ดองไว้เกือบทั้งคืน พูดง่ายๆคือผมไม่ได้นอนเลยหนึ่งวันเต็มๆ ผมเดินเข้าคลาสด้วยใบหน้าอิดโรยแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆไอ้แทมที่กำลังนั่งเคี้ยวแซนวิซด้วยสีหน้าสดใส ผมเหลือบมองมันก่อนจะยื่นหน้าไปใกล้ไอ้แทมมันผงะถอยหลังแล้วจ้องหน้าผมไม่เลิก มันรู้ครับว่าผมต้องการอะไรในเวลานี้

 

                “ขอหน่อย”

                ผมพูดเสียงแหบแห้งเหมือนคนยังไม่ตื่นนอน แต่จริงๆแล้วเกิดจากการเพลียล้วนๆ ไอ้แทมมันยิ่งเอนตัวหนีผมมากขึ้นจนตอนนี้หัวมันไปชนกับไอ้โฟร์ทแล้ว

 

                “อะไรของมึงเนี่ยแทม เอาหัวออกไป”

                ไอ้โฟร์ทผลักหัวไอ้แทมกลับมาหาผมแล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันที่แซนวิซของไอ้แทมที่มันคาบไว้ตรงมาที่หน้าผมเหมือนกัน ผมไม่รอช้าที่จะอ้าปากงับส่วนที่เหลือออกมาจากปากมัน ตอนนี้ไม่ได้สนแล้วครับว่าปากจะโดนกันรึเปล่า พวกผมไม่ค่อยจะถือเรื่องนี้กันอยู่แล้ว

 

                “ไอ้มิน แซนวิซกู”

                มันเหลือกตาโตแล้วผลักหัวผมที่กำลังเคี้ยวแซนวิซด้วยความสบายใจ ส่วนที่เหลือไอ้แทมก็เอามือยัดเข้าปากตัวเองจนหมด ไอ้นี่มันหวงของกินเป็นที่หนึ่งเลยครับกับเพื่อนกับฝูงไม่เคยจะแบ่ง เห็นนิ่งๆเงียบๆแบบนี้พี่แทมมันกินเก่งที่สุดในกลุ่มเลยครับ

 

                “อร่อยว่ะ”

                ผมยิ้มร่าให้มันก่อนจะแลบลิ้นเลียคราบมายองเนสที่มุมปากตัวเองและนั่นทำให้ไอ้แทมตบหัวผมไปอีกที... หัวกูไม่ใช่ลูกวอลเล่ย์นะเว้ยตบเอาๆเนี่ย

 

                “ไปไกลๆตีนกูเลย - -”

                มันไล่ผมเสียงแข็งแล้วรีบหยิบกล่องนมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะไปดูดจนหมดโดยตาก็ยังคงจ้องผมเขม็ง ผมแค่หยักไหล่ไม่สนใจมัน

 

                “ที่รัก มึงแย่งไอ้แทมกินอีกแล้วสินะ หน้ามันหงิกขนาดนั้น”

                โฟร์ทชะโงกหน้ามาคุยกับผมพร้อมกับมองหน้าไอ้แทมไปด้วย ผมก็แค่ยักคิ้วให้ไอ้โฟร์ทไปแค่นั้น แต่กินไปแค่นั้นมันไม่อิ่มว่ะ ต้องหาของกินต่อ

 

                “โฟร์ท... มีไรให้กูกินไหม?”

                ผมมองมันอย่างมีความหวัง ไอ้โฟร์ทถึงกับอ้าปากหวอแล้วสักพักมันก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนไอ้แทมนี่มันเลิกสนใจผมแล้ว

 

                “กินกูได้ป่ะ? อิอิ”

                มันกัดปากล่างคล้ายจะยั่วยวนผม... ยั่วตีนอ่ะนะ ขนลุกเว้ย

 

                “ไปยั่วไอ้แอร์ไป กูจะอ้วก”

                ได้ทีผมก็กัดมันคืนบ้างครับ เห็นช่วงนี้แอร์มาเฝ้ามันเกือบทุกวัน ไม่รู้ว่ายอมให้แอร์มายุ่งวุ่นวายกับตัวมันเองขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะปกติแล้วแอร์จะไม่ดอดมาหามันขนาดนี้  ถ้าไม่ใช่ว่าเพื่อนผมยอมให้แอร์จีบไปแล้วน่ะนะ

 

                “เงียบไปเลยไอ้มิน”

                มันจิ๊ปากใส่ผมแล้วกลับไปจิ้มไส้กรอกในถุงกินต่อ ไอ้พวกไร้น้ำใจเอ้ย เหยื่อรายต่อไปก็เป็นไอ้บีทที่กำลังเดินเข้าห้องมานั่นล่ะ มันกำลังจะเดินผ่านหน้าผมไปนั่งข้างไอ้โฟร์ท แต่ผมยื่นแขนไปกั้นตัวมันเอาไว้ก่อน มันมองผมทั้งๆที่ตัวมันเองคาบหลอดกาแฟอยู่

 

                “ฮาร์ทบีทครับ มีไรให้กูกินมั่ง?”

                ผมมองมันด้วยสายตาอ้อนวอน มันเลยคายหลอดแล้วส่งแก้วกาแฟมาให้ผม.. ผมมองมันงงๆ อะไรวะ

 

                “อ่าว กูให้แล้วทำไมไม่เอาอ่ะ”

                ไอ้บีทยิ้มกว้างแล้วขยับแก้วกาแฟเข้ามาใกล้หน้าผมอีก หลอดเกือบทิ่มตาเลยครับ ไอ้เพื่อนเวรเอ้ย ผมเลยเอาฝ่ามือดันแก้วไปไกลๆแล้วจ้องหน้ามัน

 

                “มีแต่กาแฟ?”

               

“เออดิ วันนี้กูตื่นสายอ่ะ ได้แค่กาแฟมากิน แล้วมึงล่ะ?”

มันถามผมก่อนที่จะถอยหลังแล้วทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างผมซะเลย

 

“กูยังไม่ได้นอนเลยเถอะ ลากสังขารมาเรียนได้นี่เทพสุดแล้ว”

ผมมองมันตาปรือ รู้สึกว่าความง่วงกำลังโจมตีผมอีกระลอกแล้ว ง่วงจนอยากร้องขออาจารย์กลับไปนอนที่บ้าน

 

“ปั่นงานอ่ะดิ? กูบอกแล้วว่าให้ย้ายมานอนคอนโดมึงได้ละ ไปกลับบ้านมหา’ลัย มึงตายพอดี”

มันพูดจบก็ดูดกาแฟอย่างสดชื่น ผมมองมันตาละห้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ผมมีคอนโดที่เดียวกันกับไอ้บีทครับ แต่สาเหตุที่ผมไม่ได้นอนคอนโดเลยเพราะว่ามันอยู่ไกลจากบ้านเท่ากับผมอยู่ไกลจากฟองไปด้วย เพราะฟองเขาอยู่บ้านแถวๆเดียวกับผม เหตุผลโคตรปัญญาอ่อนครับรู้ตัว แต่เอาจริงๆคือไม่อยากอยู่คนเดียว ที่บ้านยังมีพ่อ แม่ พี่เลี้ยง ไหนจะไอ้เบนซินอีก... เอ่อ เบนซินนี่ไม่ใช่น้ำมันนะครับ แต่เป็นหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้สีเทาขาวต่างหาก ตามันสีฟ้าด้วยนะครับไม่อยากจะอวดเลย

 

“เออ อาทิตย์หน้าคงย้ายเข้าคอนโดแล้วว่ะ งานเยอะชิบหาย”

แม่กับพ่อผมก็บัญชามาแล้วล่ะครับว่าให้ย้ายมานอนคอนโดสักทีเพราะงานเยอะจนไม่ได้หลับได้นอน กลัวผมจะขับรถจากบ้านแล้วรถชนตายไปซะก่อน

 

“เอาเบนซินมาด้วยดิ”

ไอ้บีทยิ้มกว้าง มันชอบไอ้เบนซินมากครับ ไปบ้านผมทีไรมันก็ไปขลุกตัวอยู่กับไอ้หมาหล่อประจำ กับเพื่อนกับฝูงไม่เคยจะสนใจ ยังหาว่าผมหน้าเหมือนหมาด้วยนะ ตอนนั้นผมไล่เตะมันรอบบ้านเลยครับ แต่มันก็ตะโกนว่า ‘มึงกับหมาหล่อเหมือนกันไงวะ’ ผมเลยหยุดไล่เตะมัน

 

“เออ เอามาอยู่แล้ว แต่ห้องกูจะพังไหมล่ะมึง ไฮเปอร์ขนาดนั้น”

ผมพูดจบก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ตอนนี้ผมง่วงจนควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วว่ะ ของีบสักสิบนาทีแล้วกัน

 

หลังจากที่ผมเข้าสู่นิทราไปจริงๆก็รับรู้ถึงแรงสะกิดที่ไหล่เบาๆ ผมเลยเงยหน้าขึ้นแล้วหลี่ตามองคนข้างๆก่อนภาพจะชัดขึ้น รอยยิ้มหวานๆนั่นทำให้ผมตาสว่างเลยทีเดียว ฟองมานั่งข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วไอ้บีทมันหายไปไหนแล้วเนี่ย ผมรีบยืดตัวขึ้นตรงเอาฝ่ามือลูบหน้าตัวเองไปมาก่อนจะขยี้หัวจัดทรงผมของตัวเองไปด้วย นี่ผมอยู่ในสภาพที่น่าเกลียดเกินฟองจะรับไหวรึเปล่าวะเนี่ย

 

“หวัดดีมิน ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน หมีแพนด้าเรียกพ่อแล้วมั้ง”

ฟองกระซิบถามผมเพราะตอนนี้อาจารย์เข้ามาในคลาสและเริ่มสอนแล้ว ผมแทบจะเอามือขึ้นมาปิดตาเมื่อฟองทักแบบนั้น ความหล่อของผมนี่ติดลบไปแล้วแน่ๆ โอย โคตรจะอายเลยครับ

 

“ปั่นงาน ยังไม่ได้นอน ตามินคล้ำขนาดนั้นจริงเหรอวะ?”

ผมลูบๆตาตัวเอง ฟองก็มองผมแล้วขำเบาๆแต่ไหล่สั่นอ่ะครับ มันน่าจริงๆเลย

 

“มินห่วงหล่ออ่ะดิ ฮ่าๆ เราล้อเล่นเว้ย แค่ดูเพลียๆน่ะ”

ฟองจดอะไรยุกยิกๆลงในสมุดไปเรื่อย คือฟองสมาธิดีมากครับ ฟังอาจารย์แล้วจดไปด้วยแถมยังคุยกับผมได้อีก สุดยอดจริงๆครับ ส่วนผมเหรอ ฟังอาจารย์พูดยังไม่เข้าหูเลยครับ เบลอไปหมด

 

“เปล่าหรอก แต่กลัวฟองจะเห็นสภาพดูไม่ได้ของมิน”

ผมพูดไปตามความจริงแล้วเริ่มรื้อสมุดกับปากกาออกจากกระเป๋ามาจดสิ่งที่อาจารย์สอนลงไปบ้าง

 

“คิดอะไรมาก ไม่ต้องดูดีตลอดเวลาก็ได้นะคนเรา”

ฟองพูดแบบไม่สนใจอะไรมาก แต่รอยยิ้มที่ติดอยู่ตรงมุมปากของฟองทำให้ใจผมเต้นถี่ขึ้นมาซะงั้น จะบอกผมว่ารับได้ที่ผมเป็นตัวผมสินะ น่ารักว่ะ จำเป็นต้องทำตัวน่ารักขนาดนี้เลยรึไงวะ ไม่อยากให้คนอื่นได้เห็นความน่ารักแบบนี้ของฟองเลย หวง

 

หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก แต่หางตาผมเนี่ยเหลือบมองฟองเกือบจะตลอดเวลาที่นั่งเรียนข้างกัน บางครั้งฟองก็หันมาสบตาผมแบบพอดิบพอดีแล้วยังจะยักคิ้วให้ผมอีก ไม่ได้มีความเขินกับเขาบ้างเลยรึไง เป็นผมเองที่ต้องหลบสายตาเพราะโดนจับได้ว่าแอบมองเขาอยู่

 

หลังจากหมดคาบเรียนช่วงเช้าพวกผมก็ไม่มีเรียนต่อเลยจะไปร้านกาแฟกินขนมกันสักหน่อย แต่ไอ้เพื่อนตัวดีอย่างไอ้ฮาร์ทบีทก็ดันทะลึ่งไปชวนพวกฟองด้วย สรุปว่าฟองไป แต่ไอ้ฝุ่นติดธุระ ไอ้ปินต้องไปรับแม่ที่สนามบิน ก็ตามนั้นครับ ดีกับผมซะอีกได้ใช้เวลาอยู่กับฟองนานขึ้น

 

วันนี้เราได้นั่งโต๊ะสี่เหลี่ยมครับ ผมนั่งตรงข้ามกับฟอง ไอ้แทมนั่งตรงข้ามกับไอ้บีท ส่วนไอ้โฟร์ท...พี่เฟียโทรมาตามมันให้ไปหาที่คณะวิศวะด่วน ผมเดาว่าพี่เฟียคงกำลังทำตัวเป็นกามเทพให้กับแอร์อยู่แน่ๆ พอที่นั่งลงตัวพวกเราก็เริ่มสั่งเครื่องดื่มและขนมกัน ผมได้เค้กช็อคโกแลตกับอเมริกาโน่ ฟองได้เป็นแบล็คฟอเรสกับชาเขียวเย็น ส่วนไอ้สองคนที่เหลือผมไม่ได้สนใจมันหรอกครับ สนใจคนตรงหน้ามากกว่า

 

ผมนั่งกินเค้กไปเรื่อยๆ สายตาก็เหลือบมองฟองไปหลายรอบ เอาอีกแล้วครับแอบมองเขาได้ทุกช่วงเวลาจริงๆเลยไง ถ้าใครหาว่าผมโรคจิตผมก็คงต้องก้มหัวยอมรับแต่โดยดีแล้วมั้งครับ ก็เล่นมองจนฟองจ้องผมกลับแล้วเนี่ย ผมก็ทำให้แค่ยิ้มก่อนจะก้มก้นเค้กของตัวเองต่อ

 

“มองขนาดนั้นกินเข้าไปเลยไหม?”

ไอ้แทมมันนั่งข้างฟองครับ แล้วผมก็รู้ว่ามันคงเห็นผมแอบมองฟองหลายรอบแล้ว แต่พูดแบบนั้นออกมามันไม่แรงไปหน่อยรึไงวะนั่น ผมถลึงตาใส่คนข้างฟอง มันก็มองผมกลับด้วยใบหน้าเฉยชาพร้อมกับหยิบมาการองสีฟ้าใส่ปากเคี้ยวหงุบหงับ ฟองหันมองไอ้แทมสลับกับมองผมทั้งๆที่เจ้าตัวยังคาบช้อนอยู่ ให้ตายเถอะครับ หยุดน่ารักบ้างก็ได้ แค่นี้ผมก็หลงรักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้วเนี่ย

 

“กินไปเงียบๆเลยมึง”

ผมกัดฟันพูดแล้วแยกเขี้ยวใส่มัน ผมรู้นะว่าฟองมองอยู่ทุกการกระทำ ไอ้แทมก็แค่ยักคิ้วแล้วหยิบมาการองอีกชิ้นใส่ปาก กวนตีนชะมัด ระวังไว้เถอะ ถึงคราวมันมีคนที่ชอบเมื่อไหร่ผมจะแซวแม่งให้อายจนต้องมุดดินหนีไปเลย

 

“ฟองก็กินไปเลย ไม่ต้องทำหน้าสงสัยขนาดนั้น”

พอเห็นฟองมองหน้าผมสลับกับมองหน้าไอ้แทมผมเลยไม่รู้จะตอบอะไรฟองเลยพาลว่าฟองไปด้วย ฟองพยักหน้าให้ผมแต่ก็บุ้ยปากทั้งๆที่ยังคาบช้อนนั่นล่ะ ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วจ้วงเค้กเข้าปากอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าใครจะมาแย่งกิน ทำหน้าแบบนั้นคิดว่าตัวเองน่ารักมากมั้ง เออ น่ารักมาก น่ารักจนอยากเก็บเอาไว้มองคนเดียวไม่ใช่แบ่งกันมองทั้งร้านแบบนี้

 

“ฟอง ปากเลอะ”

ไอ้บีทที่นั่งข้างผมเอ่ยทักฟอง ฟองเลยเงยหน้าขึ้นจากแก้วชาเขียว... อื่ม วิปปิ้งครีมติดอยู่มุมปากด้านขวาอ่ะครับ ผมล่ะอยากเช็ดให้ใจจะขาด เช็ดด้วยลิ้นน่ะนะ เห็นไหมครับ... ชีวิตผมมีแต่เรื่องหื่นและหื่น แต่เป็นหื่นเงียบนะ

 

“ตรงไหนเหรอบีท?”

ฟองหันไปถามบีท แต่ไอ้บีทไม่ยอมบอกแล้วดันลุกขึ้นขอตัวไปเข้าห้องน้ำซะอีก ส่วนไอ้แทมเหรอ กำลังเจรจาสั่งขนมจานใหม่กับเด็กเสิร์ฟอยู่เลยเหลือแต่ผมที่เป็นเป้าหมายต่อไปของฟอง

 

“มิน ปากเราเลอะตรงไหน?”

ผมมองหน้าฟองแล้วชี้ไปที่มุมปากด้านซ้าย ฟองก็ยกมือขึ้นเช็ดนะ... ตลกดี ผมแค่อยากแกล้งฟองบ้างแค่นั้นล่ะ เจ้าตัวเช็ดแล้วไม่มีอะไรติดออกมาเลยขมวดคิ้วยุ่งแล้วถามผมอีกรอบ

 

“ไหน? ไม่เห็นมีเลย”

 

“ด้านขวาๆ”

ผมบอกแค่นั้นก่อนจะหยิบแก้มอเมริกาโน่ขึ้นมาจิบไปด้วย ส่วนฟองก็รีบเอาหลังมือถูๆไถๆด้านขวาของปากตัวเอง ครีมขาวๆติดหลังมือของเขาออกมาก็จริงแต่ตอนที่เขาถูมันไปมา วิปปิ้งครีมเจ้ากรรมก็ไปเลอะอยู่แถวแก้มใสซะแล้ว

 

“ออกแล้ว”

ฟองว่าพร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆ ผมได้แต่มองแล้วกลั้นยิ้มไว้แบบนั้นจนฟองหันมามองผมแล้วตวัดสายตาใส่

 

“เป็นอะไร มันยังไม่หมดเหรอ?”

 

“อืม ยังเลอะ”

คราวนี้ผมไม่ว่าเปล่าแต่กลับหยิบทิชชู่แล้วยื่นไปตรงหน้าฟองก่อนจะบรรจงเช็ดคราบวิปปิ้งครีมที่เลอะแก้มใสๆนั่นออกอย่างเบามือ ฟองขยับหน้าหนีน้อยๆ ผมสังเกตได้ว่าแก้มที่ขาวซีดเมื่อกี้กลับมีสีชมพูจางๆขึ้นมา

 

“เราเช็ดเองก็ได้น่า”

ฟองดึงกระดาษทิชชู่ออกจากมือผมแล้วเอาไปเช็ดแก้มตัวเองแรงๆโดยสายตายังเบี่ยงไม่ยอมมองผม คงจะเขินล่ะมั้งที่ถูกผมทำแบบนั้นใส่

 

“ก็ให้ฟองเช็ดเองแล้วมันเลอะไปเรื่อยนี่หว่า”

ผมว่าพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก แก้วอเมริกาโน่ของผมถูกวางลง แขนผมเท้ากับโต๊ะแล้วประสานมือกันก่อนจะวางคางลงไปแล้วใช้ดวงตาคมของตัวเองจ้องคนด้านหน้า ฟองเลื่อนสายตากลับมาก็เห็นผมมองอยู่ก่อนแล้วเขาเลยขยับนั่งตัวตรงแล้ววางทิชชู่ลง

 

“มองอะไรนักหนา?”

เสียงฟองติดจะแข็งเล็กน้อย ไม่รู้ว่าผมไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจรึเปล่านะเนี่ย

 

“เขามีกฎห้ามไม่ให้มองคนที่ตัวเองชอบด้วยเหรอวะ?”

ผมพูดออกไปหน้าตาเฉยพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก... คิดว่ายิ้มแบบนี้คงทำให้สาวๆละลายได้ แต่กับฟองคงเป็นยิ้มที่มองยังไงก็กำลังกวนประสาทอยู่แน่ๆ

 

“หยอดหนักขนาดนี้กลัวจีบเราไม่ติดรึไง”

ฟองยักคิ้วให้ผม... เอากับเขาสิครับ ตอนแรกคิดว่าเขาจะเขิน แต่ที่ไหนได้กลับมากวนผมแทนซะแล้ว

 

“ก็กลัวอยู่ล่ะน่า แล้วฟองจะสั่งอะไรเพิ่มอีกไหม?”

เค้กในจานพวกเราหมดแล้วครับรวมทั้งเครื่องดื่มด้วย ส่วนของไอ้แทมไม่ต้องไปสนใจมันครับ รายนั้นมันสั่งแล้วกินไปได้เรื่อยๆจนกว่าเราจะกลับกันนั่นล่ะ

 

“จะเลี้ยง?”

ฟองถามผมก่อนจะเคาะช้อนลงเบาๆกับจานเปล่า

 

“กับฟองให้เลี้ยงตลอดชีวิตก็ได้น่า เราเคยบอกแล้วไง”

เอาครับ ได้ที่ผมก็หยอดไปเรื่อยล่ะ ไม่หวั่นไหววันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องหั่วนไหวกันบ้างล่ะวะ นายปรมินทร์คนนี้สู้ตายอยู่แล้วครับผม

 

“เลิกหยอดเราได้แล้ว”

ฟองเบ้ปากใส่ผม จะทำอะไรก็น่ารักว่ะ แบบนี้เขาคงเรียกว่าหลงใช่ไหม แต่ของผมไม่ใช่แค่หลงธรรมดานะ หลงรัก

 

“โอเคๆ เลิกหยอดแล้ว แต่ไม่เลิกชอบนะ”

ผมพูดจบก็ขำออกมานิดๆ แต่ฟองนี่ขมวดคิ้วยุ่งเลย แต่ก็ไม่ได้สั่งห้ามอะไรผมอีกนะ

 

“เลิกหยอดฟองสักที เบาหวานกูจะขึ้นแทนแล้ว”

ไอ้แทมเบ้ปากใส่ผมอีกคนแล้วครับ แต่ผมก็ทำหน้าไม่แคร์โลกใส่มันไป ส่วนฟองเหรอ... เรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งขนมกินต่อตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เอาเถอะ ยังไงวันนี้ผมก็มีความสุขมากล่ะนะ แล้วก็อยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆทุกวัน

 



------------------------------------

ทยอยอัพถึงตอนปัจจุบันที่แต่งไว้แล้วน้า ตอนต่อไปอดใจรอกันหน่อยนะ  :mew1:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 8 24/05/59
«ตอบ #18 เมื่อ24-05-2016 20:12:44 »

ขยันหยอดจริงๆ :mew3: :mew3:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 8 24/05/59
«ตอบ #19 เมื่อ24-05-2016 21:53:22 »

ขี้หรี่จริงๆเลยตาคนนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 8 24/05/59
« ตอบ #19 เมื่อ: 24-05-2016 21:53:22 »





ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 8 24/05/59
«ตอบ #20 เมื่อ24-05-2016 23:00:57 »

มีใจให้เหมือนกันใช่ไหมฟอง

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 8 24/05/59
«ตอบ #21 เมื่อ25-05-2016 00:10:23 »

อ้ายยยย น่ารักกก

ออฟไลน์ Sweettemp

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 169
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 8 24/05/59
«ตอบ #22 เมื่อ25-05-2016 06:52:13 »

มินโคตรน่ารักเลย หื่นเงียบ 5555+

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 9 25/05/59
«ตอบ #23 เมื่อ25-05-2016 13:40:27 »

Follow You 09



   Fong

   ตั้งแต่มินประกาศตัวว่าจะเดินหน้าจีบผม เขาก็จีบผมจริงๆนะ ดูแลผมดีด้วย อาจจะมีกวนไปบ้าง หยอดมากไปบ้างแต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมอึดอัดหรอก ชิวๆมากกว่าครับ ตอนเขาสารภาพว่าชอบผมกลางงานโคฟเวอร์ผมยอมรับว่าความรู้สึกแรกคืออึ้งมาก ไม่คิดว่าคนอย่างมินจะมาชอบผู้ชายด้วยกันแถมยังเป็นผมอีกต่างหาก ผมคิดมาตลอดว่ามินคงไม่ได้ชอบหน้าผมเท่าไหร่หรอก เพราะตอนปีหนึ่งที่เราต้องลงประกวดดาวเดือนกันผมก็มีปากเสียงกับมินไปด้วย ก็มินเขาไม่ยอมลงประกวด ส่วนผมก็ไม่ชอบอะไรที่ต้องเจอกับคนเยอะๆ แต่หลังจากมีเรื่องกันตอนนั้น เราก็คุยกันได้ปกติ แต่คิดไม่ถึงว่ามินจะชอบผม ชอบเพราะอะไรนี่ผมยิ่งคิดไม่ออกเข้าไปใหญ่เลยครับ

   ก่อนหน้านี้ก็เคยมีผู้ชายมาชอบผมนะ เขาก็ขอจีบผมแบบที่มินทำแต่ผมรีบปฏิเสธไปทันทีเพราะตอนนั้นคิดแค่ว่าเป็นคู่จิ้นในวงเต้นโคฟเวอร์ก็อึดอัดจะแย่แล้ว ยังจะมาจีบผมแบบจริงจังอีก ไม่เอาด้วยหรอกครับ แต่กับมินแล้ว...ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายอมไปได้ยังไง แต่บรรยากาศรอบตัวของมินมันไม่ได้กดดันผมล่ะมั้ง อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจมากกว่าอยู่กับพี่อิฐ พี่อิฐมีบรรยากาศที่เหมือนจะกดดันผมและบังคับผมอยู่กลายๆ แต่กับมินเขาจะชิวมากกว่า ไม่ได้ก้าวก่ายชีวิตประจำวันของผม ไม่ได้ออกตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอะไร ไม่มีการแต๊ะอั๋งอะไรเกินควรทั้งๆที่เจ้าตัวเป็นคนหื่นกามขนาดนั้น

ผมก็ได้รู้ความจริงอย่างหนึ่งจากปากเพื่อนสนิทของผมเองอย่างไอ้ปิน มันบอกว่ามินเนี่ยชอบผมมาตั้งนานแล้ว นานในที่นี่คือเป็นปีๆมาแล้ว ทุกวันที่เจอมินผมก็ยิ้มให้เขาแบบปกติ พูดคุยทักทายกันเล็กน้อย ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของเพื่อนผู้ชาย พอมารู้แบบนี้ก็อดจะรู้สึกแปลกๆขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้ามินทำตัวดีอย่างนี้ไปเรื่อยๆผมคงเปิดใจให้เขามากขึ้นเรื่อยๆล่ะนะ

ตอนนี้ผมกับมินอยู่ในห้องพักอาจารย์ครับ พวกเราโดนเรียกมาคุยเรื่องงานถ่ายรูป Portrait คู่เมื่อครั้งก่อน รูปของเราได้คะแนนเต็มทั้งสองคนครับ แล้วตอนนี้ทางสาขาก็มีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายของนักศึกษาทุกชั้นปีอยู่พอดี อาจารย์เลยจะมาพูดเรื่องเอารูปของพวกเราไปโชว์

“ปรมินทร์มีปัญหาไหม?”
อาจารย์หันไปถามคนที่ยืนนิ่งไม่ปริปากพูดอะไรมาตั้งแต่แรกแล้วครับ เอาแต่ยืนมองอาจารย์พูดอยู่เงียบๆ เอาจริงๆแล้วมินเป็นคนที่ภายนอกดูเงียบขรึม พูดน้อยเวลาอยู่กับคนไม่สนิท แต่เมื่อไหร่ที่เขาอยู่กับกลุ่มเพื่อนหรือกับผมหรือเพื่อนๆของผมแล้ว จะกลายเป็นคนขี้แกล้ง พูดจากวนประสาทขึ้นมาทันที ผมเหลือบไปมองคนด้านข้างเล็กน้อยก็เห็นเพียงเขาพยักหน้าช้าๆแล้วตอบคำถามของอาจารย์ออกมาเบาๆ

“ไม่มีครับ ตามสบาย”
มินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ผมว่าเขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นะ เพราะเขาก็มีนิสัยบางอย่างคล้ายๆกับผมคือไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย แต่ถ้าอาจารย์เอารูปของพวกเราไปจัดนิทรรศการ จากที่ปกติก็มีคนนั้นคนนี้เข้าหาไม่หยุด เพราะตำแหน่งอดีตเดือนอย่างผม กับคนที่โดนลงรูปในเพจคิวท์บอยบ่อยๆด้วยแล้ว หลังจากเอารูปพวกเราไปจัดนิทรรศการคนอื่นๆคงรู้จักพวกเรามากขึ้นไปอีก อาจารย์พยักหน้าเข้าใจแล้วเบนสายตามาถามผมต่อ

“แล้วจิรัสย์ล่ะ มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
ผมเหลือบมองคนข้างตัวอีกครั้งก็สบเข้ากับด้วยตาคมที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าของเจ้าตัวดูไม่สดชื่นจริงๆนั่นล่ะ ผมก็ไม่คิดว่าเขาจะคิดมากขนาดนั้น ก็แค่โชว์รูป ถ้าคนอื่นเข้ามาวุ่นวายกับเรามากๆเราแค่หนีเอาก็ได้ล่ะมั้ง? จริงๆผมก้อยากบอกอาจารย์นะว่ามีปัญหา แต่มันเป็นเหตุผลที่งี่เง่าเกินผู้ใหญ่จะรับได้ ผมเลยได้แต่ส่ายหน้าเบาๆแล้วตอบคำถามเหมือนกับมิน

“ไม่มีปัญหาครับ แต่พวกผมไม่ต้องไปยืนพรีเซ็นต์รูปใช่ไหม?”
นี่อาจจะเป็นเรื่องที่ผมกับมินกลัวอีกอย่างหนึ่งด้วย

“ผลงานของพวกเธอ พวกเธอก็ต้องไปนำเสนอสิ”
อาจารย์พูดออกมาหน้าตาเฉยเลยครับ แถมยังทำท่ากวนๆด้วยการเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ คือพวกผมก็ไม่ได้ขอให้เขาเอาผลงานผมไปโชว์นะ เขาอยากเอาไปโชว์เอง แล้วเรื่องอะไรที่จะให้พวกผมไปนำเสนอรูปอีก วันๆเวลาว่างพวกผมมีเยอะนักนิครับ นี่ปีสามแล้วนะครับ เวลาจะกระดิกตัวไปทำเรื่องไร้สาระมันมีน้อยมากเลยนะ ผมเห็นมินเขาคิ้วกระตุกด้วยล่ะ สงสัยจะไม่สบอารมณ์เข้าให้แล้ว แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไปเป็นมินเองที่ออกปากพูดไปก่อนผม

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเอาไปโชว์ครับ ผมไม่พร้อมนำเสนอ”
มินพูดอย่างตรงไปตรงมา มือที่ทิ้งตัวอยู่ในตอนแรกกลับยกขึ้นมากอดอก ไม่ได้สนว่าจะเสียมารยาทต่อหน้าอาจารย์มากแค่ไหน ผมเองก็ไม่ได้ห้ามอะไรมินหรอกครับ ถ้าเป็นผมผมก็คงพูดแบบเดียวกับมิน แต่ใช้น้ำเสียงและท่าทางที่มันดีกว่านี้ขึ้นมาหน่อย


“ไอ้มิน แกอย่าเอาแต่ใจนักสิ นี่เป็นโอกาสที่แกจะได้แสดงฝีมือของตัวเองต่อหน้าคนอื่นๆนะ”
เอาแล้วสิครับ... ดูเหมือนอาจารย์ก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาแล้วบ้าง สรรพนามอย่างสุภาพในตอนแรกหายไปเหลือแค่ชื่อเรียกที่สนิทสนมกันมากขึ้น อาจารย์คนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องของมินเขาล่ะครับ เขาเลยไม่ได้เกรงกลัวเท่าไหร่

“พี่เปอร์จะว่าผมงี่เง่าก็ได้ว่ะ แต่ผมกับฟองจะไม่ไปทำอะไรที่ตัวเองไม่อยากทำ ผมยอมให้พี่เอารูปพวกผมไปโชว์ในงานก็มากพอแล้ว ยังจะให้ผมไปนำเสนออะไรบ้าบออีกเหรอ? ไม่มากไปหน่อยเหรอครับ”
คุณชายปรมินทร์ร่ายยาวเหยียดใส่ผู้ที่มีศักดิ์เป็นพี่ หน้าตาท่าทางของมินตอนนี้บ่งบอกได้ว่าไม่พอใจจริงๆ น้ำเสียงแข็งๆนั่น ดวงตาคมที่จ้องพี่ของตัวเองเขม็ง ผมได้แค่ยื่นมือไปแตะที่ต้นแขนของเขาเบาๆเพื่อหวังจะให้เขาอารมณ์เย็นลง

“โอเคๆ พี่ยอมแพ้แก”
สุดท้ายอาจารย์ก็ยกมือขึ้นแบบยอมแพ้แล้วส่ายหน้าเบาๆให้กับความดื้อรั้นของผู้เป็นน้องชาย มินถอนหายใจเบาๆแล้วจับมือผมไว้หน้าตาเฉย ผมก็แค่มองแต่ไม่ได้สะบัดออกแต่อย่างใด

“ไปกันเถอะ”
มินหันมาพูดกับผมแล้วจับมือผมให้เดินตามเขาออกจากห้องพักอาจารย์ เราเดินกันไปอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆ และยังไม่ได้ปล่อยมือออกจากกัน ผมก็อยากจะดึงมือออกอยู่หรอก แต่เห็นมินเขาอารมณ์ไม่ดีแล้วน่ากลัว

เราเดินกันไปจนถึงลานหน้าคณะมินถึงหยุดแล้วรีบปล่อยมือของผมทันที เขามองหน้าผมแล้วยิ้มเจือน

“มินขอโทษที่จับมือฟอง ตอนนั้นมันโมโหไปหน่อย”
เสียงอ่อยๆขอโทษผม เขาคงคิดว่าผมโกรธสินะเลยไม่ยอมมองหน้าผมตอนขอโทษเนี่ย แบบนี้ขอแกล้งหน่อยแล้วกันเนอะ ผมลอบยิ้มก่อนจะหุบยิ้มแล้วดำเนินแผนการของตัวเอง

“ช่างมันเหอะ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแล้วเดินหนีมินทันที ดูเหมือนเจ้าตัวจะตกใจแล้วรีบเดินตามผมออกมาทันที ผมยิ้มอีกครั้งที่มินติดกับผม คนอะไรแกล้งง่ายจริงๆ

“เห้ย ฟองโกรธมินเหรอ ขอโทษครับ!”
เสียงมินดังมากครับ รู้สึกได้ว่าคนทั้งลานหันมามองทางเรากันหมดแล้ว มินพูดแล้วก็วิ่งมาดักหน้าผมด้วยนะ นี่ถ้าผมเบรกไม่ทันหน้าคงได้ชนกับไล่มินแน่ๆ ผมเงยหน้ามองเขาเล็กน้อยก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นแล้วคงใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม จริงๆอยากจะหัวเราะหน้ามินที่ดูร้อนรนนะ แต่ไม่ได้ครับเดี๋ยวแผนแตกง่ายๆแล้วผมจะโดนเอาคืน มันไม่คุ้มเท่าไหร่หรอก

“ไม่ได้โกรธ”
ผมก็ยังพูดเสียงเรียบเหมือนเดิม ใบหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม ผมเบี่ยงตัวเดินหนีมินอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไม่ยอมปล่อยให้ผมหนีไปง่ายๆ มือใหญ่ของมินจับไหล่ผมเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาก้มลงมองพื้นก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้ผมต้องยืนอึ้ง

“จะให้มินทำยังไงฟองถึงจะหายโกรธ มินไม่ได้ตั้งใจนะครับ ให้มินทำอะไรก็ได้ มินยอมทุกอย่าง แต่ฟองต้องหายโกรธนะ”
ใบหน้าหล่อเหลานั่นเงยขึ้นดวงตาคมจ้องมองผมอย่างอ้อนวอน มันเหมือนแววตาของหมาไซบีเรียนฮัสกี้ตอนอ้อนเจ้าของเวลาทำผิด น้ำเสียงอ่อนๆของมินทำให้หัวใจของผมอ่อนยวบตามไปด้วย ตอนแรกก็ไม่ได้โกระอยู่แล้วยิ่งทำแบบนี้ผมเลยรู้สึกผิดซะเอง

“เราไม่ได้โกรธมิน อย่าคิดมากดิ”
ผมส่งยิ้มกว้างให้มินในที่สุด แกล้งมามากพอแล้วมั้ง ก็เวลามินอยู่กับเพื่อนมินจะไม่ยอมแบบนี้ไง แต่กับผมมินยอมจนผมไม่กล้าโกรธเลย ถ้าวันไหนผมโกรธมินขึ้นมาจริงๆแล้วมินทำแบบนี้ผมคงหายโกรธง่ายๆ

“จริงนะครับ? ถ้าฟองโกรธมิน มินคงรู้สึกแย่มากแน่ๆ”
มือที่จับไหล่ของผมตอนนี้หายไปแล้วครับ คงอาจจะกลัวผมโกรธขึ้นมาอีกที่มาแตะเนื้อต้องตัวกัน ผมไม่ได้หวงตัวขนาดนั้นหรอกครับ ก็ผู้ชายเหมือนกันถึงจะคิดไม่ซื่อก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้เกินเลยอะไรนี่

“คิดเยอะไปแล้ว”
ผมว่าก่อนจะออกเดินอีกครั้ง มินก็เดินตามผมมานะโดยที่ไม่ถามสักคำว่าผมกำลังจะไปไหน

“มินเดินตามเรามาทำไม?”
ผมหยุดเดินแล้วถามมิน ซึ่งมินก็มองผมแล้วเกาท้ายทอย ดูเหมือนเขาก็ไม่รู้จะตอบผมยังไงล่ะมั้ง

“แล้วฟองจะไปไหน?”

“เราจะกลับบ้าน”

“กลับยังไง?”

“รถเมล์”

“งั้นเดี๋ยวไปกินข้าวเย็นกับมินก่อน เดี๋ยวมินไปส่งที่บ้าน”
มินเสนอตัวเสร็จสรรพ ผมได้แต่ยืนมองตาปริบๆก่อนจะหัวเราะออกมานิดหน่อยกับท่าทางเป็นห่วงของเขาที่มีให้ผม คือรถผมยังซ่อมไม่เสร็จครับ อะไหล่บางอย่างต้องใช่เวลานำเข้าจากต่างประเทศ

“จะเลี้ยงเราด้วยป่ะ?”
ผมถามก่อนจะยิ้มทะเล้นไปให้ ส่วนมินก็ยกยิ้มมุมปากที่เขาชอบทำประจำ ผมไม่อยากปฏิเสธหรอกนะว่ามันดูดีมาก ดูดีจนสาวๆที่อยู่บริเวณนี้หันมามองกันเลยทีเดียว

“เลี้ยง ไปกับมินนะ”
มินทำสายตาอ้อนๆมาให้ผมอีกแล้ว... ยอมก็ได้ครับ ไม่มีอะไรเสียหายแถมได้กินของฟรีอีก

“โอเค”


เรากินข้าวกันเสร็จก็ตรงกลับบ้านครับ ปรากฏว่า พ่อแม่ พี่ฟาง ไม่อยู่บ้านกันสักคน ผมเพิ่งเห็นกระดาษโน้ตที่แปะไว้หน้าตู้เย็นว่าออกไปงานแต่งงานของลูกสาวเพื่อน ผมก็เลยเดินขึ้นห้องพร้อมกับน้ำเย็นๆขวดนึง ก็กะว่าจะอาบน้ำ แต่ตอนนี้ดันติดลมคุยกับใครคนหนึ่งที่ทักไลน์มานี่ดิ

-   ฟองทำอะไรอยู่?
ให้ทายครับว่าเขาเป็นใคร? แต่คงทายไม่ยากหรอก ก็นายปรมินทร์นั่นล่ะ เพิ่งบอกลาผมไปเมื่อยี่สิบนาทีที่แล้วเอง

-   กำลังจะอาบน้ำ แล้วมินถึงบ้านยัง
ผมวางมือถือทิ้งไว้แล้วเตรียมเสื้อผ้าเพื่อจะไปอาบน้ำ แต่เสียงแจ้งเตือนข้อความไลน์มันดังขึ้นก่อน ความคิดที่จะเดินไปห้องน้พเลยจบลงแค่นั้น

-   ยังไม่ถึงว่ะ รถติดมาก


-   จะเล่นมือถือทำไม ตั้งใจขับรถไปดิ



-   ก็คนมันคิดถึง
เอากับเขาสิครับ ขนาดคุยไลน์กันยังจะมีหน้ามาหยอดอีก ผมอมยิ้มกับข้อความที่ได้อ่าน มินจะตรงไปตรงมาเสมอเมื่ออยู่กับผม ซึ่งเพิ่งมารู้ทีหลังอีกเหมือนกันว่าก่อนที่มินจะมาสารภาพกับผมนั้นมินป๊อดแค่ไหนด้วย

-   อาการหนักแล้วครับคุณชายปรมินทร์
ผมส่งข้อความไปแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ติดลมวะแล้วครับ ค่อยอาบน้ำแล้วกัน ห้องน้ำไม่หนีไปไหนหรอก

-   เพราะคุณจิรัสย์เลยครับ ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้
ผมขมวดคิ้วฉับเมื่อได้อ่านข้อความล่าสุด อยู่ๆเจ้าคนที่มาจีบก็โทษว่าเป็นความผิดผมซะงั้น ผมจิ๊ปากก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

-   ผมอยู่เฉยๆนะคุณปรมินทร์ อย่ามาโยนความผิด

-   แค่อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไรผมก็แย่แล้วครับคุณจิรัสย์

-   ชอบคุณจิรัสย์จะแย่แล้ว
ผมควรรู้สึกยังไงกับการหยอดของมินดีครับ ผมว่ามันน่ารักดีนะถึงจะขี้หยอดมากไปหน่อยก็เถอะ แต่ผมไม่ได้อึดอัดอะไรหรอก ขำๆดี ผมยิ้มให้กับข้อความนั่นอีกครั้ง ขอให้ชอบไปได้ตลอดเถอะ

-   ไปอาบน้ำล่ะ
ผมส่งข้อความเสร็จก็หอบเสื้อผ้าไปอาบน้ำทันที ปล่อยให้มือถือส่งเสียงเตือนต่อไปอยู่แบบนั้น

ผมนอนเล่นอะไรไปเรื่อยเปื่อยรอพ่อแม่ พี่ฟาง กลับบ้าน เวลาเกือบสี่ทุ่มผมก็ได้ยินเสียงรถขับมาจอดภายในตัวบ้าน ผมเดินลงบันไดด้วยสีหน้างัวเงียเล็กน้อยก่อนจะเจอพี่ฟางยืนอยู่ขั้นบันไดล่างสุด พร้อมกับถือถุงอะไรบางอย่างในมือ

“ไอ้ฟอง ถุงเนี่ยมันแขวนอยู่หน้าบ้าน ทำไมไม่เอาเข้ามาด้วยวะ”
พี่ฟางยื่นถุงที่เขาถือมาให้ผม ผมมองอย่างสงสัยแต่ก็รับมันมาเปิดดู ในถุงมีแต่ขนมเค้กหลากหลายชนิด ผมจำได้ว่าผมไม่ได้ซื้ออะไรแบบนี้กลับมาด้วยนะ มินนู่นที่เป็นคนซื้ออ่ะ แล้วมันจะมาอยู่หน้าบ้านผมได้ยังไง

“ขอบคุณครับ แล้วนี่งานแต่งเป็นไงบ้าง?”
ผมถามพี่ฟางที่ตอนนี่เริ่มถอดสูทกับเนคไทออกและปลดกระดุมเสื้ออกสองสามเม็ด พี่ฟางเป็นผู้ชายที่สูงพอๆกับมิน หน้าตาเขาคล้ายผมครับแต่ติดที่หน้าเขาเข้มกว่าผมเลยติดจะดูดีกว่านิดหน่อย แต่หน้าตาไม่ค่อยเข้ากับไลฟ์สไตล์ของพี่ชายเท่าไหร่หรอกนะ ก็รายเนี่ยเขาเลี้ยงกระต่ายพันธุ์ฮอลแลนด์ลอปสีน้ำตาล เจ้าหูตกชื่อว่าซันเดย์ ได้ยินชื่อแล้วอยากกินไอศกรีมเลยสิ

“ก็น่าเบื่อ เพื่อนแม่ก็แนะนำลูกสาวให้พี่อยู่ได้ น่ารำคาญว่ะ”
พี่ฟางพูดด้วยเสียงเบื่อหน่ายก่อนจะยืนพิงกับราวบันได คิ้วเข้มๆนั่นขมวดเข้าหากันก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆ

“ไม่สนใจสักคนเลยรึไง?”
ผมถามก่อนจะจิ้มแก้มพี่ชายเล่น ก็มันน่าหมั่นไส้นี่ครับมายืนทำหน้าบึ้งคุยกับผมอยู่ได้ ควรเก็บอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองไว้บ้างสิ พี่ฟางหันมามองผมแล้วดึงนิ้วผมไปกัดซะอย่างนั้น แต่ไม่เจ็บหรอกครับ พี่เขาก็แค่งับมือผม ผมเห็นแบบนั้นก็หัวเราะกับความเป็นเด็กของพี่ชายตัวเอง พวกเราอายุห่างกันสามปี พี่ฟางน่ะเรียนจบแล้วนะ เขาช่วยกิจการบริษัทพัฒนาซอฟแวร์ที่ใหญ่ติดอันดับสิบของประเทศของพ่อแม่

“ผู้หญิงน่ารำคาญ”
ตอบไวแบบไม่ต้องคิดเลยครับ แล้วที่บอกผู้หญิงน่ารำคาญนี่หมายความว่าไงครับ? จะหาแฟนเป็นผู้ชายหรือยังไง

“อ่าว แล้วพี่จะหาแฟนเป็นผู้ชายรึไง?”
ผมถามทีเล่นทีจริงไปอย่างนั้นล่ะครับ พี่ชายผมถึงจะดูมุ้งมิ้งเลี้ยงกระต่าย แต่ความจริงแล้วพี่ฟางแมนมากเลยนะ เรียนจบวิศวะคอมพิวเตอร์ด้วย คบผู้หญิงมาตลอด เจ้าชู้ประตูดินด้วย

“เออ ก็น่าลองไม่ใช่เหรอ?”
พี่ฟางพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ถ้าพูดขนาดนี้ผมคิดว่าพี่เขาคงเล็งใครสักคนไว้แล้วล่ะนะ แล้วผมก็อยากรู้ด้วยดิว่าใครคือผู้โชคร้ายรายนั้น

“แหนะ พูดแบบนี้แสดงว่าเล็งใครไว้แล้วอ่ะดิ บอกผมได้ป่ะ?”
ผมล็อคคอพี่ฟางให้ตัวเขาออกห่างจากราวบันไดแล้วกระโดดขึ้นขี่หลัง พี่ฟางเซเล็กน้อยก่อนจะดุผม

“เล่นอะไรเป็นเด็กว่ะ”
ถึงจะดุแต่ก็เอามือช้อนสะโพกผมไว้กันตกนะ เป็นพี่ชายที่ดุแต่ก็ใจดีที่สุดเลยล่ะ เขาก้าวขึ้นบันไดที่ละขั้น ไม่แสดงอาการว่าตัวผมหนักแต่อย่างใด พี่ฟางแข็งแรงครับ หุ่นดีจนผมต้องอิจฉาเลยล่ะ ถึงผมจะมีซิกแพคแต่มันก็สู้พี่เขาไม่ได้เลยสักนิด

“ไม่ต้องมาดุผมกลบเกลื่อนเลย บอกได้ยังว่าเล็งใครไว้”
ผมถามย้ำอีกครั้ง พี่ฟางก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินผิวปากอย่างสบายใจ แบบนี้มันยิ่งทำให้ผมอย่างรู้นะเว้ย พี่ฟางปล่อยผมลงที่หน้าห้อง ก่อนจะเอื้อมมือใหญ่มายีหัวผมจนยุ่งเหยิงไปหมด

“ใบ้ให้ว่าฟองรู้จักแล้วกัน”
พี่ฟางยิ้มแล้วก็เดินกลับห้องตัวเองไป ปล่อยให้ผมยืนสงสัยอยู่แบบนั้น ผมยิ้มออกมาก่อนจะส่ายหน้าเบาๆแล้วกลับเข้าห้องตัวเอง ถ้าพี่ฟางอยากให้รู้เมื่อไหร่เขาคงบอกผมเองครับ ถึงจะคาดคั้นให้ตายแต่ถ้าเจ้าตัวไม่อยากบอกก็คือไม่อยากบอกนั่นล่ะ

ก่อนที่ผมจะทิ้งตัวลงนอนก็เพิ่งรู้ตัวว่าถือถุงเค้กติดมือมาด้วยซะแล้ว ผมวางมันไว้ที่หัวเตียงแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดพิมพ์ข้อความหาใครคนหนึ่งที่น่าจะเป็นเจ้าของถุงเค้ก

-   ทำไมเอาเค้กมาแขวนไว้หน้าบ้านเรา?
ผมกดส่งเสร็จก็เดินถือถุงเค้กลงไปไว้ในตู้เย็นด้านล่างก่อนจะเดินกลับเข้าห้องแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มๆ หยิบมือถือขึ้นมาดูว่าอีกคนส่งข้อความตอบกลับมารึยัง

-   ก็ซื้อให้ ขับรถไปถึงหน้าปากซอยแล้วเพิ่งคิดได้เลยวนเอาไปให้อีกรอบ

-   มันเปลืองเงิน เลี้ยงข้าวแล้วยังซื้อขนมให้อีก


-   ก็ต้องเลี้ยงให้ดีสิครับ เลี้ยงไม่ดีแล้วฟองหนีไปมินจะทำยังไงล่ะ


-   ไม่ต้องมาหยอด ยังไงก็ขอบคุณครับ ฝันดีนะ



-   ฝันดีครับ

ผมว่าคืนนี้ผมคงฝันดีจริงๆนั่นล่ะ



♥♥♥♥♥


ตอนนี้ให้ฟองมายึดพื้นที่บ้างเนอะ เจอกันตอนต่อไปน้า  :mew1:


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 9 25/05/59
«ตอบ #24 เมื่อ25-05-2016 14:13:47 »

 :mew1:

ออฟไลน์ panitanun

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 9 25/05/59
«ตอบ #25 เมื่อ25-05-2016 16:30:14 »

ค่อยๆรักกันเบาๆ :katai5:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 9 25/05/59
«ตอบ #26 เมื่อ25-05-2016 21:37:40 »

น่ารักจริงๆเลย

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 9 25/05/59
«ตอบ #27 เมื่อ26-05-2016 00:01:16 »

ดีต่อใจ

ชอบอะ มาต่อเร็วดีจัง

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 9 25/05/59
«ตอบ #28 เมื่อ26-05-2016 11:25:34 »

ฟองจะได้เขยเข้าบ้านพี่ฟางเองก็จะหาสะใภ้ชายเข้าบ้าน
ว่าแต่คนที่ใช่ของพี่ฟางนี่เพื่อนในกลุ่มน้องฟองหรือเปล่าหนอ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Ch0cmint

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +153/-5
Re: ♥ Follow You ตามรักคุณ ♥ UP ตอนที่ 10 26/05/59
«ตอบ #29 เมื่อ26-05-2016 18:38:05 »

Follow You 10





 

                วันนี้ถ้าผมเลือกได้นะ ผมจะนอนห่มผ้าห่มผืนหนาอยู่บนที่นอนนุ่มๆทั้งวัน แต่ความจริงแล้วมันทำอย่างนั้นไม่ได้ในเมื่อผมมีเรียนวิชาเอกของสาขา ขาด ลา มาสายไม่ได้และที่สำคัญห้ามตายก่อนจะเรียนวิชานี้จบ คือวันนี้ฝนตกหนักมากครับแทบจะมองถนนไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ แต่ดีหน่อยที่ผมย้ายเข้ามาอยู่คอนโดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ส่วนเจ้าเบนซินผมก็กั้นที่ทางในห้องนอนเล็กให้มันอยู่ซะเลย ความซวยของผมไม่ได้จบลงแค่ฝนที่เทลงมาอย่างหนักหรอกครับ แต่มันอยู่ที่ผมดันลืมเอาร่มมาด้วย ที่จอดรถของคณะกับตัวคณะก็อยู่ห่างกันพอสมควรผมก็เลยได้แต่ยืนรออยู่ใต้หลังคาลานจอดรถให้ฝนมันซา

 

                ผมยืนกอดกระเป๋าเป้ของตัวเองเอาไว้บรรเทาความหนาว เสื้อนักศึกษาสีขาวของผมเริ่มชื้นขึ้นเพราะโดนไอฝนที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ตอนแรกก็จะรอฝนซาครับแต่ตอนนี้คงรอไม่ได้แล้วครับ ต้องโทรหาใครสักคนให้พาผมออกไปจากที่นี่แล้วล่ะ ผมล้วงมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงกดไล่หาเบอร์ที่พึ่งยามฉุกเฉินของผมทันที รอสายไม่นานนักเสียงรีบร้อนของอีกคนก็ดังขึ้น

 

                ‘ว่าไงมิน’

 

                “มึงอยู่ไหน?”

 

                ‘กูเหรอ เพิ่งลงจากรถไอ้เฟียหน้าคณะเนี่ยแล้วมึงอยู่ไหน?’

 

                “มึงมีร่มไหม มารับกูที่ลานจอดรถหน่อย”

                ผมตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่เทลงมาหนักอีกครั้ง คราวนี้น้ำฝนมันกระเซ็นเข้ามาจนกางเกงผมเปียกไปครึ่งตัวแล้ว - - กลับไปนอนได้ไหม ยอมใจกับอากาศเมืองไทยเลยครับ เดี๋ยวแดดเดี๋ยวฝน เฮ้อ

 

                ‘ไม่มีเว้ยที่รัก ไอ้เฟียแทบจะขับรถเข้ามาส่งกูในตึกคณะ’

                ผมนี่ทึ่งในตัวพี่เฟียที่มันเป็นห่วงไอ้โฟร์ทมากครับ ถ้ามันขับรถเข้าตึกคณะได้มันคงขับเข้าไปแล้วจริงๆนั่นล่ะ ผมได้แต่เสยผมที่ปรกลงมาด้านหน้าขึ้น ตอนนี้ตัวผมไม่ต่างกับไปยืนกลางฝนเลยครับ ชื้นจนเสื้อนักศึกษาแนบเนื้อแล้วเนี่ย ผมได้แต่สะพายกระเป๋าไว้บนบ่าด้านหนึ่งแล้วดึงเสื้อออกจากกางเกงแล้วจับมันสะบัดไปมา เป็นลูกหมาตกน้ำในเวลาไม่กี่นาที โคตรเกลียดหน้าฝนเลยครับ

 

                “เออๆ เดี๋ยวกูโทรหาคนอื่นก่อน แค่นี้นะ”

                แล้วผมก็กดตัดสายมันไปก่อนจะไล่โทรหาไอ้แทม ไอ้บีท แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า...แต่ละคนก็ไม่มีใครเอาร่มมากันเลย อาศัยจอดรถแล้วติดร่มคนที่มาจอดรถด้วยกันเข้าคณะไป ผมไม่ได้ดวงดีเหมือนพวกมันนี่หว่า ผมพยายามกวาดตามองหาผู้โชคร้ายคนนั้น แต่ผมก็ไม่เห็นวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลยเพราะตอนนี้เหลือเวลาอีกห้านาทีก็จะเริ่มเรียนคาบเช้ากันแล้ว โอย ผมโดนอาจารย์ทำโทษแน่เลยว่ะ

 

                “เชี่ยเอ้ย”

                ผมสบถกับตัวเองเบาๆก่อนจะใช้มือขยี้หัวตัวเองแรงๆ ชื้นมาถึงขนาดนี้ลุยฝนเข้าคณะเลยแล้วกันครับ ถ้าไม่ได้เรียนห้องแอร์ผมคงวิ่งไปคณะนานแล้ว แต่นี้เรียนห้องแอร์ไงครับ แล้วอารจารย์คนนี้ชอบเปิดแอร์อย่างกับตัวเองเป็นนกเพนกวินที่ขั้วโลกเหนืออย่างนั้นล่ะ

 

                สุดท้ายผมก็ตัดสินใจวิ่งไปที่คณะด้วยความเร็วที่ใครๆไม่อาจคาดถึง ฝนตกแล้ววิ่งเร็วก็ลื่นสิวะ ไถลไปหลายรอบแล้วครับกว่าจะมาถึงใต้ตึกคณะเนี่ย พอถึงที่หมายผมก็ปิดน้ำฝนออกจากชุดตัวเองให้ได้มากที่สุด ส่วนกระเป๋าเป้นี่ไม่มีปัญหาครับมันกันน้ำ ผมสะบัดเสื้อกับกางเกงอีกรอบแล้วรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องเรียนทันที และผมก็ได้เจอกับบทลงโทษที่โคตรรอำมหิต ถ้าจะทำแบบนี้ฆ่าผมเถอะ

 

                “นายปรมินทร์ เปียกเป็นลูกหมาเลยนะ แถมมาสายอีก”

                เสียงอาจารย์ดังลั่นคลาสเพราะเขาพูดผ่านไมค์ ทุกสายตามองมาที่ผมกันหมดเลยครับ ไอ้เสื้อนักศึกษานี่จะแนบเนื้อไปไหนกันครับ โดนสาวๆในคลาสกับสาวน้อยในร่างผู้ชายมองแบบจะกลืนกินผมเข้าไปทั้งตัวอีก ขนลุกสิครับรออะไร

 

                “ขอโทษครับ’จารย์”

                ผมยกมือไหว้อาจารย์เป็นการขอโทษ แต่แกไม่สนใจครับ ยังทำลอยหน้าลอยตาพูดใส่ไมค์ต่อ ถ้าไม่ติดว่าเป็นอาจารย์นี่ผมกระโดนถีบขาคู่ไปแล้ว

 

                “ไปยืนกางแขนตรงใต้แอร์ไป ฉันบอกให้พอเมื่อไหร่ค่อยกลับไปนั่งที่”

                เสียงอาจารย์ออกค่ำสั่งแบบเด็ดขาด ผมไม่มีข้อโต้แย้งว่ะ แต่เปียกชุ่มขนาดนี้ให้ไปยืนตากแอร์เนี่ยนะ ฟายเถอะครับชีวิต ปอดบวมนี่ร้องเรียกผมระงมเลยไง แล้วนี่ขนาดยืนอยู่ตรงหน้าห้องนะเว้ยตัวผมยังสั่นเป็นเจ้าเข้าขนาดนี้ ให้ไปยืนรับแอร์แบบตรงๆผมไม่แข็งตายตรงนั้นเลยรึไงวะ

 

                แล้วผมก็ทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาเดินไปหาแอร์ ตลอดทางที่เดินมาผมก็ไม่ได้สนใจใครสักคน ก็ตอนนี้ทุกคนแม่งสนใจผมแทนไงครับ มีแต่ความอับอายและอับอายล้วนๆ แล้วหัวนมเนี่ยจะทะลุเสื้อนักศึกษาไปอีกนานแค่ไหนวะ ไอ้ลิซซี่ก็จ้องเอาๆจนขนลุกไปหมดแล้ว พอผมถึงที่หมายก็ยืนนิ่งตรงนั้น โอย ลมแอร์เบาลงมานี่ถึงกับหนาวสะท้านเลยครับ ขนทุกหย่อมในร่างกายพร้อมใจกันลุกพรึบ แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดตัวเองแบบอัตโนมัติ หนาวชิบหาย! อาจารย์แม่งบังคับให้ผมเป็นไข้ชัดๆ

 

                “เอ้า ปรมินทร์ เมื่อไหร่จะพร้อมสักที!”

                เสียงผ่านไมค์ดังขึ้นมาเร่งผมอีกแล้วครับ จะอะไรกับผมนักหนาวะอาจารย์คนนี้ ผมเคยไปแย่งเด็กแกรึไงกัน แต่เอาจริงที่ผมพูดไปมันคงถูกครับ เพราะเหมือนอาจารย์เขาจะแอบชอบนักศึกษาสาวสวยคนหนึ่ง แต่สาวเจ้ากลับบอกว่าเขาชอบผม ซวยกูไปอีกทั้งๆที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ถ้าถามว่าผมไปรู้มาจากไหน ก็ข่าววงในจากพี่เปอร์นั่นล่ะครับ

 

                “คร้าบบบบบบ”

                ผมลากเสียงตอบยาวๆแล้วจัดการวางกระเป๋าเป้ลง แต่มือของใครคนหนึ่งกลับดึงมันไว้ซะก่อน ผมเลยเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของมือนั่นแล้วก็เจอกับรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของผมทำงานไม่ปกติ รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจผมกระตุกได้ตลอดเวลาที่เห็น

 

                “เอากระเป๋ามาไว้กับเราก็ได้ แล้วเอานี่ไป”

                ฟองดึงกระเป๋าของผมไปตั้งบนเก้าอี้ว่างข้างๆตัวแล้วส่งผ้าผืนขนาดพอดีกับการเช็ดหัวมาให้ อีกด้านหนึ่งก็เป็นไอ้ฝุ่นแล้วตามด้วยไอ้ปิน ถ้าลองมองไปอีกก็จะเจอกลุ่มผมนั่งถัดกันไปเลย ปกติแม่งเคยนั่งใกล้กันที่ไหน ทำไมวันนี้มันรวมตัวกันแบบนี้วะเนี่ย

 

                “ขอบคุณ”

                ผมตอบพร้อมกับรับผ้าขนหนูมาไว้ในมือแล้วเอาคลุมหัวไว้ก่อนจะกางแขนออกตามที่อาจารย์เขาต้องการ โอย หนาวชิบหาย หนาวโคตรพ่อโคตรแม่ หนาวจนนึกว่าอยู่ในห้องดับจิต ฟันผมกระทบกันดังกึกๆ ตัวเริ่มสั่นเพราะอากาศภายในห้องสี่เหลี่ยมนี่หนาวมาก

 

                “จิรัสย์!”

                เสียงอาจารย์ดังขึ้นอีกครั้ง ผมกับฟองที่กำลังมองหน้ากันอยู่ถึงกับสะดุ้ง ฟองหันไปมองอาจารย์ก่อนจะขานรับเสียงใส วันนี้ฟองใส่เสื้อกันหนาวสีกรมท่าด้วย ก็ดูแปลกตาดีครับ ปกติไม่เคยเห็นเจ้าตัวใส่อะไรแบบนี้ถึงแม้ว่าจะหนาวแค่ไหนก็เถอะ ฟองเขาชอบอากาศหนาวครับ แต่วันนี้มันคงหนาวเกินไปที่ฟองจะรับได้ แล้วผมล่ะ...

 

                “ครับอาจารย์”

                ฟองขานรับพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับอาจารย์ ผมได้แต่มองรอยยิ้มนั่นอย่างเคลิบเคลิ้ม แต่มันก็แค่เสี้ยววินาทีล่ะครับ เพราะเสียงอาจารย์ดังแทรกขึ้นมาอีกรอบ ชอบขัดจังหวะสวีทจริงๆเลยให้ตายเถอะ

 

                “ตรงที่ปรมินทร์ยืนแอร์เป่าลงไหม?”

                น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้นผ่านไมค์ คือใครๆในคลาสเขาก็รู้ว่าอาจารย์หมั่นไส้ผม หาโอกาสจะแกล้งผมเสมอ แต่คะแนนเขาไม่ลำเอียงครับ ให้ตามชิ้นงานที่ทำส่ง

 

                “ลงครับ หนาวมากๆ”

                ฟองทำท่ากอดตัวเองแล้วถูแขนไปมา หนาวจริงๆครับผมยืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยเอ้า ไข้จะแดกผมอยู่แล้วเนี่ย

 

                “ดี ปรมินทร์ยืนไปนะ ห้ามหนีไปนั่งถ้าผมยังไม่ได้สั่ง”

                ผมว่าเมื่อกี้ผมเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของอาจารย์นะ แล้วแกก็กลับไปสอนอย่างอารมณ์ดี

 

                “ไหวป่ะวะมิน? เสื้อผ้าเปียกแบบนั้น”

                ฟองมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า อาจจะด้วยความสงสารหรือความเป็นห่วงผมก็ไม่อาจรู้ได้ ผมไม่ได้มีความสามารถอ่านคนอื่นออกขนาดนั้น ผมก้มมองตัวเองแล้วยิ้มแห้งๆไปให้

 

                “หนาวโคตรๆ จะไม่ไหวแล้วว่ะ”

                ผมบอกฟองเสียงเบาหวิว ผมรู้สึกว่าตาร้อนๆยังไงชอบกล เหมือนไข้จะเริ่มขึ้นแล้ว ฟันก็ยังกระทบกันดังกึกๆ ฟันผมจะสึกก่อนวัยอันควรไหมเนี่ย แล้วฟองก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดด้วยการเอาหลังมือมาแตะที่หน้าผากของผมก่อนที่เขาจะสะดุ้งเล็กน้อยแล้วเบิกตาโต

 

                “อาจารย์ครับ ปรมินทร์ไข้ขึ้น!”

                ฟองยกมือขึ้นแล้วตะโกนออกไปทันทีโดยไม่ได้รออาจารย์อนุญาต อาจารย์มองมาที่ผมกับฟองด้วยสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อยแต่ก็อนุญาตให้ผมไปนั่งที่ได้ ผมเลยขอบคุณฟองไปเบาๆก่อนจะพาร่างที่เกือบไร้วิญญาณเดินไปนั่งข้างไอ้บีท แล้วผมก็เห็นฟองกำลังมองมาด้วยสายตา...เป็นห่วง คราวนี้ผมว่าผมเข้าใจถูกนะ ฟองกำลังเป็นห่วงผม ผมเลยยิ้มบางตอบกลับให้เขาไป

 

                “ไหวไหมมึง?”

                ไอ้บีทเอาหลังมือมาแตะตามซอกคอผมเพื่อเช็คอาการ ผมก็เอียงหน้าให้มันทำอะไรตามใจชอบได้สะดวกขึ้น

 

                “ตัวโคตรร้อนเลยว่ะ ไปหาหมอไหม?”

                ไอ้บีทเก็บมือกลับที่ก่อนจะมองผมอย่างเป็นห่วง ผมส่ายหน้าเบาๆแล้วไอออกมาเล็กน้อย

 

                “ไม่ได้ดิ เดี๋ยว’จารย์ว่ากูสำออยอีก แค่ก”

                ผมพูดจบก็ต้องปิดปากตัวเองเมื่อเริ่มไอ ไอ้บีททำเสียงฟึดฟัด มันไม่ชอบอาจารย์คนนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วครับ เพราะอะไรนั่นผมก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน

 

                “ที่รัก กูว่ามึงกลับไปนอนที่คอนโดก่อนน่าจะดีกว่านะ”

                ไอ้โฟร์ทหันมาพูดกับผมอีกคน ผมทำเพียงส่ายหน้าปฏิเสธไป ถึงผมจะอยากกลับแค่ไหนอาจารย์แกก็ไม่อนุญาตหรอกครับ เพราะแกไม่เคยเห็นใจใครหรอก

 

                “ดื้อชิบหาย”

                เสียงไอ้แทมลอยมาเลยครับ มาแต่เสียงนะครับ สมาธิมันยังอยู่ที่อาจารย์

 

                “ดื้อพ่อง ‘จารย์ไม่ยอมให้กูกลับแน่ๆ”

                ผมนั่งกอดตัวแน่น ผ้าขนหนูที่ฟองเอามาให้ตอนนี้ก็ปิดช่วงแขนผมอยู่โดยความช่วยเหลือของไอ้บีท

 

                “เออ ลืมไป”

                แม้แต่ไอ้แทมก็ไม่มีอะไรจะเถียงกับเรื่องนี้ ผมไม่มีสติจะรับรู้ว่าอาจารย์สอนอะไรไปบ้าง ไม่นานผมก็รู้สึกว่าโลกด้านหน้าเริ่มเบลอแล้วก็มืดลงในที่สุด

 

                ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องของตัวเอง อาการปวดหัวเล่นงานผมอย่างหนักจนไม่สามารถลุกจากเตียงได้ สายตาสอดส่องมองไปรอบห้องนอนก็ไม่เจอใคร แล้วนี่ผมกลับคอนโดมาได้ยังไงวะเนี่ย ใครมันลากไอ้ยักษ์อย่างผมกลับมากันล่ะ แต่ไม่นานคำตอบของผมก็เปิดประตูห้องเข้ามาพร้อมกับกลิ่นโจ๊กหอมๆกับใบหน้าใสๆที่เกือบจะทำให้ผมหายดีเพียงแค่เห็น นายจิรัสย์อยู่ในห้องของนายปรมินทร์ครับ นี่มันเรื่องจริงหรือผมแค่เพ้อเพราะพิษไข้!

 

                “นะ นั่นฟองเหรอ?”

                เสียงของผมแหบแห้งลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากพูดจบก็ไอโขลกไปหนึ่งชุดใหญ่ๆจนฟองต้องรีบเดินเข้ามาแล้ววางถ้วยโจ๊กไว้บนโต๊ะข้างเตียง แล้วมาช่วยพยุงผมให้นั่งพิงหัวเตียง

 

                “มินไปหาหมอดีกว่านะ เราว่ามินอาการหนัก”

                ฟองวางมือลงบนแก้มผม ซึ่งผมว่าตอนนี้มือฟองเย็นมาก ส่วนตัวผมร้อนมากจริงๆนั่นล่ะ

 

                “กินยานอนพัก เดี๋ยวก็หาย”

                ไม่ใช่ว่าผมเกลียดกลัวหมอกับโรงพยาบาลอะไรหรอกนะ แต่ตอนนี้สภาพร่างกายของผมไม่พร้อมจะขยับไปไหนเลยว่ะ เหมือนมีอาการปวดระบมไปทั้งตัวปนอยู่ด้วย เพราะเมื่อวานเขาย้ายของจากบ้านมาที่คอนโดนี่ล่ะ

 

                “ถ้าช็อคขึ้นมาเราไม่สนนะ ดื้อแบบนี้”

                ฟองบุ้ยปากใส่ผมก่อนจะดึงมือกลับไปแล้วยกถ้วยโจ๊กขึ้นมา ผมมองตามไปแล้วได้แต่ยิ้มบาง แค่มีฟองอยู่ข้างๆก็ดีขึ้นมากแล้วครับ

 

                “ไม่ได้ดื้อนะครับ แต่ตอนนี้ไม่มีแรงจะไปไหนแล้วจริงๆ”

                ผมหลับตาลงช้าๆ ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ก่อนจะเห็นว่าช้อนโจ๊กยื่นมาตรงหน้าผมแล้ว

 

                “กินเข้าไปเลย”

                ฟองจ่อช้อนเข้ามาจนชนปากผม ผมก็เลี่ยงไม่ได้เลยต้องกินเข้าไป ฟองป้อนผมไปเรื่อยๆผมก็กินไปเรื่อยๆจนหมดเหมือนกัน ไม่อยากให้ฟองเสียน้ำใจครับ ทั้งที่จริงๆผมเกือบจะอ้วกไปหลายรอบ ยาและน้ำก็โดนประเคนมาเป็นคิวต่อไป พอจบขั้นตอนฟองก็ประคองผมให้นอนลงเหมือนเดิมก่อนจะห่มผ้าให้ผมเรียบร้อย

 

                “ขอบคุณครับ แต่ว่า... ฟองอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

                ผมถามเรื่องที่คาใจออกไป เพราะคนที่อยู่กับผมตอนนี้น่าจะเป็นเพื่อนๆของผมมากกว่า แต่กลายมาเป็นฟองแบบนี้มันต้องมีเบื้องหลังแน่ๆ ฟองที่กำลังจะเอาถ้วยไปเก็บชะงักแล้วหันมามองผมที่กำลังมองเขาอยู่

 

                “จริงๆแล้วโฟร์ทก็จะมาส่งมินแล้วเอารถมินกลับมาที่นี่ล่ะ แต่พอดีพี่เฟียเขารีบมารับโฟร์ทไปทำธุระซะก่อน ส่วนคนอื่นก็เอารถไปกันหมด เหลือแต่เรานี่ล่ะที่ไม่ได้ขับรถไปมหา’ลัย เราก็เลยอาสาขับรถมินแล้วก็มาส่งมินเอง”

                ฟองพูดจบก็เดินออกจากห้องนอนไป ปล่อยให้ผมอมยิ้มกับความใจดีของฟอง แต่...ฟองใจดีกับทุกคนแบบนี้รึเปล่า ผมหวงความใจดีพวกนี้ไว้คนเดียวได้ไหม

 

                “มิน เราเช็ดตัวให้มินไปแล้วนะ ถ้าไม่สบายตัวอีกก็บอกเรานะ เราจะได้เช็ดให้อีกรอบ”

                ฟองบอกผมด้วยใบหน้าไม่ขัดเขินใดๆ... นี่เขาเช็ดตัวให้ผมนะเว้ย ไม่เขินอะไรเลยรึไงวะ แต่ผมนี่สิเขิน เขินมากด้วย ถ้าตอนนั้นผมมีสติอยู่คงปฏิเสธความหวังดีของฟองหัวชนฝาเลยล่ะ

 

                “อ่ะ เอ่อ ขอบคุณมาก ฟองจะกลับรึยังครับ?”

                ผมยกมืออังหน้าผากของตัวเอง ร้อนมาก ผมว่าผมเป็นไข้หนักกว่าทุกครั้งนะ เพราะคราวนี้ทั้งนอนไม่พอ ใช้แรงงานตัวเองเยอะ ตากฝนเข้าไปอีก... กลายเป็นผักเฉาเลย

 

                “ยังหรอก มินนอนไปเหอะ เรากลัวว่าถ้าเรากลับแล้วมินจะไข้ขึ้น”

                ฟองจะน่ารักไปถึงไหนครับช่วยหยุดน่ารักสักพักได้ไหม แค่นี้ผมก็หลงรักจะแย่แล้วครับ แค่นี้ก็ไม่คิดจะไปไหนแล้ว ฟองนั่งลงบนเตียงข้างๆผมก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาให้ผมอีก นี่จะปิดหน้ากันอยู่แล้วนะ

 

                “น่ารักเกินไปแล้ว”

                ผมพูดเบาๆแล้วมองหน้าฟอง ส่วนฟองที่มองผมอยู่แล้วขมวดคิ้วเน้น ก่อนที่ปากสีชมพูธรรมชาตินั่นจะขยับขึ้นลงเปร่งเสียงทุ้มนุ่มออกมา

 

                “ใครใช้ให้ชมผู้ชายด้วยคำว่าน่ารักวะ”

                ฟองกำหมัดแล้วต่อยลงบนไหล่ผมเบาๆ ผมได้ทีรีบคว้ามือขาวนั่นแล้วซุกหน้าลงไป ฟองมองผมตาโตแต่ก็ไม่ได้สะบัดมือออกแต่อย่างใด หน้ายุ่งๆของฟองมองยังไงๆมันก็น่ารักอยู่ดี

 

                “ก็ฟองของมินน่ารักจริงๆนี่ ขอยืมมือหน่อยนะ”

                ผมพูดจบก็หลับตาลง ไม่อยากรับรู้ว่าฟองจะทำหน้าตายังไง ขอแค่ฟองไม่ปฏิเสธผมก็พอแล้วในตอนนี้ จากหมัดที่กำไว้หลวมๆตอนนี้กลายว่ามันคลายแล้วแบออกรองรับหน้าผมที่นอนตะแคงกอดมือฟองอยู่ ถือเป็นการอนุญาตแล้วกันนะ

 

                “หายไวๆนะครับมิน”

                ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินจากฟองมันช่างแผ่วเบาแต่กลับอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ





--------------------------------------------------------------------



คอมเม้นท์ให้กำลังใจไรท์ด้วยน้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด