-->✖<คุ ณ คื อ ค ว า ม รั ก>✖<-- ตอนพิเศษ หลังแต่งงาน [03/07/2562]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -->✖<คุ ณ คื อ ค ว า ม รั ก>✖<-- ตอนพิเศษ หลังแต่งงาน [03/07/2562]  (อ่าน 203173 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แหม ละมุนเชียว

ออฟไลน์ A-J.seiya*

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +306/-8
น่ารักมากน้ำตาไหล
แค่ทำให้เขายิ้มได้ขนาดนี้ รู้สึกคุณเล็กประสบผลสำเร็จมากอ่าา
ฮืออ เอาใจช่วยยยย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อยู่กับคนที่ชอบอะไร ๆ ก็ดีไปหมด ทอดไก่ไหม้ยังยิ้มได้เลย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
รอคุณไอใจละลาย..ยยยยย #ทีมคุณเล็ก  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
อยากกินไก่ทอดขึ้นมาทันที แต่ไม่เอาไหม้นะ อิอิ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
คุณเล็กมีพัฒนาการ  :katai2-1: ตอนนี้น่ารักมาก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เป็นกำลังใจให้คุณเล็กเสมอค่ะ ถึงแม้ตอนแรกจะถล่มไว้ยับก็ตาม  :hao7:

ออฟไลน์ kobyp_lu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่ารักกกกกกกกกก  ดูหวานมากกก  ขอให้คุณไอใจอ่อนไวๆนะคะ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ tkung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2








คุณคือความรัก บทที่ 26







   
   หลังจากจัดการกับไก่ดำปี๋และน้ำมันเหม็นกลิ่นไหม้ในกระทะเรียบร้อย กมลก็ลงมือทำอาหารต่อจนเสร็จ กว่าพวกเขาจะทานมื้อค่ำจึงดึกกว่าที่ควรเป็นพอสมควร


   กมลนึกขำเมื่อเห็นณธิปกินส้มตำผลไม้ด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย ต่างจากคราวที่พาไปกินต้มขาไก่ซุปเปอร์ลิบลับ วันนี้เขาปรุงรสเน้นเปรี้ยวเค็มหวานใส่พริกเม็ดเดียว รสชาติก็เลยไม่เผ็ดมาก พอกินกับไก่ทอดที่เลี่ยนน้ำมันนิดๆ จึงเข้ากันได้ดี ส่วนข้าวเหนียวที่ซื้อสำเร็จรูปถูกหยิบออกมากินตัดรสจัดจ้าน ชายหนุ่มกินไม่นานก็หมดถุง


   “เอาข้าวเหนียวอีกไหมครับ” กมลถาม เพราะเขาไม่ค่อยกินแป้งมากเท่าไรในมื้อเย็น

   “ไม่เอาแล้วล่ะ” ณธิปส่ายหน้า

   “อิ่มแล้วหรือครับ”

   “ยังหรอก แต่ปรกติผมกินข้าวไม่ค่อยเยอะอยู่แล้ว เน้นกับมากกว่า” ณธิปบอก ก่อนจะเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องที่ซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตออกมาจากตู้เย็น “คุณเอาด้วยไหม”

   “ครับ”


เห็นกมลพยักหน้ารับ ณธิปจึงหยิบเบียร์ออกมาสองกระป๋องแล้วเปิดให้อีกฝ่ายเสร็จสรรพ แม้จะแอบรู้สึกแปลกใจนิดๆ ที่กมลตอบรับคำชวนยอมดื่มแอลกอฮอล์กับเขาด้วย ทว่าเมื่อคิดดูดีๆ คนคนนี้ก็ถือเป็นผู้ชายคนหนึ่ง  ถึงภาพลักษณ์ภายนอกจะดูบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ก็ใช่ว่าอีกฝ่ายต้องครองตนเป็นเหมือนผู้ทรงศีลเสียหน่อย


ยิ่งกมลมีด้านที่พอจับต้องได้ ณธิปก็ยิ่งรู้สึกดี เพราะระยะห่างและความต่างของพวกเขาจะได้ไม่มากเกินไป จนเหมือนขาวตัดดำอะไรทำนองนั้น


ซ้ำตอนนี้กมลกำลังผ่อนคลาย ไม่รู้สึกว่าการอยู่กับเขามันอันตรายเท่าแต่ก่อน จึงไว้ใจและปล่อยตัวตามสบายได้บ้าง หากณธิปรู้ดีว่าในการปล่อยตัวตามสบายนั้น อีกฝ่ายก็คงไว้ซึ่งความระมัดระวังตัวอยู่บ้างตามนิสัยขี้ระแวง


ขณะที่ณธิปกำลังคิดถึงเรื่องราวระหว่างพวกเขาทั้งสองคน คนหน้าหวานก็ลอบพิจารณาพฤติกรรมของคนเจ้าเล่ห์ไปด้วย


ยามนี้ดูเหมือนณธิปจะอิ่มแล้ว ท่าทางอารมณ์ดีสุดๆ กมลเองก็อิ่มแล้วเช่นกัน เขาจิบเบียร์เย็นๆ ลงคอไปอึกหนึ่ง ก่อนจะเริ่มเอ่ยถึงเรื่องหนักๆ ที่ต้องการจะปรึกษาอีกฝ่าย ซึ่งถือเป็นจุดประสงค์หลักในการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อนี้


“คุณเล็ก”

“หืม?”

“คือ…ไม่ทราบว่า คุณตฤณติดต่อมาบ้างหรือเปล่าครับ”

“ตั้งแต่ที่ไปเจอพร้อมกับคุณวันนั้น ผมก็ยังไม่ได้โทรหาอีกเลย เพราะผมก็ยุ่งๆ ทางนั้นเองก็คงยุ่งเหมือนกัน คุณมีอะไรหรือเปล่า”

“ผมอยากรู้ความคืบหน้าเรื่องที่เคยขอให้คุณตฤณช่วยน่ะครับ ไม่รู้จะรบกวนไหม ถ้าหากจะให้คุณช่วยถามให้หน่อย พอดีตอนนี้ทางชาวบ้านกำลังเดือดร้อน เพราะโดนคุกคามหนักขึ้นแล้ว” กมลเอ่ยอย่างระมัดระวัง


ความจริงเขาไม่อยากรบกวนทั้งณธิปและดังตฤณ แต่ก็อย่างที่รู้ ปัญหานี้มันใหญ่เกินกว่าเขาจะจัดการคนเดียวได้ หากยอมขอความช่วยเหลือจากคนที่มีพาวเวอร์มากกว่า ก็อาจช่วยคนที่กำลังเดือดร้อนได้มากกว่า


   “หึๆ” ณธิปหัวเราะ ก่อนจะเอามือเท้าคางกับโต๊ะ แล้วมองคนตรงหน้ายิ้มๆ

   “หัวเราะอะไรครับ” หนุ่มหน้าหวานถาม

   “คุณนี่เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะ” คนที่ถูกตราหน้าว่าเจ้าเล่ห์แสนกลมากว่าครึ่งชีวิตเอ่ยปากกล่าวหา

   “หมายความว่ายังไง” กมลถามกลับ ทั้งที่ความจริงรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมองแผนการของตัวเองออกทะลุปรุโปร่ง

   “ที่ชวนผมมาทานข้าวและยอมทำมื้อค่ำให้กิน เพราะมีแผนจะถามผมเรื่องนี้ใช่ไหม”

   “เฮ้อ…” กมลถอนใจออกมาเบาๆ ถึงแม้แผนการจะดูสิ้นคิด แต่เขาว่ามันก็ดีกว่าไม่ลงมือทำอะไรเลย แล้วเข้าไปขอความช่วยเหลืออีกฝ่ายตรงๆ “ก็อย่างที่คุณว่านั่นแหละ”

   “ร้ายจริง”


ถึงปากว่าอย่างนั้น แต่ณธิปกลับไม่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนหลอกใช้ กมลที่เป็นแบบนี้ก็เหมาะกับเจ้าตัวแล้ว เพียงแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะเสียดายนิดหน่อย เพราะอยากให้กมลชวนกินข้าว เนื่องจากอยากชวนจริงๆ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลอื่นแอบแฝง


“ขอโทษครับ”


แต่คนที่ถูกจับได้กลับเอ่ยขอโทษแทน ทีแรกเขาไม่ได้นึกว่าจะรู้สึกเช่นนี้ คิดแค่ว่าอยากให้ณธิปช่วย ก็ต้องลงทุนเสียก่อน ทว่าพอมาเห็นอีกฝ่ายมองเขายิ้มๆ หากแววตาเจ้าเล่ห์นั้นคล้ายมีแววผิดหวังวูบหนึ่ง กมลก็อดรู้สึกผิดไม่ได้


“ขอโทษทำไมล่ะ ความจริงคุณไม่ต้องถึงขนาดเลี้ยงข้าว หรือฝืนใจทำอะไรให้ผมเลยก็ได้ เพราะแค่คุณจะเอ่ยปากขอให้ช่วย ผมก็พร้อมจะช่วยอยู่แล้ว เคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ”


ยิ่งได้ฟังณธิปบอกแบบนั้น กมลก็ยิ่งรู้สึกผิด


“ผมยอมรับครับ ว่าที่ผมคิดจะเลี้ยงข้าวคุณก็เพราะอยากถามความคืบหน้าเรื่องนั้น แต่ที่ทำไป ผมก็ไม่ได้ฝืนใจนะ”

“รู้สึกดีจัง” ณธิปยิ้มกว้าง ดวงตารีเรียวคู่นั้นไหวระริกด้วยความดีใจ ก่อนชายหนุ่มจะตัดบทดราม่าที่ก่อตัวขึ้นเมื่อครู่ทิ้งไปง่ายๆ ด้วยเขาไม่คิดเคืองกมลจริงๆ

“งั้นคุณรอเดี๋ยว”

“ครับ?”


ณธิปล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อนรักแทนคำตอบ กมลจึงเงียบฟังความคืบหน้าด้วยใจเป็นกังวล รออยู่ครู่หนึ่ง ดังตฤณจึงรับสาย ณธิปจึงเปิดลำโพงให้กมลได้ยินด้วย


“ตฤณ แกอยู่ไหน”

[อยู่บ้าน แกมีอะไร ทำไมวันนี้โทรมาได้]

“ฉันอยากถามแกเรื่องข้อพิพาทที่ดิน ที่คุณไอเขาขอให้ช่วยน่ะ มีความคืบหน้าอะไรไหม”

[ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ แต่อย่างที่พวกเราคิด เรื่องนี้เกี่ยวพันกับนักการเมืองระดับรัฐมนตรี พอมีเรื่องร้องเรียนเข้าไปให้ตรวจสอบ สักพักก็เงียบ ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะโทรปรึกษาแกอยู่พอดี ว่าจะเอายังไงต่อ ทางนั้นไม่ใช่เล่นๆ นะเล็ก]

“ฉันรู้” ณธิปรับคำเพื่อน เพราะรู้อิทธิพลของรัฐมนตรีทรงศักดิ์ดี แต่เมื่อมองไปเห็นว่ากมลทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาก็พอรู้แล้วหัวดื้อของเขาคงไม่ยอมง่ายๆ “จะให้วางมือตอนนี้คงไม่ได้ เพราะได้ยินมาว่าทางโน้นกำลังถูกคุกคาม ฉันไม่อยากให้คนของคุณไอเดือดร้อนไปมากกว่านี้ มีวิธีไหนที่พอจะกดดันให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างโปร่งใสได้ไหมตฤณ”


ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเอ่ย [ฉันจะลองปรึกษากับผู้ใหญ่ดูก่อน คิดว่าคงมีคนพร้อมช่วย เพราะถ้าพูดกันในแง่ของการเมือง รัฐมนตรีทรงศักดิ์เองก็มีคู่แข่งอยู่หลายคน ยิ่งถ้าให้พูดถึงความถูกต้อง ก็น่าจะมีคนอยากร่วมมือเอาเขาลง แต่อย่างที่ฉันพูดไป มันต้องใช้เวลา เราบุ่มบ่ามไม่ได้]


“ฉันเกลียดกระบวนการตรวจสอบพวกนี้จริงๆ ชักช้าไม่ทันใจเลย” ณธิปบ่น

[ใจเย็นน่า ยังไงตอนนี้เราก็ไม่มีวิธีที่ดีและเร็วกว่านี้ คงต้องรอไปก่อน แกเตือนทางคุณไอด้วยแล้วกัน บอกให้ชาวบ้านระวังตัวด้วย]

“อืม ฉันรู้แล้ว” ณธิปรับคำก่อนจะเงยหน้าสบตากับกมล ส่งสัญญาณเป็นอันว่ารู้กัน

[แล้วมีความเคลื่อนไหวอะไร ฉันจะติดต่อไปแล้วกัน]

“ขอบใจมาก”

[ไม่เป็นไร] ดังตฤณเงียบไปนิด ตอนแรกทำท่าจะวางสาย แต่กลับเอ่ยถามความเป็นไปของเพื่อนก่อน [ว่าแต่แกเป็นไงบ้าง ช่วงนี้ไม่เห็นข่าวฉาวๆ เลยนี่ ทำตัวดีขึ้นขนาดนี้ คุณไอเขาไม่ใจอ่อนบ้างหรือ]

“อืม…” ณธิปยิ้ม ดวงตารีเรียวคู่นั้นมองกมลพราวระยับ ครั้นทั้งคู่สบตากัน บรรยากาศที่ไม่อาจอธิบายได้ก็อบอวลไปทั้งห้อง  “ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาใจอ่อนบ้างหรือเปล่า แต่คิดว่าดีขึ้นนะ”

[เสียงแกดูมีความสุขนะ คงมีเรื่องดีๆ ใช่ไหมล่ะ]

“คิดว่างั้นหรือ”

[ฉันเดาว่าอย่างนั้น] คนเป็นเพื่อนสนิทว่า

“หึๆ”


ณธิปหัวเราะเบาๆ เมื่อคนตรงหน้ากระดกเบียร์ดื่ม หลุบตาหนี และเสมองที่จานอาหารบนแทน แม้สีหน้าของอีกฝ่ายจะไม่เปลี่ยน แต่อาการที่แสดงออกมานั้น แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าคงจะทำตัวไม่ถูก


จะรู้สึกเขินหรือเปล่านะ…ณธิปได้แต่คาดเดา ทว่าก่อนที่ความคิดเข้าข้างตัวเองจะเตลิดไปมากกว่านี้ เสียงของคนที่ไม่รู้อะไรอย่างดังตฤณก็เอ่ยแทรกขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน


[ถ้ามีเรื่องดีๆ ก็ดีแล้วล่ะ แต่ก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน อย่าไปทำอะไรให้เป็นข่าวอีก ฉันขี้เกียจฟังแกนั่งปรับทุกข์แบบคืนนั้น]

“หยุดพูดเลย แกนั่นแหละกำลังทำให้ฉันหมดมาด” ตอนแรกที่เปิดลำโพงให้กมลได้ยิน ณธิปก็คิดว่าดี แต่พอเพื่อนเริ่มแฉว่าเขาเฮิร์ตแค่ไหนช่วงที่โดนคุณไอปฏิเสธ ณธิปก็ชักทนไม่ไหว


ใครใช้ให้พูดถึงเรื่องน่าอายเล่า ไอ้เพื่อนซื่อบื้อ…ชายหนุ่มได้แต่กัดฟันกรอดอย่างนึกเคือง แต่แล้วอยู่ๆ ณธิปก็ผุดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชายหนุ่มจึงรีบเอ่ยถามก่อนที่เพื่อนสนิทจะวางสาย


“ตฤณ!”

[อะไร]

“แล้วถ้าใช้สื่อกดดันล่ะ”

เมื่อได้ยินที่ณธิปเสนอ กมลก็เงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายทันที

[แกหมายถึง…]

“ถ้าสื่อรู้เรื่องฉาวของรัฐมนตรีทรงศักดิ์ งานตรวจสอบน่าจะเร็วและขึ้น เพราะยังไงทางนั้นก็ผิดจริง และคงไม่มีใครยืนข้างคนผิดให้ตัวเองเสียไปด้วยหรอก สำหรับนักการเมืองแล้ว ภาพลักษณ์เรื่องความโปร่งสำคัญยิ่งกว่าอะไรดี”

[ก็จริงของแก แต่เราจะทำยังไงล่ะ ส่งเรื่องไปให้พวกนักข่าวง่ายๆ แกเองก็อาจจะโดนโจมตีได้นะ ให้คุณไอ…] ก่อนที่ดังตฤณจะเอ่ยจบ ณธิปก็รีบแย้งทันที

“ไม่ได้! ใช้คุณไอไม่ได้ เพราะเขาเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดา ไม่มีพาวเวอร์พอจะงัดกับระดับรัฐมนตรีหรอก”

[แล้วแกจะใช้ใคร]

“แกคิดว่าระดับเอ็นพีกรุ๊ปเป็นไง”

[นี่อย่าบอกนะว่าแกจะออกหน้าเองน่ะ]

“ก็ต้องเป็นแบบนั้น”

“ไม่--” กมลเอ่ยปากแย้งอีกคน แต่ณธิปยกมือห้ามอีกฝ่ายไว้เสียก่อน

[มันเรื่องใหญ่นะเล็ก แกควรปรึกษาคุณพ่อกับพี่ภัทรก่อนดีไหม] ดังตฤณเอ่ยด้วยความเป็นห่วง เขารู้ว่าณธิปอยากช่วยคนที่รัก แต่ทำแบบนี้ก็อาจเสี่ยงเสียหายหลายทาง

“ฉันคิดว่าถ้าจะทำ พี่ภัทรกับพ่อไม่น่าขวางหรอก”

“แต่คุณทำแบบนั้นไม่ได้นะ” กมลร้องห้าม ด้วยกลัวว่าจะลากให้คนอื่นเดือดร้อนไปกันใหญ่

“คุณไอใจเย็นก่อนนะ ฟังผมพูดก่อน”

[นั่นคุณไออยู่ด้วยหรือ]

“อืม” ณธิปบอกเพื่อน “เอาเป็นว่าใจเย็นและฟังฉันก่อน ทั้งสองคนเลย”

[ว่ามาเพื่อน]


“ฉันว่าถ้าเราทำโครงการแล้วเข้าไปในพื้นที่ เป็นโครงการของทางเอ็นพีกรุ๊ป เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ยากไร้อะไรก็ว่ากันไป เหมือนที่ทางเอ็นพีกรุ๊ปทำทุกปี ก็จะมีสื่อสนใจเข้าไปทำข่าวในพื้นที่ด้วย ทีนี้เราก็ปล่อยให้ชาวบ้านทำงาน จะเดินขบวนประท้วงเรื่องรุกที่ดินป่า หรืออะไรก็ตาม เราให้ทางผู้ใหญ่บ้านเตี๊ยมกับชาวบ้านไว้ก่อน ถึงจะดูคล้ายกับว่าจงใจ หากจะมองว่าไม่จงใจก็ได้ เพราะทางนั้นก็มีเรื่องกับชาวบ้านอยู่แล้ว แค่บังเอิญที่ทางเราเข้าไปตรงนั้นพอดี นักข่าวจึงตามไปเจอเรื่องนี้เอง”

[ก็ดูเป็นความคิดที่ดีนะ แต่มันจะเสี่ยงไปไหม]


“ก็เสี่ยง แต่รัฐมนตรีทรงศักดิ์จะทำอะไรได้ ฉันว่าเราไม่ต้องแคร์หรอก ยังไงพลังมวลชนก็น่าจะน่ากลัวที่สุด ยิ่งถ้าพวกสื่อได้ข่าวใหญ่ขนาดนี้ รับรองว่าทั้งขุดทั้งคุ้ยแน่ ไหนจะพวกชาวโซเชียลอีกล่ะ รัฐมนตรีทรงศักดิ์คงหัวหมุนจนไม่มีเวลามาจัดการพวกเราแน่” ณธิปเว้นไปนิด ก่อนจะเอื้อมมือไปวางบนหลังมือของกมล “แต่ถึงจะทำ ผมก็จัดการได้อยู่แล้ว”


ไม่เพียงเอ็นพีกรุ๊ปจะเป็นผู้นำที่น่าเกรงขามทางธุรกิจ แต่ทางคนมีสี กลุ่มทางการเมืองเองก็ยังต้องเกรงใจ เพราะหลังฉาก พวกเขาก็ใช้เม็ดเงินสนับสนุนกลุ่มคนพวกนั้นด้วย ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดอาจหาญเข้ามายุ่งวุ่นวาย จะเรียกว่าผู้มีอิทธิพลก็ไม่ผิด


กมลมองหน้าคนที่กุมมือตัวเองไว้ เขาพอรู้ว่าณธิปเป็นบุคคลระดับไหน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นสาเหตุให้ในใจรู้สึกอุ่นๆ เท่ากับที่กมลรู้ว่า


คนคนนี้พยายามทำทั้งหมดเพียงเพราะเขา


การได้เป็นคนพิเศษซึ่งมาจากความรู้สึกที่ใครสักคนมีให้อย่างจริงใจ มันทำให้เขาอดดีใจไม่ได้ แต่กระนั้น สิ่งที่ณธิปคิดทำมันก็ใหญ่เกินไป เสี่ยงเกินไป จนกมลนึกหวั่นใจอยู่ดี


“ผมว่ามันเสี่ยงเกินไป คือไอเดียของคุณก็ดีนะครับ ใช้สื่อมาเล่นงาน แต่ไม่ต้องออกหน้าลงพื้นที่ด้วยตัวเองก็ได้ เพราะมันอาจทำให้คุณเดือดร้อน” กมลว่า

“คุณไม่ต้องเกรงใจ ผมยินดีทำเพื่อคุณนะไอ” เจ้าของดวงตาทรงเสน่ห์กระชับมือ

“แต่ว่าผมไม่อยากให้คุณต้องเดือดร้อนถึงขนาดนั้น”


   ทั้งสองจ้องตากันท่ามกลางความเงียบ แม้แต่ดังตฤณเองก็ยังหยุดเพื่อให้เวลากับพวกเขา จนผ่านไปพักหนึ่ง ณธิปจึงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้นลง ด้วยตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดแล้ว


“ผมตัดสินใจแล้ว ผมว่าทางที่ดีที่สุดคือทำอย่างที่บอกไปเมื่อกี้ แต่ผลจะเป็นยังไง จะทำแน่นอนไหม ผมจะกลับไปคุยและลองปรึกษากับพ่อและพี่ภัทรดู น่าจะได้คำแนะนำดีๆ หรือบางทีพวกท่านอาจมีความคิดที่ดีกว่านี้ก็ได้”

[ก็ดีเหมือนกัน ฉันฟังดูแล้วค่อนข้างเห็นด้วย ใช้สื่อกดดันดีกว่าวิ่งเต้นเอาเองลับหลังแบบนี้ เพราะวิธีของฉันมันสาวถึงตัวง่าย ถ้าสมมติทางโน้นจะเล่นงานแก เราก็แค่ทำไม่รู้ไม่เห็นแบบที่แกว่า ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมากล่าวหาว่าพวกเราเป็นคนอยู่เบื้องหลังได้] อัยการหนุ่มวิเคราะห์

“ใช่ ถ้าทางรัฐมนตรีทรงศักดิ์จะเล่นงานเรา ก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันแล้วล่ะว่าเป็นฝีมือของพวกเราจริงๆ”

[งั้นตอนนี้แกก็ไปคุยกับพ่อให้เรียบร้อยนะเล็ก ตัดสินใจยังไงก็โทรบอกฉันด้วย]

“ได้” ณธิปรับคำ

[ฝากบอกคุณไอด้วยว่าไม่ต้องคิดมาก ช่วยๆ กันคิดหาทางไป ยังไงเรื่องที่ทำนี่ก็ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง]

“อืม”

[งั้นฉันวางก่อน อย่าลืมโทรมาล่ะ]

“รู้แล้วน่า”


เมื่อวางสายแล้ว ณธิปก็ต้องกลับมาเผชิญหน้ากับกมลอีกครั้ง คิ้วเข้มของคนหน้าหวานขมวดมุ่นเป็นปม ท่าทางดูวิตกกังวลจนลืมแม้กระทั่งดึงมือกลับไปจากการถูกจับเอาไว้ ทว่าพอเห็นณธิปมองที่มือด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ กมลจึงรู้สึกตัว และดึงมือข้างนั้นกลับไป หากไม่วายทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเดิม


“นี่อิ่มแล้วหรือครับ ผมเห็นคุณวางส้อมตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

“อิ่มแล้วครับ” กมลพยักหน้ารับ ก่อนจะกัดริมฝีปากของตนเองด้วยความไม่สบายใจ

“กัดปากทำไม คิดจะยั่วผมหรือ” ณธิปเอ่ยกระเซ้า ด้วยหวังให้บรรยากาศดีขึ้น แต่กมลกลับไม่เล่นด้วย

“คุณเล็ก” ครั้นกมลส่งเสียงปราม ณธิปก็ลากเสียงยาวอย่างยียวน

“คร้าบ”

“อย่าเพิ่งเล่นสิ ผมไม่สบายใจจริงๆ นะ”

“ทำไมล่ะ ผมอุตส่าห์คิดแผนการดีๆ ได้ แต่คุณกลับไม่สบายใจเนี่ยนะ”

“ก็ผมไม่เห็นด้วย เพราะทำแบบนั้นอาจจะทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย ที่ผมต้องการจากคุณและคุณตฤณ ก็แค่คำปรึกษาและกระตุ้นเรื่องคำร้องที่ส่งไปเท่านั้น ไม่ได้อยากให้คุณคิดการใหญ่แบบนี้”


กมลทั้งเกรงใจ ทั้งไม่สบายใจไปในคราวเดียวกัน เพราะไม่อยากให้ณธิปต้องลำบากเพราะช่วยเหลือเขาถึงขนาดนั้น ด้วยปัญหานี้ไม่เกี่ยวกับณธิปสักนิด ถ้าหากเกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น แล้วส่งผลให้ณธิปกับเอ็นพีกรุ๊ปต้องเดือดร้อน เขาคงไม่รู้จะชดใช้ยังไง


“จะไม่ให้คิดการใหญ่ได้ยังไง คุณก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันใหญ่ระดับไหน เราค่อยๆ ทำเงียบๆ ไม่ได้หรอก เพราะถ้ารอคอยเงียบๆ ก็จะไม่มีอะไรคืบหน้าเหมือนที่ผ่านมา แล้วอย่างนี้คุณยอมได้หรือ คุณจะปล่อยคนพวกนั้นไปตามยถากรรมหรือเปล่า ผมจะไม่ลงมืออะไรเลยก็ได้ ถ้าคุณไม่ยุ่ง ผมก็จะไม่ยุ่ง ถามว่าผมสนใจคนพวกนั้นแค่ไหน ตอบเลยว่าแค่สงสารเท่านั้น แต่ที่ผมสอดมือเข้ามา ก็เพราะคุณจะทำมันไงล่ะ”


“คุณเล็ก…” เป็นครั้งแรกที่เหตุผลของณธิปทำให้กมลจนด้วยคำพูด


ถ้าเขาช่วย ณธิปก็จะเข้ามาร่วมด้วย แต่ถ้าเขาไม่ช่วย ณธิปก็จะหยุดอย่างนั้นหรือ…


ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ยากเกินจะตัดสินใจได้ในทันที เพราะกมลอยากช่วยคนพวกนั้น อยากช่วยพนักงานที่เขารักเสมือนครอบครัว แต่กมลก็ไม่อยากให้ณธิปต้องวุ่นวายเพราะตัวเอง


“คุณลองตัวสินใจดู ระหว่างนี้ผมจะปรึกษาคุณพ่อกับพี่ภัทรไว้ก่อน ตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็บอกผมได้ทันที”

“ขอบคุณครับ แล้วก็…ขอโทษด้วยที่เอาเรื่องปวดหัวมาให้”

“ปวดหัวจริงๆ แหละนะ เฮ้อ…” ณธิปถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พลางกอดอกมองคนตรงหน้ายิ้มๆ “แต่ไม่เป็นไรหรอก เพื่อคุณ…ผมทำได้”

“หึๆ” กมลหลุดหัวเราะ “คุณเนี่ย…ขยันหยอดจริงนะ”


ที่ผ่านมากมลพยายามมองข้ามและทำเป็นไม่สนใจมากตลอด แต่คราวนี้กลับหันเหความสนใจของตัวเองและทำเฉยไม่ได้ เพราะคำพูดและความรู้สึกที่ณธิปส่งมาให้มันสะเทือนกำแพงที่กั้นเอาไว้ จนรู้สึกไหวไปถึงหัวใจ


กมลไม่ได้ปลื้มที่ณธิปยอมลงทุนลำบากหรือโชว์พาวเวอร์ด้วยพื้นเพที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาตื้นตันที่ณธิปทุ่มเทเพราะรู้สึกกับเขาจริงๆ โดยไม่มีการเสแสร้งมากกว่า


กมลรู้สึกดีที่ณธิปไม่ได้สร้างภาพโดยการบอกว่าอยากช่วยเพราะชาวบ้านเหล่านั้น แต่ณธิปกลับสารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่าทำเพราะอะไร ซึ่งมันทำให้สัมผัสได้ถึงหัวใจของอีกฝ่าย


จนตอนนี้กมลเริ่มเชื่อแล้วว่า ณธิปรู้สึกกับเขาจริงๆ อย่างที่เคยประกาศไว้


“ก็หยอดไปเรื่อยล่ะ เผื่อว่าคุณจะรู้สึกอะไรบ้าง”

“จะใช้มุขน้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อนหรือครับ”

“แล้วใช้ได้ไหมล่ะครับ” คนเจ้าแผนการยิ้ม

“…”


กมลไม่ตอบ แต่ยกยิ้มบางๆ ประมาณว่า คิดเอาเองสิ จากนั้นคนหน้าหวานก็ลุกจากที่นั่ง เอาจานของตัวเองไปเก็บในอ่างล้างจาน ทิ้งให้ณธิปนั่งตีความกับท่าทางยิ้มยั่วเมื่อครู่เพียงลำพัง
   







   หลังจากจัดการกับอาหารตรงหน้าไม่ไหวอีกต่อไป ณธิปก็ต้องยกธงขาวยอมแพ้ ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือเห็นเข้มสั้นเกือบชี้เลขสิบสอง ก็รู้ว่าตนยื้อเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว


   ณธิปอาสาช่วยกมลล้างจาน แต่ก็ไม่คุ้นชินกับงานบ้าน จึงได้แต่ยืนเช็ดจานอยู่ข้างๆ และจัดเรียงไว้ในที่ของมันเท่านั้น เมื่อเรียบร้อยทุกอย่างแล้ว กมลจึงเดินมาส่งเขาที่หน้าห้อง


   “ผมไปก่อนนะ”

   “อืม” กมลพยักหน้า

   “ไม่อยากไปเลย ออกอยากนอนมันเสียที่นี่” ใบหน้าหล่อเหลานั่นดูหง่อยลงท่าทางน่าสงสาร ขัดกับประโยคอุกอาจที่เจ้าตัวเอ่ยออกมาลิบลับ

   “ให้มันน้อยๆ หน่อยคุณ ได้ทีก็เอาใหญ่เชียวนะ”

   “ก็แค่อยากเท่านั้นแหละ รู้อยู่แล้วว่าคุณไม่อนุญาต” ณธิปว่า

   “แล้วถ้าผมอนุญาตล่ะ” กมลยิ้มหวานพลางเอ่ยอย่างนึกสนุก แต่คำเย้าแหย่ของหนุ่มหน้าหวานกลับทำให้ใบหน้าของคนฟังรู้สึกว่าเป็นคำที่ยั่วเย้า เชิญชวน


ณธิปพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เส้นความอดทนที่กดเอาไว้มาโดยตลอดดีดผึง ก่อนชายหนุ่มจะดันประตูกลับเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ไม่ฟังเสียงทัดทานของเจ้าของห้องเลยสักนิด


   “คุณเล็ก!”


   ปึง!


   ณธิปผลักประตูปิดและดันให้กมลหันหลังชนประตู โดยมีวงแขนของเขากั้นอาณาเขตไว้ไม่ให้อีกฝ่ายไปไหน กมลตกตะลึงกับสถานการณ์พลิกผันที่เกิดขึ้นจนลืมดิ้นหนี หนุ่มหน้าหวานยืนตัวแข็งทื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับณธิปท่ามกลางความเงียบ


   “คุณเล็ก…” กมลเรียก เมื่อเห็นว่าณธิปค่อยๆ เคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจรดริน

   “หืม?”

   “ผมแค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง”

   ณธิปแค่นหัวเราะ แต่ก็ไม่ถอยห่างออกไป “หึ…”

   “ผมไม่ได้…” ยังไม่ทันพูดจบ ณธิปก็เอ่ยขัด

   “ไอ”

   “ครับ”

   “แต่ผมไม่เล่นด้วยหรอกนะ”

   “…” กมลเงียบ ด้วยไม่คิดว่าความรู้สึกต้องการของอีกฝ่ายจะรุนแรงถึงเพียงนี้ “ผมรู้แล้วว่าคุณไม่เล่น แต่คุณถอยออกไปก่อนดีไหม”


   ทว่าครานี้ณธิปกลับไม่ตอบตกลง ซ้ำยังเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้น กมลคาดเดาได้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น วินาทีที่ณธิปโฉบเข้ามาใกล้ มือที่ดันแผ่นอกไว้จึงยกขึ้นปิดปากของตัวเองโดยอัตโนมัติ


   ทว่า…


   คนเจ้าเล่ห์กลับจูบลงที่ปลายจมูกรั้น ก่อนจะเผยอริมฝีปากงับมันเบาๆ อย่างนึกหมั่นเขี้ยว ทำให้ความร้อนผ่าวจากปลายจมูกค่อยๆ แผ่ขยายไปทั่วทั้งใบหน้า จนดวงหน้าเรียวนั้นแดงก่ำไปหมด ณธิปยิ้มเมื่อเห็นเช่นนั้น ก่อนเขาจะผละออกไปแล้วปล่อยให้คนที่ยืนตัวแข็งทื่อเป็นอิสระ


   “ที่ผ่านมาผมต้องอดทนแค่ไหนรู้ไหม ดังนั้นอย่าล้อเล่นแบบนี้อีก เพราะผมจะอดใจไม่ไหวแล้วเล่นคืนบ้างเหมือนกัน” ว่าจบณธิปก็เปิดประตูออกจากห้อง ทิ้งให้กมลเลื่อนมือขึ้นมากุมจมูกของตัวเองแทน


การถูกจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัวในครั้งนี้ ทำให้กมลรู้ว่าหมาป่าเจ้าเล่ห์ อย่างไรเสียก็เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์อยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางเปลี่ยนเป็นหมาบ้านเชื่องๆ ได้


“ใครกันแน่ที่ร้ายกว่ากัน” กมลครางเบาๆ ด้วยรู้สึกว่าตนเองกำลังเสียรู้หมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนั้นเข้าให้แล้ว






<><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><><>





บทตอนนี้ส่งมาก พระเอกมาก
แต่จะพระเอกมากไปไม่ได้ คุณเล็กต้องคงคอนเสปหล่อร้าย เป็นหมาป่าเจ้าเล่ห์ต่อไป 55555555
ในส่วนของคุณไอนั้น…เอาแล้วสิ เสียรู้แล้วสิพ่อน้ำแข็งหิมาลัยของบ่าว
แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณไอยังมีกระบวนการช่างใจอีกหลายชั้น 55555
แต่ความกรุบกริบก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นไปทีละนิดแล้วล่ะค่ะ /นิดจริงๆ/
ผ่านครึ่งเรื่องมาแล้วนี่นะ 555555
ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ เห็นฟีดแบคกลับมา ไม่ว่าจะทีมคุณเล็กหรือทีมคุณไอ ฝนก็ดีใจหมดเลย
เจอกันตอนหน้าค่ะ

ปล. ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหรือติดงานตรงไหน ฝนจะมาทุกวันศุกร์นะคะ /ประกาศกร้าว 5555/

ละอองฝน.



ออฟไลน์ khwanruen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
คุณเล็กรุกเต็มที่เลย น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน เดี่ยวคุณไอก็ใจอ่อนเองแหละ :impress2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่จะมารอที่ท่าน้ำทุกวันศุกร์ คุณไอหวั่นไหวบ้างรึยัง?? #ทีมคุณเล็ก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ kobyp_lu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่ารักมากกกก คุณเล็กกก  เป็นนี่ใจอ่อนแล้ว   :-[

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หวั่นไหวแล้วอะ

ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอเขารักกัน ฟินยังเลยค่ะ เขินแทนไอ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เรามารอวันที่คุณเล็กจะเอาจริง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
หึหึ  คุณเล็กต้องพิสูจน์ไปอีกนานนน 555 พี่ไอใจแข็งเข้าไว้

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อื้อหือ ตอนนี้คุณเล็ก หล่อ มาก 555

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
คนอะไร​ใจแข็ง​เกิ๊น

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2




คุณคือความรัก บทที่ 27

   ณภัทรมองน้องชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันนิ่งๆ อย่างพิจารณา ขณะรอผู้เป็นพ่อที่กำลังจะตามมาสมทบในอีกไม่อีกนาทีข้างหน้า เมื่อสามวันก่อนณธิปโทรหาเขาพร้อมกับบอกว่ามีเรื่องต้องการปรึกษา ก่อนจะนัดให้มาเจอกันที่บ้าน ซึ่งวันที่นัดก็คือวันที่ทุกคนว่างตรงกัน



   ทว่าสิ่งที่ทำให้ณภัทรประหลาดใจก็คือ ทันทีที่มาถึงบ้าน คุณแม่ก็รีบเข้ามาดักทางไว้ พร้อมกับบอกว่าณธิปมารออยู่ก่อนแล้ว ซ้ำยังบอกอีกว่าณธิปไม่ได้นัดแค่เขาคนเดียว หากยังเอ่ยปากนัดคุณพ่อที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันอีกด้วย



   แม่ของพวกเขาเป็นห่วงมาก ด้วยกลัวว่าณธิปจะไปก่อปัญหาวุ่นวายอะไรให้ต้องตามแก้กันอีก ณภัทรเองก็รู้สึกกลัวไม่แพ้กัน แต่อีกใจก็คิดไปในทางหนึ่งว่าอาจไม่เป็นเช่นที่แม่คาดเดา ด้วยรู้ดีกว่าถ้าเกิดปัญหาแก้ไม่ตกจริงๆ ณธิปจะต้องบอกเขากับแม่ก่อน ไม่เคยสักครั้งที่เจ้าตัวดีจะเอ่ยปากกับพ่อ ดังนั้นณภัทรจึงได้แต่บอกให้แม่คลายกังวล และรับปากว่าจะพยายามช่วยไม่ให้เรื่องเลวร้ายลงถ้าหากน้องสร้างปัญหาจริงๆ


   “เรามีเรื่องอะไรกันแน่เจ้าเล็ก บอกพี่ก่อนไม่ได้หรือไง” ทว่าจนแล้วจนรอดณภัทรก็ทนไม่ไหว จึงเปิดฉากถามไปเสียก่อน

   “รอฟังพร้อมคุณพ่อไม่ดีกว่าหรือครับ ผมขี้เกียจเล่าหลายรอบ” น้องชายตัวดีเอ่ยด้วยเสียงเนือยๆ จนณภัทรนึกขัดใจ

   “ก็เผื่อว่ามีปัญหาอะไรพี่จะได้ช่วยคิดก่อนที่คุณพ่อจะมา”

   “อืม…” ดวงตารีเรียวคู่นั้นเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ก่อนจะเอ่ย “คุณพ่อน่าจะใกล้ถึงแล้วนะครับ”

   “แต่ว่า…” ยังไม่ทันที่ณภัทรจะเกลี้ยกล่อมสำเร็จ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ก่อนบุคคลที่ทุกคนรอคอยจะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย


   ด้วยบุคลิกภูมิฐานและใบหน้าดุๆ ของผู้มีอาวุโสสูงสุดของบ้าน จึงทำให้บรรยากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที ณธิปเองก็ขยับตัวนั่งหลังตรง เลิกปล่อยตัวตามสบายผิดกับเมื่อครู่



   ครั้นอนันต์เดินไปนั่งบนเก้าอี้ประจำตัว สามพ่อลูกโชติตระกูลจึงอยู่ในตำแหน่งล้อมวงเผชิญหน้ากัน ซึ่งนับเป็นเวลาหลายเดือนมาแล้วที่พวกเขาสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเช่นนี้ และผู้เป็นพ่อก็ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า เพราะเขาหันมาสบตาของลูกชายคนเล็ก ก่อนจะบอกให้ณธิปพูดเรื่องที่เรียกตนมาในวันนี้



   “แกมีเรื่องอะไรตาเล็ก ถึงได้เรียกพ่อกับพี่ภัทรมาวันนี้”

   “ผมอยากปรึกษาเรื่องทำโครงการทำ CSR  ของเราปีนี้ครับ”

   “หา?” ไม่ใช่แค่ณภัทรที่รู้สึกประหลาดใจจนต้องอุทานออกมา แต่อนันต์เองก็ทำตาโตอยู่ครู่หนึ่งเหมือนกัน เพราะไม่อยากเชื่อว่าลูกชายคนเล็กจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมอย่างคนอื่นด้วย


   “ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นกันด้วยครับ” ณธิปถามเพราะรู้สึกฉุนนิดๆ เนื่องจากพ่อกับพี่ชายทำท่าราวกับว่าไม่เชื่อว่าคนแบบเขาจะทำอะไรเพื่อคนอื่นอย่างนั้น

   “ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่ประหลาดใจ” ณภัทรตอบ

   “เอาเถอะๆ ไหนโครงการเล่าให้พ่อฟังหน่อย เราอยากทำอะไร” อนันต์ถามด้วยน้ำเสียงและแววตาอ่อนลง

   “โครงการสนับสนุนการศึกษาพัฒนาชุมชนครับ”

   “พวกเราก็ทำทุกปีอยู่แล้วนี่” ณภัทรว่า

   “แต่โครงการนี้ไม่ใช่ชุมชนที่เราเคยทำ คือผมอยากขยายโครงการจากที่เราเข้าไปช่วยมาก่อนหน้านี้เพิ่มอีก พอดีว่าผมไปเจอที่ที่น่าสนใจมา”

   “ที่ไหน” ณภัทรถาม


   “หมู่บ้านป่างาม จ.ลำพูนครับ เป็นหมู่บ้านที่อยู่บนดอยช้าง ค่อนข้างเดินทางลำบาก แต่ไม่ไกลจากที่ที่เราเคยทำในเชียงใหม่เท่าไหร่ ผมอยากทำโครงการพวกโครงการสื่อการเรียนและอาหารกลางวันที่โรงเรียนบ้านป่างาม เพราะเด็กๆ ยังขาดอีกหลายอย่าง ถ้าเข้าไปช่วยให้พวกเขาดูแลตัวเองและติดตามผลเหมือนที่เราเคยทำก็คงจะดีมาก เพราะเขาน่าจะต้องการตรงนี้จริงๆ”


   “แนวทางเหมือนที่เราเคยทำมาใช่ไหม” ณภัทรถาม

   “ครับ” ณธิปพยักหน้า

   “ก็เอาสิ” อนันต์อนุญาตทันทีโดยไม่ต้องคิด เพียงแต่เขายังนึกแปลกใจว่าลูกชายตัวดีรู้จัดที่แห่งนี้ได้อย่างไร จึงเอ่ยถามเรื่องที่สงสัยออกไปเช่นกัน “แล้วไปรู้จักที่นี่มาจากไหน”

   “เอ่อ…พอดีคนรู้จักเขาเคยเข้าไปช่วยซ่อมแซมอาคารเรียนที่นั่นมาก่อน แต่หลายๆ อย่างก็ยังขาดอยู่ ผมได้ยินเขาเล่าก็เลยอยากช่วย”

   “อืม” อนันต์รับคำ “โครงการนี้ก็ออกหน้ารับผิดชอบไปก็แล้วกัน ดูจากแนวทางเก่าๆ ของเรา เรื่องงบประมาณก็จัดประชุมตามเห็นควรได้ คิดอยากช่วยคนแบบนี้พ่อก็ไม่ขัดหรอก”

   “ครับคุณพ่อ” ณธิปตอบรับ ดูแล้วพ่อกับพี่ชายของเขาสนับสนุนโครงการดี แต่ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเอ่ยเรื่องปัญหาที่ดินในหมู่บ้านให้ฟัง ทั้งสองจะยังเห็นด้วยอยู่หรือไม่

   “พวกเราไปกินข้าวเถอะครับ คุณแม่น่าจะรออยู่” ณภัทรว่า แต่ก่อนที่ทุกคนจะลุก ณธิปก็กลั้นใจเอ่ยออกไป

   “เดี๋ยวครับ”

   “มีอะไรตาเล็ก” ผู้เป็นพี่หันมาถาม

   “ยังมีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอก”

   “อะไร” เป็นอนันต์ที่ถาม

   “คือหมู่บ้านที่ผมกำลังจะไปทำโครงการน่ะครับ มันมีปัญหาบางอย่าง”

   “ปัญหาหรือ” จากที่เพิ่งนึกสบายใจว่าน้องจะไม่นำเรื่องปวดหัวมาให้ ณธิปกลับต้องลองคิดดูใหม่เสียแล้ว

   “ครับ” ณธิปพยักหน้า “คือว่า…นอกจากโรงเรียนแล้ว ตอนนี้พวกชาวบ้านยังได้รับความเดือนร้อนเรื่องนายทุนรุกล้ำที่ดินด้วย…”



   ณธิปเล่าเรื่องนายทุนที่เข้าไปรุกล้ำที่ป่าและตามรังควานชาวบ้านเพราะต้องการจะซื้อที่ดิน ก่อนจะเล่าแผนการที่จะใช้สื่อเข้าไปขยายเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อกระตุ้นกระบวนการยุติธรรมด้วยแรงกดดันจากสังคม และเมื่อสองพ่อลูกได้ฟังเรื่องราวที่เจ้าตัวแสบประจำบ้านเล่า ใบหน้าของทั้งคู่ก็ค่อยๆ เครียดขรึมลงจนบรรยากาศเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ลิบลับ



   “ตาเล็ก”

“ครับคุณพ่อ”


“รู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” อนันต์เอ่ยถามหลังจากได้ฟังเรื่องที่ณธิปเล่าว่าได้ส่งเรื่องร้องเรียนชาวบ้านเข้าไปที่หน่วยงานของรัฐแล้ว แต่ทุกอย่างยังคงเงียบหายราวกับมีมือมืดของใครบางคนปัดมันทิ้งไป


   “ทราบครับ”

   “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และแกอาจจะเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้”

   “ผมทราบอยู่แล้วครับคุณพ่อ”

   “แต่ก็ยังเดินหน้าส่งเรื่องร้องเรียนไปอีกหรือ”


   “ครับ” คนหัวดื้อพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ สายตาที่มองตรงไปที่ผู้เป็นพ่อนั้น ทำให้อนันต์รู้สึกราวกับว่าลูกชายไม่เอาถ่านของตัวเองได้เปลี่ยนไปมากจริงๆ “ผมรู้ว่าเรื่องนี้อาจทำให้ตัวเองและบริษัทเดือดร้อน แต่ผมก็คิดว่าเราจะจัดการเรื่องนี้ได้โดยไม่เกิดปัญหาแน่นอน”


   “นี่คือการสู้กับผู้มีอิทธิพลนะตาเล็ก แกไม่กลัวหรือ” อนันต์ถาม

   “จะกลัวไปทำไมกันครับคุณพ่อ เพราะความจริงแล้วเราไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นคนที่ไม่ผิดก็ไม่ต้องกลัวอะไร จริงไหมครับ”


   ท่าทางมั่นอกมั่นใจของณธิปทำให้ณภัทรรู้สึกทึ่ง เขารู้มาตลอดว่าณธิปเป็นคนมั่นใจในตัวเองเช่นนี้แต่ไหนแต่ไร ทว่าเมื่อเจ้าตัวเอามันมาใช้กับเรื่องที่ดูมีสาระ มันก็ทำให้คนเป็นพี่รู้สึกภูมิใจมากกว่าหมั่นไส้เหมือนที่แล้วๆ มา


   “ถ้าอย่างนั้นก็วางแผนดีๆ อย่าให้บริษัทต้องเดือดร้อนกับเรื่องนี้ รวมทั้งตัวแกเองด้วย เข้าใจไหม”

   “คุณพ่อยอมให้ผมทำหรือครับ!” คนหัวดื้อถามอย่างไม่อยากเชื่อ

   “อืม แต่จะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบก่อน ถ้าไม่แน่ใจให้ปรึกษาพ่อกับพี่ภัทรทันที อย่าด่วนตัดสินใจเองล่วงหน้า” อนันต์สั่งเสียงเข้ม

   “ครับ” ณธิปพยักหน้ารับ ชายหนุ่มรู้ดีว่าเรื่องนี้อาจทำให้เขาลำบาก ทว่าก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้ที่พ่อเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาจะทำ เหมือนกับว่าณธิปโตพอที่พ่อจะเชื่อใจได้อย่างที่เชื่อใจณภัทรแล้ว

   “หมดเรื่องแล้วใช่ไหม”

   “หมดแล้วครับ” ณธิปตอบ

   “ถ้าอย่างนั้นก็ไป พ่อหิวแล้ว”

   “ครับ” ณธิปลุกไปเปิดประตูให้พ่อ ระหว่างที่ลูกชายคนเล็กหันหลัง อนันต์ก็หันไปสบตากับลูกชายคนโตที่ดูท่าจะยังกังวลเรื่องของน้องอยู่

   “คุณพ่อ ผมว่า…”

   “ไม่เป็นไรหรอก ปล่อยให้เขาทำ” อนันต์กระซิบบอกกับณภัทรเท่านั้น ก่อนจะเดินออกไปหาณธิปที่เปิดประตูรอ



   อนันต์ไม่รู้ว่าณธิปไปเอาความคิดเล่านี้มาจากไหน ไม่ว่าใครหรืออะไรจะจุดประกายให้ลูกชายหัวดื้อของเขา เขาไม่คิดสนใจไปมากกว่าเรื่องที่ณธิปลุกขึ้นมาสู้เพื่อคนอื่น



แม้อนันต์จะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่ณธิปคิด แต่เขาจะปล่อยให้เจ้าตัวดีได้ลอง ได้เรียนรู้เพื่อที่จะคิดถึงคนอื่นให้มากขึ้น และถ้าหากว่าเกิดพลาดพลั้ง เขาจะคอยพยุงอยู่ข้างๆ ด้วยกำลังที่มี จะไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำร้ายลูกชายของเขาได้อย่างแน่นอน



   ณภัทรมองผู้เป็นพ่อกับน้องชายเดินออกจากห้องไปด้วยกันแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ แม้ว่าเขาจะเป็นกังวล แต่ถ้าณธิปมั่นใจขนาดนั้นและพ่อบอกว่าไม่เป็นไร ณภัทรก็จะยอมเชื่อ เพียงแต่งานหนักกว่านั้นก็คือ จะทำอย่างไรไม่ให้แม่ตกใจ ถ้ารู้ว่าเจ้าเล็กของแม่คิดทำเรื่องวุ่นๆ อีกแล้ว









   อาหารเย็นมื้อนี้ราบรื่นมากเสียจนณธิปเกือบลืมไปแล้วว่าเขากับพ่อเคยมึนตึงใส่กัน ดูท่าว่าพ่อจะไม่ใช่แค่เห็นด้วย แต่สนับสนุนเรื่องที่เขาจะทำเลยทีเดียว ณธิปไม่รู้ว่าเหตุใดท่านจึงยอม แต่เมื่อผลลัพธ์ที่ได้มันออกมาดี ชายหนุ่มก็สบายใจและมั่นใจมากขึ้น



   หลังจากนี้เขาคงมีงานเพิ่มขึ้นพอสมควร แต่เมื่อระลึกถึงว่าแรงขับเคลื่อนงานนี้เป็นเพราะได้ทำเพื่อคนใจแข็งคนนั้น ณธิปก็ยินยอมพร้อมใจจนลืมว่าต้องเหนื่อยหนักขึ้นเท่าไร หลังจากนี้ก็ได้แต่หวังให้กมลเห็นใจเขาบ้าง เห็นว่าเขาทุ่มเทและยอมเจ้าตัวขนาดไหน


   หวังว่าคนใจร้ายจะไม่ใจแข็งนานนัก...


   ครั้นอิ่มเรียบร้อยทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ณธิปเองก็ขึ้นห้องของตัวเองเช่นกัน ชายหนุ่มโยนเสื้อสูทไว้ที่โต๊ะยาวปลายเตียง มือข้างหนึ่งคลายเนคไทด์ อีกข้างก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาคนที่คิดถึง ซึ่งโชคดีเหลือเกินที่ไม่ต้องรอนานอีกฝ่ายก็รับสาย



   [สวัสดีครับ]

   “คุณไอ”

   [ครับคุณเล็ก]

   “ผมมีข่าวดีจะบอก”

   [ข่าวดีหรือครับ]

   “อืม อยากรู้ไหม”

   [ถ้าคุณไม่อยากบอก…]

   “แค่บอกว่าอยากรู้ก็พอแล้ว พูดให้ยากทำไม”

   [ผมไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าอยากรู้] เมื่อได้ยินเสียงสะบัดนิดๆ เหมือนว่าปลายสายกำลังจะหงุดหงิด ณธิปจึงรีบตัดเข้าประเด็น

   “โอเคๆ เอาเป็นว่าผมอยากบอกก็แล้วกัน”

   [งั้นก็บอกเสียทีสิครับ]

   “ผมปรึกษาเรื่องนั้นกับคุณพ่อและก็พี่ภัทรแล้วนะ”

   [จริงหรือครับ] เสียงของกมลตื่นเต้นขึ้นมานิดๆ จนณธิปนึกขำ นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆ คงจะได้เห็นตาสวยๆ คู่นั้นเปล่งประกายตอนนี้เขาบอกว่าพ่อพูดอย่างไรแน่ๆ

   “จริงสิ”

   [ท่านว่าอย่างไรบ้างครับ]

“ท่านไม่ห้าม บอกว่าถ้าจะทำก็จัดการให้ดี แต่ถ้ามีปัญหาให้รีบปรึกษา สรุปก็คือคุณพ่อไม่ว่า พี่ภัทรไม่ขัด ยิ่งที่บอกว่าให้ปรึกษาได้ แปลว่าพวกเขาจะคอยสนับสนุนผม”

[ท่านบอกอย่างนั้นจริงๆ หรือครับ] กมลถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“จริงสิ ผมจะโกหกคุณทำไม”

[…]



ทันทีที่ได้รับคำยืนยัน กมลก็เงียบไปด้วยพูดอะไรไม่ออก แม้จะยังกังวลกับปัญหาเหล่านั้นอยู่ แต่ก็รู้สึกดีที่ไม่ต้องสู้อยู่เพียงลำพัง อย่างน้อยคนที่สนับสนุนเขาก็เสียงดังพอจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ และนั่นก็เป็นผลดีกับชาวบ้านมากๆ



“คุณไม่ต้องกังวลนะ ผลลัพธ์มันต้องออกมาดีแน่นอน”

[ขอบคุณนะครับ] กมลเอ่ยออกมาด้วยความตื้นตัน [ขอบคุณจริงๆ]


“ไม่เป็นไร” ได้ยินปลายสายขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหวานหูที่สุดเท่าที่เคยคุยกันมา ณธิปก็แทบจะหุบยิ้มไม่ได้แล้ว หากก่อนที่ใจจะลอยไปหาคนปลายใจมากกว่านี้ ชายหนุ่มก็ต้องรีบดึงกลับเข้าเรื่องเสียก่อน “จริงสิ มีอีกเรื่องที่ผมจะบอกคุณ”


[เรื่องอะไรครับ]


“หลังจากนี้ผมคงต้องคิดโครงการที่จะทำให้กับหมู่บ้าน แต่ผมบอกคุณพ่อไปว่าเราจะเน้นไปที่โรงเรียนมากกว่า เพราะทางเอ็นพีกรุ๊ปของเรามีโครงการคล้ายๆ กันนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ผมไม่ค่อยรู้ว่าที่นั่นขาดอะไรเป็นพิเศษอีกบ้าง คงต้องขอให้คุณช่วยให้ข้อมูลแล้วก็เสนอความคิดหน่อย” แม้จุดประสงค์หลักคือการนำสื่อเข้าไปในพื้นที่ ทว่าโครงการพวกนี้ก็จะปั้นแต่งขึ้นมาเล่นๆ ไม่ได้เช่นกัน


[ได้ครับ ผมเคยไปที่นั่นมาแล้ว และก็สามารถติดต่อกับทางโรงเรียนได้ ผมจะเป็นคนประสานงานส่วนนี้เอง เอาเป็นว่าถ้าคุณว่างตอนไหน เรานัดเจอกัน หรือไม่ก็ให้ผมเอาข้อมูลไปให้ที่โรงแรมก็ได้ ผมจะช่วยเต็มที่ ไม่ให้คุณทำคนเดียวแน่นอนครับ] คนหน้าหวานว่าอย่างกระตือรือร้น


“ความจริงผมอยากนัดเจอคุณแค่สองคนนะ” ณธิปบอกตามจริง “แต่งานนี้เราคงต้องรีบหน่อย เพราะทางหมู่บ้านเขาก็ถูกกดดันจนรอไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะเข้าบริษัทแล้วดูตารางงานจากเลขาฯ ถ้าเราว่างตรงกันผมจะให้คุณเข้ามาร่วมประชุมด้วย สะดวกไหม”


[มันจะเป็นการก้าวก่ายการทำงานในภายในของคุณหรือเปล่า คุณเล็ก] กมลถามอย่างเป็นกังวล


“ไม่หรอก ผมจะบอกทุกคนว่าคุณจะร่วมกับเราด้วย เพราะยังไง I promise ก็ทำงานกับเราที่ปางปาลีและนี่ก็เป็นงานเพื่อสังคมด้วย ทุกทีผมเองก็มีพันธมิตรมาร่วมด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นคุณสบายใจได้”


[ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหาครับ เอาเป็นว่าคุณว่าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกได้เลย ผมจะไปหาทันที]


“พอคุณพูดว่าจะมาทันทีที่ผมบอก มันรู้สึกดีไม่หยอกเหมือกันนะเนี่ย ไม่เหมือนกับว่าผมวิ่งตามคุณอยู่ฝ่ายเดียว ถึงจะเป็นเรื่องงานก็เถอะ” ณธิปพูดติดตลก แต่คนฟังรู้สึกสะท้อนใจอย่างบอกไม่ถูก กับคำที่ว่า วิ่งตามอยู่ฝ่ายเดียว


[คุณเล็ก ถ้าหากคุณเหนื่อย…] กมลยังพูดไม่จบ ณธิปก็รีบขัดด้วยน้ำเสียงจริงจังทันที

“ถึงจะเหนื่อย แต่ผมไม่หยุดตอนนี้หรอกนะ” ชายหนุ่มเงียบไปนิด แล้วว่าต่อ “คุณไม่ต้องกล่อมผมเสียให้ยาก”

[ผมไม่ได้กล่อม ผมแค่…]

“เอาเถอะๆ เราจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว คุณรู้แค่ว่าผมจะสู้จนกว่าคุณใจอ่อนก็พอ เข้าใจไหม”

[เขาใจแล้วครับ] กมลตอบรับอย่างอ่อนใจ

“ว่าแต่นี่คุณทำอะไรอยู่”

[กำลังเคลียร์งานนิดหน่อยครับ]

“อยู่ที่ไหน”

[ที่คอนโด]

“กินอะไรหรือยัง”

[เรียบร้อยแล้วครับ]

“ว้า…น่าเสียดาย คิดว่ายังไม่กิน จะได้ซื้อขนมเข้าไปฝาก”

[นี่มันดึกแล้วนะครับ อีกอย่างคุณก็อยู่บ้านด้วย ไม่ต้องขับรถมาหรอกครับ มันอันตราย]

“เป็นห่วงผมล่ะสิ” ณธิปแกล้งหยอก แต่กมลกับตอบกลับมาให้คนขี้แกล้งต้องอึ้ง

[ก็ใช่น่ะสิครับ]

“หา!?”

[ตกใจอะไรกันครับ มันเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือ ขับรถกลางคืนอันตราย แถมผมก็ไม่อยากให้คุณต้องลำบากขนาดนั้น]

“หึ…” ณธิปหัวเราะ “ถึงคุณจะอ้างอะไร ผมก็ดีใจทั้งนั้นแหละ ผมคิดเข้าข้างตัวเองแล้วด้วย”

[ก็แล้วแต่คุณสิ บอกผมทำไมเล่า]



ถ้าฟังไม่ผิด ทั้งน้ำเสียงและรูปประโยคนี้ของคนปลายสาย มันให้ความรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังกึ่งอายกึ่งประชดนิดๆ ไม่ใช่หรือ…ณธิปยืนเท้ามือกับระเบียงและยิ้มจนเต็มแก้ม กมลจะว่ายังไงก็ช่างเถอะ เขาจะคิดเข้าข้างตัวเองเสียอย่าง ใครก็ห้ามไม่ได้หรอก



“ผมอยากอยู่กับคุณตอนนี้จัง”

[ไม่เอาด้วยหรอก] กมลพึมพำออกไปอย่างลืมตัว และมันยิ่งทำให้ณธิปอารมณ์ดี เพราะเดาว่าคนหน้าหวานคงกำลังคิดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น

“หึๆ คิดถึงเรื่องนั้นอยู่ใช่ไหมล่ะ”

[เรื่องอะไร] กมลทำไขสือ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธว่ากำลังคิดเรื่องที่ณธิปหมายถึงอยู่จริงๆ

“คุณไม่ต้องอายหรอกนะ อีกหน่อยก็ชินเอง”

ถูกสัพยอกเข้าไปอีกคำ กมลก็ถึงกับเลิกต่อล้อต่อเถียง [คุณมีอะไรอีกไหม ผมจะทำงานต่อแล้วครับ]

“จะหนีหรือครับ”

[ผมจะทำงานจริงๆ ง่วงแล้ว]

“โอเคๆ ผมไม่กวนแล้วก็ได้” เมื่อเห็นว่าไล่ต้อนเท่าไร กมลก็ไม่ยอมหลุดมาดไปมากกว่านี้ ณธิปจึงหยุด วันนี้เขาหยอกอีกฝ่ายแค่หอมปากหอมคอ เอาไว้อยู่ใกล้ๆ กันเมื่อใดค่อยรุกเต็มที่

[ถ้าอย่างนั้นผมวางแล้วนะ อย่าลืมโทรมานัดผมเรื่องนั้นนะครับ]

“ผมก็โทรไปหาคุณทุกวันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ถ้าผมลืมบอก คุณก็ถามผมแล้วกัน” ณธิปว่า

[ตกลงครับ]

“งั้นอย่าทำงานดึกมากนะ รีบพักผ่อน ฝันดีครับ”

[ขอบคุณครับ แล้วก็…] ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจบอก [ฝันดีเหมือนกันครับ]



พูดจบกมลก็รีบตัดสายหนีไปทันที โดยที่ณธิปยังไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มถอนหายใจออกมายาวๆ พยายามหุบยิ้มและตั้งสติกับคำว่าฝันดีของกมล แต่จนแล้วจนรอดณธิปก็หยุดยิ้มไม่ได้ เพราะแค่คิดว่าคืนนี้ต้องฝันดีอย่างที่อีกฝ่ายบอกแน่นอน หัวใจมันพองฟูเสียจนคับอก



แค่บอกฝันดีเขายังดีใจถึงเพียงนี้ ถ้ามากกว่านี้เขาไม่สำลักความสุขตายไปเลยหรือ…





<><><><><><><>><><><><<><><><><><><>


ที่บอกว่าจะมาทุกวันศุกร์ ต้องของโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ฮืออออ
งานหลวงมันยุ่งนิดหน่อย แต่ศุกร์นี้มาต่อแน่ค่ะ เพราะมีสต๊อกไว้แล้ว เย้ๆ
ตอนนี้ก็เบาๆ หยอดหยอยกันไปตามเรื่องตามราว
แต่หลังจากนี้ก็อย่างที่คุณเล็กบอกค่ะ จะเดินหน้ารุกเต็มที่แล้ว

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ


ปล.
-CSR ย่อมาจากคำว่า Corporate Social Responsibility หมายถึงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร
-ส่วนชื่อหมู่บ้านนี้ฝนคิดขึ้นมาเองนะคะ ไม่มีจริง แต่ได้แรงบันดาลใจมากจากหมู่บ้านป่าแป๋ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูนค่ะ


ละอองฝน.

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สู้ๆ

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
คุณไอใจอ่อนแล้วสินะ ^^

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3
รอตอนต่อไปค่ะ>\\<

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด