คุณคือความรัก บทที่ 28
ผ่านไปเกือบเดือนโครงการที่กมลกับณธิปทำร่วมกันจึงแล้วเสร็จทุกขั้นตอนจนถึงวันดำเนินการ แม้ใจของผู้ที่รอคอยต้องการเร่งวันเร่งคืนเพียงใด แต่ทั้งคู่กันยังมีหน้าที่หลักของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ ระยะเวลาที่ผันผ่านไปในเดือนนี้จึงถูกใช้ไปอย่างเข้มข้นและผลักให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อย่าว่าแต่จะออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่หรือสังสรรค์ที่ไหนเลย เพราะเพียงแค่เวลาพักผ่อนก็ยังถูกลดทอนลงไปด้วยเช่นกัน
หากแม้จะล้าแสนล้า แต่ณธิปก็รู้สึกดีที่ได้ทำอะไรสักอย่างร่วมกับกมล เพราะนอกจากจะได้พบกันบ่อยๆ แล้ว พวกเขายังได้พูดคุยกันมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงเรื่องงาน แต่เป็นเรื่องสัพเพเหระทั่วไป เนื่องจากกมลดูจะให้ความไว้วางใจในตัวณธิปเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีอย่างมาก
มิหนำซ้ำคนรอบข้างของหนุ่มหน้าหวานที่เคยเข้ามากันท่าเขาในตอนแรกๆ เมื่อเห็นว่ากมลให้ความไว้วางใจในตัวณธิป คนพวกนั้นก็เริ่มให้ใจแก่เขาด้วยเช่นกัน ตอนนี้ณธิปจึงเข้านอกออกในที่ I promise Tower ได้โดยไม่ถูกมองด้วยสายตาระแวดระวังอีก
“คุณจะแวะกินอะไรก่อนไหม” ครั้นกมลนั่งประจำที่ข้างคนขับเรียบร้อย ณธิปก็เอ่ยถามออกไปทันที
“ไม่ครับ เมื่อหัวค่ำป้าสมเอาน้ำเต้าหู้มาให้ผมกินรองท้องแล้ว” กมลว่า
“แค่กินรองท้องมันจะไปอิ่มได้ยังไง คุณทำงานหนักขนาดนี้ พักผ่อนก็น้อย ดูแลตัวเองหน่อยสิ” ณธิปบ่นเบาๆ
พอเริ่มสนิทใจ ณธิปก็กล้าที่จะบ่นอีกฝ่ายได้โดยไม่กลัวว่าเจ้าตัวจะไม่พอใจ อยู่กับกมลนานเข้า ณธิปก็เริ่มได้เรียนรู้ว่าเขาไม่ต้องคอยสร้างภาพลักษณ์หรือทำตัวดูดีสุดโต่งเหมือนอย่างที่คิดไว้ในตอนแรกอีก เพราะเมื่อเขาเริ่มปล่อยตัวไปตามธรรมชาติ กมลก็ได้รับอิทธิพลจนยอมทำตัวสบายๆ ออกมาให้เห็นเหมือนกัน
“กล้าว่าผมด้วยหรือคุณน่ะ ตัวเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ นี่ค่ำแล้ว ยังจะขับรถมารับไปส่งบ้านอีก ได้ข่าวว่างานที่กำลังดูแลอยู่ก็หนักเหมือนกันไม่ใช่หรือครับ ถ้าเกิดทรุดขึ้นมาอย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ”
“อะไรกัน ผมพูดนิดเดียว แต่คุณบ่นยาวเชียวนะ”
“ก็มีจริงนี่ คุยกันมากี่รอบแล้วหืม? คุณไม่จำเป็นต้องเทคแคร์ผมขนาดนี้ก็ได้ ผมดูแลตัว…” ยังไม่ทันพูดจบ ณธิปก็แทรกขึ้นมาเสียก่อนด้วยรู้เท่าทันความคิด
“รู้ครับ ว่าดูแลตัวเองได้ แต่ก็อยากดูแล้วด้วยคนนี่ ผมเองก็พูดหลายรอบแล้วเหมือนกันนะ” ชายหนุ่มว่า ก่อนจะตัดบทเพราะคร้านจะเถียงเรื่องที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เขาว่าเขาหัวดื้อและดันทุรังมากแล้ว แต่ไม่คิดว่ากมลจะเป็นมากกว่า “ว่าแต่คุณจะไม่กินอะไรจริงๆ ใช่ไหม ไม่หิวหรือไง”
“ไม่ดีกว่าครับ ดึกแล้ว อีกอย่างผมต้องกลับไปเตรียมเสื้อผ้า ยังไม่ได้จัดกระเป๋าเลย แล้วคุณล่ะ จัดกระเป๋าหรือยัง”
“แม่บ้านจัดให้แล้วล่ะ”
“ดีจัง ชักอยากจ้างแม่บ้านบ้างแล้วสิ” ตามปรกติกมลมักชอบทำอะไรด้วยตัวเอง แต่พอภาระหน้าที่มากขึ้น ก็เริ่มอยากได้คนมาช่วยแบ่งเบาภาระในบ้าน แต่ติดที่น้องสาวของเขาไม่ค่อยอยากจ้างใคร
“ก็มาอยู่บ้านผมสิ” ณธิปบอกยิ้มๆ
“ปรกติเขาต้องพูดว่า ก็จ้างสิ ไม่ใช่หรือครับ”
“จ้างทำไมให้เปลืองเงิน มาอยู่กับผมได้ทั้งแม่บ้าน ได้ทั้งคนดูแล”
“หึๆ” กมลไม่ตอบอะไร ได้แต่ส่ายหัวยิ้ม ด้วยเริ่มคุ้นชินกับมุขทำนองนี้ของณธิปแล้ว
“แหนะ! ยังทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนอยู่อีก”
“แล้วจะให้ผมตอบอะไรล่ะครับ คุณก็พูดแบบนี้ประจำ”
“ตอบว่าโอเค ผมจะไปอยู่กับคุณ แค่นี้เอง ง่ายๆ” ณธิปตอบแทน
“หึๆ” กมลหัวเราะแล้วเสมองออกไปข้างทาง เป็นอันรู้กันว่าเจ้าตัวอยากตัดบทสนทนาให้จบเท่านี้
ถ้าเป็นสักเดือนสองเดือนก่อนณธิปอาจจะรู้สึกใจเสียนิดๆ แต่พอได้เจอกันบ่อย ได้คุยกันบ่อยมากขึ้น เขาเองก็เริ่มชินกับการกระทำเช่นนี้ของอีกฝ่ายแล้ว เพราะรู้ว่าไม่ใช่กมลไม่สนใจ หากเจ้าตัวต้องใช้เวลาคิดเท่านั้น และเขาก็ยอมให้กมลพิจารณาได้นานตามที่ใจต้องการ เนื่องจากมั่นใจเกินครึ่งว่าถ้ากมลคิดให้ถี่ถ้วนจริงๆ ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะปัดความจริงใจของเขาทิ้งได้อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นในห้องโดยสารก็เงียบลง ไม่มีหัวข้อใดผุดขึ้นมาให้สนทนากันอีก เพราะต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ขณะที่ณธิปทำหน้าที่สารถีได้อย่างดีเยี่ยม ในหัวของชายหนุ่มก็คิดไปถึงการเดินทางไปทำโครงการที่หมู่บ้านป่างามในวันพรุ่งนี้
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาได้จัดตั้งโครงการและปั้นมันขึ้นมาจนเป็นรูปเป็นร่าง แม้มันจะเร่งด่วนมากเอาการ ทว่าทุกอย่างก็พร้อมและไปได้ดี รวมถึงเป้าหมายหลักในการดำเนินโครงการด้วย เพราะในวันรุ่งขึ้น นอกจากณธิปและกมลจะเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ในพื้นที่แล้ว ยังมีนักข่าวจำนวนหนึ่งที่ถูกเชิญไปทำประชาสัมพันธ์ให้โครงการด้วยเหมือนกัน
ณธิปหวังว่าแผนการที่วางเอาไว้มาจนถึงวันนี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี หวังว่าจะไม่เกิดปัญหาอะไรที่ทำให้กมลต้องหนักใจอีก หลังจากนี้กมลจะได้หันกลับมาโฟกัสที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนสักที
คิดไปขับไปเพลินๆ กระทั่งผ่านไปพักใหญ่ ในที่สุดรถคันหรูก็เคลื่อนตัวมาจอดยังที่หมาย มองเข้าไปภายในรั้วบ้านหลังน้อย ทุกอย่างดูเงียบสงบ มีเพียงดวงไฟหน้าบ้านเท่านั้นที่เปิดทิ้งไว้สว่างโร่ ณธิปละสายตาก่อนหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน และเขาก็ได้พบว่า
กมลกำลังหลับ
ระยะหลังมานี้มีหลายครั้งที่กมลปล่อยตัวตามสบายเวลาอยู่กับเขา แต่คนหน้าหวานก็ไม่เคยปล่อยตัวถึงขนาดหลับระหว่างทางขณะนั่งรถกลับบ้านเช่นนี้ แม้จะเหนื่อยขนาดไหนก็ตาม
เลิกกลัวว่าเขาจะพาไปในที่ที่ไม่ควรแล้วหรือ…ณธิปได้แต่นึกสงสัย ก่อนความรู้สึกดีใจเมื่อคิดได้ว่าส่วนหนึ่งกมลคงจะไว้ใจเขามากขึ้นจริงๆ
ดวงตารีเรียวมองใบหน้าของคนที่หลับพริ้มอย่างพิจารณา กมลเป็นคนหน้าตาดี เครื่องหน้ากระเบียดไปทางสวยหวานจนน่าทะนุถนอม ยิ่งในยามนอนก็ยิ่งดูน่าเอ็นดูมากขึ้น ภาพลักษณ์เล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ณธิปตกหลุมตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เพราะไม่ว่าจะมองด้านไหนก็รู้สึกว่าถูกใจถูกสเปคไปหมด
แต่นานวันเข้า ณธิปก็ยิ่งรู้ว่า รูปลักษณ์ที่เห็นนั้นไม่สำคัญเท่าตัวตนของอีกฝ่ายเลยจริงๆ ถ้ากมลเป็นเหมือนคนอื่นๆ ที่เขาเคยจีบ ณธิปก็คงไม่รู้สึกกับอีกฝ่ายขนาดนี้ แต่ที่ผ่านมากมลไม่เคยไหวเอนกับสิ่งเร้าที่เขามอบให้เลยสักครั้ง
นอกจากกมลจะหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเองแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด กมลก็เป็นคนเข้มแข็งมากเช่นกัน เข้มแข็งจนเขาอยากเติบโตขึ้นกว่านี้ เพื่อจะได้กลายเป็นหลักให้อีกฝ่ายยึดเวลาที่ล้มหรือเหนื่อยล้า
นอกเหนือจากคนรักแล้ว ณธิปอยากเป็นคนที่พึ่งพาได้สำหรับกมล นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มคิดมาตลอดหลังจากกลับมาเริ่มต้นใหม่
ขณะที่กำลังมองและคิดอะไรไปสะระตะ คนหลับไม่รู้เรื่องก็ขยับตัว ก่อนหัวที่วางอย่างหมิ่นเหม่บนพนักจะไถลมาทางฝั่งของณธิป จนชายหนุ่มต้องรีบสอดมือเข้าไปประคองเอาไว้ แก้มนุ่มนิ่มของกมลจึงวางแหมะอยู่ในอุ้งมือของณธิปพอดิบพอดี
“อือ…” คนหลับสนิทส่งเสียงงึมงำในลำคอนิดหน่อย หัวคิ้วขมวดมุ่นเป็นปม ณธิปจึงเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะนอนไม่สบายเท่าไร
แม้จะเสียดายเวลาที่ได้อยู่กันแบบนี้มากๆ เสียดายโอกาสที่จะได้สัมผัสแก้มนุ่มนิ่ม แต่ชายหนุ่มก็ต้องตัดใจ เพราะเขาอยากให้กมลได้นอนสบายๆ บนเตียงของตัวเองมากกว่า ซ้ำวันรุ่งขึ้นยังต้องตื่นเช้าเพื่อเดินทางไปต่างจังหวัดอีกด้วย ดังนั้นณธิปจึงจำใจปลุกให้กมลตื่นจากนิทรา
“คุณไอ” ชายหนุ่มเรียก พลางใช้นิ้วจิ้มแก้ม “คุณไอครับ”
“…” กมลหนีความรู้สึกยุกยิกน่ารำคาญด้วยการยกหัวกลับขึ้นมาพิงเบาะ ก่อนปรือตามองด้วยความงัวเงีย “หืม?”
ณธิปยิ้มกับท่าทางเหมือนแมวขี้เซาที่ไม่เคยเห็นนั่น ก่อนจะแกล้งหยอกอีกฝ่ายให้ตื่นเต็มตา ด้วยการโฉบหน้าเข้าไปใกล้ แล้วกระซิบข้างหู
“ตื่นได้แล้วครับ ถึงบ้านแล้วนะ”
น้ำเสียงกับใบหน้าที่ใกล้เข้ามายังไม่เท่ากับความรู้สึกอุ่นร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดกกหู เส้นขนบนแขนของกมลจึงพร้อมใจกันลุกชันขึ้นมาทันที ก่อนชายหนุ่มจะทำตาโตแล้วกระเด้งตัวออกห่างไปชิดกับประตู
“คุณเล็ก!”
“ฮ่าๆๆ” ณธิปหัวเราะกับท่าทางหลุดๆ นั้นอย่างกลั้นไม่อยู่ “ดูทำท่าเข้าสิ ฮ่าๆ”
“ก็เมื่อกี้คุณทำอะไรล่ะ” กมลถามด้วยน้ำเสียงตื่นๆ เพราะแม้จะผ่านมาเกือบเดือน เขาก็ยังจำสัมผัสร้อนๆ ที่ปลายจมูกได้ดี
“ปลุกคุณไอไงครับ ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ทั้งที่พูดแบบนั้น แต่รอยยิ้มของณธิปก็ทำให้กมลรู้ได้ว่าเขาเพิ่งถูกแกล้งไปหมาดๆ อย่างแน่นอน
“ถึงนานแล้วหรือยังครับ นี่ผมเผลอหลับได้ไงเนี่ย” กมลลูบหน้าของตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มลงหยิบกระเป๋าที่เลื่อนลงจากตักไปที่พื้น
“คุณคงเหนื่อย อีกอย่างผมขับรถดี คุณถึงหลับได้ไง”
“อาจจะจริง เพราะปรกติผมไม่ค่อยหลับในรถ”
“งั้นก็รีบขึ้นไปจัดกระเป๋าแล้วนอนพักผ่อนนะครับ” ณธิปว่าด้วยความเป็นห่วง
“ครับ ขอบคุณที่มาส่งนะ” หนุ่มหน้าหวานว่า ณธิปเองก็ยิ้มรับ ทว่าก่อนที่จะลงจากรถ เสียงของณธิปก็ดังขึ้นมาครั้ง
“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้พิจารณาด้วยอีกข้อสิ”
“พิจารณาอะไรครับ” กมลมองตาคนเจ้าเล่ห์ที่เปล่งประกายวิบวับ
“ถ้าเป็นแฟนผม คุณจะมีคนดูแล มีคนขับรถ แถมบ้านผมก็ยังมีคนจัดกระเป๋าให้ด้วยนะ ลองพิจารณาดู”
“คุณนี่นะ…เป็นผู้บริหารหรือพนักงานขายกันแน่” กมลว่าขำๆ ณธิปจึงหยอดไปอีกประโยค
“ก็เป็นได้ทุกอย่างนั่นแหละ ตามใจคุณเลย”
“ผมเข้าบ้านดีกว่า”
“อ้าว…จะหนีกันซะแล้วหรือ” ณธิปหยอก
“หึ” กมลได้แต่หัวเราะ แต่ไม่ปฏิเสธ จากนั้นจึงเอ่ยคำลา “พรุ่งนี้เจอกัน ขับรถดีๆ นะครับ”
“ครับ เดี๋ยวคุณต้องจัดของคงยังไม่นอนใช่ไหม เอาเป็นว่าถ้าถึงบ้านผมจะส่งข้อความบอก”
“ครับ” กมลพยักหน้า ก่อนลงจากรถและยืนส่งจนกระทั่งณธิปหายลับสายตา
เมื่อชายหนุ่มปิดประตูรั้วแล้วเตรียมตัวเข้าบ้าน เขาก็ได้พบกับน้องสาวที่ยืนกอดอกรออยู่ สีหน้าท่าทางจริงจังเสียจนรู้สึกราวกับมีเงาของมารดาซ้อนทับบางๆ
“อ้าย ยังไม่นอนหรือ”
“ยังค่ะ อ้ายรอพี่ไออยู่”
กมลก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะถาม “มีอะไรหรือเปล่า นี่ก็ดึกมากแล้วนะ”
“อ้ายจะคุยเรื่องที่พี่ไอไปเหนือพรุ่งนี้น่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นไปคุยกันในบ้านดีกว่า ข้างนอกยุงเยอะ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็กอดเอวน้องสาวก่อนพาให้เดินเข้าบ้านมาด้วยกัน
ครั้นเข้ามาถึงห้องรับแขก สองพี่น้องก็หยุดนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากัน หทัยมองพี่ชอบคนดีของตัวเองด้วยสายตาเป็นห่วงอยู่ครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจเอ่ยออกมาก่อน
“พี่ไอคะ”
“ว่ายังไง หืม?”
“พี่ไอกับคุณเล็กเป็นอะไรกันคะ”
“…” กมลนิ่งไปครู่หนึ่ง พยายามค้นหานิยายหรือชื่อเรียกความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาในตอนนี้ โดยต้องคำนึงด้วยว่าเขาควรพูดอย่างไรไม่ให้น้องเป็นห่วง คิดอยู่สักพักกมลจึงได้คำตอบ “เป็นเพื่อนร่วมงาน”
“แค่นั้นหรือคะ” หทัยถามต่อ
“จะว่าไป…ก็เป็นเพื่อนด้วยล่ะมั้ง เพราะนอกจากเรื่องงาน พวกเราก็ปรึกษากันเรื่องอื่นด้วย”
“อ๋อ…” เธอรับคำ ก่อนจะจ้องตาพี่ชายนิ่งๆ
ถ้ากมลจะโกหกใครสักคนด้วยรอยยิ้มและเอาความนิ่งเข้าข่ม ก็คงไม่ใช่เรื่องยากเท่าใดนัก เพราะพี่ชายของหทัยฝึกให้ตัวเองสามารถยิ้มแย้มและพูดจาไปคนละทางกับความคิดมาตั้งแต่เริ่มทำงานแล้ว แต่ท่าทางปั้นแต่งทั้งหมดทั้งมวลนั้น ไม่สามารถใช้กับเธอ คนที่รู้จักกมลมาทั้งชีวิตได้ ดังนั้นหทัยจึงดูออกว่าพี่ชายคนดีต้องมีอะไรบางอย่างปิดบังเธออย่างแน่นอน
และกมลเองก็มองเธอออกอย่างทะลุปรุโปร่งเช่นเดียวกัน
“ทำไมมองพี่อย่างนั้นล่ะ สงสัยอะไรก็ถามสิ”
“ตอนนี้พี่ไอไม่ได้เป็นแฟนกับเขาใช่ไหมคะ”
“เป็นแฟนหรือ”
“ค่ะ” น้องสาวคนดีพยักหน้า เธอกัดริมฝีปากอย่างช่างใจ ครั้นเห็นพี่ชายยิ้มน้อยๆ อย่างอ่อนโยนไม่เปลี่ยน หญิงสาวก็พรั่งพรูความในใจออกมาทั้งหมด “ถ้าเป็นจริงๆ อ้ายก็ไม่ว่าหรอกนะคะ แค่อยากให้บอกกันบ้าง คือพี่ไอก็รู้ว่าคุณเล็กเขาเคยเป็นคนแบบไหนมาก่อน ทีแรกที่เขาเทียวไล้เทียวขือพี่ อ้ายก็ไม่ได้สนใจนัก เพราะพี่ก็ดูไม่สนใจเขาเท่าไหร่ แต่ตอนนี้อ้ายชักรู้สึกไม่มั่นใจแล้วค่ะ อ้ายเป็นห่วงจริงๆ นะ”
“อ้าย…” กมลเรียกน้องอึ้งๆ ด้วยไม่คิดว่าเธอจะกังวลใจถึงเพียงนี้
“อ้ายไม่ค่อยไว้ใจเขา พี่ก็รู้ว่าพวกผู้ชายเจ้าชู้เป็นยังไง อ้ายกลัวพี่ไอต้องเสียใจเหมือนที่อ้ายเคยเจอ”
ในดวงตาคู่งามที่คล้ายกันราวออกมาจากพิมพ์เดียวมีหยดน้ำตาเอ่อคลออยู่ในนั้น ทันทีที่เห็น กมลก็ดึงน้องสาวสุดที่รักเข้ามากอดแนบอก หทัยเองก็กอดซบอกอุ่นของพี่ชายเช่นเดียวกัน
“ใจเย็นๆ ก่อนยายตัวดี” กมลว่า “เรื่องราวมันยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น พี่กับเขายังไม่ได้เป็นอะไรกันเสียหน่อย”
“แต่อ้ายกลัว”
“ไม่ต้องกลัวนะ รู้ไหมว่าพี่เป็นใคร”
“ก็…” หทัยผละจากอ้อมกอดนิดๆ แล้วมองหน้าพี่ “เป็นพี่ของอ้ายไงคะ”
“ใช่แล้ว และพี่ก็เป็นลุงของเจ้าแสบด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว ไม่มีใครทำอะไรพี่ได้หรอก” กมลพูดยิ้มๆ
“ไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี่คะ”
“อ้าว ไม่เกี่ยวหรือ” กมลหัวเราะ ก่อนจะลูบหัวน้อง แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่ยอมรับว่าคุณเล็กเขาเข้ามาเพราะต้องการจะจีบพี่จริงๆ แต่เขาก็ไม่ได้รุกล้ำหรือทำให้พี่อึดอัดใจอะไรหรอกนะ เขาให้เกียรติและให้เวลาพี่ได้คิดว่าจะตัดสินใจยังไง ซึ่งการตัดสินใจทั้งหมดมันอยู่ที่พี่ อ้ายก็รู้จักพี่ดีใช่ไหม ถ้าพี่ไม่ชอบใจ ถ้าเขาไม่ใช่จริงๆ สุดท้ายพี่ก็ไม่มีทางเลือกเขาหรอกนะ”
“แต่พวกคนเจ้าชู้คารมดีนะคะ แถมเอาใจเก่งด้วย”
“หึๆ ก็จริง” พอคิดถึงคนที่เป็นประเด็นแล้ว กมลก็นึกขำ “แต่สมมติถ้าชอบและตัดสินใจเลือกเขาเพราะเอาใจเก่ง พูดจาหวานๆ แค่นั้น พี่ก็ไม่สมควรได้เจอคนจริงใจหรอกจริงไหม คนจะรักกันมันมีอะไรหลายๆ อย่างประกอบมากกว่านั้น เอาเป็นว่าถ้าใช่ก็คือใช่นั่นแหละ”
“แล้วคุณเล็กเขาใช่สำหรับพี่ไหมคะ”
เมื่อได้ยินคำถามนี้กมลก็นิ่งไป เพราะเขาเองก็ยังไม่แน่ใจในคำตอบเท่าไร “ไม่รู้สิ พี่ก็ยังดูๆ อยู่”
“ดูให้ดีๆ นะคะพี่ไอ อ้ายไม่ไว้ใจเขาเลย”
“จ้า พี่รู้แล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า”
“เป็นห่วงสิคะ” เธอว่า “ว่าแต่พี่ไอกินอะไรมาหรือยังคะ หิวไหม”
“ไม่หิว ง่วงมากกว่า แต่ต้องไปจัดกระเป๋าด้วยเนี่ยสิ”
“อ้ายช่วยจัดให้บ้างแล้วค่ะ พี่ไอไปเช็คอีกทีนะว่าของครบไหม แต่ถ้าไปแล้วขาดเหลืออะไร อ้ายจะตามเอาไปให้วันที่ไปบ้านรักนะคะ” หลังจากเสร็จสิ้นโครงการในหมู่บ้านป่างามจะเป็นเวลาพอดีกับช่วงวันสงกรานต์ ซึ่งปีนี้ครอบครัวของกมลนัดไปเที่ยวบ้านส่วนของคุณพ่อจงรักที่เชียงใหม่ โดยทุกคนจะไปรอที่นั่นในวันหยุด พอเขาเสร็จภารกิจเมื่อใดก็จะตามไปทันที
“ขอบใจมากนะ น้องของพี่น่ารักที่สุดเลย เดี๋ยวพี่ไปดูอีกที ว่าแต่เราก็ดูเด็กๆ คนเดียวไหวนะ ไหนจะขึ้นเครื่องอีก”
“ไหวค่ะ พี่ไอไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“ถ้ามีอะไรรีบโทรหาจงรักเลยนะ พี่ฝากรักกับเมฆไว้แล้ว”
“รู้แล้วค่ะ” หทัยรับคำ
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันขึ้นห้องเถอะ เราก็พักผ่อนได้แล้ว พี่เองก็จะอาบน้ำนอนเหมือนกัน พรุ่งนี้ต้องไปแต่เช้า”
“งั้นฝันดีนะคะพี่ไอ”
“ฝันดีเหมือนกัน” กมลรับคำ ก่อนแยกจากน้องสาวแล้วขึ้นห้องส่วนตัว
เมื่อมาถึงห้อง ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มือเรียวจึงล้วงมันออกมามองหน้าจอ ก่อนกดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
“ครับคุณเล็ก”
[ผมถึงบ้านแล้วนะ]
“ถึงเร็วนะครับ”
[ก็บอกแล้วว่าบ้านเราอยู่ไม่ไกลกันเท่าไร ว่าแต่คุณทำอะไร อาบน้ำจัดกระเป๋าหรือยัง]
“อ้ายจัดกระเป๋าไว้ให้แล้ว ผมก็เลยกำลังจะอาบน้ำ”
[งั้นก็ทำธุระของคุณเถอะ จะได้รีบนอนไวๆ]
“คุณก็ด้วย”
[ครับ] เงียบไปนิด แล้วณธิปก็ว่าต่อ [ฝันดีนะครับคุณไอ]
“ครับ”
[แค่ครับเฉยๆ หรือ] ปลายสายประท้วง เพราะตั้งแต่ที่เขาเคยพูดไปครั้งแรก นับจากนั้นณธิปก็ต้องโทรมาให้เขาบอกเช่นนี้ทุกคืนจนกลายเป็นความเคยชิน
“ต้องให้ผมพูดทุกวันเลยหรือไงครับ”
[แน่นอน]
“ฝันดีครับ พอใจหรือยัง”
[พอใจแล้วครับ] อีกฝ่ายว่าอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าอย่างนั้นผมวางแล้วนะ”
[ครับ…เจอกันพรุ่งนี้]
“แล้วเจอกันครับ”
กมลกดวางสายเมื่อพูดจบ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน มองกองสัมภาระที่วางอยู่บนพื้น มองประตูห้องน้ำที่อยู่ไม่ห่างไปเท่าไร ก่อนจะเคลื่อนสายตามาหยุดที่โทรศัพท์ในมือซึ่งหน้าจอไม่มีชื่อของคนคนนั้นปรากฏแล้ว
ที่บอกกับหทัยไปว่าการตัดสินใจทุกอย่างเป็นสิทธ์ขาดของเขาคนเดียว มันเป็นความจริง แต่กมลชักไม่มั่นใจแล้วว่าการตัดสินใจที่ว่านั่นจะเป็นหัวหรือเป็นก้อย เพราะทุกๆ วัน อะไรหลายๆ อย่างมันผันเปลี่ยนไปด้วยตามเวลา กระทั่งตอนนี้ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าระหว่างเขากับณธิปเริ่มสนิทใจกันถึงขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด เพราะเหมือนความสัมพันธ์มันค่อยๆ ซึมลึกเข้ามาทีละนิด รู้ตัวอีกที เขาก็สามารถบอกว่าฝันดีได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจอีกแล้ว
วันพรุ่งนี้ตัวเขาจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะคนคนนั้นมากแค่ไหนกันนะ…นี่คือสิ่งที่กมลสงสัย แต่ก็สุดจะคาดเดา คงมีเพียงเวลาที่นำพาไปให้ถึงวันข้างหน้าเท่านั้น
<><><><><><><><><><><><><>><>><>><>><>><>>
วันศุกร์มาแล้ว คุณไอกับคุณเล็กก็มาแล้วเช่นกัน
ตอนหน้าไปตะลุยนอกสถานที่กันแล้ว
รอติดตามได้วันศุกร์หน้าเหมือนเดิม
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและเม้นให้กำลังใจนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
ละอองฝน.