คุณคือความรัก บทที่ 31
ณธิปยังจำภาพใบหน้าสะเทิ้นอาย แววตาวูบไหว พวงแก้มแดงก่ำ และริมฝีปากฉ่ำๆ ของคนที่ถูกชิงจูบได้ดี มันน่ามองและดึงดูดเสียจนเขาเกือบห้ามตัวเองไม่ไหว คิดอยากทำอะไรมากกว่านั้น แต่เพราะมันเป็นครั้งแรกระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ชายหนุ่มจึงต้องตัดใจถอยออกมาให้กมลมีพื้นที่หายใจเสียก่อน ถึงแม้กมลจะอ่อนลง หากเขาก็กลัวว่าการรุกมากเกินไปจะทำให้คนหน้าหวานตระหนก
หลังจากเกิดเหตุการณ์ให้หัวใจได้หวามไหวชั่วครู่ พวกเขาก็ดับไฟและแยกย้ายกันนอนคนละฟูก ณธิปนอนจ้องแผ่นหลังของคนหน้าหวานอยู่กว่าค่อนคืน สุดท้ายก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
ดังนั้นวันนี้ณธิปตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นแจ่มใสและหัวใจพองโตไปตลอดวัน ทว่ามันกลับแปลกที่ณธิปไม่ได้แจ่มใสขนาดนั้น ซึ่งสาเหตุก็มาจากคนคนเดิมอีกเช่นกัน
“คุณเล็กดื่มกาแฟอย่างเดียวพอหรือคะ วันนี้ต้องทำกิจกรรมกับเด็กๆ และชาวบ้านตั้งแต่เช้าไปถึงเที่ยง แทบไม่มีเวลาพักเลย ให้เจี๊ยบตักข้าวต้มให้ดีไหมคะ” เลขานุการสาวเอ่ยกับเจ้านายด้วยความเป็นห่วง เพราะตารางวันนี้ค่อนข้างหนัก เธอกลัวว่าณธิปจะหมดแรงเสียก่อน
“ฉันไม่หิว” ชายหนุ่มปฏิเสธโดยที่ดวงตารีเรียวจ้องมองไปที่ใครอีกคนซึ่งวุ่นวายอยู่ในโรงครัว
เช้านี้กมลตื่นมาทักทายเขาตามปรกติ ก่อนจะไปล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าช่วยงานที่โรงครัวอย่างขยันขันแข่ง เมื่อครู่ตอนที่เจี๊ยบเข้าไปขอกาแฟมาให้ เจ้าตัวก็เป็นคนชงเองกับมือ ทุกอย่างที่เห็นดูเหมือนจะดี แต่ณธิปรู้ว่ามันไม่ดี
กมลยังคงเป็นกมล ไม่เขินอาย ไม่หลบสายตา ไม่พูดตะกุกตะกัก หรือทำตัวไม่ถูกกับเขา คล้ายเป็นคนละคนกับผู้ชายแก้มแดงที่ใช้ผ้าห่มเป็นเกาะกำบังเมื่อคืน ความปรกติที่เกิดขึ้นมันทำให้ณธิปรู้สึกคันยิบๆ ในหัวใจ เหมือนกับว่าเหตุการณ์ที่จูบกันนั้น เขาแค่ฝันไปคนเดียว ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
เพราะกมลไม่มีทีท่าหวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่สักพัก ขณะพยายามคิดว่าตัวเองพลาดที่ตรงไหน คู่กรณีของเขาก็เดินเข้ามาที่เต็นท์ พร้อมกับวางถ้วยข้าวต้มหมูบนโต๊ะสนามสองถ้วย
“อะไรครับ” ณธิปมองข้าวต้มหมูควันฉุยแวบหนึ่ง ก่อนเงยหน้าขึ้นถาม
“เห็นเจี๊ยบบอกว่าคุณดื่มกาแฟไปแค่ถ้วยเดียว ผมก็เลยตักมาเผื่อ” กมลว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ผมไม่หิว”
“ทานสักหน่อยสิครับ วันนี้ต้องเหนื่อยแน่ๆ ถึงตารางจะบอกว่าไปเปิดโครงการและถ่ายรูปกับเด็กๆ พอเป็นพิธี แต่คงมีกิจกรรมหลายอย่างที่เราต้องทำ เห็นว่ามีให้ช่วยทำแปลงปลูกผักในโครงการอาหารกลางวันด้วยนะ”
“ปรกติผมไม่กินข้าวเช้าอยู่แล้ว” ณธิปบอก เพราะปรกติเขาดื่มแค่กาแฟดำในมื้อเช้า จะไปหนักเอาตอนมื้อกลางวันมากกว่า
“ผมก็ไม่ค่อนกินอะไรหนักๆ ตอนเช้าเหมือนกัน แต่วันนี้ต้องกิน คุณก็ฝืนกินสักหน่อยสิ อร่อยนะ” หนุ่มหน้าหวานบอกหลังจากเคี้ยวคำแรกหมดปาก
ครั้นถูกคะยั้นคะยอขนาดนี้ ณธิปก็จำเป็นต้องตักกินสักหน่อย อย่างน้อยก็จะได้ไม่เสียน้ำใจคนที่ยกมาให้เองกับมือ ข้าวต้มหมู่ร้อนๆ รสชาติกลมกล่อมและอร่อยกว่าที่ณธิปคิดไว้ เขาจึงกินได้โดยไม่ฝืนใจเหมือนทีแรก
“คุณช่วยพวกพนักงานทำหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก ผมทำไม่เก่ง กลัวคนอื่นไม่อร่อย” กมลปฏิเสธ
“คุณเนี่ยนะทำไม่อร่อย” เพราะเคยกินอาหารฝีมือของกมลมาแล้ว ณธิปจึงไม่เชื่อคำพูดถ่อมตนของคนคนนี้เท่าไร
“ผมทำได้ก็จริง แต่ทำในปริมาณเยอะไม่ได้ครับ กะไม่ถูกว่าต้องปรุงในสัดส่วนเท่าไหร่ ให้คนที่ทำอาหารเป็นน่ะดีแล้ว”
“อืม” ณธิปตอบรับสั้นๆ พลันสายตาก็เลื่อนไปหยุดมองริมฝีปากที่กำลังเป่าลมไล่ความร้อนจากข้าวในช้อน พอมองแล้วก็อดคิดถึงความรู้สึกอุ่นและนุ่มนิ่มของมันไม่ได้
อยากสัมผัสอีกครั้ง…
ทว่าคนเจ้าเล่ห์ก็ได้แต่คิด เพราะสถานการณ์ตอนนี้ไม่เอื้อให้ฉวยโอกาสจากคนหน้าหวานได้ อีกอย่างเขายังรู้สึกหน่วงๆ จากท่าทางปรกติของกมลอยู่เลย
ดูเหมือนณธิปจะเผลอจ้องกมลนานเกินไป เพราะคนใจร้ายรู้สึกตัวเสียแล้ว “มีอะไรครับ”
“ไม่มีอะไร”ณธิปบอกปัด
“อ้อ…” กมลรับคำสั้นๆ แต่แววตาดูเคลือบแคลงสงสัยนิดๆ หากเจ้าตัวก็ไม่เอ่ยถาม แต่ตัดข้าวต้มเข้าปากเร็วๆ แทน
“ทำไมรีบกินขนาดนั้น”
“อีกเดี๋ยวเราต้องไปที่โรงอาหารใหม่ของเด็กๆ แล้วครับ ใกล้เวลาแล้ว”
“งั้นหรือครับ” ณธิปพลิกข้อมือดูนาฬิกาจึงเห็นว่าเป็นเช่นที่กมลบอกจริงๆ
“คุณเองก็รีบกินเถอะนะ จะได้ไปเตรียมตัวกัน” เมื่อถูกเร่ง ณธิปจึงจำต้องวางเรื่องส่วนตัวลงและทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก่อน
“ครับ”
โรงอาหารเด็กๆ จากโรงเรียนบ้านป่างามถูกสร้างขึ้นใหม่จากงบประมาณที่ NP Group จัดให้ทางโรงเรียน และนอกจากจะมีงบจัดสรรให้แล้ว ตัวโครงการยังมีรายละเอียดต่างๆ ที่สนับสนุนให้ทางโรงเรียนสามารถผลิตอาหารด้วยตนเอง อย่างเช่นการส่งเสริมให้มีการเลี้ยงแม่ไก่พันธุ์ไข่ ทำโครงการผักสวนครัวของน้องเพื่อทานในโรงเรียน ซึ่งถ้าผลผลิตมากก็จะจัดหาตลาดในการกระจายสินค้าให้แก่เด็กๆ ด้วย
อีกโครงการที่ทำเป็นโครงการสื่อการเรียนการสอน โดยมีการมอบอุปกรณ์ทางการศึกษาที่ขาดเหลือ เช่นคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา และยังมีเครื่องมือสื่อสารทางไกลผ่านดาวเทียมที่เชื่อมต่อกับคุณครูพิเศษ โดยโครงการนี้จะเป็นรูปแบบเดียวกันกับทุกโรงเรียนที่ทาง NP Group ดูแลอยู่
เริ่มแรกของกิจกรรมในวันนี้คือการเปิดโรงอาหารใหม่ ตามมาด้วยการช่วยกันทำแปลงผักสวนครัว จากนั้นจึงต่อไปที่การให้ความรู้เด็กๆ ในการเลี้ยงไก่แม่ไข่อีกด้วย
แม้ทาง NP Group จะเคยทำโครงการประเภทนี้มาจนนับไม่ถ้วน ทว่าณธิปไม่เคยออกไปทำโครงการด้วยตัวเองสักครั้ง เขาพอเดาออกว่างานการกุศลประมาณนี้เป็นเช่นไร แต่พอมาสัมผัสด้วยตัวเอง ยามที่เด็กๆ ตั้งใจเรียนรู้เพื่อปากท้องของตัวเองในอนาคต หรือเวลาที่พวกชาวบ้านและคุณครูเข้ามาเอ่ยขอบคุณด้วยแววตาซึ้งใจ ณธิปคิดว่ามันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ดีมากทีเดียว เนื่องจากมันทำให้เขาได้เห็นว่าตัวเองมีกำลังทำอะไรเพื่อคนอื่นมากแค่ไหน
มันทำให้ณธิปเห็นคุณค่าในตัวเองมากกว่าที่เคยเห็นมาทั้งชีวิต
หลังจากเปิดห้องคอมพิวเตอร์ใหม่และสาธิตการเชื่อมต่อการเรียนการสอนผ่านดาวเทียมเรียบร้อย ทุกคนก็ได้มีโอกาสใช้โรงอาหารใหม่ร่วมกัน ตั้งแต่เด็กๆ คุณครู ชาวบ้านบางส่วน ไปจนถึงคณะที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ
โต๊ะทานอาหารตัวยาวที่สร้างขึ้นมาใหม่ถูกจับจองแน่นขนัด แต่ทุกคนก็พร้อมแบ่งปันรอยิ้มให้กันและกันโดยที่ไม่มีใครบ่นว่าร้อนหรืออึดอัดเลยสักคนเดียว
ณธิป ผู้ใหญ่บ้านและครูใหญ่ถูกจัดให้นั่งฝั่งหัวโต๊ะตัวหน้าสุด ระหว่างที่คุยเรื่องการเรียนการสอนและทิศทางการศึกษาของเด็กๆ ณธิปก็คอยลอบสังเกตคนที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตั้งแต่ได้พบเด็กๆ กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เลิกเดินดูแลเด็กคนนั้นคนนี้
ใบหน้าหวานๆ ของชายหนุ่มดูอ่อนโยนจนบางทีก็อดหวงไม่ได้ ทว่าณธิปก็ต้องข่มใจ เพราะรู้ดีว่ากมลรักเด็กยิ่งกว่าอะไร เขาขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มสุขใจของกมลเป็นการตอบแทน ไม่ว่าขัดเคืองใจเรื่องใดก็มองข้ามไปได้หมด
“หลังจากนี้ผมจะติดตามผลของโครงการเรื่อยๆ ถ้าหากว่าทางโรงเรียนมีปัญหาอะไรสามารถแจ้งได้ทันทีเลยนะครับ” ณธิปบอกกับครูใหญ่หลังจากทานอาหารเสร็จ
“ขอบคุณครับ คุณณธิป”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ พวกเราพอช่วยได้ก็ถือว่าช่วยกันครับ เด็กๆ จะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”
“ผมขอบคุณแทนเด็กๆ จริงๆ” คุณครูใหญ่ว่า ณธิปจึงได้แต่ยิ้มรับ
“ยังไงเดี๋ยวผมต้องขอตัวไปในหมู่บ้านก่อนนะครับ พวกแม่บ้านคงรออยู่ พอดีผมนัดคุยเรื่องผ้าทอไว้”
“เชิญครับๆ” เห็นว่าคนคิวยุ่งไม่มีเวลา ครูใหญ่จึงไม่รั้งไว้อีก ทว่าก่อนที่ณธิปจะเข้าไปชวนกมลให้ไปด้วยกัน ครูใหญ่ก็เรียกณธิปไว้ก่อน เพื่อจะแจ้งเรื่องสำคัญ “คุณณธิปครับ”
“ครับ?”
“คืนนี้ผมและพวกชาวบ้านจะจัดเลี้ยงคุณกับคณะฯ จะมีการแสดงเล็กๆ น้อยๆ จากเด็กๆ ด้วย ไม่ทราบมีใครแจ้งคุณหรือยังครับ”
“ยังเลยครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ผมเป็นตัวแทนเชิญคุณเลยแล้วกันนะครับ”
“ด้วยความยินดีครับ ว่าแต่งานจะเริ่มประมาณกี่โมง ผมจะได้แจ้งกับทุกคนอีกครั้ง”
“ประมาณหนึ่งทุ่มตรงครับ ที่ลานรวมของหมู่บ้าน” เพราะสนามโรงเรียนถูกจับจองโดยเต็นท์ของคณะเดินทาง สถานที่จัดเลี้ยงจึงเป็นที่ลานรวมของหมู่บ้านแทน
“ครับ ผมกับทุกคนในคณะฯ จะไปร่วมแน่นอน ขอบคุณมากนะครับ” เมื่อรับปากเรียบร้อยณธิปก็หันไปหาเลขาฯ ส่วนตัวซึ่งยืนคุยบางอย่างอยู่กับกมลและเด็กหญิงคนหนึ่ง ท่าทางกำลังสนุกได้ที่ เพราะกมลยิ้มจนตาแทบปิดให้เด็กน้อยคนนั้น
เมื่อเลขาฯ คนเก่งเห็นเขาเดินเข้าไปหา เธอจึงรีบถามทันที “คุณเล็กมีอะไรให้เจี๊ยบทำหรือเปล่าคะ”
“คืนนี้ครูใหญ่กับชาวบ้านจะเลี้ยงอาหารค่ำพวกเรา พร้อมกับมีการแสดงของเด็กๆ ให้ดูด้วย เจี๊ยบไปกระจายข่าวบอกทุกคนทีว่าทุกคนได้รับเชิญ”
“แล้วพวกนักข่าวล่ะคะ เห็นว่าบางคนจะกลับกันบ่ายนี้ เพราะต้องรีบกลับไปทำข่าวนั้นน่ะค่ะ…” ตรงประโยคหลังเจี๊ยบเบาเสียงลงเล็กน้อย
“ก็ชวนไปด้วย แต่บอกว่าไม่บังคับ ใครอยากอยู่ก็อยู่ ใครจะกลับก็ตามกำหนดการเดิม เราจะให้รถไปส่งที่สนามบิน”
“ได้ค่ะ เจี๊ยบจะรีบจัดการให้ แต่ว่าตอนนี้คุณเล็กต้องรีบแล้วนะคะ กลุ่มแม่บ้านคงรอแล้วค่ะ”
“ได้ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้” เมื่อตกลงกับเลขาฯ ส่วนตัวเรียบร้อย ณธิปก็เข้าไปหากมลที่เพิ่งบอกลาเด็กน้อยคนนั้นไปพอดี
“มีอะไรกันหรือครับ” กมลถามขึ้น เพราะเห็นว่าณธิปยืนคุยกับครูใหญ่อยู่นานสองนาน
“คืนนี้จะมีงานเลี้ยงที่พวกชาวบ้านจัดให้พวกเราน่ะ ครูเขาก็เลยเชิญไป มีการแสดงของเด็กๆ ด้วยนะ”
“จริงหรือครับ ดีจังเลย” กมลยิ้มกว้างจนแก้มบุ๋ม แม้จะรู้สึกเกรงใจพวกชาวบ้านและคณะครู แต่ก็ไม่คิดปฏิเสธเพราะรู้ว่าทุกคนตั้งใจจัดให้เพื่อเป็นการขอบคุณ
“อืม” ณธิปรับคำ ก่อนถาม “ว่าแต่เมื่อกี้คุณคุยอะไรกับเด็ก เห็นยิ้มหวานเชียว”
“อ๋อ เด็กๆ เขาชวนไปเล่นน้ำตกที่ท้ายหมู่บ้านน่ะครับ น้ำตกที่ผู้ใหญ่บ้านบอกเราเมื่อวานไง”
“อย่างนั้นหรือ”
“ครับ นี่ผมก็กำลังจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” กมลว่า ก่อนจะเอ่ยปากชวน “คุณอยากไปด้วยกันไหมครับ”
“เห็นสนใจแต่เด็กๆ นึกว่าจะไม่ชวนผมเสียแล้ว” ท่าทางแง่งอนนั่นไม่ได้น่ารักเหมือนเด็กทำเลยสักนิด มีแต่ทำให้กมลนึกขำมากกว่า
“หึๆ” คนหน้าหวานหัวเราะเบาๆ “ว่าแต่จะไปไหมครับ”
“ไปสิ” ไม่ต้องเสียเวลาคิด ณธิปก็รับปากทันที ”แต่ผมต้องไปคุยเรื่องผ้าทอกับพวกกลุ่มแม่บ้านก่อน คุณไปกับผมก่อนนะ เสร็จแล้วเราจะได้เดินไปน้ำตกพร้อมกัน”
“อืม…” กมลทำท่าคิดเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าตกลง “ก็ได้ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อน จากนั้นค่อยรีบไปพบกลุ่มแม่บ้านดีไหม”
“ครับ” ครั้นกมลพยักหน้ารับแล้ว พวกเขาจึงเดินกลับเต็นท์ไปด้วยกัน
เมื่อณธิปและกมลไปถึงบ้านที่กลุ่มแม่บ้านนัดไว้ พวกเขาก็พบว่าทุกคนมาคอยอยู่แล้ว โดยมีผลงานที่ทำเก็บไว้ขายส่งให้ตลาดกลางเมืองเชียงใหม่มากมายวางไว้ให้ทั้งสองดูตัวอย่าง
ณธิปสนใจผ้าทอพื้นเมืองเหล่านี้เพราะมันน่าจะนำไปใช้กับโรงแรมของเขาได้ ซึ่งพอได้เลือกดูลายและสีใกล้ๆ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจสั่งออเดอร์ กับกลุ่มแม่บ้านทันที
“ผมจะให้เลขาฯ ถ่ายรูปทั้งหมดไปเลือกที่กรุงเทพฯ หลังจากนั้นจึงจะสั่งแบบและสีที่ใช้กับโรงแรมของผมได้อีกครั้งนะครับ ออเดอร์อาจจะมากหน่อย ถ้าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ก็แจ้งกับทางเราได้เลย”
ณธิปอยากได้ผ้าไปประดับโรงแรมในเครือสาขาเชียงใหม่ เพราะนอกจากเขาจะได้ผ้าที่มีลายเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังสามารถสร้างงานให้ชาวบ้านป่างามเพิ่มอีกด้วย
“ขอบคุณนะคะคุณ” พวกเธอเอ่ยด้วยความดีใจ
“ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเราทำงานร่วมกัน ถ้ามีตรงไหนสงสัย ถามคุณเจี๊ยบ เลขาฯ ของผมได้เลย เธอจะตอบทุกอย่าง”
เมื่อดูงานและสั่งการเรียบร้อย ณธิปก็พากมลออกมาจากตัวบ้าน พวกเขาสองคนเดินเคียงกันไปถึงน้ำตก โดยมีบอดี้การ์ดของณธิปเดินตาม แม้ความจริงณธิปอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ ทว่าเพื่อความปลอดภัย เขาจึงยอมให้คนอารักขาตามมาด้วย
ทันทีที่มาถึงพวกเขาก็ได้ยินเสียงเด็กๆ ดังโหวกเหวกมาก่อนตัว จากตรงนี้กมลก็ก้าวขาเร็วๆ เข้าไปหาเด็กน้อยที่ชาวเขา โดยทิ้งเพื่อนร่วมทางไว้ด้านหลัง
“ทิ้งกันเลยนะ” ณธิปบ่นอิบอุบเล็กน้อย ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินตามไป
สาวน้อยคนนั้นพากมลไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆ ของเธอที่น้ำตกชั้นหนึ่ง มันมีลักษณะเป็นแอ่งกว้าง ไม่สูงและไม่ลึกมากนัก จึงปลอดภัยสำหรับเด็กๆ
ณธิปไม่ได้ลงไปเล่นน้ำอย่างที่บอก ความจริงเขาไม่ได้คิดว่าอยากเล่นเลยสักนิด เพียงแต่ตามมาเพราะอีกฝ่ายชวนเท่านั้น ชายหนุ่มจึงเลือกเดินไปนั่งอยู่ใต้ต้นทองกวาวที่ขึ้นอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้นเท่าใด ด้วยตรงจุดนี้เป็นจุดที่มองเห็นกมลได้ชัดที่สุด
หนุ่มหน้าหวานที่กำลังเล่นน้ำกับเด็กๆ จนดูคล้ายจะกลายเป็นเด็กไปอีกคน ยามนี้ณธิปมองไม่เห็นภาพคุณไอสุดเนี้ยบของทุกคนเลยสักนิด ตรงกลางกลุ่มเด็กชาวเขามีเพียงผู้ชายยิ้มสวยท่าทางใจดีคนหนึ่งเท่านั้น
กระทั่งเวลาผ่านไปพักใหญ่ ดูเหมือนคุณไอคนดีจะเพิ่งนึกได้ว่าพาณธิปมาด้วย เจ้าตัวจึงเดินกลับมาที่ชายฝั่ง แล้วเอ่ยเรียกคนที่นั่งหลับตาพิงต้นทองกวาว
“คุณเล็กครับ”
“หืม?” ณธิปลืมตาขึ้นมาทันที เพราะเขาแค่พักสายตาเท่านั้น ไม่ได้หลับไปจริงๆ
“คุณกลับเต็นท์ไปก่อนดีไหม ผมเกรงใจ ไม่ต้องนั่งรอหรอกครับ”
“ไม่เป็นไร ผมจะกลับพร้อมคุณ” ณธิปบอก
“ถ้าอย่างนั้นมาเล่นน้ำด้วยกันไหมครับ”
“ไม่เอาล่ะ คุณเล่นกับเด็กๆ เถอะ” ณธิปเอ่ยปฏิเสธ
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่ถ้าคุณจะกลับก่อนก็ไม่เป็นไรนะ แต่ตะโกนบอกผมหน่อย ผมจะได้รู้ว่าคุณกลับ…แล้ว” กมลเอ่ย ทว่าท้ายประโยคปากของชายหนุ่มสั่นเล็กน้อย เสียงจึงสั่นตามไปด้วย
“คุณไอ”
“ครับ?”
“คุณหนาวหรือเปล่า ทำไมปากสั่นอย่างนั้น” ณธิปเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“นิดหน่อยครับ เพราะเดินขึ้นมาบนนี้เลยโดนลมพัด แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ” คนหน้าหวานว่า
“ได้ยังไงล่ะ” ณธิปขมวดคิ้ว ก่อนจะลุกจากที่นั่งแล้วเดินลงไปหากมลในน้ำ
“ลงมาทำไมคุณเล็ก ผมไม่เป็นไรจริงๆ”
“แต่ปากคุณซีดแถมยังสั่นแล้วนะ” ณธิปเอ่ยประโยคนี้ตอนเดินมาถึงตัวกมลแล้ว
“ผมไม่…”
เสียงที่กำลังจะเอ่ยออกมาขาดหายไปทันทีที่อุ้มมือหนาคว้าจับเข้าที่ปลายคาง ก่อนนิ้วโป้งอุ่นๆ ของคนตัวสูงกว่าจะค่อยๆ ลากไล้ผ่านริมฝีปากเรียวซึ่งสั่นน้อยๆ ของกมล
“ดูสิ ปากคุณเย็นไปหมด”
ณธิปทำเสียงจิ๊จ๊ะราวกับขัดใจเสียเต็มประดา ทว่าการกระทำของเขากลับทำให้กมลรู้สึกว่าความหนาวเย็นถูกผลักออกไปโดยพลัน ซ้ำยังแทนที่ด้วยความเห่อร้อนซึ่งมากขึ้นทุกทีที่นิ้วร้ายๆ นั่นแตะต้องริมฝีปาก เนื่องจากมันย้ำให้ภาพที่พยายามไม่นึกถึงผุดขึ้นมาในสมอง
“ไอ…คุณกำลังจะเป็นไข้หรือเปล่า”
“ทะ…ทำไมครับ” เสียงเบาหวิวเอ่ยถาม
“หน้าคุณแดงมาก แถมตัวเริ่มร้อนแล้ว”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร คุณเอามืออกจากปากผมสักที”
กมลยกมือขึ้นคว้ามือของณธิปที่เชยคางของตนเองไว้ ด้วยคิดจะดึงให้อีกฝ่ายเลิกแตะตัวเขาแบบนี้ ทว่าทันทีที่ดวงตารีเรียวของณธิปเบิกกว้างเล็กน้อยเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง มืออีกข้างที่ว่างก็คว้าเอวของกมลให้ขยับเข้ามาชิดแทน
“คุณเล็ก…!!”
เนื่องจากหินที่อยู่ในน้ำค่อนข้างลื่น คนที่ทรงตัวไม่ดีจึงถลาเข้าไปแนบชิดคนฉวยโอกาสจนหน้าเกือบจะซุกอกอีกฝ่ายอยู่รอมร่อ
“หึๆ ผมนี่มันบ้าจริงๆ” ทั้งที่ณธิปกำลังว่าตัวเอง แต่เสียงที่กมลได้ยินกลับดูเหมือนชายหนุ่มยินดีเป็นคนบ้าเสียเต็มประดา
“คุณเล็ก…ปล่อยผมได้แล้วครับ”
“หึ” นอกจากณธิปไม่ฟัง ชายหนุ่มยังหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย ก่อนจะโน้มตัวลงมาคล้ายต้องการจุมพิตอย่างไรอย่างนั้น
ภาพที่ตัวเองเสียรู้ให้ณธิปเมื่อคืนแล่นเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ กมลหลับตาปี๋ทันทีด้วยสัญชาตญาณ เพราะคิดว่ามันอาจกำลังเกิดขึ้นอีก แต่แทนที่เขาจะถูกสัมผัสตรงตำแหน่งเดียวกับเมื่อคืน กมลกลับรู้สึกถึงลมร้อนที่เป็นรดกกหูแทน
“นี่เป็นการลงโทษที่คุณ…เก็บความรู้สึกเก่งเกินไป” พูดจบณธิปก็แตะริมฝีปากลงบนแก้มนิ่ม ตำแหน่งที่เดิมเคยมีลักยิ้มบุ๋มๆ ปรากฏยามที่คนหน้าหวานยิ้ม
“…” กมลยืนแข็งทื่อ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ท่ามกลางเสียงน้ำตกและเสียงลมพัดใบไม้ อยู่ๆ เสียงเด็กๆ ที่เหมือนขาดหายไปในตอนแรกก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นทำนองเดียวกันว่า
“
แก้มตังใด ตังซ้ายว่าตังขวา แก้มซ้ายหอมแล้วตะวา แก้มขวาหอมแล้วตะคืน~ แก้มตังใด ตังซ้ายว่าตังขวา แก้มซ้ายหอมแล้วตะวา แก้มขวาหอมแล้วตะคืน~ ”
“ฮ่าๆๆ”
คนหน้าไม่อายหัวเราะลั่น กมลจึงได้สติแล้วดิ้นพาตัวเองออกมาจากอ้อมกอด จากนั้นก็วักน้ำใส่ณธิปไม่ยั้งจนอีกฝ่ายเปียกไปหมด ก่อนจะเดินขึ้นจากน้ำเพื่อกลับที่พัก
“เดี๋ยวสิคุณ! จะกลับแล้วหรือครับ”
“กลับแล้ว” กมลตอบห้วนๆ โดยไม่หันกลับไปมองเพราะเพลงที่เด็กๆ ร้องยังคงดังอยู่
“
แก้มตังใด ตังซ้ายว่าตังขวา แก้มซ้ายหอมแล้วตะวา แก้มขวาหอมแล้วตะคืน~ แก้มตังใด ตังซ้ายว่าตังขวา แก้มซ้ายหอมแล้วตะวา แก้มขวาหอมแล้วตะคืน~”
เมื่อเช้าเขาสู้อุตส่าห์อดกลั้นไม่แสดงอาการผิดปรกติออกมา หวังว่าณธิปจะได้เลิกพูดถึงให้เขาได้อาย แต่ไม่นึกเลยว่าจนแล้วจนรอด ก็ต้องเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาอดทนเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี มิหนำซ้ำคราวนี้มีคนเห็นเยอะแยะอีกด้วย
คนหน้าไม่อายเอ้ย!…กมลก่นด่าในใจ ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินหนีให้ไวที่สุด คราวนี้ไม่ว่าจะเป็นปาก แก้มซ้ายหรือแก้มขวา เขาก็ไม่รู้ด้วยแล้ว
<
><><><><><><><><><><><><><>
คุณเล็ก! คนหน้าไม่อาย คนอยู่เยอะแยะ ทำอะไรประเจิดประเจ้อมากๆ
ไว้ทำลับหลังกันสองคนสิเนอะคุณไอ /โดนข่วน 55555
ช่วงนี้ฝนยุ่งค่ะ แต่พยายามจะมาลงวันศุกร์ให้ได้เหมือนเดิม เรานัดกันวันศุกร์นะ
แต่ถ้าศุกร์ไหนมาไม่ได้จะแจ้งในเพจนะคะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
ปล.เพลงที่ใช้เป็น เพลง ม๊ะฮื้อหอมแก้มกำ ของศิลปิน ป้อต่อน ลูกตูน ค่ะ
ละอองฝน.