SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: SIDELINE. ผมเป็นเด็กเสี่ย (21.03.21) ตอนพิเศษ อาถรรพ์ดินเนอร์ (1) [Updated]  (อ่าน 128819 ครั้ง)

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
12th Night : ความเชื่อใจ


เพราะมีคาบเรียบแค่วิชาเดียว หลังจบคลาสตอนเช้า ทั้งวันที่เหลือจึงกลายเป็นเวลาว่างให้แหล่านักศึกษาเลือกใช้สอยตามอัฐยาศัย ไม่ว่าจะออกเที่ยวไกลๆ หรือทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย หลายคนจึงดูครึกครื้นเป็นพิเศษ เขาและกลุ่มเพื่อนก็ควรเป็นหนึ่งในนั้น หากไม่ติดว่าแม็กมีกิจกรรมชมรมบางอย่างที่ต้องรับผิดชอบ


แต่ด้วยอยู่นิ่งไม่เป็นของจีจี้ เจ้าหล่อนก็อุตส่าห์สรรหากิจกรรมในมหาวิทยาลัยทำฆ่าเวลาจากแวดวงผองเพื่อน ซึ่งแทนที่จะได้พัก สุดท้ายก็เป็นเขาที่ถูกเธอลากถูลู่ถูกังให้ไปไหนมาไหนกับเธอ


“ได้ข่าวมาว่าวันนี้มีแคสละครของศิลปศาสตร์ ฉันอยากคัดตัว ไปสมัครด้วยกันหน่อยนะตุลย์” จีจี้ว่าไปพลางกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ


เรื่องที่เขาว่าคนสวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด เห็นว่าจะจริง


“...ฉันไม่เคยเล่นละคร”


“ก็ไปลองดูหน่อย แคสเล่นๆ น่าไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก”


“ไม่ได้เตรียมบทมา...”


“เดี๋ยวค่อยไปคิดๆ เอาหน้าห้องก็ได้น่า”


“ร้องเพลงไม่...”


ยังไม่ทันฟังจนจบ เธอก็ตัดบทคว้าแขน ดันหลังเขาแบบมัดมือชก


“เอาเถอะๆ เดี๋ยวจี้คิดให้หมดเลย ไม่ต้องห่วงนะ มาเร็วๆ จะได้เวลาเปิดรับแล้ว!”


เอาเข้าจริงไอ้เจ้าเหตุผลที่พูดๆ ไปเมื่อกี้ก็แค่เพราะอยากพักกินลมชมวิวมากกว่าเดินสายกิจกรรม หากไม่ชอบอยู่หน้ากล้อง เขาคงไม่เลือกเรียนคณะนี้แต่แรก เดาว่าเธอก็คงรู้ แต่ตั้งใจแกล้งเขานั่นแหละ...


สุดท้ายก็เป็นอันยอมตกลงเขียนชื่อยืนรอคิวอยู่หน้าตึก ผู้สมัครส่วนใหญ่มีแต่นักศึกษาศิลปศาสตร์ ตุลย์จึงไม่รู้จักใคร ผิดกับจีจี้ ด้วยความที่เป็นนักกิจกรรมเธอจึงรู้จักคนโน้นคนนี้ไปทั่ว แม้ว่ามันจะน่ากระอักกระอ่วนสำหรับเขาที่ต้องยืนรอเธอทักทายคนนั้นคนนี้ หากใบหน้ายิ้มแย้มของหญิงสาว ก็เป็นอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าคิดไม่ผิด


...แต่จู่ๆ รอยยิ้มก็หายพลันวับกลายเป็นหน้าบูดๆ เหมือนตูดลิง


“หวัดดี จีจี้”


แม้แต่ตุลย์ก็ชะงักเล็กน้อย ตอนที่เห็นว่าคนทักเป็นใคร


“มาทำอะไรที่ศิลปศาตร์ครับ?”


กายกับเพื่อนกลุ่มเดิมอีกสองคนเดินเข้ามาทักทายพร้อมคลี่ยิ้มจริงใจแบบที่หญิงสาวบ่นว่าเกลียดนักเกลียดหนา


“แคสละครคณะน่ะ”


“อืม แล้วแม็กไม่มาด้วยเหรอ ถึงมาอยู่กับ... คนนี้”


หัวโจกปรายมองเขาทีหนึ่ง สายนั้นเย็นชาและดูถูกแม้ว่าจะมียิ้มฉาบบนใบหน้าผิดกับที่มองจีจี้ลิบลับ


“แม็กไปทำงานชมรม เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง”


เธอและกายสบตากันสองสามวิ ก่อนที่ชายหนุ่มจะถือวิสาสะถามดื้อๆ


“เราจะไปกินข้าวข้างนอก กินด้วยกันไหม? ไปกันทั้งหมดนี่”


“ไม่ได้หรอก ขอโทษทีแต่เราต้องแคสละคร”


“แล้วนายล่ะ?”


พยักเพยิดมาทางเขาพร้อมแววตาไม่เป็นมิตร ตุลย์ก็รู้สึกเหมือนมือไม้เย็นอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก


“ตุลย์มาแคสเป็นเพื่อนเราน่ะ กายไปกินเถอะ เราไม่รบกวนดีกว่า ขอบคุณที่ชวนนะ”


ครั้งนี้จีจี้ตัดบทด้วยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งที่ทำให้โลกทั้งโลกสดใสชั่วพริบตา


อีกฝ่ายดูจะพอใจกับคำตอบที่ได้รับ ถึงไม่เซ้าซี้ต่อ “อื้ม ได้ ถ้าอย่างนั้นเราไปกินข้าวกับเพื่อนก่อนแล้วกัน”


รอจนกระทั่งชายคนนั้นหมุนตัวเดินหายไปกับกลุ่มเพื่อนในระยะที่แน่ใจว่าไม่ได้ยินเสียงพวกเขา แล้วจีจี้ก็เริ่มบ่นกระปอดกระแปดเรื่องที่เธอไม่ชอบผู้ชายคนนั้นอย่างไร ในขณะเขาลอบถอนใจโล่งราวกับหินก้อนที่ถ่วงในความรู้สึกค่อยๆ จมหาย


ตุลย์ฟังเธอพูดโยงจากเรื่องโน้นสู่เรื่องนี้อย่างไม่รู้จบไปก็พยักอือออไปพลาง  โดยรวมก็นับว่าฆ่าเวลาได้ดีนัก เพราะอีกเพียงไม่กี่คิวก็จะเวียนมาถึงเธอและเขาตามลำดับ


“จี้ อยู่คนเดียวได้ไหม ไปล้างหน้าแป๊บนึง”


“หือ ตุลย์เป็นอะไรหรือเปล่า” เธอถามอย่างห่วงใย ก่อนจะเปลี่ยนมายิ้มแก่นๆ “ตื่นเต้นล่ะสิ!”


“ใช่ แค่อยากตั้งสมาธิก่อนแคสสักหน่อยน่ะ”


“ได้ แต่ต้องกลับหาให้ทันดูเราแคสด้วยนะ ไม่งั้นงอนจริงๆ ด้วยนะ”


“ต้องทันอยู่แล้วสิ”


เขาหัวเราะกับท่าแกล้งงอนปากจู๋ของเธอ ก่อนจะปลีกตัวแยกออกมา เดินลัดโถงตามหาห้องน้ำชายรวมแถวๆ นั้นเ พอเจอก็ผลักประตูเข้าไป ตรงไปที่อ่างเพื่อวักน้ำจากก็อกล้างหน้า แล้วผ่อนลมออกทางปากเผื่อระบายความเครียดระคนตื่นเต้น


มันนานสักพักแล้วที่เขาไม่ได้แสดงละครหรือออกหน้ากล้องเหมือนตอนมัธยมเพราะมีปัญหาหลายอย่างเข้ามารุมเร้า นั่นทำให้ตุลย์ไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือการแสดงนัก ถึงจีจี้จะช่วยเตรียมสคริปบางส่วนให้เขาคร่าวๆ แต่ก็ยังนับว่าเป็นอะไรที่ไม่ชินอยู่ดี


ระหว่างที่หลับช้าๆ ตาตั้งสมาธิให้พร้อม เสียง ‘กริ๊ก’ ก็ดังข้างหูเหมือนมีใครบางคนเปิดประตูเข้ามา ตุลย์ลืมตาด้วยความสงสัย ก่อนที่จะถอยกรูดจากซิ้งค์ เมื่อหนึ่งหนึ่งในเพื่อนร่วมคณะโผเข้ามาล็อคคอจากด้านหลัง ร่างโปร่งกระทุ้งศอกใส่อีกฝ่ายอย่างแรง ก่อนใช้จังหวะนั้นดิ้นจนหลุดและถลาไปที่ประตู


“จะไปไหนวะ!?”


ทว่าก็ถูกมือของใครบางคนคว้าเข้าที่หัวไหล่ กระชากร่างกลับมาก่อนถึงเป้าหมาย แล้วจะประเคนหมัดเข้าที่แก้มซ้ายอย่างจัง ตุลย์เซไปกระแทกประตูเพราะเสียการทรงตัว ก่อนจะถูกซ้ำด้วยเข่าโดยไม่เปิดช่องว่างให้ตอบโต้ จุกท้องน้อยแทบทรุดจนต้องเท้าแขนพิงลูกบิดยันตัวไม่ให้ล้ม


“เอามันขึ้นมายืนตรงๆ ซิ”


ออกปากสั่งคำเดียว ผู้ชายที่ถูกเขาศอกใส่ในทีแรกก็เข้ามาล็อคแขนแล้วหิ้วปีกเขาขึ้นให้ยืนตรงๆ ถูกบังคับให้ขยับตัว


 ตุลย์ก็นิ่วหน้ากัดฟันเพราะความเจ็บ


เบื้องหน้าเขา คือกายในชุดนักศึกษาถกแขนเสื้อสูง ไม่ใส่เน็กไทด์หรือเข็มขัด คนเดียวกับที่เคยยืนอยู่ตรงหน้าจีจี้ แต่สีหน้าและอารมณ์กลับต่างกันลิบลับราวกับคนละคน


อารมณร้าย... ชอบความรุนแรงและกวนประสาท ...มันทำให้เขานึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น


“นี่สำหรับจีจี้... เผื่อมึงจะไม่รู้ ว่าการที่มึงเข้ามาป้วนเปี้ยนในชีวิตจี้มันเกะกะลูกตากูขนาดไหน รู้ไหมมึงทำชื่อเธอเสียหาย? และกูก็ไม่ชอบใจเรื่องนั้นซะด้วย”


อีกฝ่ายบีบคางเขาแน่นจนปวดหนึบแล้วเค้นเสียงต่ำ


“อย่างมึงน่ะต่อให้ชุบตัวใหม่ก็เป็นได้แค่อีตัวอยู่วันยันค่ำ อย่าสะเออะมายุ่งกับจีจี้... ไอ้เหี้ยแม็กก็อีกคน ดูแลเพื่อนมึงให้ดีๆ หน่อย ไม่งั้นกูคงต้องสั่งสอนทั้งคู่”


โดยไม่เปิดโอกาสให้พูด หมัดสองก็ฮุกเข้ากลางลำตัวอย่างแรงจนทรงตัวไม่อยู่ จากนั้นเขาก็ถูกบังคับให้ยืนขึ้นอีกครั้งโดยคนด้านหลัง


“ส่วนนี่ ...สำหรับเงินกับเวลาที่กูเสียไปเปล่าๆ กับอีตัวอย่างมึง ที่โน้นมึงอาจจะจะเบี้ยวใครก็ได้ แต่ที่นี่กูคุม และกูไม่ปล่อยให้ตัวปัญหาที่เบี้ยวเงินกูหนีไปจับคนรวยเดินลอยหน้าลอยตาแน่!”


“กูไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นแล้ว จะเอาอะไรอีก...” เจ็บไม่ใช่น้อยตอนที่เปล่งเสียง


ใช่... เขาไม่ใช่คนของคลับแล้ว ต่อให้ซ้อมเขาให้ตาย ฝ่ายนั้นก็ไม่มีวันได้เงินที่เสียไปคืน


“ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย...”


ฝ่ายนั้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงไอร้อนจากลมหายใจ ก่อนจะก่อนเป็นเปล่งคำสองคำเสียงดังฟังชัดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงกวนโทสะ แค่นั้นร่างโปร่งก็ฟิวส์ขาด


“กูไม่ใช่กระหรี่!!” 


เห็นเขาพยายามเหวี่ยงตัวให้หลุดจากพันธนาการ กายก็หัวเราะร่วนราวกับเห็นเป็นเรื่องสนุก


 “ไม่ใช่? แล้วกูควรจะเรียกคนที่ขายตัวว่าอะไรถึงจะถูก?”


ไม่พูดเปล่าแต่ล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อตุลย์ ขยี้กำปั้นลงตรงหน้าท้องที่ถูกชกไปหมาดๆ แล้วเลื่อนลงต่ำแทรกมือผ่านขอบกางเกงชั้นใน พร้อมกับรอยยิ้มสะใจ


“...ไหนลองบอกซิ ว่ากูควรเรียกมึงว่าอะไร”


“.........!”


สิ่งที่เกิดขึ้นจากนั้นเหนือความคาดหมายของกาย เมื่อจู่ๆ ร่างโปร่งสลัดตัวหลุดจากเพื่อนของเขา แล้วถลาเข้ามาชกหน้า หากไม่ใช่เพราะว่าชายหนุ่มไวพอที่ถอยหลังตามสัญชาตญาณของคนที่ผ่านเรื่องวิวาทมาโชกโชน มันคงไม่จบเพื่อนแต่ถากหน้าเฉียดๆ แน่นอน


หนึ่งในเพื่อนเขาตะโกนเรียกอีกคนที่ดูต้นทางอยู่ด้านนอก แต่กายไม่มีเวลาสนใจเรื่องนั้นมากนัก เมื่อร่างโปร่งตามเข้ามาประชิดตัวด้วยสีหน้าโกรธแค้นปานจะฆ่าจะแกงเขาให้ตาย


“กูไม่ได้ขายตัวแล้ว! และถ้าแม่งมีปัญหา มันก็เป็นปัญหาของมึงกับที่คลับ ไม่เกี่ยวอะไรกับกูโว้ย!”


แต่หมัดที่ตั้งใจจะประเคนใส่หน้าเขาถูกขัดจังหวะโดยเพื่อนอีกคน เสียง ‘กร๊อบ’ จากกระดูกไหล่ที่ถูกหักผิดรูปก้องทั่วห้องอับ ตามด้วยเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดของเจ้าของ ร่างโปร่งที่ถูกล็อคจากด้านหลังลากกลับไปที่ซิ้งค์หน้ากระจก ก่อนจะต่อยซ้ำที่กลางลำตัว แล้วหิ้วปลีกขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้โดยคนสองคน


“เฮ้ย ก็สู้เป็นนี่หว่า ไอ้ลูกหมา”


กายกระตุกยิ้มกว้าง การได้เห็นหมาจนตรอกฮึดสู้เป็นอะไรที่ยุอารมณ์อยากลงไม้ลงมือจากเขาได้สุดๆ


“นึกว่าจะเก่งแต่ตอนยั่วแขกเสียอีก”


ได้คำตอบเป็นถ้อยคำสถบด่าหยาบคายจากตุลย์ โทสะก็โหมขึ้นจนต้องทำให้อีกฝ่ายเงียบปากหลังมือ


 “อย่าลืมว่าที่นี่กูคุม! พวกเหลือเดนอย่างมึงถ้าริอาจจะอยู่ระดับเดียวกับกู มันก็ต้องสั่งสอนให้รู้ว่าใครเป็นใคร อ้อ... แล้วก็ละครน่ะ กูว่ามึงคงไม่ได้เล่นทั้งของศิลปศาตร์และของคณะ ทำใจไว้แต่เนิ่นๆ ได้เลยว่ะ”


-----------------------------


ศานนท์กลับมาถึงบ้านตามเวลาปกติ เขาล้วงกุญแจออกมาไขประตู แต่แล้วก็แปลกใจจนต้องก้มมองนาฬิกาเมื่อไฟทุกดวงปิดมืดสนิทราวกับปราศจากผู้อาศัย


เย็นขนาดนี้ตุลย์หน้าจะกลับถึงบ้านได้แล้ว...


หนุ่มใหญ่ถอดเสื้อนอก พาดไว้ตรงราวหน้าประตูเหมือนทุกวัน ขณะที่หยิบโทรศัพท์ออกมาลังเลว่าควรกดโทรหาอีกคนไหม สายตาก็เหลือบไปเห็นไฟสลัวจางๆ จากห้องครัว


“ตุลย์”


เขาเรียกหาเด็กหนุ่ม แต่ปราศจากเสียงตอบรับ นั่นทำให้ศานนท์ยิ่งเกิดความสงสัย


หากเป็นขโมยหรือผู้บุกรุก สัญญาณเตือนภัยก็จะดังอย่างแน่นอน และเขาต้องเป็นคนแรกที่ได้ข่าวจากบริษัทประกัน


ครั้นพอเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กเบาๆ จากด้านใน เขาเห็นตุลย์นั่งอยู่บนเคาท์เตอร์หันข้างให้ ใกล้ๆ กันนั้นมีถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปว่างเปล่า ส่วนแสงที่เขาเห็นจากด้านนอกมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัว


“ตุลย์?”


เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ขานรับ ศานนท์จึงถือวิสาสะเปิดไฟ แต่สภาพผิดปกติของคนตรงหน้ากับทำให้เขาถึงพูดอะไรไม่ออก


ริมฝีปากแตกและช้ำเลือดบวมมาถึงช่วงแก้ม ข้อแขนก็เขียวเป็นทางยาว ไหล่ปูดโปนผิดรูป แล้วไหนจะรอยช้ำที่เขามองไม่เห็นอีก แต่กระนั้นเจ้าตัวก็แค่ประคบมันด้วยผ้าห่อน้ำแข็งที่วางอยู่ข้างๆ ก่อนจะไถลตัวลงมา เก็บขยะที่วางเกะกะบนเคาท์เตอร์ใส่ถังราวกับไม่มีอะไร จนเขาต้องเข้าไปห้ามอย่างทนไม่ไหว


“มองฉัน! เกิดอะไรขึ้นกับเธอ!?”


----------------------

ก่อนอื่นขอโทษจากใจจริงๆ ค่ะ ที่หายเหมือนตายจากไปแล้วว ฮืออออ
รู้สึกละอายใจมากๆ แต่ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ นี่ปาเข้าไปเป็นเกือบปีแล้ว เพิ่งได้ 12 ตอนนนน แอ๊กกก
เข้าใจนักอ่านทุกท่านเลยค่ะ ว่ารอนานจนลืม ขนาดเมลล่าเองยังลืมเลยว่าเขียนอะไรไปบ้าง ย้อนกลับไปอ่านแล้วก็ร้อง โหหหหหห แบบนี้เราเคยเขียนได้แบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย
เข้าใจเลยค่ะ ถ้าจะลืมไปบ้างเมลล่าก็ไม่ว่า 5555+ แต่ก็ขอบคุณนะคะ ที่ให้กำลังใจกันมาจนครึ่งเรื่อง

ส่วนคอนเม้นท์จากหลายๆ ท่านเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง บอกตรงๆ ว่าเขินมากๆๆๆๆๆ แอร๊ยยย
คือส่วนตัวเมลล่าชอบวิจารณ์งานคนอื่น (เป็นนิสัยที่ไม่ดี ถถถ) เคยเขียนบล็อกวิจารณ์มังงะอยู่ช่วงสั้นๆ และรู้สึกมีความสุขมากเวลาได้ด่าและชมงานที่ตัวเองรักไปพร้อมๆ กัน ถถถ ถึงจะเขียนไปได้แป๊บเดียวเพราะไม่มีเวลามาแคปรูปแต่ละตอนก็ตาม กรั่กๆๆ
พอมาเจอแบบนี้กับตัวเองเลยรู้สึกตื่นเต้น + เขินมากๆ ขอบคุณนะคะ ได้อ่านทุกคอมเม้นท์แล้วชื่นใจฝุดๆ แอร๊ยย

เอาล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าตอนนี้อารมณ์ถึงหรือเปล่า ทุกคนเบื่อกันไหม คอมเม้นท์ไว้ได้นะคะ น้อมรับทุกคนวิจารณ์ ส่วนตอนหน้าพบกับตัวละครใหม่ที่ยังไม่ตั้งชื่อ และรีแอคชั่นของลุงศานนท์ จะเผ็ดร้อนเศร้าเหงาซึมขนาดไหน ต้องลุ้นตอนหน้าค่ะ อิอิ
สุดท้ายขอบคุณนักอ่านทุกท่านค่ะ ตื่นตันฝุดๆ กับคอนเม้นท์ #ลงไปดิ้น

อีดิดๆ เค้ามีเพจละน้าา แต่ไม่มีอะไรจะอัพเดทหรอก แอร๊ยย
https://www.facebook.com/Iamcaramella
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2017 01:56:41 โดย Caramella »

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
11.2 ลุงมันก็เล่นพิสดารไปนะ ดีที่ตุลย์ไม่แพ้แอลกอฮอล์ ไม่งั้นถึงตายได้เลย

สมควรสำนึกนะลุง ข้อตกลงก็ไม่รักษา แถมยังทำเขาเจ็บตัวอีก ไม่โอนะลุง

12.1 ไอ้กายสันดานเลว เพื่อนก็สารเลว  สมควรได้บทเรียนบ้างนะ

ปล. ฉันก็รออ่านจนลืมไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ
มาต่อเรื่อย ๆ นะ อยากรู้ว่าลุงจะจีบตุลย์ยังไง

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ajkub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติดตามตลอด ขอบคุณที่กลับมา :pig4:

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1633
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ศานนท์ตามไปจัดการกายใก้ตุลย์เลยนะ  :fire:

ออฟไลน์ lightseeker

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
หายไปนานมากๆ พอเห็นว่าอัพแล้วรู้สึกดีใจจนหลุดกรี๊ด อย่าหายไปอย่างนี้เลยนะคะ นึกว่าจะไม่มาต่อแล้วอ่ะ :hao5:

กายนี่มันสัมภเวสีตามติดตุลย์ชัดๆ เอาจริงๆเหมือนเด็กสปอยที่แอบชอบเค้าแล้วเรียกร้องความสนใจเลยอ่ะ หมั่นไส้
สงสารตุลย์ อุตส่าห์มีเพื่อนกำลังจะมีชีวิตใหม่ทั้งทีก็ยังมีมารตามมาผจญอีก เฮ้ออ

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
ตอนนี้เราเป้กเสี่ยไม่ใช่เด็กขาย   ตอนขายสวัสดิการมันไม่ครอบคุมแถมยังโดนเอาเปรียบ เพราะฉนั้นตอนนี้เนาต้องใช้สิทธิในการเป้นเด็กเสี่ยให้เสี่ยจัดการให้ อย่าอัดอั้นเก็บกดไว้คนเดียว  หึหึ

ออฟไลน์ aj_nsync

  • พระจันทร์สีน้ำเงิน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 63
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
    • พระจันทร์สีน้ำเงิน
เฮ้อ...งานเข้าลุงเลย ดันไปเล่นท่ายาก เอ้ย.. ดันไปเล่นไม่รู้เรื่อง น้องอ้วกเกือบตายเลย
แต่ก็นั่นแหละ น้องอยากดื้อทำไมล่ะ  ยิ่งหลังๆมานี้เราว่าน้องดื้อหนักขึ้นอ่ะ  ไม่รู้ว่าลุงจะเอาอยู่หรือเปล่า

กายนี่เลวเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ นะ  แล้วลุงจะช่วยตุลย์ได้ยังไงบ้างเนี่ย

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ชอบเค้าแต่เค้าไม่เอา เลยมาลงกับคนใกล้ตัวเค้า จะซ้อมตุลย์ก็ดันเล่นพวก หมาหมู่ -*- คิดเหรอว่าเหี้ยแบบนี้ จีจี้จะเอาแกน่ะกายยยย

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ๊ยยยยย อ่านแล้วเครัยด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
อิกายเลวว่ะ

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โดนศานนท์รังแกที่บ้านแล้วววว ไปมหาลัยยังโดนรังแกอีก
สงสารตุลย์อ่าาาา ชีวิต อุตส่าเลิกทำงานอย่างว่าก็แล้ว
ศาานนท์ดูแลตุลย์ด้วยน้าาาาาาา

ปล.ดีใจจจจจ นึกว่าคนเขียนนจะไม่มาแล้วววว :katai4:

ออฟไลน์ alien.aiiwz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอดูฤทธิ์ลุง
เอากายให้อ่วมไปเลย
มาทำน้องแบบนี้ได้ไง หึ!
 :fire: :fire:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เกลียดกาย เป็นไรมากป้ะ ความแค้นโง่ๆของผู้ชาย สมองถั่ว !!!!!

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
อู้ยยยยยยย หายนานเป็นชาติจนใครๆ ก็คิดว่าตายไปแล้ว ถถถถถ

เมลล่ายังไม่ไปไหนนะคะ ยังเป็นวิญญาณที่ตามหลอกหลอนเธอมานานนน
ช่วงนี้วุ่นวานอีกแล้วค่ะ ทุกคนคงบ่นอีนี่จะวุ่นวายอะไรบ่อยๆ ฮืออออ
ข้อสงข้อสอบมันปาฏิหารย์คืนเดียวไม่ได้ค่ะ ไม่อ่านก็เตรียมดรอปเลย ถถถถ ธงหักกระจายยย ไว้รอเรียนใหม่ปีหน้า

ทั้งนี้กราบขอโทษทุกคนเลยนะคะ ที่ต้องมารอมาคอยเมลล่า คิดซะว่าเป็นนิยายอ่านเล่นสนุกๆ เวลาว่างเรื่องหนึ่งก็ได้ค่ะ เพราะกำหนดเวลามันไม่แน่นอนจริงๆ

แต่ยังให้สัญญาเหมือนเดิมว่าจะเข็นให้จบค่ะ ถึงในหัวจะมีพล้อตใหม่แว่บมาเรื่อยๆ ก็ตาม

สภาพว่าส่วนหนึ่งก็ติด rov นิดๆ แต่เก๊าไม่เล่นบ่อยนะ หลักๆ เพราะเรียนเช้ากลับดึก เดินทางไกลมากกว่า

อยากบอกทุกท่านว่า ตอนนี้เมลล่ามีเพจละน้าา เข้าไปติดตามกันได้ จะพยายามอัพเดทสิ่งที่จำเป็นค่า ถึงมันจะร้างมาก็เถอะ

https://www.facebook.com/Iamcaramella

สุดท้าย ขอบคุณอีกครั้งที่พาเมลล่าเดินมาไกลถึงตรงนี้ค่ะ รักทุกคนมากจีๆ จุบุ  :mew1:

ออฟไลน์ kimkidoy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาอัพพพได้แล้วน้าาาาาาาา
คิดถึงงงงง ตุลย์ ศานนท์  :laugh:

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3

ออฟไลน์ หนูปลวก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านรวดเดียวจบ ติดงอมแงมรอคนเขียนมาอัพต่อ ชอบมากๆเลยเรื่องนี้ :-[

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
เสี่ย เคลียให้น้องตุลย์ที

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
12.2
“มองฉัน! เกิดอะไรขึ้นกับเธอ!?”


น้ำเสียงเป็นเดือดเป็นร้อนของเขากลับถูกมองข้ามด้วยการเผินหน้าหนี


“มีเรื่องนิดหน่อยครับ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”


“ไม่ใช่เรื่องใหญ่ยังไง!? ใครทำอะไรเธอ?”


“...........” เด็กหนุ่มไม่ตอบ ซ้ำยังหลบตา ทำท่าจะเดินสวนเขาออกไปดื้อๆ


“เดี๋ยวก่อน”


ถูกมองผ่านไปเฉยๆ ศานนท์ก็เอื้อมมือรั้งเอวร่างโปร่งไว้แทนที่จะคว้าแขน เพราะเกรงว่าอาจกระทบกระเทือนไหล่ข้างที่ผิดรูป  แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังทำให้อีกฝ่ายต้องนิ่วหน้าเจ็บปวด


 “ฉันจะพาเธอไปหาหมอ ...แล้วก็แจ้งความที่โรงพัก” เขาสรุปให้แบบมัดมือชกเมื่อเริ่มอารมณ์ ก่อนจะเดินไปคว้ากุญแจรถ


 “ไม่ต้อง ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก”


“ไม่เป็นอะไร?”

 ศานนท์ทวนคำห้วน การที่เด็กหนุ่มบ่ายเบี่ยงทำให้ความอดทนเขาเหลือน้อยลงทุกที

“เกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่พูด ไม่บอกอะไรฉันสักคำแล้วยังจะให้ทนดูสภาพเธอโดนซ้อมเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรอีกหรือ คิดจะตีตัวออกห่างไปถึงเมื่อไหร่!?”


“ผมสบายดี” ร่างโปร่งพยายามแกะมือเขาออกจากสะโพก “บอกว่าผมสบายดีไง คุณ! ปล่อย! คุณกำลังทำให้เรื่องทุกอย่างมันยุ่งยากสำหรับผม!”


ศานนท์เมินเฉยต่อคำพูดนั้น ก่อนจะเกี่ยวร่างโปร่งให้เดินไปพร้อมกัน หนุ่มใหญ่ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะรีรอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ‘คนในความดูแลของเขา’ตกอยู่ในสภาพสะบักสะบอมดูไม่ได้


“คุณไม่เข้าใจ!” ตุลย์เหวี่ยงมือทิ้ง กัดปากแน่นเพื่อสะกดอารมณ์หลากหลายที่ตีรวนอัดแน่นอยู่ภายในใจ “คุณบอกว่าอยากให้ผมได้ชีวิตใหม่ไม่ใช่เหรอ!? ผมก็พยายามรักษามันอยู่นี่ไง แต่ตอนนี้คุณนั่นแหละที่จะทำลายมัน!”


เด็กหนุ่มกัดฟัน แววตาที่ควรดึงดันอย่างทุกครั้งกลับเต็มไปด้วยความสับสนและไม่มั่นคง


“...ผมไปแจ้งความไม่ได้ ขอร้อง...”


ศานนท์นิ่ง มองคนที่พยายามปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นจากเขา ขณะเดียวกันก็ร้องขอให้เขาหยุดทำสิ่งที่ถูกต้องสมควร เนิ่นนานจนกระทั่งความเงียบเริ่มก่อตัว


เขาไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้ และทำไมอีกฝ่ายกลัวที่จะแจ้งความนัก แต่หนึ่งที่ชัดเจนคือ ...นี่เป็นความผิดของเขาที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น


ศานนท์ถอนหายใจ ลูบแผ่นหลังนั้นเบาๆ ก่อนจะรั้งร่างโปร่งเข้ามาใกล้ เกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด


เรื่องคดีความเขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นก็ย่อมได้ แต่จะให้เมินเฉยต่อสภาพร่างกายของคนตรงหน้า เรื่องนั้นเขาทำไม่ได้


 “ไปโรงพยาบาลกับฉัน... แค่โรงพยาบาล ให้หมอทำแผลสักหน่อยตกลงไหม?”


ตุลย์ออกอาการลังเลชัดเจนราวกับกลัวว่าเป็นแค่คำโป้ปด เห็นแบบนั้นเขาจึงสร้างความมั่นใจให้ร่างโปร่งด้วยการย้ำเจตนาซ้ำ


“แค่โรงพยาบาล ไม่มีอย่างอื่นฉันสัญญา”

ได้ยินแบบนั้น เด็กหนุ่มก็พยักหน้ารับ ก่อนจะยอมตามเขาขึ้นรถไปโดยไม่พูดอะไรอีก


ระหว่างการเดินทางมีแต่ความเงียบเพราะตุลย์เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มองอยู่ได้ไม่นานเจ้าตัวก็พิงกระจกและผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น ทิ้งความสงัดไว้ให้ผู้อาศัยอีกคนตามลำพัง ศานนท์ปรายมองเด็กหนุ่มเป็นระยะ

เขาอยากแน่ใจว่าอีกฝ่ายยังปกติดี   


หนุ่มใหญ่ส่งตัวตุลย์ให้แผนกฉุนเฉินทันทีที่มาถึงโรงพยาบาล ส่วนตนเองรออยู่ด้านนอก ภาพของหมอและพยาบาลวิ่งเข้าออกห้องวุ่นวายคงเป็นอะไรที่ชินตาสำหรับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่ใช่กับศานนท์ นั่งนิ่งอยู่ได้ไม่นาน เขาก็ลุกออกไปหาเครื่องดื่มเปลี่ยนบรรยากาศและเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นพักใหญ่ จนกระทั่งคนที่เฝ้าคอยเดินออกมากับผ้าคล้องแขน พร้อมแพทย์ที่รับผิดชอบ


จากที่ฟังคร่าวๆ โดยรวมแล้วไม่มีอะไรร้ายแรงอะไร นอกจากไหล่ซ้ายเคลื่อนเล็กน้อย ทำให้ต้องใส่ผ้าคล้องไปสักสัปดาห์ บาดแผลอื่นๆ ที่มองเห็นได้ก็ถูกปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว ส่วนตัวศานนท์ไม่ติดใจอะไรเรื่องนั้น แต่สิ่งที่เขาไม่อาจมองข้าม คือความเงียบงันจากคนข้างกาย


ตุลย์เอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่ออกมาจากห้องฉุกเฉิน ไม่สบตาเขา แต่พลิกโทรศัพท์กลับไปกลับมาซ้ำๆ ราวกับกำลังสับสนกังวลใจกับบางเรื่อง


...และเป็นเรื่องที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร


“ไม่มีใคร ‘ทำอะไร’ เธอใช่ไหม?” ถามขึ้นเมื่อไม่อาจละเลยความเงียบได้นานกว่านี้


“.......?”


ตุลย์สบตาเขาแว่บหนึ่งคล้ายไม่เข้าใจนัยยะของคำถาม  ต่อมาก็แค่ส่ายศีรษะ ขณะที่ตายังจ้องโทรศัพท์ในมือ


“ถ้าหมายถึงเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับอย่างว่าล่ะก็ ไม่มีหรอก...”


หนุ่มใหญ่ทอดมองร่างโปร่งอย่างชั่งใจ  แต่ยังไม่ทันได้ซักอะไรต่อ เสียงเรียกชื่อคนไข้จากแผนกธุรการก็ดังขัดเสียก่อน


“นั่งรอตรงนี้นะ เดี๋ยวฉันมา”   


ตุลย์พยักหน้ารับเนือยๆ พอเห็นแบบนั้น หนุ่มใหญ่จึงลุกออกไปจัดการเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยา ก่อนจะพาเด็กหนุ่มกลับบ้านตามที่ให้สัญญาโดยเมินผ่านเรื่องคดีความไป ถึงแม้มันจะเป็นวิธีที่เขาไม่เห็นด้วยก็ตาม


พวกเขากลับบ้านโดยไม่มีใครพูดอะไร มาถึงตุลย์ทิ้งตัวบนเก้าอี้ มองออกไปยังความมืดนอกหน้าต่าง เจ้าตัวดูมีสติขึ้นมากกว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาล แต่กระนั้นก็ยังจมจ่ออยู่แต่ในความคิด ด้วยสาเหตุนี้ศานนท์ถึงคอยวนเวียนอยู่ห่างๆ ตอนนี้เขาใจเย็นลงกว่าครั้งแรกที่เห็นสภาพเจ้าตัว แต่ก็ใช่ว่าอยากจะปล่อยผ่านไปเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไร


“เล่าให้ฉันฟังได้ไหม?”   


พอสบตากับเจ้าของคำถาม ตุลย์ก็เสมองไปทางอื่น


“..........”


เมื่อการคาดคั้นไม่ใช่ทางออก ศานนท์จึงเดินเลี่ยงไปหาเครื่องดื่มในครัว พูดตามตรงมันก็ ‘น่าผิดหวัง’ ตอนที่เปิดตู้เย็นแล้วพบแค่นมกล่องแพ็คหนึ่งกับน้ำผลไม้ ทั้งที่ปกติจะมีเครื่องดื่มหลากหลาย เขาหยิบนมกล่องมาเทใส่แก้วสองใบ ใบหนึ่งสำหรับตุลย์ และอีกหนึ่งสำหรับตนเอง ก่อนจะอุ่นด้วยไม่โครเวฟ


กลิ่นหอมมันและไออุ่นที่ลอยฟุ้งจากปากแก้วเรียกความสนใจจากเด็กหนุ่มให้สอดส่ายมองหาต้นตอ ศานนท์ส่งแก้วหนึ่งให้ตุลย์ โดยหวังว่าทำให้อีกฝ่ายผ่อนคลายได้บ้างก่อนเขาทรุดลงนั่งตรงข้าม


“เอาเถอะ ถ้าเธอยังไม่พร้อมจะเล่าก็ไม่เป็นไร ฉันจะรอ... แค่อยากให้เข้าใจว่าถ้ามีปัญหา ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน เธอก็เล่าให้ฉันฟังได้ทุกอย่าง...”


จงใจใช้น้ำเสียงที่มั่นคงและอ่อนโยนที่สุด โดยหวังว่ามันจะช่วยสร้างความไว้ใจให้เด็กหนุ่ม แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่ออีกฝ่ายยังอมพะนัมไม่เลิก


“ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเล่า”


นานนักกว่าจะหาต้นเสียงเจอ


 “ผมแค่มองว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับคุณ...”


“..........”


ตุลย์ไม่อยากพูดถึงมันนัก แต่ก็คล้ายกลัวว่าผู้ฟังจะผิดหวังกับคำตอบก่อนหน้า


“ไม่... คือผมก็แค่มีเรื่องชกต่อยกับคนในมหาลัย แต่มันก็ไม่ได้เกิดจากคุณ ผมเลยมองว่ามันไม่ใช่ปัญหาของคุณ เรื่องของผมมีมาตั้งแต่ก่อนหน้าจะเจอคุณด้วยซ้ำ แต่ที่ครั้งนี้มันปานปลายใหญ่โตเพราะผมไม่ทันระวังตัว”


“แล้วทำไมเธอไม่อยากให้ฉันแจ้งตำรวจ?”


“ผมไม่รู้ว่าคุณจะเข้าใจไหมนะ หลายเดือนก่อนหน้านี้ชีวิตมหาลัยผมไม่ราบรื่นนักหรอก...” ตุลย์วางแก้ว เลือนมือมากุมหน้าผาก แล้วถอนหายใจหนัก


“ผมไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นที่ของผม จนเดือนที่แล้ว ชีวิตผมก็เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นมาบ้าง ถ้าคุณยังจำครั้งสุดท้ายตอนไปตามหาผมที่มหาลัยได้ คุณคงรู้ว่าคนที่นั่นไม่ชอบผมเท่าไหร่ และถ้าเรื่องนี้ไปถึงคณะบดีหรืออธิการ ผลมันอาจเลวร้ายกว่าที่คิด ...คุณอาจจะคิดว่าผมขี้ขลาด แต่ถ้าเลือกได้ ผมก็ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน”


ตุลย์พูดไปก็เม้มปากไปอย่างคนเก็บอาการไม่อยู่

ไม่รู้ว่าศานนท์เชื่อเขาไหม ...เพราะสิ่งที่เล่าออกไปมันก็แค่ความจริงส่วนหนึ่ง


ไม่ใช่ความรู้สึกเหมือนเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกหรอก แต่เป็นการพ่ายแพ้ซ้ำๆ ให้กับสิ่งเดิมต่างหากที่เขากำลังหวาดกลัว


พ่ายแพ้ต่อผู้ชายคนเดิม... พ้ายแพ้ต่อกาย...


และยิ่งกว่านั้น เขาไม่อยากให้คนตรงหน้าเข้ามาทำให้มันซับซ้อนกว่านี้


ตุลย์เงยหน้าขึ้นก็พบว่าหนุ่มใหญ่กำลังมองอยู่ แล้วประโยคต่อมาก็เหมือนฝันร้ายที่กลายเป็นจริง

“แต่ฉันจัดการเรื่องเงียบๆ ได้โดยไม่กระทบเธอ”


 “ไม่ใช่... ไม่ใช่แบบนั้น” เขาส่ายศีรษะ ถูหน้าตัวเองแรงๆ ด้วยความรู้สึกที่ยิ่งตีรวน “ผมทำเองได้ คุณไม่ได้สร้างมัน คุณไม่ต้องแก้ปัญหาส่วนตัวของผม ผมขอบคุณที่คุณหวังดี แต่ผมอยากจัดการเอง ไม่รู้ว่าคุณยังเข้าใจไหมนะ...”


“...........” ศานนท์เพียงแค่รับฟังเงียบๆ


จริงอยู่ที่ตัวเขามีสิทธิ์เข้าไปจัดการอะไรก็ได้ในชีวิตตุลย์ตามต้องการ เพราะเด็กหนุ่มเป็นคนที่เขา ‘ใช้เงิน’ ‘ซื้อมา’ แต่แล้วยังไงล่ะ ถึงทำได้ แต่เขายัดเยียดสิทธิ์นั้นใส่ร่างโปร่งได้เสียเมื่อไหร่ ในเมื่อตนเองไม่ได้ขาดหวังความสัมพันธ์แค่ ‘เสี่ย’ กับ ‘เด็กเลี้ยง’ ตั้งแต่แรกแล้ว


สิ่งที่เขาอยากให้ตุลย์ คือ ‘อิสระ’ ไม่ใช่ ‘กรงขังใบใหม่’ ดังนั้นยิ่งคาดคั้น ดันทุรังอยากควบคุมเท่าไร ก็รั้งแต่จะทำลายความไว้ใจมากเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ดิ้นรนด้วยตัวคนเดียวมานานจนชิน


คงจะมีก็แต่ ‘เวลา’ ...ตัวแปรเดียวเท่านั้น ที่จะสร้างความเชื่อใจให้กับตุลย์


“อื้ม ฉันเข้าใจ”


เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มคลายกังวลถึงขนาดถอนหายใจเฮือกหลังได้ฟัง

“...แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีก จะให้ฉันนิ่งดูเธอเป็นอะไรไปเฉยๆ คงไม่ได้”


“ครับ ผมจะระวังตัว”


“แต่มันก็น่าน้อยใจนะ” ศานนท์ยกแก้วขึ้นดื่มยิ้มๆ “อยู่บ้านหลังเดียวกันแท้ๆ เห็นหน้ากันทุกวันแต่เธอกลับไม่ไว้ใจฉันสักนิด”


“เปล่า ผมไม่ได้ไม่ไว้ใจคุณ”


พูดไป มือก็ขยี้ผม


“มันแค่... ปกติแล้วผมไม่ต้องมานั่งเล่าอะไรให้ใครฟังแบบนี้”


เป็นอีกครั้งที่ตุลย์หลบตาเวลาพูดกับเขาอย่างที่เจ้าตัวทำไม่บ่อยนัก หนุ่มใหญ่เห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้


จะว่าไปแบบนี้ก็น่าเอ็นดูดีเหมือนกัน...


“เอาเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเข้าใจ... จะไม่ถามอะไรแล้ว แต่นั่งเป็นเพื่อนเธอจนกว่าจะสบายใจก็แล้วกัน” ศานนท์ระบายยิ้ม และในเมื่ออีกฝ่ายไม่คัดค้าน เขาก็จะถือว่ามันเป็นคำตอบ ‘ตกลง’


พวกเขาคุยกันเป็นประโยคสั้นๆ แต่ด้วยเวลาที่ล่วงเลยเกือบครึ่งค่อนคืนบวกกับสภาพร่างกาย ตุลย์จึงดูอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด นั่งจนกระทั่งเครื่องดื่มหมดแก้ว ศานนท์ก็ตัดสินใจส่งอีกฝ่ายขึ้นห้อง อดเปิดประตูให้ไม่ได้ เมื่อเห็นว่าไหล่ซ้ายที่บาดเจ็บดูจะเป็นอุปสรรค์ต่อเจ้าตัว


“ถ้าเธออยากได้อะไรเพิ่มก็โทรหาฉันแล้วกันนะ”


“ครับ”


“ตอนนี้ก็อย่าฝืนใช้แรงอะไรมากล่ะ”


ตุลย์พยักหน้ารับ จนวางใจแล้ว ศานนท์ถึงค่อยๆ ดันประตูปิดให้ แต่ทว่าเจ้าของห้องกลับขืนขอบบานไม้นั้นไว้ ต่างคนต่างยืนจ้องหน้ากันหลายวิ


“เอ่อ... ขอบคุณครับ ...สำหรับวันนี้”


ศานนท์คราง ‘อื้ม’ ในคอ ยิ้มรับคำขอบคุณนั้นโดยไม่ตอบอะไร จวบจนกระทั่งปิดประตูไม้ปิดสนิทลงพร้อมกลับร่างที่หายเข้าไปด้านในห้อง หนุ่มใหญ่ก็เดินผ่านโถงออกมายังระเบียงชั้นบนที่เชื่อมติดกัน ก่อนจะกดโทรศัพท์เลื่อนหารายชื่อของใครคนหนึ่ง


จริงอยู่ที่เขารับปากว่าจะปล่อยให้เด็กหนุ่มจัดการปัญหา โดยที่ตนเองไม่ใช้อำนาจเกินเลย แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยให้เรื่องผ่านไปหน้าตาเฉยโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง เพราะยังไงเสียตุลย์ก็ยังอยู่ในความดูแลของเขา ไม่ว่าจะในฐานะอะไรที่เจ้าตัวเข้าใจก็ตาม


หนุ่มใหญ่ถือสายรออยู่นานจนกระทั่งมันถูกตัด พอโทรซ้ำครั้งที่สอง ไม่นานก็ได้ยินเสียงตอบรับงัวเงียราวกับคนเพิ่งตื่น


 “สวัสดีครับ ใครพูดสายครับ?”


ศานนท์ก้มมองนาฬิกา พอเห็นว่าเพิ่งเที่ยงคืนกว่า เขาก็หลุดกลั้วหัวเราะในคอ “ฉันโทรมากวนเวลานอนเธอล่ะสิ”


คำตอบของเขาทำเอาปลายสายเงียบไปนาน ก่อนจะถามกลับอย่างไม่แน่ใจนัก

“...เสี่ยศานพูดเหรอครับ?”


“อื้ม”

 สิ้นคำ เสียงกุกกักก็ดังมาจากปลายสายกลายเจ้าตัวบางอย่างตก จากน้ำเสียงที่งัวเงียพลันเปลี่ยนเป็นกระตือรือรื้นผิดกับเมื่อครู่


“ครับเสี่ย? มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมไม่คิดว่าเสี่ยจะติดต่อกลับมาอีกตั้งแต่ที่เปลี่ยนเบอร์ ย้ายบ้านตอนนั้น”


“อื้ม ฉันก็ไม่นึกว่าจะยังมีเบอร์เธออยู่ในรายชื่อเหมือนกัน” ศานนท์ว่าติดตลก “แล้วตอนนี้ครอบครัวเป็นยังไงบ้างล่ะ?”


“ผมกับภรรยาเหรอ... ก็ราบรื่นดีครับ ลูกชายก็เพิ่งเข้า ’มหาลัยปีนี้”


“เรียนที่ไหน?”


“ม. A ครับ คณะบริหาร แต่มันไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่หรอก เรียนก็กระท่อนกระแท่น ยังดีที่มันเลิกยกพวกต่อยกันแบบเด็กมัธยมได้” คำพูดคำจานั้นดูถ่อมตัว แต่น้ำเสียงของคนเป็นพ่อกลับดูภูมิใจอย่างปิดไม่มิด



“เหรอ” เกริ่นถามสารทุกข์สุกดิบพอเป็นพิธี หนุ่มใหญ่ก็ไม่รีรอที่จะเข้าประเด็น “พอดีฉันมีเรื่องจะไหว้วานหน่อย ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร”



“ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่ผมก็ยินดีทำคร้าบ จะให้ปฏิเสธผู้มีพระคุณได้ยังไง ...แล้วเสี่ยอยากให้ผมทำอะไรครับ?”



 “ฉันอยากให้ลูกเธอช่วยตามใครคนนึง”


--------------------


ตอนนี้มันได้ฟิลไหมเนี่ย ถถถถถถถ ขาดอะไรเหลืออะไรติดชมได้ค่ะ กลัวไม่กลมกล่อมจริงๆ เพราะซีนนี้ก็เขียนๆ แก้ๆ นานอยู่ แต่ก็ต้องตอบตามตรงว่าไม่นานขนาดที่หายไปเป็นเดือนๆ อย่างรอบนี้ แฮ่ๆ
น่าจะสองปีเลยมั้งเนี่ย กว่าจะจบ......... #ร้องไห้

https://www.facebook.com/Iamcaramella

เมลล่ามีเพจแล้วนะคะ ที่รักนักอ่านทุกท่านนน
คุยเล่น ทวงงานได้เจ้าค่ะ จะค่อยๆ อัพเดททุกอย่างรวมไว้ในนั้น
แต่ไม่รู้ทวงแล้วจะมีงานหรือเปล่านะเจ้าคะ ถถถถถ
สุดท้ายนี้ ยังรักทุกคนเหมือนเดิม ไม่รู้ลืมเลาไม่รึยังนะ 5555

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2017 01:57:47 โดย Caramella »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ skyberry

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ยังไม่ลืมเรื่องนี้นะก๊ะคนเขียน แวะเข้ามาดูตลอดเผื่อฟลุ้คมีตอนใหม่ อิอิ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
 นักเขียนหายไปนานมาก

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
หายไปนานมากกกก แต่นังไม่ลืมนะค้าาา รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ติดตามต่อจ้าาาา นานก้อตาม

ออฟไลน์ ่KEI_jry

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
แทบจะลืมเนื้อเรื่องไปแล้ว  :mew5:

รอดูลุงจัดการกับกาย เอาให้หนักกกกก

ออฟไลน์ Pnomsod

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ชอบเสี่ยอ่ะ ถ้าตุลเปิดใจ น่าจะเป็นคู่ที่หวานๆ ละมุนๆ น่าดูเลย รอนะคะ

ออฟไลน์ pattapong200320

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ยังรออยู่ค่า อยากให้ตุลย์เปิดใจมากกว่านี้ ชีวิตจะได้มีความสุขเพิ่มขึ้น

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
จะจุดใต้ตำตอไหมน๊าาาาาา

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3322
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
มาช้ายังดีกว่าไม่มา

ออฟไลน์ Caramella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
13th Night : สตอล์คเกอร์


ตุลย์ตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวันเพราะถูกแสงแยงตา พอขยับตัวก็ต้องจี๊ปากอย่างเสียอารมณ์เมื่อบาดแผลแผลงฤทธิ์จนปวดระบมไปทั่วร่างทำเอาอยากนอนนิ่งๆ เป็นผักอยู่บนเตียงทั้งวัน ติดอยู่อย่างเดียวก็ตรงที่คาบเช้าของวันนี้มีเช็คชื่อ ความคิดที่ว่านั่นเลยเป็นได้แค่ฝัน นอนมองฝ้าเพดานเรื่อยเปื่อยอยู่พัก สุดท้ายเขาก็จำใจต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัว


แม้ว่าการพักผ่อนจะทำสบายใจขึ้นกว่าเมื่อวานมาก แต่ลึกๆ ก็ยังรู้สึกหนักอึ้งอย่างบอกไม่ถูก...


หลังจัดการตัวเองเสร็จ ตุลย์ก็ส่องกระจกตรวจดูความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากห้อง ซึ่งภาพของตัวเองที่สะท้อนในกระจกก็นับว่าดูไม่จืด


แผลตามแขนและลำตัวเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมเขียวช้ำคล้ายห่อเลือด ถึงจะถูกพรางไว้ใต้เสื้อเชิ้ตนักศึกษาแขนยาว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่โผล่ออกมาให้เห็นเป็นดวงจางๆ หางคิ้วแตกต้องติดพลาสเตอร์ ต่อมาก็ผ้าคล้องแขนอันใหญ่เทอะทะ สะดุดตา ชนิดที่ต่อให้ทำยังไงก็ไม่มีทางเนียนกลมกลืนไปกับฝูงชนโดยไม่ตกเป็นเป้าสนใจ


ให้ตายเถอะ... เขาไม่อยากไปเจอกายในสารรูปนี้เลยจริงๆ...


ตุลย์ถอนหายใจขณะเอื้อมหยิบโทรคัพท์ข้างหัวเตียง แต่พอเห็นมิสคอลล์จำนวนมากก็เอะใจขึ้นได้


จะว่าไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน เขายังไม่ได้ติดต่อกลับไปหาเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว...


หลังเกิดเรื่อง ตุลย์ก็โบกแท็กซี่หอบสังขารสะบักสะบอมของตัวเองตรงดิ่งกลับบ้านโดยทิ้งจีจี้ไว้ที่ตึกศิลปศาสตร์ จำได้ว่าหญิงสาวพยายามโทรหาอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยความที่เขายังสับสนคิดไม่ตก จึงตัดสายและปิดเครื่อง ก่อนจะทำแผลลวกๆ ให้ตัวเอง สองสามชั่วโมงต่อมาก็ได้เจอศานนท์ จากนั้นก็ถูกอีกฝ่ายพาไปโรงพยาบาลอย่างที่เห็น


เท่ากับว่าเกิดเรื่องจนถึงเช้านี้ เขายังไม่ได้โทรหาจีจี้เลย


]ทั้งที่สัญญาว่าจะกลับไปให้ทันดูเธอแสดงละครแท้ๆ...


ร่างโปรงช่างใจอยู่ครู่ว่าควรโทรกลับไปตอนนี้หรือไม่ แต่พอเหลือบไปเห็นเลขเวลาตรงมุมจอ เขาก็เก็บมือถือใส่กระเป๋า ออกจากห้องทันทีที่ระลึกได้ว่าชักสายกว่าทุกวัน พอลงมาถึงชั้นล่างก็พบศานนท์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ในสภาพที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ฝ่ายนั้นพอเห็นเขาก็ลุกขึ้นหยิบกุญแจรถ เข้ามาถามไถ่อย่างห่วงใย


“เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม?”

 เขาพยักหน้าหน่อยๆ “ก็ไม่แย่ครับ”


“รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”


“ครับ ผมไม่เป็นไรแล้ว”


ตอบอย่างสั้นกระชับ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายจับความกังวลในน้ำเสียงได้ ซึ่งฝ่ายศานนท์ก็ดูไม่ติดใจกับคำพูดเขา แค่พึมพำราวกับโล่งอก


“อื้ม ดีแล้วล่ะที่เธอสบายใจ...”





ศานนท์แวะจอดส่งเขาที่หน้าตึกเหมือนทุกวัน  ตุลย์บอกลาอีกฝ่ายก่อนจะลงรถมุ่งหน้าไปยังใต้ตึกตรงข้าม ซึ่งเป็นที่ที่เขาและเพื่อนนัดเจอกันประจำก่อนเข้าคลาสเรียน แต่เนื่องจากจวนเจียนได้เวลาจะเริ่มคาบเต็มแก่ ม้าหินเกือบส่วนใหญ่จึงถูกจับจองโดยนักศึกษาจำนวนมาก แน่นขนัดจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใคร


สอดสายตาซ้ายขวาจนแน่ใจว่าหาไม่เจอแน่แล้ว ตุลย์จึงกดโทรศัพท์หาเพื่อน แต่ก่อนที่นิ้วจะสัมผัสถูกหน้าจอ แรงโถมใส่จากด้านข้างก็ทำให้เขาเซเสียหลัก โทรศัพท์เกือบหลุดมือ มันรุนแรงเสียจนเขานิ่วหน้าเจ็บแผล เกือบสลัดสิ่งที่เกาะแขนทิ้ง แต่พอเห็นกลุ่มผมสีน้ำตาลยาวสยายอยู่บนไหล่เขา ตุลย์ก็ต้องทวบทวนการกระทำใหม่


จีจี้ก้มหน้ากอดแขนเขาแน่น ตุลย์ไม่สีเห็นหน้าเธอ แต่กระนั้นความรู้สึกชื้นๆ บนเสื้อก็ทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังร้องไห้เสียใจ


“จี้ขอโทษ... เป็นความผิดจี้เองที่ทำให้ตุลย์ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ขอโทษนะที่จี้ไม่เคยรู้สึกตัวเลย จนสุดท้ายก็เป็นต้นเหตุให้ตุลย์ต้องลำบาก...”


พูดไปได้ครึ่งประโยคเธอก็เริ่มสะอึ้น ใจความหลังจากนั้นเขาฟังไม่ได้ศัพท์นัก รู้แค่ว่าเธอพยายามขอโทษซ้ำๆ จนเขาต้องลูบหลังปลอบให้ใจเย็นลง พร้อมกับความรู้สึกในใจที่ยิ่งทวีคูณ


“จี้ไม่ผิดอะไรสักหน่อย เราต่างหากทิ้งจี้ไว้คนเดียวทั้งที่สัญญาว่าจะกลับมาให้ทัน...”


“จะไปสนใจสัญญางี่เง่าแบบนั้นทำไม!” เธอตะคอก เงยหน้ามองเขาด้วยขอบตาแดงช้ำ


“จี้รู้แล้วว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ไม่ต้องพยายามปลอบใจจี้แล้ว ที่ตุลย์โดนซ้อมขนาดนี้ก็เพราะอยู่ใกล้จี้ไม่ใช่เหรอ คนพวกนั้นมันเข้าหาจี้ไม่ได้ถึงได้ไปลงกับคนอื่น!”


“เอาน่า เราไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก จี้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น”


ตั้งใจจะปลอบ แต่หญิงสาวกลับร้องไห้หนักกว่าเก่า เห็นแบบนั้นเขาจึงอือออตามน้ำไป ปล่อยให้เธอพูดสิ่งที่คาใจออกมาจนหมด แล้วก็ค่อยให้เธอพาไปที่โต๊ะเมื่อใจเย็นลง


“แล้วจี้รู้ได้ยังไงว่าเรามีเรื่องกับพวกนั้น?”


เขาแน่ใจว่าไม่ได้ติดต่อใครเลย แม้กระทั่งเพื่อนสนิทหลังจากเรื่องเย็นนั้น ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่สองคนนี้จะรู้ข่าว


....เว้นเสียว่ากายจะป่าวกระกาศเรื่องนั้นให้ทุกคนรู้ คิดมาถึงตรงนี้ตุลย์ก็ขนลุกอย่างห้ามตัวเองไม่ได้


ครั้งนี้จีจี้ไม่ตอบแต่พยักพะเยิดหน้าไปทางแม็กที่ยืนพิงเสาอยู่ไม่ไกล ท่าทางอีกฝ่ายก็ดูฉุนเฉียวไม่น้อย พอเห็นเขาเดินมาพร้อมสาวเจ้า ก็ใส่เสียเต็มที่


“มึงปิดโทรศัพท์อย่างงี้ กูจะรู้เหรอว่าเป็นตายร้ายดียังไง! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังจะปิดพวกกูอีก จิตใจมึงเคยคิดถึงคนอื่นบ้างไหมเนี่ย!?”


“กูขอโทษ กูผิดเองที่ไม่ได้โทรบอกตั้งแต่เมื่อวาน” ตุลย์รับผิดไปตามเรื่อง หากแต่ความสงสัยมีมากกว่า “มีใครรู้เรื่องบ้าง?”


“มีแค่กูกับจี้ แล้วไอ้หมอนี่”


 คนถูกถามว่าพลางชี้นิ้วไปยังผู้ชายอีกคนบนม้าหินที่เขาไม่ได้ใส่ใจมองทีแรก


“พวกกูตามหามึงกันให้วุ่น โทรศัพท์ก็ไม่รับ ตามจนไปเจอเพื่อนเก่ามึงนี่แหละถึงได้รู้ว่ามึงโดนไอ้กายมันซ้อม รู้กันแค่สามคน แต่สารรูปมึงตอนนี้ก็อย่างกับคนอื่นเขาจะดูไม่ออกงั้นแหละ”



“เพื่อนเก่ากู?”


“เออดิวะ ก็ไอ้เต้ไง มันบอกว่าเป็นเพื่อนสมัยมัธยมของมึง”


ตรงเพ่งพินิจเจ้าของร่างบนม้าหิน รูปร่างอีกฝ่ายค่อนข้างสูงและแข็งแร็งแบบคนเล่นกีฬา สีหน้าไม่แยแส ไม่เหมือนคนที่เคยรู้จักกันสักนิด ครั้นถูกมองนานจนรู้สึกตัว ฝ่ายนั้นก็จ้องกลับด้วยแววตาเรียบสนิทไร้เยื่อใยแบบเดิม


ยิ่งสบตา ตุลย์ก็ยิ่งแน่ใจ ไม่ใช่เพียงไม่คุ้นหน้า แต่...


“กูไม่เคยมีเพื่อนชื่อเต้”


สิ้นประโยคทั้งโต๊ะเงียบลงในบัดดล ฝ่ายแม็กจากที่ขมวดคิ้วมองเขาเหมือนรำคาญ ก็พลันตวัดมองผู้มาใหม่อย่างคลางแคลงใจ แต่แทนที่จะออกอาการลุกลี้ลุกลน ผู้ชายคนนั้นกลับแก้ต่างให้ตัวเองห้วนๆ


“เป็นเพื่อนสมัยมัธยม แต่อยู่คนละห้องกัน”


หากนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากรู้...


“กูไม่ได้บอกใครเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วรู้เรื่องนี้ได้ไง?”


“เห็น”


“เห็นที่ไหน?”


“ก็เห็นแล้วกัน” ตอบสั้นๆ อย่างไม่ทุกข์ร้อน คราวนี้เป็นตุลย์ที่ขมวดคิ้ว


เขาแน่ใจว่าไม่รู้จักชายคนนี้ พอๆ กับที่ชายคนนี้ไม่รู้จักเขา แต่เพราะอะไรฝ่ายนั้นถึงอ้างว่า ‘เป็นเพื่อน’ ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน?


ยังไม่ทันไขข้อข้องใจ เสียงอ๊อดก็ดังขึ้นก่อน


“ขึ้นเรียนเหอะ”


“ห๊ะ?”

 แม็กเลิกคิ้วไม่เข้าใจ เมื่อเขาตัดบทฉับแล้วหันหลังเดินขึ้นบันไดทิ้งผู้ชายชื่อ ‘เต้’ ไว้เบื้องหลัง ทั้งสองคนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามเขามา


“เฮ้ย มึงจะทำกับเพื่อนเก่าอย่างงี้เลยเหรอวะ เอาจริงดิ?”


“กูไม่รู้จักเขา”


“แน่ใจเหรอว่ามึงไม่ได้แค่ลืมหน้า?”


“กูไม่รู้จักเขาจริงๆ” ตุลย์ยืนยันซ้ำ


เล่นเอาคนฟังเกือบอุทานว่า ‘อะไรวะ’ แต่ก็ไม่ได้ทำมากกว่าถอนหายใจยาว


“ชีวิตมึงแม่งโคตรซวยแบบซับซ้อนเลยว่ะ”


ตุลย์ยิ้มแห้ง แม้แต่ตัวเองก็ยังเห็นด้วยกับประโยคนั้น


 “ตุลย์...” จู่ๆ จีจี้ที่เดินเงียบมาตลอดทางก็ดึงแขนเสื้อเขา “ตุลย์ไม่โกรธจี้ใช่ไหม ที่จี้ทำให้ตุลย์เป็นแบบนี้ เราจะไม่เลิกเป็นเพื่อนกันใช่ไหม...?”


พูดไปน้ำตาที่หยุดไหลก็กลับมาคลอหน่วยอีกครั้ง ดูเหมือนจีจี้จะยังรู้สึกผิดเรื่องที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพแบบนี้  แต่สิ่งที่หญิงสาวไม่รู้คือ ระหว่างเขากับกาย...


มันมีแรงจูงใจอื่นนอกจากที่เขาใกล้ชิดเธอมากไป ที่ทำให้อีกฝ่ายตัดสินใจลงไม้ลงมือ


ทุกครั้งที่พอคิดถึงเรื่องเหล่านั้น ในใจก็จะรู้สึกหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยหิน เขาทำได้เพียงฝังมันลงไปให้ลึกจนไม่มีใครมองเห็น


“ไม่เลิกหรอก จีจี้สำคัญขนาดนี้จะให้เราไปง่ายๆ ได้ยังไง”


“จริงนะ?”


“จริงสิ” แม็กย้ำ “ไอ้ตุลย์มันจะไปอยู่กับใครได้อีกเล่า”


จีจี้คล้ายจะคลายใจหลังฟังจบ หญิงสาวยังดูเศร้าอยู่บ้างแต่ก็แค่ในช่วงคาบเช้า แต่พอตกบ่ายปุ๊บเธอก็กลับมาร่าเริงพูดจ้อเสมือนว่าไม่อะไรเกิดขึ้น


ยิ่งไปกว่านั้นโชคก็ดูจะเป็นใจ เพราะตลอดทั้งวันนั้นเขาไม่เจอกายเลยทั้งที่เรียนวิชาเดียวกัน ราวกับทุกอย่างกำลังเริ่มกลับมาไปได้สวยอีกครั้ง แต่สองสามวันต่อจากนั้นตุลย์ก็รู้ตัวว่าชีวิตเขากำลังพบเจอกับ ‘สตอล์คเกอร์’ รูปแบบหนึ่ง


“มันอีกแล้วเหรอวะ” แม็กย่นคิ้ว กระซิบกระซาบกับเขาจีจี้ระหว่างมื้อกลางวันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง “นี่กูเห็นมันเป็นรอบที่ห้าของวันแล้วนะ เพื่อนมึงไม่ได้โรคจิตใช่เปล่า?”


“บอกไปกี่รอบแล้วว่าไม่ใช่เพื่อนกู”


ตุลย์กระซิบตอบแบบชักมีน้ำโห หลังจากโดนหยอกกึ่งเล่นกึ่งจริงเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้


เรื่องนี้มันเริ่มขึ้นมันสองวันก่อน หลังจากที่ ‘เต้’ อ้างว่าเป็นเพื่อนเก่าเขา ฝ่ายนั้นติดตามเขาไปทุกที่ ทีแรกตุลย์ก็คิดว่าอาจเป็นเพราะเขาคลางแคลงใจในตัวผู้ชายคนนั้น ถึงได้รู้สึกว่าเจอหน้ากันบ่อยทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ต่อมาเขารู้ว่าไม่ได้คิดมากไป


เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่เขาจะเจอผู้ชายคนนี้ในทุกๆ ที่ที่ไป เช่น ในห้องสมุด ระหว่างเปลี่ยนคาบเรียน มื้อกลางวัน ก่อนกลับบ้าน หรือแม้กระทั่งตอนที่ไปซื้อขนมในร้านสะดวกซื้อ ก็มักจะเห็นเต้ซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งไม่ใกล้ไม่ไกล หากมองดีๆก็จะสังเกตเห็นได้ไม่ยาก


...และเช่นเดียวกับทุกครั้ง


เช้านี้พวกเขาไม่มีเรียนจึงนัดเจอกันที่ร้านอาหารหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อทานมื้อกลางวันก่อน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทั้งที่จงใจหลีกเลี่ยงการพบปะทางตรงและทางอ้อม ผู้ชายคนนี้ก็ยังโผล่มาครึ่งชั่วโมงให้หลังจากที่พวกเขามาถึง จากนั้นก็สั่งเครื่องดื่มนั่งเล่นโทรศัพท์ไปตามเรื่องราว ทำราวกับมองไม่เห็น


“จี้ว่าไหนๆ ก็กินเสร็จแล้ว เราเปลี่ยนร้านดีไหม...”


 ครั้งที่เป็นสาวเจ้าที่ออกความเห็น ซึ่งตุลย์ก็เห็นด้วย


พวกเขาเช็คบิลล์แล้วออกจากร้านทันที โดยที่ตุลย์ไม่ลืมเหลี่ยวหลังมอง แต่พอเห็นว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตามมา เขาก็แอบโล่งใจ


ด้วยความที่จีจี้อ้างว่า ‘คนเรามีสองกระเพาะ’ หลังเสร็จจากมื้อกลางวัน เธอก็ชวนมาทานของหวานต่อที่ร้านเค้กเจ้าประจำ ร้านนี้ค่อนข้างเป็นส่วนตัวคนไม่พลุกพล่าน แต่รสชาติถูกใจ ระหว่างที่รอของว่างมาเสิร์ฟ พวกเขาก็คุยเรื่องโน้นนี้ตามประสา ซึ่งหัวข้อหนึ่งที่หนีไปพ้นก็คงเป็นเรื่องโปรเจ็คกลางภาคที่อาจารย์เพิ่งสั่งมาหมาดๆ เมื่อเย็นวาน


ทว่าคุยไปได้ครึ่งๆ กลางๆ เสียงกระดิ่งบนประตูก็ดังกังวาล มันดังพอจะทำให้ทั้งสามคนหันขวับตามต้นเสียง


ทันทีที่ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาด้านใน คุณป้าที่เป็นเจ้าของก็ถามอย่างใจดี


“จะรับอะไรดีล่ะหนู”


“มอคค่าครับ”


สั่งจบเต้ก็เดินผ่านโต๊ะพวกเขาไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งของร้าน เมินเฉยราวกับแสร้งมองไม่เห็น


คราวนี้แม็กถึงกับอุทานว่า ‘โอ้โห’ พร้อมกับมองหน้าเขาเหมือนจะพูดว่า ‘มันเอาจริงว่ะ’


บอกตามตรงว่าแม้แต่ตุลย์เองก็พูดไม่ออก เต้นั่งเฝ้าพวกเขามาหลายชั่วโมงตั้งแต่มื้อกลางวัน ไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าตัวซัดกาแฟปริมาณมากขนาดนั้นเข้าไปได้ยังไงโดยที่ไม่สำรอกของเก่าออกมาเสียก่อน


เขาโดนสตอล์คเกอร์ตามเข้าวันที่สามแล้ว...


ให้ตายเถอะ นี่เรื่องจริงใช่ไหมเนี่ย!?


-----------------------------------
เปิดตัวตัวละครใหม่ อิอิอิอิอิ
ใครที่รอเจ้ากายโดนเอาคืนอยู่ ขอบอกว่ารอยาวๆ เจ้าค่ะ ถถถถถ ระหว่างนี้ยังมีเรื่องอีกเยอะ ก่อนหนูตุลย์จะก้าวผ่านความกลัวนี้ไปได้
ส่วนใครที่รอลุงศานนท์อยู่ ก็อยากจะบอกว่าช่วงนี้ค่าตัวลุงแพงนิดนึง เลยมาออกงานไม่ดี อิอิอิอิ #โดนตบ แต่หลังกลับมาก็น่าจะคุ้มการรอคอยอยู่นะคะ หลังจากที่ขาด NC ไปหลายตอนแล้ว #เอ๊ะ
ขอบคุณที่ยังไม่ลืมเมลล่าค่า มีเพจแล้วนะ อิอิ ติดตามกันที่นี่ได้เจ้าค่ะ

https://www.facebook.com/Iamcaramella

รักทุกคลลลลล

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-12-2017 20:48:40 โดย Caramella »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด