มนุษย์แฟนเด็ก
5
มีความโดนเหวี่ยง
“เบสท์จะซักชุดที่ใส่วันนี้หรือเปล่า?” จันทร์เจ้าเคาะประตูถามคนที่อยู่ในห้องน้ำ หลังจากทำกิจกรรมเสร็จรุ่นพี่ก็ปล่อยให้รุ่นน้องได้พักผ่อน และต้องไปรวมตัวกันอีกตอนหนึ่งทุ่มเพื่อกินอาหารเย็น
แกรก! ลูกหมูผงะ ไม่คิดว่าเบสท์จะเปิดประตูออกมา เพื่อนตัวขาวอยู่ในสภาพผ้าเช็ดตัวพันช่วงล่าง บนหัวมีฟองของแชมพูอยู่ เลอะไปถึงคางเลย
“มึงว่าไงนะ?”
“เราจะเอาชุดไปส่งซักงะ เบสท์จะ---”
“ไป! เอาของกูไปด้วย เน่าฉิบหาย”
“โอเค แต่เราว่าจะไปซื้อขนมที่ร้านค้าแถวนี้ด้วย เบสท์อยากได้อะไรไหม?”
“ไม่รู้ แล้วแต่มึงเลย”
“คับผม! งั้นเราไปก่อนนะ” เบสท์ตอบกลับด้วยการปิดประตูใส่หน้า ลูกหมูย่นจมูกก่อนจะเดินถือถุงกระดาษที่มีชุดของตนเองและเบสท์อยู่ในนั้นออกจากห้อง
“จันทร์เจ้า!”
“อะ อ้าว หวัดดีตะวัน”
“จะไปไหนเหรอ?”
“เอาชุดไปส่งซักน่ะ” บอกพร้อมกับชูถุงในมือให้ดู
“หืม? มีบริการซักรีดด้วยเหรอ?”
“มีสิ เราโทรไปถามพนักงานแล้ว”
“รอเราแป๊บได้ไหม เดี๋ยวไปด้วย” จันทร์เจ้าเลิกคิ้ว ก่อนจะพยักหน้า ตะวันยิ้มกว้างแล้ววิ่งกลับไปที่ห้องพัก ลูกหมูจึงหาที่นั่งรอ ระหว่างนั้นก็เล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วย รูปที่รุ่นพี่โพสต์ส่วนใหญ่มีแต่ตลก ๆ ทั้งนั้นเลย เง่อ มีรูปเราตอนที่กำลังหน้าเหวอด้วย กดสแปมดีไหมเนี่ย คึคึ
“จะไปไหนต่อหรือเปล่า?” ตะวันถามขึ้นหลังจากที่เอาผ้าไปส่งซักเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าพี่พนักงานบอกจะเอาไปให้ที่ห้องพักแหละ
“ไปซื้อขนม”
“โห่ เด็กน้อยเอ๊ย”
“เง้อ อย่าว่าเรานะ เดี๋ยวทุบเลย”
“หึหึ เด็กน้อยจริง ๆ เลย”
“ลามปามนะเจ้ามักเกิ้ล!”
“มักเกิ้ล?” ตะวันทำหน้างง สักพักก็หัวเราะเสียงดัง จันทร์เจ้าเองก็พลอยหลุดหัวเราะตามไปด้วย ทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ ระหว่างที่เดินไปร้านค้า ไม่คิดว่าตะวันจะเป็นคนอัธยาศัยดีแบบนี้ เพราะว่าท่าทางที่อีกฝ่ายแสดงออกมากกว่าล่ะมั้ง ด้วยบุคลิกที่ดูเหมือนคุณชายจากตระกูลดัง ทำให้มีคนไม่กล้าเข้าใกล้ หรือเข้าไปทักทาย แต่พอได้คุยกันแบบนี้แล้วตะวันเป็นคนที่นิสัยดีคนหนึ่งเลย เอาไปสองแต้ม!
จันทร์เจ้าเดินวนเวียนหน้าชั้นวางขนม ในมือเล็กถือตะกร้าสีส้มไว้มั่น ดวงตากลมโตมองไปที่เหล่าขนมกรุบกรอบบนชั้นอย่างแน่วแน่ ฮึม! เลือกไม่ถูกเลยว่าจะเอาอะไรดี ดูอย่างอื่นแล้วค่อยกลับมาเอาก็แล้วกัน...
“ทั้งหมดสามร้อยแปดสิบหกบาทค่ะ” ลูกหมูส่งธนบัตรสีแดงให้พนักงานไปสี่ใบก่อนจะรับเงินทอนและถุงมาถือแล้วเดินออกจากร้านไป ขนาดเลือกไม่ถูกยังได้มาถุงใหญ่ ถ้าเลือกถูกต้องใส่กระสอบแทนแน่นอน...
“ซื้ออะไรเยอะแยะเนี่ย?”
“จะได้ไม่ต้องมาซื้อบ่อย ๆ ไง”
“กินหมดเหรอ เยอะนะนั่น”
“หมดสิ ตะวันนี่สงสัยอะไรเยอะจังเลย”
“ว่าเราเสือกเหรอ”
“เปล่าสักหน่อย คิดไปเอง เรายังไม่พูดอะไรเลย” ว่าแล้วก็ทำหน้างอ มีแค่เค้กโรลเท่านั้นที่เข้าใจเรา หอมกลิ่นวานิลลา เนื้อเค้กก็นุ่ม อร่อยสุด ๆ ไปเลย!!!
ตะวันมองคนที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม นึกอยากจะยื่นมือไปจิ้มแก้มเนียนที่บวมตุ่ยเพราะจุขนมไว้เต็มปาก ท่าทางมีความสุขของจันทร์เจ้าทำให้เขาละสายตาไม่ได้ ขอสักหน่อยเถอะ... มันเขี้ยว ตะวันยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อแตะนิ้วบนแก้มนุ่ม จันทร์เจ้าผงะเล็กน้อย มองหน้าเพื่อนใหม่ตัวสูง มุ่ยหน้าใส่แล้วลูบแก้มตัวเอง ทำไมใคร ๆ ก็มาวอแวกับแก้มเรา เดี๋ยวก็คิดเงินซะหรอก!
“น้องชับบี้!!!”
“โอ๊ะ!” โบกมือให้เจ้าของเสียงเรียก พี่ชมพู่นั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธอ เรียวขาก้าวเดินไปหาเมื่อพี่คนสวยกวักมือเรียก “สวัสดีงับ”
“ไปไหนมาจ๊ะ?”
“เอาเสื้อผ้าไปส่งซักแล้วก็ซื้อขนมครับ” ชูถุงในมือให้ดู “พี่ชมพู่กินไหม?”
“ไหน ซื้ออะไรมาบ้าง” จะปฏิเสธก็กลัวว่าน้องจะเสียน้ำใจ เธอจึงหยิบขนมมาหนึ่งห่อกับเครื่องดื่มอีกขวด “แล้วนั่น... ใครเหรอจันทร์เจ้า?”
“เพื่อนครับ”
“สวัสดีครับ”
“ตะวัน? ตัวแทนเดือนปีนี้?”
“ครับ”
“กูกลับห้องก่อนนะ” ทิวากาลเอ่ยเสียงเรียบ ทันทีที่พูดจบเขาก็ลุกออกไปทันทีโดยไม่รอให้ใครได้ค้าน เขาไม่ได้เป็นอะไร แค่ไม่อยากอยู่ตรงนั้นแหละ เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ รอยยิ้มที่เปื้อนหน้าพวกนั้นทำให้เขารู้สึกรำคาญจนทนแทบไม่ไหว
เมื่อกลับถึงห้องพักที่ว่างเปล่าไร้เงาของเพื่อนร่วมห้อง เขาก็ทิ้งตัวลงบนเตียง หลับตาลงเพื่อพักผ่อน รอให้ถึงเวลาที่ต้องไปทานอาหารเย็น ทิวากาลคิดว่าเขาคิดผิดที่ตกลงมาค่ายนี้ นึกว่าจะมีอะไรสนุก ๆ ให้ทำ แต่ผิดคาด มันน่าเบื่อและน่ารำคาญไปหมด ผู้คนเยอะแยะที่เขาไม่ชอบ ถ้ากลับก่อนกำหนดคงได้โดนชมพู่เด็ดหัวเป็นแน่
แกรก! กึก! ทิวากาลขมวดคิ้ว ตาคมค่อย ๆ ปรือขึ้นมองหาสาเหตุของเสียงรบกวน เมื่อเจอใบหน้าซื่อ ๆ ของคนที่ต้องนอนห้องเดียวกันยืนยิ้มแหย ๆ อยู่เขาก็ฟุบหน้ากับหมอนอีกครั้ง
“เราขอโทษ...”
“......”
“เราไม่ได้ตั้งใจทำให้ทิวาตื่นนะ ฝาขวดมันลื่นก็เลยหลุดมือ”
; __ ;
ลูกหมูหน้าหงอยหนักกว่าเดิมเมื่อสิ่งที่ตอบกลับมาคือความเงียบและเสียงพ่นลมหายใจด้วยอารมณ์รำคาญ งื่อ... เราผิดมากเลยเหรอ จัดขนมที่ซื้อมาไปก็เบะปากไป ไหนจะต้องพยายามทำเบา ๆ เพื่อไม่ให้เสียงเสียดสีของถุงพลาสติกไปรบกวนคนอายุมากกว่าอีกด้วย จันทร์เจ้าเดินไปดูโทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตเตอร์รี่เอาไว้อยู่ มีข้อความจากพี่มีนกับพี่ฟ้า มิสคอลจากหม้ามะและจริงใจ จันทร์เจ้านั่งลงบนพื้นข้างกระเป๋าเป้ของตนเอง รัวนิ้วเขียนข้อความตอบกลับพี่มีนกับพี่ฟ้าคนดีไปด้วยระหว่างที่คุ้ยหาหูฟังที่เก็บไว้ในกระเป๋า
เอ๋...? นมขวดที่อยู่ในช่องข้างกระเป๋านี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? คิ้วขมวดมุ่น ดึงขวดนมออกมา อ่า... รสสตรอว์เบอร์รี่เสียด้วย ยังเย็นอยู่เลยแฮะ... ริมฝีปากระบายยิ้มกว้างเสียจนตาหยี
นี่จันทร์เจ้าเอง : พี่มีน มิลค์บอยแอบเอานมมาไว้ในกระเป๋าเราด้วยแหละ คึคึ
วางมือถือลงข้างตัวหลังจากกดส่งข้อความไปให้พี่มีน ลูกหมูมองพิจารณานมสตรอว์เบอร์รี่ในมืออยู่นานก่อนจะเปิดดื่ม เมื่อดื่มหมดจันทร์เจ้าก็เอาขวดเปล่าไปล้างและเช็ดให้แห้ง จากนั้นหยิบปากกาเมจิกออกมา เขียนวันที่ลงบนขวดนมพร้อมกับวาดรูปหน้าบึ้งใส่ไว้ด้วย หน้าบึ้งนั่นแหละเหมาะที่สุดแล้ว วันนี้ทิวาเป็นบ้า ไม่คุยกับเราสักคำตั้งแต่มาถึงที่นี่ ทั้งที่ตอนอยู่บนรถยังดี ๆ อยู่แท้ ๆ เราไม่เข้าใจเลย ทำไมทิวาถึงเป็นมักเกิ้ลที่เป็นแบบนี้นะ ฮึ่ย! เมื่อเสร็จแล้วก็เก็บไว้อย่างดีในกระเป๋าของตัวเอง…
เช้าวันใหม่มาเยือนในเวลาต่อมา เหล่าเด็กปีหนึ่งถูกปลุกตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อไปออกกำลังกายด้วยกัน จันทร์เจ้าอ้าปากหาววอด ตายังคงลืมไม่ขึ้น แต่ยังขยับตัวไปมาตามคำสั่งของรุ่นพี่ ฮือออออ ทำไมต้องทรมานกันอย่างนี้ด้วย!!! นึกอิจฉาทิวากับพี่มิคตะหงิด ๆ ที่ยังได้นอนหลับสบายในห้องแอร์เย็น ๆ และผ้าห่มอุ่น ๆ
เมื่อออกกำลังกายเสร็จรุ่นพี่ก็ปล่อยให้น้องไปพัก และนัดรวมอีกครั้งตอนแปดโมงเช้าเพื่อทานอาหาร จันทร์เจ้าพอได้ยินรุ่นพี่สั่งปล่อยก็เดินออกจากกลุ่มไปทันทีโดยไม่รอเบสท์เลยด้วยซ้ำ ไม่ไหวแล้ว เราง่วงมาก ๆ เลย ฮือ จริงใจที่ว่าร้ายกาจยังไม่เคยปลุกเราในเวลาเช้าขนาดนี้มาก่อนเลย แง
หลังมื้อเช้าก็เป็นการทำกิจกรรมตามแบบแผนที่ได้ตั้งเอาไง้ เหล่ารุ่นพี่ทั้งหลายได้ให้รุ่นน้องทำกิจกรรมร่วมกันอย่างหลากหลายอย่างเพื่อกระชับมิตรระหว่างรุ่นน้องเอง ในแต่ละกิจกรรมนั้นก็มีเป้าหมายคือการสร้างความสามัคคี ความมีน้ำใจ และความเสียสละให้แกน้อง ๆ กว่าจะจบวันก็เล่นเอาเหนื่อยล้าไปตาม ๆ กันทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง พวกเขาถูกปล่อยให้ไปอาบน้ำพักผ่อนอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาสองทุ่มต้องไปรวมตัวกันที่ลานกว้างของรีสอร์ท…
หงึก! เอนไปด้านหน้า หงึก! เอนไปทางซ้าย หงึก! เอนไปทางขวา หงึก! คราวนี้ไม่เอนแต่หงายไปด้านหลังซ้ำหัวยังโขกกับขอบเตียงอีกด้วย
“ไอ้เหี้ย กูน่าจะถ่ายคลิปไว้” มิคว่ากลั้วหัวเราะหลังจากที่มองรุ่นน้องตัวขาวนั่งสัปหงกอยู่นาน ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเข้าไปถีบให้หงายตั้งแต่หงึกแรก แต่นี่น้องมันดันมีหน้าตาเป็นอาวุธ น่ารักจิ้มลิ้ม ตัวขาวเจ้าเนื้อ น่าบีบขนาดนี้ใครจะไปทำลงกันวะ เริ่มไม่แปลกใจว่าทำไมไอ้ต้นถึงได้ชอบ และดูเหมือนว่าไอ้หน้ายักษ์ที่นั่งจิบเบียร์อยู่ข้างเขาก็จะหลงเสน่ห์ซื่อ ๆ นั่นเข้าด้วยอีกคน จ้องไม่วางตาขนาดนี้ปฏิเสธพ่อจะถีบให้คว่ำ
“ดู ๆ ไปแล้วน้องมันน่ารักอย่างที่ไอ้ต้นมันเพ้อจริง ๆ มึงว่ามะ?”
ทิวากาลปรายตามองคนพูด เขายกเบียร์ขึ้นดื่ม ไม่ตอบคำถามของเพื่อน ตาคมยังจ้องมองเด็กมาร์ชเมลโลว์อยู่ ง่วงแล้วทำไมไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงดี ๆ วะ!!
“ถ้ามีคนมาจีบเยอะกูไม่แปลกใจเล้ย เล่นน่ารักขนาดนี้ ทั้งไอ้ต้น แล้วยังมีไอ้เด็กปีหนึ่งที่ชื่อตะวันอีก” มิคเว้นวรรคที่จะพูดต่อเพื่อมองปฏิกิริยาของเพื่อนตามที่ได้ถูกจ้างวานโดยชมพู่ “ไอ้ต้นแม่งมาบ่นร่ำ ๆ ว่าไอ้น้องตะวันเต๊าะน้องจันทร์เจ้าของมัน เมื่อวานตอนที่มาด้วยกันมันก็แทบจะลุกไปตั้นหน้า ถุย ไอ้ห่า ทำเป็นพูด แต่แม่งก็นั่งนิ่ง ๆ”
“มึงอยู่เงียบ ๆ จะตายไหม?”
“ให้กูพูดหน่อยเถอะ กูอัดอั้น”
“ไปพูดกับเพดานไปไอ้สัด!”
“ห่า! แล้วนั่นมึงจะไปไหน?”
“สูบบุหรี่” ทิวากาลบอกเสียงขุ่น ก่อนจะออกจากห้องเขาหันกลับมาและชี้นิ้วไปที่เด็กตัวขาวบนพื้นก่อนชี้ไปที่เตียง “บอกมันขึ้นไปนอนบนเตียงดี ๆ ด้วย”
ปัง! “อื้อ…!” คนหลับสะดุ้งตื่น ดวงตาปรือปรอยมองไปรอบห้อง ใบหน้าง่วงงุนนั้นทำให้มิครู้สึกขำ
“ขอโทษแทนไอ้กาลด้วย”
“หือ?”
“มันปิดประตูเสียงดังน่ะ”
“อ๋อ… ไม่เห็นต้องขอโทษเลยครับ หาววววว~”
“ง่วงทำไม่ขึ้นไปนอนข้างบนล่ะครับ?”
“ตัวเราสกปรก เดี๋ยวเตียงสกปรกไปด้วย ก็เลยไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงงับ…” มิคครางรับในลำคอกับเหตุผล “เบสท์ยังอาบน้ำไม่เสร็จอีกเหรอครับ?”
“ยังไม่เห็นออกมานะ”
จันทร์เจ้าเบิกตาโต นี่มันจะเป็นชั่วโมงแล้วนะ ทำไมเบสท์ยังอาบน้ำไม่เสร็จอีก! ลูกหมูตัดสินใจออกไปนั่งเล่นที่หน้าห้องพัก แต่อออกมาก็ต้องเบ้หน้าเมื่อกลิ่นฉุนของควันบุหรี่ลอยแตะจมูก ทิวาสูบบุหรี่บ่อยจัง ไม่มันดีต่อสุขภาพไม่รู้เหรอ
“ทิวาสูบบุหรี่อีกแล้ว” หมูน้อยเอ่ยทักไปก่อนแม้จะรู้สึกแปลก ๆ โอเค เราไม่รู้ว่าความรู้สึกเก้อ ๆ นี้มันคืออะไร ในเมื่อเราอยากทัก เราก็เลยทักก็เท่านั้น
“เรื่องของกู”
“มันไม่ดีนะ ถ้าสูบมาก ๆ จะแย่---”
“ไม่ต้องมายุ่งได้ไหม!? ไม่ชอบก็ไปไกล ๆ สิวะ!!!” จันทร์เจ้าสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนตะคอกใส่ ทิวากาลจ้องเด็กอายุน้อยกว่าเขม็ง เขาก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายช้า ๆ ก่อนจะก้มหน้าลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน ดวงตากลมของจันทร์เจ้าฉายแววหวาดกลัวและไม่เข้าใจ ทิวากาลแสยะยิ้มร้าย เขาพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ลูกหมูไอโขลก ยกมือปัดควันไปให้พ้นใบหน้า มือเล็กดันทิวากาลออก ลูกแก้วใสบัดนี้ขุ่นมัวด้วยอารมณ์หงุดหงิด
“เราขอโทษที่วุ่นวายจนทิวารำคาญ ต่อไปนี้จะไม่ยุ่งแล้วครับ”
“หมูอะ---”
ปัง!! เบสท์เกาหัวแกรก ๆ มองบานประตูที่เพิ่งถูกกระแทกปิดเสียงอย่างด้วยความงุนงง แค่อาบน้ำนานเองไม่เห็นต้องโมโหแบบนี้เลย...
“มันเป็นบ้าอะไรเหรอฮะ?” หันไปหาคำตอบจากพี่มิคที่นั่งดูทีวีอยู่บนเตียง
“ไม่รู้สิ” มิคตอบพร้อมไหวไหล่และยิ้มมุมปาก
เฮ้อ... ไม่น่าถามเลย ไม่น่าไปพูดกับคนคนนี้เลยด้วย
จันทร์เจ้าเอนหลังพิงกับบานประตู นึกขอโทษเบสท์ในใจที่ปิดประตูใส่เสียงดัง คนตัวเล็กถอนหายใจออกมา เสยผมไปด้านหลัง นึกอยากจะชกทิวาสักเปรี้ยงให้หน้าหงายก็เถอะ คนบ้าเอ๊ย คนเขาเป็นห่วงยังจะมาตะคอกใส่กันอีก คอยดูนะ ไม่อยากให้ยุ่งเราก็จะไม่ยุ่ง อย่ามาวอแวทีหลังแล้วกัน เป็นมะเร็งปอดตายไปเลย ฮึย!!! ไปอาบน้ำก็ได้ หงุดหงิดไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่นา
ทุกคนมารวมตัวกันที่ลานกว้างเมื่อถึงเวลาสองทุ่ม เหล่าปีหนึ่งเบิกตาโตก่อนจะโห่ร้องกันด้วยความตื่นเต้นปนดีใจ อาหารมากมายหลายอย่างถูกจัดเรียงรายบนโต๊ะตัวยาว รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีให้เลือกมากมาย ทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้ ไปจนถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ผสมอยู่ด้วย นอกจากของคาวแล้วยังมีของหวานอีกแนะ!
อู้หูย! เด็กคณะนี้นี่รวยจังเลยน้า…
“หมูอ้วนนนนนนนนนนน~”
“แอ๊ะ” ลูกหมูทำท่าแลบลิ้นจุกปากเมื่อโดนฟินน์กระโดดกอดเสียแรง
“อีเบสท์เล่าให้ฟังว่ามึงงอแง เป็นอะไรวะ?”
“เปล่างับ ไม่ได้เป็นอะไร” ตอบฟินน์ไปแบบนั้นสายตาก็กวาดมองบนโต๊ะว่าจะตักอะไรไปทานดี
“ตุ๊ดมันบอกมึงปิดประตูใส่หน้ามังดังปั๊ง!!” ฟินน์เล่าและทำท่าประกอบไปด้วย ทำให้จันทร์เจ้าหัวเราะขำ
“ลมมันตีไง เราไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษคับ!”
“ไม่ต้องมาทำหน้าแป้นแล้น” เบสท์ดันหน้าผากของลูกหมูไปหนึ่งที จันทร์เจ้าก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ “กูตกใจ นึกว่าแม่งโกรธที่กูอาบน้ำนาน”
“เราจะไปโกรธเพราะเรื่องแบบนั้นทำไมกันเล่า แต่ว่า… เบสท์อาบน้ำนานจริง ๆ นะ เราก็นึกว่าตกท่อไปแล้ว”
“อีหมู!!!”
“อ๊ากกกก อย่าทำเรา เราน่ารักนะ อย่าตีเรา!”
ปึก! เพราะมัวแต่วิ่งหนีเบสท์และไม่ทันได้ระวังจึงไปชนคนเข้า จันทร์เข้ารีบเอ่ยขอโทษ แต่ดูเหมือนว่าคู่กรณีจะโกรธมาก ๆ
“ขอโทษครับ”
“ขอโทษแล้วมันหายไหมฮะ!? รู้ไหมว่าเสื้อตัวนี้ฉันซื้อมาเท่าไหร่!?”
“เอ่อ…”
“อยากวิ่งเล่นก็ไปเล่นที่อื่นไม่ใช่มาวิ่งตรงนี้!” เสียงแหลมเสียดแก้วหูของหญิงสาวทำให้หลายคนหันมาสนใจ หากแต่เธอไม่ได้สนที่จะมีคนมอง หรือจะมีใครมองว่าเธอเป็นสาวขี้วีน เรื่องของพวกแกสิ!!
“ผม… ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“อย่ามาแตะตัวฉันนะ!!” มือขาวถูกปัดออก จันทร์เจ้ากำกระดาษทิชชูในมือแน่นหลังจากโดนปฏิเสธการช่วยเหลือ ก็เห็นว่าน้ำมันหกรดเสื้อของพี่สาวคนนั้นเลยจะช่วยเช็ดให้เท่านั้นเอง…
“มีเรื่องอะไรกัน!!”
“ก็เด็กคนนี้น่ะสิ วิ่งเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือ มาชนฟางจนน้ำส้มหกใส่เนี่ย”
“เราไม่ได้ตั้งใจนะ ; _ ;”
“น้องมันไม่ได้ตั้งใจก็แล้ว ๆ ไปเถอะ” พี่ชมพู่พูดบอก ฟางพ่นลมหายใจหงุดหงิดใส่ คล้ายว่าจะไม่จบเรื่องนี้ง่าย ๆ
“เด็กนั้นทำเสื้อฟางพัง คิดว่าฟางจะยอมหรอคะ?!”
“แม่งเอ๊ย! เรื่องเหี้ยอะไรเนี่ย!” จันทร์เจ้าก้มหน้างุด น้ำตาเริ่มเอ่อคลอหลังจากได้ยินเสียงพี่ชมพู่สบถ แม้พี่สาวคนสวยจะสบถกับตัวเองแต่จันทร์เจ้าได้ยินแล้วรู้สึกไม่ดีเลย เราทำให้พี่ชมพู่ต้องเดือดร้อนไปด้วยหรือเปล่า…
เบสท์และฟินน์จับมือเพื่อนตัวนิ่มไว้คนละข้าง เรื่องนี้พวกเขาก็มีส่วนผิดด้วย ถ้าไม่วิ่งไล่มันก็คงไม่เกิดเรื่อง เห็นไอ้หมูอ้วนทำหน้าเศร้าเหมือนรำขึ้นราคาแล้วหงุดหงิด ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาทำให้มันเศร้าทั้งนั้น!! นอกจากเบสท์คนเดียว หึหึ!
“พี่กาลคะ” หญิงสาวปรับสีหน้า เอ่ยเรียกชื่อคนมาใหม่เสียงหวานแล้วเข้าไปกอดแขนออดอ้อนแม้จะรู้ว่าพี่กาลพยายามปลดแขนเธอออก แต่เธอก็ไม่สน
“มีเด็กไปบอกกูว่ามีเรื่อง”
“ไม่มีอะไรมาก แค่น้องมันวิ่งเล่นกันแล้วไปชนฟางเข้า” ชมพู่บอกเล่าเสียงเรียบ ทิวากาลใช้สายตาคมกวาดมองคู่กรณีทั้งสองฝั่ง
“พี่กาลดูสิคะ เสื้อฟางเลอะหมดเลย”
“ตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ไม่ให้วิ่งเล่นหรือไง?” ทิวากาลเอ่ยด้วยโทนเสียงนิ่ง ๆ สายตาจ้องอยู่ที่จันทร์เจ้า ราวกับจะต่อว่าคนตัวเล็กคนเดียว
“อย่ามาลามปามพ่อแม่เรานะทิวา” คนฟังนิ่งไปด้วยไม่คิดว่าจันทร์เจ้าจะพูดแบบนี้
ทิวากาลแค่นยิ้ม “แล้วมึงลามปามรุ่นพี่แบบนี้ถูกหรอ สนิทกันมากหรือไงมาเรียกแค่ชื่อแบบนี้ คำแทนตัวนี่ก็ด้วย เก็บไว้ใช้กับเพื่อนมึงเถอะ”
ไอ้เหี้ยกาล… ชมพู่ด่าเพื่อนสนิทในใจ เธอแอบตีแขนของทิวากาลไปหนึ่งทีแต่คนหนังหนาอย่างมันไม่สะทกสะท้านหรอก ดูสิเนี่ย น้องจันทร์เจ้าของกูหน้าเสียไปแล้ว
“เรา… ผมขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะลามปามคุณ…เลย” ลูกหมูพูดด้วยรอยยิ้มแต่ใครมองก็รู้ว่ามันฝืนแค่ไหน ประโยคที่ทิวากาลพูดออกมานั้นมันรุนแรงยิ่งกว่าโดนตบหน้าเสียอีก ที่คิดว่าสนิทกันคือเราคิดไปเองคนเดียวเหรอ… เราเสียใจ ทำไมต้องพูดแบบนี้กับเราด้วย หรือโกรธที่เราทำเสื้อของพี่ฟางเปื้อน...
อึดอัด บรรยากาศแบบนี้มันน่าอึดอัดจริง ๆ ตอนนี้มันไม่ใช่ศึกระหว่างจันทร์เจ้ากับฟางแล้ว แต่มันคือศึกระหว่างจันทร์เจ้ากับทิวากาลต่างหาก แล้วสองคนนี้ไปมีเรื่องอะไรกันตอนไหน… เบสท์กันไปสบตากับฟินน์อย่างมีความหมาย ก่อนจะหันกลับไปสนใจเหตุการณ์ตรงหน้าอีกครั้ง
“คุณจะให้ผมรับผิดชอบยังไงเหรอครับ?”
ฟางเชิดหน้าขึ้นก่อนจะพูด “ฉันจะไม่ให้นายรับผิดชอบแล้วกัน คงไม่มีปัญญา”
“อ่า... คิดอย่างนั้นเหรอครับ...” ลูกหมูพยักหน้าช้า ๆ “ถ้าอย่างนั้น... ขอบคุณรุ่นพี่มาก ๆ เลยครับ ผมขอตัวก่อนน่าจะดีกว่า”
“กาล! มึงมีเรื่องต้องคุยกับกู” ชมพู่กระชากแขนของทิวากาลให้เดินตาม ทว่าแขนอีกข้างของเพื่อนสนิทก็ถูกหญิงสาวอีกคนดึงไว้
“พี่ชมพู่จะพาพี่กาลไปไหนคะ?”
“พี่จะพามันไปไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับน้องล่ะ?”
“เพราะพี่กาลจะไปกับฟางไงคะ”
“โอ้โห มั่นหน้าจังเลยนะน้อง ถามมันยังว่าอยากไปกับน้องหรือเปล่า ปล่อยแขนเพื่อนพี่ได้แล้วค่ะ เดี๋ยวผื่นจะขึ้นแขนมัน”
“พี่ชมพู่!!!”
“มีเรื่องอะไรจะคุย” ทิวากาลเอ่ยแทรกหลังจากที่ทนฟังอยู่นาน
“ถึงได้บอกว่าไปกับกูไง” ร่างสูงพยักหน้า ปลดแขนของฟางออกแล้วดันหลังชมพู่ให้เดินโดยไม่หันกลับไปสนใจหญิงสาวที่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ด้านหลัง
“มึงมีปัญหาอะไรกับน้อง!?”
“ไม่มี”
“ไม่มีเหี้ยอะไรก็เห็น ๆ กันอยู่” ชมพู่เท้าเอวมองเพื่อนสนิทที่ทำหน้าไม่สนใจโลก อยากจะตบหัวมันแรง ๆ สักที ถ้าไม่ติดว่ามันไม่ชอบให้ใครเล่นหัวนะ ฮืม!! กล้ามาทำให้ลูกหมูน้อยชับบี้ของเธอทำหน้าหงอยได้ยังไง
“ก็บอกว่าไม่มีไงวะ!”
“กูไม่ได้โง่ไอ้กาล ปกติมึงไม่พูดแบบนี้กับน้องมันเลยนะ แล้วนี่อะไรวะ ทำตัวเหมือนไม่รู้จักกันแบบนั้น มันผิดปกติ”
“เหรอ?”
“อย่ากวนตีนสิไอ้นี่ โว้ย!” ทิวากาลกลอกตา เข้าปัดมือของชมพู่ออกแล้วชิงเดินหนีออกไป ไม่สนใจเสียงบ่นและก่นด่าจากหญิงสาว
เขาเดินเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งกันอยู่รอบกองไฟ มีสายตาสงสัยจากเพื่อนทั้งสามแต่ทิวากาลก็ไม่ได้เอ่ยบอกอะไร ระหว่างที่นั่งดื่มกับเพื่อนอยู่สายตาคมก็ไล่มองไปรอบ ๆ บริเวณ คืนนี้บรรยากาศค่อนข้างคึกคักเป็นพิเศษเพราะเป็นคืนสุดท้ายแล้ว มีเด็กหลาย ๆ กลุ่มนั่งจับกลุ่มพูดคุยกินอาหารกัน ทิวากาลหยุดสายตาไว้ที่ใครคนหนึ่งที่กำลังยิ้มน้อย ๆ ทั้งที่แก้มตุ่ยเพราะอาหารเต็มปาก
“ได้ยินว่าชมพู่มีเรื่อง มีเรื่องอะไรวะ?”
“ถามไอ้พู่ดิ” ทิวากาลบอกและเพยิดหน้าไปทางชมพู่ที่กำลังเดินหน้าตึงเข้ามา
เพี๊ยะ!! “ตีกูทำไม!”
“เกลียดไอ้สัด! หมั่นไส้!” ชมพู่ตะโกนใส่หน้าเพื่อนสนิทที่พ่วงตำแหน่งญาติมาด้วย เธอฟาดฝ่ามือใส่แผ่นหลังกว้างอีกทีเน้น ๆ เสียงที่เกิดขึ้นทำเอาอีกสามคนที่เหลือหน้าเหยเกด้วยเพราะเจ็บแทน
“มันทำอะไรให้มึงวะ?” รถถังถาม
“มันทำให้กูหงุดหงิดไง ห่าเอ๊ย!! อยากจับแม่งทุ่มเข้ากองไฟจริง ๆ” คนถูกพาดพิงส่ายหน้าขำขณะที่ยกเบียร์ขึ้นจิบไปพลาง
“มีเรื่องอะไรกัน?”
“ไอ้ห่านี่มันว่าน้องชับบี้ของกู!”
“ชับบี้?” มิค ต้น และรถถังทำหน้าสงสัย แต่ทิวากาลรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนสนิทหมายถึงใคร
“จันทร์เจ้าไงสัด” ชมพู่ว่าอย่างหัวเสียเล็กน้อย นึกอยากจะเขกกะโหลกไอ้กาลสักที แต่นึกขึ้นได้ว่ามันเป็นผู้ชายและไม่ชอบให้ใครเล่นหัว หญิงยกแก้วแอลกอฮอร์ดื่มอึกใหญ่ก่อนจะระบายความอัดอั้นตันใจกับสิ่งที่เพื่อนสนิทอย่างทิวากาลทำกับน้องชับบี้ของเธอให้เพื่อนอีกสามคนฟัง
“ไอ้เหี้ยกาล!!!” ทิวากาลไหวไหล่รับคำด่าจากมิคต้นและรถถัง หลังจากที่พวกมันฟังเรื่องที่ชมพู่เล่าจบก็คงอยากจะเข้ามาบีบคอเขาเลยมั้ง
“มึงขอโทษน้องจันทร์เจ้าของกูยัง!?” คนถูกถามปรายตามมอง ต้นแทบจะตบหัวเพื่อนสักที เกลียดสายตามันจริง ๆ
“ต้องขอโทษด้วยเหรอ ไม่เห็นรู้เลย”
“ไอ้เหี้ย!!!!!”
TBC
ตะหู้ววววว มีความมาอัพเร็ว(?)
แต่ในส่วนของทิวากาลและหญ้าแห้งเกิร์ลนั้น... ไป! ไปอยู่ด้วยกันเลยไป๊!!!
ตอนนี้อาจจะไม่ถูกใจใครหลายคน (รวมถึงคนเขียนด้วยเช่นกัน ทำไมไม่คุยกันดีดี!)
อาจจะยืดเยื้อสักหน่อย ขออภัยด้วยครับผม ; __ ;
อยากจะให้เคลียร์กันในตอนเดียว แต่มันจะยาวเกินไป ฮือ
ไว้เจอกันตอนหน้านะค้า ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และสละเวลามาพิมพ์คอมเมนต์ให้ ขอบคุณมากจริงจริงงงง TwT
บั๊บบัย .โป้งชี้ก้อย