“ฮือ เราอิ่มจังเลย” เด็กแก้มกลมครางฮือก่อนบ่นเสียงอ่อนและลูบหน้าท้องตัวเองไปมา ไม่อิ่มน่ะสิแปลก กินไปเยอะขนาดนั้น เขาแค่นั่งมองเฉย ๆ ยังรู้สึกอิ่มและเลี่ยนแทน
“ไม่อิ่มก็แย่แล้ว”
“ฮี่ฮี่ ก็อร่อยนี่นา ขอบคุณทิวามาก ๆ เลยน้าที่พาเรามากินของอร่อย”
“แค่นั้นเหรอ?” ทิวากาลถามและทำหน้าเจ้าเล่ห์เล็กน้อย พอได้ยินคำขอบคุณจากอีกฝ่าย ภาพเมื่อตอนที่โดนเด็กแก้มกลมจูบหลังมือก็ฉายซ้ำ และนั่นยังเป็นต้นเหตุให้เขาอยากจีบอีกฝ่ายด้วย จันทร์เจ้ากลอกตา รู้ทันความคิดคนนิสัยไม่ดี ย่นจมูกน้อย ๆ กับความร้ายกาจของทิวา
“คนเยอะ... เราไม่จุ๊บ”
“หึ งั้นลิสต์ไว้ก่อนเดี๋ยวกูเอาคืน”
“ทิวาอ่ะ!” ทิวากาลยักคิ้วกวนประสาท จันทร์เจ้าจึงจัดการฟาดไปที่ไหล่หนาหนึ่งทีเบา ๆ ทว่าเสียงดังเพี๊ยะ!
“หึหึ มึงอยากไปไหนอีกไหม?”
“ไม่รู้เหมือนกัน เราไม่เคยมาแถวนี้อ่า...” พูดพร้อมกับช้อนตามองทิวา ร่างสูงยื่นมือไปลูบแก้มยุ้ยอย่างอดใจไม่ไหว “ท้องฟ้ามืดจัง ฝนจะตกหรือเปล่า เรากลับกันไหมคับ?”
เมื่อเด็กแก้มกลมพูดแบบนั้นทิวากาลจึงเงยหน้ามองท้องฟ้าบ้าง และมันก็มืดครึ้มอย่างที่จันทร์เจ้าบอกจริง ๆ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร เม็ดฝนก็ค่อย ๆ โปรยลงมาก่อนจะเร่งระดับเป็นหนักขึ้น ลูกหมูกับทิวามองหน้ากันว่าจะเอายังไงดี สุดท้ายก็ต้องหาที่หลบฝนกันเพราะไม่มีร่มหรืออะไรติดตัวมาเลย
องค์จันทร์เจ้านี่แม่นจริง ๆ
“เหมือนมันจะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เลยอ่าทิวา”
“นั่นสิ”
“เรากลับกันเถอะนะ”
“เดี๋ยวก็เปียกหรอก”
“เดี๋ยวก็แห้ง... นะนะ กลับกันนะ เราไม่ชอบเลย” เมื่อเด็กยืนยันว่าจะกลับให้ได้เขาก็คงต้องตามใจ ทิวากาลถอดแจ็กเก็ตที่สวมอยู่ออกแล้วเอาไปคลุมศีรษะของเด็กอายุน้อยกว่า มือใหญ่กุมมือเล็กเอาไว้แล้วรีบพาไปที่สถานีรถไฟฟ้าก่อนที่เจ้าเด็กแก้มกลมจะเปียกไปเสียก่อน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนลูกหมูไม่ทันตั้งตัว เมื่อมาถึงสถานีถึงได้ได้เงยหน้ามองทิวา เมื่อตอนที่ทิวาถอดเสื้อคลุมให้เราลืมเขิน เขินย้อนหลังได้หรือเปล่า งื้อ...
“ทิวาเปียกเลย”
“ไม่เป็นไรน่า” บอกพร้อมกับลูบหยดน้ำที่เกาะอยู่บนแก้มใสออกให้แล้วกระชับเสื้อคลุมศีรษะกลมให้อีก
เมื่อมาถึงสถานีที่ต้องลงทั้งคู่ก็ต้องมองหน้ากันอย่างคิดหนักอีกครั้ง ดูเหมือนว่าฝนจะตกแรงกว่าเมื่อสักครู่อีกนะเนี่ย... เอาไงดีวะ ถ้าฝ่าฝนไปเขาเปียกแน่ แต่ลำพังแค่ตัวเขาน่ะไม่เป็นอะไรหรอก เคยตากฝนอยู่บ่อย ๆ แต่เด็กข้าง ๆ เขานี่สิ ไม่รู้ว่าร่างกายบอบบางหรือแข็งแรงขนาดไหน ถ้าโดนฝนแล้วจะไม่สบายหรือเปล่า
แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทิวากาลรู้จักเป็นห่วงคนอื่น...
“มึงตากฝนได้ไหม?”
“ได้คับ! เราโอเคมาก ทิวาไม่ต้องห่วงหรอก” ถึงเจ้าตัวจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี แต่ก็ยอมพยักหน้ารับ
ทิวากาลกางแขนโอบไหล่เล็กเอาไว้เป็นการประคองอีกฝ่ายและช่วยจับไม่ให้เสื้อที่คลุมอยู่หลุดหรือปลิวออกไปด้วย ก่อนจะก้าวเดินผ่าสายฝนออกไป กว่าจะมาถึงคอนโดก็กินเวลาไปหลายนาที เมื่อมาโดนกับอากาศเย็นภายในตัวอาคารลูกหมูก็ตัวสั่นเป็นลูกนก ดวงตากลมช้อนมองคนตัวสูง มือเล็กยื่นไปเช็ดหยดน้ำที่หน้าผากจากทิวาออกให้ ทิวาตัวเปียกไปหมดเลย ถ้าทิวาไม่ให้เสื้อเรา คงไม่เปียกโชกแบบนี้หรอก...
“ทิวาเปียกหมดเลย”
“ช่างเถอะน่า ไม่เป็นไร ... ฝนยังตกหนักอยู่เลย อย่าเพิ่งกลับดีกว่า”
“เราก็ว่าอย่างนั้น ทิวาไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไม่สบายนะ”
“ขึ้นไปกับกูแล้วกัน” ไม่รอให้เด็กแก้มกลมเอ่ยอะไรเขาก็จูงมือเล็กไปลิฟต์ กดตัวเลขชั้นเป้าหมาย พอมาถึงในห้องแล้วทิวากาลก็หาผ้ามาให้จันทร์เจ้าเช็ดก่อนจะเอาเสื้อที่ใช้กันฝนให้อีกฝ่ายไปใส่ตะกร้า
“ถ้าทิวาไม่ให้เสื้อเรา เราคงเปียกกว่านี้ ขอบคุณนะครับ”
“อือ แต่ขอบคุณสองครั้งแล้วนะ”
“ฮือ! คนบ้า ไปอาบน้ำเลยนะ เดี๋ยวไม่สบาย!”
“ฮ่าฮ่า นั่งเล่นไปก่อนนะ หรืออยากจะเปลี่ยนชุด?”
“ไม่เปลี่ยนคับ เราไม่เปียกมาก ทิวาไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะป่วย” ลูกหมูถอนหายใจเฮือกหลังจากที่ทิวาหันหลังให้แล้ว ทิวาไม่รู้เลยหรือไงว่าเราต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนเพื่อไม่ให้ตัวเองทรุดไปกับพื้นระหว่างที่คุยด้วยเนี่ย ใครใช้ให้มายืนอยู่ตรงหน้าเขาด้วยสภาพเสื้อเปียกแนบลำตัวแบบนั้น หัวใจจะวาย ทำไมทิวาเซ็กซี่จังเลย
จันทร์เจ้าเดินไปนั่งที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ ยกขาขึ้นมานั่งกอดเข่า เฮ้อ... หนาวจัง มือเล็กยื่นไปจับเท้าเปล่าของตัวเองและพบว่ามันเย็นพอสมควร(ปกติก็เย็นอยู่แล้ว)ก็เบ้ปาก ลูกหมูถอดถุงเท้าออกไปแล้วเพราะน้ำซึมเข้าไปในรองเท้าจนเปียก ไม่เป็นไรหรอก เราไม่ได้ป่วยง่าย ๆ เสียหน่อย ระหว่างที่รอเจ้าของห้องอาบน้ำ ลูกหมูก็มองซ้ายขวารอบ ๆ ห้อง การตกแต่งแบบเรียบ ๆ แต่ดูดีและสบายตา ไม่เยอะเกินไป ก็ดูน่าอยู่ดีแต่กลับมีบรรยากาศไม่สดใสและเหงา ๆ นิดหน่อย ห้องตั้งกว้างแต่อยู่คนเดียวนี่เนอะ...
Rrrrr~ พี่ฟ้าของเราเอง ระหว่างที่กำลังนั่งคิดอยู่กับตัวเอง เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ลูกหมูรู้สึกตัว พอเห็นว่าเป็นใครโทรมาก็กดรับทันที
“พี่ฟ้า~”
(“เจเจกลับบ้านหรือยังครับ?”)
“หนูยังไม่กลับคับ ฝนตกหนักมากเลย”
(“งั้นเหรอ แล้วตอนนี้หนูอยู่ไหนเอ่ย?”)
“หนูอยู่ห้องทิวา”
(“ว่าไงนะ!!!!”) ลูกหมูยกโทรศัพท์ออกจากหูเมื่อพี่ฟ้าตะโกนเสียงดัง แอบได้ยินเสียงน้าเจ้าเอ็ดดังเข้ามาด้วย (“เจเจไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง!?”)
“งื่อ... พี่ฟ้าอย่าเสียงดังซี่... ทิวาชวนหนูมากินข้าว แต่พอจะกลับฝนก็ตกลงมาก่อน ทิวายังไม่อยากให้หนูขับรถกลับเลยมาหลบฝนที่ห้องทิวา...”
(“ให้ตายเถอะเจเจ พี่ฟ้าจะทำยังไงดี อยู่กันสองคนหรือเปล่าครับ!?”)
“ใช่คับ... หนูอยู่กับทิวาสองคน...”
เมื่อได้ยินคำตอบของเจเจเพลิงฟ้ายื่นโทรศัพท์ออกหาจากตัวก่อนจะสบถไม่เป็นภาษาแล้วจึงสูดหายใจลึกเพื่อตั้งสติ (“ตอนนี้เด็กนั่นอยู่กับหนูไหม?”)
“ไม่คับ ทิวาอาบน้ำอยู่ หนูอยู่ห้องนั่งเล่น”
(“เฮ้อ... โอเค พี่ฟ้าจะไม่ว่าอะไร แต่คราวหน้าจากไปห้องเขาแบบนี้อีกนะครับ! ถ้าฝนหยุดแล้วหนูกลับบ้านทันทีเลยนะ แล้วโทรมาบอกพี่ฟ้าด้วย เข้าใจไหม?”)
“เข้าใจคับ”
(“เดี๋ยวพี่ฟ้าต้องหาเวลาไปคุยกับหนูแล้ว”)
“งื่อ... หนูรักพี่ฟ้านะ”
(“พี่ฟ้าก็รักหนู ดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ อย่าให้เด็กนั่นทำอะไรหนูนะ อ้อ! แล้วหนูตากฝนหรือเปล่า อย่าลืมกินยานะครับ”)
“คับผม! พี่ฟ้าไม่ต้องห่วงน้า หนูดูแลตัวเองดีอยู่แล้ว”
(“โอเค พี่ฟ้าต้องไปทำงานต่อแล้ว รักหนูนะ”)
“รักพี่ฟ้าเหมือนกัน...”
“อะ อ้าว ทิวามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“มาตั้งแต่ทิวาอาบน้ำอยู่ หนูอยู่ห้องนั่งเล่น”
“โหย! ทำไมทิวาไร้มารยาทจัง มาแอบฟังเราคุยโทรศัพท์ได้ยังไง” ทิวากาลผลักศีรษะกลมอย่างหมั่นไส้ เขายกขาวก้าวข้ามพนักโซฟาแล้วไปนั่งลงข้างเด็กแก้มกลม ยักคิ้วให้เด็กแก้มกลมที่มองหน้าเขาตาโต การที่เขาก้าวข้ามโซฟาแบบนั้นเด็กนี่ไม่สามารถทำได้แน่นอน ขาสั้นขนาดนั้นอ่ะเนอะ หึหึ
“หึหึ เป็นไงบ้าง?”
“ไม่เป็นยังไงหรอก เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกนะ”
“อีกนานเลย แน่ใจหรอว่าจะไม่เปลี่ยนชุด?”
ลูกหมูสะบัดหน้า “มันไม่เปียก”
“แต่มันชื้น เดี๋ยวเป็นหวัด น้องมึงด่ากูอีก”
“ง่ะ... งั้นเราขอยืมเสื้อทิวาได้ไหม?”
“อือ ๆ รอก่อน”
“ขอบคุณครับ” ลูกหมูบอกก่อนจะรับเสื้อยืดและกางเกงจากทิวากาลมาถือแล้ววิ่งเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำก่อนจะกลับออกมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง บอกว่าเอาแค่เสื้อก็ยังจะให้กางเกงมาด้วยอีก ทิวานี่พูดไม่รู้เรื่องเลย
“มานั่งนี่” ทิวากาลตบที่นั่งข้างตัวปุ ๆ ลูกหมูเดินเข้าไปหาช้า ๆ ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่
“มีอะไรหรอ?”
“มึงขอบคุณกูสามครั้ง?”
“..........” ร่างสูงอมยิ้มขณะที่มองหน้าเหวอ ๆ ของคนเด็กกว่า “ส่งมือมาสิ”
“ไม่” บอกพร้อมกับไขว้มือไปด้านหลัง
“แล้วจะให้เราทำยังไง?”
“ชอบกูแล้วก็ต้องมากกว่าจูบมือสิ”
เบ้ปากให้คนนิสัยไม่ดี นั่งทำใจอยู่สักพักแล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ทิวา ตากลมโตสบมองกับดวงตาเรียวคม ทิวากาลเอ่ยเร่งเมื่อเด็กน้อยเอาแต่มองหน้าเขา และจากนั้นลูกหมูก็แตะริมฝีปากกับแก้มทั้งสองข้างของทิวาและหน้าผากเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจึงผละออก ก็ทิวาเอียงหน้าให้ขนาดนั้น คงไม่ให้บีบสิวหรอกมั้ง แล้วถ้าจริงใจกับรามินทร์และพี่ฟ้ารู้ว่าเรามาทำอะไรแบบให้ทิวาเราต้องโดนไล่ออกจากบ้านแน่เลย ฮือ ทิวาคนบ้า มาทำแบบนี้กับเราได้ยังไง! มันผิดผีนะ แง!
ทิวากาลยิ้มกว้างมองคนตัวขาวที่ก้มหน้างุดหลังจากที่
‘ขอบคุณ’ เขาเสร็จแล้ว แก้มกลมแดงระเรื่อราวกับมะเขือเทศสุก พอเขาชะโงกหน้าเข้าไปหาเจ้าตัวเล็กก็ส่งเสียงประท้วงแล้วหันหน้าหนี คราวนี้ทิวากาลใช้สองมือหนาโอบแก้มนิ่มเอาไว้ทั้งสองข้าง บังคับให้สบตา ร่างสูงยิ้มให้กับจันทร์เจ้า ยิ้มแบบที่ไม่เคยยิ้มให้ใคร ยิ้มที่ไม่คิดว่าชีวิตจะยิ้มแบบนี้
ลูกหมูกะพริบตาปริบ ๆ จากที่เขินอยู่แล้วยิ่งเขินหนักเข้าไปใหญ่ แก้มใสขึ้นสีแดงเข้มลามไปถึงใบหู โชคดีที่ว่าผมปิดอยู่ไม่อย่างนั้นต้องโดนทิวาล้ออีกแน่เลย ใครใช้ให้ทิวามาทำหน้าแบบนั้นใส่เรากันเล่า! ยิ้มที่ยิ้มไปทั้งปาก หน้าและตานั่นน่ะ มันเหมือนจะฆ่าเราได้เลย ฮือ เราร้อนไปหมดทั้งแก้มเหมือนโดนไฟนาบเลย...
จุ๊บ ทิวากาลแนบริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากเล็กของเด็กอายุน้อยกว่า เขาแตะค้างไว้สักพักแล้วจึงผละออกมามองหน้าเด็กแก้มกลม จันทร์เจ้าเบิกตาค้างหลังจากที่โดนสัมผัสริมฝีปาก ตากลมโตกะพริบปริบ ๆ พูดอะไรไม่ออก แก้มก็ร้อนขึ้นกว่าเดิม และคราวนี้นอกจากหูกับหน้าแล้วก็แดงไปทั้งตัวราวกับกุ้งลวก
“ขอบคุณครับ”
หง่ากกกกกกกกกกกก! ลูกหมูทนไม่ไหวแล้ว! มือขาวคว้าหมอนอิงมากอดแล้วฟุบหน้าลงหลบสายตาคมกรุ้มกริ่ม เจ้าตัวเล็กงอเข่าขึ้นเขยิบออกห่างไปจนติดที่วางแขนกับโซฟาอีกด้านแล้วยังซุกหน้ากับหมอนไม่ยอมมองหน้าทิวาด้วย ฮือ เหมือนตัวเราจะระเบิดเลย ใครให้ทิวามาทำอะไรแบบนี้กับเราอ่ะ แง! เราจะฟ้องพี่ฟ้าให้มาจัดการเลย เอาให้ร้องไห้แง ๆ เลย คนนิสัยไม่ดี ทำเราเขินมาก ๆ จนหายใจแทบไม่ออกแบบนี้ได้ยังไง!
“เตี้ย เป็นไรอ่ะ?” ยื่นมือไปสะกิดขาของคนเด็กกว่าและถามเหย้าทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าลูกหมูหน้ามึนเขินหนักมาก
“งื่อ...”
“เฮ้ย มาคุยกันหน่อย เป็นอะไรครับ?”
“อ๊าก! ทิวาทำให้เราจะตาย ฮือ!”
“เอ้า ฮ่า ๆ ๆ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ เราจะฟ้องพี่ฟ้ากับจริงใจ” เอ่ยคาดโทษทั้งที่ไม่มองหน้าคู่สนทนาเลยด้วยซ้ำ ก็อายจนมองหน้าไม่ไหวนี่นา
“อ้าว แบบนี้ก็ก็ตายดิ”
“ตายไปเลย”
“ถ้ากูตายแล้วมึงจะไปชอบใครล่ะ”
“ชอบ... ตะวัน ...มั้ง”
“จันทร์เจ้า!” เรียกชื่อเด็กแก้มกลมเสียงเข้ม ลูกหมูโผล่หน้าออกจากหมอนก่อนจะยิ้มแห้งเมื่อเห็นทิวาทำหน้าโหด
“เราแค่พูดเล่นเอง งื่อ...”
“ห้ามพูดแบบนี้อีก ไม่งั้นโดนแน่”
“ไม่พูดแล้วคับ ทิวาอย่าทำหน้าดุสิ เรากลัวแล้ว”
ทิวากาลถอนหายใจ กอดอกนิ่งก่อนจะเสไปเอื้อมเอารีโมทมากดเปิดโทรทัศน์ ลูกหมูที่เห็นทิวาเงียบไปไม่เล่นด้วยก็เริ่มจะวิตก จันทร์เจ้าคลานเข้าไปใกล้ร่างสูงและนั่งขัดสมาธิโดยหันข้างให้กับโทรทัศน์ เกยคางบนหมอนที่กอดอยู่มองทิวากาลตาแป๋ว ก่อนจะส่งนิ้วเล็ก ๆ ไปจิ้มที่ต้นแขนแกร่ง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ ตาโตกลอกหลุกหลิกว่าจะเอายังไงดี ทิวาโกรธเราจริง ๆ หรอ เราแค่พูดเล่นเองนะ
“ทิวา... ทิวาโกรธเราหรอ?”
“.......”
“โกรธเราจริง ๆ เหรอ เราพูดเล่น เราขอโทษ”
“.....”
“... พี่กาลหนูขอโทษ” ช้อนตามองทิวากาลตาแป๋วระหว่างที่พูด ถ้าทิวายังไม่ยอมหายโกรธก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว... ทิวากาลหายใจติดขัดไปกับประโยคขอโทษที่เจือด้วยน้ำเสียงออดอ้อนของเด็กแก้มกลมเมื่อสักครู่ เด็กแสบนี่จะรู้ไหมว่าเขาต้องเกร็งหน้าขนาดไหนเพื่อไม่ให้ยิ้มออกไป ความจริงก็ไม่ได้โกรธอะไร แค่รู้สึกไม่พอใจเท่านั้น พูดมาได้ไงว่าจะไปชอบเด็กตะวัน เขาก็หัวร้อนดิ แล้วดูทำ ทำแบบนี้ใครมันจะไปเก๊กได้อีก แถมยังเรียกเขาว่าพี่อย่างที่ปกติไม่เคยเรียก ซ้ำร้ายยังแทนตัวเองว่า ‘หนู’ อีก ให้ตายเถอะ ใครเขาจะทำให้เด็กนั่นตายคนเดียว เจ้าเด็กแก้มกลมนี่ก็ทำให้เขาจะตายได้เหมือนกัน
ตายเพราะความสุขมันจุกอก “ทีหลังอย่าพูดแบบนี้อีก”
“ไม่พูดแล้วคับ หายโกรธน้า~” ชูนิ้วก้อยขึ้นแล้วยิ้มหวานเป็นการอ้อน ทิวากาลยกยิ้มแล้วยื่นนิ้วไปเกี่ยวก้อยกับเด็กน้อยตัวแสบ
“อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกนะ”
“ทำไมเหยอ?”
“หวง” “อ่า... โอเคครับ ทิวาก็ห้ามทำนะ เราก็จะหวงเหมือนกัน”
“อือ ๆ” แกล้งตอบเหมือนรำคาญทั้งที่ใจมันฟูเต็มอก ก็ไม่รู้จะแสดงออกไปยังไงดีหว่า... ทั้งที่ปกติแล้วทิวากาลเกลียดการแสดงความเป็นเจ้าของเขา แต่ตอนนี้เขากลับชอบเสียงอีกที่เด็กน้อยแก้มกลมจะมาหวง
“ทิวาจ๋า เราหิวอีกแล้ว ห้องทิวามีอะไรกินไหม?”
“เฮ้อ... ไปหาดูในครัวไป” ทิวากาลบอกเด็กตะกละ เจ้าลูกหมูยิ้มร่าก่อนจะวิ่งเข้าไปที่ครัวเมื่อได้รับอนุญาต “เตี้ย! เดี๋ยวฝนหยุดจะไปส่งนะ”
“คร้าบบบบบบ!”
ขานรับเสียงใสแล้วขุดคุ้ยหาขนมกิน ทิวากาลได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจ มองไปด้านนอกก็เห็นว่าฝนยังคงตกหนักอยู่ ความจริงเขาจะไม่ไปส่งเด็กแก้มกลมก็ได้ แต่กว่าฝนจะหยุดก็คงจะคว่ำมืดแล้ว อีกทั้งถนนเปียกก็ค่อนข้างอันตราย เขาไม่อยากเสี่ยงสักเท่าไหร่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมามันคงไม่คุ้ม รถก็เอาไว้ที่นี่ก่อนแล้วค่อยกลับมาเอาวันหลัง... ทิวากาลถอนหายใจออกมา มันไม่ใช่เพราะเครียดหรือมีปัญหา แต่เพราะเขากำลังมีความสุข ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะมีความสุขแบบนี้ สาเหตุก็คงจะเป็นเพราะเด็กตัวขาวที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นี่ล่ะมั้ง
แล้วแบบนี้... เขาต้อง
‘ขอบคุณ’ เด็กแก้มกลมนี่ไหมนะ?
TBC
หง่ากกกกกกกก เขินนนน เขียนเองเขินเอง แฮฟฟันมาก 555555555555555555555555
ช็อต “... พี่กาลหนูขอโทษ” นี่คือตาย ทั้งทิวากาลและเราเอง ตายอย่างเขียด ดาเมจรุนแรงมาก ใจบางเหลือเกิน พฮืออออ
เขาก็อ่อยกันไปอ่อยกันมาเนอะ รำคาญ /มองบน
อาจจะมีคำผิดบ้างขอโทษด้วยคร้าบ แต่ถ้าเจอบอกเราหน่อยนะ บางทีตรวจมันมองไม่เห็นจริง ๆ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ หวังว่าจะชอบกัน ♥
ไว้เจอกันตอนหน้าเน้อออออ /จุ๊บบบบบบบบบบบ