มนุษย์แฟนเด็ก
24
มีความปรึกษาสนทนาธรรม
ลูกหมูยิ้มกว้างพลางยกมือทักกลุ่มคนที่เดินเข้ามา หลังจากคุยกับทิวาจบก็ไม่อยากกลับเข้าไปด้านในอีกจึงตกลงกับรามินทร์ว่าจะไปเดินเล่นรอ เพราะไม่นานจากนั้นงานก็คงจบแล้ว ออกมาหาอะไรกินดีกว่า คิคิ และหลังประกาศผู้ชนะเราก็นัดกันมาหาอะไรทานก่อนจะกลับ ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้วล่ะ
“โอ๊ะ! เดือนมาด้วยหรอเนี่ย” ร้องแซวออกไปพร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปในงานแต่ก็รู้น่าว่าใครได้รับตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยไป ตามคาดเลย วินเซนต์ไงจะใครล่ะ
“ไหน ใครบอกจะเอาดอกไม้ไปให้ หืออออ” วินเซนต์กับดไวท์เข้ามากอดคอจันทร์เจ้า มองบนกับความย่อยยับของความสูงตัวเอง กลายเป็นหลุมเป็นบ่อเลยเนี่ย บู้ว!
“ขอโทษน้าา แต่เราฝากเบสท์ไปให้นะ!!”
“หอมแก้มก่อนแล้วจะยกโทษให้” ดไวท์พูดพร้อมกับก้มลงให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับจันทร์เจ้าและใช้นิ้วจิ้มแก้มตัวเอง ลูกหมูย่นจมูกก่อนก่อนกดแก้มดไวท์แรง ๆ ไม่หอมหรอก อย่ามองหลอกเราเสียให้ยาก! เมื่อดไวท์หน้างอลูกหมูก็หัวเราะ ปลดแขนหนัก ๆ ของทั้งสองคนออก ยกเครื่องดื่มในมือขึ้นดื่มและอมยิ้ม
“มึงดื่มเบียร์ด้วยเหรอ?” มองสิ่งที่อยู่ในมืออีกทีหลังจากเบสท์เอ่ยถาม
“อือ” ยกดื่มอึกสุดท้ายแล้วโยนกระป๋องเปล่าลงถังขยะอย่างแม่นยำ “ทำไมทำหน้าแปลก ๆ กันล่ะ ไม่เคยเห็นกันเหรอ?” กะพริบตาปริบ ๆ กับหน้าเหมือนเห็นผีของทุกคน ยกเว้นก็แต่เหล่าแก๊งเพื่อนที่คบกันมานาน เพราะรู้อยู่แล้วว่านายจันทิมันตุ์คนนี้น่ะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ได้แถมยังอยู่ในระดับดีอีกด้วย พูดไปจะหาว่าโม้ เราน่ะ โดนหม่ามะกับน้าเจ้าจับกรอกเหล้าตั้งแต่อายุยังไม่สิบห้าดีเลยนะ จริงใจกับจ๋าจ้าเองก็เหมือนกัน
“จะคุยกันอีกนานป่ะครับ หิวโว้ยยยย” เวฟโวยวาย นั่นแหละถึงได้เข้าไปในร้านอาหารกันสักที จันทร์เจ้าจงใจเข้าไปทีหลังเพราะว่าใครอีกคนยังไม่ขยับ...
“ไม่เข้าหรอ?”
“แล้วไม่เข้าหรือไง?”
“รอพี่” คำพูดน่ารักทำให้ทิวาผุดยิ้มบาง และจันทร์เจ้าก็ยิ้มกว้างเหมือนกัน
“หึหึ ดื่มเป็นด้วยหรอเรา”
“เป็นสิ! เก่งด้วย หน้าเราเหมือนคนดื่มไม่เป็นหรอครับ”
“ใช่” ทิวากาลพยักหน้า “นึกว่ากินเป็นแค่นมโง่ ๆ กับขนมกาก ๆ”
“ทิวาน่ะ!”
“เข้าไปข้างในได้ละ เดี๋ยวเพื่อนก็แย่งกินหมดหรอก”
“จริงด้วย!!!”
“นึกว่าต้องให้จุดธูปเรียกก่อนถึงจะมาได้” ถลึงตาใส่เวฟที่แขวะตั้งแต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่ง
“เอาไว้เรียกตัวเองเถอะ แล้วไต้ฝุ่นไปไหนอ่ะ?” เพราะอยู่กับครบทุกคนขาดแค่ไต้ฝุ่นคนเดียว ส่วนเพื่อนของทิวากาลนั้นพี่ต้นกับพี่รถถังไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหนอีกเหมือนกัน
“ไปรับเจนิซครับ”
“เจนซ์จะมาหรอพี่มีน!?”
“ถามไม่คิดอีกแล้วมึง ถ้าไม่มามันจะไปรับทำไมฮะ!?”
“เวฟขาดความอบอุ่นหรอ ทำไมกวนเราจัง” แยกเขี้ยวใส่เวฟแล้วตักเนื้อหมูเข้าปากเคี้ยวกร้วม ๆ เอร็ดอร่อย
“ใช่ซี่! เดี๋ยวนี้กวนไม่ได้แล้วนี่ มีแฟนแล้วกวนไม่ได้ใช่ป่ะ!”
“ไม่มีแฟนโว้ยยยยยย!”
“ข้าง ๆ มึงนั่นศาลพระภูมิหรอ”
“เวฟว่าพี่มีนทำไม?” มีน ดไวท์ วินเซนต์หัวเราะพร้อมกัน รามินทร์ยกยิ้มเล็กน้อย ส่วนเวฟก็จิ๊จ๊ะไม่พอใจที่น็อกลูกหมูไม่ได้ และคนอื่น ๆ ก็ได้แต่มึนกับการหยอกล้อแสนน่ารักน่าชังของเหล่าเพื่อนสนิทกลุ่มนี้ (กลอกตา)
“พี่มิควอแวเบสท์จัง” เอนตัวไปกระซิบเสียงเบาข้างหูทิวากาล สายตาก็จ้องเบสท์ที่โดนพี่มิคก่อกวนด้วยการตักนู่นคีบนี่ใส่จานเสียจนล้น เห็นหน้าเพื่อนแล้วก็นึกเห็นใจ คงรำคาญจนไม่รู้จะรำคาญยัง แต่พี่มิคนั้นกลับยิ้มพอใจซะงั้น พอโดนเบสท์ขึงตาใส่ก็หันไปคุยกับพี่ชมพู่
“ไปยุ่งอะไรกับเขา” ทิวากาลว่า ยิ้มอ่อน ๆ เมื่อเด็กน้อยทำหน้างอ พอเขาตักอาหารใส่จานให้ก็ยิ้มกว้างพึงพอใจ
“เป็นง่อยเหรอ? ไม่มีมือตักเองแหงะ” จันทร์เจ้ากลอกตาทันทีเมื่อโดนแขวะอีกครั้ง จากเวฟเจ้าเก่าเจ้าเดิม เจ้ากรรมนายเวรอะไรขนาดนี้โว้ย! ไอ้บ้านี่ เดี๋ยวเรากดหัวแนบเตาย่างเลย ถ้าชอบแบบน้ำก็จะกดลงหม้อชาบูให้ อยู่เฉย ๆ ไม่เป็นจริง ๆ
“โสดแล้วพาลนะมึงอ่ะ!”
“มึงเข้าข้างมันหรอห้อยศรี!”
“เออ!! อย่างมึงใครมันจะไปเข้าข้าง กวนตีน”
“รามินทร์จัดการเมียมึง-- อ่อก!”
“พูดมากจังไอ้ห่า ไม่เคยเรียนมารยาทบนโต๊ะอาหารหรือไง?!” เวฟเบิกตาใส่วินเซนต์ที่เพิ่งคีบเนื้อหมูจากหม้อชาบูยัดปากเวฟ
“เหี้ย ร้อน!”
ครืด ครืด ลูกหมูละความสนใจจากการรบกันของวินเซนต์กับเวฟแล้วหยิบเอาโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงเตือนออกมาดู
TheBest : เพื่อนมึงเต็มป่ะวะ
Finn : อย่ามาว่าสุดหล่อของกูนะโว้ยยยย
นี่จันทร์เจ้าเอง : เต็มจนล้น
TheBest : ไม่คิดว่าจะไม่สติขนาดนี้
นี่จันทร์เจ้าเอง : 55555555555555555
“พี่ ๆ ไอ้เตี้ยมันมีชู้แล้วพี่”
“ไอ้เวฟ!” เวฟยักคิ้วหลิ่วตากวนประสาท ลูกหมูอยากจะเขวี้ยงอะไรสักอย่างใส่หน้ามันจริง ๆ ไอ้บ้านี่ กวนจริง ๆ นั่น! ทิวามองเราตาดุเลย ฮือ!
“เราเปล่า”
“ยังไม่ว่าอะไร”
“อู้หูย ตาดุเบอร์นั้น”
ทิวากาลแสยะยิ้ม “คุยกับใคร?”
“BFJ.” บอกพร้อมกับเอียงจอโทรศัพท์ให้ดู ทิวากาลเลิกคิ้ว อ่านข้อความในนั้น มองเด็กปีหนึ่งสองคนฝั่งตรงข้ามแล้วสั่นหัวหน่อย ๆ
“ไต้ฝุ่นโทรมาใช่ป่ะ!? มันจะมาเมื่อไหร่?” มีนนท์ตะโกนตามเวฟที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์
“เออ มันบอกไม่มาละ”
“อ้าว ทำไม ไหนไต้ฝุ่นบอกจะมากินด้วยกันไม่ใช่เหรอ”
“แดกตับ”
โอเค รู้เรื่อง บาย
“เออ ตะวันถามหามึงด้วย” ลูกหมูกะพริบตาปริบ ๆ มองหน้าเบสท์กับฟินน์ เหล่มองคนข้าง ๆ อีกนิดหน่อย ทำหน้าฮึดฮัดขัดใจสุด
“เหรอ”
“พวกกูบอกว่ามึงไปกับรามินทร์ แล้วตะวันแค่พยักหน้า”
“อาฮะ”
“มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าวะ”
“เปล่านะ เราเฉย ๆ” เบสท์กับฟินน์มองหน้ากันเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างจากกระแสเสียงของเจ้าแก้มกลม ไว้อยู่กันตามลำพังเมื่อไหร่โดนจ้วงแน่ไอ้หมู นี่เขาไม่ได้เสือกอะไรนะ เขาแค่ใส่ใจเพื่อนเท่านั้นเอ๊ง
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างสนุกสนาน ครื้นเครง ท่ามกลางเสียงหัวเราะและก่นด่าเป็นระยะ ส่วนมากจะเป็นเวฟที่หาเรื่องให้ตัวเองโดนด่า และรองลงมาก็คือจันทร์เจ้าเอง แต่จะโดนแขวะให้เจ็บแสบมากกว่าเนื่องจากไม่อยู่ดูเพื่อนระหว่างประกวด โธ่ ก็ไม่มีอารมณ์จะดูแล้วนี่นา ขอโทษไปแล้วยังจะวกกลับมาอยู่นั่น ฝังใจแค้นอะไรขนาดนั้นเล่า!
“พิกกี้กลับยังไง?” ดไวท์เอ่ยถาม ตอนนี้พวกเราทั้งหมดยืนอยู่เยื้องกับหน้าร้านเพื่อไม่ให้ขวางทางเข้าออก ทานอาหานกันเรียบร้อยจนพุงกาง บอกเลยว่าอิ่มมาก แน่นท้องสุด ๆ
“รา---”
“กูไปส่ง” จันทร์เจ้าพูดยังไม่จบ ทิวากาลก็พูดขึ้นมา
“อ้าว น้องจิ๋วไม่ไปนอนกับพี่หรอ”
มองรามินทร์ที่ส่งสัญญาณสั่นหัวดิ๊กมาให้แล้วหันไปยิ้มแหยใส่พี่มีน “เราบอกพี่ฟ้าแล้วว่าจะไปนอนด้วย”
“ไรอ่ะ คิดว่าน้องจิ๋วจะมานอนกับพี่ซะอีก”
“ไว้คราวหน้าเนอะ เราจะแย่งพี่มีนจากรามินทร์แน่นอน”
“น้ำหน้าอย่างมึงจะมีปัญญาหรือไง”
“เวฟไม่ได้เรียนมารยาทจริง ๆ ใช่ป่ะ?”
“พูดอะไรคิดดี ๆ นะมึง วันนี้องค์ท่านประทับแล้วรอบหนึ่งนะ” มีนนท์บอกไม่จริงจัง เวฟ ดไวท์และวินเซนต์เบิกตาตกใจก่อนจะที่เวฟจะยิ้มสนุก
“อยากเห็น กูยังไม่เห็น”
“อยากตายเรอะ!!”
“เก่งจริงจริ้ง ตัวเท่าเห็บ เตี้ยก็เตี้ย ขาก็สั้น จะทำอะไรกูได้” เวฟพูดและทำสีหน้าเหยียดหยามยั่วอารมณ์เพื่อนตัวนิ่มพร้อมกับจิ้มหน้าผากนูนจึ๊ก ๆ ก่อนจะดันให้หงายเงิบในครั้งที่สี่
“เตะปากเวฟถึงแล้วกัน” รู้ดีว่าไม่ควรไปต่อปากต่อคำด้วยแต่มันอดไม่ได้จริง ๆ เวฟชอบกวนประสาทไปทั่ว ท่าจะโดนเตะสักวัน
“อั๊ยยะ! ขาหนักเป็นตันแบบนั้นยกขึ้นเหรอครับคุณหนู”
“ไอ้เวฟบ้า! โป้งแหล่ว!!!” ลูกหมูกอดอกหน้ามู่ทู่ ส่วนเวฟยังแลบลิ้นปลิ้นตาไม่สำนึก เราจะไม่คุยกับเวฟ มาว่าเราขนาดนี้ได้ยัง แถมคนยังอยู่เยอะด้วย ฮือ ทิวาก็อยู่ตรงนี้น่ะ!
“โป้งชี้ก้อยป่ะตัวเอง กิ๊ว ๆ” เวฟพับนิ้วกลางกับนิ้วนางลงและส่ายมือไปมาใกล้ ๆ หน้าจันทร์เจ้าเพื่อสร้างความรำคาญ ลูกหมูจิปากจิกตามองขยับไปยืนข้างหลังทิวา ไอ้เวฟมันก็หัวเราะเสียงดังสะใจมากมาย ไอ้บ้านี่!
ผลัวะ!!
“เลิกปัญญาอ่อนได้แล้วมึง” วินเซนต์ตบหัวเวฟเสียงดัง “กลับกันเถอะ ดึกแล้ว จะได้นอนพักด้วย เหนื่อยจะแย่”
“ก็ว่างั้น” ดไวท์พูดเสริมอย่างเห็นด้วย
“น้องจิ๋วจะกลับกับพี่กาลใช่มะ?”
“คับ” เห็นสายตารามินทร์แล้วก็มีแค่ทางเลือกเดียว เดาได้เลยว่าคืนนี้รามินทร์จะทำไรพี่มีนของเรา “don’t be mean boy นะรามินทร์”
“สาระแน” รามินทร์พูดนิ่ง ๆ ลูกหมูแลบลิ้นหัวเราะเสียงใส โบกมือบ๊ายบายเพื่อนสนิท พี่มีนโดนรามินทร์โอบไหล่ไปนู่นแล้ว วินเซนต์กับดไวท์และเวฟก็บอกบ๊ายบายแล้วเดินออกไปพร้อมกัน
“โอ๊ยยยย ง่วง!” ฟินน์ตะโกน ทำเอาสะดุ้งเลย พอคนหล่อไม่อยู่แล้วไม่คีพความเป็นสาวหวานเลย มาเป็นม้าดีดกะโหลกอีกแล้ว
“เบสท์กับฟินน์จะกลับยังไงเหรอ?” ถามเพื่อนออกไปก่อนจะอ้าปากหาววอด ตอนนี้ก็เกือบจะห้าทุ่มแล้วนี่นะ เจอเพื่อนทีไรเป็นอันเลยเถิดทุกที ยิ่งมีเรื่องอาหารมาเกี่ยวยิ่งไปกันใหญ่ ลืมเวลากันระเนระนาด
“นั่งรถกลับไง”
“เราก็นึกว่าจะไหลไปตามท่อระบายน้ำ” พูดจบก็รีบวิ่งหนี
“ไอ้อ้วน มึง!!!” เบสท์ชี้หน้าพร้อมกับวิ่งไล่ลูกหมู ปล่อยให้คนด้านหลังส่ายหน้ากับความเป็นเด็ก
“เตี้ย! ขึ้นรถ”
“ง่ะ ขอเราอยู่กับเพื่อนก่อนสิ”
“ดึกแล้ว เร็ว ง่วง” ทำปากยื่นใส่ทิวาและหน้างอหน่อย ๆ “เดี๋ยวไอ้มิคไปส่ง”
“จริงเหรอ!”
“ครับ!” พี่มิครับคำเอง จันทร์เจ้าหรี่ตามองไม่ไว้ใจ เดินเข้าไปหารุ่นพี่ตัวสูงแล้วกระซิบเสียงเบาให้ได้ยืนกันสองคน
“พี่มิคอย่าทำอะไรเบสท์นะ”
“หือ?”
“เรารู้นะว่าพี่มิคทำ รอยที่คอเบสท์น่ะ” มิคนิ่งไปและเริ่มขมวดคิ้ว ก้มหน้ามองเด็กรุ่นน้องที่มียิ้มเล็ก ๆ ติดมุมปาก “อ้าวเฮ้ย อย่ากลืนน้ำลายตัวเองดีกว่า อย่ามาเสียเวลาร้องขออะไรที่เธอไม่มีวันได้คืน~~~~”
ลูกหมูหัวเราะคิกหลังจากร้องเพลงจบท่อนนั้น ยักคิ้วใส่พี่มิคโดยไม่ให้ใครเห็นแล้วเดินกลับไปหาทิวากาล ไม่สนใจว่าพี่มิคจะขมวดคิ้วแน่นขนาดไหน หรือเบสท์จะทำหน้างุนงงสักเพียงใด คิคิ สนุกจังเลย เราก็พอจะรู้เรื่องของทั้งสองคนจากทิวามาแล้วล่ะ เฮ้อ...
“ถัดไปอีกสามหลังก็ถึงแล้วคับ” บอกทางกับพลขับสุดหล่อ ทิวากาลพยักหน้ารับ “ถึงแล้ว หลังนี้ ๆ”
“ขอบคุณครับที่มาส่ง”
“แค่นี้หรอ” ยู่ปากทันทีที่ได้ยิน ลูกหมูจูบปลายนิ้วตัวเองแล้วยื่นไปแตะแก้มทิวากาล
“แค่นี้แหละ!” ทิวาน่ะชอบหาเรื่องสกินชิพเราอยู่เรื่อย แย่จริง ๆ เล้ย! เปิดประตูออกมาแล้วไปกดกริ่งหน้าบ้าน ในบ้านยังเปิดไฟอยู่แปลว่าไม่พี่ฟ้าก็น้าเจ้าต้องยังไม่นอนแน่ ๆ ระหว่างที่รอนั้นทิวากาลก็ลงจากรถมายืนเป็นเพื่อนเด็กแก้มกลมด้วย เขาไม่ได้ดับเครื่องยนต์เพราะชมพู่หลับอยู่ข้างใน
ครืด เสียงประตูรั้วถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงโปร่งของเพลิงฟ้าที่ออกมาพร้อมใบหน้าไม่สบอารมณ์ แขนเรียวอ้าออกรับร่างนุ่มนิ่มของเจเจที่โถมใส่
“สวัสดีครับ” ทิวากาลยกมือไหว้
“ทำไมกลับดึกจังครับเจเจ”
“กว่างานจะเลิก แล้วไปกินข้าวอีก พี่ฟ้าก็รู้ใช่ม้าว่าเจอเพื่อนทีไรก็ลืมเวลาทุกทีเลย” เพลิงฟ้าหรี่ตามอง เห็นเจเจยิ้มหวานก็ใจอ่อนยวบ “พี่ฟ้าอย่าดุทิวานะ”
“พี่ฟ้ายังไม่ว่าอะไรเลย รีบปกป้องเชียวนะ”
“คิคิ”
“เอ่อ… ถ้าอย่างงั้นผมขอตัวนะครับ”
“อือ รีบไปได้แล้ว”
“ขับรถดี ๆ นะครับ บั๊บบัย”
“บาย”
เพลิงฟ้าปิดรั้วตั้งแต่ทิวากาลยังเข้าไปนั่งในรถไม่เสร็จดีเลยด้วยซ้ำ เจ้าลูกหมูหัวเราะคิกคักกอดเอวพี่ฟ้าเข้าบ้าน สนุกเขาล่ะ...
“เจเจไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเลยนะ เหม็นมากกกกก”
“หนูไม่เหม็น หอม ๆ พี่ฟ้าดม”
เพลิงฟ้าเอียงหน้าหนีเพื่อนเจเจเขย่งตัวขึ้นมาให้ดม “เจเจตัวเหม็น พี่ฟ้าไม่ดม ไปอาบน้ำนะครับ”
“ไม่เหม็นสักหน่อย พี่ฟ้าน่ะ!”
“เหม็นสิ ทั้งกลิ่นเหงื่อ กลิ่นเบียร์ ไหนจะกลิ่นควันอีก เหม็น ๆ” แกล้งบีบจมูกและทำหน้าเหม็นใส่เจ้าลูกหมู เมื่อเด็กน้อยหน้างอก็หัวเราะ “ไปอาบน้ำเร็วครับ จะได้สบายตัวนะ”
“ครับผม”
ลูกหมูย่นจมูกเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วไม่เจอใครเลย จึงเลือกที่จะเดินลงไปชั้นล่างของบ้าน ไฟจากห้องครัวเปิดอยู่ แล้วนั่นคือเป้าหมาย เจอพี่ฟ้ากำลังดูอะไรสักอย่าง ข้าวของเยอะแยะกระจายเต็มโตกินข้าวไปหมด
“พี่ฟ้าทำงานหรอฮะ?”
“หือ อ๋อ ใช่ครับ ทำไมหนูยังไม่นอนอีกหืม?”
“หนูจะนอนกับพี่ฟ้า...” เอ่ยอ้อนเสียงหวานพร้อมเดินเตาะแตะเข้าไปกอดเอวพี่ฟ้าสุดที่รักเอาไว้ เพลิงฟ้าระบายยิ้ม หอมศีรษะกลมด้วยความรักสุดหัวใจ “น้าเจ้าอยู่ไหนครับ?”
“อยู่ในห้องทำงานนู่น เจเจไปกวนสิ”
“น้าเจ้าด่าหนูแน่ คิคิ พี่ฟ้าไปนอนกันน้า ดึกแล้วนะฮะ”
“ครับ ๆ ไปเรียกน้าเจ้าเร็ว”
“เย้! ได้เลยยยยย”
ก๊อก ก๊อก “น้าเจ้า~ พี่ฟ้าให้มาตามค้าบบบ”
“หืม น้าทำงานอยู่”
“ไม่ได้ ๆ” ลูกหมูรีบเข้าไปคลอเคลียน้าชายสุดหล่อ “ไปนอนกัน ค่อยทำพรุ่งนี้นะฮะ หนูอยากนอนพร้อมน้าเจ้า นะนะ นะครับ น้า~”
“หึ โอเค ๆ หนูไปก่อนเลยเดี๋ยวน้าตามไป”
“ไปพร้อมกันสิฮะ เดี๋ยวน้าก็แอบทำงานต่อ ให้หนูรอเก้อ”
“รู้ดี” หอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ข้อหาทำตัวน่ามันเขี้ยว เจ้าชีวันบันทึกงานแล้วกดปิดคอมพิวเตอร์ เห็นลูกหมูยิ้มกว้างก็ได้แต่ส่ายหัว มาถึงห้องนอนเพลิงฟ้าเพิ่งออกจากห้องน้ำพอดี เจ้าชีวันจึงเข้าไปใช้โดยไม่ต้องรอ
“หนูนอนกลาง!” ประกาศความต้องการแล้วกระโดดตู้มใส่เตียงกางแขนกางขานอนแผ่และยิ้มกว้าง มือเล็กตบปุ ๆ เรียกพี่ฟ้ามานอนข้าง ๆ “พี่ฟ้าจ๋า มานอนเร้ววววว”
“พี่ฟ้าขอทาครีมก่อนครับ”
“ครีมลดริ้วรอยหรอคับ?”
“เจเจ!!” เจเจหัวเราะร่วนมีความสุข ส่งยิ้มหวานให้ก่อนที่พี่ฟ้าจะหัวร้อน ฮี่ หนูแค่แหย่เล่นเฉย ๆ น้า หน้าพี่ฟ้ายังใส่ปิ๊งเต่งตึงไร้ริ้วรอยกวนใจแม้จะอายุสามสิบห้าแล้วก็ตาม “กวนนักใช่ไหม มาให้ฟัดเลยนะ”
“อ๊าก พ พี่ฟ้า หนูจั๊กจี้ อ๊าก คิคิคิ” ลูกหมูดิ้นแด่ว ๆ ไปทั่วเตียงเมื่อพี่ฟ้าไล่หอมไปทั่วหน้า ไหนจะมือเรียวสวยที่จี้เอวของลูกหมูไปด้วย
“ยอมหรือยัง?”
“ย ยอม ยอมแล้วฮะ.. ฮือ พี่ฟ้า หนูยอมแล้ววววว”
“เล่นอะไรกัน?”
“น้าเจ้า น้าเจ้าช่วยหนูด้วย พี่ฟ้าแกล้งหนู” ฟ้องน้าเจ้าเสียงแหบเสียงแห้ง หอบหายใจแฮ่กเพราะเสียพลังงานไปจากการดิ้นหนีพี่ฟ้า
“พี่ฟ้าแกล้งอะไร? แบบนี้เหรอครับลูกหมู”
“อ๊ากกกกก!!” ลูกหมูร้องโหยหวนดิ้นหนีทั้งน้าเจ้าและพี่ฟ้า สุดท้ายก็โดนทั้งคู่ฟัดจนน่วม เล่นเอาเหนื่อยหอบกันไปทั้งสามคน
“หัวเปียกหมดเลย หึหึ” เจ้าชีวันพูดพร้อมกับลูบศีรษะของหลานตัวนิ่ม ลูกหมูยิ้มแฉ่งท่ามกลางความสลัวของไฟที่เปิดไว้แค่หัวเตียง
“น้าเจ้ากับพี่ฟ้านั่นแหละแกล้งหนู”
“รักหนูต่างหาก”
ลูกหมูหัวเราะขณะมองพี่ฟ้ากำลังขบกัดแขนอวบเบา ๆ พลิกตัวนอนตะแคงเข้าหาพี่ฟ้าและโอบแขนกอดเอาไว้ “รักหนูเท่ารักน้าเจ้าหรือเปล่าคับ?”
เพลิงฟ้ากลอกตา “รักมากกว่าอีก”
“ว้า น้าเจ้าเสียใจไหม พี่ฟ้ารักหนูมากกว่า” หันไปถามน้าเจ้า เจ้าชีวันกระตุกยิ้มเล็กน้อย
“ไม่ เพราะน้าก็รักหนูมากกว่ามัน”
“หนูลำบากใจเลย คิคิคิ”
“ลำบากใจมากเลยยยย หัวเราะเสียงใสเชียว นอนได้แล้วไหมเจเจ”
“หนูยังไม่ง่วงเลยครับ คุยกับหนูก่อนนะ นะ”
“โอเค เล่าให้ฟังหน่อยสิครับว่าวันนี้มีอะไรสนุก ๆ หรือเปล่า?”
“มีเยอะแยะเลยฮะ” แล้วจากนั้นลูกหมูก็เริ่มเล่าสิ่งที่ตัวเองเจอมาให้พี่ฟ้ากับน้าเจ้าฟัง “เขากอดเอวหนูแล้วหนูก็จับมือเขาบิดเลย เตะขาด้วยแล้วก็ถีบซ้ำอีกที! พอออกมาจากห้องน้ำหนูก็เจอทิวา ทิวาเหวี่ยงหนูด้วยบอกว่าหนูไปยืนให้เขากอด ไม่ใช่สักหน่อย ทิวาดูไม่จบแล้วก็มางอแงเอง แถมยังหาว่าหนูไม่สนใจอีก หนูก็เลยหมดอารมณ์ ไม่เข้าไปดูเพื่อนประกวดเดือนจนโดนเวฟด่าไม่หยุด ฮึ!”
“หึหึ แล้วหนูทำยังไง?” เจ้าชีวันเอ่ยถาม เพราะเพลิงฟ้านิ่งเงียบไปตั้งแต่เริ่มพูดถึงทิวากาลแล้ว
“ทีแรกหนูก็ตอบโต้ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็เริ่มรำคาญเลยอยู่เฉย ๆ”
“ดีแล้ว อะไรที่ทำให้ปวดหัวก็ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
“คับ...” พลิกตัวเข้าหาน้าเจ้า “น้าเจ้ากับพี่ฟ้าเป็นแฟนกันได้ยังไงหรอฮะ?”
“เพลิงฟ้ามันไวไฟ มาตามจีบน้า”
“ไวไฟหน้ามึงอ่ะ!” คนเงียบไปนานแหวขึ้นมา “น้าเจ้าของเจเจนั่นแหละมาขอพี่ฟ้าเป็นแฟน”
“เหอ ๆ กูคิดผิดเองแหละ”
“คิดผิดนานจังเลยครับ สิบกว่าปีแล้วนะน้าเจ้า”
“หวายยยยยยยยยยยย”
เจ้าชีวันยืดแขนไปตบหน้าผากคนรัก เพลิงฟ้ายักคิ้วกวนประสาท โอบแขนกอดเอวลูกหมูเอาไว้ “เข้ากันดีนัก ...หนูอยากมีแฟนหรอ ถึงได้ถามน้าแบบนี้”
“แหะ...”
“ไม่ได้!” เพลิงฟ้าแย้งเสียงดังและกระชับแขนกอดรัดเจเจแน่นขึ้น
“ตัวเองยังมียังจะไปห้ามหลานอีก”
“หวง”
“เหอ... ลูกหมูกับทิวากาลเป็นแฟนกันหรือยังครับ?”
ลูกหมูส่ายหน้า ช้อนตามองหน้าน้าเจ้า “ยังครับ พี่ฟ้ากับจริงใจไม่ให้เป็น...”
“มึงเสือกอะไรกับลูกหมู”
“โห ไอ้เหี้ยเจ้า”
“อยากมีก็มีเลย น้าไม่ห้าม”
“แต่...”
“ไม่ต้องไปสนเพลิงฟ้ากับจริงใจหรอก เอาที่หนูสบายใจ”
“เป็นแบบนี้หนูก็สบายใจนะครับ แต่บางทีมันก็แปลก ๆ ยังไงไม่รู้”
“แปลกยังไง ตอนนี้หนูกับทิวากาลเป็นอะไรกันเจเจ?”
“อั่ก! หนูหายใจไม่ออกแล้วพี่ฟ้าจ๋า” เพลิงฟ้าคลายกอดลง “กับทิวาเป็นคนที่ชอบกันเฉย ๆ ครับ แต่หนูงง”
“งงอะไรหืม?”
“เบสท์กับฟินน์ชอบบอกว่าหนูกับทิวาเหมือนเป็นแฟนกัน แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะครับ”
“เพราะเพลิงฟ้าห้ามไงหนูเลยไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ก็ทำทุกอย่างเหมือนคนเป็นแฟนกัน ที่เพื่อนหนูบอกก็ถูกแล้ว น้ากับเพลิงฟ้าก็เคยเป็นแบบนั้น เหมือนเป็นแฟนกันแต่ไม่ได้เป็น...”
“อ่า...”
“เจเจอยากเป็นแฟนกับเด็กคนนั้นแล้วเหรอ?”
“หนูไม่รู้... แล้วถ้าอยากพี่ฟ้าจะให้เป็นหรือเปล่า?”
“เรื่องของหนู ตัดสินใจเองสิ” เมื่อพูดจบเพลิงฟ้าก็พลิกตัวหันหลังให้ทุกคน ลูกหมูนิ่งไปกะพริบตาปริบ ๆ ระหว่างรอสมองประมวลผล เจ้าชีวันยิ้มกริ่มขยี้ผมเพลิงฟ้าอย่างมันเขี้ยวปนหมั่นไส้ เห็นยิ้มของน้าเจ้าแล้วลูกหมูก็เบิกตาโพลงเด้งตัวขึ้นนั่งทันที
“พี่ฟ้ายอมให้หนูมีแฟนแล้วใช่ไหม!!?”
“คิดเองสิครับ”
“หนูคิดว่าใช่ เย้!!!”
แล้วจะต้องการอะไรมากไปกว่ารอยยิ้มของคนที่รักกันล่ะ ก็ยอมได้ก็ยอมไปเถอะ คอยดูห่าง ๆ อย่างที่ไอ้เจ้าบอกก็ได้ว่ะ ขัดใจนิดหน่อยค่อนไปปานกลางแต่ก็ช่างมันเถอะ
“จริง ๆ พี่ฟ้าไปเจอทิวากาลมาแล้ว”
“เอ๋ เมื่อไหร่เหรอฮะ ทำไมหนูไม่เรื่องเรื่องล่ะ?”
“นานแล้ว เขาไม่ได้บอกหนูเหรอ?”
“เปล่าครับ ทิวาไม่พูดอะไรเลย พี่ฟ้าบอกหนูหน่อยสิ”
“พี่ฟ้าลืมแล้ว ไปถามเขาเองแล้วกัน” เพลิงฟ้าบอกตัดบท “นอนได้หรือยัง พี่ฟ้าปิดไฟแล้วนะ”
“ครับ...”
ลูกหมูนอนลืมตามองเพดานผ่านความมืดสองมือเล็กจับมือน้าเจ้ากับพี่ฟ้าไว้คนละข้าง ริมฝีปากขยับเป็นรอยยิ้มมีความสุข
“น้าเจ้า พี่ฟ้า..”
“หือ?”
“ไม่อยากมีลูกหรอฮะ? น้าขลุ่ยก็มีแล้ว น้าชินาก็มีแล้วด้วย”
“พี่ฟ้าเฉย ๆ มีเจเจก็เหมือนมีลูกแล้ว ไม่มีก็ได้”
“แล้วน้าเจ้าล่ะ?”
“เหมือนกับเพลิงฟ้านั่นแหละ”
“งั้นถ้าหนูไม่มีลูกทุกคนจะว่าอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ว่าหรอกครับ”
“งืม... แล้วน้าเจ้ากับพี่ฟ้าไม่อยากแต่งงานหรอฮะ? เหมือนอาควอทซ์กับอาไรเฟิล น้ากวางกับอาคริน”
“การแต่งงานไม่ใช่หลักประกันของชีวิตคู่หรอกครับ จะแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่สำคัญหรอก อยู่ที่ความรู้สึกของเรามากกว่า เหมือนน้าชิคไง”
น้าชิคเคยแต่งงานแต่ก็หย่าไปแล้ว เพราะพอมาอยู่ด้วยกันจริง ๆ แล้วเข้ากันกับภรรยาไม่ได้ ดันทุรังกันอยู่เกือบสามปี สุดท้ายก็ตัดสินใจหย่า ตอนนี้น้าชิคก็โสดมาเกือบสามปีแล้วเหมือนกัน
“แล้วอะไรคือหลักประกันของชีวิตคู่เหรอฮะ?”
“สำหรับน้ามันคือ
ความรัก”
“พี่ฟ้าก็เหมือนกัน ถ้าเรารู้สึกรัก เราก็จะสามารถอยู่กับสิ่งนั้นได้ตลอดเวลานั่นแหละ แต่งงานกันไปแล้วถ้าหมดรักสักวันก็ต้องหย่า ถึงจะมีลูกด้วยกัน เมื่อหมดรักยังไงก็เลิกกันได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นกับคน สัตว์ สิ่งของหรืออะไรก็ตาม เมื่อเรารัก เราก็จะมีความรู้สึกอย่างดูแล ห่วงใย ทะนุถนอม คิดถึงเมื่อต้องห่าง รั้งให้กลับมาอยู่ด้วยกันในวันที่ต้องไกล... ไม่ว่าจะเป็นยังไงความรักก็อยู่กับเราอยู่ดี”
“เพราะความรักจะทำให้เราไม่แยกจากกันใช่ไหมฮะ?”
“จะว่าแบบนั้นก็ได้ครับ นิยามความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”
“หนูรักน้าเจ้า หนูรักพี่ฟ้า หนูรักทุกคนเลยยยยยยยยยยยยยย~”
“เด็กดี”
“นิยามความรักของน้าเจ้ากับพี่ฟ้าคืออะไรครับ?” ลูกหมูเอ่ยถาม น้ำเสียงเริ่มแผ่วลงไปเรื่อย ๆ
“รักก็คือรัก จะมีอะไรมาก” เจ้าชีวันบอก
“มึงนี่ไม่โรแมนติกเลย” เพลิงฟ้าแขวะ “นิยามความรักของพี่ฟ้านะ มันคือการเราได้ดูแลกันและกัน แบ่งปันเรื่องราวตะ-----”
“....หลับแล้ว”
“ฮะ?”
“ลูกหมูหลับแล้ว”
เพลิงฟ้าก้มมองเด็กน้อยที่กำลังหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ “โธ่ ชิงหลับไปได้”
“ลูกหมูไม่อยากฟังมึงเพ้อไง”
“ดึกแล้วต่างหาก มึงอย่ามาเสี้ยม”
“หึ นอนไป” เจ้าชีวันดันหน้าของเพลิงฟ้าไปหนึ่งที ร่างโปร่งจิปาก แต่หาได้สนใจไม่ แนบริมฝีปากบนแก้มนิ่มกระซิบให้หลับสนิทแล้วจึงล้มนอนในที่ตัวเอง วางแขนพาดเอวเล็กของเจเจและคว้ามือของเจ้าชีวันมาจับเอาไว้ด้วย ไม่ได้อยากจับหรอกนะ แต่แขนเขายาวไง จับ ๆ ไปแล้วกัน
น่าเบื่อ
TBC
ตรวจคำผิดแค่รอบเดียว อาจจะมีอยู่ ขออภัยด้วยค้าบบบบ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ
♥