ลูกหมูยืดตัวตรงและกลั้นหายใจทันทีที่ผู้มาใหม่ก้าวเข้ามาในห้องทานอาหาร ทั้งสองขมวดคิ้วมองตรงไปที่คนแปลกหน้า จันทร์เจ้ายกมือไหว้สวัสดีอย่างนอบน้อม ยิ้มสู้หวานหยดแม้ในใจจะนึกกลัวอยู่ก็ตาม หากเป็นคนอื่นคงไม่กลัว แต่บุคคลต้องหน้านี้คือครอบครัวของทิวา และยังสำคัญกับทิวามาก ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะกังวล...
“เด็กมึงเหรอ?”
“ไม่ใช่” ทิวากาลตอบคนถาม ทินกรเลิกคิ้วกลอกตาไปมองเด็กตัวขาวที่นั่งที่ประจำของน้องชาย
“แฟน” “ทานอาหารเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นแล้วไม่อร่อย” รพินทร์พูดขึ้นเมื่อบรรยากาศเริ่มเย็นยะเยือก
ลูกหมูแอบพ่นลมหายใจ ตอนนี้รู้สึกอึดอัดแล้ว ทิวานะทิวา บอกให้ไปส่งเรากลับบ้านก็ไม่ยอมฟัง ทั้ง ๆ ที่บ้านคุณย่าอยู่ถัดไปนี้เอง ฮือ ขอให้ผ่านตรงนี้ไปได้ด้วยดีด้วยเถอะ สาธุ!! ถ้าหากคุณพ่อของทิวาไม่แหกอกเรานะ จะงดกินพุดดิ้งรสนมสองวันเลย!!
RRRR~
“โอ๊ะ! ขอโทษครับ” เจ้าของโทรศัพท์มือถือรับกล่าวขอโทษ จันทร์เจ้ากุรีกุจอปิดเสียงเรียกเข้ามองชื่อคนโทรมาแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้ตามเดิม
“ใครโทรมา?”
“เด็กปีศาจ”
“ไม่รับเหรอ?”
“เวลาทานข้าวใครเขาคุยโทรศัพท์กัน พี่นี่ไม่รู้เรื่องเลย” จันทร์เจ้ากอดอกแล้วส่ายหน้า ทำเหมือนรับไม่ได้ ในขณะที่คนอื่นกำลังเหวอ ทิวากาลกลอกตาก่อนบีบแก้มกลมด้วยอารมณ์ทั้งหมั่นไส้และมันเขี้ยว
“หวาย~ พี่กาลไม่ร้องน้า” รพินทร์แซวพี่ชายพร้อมหัวเราะขำ
“ย้อง” ไลลาพูดตาม เรียกรอยยิ้มได้อีกโข ทิวากาลมองคาดโทษหลานสาวแบบไม่จริงจัง
“ว่าพี่ไม่มีมารยาทเหรอ?”
“เราเปล่า!” ลูกหมูสั่นหัวดิ๊กปฏิเสธข้อกล่าวหา “เราไม่ได้พูดสักคำว่าพี่ไม่มีมารยาท ทำไมชอบคิดไปเองจังเลยครับ”
“เหร้อ~?”
“พี่ไม่เชื่อเหรอ หูมีปัญหาหรือเปล่าครับ? ถามทุกคนก็ได้นะ เราไม่ได้พูดว่าพี่ไม่มีมารยาทส้ากกกกกกคำ! เนอะ”
“เย่อะ!”
“เห็นไหม น้องไลลาเป็นเด็ก ไม่พูดโกหก~”
“หึหึหึ ฮะฮ่าฮ่าฮ่า” รพินทร์หัวเราะออกมาจากอย่างห้ามไม่อยู่ พลอยทำให้คนอื่น ๆ หัวเราะตามไปด้วย ยกเว้นแต่ประมุขของบ้าน...
“เด็กมึงตลกว่ะ กูชอบ” ทินกรบอก จันทร์เจ้าจึงหันไปยิ้มให้ ทำเอาทินกรค้างไปเลยทีเดียว ทิวากาลที่เห็นแบบนั้นก็จับให้จันทร์เจ้าหันหน้าหนี แถมยังเอามือปิดหน้าเด็กแก้มกลมอีกด้วย
“เวลาทานข้าวก็อย่ามัวแต่คุยกัน” น้ำเสียงน่าเกรงขามดังขึ้น ลูกหมูเกร็งตัวทันทีก่อนยิ้มเจื่อน เพราะเป็นคนที่พูดมากที่สุดรองจากพี่พินทร์กับพี่กรแล้ว และเมื่อสิ้นเสียงมีอำนาจนั้น ทุกคนก็พลันเงียบกันหมด
“วันนี้วันดีนะคะ อย่าเครียดเกินไปสิคุณ” คุณรัตติกาลเอ่ยกับผู้เป็นคนรัก คุณสุริยะทำเพียงแค่แสยะยิ้มและตักข้าวทานต่อโดยไม่พูดอะไร
จันทร์เจ้าย่นคิ้วขณะมองหน้าคุณพ่อของทิวา ก่อนหน้านั้นไม่ทันได้สังเกตเพราะมัวแต่กลัว พอมาตอนนี้จึงเริ่มนึกขึ้นได้ว่าคุณลุงสุริยะหน้าคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอมาแล้ว
“มองหน้าฉันทำไม?”
คนถูกจับได้สะดุ้งโหยง ยิ้มแหยก่อนจะเอ่ย “หน้าคุณลุงคุ้น ๆ เหมือนเคยเจอน่ะครับ ก็เลยจ้องนานไปหน่อย แหะ...”
“ฉันเป็นพี่ชายพ่อแม่เธอหรือไง?”
“คุณคะ...”
“พ่อ!”
“....ขอโทษครับ” พูดเสียงแผ่ว ก้มหน้าต่ำ และเขี่ยข้าวในจานไปมา ทิวากาลพ่นลมหายใจและมองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความไม่พอใจ พ่อกล้าดียังไงมาทำเด็กบ้าของเขาหงอยวะ
“ทำไมพ่อพูดแบบนี้”
“ฉันพูดอะไร?”
ทิวากาลกำมือแน่น ในหัวเขามีสิ่งที่อยากจะพูดมากมายแต่กลับพูดอะไรไม่ออก และในตอนนั้นเองที่เด็กแก้มกลมเงยหน้าขึ้นมายิ้มราวกับจะบอกว่าไม่เป็นอะไร เจ้าเด็กเพี้ยนตักอาหารเข้าปากและเคี้ยวด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย เขาถอนหายใจอีกครั้ง ปาดนิ้วเช็ดคราบน้ำแกงที่มุมปากเล็กออก นึกอยากจะจิ้มแก้มบวมตุ่ยให้หายมันเขี้ยว แต่ให้ดีเขาอยากจะจับไอ้เด็กแก้มกลมนี่มาบีบ ๆ ขย้ำ ๆ ให้รู้แล้วรู้รอด
“กินเลอะเป็นเด็กอีกแล้ว”
“ขี้บ่นเป็นคนแก่อีกแล้ว”
“ยอกย้อนนะ กินเข้าไป กินเยอะ ๆ ไม่ต้องพูดมาก เรียนมาหรือเปล่ามารยาทบนโต๊ะอาหารน่ะ!”
ลูกหมูหัวเราะเสียงใส ทิวาตลกอ่ะ ทำไมประชดคุณลุงได้เด็กน้อยแบบนี้นะ
“ที่บอกว่าคุ้นหน้าคุณพ่อ น้องจันทร์เจ้าเคยเจอที่ไหนเหรอคะ?” คนพี่บอกให้เงียบ คนน้องก็อยากให้พูดซะงั้น ลูกหมูยิ้ม เหลือบมองคุณพ่อของทิวา ก่อนจะนึกอยู่นาน เมื่อคิดออกก็ดีดนิ้วเปาะ
“ที่งานเลี้ยงอะไรสักอย่างครับ ตอนนั้นเราจะไปห้องน้ำ เห็นคุณลุงเหมือนจะลมเลยเข้าไปช่วยพยุง ตอนนั้นคุณลุงบอกว่าหน้ามืดแล้วก็เอามือกุมที่ขมับด้วยครับ แบบนี้” จันทร์เจ้าเล่า พร้อมทำท่าให้ดู ด้วยการเอามือกุมขมับและทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเลียนแบบ
“จำได้ไหมจ๊ะว่าเมื่อไหร่?” คุณรัตติกาลถามเสียงกังวล เธอไม่เคยรู้เลยว่าเกิดอะไรแบบนี้ขึ้นด้วย ลูก ๆ คนอื่นก็พลอยขมวดคิ้วไปตาม ๆ กัน
“น่าจะเดือนสองเดือนที่แล้วครับ”
“ทำไมคุณไม่บอกฉันคะ?”
“ผมไม่ได้เป็นอะไร” เสียงมีอำนาจเอ่ยบอก “เวลาทานข้าว เลิกพูดกันสักทีเถอะ”
“สุขสันต์วันเกิดนะลูก มีความสุขมาก ๆ” เมื่อเวลาอาหารผ่านพ้นไป ก็เป็นเวลาของการอวยพรและให้ของขวัญ เจ้าของวันเกิดยิ้มละมุนโน้มไปหอมแก้มคุณแม่ฟอดใหญ่
“Happy birthday ค่ะพี่กาล” รพินทร์บอกพร้อมกับส่งกล่องของขวัญให้ ภาณุมาศและทินกรก็ทำแบบเดียวกัน ไม่ได้อวยพรเพราะไม่รู้จะพูดอะไร บอกอยู่ทุกปีบางทีก็คิดไม่ออก แล้วครั้งนี้ทิวากาลคงไม่อยากได้อะไรแล้วล่ะ ของขวัญที่ดีที่สุดก็นั่งอยู่ตรงนี้
“น้องจันทร์เจ้าไม่ให้ของขวัญพี่กาลเหรอคะ?”
“เราให้แล้วครับพี่พินทร์”
“อ๋อออออออออ~ ลืมไป เขาให้กันสองคนแล้ว” ลูกหมูยู่หน้าเมื่อถูกแกล้งอีกแล้ว ทิวาก็ไม่ช่วยเลย ชิ!! เล่นกับน้องไลลาดีกว่า
“มึงจะออกไปข้างนอกหรือเปล่า?” ทินกรถาม
“ไป มึงจะไปด้วยหรือไง”
“ชวนป่ะล่ะ”
“หน้าด้านอยู่แล้วไม่เห็นต้องชวน” อ๋อ พี่น้องเขาคุยกันแบบนี้เหรอ... ลูกหมูสะบัดหัวไล่ความคิด “ทำบ้าอะไร”
จันทร์เจ้ามองคนถามด้วยหางตา จึงโดนทิวาผลักศีรษะไปหนึ่งทีเบา ๆ แต่ก็ทำให้หน้าคะมำได้ ด้วยความมือไวจึงคว้าหมอนอิงใกล้ ๆ ฟาดเข้าที่ใบหน้าหล่อเต็ม เกิดเดธแอร์ไปชั่วขณะ ทิวากาลมองเด็กแก้มกลมอึ้ง ๆ และจันทร์เจ้าเองก็เบิกตากว้างเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
“เตี้ย...”
“เราขอโทษ~ พี่ทำเราก่อนทำไมล่ะ ก็รู้ว่าเรามือไว”
“มึนเลย” ลูกหมูเบะปาก มองทิวากาลตาละห้อย ทำหางตาตกใส่แบบนั้นคิดว่าเขาจะโกรธไหม? หึ ต่อให้ไม่ทำก็ไม่โกรธหรอก
“เอาเรื่องใช้ได้นะเนี่ย”
“ชมหรือด่าครับ?” จันทร์เจ้าถามหน้าซื่อ ทินกรหัวเราะ ยื่นมือไปขยี้กลุ่มผมนุ่มอย่างอดไม่ได้ แต่ไม่กี่วินาทีก็โดนทิวากาลปัดออก แถมยังจ้องพี่ชายและเด็กแก้มกลมเขม็ง
“ชมครับ ชม”
“มันโกหก จริง ๆ แล้วไอ้กรมันด่า”
“เราเชื่อพี่กร” ทินกรหัวเราะชอบใจ ผิดกับทิวากาลที่หน้าบึ้ง ลูกหมูทำหน้างง ก่อนเลิกสนใจคนนิสัยไม่ดี ทิวานั่นแหละด่าเรา เจ้าบ้า!
“โอ๊ะ!” จันทร์เจ้ารีบโน้มตัวพร้อมยืนมือไปรองใต้คางของเด็กหญิงไลลาเหมือนเด็กว่าน้องทำหน้าพะอืดพะอม และเหมือนมีอะไรอยู่ในปาก หลังจากที่ยื่นมือไปเพียงเสี้ยววินาที ชิ้นแอปเปิ้ลที่เคี้ยวไม่ละเอียดก็ถูกคายใส่มือเล็ก
“ว้าย! ขอโทษด้วยนะคะ” ภาณุมาศรีบดึงกระดาษทิชชูเช็ดมือให้กับจันทร์เจ้า แดนไทอุ้มลูกสาวไปปลอบและลูบหลังให้เบา ๆ
จันทร์เจ้ายิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมทำเองดีกว่า”
“น่ารักใช่ไหมล่ะคะ?” คุณรัตติกาลกระซิบถามสามี “เปิดใจหน่อยนะคุณ เด็ก ๆ ก็ไม่ได้แย่อะไร”
“หึ”
“โห~ น้องจันทร์เจ้าทำแบบนี้ ได้ใจไลลาไปแน่ ๆ เลย แล้วพี่ก็จะกลายเป็นหมาหัวเน่า!”
“พินทร์ก็เป็นหมาหัวเน่าอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?
“อ้าว พี่กร ทำไมพูดแบบนี้คะ!?”
“ไม่ต้องบอกว่าขอโทษที่น่ารักเลยเตี้ย มั่นหน้าจริง ๆ”
“แล้วไม่ใช่เหรอ บอกสิว่าเราไม่น่ารัก?” ถามเสียงอ่อย จ้องตากับทิวากาล แล้วยังเลื่อนสายตาไปสบกับทุกคนอีกด้วย
“น่ารักมาก!” ทิวากาลกัดฟันพูด ลูกหมูหัวเราะ ก่อนตัดขนมเค้กเข้าปาก อืม... เนื้อเค้กนุ่ม หอมกลิ่นวานิลลา แทบจะละลายในปากเลย อร่อย!!!!
“จั่นเจา”
“พี่ชื่อจันทร์เจ้าครับ”
“จั่นเจา”
“จันทร์-เจ้า” ลูกหมูพูดช้า ๆ ให้หนูน้อยได้พูดตาม แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งน้องไลลาก็ยังเรียกว่าจั่นเจาอยู่ดี โธ่ พี่ไม่ได้เป็นจอมยุทธ์นะครับ ฮือ
“จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า รู้จักไหมครับ”
“จั่น! เจา!”
“ไม่ช่ายยยยย ไม่ใช่จั่นเจา จันทร์เจ้า”
“จ้า” ไปกันใหญ่เลย หึหึ
“แกล้งหลานพี่ทำไม”
“เราเปล่าสักหน่อย ทำไมพี่ทิวาชอบใส่ร้ายเราจังเลย เดี๋ยวจะฟ้องพี่ฟ้า”
ทิวากาลเบะปาก แค่เรียกร้องความสนใจไม่ได้เลยใช่ไหม คิดผิดหรือคิดถูกวะที่พามาบ้าน
“น้องไลลาพูดตามพี่นะครับ” จันทร์เจ้าพูดอย่างใจเย็นอีกครั้ง “จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า”
“เอ๋ยเจ้า”
“ขอข้าวราดแกง”
“เดี๋ยว ๆ ขอข้าวขอแกงหรือเปล่าคะน้องจันทร์เจ้า”
“แบบนั้นมันเก่าแล้วนี่นา ฉบับจันทร์เจ้าต้องขอข้าวราดแกง ขอบะหมี่หมูแดงหนึ่งชามใหญ่ ๆ ด้วยครับพี่พินทร์ คิคิ”
“ทำอะไรก็ไม่พ้นเรื่องกิน ให้ตายเหอะ” ทิวากาลบ่น แต่จันทร์เจ้าไม่สนใจ กำลังมีความสุข ไม่ต้องแคร์เสียงนกเสียงกา
“ชอบกินเหรอเรา?” พยักหน้าเป็นคำตอบให้กับทินกร “พี่รู้จักร้านอาหารเยอะ ไว้ไปกินด้วยกัน” ปิดท้ายด้วยการขยิบตาให้และยกยิ้มเจ้าชู้
ลูกหมูยิ้มกว้างถูกใจ “ดีลครับ!”
“ถามกูยัง”
“ทำไมต้องถามมึงวะ กูนัดกับน้องไม่ได้นัดมึง ใช่ไหมครับ?”
“ใช่คับ!”
“หวายยยยย พี่กาลโดนทิ้งแน่ ๆ”
“ท่าทางจะชอบกินมากนะเนี่ย ดูจากที่ทานข้าววันนี้ก็ท่าจะกินเก่ง แม่ครัวปลื้มเชียว คนกินทานอร่อย”
“ชอบมากครับ! แล้วอาหารวันนี้ก็อร่อยมากกกกกกกกกก ผมก็เลยกินเยอะเลยฮะคุณป้า”
“ดูสิ แก้มยุ้ย ๆ น่ารักจริงเชียว ใช่ไหมคะคุณ”
“อืม” จันทร์เจ้ายิ้มกว้างขณะมองหน้าคุณแม่และคุณพ่อของทิวากาล เหล่าพี่น้องมองหน้ากันแล้วแอบยิ้ม คุณรัตติกาลเองก็เช่นกัน คุณสุริยะกระแอมไอเมื่อเผลอหลุดพูดก่อนทำหน้านิ่งตามเดิม
“มันไม่ได้กินเก่งหรอกแม่ มันรักการกินต่างหาก พูดง่าย ๆ ก็เห็นแก่กินนั่นแหละ!”
“คนใจหยาบอย่างพี่จะไปเข้าใจอะไร!”
“ทะเลาะกันบ่อยเหรอจ๊ะ?”
“ไม่ได้ทะเลาะกันครับ แต่เถียงกันบ่อย ส่วนใหญ่เรื่องไร้สาระทั้งนั้นเลยฮะ ลูกชายคุณป้าชอบหาเรื่องผมด้วย” พูดเสียงเบาเอามือป้องปากคล้ายกระซิบในประโยคสุดท้าย
คุณรัตติกาลหรี่ตามองลูกชายคนเล็ก “ทำไมทำแบบนั้นล่ะกาล”
“แม่อย่าไปเชื่อ คนหาเรื่องน่ะไอ้เตี้ยนี่ต่างหาก”
“เห็นไหมครับ ชอบด่าผมด้วย ผมเสียใจจัง”
“ตอแหล”
มันจะมีสักกี่คนที่โดนด่าแต่หัวเราะเสียงใสแบบนี้ ทิวากาลส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เด็กแก้มกลมคุยเล่นกับครอบครัวเขาได้โดยไม่เกร็งแบบนี้ก็สบายใจ ติดก็แต่พ่อนี่แหละนะ แต่ก็ถือว่าเป็นการดี เพราะท่านไม่ได้ตึงเครียดเหมือนแรก ๆ แล้ว ดูท่าพลังของจันทร์เจ้าจะทำให้พ่อของทิวากาลยอมเปิดใจ
“จันทร์เจ้าเรียนบริหารใช่ไหม? ทำถึงเรียนบริหารล่ะคะ?”
“เพราะไม่รู้จะเรียนอะไรครับ เราไม่มีอะไรชอบเป็นพิเศษด้วย ยังไงก็ต้องช่วยงานที่บ้านอยู่ดี ก็เลยเลือกเข้าคณะบริหารครับ”
“ไม่เครียดเหรอคะ?” รพินทร์ถามต่อ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เปลี่ยนหัวข้อมาเป็นเรื่องเรียนได้ และดูเหมือนทุกคนเองก็ตั้งใจฟังเสียด้วย
“ไม่เครียดครับ เรียน ๆ ไปก็สนุกดี”
“เหรอ... พี่ไม่ชอบเลยค่ะ ทีแรกก็ต้องเรียนบริหารเหมือนพี่อีกสามคน แต่ชิ่งไปเรียนแฟนชั่น เกือบโดนไล่ออกจากบ้านเลย”
จันทร์เจ้าหัวเราะ “พี่พินทร์น่าอิจฉา ที่ได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่เราไม่รู้เลยว่าเราชอบอะไร...”
“ชอบพี่ไง” โอเคครับ จบที่ตรงนี้ก็แล้วกัน แยกย้ายเลย...
“พี่กาลมาขัดทำไม โวะ! ออกไปเลย!” รพินทร์ไล่พี่ชาย แต่ทิวากาลก็หาได้สนใจไม่ “ที่บ้านน้องจันทร์เจ้าไม่บังคับหรอคะว่าให้เรียนอะไร?”
“ไม่ครับ เพราะเราเป็นคนไปเรียน ไม่ใช่คนที่บ้าน...”
“หึหึ”
“หัวเราะไรอ่ะ?”
“เปล่า” ทิวากาลปฏิเสธ มันแค่อารมณ์ชั่ววูบที่หลังจากฟังคำพูดของเด็กแก้มกลมแล้วเขาเผลอมองหน้าของผู้เป็นพ่อ
“คิดบวกสุด เคยโดนบังคับไหมคะเนี่ย?”
“เคยสิครับ แต่ทุกครั้งที่บังคับทุกคนก็มีเหตุผลมาบอกนะ เราก็อ๋ออออ บังคับให้ทำเพราะแบบนี้นี่เอง เขาหวังดีกับเรานะ ก็ไม่ได้คิดอะไรครับ บางทีสิ่งที่ชอบก็ถูกค้นพบเพราะถูกบังคับนี่แหละครับ” ลูกหมูยิ้มหลังพูดจบ สายตามองไปข้างหน้าไม่ได้สบตาใคร
“มีด้วยเหรอ?”
“มีสิ! แต่ก่อนนะ เราโดนคุณตาบังคับให้ไปตกปลาเป็นเพื่อนบ่อย ๆ ทีแรกก็เบื่อมากเลย อะไรก็ไม่รู้ ปลาก็ไม่ได้ โดนแมลงกัดอีกต่างหาก แต่ทำเรื่อย ๆ ก็สนุกดีครับ แข่งกันตกปลา คุณตาบอกว่าถ้าตกได้กี่ตัวจะให้ตังค์ตัวละหนึ่งพัน เราเลยสนุก คิคิ”
“เห็นแก่เงินนี่หว่า” ทิวากาลว่า
“คนเราก็ทำเพื่อเงินทั้งนั้นแหละ” พูดจบก็ยักคิ้ว ก็จริงอย่างที่มันบอก แม้จะมีคนบอกว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ปัญหาทุกอย่างมากกว่า 90% ก็เกิดขึ้นจากการไม่มีเงินทั้งนั้น แทบจะลุกขึ้นปรบมือให้เลย ไม่คิดว่าคนเพี้ยน ๆ อย่างเจ้าเด็กแก้มกลมจะคิดอะไรแบบนี้เป็นด้วย
“เธอตกปลาด้วยหรือ?”
“ครับ เพราะต้องไปเป็นกับคุณตาบ่อย ๆ ตอนนี้เลยตกปลาเก่งมากเลย แค่หย่อยเหยื่อลงไปปลาก็มากินแล้ว”
“อวดดี”
“ก็ผมมีดีให้อวดนี่นา” ส่งยิ้มน่ารักไปแบบนั้น เป็นใครก็คงจะถือสาไม่ลง จากจะกล่าวโทษน่าจะเปลี่ยนเป็นเอ็นดูมากกว่า
“คุณลุงเขาชอบตกปลาน่ะจ้ะ แต่ชวนลูกคนไหนก็ไม่มีใครไปด้วย หนุ่ม ๆ สาว ๆ เขาบอกว่าน่าเบื่อ” คุณรัตติกาลพูดกลั้วหัวเราะ
“ไปกับผมไหมครับ ผมไม่เบื่อ ตกปลาสนุก~”
“หึ”
“อีกไม่นานหรอก คุณพ่อหลงน้องแน่ ๆ”
อืม ทิวากาลก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ภาณุมาศพูดนะ ดูเจ้าเด็กแก้มกลมของเขาสิ พูดเก่งขนาดนี้ แถมยังมียิ้มเป็นอาวุธ แล้วดูนั่น คุยกันถูกคอจนลืมคนอื่น ๆ ไปแล้ว
เก่งมากเจ้าแก้มกลม!
TBCลูกหมูมาแล้วค่าาา~ ขอโทษที่มาช้านะคะ TwT
เจอครอบครัวพี่พระเอกทุกคนแล้วววว คุณพ่อขา คุณพ่อโอเคใช่ไหม (' '
อาจจะมีคำผิดอยู่นะคะ ขออภัยด้วยคับ .__.
แล้วก็ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยเน้อ
• ค ว า ม จ ริ ง ใ จ • นั่นเองงงง~ ฝากจักรภัคด้วยนะคะ
♥