ตอนพิเศษ
รุ่นพี่จันทร์เจ้ากับคุณทิวากาล
จุ๊บ คนถูกจูบไหล่ย่นคอลงก่อนหันกลับไปมองแล้วยิ้มให้คนที่ยังงัวเงีย
“เรากวนพี่เหรอ?”
“เปล่า” ร่างสูงตอบแล้วกดจูบที่ริมฝีปากเล็ก รวบตัวแฟนเด็กที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อยเข้ามากอด “นอนกัน”
“เราต้องไปมหา’ลัยแล้วครับ”
“ไม่ให้ไป”
“พี่ทิวาอย่างอแง ตัวเองก็ต้องไปทำงาน”
“ไปบริษัทกับพี่เถอะ”
“ตลกเหรอ เราต้องไปรับน้องนะ ปล่อยเร็ว จะแต่งตัว” ผลักคนอายุมากที่ดื้อด้านออก เห็นทิวากาลหน้างอแล้วตลกดี คนอะไรก็ไม่รู้ แก่แล้วยังงอแงอีก ไม่น่ารักเลย
“ให้ไปส่งไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเราไปเอง พี่ไปนอนต่อเถอะ ยังไม่เช้าเลย”
แม้จะยังง่วงแต่ทิวากาลก็ไม่ยอมกลับไปนอนต่อ เขานั่งดูแฟนเด็กแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบ เห็นแล้วนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกัน วันที่จันทร์เจ้ายังเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นรุ่นพี่ไปเสียแล้ว แล้วปีนี้ก็ไม่มีเขาอยู่ด้วยแล้วอีกต่างหาก ไม่รู้จะมีใครมาจีบแฟนเขาไหม ช่วงนี้นับวันยิ่งน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ น่ารักจนเขาอยากเก็บเอาไว้คนเดียว
“เราไปแล้วนะ”
“จูบก่อน” เดินเข้าไปหาแล้วเขย่งขึ้นไปจูบตามคำขอของคนตัวสูง จันทร์เจ้าโบกมือให้ ก่อนเดินออกจากห้อง ทานมื้อเช้าที่ทิวากาลทำให้เรียบร้อยแล้วออกจากบ้านได้
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก และจันทร์เจ้าต้องไปทำหน้าที่ของรุ่นพี่ในการเตรียมการรับน้อง ตื่นเต้นไม่น้อย ปีที่แล้วจันทร์เจ้ายังเป็นปีหนึ่งอยู่เลย แต่ตอนนี้กลายเป็นรุ่นพี่เสียแล้ว รู้สึกเวลาจะผ่านไปไวจริง ๆ ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงมหาวิทยาลัย เพราะยังเช้าอยู่การจราจรจึงไม่ติดขัด เมื่อจอดรถแล้วจันทร์เจ้าก็เดินไปที่ตึกคณะ ทักทายคนที่เดินผ่านอย่างอารมณ์ดี คนรู้จักกันทั้งนั้น
“สวัสดีครับ” เอ่ยทักทายเพื่อนและรุ่นพี่ที่จุดลงทะเบียน
“ยังไม่ถึงเวลาลงทะเบียนนะน้อง”
“มาก่อนเวลาจะโดนทำโทษไหมครับ?”
“โดนครับ ไปซื้อของกินมาให้พี่เดี๋ยวนี้” จันทร์เจ้าหัวเราะร่าทันที ค้นกระเป๋าส่งขนมปังให้กับเพื่อนร่วมรุ่น ที่ถูกแซวแบบนั้นเพราะในคราแรกจันทร์เจ้าถูกทาบทามให้เป็นพี่เนียน จันทร์เจ้าเองก็คิดว่าน่าสนุกดีจึงตอบตกลง แต่แล้วก็ไม่ได้เป็นเพราะถูกคัดค้านโดยตะวันและฟินน์ ทั้งคู่บอกว่าจันทร์เจ้าเป็นไม่ได้แม้จะเหมาะก็ตาม เพราะมีคนรู้จักจันทร์เจ้าเยอะจากในอินเทอร์เน็ต และยังมีบางคนที่บอกว่าเข้าเรียนคณะนี้เพราะจันทร์เจ้าอีกด้วย เหตุผลนั้นจึงทำให้ทุกอย่างยกเลิกไปเพราะทุกคนเห็นด้วย แอบเสียดายนิดหน่อย แต่ก็ดีแล้ว เป็นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
จันทร์เจ้าแวะเวียนคุยเล่นกับคนนั้นทีคนนี้ทีไปทั่วเพราะเพื่อนตัวเองยังไม่มา ก่อนจะได้ทำงานจริงจังเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเห็นชื่อจนที่โทรเข้าจึงเลี่ยงออกไปรับ
“เบสท์อยู่หนายยยยย~~?”
(“ไปสายนิดหน่อยนะมึง มีอุบัติเหตุแถวนี้ว่ะ รถติดฉิบหาย”)
“เอ๊า โอเคก็ได้” วางสายจากเบสท์ สายตาก็มองไปเห็นเพื่อนสนิทอีกคนเดินเข้ามา รีบวิ่งเข้าไปหาแล้วกอดหมับ ตั้งแต่ปิดเทอมก็ไม่เจอกันเลย คิดถึงจะแย่ แต่กอดได้ไม่นานก็ถูกแฟนของเพื่อนดึงออกเสียแล้ว
“โหย! ตะวันอ่ะ เรายังกอดฟินน์ไม่เยอะเลย”
“ไม่ได้ ไม่ให้กอด”
“ไรอ่ะ!!! ฟินน์ดูดิ ทำไมเรากอดฟินน์ไม่ได้อ่าาา” จันทร์เจ้างอแง ฟินน์เบ้ปากก่อนจะหัวเราะแล้วรวบตัวนิ่ม ๆ ของเพื่อนไปกอด
“โอ๋ ๆ มา ๆ กอดก็กอด หอมแก้มด้วยเอ๊า!” ว่าจบก็กดจมูกลงบนแก้มนิ่มแล้วหอมฟอดใหญ่
“เย้!!!!” ลูกหมูร้องดีใจ หันไปยักคิ้วยียวนใส่ตะวันที่ยืนหน้าบึ้งอยู่
“ทำไมฟินน์ทำแบบนี้วะ”
“ทำไมจะทำไม่ได้ ไม่เจอแป๊บเดียวอ้วนขึ้นป่ะหมู” คราวนี้เป็นจันทร์เจ้าที่หน้างอ ตะวันหัวเราะเยาะ ดึงแก้มเพื่อนตัวกลมด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดู
“เราโป้งแล้ว!”
“ไป๊!!!”
“ฮึ่ย!!!” หันหลังเดินหนีให้รู้ว่างอนจริง ๆ ใครเขาทักทายกันด้วยการทักว่าอ้วนกันเล่า!! สะเทือนใจชะมัดเลย จันทร์เจ้าไม่ได้อ้วนสักหน่อย แค่มีน้ำมีนวลเท่านั้นเอง ฟินน์กับตะวันไม่เข้าใจเลย!
เจ้าพวกตะเกียบ! พวกขาดสารอาหาร! พวกไม่รู้ซึ้งถึงความอร่อยของเนื้อย่าง!
“น้องใกล้มาแล้วนะโว้ย! เลิกเล่นกันได้แล้ว!” เสียงของใครสักคนดังขึ้นมา คนที่เล่นกันอยู่ก็พากันหยุดเอาไว้ เหล่ารุ่นพี่ที่ต้องทำหน้าที่ฝึกระเบียบให้น้องก็รีบดึงหน้าจนตึง จันทร์เจ้าเผลอหัวเราะ จึงโดนด่าทางสายตา ก่อนผงกหัวขอโทษและไปประจำหน้าที่ตัวเอง จันทร์เจ้าไม่สามารถไปดุน้องหรือเป็นพี่เนียนได้ และไม่สามารถเป็นกรรมกรใช้แรงงานได้เช่นกัน จึงถูกเตะโด่งมาเป็นฝ่ายเยียวยาให้กำลังใจน้อง ๆ แทน
“น้องคนนั้นหล่อ” มองตามมือที่เพื่อนชี้ไปแล้วพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วย หล่อก็จริง แต่จันทร์เจ้ารู้สึกเฉย ๆ มากเลย ก็เจอคนหล่อ ใช้ชีวิตกับคนหล่อมาทั้งชีวิตแล้วนี่นะ เฮ้อ เบื่อจัง...
“เราจะฟ้องพี่มิค”
“จิ๊!” เบสท์จิปากหงุดหงิด นึกอยากฝนเล็บให้คมแล้วข่วนหน้าจันทร์เจ้าสักที “เดี๋ยวกูฟ้องพี่กาลด้วย”
“ฟ้องอะไร เราทำอะไรผิด”
“กูจะบอกว่ามึงอ่อยรุ่นน้อง”
“อ่อยก็แย่แล้ว เบสท์อย่ามั่ววววววว” เบสท์โคลงหัวไม่สนใจ ก็ลองดู ถ้าจันทร์เจ้าจะบอกมิค เขาเองก็บอกทิวากาลได้เหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นการใส่ร้าย แต่ทิวากาลต้องหึงหวงจนขาดสติแล้วไม่สนใจแน่ว่าจริงหรือหลอก ทีนี้แหละ.... เตรียมเจ็บตัวได้เลยมึง!!!
“หึหึ”
“ทำไมเบสท์ทำหน้าชั่วร้ายแบบนั้น แย่ ๆ” ตีกันพอหอมปากหอมคอก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ เมื่อถึงช่วงที่ให้น้อง ๆ ได้พัก จันทร์เจ้าและคนอื่น ๆ ก็ช่วยเอาของว่างไปแจกให้น้องทาน คณะของเราไม่ได้เข้มงวดเหมือนบางคณะอื่น ๆ กิจกรรมรับน้องครั้งนี้จึงคล้ายเป็นค่ายเพื่อให้รุ่นพี่รุ่นน้องได้รู้จักกัน การแสดงความประทับใจให้น้องเป็นสิ่งที่ดีกว่าทำให้น้องต่อต้านและรู้สึกคิดผิดที่เลือกมาเรียนคณะนี้ แต่เราก็ไม่ได้หย่อนจนยาน มีโหดบ้างเพื่อที่จะคุมน้องให้อยู่
หลังจากส่งแฟนเด็กไปเรียนแล้วทิวากาลก็หลับตาเดินกลับไปที่ห้องนอน ทิ้งตัวลงไปบนเตียงแล้วหลับไปในไม่ช้าแม้จะไม่มีร่างนุ่มนิ่มของเด็กแก้มกลมให้กอด เพราะความเมื่อยล้าสะสมจึงหลับไปได้ง่าย ๆ เขานอนดึกติดต่อกันหลายวัน เพราะเข้าทำงานจริงจังได้ไม่นานจึงต้องใช้เวลาปรับตัวพอสมควร แม้จะฝึกงานที่บริษัทมาโดยตลอด ทว่าพอได้รับตำแหน่งแล้วมันกลับไม่ง่ายเหมือนตอนฝึกงานเลยสักนิด
เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกดังเตือน ร่างสูงผุดตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วแต่งตัวเพื่อไปทำงาน มุมปากขยับขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กแก้มกลมเตรียมชุดเอาไว้ให้เขาด้วย นับวันนานไปแฟนเด็กของเขายิ่งน่ารักขึ้นทุกวัน เขาแทบอดใจไม่ให้ฟัดอีกฝ่ายไม่ไหว ทิวากาลอุ่นโจ๊กทานเป็นอาหารเช้า เช็กความเรียบร้อยในห้องก่อนออกไปทำงาน
การใช้ชีวิตในการทำงานนั้นค่อนข้างเครียด... ค่อนไปทางเครียดสัด ๆ นอกจากต้องทำหน้าที่ในการทำงานให้ดีแล้ว ยังต้องทำตัวให้น่าเชื่อถือเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ๆ ด้วย จะให้ใครมาสบประมาทไม่ได้ เขาต้องพิสูจน์ตัวเองว่ามีความสามารถพอที่จะบริหารบริษัท ไม่ใช่เข้ามาที่นี่ได้เพราะเป็นลูกชายเจ้าของบริษัท ภาวะความกดดันเยอะกว่าตอนเรียนหลายเท่า
“กาแฟค่ะ”
“ขอบคุณครับ” เอ่ยบอกกับเลขาวัยสามสิบต้น ๆ แต่ยังสวยและเปรี้ยวจี๊ด “วันนี้ผมต้องออกไปไหนหรือเปล่าครับ?”
“วันนี้คุณทิวากาลต้องออกไปพบลูกค้าตอนบ่ายสามค่ะ”
“ครับ”
“ดิฉันขอตัวนะคะ” เลขาสาวยิ้มกว้าง แต่ก็ต้องยิ้มเก้อเมื่อคุณทิวากาลไม่ได้สนใจแม้แต่จะมอง
ทิวากาลนวดขมับขณะอ่านเอกสารรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับงาน ตั้งแต่เช้ามาเขายังไม่ได้พัก จะเกิดความล้าก็ไม่แปลกนัก ตัดสินใจวางเอกสารเอาไว้ก่อน แล้วเดินไปยังกำแพงกระจกด้านหลัง คิ้วเข้มขมวดเมื่อการเลือกที่จะมองวิวไม่ช่วยอะไร การได้เห็นแต่ตึกรามบ้านช่องมันทำให้ตึงเครียดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก นึกถึงเสียงเจื้อยแจ้วใส ๆ ของแฟนเด็กขึ้นมา ถ้ามีจันทร์เจ้าอยู่ด้วยเขาคงรู้สึกดีมากกว่านี้แน่ แค่คิดถึงก็ทำให้เขายิ้มได้แล้ว ช่างมีอิทธิพลจริง ๆ
ไม่รู้ว่าป่านนี้รุ่นพี่จันทิมันตุ์จะเป็นอย่างไรบ้าง จะกังวลจนหมดสนุก หรือจะจะสนุกจนลืมเขา อาจจะเป็นอย่างหลัง เพราะปกติแล้วต้องมีข้อความมางอแง แต่วันนี้กลับไม่มีเลย ต้องดุหน่อยแล้ว ปล่อยให้เขาคิดถึงอยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน
แกรก
หลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อได้ยินเสียงประตูดังมา เขาหันไปมองแล้วขมวดคิ้วมองคนมาใหม่
“ไม่รู้จักเคาะประตูหรือไง?”
“ขอโทษครับคุณทิวากาล” ทินกรว่าแต่ไม่ได้สำนึกผิดมากนัก
“มาทำไมวะ”
“ขี้เกียจ เลยมากวนมานี่แหละ”
ไอ้เวร...
“ออกไป”
“ไม่!” ทิวากาลไม่สนใจพี่ชายที่ยิ้มโง่ ๆ มาให้ เขากลับไปทำงานตามเดิม ปล่อยให้ทินกรนั่งหายใจทิ้งในห้องเขาไปคนเดียว
ทินกรยังคงนั่งหายใจทิ้งในห้องทำงานของน้องชายจนกระทั่งถึงเวลาพักเที่ยง
“เที่ยงแล้วมึง เลิกทำงานได้ละ”
“เมื่อไหร่จะเลิกก่อกวนกูวะ!?” ทิวากาลว่าอย่างหัวเสีย แต่ทินกรไม่ได้สำนึกใด ๆ เขายิ้มใส่หน้าน้องชาย ยิ่งเห็นว่าทิวากาลดิ้นตามก็ยิ่งสนุกไปกันใหญ่
“ไปกินข้าวกับกู แล้วกูจะปล่อยให้มึงเป็นอิสระ”
“เหี้ยเหอะ!”
ทินกรผิวปากหวืออารมณ์ดีแล้วเดินออกจากห้อง ส่วนทิวากาลนั้นปรับอารมณ์สักพักแล้วจึงตามออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง จนกระทั่งมาถึงร้านอาหาร ร่างสูงขอออกไปโทรศัพท์ข้างนอกและให้ทินกรเข้าไปในร้านและสั่งอาหารก่อน
(“ฮายยยยยยย~~”) เสียงสดใสส่งมาทันทีที่ทำให้ยิ้มออกมาได้ไม่ยาก
“ทานข้าวหรือยัง?”
(“กำลังครับ บะหมี่ต้มยำร้านคุณป้าคนนั้น แล้วพี่ทานข้าวหรือยังครับ?”)
“ยัง...”
(“ทำไมอ่ะ!!! ไปหาอะไรกินเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นเราจะโป้ง!”)
“หึหึ อยู่ร้านอาหารแล้วเนี่ย”
(“แกล้งเรานี่นา ชิชิ”) ทิวากาลอมยิ้ม (“ทำงานเป็นยังไงบ้างครับ เหนื่อยไหม?”)
“เหนื่อย มาหาหน่อย”
(“ง่า.... เราไปไม่ได้อ่า อย่างอแงน้า ถ้ากลับบ้านแล้วเดี๋ยวเราโอ๋นะ”)
“จริงป่ะ!?” ทิวากาลตาวาวขึ้นมา ในสมองเริ่มคิดไปไกลว่าแฟนเด็กจะโอ๋ยังไง
(“จริง!!! ตั้งใจทำงานแล้วไปหาอะไรทานด้วยนะ!”)
“โอเค เออเตี้ย วันนี้พี่ต้องออกไปพบลูกค้านะ ไม่รู้ว่าจะได้กลับกี่โมง”
(“อ้าว.....”)
“ไม่งอแงนะ”
(“รู้หรอก เราไปกินข้าวต่อแล้วนะ เบสท์อย่าเอาลูกชิ้นเราไป!!”)
“ก็ได้ คิดถึงนะ”
(“ฮือออ คนบ้า!”) แล้วจากนั้นสัญญาณก็ถูกตัดไป ทิวากาลกลับเข้าไปในร้านอาหาร พบว่ามีอาหารวางเรียงอยู่บนโต๊ะแล้ว เขาไม่สนใจความอยากรู้อยากเห็นของพี่ชาย ช่วงนี้เจอมันบ่อยจนเขาเบื่อขี้หน้า
“คุยกับผัวแล้วระริกระรี้เชียว!”
“เรื่องของเรา!” จันทร์เจ้าแยกเขี้ยวใส่เบสท์ ตัวเองก็เพิ่งไปคุยกับแฟนมายังจะมาแขวะคนอื่นอีก ใช้ได้ที่ไหนกัน โกรธ!!!
“เดี๋ยวนี้มันฤทธิ์เยอะ”
“จันทร์เจ้าฤทธิ์เยอะอยู่แล้วนะ”
“เป็นแฟนกันแล้วเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ!” แหวใส่ฟินน์กับตะวัน สองคนนี้ตกลงคบกันเป็นแฟนแล้วหลังจากตะวันตามจีบอยู่ร่วมสามเดือน กว่าจะตกลงกันได้ก็โดนเบสท์ด่าว่าเล่นตัวไปหลายรอบ แต่เพื่อนฟินน์ก็ไม่ได้แคร์ สุดท้ายแล้วสาวเจ้าก็มีแฟนหล่อสมใจ...
“ปีหนึ่งมีใครงานดีบ้างวะ?” เบสท์เอ่ยขึ้น แล้วจากนั้นฟินน์ก็ร่วมด้วยช่วยกันวิเคราะห์โดยมีตะวันและตัวจันทร์เจ้าพร้อมใจกันพ่นลมหายใจอย่างเอือมระอา
“มีผัวแล้วอย่าแรดครับ”
“โว้ยยยยยยยย ลำไย!!!”
การทานมื้อเที่ยงผ่านไปอย่างทุลักทุเลเพราะความหวานหยดของคู่รักสวนลำไย รำคาญจนอยากเอาบะหมี่ต้มยำละเลงหน้า แต่ไม่เอาดีกว่า เสียดาย...
“จันทร์เจ้าของน้ำหน่อย!”
“เอาเท่าไหร่อ่ะ?”
“สามสี่ขวดค่ะ!” วิ่งไปหยิบน้ำมาตามที่บอกก่อนส่งไปให้เพื่อนร่วมรุ่น
หน้าที่ของจันทร์เจ้าไม่ได้หนักมากเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ไม่ได้เครียดเหมือนพี่ระเบียบ แม้จะเหนื่อยเล็กน้อยแต่จันทร์เจ้าก็ไม่บ่น เพราะยังมีหลายคนที่ทำงานหนักมากกว่าตนเอง ในเมื่อได้รับมอบหมายงานมาแล้วก็ต้องทำให้เต็มที่
แต่ว่า... อย่าเรียกแต่จันทร์เจ้าได้ไหม คนอื่นก็มีนะ วิ่งไปตรงนู้นที ตรงนี้ทีจนจะผอมแล้วเนี่ย...
เมื่อเสร็จกิจกรรมสำหรับวันนี้แล้วจันทร์เจ้าก็รีบกลับที่พักทันที ไม่อยู่ให้น้องคนไหนได้ทำความรู้จัก เปลี่ยนชุดให้ใส่สบายแล้วกระโดดขึ้นเตียงเพื่อนอนพักผ่อน ระหว่างที่ยังนอนไม่หลับก็กดโทรศัพท์เล่น เผลอมือลั่นไปตอบข้อความของแฟนตัวโตที่ส่งมาตั้งแต่บ่าย เพียงไม่นานก็ได้รับการตอบกลับมา จันทร์เจ้าย่นจมูก ทำงานอยู่แล้วเล่นโทรศัพท์แบบนี้ไม่ดีเลยนะคุณทิวากาล...
“อือ...”
“หึหึ” คิ้วบางขมวดเข้า ขยับตัวหนีสิ่งก่อกวน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจึงต้องลืมตาขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นใคร นัยนต์ตากลมที่ขุ่นมัวก็แปรเปลี่ยนเป็นมองอ้อนทันที ลำแขนยกขึ้นเป็นเชิงให้อีกคนเข้ามากอด ทิวากาลทำตามแต่โดยดี แถมฟรีด้วยการหอมแก้มนุ่มอีกฟอดใหญ่แล้วเม้มเบา ๆ
แฟนเด็กของเขาแก้มโตขึ้นทุกวันจริง ๆ
“พี่มาเมื่อไหร่...?”
“เพิ่งมาถึงครับ ทำไมนอนตอนเย็นแบบนี้ล่ะ?”
“ฮื่อ เราปวดตัวมาก ๆ เลย”
“นวดให้ป่ะ?” เกือบจะตอบตกลงแล้วถ้าหากไม่เห็นสายตาวาววับของคนตัวโต จันทร์เจ้ารีบสั่นหัวปฏิเสธจนทิวากาลหัวเราะเอ็นดู เขาปล้ำหอมแก้มนิ่มและกดจูบที่ริมฝีปากเล็กอยู่นาน ยังไม่ทันได้เลยเถิดไปไกลทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งปณิธานเอาไว้เป็นอันต้องหยุดลงเมื่อเสียงท้องร้องโครกครากจากจันทร์เจ้าดังมา...
“เราหิว”
“รู้แล้ว”
“ไปกินข้าวกัน”
“อือ ไปล้างหน้าไป” พยักหน้าหงึกหงัก ถ้ามีเรื่องกินข้าวมาเกี่ยวจันทร์เจ้าไม่เคยอิดออด ออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผมเปียกชื้นในส่วนด้านหน้าเล็กน้อย ผมหน้าม้าแยงตาถูกรวบขึ้นไปมัดจุกไว้บนหัว เผยหน้าผากขาวเนียนให้เห็น ทิวากาลแนบริมฝีปากลงบนนั้นไปหนึ่งที ก่อนจะกอดตัวนุ่มนิ่มของแฟนเด็กเอาไว้
จากทีแรกจะพาออกไปหาอะไรทานข้างนอก แต่พอเห็นแบบนี้แล้วชักเกิดอยากเปลี่ยนใจขึ้นมา
“กินอะไรดีครับ?”
“อยากกินอะไร?”
“อะไรก็ได้เยย แต่ของที่ห้องไม่มีแล้วอ่า... ต้องออกไปข้างนอก ขี้เกียจจัง แต่ก็หิวมากจังเลย”
ยังไงก็ต้องออกไปข้างนอกสินะ
ในเมื่อจำเป็นก็ช่วยไม่ได้ จะบอกให้จันทร์เจ้าแกะผมออกก็งี่เง่าไปเช่นกัน แม้เขาจะหวงความน่ารักนี้ก็ตาม
“วันนี้เป็นไงบ้าง?”
“ดีมากเลย มีคนเข้ามาค่อนข้างเยอะเลยอ่ะ ก็เลยต้องทำงานเยอะหน่อย เหนื่อยแต่สนุกดีครับ”
“ไม่มีใครมาจีบใช่ไหม?” เมื่อถามประโยคนี้ทิวากาลก็เสียงเข้มขึ้นมาทันที ลูกหมูเงยหน้าจากจานอาหาร มองแฟนตัวโตที่กำลังทำหน้าดุ สั่นหัวเป็นคำตอบพร้อมบอกว่าไม่มี ...วันนี้ไม่มีแต่พรุ่งนี้ไม่รู้.... ได้แต่เก็บประโยคนี้เอาไว้ในใจ ขืนพูดออกไปล่ะก็ จันทร์เจ้าต้องตายแน่นอน
ตายคาอกคนนิสัยไม่ดี... “ดีมาก”
“แล้วพี่ล่ะ มีใครมาจีบไหม?”
“ไม่ครับ”
ลูกหมูหรี่ตาไม่เชื่อ ทิวกาลขยับยิ้มมันเขี้ยว ส่งมือไปดึงแก้มยุ้ยเบา ๆ ดูทำหน้าเข้า คิดว่าน่ากลัวหรือไงกัน ท่าทางเหมือนแมวขู่แบบนั้น อยากจับฟัดโว้ย!!! จ่ายตังค์แล้วกลับคอนโดเลยได้ไหมวะ ไม่ต้องแดกมันละข้าวเนี่ย อยากกินหมู!
“ไม่มีจริง ๆ”
“ถ้ามีคนมาจีบบอกไปเลยนะว่ามีแฟนแล้ว” จันทร์เจ้าพูดเสียงเข้ม และทำหน้ายุ่งเหยิ่งเหมือนมีอะไรขัดหูขัดตาในขณะที่ปากเล็กเคี้ยวอาหารหยับ ๆ
“บอกตัวเองเถ้ออออออ”
“เราก็บอกตลอดแหละ”
“หึ กินดี ๆ เลอะหมดแล้วนั่นน่ะ”
“ทำไมพูดมากจัง” เมื่อพูดจบก็รีบยิ้มหวานเพราะทิวากาลชี้หน้าดุ “พรุ่งนี้พี่ไปส่งเราได้เปล่า ฟักทองงอแงอ่ะ บอกว่าร้อน เราไม่อยากให้ฟักทองตากแดดมาก ๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ให้ตาย รถมันจะบอกว่าร้อนได้ยังไงกันเล่า แล้วไอ้ฟักทองมันจะไม่สบายตรงไหนกัน คนบ้าอะไรคุยกับรถรู้เรื่อง เขาชักจะระแวงขึ้นมาแล้วได้
“ได้”
“Good boy~”