[จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)  (อ่าน 97801 ครั้ง)

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
ไม่แปลกที่จะคิดมากนะอรรถ

กลัวใจตี้จริงๆ รู้สึกมันมีอะไรลึกๆ อยู่อ่ะ



ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ถ้าบทของนายอรรถเด่นกว่านี้ก็อยากเชียร์ให้อรรถได้กับปาร์ตี้นะ แต่ว่าบทของแว่นมาเด่นกว่าคุณอรรถเห็นๆเลยเชียร์ให้แว่นได้กับปาร์ตี้เลย 555 ภาคนี้คงถึงทีบทของอรรถแล้ว
 รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ก็น่าทำให้อรรถกังวลนะ
ตี้ ไม่ปกติ ไม่พูดเรื่องชาร์ป
แล้วยังติดต่อไม่ได้
แต่เหมา ก็ชอบบังคับหักคอเพื่อนประจำ
คงไม่ยอมให้ติดต่ออรรถ
ถ้าจะยืมมือถือแพท ก็ได้
แต่คิดว่า ชาร์ปไวกว่ายื่นส่งให้เลยไม่รับก็ผิดสังเกต
นี่ถ้า ตี้ยังไม่มีอรรถ
ชาร์ป ต้องตามตี้มาด้วยแน่ๆ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 4
ระแวง




Aut’s Part
“ครับพี่ เดี๋ยวบ่ายผมเข้าไปครับ”เจ้าของเสียงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมคุยโทรศัพท์ไปด้วย และจ้องมองผมด้วยสายตาคาดโทษไปด้วย แต่ผมก็ยังทำสีหน้ากวนๆ ส่งกลับไป เค้ากำลังคุยกับหัวหน้าของเค้าเรื่องลางานวันนี้ จริงๆ เค้าก็โทรไปลาตั้งแต่เช้าแล้วแหละครับ แต่นี่หัวหน้าเค้าโทรมาตาม ขอให้ไปทำงานในช่วงบ่าย เพราะมีงานค้างที่เค้าต้องส่งภายในวันนี้ แล้วดันไม่มีใครทำแทนได้เลย

ส่วนที่เค้ากำลังมองผมด้วยสายตาคาดโทษอยู่นี้เพราะสาเหตุที่ทำให้เค้าสายนั้นมันเพราะผมเอง ที่เมื่อคืนความหึงมีมากไปหน่อยเลยไม่ยอมปล่อยเค้านอนง่ายๆ กว่าจะพากันนอนก็เล่นเอาเกือบเช้า ทั้งผมและเค้าเลยต้องลางานในวันนี้ ยอมรับนะครับว่าเมื่อคืนผมคิดมากไปไกล คิดถึงขั้นว่าตี๊ฟอาจจะไปกับคุณชาร์ปสองต่อสอง และอาจมีอะไรเกินเลยเกิดขึ้น

แต่พอได้สำรวจร่างกายเค้าทุกซอกทุกมุมแล้ว ผมก็มั่นใจว่าคงไม่ได้มีอะไรเกินเลยเกิดขึ้น และเป็นผมเองที่คิดมากไปเอง ทว่าความหึงที่ระดับมันพุ่งสูงขึ้นไปแล้ว จะให้ผมหายเฉยๆ มันก็คงไม่ใช่ ผมเลยจัดเต็มชุดใหญ่ให้เค้า

“เห็นไหมเนี่ย เสียการเสียงานหมดเลยเนี่ย”เค้าบ่นผมอีกครั้ง แถมทำหน้าเหวี่ยงใส่ผมอีก แต่เวลาเค้าโกรธแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะครับ จะว่าไปเค้าทำหน้าแบบไหนผมก็ชอบหมดแหละครับ

“ก็คนมันหึง”ผมเดินอ้อมไปกอดเค้าจากด้านหลัง หวังให้เค้าเข้าใจผมบ้างว่าผมหวงเค้าขนาดไหน

“หึงอะไร ไหนบอกมาสิ”เค้าถามด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยพอใจ ทั้งที่ผมก็อธิบายไปแล้วนะครับว่าทำไมผมถึงหึง ซึ่งแน่นอนเค้ากลับออกจะดูโกรธผมเสียด้วยซ้ำที่ไม่ไว้ใจเค้า แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อสถานการณ์มันพาให้คิดขนาดนั้น โอเคผมเชื่อว่าระหว่างเค้ากับนายแว่นนั่นไม่มีอะไรเกินเลย จากการที่ผมสำรวจทุกซอกมุมเค้าแล้ว แต่ผมยอมรับนะครับว่ายังติดใจเรื่องที่เค้าขาดการติดต่อกับผม คือถ้ามันไม่มีอะไรอย่างที่เค้าว่า แล้วทำไมต้องทำให้เหมือนว่ามันมีอะไรด้วย

“เราทำอะไรให้ไม่มั่นใจเหรอ”แต่นั่นแหละครับ ตอนนี้เหมือนเรากำลังมองกันคนละมุม ถ้าผมจะยิ่งดันทุรังทำเป็นแข็งใส่เค้า ก็ดูเหมือนจะยิ่งกลายเป็นต่างคนต่างแข็งใส่กัน มีแต่จะแย่ไปใหญ่ ในเมื่อคนนึงร้อนอีกคนก็ควรจะเย็น

“งั้นอรรถขอได้ไหม ว่าต่อไปเราจะบอกกันทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องคุณชาร์ป”ผมพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะก็กังวลเหมือนกันว่าสิ่งที่ผมพูดอาจไปสะกิดเรื่องราวบางอย่างในใจเค้า อ้อมแขนผมกระชับดึงร่างเค้าแน่นขึ้น หวังให้ความรู้สึกในใจผมส่งผ่านถึงเค้าบ้าง

“อืม”เค้ารับคำสั้นๆ แต่มันสั้นและนิ่งจนผมไม่รู้จะสบายใจหรือกังวลใจเพิ่มมากกว่ากัน

“งั้นตี้ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวอรรถไปส่งที่ทำงาน”เค้าไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ขยับตัวเป็นสัญญาณให้ผมคลายวงแขนออก ก่อนเค้าจะเดินเงียบๆ เพื่อไปอาบน้ำแต่งตัว ผมมองตามแผ่นหลังของเค้าด้วยความรู้สึกกังวล ความรู้สึกกังวลที่ก่อตัวอยู่ในใจผม ตอนนี้มันเริ่มขยายมากขึ้นเรื่อยๆ


“โกรธไรป่ะเนี่ย”ผมอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ เพราะนี่ตลอดระยะทางที่ผมขับรถมาส่งเค้าถึงบริษัท เค้าแทบจะไม่พูดอะไรกับผมเลย บรรยากาศระหว่างผมกับเค้า เหมือนมันอึมครึมแปลกๆ แต่เค้าก็แค่ส่ายหน้าปฏิเสธ พร้อมบอกว่าแค่เหนื่อยๆ เพลียๆ แค่นั้น

“งั้นเย็นนี้อยากทานอะไร ไหนๆ อรรถก็หยุดแล้ว เดี๋ยวไปซื้อของทำของอร่อยๆ รอ”ผมบอกก่อนจะฉีกยิ้มให้เค้า หวังให้บรรยากาศมันดีขึ้น แต่คำตอบของเค้าก็เพียงแค่ว่าให้แล้วแต่ผมเลย อยากทำอะไรก็ทำ นี่ผมเริ่มงงว่าผมควรจะเป็นคนงอนหรือเปล่ากับเรื่องที่มันเกิดขึ้น แต่ทำไมมันดันสลับตำแหน่งกันแบบนี้ นี่เค้างอนอะไรผมเนี่ย สรุปว่าไปๆ มาๆ นี่ผมต้องเป็นคนง้อเหรอเนี่ย

“ตี้...”ผมเรียกเค้าไว้ก่อนที่เค้าจะลงรถไป เค้าหันมามองผมพร้อมเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“อรรถรักตี้นะ”ผมก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าทำไมอยากบอกรักเค้าตอนนี้ แต่มันแค่อยากพูดอะไรกับเค้าสักอย่างให้เค้าเข้าใจผม หรือถ้าสิ่งที่เค้ากำลังไม่พอใจผม คือเรื่องที่ผมคิดไม่ไว้ใจเค้า ก็อยากให้เค้ารู้ว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้น ถ้าผมไม่รัก ไม่ชอบ ผมจะหึง จะหวงเค้าทำไม จริงไหมครับ

“อืม...รู้แล้ว แล้วก็...ขอโทษที่ทำให้คิดมาก...เราไปทำงานก่อนนะ”พูดจบเค้าก็เดินลงจากรถไป คำพูดของเค้าที่เพิ่งบอกกับผม ผมไม่รู้เลยว่านั่นคือเค้าไม่โกรธ ไม่งอนผมแล้ว หรือรู้สึกยังไงกันแน่ แม้จะมีรอยยิ้มจางๆ จากเค้าส่งมาให้ แต่มันดูเป็นอะไรที่ยากจะคาดเดาเหลือเกิน ตอนนี้มันเหมือนทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่ผมต้องเก็บมาคิดหมดเลย แต่เอาเถอะ ยังไงซะวันนี้นายแว่นนั่นก็จะกลับภูเก็ตแล้ว เดี๋ยวทุกอย่างมันก็คงจะดีขึ้น

แต่เดี๋ยวก่อน สายตาผมพลันเห็นรถของปาร์ตี้วิ่งออกมาจากบริษัท นั่นเค้าจะไปไหน ผมคัดสินใจขับตามเค้าห่างๆ ความระแวงในใจผมมันเริ่มสั่งให้คิดอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าวันนี้นายแว่นจะนั่งเครื่องกลับบ่ายๆ นี้ แล้วเค้าจะไปส่งหรอกนะ ผมกดสายโทรออกหาเค้าทันที

“อ๋อ ไอ้เหมายืมรถออกไปข้างนอกนะ”นั่นคือคำตอบของเค้า แต่ผมก็ยังไม่วางใจเลยขับตามต่อ ด้วยระยะห่างขนาดนี้ทำให้ผมไม่เห็นว่าคนในรถคือเหมา เพื่อนเค้าจริงๆ หรือเปล่า แต่ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าคนในรถไม่ใช่เหมา อย่างที่เค้าบอก และคงรู้ตัวแล้วว่าผมตาม คนในรถนั่นจะทำยังไง อีกอย่างเส้นทางที่กำลังวิ่งอยู่ตอนนี้ ก็เป็นเส้นทางที่มุ่งไปสนามบินได้เช่นกัน

ผมขับตามมาจนถึงสนามบิน รถจอดที่ Gate นึงที่อาคารผู้โดยสารขาออก ภาพคนที่ยืนรออยู่ทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แม้จะอยู่ในระยะไกลพอควร แต่ผู้ชายที่ยืนรออยู่ก็คือนายแว่นไม่ผิดแน่ ผมภาวนาให้คนในรถเป็นเหมาอย่างที่ตี้บอกกับผม ประตูรถฝั่งคนขับค่อยๆ แง้มออกมา พร้อมกับคนในรถที่ก้าวลงมา

“ฟู่”ผมพ่นลมหายใจก่อนจะหัวเราะกับสิ่งที่ผมทำ นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ ความระแวงทำให้ผมกลายเป็นขนาดนี้แล้วเหรอนี่ ผมค่อยๆ คลี่ยิ้มมองภาพนั้น เค้าไม่ได้หลอกผม คนที่ขับรถของเค้ามาคือเพื่อนเค้าจริงๆ นี่สินะที่ทำให้เค้าเคืองผม เค้าอาจไม่ได้ทำอะไร มีแต่ผมที่ไม่ไว้ใจไปเอง ผมขับรถวนออกจากตรงนั้น เดี๋ยวคงต้องรีบไปซื้อของสด ไว้ทำอาหารอร่อยๆ รอง้อเค้า เย็นนี้อีกรอบแล้วละครับ นายแว่นก็กลับภูเก็ตไปแล้ว ทีนี้ก็คงไม่มีอะไรมาทำให้ความรักของเราสั่นคลอนอีก แล้วก็สาบานเลยถ้านายแว่นนี่มากรุงเทพฯ อีก ผมจะตามติดตี้ ชนิดไม่เปิดโอกาสให้ตี้ได้ไปเจอเค้าโดยไม่มีผมเด็ดขาด

พออารมณ์ดีขึ้น ผมก็เลือกซื้อวัตถุดิบ ในการทำอาหารเย็นวันนี้อย่างสนุกสนาน จริงๆ ผมเองก็ไม่ใช่คนทำอาหารเก่งอะไรหรอกนะครับ แต่ก็อยากทำให้คนที่เรารักทาน แล้วยิ่งเห็นคนกินชอบ คนทำอย่างเราก็ยิ่งมีความสุข ผมคิดเมนูที่คาดว่าเค้าจะชอบ การง้อด้วยของอร่อยๆ นี่ก็ไม่เลวเท่าไหร่นะครับ อีกอย่างปาร์ตี้นี่ก็กินเก่งใช่เล่นนะครับ ขนาดว่าฝีมือทำกับข้าวผมไม่ได้สักเท่าไหร่ เค้ายังจัดการเกลี้ยงทุกครั้งไป

ไก่นึ่งซีอิ้ว และ ห่อหมกทะเลคือ สองเมนูที่ผมเลือกซื้อวัตถุดิบพร้อมแล้ว จริงๆ ทั้งสองเมนูนี่ผมยังไม่เคยทำหรอกนะครับ แต่กะว่าไม่น่าจะเกินความสามารถ ถ้ากินไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ ผมก็มีแผนสำรองครับ แผนสำรองผมก็ไม่ซับซ้อนครับ แค่เจียวไข่ให้เค้าทานแค่นั้นเอง ฮ่าๆ ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะถ่ายรูปวัตถุดิบพร้อมชื่อเมนูที่จะทำส่งไปให้เค้าดู

“หวังว่าวันนี้คงไม่จบที่ไข่เจียวนะ”นั่นไงครับ คุณแฟนผม รู้ทันอีก โดนท้าทายแบบนี้มีหรือผมจะยอมแพ้ วันนี้คงต้องโชว์สุดฝีมือ สุดความสามารถหน่อยแล้ว

ระหว่างที่กำลังจะไปจ่ายเงินเพราะกะว่าซื้อของครบแล้ว พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น “หมูยอ” ยิ่งทำให้ผมยิ้มอย่างอารมณ์ดีขึ้นไปอีก เพราะนี่คืออีกอย่างที่ผมเคยใช้จีบเค้า คิดแล้วก็ขำดีเหมือนกันครับ ตอนนั้นไปต่างจังหวัดแล้วซื้อหมูยอมาฝากเค้า ยังตลกตัวเองอยู่เลยว่าคิดได้ยังไงกับการเอาหมูยอมาฝากเค้าเนี่ย

“ถ้าเมนูหลักไม่สำเร็จ ยังไงวันนี้ก็มีหมูยอสื่อรักนะ”ผมพิมพ์ข้อความส่งไปพร้อมกับรูปหมูยอ ก่อนจะตามด้วยสติ๊กเกอร์ยิ้มเจ้าเล่ห์  เค้าหัวเราะกลับมาก่อนจะขอตัวทำงานต่อ

ผมกลับมาถึงบ้าน จัดเตรียมข้าวของ อะไรที่จะทำก็จัดวางไว้ที่ครัว ส่วนบางอย่างที่ยังไม่ได้จะใช้ก็จัดเก็บใส่ตู้เย็นไว้ ผมเปิดเพลงพร้อมฮัมเพลงไปกับการลงมือทำแต่ละอย่าง อย่างมีความสุข ผมว่าการทำอาหารหากเราทำด้วยใจรัก รสชาดมันคงออกมาดีกว่าปกติแน่นอน ผมเหลือบดูนาฬิกา ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือให้ผมได้ทำทุกอย่าง ด้วยความพิถีพิถัน ผมอยากให้วันนี้มันพิเศษกว่าทุกๆ วัน อยากให้วันนี้ทำให้เรา เข้าใจกันและรักกันมากขึ้นไปอีก

ผมจัดเตรียมทั้งสองเมนูเรียบร้อย เหลือแค่นึ่งให้สุก ก็น่าจะพอดีกับเวลาที่ตี้จะกลับมาถึงบ้าน ที่เลือกสองเมนูนี้เพราะสามารถนึ่งให้สุกพร้อมกันได้นี่แหละครับ จะได้ประหยัดเวลาด้วย ทีนี้ก็เหลือหมูยอสื่อรักของผม ทีแรกก็กะว่าทำสองอย่างคงพอ แต่ในเมื่อจะให้เป็นวันพิเศษทั้งทีก็ขอเพิ่มเป็นมื้อใหญ่เลยแล้วกัน

“ติ๊งหน่อง”ผมเงี่ยหูฟัง เพราะรู้สึกเหมือนมีคนกดกริ่งที่หน้าบ้าน ผมเดินไปเบาเสียงเพลง เพื่อตั้งใจฟังอีกครั้งว่าไม่ได้หูแว่วไปเอง

“ติ๊งหน่อง ติ๊งหน่อง”เสียงกดย้ำอีกครั้ง ทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติไม่ค่อยมีใครมาหาที่บ้านโดยไม่ได้บอกไว้ก่อน แถมนี่ก็วันทำงานของผมด้วย และแน่นอนว่าคงไม่ใช่ตี้ เพราะเค้าก็มีกุญแจบ้านที่เปิดเข้ามาได้เลย อีกอย่างตี้น่าจะกำลังเดินทางกลับมากว่า

“มีธุระอะไรหรือเปล่า”ผมเอ่ยถามคนที่ยืนยิ้มอยู่หน้าประตู คนที่ผมไม่ได้เจอมาน่าจะ 2 ปีกว่าแล้ว

“อรรถจะปล่อยให้หนุ่ยยืนคุยนอกบ้านแบบนี้เหรอ”เค้าตอบกลับผมมาด้วยท่าทีเอาแต่ใจเหมือนเดิม เค้าเป็นใครนะเหรอครับ เค้าคือแฟนเก่าผมเอง แฟนเก่าคนก่อนที่ผมจะมาคบกับตี้ เราคบกันได้เกือบๆ 2 ปี ก่อนความรักของเราเหมือนจะจืดจางกันไป แต่เราก็จากกันด้วยดีนะครับ เราเปิดใจคุยกันว่าต่างฝ่ายต่างหมดรักกันแล้ว ก็ต่างคนต่างไป ทางใครทางมัน ช่วงแรกๆ ก็ยังมีติดต่อกันบ้างแหละครับ ในฐานะเพื่อน อีกอย่างตอนคบกัน เค้าก็มาอยู่กับผมที่บ้านหลังนี้ พอเค้าย้ายออกไป ข้าวของก็ไม่ได้เอาออกไปทั้งหมด เลยยังต้องแวะเวียนมาขนของที่บ้านผมอยู่บ้าง

ครั้งสุดท้ายที่ติดต่อกับเค้าก็คือ เค้าเป็นคนบอกว่าจะไม่ติดต่อกับผมอีก เพราะแฟนเค้าหึงไม่อยากให้เค้าติดต่อกับแฟนเก่าอย่างผม ซึ่งผมก็โอเคนะครับ เพราะก็จบกันไปแล้ว ถ้าคนของเค้าไม่สบายใจเราเองก็ไม่ควรไปวุ่นวาย แต่ตอนนี้เค้ามายืนอยู่หน้าบ้านผมแบบนี้ พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ผมอยากจะคิดนะครับว่าเค้าเพิ่งกลับจากเที่ยวต่างประเทศ แล้วเผอิญซื้อของมาฝากแฟนเก่าอย่างผม แต่มันคงไม่ใช่

“แล้วทำไมไม่ไปพักโรงแรม”หลังจากฟังเค้าสาธยายเหตุผลว่าทำไมถึงลากกระเป๋ามาอยู่หน้าบ้านผม ซึ่งผมคงคิดผิดที่ปล่อยเค้าเข้ามาในบ้าน เพราะตอนนี้เค้าบอกอย่างชัดเจนว่าจะขอพักที่บ้านผม แน่นอนว่าคนใจดีมีเมตตาอย่างผม คงต้องปฏิเสธ ถ้าเป็นเพื่อนธรรมดาผมคงยินดีช่วย แต่นี่แฟนเก่า แถมตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คนเดียว ผมอยู่กับแฟนคนปัจจุบันด้วย ถึงระหว่างผมกับหนุ่ยไม่มีอะไรกันแล้ว และคงไม่รื้อฟื้นอะไรกันอีก แต่ตี้จะคิดยังไงถ้าผมพาแฟนเก่าเข้ามาอยู่ในบ้าน

“ก็ไอ้บ้านั่นมันโยนเอกสารเราทุกอย่างลงจากชั้น 18 ทั้งบัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต บัตรประชาชน พาสปอร์ต ป่านนี้คงอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว”ผมไม่รู้ว่าเค้าใส่สีหรือเพิ่มความเข้าข้างตัวเองไปขนาดไหนนะครับ เพราะหนุ่ยเนี่ยด้วยความเป็นลูกคนเล็ก เลยโดนตามใจจนกลายเป็นคนเอาแต่ใจมากๆ ปกติก็พอจะเป็นคนมีเหตุผลนะครับ แต่ถ้าโกรธใครสักคน คนๆ นั้นจะถูกกล่าวถึงเป็นมุมลบในความคิดของเค้าทั้งหมด

วันนี้เค้ามาหาผม เพราะบอกว่าเลิกกับแฟนแล้ว เพราะแฟนนอกใจเลยทะเลาะกันใหญ่โต เค้าขนของจำเป็นออกจากคอนโดแฟน ซึ่งก็คือคนที่คบหลังจากเลิกกับผมนั่นแหละ แล้วไม่มีที่ไป จริงๆ ก็มีบ้านแหละครับ แต่เค้าให้เหตุผลว่าไม่อยากกลับไปทะเลาะกับที่บ้าน ขอตั้งหลักสักพัก แล้วค่อยไปเอาเอกสารอะไรที่บ้านไปติดต่อ ทำบัตรทั้งหลายใหม่ ผมเลยกลายเป็นตัวเลือกที่เค้านึกถึง

“เราให้ยืมตังก่อนเอาไหม”ผมยื่นข้อเสนอ เพราะไม่อยากจะมีเรื่องวุ่นวายในชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ก็อย่างที่บอกว่าหนุ่ยมีความแต่ใจสูง ยิ่งถ้าตัดสินใจแล้วว่าจะทำยังไง ก็จะดันทุรังเอาจนได้

“แค่อยู่ไม่กี่วันเองนะอรรถนะ ให้เราอยู่ด้วยเถอะ เดี๋ยวเราทำเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย และหาที่อยู่ใหม่ได้ เราจะรีบย้ายออกเลย”เค้าพยายามขยั้นขยอเมื่อผมปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่สะดวกที่จะให้เค้าอยู่ด้วย

“เราไม่ได้อยู่คนเดียวนะหนุ่ย เรากลัวแฟนเข้าใจผิด ยังไงถ้าจะไปพักโรงแรมก่อนหรือจะกลับบ้านเรายินดีช่วยโอเคไหม”ผมย้ำออกไปให้ชัดว่าเพราะอะไรถึงไม่อยากให้เค้ามาอยู่ที่นี่ อีกอย่างผมรู้ดีว่าถ้าให้เค้าอยู่มันคงไม่ใช่แค่วันสองวันแน่ๆ เค้าก็ดูชะงักไปนิดหน่อยนะครับ พอผมบอกว่าอยู่กับแฟน

“ทำไมต้องกลัวเข้าใจผิด เราสองคนบริสุทธิ์ใจต่อกันนิ แฟนอรรถต้องเข้าใจสิ อีกอย่างบ้านอรรถก็มีตั้งหลายห้อง แค่ให้เราอาศัยวันสองวันจะเป็นไรไป”หนุ่ยก็ยังเป็นหนุ่ยครับ ยังไงก็จะเอาตามใจตัวเองอยู่ดี

“หนุ่ยจำไม่ได้เหรอว่า เราสองคนหยุดติดต่อกันด้วยเหตุผลอะไร หนุ่ยเคยขอให้เราเลิกติดต่อเพราะแฟนหนุ่ยหึง ตอนนี้เราก็จะขอหนุ่ยแบบนั้นเหมือนกัน ได้หรือเปล่าล่ะ”เค้ามีสีหน้าไม่พอใจ แต่คงหาเหตุผลมาแย้งผมไม่ได้ ผมยังยื่นข้อเสนอเดิมให้เค้า คือยินดีช่วยหากเค้าจะไปพักโรงแรมหรือกลับบ้านพ่อแม่

“อ้าว โทษทีไม่รู้ว่าอรรถมีแขก”บทสนทนาระหว่างผมกับหนุ่ยหยุดลง ทันทีที่ตี้เข้ามา ตี้ยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร แต่อีกคนนี่สิครับ ผมว่ารอยยิ้มของหนุ่ย มันกำลังจะพาเรื่องราวยุ่งๆ และวุ่นวาย เข้ามาในชีวิตผม



TBC

เรื่องคุณแว่นยังไม่ค่อยเคลียร์

มีเรื่องหนุ่ยเข้ามาอีก

อรรถกับตี้จะผ่านไปได้ไหมน้า

ขอบคุณที่ติดตามกันนะคร๊าบบบ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นี่แหละชีวิตเจงๆ
ไม่ว่าทางไหน ก็เกิดเรื่องได้ทั้งนั้น
ความไม่แน่นอน คือความแน่นอน
เลิกกันอย่างดีๆ แท้ๆ ยังไม่วาย
หนุ่ย นี่จอมเหวี่ยง มาทำลายชีวิตอรรถแน่ๆ
ถึงว่า ถ้าคนที่อยู่ด้วยเลิกกัน
ต้องคืนกุญแจ ไม่ก็เปลี่ยนแม่กุญแจใหม่ไปเลย
รอ อรรถ จะแก้ปัญหาหนุ่ยได้ไหม
ไม่ใช่หนุ่ยเข้ามา เข้าทางให้ชาร์ปมีคะแนน นะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มาเจอแบบนี้นี่ สรุปอิแว่นจะเป็นพระเอกใช่ไหมอ่าาาา  รึไง  โถ่วววววว  :a5:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
เอาเข้าไป  เฮ้อ  ไปทำบุญกันบ้างนะ  คุณตี้  คุณอรรถ
อุปสรรคมีไว้พุ่งชนจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
มันอลวนกันไปหมดเลยเนอะ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อรรถต้องแก้ปัญหาให้ได้นะ อย่าให้อิหนุ่ยทำทุกอย่างพังลง

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
พายุมินดูเล กำลังก่อตัว
ยังไม่รู้ระดับความรุนแรงจะถึงขั้นไหน

พังพาบ
หรือเปล่า
หุหุ

ออฟไลน์ panari

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 534
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
จับชาร์ปกับหนุ่ยคู่กันเลย ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ lovenadd

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 601
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-11
กำลังถึงจุดที่สนุกและลุ้นสุดๆ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
หนุ่ยแฟนเก่าหรอ หึหึ
จะมาวุ่นวายอะไรอีกไหมนี่

แล้วช่วงนี้ยังพี่แว่นอีก หึหึ
หวังว่าอรรถจะเอาอยู่นะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 5
สายเกินไป


Sharp’s Part
ผมเดินสำรวจดูบ้านที่ผมไม่ได้มาเกือบปี ทุกๆ อย่างยังเหมือนเดิม แทบไม่เปลี่ยนไปเลย ผมไม่ได้ขนย้ายข้าวของอะไรกลับไปภูเก็ตสักเท่าไหร่ อาจเพราะผมตัดสินใจกลับไปอย่างกระทันหัน และอาจเพราะผมไม่อยากเอาเรื่องราวจากที่นี่ติดไปด้วย แต่ผมก็คิดผิด แค่การทิ้งข้าวของทุกอย่างไว้ มันไม่ได้ช่วยให้ผมสลัดทิ้งความรู้สึกอื่นๆ ออกไปด้วยเลย

ผมเปิดตู้เสื้อผ้า มองดูมุมนึงของตู้นั้น มีเสื้อผ้าของใครคนนึง เสื้อผ้าที่ผมตั้งใจไม่เอาไปคืนเค้า และก็ไม่ได้ทิ้งไปตามที่เค้าบอก ผมหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวของเค้าออกมาห้อยไว้ที่ตรงที่เปิดตู้เสื้อผ้า กลิ่นอับของผ้าที่ถูกเก็บอยู่ในตู้เป็นเวลานาน โชยมาเตะจมูกผม ผมถอยหลังนั่งลงที่เตียงนอนตัวเก่า ดีที่ไหว้วานให้ไอ้เหมามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน แถมแพทยังใจดี ทำความสะอาดห้องนอนให้ผมอีก เย็นนี้เลยถือโอกาสว่าจะเลี้ยงข้าวทั้งคู่ และเป็นการพบปะสังสรรตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน

สายตาผมยังจับจ้องที่เชิ้ตตัวเดิม ก่อนจะค่อยๆ ละสายตาและล้มตัวลงนอน ผมกำลังคิดว่าจะยกเลิกนัดในเย็นนี้กับไอ้เหมาและแพท เพราะเจ้าของเสื้อตัวที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เค้าไม่ยอมออกมาเจอผม เลยกะว่าจะเลื่อนนัดกับไอ้เหมาออกไปก่อน เผื่อใช้เป็นข้ออ้าง ในการชวนเค้าอีกรอบ ผมรู้ครับว่าตอนนี้เค้ามีแฟนแล้ว และดูความรักของเค้าก็ดูจะราบรื่นดี ผมก็ไม่ได้อยากจะไปสร้างความร้าวฉานอะไรแบบนั้นให้เค้าทั้งคู่หรอกนะครับ ผมก็แค่...อยากเจอเค้า ในฐานะ...เพื่อนคนนึง ก็เท่านั้น

“กูบอกแล้วว่ามันไม่ยอมมาเจอมึงหรอก ชื่อมึงมันยังไม่เคยพูดถึงเลย”นั่นคือสิ่งที่ไอ้เหมาบอกกับผม หลังจากที่ลองชวนเค้าออกมาทานข้าวด้วยกัน ทั้งๆ ที่ไอ้เหมาก็บอกแล้วว่าให้เค้าชวนแฟนมาได้ ผมไม่คิดว่าระหว่างผมกับเค้ามันจะกลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกันแบบนี้ไปได้ยังไง ทั้งๆ ที่ตอนจบความสัมพันธ์ เราตกลงกันแล้วว่าเราจะยังเป็นเพื่อนกันได้

คงเพราะผมเองที่เกิดความสับสนในตัวเอง ว่าเริ่มมีความรู้สึกกับเค้ามากกว่าที่ตกลงกันไว้ และตอนนั้นผมเองก็ตัดสินใจคบปลาไปแล้ว แม้ตอนหลัง ผมจะเลิกกับปลาไปแล้ว ผมก็รู้สึกไม่กล้าที่จะติดต่อกับเค้าเหมือนเดิม ยิ่งรู้จากไอ้เหมาว่า เค้าไม่เคยพูดถึงผมเลยด้วยซ้ำ มันเลยทำให้ผมไม่กล้าทักทายเค้า แม้แต่ในโซเชียลมีเดีย แต่ตอนนี้พอมีโอกาศมาที่นี่อีกครั้ง ความคิดถึงที่ผมพยายามซ่อนมันอยู่ในใจ แค่ขอได้เจอหน้าเค้าก็ยังดี แม้เค้าจะมากับคนรักก็ตามที

“กูถามตรงๆ เลยนะว่าที่มึงถอนหมั้นกับน้องปลาเนี่ย”ความทรงจำเมื่อวันที่ผมไปกล่าวลาไอ้เหมา ก่อนกลับไปอยู่ภูเก็ต ค่อยๆ แทรกเข้ามาในความคิดของผม หลังจากตัดสินใจลาออกจากงานอย่างกะทันหัน และตั้งใจทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่ ผมเลือกจะไปบอกลาแค่ไอ้เหมากับแพท ส่วนอีกคนผมทำได้เพียงไปจอดรถบอกลากับหลังคาบ้านเค้า ผมไม่อยากให้เค้าลำบากใจกับผม หากผมไปพูดอะไรที่มันไม่ชัดเจนออกไป เพราะผมเองก็ยังไม่มีความชัดเจนให้กับตัวเองเลยในตอนนั้น

“เกี่ยวกับไอ้ตี้มันไหมวะ”คำถามของไอ้เหมาไม่ได้ทำให้ผมแปลกใจมากนัก เพราะขนาดน้องปลายังตั้งคำถามนี้กับผมได้ แล้วไอ้เหมาที่สนิทกับเราทั้งคู่ทำไมจะไม่สงสัยในความสัมพันธ์ของเราสองคน แถมไอ้เหมาก็เคยพยายามจับผิดทั้งผมและตี้อยู่แล้ว เพียงแต่ผมไม่คิดว่าไอ้เหมาจะถามออกมาตรงๆ และจริงจังขนาดนี้

“ทำไมมึงถามแบบนี้”ผมย้อนถามเพื่อหยั่งเชิงว่ามันมั่นใจในระดับไหน แม้ผมไม่คิดจะปิดบังมันแล้ว แต่อีกคนละเค้าพร้อมจะเปิดเผยเรื่องระหว่างผมกับเค้าให้คนอื่นรู้หรือเปล่า ยิ่งตอนนี้เค้าตกลงปลงใจคบคนอื่นเป็นแฟนแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าเค้าพร้อมให้แฟนเค้ารับรู้เรื่องนี้หรือเปล่า

“กูเป็นเพื่อนมึงทั้งสองคนนะ ทำไมกูจะไม่รู้สึกว่าระหว่างมึงสองคนมันแปลกไป ตอนแรกกูก็คิดว่า คงเพราะมึงโสด ไอ้ตี้มันก็โสด พวกมึงเลยสนิทกันมากขึ้นตามประสาคนโสด แม้จะรู้สึกตะหงิดๆ บ้าง แต่พอเห็นไอ้ตี้มันก็มีคุณอรรถเข้ามา จนมึงเองก็คบกับน้องปลา กูเลยว่ากูอาจจะคิดมากเกินไปเรื่องมึงสองคน”ผมไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงรอฟังว่าไอ้เหมามันจะวิเคราะห์เรื่องของผมไปถึงจุดไหน

“จนมาเรื่องพวกมึงไประยองกันสองคน”เรื่องนี้ก็พอรู้นะครับว่ายังไงแพทคงเล่าให้มันฟังอยู่แล้ว แต่พอไม่เห็นมันพูดถึง ทั้งผมและตี้เองก็เลยไม่ได้ พูดถึงอีกเช่นเดียวกัน

“และที่กูไม่เข้าใจที่สุด คือวันที่พวกมึงอยู่เป็นเพื่อนกูบ้านไอ้ตี้ วันที่กูรู้เรื่องแพทมีลูก สิ่งที่กูเห็นในวันนั้น ใจนึงกูก็อยากถามว่ามึงสองคนทำอะไรกันอยู่ แต่อีกใจก็ไม่อยากไปยุ่งเรื่องของพวกมึง เพราะเห็นว่าต่างคนก็ต่างมีคนของตัวเองแล้ว ต้องให้กูพูดไหมว่าคืนนั้นกูเห็นอะไร”ผมค่อยๆ คิดถึงเรื่องวันนั้น ถ้าจะมีอะไรที่ไอ้เหมาเห็นและรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ไม่ปกติ ก็คงจะเป็น...

หลังจากที่ผมจัดเก็บเศษซากจากการดื่มของเราทั้งสามคนจนเสร็จเรียบร้อย และทั้งไอ้เหมากับตี้ หลับกันไปแล้วทั้งคู่ บนโซฟา ผมรู้สึกว่าไม่อยากให้เค้านอนลำบากเลยปูที่นอนปิคนิคให้กับเค้า เพราะรู้ว่าเค้าไม่ยอมไปนอนที่ห้องแน่ๆ เนื่องจากคงกลัวการเกินเลยจากผมและเค้านั่นแหละ แล้วในตอนที่จะปลุกเค้าจากโซฟาลงมานอนที่เตียง พอมองหน้าเค้าใกล้ๆ ผมก็เผลอจรดริมฝีปากลงไปบนหน้าผากของเค้า

“มึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเค้าใช่ไหม”ผมเลือกที่จะตั้งคำถามกับไอ้เหมาอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจว่าควรเล่าเรื่องนี้ให้มันฟังหรือเปล่า ไอ้เหมาส่ายหน้าแทนคำตอบให้กับผม

“งั้นกูขออะไรมึงอย่าง ถ้าจะให้กูเล่าให้มึงฟัง มึงอย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดหรือถามกับตี้เค้าอีกเด็ดขาด ให้เรื่องที่กูจะเล่าให้มึงฟังมันจบแค่ตรงนี้”ผมกำชับอย่างจริงจัง เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้ไปรบกวนความสัมพันธ์ของตี้กับแฟนของเค้าอีก

แล้วผมก็เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ไอ้เหมาฟัง ว่าข้อตกลงระหว่างผมกับตี้คืออะไร ไอ้เหมารับฟังอย่างเงียบๆ จนจบ มันไม่ได้แสดงท่าทีตกใจออกมาให้เห็น มันถามเพียงว่าความสัมพันธ์ ของเราทั้งคู่จบลงตอนไหน ก่อนหรือหลังที่ต่างคนต่างจะตัดสินใจคบคนอื่น

“พวกมึงก็ขี้โกงกันทั้งคู่”มันพูดเชิงต่อว่าผม เมื่อรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งตี้กับคุณอรรถ และผมกับน้องปลา มันเริ่มก่อนที่ผมจะหยุดความสัมพันธ์กับตี้ ผมอาจจะเป็นคนที่ผิดมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่รู้ว่าตี้เริ่มคบกับคุณอรรถ และตี้พยายามที่จะหยุดความสัมพันธ์ แต่ผมกลับรู้สึกไม่อยากจะหยุด แถมผมยังพยายามปิดความสัมพันธ์ระหว่างผมกับปลา ไม่ให้เค้ารู้ด้วยซ้ำ ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไปเพราะอะไร

“แล้ว มึงรู้สึกยังไงกับมัน”เป็นคำถามที่ผมเองก็ยังตอบไม่ได้และในวันนี้ ผมก็ไม่มีคำตอบให้กับไอ้เหมา พอมาวันนี้ต่อให้ผมหาคำตอบให้กับตัวเองได้แล้ว แต่มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

ผมพลิกตัวนอนตะแคงที่เตียง อย่างที่เคยทำเวลาที่อีกคนมาค้างที่บ้าน หากแต่ตอนนี้พื้นที่ตรงข้างๆ ที่ผมมองมันว่างเปล่า ผมอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงวันแรกที่เราทั้งสองมีอะไรกันครั้งแรก วันนั้นผมเสียใจเรื่องชะเอมและดื่มจนเมามาย แถมยังต้องให้เค้าขับรถพามาส่งถึงบ้าน ซึ่งเรื่องทั้งหมดมันอาจจะไม่เกิดขึ้น ถ้าผมไม่ชวนเค้าดื่มต่อที่บ้านหลังนี้ ในวันที่ผมกำลังรู้สึกเคว้งคว้าง ผมแค่ต้องการใครสักคนไว้ยึดเหนี่ยว ผมมีสติดีตอนที่ดึงเค้าเข้าสู่บทสนทนาที่หล่อแหลม ระหว่างผมกับเค้า และเหมือนเค้าจะตกหลุมพรางของผมอย่างง่ายดาย แต่หลังจากค่ำคืนนั้นผ่านไป แทนที่ผมจะรู้สึกเศร้ากับการเลิกลากะชะเอม ผมก็เสียใจนะครับ เพียงแต่มันกลายเป็นว่าภาพคืนอันเร่าร้อนระหว่างผมกับเค้ามันส่งผลกับผมมากกว่า

ทีแรกผมคิดว่าตี้เองอาจจะคิดเหมือนที่ผมคิดว่าคืนนั้นของเรามันดีจนลืมไม่ลง แต่เปล่าเลย เพราะเค้าบอกกับผมว่ามันเป็นแค่เรื่องบ้าๆ ที่อยากให้เราทั้งคู่ลืมๆ มันไปซะ แต่บอกตรงๆ ว่าตอนนั้นผมยังต้องการสัมผัสร่างกายเค้าอีก สุดท้ายผมก็หาทางจนให้เค้ามาค้างที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองแล้วจากนั้นข้อตกลงของเราก็เกิดขึ้น ข้อตกลงที่ทำให้ผมรู้สึกขัดแย้งในตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

เราใช้เวลาด้วยกันมากเสียจนบางครั้งผมก็เผลอคิดไปว่าจริงๆ ผมอยากดูแลเค้า อยากทำให้เค้าประทับใจในตัวผม เหมือนเรากำลังคบกันอยู่ แต่พอเริ่มที่จะรู้สึกมากไป ผมก็ต้องดึงความรู้สึกตัวเองออกมาว่าผมยังต้องการแต่งงานมีครอบครัว ความรู้สึกสองอย่างนี้มันตีกันอยู่นับครั้งไม่ถ้วน จนท้ายที่สุดเรื่องราวมันก็ดูผิดที่ผิดทางไปเสียหมด

“ตี้มันจะรู้สึกกับมึงมากกว่าเพื่อน หรือไม่ได้คิดอะไรเกินกว่านั้น แต่กูว่ามันก็คิดถูกแล้วที่เลือกคุณอรรถ เพราะถ้ามึงยังคิดจะอยากมีครอบครัว หรืออยากแต่งงาน กูว่ามึงไม่ควรไปทำแบบนี้กับไอ้ตี้หรือผู้ชายคนอื่นด้วยซ้ำ”คำพูดทิ้งท้ายของไอ้เหมายังคอยย้ำเตือนผมมาตลอด 

ผมตัดสินใจโทรหาไอ้เหมาเพื่อยกเลิกนัดที่ตกลงกันไว้ และขอนัดมันใหม่ในวันพรุ่งนี้ หลังจากมันเลิกงาน พร้อมทั้งขอให้มันช่วยบางอย่าง บางอย่างที่มันอาจจะผิด แต่ก็คงผิดไม่มาก

“แล้วทำไมกูต้องช่วยมึง”ไอ้เหมาย้อนถามผมอย่างไม่เต็มใจจะช่วยสักเท่าไหร่ ผมรู้ว่าการชวนตี้ตรงๆ ให้ออกมาเจอกันเค้าอาจจะปฏิเสธ แต่ผมมั่นใจว่าคนอย่างไอ้เหมาสามารถพาตี้มาเจอผมได้ ผมก็แค่อยากเจอเฉยๆ ไม่ได้คิดจะทำอะไรมากไปกว่านั้นอีกอย่างทั้งไอ้เหมากับแพทก็ไปด้วย

“เพราะกูเป็นเพื่อนมึง และกูก็แค่อยากเจอเค้าเฉยๆ ไม่ได้จะขอให้เค้าเลิกกะแฟนซะเมื่อไหร่”ใครได้ยินเค้าคงหาว่าผมบ้า ว่าผมจะทำแบบนี้ไปทำไม แต่บางทีคนเราก็ทำอะไรที่ไม่มีเหตุผลเยอะแยะไปจริงไหมครับ ไอ้เหมาบอกว่าไม่รับปากว่าจะชวนตี้ไปด้วยได้ไหม แต่ก็จะลองดู

ท้ายที่สุด พอถึงเวลานัดผมก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้าจะมาไหม วันนี้ตั้งแต่เช้า ผมก็ไปคุยงาน ซึ่งก็ราบรื่นดี ไม่มีปัญหา แถมผมยังบังเอิญได้เจอคุณอรรถแฟนตี้อีก ก็เลยได้ทักทายกันปกติ จากที่ได้คุยกับเค้าผมว่าความสัมพันธ์ของเค้าทั้งคู่ก็ดูราบรื่นดี ผมเอ่ยปากชวนเค้ามาในเย็นนี้ด้วย แต่เค้าก็ปฏิเสธไป นั่นทำให้ผมกังวลอยู่เหมือนกันว่าพอคุณอรรถไม่มาแล้วตี้จะมาหรือเปล่า ยอมรับนะครับว่าอยากให้ตี้มาคนเดียวมากกว่า แต่ในเมื่อเค้าเป็นแฟนกัน ถ้าจะมาด้วยกันผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเค้าอยู่แล้ว

“หวัดดีชาร์ป มานานยัง”แพทเป็นคนแรกที่มาสมทบกับผม เพราะที่ทำงานของแพทใกล้ร้านที่เรานัดกันที่สุดเลยนั่งแทกซี่มาก่อน ส่วนผมคุยงานเสร็จตั้งแต่เช้า แทบจะมารอตั้งแต่ร้านเปิดแล้วครับ ใจมันลุ้นอยากเจออีกคน แพทยืมมือถือผมโทรหาไอ้เหมาเพื่อบอกให้รู้ว่ามาถึงแล้ว เพราะมือถือของแพทแบตหมดไปแล้ว

รอไม่นานนักไอ้เหมาก็มา ผมยิ้มกว้างให้คนที่เดินมากับไอ้เหมา ไม่ว่าเค้าจะเต็มใจมาเองหรือไอ้เหมาบังคับมา ตอนนี้ผมก็ไม่สนแล้ว ยังไงตอนนี้เค้าก็มาแล้ว เค้ายังดูเหมือนเดิม แต่ออกจะมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าเดิม อย่างว่าก็เค้าอยู่กับแฟนนี่เนอะ คงมีความสุขจนอิ่มเอิบ เป็นธรรมดา

“หวัดดีตี้”

“หวัดดีชาร์ป”

ทั้งผมและเค้าดูเก้ๆ กังๆ ที่ต้องนั่งข้างๆ กัน มันเหมือนต่างคนต่างเกร็งจนรู้สึกทำตัวไม่ถูก โชคดีที่ไอ้เหมากับแพทช่วยแก้สถานการณ์ด้วยการชวนคุยให้ดูปกติ นี่ถ้าไอ้เหมาไม่ได้รับรู้เรื่องระหว่างผมกับตี้มาก่อน ผมว่าบรรยากาศมันอาจจะอึดอัดมากกว่านี้ก็เป็นได้ ผมรู้สึกว่าเค้าเองก็พยายามรักษาระยะห่างของเค้ากับผมไว้มากอยู่เช่นกัน

เราพูดคุยอัพเดทเรื่องราวชีวิต ของกันและกัน ทั้งผม ไอ้เหมา แพท และปาร์ตี้ เอาจริงๆ ก็เหมือนผมอัพเดทชีวิตให้ปาร์ตี้ฟังเสียมากกว่า เพราะกับไอ้เหมาผมก็ได้คุยกับมันบ่อยๆ อยู่แล้ว

“เออ เมื่อกลางวันเราเจอคุณอรรถด้วย เสียดายที่ไม่ว่างมาด้วยกันเนอะ”ผมเห็นเค้าชะงักไปเล็กน้อย ที่ได้ยินผมพูดถึงแฟนของเค้า หรือว่าเค้ายังไม่รู้ว่าวันนี้ผมบังเอิญเจอแฟนของเค้า

“ลืมเลยไอ้เหมา เห็นไหมเนี่ยกูบอกแล้วว่าขอโทรบอกอรรถก่อนค่อยมา แล้วนี่แบตกูก็หมด เอามือถือมึงมายืมดิ”เค้าหันไปคุยกับไอ้เหมาอย่างฉุนๆ แต่ไอ้เหมาดันไม่ได้เอามือถือลงมาจากรถ ส่วนแพทก็แบตหมดไปแล้ว

“ใช้ของเราก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเอามือถือไอ้เหมาที่รถ”ผมรีบบอกเค้าที่ทำท่าจะลุกไปเอามือถือที่รถของไอ้เหมา เค้าหยุดคิดแปปนึงก่อนจะรับมือถือของผมแล้วเดินออกไป

“น้อยๆ หน่อยมึง นี่มองมันตาละห้อยขนาดนี้คงไม่ใช่คิดจะไปแย่งไอ้ตี้มันจากคุณอรรถใช่ไหม”ทันทีที่ตี้ออกจากโต๊ะไป ไอ้เหมาก็เริ่มกัดผมทันที ผมยอมรับนะครับว่าวันนี้ผมเผลอมองเค้าบ่อยๆ จริงๆ อยากจะยื่นมือไปสัมผัสเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะรู้ว่ามันไม่ควร เลยทำให้ผมทำได้เพียงเก็บภาพเค้าในวันนี้ด้วยสายตาของผมให้มากที่สุด

ไม่นานนักตี้ก็เดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ เค้าออกปากว่าไม่อยากกลับดึกมาก ซึ่งทั้งแพทและไอ้เหมาก็เห็นด้วย เพราะพรุ่งนี้ทุกคนต่างก็ต้องทำงาน ส่วนผมในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ก็คง เดินทางกลับเช่นกัน

“กูไปส่งตี้ให้ก็ได้ พวกมึงจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา”เมื่อเห็นช่องทางที่จะสามารถให้ผมได้อยู่กับเค้ามากขึ้น ผมเลยเลือกที่จะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป ทั้งไอ้เหมาทั้งแพทต่างมองผมอย่างรู้ทัน แม้ตี้จะดูไม่เต็มใจนักแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ผมรู้ครับว่าเค้ายังเข้าใจว่าทั้งไอ้เหมาและแพท ยังไม่รู้เรื่องระหว่างเราสองคน เค้าเลยเลือกที่จะปล่อยเลยตามเลยเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต

“แม่เราฝากบอกว่าคิดถึงตี้นะ แล้วก็ถ้าว่างๆ ไปเที่ยวบ้านเราได้ พร้อมต้อนรับเสมอ”ผมเริ่มบทสนทนาเมื่ออยู่กับเค้าบนรถเพียงลำพัง

“อื้ม”เค้าเพียงตอบผมสั้นๆ แล้วก็เงียบไปเหมือนเดิม พอไม่มีไอ้เหมากับแพท เค้าก็กลายเป็นคนไม่ค่อยพูดขึ้นมาทันที ทั้งที่ตอนคุยกันที่ร้านเค้ายังพูดคุยได้เป็นปกติ แม้จะเกร็งๆ บ้างในช่วงแรกก็เถอะ

“แล้ว...ตี้กับคุณอรรถ ไปกันได้ดีไหม”

“อื้ม”ผมว่าผมควรหยุดบทสนทนา เพราะดูท่าอีกคนไม่ค่อยอยากจะคุยกับผมสักเท่าไหร่ เราต่างปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถ จนกระทั่งถึงจุดหมาย

“ขอบใจที่มาส่งนะ”เค้าบอกพร้อมกับปลดเข็มขัดนิรภัย เตรียมจะลงจากรถ แต่ผมคว้าข้อมือเค้าไว้ก่อน เค้าหันมามองผมด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ ผมเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเค้า ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ

“เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม”ผมถามออกไปแผ่วเบา





TBC

 :z3:




ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
สรุปแว่นคือพระเอก ม๊ายยยยย  :serius2:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ไม่เอาแว่นได้มั้ย สงสารคุณอรรถจังถ้าต้องเลิกกันแบบนี้

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
อ่านความในใจอิแว่นละยิ่งเซ็ง ทั้งหมดทั้งมวลเกิดจากความโลเล และเห็นแก่ตัว. คบปลาแต่ไม่กล้าบอกตี้  รักตี้แต่ก็ไม่กล้าจิงจัง....เห้ออออ  ให้มันโสดเลย.  แต่ตอนนี้อรรถก็มีคนเข้ามาอีกเนี่ยยยย   :katai1: :katai1:
มาสักวันละตอนได้ม้ายยยยยย  555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
เหมาพูดถูกนะที่ว่าถ้าชาร์ปยังคิดถึงการแต่งงานและมีครอบครัวก็ไม่ควรทำแบบนี้กับตี้
เราว่าชาร์ปเห็นแก่ตัวเกินไป เชียร์คุณอรรถมากกว่านะ

ออฟไลน์ Mynun

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-2
สรุปแว่นคือพระเอกอ้อ ?  งั้นบายจ้า
จริงๆพระเอกไม่จำเป็นต้องเลวก็ได้นะ
เสียดายคนดีดีแฮะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อืมมม.... สมชื่อเรื่องจริงๆ
มองฝั่ง ตี้ ชาร์ป ทำไม่ถูก ชาร์ปมีสัมพันธ์กับตี้  แต่ยังอยากมีครอบครัว
แน่นอน ตี้ชอบชาร์ปไปแล้ว เคมีก็ตรงกันอีก ตี้ เจ็บแน่ๆ
มองฝั่งชาร์ป ชาร์ปเป็นไบ ชาร์ปสับสน อยากมีครอบครัว  พอตี้บอกเลิก
ชาร์ป ใจจริงไม่อยากเลิก แต่ก็ยอมเลิก แล้วไปคบปลา
แถมชาร์ป ยังสารภาพกับปลา ว่าเคยมีอะไรกับผู้ชาย ปลากับชาร์ป ก็จบกัน
ตอนนี้ ชาร์ป หายสับสน คิดถึงตี้ อยากพบตี้ ขอแค่เป็นเพื่อน
แต่ตี้ ให้ได้หรอ เพราะชาร์ปเป็นเหมือนฝีที่ตี้มีอยู่
ยังไม่ถูกขุดเชื้อหนองออกไป ฝีหนองมันปะทุขึ้นมาได้
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ aukuzt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ไม่จริงใช่ไหม แว่นเป็นพระเอกเหรอ?

ไม่เอาน่า ยังไงก็เชียร์อรรถจร้า

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2218
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
จริงๆ ไม่แปลกที่พี่แว่นจะคิดลังเล สับสนต่างๆนาๆก่อนหน้านั้น
ลืมคิดไปว่าพี่แว่นเป็นไบนี่หว่า
พูดถึงตอนนี้มันก็สายไปแล้วจริงๆ แหละ เพราะตี้เลือกจะคบกับอรรถแล้ว
ถ้าพี่แว่นแค่อยากเป็นเพื่อนตี้จริงๆ ก็คงไม่ผิดอะไร

ที่เหลือก็อยู่ที่ใจตี้  แอบเห็นใจตี้นะ ลึกๆคงยังรู้สึกอะไรแน่ๆ
เพราะถ้าปกติ คนไม่คิดอะไรก็น่าจะพูดได้คุยได้ทำตัวปกติ

คู่นี้ถึงแม้ยังไม่ได้เป็นแฟนกันแต่พอจบกันไป แล้วไม่คุยกัน
นี้สินะที่เขาว่ากันว่าถ้าคนที่เลิกกันไปแล้วกลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้


ถ้าไม่เกลียดกัน..ก็ยังรักอยู่

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ไม่สายเกินไปหรอกชาร์ป คู่กันแล้วไม่แคล้วต้องได้กัน คนคิดมากขี้ระแวงแบบอรรถแถมแฟนเก่ากลับมาอีกมันก็ต้องมีเรื่องงอนๆกันบ้างล่ะ 
 รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
ถ้ามันใช่มันก็ไม่ลังเลหรอกค่ะ
มาลังเลกับคนที่ไม่ใช่นี่ก็คือหาเรื่องเข้าตัวเอง

จนป่านนี้เราก็ยังไม่ชัวร์กับอิแว่นอยู่ดีค่ะ
ปัญหาก็คือทางอรรถก็มีแฟนเก่าเดินกลับเข้ามาด้วย
ทั้งๆที่รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ปลื้มกับชาร์ปยังไง
อรรถก็ยังปล่อยให้แฟนเก่ารุกล้ำเข้ามาได้

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อ่านทั้งหมดนั่น
ก็ยังเห็นว่าคุณแว่นเป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่ดี

เพ้อพร่ำเพรื่อ..ไม่เลิก
อยู่อย่างตัวคนเดียว
ไม่มีใครน่ะ..สมควรแล้ว
หุหุ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 6
แฟนเก่า




Aut’s Part
“แฟนอรรถเหรอ”ทันทีที่หนุ่ยเห็นตี้เค้ามาในบ้านก็มีรอยยิ้มบางอย่างฉายขึ้นมาทันที ผมแทบจะรู้เลยว่าเค้าจะทำอะไรต่อ เพราะในเมื่อคงเห็นแล้วว่าผมจะไม่ยอมให้เค้าอยู่ที่นี่ ทีนี้คงจะหาคำพูดมาหว่านล้อมตี้แน่ๆ ผมต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่เรื่องราวมันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้

“ขอคุยกันส่วนตัวสักครู่นะ”ผมบอกกับหนุ่ย และรีบคว้าข้อมือของตี้ที่กำลังงง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ผมไม่มีเวลาจะอธิบายอะไรมากนัก ต้องรีบบอกกับตี้ก่อนว่าให้ยืนยันปฏิเสธทุกอย่างถ้าหนุ่ยจะขออยู่ที่นี่

“เดี๋ยวสิ”แต่มีเหรอครับคนอย่างหนุ่ยจะยอมปล่อยโอกาสให้ผมได้เตี๊ยมกับตี้ เค้าวิ่งมาดักหน้าผมกับตี้ อย่างไม่ได้นึกเลยว่าที่ทำอยู่มันเสียมารยาทขนาดไหน ผมมองเค้าด้วยสายตาตำหนิ และแน่นอนว่าดูเค้าไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลยสักนิด

“ยังไม่แนะนำตัวกันเลย เราหนุ่ยนะ เป็น...อะไรดีน้า ตอนนี้ก็คงเป็นเพื่อนแหละ แต่เมื่อก่อนเป็น...แฟน”

“แฟนเก่า”ผมรีบสวน เพราะเริ่มจะไม่ไหวกับท่าทีของหนุ่ยแล้ว นี่ขนาดไม่ยอมให้เข้ามาอยู่ด้วย ยังขนาดนี้ถ้าผมยอมนี่ ชีวิตผมคงบรรลัยแน่ๆ ครับ ตี้หันมองหน้าผมสลับไปมากับหนุ่ย ผมไม่เคยเล่าเรื่องหนุ่ยให้เค้าฟังมาก่อน เพราะมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเล่า และไม่คิดด้วยว่าวันนึงหนุ่ยจะวนกลับเข้ามาในชีวิตผม

“แฟนเก่าก็แฟนเก่า...แล้วนี่”ด้วยกริยาอาการของหนุ่ยตอนนี้ผมรู้เลยว่า คงไม่ถูกชะตากับตี้สักเท่าไหร่ นิสัยเสียอย่างนึงของหนุ่ยคือตัดสินคนไปก่อนที่จะได้รู้จักตัวตนของเค้า ถ้าใครที่เค้าเห็นแล้วไม่ถูกชะตาการแสดงออกต่อคนคนนั้นก็จะเป็นอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ กลับกันถ้าคนไหนเค้าถูกชะตา คำพูดกับการปฏิบัติจะต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตอนที่เราคบกันผมก็ต้องคอยปรามอยู่บ่อยๆ ไม่งั้นหนุ่ยคงมีเรื่องกับเค้าไปทั่ว บางคนเค้าไม่ได้ทำอะไรให้ หนุ่ยก็พาลเกลียดเค้าแค่เพราะไม่ถูกชะตาก็มี

“ปาร์ตี้ครับ เรียกตี้เฉยๆ ก็ได้ครับ เป็นแฟนอรรถ”คำพูดของตี้ทำเอาผมแปลกใจ จนต้องหันมองเพราะเค้าเน้นคำที่บอกว่าเป็นแฟนกับผมอย่างจงใจ ผมเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ไม่คิดว่าเค้าจะรับมือกับหนุ่ยได้ เพราะปกติผมไม่เคยเห็นตี้ในมุมแบบนี้เลย หนุ่ยเองก็ดูชะงักไปเหมือนกัน แต่ก็ยังปั้นหน้ายิ้มเหยียดกลับมา

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณ...แฟนเก่า”โอ้โห นี่แฟนผมมาแนวไหนครับเนี่ยเล่นเอาหนุ่ยอ้าปากค้างเลยทีเดียว แถมตี้เองยังเป็นคนลากผม เดินหลบหนุ่ย ตรงมายังห้องครัวนี่อีก ผมอดที่จะขำกับสิ่งที่เค้าทำไม่ได้ นี่หึงผมรึเปล่าเนี่ย

“ขำไรละ ไหนว่ามีเรื่องจะคุย”เค้าบอกพร้อมทำหน้าไม่สบอารมณ์ เห็นแบบนี้ผมก็เริ่มคลายกังวลเรื่องหนุ่ยไปได้บ้างเพราะดูๆ แล้วตี้คงช่วยผมรับมือได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ครับ ยังไงซะก็คงต้องรีบให้หนุ่ยออกจากบ้านไปให้เร็วที่สุด

“คือหนุ่ยจะมาขออยู่ชั่วคราว แต่อรรถบอกไปแล้วแหละว่าไม่ให้อยู่ ตอนแรกกลัวตี้ใจอ่อนให้หนุ่ยอยู่ด้วย เลยกะจะมาย้ำว่าตี้ต้องยืนยันว่าไม่ยอม แต่ตอนนี้ดูท่ายังไง ตี้ก็ไม่ยอมอยู่ใช่ไหมล่ะ หึงอรรถออกจะชัดขนาดนี้”ผมฉีกยิ้มให้เค้า แต่เค้ากลับแยกเขี้ยวใส่ผม

“นี่มันบ้านอรรถ อรรถจะให้ใครอยู่ ไม่อยู่ก็เป็นสิทธิ์ของอรรถแหละ ไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย”ดูพูดเข้า มันจะไม่เกี่ยวยังไงละแฟนจ๋า บ้านผมก็เหมือนบ้านเค้าแหละจริงไหมครับ ว่าแต่พอมาห้องครัวกลิ่นอาหารที่ผมทำไว้ตอนนี้ส่งกลิ่นหอมเตะจมูกเลยทีเดียวเชียวครับ สองเมนูที่ผมนึ่งไว้นั่นคงพร้อมทานแล้ว ส่วนหมูยอที่ผมทำค้างไว้อาจจะต้องพับเก็บเมนู นี่ถ้าไม่มีหนุ่ยมาวุ่นวาย ผมกับตี้คงได้ทานมื้อเย็นกันแล้ว

“งั้นเดี๋ยวเราไปเคลียร์กับหนุ่ยก่อนละกัน เราจะได้มาทานข้าวกัน ได้กลิ่นเปล่ากับข้าวฝีมือเราส่งกลิ่นหอมรอตี้แล้ว รอแปปนึงนะ”ผมชี้ให้เค้าดู กับข้าวที่ผมทำไว้ เค้าเลยอาสาจะจัดเตรียมใส่จาน แล้วบอกว่าให้ผมกลับไปพูดกับหนุ่ยให้เรียบร้อย

“ตกลงให้เราอยู่ด้วยแล้วใช่ไหม”ทันทีที่ผมโผล่หน้ามาให้เห็นหนุ่ยที่ยิ้มรออยู่แล้วก็ พูดขึ้นแทบจะทันที และแน่นอนว่าผมปฏิเสธเช่นเดิม พร้อมยืนยันหนักแน่นว่ายินดีช่วย หากเค้าจะไปพักโรงแรม

“ก็บอกแล้วไงว่าเราไม่มีอะไรติดตัวเลย จะให้เราเอาอะไรไปเช็คอินโรงแรม ถือเงินไปเปล่าๆ ไม่มีบัตรอะไรยืนยันตัวตน เค้าจะให้พักไหม”เค้าเริ่มหาเหตุผล ยกมาว่ายังไงก็จะอยู่ที่นี่ให้ได้ ผมละอยากจับเค้าลากไปส่งโรงแรมให้รู้แล้วรู้รอด

“งั้นหยิบกระเป๋าเลย เดี๋ยวเราไปจัดการให้ ทั้งเช็คอินโรงแรม จ่ายตังค์ให้ก่อนด้วย หรือหนุ่ยจะยืมตังค์ติดตัวไว้เท่าไหร่ ก็ว่ามาเราจะจัดการให้”นี่ผมว่าผมยื่นข้อเสนอดีมากๆ ให้แล้วนะครับเนี่ย ถ้าเป็นคนอื่นนี่ผมไม่รู้ว่าจะมีใครยอมช่วยเค้าขนาดนี้ไหม

“กำลังจะทานข้าวกันเหรอ กำลังหิวพอดีเลย ไหนมีอะไรกินบ้าง”ผมจะบ้าตาย ตกลงที่ผมบอกเค้าเนี่ย เค้าสนใจคิดตามบ้างไหมเนี่ย แทนที่จะมาตกลงข้อเสนอจากผม พอเค้าเห็นตี้เดินถือกับข้าวออกมาจากห้องครัว เตรียมจัดโต๊ะอาหาร เค้าก็เดินตรงเข้าไปหาตี้ทันที โดยที่ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรต้องคุยกับผมแล้ว

“หนุ่ย”ผมเรียกเค้าเสียงแข็งแต่ดูเหมือนเค้าจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

“กินข้าวกันก่อนดีกว่า ค่อยคุยกันอีกทีเนอะ คุณตี้คงไม่รังเกียจนะครับ ถ้าผมจะขอทานข้าวด้วย”อย่าคิดว่าเค้าจะล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ นะครับ ตอนนี้เค้ากำลังใช้คำพูดกดดันกับตี้ เพราะคงโน้มน้าวผมไม่สำเร็จแล้ว แต่อย่าคิดว่าจะใช้ตี้มากดดันผมเสียให้ยาก ยังไงซะผมก็จะยังยืนกรานตามความตั้งใจของผมแน่นอน

“งั้นอรรถเข้าไปทำหมูยอเพิ่มให้เสร็จ แล้วก็เจียวไข่เพิ่มอีกอย่างละกัน”กะไว้อยู่เหมือนกันแหละครับว่าตี้อาจจะใจอ่อนมาแนวนี้

“อรรถไม่ทำอะไรเพิ่มทั้งนั้นแหละ”ผมบอกเสียงเรียบ พร้อมเดินตรงเข้าไปหาทั้งคู่ และหยุดมองหน้าหนุ่ย

“พอเถอะหนุ่ย อย่าให้เราต้องเสียมารยาทไปมากกว่านี้เลย”ผมยังคงพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งเช่นเคย หนุ่ยเองก็หน้าเสียไปเหมือนกันแววตาของเค้าจากที่แข็งกร้าว เริ่มอ่อนลง จนผมเริ่มรู้สึกว่าหรือผมจะใจร้ายกับเค้ามากเกินไป

“เอาน่าอรรถ เข้าครัวไปเถอะ เดี๋ยวเราคุยกับคุณหนุ่ยเอง”ผมพยายามจะค้านอีก แต่ตี้ดันไม่ยอมให้ผมได้ออกความเห็นอีก ผมโดนผลักเข้าครัวอย่างไม่เต็มใจนัก ในเมื่อโดนผลักเข้าครัวมาแล้วผมก็ต้องรีบทำเวลาให้รวดเร็วที่สุด เพราะไม่อยากปล่อยตี้ไว้กับหนุ่ยนานๆ ถึงโดยพื้นฐานหนุ่ยจะเป็นคนดี ไม่ผิดหรอกครับจริงๆ หนุ่ยไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เพียงแต่มีข้อเสียอยู่บ้าง แน่นอนสายตาหม่นๆ ของเค้าที่ผมเห็นก่อนจะถูกผลักไสให้เข้ามาอยู่ในครัวเนี่ย มันเป็นไปได้ทั้งเค้ารู้สึกผิดจริงๆ ที่เหมือนจะมาวุ่นวายที่บ้านผม หรืออีกอย่างก็คือเค้าแกล้งทำ

ตอนที่เค้าคบกับผม ผมเคยตกลงกับเค้าไว้แล้วว่าให้แสดงความจริงใจต่อกัน เพราะงั้นส่วนใหญ่ตอนที่เราสองคนคบกันอยู่ทุกอย่างที่เค้าแสดงออกมามันคือความรู้สึกจริงๆ ของเค้า แต่ก็นั่นแหละครับ มันคือส่วนใหญ่ ก็เลยยังมีส่วนน้อย ที่บางครั้งเวลาเค้าไม่พอใจผมมากๆ หรือมีความเห็นอะไรที่ไม่ตรงกัน และเค้ามั่นใจว่าความคิดเค้าถูก ผมก็เคยโดนเค้าตีหน้าเศร้าเพื่อเอาชนะ มาบ้างเช่นกัน

ผมเดินถือจานไข่เจียวกับยำหมูยอ ออกมาที่โต๊ะอาหาร แต่ไม่ทันได้ยินว่าทั้งสองคุยกันว่ายังไง ข้าวสวยถูกตักใส่จานวางไว้ 3 จานเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับข้าวอีก 2 อย่างที่ออกมาก่อนแล้ว ผมเลือกนั่งลงที่ข้างตี้ ส่วนหนุ่ยก็นั่งอยู่ตรงข้ามกับตี้ บรรยากาศตอนนี้ชวนอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก จริงๆ การกลับมาเจอกันระหว่างผมกับหนุ่ยเนี่ยมันไม่ควรจะจบลงด้วยการเสียมารยาทใส่กันแบบนี้ เพราะเราทั้งคู่ก็ไม่ได้มีอะไรบาดหมางกัน

“งั้นเราก็ทานข้าวกันก่อนแล้วกันเนอะ เดี๋ยวจะเย็นชืดซะก่อน”ตี้เป็นคนพูดขึ้น เพื่อทำลายบรรยากาศ น่าอึดอัดนี่ ส่วนหนุ่ยดูเงียบลงไปอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่รู้ว่านี่ทั้งหนุ่ยและตี้คุยอะไรกันระหว่างที่ผมเข้าครัวไป แล้วท่าทีของหนุ่ยตอนนี้ผมก็ฟันธงไม่ได้ว่าคือความจริงหรือแกล้งทำ แน่นอนว่าการที่คบเค้ามานาน ผมก็พอดูออก และสิ่งที่เห็นตอนนี้ถ้าให้ตัดสินจากคนที่เคยคบกันมาก่อน ผมคงต้องบอกว่ามันคือความรู้สึกจริงๆ ของเค้า แต่ผมก็ยังมี 0.01% ที่เหลือไว้ เพราะบางครั้งหนุ่ยก็แสดงได้แนบเนียนจนแทบจะไม่ต่างจากของจริง

“ดีใจนะ ที่ได้มากินกับข้าวฝีมืออรรถอีกครั้ง ยังอร่อยไม่เปลี่ยนไปเลย”หนุ่ยบอกพร้อมกับหันมายิ้มให้ผม แต่ผมไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเอื้อมมือไปวางที่ต้นขาของตี้ เพราะกังวลว่าเค้าจะคิดอะไรหรือเปล่าที่แฟนเก่าผมมานั่งทานข้าวด้วย แถมพูดออกมาแนวนี้อีก ตี้วางมือข้างนึงของเข้ามาบีบเบาๆ ที่มือผมก่อนจะยิ้มออกมาเป็นสัญญาณให้ผมรู้ว่า เค้าโอเคกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ แน่นอนว่าผมก็ยังไม่วางใจอยู่ดี เพราะทีแรกที่เจอทั้งคู่ก็เหมือนพูดจาโต้ตอบกันอยู่นิดหน่อยด้วยนี่สิ

“อร่อยก็ทานเยอะๆ นะครับ”ตี้หันไปบอกกับหนุ่ยพร้อมยิ้มอย่างจริงใจให้ไปด้วย ส่วนหนุ่ยก็ยิ้มกลับมาอย่างจริงใจเช่นกัน ตกลงนี่ทั้งคู่ญาติดีกันแล้วรึไงเนี่ย ผมชักจะงงๆ แต่ก็ไม่อยากขัดขึ้นตอนนี้ เพราะถึงขัดตอนนี้ผมอาจจะได้นอนนอกห้องโทษฐานที่พูดไม่เข้าหูแฟน เลยตัดสินใจที่จะนั่งทานไปเงียบๆ โดยมีเสียงพูดคุยระหว่างหนุ่ยกับตี้บ้างประปรายเป็นระยะ

“งั้นยังไง เราคงต้องขอตัวก่อนแล้วกันเนอะ จะได้ไม่รบกวนมาก แต่ก็คงต้องรบกวนอรรถไปเช็คอินโรงแรมให้ กับขอยืมตังค์ติดตัวไว้ด้วยนะ ขอโทษจริงๆ ที่ต้องรบกวน”หนุ่ยพูดขึ้นหลังจากทานข้าวเสร็จ แต่เป็นการพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่แตกต่างจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง แต่ผมก็ไม่สนใจแล้วว่าอันไหนหนุ่ยแสดงออกมาจริงๆ หรืออะไรที่หนุ่ยแกล้งทำ เพราะตอนนี้ผลลัพธ์สุดท้ายก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับผม แค่หนุ่ยยอมที่จะไม่ค้างที่นี่จะให้ผมพาไปส่งที่ไหนยังไงผมยอมหมดแหละครับ

“อ้าว บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไหร หนุ่ยก็ค้างที่นี่แหละ จะได้ไม่ลำบากออกไปหาโรงแรมอีก นี่ก็ค่ำแล้ว พักผ่อนดีกว่าจะได้ใช้เวลาทบทวนว่าจะเอายังไงต่อ”ผมหันมองตี้แทบจะทันที ในเมื่อเจ้าตัวเค้ายินดีจะไปอยู่แล้ว ยังจะเหนี่ยวรั้งทำไมอีก แถมนี่คำพูดที่ตี้คุยกับหนุ่ยผมก็สังเกตตั้งแต่ระหว่างกินข้าวแล้วว่า มันดูเพิ่มความสนิทสนมมากกว่าเดิม นี่แค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ผมเข้าครัวไป หนุ่ยพูดหว่านล้อมอะไรตี้เนี่ย

“แต่เราเกรงใจ แค่นี้ก็รู้สึกรบกวนมากแล้ว”

“งั้นก็ป่ะ รีบไปเดี๋ยวอรรถไปส่งจะได้ไม่เสียเวลา”ผมชิงรวบรัดตัดตอน ไม่อยากให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ ตอนนี้ความคิดที่ผมว่าหนุ่ยแกล้งตีหน้าเศร้า สัดส่วนมันเริ่มเปลี่ยนแล้วครับ จาก 0.01% ตอนนี้ผมว่ามันชักจะ 50:50 เสียแล้ว

“หยุดเลยอรรถ อย่าให้มันต้องยุ่งยากสิ บ้านเราก็มีตั้งหลายห้อง เพื่อนลำบากมาอะไรพอช่วยได้ เราก็ควรช่วยจริงไหม”ลำบากอะไรละ ทางเลือกอื่นก็มี กลับบ้านตัวเองก็ได้ ทำไมไม่ไป แล้วตอนคุยกันในห้องครัว ตี้ก็บอกเองนิว่านี่บ้านผม แล้วแต่ผมจะตัดสินใจไม่ใช่เหรอ งั้นผมก็คงต้องขอใช้สิทธิ์เจ้าของบ้านเป็นการจบเรื่องนี้เสียแล้ว

“แต่ในเมื่อนี่คือบ้านอรรถ อรรถขอตัดสินใจที่จะไม่ให้หนุ่ยค้างที่นี่ แต่อรรถยินดีช่วยเหลือเรื่องที่พักข้างนอกให้”ผมบอกเสียงเรียบ ก่อนจะมองไปที่หนุ่ย ซึ่งหนุ่ยก็ไม่ได้มีทีท่าไม่พอใจอะไร แต่พอหันมองกลับมาที่ตี้ กลับกลายเป็นว่าสีหน้าเค้าดูไม่พอใจผมอย่างชัดเจน

“ได้ถ้าจะเอาแบบนั้นก็ได้”น้ำเสียงของตี้เริ่มฟังดูแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นี่เรากำลังจะมีปัญหากันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง แถมเป็นเรื่องของคนอื่นอีกหรือเปล่าเนี่ย

“ในเมื่อบ้านนี้ เป็นบ้านอรรถ สิทธิ์การตัดสินใจ มันก็เป็นของอรรถอยู่แล้วนิ งั้นเดี๋ยวเราพาหนุ่ยไปค้างบ้านเราก็ได้”นี่มันชักจะไปกันใหญ่เสียแล้ว นี่ทำไมเค้าต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนกับคนที่เพิ่งเจอกันขนาดนี้ ผมเสียอีกที่เป็นแฟนเก่ายังไม่อะไรมาก ไม่ใช่ว่าผมใจดำไม่ยอมช่วย แต่ผมก็บอกไปแล้วว่ายินดีที่จะช่วยตามที่ผมเสนอ

“มีเหตุผลหน่อยสิตี้ อย่ามางี่เง่าแบบนี้”ด้วยความรู้สึกไม่พอใจทำให้ผมหลุดปากว่าเค้าออกไปด้วยน้ำเสียงที่ก็คงฟังดูไม่น่าจะรื่นหูสักเท่าไหร่ แต่ผมก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

“ใครกันแน่ที่งี่เง่า”เค้าเองก็สวนกลับผมมาอย่างไม่ยอมแพ้ ผมว่าตอนนี้เราทั้งคู่คงจะคุยกันไม่รู้เรื่องเสียแล้วไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีอะไรมาก แต่กลับกลายเป็นว่า ส่งผลให้เราสองคนเหมือนจะทะเลาะกันเสียแล้ว




TBC

หายไปหลายวันเลยโทษทีคร๊าบ
วันนี้มาต่อเรื่องระหว่าง ตี้อรรถหนุ่ย ที่ก็ยังเป็นปัญหา
มาเอาใจช่วยให้ตี้กะอรรถกันด้วยนะคร๊าบบ



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด