[จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)  (อ่าน 97896 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 15
พนันกันหน่อย

“ทำไมมึงสองคนนั่งฝั่งเดียวกันวะ”ทันทีที่ไอ้เหมามาถึง ก็ทักทายผมกับคุณแว่นด้วยความสงสัย ซึ่งจริงๆ ผมก็บอกกับคุณแว่นแล้วว่า ไอ้เหมาต้องทักแน่ๆ วันนี้ผมกับคุณแว่นได้รับคำเชิญจากไอ้เหมาอีกแล้วครับ และแน่นอนว่าผมกับคุณแว่นมาถึงพร้อมกัน เพราะมารถคันเดียวกันนั่นแหละครับ พอมาถึงตอนแรกผมก็จะนั่งคนละฝั่งกับคุณแว่นนะครับ แต่เค้าให้เหตุผลว่า เดี๋ยวถ้าแพทมากับไอ้เหมา เราก็ต้องย้ายมานั่งฝั่งเดียวกันอยู่ดี

“1:0 เรานำ”ผมพูดลอดไรฟันให้ได้ยินกันแค่ 2 คนกับคุณแว่น เพราะพอเถียงกันเรื่องที่นั่ง ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวเหมามันต้องสงสัย แต่เค้าแย้งว่าไอ้เหมาไม่สนใจแน่นอน ในเมื่อความเห็นไม่ตรงกัน การพนันก็ต้องเกิดสิครับงานนี้

“ก็นึกว่าแพทจะมากับมึงด้วยไง”คุณแว่นรีบอธิบายให้ไอ้เหมาฟัง แต่บังเอิญว่าไอ้เหมาดันมาคนเดียวนี่แหละครับ จริงๆ ปกติเวลานัดเจอกัน ถ้ามา 3 คนแบบนี้ผมมักจะนั่งข้างไอ้เหมา ไม่งั้นก็เป็นผมที่นั่งคนเดียว แทบไม่มีครั้งไหนเลยที่ผมจะนั่งข้างคุณแว่น ไอ้เหมาพยักหน้า เหมือนไม่ติดใจอะไรเรื่องนี้ ผมกำลังจะโล่งใจอยู่แล้วเชียวถ้ามันไม่หันมามองผมด้วยรอยยิ้มร้ายๆ แบบนั้น

“ไปเดทมาเป็นไงครับน้องตี้”นั่นไง พ้นจากเรื่องนึงก็มาอีกเรื่องนึงจนได้สิครับ ไอ้เหมายื่นมือมาทำท่าจ่อไมค์เหมือนจะสัมภาษณ์ผม แต่ผมเตรียมพร้อมมาแล้วกับคำถามนี้ ไม่ได้กินหรอกครับคุณเหมา

“ไม่เสือกสิครับคุณเหมา”ผมปัดมือมันออกพร้อมยิ้มอย่าง ผู้มีชัย ชัยชนะย่อมเป็นของผู้เตรียมพร้อมเสมอ และอีกชัยชนะที่ผมน่าจะได้รับในวันนี้ก็คือเรื่องที่พนันกับคุณแว่นนี่แหละครับ เพราะนี่ก็หนึ่งในเรื่องที่ผมพนันว่าไอ้เหมาจะพูดถึง ผมหันไปยักคิ้วให้คุณแว่นพร้อมกับทำปากพูดโดยไม่มีเสียงว่า “สองศูนย์” ซึ่งเค้าก็เอาคืนผมด้วยการเตะเบา เบามาที่หน้าแข้งผม แถมทำหน้านิ่งไม่รู้ไม่ชี้อีก

“จะมีแฟนแค่นี้ทำเป็นไม่อยากเล่าให้เพื่อนฟัง มึงไม่ใช่สาวน้อยอายุ 18 นะไอ้ตี้ อย่ามาทำสนิมสร้อย”ปากไอ้เหมานี่ผมพอจะรับได้นะครับ เพราะต่อปากต่อคำกันแทบจะทุกวัน แต่ไอ้คนที่นั่งข้างๆ ผมนี่สิ จะขำอะไรขนาดนั้น

“ไว้รอกูได้กับเค้าก่อน แล้วจะมารายงานมึงแล้วกันนะ”ผมแกล้งพูดเน้นเสียง ให้มันหมั่นไส้เล่น เพราะนึกสนุกและไม่อยากยอมแพ้มัน

“พอเลยๆ ทั้งคู่ เถียงกันยังกะเด็กๆ มาเล่นเกมกันดีกว่า”คุณแว่นเป็นคนห้ามทัพ และมีข้อเสนอมาให้ เป็นเกมที่ผมเคยเล่นกับคุณแว่นนั่นคือการทายชื่อเพลง แต่ครั้งนี้ต่างไปตรงที่ คนแพ้ต้องวางเงินให้กองกลางสำหรับค่าอาหารและเครื่องดื่มในคืนนี้ โดยคนที่แพ้ในแต่ละเพลง ต้องวางเงินให้กองกลางคนละ 50 บาท เท่ากับว่า 1 เพลงเราจะได้กองกลาง 100 บาท

“จัดไปสิครับ เซียนเพลงอย่างพี่เหมาคงได้กินฟรีแน่ๆ ครับคืนนี้”หลังจากไอ้เหมารับฟังกติกาก็ รับคำอย่างมาดมั่น จนผมอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้

“2:1 นะคร๊าบบบ”คุณแว่นหันมากระซิบผม เพราะก่อนมาเรานัดกันมาแล้วเรื่องเกมนี้ แต่ผมคิดว่าไอ้เหมาไม่น่าจะยอมเล่น เพราะไอ้นี่ร้องได้ทุกเพลงก็จริง แต่มันจำชื่อเพลงไม่ค่อยได้ เล่นไปก็มีแต่แพ้ นี่ยังงงอยู่เลยว่ามันเข้าใจกติกาไหม ว่าให้ทายชื่อเพลง ไม่ใช่ให้ร้องเพลง

“น้องๆ พี่ขอแก้วเปล่าใบนึงครับ”ดูกระตือรือร้นเหลือเกินนะครับเพื่อนเหมา งานนี้เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะหมดตัว เพื่อนก็เพื่อนเถอะครับ หลอกกินตังค์เพื่อนบ้าง คงไม่ว่ากันนะครับ

พอเด็กเสิร์ฟ เอาแก้วเปล่ามาวางให้ เราก็จัดการวางแก้วไว้กลางโต๊ะ พร้อมกับเริ่มเกม และไม่ต้องเดาครับ ผมชนะเพลงแรกไปอย่างง่ายดาย ทั้งไอ้เหมาและคุณแว่นต่างต้องเป็นคนวางตังค์ลงไปในแก้ว ไอ้เหมาลีลาว่ามีแค่แบงค์ 500 กะแบงค์ 1000 ผมเลยบอกให้มันใส่ลงไปทั้ง 500 บาทนั่นแหละเดี๋ยวก็หมดเอง

“กูแค่ต่อให้ก่อน อย่าเพิ่งได้ใจไปไอ้ตี้”ไอ้เหมาวางแบงค์ 500 ลงไป พร้อมชี้ให้ผมจับตาดูมันให้ดี แต่พอเกมดำเนินไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ผ่านไป 20 เพลง เงินในแก้วนั้นมีของผมแค่ 200 บาท ส่วนที่เหลือก็เป็นของไอ้เหมากับคุณแว่นอีกคนละ 900 บาท

“มึงโกงป่ะเนี่ยไอ้ตี้”ไอ้เหมาเริ่มโวยวาย ส่วนผมกับคุณแว่นหัวเราะกับท่าทีนั้นของเหมา คุณแว่นยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดูบางอย่าง มันเป็นข้อความท้าพนันระหว่างผมกับเค้าอีกข้อนึง ที่ว่าระหว่างเค้ากับไอ้เหมาเนี่ย ใครจะตอบชื่อเพลงได้มากกว่ากัน แน่นอนว่าเค้าเลือกตัวเอง ส่วนผมต้องเลือกไอ้เหมา แม้จะไม่เต็มใจเลือก แต่ผมก็ว่าพอฟัดพอเหวี่ยงละน่า ผมแตะมือกับเค้าเป็นอันตกลงว่าผมรับข้อเสนอ นี่ผมพนันทั้งบนโต๊ะ ใต้โต๊ะ จนจะเบลอแล้วนะครับเนี่ย แถมวันนี้ดื่มกันไปเยอะเหมือนนะครับวันนี้

“มึงหนุงหนิงๆ อะไรกันวะ”เสียงไอเหมาดังขึ้น จนผมต้องหันหน้าไปมองและเห็นมันจ้องมาที่ผมกับคุณแว่น ที่ตอนนี้...ผมหันมองตัวเองกับคุณแว่น ก่อนจะค่อยๆ ถอยห่างออก เพราะเรานั่งชิดกันเหลือเกิน ทั้งผมและคุณแว่นปฏิเสธว่าไม่มีอะไร พร้อมกับเฉไฉ ชวนไอ้เหมาดื่ม ไอ้เหมาบอกให้พักเล่นเกมก่อน เพราะมันจะขอตัวไปห้องน้ำกับสูบบุหรี่ พอไอ้เหมาลุกไป ผมนึกว่าคุณแว่นจะตามไปสูบบุหรี่ด้วย แต่คุณแว่นกลับยังนั่งนิ่งอยู่ข้างผม

“ชอบเหรอ”ผมหยุดการกิน พร้อมกับเลิกคิ้วเป็นเชิงให้คนถามช่วยขยายความในคำถาม เพราะไม่เข้าใจว่าเค้าถามถึงอะไรกันแน่

“หอมแดงไง อร่อยเหรอ”คุณแว่นชี้มาที่จานของผม ที่ผมเลือกตักแค่หอมแดง ออกมาจากยำวุ้นเส้น เรื่องนี้มีคนถามผมหลายคนแล้วเหมือนกัน ไอ้ผมก็ไม่นึกว่าคนเค้าไม่กินกันรึไง ผมว่ามันกินเพลินดีออก จนบางทีถ้าสั่งยำมา ผมมักจะเลือกกินหอมแดงก่อนเสมอ

“เลี้ยงง่ายนะเนี่ย อ่ะ เราช่วยตักให้”หลังจากได้รับคำตอบจากผม คุณแว่นก็ช่วยเลือกหอมแดงออกมาวางที่จานผม เหมือนกลัวใครจะมาแย่ง จนผมต้องร้องห้าม เพราะจริงๆ ดูเหมือนหอมแดงเนี่ยก็ไม่มีใครกินอยู่แล้ว ทั้งไอ้เหมา ทั้งเค้าเอง ใครจะมาแย่งผม

“เดี๋ยวนี้มึงสองคนดูสนิทกันมากไปป่ะเนี่ย”ทันทีที่ไอ้เหมามาถึง มันก็ทำผมชะงักอีกรอบ นี่มันจะเริ่มสงสัยอะไรอีกรึเปล่าเนี่ย

“แปลกตรงไหน กูก็สนิทกับตี้ เหมือนที่กูสนิทกับมึง ตี้ก็สนิทกับกู เหมือนที่เค้าสนิทกะมึง”ชาร์ปตอบกลับนิ่งๆ แต่ไอ้เหมายังทำตาเล็กตาน้อย มองคุณแว่น สลับกับผม ไปมา

“ไม่ใช่ว่ามึงสองคนไปแอบได้กันมาแล้วนะ”อะหือ แม้ท่าทีมันจะดูเหมือนแค่พูดเล่น แต่ก็ทำเอาผมแทบสำลักเบีบร์เหมือนกันนะครับ ไอ้นี่มันจะเซนส์ดีเกินไปแล้ว ผมว่าคงต้องระวังตัวมากขึ้นกว่าเดิมเสียแล้วละครับ

“เออ กูได้กันแล้ว”แต่รอบนี้ผมสำลักเบียร์จริงๆ ครับ ที่อยู่ๆ คุณแว่นก็พูดขึ้นแบบนี้ด้วยใบหน้าที่จริงจัง  แถมยังขยับ เข้ามาโอบไหล่ผม ก่อนจะโน้มหน้ามาจุ๊บแก้ม ผมเบาๆ ตอนนี้ไอ้เหมามองผมสองคน ตาค้าง อ้าปาก หวอ ส่วนผมเองก็ตกใจ ไม่แพ้ไอ้เหมาหรอกครับ ตอนนี้ไอ้เหมาเอามือตบหน้าตัวเอง เหมือนคิดว่าตัวเองฝันไป

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอแล้วไอเชี่ยเหมา มึงนี่หลอกง่ายชิบหาย กูทำแค่นี้ก็เชื่อแล้วเหรอ”เค้ายักคิ้วให้ผม ก่อนจะคลายมือที่โอบไหล่ผมออก นี่ใจผมยังเต้นโครมครามไม่หยุดเลย จะเล่นอะไรไม่เตี้ยมกันไว้ก่อนบ้างเลย เล่นเอาใจหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว ผมแกล้งหัวเราะไปกับคุณแว่น เพื่อให้ดูว่าผมรู้อยู่แล้วที่คุณแว่นกำลังแกล้งอำไอ้เหมาอยู่

“ไอ้เชี่ย ทำกูเกือบช็อค ไอ้ตี้มึงก็เล่นซะเนียนเชียว แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้ตี้นี่ไม่เท่าไหร่ มึง...ไอ้เชี่ยชาร์ป...ไอ้แว่น มึงแม่งลงทุนจุ๊บแก้มไอ้ตี้ ทำเอากูเชื่อสนิทเลย สาธุของให้แม่งพวกมึงผีผลักได้กันจริงๆ ทีเหอะ เพี้ยง”แล้วพวกเราก็หัวเราะออกมากันทั้งสามคน ผมแอบเอามือหยิกขาไอ้คนที่นั่งข้างๆ นี่อย่างหมั่นไส้ เล่นอะไร ก็ไม่รู้

เราวกกลับมาเล่นเกมกันอีกรอบ ซึ่งก็ไม่ต่างจากรอบแรก ผมเสียอีกแค่ 300 บาท ส่วนทั้งสองคนก็สูสีใช้ได้ แต่ผมก็คือผู้ชนะพนันใต้โต๊ะระหว่างผมกับคุณแว่นด้วย เพราะไอ้เหมาได้ไปทั้งสิ้น 6 เพลง ในขณะที่คุณแว่นได้ 4 เพลง แสดงว่าเกมกับคุณแว่นผมก็ชนะ ขาดรอย 3:1

เราอยู่กันจนร้านปิด ถึงแยกย้ายกันกลับ ไอ้เหมายืนยันว่าขับรถไหว เพราะไม่ได้เมามาก ส่วนผมกับคุณแว่นวันนี้มารถคันเดียวกัน ดีที่ไม่ได้จอดรถใกล้กับไอ้เหมา ไม่งั้นมีหวังมันคงสงสัยอีกแน่ๆ ว่าทำไมเราสองคนถึงมาด้วยกันได้



“มานั่งนี่เดี๋ยวเช็ดให้”เสียงคนที่เตียง เรียกผมพร้อมตบที่ว่างใกล้ๆ เค้าเป็นเชิงเรียกให้เข้าไปหา เมื่อเห็นผม เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ วันนี้เค้าก็มาค้างบ้านผมอีกเหมือนเคย เพราะอย่างที่บอกว่าวันนี้เราไปดื่มด้วยรถคันเดียวกัน

“คราวหน้าจะแกล้งอะไรไอ้เหมา บอกกันล่วงหน้าหน่อยก็ดีนะ แบบวันนี้ไม่เอาอีกแล้วนะ ตั้งรับไม่ทัน”เค้ายังคงใช้ผ้าขยี้ที่หัวผม พร้อมกับที่หัวเราะ ในลำคอ อย่างอารมณ์ดี

“สนุกดีออก แกล้งทีเดียวได้ตั้งสองคน”ผมหันไปดึงผ้ามาเช็ดเองด้วยความหมั่นไส้ แต่โดนเค้าดึงให้นอนลง ที่เตียง พร้อมกับเค้าที่พลิกขึ้นมาคร่อมตัวผม

“ตี้ว่าถ้าไอ้เหมามันรู้ขึ้นมาจริงๆ ว่าเราสองคนมีอะไรกันแล้วมันจะรู้สึกยังไง”ไอ้เหมา เอาจริงๆ ถ้าสำหรับผมไอ้เหมามันคงไม่น่าจะแปลกใจอะไรมาก แต่กับคุณแว่นนี่มันคงช็อคแหละครับ มันคงคิดไม่ถึงว่าคนอย่างชาร์ปจะมามีอะไรกับผู้ชายด้วยกัน แต่สิ่งที่ไอ้เหมาอาจจะช็อคยิ่งกว่าคือสถานะ ของเราสองคนที่ตกลงกันนี่แหละครับ

“หยุดเรื่องไอ้เหมาไว้ก่อน กลับมาเรื่องที่เราพนันกันดีกว่า ลืมไปแล้วเหรอว่าตกลงกันว่ายังไง”ผมเกือบลืมไปแล้วนะเนี่ย ที่ผมชนะพนันเค้า เราตกลงกันว่าถ้าใครชนะ มีสิทธิ์ ขออะไรก็ได้จากอีกฝ่าย

“อยากได้อะไรว่ามาเลยครับคุณปาร์ตี้”เค้าพลิกตัวลงมานอนข้างๆ จ้องมาที่ผมอย่างรอคำตอบ แต่ผมยังไม่ทันคิดเลยว่าจะขออะไรจากเค้าดี เลยตกลงว่าให้เค้าค้างผมหนึ่งอย่าง ไว้คิดออกแล้วผมจะบอกอีกที

“นึกว่าจะขอให้เราจัดหนักให้ซะอีก นี่กะจัดให้ถึงเช้าเลยนะเนี่ย”

“เช้าไม่กลัว กลัวชาร์ปไม่ไหวมากกว่า”ผมตอบออกไปอย่างท้าท้าย และแน่นอนว่าคืนนี้ของเราสองคนคงอีกยาวไกล






แวะมาต่อคร๊าบบบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2016 13:16:08 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
นักสืบโคเหมา เราชอบบบบบ เดาแม่นมาก
แต่กลับโดนคุณแว่นหลอกง่ายๆ
ตอนนี้หวานๆน่ารักๆเหมือนคนแต่งเตรียมให้เราตายใจเพื่อเสิร์ฟมาม่าไงไม่รู้ 5555 ระแวงหมดแล้วเนี่ยะ

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
เหมารู้คงช็อคจริงๆ

 :laugh:

ออฟไลน์ Freja

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-4
อ้างถึง
หยุดเรื่องไอ้การ์ดไว้ก่อน กลับมาเรื่องที่เราพนันกันดีกว่า

เหมาหรือเปล่าคะ?    เราว่าเดี๋ยวก็ต้องมีมาม่าแน่นอน   แต่จะมายังไงนั่นสิ    คุณเซลล์ หรือชาร์ปมีแฟนใหม่แต่ยังมานอนกับตี้หรือเปล่า?  หรือว่ากลับกันตี้มีแฟนแล้วก็ยังมาหาชาร์ป?     เราไม่ดื่มของมึนเมา  อ่านๆไปได้บรรยากาศคนดื่มเลยค่ะ

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
บางทีก็อยากให้เหมารู้ไวๆๆ ว่าสองคนนี้ได้กันแล้ว 5555+

ออฟไลน์ Yysll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 80
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
กรี๊ดดดดดดดด :katai4: รีบมาต่อนนะคะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 16
เตรียมงาน

“นี่ต้องมาคุมงานเองเลยเหรอครับคุณอรรถ”ทั้งที่จริงเค้าไม่ต้องมาดูหรอกครับ เพราะทุกอย่างเราตกลงกันเรียบร้อยหมดแล้ว อีกอย่างจากที่เห็นงานบางส่วนที่ส่งมาก่อนแล้ว ผมว่าทีมงานของเค้าเองก็ทำออกมาได้ตรงตามที่สั่งไป แทบไม่มีที่ติอยู่แล้ว และที่สำคัญสุดคือตำแหน่งเค้า ไม่ได้มีความจำเป็นต้องมาคอยดูงานนี่สิครับ

“ก็แค่อยากมาเจอ คนบางคน ที่ชวนไปไหนก็ไม่ยอมตกลงสักที”ผมอมยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดนั้น จริงๆ ผมกับเค้านอกจากติดต่อประสานกันเรื่องงานก็มีคุยกันนอกงานอยู่พอสมควรแหละครับ แต่ผมก็ยังเว้นระยะห่างกับเค้าไว้อยู่ ก็เหมือนเป็นเพื่อนอีกคน ที่คุยแล้วก็สบายใจดีครับ

“ไว้จบงานนี้ก่อน ค่อยไปดื่มด้วยกันนะครับ”ผมเริ่มมองว่าการมีเพื่อนเพิ่มมาอีกคนก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร แล้วผมก็ปฏิเสธการชวนของเค้ามาบ่อยแล้ว ทั้งการชวนไปกินข้าว ดูหนัง แม้กระทั่งชวนไปออกกำลังกาย แต่สิ่งที่น่าจะเป็นตัวผมมากที่สุด คงเป็นการไปนั่งดื่มนี่แหละครับ

“พูดจริงป่ะเนี่ย ไม่ใช่หลอกให้ผมดีใจ แล้วมาเบี้ยวผมทีหลังหรอกนะครับ”เค้าหันมามองหน้าผม หลังจากที่ตอนแรกเราต่างคุยโดยที่สายตาจับจ้องไปยังทีมงานที่จัดเตรียมอุปกรณ์อยู่

“ก็แค่ไปดื่มในฐานะเพื่อน ทำไมผมจะไม่ไปละครับ”ผมตอบออกไปอย่างที่คิด

“ฟังดูน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่เลวเลยทีเดียว”คุณเซลล์ตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยชวนว่าถ้าไม่รังเกียจ วันที่เสร็จงานของบริษัทผม เค้าจะพาทีมงานไปเลี้ยงฉลองอยู่แล้ว อยากจะชวนผมไปด้วย เพราะผมก็คุ้นเคยกับทีมงานของเค้าอยู่แล้ว ทีแรกผมก็ปฏิเสธเพราะรู้สึกว่ามันควรเป็นงานภายในของพวกเค้า ผมไปจะเป็นส่วนเกินเปล่าๆ แต่เค้ายืนยันว่าอยากให้ไปด้วยจริงๆ สุดท้ายผมเลยขอคิดดูก่อน ไว้ใกล้วันจริงๆ ให้คำตอบอีกที

“ว้า ไม่ทันไรก็ส่อแววจะเบี้ยวกันซะแล้ว”คำพูดที่เหมือนจะแซวเล่น แต่ผมกลับรู้สึกว่าโดนกดดันอยู่ในที สุดท้ายผมเลยยอมตกปากรับคำเค้าไปจนได้ ว่าในวันจัดเลี้ยงทีมงานของเค้า ผมจะไปร่วมสังสรรด้วยแน่นอน ผมคุยรายละเอียดงานกับเค้าอีกสักพัก แล้วจึงขอแยกกลับแผนกเพื่อไปจัดงานอื่นๆ ที่ค้างอยู่ เพราะช่วงนี้ผมต้องมาทุ่มให้กับกิจกรรมสัปดาห์สิ่งแวดล้อมนี่ เลยแทบทำอย่างอื่นไม่ทัน

ตอนนี้อะไรที่ไม่ด่วนมาก ผมก็คงต้องเลือกดองงานเอาไว้ก่อน ซึ่งก็ถือว่าโชคดีอยู่บ้างที่ช่วงนี้หัวหน้าผมไม่โยนงานอะไรเพิ่มเติมมาอีก เพราะการจัดสัปดาห์สิ่งแวดล้อมของบริษัทในปีนี้ ทางนายผมค่อนข้างจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากปีนี้เข้าปีที่ 5 แล้วที่บริษัทของเราได้รับการรับรองว่าผ่านมาตรฐานการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม แต่ก็ยังมีพนักงานบางกลุ่มที่ยังไม่ค่อยให้ความร่วมมือในเรื่องสิ่งแวดล้อมอยู่ ทางนายเลยอยากให้การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ช่วยกระตุ้นพนักงานให้ได้มากที่สุด

ผมก็ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ผมและตัวแทนจากทุกแผนกที่มาช่วยกันทำโปรเจกต์ในครั้งนี้สะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แหละครับ แต่ได้ทีมออแกไนซ์จากทางคุณอรรถนี่ก็ถือว่าช่วยได้เยอะเลยทีเดียวครับ หลายๆ อย่างเลยดูง่ายขึ้น ถ้าจัดเองทั้งหมดมีหวังเหนื่อยแน่ๆ ครับ แถมไม่รู้งานจะออกมายังไง

“สวัสดีครับ ตี้ครับ”ผมกรอกเสียงไปในโทรศัพท์ตั้งโต๊ะของผม ที่พอผมพูดจบ อีกฝั่งก็ส่งเสียงมาอย่างตกอกตกใจ ซึ่งดูท่าจะตกใจมาก จนพูดไม่รู้เรื่อง ผมต้องบอกให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด

“ทีมงานออแกไนซ์ของพี่ ตกบันไดอ่ะพี่”เท่านั้นแหละครับ ผมรีบวางโทรศัพท์แล้วรีบพุ่งไปสถานที่จัดกิจกรรม ทันที พอถึงจุดเกิดเหตุ สิ่งที่ผมเห็นยิ่งทำให้แปลกใจกว่าเดิม เพราะคนที่พี่พยาบาลดูอาการอยู่ คือคุณเซลล์นั่นเอง ผมมองสถานที่เกิดเหตุ มีบันไดที่ใช้พาดสำหรับปีนขึ้นที่สูง วางอยู่ข้างๆ บันไดนี่น่าจะใช้ปีนขึ้นไปติดอุปกรณ์สักอย่าง แล้วคุณเซลล์ขึ้นไปทำไม กันละนั่น

“เป็นไงบ้างครับพี่”ผมเอ่ยถามพี่พยาบาล คือในบริษัทของพวกเราจะมีห้องปฐมพยาบาลอยู่ เผื่อพนักงานเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถมาเบิกยาหรือนอนพักได้ รวมถึงมีพยาบาล อยู่ประจำอีกด้วย เพื่อช่วยในการปฐมพยาบาลอะไรที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทาง

“น่าจะข้อเท้าเพลง แต่ยังไงก็คงต้องไปเช็คที่โรงพยาบาลนะคะ เผื่อมีกระดูกร้าวหรือจุดอื่นได้รับบาดเจ็บอีก”หลังจบคำพูดของพี่พยาบาล รถที่จะพาเค้าไปโรงพยาบาล ก็วิ่งเข้ามาจอดรออยู่ไม่ห่าง ที่แรกคุณเซลล์จะไม่ยอมไป บอกไม่เป็นอะไรมาก แต่เจอพี่พยาบาลดุไปชุดใหญ่เลยต้องยอมไป ผมรับหน้าที่เป็นตัวแทนของบริษัทตามไปที่โรงพยาบาลด้วย เพราะผมเป็นคนดูแลรับผิดชอบโปรเจกต์นี้อยู่

ผมโทรรายงานหัวหน้าระหว่างที่รอคุณเซลล์เข้าไปเอกซเรย์และพบคุณหมอ เหตุที่ต้องบอกหัวหน้าไว้ก่อนเพราะอีกเดี๋ยวนายคงโทรหาหัวหน้า เวลามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแบบนี้ คนที่รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้โดยตรงก็ต้องแจ้งทางเจ้านายให้ทราบเบื้องต้น แต่ต้นสังกัดที่ดูแลคนที่ได้รับบาดเจ็บก็ต้องได้รับการสอบถามจากนายอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น และจะมีผลกระทบอะไรไหม ยิ่งนี่มาเกิดกับโปรเจกต์นี้ ที่ใกล้จะถึงวันงาน กลับไปผมคงโดนสอบสวน แน่ๆ อยู่แล้ว แต่การสอบสวนก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างชื่อหรอกนะครับ ก็แค่ดูว่าเกิดอะไรขึ้น สาเหตุเกิดจากอะไร เพื่อแค่จะเอามาป้องกันเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นซ้ำอีกแค่นั้นแหละครับ

“เป็นไงบ้างครับคุณอรรถ”คนถูกจับนั่งรถเข็นยังคงยิ้มแป้น ชูสองนิ้วว่าไม่เป็นอะไร แต่ก็ถือว่าโชคดีที่เค้าไม่เป็นอะไรมากสรุปก็แค่ข้อเท้าแพลง แค่มีผ้ายืดอีลาสติกพันที่ข้อเท้าข้างนึง แล้วก็ได้ยาอีก 2-3 อย่าง ผมถามเค้าด้วยน้ำเสียงดุๆ เล็กน้อยว่าไปปีนบันไดทำไม ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ของเค้าเลยที่ต้องไปทำอะไรเอง แต่เค้ากลับตอบหน้าตาเฉยว่าอยู่ว่างๆ เลยอยากช่วยทีมงาน นี่ถ้าเป็นเด็กคงต้องบอกว่าซนไม่เข้าเรื่อง แต่โตแล้วนี่ไม่รู้จะว่ายังไงดี

“ดีใจนะเนี่ย ที่คุณตี้ห่วงผม”แต่ดูท่าคงไม่เป็นอะไรมากจริงๆ นั่นแหละครับ ดูสีหน้าแววตา ไม่ได้ดูเหมือนคนเจ็บอะไรเลย ไอ้เรารึก็เป็นห่วงว่าจะเป็นอะไรมากเสียอีก

“ห่วงสิครับ คุณอรรถเป็นอะไรมา โปรเจกต์ผมล่มพอดี”ด้วยความหมั่นไส้ ผมเลยแกล้งบอกออกไปอย่างไม่ได้จริงจังนัก ก่อนจะเข้าไปขอเป็นคนเข็นเค้า เพื่อไปรอขึ้นรถกลับ

“ไอ้เราก็นึกว่าห่วงเรา ที่ไหนได้ห่วงงานซะงั้น ไม่น่าสำคัญตัวเองผิดเลยไอ้อรรถเอ้ย”แหมทำเป็นตัดพ้อกับตัวเองก็ได้ครับผมเรา เห็นท่าทางของเค้าแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้

“ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้วครับ”ผมบอกก่อนจะพาเค้าขึ้นรถ ที่มาจอดรอ ตอนแรกเค้าจะกลับไปเอารถที่บริษัทผม แต่จากสภาพแล้วเค้าคงไม่สามารถจะขับรถได้  ผมเลยให้พี่คนขับรถที่พาเรามาไปส่งเค้าที่บ้าน ส่วนรถเค้าก็ค่อยให้ทีมงานเค้าเอามาให้อีกที ดีที่เป็นช่วงเวลาที่รถไม่เยอะมากนักทำให้ไม่นานก็ถึงบ้านของเค้า

“นี่อยู่คนเดียวแบบนี้ เกิดมีอะไรฉุกเฉินขึ้นมานี่ทำยังไงครับ”หลังจากช่วยประคองเค้าเข้ามาในบ้าน ทำให้เห็นว่าจากสภาพบ้าน เหมือนเค้าจะอยู่คนเดียว แล้วเวลาเจ็บป่วยแบบนี้จะทำยังไง แต่ผมเองก็ลืมไปนะครับว่าตัวผมเองก็อยู่ตัวคนเดียวเหมือนกัน

“ที่ถามนี่อยากจะมาอยู่เป็นเพื่อนผมรึเปล่าครับ”ไม่น่าถามเลยจริงๆ ครับ ลืมไปว่าคุณเซลล์นี่ก็หาช่องหยอดผมตลอดอยู่แล้ว แต่จริงๆ อาการเค้าก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หรอกนะครับ แค่ข้อเท้าแพลงข้างเดียว ไม่ได้เป็นปัญหามากมายอะไร เมื่อเห็นว่าเค้าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วก็ได้แต่บอกให้เค้าพักผ่อน ส่วนผมก็ขอตัวกลับไปจัดการปัญหาต่างๆ ที่บริษัทต่อ


ทันทีที่ถึงบริษัทก็มีการนัดหมายว่าช่วงเย็นของวันนี้จะมีการสอบสวนอุบัติเหตุ เกิดขึ้น ซึ่งก็อย่างที่บอกแหละครับ มันก็ไม่ได้มีอะไรน่ากังวลมาก แต่หัวหน้าผมดูกังวลมากทีเดียว เพราะนายโทรมาหาเค้าจริงๆ กว่าหัวหน้าผมจะใจเย็นลงได้ผมต้องทั้งอธิบาย ทั้งพาแกไปดูสถานที่ที่เตรียมการไว้หมดแล้ว แกถึงคลายกังวลในสิ่งที่นายถามเรื่องที่อุบัติเหตุครั้งนี้จะกระทบอะไรกับโปรเจกต์สัปดาห์สิ่งแวดล้อมรึเปล่า

“เย็นนี้มาหาได้ไหม”ข้อความแจ้งเตือนจากคุณแว่นส่งเข้ามาผมเลยขอแยกตัวจากหัวหน้าโดยบอกกับแกว่าจะไปสูบบุหรี่ ผมก้มลงอ่านข้อความอีกครั้ง แม้จะรู้สึกว่าผมอยากเจอกับเค้าเหมือนกัน แต่ด้วยงานที่ยังค้างหลายอย่างเหลือเกิน แถมวันนี้คงเลิกค่ำแน่ๆ คงเหนื่อยเกินไปที่ผมจะเจอเค้า เลยปฏิเสธไปว่าผมเหนื่อยกับงานมากจริงๆ ช่วงนี้คงไม่ได้เจอสักพัก

“ไปหาที่บ้านได้ไหม”เมื่อผมปฏิเสธการไปหาเค้า ข้อความใหม่ที่เค้าจะเป็นฝ่ายมาหาผม ก็ถูกส่งตามมา แต่ผมก็ยังคงปฏิเสธอีกครั้ง ขอให้ผมผ่านโปรเจกต์นี้ไปก่อน ค่อยเจอกัน เค้าไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีก โทรศัพท์ผมจึงกลับไปอยู่ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม ก่อนผมจะเร่งฝีเท้าตรงไปยังที่สูบบุหรี่ จริงๆ ก็ไม่บ่อยนักที่ผมจะสูบบุหรี่ เพราะผมไม่ได้รู้สึกติด เพียงแต่บางครั้ง เหนื่อยๆ เครียดๆ ผมก็มีสูบบ้างนิดหน่อย แต่นั่นก็ทำให้ผมพกบุหรี่ติดตัวไว้

“ไงมึง ได้ข่าวแฟนขาหัก นี่เครียดถึงกับต้องมานั่งพ่นควันอยู่นี่เลยเหรอวะ”ไม่ต้องสืบครับว่านี่เป็นคำพูดของใคร ไอ้เหมาเจ้าประจำนั่นเอง แล้วนี่มันไปเอาข่าวมาจากไหนว่าขาหัก ลำบากผมต้องอธิบายอีกว่าคุณเซลล์ก็แค่ขาแพลง ไม่ได้หักอย่างที่มันเข้าใจ

“มีไปส่งกันมาถึงบ้านด้วย อุ้ย อุ้ย”พอฟังผมเล่ารายละเอียดจบก็ตามประสามันแหละครับ พร้อมกวนตีน แต่ผมเหนื่อยจะสู้รบปรบมือกับมัน ผมพ่นควันใส่หน้ามัน ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้น โดยไม่สนใจเสียงบ่นตามหลังของมัน

ผมอยู่เคลียร์งานจนเย็น รวมถึงเข้าประชุมสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น แถมอยู่ดูแลทีมอออแกไนซ์ จนเรียกว่าดึกเลยทีเดียว เพราะนาฬิกาข้อมือผมตอนนี้บอกเวลา สี่ทุ่มกว่าแล้ว ผมรีบเก็บข้าวของ บึ่งรถกลับบ้านเพราะอยากจะพักผ่อน ให้เร็วที่สุด พรุ่งนี้ยังต้องมาลุยงานต่ออีก

“มาได้ไงนิ บอกแล้วไงว่าช่วงนี้เราไม่ว่าง แล้วนี่ทำไมไม่เข้าบ้าน”พอถึงบ้านผมก็ต้องแปลกใจที่เจอคุณแว่นมายืนสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้านผม และดูจากก้นบุหรี่ที่อยู่บนพื้น นี่เค้าน่าจะอยู่ตรงนี้นานแล้ว พอถามก็ได้ความว่าไม่นึกว่าผมจะเลิกดึกขนาดนี้ แถมลืมเอากุญแจบ้านที่ผมเคยให้ไว้มา มือถือก็แบตหมดอีก อะไรมันจะซวยขนาดนั้น เค้าเลยต้องยืนรอผมหน้าบ้านอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ

“เหนื่อยมากเหรอ”เค้าเอื้อมมือมาบีบที่ต้นคอผม ซึ่งตอนนี้นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดนอนเรียบร้อย จริงๆ ผมก็ไม่เชิงว่าเหนื่อยอะไรมากหรอกครับ แต่มันแค่รู้สึกล้า นิดหน่อย อาจจะเพราะวันนี้วิ่งวุ่นไปนู่นมานี่ทั้งวัน พอมีคนมาบีบนวดให้แบบนี้มันก็สบายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน สบายจนผมรู้สึก เคลิ้ม จนในที่สุดแม้จะอยากพูดคุยกับเค้าต่อผมก็ทำไม่ได้ เพราะรู้สึกหนังตามันหนักอึ้ง เข้าไปทุกที แล้วผมก็ต้านทานความง่วงไม่ไหว




ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคร๊าบ

ส่วนจะมีดราม่าไหม จะแบบไหน

ต้องรอดูนะครับ

 o13

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
คู่เซ็กเฟรนด์นี่เหมือนคู่แฟนกันเข้าไปทุกที  ผ่อนคลายโดยไม่ต้องอาศัย... แต่ที่คุณแว่นมาหาตี้เนี่ยะเพราะเหมาโคนันโทรไปรายงานสุ่มไฟอ้ะเปล่า

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ติดตามคะเมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันจริงๆๆ :mew2:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
คุณแว่นก็แอบน่ารักอยู่นะ แต่แล้วไงล่ะ พอถึงเวลาอยากมีลูกมีเมียก็จะทิ้งไปเหรอ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ดูแล้วคุณแว่นคงชอบตี้มานานแล้วแน่ๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ขำคุณเหมา ฮาก๊าก
“ไอ้เหมามันไม่ฉลาดขนาดนั้นหรอกมั้ง”โหน้อยไปสิครับ ผมบอกกับเค้าว่าไม่ลองมาเจอไอ้เหมามันแทบทุกวันอย่างผม
แล้วจะรู้สึก ว่าเรื่องแบบนี้มันฉลาดนักแล ยิ่งเดี๋ยวนี้มีน้องปลาเป็นผู้ช่วย งานการมันก็โยนให้น้องปลาเสียส่วนใหญ่
แล้วมันก็เอาเวลามายุ่งเรื่องชาวบ้าน(เรื่องตี้คนเดียวนั่นแหละ)ได้มากยิ่งขึ้น
อ่านถึงตรงนี้ขำเลย :katai2-1:
นี่ถ้าเหมาไม่มีแฟน ต้องคิดว่าเหมาแอบชอบตี้แบบไม่รู้ตัวแน่เลย :katai1:
ชาร์ป ตี้ เข้ากันได้ดี ชาร์ปดูจะติดตี้มากขึ้น
ชอบบบบ รออออ  ไร้ท เขียนได้สนุกมากกกก   :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2016 12:48:27 โดย ทฟเืนสรฟ »

ออฟไลน์ Papangtha

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
จะดราม่ามั้ยอะ

ออฟไลน์ cheyp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1536
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-0
ดูอยากเจอหน้าบ่อยเกิน sex friend นะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 17
จัดงาน

“อีกห้านาที ประธานพร้อมลงไปเปิดงานนะครับ”ผมแจ้งในวิทยุสื่อสารให้ทีมงานได้รับทราบ วันนี้ถึงวันงานสัปดาห์สิ่งแวดล้อมที่ผมรับผิดชอบแล้ว โดยงานจริงๆ จะจัดทั้งหมด 3 วันด้วยกัน นิทรรศการเกี่ยวกับการรณรงค์หรืออีกหลายอย่างที่สามารถ ให้พนักงานเรียนรู้ได้เองจะถูกตั้งแสดงไว้ตลอด 3 วัน แต่กิจกรรมต่างๆ ในสองวันแรกจะจัดช่วง 11 นาฬิกาถึง บ่ายโมง เพื่อไม่ให้กระทบกับงานมาก แต่ในวันสุดท้าย กิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่ 11 โมงไปจนตลอดบ่าย

ในฐานะคนดูแลโปรเจกต์นี้ผมเลยต้องวิ่งวุ่นแทบทุกอย่าง อะไรขาดเหลือตรงไหน แม้จะมีทีมออแกไนเซอร์ช่วยแต่ผมก็ยังต้องมาร่วมจัดการด้วย เรียกได้ว่าจากนี้ไปจนครบ 3 วัน ผมแทบจะตัวติดกับคุณอรรถกันเลยทีเดียว ตอนนี้ผมอยู่หลังเวที เพื่อคอยดูแลความเรียบร้อย ส่วนคนเชิญนายมากล่าวเปิดงาน จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหัวหน้าผมเองแหละครับ

นายกล่าวเปิดงานอย่างอารมณ์ดี เพราะภาพรวมของงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ หัวหน้าผมนี่ยิ้มหน้าบานเลยครับ แต่หลังจากนายกล่าวเปิดงานแล้ว ผมก็ต้องรีบเดินตามไปประกบหัวหน้า เพราะเป็นช่วงที่ทางเจ้านายจะเดินไปชมบูทต่างๆ ถึงผมจะอธิบายรายละเอียดให้หัวหน้าฟังหมดทุกอย่างแล้ว แต่ผมก็ต้องคอยประกบ เพื่อเสริมในส่วนที่หัวหน้าผมตกหล่นไป

หลังพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ พนักงานก็เริ่มเข้าไปร่วมเล่นเกมกับบูทต่างๆ ที่มีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ แจก ส่วนเวทีกลางที่เราจัดไว้ก็มีทั้งเกม และไว้สำหรับการประกาศรางวัลต่างๆ ที่เราได้ให้พนักงานร่วมกิจกรรมไว้ล่วงหน้าแล้ว ทั้งการวาดรูปเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม การแต่งคำขวัญส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้วันสุดท้าย ก็จะมีการประกวดชุดรีไซเคิล ที่แต่ละแผนก ถูกบังคับให้ส่งเข้าประกวด

แต่ที่น่าจะได้รับเสียงตอบรับจากพนักงานมากที่สุดคงไม่พ้นการแข่งร้องเพลง ที่ทุกแผนกต่างให้ความสนใจส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก แม้การร้องเพลงจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิ่งแวดล้อมสักเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายให้พนักงานด้วยอีกทาง และแต่ละแผนกก็จะครึกครื้นในการมาเชียร์คนในแผนกของตัวเองด้วย

“เหนื่อยไหมครับ”โค้กกระป๋องถูกส่งมาให้ผมพร้อมคำถามจากคนให้ คุณอรรถหรือคุณเซลล์ ที่เค้าเองก็น่าจะวุ่นไม่แพ้ผมเช่นกันแหละครับ วันนี้แม้จะผ่านไปได้ด้วยดี แต่ก็ยังมีติดขัดอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ อย่างน้ำอัดลมที่นำมาแจกในงานวันนี้ก็เกือบจะมาไม่ทัน เพราะคนส่งหาบริษัทผมไม่เจอ เล่นเอาใจหายใจคว่ำเหมือนกัน เพราะงานเราก็จัดนอกตัวอาคาร แม้จะมีร่มอยู่บ้าง แต่อากาศก็ร้อนใช่ย่อย

“น้องๆ ทีมงานของคุณอรรถน่าจะเหนื่อยกว่าผมมาก ยังไงฝากขอบคุณทีมงานด้วยนะครับ ยังไงก็สู้ด้วยกันอีก 2 วัน”ผมเหลือบมองข้อเท้าของเค้าที่ยังมีผ้าพันอยู่ ไม่รู้ยังเจ็บอยู่บ้างรึเปล่า เพราะตอนถาม เจ้าตัวก็บอกไม่เจ็บแล้ว แต่ถ้าไม่เจ็บแล้วจะยังพันผ้ามาอีกทำไมจริงไหมครับ

“ตี้ เดี๋ยวมาคุยรายละเอียดงานของพรุ่งนี้กับพี่หน่อย”ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามอะไรเค้าต่อ หัวหน้าผมก็มาเรียก ผมถอนหายใจยาวๆ อีกครั้งก่อนจะไปคุยกับหัวหน้า เพราะรายละเอียดทุกอย่างผมบอกกับแกไปหลายรอบแล้ว เอาเถอะอีกสักรอบจะเป็นไรไป



งานในวันแรกกับวันที่สองผ่านไปอย่างราบรื่นดี จนวันนี้วันสุดท้ายของกิจกรรมแล้ว ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ทั้งการประกาศผล แจกรางวัลต่างๆ รวมถึงแฟชั่นโชว์ชุดรีไซเคิลจากแผนกต่างๆ อีกด้วย ผมตรวจเช็คของรางวัลต่างๆ อีกครั้งว่ามีการจัดเตรียมมาไว้ครบถ้วนแล้ว

“พี่อรรถ ครับพี่อรรถ”หนึ่งในทีมงานของทางออแกไนซ์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาคุณอรรถ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากผมนัก ด้วยลักษณะอาการของน้องที่วิ่งหน้าตื่นมาขนาดนี้ ทำเอาผมรู้สึกกังวลไม่น้อย เพราะดูเป็นสัญญาณของปัญหาบางอย่างแน่นอน

“น้อง MC รถเกิดอุบัติเหตุ”สิ่งที่ผมได้ยิน ทำเอาใจหายแวปเลยครับ ผมรีบเดินเข้าไปหาทีมออแกไนซ์เพื่อถามรายละเอียด โชคดีที่น้องผู้ชายที่จะมาเป็นพิธีกรที่ได้รับอุบัติเหตุ ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็คงไม่สามารถมารับหน้าที่ในวันนี้ได้แน่ๆ ทางทีมงานเลยต้องตัดสินใจว่าจะปล่อยน้องผู้หญิงอีกคนรับหน้าที่เดี่ยวๆ เลยดีไหม ซึ่งสำหรับผมก็ค่อนข้างจะเห็นด้วยกับการแก้ปัญหาแบบนี้ เพราะหากหาคนมาแทนตอนนี้อาจจะอธิบายรูปแบบงานไม่ทัน หรืออาจจะดำเนินไปไม่เข้าขากันอีก

“หรือถ้าผมรับหน้าที่ MC ฝั่งผู้ชายแทนทางคุณตี้จะขัดข้องไหมครับ”คุณอรรถเสนออีกหนึ่งทางเลือกให้ผม พร้อมให้เหตุผลว่ากลัวน้องผู้หญิงจะรับมือคำแซวของบรรดาพนักงานผู้ชายไม่ไหว เพราะ 2 วันที่ผ่านมาถ้าไม่มีพิธีกรฝ่ายชายเบรคไว้นี่น้องผู้หญิงก็คงรับมือหนักแน่ๆ แม้จากการประเมินแล้วผมว่าน้องพิธีกรหญิงก็รับมือไหวแหละครับ แต่หากมีกัน 2 คนอาจจะลื่นไหลกว่า

“จริงๆ ผมให้สิทธิ์ทางคุณอรรถตัดสินใจเลยดีกว่าครับ จากงานที่ผ่านมาทั้ง 2 วัน ผมว่าผมเชื่อมือของทางทีมคุณครับ”จริงๆ แล้วปัญหานี้มันก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากอยู่แล้ว ผมเลยไม่ได้ซีเรียสมาก แม้ในข้อตกลงตอนแรกจะระบุว่าต้องมีพิธีกร 2 คนทั้ง 3 วัน แต่นี่มันเป็นเหตุสุดวิสัย ผมคงไม่โหดขนาดคิดค่าปรับเค้าหรอกนะครับ

งานเริ่มไปโดยมีคุณอรรถเป็นพิธีกรร่วมด้วย ซึ่งเค้าดูคล่องแคล่ว พอๆ กับน้องอีกคนที่จัดในวันก่อนๆ เลยทีเดียว ผมแอบได้ยินกลุ่มพนักงานสาวๆ บางคนชมเค้าทั้งเรื่องความคล่องแคล่วในการรับหน้าที่พิธีกร แถมด้วยการชื่นชมหน้าตาของเค้าด้วย ถึงขั้นจะเตรียมขอเบอร์ ขอไลน์กันเลยทีเดียว ผมฟังแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะจริงๆ คุณอรรถก็มาทุกวัน แต่อาจจะด้วยข้อเท้ายังไม่หายดีเท่าไหร่ และคอยดูแลเบื้องหลังด้วย เลยไม่ค่อยมีคนสังเกตเห็น

พอนึกขึ้นได้ว่าจริงๆ เค้ายังไม่หายดีเรื่องข้อเท้าแพลง แล้วไปยืนบนเวทีนานๆ แบบนี้จะเป็นอะไรมากกว่าเดิมรึเปล่าเนี่ย นั่นไงผมว่าผมสังเกตเห็นนะว่าเค้าน่าจะเริ่มเจ็บบ้างแล้ว เพราะดูเค้าเดินน้อยลง และยืนทิ้งน้ำหนักตัวไปที่เท้าอีกข้างมากกว่า

“ไหวไหมครับเนี่ย”ผมรีบเข้ามาถามไถ่ในช่วงที่พักกิจกรรมของเวที พร้อมชี้ที่ข้อเท้าให้เค้าเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร ผมบอกเค้าไปว่าถ้าไม่ไหวก็ให้น้องผู้หญิงอีกคนทำหน้าที่คนเดียวไปเลยก็ได้ เพราะเกิดเป็นอะไรขึ้นมามันจะไม่คุ้มเอา

“แค่รู้ว่าคุณห่วงผม ให้ยืนอีกจนค่ำก็ไหวครับ”เค้ายิ้มแป้น ตอบผมกลับมาก่อนจะเดินขึ้นไปเตรียมตัวที่เวทีอีกครั้ง ผมเดินเลี่ยงออกจากจุดที่จัดงาน เพื่อไปห้องพยาบาล เพื่อหาอะไรสักอย่างที่น่าจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บข้อเท้าของคุณอรรถได้

ดีที่งานวันนี้นอกจากเรื่องพิธีกร แล้ววันนี้ก็ถือว่าทุกอย่างราบรื่นดี นี่ก็ใกล้จะจบงานแล้วด้วย เรียกว่าหน้าที่ผมแทบจะสิ้นสุดแล้วก็ว่าได้ ผมเดินมาขอคำแนะนำจากพี่พยาบาลซึ่งให้คำแนะนำผมว่าจริงๆ ข้อเท้าแพลผ่านมา 2-3 วันแล้วควรใช้วิธีประคบร้อน พร้อมให้ถุงน้ำร้อนผมมาด้วย แต่ถ้าข้อเท้ามีอาการบวม ให้ประคบเย็นแทนเพื่อลดอาการเจ็บกับบวม

ผมกลับมาที่บริเวณจัดงานอีกครั้ง ทุกๆ มารวมตัวที่บริเวณหน้าเวทีเพราะเป็นช่วงมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ สุดท้ายก็เป็นการกล่าวปิดงาน จากทางนาย พร้อมให้ข้อคิดว่าทำไมถึงจัดงานนี้ขึ้นมา รวมถึงความคาดหวังที่อยากจะได้รับจากพนักงานทุกคน เป็นอันว่าจบงานนี้ไปได้อย่างสวยงาม ดูนายก็ชอบการจัดงานครั้งนี้ พนักงานทุกคนก็ดูให้การตอบรับที่ดี เห็นแบบนี้คนทำงานก็หายเหนื่อยครับ


“ขอดูข้อเท้าหน่อยสิคุณ”ผมเดินเข้าหาคนที่นั่งพักอยู่หลังเวที เค้ารีบปฏิเสธว่าไม่เป็นไร แต่ด้วยความไม่เชื่อเลยบังคับให้เค้าถอดรองเท้าข้างที่ ข้อเท้าเจ็บออก ชัดเจนครับ แม้จะไม่ได้ดูเป็นอะไรมาก แต่มันก็ดูบวมแดงนิดหน่อย ดีที่ผมหยิบมาทั้งถุงน้ำร้อน และผ้าเย็น พอเห็นว่าข้อเท้าเค้าบวมแดงแบบนี้ เลยแกะผ้าเย็น พร้อมนั่งลง เพื่อพันไว้ที่ข้อเท้าเค้า

“คุณตี้ไม่น่าต้องลำบากเลย ผมไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”ตอนแรกก็นึกว่าเกรงใจผมนะครับที่ได้ยินแบบนั้น แต่พอเงยหน้ามาเจอสายตาวิบวับ แพรวพราวของเค้าเนี่ย ชักจะรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมานะครับเนี่ย ถ้าไม่เห็นว่าวันนี้ทำงานออกมาดี จนนายผมชอบเนี่ย จะแอบบีบข้อเท้าให้เจ็บซะเลยเนี่ย

“ถ้าจะดูแลดีขนาดนี้ ขอเก็บกลับไปให้ช่วยดูแลที่ด้วยจะได้ไหมครับ”ดูท่าคงไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ นั่นแหละครับ ไอ้เราก็อุตส่าเป็นห่วง เห็นทุ่มเทกับงานขนาดนี้

“แหมพูดยังกะผมเป็นลูกแมวจรจัดจะได้เก็บกลับบ้านได้เลย”ผมแกล้งตอบกลับไป ขำๆ เราทั้งสองต่างหัวเราะให้กัน ผมรู้สึกโล่งอก ที่งานนี้ผ่านไปได้ด้วยดี เย็นนี้ผมจะนอนให้อืดกันไปข้างเลย แม้นี่จะเป็นคืนวันศุกร์ แต่ผมคงไม่มีเรี่ยวแรงไปปาร์ตี้ที่ไหนต่อ เมื่อบ่ายก็เพิ่งจะปฏิเสธไอ้เหมาไป เพราะรู้สึกล้าเต็มที ส่วนปาร์ตี้กับทีมออแกไนซ์นี่ ถ้ายังจัดวันนี้ตามเดิม ผมก็คงปฏิเสธเป็นแน่ แต่จากที่วันนี้มีน้อง MC เกิดอุบัติเหตุ ทุกคนเลยว่าจะไปเยี่ยม ส่วนเรื่องปาร์ตี้ ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้

“พรุ่งนี้คุณตี้ไม่เบี้ยวจริงๆ ใช่ไหมครับ”นี่ก็กลัวผมไม่ไปเหลือเกินครับ ผมต้องยืนยันอีกครั้งว่าไปแน่นอนครับ จะได้ไม่เสียน้ำใจ ร่วมงานกันมาแม้จะแค่เป็นโปรเจกต์ไม่ได้ยาวมาก แต่ผมก็ประทับใจในความเป็นมืออาชีพของทีมนี้ไม่น้อยครับ ผมคุยกับคุณอรรถอีกเล็กน้อยก่อนจะแยกตัวออกมา เพราะนี่ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว กะว่าจะรีบกลับบ้านนอนให้เต็มอิ่มครับ


ทันทีที่ถึงบ้าน ความง่วง และเพลียจากที่พักผ่อนน้อย มาหลายวัน ทำให้ผมต้องรีบอาบน้ำเพราะกลัวจะเผลอหลับไปก่อนที่จะได้อาบ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนใส่ชุดนอนเสร็จ ผมหยิบโทรศัพท์ตั้งใจจะปิดเสียง ปิดแจ้งเตือนทุกอย่าง เพื่อป้องกันการรบกวนการนอนของผม แต่มีสายไม่ได้รับ เป็นเบอร์ที่แม้ไม่ได้เมมชื่อไว้ แต่ผมก็คุ้นเคย เป็นอย่างดี ผมกดเข้าไปดูในไลน์ ก็เห็นว่าเค้าคงทักผมมาก่อนแล้วแต่ผมไม่ได้ตอบ นั่นเลยทำให้เค้าโทรมา จากครั้งก่อนที่เค้ามารอผมหน้าบ้าน ทำให้เราต้องทำข้อตกลงกันเพิ่มว่าห้ามไปบ้านอีกฝ่าย หากยังไม่ได้รับการยืนยันจากอีกฝ่าย ว่าอนุญาต แม้ว่าผมจะรู้สึกอยากเจอเค้าเช่นกัน แต่ว่าผมง่วงเหลือเกิน กำลังจะพิมพ์ข้อความบอกเค้าว่าเจอกันวันอื่น แต่เค้าโทรกลับเข้ามาเสียก่อน

“ไว้เจอกันวันอื่นนะ ตอนนี้กำลังจะนอนแล้ว”

“อ้าวไหนว่าเสร็จงานวันนี้จะเจอกันได้ไง”น้ำเสียงที่ผมได้ยินเหมือนจะมีความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย จริงอยู่ว่าผมเป็นคนบอกเองว่าหลังเสร็จโปรเจกต์นี้จะไปเจอเค้า เพราะหลายวันมานี้เราสองคนก็ไม่ได้เจอกันเลย แต่เท่าที่จำได้ผมบอกแค่ว่าหลังเสร็จงาน ไม่ได้บอกว่าคือวันนี้นี่นา ตกลงผมหรือเค้ากันแน่ที่เข้าใจผิดไป

“วันหลังละกันนะ วันนี้เหนื่อยมากจริงๆ”ผมยังคงบอกอย่างใจเย็น แม้จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจก็ตามที ซึ่งก็ไม่รู้เค้าจะไม่พอใจอะไรทำไม ในเมื่อเราก็ไม่ได้นัดอะไรกันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้น เค้าถามต่อว่าวันพรุ่งนี้ผมสะดวกที่จะเจอเค้าไหม แต่ผมก็ตอบออกไปตามตรงว่ามีนัดกับทีมออแกไนซ์ของคุณอรรถ ซึ่งน้ำเสียงของเค้าที่ตอบกลับมาดูจะยิ่งเพิ่มความไม่พอใจมากขึ้นกว่าเดิม

“เราไม่ใช่แฟนกันนะชาร์ปที่จะต้องมาเถียงอะไรกันแบบนี้ แล้วก็ใช่ว่าเราจำเป็นจะต้องเจอกันทุกวัน”ด้วยความที่รู้สึกง่วงมากจนเริ่มหงุดหงิดทำให้ผมพูดออกไปแบบนั้น ก่อนจะวางสาย แล้วล้มตัวลงนอน

แวะมาต่อครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเช่นเคยครับ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ชาร์ป  หุหุ  เศร้าเลย  อดเจอเลย  อิอิ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ตี้ก็พูดซะตรงเชียว สงสารชาร์ปง่ะ คึคึ

ออฟไลน์ Lyralyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อยากเจอเค้าตอนไหนก็ได้นี่ต้องชัดเจนนะพี่ชาร์ป  :mew3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
บทที่ 18
สังสรรค์


“พี่ตี้เลือกเพลงเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ”เสียงน้องๆ ในทีมของคุณอรรถ ที่เร่งให้ผมกดเลือกเพลงเพื่อร้องคาราโอเกะ วันนี้เป็นวันนัดกับทีมออแกไนซ์ครับ เค้าพากันมาที่ร้านเหล้าร้านนึง เป็นร้านใหญ่พอสมควร แถมร้านถูกแบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกันประกอบไปด้วยโซนสำหรับนั่งสบายๆ มีเปิดเพลงเบาๆ สลับกับดนตรีสด เน้นเพลงสไตล์ Easy Listening อีกโซนเป็นผับไว้เอาใจขาแดนซ์โดยเฉพาะ และสุดท้ายก็ที่พวกผมอยู่ตอนนี้ เป็นห้องคาราโอเกะ

ทางทีมงานออแกไนซ์เลือกห้องที่จุได้เกือบ 20 คน แต่ที่มาจริงๆ แค่ 10 คนนิดๆ เองครับ อาหารเครื่องดื่มถูกสั่งมาจนเกือบจะเต็มโต๊ะ ดูทุกคนสนุกสนานกันสุดๆ แต่ก็ยังถามไถ่ผมเป็นระยะ คงเพราะกลัวผมเกร็งที่เป็นคนนอกคนเดียวที่มาร่วมปาร์ตี้กับพวกเค้าในครั้งนี้ แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้รู้สึกเกร็งอะไรนะครับ เพราะก็คุ้นหน้าคุ้นตากับทุกคนจากการร่วมงานกันมาหมดแล้ว

“แต่เราก็...หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่รอเธอมา”เสียงร้องเพลงจากน้องๆ ชายหญิงคู่นึง ที่ร้องไปพร้อมกับเดินมาทำไม้ทำมือที่ผมกับคุณอรรถ ตามมาด้วยเสียงโห่แซวจากคนอื่นๆ ที่เหลือ แต่ทั้งผมและคุณอรรถก็ทำเพียงยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะเขิน หรืออาจทำตัวไม่ถูก แต่ตั้งแต่รู้จักเหมา ผมว่าผมคงหน้าด้านหน้าทนขึ้นเยอะครับ เรื่องแซวแค่นี้จิ๊บๆ ครับ

“เธอเป็นมากกว่ารัก เพราะเธอนั้นคือครึ่งชีวิต ฉันใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อตามหาและรอคอยเธอมาแสนนาน”เมื่อเพลงแรกไม่ได้ผล เพลงที่สองก็ตามมาครับ แต่ดูจะยังทำอะไรผมไม่ได้เท่าไหร่ น้องๆ เค้าเลยจัดเมดเลย์งานแต่งชุดใหญ่มาให้ผมเลยครับ ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ ดื่มเบียร์ไป หัวเราะไป หรือร้องด้วยบางท่อนที่เค้าส่งไมค์มาให้แหละครับ

“นี่คุณอรรถจ้างน้องๆ มากันคนละเท่าไหร่ครับ จัดเต็มกันเหลือเกิน”ผมเอ่ยถามอีกคนที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างๆ ผมเดินตามเค้าออกมาสูบบุหรี่ เพราะนึกสนุกอย่างแซวเค้านิดหน่อยครับ คิดว่าถ้าเค้าไม่ได้พูดอะไรไว้ น้องๆ ในทีมเค้าไม่น่าจะมาจัดเมดเลย์เพลงให้ผมขนาดนี้

“คุณตี้อย่าไปถือสาพวกมันเลยครับ พวกนี้ก็กวนๆ แบบนี้แหละครับ”เค้าไม่ได้ตอบรับหือปฏิเสธ นี่แสดงว่าน้องๆ ในห้องนั้นคงรู้หมดแล้วว่าเค้าคิดจะจีบผม ผมเพียงยิ้มตอบอย่างไม่ได้ถือสา ก่อนจะกดบุหรี่ลงในที่เขี่ย เราหันสบตากันแล้วก็หัวเราะออกมาทั้งคู่

ผมไม่รู้ว่าระหว่างผมกับเค้าจะพัฒนาไปต่อมากกว่าความเป็นเพื่อนหรือเปล่า แต่ถ้าผมคิดจะเปิดใจกับเค้า ผมคงต้องหยุดความสัมพันธ์กับอีกคน มันจะได้ไม่เป็นการเห็นแก่ตัวมากจนเกินไป จริงๆ ผมก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เป็นเรื่องเป็นราวกับใครมานานแล้วเหมือนแหละครับ ชีวิตช่วง 4-5 ปีมานี่ก็มีแต่อยู่กับเพื่อน ก็เป็นชีวิตที่มีความสุขดี อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป จนผมเกือบลืมไปแล้วว่า ความรู้สึกการมีแฟนมันเป็นยังไง

คิดมาตลอดว่าถ้าไม่มีใครเข้ามาผมก็คงอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเคยพูดเล่นๆ ขำๆ กับไอ้เหมาว่า ถ้าวันนึงมันแต่งงานมีลูกไป ให้ผมเป็นพ่อทูนหัวลูกๆ ของมันด้วย ถึงตอนแก่ตัวมาจะได้ให้ลูกๆ มันดูแลผมด้วย แต่อีกใจผมก็เคยคิดนะครับว่าถ้าชีวิต จะมีใครอีกคนเข้ามาแล้วอยู่เป็นเพื่อนกันไปจนแก่เฒ่า มันก็อาจจะดี แต่ที่ผ่านมามันก็ไม่เคยมีความสัมพันธ์ครั้งไหนจะยืนยาวสักเท่าไหร่

คงเพราะเมื่อก่อน แต่ละคนที่ผมเคยคบก็ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นที่หลงในรูปลักษณ์ภายนอก คบกันแค่ฉาบฉวย พอเบื่อไม่มีอะไรตื่นเต้น เร้าใจก็ไปหาคนใหม่ที่ดูเร้าใจกว่า ซึ่งตัวผมเองก็เป็นหนึ่งคนที่เคยอยู่ในวังวนนั้น จนมาวันนึงมันก็รู้สึกอิ่มตัวไปเฉยๆ อันนี้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับ หากแต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ที่ผมมีกับคุณแว่นตอนนี้ ก็คงไม่ต่างอะไรจากความสัมพันธ์ฉาบฉวยของผมอย่างเมื่อก่อน

“คุณอรรถ เคยมีแฟนมาแล้วกี่คนครับ”แม้จะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเปิดใจเรียนรู้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ไหม แต่ผมว่าผมก็มีสิทธิ์ที่จะถามคำถามนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

“นี่แสดงว่าเริ่มสนใจผมแล้วใช่ไหมครับ”ผมยกไหล่เล็กน้อย พร้อมกับยิ้มให้เค้า แต่ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธเค้าออกไป แล้วเสียงโทรศัพท์ของผมก็ขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรกับเค้าอีก ผมมองหน้าจอมือถือที่โชว์เบอร์ของไอ้เหมา ถ้าเป็นปกติผมคงไม่ต้องเดาว่ามันคงจะชวนผมไปดื่มแน่ๆ แต่นี่มันก็รู้ว่าผมออกมากับทีมออแกไนซ์นี่นา

“ออกมาทักทายเพื่อนหน่อยสิครับไอ้ตี้”นั่นปะไร นี่แสดงว่ามาดื่มที่นี่เหมือนกัน พอถามก็ได้คำตอบว่าไอ้เหมากับคุณแว่นมานั่งดื่มกันที่โซนชิลๆ ของที่นี่ พอมันบอกว่านั่งตรงไหน ผมก็ขอปลีกตัวจากคุณอรรถ เพื่อออกไปเจอมัน ผมมองหาเพียงไม่นานก็เห็นไอ้เหมาโบกมือเป็นสัญญานให้ผม ผมตรงเข้าไปทักทายทั้งไอ้เหมา และอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับไอ้เหมา

จากในตอนแรก ผมเกือบจะนั่งลงฝั่งเดียวกับคุณแว่นแล้ว แต่ยั้งตัวไว้ทัน เพื่อไม่ให้ไอ้เหมาสงสัยอะไรด้วย ผมเลยเลือกที่จะนั่งลงข้างไอ้เหมา ผมแอบเห็นว่าคุณแว่นเหมือนตั้งท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่พูด

“มากะผู้ชายแล้วไม่สนใจเพื่อนเลยนะมึง”ไอ้เหมาแซวพร้อมกับรินเบียร์ยื่นมาให้ผม ผมรับมาชนแก้วกับทั้งไอ้เหมาและคุณแว่น แต่สังเกตว่าคุณแว่นกำลังเมินผม เป็นไรละนั่น เลยกลายเป็นผมกับไอ้เหมาคุยกันอยู่สองคน

“นั่งด้วยได้ไหมครับ”เราทั้งสามหันไปตามเสียงแทบจะพร้อมกัน คุณอรรถมายืนยิ้มอยู่ข้างๆ โต๊ะผม ไม่รู้ว่าเพราะผมหายออกมานานจนเค้ามาตามหา หรือเค้าบังเอิญเห็นผมนั่งอยู่ก็ไม่รู้

“เชิญครับ ว่าแต่นี่กลัวเพื่อนผมหายจนต้องออกมาตามเลยเหรอครับ”ไอ้เหมากล่าวเชื้อเชิญให้คุณอรรถนั่ง ก่อนจะลุกย้ายไปนั่งข้างคุณแว่นเพื่อให้คุณอรรถได้นั่งข้างผม กับไอ้เหมาผมไม่ต้องแนะนำให้รู้จักกัน เพราะเคยเจอกันที่บริษัทแล้ว เหลือแค่คุณแว่นที่ผมต้องแนะนำให้รู้จักกัน ทั้งคู่ต่างกล่าวทักทายกันพอเป็นพิธี

“คุณชาร์ปนี่ใช่พี่ชาย...”คุณอรรถพูดยังไม่ทันจบ ผมก็รีบถามสวนขึ้นว่าจะดื่มอะไรไหม ก็คำถามของคุณอรรถนี่อาจจะทำให้บรรยากาศกร่อยได้ เพราะคุ้นๆ ว่าคุณอรรถเคยบอกผมว่าชะเอมบอกกับเค้าว่าผมเป็นเพื่อนกับพี่ชายของชะเอม ผมเองก็ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับเค้าอีกเลย เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณอรรถรับรู้เรื่องราวของชะเอมมามากไหน

“ไม่เอาอะไรดีกว่าครับ แวะมาทักทายเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับเข้าไปสมทบกับน้องๆ แล้วครับ”เค้าตอบกลับผมมา ผมเลยตัดสินใจว่าควรชวนเค้ากลับไปหาลูกทีมเค้าคงดีกว่า ขืนปล่อยให้อยู่ตรงนี้นานๆ เกรงว่าเรื่องของชะเอมจะกลายมาเป็นประเด็นให้คุณแว่นไม่สบายใจเปล่าๆ ผมไม่รู้ว่าเค้าทำใจได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว แต่ก็รู้สึกไม่อยากให้เค้ากลับไปเศร้าหรือคิดมากอีก

“เดี๋ยวครับ”จังหวะที่ผมกับคุณอรรถ กำลังจะลุกจากโต๊ะ คุณแว่นก็เรียกให้เราทั้งสองคนต้องหยุดรอฟัง และก็อย่างที่ผมกังวล เพราะคุณแว่นถามคุณอรรถว่า ที่บอกว่าเค้าเป็นพี่ชายนี่ เค้าคิดว่าคุณแว่นเป็นแฟนใคร คุณอรรถที่ดูงงๆ กับคำถามนี้ เพราะตามความเข้าใจเค้าคงคิดว่าชะเอมกับคุณแว่นเป็นพี่น้องกัน พอมาเจอคำถามนี้ก็ต้องไม่เข้าใจเป็นธรรมดา

“งั้นเหรอครับ”คุณแว่นบอกพร้อมยิ้มเหยียดๆ เมื่อได้รู้คำตอบจากคุณอรรถว่าชะเอมบอกใครๆ ว่าคุณแว่นคือพี่ชายของเธอ ผมรีบพาคุณอรรถออกจากโต๊ะ เพราะไม่อยากให้เค้าพูดอะไรเกี่ยวกับชะเอมมากไปกว่านี้

“คุณชาร์ปกับน้องชะเอมไม่ใช่พี่น้องกันเหรอครับ”เมื่อเราสองคนเดินปลีกตัวออกมาที่สูบบุหรี่ คุณอรรถคงเก็บความสงสัยไว้ไม่ไหว ผมเพียงพยักหน้าเป็นเชิงตอบ ก่อนจะตั้งคำถามว่าคุณอรรถเนี่ยรู้จักชะเอมได้ยังไง คุณอรรถเริ่มเล่าว่าเค้ารู้จักกับอาร์ม เพราะอาร์มเป็นเพื่อนกับรุ่นน้องที่เค้าสนิท และก็รู้จักชะเอมในฐานะ แฟนของอาร์ม แต่ตัวเค้าก็เคยเห็นชะเอมที่มีออกมาเที่ยวกับผม หรือมีที่บางครั้งคุณแว่นก็มาด้วย ซึ่งชะเอมก็บอกกับทุกๆ คน รวมถึงอาร์มนั่นแหละว่าคุณแว่นเป็นพี่ชายเค้า แต่คุณอรรถเนี่ยตอนแรก เข้าใจว่าผมเป็นพี่ชายชะเอม แต่พอมารู้จักผมและรู้ว่าผมไม่ใช่พี่ชายชะเอม เค้าก็เดาได้ว่า พี่ชายที่ชะเอมหมายถึง คือใคร ผมไม่ต้องเล่ารายละเอียดต่อ คุณอรรถก็พอจะเดาเรื่องราวทั้งหมดได้

“ฟู่”ผมพ่นควันบุหรี่ออก พร้อมกับถอนหายใจยาว รู้สึกกังวล อดห่วงอีกคนไม่ได้ ไม่รู้จะยังคิดมากอะไรอีกรึเปล่า

“5 คนครับ”ผมหันไปมองหน้าคนที่สูบบุหรี่อยู่ข้างๆ ที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ก็คำตอบไงครับ ที่คุยค้างไว้ว่าผมเคยมีแฟนมาแล้วกี่คน”เค้ายิ้มตอบกวนๆ จริงๆ พอรู้จักเค้าแล้วเค้าก็ไม่ได้กวนประสาทอะไรมากมายนะครับ ไม่เหมือนตอนที่ยังไม่รู้จักกันจริงจัง ตอนนั้นผมรู้สึกเค้ากวนกว่านี้เยอะครับ

“นี่แอบตัดออกบ้างรึเปล่าเนี่ย”ผมแกล้งถาม อย่างไม่ได้จริงจังนัก ซึ่งเค้าก็รีบออกตัวว่าถ้าคนที่คบกันจริงจังก็มีแค่นี้แหละ ผมขำกับท่าทีที่รีบอธิบายของเค้า จนผมต้องบอกไปว่าแกล้งแซวเฉยๆ อีกอย่างก็ไม่ได้อยากรู้จริงจังสักเท่าไหร่

“เวลาผมคบใครก็จริงจังทุกครั้ง อยากคบนานๆ ตลอดแหละครับ แต่พอคบไปแล้วไม่ใช่มันก็ต้องถอยออกมา”ผมฟังเค้าอธิบายต่อว่าเค้าเองก็มีทั้งถูกทิ้ง หรือเป็นฝ่ายทิ้งก่อน

“สนใจมาเป็นแฟนคนที่ 6 ผมไหมละครับ”ผมส่ายหน้ายิ้มๆ พร้อมตอบเค้าไปว่าขอเป็นเพื่อนกันแบบนี้ไปก่อน อีกอย่างเราสองคนเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ยังไม่รู้จักกันดีพอ ค่อยๆ ทำความรู้จักกันไปดีกว่า พอพูดคุยกันแบบนี้มันก็เหมือนผมตอบตกลงว่าจะศึกษากับเค้าดูรึเปล่า แล้วความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณแว่นมันควรจะเป็นยังไงต่อ

เรากลับเข้าไปสมทบกับคนอื่นๆ ในห้องคาราโอเกะ น้องๆ ก็ยังแซวผมเหมือนเดิม ก็ทั้งร้องทั้งดื่มกันจนเต็มที่ ก็แยกย้ายกันกลับ ผมบอกลาคุณอรรถ เค้ากำชับผมว่าถึงบ้านให้ไลน์บอกเค้าด้วยเพราะผมก็ดื่มไปไม่น้อย ผมมองหาไอ้เหมากับคุณแว่นแต่ไม่เจอ สงสัยคงกลับกันไปแล้ว แต่พอมาถึงรถ กลับเจอคนนั่งฟุบอยู่ใกล้ๆ รถผม

“ชาร์ป...ชาร์ป ทำไมมาอยู่ตรงนี้”เค้างัวเงียหันมามองผม ก่อนจะมองไปรอบๆ แล้วลุกขึ้นเดินอ้อมไปเปิดประตูข้างคนขับ เข้าไปนั่งโดยไม่ตอบอะไรผม ผมมองไปรอบๆ ที่จอดรถว่ามีรถเค้าจอดอยู่หรือเปล่า แต่ก็ไม่เจอ แล้วนี่เค้ามายังไง ทำไมไม่กลับไปพร้อมไอ้เหมา แล้วนี่บอกไอ้เหมาว่ายังไง ถึงมารออยู่ข้างรถผม เมื่อเค้าไม่พูดอะไร ผมเองก็เงียบตลอดทางจนถึงบ้านผม

“เราตกลงกันแล้ว ไม่ใช่เหรอว่าจะไม่มาบ้านอีกฝ่ายหากยังไม่ได้รับอนุญาต”แม้ผมจะไม่ได้ซีเรียสมาก แต่การกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นรถเค้าจอดอยู่ที่บ้านผม นี่มันก็ทำให้รู้สึกว่าเค้าเริ่มจะล้ำเส้นที่ผมขีดไว้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้ามาจอดรถแบบนี้ ไปร้านเดียวกะที่ผมไป มารอกลับกะผม ทั้งหมดนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

“ว่าไง”เมื่อเค้าไม่ตอบอะไร เอาแต่นั่งนิ่ง ผมเลยต้องถามย้ำอีกครั้ง

“ตี้เองก็ไม่ได้ต่างจากชะเอมนักหรอก”เค้าหันมาพูดพร้อมยิ้มเหยียดๆ ให้ผม แม้จะพอคิดได้นะครับว่าวันนี้คำพูดของคุณอรรถอาจไปสะกิดเรื่องชะเอมขึ้นมา และตอนนี้เค้าก็ดูเมาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ใช่ว่าผมจะยินดีที่เค้ามาพูดแบบนี้กับผม

“ทำไม เราเหมือนชะเอมตรงไหน”น้ำเสียงผมเองก็ชัดเจนเหมือนกันว่าเริ่มไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ผมรู้ว่าเค้ากำลังจะหมายถึงอะไร นี่คงจะหมายถึงเรื่องที่ผมไปกับคุณอรรถ แต่เค้าลืมไปหรือเปล่า ว่าระหว่างผมกับเค้าข้อตกลงมันคืออะไร

“อย่าลืมสิว่าเราสองคน ไม่ได้เป็นอะไรกัน”ผมย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเราให้เค้าได้คิด ว่าตอนนี้เค้าเริ่มจะล้ำเส้นแล้ว

“ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ”สิ้นคำพูดเค้าก็ถาโถมเข้ามาหาผมอย่างรุนแรง แต่ผมว่านี่มันไม่ใช่เวลาจะมาทำอะไรแบบนี้ เค้าก็เมา แถมยังอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะมีอะไรกับเค้าตอนนี้ ผมพยายามขัดขืน แน่เค้าก็ยังไม่หยุด

“ไม่ใช่ตอนนี้”ผมผลักเค้าออกเต็มแรงก่อนจะลุกขี้น

“นอนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”ผมหยิบกุญแจรถทั้งของผมและของเค้า ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อแยกไปนอนอีกห้อง ส่วนที่ต้องเก็บกุญแจรถมาด้วยเพราะกลัวว่าเค้าจะหุนหันออกไป ทั้งที่ยังเมาอยู่ขนาดนี้

“เราขอโทษ”เค้าพูดตามหลังผมมา แต่ผมไม่ได้หันไปตอบอะไร ผมว่าตอนนี้เราทั้งคู่ต่างเมา คงยังไม่เหมาะที่จะคุยอะไรกัน เลยเลือกที่จะแยกออกไปนอนอีกห้องจะดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-07-2016 13:18:18 โดย norita_boyV2 »

ออฟไลน์ นางฟ้าเชียงชุน

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เครื่องเรารวนหรือป่าว ทำไมถึงสั้น รอๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รบกวน ไร้ท ช่วยลงใหม่ด้วยนะ มีลงไม่กี่บรรทัดเอง
เกิดอะไรกับชาร์ป สงสัยชาร์ปติดใจ ชอบตี้แล้วแน่เลย
 :L1: :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
แก้แล้วนะคร๊าบ โทษที ลงแล้วไม่ได้ดู

แหะๆ หายไปหลายวันเลยรอบนี้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ขอบคุณค่ะ ไร้ท  :pig4: :pig4: :pig4:
ชาร์ป คิดกับตี้เกินกว่าที่ตกลงกัน แล้วหึงอรรถแน่
เลยทำตัวตามติดตี้
อรรถก็รุกตี้มากขึ้นแสดงว่าตี้มีเสน่ห์ ต้องตาทั้งชาร์ปทั้งอรรถ
รอตอนใหม่ ชอบมากกกกก :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
แอบมาฝากเรื่องใหม่ครับ


คำตอบที่ว่างเปล่า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54742.0

เป็นแนวที่พยายามอยากฉีกออกไปเขียนแนวอื่นๆ ที่เคยเขียน

รู้สึกยังฉีกออกไปได้ไม่มาก ออกมาได้ไม่ค่อยดี แต่เขียนเพราะชอบส่วนตัวล้วนๆ 5555

ยังไงลองไปติชมเพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ
 

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ชะเอมคบซ้อนมาตลอดเลยสินะ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ Lyralyn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อิพี่ชาร์ปปปปป ชอบเค้าก็บอกไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด