[จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]ผิดที่ใคร [Right or Wrong] บทพิเศษ เรื่องของเด็กๆ (24-10-2017)  (อ่าน 97930 ครั้ง)

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 24
ฝันดี




Sharp’s Part
“จะให้ทบทวนอีกกี่ครั้ง คำตอบเรามันก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละกลิ้ง”วันนี้ผมคงต้องจบเรื่องนี้อย่างจริงจังสักที ซึ่งจริงๆ ผมก็ยืนยันไปหลายครั้งแล้วว่าระหว่างผมกับเค้ามันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ดูเค้ายังไม่ค่อยเข้าใจ หรือว่าที่จริงเข้าใจ แต่แค่ไม่อยากจะยอมรับ

“ที่ชาร์ปบอกว่ารู้สึกแย่กับเรื่องวันนั้น ไอ้การมีอะไรกับเรามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”น้ำเสียงติดจะดูประชดประชันนิดหน่อย แววตาของกลิ้งดูอ่อนลงจากปกติ จากเดิมที่ผมมักจะเห็นความมั่นใจในแววตานั้น กลับกลิ้งคนปัจจุบันนี้ ส่วนสายตาเค้าในวันนี้มันเกือบจะเหมือนกับตัวเค้าในวัยเด็ก

“คือมันไม่ใช่...”

“เราน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ”ยังไม่ทันที่ผมจะได้อธิบายเค้าก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน เรื่องของความสัมพันธ์นี่ทำไมมันต้องยุ่งยากขนาดนี้กันนะ ถ้าเราสั่งหัวใจตัวเองได้ก็คงจะดี อยากจะให้รักใคร เลิกรักใครก็ทำได้ง่ายๆ อย่างใจนึกอะไรแบบนั้นมันคงไม่มีใครต้องเจอกับความเสียใจ แต่มันทำไม่ได้นี่สิ ผมเองก็ไม่ได้อยากเห็นกลิ้งเค้าเสียใจ ทว่าผมก็คงทำอะไรที่ดีไปกว่านี้ไม่ได้ ผมคงต้องให้เค้าตัดใจจากความคิดที่อยากเริ่มต้นกับผม ให้มันเด็ดขาดเสียที

“กลิ้งไม่ได้น่ารังเกียจหรอก เราแค่รู้สึกแย่กับตัวเอง รู้สึกแย่ที่ตัวเองกลายมาเป็นแบบนี้”ผมเองก็ไม่อยากรู้สึกแบบนี้นักหรอกครับ แต่ผมเองก็คงต้องทำใจยอมรับในทุกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะทุกอย่างมันก็เป็นผลมาจากสิ่งที่ผมเคยทำไว้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรื่องระหว่างผมกับกลิ้งถ้าตั้งแต่ตอนเรียน ผมไม่ทำอะไรที่เกินเลยลงไปเรื่องราวในวันนี้ก็คงไม่เกิด หรือเรื่องราวระหว่างผมกับน้องปลามันก็เกิดจากอุดมคติผิดๆ ของผมเอง รวมถึงเรื่องระหว่างผมกับปาร์ตี้ ถ้าผมรู้จักหักห้ามความต้องการตั้งแต่แรก เรื่องราวมันก็คงไม่มาถึงจุดนี้

“กลิ้งฟังเรานะ กลิ้งไม่ได้ผิด ไม่ได้แย่อะไรเลย เพียงแค่เราไม่ได้รู้สึกกับกลิ้งในแบบนั้น ต่อให้กลิ้งทำยังไงระหว่างเราสองคนมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”ผมหวังว่าครั้งนี้เค้าจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการจะบอกเสียที ถ้าเค้ายอมรับที่จะตัดใจจากผมได้ ผมว่ามันก็น่าจะเป็นผลดีกับตัวเค้าเองนั่นแหละครับ

“ไม่ได้จริงๆ สินะ เข้าใจแล้ว เราเข้าใจแล้ว”เค้าพึมพำ พร้อมกับเดินจากผมไป ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะครับว่าวันไหนเค้าจะดีขึ้น แต่ผมว่าคนเราทุกคนก็ต้องเคยจัดที่แย่กันมาแล้วทั้งนั้น และผมก็เชื่อว่าทุกคนต่างมีวิธีจัดการกับช่วงเวลานั้นของตัวเอง ผมมองแผ่นหลังของกลิ้งที่ค่อยๆ ลับตาไป

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมไอ้คาสโนว่าสี่ตา มึงนี่ดูหล่อมาก บอกเลิกคนนั้นทีคนนี้ที”ไอ้เหมาที่ยืนรอผมอยู่ห่างๆ เดินเข้ามาตบไหล่ผม หลังจากที่กลิ้งออกไปแล้ว

วันนี้ผมเดินทางมากรุงเทพฯ อีกครั้งเพราะอีกไม่กี่วันงานมงคลสมรสของไอ้เหมาและแพทกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว และพอรู้ว่าผมจะเข้ามากรุงเทพฯ กลิ้งก็มาดักรอผมที่สนามบินนี่แหละครับ แต่กลิ้งมาก็ดีแล้วครับ จะได้จบเรื่องระหว่างผมกับเค้าเสียที ไอ้เหมาเดินมากอดคอผมก่อนที่เราสองคนจะเดินมุงตรงไปยังลานจอดรถ

“ไหนว่าช่วงใกล้วันแต่งงาน มึงจะไม่ขับรถแล้วนี่ทำไมยังขับมารับกูอีกละ”ผมเอ่ยแซวระหว่างทางที่จะเดินไปยังที่จอดรถ ก็เห็นไอ้เหมามันบอกนะครับว่าช่วง 7 วันอันตรายก่อนงานแต่งอะไรของมันนี่แหละครับ มันว่าทางผู้หลักผู้ใหญ่เค้าถือ ไม่อยากให้เดินทาง แต่ถ้าจำเป็นก็ห้ามขับรถเอง

“กูกะมีพนักงานขับรถกิตติมศักดิ์สิครับ”ผมขมวดคิ้วอย่างสงสัย เพราะถ้ามันพูดแบบนี้คนที่ขับรถพามันมาไม่น่าจะใช่ใครอื่น แต่มันบอกกับผมเองนี่ว่าให้ผมรีบมาก่อนวันงานแต่งของมันหลายวันหน่อย จะได้มาช่วยมันเตรียมงานด้วย เนื่องจากว่าตี้เองลางานหลายวันมาช่วยมันไม่ได้

“แหม ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นี่รู้แล้วเหรอว่ากูหมายถึงใคร”ไอ้เหมาผลักด้วยความหมั่นไส้ จนผมเกือบจะหน้าคะมำ ถึงมันไม่บอกผมก็มองเห็นแล้วละครับว่ารถใครที่จอดรอพวกผมอยู่ ผมรีบเดินมุ่งตรงไปหารถโดยไม่สนใจไอ้เหมาที่ตามหลังมา นี่ก็เดือนกว่าแล้วที่ผมไม่ได้เจอเค้า แล้วนี่เค้าเองก็เพิ่งเลิกกับแฟนได้ไม่นาน ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง

ผมเก็บกระเป๋า แล้วเข้าไปนั่งที่เบาะหลัง ส่วนไอ้เหมานั่งที่ข้างคนขับ ผมกับปาร์ตี้เอ่ยทักทายกันนิดหน่อย ดูๆ แล้วแม้เค้าจะยังยิ้มแย้ม แต่ผมว่ามันยังเป็นยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าอยู่มากทีเดียว มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเค้าเท่าไหร่กับการที่ต้องมาเจอสถาณการณ์อย่างในตอนนี้ ตั้งแต่อยู่ๆ แฟนที่คบกันมาเป็นปีดันจำเค้าไม่ได้ แถมตามมาด้วยการต้องเลิกราทั้งๆ ที่เค้าก็ยังรักกันอยู่

“แผนวันนี้มีไรบ้างไอ้เหมา”จริงๆ ก็พอจะรู้คร่าวๆ มาแล้วบ้างละครับเพียงอยากถามเพราะไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบจนเกินไป

“เดี๋ยวต้องไปเอาชุดของพวกมึงสองคน ไปรับของชำร่วย เสร็จแล้วก็มุ่งตรงสู่ระยองฮิได้เลย”นี่มันไม่เหมือนที่บอกกับผมไว้ในตอนแรกนี่นา จากเดิมเหมือนเราจะต้องปาร์ตี้สละโสดให้ไอ้เหมามันก่อน แล้วเย็นๆ พรุ่งนี้ค่อยเดินทางไประยองกันนี่นา

“นั่นคือเหตุผลที่ไอ้ตี้มัน ลางานมาตั้งแต่วันนี้ มึงสองคนต้องปาร์ตี้สละโสดกับกูที่ระยอง แต่งานนี้จะมีเพื่อนๆ สมัยเรียนมาด้วยอีกนิดหน่อยนะ ไม่กี่คนหรอก เพราะส่วนใหญ่ไม่ว่าง จะไปแค่วันงานกัน”ไอ้เหมาอธิบายต่อ เมื่อเห็นว่าผมมีแววตาสงสัย ผมลอบมองปาร์ตี้เป็นระยะๆ สังเกตได้ว่าวันนี้เค้าไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่ ซึ่งทั้งผมและไอ้เหมาก็พยายามชวนคุยอย่างรู้กัน เพื่อให้บรรยากาศดูครึกครื้นขี้น พวกเราพากันตระเวนกันไปตามแพลนที่ไอ้เหมาวางไว้จนเสร็จเรียบร้อย

จากนั้นก็มุ่งตรงสู่จังหวัดระยอง เราถึงกันช่วงบ่ายคล้อยแล้ว พวกเราแวะไปบ้านแพทกันก่อน เพราะชุดของน้องแมทที่ต้องใส่ในวันงานด้วย เป็นไอ้เหมานี่ก็ดีเหมือนกันนะครับ แต่งปุ๊บลูกก็โตปั๊บเลย จริงๆ ที่แรกแพทเองบอกว่าแค่มาผูกข้อไม้ข้อมือก็พอ ไม่ต้องมีพิธีอะไรมาก เพราะแพทเองก็เหมือนแม่ม่ายลูกติด แต่ไอ้เหมาว่า ก็จัดกลางๆ แล้วกันเชิญเพื่อนๆ ญาติที่สนิทกันมา ให้ดูเป็นทางการสักนิดนึง

“อย่าดื่มกันให้มากนักละ”แพทย้ำกับพวกผม หลังจากพูดคุยกันสักพักพวกผมก็เตรียมไปเช็คอินที่โรงแรม คืนนี้เห็นว่าปาร์ตี้เป็นคนจองร้านสำหรับงานสละโสดให้ไอ้เหมาเอาไว้ จากที่ไอ้เหมาบอกก็จะมีเพื่อนๆ สมัยเรียนของผมกับไอ้เหมามาสมทบด้วยอีก 4 คน นั่นหมายความว่าห้องพักที่เปิดไว้ตอนนี้ จะมี 3 ห้อง 4 คนนั้นก็อยู่ไปห้องละ 2 คน ส่วนพวกผม 3 คนนอนห้องเดียวกัน

“กูขอนอนคนเดียวเตียงนี้ละกัน ส่วน 2 คนก็เตียงใหญ่ไปละกัน”ทันทีที่ถึงห้องโรงแรมและเห็นว่าห้องสำหรับ 3 คนมันไม่ใช่แยกกันคนละเตียงอย่างที่ไอ้เหมาบอกไว้แต่แรก มันกลายเป็นเตียงใหญ่ 1 เตียงสำหรับ 2 คน และ เล็ก 1 เตียง ผมหันมองไอ้เหมาอย่างจับผิดเพราะไม่รู้ว่ามันแอบคิดอะไรหรือเปล่า หรือเป็นผมที่คิดมากไปเอง

“อย่ามามองกูด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าจะคิดว่ากูวางแผน แผนกูมันต้องดีกว่านี้”ไอ้เหมาหันมาพูดกับผมหลังจากที่ตี้เดินเข้าน้ำไป พอไอ้เหมาว่ามาแบบนี้ นี่ผมชักหวั่นๆ นะครับว่าวันนี้มันจะแกล้งเล่นอะไร พิเรนทร์หรือเปล่า สงสัยคงต้องเตรียมตั้งรับไว้หน่อยแล้วละครับ

เราทั้งสามต่างอาบน้ำทำธุระส่วนตัว เสร็จเรียบร้อย ส่วนเพื่อนๆ อีก 4 คนก็มาเช็คอินเรียบร้อยแล้ว พอถึงเวลานัดพวกเราทั้ง 7 คนก็ออกจากโรงแรมมุ่งตรงไปยังร้านที่จองเอาไว้

“วันนี้ไม่เมาเหมือนหมาอย่าเรียกกูว่าไอ้เหมา”เจ้าของงานวันนี้บอกอย่างอารมณ์ดี แต่เท่าที่จำได้มันเพิ่งรับปากกับว่าที่ภรรยาว่าจะไม่ดื่มหนักนะครับ แต่ยกให้มันวันนึงแล้วกันครับ ผมหันไปมองปาร์ตี้ที่เป็นคนเดียวที่จะไม่ได้สนิทกับคนอื่นๆ นอกจากผมและไอ้เหมา ทว่ามันก็ดูไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเค้าสักเท่าไหร่หรอกครับ เค้าเองเป็นคนที่อัธยาศัยดีอยู่แล้ว อีกอย่างปาร์ตี้เองก็เคยเจอพวกที่เหลือแล้วครั้งนึงครับ ก็ตอนที่จะจัดสละโสดให้ผมครั้งที่ผมเกือบได้แต่งงานนั่นแหละครับ

“ไอ้แว่นมึงจะซึมทำไมว่ะ นึกถึงงานล่มของตัวเองหรือไงวะ”เสียงเอ่ยแซวผมดังขึ้นซึ่งก็เรียกความครื้นเครงกับทุกคนได้ไม่น้อยครับ ผมก็ไม่ได้ถือสาเรื่องนี้สักเท่าไหร่ ใครจะล้อก็ล้อไปครับ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ผมยกแก้วขึ้นดื่มตามคนอื่นๆ อาหารเครื่องดื่มต่างถูกทยอยส่งเข้ามาในห้อง วีไอพีที่เราจองไว้ เสียงเพลงที่ฟังได้บ้างไม่ได้บ้าง ถูกขับขานโดยบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวที่เริ่มเมากันแล้ว ส่วนไอ้ว่าที่เจ้าบ่าว อย่าต้องให้พูดครับ ผมว่าอีกสักพักคงได้เก็บศพมันแน่ๆ

“ไปไหน”ผมคว้าข้อมือคนที่นั่งข้างๆ วันนี้ผมกับเค้าไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ ที้งที่นั่งอยู่ติดกัน เค้าชูบุหรี่กับไฟแช็คให้ผมดูแทนคำตอบ ที่ผมเอ่ยถาม ผมค่อยๆ คลายมือออกพยักหน้า ปล่อยเค้าลุกออกไป ผมมองเค้าเดินออกไปอย่างตัดสินใจบางอย่าง ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนว่าขอตัวไปสูบบุหรี่

“นึกว่าตี้เลิกสูบไปนานแล้ว”ผมเดินเข้าไปยืนข้างๆ เค้าและถือวิสาสะหยิบซองบุหรี่มาจากมือเค้า จริงๆ ผมรู้อยู่แล้วแหละครับว่าเค้าเป็นคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ประจำ แค่สูบเป็นครั้งคราว เวลาเหนื่อย เครียดหรือมีเรื่องไม่สบายใจ แต่ที่ผมทักออกไปแบบนั้น เพราะไม่รู้จะเริ่มคุยกับเค้ายังไงนั่นแหละครับ ระหว่างเราผมว่ามันยังมีกำแพงบางๆ อยู่นั่นแหละครับ จากความสัมพันธ์แปลกๆ ของเราในอดีต จะให้เค้ามองผมเป็นเพื่อนอย่างสนิทใจมันก็คงยาก ส่วนผมเองไม่ต้องพูดถึง ผมไม่ได้มองเค้าในแบบเพื่อนมานานแล้ว

“ก็ไม่เคยติด จะให้เลิกยังไง”เค้าบอกยิ้มๆ ผมหัวเราะเบาๆ ในลำคอกับคำตอบของเค้า ผมจ้องมองหน้าของเค้าพยายามประเมินดูว่าตอนนี้สภาพจิตใจของเค้าเป็นยังไง พอมองใบหน้าของเค้านานๆ มันกลับกลายเป็นว่าผมละสายตาจากเค้าไม่ได้เสียอย่างนั้น ใบหน้าเรียวได้รูปที่ผมเคยสัมผัส ดวงตาคู่นั้นที่ผมเคยได้เห็นความเร่าร้อน ซอกคอที่ผมเคยฝากรอยเขี้ยวเอาไว้ ให้ตายสิผมอยากจูบเค้า เหมือนขาของผมมันจะขยับไปเองโดยอัตโนมัติ เค้าเองก็ก็หันมามองผม สายตาของเราประสานกันอยู่ครู่นึง แล้วเค้าเองที่เป็นฝ่ายหลบตา และขยับออกห่างจากผม

“ยังไม่ค่อยโอเคเหรอ”ผมรีบดึงสติตัวเองกลับมา ถามเค้าออกไปด้วยความเป็นห่วง ความเป็นห่วงที่พยายามให้มันเป็นแค่การห่วงเพื่อนคนนึง เค้ายังคงหันมองไปทางอื่น

“ไม่รู้สิ บอกไม่ถูกเหมือนกัน”ดูเป็นคำตอบที่ค่อนข้างกำกวมไม่น้อย

“ไอ้แว่น อยู่นี่เอง กูว่ามึงรีบไปพาไอ้เหมามันกลับจะดีกว่า ดูท่าเริ่มจะไม่ไหวแล้ว”เพื่อนผมออกมาตามด้วยความตกใจ ผมกับตี้หันมองหน้ากันก่อนจะรีบกลับไป ทันทีที่เห็นสภาพก็ไม่รู้จะเรียกอะไรดีครับ ไอ้เหมาบอกไม่ไหวแล้วจะนอนท่าเดียว แต่ไอ้การจะนอนมันนี่คือการพยายามมุดใต้พรมที่ปูอยู่ นี่สินะที่มันบอกจะเมาเหมือนหมา ดูจากปริมาณเครื่องดื่มที่หมดไป และดูสภาพคนอื่นๆ ผมว่ามันคงดื่มคนเดียวมั้งครับถึงได้เมาขนาดนี้

“ตี้ไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายแล้วกัน แล้วเราสองคนค่อยมาหารครึ่งตามที่ตกลง”ผมหันไปบอกตี้ เพราะคิดว่าผมเป็นคนลากไอ้เหมาไปดูจะเหมาะกว่า แล้วไอ้นี่ขนาดเมาแต่แรงยังเยอะเหลือเกิน กว่าเพื่อนๆ จะช่วยลากมาขึ้นรถได้เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันครับ

“กูยังม่ายมาว ปล่อยกู”ผมผลักมันอีกครั้งให้เข้ารถไป นี่ไม่บ่อยนักนะครับที่มันจะเป็นสภาพแบบนี้ หรือนี่มันกะส่งท้ายให้เต็มที่แล้วจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกหรือเปล่า

“ถ้าเอามันไปเก็บแล้ว อยากกลับมาต่อก็ได้นะ ฝากชวนตี้ด้วย รอบหลังนี่เดี๋ยวพวกกูรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง”พวกเพื่อนๆ สงสัยจะยังไม่เต็มที่กันสักเท่าไหร่สินะ แต่ผมคงไม่กลับมาต่อแล้วละครับ ผมรอไม่นานนักปาร์ตี้ก็ตามมา เรามุงตรงกลับโรงแรมทันที กว่าจะช่วยกันลากไอ้เหมาถึงหน้าห้องได้นี่แทบหมดพลังงานกันเลย ไอ้บ้านี่ก็กินอะไรเข้าไปถึงได้เมาขนาดนี้

“ปล่อยกู กูไม่เมา”ไม่เมาอะไรละ นี่ผมกับปาร์ตี้ทั้งแบกทั้งลากขึ้นมา พอเปิดประตูห้องได้ไอ้เหมาก็วิ่งไปกระโดดใส่เตียงเลยครับ แต่เตียงที่มันโดดใส่นั่นมันเตียงของปาร์ตี้นี่สิครับ

“กูจะนอนตรงนี้อย่ามายุ่ง ถ้ามึงพวกมึงสะกิดตัวกูอีกที อ๊วกกูพุ่งแน่ๆ เพราะงั้นปล่อยกูนอนตรงนี้”ไอ้เหมาที่นอนคว่ำหน้าอยู่พูดอู้อี้โดยไม่สนใจ ที่พวกผมสองคนจะย้ายมันมานอนอีกเตียง อีกเตียงที่ผมกับปาร์ตี้มองสลับไปมาระหว่างใบหน้าของกันและกันกับเตียงที่ยังว่างอยู่

“เอาไงละทีนี้”ตอนนี้ความลำบากใจในการต้องนอนร่วมเตียง ทั้งของผมและปาร์ตี้ไม่น่าจะต่างกันเท่าไหร่ แค่ของปาร์ตี้จะแสดงออกมาให้สังเกตได้ชัดมากกว่าผม

“ก็...”

“ตี้ลำบากใจที่จะนอนเตียงเดียวกับเราเหรอ”ไม่รู้ทำไมยิ่งพอเค้าแสดงออกมาว่าลำบากใจเพิ่มขึ้น มันกลับค่อยๆ ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและเริ่มสนุกที่อยากจะแกล้งเค้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“มันก็ไม่...”และเหมือนจะได้ผลเสียด้วยสิครับ

“กลัวเราหรือไง”ผมแกล้งบอกยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ เค้า ใกล้เข้าเรื่อยๆ จนเค้าต้องนั่งลงที่เตียง ผมยังคงยืนจ้องมองและรอคำตอบของเค้า ด้วยความสนุกที่ยิ่งเพิ่มขึ้นไป

“ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว”นั่นนะสิ อันที่จริงมันไม่ได้มีอะไรให้กลัวเลย ไอ้เหมาก็อยู่ในห้องด้วยทั้งคน ถึงมันจะเมาก็เถอะ แต่ผมจะไปกล้าทำอะไรเค้าที่ไหนกันเล่า ก็แค่อยากแกล้งเค้าเล่นแค่นั้นเอง ก็มีแต่ตัวเค้านั่นแหละที่ปากบอกไม่กลัว แต่สีหน้าแววตานั่นบอกออกมาชัดเชียวว่ากำลังเป็นกังวลอยู่

“งั้นก็อาบน้ำ ล้างหน้าล้างตา นอน”ผมก้มหน้าลงไปใกล้ๆ เค้าก่อนหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่ใกล้ตัวเค้าเพื่อเตรียมจะอาบน้ำ แต่เค้ากลับบอกว่าขอเค้าอาบก่อน ผมก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไร ผมถือโอกาสสูบบุหรี่ระหว่างที่เค้าอาบน้ำ  ไม่นานก็เป็นทีของผมที่ต้องอาบน้ำ ส่วนเค้าก็เดินตัวหอมขึ้นเตียงรอผมแล้ว เอ้ย มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ แค่เราต้องนอนเตียงเดียวกันเฉยๆ

“หลับยัง”หลังจากอาบน้ำออกมา ก็พบว่าเค้านอนชิดจนจะตกขอบเตียงอีกด้าน ปล่อยพื้นที่ว่างไว้เสียจนเหมือนผมนอนคนเดียว เค้าทำยังกับว่าไม่เคยนอนเตียงเดียวกับผมอย่างนั้นแหละ ภาพวันเก่าๆ มันผุดขึ้นมาในหัวของผม ทั้งเตียงนอนในบ้านของเค้า และบ้านของผม ซึ่งเรียกรอยยิ้มให้กับตัวผมเอง แต่ก็เพียงไม่นานเพราะสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนเก่าอีกแล้ว

“ขยับมาอีกก็ได้ นอนชิดขนาดนั้นเดี๋ยวก็ตกเตียงหรอก ไหนบอกไม่กลัวเราทำไมต้องนไปอนเสียห่างขนาดนั้น”ผมแกล้งแซวเค้าอีกรอบ ดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย เค้าขยับเข้ามาอีกนิดหน่อยแต่เพื่อนที่ว่างสำหรับผมก็ยังเหลือเยอะอยู่ดี ผมล้มตัวลงนอนแผ่กางแขนกางขา กะให้เค้าเห็นว่าที่มันยังเหลือเยอะขนาดไหน

“ก็เผื่อชาร์ปนอนดิ้นไง”เค้าตอบเหมือนตัดบทให้จบๆ ไป

“ตี้ก็รู้นิว่าเราไม่ใช่คนนอนดิ้น”ก็ไม่รู้อะไรทำให้ผมพูดออกไปแบบนั้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันต้องทำให้เราทั้งคู่คิดถึงเรื่องเมื่อก่อน ผมพลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าหาเค้า เค้าเองก็หันมามองผม ก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น ไฟจากหัวเตียงที่ยังไม่ปิดทำให้ผมเห็นทุกอากัปกิริยาของเค้า คำพูดของผมทำให้เค้าไม่พูดอะไรอีกเลย

ผมอยากจะโทษแอลกอฮอล์แล้วทำอะไรที่ขาดสตินะครับ แต่วันนี้ผมดันไม่เมาเลยนี่สิ ตัวเค้าเองก็เหมือนกัน เรียกได้ว่าตอนนี้เรายังมัสติด้วยกันทั้งคู่ แต่เอาวะตีมึนสักนิดจะเป็นไรไป ผมขยับตัวตั้งท่าเล็กน้อยก่อนจะดึงตัวเค้าให้เข้ามาในอ้อมกอด

“ทำอะไรเนี่ย”เค้าดูตกใจแต่ก็ยังพูดด้วยเสียงกระซิบ และแม้จะพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดของผม เค้าก็สู้แรงผมไม่ได้อยู่ดี ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าทำไมผมทำแบบนี้ บางทีคนเราก็ทำอะไรโดยไม่ได้สนใจเหตุผลหรือความเหมาะสมอยู่แล้วนิ

“ก็ที่เหลือตั้งเยอะจะไปนอนขอบเตียงทำไม นอนเถอะน่าไอ้เหมาก็อยู่เราไม่ทำอะไรหรอก”เมื่อเห็นว่าสู้แรงผมไม่ได้เค้าก็ค่อยๆ คลายการเกร็งตัว แต่ก็นานเหมือนกันกว่าที่เค้าจะหายใจสม่ำเสมอ ส่งสัญญาณให้รู้ว่าเค้าหลับไปแล้ว ผมคลายอ้อมกอดเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง ก่อนจะหันกลับมากดริมฝีปากลงที่หน้าผากของเค้า

“ฝันดีนะ”





TBC

หายไปหลายวันเลย

เพิ่งฟื้นจากการฉลองปีใหม่ ยังไงก็สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังทุกคนด้วยนะคร๊าบบบ

ปีใหม่ก็ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต สุขสมหวังไปทั้งปีเลย o13

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามให้กำลังใจเช่นเดิมนะคร๊าบงบ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ใจจริง อยากให้อรรถจำตี้ได้ตอนที่ตี้ยังไม่มีใคร
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตี้รออรรถ
อยากให้อรรถรู้สึกบ้าง
ว่าทำอะไรกับตี้ไว้บ้าง
ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ
ตี้ก็คงได้ดำเนินชีวิตแบบสุขๆสักที

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใจจริง อยากให้อรรถจำตี้ได้ตอนที่ตี้ยังไม่มีใคร
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตี้รออรรถ
อยากให้อรรถรู้สึกบ้าง
ว่าทำอะไรกับตี้ไว้บ้าง
ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ
ตี้ก็คงได้ดำเนินชีวิตแบบสุขๆสักที
จริงๆ ตี้ ยอมอรรถแล้ว อรรถเองก็รับได้ตั้งแต่แรก
แล้วอรรถมาสติแตกเอง
ถ้าอรรถจำได้จะเป็นอย่างไรนะ
เพราะไปยุ่งกับแฟนเก่าอีกซะด้วย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ถ้าเกิดลม พัดหวน ทวนมาหา
อยากรู้ว่า มันจะร้อน ก่อนเย็นไหม
หรือว่ายัง จะพัดหมุน ให้วุ่นไป
มันมาใกล้ หรือยังไกล ใจบอกที

ลุ้นนะ
อิอิ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
  ชอบฉากลากตี้มากอดอ่ะ ตรงใจผมมากๆ ชอบเลย  รอ รออ่านตอนต่อไปคับ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
เชียร์คู่นี้สุดใจ ชาร์ปดูกล้าทำตรงกับที่คิดมากขึ้น ซึ่งดี

ขอบคุณต่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อออ!! เห็นละเหนื่อยใจแทน

ออฟไลน์ [อินทรีขาหัก]

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
--- “กลิ้งฟังเรานะ กลิ้งไม่ได้ผิด ไม่ได้แย่อะไรเลย เพียงแค่เราไม่ได้รู้สึกกับกลิ้งในแบบนั้น ต่อให้กลิ้งทำยังไงระหว่างเราสองคนมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”---
ประโยคนี้โหดร้ายมาก :mew6:

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
ยาวไปๆๆ


ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
คิดถึงเรื่องนี้อ่ะ
มาต่อเถอะนะ

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 25
เวลาคือคำตอบ



Aut's Part


“เพราะเรื่องคืนนั้นเหรอ”ผมค่อนข้างแน่ใจว่าสาเหตุที่หนุ่ยย้ายออกมันคงมาจากคืนนั้นที่เรามีอะไรกัน แม้เค้าจะยังคงส่ายหน้าปฏิเสธ และเก็บของต่อไปเงียบๆ ผมเองก็ยังคงยืนพิงประตูดูเค้าเก็บของ ซึ่งดูเหมือนเป็นการโกยทุกอย่างลงกระเป๋า ยัดๆ เข้าไปอย่างเร่งรีบ ใจนึงผมก็อยากรั้งให้เค้าอยู่ต่อไปเหมือนเดิม แต่จากที่ผมเอ่ยปากแล้ว และเค้ายังคงยืนยันจะย้ายออก แล้วผมแองก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลไหนมารั้งเค้า เราสองคนเลิกกันแล้ว เลิกกันตั้งนานแล้วด้วยจุดนั้นผมรู้ดี ก็แค่ผมจำไม่ได้แค่นั้นเองถึงตอนที่เราเลิกกัน แถมด้วยการจำอีกคนไม่ได้ว่าผมไปรักอีกคนได้ยังไง

“บอกแล้วไง ว่าแค่ถึงเวลาต้องกลับไปอยู่บ้านแล้ว”นี่ยิ่งฟังดูไม่ใช่เหตุผลของหนุ่ยเลยสักนิด จริงอยู่ว่าเค้าอาจจะไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมายแบบหนักๆ กับที่บ้าน แต่หนุ่ยเองก็ทนชีวิตที่ต้องเดินตามกรอบไม่ค่อยได้อยู่แล้ว

‘ตอนนี้ในเวลางาน ขอคุยแค่เรื่องงานแล้วกันนะครับ’อยู่ๆภาพที่ผมกำลังคุยกับปาร์ตี้คุยกันก็ผุดขึ้นมาในหัวของผมและดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องราวก่อนที่ผมจะประสบอุบัติเหตุเสียด้วย

‘5 คนครับ’ ‘ก็คำตอบไงครับว่าผมมีแฟนมาแล้วกี่คน’คำพูดที่ดูไม่ปะติดปะต่อกันสักเท่าไหร่เริ่มผุดเข้ามาจนผมเริ่มรู้สึกมึนๆ แล้วจากนั้นอาการปวดก็แล่นเข้ามา ผมยกมือขึ้นกุมศีรษะพร้อมกับลุกขึ้นยืนทั้งที่คิดว่าตัวเองคงยืนไม่ตรงแน่ๆ

“อรรถ อรรถเป็นอะไร”หนุ่ยเรียกผมด้วยความตกใจ

“ปวด...หัว”ผมบอกออกไปติดๆ ขัดๆ หนุ่ยรีบเข้ามาพยุงผมและจับให้ผมนั่งลงกับที่ ไม่นานนักอาการผมก็ทุเลาลง ผมพยายามคิดถึงสิ่งที่กลับเข้าในหัวผม มันเหมือนจะเป็นเรื่องราว แต่เรื่องราวที่เหมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อยังไม่เสร็จ มันเหมือนขาดหายไปเป็นช่วงๆ ราวกับว่ามีเรื่องราวแต่ไม่รับรู้ถึงความรู้สึกในเรื่องราวนั้น

ผมถูกหนุ่ยบังคับให้มาโรงพยาบาลหลังจากที่พักได้ครู่นึง พอถึงโรงพยาบาลผมถูกจับเข้าสแกน เอกซเรย์ แถมท้ายด้วยการที่ถูกจับแอดมิดเป็นคนไข้ไปเรียบร้อยครับ

“เห็นไหม บอกแล้วให้มาหาหมอก็ไม่เชื่อ”คนที่พาผมมาเริ่มบ่น

“นี่ความทรงจำเราจะกลับมาจริงๆ เหรอ”ผมตอบเหมือนพูดกับตัวเองเสียมากกว่า แม้ตอนนี้ผมจะยังจำอะไรไม่ได้ แต่หมอก็บอกว่าอาการที่ผมเพิ่งเป็นอาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอีกไม่นานผมอาจจะจำทุกอย่างได้ แต่คำว่าอีกไม่นานนั่นก็ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดลงไปได้

“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอที่จะจำได้”เสียงของหนุ่ยดูไม่ได้ยินดีกับสิ่งที่บอกกับผมสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกันกับตัวผมเอง ผมไม่รู้ว่าถ้าจำได้ขึ้นมาจริงๆ ผมจะมีความสุขหรือเปล่า

“เราต้องนอนโรงพยาบาลอย่างนี้ หนุ่ยอย่าเพิ่งย้ายออกไปได้ไหม”มันดูเป็นเหตุผลที่เพียงพอที่ผมจะรั้งเค้าไว้ และหนุ่ยเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ผมว่าหลังออกจากโรงพยาบาลผมก็คงยังรั้งเค้าให้อยู่ต่อด้วยอาการของผมที่เป็นอยู่ตอนนี้

หนุ่ยขอกลับไปเตรียมอุปกรณ์ เพื่อมานอนเฝ้าผม ซึ่งอาจจะต้องค้าง 2-3 คืน ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรแจ้งที่ทำงานว่าผมต้องลางาน ก็ย้ำไปว่าไม่ต้องแห่กันมาเยี่ยมเพราะผมไม่ได้เป็นอะไรมาก หลังวางสายเสร็จผมก็เลื่อนหารายชื่อของใครคนนึง เสียงเพลงรอสายดังอยู่พักนึงก่อนที่เค้าจะกดรับสาย

“ฮัล...โหล”ผมพูดออกไปเสียงแผ่ว เพราะไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าผมโทรหาเค้าเพราะอะไร

“หวัดดี มีอะไรหรือเปล่า”น้ำเสียงที่ตอบกลับมา เป็นเสียงที่ยากจะคาดเดาว่าเค้ารู้สึกยังไง

“คือ...โอ้ย”ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรออกไป เพราะอยู่ๆ ความเจ็บปวดก็แล่นเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง โทรศัพท์ในมือผมร่วงลงข้างลำตัวแล้ว ผมไม่ได้สนใจจะเอื้อมไปหยิบแต่อย่างใด ตอนนี้มือผมกำลังพยายามควานหาปุ่มกดเรียกพยาบาล พอเจอผมก็กดค้างก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง ผมงอตัวเข้าหวังเพียงว่าจะช่วยทุเลาอาการปวดลงไปได้บ้าง

ทุกอย่างดูชุลมุนวุ่นวายไปหมด หลังมีพยาบาลเข้ามาหาผมในทีแรก จากนั้นอีกหลายก็หลายคนก็กรูเข้ามาที่ผม ผมเริ่มจะหูอื้อ ตาลาย มันเหมือนทุกอย่างเบลอไปหมด จนผมไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก จนในที่สุดสติผมก็ขาดหายไป




‘ร้านปิดแล้วทำไมยังไม่กลับ’
‘รู้ว่าร้านปิดแล้ว ยังจะมาทำไม’

เสียงหัวเราะที่ประสานกันดังก้องอยู่ในหัวผม เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุข ของคนสองคน คนสองคนที่ต่างยิ้ม หัวเราะให้กัน ทั้งดูช่างดูมีความสุข มีความสุขจริงๆ สินะ ครั้งนึงเราเคยมีความสุขด้วยกัน ผมจำได้ ผมจำได้แล้ว ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆอย่างยากลำบาก

“อรรถ อรรถฟื้นแล้ว เดี๋ยวเราตามหมอก่อนนะ”หนุ่ยคือคนที่บอกกับผม ไม่นานนักคุณหมอคนเดิมที่เคยรักษาผมก็เข้ามาดูอาการและซักถามผม ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองหลับไปถึง 2 วันเต็มๆ แต่เรื่องอื่นๆ ผมแทบไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่หมอพูดเลย มีเพียงนิดเดียวที่มันดึงดูดความสนใจของผม นั่นคือคำพูดของหมอที่บอกว่าสมองคนเรามันช่างน่าอัศจรรย์ และซับซ้อนจนคาดไม่ถึง

ใช่แล้วมันอัศจรรย์เกินไปจนผมอยากให้ความทรงจำของตัวเองหายไปอีกครั้ง นี่ผมทำเรื่องบ้าๆ อะไรลงไปบ้างเนี่ย ผมบอกเลิกปาร์ตี้คนที่ผมรักสุดหัวใจ แต่กลับผลักไสเค้าอย่างไม่ใยดี หนำซ้ำผมยังมีความสัมพันธ์กับกนุ่ยอีกด้วย จะโทษความเมาอย่างเดียวก็คงจะไม่ดีสักเท่าไหร่ ความรู้สึกผิด สับสน มันตีกันในหัวของผมเต็มไปหมด

กับปาร์ตี้แม้ผมจะยังคลางแคลงใจ เรื่องระหว่างเค้ากับคุณแว่น แต่ผมก็ควรให้เค้าได้ตัดสินใจด้วยตัวของเค้าเอง ต่อให้เค้าจะเลือกผมเพราะผมรักเค้า มันก็คือผมเองนี่นาที่ยอมรับในเรื่องนั้นตั้งแต่ต้น แล้วสิ่งที่ผมปฏิบัติต่อเค้าในช่วงที่ผมจำเค้าไม่ได้นี่มันถูกต้องแล้วเหรอ ส่วนเรื่องระหว่างผมกับหนุ่ยละ นี่ผมทำอะไรลงไป

“ขอโทษ”นั่นคือคำแรกที่ผมพูดกับหนุ่ย ตอนนี้ในห้องเหลือเพียงผมกับเค้าแค่สองคน หนุ่ยยิ้มจางๆ ให้ผม ยิ่งเห็นอาการของเค้ามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ ผมว่าผมเห็นความผิดหวังในแววตานั้น

“เดี๋ยวคุณตี้กำลังมานะ ที่จริงเค้ามาแล้วรอบนึงแหละแต่อรรถยังไม่ฟื้น เห็นว่าเค้าเพิ่งกลับจากงานแต่งเพื่อน เราเลยให้ไปพักผ่อนก่อน”ถ้าความทรงจำของผมกลับมาแล้วมันจะกลายมาเป็นแบบนี้ ถ้าเลือกได้ ผมขอเลือกไม่สูญเสียความทรงจำตั้งแต่แรกมันคงจะดีกว่านี้

“อย่าเพิ่งไป...ได้ไหม อย่าเพิ่งย้ายออกเลย”ผมเองก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงบอกออกไปแบบนั้น

“เฮ้ย เราได้กันครั้งเดียว มันไม่ได้แปลว่าจะต้องกลับมาคบกันนะ ในเมื่อตอนนี้อรรถจำทุกอย่างได้แล้ว อรรถก็ควรกลับไปมีความสุขกับแฟนสิ”ทำไมกันนะ ทำไมเรื่องราวมันถึงกลายมาเป็นยุ่งยากขนาดนี้ ความรู้สึกผมตอนนี้ผมรู้ว่าผมเคยรักปาร์ตี้ขนาดไหน แต่ความรู้สึกของผมที่เกิดขึ้นกับหนุ่ย ระหว่างที่ผมจำปาร์ตี้ไม่ได้ มันก็ไม่ได้หายไป

“ขอร้อง อย่าเพิ่งไปไหน”ผมขอร้องออกไปจนเค้าเองก็แปลกใจกับท่าทีของผม สีหน้าเค้าเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจอย่างเห็นได้ชัด หนุ่ยถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะหันมองออกไปทางอื่นไม่ได้สบตาผมอีก

“เพื่ออะไรเหรออรรถ”เค้าพูดออกมาเหมือนไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆ สักเท่าไหร่ เค้าเองเหมือนอยากให้เรื่องระหว่างผมกับเค้าจบไปเสียที แต่ผมกลับรู้สึกว่า การกระทำเค้าสื่อออกมาแบบนั้นก็จริง แต่ในใจเค้าผมว่ามันยังขัดแย้งกันอยู่ ต่อให้เค้าปกปิดไว้คนที่เคยคบกันมานานอย่างผม มันก็พอจะจับสังเกตได้อยู่แล้ว

“ขอเวลาอีกสักหน่อยนะ”จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้นะครับ แต่ผมก็ยังไม่พร้อมตัดสินใจจริงๆ ว่าตอนนี้ผมควรทำยังไงต่อ หรือเลือกใคร ใครกันแน่ที่ผมต้องการจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงไม่ยากที่ผมจะตัดสินใจ หนุ่ยเริ่มมีความลังเลกับสิ่งที่ผมเพิ่งพูดออกไป

“มันไม่ได้มีความจำเป็นอะ...”

“อะไรเลย”เสียงของหนุ่ยขาดช่วงไปเพราะใครอีกคนที่เปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว หนุ่ยเองก็ชะงักไปเหมือนกันที่อยู่ๆ ปาร์ตี้ก็พุ่งพรวดเข้ามาแบบนี้ ผมเพียงหันมองเค้าแวบนึงก่อนจะหันมองอีกคนที่ผมยังคุยด้วยไม่จบ ทำไมกันนะ ทำไมเรื่องราวมันถึงต้องเดินมาเจอจุดแบบนี้

“อรรถเป็นไงบ้าง”เค้าตรงเข้ามาถามผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย ความรู้สึกผิดแล่นเข้าหาผมแทบจะทันที ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนผลักไสเค้าไปแต่ดูเค้าไม่ได้ถือโทษโกรธผมเลยสักนิด แล้วนี่ถ้าเค้าได้รับรู้ในสิ่งที่ผมได้ทำลับหลังเค้า เค้าจะยังรู้สึกกับผมเหมือนเดิมหรือเปล่า

“งั้นเดี๋ยวขอตัว ไปข้างนอกก่อนแล้วกันนะ คุยกันตามสบายเลย”ผมมองแผ่นหลังของหนุ่ยที่เดินออกไปโดยไม่แม้จะหันมามองผมสักนิด นี่ผมกลายเป็นคนโลเลไปแล้วหรือนี่ ทั้งหนุ่ยที่เพิ่งเดินออกไป แล้วก็คนที่ยืนตรงหน้าผมนี่อีก แต่มันไม่ใช่แค่ผมหรอกครับที่ต้องตัดสินใจเลือก

“อรรถจำเราได้แล้วใช่ไหม”เค้าเอ่ยถามผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมเพียงพยักหน้ารับและยิ้มตอบเค้าจางๆ เค้าเข้ามายืนข้างเตียงและกุมมือของผมไว้ ผมสบตาเค้าอย่างตัดสินใจ

“คือ”เค้ายังคงจ้องมองที่ผมรอฟังว่าผมจะพูดอะไรกับเค้า มันค่อนข้างลำบากใจมากๆ สำหรับผมกับสิ่งที่ผมกำลังจะพูดออกไป ทั้งเรื่องที่ผมยังไม่มั่นใจในความรู้สึกของเค้าที่มีต่อผม แต่มันคงไม่น่าหนักใจเท่าความรู้สึกผิดที่ผมมีต่อเค้าในตอนนี้

“เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม”ผมหลบตาเค้าหันมองไปทางอื่น ยอมรับว่าผมขี้ขลาด ขี้ขลาดเกินไปที่จะบอกให้เค้าได้รับรู้ มันเหมือนตอนเด็กๆ ที่เราทำความผิดแล้วไม่กล้าสารภาพกับผู้ใหญ่ เพราะกลัวจะถูกทำโทษ แต่โทษตอนนี้มันคงรุนแรงกว่าตอนเด็กเยอะ

“อย่าเพิ่งเลย”เค้ามีแววตาไม่เข้าใจตาใสของเค้าเริ่มมีน้ำเอ่อขึ้นมานิดหน่อย ขอโทษ ผมเพียงคิดอยู่ในใจ ผมมันโง่เองนั่นแหละที่มัวแต่คิดไม่มั่นใจในตัวเค้า ทั้งที่เค้าเลือกผมแล้ว แล้วนี่เค้าจะเจ็บแค่ไหนที่โดนผมลืม แถมพอจำได้ผมก็ก่อปัญหาเอาไว้จนยากที่จะแก้ไขแบบนี้

“ทำไมละ”เค้าถามกลับมาเสียงแผ่ว

“อรรถว่า เราคงต้องเปิดอกคุยกัน”ผมบอกออกไปอย่างจริงจัง มันถึงเวลาแล้วแหละ ที่ทั้งผมและเค้าจะได้พูดอะไรให้มันตรงไปตรงมาเสียที ผมอาจจะดูเลวที่ตัดสินใจแล้วว่าจะพูดเรื่องอะไรก่อน แต่ถ้าท้ายที่สุดแล้วเค้าจะโกรธ จะเกลียดผม มันก็คงผิดที่ผมเองนี่แหละที่ตัดสินใจทำแบบนี้ เราสองคนหันกลับมามองหน้ากันนิ่งๆ

“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”เค้าดูกังวลเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม

“ตี้เลือกอรรถไม่ใช่เพราะตี้รักอรรถ แต่เพราะตี้เลือกจะอยู่กับคนที่รักตี้ ไม่ใช่คนที่ตี้รัก”เค้าตกใจที่ผมหยิบประเด็นนี้มาพูด แต่เค้าคงพอรู้แหละว่าผม รับรู้เรื่องนี้แล้วเพราะเค้าเป็นคนบอกกับผมเองในเรื่องนี้ ที่ยกมาพูดตอนนี้ไม่ใช่ว่าผมจะโทษให้เค้าเป็นคนผิด เพียงแต่ผมอยากให้เค้าคิดดีๆ ว่าแท้จริงแล้วเค้าตัดสินใจถูกหรือผิดที่เลือกผม เค้ามีความสุขหรือเปล่าที่อยู่กับผม แต่ผมก็ไม่ได้อธิบายทุกอย่างออกไปอย่างที่คิด

“มันไม่ใช่อย่าง...”น้ำตาเค้าเริ่มไหลออกมาจนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นเช็ด ทั้งที่อยากลุกขึ้นไปกอดเค้าเอาไว้ให้แน่น อยากบอกว่ามันไม่ใช่ความผิดของเค้า แต่ผมก็ละอายเกินไปที่จะทำอย่างนั้น เพราะถ้าเค้าเคยโลเลในการตัดสินใจ ตอนนี้ผมเองก็ไม่ต่างจากเค้าเลยสักนิด

“ตี้ยังไม่ต้องตอบอรรถตอนนี้ก็ได้ ตี้ลองกลับไปคิดทบทวนดูดีๆ ตอบตัวเองให้ได้ว่าตอนนี้ใครสำคัญกับตี้มากที่สุด”ผมรู้ว่าเค้าเองก็ให้ความสำคัญกับผมไม่น้อย เพียงแต่มันคงยังมีใครที่สำคัญกับเค้ามากกว่า

“คือเรา...”ไม่ชอบเลยที่ผมดันทำให้เค้าเหมือนกำลังรู้สึกว่าตัวเค้าเป็นคนผิด ทั้งที่ผมเองก็ทำผิดมาเช่นเดียวกัน

“ยังมีอีกเรื่องนึง”ผมรีบชิงพูดขึ้นไม่ให้เค้าได้พูดอะไรต่อ

“ฟู่ว”ผมพ่นลมหายใจออกอย่างตัดสินใจ นี่สินะความรู้สึกของคนที่ต้องสารภาพผิด

“คืออรรถมีอะไรกับหนุ่ย หลังจากที่อรรถบอกเลิกกับตี้”เค้านิ่ง นิ่งจนน่าใจหาย สีหน้าเค้าดูเรียบเฉย แม้น้ำตาเค้าจะเอ่อขึ้นมาบ้าง แต่เหมือนเค้าพยายามจะกดเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา

“ขอโทษ”ผมบอกออกไปเสียงเบา ตอนนี้ผมว่าผมเห็นความผิดหวังในแววตาของเค้า และเค้าก็ยังรับฟังเงียบๆ ไม่ได้พูดแสดงความเห็นอะไรให้ผมได้รู้เลยว่าเค้ากำลังคิดอะไรอยู่

“อรรถจะไม่โทษว่าเป็นเพราะอรรถจำตี้ไม่ได้ เพราะช่วงนั้นอรรถดันมีความรู้สึกกับหนุ่ยแถมมาถึงตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันก็ยังอยู่”แม้ผมจะรักเค้า แต่มันก็พูดได้ไม่เต็มปากอีกแล้ว ว่าผมรักเค้าทั้งใจ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คงช่วยให้เค้าตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น ผมคงเห็นแก่ตัวและขี้ขลาดเกินไปที่จะบอกเลิกกับเค้า ผมยอมรับว่ายังหวังลึกๆ ว่าเค้าอาจจะยังเลือกผมในตอนท้าย แต่ผมเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะตัดอีกคนออกจากใจได้ไหม

“หมายความว่าอรรถไม่ได้รักเราแล้ว อย่างนั้นเหรอ”เค้าถามออกมาอย่างเลื่อนลอย

“อรรถไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ อรรถไม่ได้บอกว่าเราต้องเลิกกัน อรรถแค่อยากให้เราสองคนได้ให้เวลากับตัวเองได้ทบทวนคำตอบให้กับตัวเอง”ตอนนี้ทั้งผมและเค้า คงต้องการเวลาด้วยกันทั้งคู่

“ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้”ต่างคนต่างเจ็บไม่ต่างกัน ก็ได้แต่หวังว่าเวลามันจะช่วยเยียวยาพวกเราทุกคน ผมมองปาร์ตี้ที่เดินออกไป เค้าหันมามองผมอีกครั้ง ผมได้แต่ฝืนยิ้มให้กับเค้า พร้อมกับเงยหน้าขึ้นไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา หนุ่ยเดินสวนกลับเข้ามา

“โอเคไหม”เค้าเอ่ยถามผม ผมเพียงแค่ยิ้มให้เค้าโดยไม่ได้พูดอะไรออกไป


TBC



หายไปพักใหญ่พอดีว่าป่วยคร๊าบ

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ

ส่วนเรื่องวุ่นๆ ของปาร์ตี้ ก็ใกล้จะเข้าสู่บทสรุปแล้ว

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
อะไรๆ มันคงจะดีขึ้น ใช่มั้ย?

 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ตี้เลิกไปเถอะ รำคาญอิอรรถมากกกกก ขอบอก

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อรรถ ถ้านายจะเป็นคนแบบนี้
นายไปยุ่งวุ่นวายกับตี้ตั้งแต่ต้นทำไม
เราว่าจริงๆแล้วนายไม่เคยรักตี้หรอก
ตอนนี้กล้าพูดกล้าถามแล้วเหรอว่าตี้รักตัวเองมั้ย
ก็แน่ล่ะซิเพราะตัวเองไม่ต้องแคร์ตี้ แต่แคร์หนุ่ย
นายคงแค่อยากเอาชนะ เพราะในใจนายมีแต่หนุ่ย
ซึ่งดูๆแล้วน่าจะมีความเลวพอๆกัน อรรถหนุ่ย
ขอให้ทั้งคู่สมหวังในความเลวที่ร่วมกันทำนะ
เราเป็นตี้ เราจะไม่บอกเลิกอรรถหรอก เพราะไม่ได้คบกัน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย  ไม่ไหวแล้ว ขอบทสรุปเร็วๆเลยได้ไหม สงสารตี้อะ เฮ้อออออ อีอรรถเห็นแก่ตัวมากๆเลย ตี้ไม่น่าตกลงคบกะมันตั้งแต่แรกเลย ไหนตอนแรกรับได้ไงว่าต่อให้ไม่รักแต่เลือกที่จะอยู่ด้วยก็รับได้ ทีนี้มาพูดแบบนี้  :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ปาร์ตี้...อยู่คนเดียว เริ่ดๆ เชิดๆ ไปเถอะ ทั้งอรรถที่คิดว่าดี แต่ตอนนี้คืออะไร อย่าให้พูดถึงอิแว่น อยู่คนเดียวถึงจะเหงา แต่ก็สบายใจดีนะ  :mew6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
หลังจากกลับมาเยกันอีกครั้ง
ถึงกับติดใจไม่เลิกเลยเหรอ

หุหุ
ง่ายไปไหม

ไอ่อรรถ
ห่าลากลงไปกินในน้ำ

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
ดีใจมากๆคิดว่าจะไม่ได้อ่านต่อพอเห็นอัพเดท ดีใจสุดๆ ดูแลสุขภาพด้วยนะคับผู้แต่ง
    คราวนี้เลิกกันจริงๆสินะ ปาร์ตี้  ชาร์ปทำคะแนนด่วนเลย

ออฟไลน์ MOMAMi_96

  • เรื่อยๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-3
ถ่านไฟเก่ามันร้อนจริงๆนี่นา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อรรถ ได้ความทรงจำกลับคืนมา
แต่ก็มีอะไรกับหนุ่ยไปแล้ว
ที่จริงไม่เห็นจะต้องโทร.ไปหาตี้เลยช่วงที่จำได้
มันไม่ช่วยอะไรอรรถอีก เพราะอรรถก็ระแวงตี้ไปตลอดแหละ
ถ้าอรรถคิดได้จริง ควรไปคุยกับหนุ่ยจริงจัง
ที่หนุ่ยย้อนมาหา มาอยู่บ้านอรรถ ทั้งที่จะไปอยู่ที่ไหนก็ได้
มันก็บอกได้ว่าหนุ่ยอยากกลับมาคืนดีกับอรรถ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ norita_boyV2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-1
PART II บทที่ 26
ใจเรายังตรงกันอยู่ไหม


Sharp's Part


“มาถามคู่บ่าวสาวกันหน่อยดีกว่าครับว่ารู้จักกันได้ยังไง”ผมนั่งมองภาพที่น่ายินดีของเพื่อน ขนาดผมไม่ใช่คนที่ยืนอยู่ตรงจุดนั้นความสุขมันยังแผ่กระจายมาถึงตรงนี้ ผมยิ้มจนหุบไม่ลง คำถามเบสิคถูกป้อนให้บ่าวสาวตอบ ทั้งเรื่องน่าประทับใจ และเรื่องหลุดๆ ที่ทั้งคู่เคยได้สร้างไว้ ก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณคนที่มาร่วมงาน

“จูบเลยๆ”เสียงตะโกนจากเพื่อนๆ เมื่อพิธีการได้จบลง แต่จริงๆ นี่ก็เป็นงานเลี้ยงช่วงเย็นที่จัดริมชายหาด สบายๆ อยู่แล้ว นี่หรือเปล่านะที่ผมเคยต้องการ

“ยิ้มขนาดนี้ไม่หาเจ้าสาวแต่งเองบ้างละชาร์ป”เสียงจากคนที่นั่งข้างๆ ทำให้ผมต้องหันไปมอง เหมือนวันนี้เค้าจะดื่มหนักอยู่ไม่น้อยและนี่คงตึงๆ เสียแล้วด้วยสิถึงได้เป็นฝ่ายแซวผมก่อนแบบนี้

“แต่งกับผมไหมละครับคุณปรีติ”ผมแกล้งแซวกลับจนไม่รู้ว่าเค้าหน้าแดงเพราะแอลกอฮอล์หรือแดงจากเขินในสิ่งที่ผมพูดกันแน่ ในเมื่อเค้าเองก็เลิกกับแฟนแล้ว ผมก็มีสิทธิ์ที่จะรุกเค้าได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรนี่นา

“เราไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย”เค้าตอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ แต่ผมเองทำเป็นไม่สนใจยกแก้วชนกับเค้า สงสัยคืนนี้ได้เมากันทั้งคู่แน่ๆ ครับ แถมคืนนี้ผมต้องนอนห้องเดียวกับเค้าสองต่อสองเสียด้วยสินะ ก็คืนนี้ไอ้เหมาต้องถูกส่งตัวเข้าหอนี่เนอะ

“คืนนี้อยู่กันสองคนอย่าเมาจนลุกขึ้นมาปล้ำเราล่ะ”การที่ได้มาอยู่ด้วยกันระยะนึงตอนนี้ และรู้ว่าเค้าอยู่ในสถานะโสดมันทำให้ผมกล้าหยอดเค้าแบบนี้ครับ และแน่นอนแอลกอฮอล์ยิ่งมีผลให้ผมกล้ายิ่งขึ้นไปอีก ตี้หันมองหน้าผมหน่ายๆ ก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นกระดกอีกครั้ง ไม่นานนักโลกส่วนตัวของผมกับเค้าก็จบลง เพื่อนๆ คนอื่นเลิกสนใจคู่บ่าวสาวหันมาพูดคุย สังสรรค์กันต่อ บรรยากาศกลับมาคึกคัก จนเวลาล่วงเลยใกล้จะเที่ยงคืน แขกเริ่มทยอยกลับเกือบหมดแล้ว พวกเพื่อนๆ เองก็เช่นกัน บ่าวสาวก็ร่ำลาแขกที่ทยอยกลับที่พัก

“กลับไปอาบน้ำนอนไหม”ผมถามคนที่ยังนั่งนิ่ง ไร้วี่แววว่าจะอยากกลับไปพักผ่อนแต่อย่างใดเค้าส่ายหน้าก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด

“กลัวที่ต้องอยู่กับเราสองต่อสองหรือไง”เค้าเหลือบมองผมด้วยหางตาง แล้วก็ผลักผมที่เข้าไปกระซิบข้างหูเค้าออก ด้วยอาการรำคาญที่แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ปฏิเสธกันเข้าไปเถอะ ถ้าเกิดคืนนี้เมาแล้วอารมณ์เปลี่ยวขึ้นมาอย่ามาง้อผมแล้วกัน

“เฮ้ยพวกมึงจะเที่ยงคืนแล้ว ใครจะแดกกลับไปแดกต่อที่ห้อง กูแจ้งเค้าใช้สถานที่ไว้แค่ถึงเที่ยงคืน”ไอ้เหมาตะโกนกลับมาน้ำกับกลุ่มพวกผมเพราะเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วที่ยังอยู่ริมหาด ทุกคนเลยช่วยกันหยิบอุปกรณ์ จัดแจงเตรียมไปดื่มต่อที่ห้องพักครับ เพราะไอ้พวกเพื่อนๆ ผมดูจะยังดื่มไม่จุใจ

“ไปก่อนเลย เราว่าจะเดินเล่นริมหาดสักพัก”คนที่ต้องกลับไปนอนห้องเดียวกับผม หันมาบอกนี่ตกลงว่าเค้ากลัวการจะนอนห้องเดียวกับผมจริงๆ หรือไงเนี่ย ผมอดที่จะอมยิ้มนึกเอ็นดูเค้าไม่ได้ จะมากลัวผมทำไมใช่ว่าผมจะบังคับขืนใจเค้าเสียหน่อย ถ้าเค้าไม่ยอมซะอย่างผมก็ไม่บังคับอยู่แล้ว ว่าแต่ว่านี่ผมคิดไปถึงขั้นนั้นแล้วหรือไงเนี่ย

“ป่ะ พร้อมแล้ว”ผมลุกขึ้นยืน พร้อมจับแขนเค้า

“อะไร”เค้าทำหน้างง

“ก็เดินเล่นริมหาดไง เราเดินเป็นเพื่อนจะได้ไม่เหงา”ผมเดินจูงมือเค้าเดินโดยไม่ได้สนใจท่าทีขัดขืนและการพยายามแกะมือผมออก สุดท้ายเค้าก็ยอมเดินตามผมมาโดยไม่คัดค้านอะไรอีก ไม่มีคำพูดหรือบทสนทนาใดๆ ระหว่างเราสองคนอีกมีเพียงเสียงคลื่นที่ซักเข้ามากระทบกับผืนทรายที่เราเดินย่ำกันอยู่

“กลัวที่ต้องนอนกับเราสองคนเหรอ”ผมหยุดเดินและเป็นคนทำลายความเงียบระหว่างเรา สายตาผมจับจองไปในท้องทะเลสีดำที่มองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง มันก็คงไม่ต่างกับจิตใจของคนข้างๆ ผมตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่กันแน่ เค้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งเดียวที่ผมอยากรู้จากเค้าคือความรู้สึกที่เค้ามีต่อผม

“เปล่า”เค้าตอบเสียงเรียบไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา เค้ามักเป็นแบบนี้เสมอ ถ้าเค้าตั้งตัวไว้ปาร์ตี้มักจะเก็บความรู้สึกไว้ไม่แสดงออกมา เพราะแบบนี้ผมเลยตั้งใจว่าต้องแกล้งให้เค้าตั้งตัวไม่ทัน เค้าจะได้เผลอแสดงอาการอะไรออกมาบ้าง บางครั้งผมก็มีแอบคิดเข้าข้างตัวเองนะครับ ว่าเค้าเองก็คงมีเผลอใจให้ผมบ้างแหละน่า แต่จะทึกทักเอาเองออกตัวแรงไปก็กลัวจะเงิบครับ

“หรือว่ากลัวห้ามใจตัวเองไม่ไหว”

“บ้าเหรอ”อันนี้ได้ผลครับ เค้ารีบปฏิเสธด้วยอาการไม่ปกติแล้ว ผมหันไปมองเค้ายิ้มๆ แม้จะอยู่ในความมืดแต่แสงจากพระจันทร์ก็พอมองออกว่าเค้ากำลังเขิน ผมอาศัยจังหวะที่เค้าไม่ทันตั้งตัว โอบไหล่เค้าแล้วค่อยๆ เลื่อนเป็นกอดคอ เพราะสายตาขวางๆ ที่จ้องมองผมกลับมา

“กอดคอ แบบเพื่อนไง เราเพื่อนกันนิเนอะ”ผมแกล้งทำตีเนียนไม่ยกแขนออก ค้างไว้อย่างนั้น

“กลับห้องเถอะ”เค้าขยับตัวออกจากผม แล้วเดินนำตรงกลับห้องพักของเรา ผมยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินตามเค้า

พอถึงห้องเค้าจัดแจงแบ่งเขตแดนเตียงนอนด้วยหมอนข้างใบใหญ่ ตอนนี้ห้องพักของเราทั้งคู่ถูกไอ้เหมาเปลี่ยนมาเป็นห้องสำหรับ 2 คนแถมแกล้งไม่เลือกแบบเตียงแยกให้เราสองคนนะครับ จัดมาให้นอนเตียงเดียวกันยังกับรู้ใจผม ส่วนปาร์ตี้นะเหรอครับ รายนั้นพอรู้ก็ขอเปลี่ยนแหละครับ แต่ห้องดันเต็มหมด เลยต้องอยู่ในภาวะจำยอมครับ เมื่อเห็นเค้ายังไม่พอใจกับการแบ่งเขตการนอน ผมเลยขอเป็นคนอาบน้ำล้างตัวก่อน

หลังผมอาบเสร็จก็เป็นปาร์ตี้ที่เข้าไปอาบต่อ ส่วนผมกำลังมองเตียงนอนอย่างนึกขำ นี่เค้าเอาอะไรมากั้นเราสองคนบ้างเนี่ย จริงๆ ถ้าจะทำขนาดนี้บอกผมนอนโซฟา หรือให้ไปขอนอนกับเพื่อนคนอื่นดีกว่าไหม ผมส่ายหน้าขำๆ กับภาพตรงหน้า หูผมตั้งใจฟังว่าเค้าจะออกจากห้องน้ำตอนไหน พอเสียงน้ำเงียบไป ผมเองรีบล้มตัวลงนอนกะว่าจะแกล้งหลับครับ ไม่นานเสียงประตูห้องน้ำก็เปิดออกมา ผมแกล้งทำลมหายใจให้สม่ำเสมอเหมือนคนหลับแล้วให้เนียนที่สุด จะแกล้งกรนก็กลัวเค้าจับได้ เพราะผมก็ไม่ใช่คนนอนกรน และเค้าเองก็รู้ในข้อนั้น เสียงเท้าของเค้าเดินมาทางผม นี่สงสัยกะมาเช็คว่าผมหลับแล้วจริงๆ หรือเปล่า เสียงเดินของเค้าห่างออกจากผมอีกครั้ง

ผมแอบหรี่ตามองนิดๆ เห็นเค้ากำลังทาโลชั่นก่อนนอนอยู่ นี่คงคิดว่าผมหลับแล้วจริงๆ สินะ เดี๋ยวก็รู้ ผมพึมพำอยู่ในใจ และรอแค่ไม่นานเสียงสวิตซ์ไฟที่ถูกปิดก็ดังขึ้น ตามด้วยน้ำหนักตัวของเค้าที่ทิ้งลงบนเตียงอีกข้างนึง ผมค่อยๆ ยกยิ้มมุมปาก จนเมื่อแน่ใจว่าเค้านอนนิ่งๆ แล้ว ผมรีบดีดตัวอย่างรวดเร็ว เอาหมอนข้างออกและดึงตัวเค้าเข้ามากอดโดยไม่ให้เค้าทันตั้งตัว

“อย่าทำแบบนี้ชาร์ป”หลังจากพยายามดิ้นแล้วไม่เป็นผล เค้าก็หยุดและพูดออกมาเสียงเย็น ผมยังคงกอดเค้าไว้หลวมๆ ที่จริงผมเองก็อยากจะรุกเค้าให้มากกว่านี้นะครับ แต่อีกใจก็กลัวจะทำให้เค้ากลายเป็นเกลียดผมไปเสียก่อนนี่สิ อีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าเค้ายังรักคุณอรรถอยู่มากแค่ไหน

“ขอแค่อยู่แบบนี้ได้ไหม พรุ่งนี้เราก็ต้องแยกย้ายกันไป ไม่รู้เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีก”ผมกระซิบที่ข้างหูของเค้า เค้าเองพลิกตัว หันมาเผชิญหน้ากับผม แม้จะอยู่ในความมืดไม่ได้มีแสงไฟ แต่เราก็ยังจ้องมองกันและกัน

“เพื่ออะไรเหรอชาร์ป”ผมไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะขยับตัวชิดเข้าหาเค้ามากขึ้น ริมฝีปากของเค้าคือเป้าหมายของผม ผมถือวิสาสะลิ้มรสมันอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้สัมผัสมานาน เค้าดูตกใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรผม ทำให้ผมยิ่งได้ใจสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากหวานนั้นอย่างไม่เกรงใจ มือผมเองเริ่มรุกล้ำเข้าใต้เสื้อตัวบางของเค้า

“หยุดเถอะ”ข้อมือผมถูกห้ามโดยมือของอีกฝ่าย เค้าขยับตัวออกจากผมทันที สายตาผมยังคงมองเค้าด้วยความเว้าวอน

“ตกลงกันแล้วไงว่าเราสองคนจะไม่ทำแบบนี้กันอีก”เค้าขยับเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ ผมควรหยุดไว้แค่นี้หรือไปต่อดีละ

“ถ้าไม่นอน เราจะออกจากห้องตอนนี้แหละ”ท่าทางจริงจังของเค้าทำให้ผมไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีก ผมพยักหน้าเป็นสัญญานให้เค้าว่าจะไม่ล้ำเส้นอะไรอีก จะนอนเฉยๆ แล้ว

“ไหนบอกว่านอนไง”เสียงเค้าตวาดทันทีที่ผมสวมกอดเค้าอีกครั้ง

“แค่กอดเฉยๆ นะ”เค้าดูเหนื่อยหน่ายกับการกระทำของผมเต็มทน แต่ก็ยอมนอนนิ่งๆ แต่โดยดี ผมอมยิ้มปิดเปลือกตาลง คืนนี้ผมคงฝันดีแน่ๆ ไม่นานเราทั้งคู่ก็หลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน ซึ่งนั่นมันทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าผมคิดผิด

“ไอ้อ่อนเอ้ย กูอุตส่าห์วางแผนช่วยทุกอย่าง แกล้งเมาให้ได้นอนเตียงเดียวกันก็แล้ว ปล่อยอยู่กันสองต่อสองก็แล้ว ยังปล่อยมันกลับไปหาแฟนเก่าอีก กูควรด่ามึงดีไหมเนี่ยแว่น”เสียงไอ้เหมาตะคอกใส่ผมมาตามสายโทรศัพท์ ตอนนี้ผมกลับมาอยู่ภูเก็ตแล้วละครับ และนี่ก็กำลังนัดแนะกับไอ้เหมาเรื่องที่มันจะมาฮันนีมูนที่นี่โดยมีผมเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ แต่ข้อแม้คือมันต้องพาปาร์ตี้มาด้วยให้ได้

ก็ไอ้ผมก็ไม่คาดคิดว่าวันนั้นที่เราหลับไปในอ้อมแขนกัน ตื่นเช้ามาฝันหวานของผมจะหายไปในพริบตา ผมตื่นมาไม่พบปาร์ตี้ เพราะเค้าแอบกลับ กรุงเทพฯ โดยไม่บอกใครสักคำ เค้าบอกกับไอ้เหมาทีหลังว่าคุณอรรถเข้าโรงพยาบาล แต่นั่นยังไม่เลวร้ายพอสำหรับผม เพราะอีกไม่กี่วันต่อมา ดันได้รับรู้ว่าความทรงจำของคุณอรรถกลับมาแล้วด้วยนี่สิครับ นี่ถ้าคืนนั้นผมรวบหัวรวบหางปาร์ตี้ซะ ผมอาจจะเป็นต่อขึ้นมาบ้าง

“กูนึกว่ามึงจะบอกมันไปแล้วเสียอีกว่ารู้สึกยังไง แต่ตอนนี้มันคงไม่เหมาะแล้ว มึงก็รอดูเค้าคืนดีกันไปแล้วกันนะ”อ้าวไอ้นี่เยาะเย้ยผมเสร็จก็วางสายไปเลยครับ ผมได้แต่นั่งถอนหายใจ ก็ไอ้สิ่งที่ไอ้เหมาเพิ่งพูดมันทำให้ผมต้องเก็บมาคิด ก็ถ้าผมบอกความรู้สึกตัวเองออกไปแต่ปาร์ตี้เองกลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับผม แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร

“เพื่อนๆ มากันวันไหนละลูก”เสียงของแม่ดังมาจากด้านหลังของผม ผมหันกลับไปโอบแม่ไว้พร้อมแกล้งซบ ก่อนจะหอมแก้มแม่ไปฟอดใหญ่

“มาถึงเย็นๆ พรุ่งนี้ครับ”ผมบอกเสียงอ้อนๆ

“ไปงานแต่งเหมามาเนี่ย ไปเจอใครมาหรือเปล่า”ผมขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจในคำถามของแม่

“ก็เห็นกลับมาละ ทำตัวยังกับคนอกหัก แม่ก็นึกว่าไปเจอชะเอม หรือน้องปลา อะไรแนวนั้นมาหรือเปล่า”โหแม่ผมคิดไปได้ยังไงเนี่ย ว่าแต่ผมเหมือนคนอกหักตรงไหนเนี่ย ก็แค่ซึมๆ ไปบ้าง ข้าวปลามันก็ไม่ค่อยมีเวลากินเท่านั้นเอง ก็งานมันเยอะนิครับ จะให้ทำไง

“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่ เดี๋ยวรอเล่นกับหลานดีกว่า แพทเค้าพาน้องแมทมาด้วยนะครับ”ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องไม่อยากให้แม่มากังวลกับเรื่องของผม ส่วนเหมากับแพทนี่ทั้งที่ผมบอกแล้วว่าจะจัดห้องที่โรงแรมให้แบบดีๆ ดันจะอยากมาพักที่บ้าน ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะครับ แต่แค่เห็นว่าเพื่อนมาฮันนีมูน แล้วการมาอยู่บ้านผมเนี่ยมันเหมือนฮันนีมูนตรงไหนเนี่ย

“แล้วตกลงเหมา แพท กับน้องแมทมากันแค่ 3 คนเองเหรอ ปาร์ตี้ละลูก”ไม่ใช่แค่แม่หรอกครับที่อยากให้เค้ามาผมเองก็อยาก

“แฟนเค้า เข้าโรงพยาบาลนะครับแม่”ผมตอบเลี่ยงๆ ก่อนจะเลี่ยงขอตัวไปทำงาน ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูชื่อของคนที่อยู่ในบทสนทนาของผมกับแม่เมื่อสักครู่ ผมลังเลที่จะกดเบอร์อยู่ครู่นึงสุดท้ายก็ กดปิดไป ยังไงเค้าก็ไม่มาอยู่ดีแล้วผมจะโทรไปให้ตัวเองยิ่งเจ็บทำไมละเนี่ย ผมหยุดคิดฟุ้งซ่านกลับมาสนใจกับงานตรงหน้าอย่างที่เคยเป็น

พอถึงวันนัดกับไอ้เหมา ผมมารอที่สนามบินก่อนเวลาเครื่องลงนิดหน่อยจนพอถึงเวลาผมก็เข้ามายืนรอที่ผู้โดยสารฝั่งขาเข้า ผมมองที่หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ที่บอกเวลา ว่าพวกไอ้เหมามาถึงแล้ว รออยู่พักนึงก็เริ่มเห็นคนทยอยเดินกันออกมา และแล้วผมก็ต้องแปลกใจก็คนที่จูงมือน้องแมทออกมานั่นมัน

“กูก็เพิ่งรู้ก่อนจะมาแบบฉิวเฉียดนี่แหละ”ไอ้เหมาเดินมาพูดเบาๆ ให้ผมได้ยินแต่ผมไม่ได้สนใจมันครับ ผมแทบจะเดินผ่านมันไปหาอีกคน

“ลุงแว่นหวัดดีฮ่ะ”เด็กน้อยยกมือไหว้ผม ก่อนจะจับมือปาร์ตี้เช่นเดิม นี่สองคนนี้ไปสนิทกันตอนไหนเนี่ย ตอนอยู่งานแต่งผมยังไม่เห็นว่าจะสนิทกันเลย ผมกับเค้าแค่ยิ้มทักทายกัน ก่อนผมจะฉวยเอากระเป๋าของเค้ามาช่วยถือ เราทุกคนต่างช่วยกันเก็บกระเป๋าขึ้นรถ มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของผม เพราะอาหารเครื่องดื่มเตรียมพร้อมรอพวกเราอยู่แล้ว

บรรยากาศภายในรถดูสนุกสนาน โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กที่ดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ แถมเพื่อนซี้เค้าก็ดูจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเหลือเกิน ไม่รู้เด็กโตเกินวัยหรือผู้ใหญ่ลดอายุไปหาใครกันแน่ครับ แต่ก็ดูน่ารักดี ผมเองก็ไม่ค่อยได้เห็นมุมแบบนี้ของปาร์ตี้เค้าเท่าไหร่

“มากันแล้วเหรอ เดี๋ยวเอาของไปเก็บแล้วมากินข้าวกัน กำลังร้อนๆ เลย อ้าวปาร์ตี้ลูก นึกว่าไม่มานี่ชาร์ปหลอกอำแม่หรือเปล่า”แม่ผมออกมาต้อนรับ และทักทายรับไหว้จากทุกคน ผมให้เด็กในบ้านช่วยยกกระเป๋าพาทุกคนเอาของไปเก็บ

“แล้วตัวเล็กนี่ใครเอ่ย”เอาแล้วครับแม่ผม สงสัยอาการอยากมีหลานกำเริบอีกแล้ว ส่วนเจ้าตัวเล็กนั่นก็ดูจะขี้อ้อนไม่น้อยทีเดียว

“หวัดดีฮ่ะ นี่น้องแมทเอง”แม่ผมดูตาเป็นประกายเชียวครับ แต่ผมกลับรู้สึกตรงกันข้าม เพราะผมคงมีหลานอย่างที่แม่หวังไม่ได้เสียแล้ว

หลังเก็บของกันเรียบร้อยเราก็กลับมาทานมื้อค่ำกัน ดูวันนี้จะเป็นมื้อใหญ่สำหรับบ้านเราทีเดียวครับ นานแล้วที่ไม่ค่อยมีแขกมาพักที่บ้าน เพื่อนๆ ของพ่อกับแม่ส่วนใหญ่ถ้ามาก็มักไปพักที่โรงแรมกันหมด บรรยากาศมื้อค่ำของเราวันนี้เลยดูอบอุ่นกันเป็นพิเศษ

“แล้วนี่มาฮันนีมูนกัน กะมีน้องให้แมทกันเลยหรือเปล่าเนี่ย”แม่ผมเอ่ยแซว เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดีทีเดียวครับ

“ดูเพื่อนเป็นตัวอย่างบ้างสิชาร์ป นี่พ่อกับแม่ก็รออุ้มหลานกันจนเหงือกแห้งแล้ว”พ่อผมพูดออกมาขำๆ อย่างไม่จริงจัง แต่ผมก็เหมือนโดนสะกิดให้ฉุกคิดอีกแล้วแหละครับ

“เดี๋ยวฝากลูกแพทเป็นหลานชั่วคราวไปก่อนแล้วกันนะคะ”แพทบอกกลับพร้อมหันมามองผมอย่างให้กำลังใจ การทานข้าวผ่านไปด้วยความสุขใจของทุกๆ คน จะมีก็แต่หนึ่งคนที่แม้จะดูยิ้มแย้มแต่ก็พูดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

หลังทานข้าวเสร็จแพทก็พาน้องแมทไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน โดยแม่ผมขอน้องแมทไปนอนด้วย นี่ตกลงแม่ผมจะกดดันอะไรผมหรือเปล่าเนี่ย สรุปวันนี้ด้วยความที่ดึกมากแล้วจากแผนเดิมที่ว่าจะดื่มกันของพวกผมเลยเหมือนจะถูกพับไปโดยปริยาย แล้วทุกคนก็ยังอยู่อีกหลายวัน พรุ่งนี้ผมก็จะพาทุกคนไปล่องเรือด้วยแม่เลยไม่อยากให้พวกผมนอนดึกกันมากนัก

“มันยังไม่คืนดีกับคุณอรรถ จะทำอะไรก็รีบทำ”คำพูดที่ไอ้เหมาบอกกับผมเบาๆ ก่อนจะแยกตัวไปพักผ่อน ทำให้ตอนนี้ผมซึ่งอยู่ในชุดนอน มีเสื้อคลุมทับอย่างสบายๆ มายืนอยู่หน้าห้องของใครบางคน พร้อมไวน์อีก 1 ขวด นี่เค้าคงยังไม่หลับหรอกมั้งเพราะดูยังมีแสงไฟลอดออกมาจากห้องของเค้าอยู่

“ก๊อกๆ”ผมเคาะไปที่ประตูห้อง ผมพยายามฟังเสียงว่าเค้าเดินมาเปิดประตูให้ผมหรือเปล่า แต่เหมือนจะยังเงียบอยู่ผมเลยงื้อมือเตรียมเคาะอีกรอบ โชคดีที่ยั้งมือไว้ทันเพราะคนในห้องดันเปิดประตูออกมาพอดี นี่มือผมแทบจะเคาะที่หน้าผากเค้าอยู่แล้ว เค้ามองผมแทบจะหัวจรดเท้า แล้วตัวเค้าเองก็ขยับเสื้อคลุมของตัวเองให้ชิดขึ้น ผมไม่ได้รอให้เค้าอนุญาต ก็นี่มันบ้านผม ผมเลยรีบเบียดตัวผ่านประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว

“ทำอะไรเนี่ย”เค้าถามอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ปิดประตูล็อคอย่างดี จนผมอดยิ้มไม่ได้ตอนนี้สำหรับผมมันเหมือนความรู้สึกเก่าๆ ในช่วงที่เราเคยอยู่ด้วยกันมันกลับมา ความรู้สึกที่ผมว่า ผมกำลังมีความสุข ที่จริงผมอาจจะเผลอรักเค้าตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพียงแต่ผมเองไม่อยากจะยอมรับ

“เรารู้ว่าตี้มีเรื่องไม่สบายใจอยากระบาย เราให้ตี้ระบายออกมาจนกว่าไวน์ขวดนี้จะหมด ถ้าหมดเมื่อไหร่เราจะกลับห้องทันที ไม่รบกวนอะไรตี้เด็ดขาด”ผมยกขวดไวน์พร้อมแก้วไว้ตรงหน้าเค้า ผมชู 3 นิ้วเหมือนให้คำปฏิญาน เค้าหยิบแก้วไปไว้ในมือหนึ่งใบ พร้อมเอียงคอเป็นการตอบตกลง ผมรีบจัดการเปิดไวน์รินให้เราทั้งคู่อย่างรวดเร็ว

“เล่าดิ”ผมรีบคะยั้นคะยอเมื่อเค้ายังคงจิบไวน์เงียบๆ ไม่มีทีท่าว่าจะปริปากพูดอะไรให้ผมฟัง

“เล่าไร เราไม่ได้เป็นไร”ไม่อยากจะบอกเลยว่ารอบนี้เค้าโกหกโคตรจะไม่เนียน แต่เอาเถอะในเมื่อยังไงเค้าขนาดเปลี่ยนใจตามไอ้เหมามานี่ผมก็ต้องมีหวังบ้างล่ะ ผมไม่ได้ซักไซร้อะไรเค้าอีก ถ้าเค้าอยากเล่าเค้าก็คงเล่าออกมาเอง เค้าหยิบอัลบั้มรูปเก่าๆ ที่วางอยู่หัวเตียงมาเปิดดู ดูเหมือนจะเป็นรูปตอนเด็กๆ ของผม พอเห็นความน่ารักในวัยเด็กของผมทำให้เค้ายิ้มออกมา และบรรยากาศในห้องดูจะผ่อนคลายขึ้น นั่นส่งผลให้ไวน์ขวดนึงหมดลงอย่างรวดเร็ว เค้าชี้ให้ผมดูเพื่อเป็นการเตือนว่าเวลาของผมหมดแล้ว

“เราขอพิสูจน์อะไรหน่อยได้ไหม”ถ้าผมพลาดวันนี้ผมอาจจะไม่มีโอกาสอีกเลยก็เป็นได้ ผมค่อยๆ โน้มตัวเค้าไปหาเค้าเพื่อลิ้มรสริมฝีปากที่เตือรสชาดของแอลกอฮอล์นั้น

“ถ้าตี้รู้สึกเหมือนกันกับเราก็อย่าปฏิเสธเราเลย”ผมรีบบอกก่อนที่เค้าจะปฏิเสธผม เค้าหยุดคิดไปนิดนึงก่อนจะดึงหน้าผมเข้าไปจูบ ไม่ว่ามันจะหมายความว่ายังไง ผมก็จะไม่ยอมปล่อยเค้าไปอีกแล้ว มันไม่มีคำพูดใดๆ ของเราทั้งคู่อีกผมเองเหมือนกำลังกระหายแทบจะอยากกลืนกินเค้าเข้าไปทั้งตัว เราต่างถาโถมเข้าหากันอย่างไม่มีใครยอมใคร รอบแล้วรอบเล่าจนเราทั้งคู่ต้องหอบหายใจเพราะหมดแรง

“เรารักตี้นะ”ผมกระซิบแผ่วเบา ก่อนจะซุกหน้าลงที่ซอกคอของเค้า ผมบอกออกไปแล้ว แต่เค้ากลับเงียบไม่ตอบอะไรหรือแสดงความเห็นใดๆ กลับมา แต่เค้าก็ไม่ได้ปฏิเสธผมนี่เนอะ ผมค่อยๆ ปิดเปลือกตาลงอย่างหมดแรง หวังว่าตื่นมาพรุ่งนี้เค้าคงไม่หายไปไหนอีกนะ ตอนนี้จะว่าผมเข้าข้างตัวเองก็ว่าได้ครับ เค้ายอมผมขนาดนี้แล้ว ยังเหลืออีกตั้งหลายวันผมต้องทำให้เค้าพูดออกมาจนได้แหละครับว่าคิดยังไงกับผมกันแน่



ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมีแสงแดดยามเช้าลอดผ่านม่านเข้ามา มือผมควานหาอีกคนทันที แต่แล้วผมก็ต้องรีบดีดตัวขึ้น นี่เค้าจะหนีผมไปไหนอีกหรือเปล่าเนี่ย ผมรีบลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าใส่ลวกๆ เปิดดูในห้องน้ำ แล้วรีบออกจากห้อง ตอนนี้ชักจะใจไม่ดีแล้วครับ

“อ้าวชาร์ปตื่นแล้วเหรอลูก แล้วนี่ไปไหนมาทำไมมาจากทางนั้น”ผมไม่มีเวลาอธิบายให้แม่ฟังแล้วครับเพราะตอนนี้กำลังร้อนใจ แต่ก็ยังหวังว่ามันจะไม่มีอะไร เพราะแพทก็อยู่ตรงนี้ แต่ไอ้เหมาไม่อยู่ตี้อาจจะไปไหนกับไอ้เหมาก็เป็นได้

“แพทเห็นตี้ไหม”ผมรีบถามอย่างร้อนใจ แพทพยักหน้ารับทำให้ผมเริ่มรู้สึกสบายใจไปนิดนึง

“เค้าโดนหัวหน้าโทรตามแต่เช้า กลับกรุงเทพฯไปแล้วแหละ แม่พูดยังไงก็จะไปให้ได้ หัวหน้าของตี้นี่ก็ไม่รู้ยังไง ให้ลามาแล้วจะมาเรียกกลับกะทันหันแบบนี้ได้ยังไง”แม่ผมพูดอะไรอีกบ้างผมแทบไม่ได้ฟัง นี่มันหมายความว่ายังไง เมื่อคืนทุกอย่างมันก็เหมือนจะจบด้วยดีแล้วนี่นา หรือผมเองคนเดียวที่คิดแบบนั้น

“เราขอโทษนะแพท เดี๋ยวเราจะให้คนมาดูแลแพทกับไอ้เหมาตามทริปที่คุยกันไว้ แต่เราคงไปด้วยไม่ได้ เราจะไปกรุงเทพฯ”







TBC

อย่างที่เคยบอกนะครับว่าคงจบที่ตอน 30

4 ตอนสุดท้ายก็จะเป็นการเล่าในมุมของปาร์ตี้แล้วนะครับ

คนที่จะเป็นคนจบเรื่องราวทั้งหมด ตี้คิดยัง และตี้จะเลือกใคร

อดใจรออีกแค่ 4 ตอนครับ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันเช่นเคยนะครับ


ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ด่านสำคัญของชาร์ป..ไม่ใช่ตี้

แต่อยู่ที่พ่อแม่ของชาร์ป ตะหาก
ว่าจะฝ่าด่านนี้ไปได้อย่างไร

ลุ้นกันตัวโก่ง
หุหุ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด