}Preoder{Contract มาเฟีย (ป๋า-มิท) P.31
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: }Preoder{Contract มาเฟีย (ป๋า-มิท) P.31  (อ่าน 409483 ครั้ง)

ออฟไลน์ youiioza12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ความรู้สึกเหมือนจะได้กินมาม่า

ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
ไม่เอามาม่านะ ไวไว ต้มยำ เอฟเอฟ ซื่อสัตย์ กุ๊งกิ๊ง ก็ไม่เอาาา

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :call:สวีทร้อนแรงเลย

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ร้อนแรงมาก

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
รอบที่29 โลกทั้งใบ

   ลูเซียสทานมื้อเช้าพร้อมกับลูกชายบุญธรรมที่มีความสัมพันธ์อันแสนครุมเครือ พออิ่มบอสใหญ่ปล่อยให้อีหนูได้พักโดยมีไมค์คอยดูแล ส่วนตัวเองปลีกตัวออกมาจัดการงานที่เหลือ

   จากวันที่ลูเซียสลั่นวาจาให้กวาดล้างคนทรยศในแก๊งก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เพียงแต่เรื่องราวไม่จบแค่นั้น เนื่องจากข่าวการกลับมาของบอสใหญ่ไม่ได้หลุดออกไปจากเหล่าคนทรยศ แต่มีบุคคลที่สามเป็นผู้ปล่อยข่าว นั่นคือเรื่องที่ต้องจัดการกันต่อไป

   ลูเซียสนั่งประจำในห้องเดิมที่เคยคุยวีดีโอคอลกับหยางซิ่ว แต่เปลี่ยนคู่สนทนาเป็นแฝดผู้กุมอำนาจในอิตาลี

   แฝดคนพี่ชื่อ ‘ซิริอัส’ บุคลิกมาดขรึมจรังจัง ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ดูเยือกเย็นต่างจากแฝดน้อง ‘สกอร์เปียส’ ที่ดูร้อนเหมือนเปลวเพลิงและมีรอยยิ้มติดมุมปากอันเป็นเอกลักษณ์ ช่างเป็นแฝดที่ไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง นอกจากเพศก็มีคนรักคนเดียวกันและนิสัยอันแปลกประหลาดยากจะคาดเดา

   /หายากนะที่นายจะติดต่อมาเอง ลูเซียส/ สกอร์เปียสเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา ทั้งคู่ติดต่อสื่อสารกับลูเซียสผ่านทางคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของซิริอัส ด้วยพื้นที่มีจำกัด แฝดคนน้องจึงนั่งบนที่วางแขนขณะโบกมือทักทายผู้ที่อยู่ปลายทาง ในขณะที่แฝดคนพี่นั่งไขว่ห้างผสานมือบนตัก

   “ถ้าพวกนายยังอยากส่งสินค้าผ่านถิ่นฉันอย่างปลอดภัย ส่งข้อมูลมาซะ” ลูเซียสยังคงเป็นลูเซียสที่ไม่เสียเวลาพูดพล่ามไร้สาระ หลังจากให้คนของอเล็กเซย์ที่ไม่มีใครจับตามองช่วยสืบมาแล้วว่า มีคนจ้างแฮกเกอร์ที่เป็นคนรักของแฝดคู่นี้ให้ปล่อยข่าวเกี่ยวกับลูเซียสออกไป

   ซิริอัสที่เงียบอยู่นานยอมเปิดปากพูดในที่สุด /โลกนี้ไม่มีของฟรี มาเจรจากันหน่อยเป็นไง/ ตัวตนของแฮกเกอร์ถือเป็นความลับขั้นสุดยอดที่แฝดไม่ยอมเผยออกมาแม้เสี้ยวเดียว แน่นอนว่าไม่ยอมให้ใครเข้าถึงได้ง่ายๆ การที่ยอมให้คนรักของตัวเองรับงานไร้สาระแบบนี้ ต้องมีเบื้องหลังบางอย่าง ซึ่งคงหนีไม่พ้นเรื่องสินค้าล็อตใหญ่ที่มีข่าวว่าจะส่งผ่านรัสเซียในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

   มั่นใจเลยว่าต้องเป็นสินค้าที่ลูเซียสเกลียดเข้าไส้ อีกฝ่ายถึงใช้วิธีอ้อมโลกเพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเอง เพราะหากสุ่มสี่สุ่มห้าขนผ่านมาแล้วถูกคนของลูเซียสจับได้ คงยากจะคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมัน...

   แฝดคู่นี้เป็นที่โจษจันเรื่องความไร้ยางอาย สามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการโดยไม่สนใครหน้าไหน แล้วยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ขนาดคนรักที่หวงนักหนา ยังมีข่าวหลุดออกมาเลยว่าเจ้าพวกนี้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์บุกไปลักพาตัวถึงที่

   ลูเซียสเองก็ไม่ใช่คนยึดติดอุดมการณ์ขนาดนั้น เมื่ออยู่ในจุดนี้บางครั้งยอมปิดตาข้างหนึ่งย่อมมีผลดีกว่าทำอะไรตามใจตัวเอง อีกอย่างลูเซียสไม่อยากจะเสี่ยงเพราะในเวลานี้เขามีคนสำคัญเพิ่มมาอีกคน

   “ว่ามา” ถึงจะยอมเจรจาแต่เขาจะไม่ยอมเสียเปรียบเป็นแน่ รอให้อีกฝ่ายเสนอความต้องการมาก่อน ส่วนตัวเองคิดทบทวนว่าจะตอบรับหรือเปลี่ยนข้อเสนอใหม่

   พอมีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ฟาดฟันด้วยสายตาและคำพูด อาคมยืนสงบนิ่งด้านหลังบอสราวกับไม่มีตัวตน ส่วนสกอร์เปียสไม่มีหน้าที่ในการเจรจา เลยเดินหายไปจากกล้อง แว่วเสียงเรียกคนรักพร้อมเสียงประตูที่ปิดลง คงไม่ต้องเดาว่าหายไปไหน

   กว่าสองมาเฟียผู้สวมบทเป็นพ่อค้าหน้าเลือดจะตกลงกันได้ลงตัว ก็ปาไปสามชั่วโมงกว่า ซึ่งผลสรุปออกมาว่า ลูเซียสจะได้ข้อมูลที่ต้องการโดยจ่ายเงินเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนทางซิริอัสสามารถส่งสินค้าได้ตามตาราง เพียงแค่ต้องจ่ายค่าอำนวยความสะดวกเป็นจำนวนเงินหลายหลัก เรียกได้ว่าไม่มีใครเสียเปรียบหรือได้เปรียบกัน

   หลังตัดการสื่อสารแล้ว เขาจึงสั่งงานอาคมให้ส่งข้อมูลคนปล่อยข่าวไปยัง ‘ซาร์’ คนเก่าคนแก่ตั้งแต่รุ่นของอาที่ลูเซียสไว้ใจรองจากสมาชิกหลักที่ตามไปอยู่ในไทย ด้วยหน้าที่คนดูแลแก๊งประจำรัสเซียในช่วงที่ลูเซียสไม่อยู่ ซาร์ย่อมมีวิธีจัดการคู่แข่งตัวฉกาจได้อย่างสาสม เพราะลูเซียสไม่ว่างพอจะลงมือด้วยตัวเอง

   เมื่อเคลียร์ทางนี้เสร็จแล้ว มือหนาพิมพ์ข้อความส่งอีเมล์ไปถึงใครบางคน เนื้อหาภายในนั้นเขียนสั้นๆ ว่า...

‘อีกสองวัน ผมจะไปพบคุณ
ด้วยรักจาก ลูเซียส มิไรฮอฟ’

   ลูกศรถูกเลื่อนไปยังปุ่ม Send พอมั่นใจว่าข้อความได้ถูกส่งไปเรียบร้อยแล้ว ลูเซียสปิดเครื่องก่อนจะลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะรอข้อความตอบกลับ เพราะอีกไม่นานจะได้คุยต่อหน้าแล้ว


   ป๋ากลับมาหาผมอีกครั้งตอนเย็น คนอื่นอาจจะไม่สังเกตเห็น แต่ผมพอเดาได้ว่าเรื่องวุ่นวายคงเคลียร์ไปเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อสีหน้าป๋าดูผ่อนคลายมากกว่าเมื่อเช้า

   เพราะได้รับการดูแลอย่างดีชนิดแทบไม่ต้องเดินเองแถมยาราคาแพงอีกชุดหนึ่ง ผมเลยใช้เวลาฟื้นตัวหลังเสร็จศึกใหญ่เพียงแค่วันเดียวก็เดินได้โดยไม่ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แม้จะขัดๆ ช่วงล่างอยู่บ้างแต่อยู่ในระดับที่ทนได้สบายมาก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะร่างกายที่แข็งแรงขึ้นจากการออกกำลังกายและยืดตัวตามแบบฉบับของหลง แต่เหนือสิ่งอื่นใดน่าจะเป็นความชินและการบำรุงแบบออกนอกหน้าของลูเซียส

   ทุกคนอาจจะยังไม่รู้ ระหว่างการฝึกตอนอยู่ไทย อาหารการกินทุกอย่างลูเซียสสั่งเดฟจัดการอย่างดี ให้ไปตรวจสภาพที่โรงพยาบาลทุกเดือนจนหมอกับนางพยาบาลจำหน้าได้ โดยให้เหตุผลว่า ฐานะของผมต้องรับบทหนักอยู่เสมอ ดังนั้นควรดูแลรักษาร่างกายให้ดี ทีแรกก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองหรอก ภายหลังทุกอย่างยิ่งชัดเจนผมค่อยมั่นใจ ว่าสถานะของผมตอนนี้พิเศษกว่าที่ผ่านมา

   และตามที่สัญญาไว้ เมื่ออาการดีขึ้น ลูเซียสจะพามาหาแม่…

   ณ ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าประตูสีขาว ข้างกันคือป๋าที่ยืนเป็นเพื่อนผมร่วมห้านาทีแล้ว ป๋าไม่พูด ไม่บ่น เพียงแค่ยืนอยู่เคียงข้างคอยจับบ่าผมไว้ราวกับจะบอกว่า ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ยังมีเขาอยู่ด้วย

   เฮ้อ ถึงแบบนั้นผมก็ยังตัดสินใจไม่ได้สักที เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนใจผมมันอยู่ที่แม่ แต่พอมาถึงที่หมายความรู้สึกบางอย่างก็ผุดออกมาเหมือนน้ำทะลัก ผมไม่เจอแม่มาเกือบสี่ปี แม่จะเป็นยังไงบ้าง อาการดีขึ้นหรือแย่ลง ขนาดแค่รูปถ่ายที่ป้าเคยส่งให้ผมยังทำใจไม่ได้จนต้องลบทิ้งเหลือเพียงรูปสมัยที่แม่ยังแข็งแรงและสดใส

   แล้วตอนนี้ล่ะ? ทั้งที่รู้ตัวดีว่าไม่ควรคิดในแง่ร้าย แต่มันก็อดไม่ได้ เพราะผมเป็นพวกชอบคิดด้านลบเผื่อไว้ เพื่อเวลาที่ตัวเองต้องเผชิญหน้ากับมันจะยังสามารถตั้งตัวได้เหมือนที่ผ่านมา และไม่เจ็บปวดกับมันมากนัก

   ไม่ว่าตอนทำงานไซด์ไลน์ เจอพ่อรีดไถทำร้ายร่างกาย เหตุการณ์หลังเจอลูเซียสที่ทำให้ผมเกือบตาย ความทรงจำเลวร้ายต่างๆ มันไหลบ่าเข้ามา สองขาหนักอึ้งเหมือนจมในบ่อโคลน ผมที่เจอเรื่องแย่ๆ ขนาดนี้ จะยังสามารถหวังได้อีกเหรอว่าสิ่งที่รออยู่ตรงหน้าจะดีมากกว่าร้าย

   ตลอดมาผมยึดแม่เป็นฟางเส้นสุดท้าย พอฟางเส้นนั้นกลายเป็นเรื่องที่ผมกังวล ผมควรทำยังไงดี

   “เข้าไปเถอะ ฉันรับรองว่าทุกอย่างต้องโอเค” เสียงที่คุ้นเคยดังผ่านความขมุกขมัวของจิตใจ พร้อมสัมผัสจากฝ่ามืออุ่นบนบ่าดึงสติผมให้กลับมา

   จริงสิ...เวลานี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไป ยังมีพวกเพื่อนที่เข้าใจผม พวกพี่อาคมที่เฝ้ามองอยู่เบื้องหลัง และที่สำคัญ ผมมีลูเซียสอยู่ข้างกาย คนที่พร้อมจะเป็นทุกอย่างให้กับผม

   ผมจับมือหนามาแนบแก้มเรียกกำลังใจให้ตัวเอง แม่ก็ได้รับการรักษาจากหมอมืออาชีพ เรื่องเงินก็ไม่เป็นปัญหา ยังมีอะไรต้องห่วงอีก

   เมื่อตัดสินใจได้ก็เงยหน้ามองลูเซียส ก่อนออกแรงผลักประตูเข้าไปด้านใน ผมไม่เสียเวลาสำรวจความหรูหราของห้อง VIP แต่รีบตรงดิ่งไปยังร่างที่อยู่บนเตียง จนกระทั่งภาพของบุคคลที่เฝ้าคิดถึงปรากฏอยู่ตรงหน้า

   หญิงสาวที่ผอมบางคือแม่ของผมเหรอ แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมเลย ผมเอื้อมมือสั่นๆ แตะมือแม่อย่างแผ่วเบา ระมัดระวังไม่ให้โดนสายน้ำเกลือ ผมลืมทุกสิ่งรอบกายไปสิ้น ดวงตาสะท้อนเพียงภาพของผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจ

   ไม่รู้ว่าต้องรวบรวมความกล้าเท่าไหร่ถึงเอ่ยคำพูดนี้ออกมาได้ “แม่ครับ” โชคดีที่ร่างบนเตียงเริ่มตอบสนอง ดวงตาค่อยๆ เปิดขึ้นจนเห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่คุ้นเคยในความทรงจำ ก่อนที่ดวงตาคู่นี้จะโฟกัสภาพของผม

   “มิทรี” เสียงแม่เรียกแผ่วเบา ผมพยายามฝืนยิ้มทั้งที่ขอบตาร้อนผ่าว ตอบกลับเสียงสั่นพร่า

   “ครับ ผมมิทรีของแม่ เราได้เจอกันแล้วนะ แม่ดีใจรึเปล่า” ผมขยับเข้าไปใกล้ ทำตัวให้สดใสเข้าไว้ แม้ในใจจะปั่นป่วนแค่ไหนก็ตาม สำหรับคนป่วย กำลังใจจากคนใกล้ตัวสำคัญที่สุด หากผมมานั่งซึมเศร้า แม่จะมีความสุขได้ยังไง

   “เหนื่อยมั้ยลูกรัก...แม่ขอโทษที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดี” คนบนเตียงมองด้วยแววตาเศร้าสร้อยและรู้สึกผิด ที่ผ่านมาแม้จะได้พูดคุยกับลูกชายผ่านทางโทรศัพท์บ้าง แต่คนเป็นแม่ย่อมรู้ดีว่าลูกต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหน กับการต้องอยู่กับผู้ชายที่ล้มเหลวในฐานะหัวหน้าครอบครัว แล้วยังเงินที่ส่งมาเป็นค่ารักษาทุกเดือนนั่นอีก ถึงลูกชายจะไม่ยอมบอกวิธีหาเงิน แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า จะไม่รู้เชียวหรือว่าวิธีนั้นต้องไม่สะดวกสบายแน่

   แค่นึกภาพลูกลำบาก หัวใจของแม่ก็เจ็บปวดเหมือนถูกเฉือนทิ้งทั้งเป็น ยิ่งเห็นคนที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ทั้งเรื่องเงินและสถานที่รักษาพยาบาล ก็พอเดาได้ลางๆ แล้วว่าลูกชายต้องแลกกับอะไร

   “แม่อย่าพูดแบบนั้น ถ้าไม่มีแม่ผมจะมีชีวิตจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง”

   เธอไม่สนใจการเถียงของลูกชาย ใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดในการกุมมือลูกไว้ ดวงตามองเลยไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล

   “เงินที่คุณเคยให้มาทั้งหมด พวกฉันคงไม่สามารถคืนทั้งหมดได้ แต่จะพยายามชดใช้ให้ได้มากที่สุด แล้วถ้าการรักษาของฉันต้องแลกกับความเสียสละของลูกชาย ฉันขอไม่รับการรักษาใดๆ ทั้งสิ้นและขอลูกชายของฉันคืน” คนป่วย แม้จะพยายามฝืนตัวแค่ไหน เสียงที่ออกมาก็ยังอ่อนแรง ไม่เพียงแค่มิทรีเบิกตากว้างด้วยความตกใจ กระทั่งลูเซียสเองยังเผยความรู้สึกคาดไม่ถึงออกมาทางสีหน้า

   ผู้หญิงคนนี้...ที่ผ่านมาเห็นนิ่งเงียบมาตลอด ไม่นึกเลยว่ากำลังรอโอกาสปฏิเสธ หลังจากลูเซียสพาลูกชายมาส่งถึงที่แล้ว หญิงสาวที่อ่อนแอ จะมีอะไรมาสู้กับคนที่มีอำนาจ อย่างมิไรฮอฟ แต่ถ้าพูดถึงจิตใจอันยิ่งใหญ่ในฐานะของแม่นั่น ลูเซียสรู้ว่าไม่อาจเทียบเคียงได้

   พอเข้าใจแล้วว่า ความเข้มแข็งของมิทรีนั้นได้มาจากใคร...

   “”ลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงจากปกติ และไม่ขยับเข้าไปใกล้จนสร้างความอึดอัดให้
 
   “คุณอิรินาไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลลูกชายคุณอย่างดี รวมถึงตัวคุณด้วย แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนหนึ่งอย่าง”

   อิรินายอมรับฟังแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากลูกชาย

   “ถ้าคุณยอมรับการรักษาจนหาย ถึงวันนั้นผมจะคืนลูกชายให้กับคุณ”

   คำพูดเหมือนยอมสละ ถึงแบบนั้นอิรินาก็เข้าใจได้ถึงข้อความที่แฝงอยู่ภายใน ระหว่างที่เธอกำลังอ่อนแอ เขาจะคอยช่วยดูแลมิทรีให้ และเมื่อเธอหายป่วยเมื่อไหร่ สามารถพาลูกชายกลับไปได้ทันที ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนหันมามองลูกชาย เด็กกตัญญูแบบนี้มีหรือจะยอมทิ้งผู้มีพระคุณ เมื่อถึงเวลานั้นเธออาจจะได้ลูกชายกลับมาจริง แต่ใจของลูกชายเธอล่ะ จะกลับมาด้วยรึเปล่า

   “ฉันขอคุยกับลูกเพียงลำพังได้มั้ยคะ”

   “เชิญตามสบาย” ลูเซียสยอมถอยอย่างง่ายดาย เพราะเขาเชื่อใจมิทรี ว่าจะต้องกลับมาสู่อ้อมแขนเขาแน่นอน

   คล้อยหลังร่างสูงใหญ่ มิทยังไม่ทันอ้าปากอธิบาย ก็ถูกแม่ยกมือห้ามและถามเพียงคำถามเดียว

   “ตอนนี้ลูกมีความสุขรึเปล่า ตามความคิดของลูก แบบที่ไม่มีแม่มาเกี่ยวข้อง”

   คนถูกถามชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งทุกสิ่งที่แสดงออกมาอยู่ในสายตาแม่ทั้งหมด

   “แม่...ถึงมันจะเป็นความสุขที่ไม่เหมือนกับคนส่วนใหญ่ แต่ผมมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่...ดังนั้นแม่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้แล้วรักษาตัวให้หาย จะได้อยู่กับผมไปนานๆ นะ” คนเป็นลูกพูดด้วยน้ำเสียงน้ำเสียงเว้าวอนพร้อมกับน้ำใสที่ไหลอาบแก้ม อิรินาขยับตัวให้ลูกชายเข้ามากอดพลางลูบผมเบาๆ ลูกชายของเธอโตขึ้นแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยที่ตัวสั่นด้วยความขลาดกลัวอยู่ในอ้อมแขนเธออีกต่อไป

   “เข้าใจแล้ว...แม่เชื่อมั่นในการตัดสินใจของลูก คนเก่งของแม่” มือเรียวบางช่วยเช็ดน้ำตาให้ด้วยความรักใคร่ พวกเขาพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบได้สักพัก อิรินาก็เริ่มเพลียจากอาการป่วยทางร่างกาย แต่มีความสุขไปทั้งใจ ขนาดที่ใบหน้าตอนหลับยังประดับด้วยรอยยิ้มบาง

   ลูกชายช่วยห่มผ้าให้พลางกวาดตาดูความเรียบร้อยของเตียงกับสายน้ำเกลือ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยค่อยเดินไปยังปลายเตียง พนมสองมือกราบบนเท้าแม่ พึมพำในคอแผ่วเบาไม่ให้รบกวนคนหลับ

   “ผมรักแม่นะครับ”

   ในที่สุดก็ได้พูดกับตัวจริง ไม่ใช่เพียงรูปถ่ายอย่างที่ผ่านมา...ผมยืนค้างอยู่ท่านั้นสักพัก จนปรับอารมณ์ได้ค่อยยืดตัวขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาให้สะอาด ก่อนออกไปหาลูเซียสด้านนอก

   เปิดประตูออกมาก็พบลูเซียสยืนคุยกับพี่อาคม ผมก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปกอดร่างสูงแน่น ซุกหน้ากับแผ่นหลังอีกฝ่าย เอ่ยปากขอด้วยน้ำเสียงอู้อี้จากการร้องไห้

   “คืนนี้ผมขอนอนเฝ้าแม่ได้มั้ย”

   คนที่โดนขัดจังหวะการสนทนา นอกจากจะไม่โกรธ ยังหันมารวบกอดลูบหลังปลอบคนในอ้อมแขน

   “ได้สิ อาคมเตรียมชุดมาให้เธอแล้ว แต่วันพรุ่งนี้เธอต้องไปเป็นเพื่อนฉันบ้างนะ”

   “เจอคนที่ป๋าบอกเหรอ” ผมเงยหน้ามองทั้งที่ยังซุกไม่ยอมห่าง เวลานี้ผมกำลังอ่อนแอ ต้องการลูเซียสมาเป็นที่พึ่ง เพราะต่อหน้าแม่ผมต้องเข้มแข็งให้แม่สบายใจ

   “ใช่ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปนั่งกับเธอก่อน รอหลงมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วฉันจะได้กลับไปทำงานต่อ”

   ผมผงกหัวรับ “เข้าใจแล้วครับ...จริงสิ ผมกับแม่คุยกับเรียบร้อย แม่ตกลงรับข้อเสนอของป๋านะ” ว่าพลางจูงมือป๋าเข้าห้องพักฟื้นอีกรอบ คราวนี้เรามานั่งคุยกันตรงโซนสำหรับญาติที่มาเฝ้าคนป่วย

   “เด็กดี...” คำชมพร้อมจูบหวานๆ ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมเริ่มรู้ตัวแล้วล่ะว่า ผมขาดลูเซียสไม่ได้จริงๆ


ออฟไลน์ Min*Jee

  • เอวรี่ติงจิงกะเบล
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-5
โถถถถ น้องมิทของเจ้

ออฟไลน์ ShadeoftheMoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
บรรยากาศก็จะอึนๆ หน่อยๆ กังวลว่าจะมีดราม่าในอนาคตอันใกล้

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


มันจะละมุนหน่อยๆ

รอต่อขอรับ


ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
น้องมิทลูกกกก เด๋วแม่ก็หายนะ อย่างน้อยก็ยังมีป๋าอยู่ข้างๆ อ่ะ  :mew1:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ป๋าเขาวางหมากมาดี ให้เด็กรักเด็กหลงจนไปไหนไม่ได้ อิอิ

ออฟไลน์ Aumy8059yaoi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ถ้าขนาดนี้นะ ป๋าไม่ต้องบอกว่าจะคืนลูกให้แม่เค้าหรอกกกกก แหมมมมมมมมม o18

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
เอ็นดูวววเด็กน้อยยย

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :mew1: :mew1: :mew1:

มิท ได้เจอแม่แล้ว
แม่ที่ได้รับการดูแลรักษาแบบ vip
มิท ก็หายห่วงสบายใจได้และ
มิท กับป๋า รู้แล้วว่าขาดกันไม่ได้  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อย่ามีดราม่าน้าาาา
 :hao5:

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
ตอนนี้ใจของมิทคงอยู่กับป๋าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
ว่าแต่ป๋าจะพามิทไปเจอใครหว่าา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
ถ้าไม่มีป๋า อีหนูคงไม่มีวันนี้ เพราะงั้นคุณแม่อวยพรให้ลูกๆรักกันนานๆนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ได้เจอแม่แล้ว~

ออฟไลน์ Arya_987

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกจัง รอ รอ รอ
 :hao3:  :hao3:  :hao3:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1714
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
ป๋าาาา คิดถึงสุด  :laugh:

ออฟไลน์ greensnake

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +920/-14
ไม่ใช่แต่ป๋าหรอกที่ไม่อยากห่าง หนูมิทเองก็เช่นกัน
อีกคนอยากปกป้อง อีกคนต้องการการปกป้อง
ต่างเป็นโลกของกันและกันไปแล้ว ต่างก็รู้ตัวดี
ความสุขของลูกก็คือความสุขของแม่นั่นเอง
คุณแม่อยู่กับหนูมิทไปนานๆนะคะ เป็นกำลังใจให้
ถึงตอนนั้นคงไม่มีใครแยกจากใครได้ แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม
รักษาเนื้อรักษาตัวกันนะ อันตรายรอบตัวจริงๆ
ไม่ได้เข้ามาอ่านเสียนาน ถือโอกาสเม้นท์ทีเดียวเลย
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
วางแผนไว้หมดแล้วสินะป๋า
หนูมิทไปไหนไม่รอดแล้ว

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ
ป๋าละมุนมากก น่ารักขึ้นทุกตอนน
มิทก้น่ารักกกก
รอค่าา

ออฟไลน์ พันธุ์ไทย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
รอบที่30 อดีต 100%

   ถึงจะบอกว่าขออยู่ดูแลแม่ก็เถอะ แต่ผมก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่ นอกจากการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เพราะคนป่วยต้องได้รับการดูแลที่ถูกวิธี เลยมีนางพยาบาลเข้ามาดูแลความเรียบร้อยทุกๆ หนึ่งชั่วโมง ส่วนผมเป็นคนเฝ้ามองอยู่วงนอกและคุยกับแม่เวลาที่แม่ตื่นมาเท่านั้น

   จริงสิ ผมยังไม่ได้บอกใช่มั้ยว่าแม่ผมเป็น ‘โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ’ ซึ่งเกิดจากความเครียดจากการโหมทำงานและไม่ดูแลสุขภาพของตัวเองแถมยังเพิกเฉยตอนมันส่งสัญญาณเตือน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะสายไปแล้ว

   ผมยังจำความหวาดกลัวของวันนั้นได้ดี ขณะที่ผมกำลังหาทางหลบพ่อเลวๆ ไปอยู่ที่ไหนสักที่หลังเลิกเรียน จู่ๆ ป้าก็โทรมาจากรัสเซียแจ้งข่าวร้ายว่าแม่ผมทรุดที่ทำงาน กว่าจะส่งถึงมือหมอหัวใจก็หยุดเต้นไปแล้ว ตอนนั้นผมล้มทั้งยืนเหมือนโลกมันถล่มลงมาตรงหน้า ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนอกจากความว่างเปล่า

   โชคยังดีที่พระเจ้ายังไม่ทอดทิ้งพวกเรา ป้าโทรกลับมาอีกครั้งหลังจากนั้นไม่ถึงวัน บอกว่าแม่พ้นขีดอันตรายแล้ว และวันนั้นเองที่ผมได้รู้ว่าแม่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบร่วมกับความดันโลหิตสูง

   หลังจากเฝ้าดูอาการได้สักระยะ พอเห็นว่าไม่มีอันตรายร้ายแรงแถมบ้านพวกเราก็ไม่มีเงินถุงเงินถังในการรักษาตัวระยะยาว แม่เลยกลับบ้านและฝืนทำงานอีกครั้ง แต่การพยายามดูแลสุขภาพไม่ได้ช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเมื่อแม่อาการทรุดลงอีกครั้ง และตอนนี้เองที่แม่ได้แต่นอนอยู่ในโรงพยาบาล

   ลำพังรายได้ของป้ากับลุงแค่พอประทังชีวิตไปวันๆ พอมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นมาแถมยังขาดรายได้จากแม่ก็เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลัง ผมที่กำลังเรียนอยู่ม.ปลายจำต้องหางานพิเศษเพิ่มจากที่แต่เดิมก็ทำอยู่แล้ว แต่พยายามหามาเท่าไหร่มันก็ไม่พอ ลำพังค่าจ้างเด็กวัยเรียนไม่กี่ร้อยบาทแค่ใช้ซื้อข้าวกินยังเต็มกลืน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเรียน

   สุดท้ายผมเลยเลือกทางเดินนี้ บนถนนแห่งชีวิต เพื่อนที่รู้จักตอนทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านเหล้า แนะนำให้ผมเป็นเด็กเลี้ยง เพราะช่วงนั้นมีผู้หญิงวัยทำงานหลายคนที่สนใจผมเนื่องจากช่างพูดคุยแถมรับฟังเธอได้ทุกเรื่อง

   ทีแรกผมลังเล แต่พอนึกถึงหน้าแม่เลยตกลงทำแบบไม่คิดอะไรมาก ก็แค่เป็นเด็กน่ารักคอยเอาใจผู้หญิงและมีความสัมพันธ์ทางกายในเวลาที่เธอต้องการ ช่วงนั้นถึงกับมีผู้หญิงมาส่งเสียให้ผมเรียนหนังสือ แต่คนเดียวมันไม่พอ ตราบใดที่ยังมีพ่อเป็นมารชีวิตคอยไถตังไม่เลิกรา

   ผมเลยเริ่มจะหาคนเลี้ยงมากขึ้นจนแทบสับรางไม่ทัน และได้เรียนรู้ว่าไม่มีอะไรยั่งยืน บางคนจับได้ก็เฉดหัวผมทิ้ง บางคนเริ่มเบื่อก็ส่งเงินให้ก้อนสุดท้ายบอกให้ผมออกไปจากชีวิตของเธอซะ ส่วนผมที่เดินมาบนเส้นทางสายนี้ไม่อาจถอยกลับได้อีก จึงเริ่มทำงานไซด์ไลน์ตามคำแนะนำของเพื่อนคนเดิมที่มีชีวิตบัดซบและต้องหาเลี้ยงตัวเองเหมือนอย่างผม

   ซึ่งไอ้งานไซด์ไลน์ที่ว่าบางครั้งก็เลือกแขกไม่ได้ เพราะไม่งั้นจะไม่มีอะไรกิน แถมพวกผู้ชายส่วนใหญ่กระเป๋าหนักกว่าผู้หญิงผมเลยหันมาเอาดีทางนี้กระทั่งจบม.ปลายและพบกับลูเซียสตอนมหา’ลัย

   พอมานั่งนึกๆ ดูแล้ว ผมเองก็ทำตัวสารเลวไว้เยอะ ทั้งหลอกเอาเงิน เป็นแมงดาน้อยๆ กระทั่งขโมยของก็ยังเคย เรียกได้ว่าทำทุกอย่างนอกจากฆ่าคนกับค้ายา เพราะเจ้าเพื่อนตัวดีนั่นแหละที่เตือน มันเคยพลาดถลำลึกกับพวกนี้ไปแล้ว กว่าจะแยกตัวออกมาได้แทบจะเอาชีวิตไปทิ้ง ยังดีที่มันได้กับตำรวจมียศคนหนึ่ง เลยรอดจากคุกและพวกเดนนรกมาได้

   ป่านนี้มันคงมีความสุขกับคุณตำรวจไปแล้วมั้ง ส่วนผมก็มาลงเอยกับป๋าสุดหล่อนี่ไง ชะตากรรมของพวกเรานี้น่าตลกจริงๆ

   “เป็นอะไรไปลูก ทำหน้าเครียดเชียว” แม่เอ่ยทักหลังทานมื้อเช้าของโรงพยาบาลเสร็จ ผมส่งยากับแก้วน้ำให้แม่ก่อนเลื่อนโต๊ะกินข้าวไปไว้ตรงมุมห้องเพื่อรอคนมาเก็บไปพอเลื่อนไปเก็บเสร็จก็กลับมานั่งอยู่ข้างเตียงตามเดิม แน่นอนว่าผมตอบไปอีกทางไม่ยอมเล่าสิ่งที่คิดออกไปหรอก เรื่องบางเรื่องไม่พูดจะเป็นผลดีที่สุด

   “ไม่เชิงเครียดหรอกครับ ผมแค่กังวล เพราะอีกไม่นานแม่ต้องผ่าตัด” ที่ผ่านมามีเงินแค่พอรักษาไปวันๆ ซึ่งเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ นอกจากจะไม่ช่วยอะไรเท่าไหร่แล้วยังมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนอื่นด้วย ถึงตอนย้ายมาโรงพยาบาลใหญ่จะได้รับการตรวจร่างกายจนพอโล่งใจได้แล้วก็เถอะ

    “ลูกบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณลูเซียสเขาจองคิวหมอที่ดีที่สุดไว้ให้แม่แล้ว ยังต้องกังวลอะไรอีก” ตอบด้วยรอยยิ้มพลางลูบหัวผมเบาๆ ผมเองก็ก้มหัวอ้อนยอมฟังแม่พูดต่อ “แม่ว่าลูกควรเตรียมตัวเอาไว้ดีกว่า อีกสักพักต้องออกไปธุระกับคุณลูเซียสไม่ใช่เหรอ”

   “ครับ แม่ก็พักผ่อนเยอะๆ นะ เดี๋ยวผมกลับมาเฝ้าอีก”

   “ถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องมาก็ได้ เพราะยังไงช่วงบ่ายป้าเขาก็จะมาเฝ้าแม่อยู่แล้ว” แม่ก็ยังเป็นแม่ นึกถึงลูกก่อนตัวเองเสมอ ผมจับมือแม่มาแนบแก้ม

   “เข้าใจแล้ว ผมไปก่อนนะ รักแม่นะครับ” ผมไม่อยากเถียงแม่เลยยอมฟังอย่างว่าง่าย แต่ถ้าว่างผมจะมาเฝ้าแน่ๆ ก่อนไปก็ไม่ลืมหอมแก้มแม่สักฟอดพร้อมจูบมือมองด้วยสายตาซุกซนให้แม่หลุดขำ แล้วจัดแจงห่มผ้าให้เรียบร้อย เมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างโอเคแล้วค่อยถอยออกมา เพราะผมเห็นเงาหลงผ่านประตูแวบๆ คงจะมาตามนั่นแหละ

   และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ต่างกันแค่นอกจากหลงแล้วยังมีพี่อาคมอยู่ด้วย พอผมมองหาใครอีกคน พี่อาคมก็ตอบอย่างรู้ใจ

   “บอสกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ครับ เลยให้ผมมาพาคุณหนูไปรอที่รถ”

   ผมพยักหน้ารับอยากเข้าใจ แล้วยิ้มให้ถือเป็นการทักทายยามเช้าไปในตัว

   “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้วฉันกลับล่ะ ไว้เจอกันนะคุณหนู ฉันต้องรีบกลับไปเอาใจเด็กที่บ้านก่อน แค่หายมาทำงานไม่กี่วันก็โทรมางอแงใหญ่แล้ว” หลงพูดเจือเสียงหัวเราะ โชว์หน้าจอโทรศัพท์เป็นภาพของลูคัสที่เหมือนถูกบังคับถ่ายรูปที่ขึ้นเป็นสายเรียกเข้า

   “พี่หลงรีบไปเถอะ ผมไม่อยากโดนลูกพี่ลูกน้องของป๋าเหม็นหน้าไปมากกว่านี้” ที่ผ่านมาก็จ้องราวกับผมเป็นชู้ที่มาแย่งความรักจากหลงไป

   “ได้เจอบอสฉันก็หมดประโยชน์เลยสินะ” มีเหน็บแนมเล็กน้อยก่อนหันไปยกมือไหว้สวยๆ ให้พี่อาคม ที่เหมือนจะกวนมากกว่าเคารพ “สวัสดีลุง ผมไปก่อนนะ ไว้ว่างๆ จะแวะไปหา” มีเล่นหูเล่นตาปิดท้ายค่อยเดินตัวปลิวไปยังลิฟต์ ทิ้งให้พี่อาคมส่ายหัวมองตามหลังอย่างเอือมระอา

   “พวกเราก็ไปกันบ้างดีกว่า” ว่าพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วเดินนำผมลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถ พบป๋านั่งอยู่ในรถครอบครัวราคาย่อมเยาแต่ติดฟิล์มดำ และมีการ์ดประจำการอยู่โดยรอบ ทั้งชั้นไม่มีใครเลยนอกจากพวกเราแม้จะแปลกใจแต่ผมไม่เสียเวลาถาม เท่าที่ดูป๋าจะนั่งรอมาสักระยะแล้ว ดังนั้นควรรีบๆ ขึ้นรถจะดีกว่า

   หลังขึ้นรถนั่งอยู่ข้างป๋า คนที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับก็ส่งหน้าที่ต่อให้กับพี่อาคม แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาลโดยไม่มีรถติดตามเลยสักคัน ซึ่งผิดวิสัยมาก โดยปกติระดับอย่างลูเซียส มิไรฮอฟ ไปที่ไหนมีลูกน้องตามเป็นขบวน ยิ่งอยู่ในประเทศรัสเซียยิ่งแล้วใหญ่ เหตุการณ์ตอนลงจากเครื่องบินเป็นหลักฐานอย่างดี

   “สงสัยขนาดนั้นทำไมไม่ถามล่ะ” ลูเซียสเริ่มพูดทำลายความเงียบ

   ไฟเขียวมาแบบนี้ผมก็ถามสิครับ “ทำไมเปลี่ยนรถ แล้วทำไมไม่มีคนติดตามเลยล่ะป๋าพวกเรากำลังจะไปที่ไหน” คำถามสุดท้ายนี่แหละที่คาใจที่สุด ลางสังหรณ์มันบอกว่าเหตุการณ์ในวันนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิต

   บอสใหญ่พาดแขนโอบอีหนูที่ขยับเข้ามาชิดจนแทบเกยตักอย่างรู้งาน กลิ่นอายแบบผู้ใหญ่แฝงความอันตรายไม่ว่ายังไงก็ทำให้มิทรีใจสั่นทุกครั้งที่เข้าใกล้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ลูเซียสกลับมารัสเซีย บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ไม่ปล่อยตัวตามสบายเหมือนตอนอยู่ประเทศไทย ทุกการเคลื่อนไหวแฝงไปด้วยความรู้สึกกดดันแบบประหลาด โดยเฉพาะดวงตาทรงอำนาจจนเผลอหลบสายตาหลายครั้ง อย่างคร่าวนี้ก็เช่นกัน

   คางมนถูกเชยขึ้นให้มองสบนัยน์ตาสีน้ำเงินสวยดุจอัญมณีต้องห้ามที่ควรหลีกหนีแต่กลับดึงดูดอย่างร้ายกาจ ให้คนเผลอไผลหลงเข้าไปในวังวนนั้นจนยากจะถอนตัว

   “อย่าทำหน้าตาแบบนี้ เพราะมันน่าเสียดายที่ฉันเอ็นดูเธอไม่ได้” พูดพลางโน้มลงมาบดริมฝีปากได้รูป ก่อนดูดเม้มจนปากแทบเจ่อแต่กลับไม่สอดลิ้นเข้ามาอย่างเคยมีเพียงลมหายใจร้อนที่เป่ารดกับกลิ่นกายของอัลฟ่าที่อบอวนอยู่รอบกาย

   ถ้าเป็นทุกทีคงยอมให้ความร่วมมืออย่างดี แต่ป๋าดูไม่คิดจะทำอะไรมากไปกว่าการคลอเคลีย(?) เลยขยับตัวห่างเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในอ้อมแขน

   “ไหนป๋าบอกถามได้ไง ป๋ายังไม่ตอบคำถามผมเลยนะ” พูดไปทั้งที่ลำคอกำลังถูกขบแบบไม่ทิ้งรอยให้ขนลุกซู่

   “ถ้าจะให้พูดคงต้องเล่าตั้งแต่ต้น”

   ในที่สุดป๋าก็ยอมกลับไปนั่งเป็นรูปสลักตามเดิม พร้อมแววตาที่สะกดให้ผมไม่อาจถอนสายตาไปไหนได้

   “เรื่องราวในอดีตของฉัน”


   เสียงฝีเท้าเร่งรีบพร้อมร่างกายสูงใหญ่แม้ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นกำลังวิ่งเข้าคฤหาสน์โดยไม่สนใจมารยาทอย่างทุกที ก่อนจะถูกการ์ดในชุดสูทสองคนมาขวางไว้เสียก่อน

   “ท่านลูเซียส ตอนนี้พาคานไม่สะดวกให้พบกรุณากลับไปที่บ้านใหญ่ก่อนเถอะครับ เมื่อพาคานเสร็จธุระเมื่อไหร่ผมจะรีบแจ้งในทันที”

   พาคาน คำที่ใช้เรียกแทนหัวหน้าแก๊งมาเฟียรัสเซียดังออกจากปากหัวหน้าการ์ดอย่างนอบน้อม บ่งบอกความจงรักภัคดีสุดหัวใจแล้วยังเผื่อแผ่มาทางว่าที่พาคานคนต่อไปอย่างลูเซียส มิไรฮอฟ ที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น

   “ฉันจำไม่เห็นได้เลยว่าตัวเองต้องรับการอนุญาตถึงเข้าไปพบได้ หลีกไปซะ” น้ำเสียงราบเรียบแฝงความไม่พอใจจึงเน้นหนักประโยคสุดท้ายเป็นพิเศษ ทั้งที่กำลังอารมณ์ดี เพราะเพิ่งหาเวลาว่างจากการเรียนมาพบคนสำคัญได้ หลังจากที่ไม่เจอกันนานนับเดือน

   “ขออภัยด้วยครับ ผมไม่สามารถปล่อยให้ท่านขึ้นไปได้จริงๆ รบกวนช่วยกลับไปด้วย” ทางการ์ดเองก็เริ่มเน้นเสียงหนักเช่นกัน

   ลูเซียสเองก็ไม่คิดจะฟัง เผยนิสัยเอาแต่ใจเดินบุกฝ่าเข้าไปด้วยรู้ดีว่าคนพวกนี้ไม่กล้าแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บ โดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากการ์ดที่เหลือ ยิ่งพวกการ์ดแสดงท่าทีพยายามขวางมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างความแปลกใจมากขึ้นเท่านั้น จนเกิดเป็นความอยากรู้ว่าคนๆ นั้นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ทั้งที่ตั้งแต่เล็กจนโต ลูเซียสไม่เคยถูกห้ามเข้าพบเลยแม้แต่ครั้งเดียว

   ผลสุดท้าย เหล่าการ์ดไม่สามารถทำอะไรได้ จำต้องหยุดอยู่ตรงบันไดเนื่องจากชั้นบนเป็นเขตหวงห้าม หากฝ่าฝืนต้องพบกับความตาย ที่สำคัญ พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงกับเด็กหนุ่มที่ถูกหล่อหลอมด้วยสภาพแวดล้อมดำมืดและมือที่เปื้อนเลือดตั้งแต่อายุไม่ทันสิบขวบดี

   บนทางเดินที่คุ้นเคยกลับแปลกตาไปกว่าเดิม ลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นมากวนตะกอนภายในจิตใจให้ยิ่งขุ่นมัว ในเมื่อชั้นนี้มีเพียงพาคานและบอดี้การ์ดคนสนิทพักอยู่เท่านั้น แล้วความเงียบที่เหมือนไม่มีคนอยู่นี่มันคืออะไรกัน บอดี้การ์ดผู้มีประสาทสัมผัสไวราวกับสัตว์ป่าไม่เปิดประตูออกมาทักทายอย่างทุกที พาคานที่ชอบเสียงดังกลับเงียบกริบทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาพักผ่อน

   สองเท้าย้ำลงบนพื้นพรมราคาแพง จงใจลดเสียงฝีเท้าควบคุมลมหายใจยามใกล้ห้องใหญ่ มือจับลูกบิดค่อยๆ เปิดโดยไร้เสียง ก่อนเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ด้านในสุด ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้ยินเสียงบางอย่างที่พาให้ทั่วทั้งร่างเย็นเฉียบ กระทั่งเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูไม้ที่เปิดกว้าง ภาพที่เห็นชัดเจนจนพูดอะไรไม่ออก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความกรุ่นโกรธถึงระดับที่อยากฆ่าให้ตาย

   ปืนที่ได้รับเป็นของขวัญเมื่อวันเกิดที่ผ่านมา ถูกหยิบขึ้นมาใช้จ่อไปทางร่างสองร่างที่อยู่บนเตียง ใบหน้าฉายความเกรี้ยวกราดผิดหวัง

   “ลูเซียส” พาคานเรียกชื่อผู้มาเยือนอย่างแปลกใจ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสงบเยือกเย็นอย่างผู้มีอำนาจ ดวงตาคู่สวยหรี่มองเด็กหนุ่มที่ชุบเลี้ยงมากับมือ

   “พวกคุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง” น้ำเสียงสั่นไหวแต่มือกลับจับปืนไว้มั่น

   “วางปืนเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันต้องพูดเป็นครั้งที่สอง” ร่างเปลือยเปล่าขยับกายตามการพยุงของบอดี้การ์ดคนสนิท

   “เหอะ! เป็นถึงพาคานแต่กลับนอนอ้าขาให้กับบอดี้การ์ดของตัวเอง!” นอกจากจะไม่ฟังแล้วยังเค้นเสียงในคอเอ่ยวาจาดูถูก ความยินดีที่จะได้พบหน้าคนที่รักเปลี่ยนเป็นความร้าวลึกในดวงตาไม่ต่างจากอัญมณีเม็ดงามที่ถูกทำลาย

   “ลูเซียส!!”

   “ทำไม! พูดความจริงแล้วรับไม่ได้รึไงพาคาน”

   “อย่ามาทำตัวเป็นหมาบ้าแถวนี้” ชายร่างสูงใหญ่สบถอย่างไม่สบอารมณ์ ขณะจ้องเขม็งไปยังลูกศิษย์ของตัวเอง ‘เฮเดรียนกริฟฟิทท์’ คือบอดี้การ์ดของพาคาน และเป็นอาจารย์ของลูเซียส

   เมื่อถูกคนที่เคารพรักถึงสองคนทรยศหักหลัง อารมณ์บ้าเลือดฉายขึ้นในแววตา ปืนถูกเบนไปยังเฮเดรียนพร้อมยิงทันทีโดยไม่ลังเล

   ปัง!!

   เฮเดรียนจะใช้ฝีมือและประสบการณ์ที่มีมากกว่า สังเกตทิศทางของปืนและเบี่ยงหลบก่อนพุ่งเข้าไปเตะปืนออกจากมือลูกศิษย์ได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่ทั้งคู่จะชกต่อยกันด้วยฝีมือที่ต่างกันอย่างชัดเจน พาคานไม่คิดจะปล่อยให้เรื่องราวบานปลายไปมากกว่านี้ ร่างโปร่งผุดลุกหยิบปืนใต้หมอนยิงผ่านกลางระหว่างทั้งคู่ให้หยุดชะงัก

   “เลิกบ้าได้แล้ว! เฮเดรียนถอยออกมา ลูเซียสกลับบ้านใหญ่ไปสงบสติอารมณ์ซะ” มือเรียวเสยผมชื้นเหงื่อจากเกมกามอย่างหงุดหงิด ไม่ทันได้สังเกตว่าคนฟังกำลังมองตนด้วยสายตายังไง

   “ทำไมล่ะพาคาน ทำไมถึงไม่เลือกฉัน ฉันเป็นผู้สืบทอดของคุณไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงตัดพ้อทำให้ใจคนฟังสั่นไหว ถึงจะรู้มาโดยตลอดว่าอีกฝ่ายมีความต้องการในตัวเองมากแค่ไหน แต่มันเป็นไปไม่ได้ นั่นก็เพราะ...

   “เธอเป็นหลานแท้ๆ ของฉัน จะให้ฉันตอบรับความรู้สึกของเธอได้ยังไง” ความจริงที่ออกมาจากปาก สามารถทำร้ายคนฟังได้อย่างแสนสาหัส ‘แคสซิโอเปีย มิไรฮอฟ’ มองหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองอย่างอ่อนใจ “อารักเธอเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น อย่าปล่อยให้มันถลำลึกไปมากกว่านี้ ไม่งั้นอาคงปล่อยให้เธออยู่ข้างกายไม่ได้”

   กับหลานชายที่เลี้ยงมาเองกับมือ เรียกได้ว่านิสัยส่วนใหญ่ถอดแบบออกมาจากตัวเองหมด ย่อมเข้าใจนิสัยเบื้องลึกมากกว่าใคร ถ้าหลานชายไม่สามารถถอนตัวเองออกมาได้ คงจะเป็นภัยกับตัวเองสักวันหนึ่ง และเหนือสิ่งอื่นใด แคสซิโอเปียไม่ต้องการให้อนาคตของหลานชายมาพังลงเพราะเรื่องนี้

   “ได้...ถ้าอาต้องการแบบนั้นก็ได้! ฉันจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง ต่อให้อาใกล้ตายก็ตาม!!” เสียงประกาศกร้าวไม่ต่างจากการลั่นวาจาสาบาน ดวงตาสีน้ำเงินสวยเฉพาะสายเลือดมิไรฮอฟ มองอากับผู้มีศักดิ์เป็นอาจารย์ครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังเดินจากไป

   ยิ่งรักมากก็ยิ่งเจ็บมาก แถมยังเกิดขึ้นกับคนที่ตัวเองไว้ใจที่สุดมันไม่ต่างจากการถูกทรยศหักหลัง ทำลายความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้ย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี กลายเป็นความรู้สึกอยากเอาชนะ ทุ่มเทเวลาไปกับการสร้างฐานอำนาจ รวบรวมคนที่มีความสามารถเพื่อให้ตัวเองอยู่เหนือผู้เป็นอา

   “เพราะฉันในตอนนั้นยังเด็กยังคิดอะไรได้ไม่ละเอียดรอบคอบพอ เมื่อผ่านเหตุการณ์เฉียดตายหลายครั้ง ล้มลุกคลุกคลานกับการสร้างอำนาจโดยไม่พึ่งตระกูล จนมายืนอยู่ในจุดเดียวกับอาถึงเข้าใจว่าที่ผ่านมาตัวเองไม่ต่างจากเด็กที่ดีแต่โทษคนอื่นเมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ”

   มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนุ่มของผู้ฟัง ขณะที่ทอดสายตามองไกลออกไป

   “ทั้งที่รู้ตัวแต่ไม่คิดจะแก้ไขเพราะทิฐิของตัวเอง หลังจากสร้างแก๊งจนมั่นคงและเพิ่งมารู้ที่หลังว่าอาเป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างลับๆ มาโดยตลอด ช่วงที่ฉันกำลังตัดสินใจว่าจะกลับไปดีหรือไม่ ก็ดันได้รับข่าวร้ายเสียก่อน” ดวงตาคมก้มลงมามอง ถึงมันจะไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา แต่ก็พอสัมผัสได้ว่า ณ เวลาตอนนั้นลูเซียสคงเจ็บปวดมากกว่าใคร

   “แคสซิโอเปีย มิไรฮอฟ พาคานผู้กุมอำนาจสูงสุดเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสิบสี่ปีก่อน แก๊งมากมายที่รวมตัวภายใต้การปกครองของพาคาน แตกกระจายไปคนละทิศละทาง ทั้งแก่งแย่ง ถูกกวาดล้างจนสุดท้ายก็เหลือเพียงตำนาน และฉันกำลังจะพาเธอไปพบกับคนผู้นั้น”

   ตัวตนที่ยิ่งใหญ่แม้จะเป็นเพียงอดีตแต่ก็สร้างความหนักอึ้งไว้ในใจคนฟังไม่น้อย เวลานี้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างได้ชัดเจน คนสำคัญที่ลูเซียสพูดถึงอยู่หลายครั้งคืออาแท้ๆ ของลูเซียสเอง แถมยังเป็นรักแรกที่ไม่สมหวัง แต่ท่ามกลางความคิดเหล่านี้ ยังมีความสุขเล็กๆ ออกดอกพลิบานอยู่ในใจ

   ถ้ายังจำกันได้ ครั้งหนึ่งลูเซียสเคยบอกว่าจะเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฟังเมื่อผมยอมเปิดใจ ซึ่งก็คือเวลานี้ ดังนั้นความกังวลทุกอย่างเลยเบาบางลง ขอแค่ยังมีลูเซียสอยู่ข้างๆ ก็พอ คิดซะว่าเป็นการไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ของแต่ละฝ่ายแล้วกัน ในเมื่ออดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญกว่า

   กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ผมคิดว่าจะเจอตรงกันข้ามกับความเป็นจริง สถานที่ที่เรากำลังไปไม่ใช่สุสานประจำตระกูล คือสถานที่เงียบสงบเหมาะสำหรับผู้หลับใหล แต่เป็นเมืองเล็กๆ ในที่ห่างไกลซึ่งรายล้อมด้วยธรรมชาติ บ้านเรือนปลูกห่างกัน ไม่แออัดหรือเต็มไปด้วยตึกอย่างในเมืองใหญ่

   รถเลี้ยวเข้าไปในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่มีรั้วรอบขอบชิดดูปลีกวิเวิกจากหลังอื่น กระทั่งรถจอดสนิทบนพื้นที่โล่ง พี่อาคมลงมาเปิดประตูให้ลูเซียสก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะตามด้วยผม

   ส่วนผู้ที่มารอต้อนรับพวกเรานั้น เป็นผู้ชายดูมีอายุนั่งอยู่บนวีลแชร์แปลกตาน่าจะถูกสั่งทำพิเศษ ข้างกันนั้นมีหมาพันธุ์ใหญ่นอนหมอบอยู่อย่างสงบ แต่ที่ดึงดูดคือใบหน้าซึ่งมีริ้วรอยจางๆ ตามวัย แต่ไม่อาจกลบความงามอย่างบุรุษเพศได้เลย โดยเฉพาะเรือนผมสีบลอนด์เงินที่ถูกจัดทรงเรียบร้อยกับดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่เห็นอยู่เป็นประจำ

   ผมเห็นความคล้ายคลึงบางอย่างระหว่างลูเซียสกับคนๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นโครงหน้าหรือบุคลิกการวางตัว เพียงแค่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ามีผิวขาวและรูปร่างโปร่งบาง ส่วนสูงไม่น่าจะเกินร้อยเจ็ดสิบกว่า ในขณะที่ลูเซียสสูงร้อยแปดสิบเจ็ด

   “ทำไมมานั่งตากลมอยู่ข้างนอกล่ะครับ” น้ำเสียงอ่อนโยน วาจาสุภาพที่ผมไม่เคยได้ยิน กำลังพูดกับบุคคลปริศนา สองขาก้าวยาวๆ ไปช่วยจับผ้าคลุมขาให้อย่างเอาใจใส่ ท่าทางการปรับวีลแชร์ก็ดูคล่องแคล่วเหมือนเคยทำบ่อยจนชิน ชวนให้นึกย้อนไปถึงช่วงที่ตัวเองนั่งวีลแชร์เลย เรียกได้ว่าวันนี้เพียงวันเดียวสามารถไขข้อข้องใจไปได้หลายอย่าง

   “ก็แค่ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศไม่อยากอุดอู้อยู่ในบ้าน” เสียงนุ่มเอ่ยออกมาแฝงอำนาจอยู่ในที ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะมองมายังแขกแปลกหน้า เปิดโอกาสให้คนกลางได้แนะนำตัวให้

   “เด็กคนนี้คือลูกบุญธรรมของผม ชื่อมิทรี มิไรฮอฟ” ดวงตาของลูเซียสมองตรงมายังผม “ท่านผู้นี้คือแคสซิโอเปีย มิไรฮอฟ อาของฉันเอง”

   ผมยิ้มทั้งที่ภายในเหงื่อตกเป็นลิตร พลางยกมือไหว้ให้สวยที่สุด เพราะไม่อาจหาญเข้าไปจับมือทักทายได้ อีกฝ่ายไม่ได้พยักหน้ารับหรืออะไร เพียงแค่มองอย่างสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัวให้ความรู้สึกเหมือนถูกแววตาของพญาราชสีจ้องมอง

   เอาล่ะสิ ไอ้ที่เตรียมใจไว้คือเจอกับป้ายไร้ชีวิต ไม่ใช่ตัวจริงแบบนี้!

   มันไม่เหมือนกับที่คุยกันไว้นี่ป๋า!!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2017 15:41:04 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด