}Preoder{Contract มาเฟีย (ป๋า-มิท) P.31
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: }Preoder{Contract มาเฟีย (ป๋า-มิท) P.31  (อ่าน 409535 ครั้ง)

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
สู้ๆนะหนูมิทท
ผ่านไปได้ก้ใกล้กันไปอีกขั้นแล้วนะ

ออฟไลน์ duck-ya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอค่าาาา

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
เล่นเอามิทเงิบไปเลย 555 อดีตที่เจ็บปวดของทั้งคู่ก้อได้เปิดเปลืิยหมดแหละ แล้วบอดี้การ์ดเสียชีวิตแล้วเรอะ สรุปว่าคงบาดเจ็บหนักเลยทำเป็นว่าเสียชีวิตและถอนตัวเลย รอตอนต่อไปน่ะจ้ะ อยากอ่านเรื่องของแฝดจัง

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
สนุกมากเลยคร้า ลุยอ่านมาหลายวัน
รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ Nekosama

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ป๋าหลอกผม!! มิทรีไม่ได้กล่าวไว้ .......

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
เซอไพรส์!!!!!

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
รอบที่31 เรื่องเล่า

   หลังจากการแนะนำตัวกันแบบง่ายๆ ก็เกิดความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ กระทั่งเสียงหายใจแฮ่กๆ ของเจ้าหมาก็ไม่อาจทำลายความเงียบนี้ลงได้ ผมยืนตัวเกร็งจนตะคริวแทบกิน นอกจากป๋าจะไม่ช่วยแล้วยังจะร่วมด้วยช่วยกันจ้อง แม้ภายนอกสองอาหลานจะไม่เหมือนกันเลย แต่แววตาเหมือนถอดพิมพ์กันมา ผมเลยเกร็งคูณสอง

   พอเหลือบสายตามองด้านหลังไม่เห็นเงาพี่อาคม คาดว่าน่าจะรออยู่ในรถไม่ได้ลงมาด้วย ยิ่งบ่งบอกความสำคัญของผู้ที่อยู่บนรถเข็น สถานการณ์แบบนี้ผมควรทำยังไงดี...

   “เด็กเลี้ยง?” อาคนงามแม้อายุจะล่วงเลยถึงเลขห้าเงยหน้าถามหลานชายตัวเอง ในขณะที่คนฟังแทบจะโห่ร้อง ในที่สุดก็ไม่เงียบแล้ว แม้จะเป็นประเด็นอ่อนไหวก็ตาม!

   ลูเซียสก้มตอบด้วยรอยยิ้มจาง “ครับ ทั้งเลี้ยงและเอ็นดู” ดวงตาสีน้ำเงินสวยสองคู่ สัญลักษณ์ของสายเลือดมิไรฮอฟมองสบตากันสื่อความนัย

   “ติดใจลีลาบนเตียง?”

   “ครับ”

   “สมกับเป็นหลานฉันจริงๆ”

   ผมอึ้ง นี่มันบทสนทนาอะไรกัน บรรยากาศที่กดดันตอนแรกก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เหมือนเป็นเพียงแค่หลานชายมาพบญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง

   “สีหน้าไม่เลว ก่อนมาที่นี่ลูเซียสคงเล่าอะไรให้ฟังเยอะล่ะสินะ สุดท้ายอดีตก็คืออดีต และเป็นสิ่งที่ฉันไม่อยากพูดถึงมัน” ดวงตาคู่สวยปรายตามองชั่วแวบก่อนจะโบกมือให้หลานชายคนโปรดเข็นรถพาเข้าบ้านพลางเรียกสุนัขคู่ใจให้ตามไปด้วย ส่วนผมสงบปากสงบคำเดินตามเข้าไปแบบเงียบๆ สมองก็ครุ่นคิดไปต่างๆ นาๆ

   เมื่อกี้นี้นับเป็นสัญญาณเตือนได้รึเปล่า ถึงผมจะไม่เข้าใจแต่พอจะรับรู้ได้ว่าบาดแผลในอดีตยังไม่เลือนหายไปจากใจของพาคาน อำนาจอันยิ่งใหญ่ถูกทำลายย่อยยับในเสี้ยวพริบตาพร้อมสภาพร่างกายที่ไม่อาจกลับมาสมบูรณ์ได้อีก

   ผมคงแสดงออกทางสีหน้ามากไปหน่อย ป๋าเลยหันมาปราม ถ้าเป็นทุกทีผมคงสวนกลับไปว่า ถ้าไม่อยากให้แตะต้องเรื่องนี้แต่แรก ทำไมไม่เตือนตั้งแต่ตอนที่อยู่ในรถเล่า แต่ความจริงทำไม่ได้ เลยพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว

   เพื่อดึงความสนใจของตัวเองไปเรื่องอื่น ผมเลยลอบสำรวจบ้านแทน บ้านหลังนี้เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกลาง ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป ถูกตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่มีหลายจุดที่มองออกว่าปรับปรุงใหม่เพื่อให้รถเข็นเคลื่อนที่ภายในบ้านได้สะดวก แล้วยังมีราวจับตามจุดต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นบ้านสำหรับคนที่นั่งบนรถเข็นอย่างแท้จริง

   สวนด้านนอกเองก็ไม่ได้มีดอกไม้ประดับอะไรมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นต้นหญ้าเขียวชอุ่มกับพวกต้นไม้ที่ให้ร่มเงาแบบที่ไม่ดูรกทึบ ผมมัวสนใจสวนมากไปหน่อย ไม่รู้ว่าสองคนพากันหายไปอยู่ที่ห้องไหนแล้ว ขณะที่คิดว่าจะมองหาคนใช้สักคนเพื่อถามทาง จู่ๆ ก็มีสัมผัสมาแตะบนบ่า ผมตกใจรีบตะปมมือนั้นคิดจะจับบิดตามที่ได้ฝึกมา แต่มันกลับไม่ขยับเลยสักนิด แถมกลายเป็นผมเองที่ถูกจับบิดแทนจนร้องโอ๊ย

   “ฝีมือไม่ถึงขั้น แต่ดีกว่าไม่มีอะไรป้องกันตัว ถึงจะไม่ค่อยมีประโยชน์ก็ตาม”
   
   อีกฝ่ายยอมปล่อยให้ผมยืนนวดไหล่ที่ปวดระบมอยู่ตรงข้าม ทำให้เห็นใบหน้าชัดๆ ผู้ชายคนนี้ดูแล้วน่าจะอายุพอๆ กับอดีตพาคาน หรืออาจจะอายุมากกว่า เรือนผมตัดสั้นปล่อยสบาย ใบหน้าถึงจะมีร่องรอยตามวัยแต่ก็ยังดูหนุ่มแน่นแข็งแรง รูปร่างสูงใหญ่ หลังเหยียดตรง อกผาย ไหล่ผึ่ง บุคลิกดีจนต้องทึ่ง คนละอย่างกับป๋าที่ชอบทำตัวเหมือนราชสีห์ขี้เกียจ ที่สำคัญหล่อเหลาคมคาย

   ผมมั่นใจเลยว่าวัยหนุ่มของอดีตพาคานกับผู้ชายคนนี้ต้องหน้าตาดีสุดๆ ไม่สิ ตอนนี้ก็ยังดีอยู่ เผลอๆ ช่วงวัยที่มากขึ้นมีแต่จะดึงเสน่ห์ของบุรุษเพศออกมา

   “หลงทางสินะ เธอคงเป็นลูกบุญธรรมของลูเซียส?” เสียงทุ้มห้าวอย่างมีอำนาจเอ่ยถาม ดึงผมออกจากภวังค์ นี่ถ้าป๋ารู้ว่าผมเผลอมองชายอื่นตาค้างได้มีบทลงโทษให้จมตายคาเตียงแน่ๆ แต่ให้ตายเถอะ ผมแพ้ทางผู้ชายอันตรายที่ดูมีภูมิฐานแบบนี้

   “ครับ ผมมิทรี่ มิไรฮอฟ” ใจจริงก็ไม่กล้าพูดนามสกุลนี้แบบเต็มปากเต็มคำนัก แต่ป๋าบอกให้ยืดอกเข้าไว้อย่าทำตัวขี้ขลาด ผมจะทำยังไงได้นอกจากตอบด้วยน้ำเสียงปกติ

   อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มเอ็นดู ท่าทางเป็นคุณลุงใจดี “ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันเฮเดรียน กริฟฟิทท์เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้” พวกเราจับมือกันตามธรรมเนียม ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินนำ “ตามมาสิ สองคนนั้นคงไปรออยู่ที่ห้องอาหารแล้ว ใกล้ได้เวลาทานมื้อเที่ยงของกัซแล้วด้วย”

   ผมเพิ่งมารู้ภายหลังว่า ‘กัซ’ ที่คุณเฮเดรียนพูดถึงคืออดีตพาคาน เป็นชื่อเล่นที่มีเขาเรียกแค่เพียงคนเดียว เพราะเป็นการออกเสียงแบบฝรั่ง

   ผมเดินตามเขาไปทั้งที่ยังอึ้งไม่หาย เฮเดรียน กริฟฟิทท์! นี่เป็นชื่อของบอดี้การ์ดประจำตัวพาคานไม่ใช่เหรอ แล้วยังเป็นอาจารย์ของป๋าอีกต่างหาก ผมพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว เหตุการณ์ในครั้งนั้นคงส่งผลให้พวกเขาทั้งคู่เลือกที่จะมาใช้ชีวิตอย่างสงบที่นี่สินะ

   ไม่ทันจะเดินพ้นประตู คนที่อยู่ด้านในก็ส่งเสียงมาก่อนแล้ว

   “ช้า จัดโต๊ะเสร็จแล้วหายไปไหนมา” ชายบนรถเข็นนั่งอยู่ตรงตำแหน่งหัวโต๊ะ ด้านซ้ายเป็นป๋า บนโต๊ะมีอาหารรัสเซียน่าทาน กำลังร้อนๆ เหมือนเพิ่งออกจากเตา

   “ตามเก็บเด็กหลงมา ลูเซียสในเมื่อพาคนของเธอมาด้วยก็ควรจะดูแลให้ดีสิ” ผู้เป็นอาจารย์เปิดฉากตำหนิ ฝ่ายลูกศิษย์ตอบหน้าตาเฉย

   “ไม่ใช่อาจารย์อยากเข้าไปทักทายเองหรอกเหรอ”

   “เธอนี่มัน...” คุณเฮเดรียนพูดอย่างเหลืออด สุดท้ายก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อาเป็นยังไง หลานก็เป็นแบบนั้น นิสัยเดิมไม่เคยเปลี่ยน เถียงได้เป็นเถียง เอาแต่ใจเป็นที่สุด” พอใบหน้าคมคายขมวดคิ้วก็ยิ่งเพิ่มความดุขึ้นเป็นกอง ถึงแม้จะดูเป็นอาจารย์ที่เข้มงวด แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้ผมคิดว่าคุณเฮเดรียนดูใจดี

   “ลงมือทานกันได้แล้ว” อดีตพาคานพูดตัดบท หรือช่วยหลานก็ไม่ทราบ

   บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็ไม่ได้เงียบอึมครึมแบบที่คิดไว้ แต่ก็ไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนอยู่ที่ตึก ผมมีหน้าที่นั่งฟังพวกเขาคุยกัน จะเปิดปากพูดเฉพาะเวลาที่ถูกถามหรือโดนดึงให้ร่วมวงสนทนาด้วยเท่านั้น  ซึ่งผมก็ไม่ได้อึดอัดอะไรนะ ในเมื่อสิ่งที่พวกเขาพูดเป็นเรื่องเกี่ยวกับป๋าทั้งสิ้น ผมนี่กางหูรอฟัง

   ที่ตึกป๋ามีอำนาจสูงสุด ไม่มีใครกล้าเล่าเรื่องของบอสใหญ่โดยที่บอสไม่อนุญาต คนที่พอจะบอกได้ก็มีแค่ไนท์ แต่เจ้าตัวก็ดันรู้จักกับป๋าตอนตั้งแก๊งแล้ว ทำให้ไม่ค่อยรู้เรื่องราวสมัยก่อนมากนัก ดังนั้นมาคราวนี้ผมเลยได้อัปเดตเรื่องราวของป๋าไปเป็นกระบุง

   เช่นเรื่องที่พอรู้มาบ้างอย่างวัยเด็ก ป๋าถูกอารับเลี้ยงไว้เพื่อเป็นผู้สืบทอดในอนาคต กับเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน อย่างเช่นครั้งหนึ่งตอนป๋าอายุสิบสองปี ถูกคุณเฮเดรียนปล่อยให้เป็นเด็กแร่ร่อนนานนับเดือน โดยที่ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่รูเบิลเดียว มีเพียงมีดพกอันหนึ่งในการเอาตัวรอด ท่ามกลางเสียงคัดค้านของอดีตพาคาน จนเกิดการทะเลาะกันใหญ่โต แต่ไม่ยักเลิกจ้างการ์ดอย่างคุณเฮเดรียนสักที

   สุดท้ายอดีตพาคานถูกการ์ดคุมเข้มไม่ให้ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับการหาประสบการณ์ชีวิตโดยตรงของหลานชาย ส่วนป๋าเองก็ใช้ชีวิตอย่างทุลักทุเล คนที่เคยมีเงินใช้จ่าย มีคนคอยบริการทุกอย่างกลายเป็นเด็กข้างถนน เห็นว่าป๋าเองทีแรกก็ยังปรับตัวไม่ค่อยได้ แต่คนเราเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง อะไรที่คิดว่าทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้เพื่อมีชีวิตรอดต่อไป ยังดีที่ป๋ามีทุนดี อาศัยฝีมือกับไหวพริบการเอาตัวรอดทำให้ตั้งตัวได้ในท้ายที่สุด ไม่ต้องลำบากถึงขั้นคุ้ยขยะ เรียกได้ว่าช่วงนั้นป๋าเจอคนหลายรูปแบบ ความดำมืดของใจคนไม่ใช่หน้ากากสวยหรูแบบที่เห็นเป็นประจำ และด้วยวัยของป๋าส่วนใหญ่จึงขลุกกับเด็กวัยเดียวกันที่มีชะตากรรมไม่ค่อยดีนัก

   “อาจจะเพราะสัมผัสด้วยตัวเอง ฉันเลยเห็นใจเด็กพวกนั้นมากเป็นพิเศษ” ป๋าอธิบายเสริม ท่าทางผ่อนคลายมากเวลาอยู่กับอาของตัวเองจนเหมือนผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไร อาจเป็นเพราะได้อยู่กับคนที่วางใจแล้วยังเป็นคนที่เคยอยู่จุดสูงสุดมาก่อน

   “ถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ เธอในตอนนั้นถูกกัซปลูกฝังนิสัยแย่ๆ เอาไว้มาก ฉันเลยต้องใช้วิธีหักดิบไม่ให้เธอมีจิตใจดำมืดอย่างใครบางคนมากเกินไป” พูดแล้วก็เหล่มองใครบางคนที่ว่า ฟังแบบนี้กระจ่างเลย นิสัยด้านมืดของป๋ามาจากอา ส่วนด้านบวกมาจากอาจารย์สินะ มิน่าล่ะ หลายครั้งป๋าถึงดูเหมือนเป็นนักธุรกิจธรรมดาที่มีจิตเมตตาอย่างน่าเหลือเชื่อทั้งที่เป็นมาเฟีย ส่วนหลักฐานก็ผมที่นั่งหัวโด่อยู่นี่ไง

   “แต่ดูเหมือนมันยังไม่พอ ถึงได้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา” ประโยคถัดมาของคุณเฮเดรียนทำเอาบรรยากาศรอบตัวอึมครึมลงทันที

   “เลิกตั้งแง่กับลูเซียสได้แล้ว ที่ฉันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะเขา” สิ่งที่อดีตพาคานพูดออกมาเล่นเอาผมเก็บอาการตกตะลึงของตัวเองไว้ไม่อยู่ โชคดีที่พวกเขากำลังจมอยู่ในบทสนทนาอันหนักอึ้งเลยไม่มีใครสนใจผม

   “ต่อให้ไม่ใช่โดยตรงก็ทางอ้อม ถ้าไม่ใช่เพราะนายกังวลเรื่องหลานชาย นายจะประมาทจนพลาดท่าแบบนั้นได้ยังไง” เจ้าตัวเริ่มพูดใส่อารมณ์จนผมสะดุ้ง ก่อนจะมีมือข้างหนึ่งมาบีบมือผมไว้เบาๆ ไม่ใช่ต้องการหาที่พึ่ง แต่เป็นการปลอบให้ผมไม่ต้องกลัวกับสถานการณ์ตรงหน้า

   “เฮเดรียน! เรื่องนี้ไม่มีใครผิด ถ้าจะผิดก็พวกเราทั้งหมด นายเองก็ไม่สามารถปกป้องฉันได้ในฐานะบอดี้การ์ดเหมือนกัน” อดีตพาคานเอ่ยเสียงเข้ม แววตาคู่งามเรืองรองไปด้วยเพลิงโทสะ และแทนที่จะโกรธเมื่อถูกพูดตอกหน้าแบบนี้ คุณเฮเดรียนกลับยังสงบ และดูใจเย็นลงกว่าเดิม คล้ายได้คำพูดช่วยเตือนสติ

   “นั่นสินะ ฉันเองก็รับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง”

   สุดท้ายอดีตพาคานกล่าวตัดบท “ช่างเถอะ เลิกพูดเรื่องนี้ซะ” ขณะที่อีกฝ่ายพูด ผมไม่เห็นประกายหวั่นไหวหรือเจ็บปวดในดวงตาของอดีตพาคานเลย จะบอกว่าเก็บสีหน้าเก่งหรือไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ส่วนคุณเฮเดรียนถอนหายใจหนัก ต่อให้คนตาบอดก็มองออกว่าเขารักและให้ความสำคัญกับอดีตพาคานมากซะจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

   “หลานชายฉันมาทั้งทีนายจะใจร้ายไล่กลับไปรึไง” จ้องเขม็งใส่บอดี้การ์ดตัวเองแล้วหันมายิ้มให้หลานชายที่นั่งเงียบราวกับหัวข้อสนทนาไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง “เดี๋ยวกินข้าวเสร็จมาคุยกับอาที่ห้องรับรองหน่อย อาอยากรู้ว่าช่วงนี้เราเป็นยังไงบ้าง”

   ป๋าพยักหน้ารับ “ครับ ผมเองก็มีเรื่องจะปรึกษาอาเหมือนกัน”

   “ในเมื่อสองคนนี้มีธุระ งั้นเธอมาอยู่กับฉันจะได้ไม่เบื่อ” คุณเฮเดรียนกลับมาเป็นเหมือนเดิม ส่วนผมก็ตอบรับโดยดี ยังไงก็ไม่มีที่ไปจริงๆ บ้านคนอื่นโดยเฉพาะบ้านคนระดับนี้ผมเองก็ไม่กล้าเดินซี้ซั้วเหมือนตอนไปห้องป๋าครั้งแรก

   หลังกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปสองทาง ป๋ากับอดีตพาคานหายเข้าไปคุยในห้อง ส่วนผมเดินตามคุณเฮเดรียนเข้าห้องครัวไปเป็นลูกมือช่วยอบขนมปัง แต่เหมือนจะมานั่งมองกับช่วยชิมมากกว่า เจ้าตูบเองก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ข้างอดีตพาคานตลอดเวลา เห็นว่าเป็นกึ่งๆ สุนัขช่วยเหลือ

   “อยู่กับลูเซียสเป็นยังไงบ้าง รายนั้นเอาแต่ใจเธอคงจะเหนื่อยไม่น้อย”

   นี่สินะจุดประสงค์หลัก ผมไม่แปลกใจและไม่คิดต่อต้านเลยตอบกลับไปแบบกลางๆ

   “พ่อช่วยเหลือผมไว้มาก ถ้าไม่มีพ่อคงไม่มีผมในตอนนี้” ต้องเปลี่ยนสรรพนามเรียกกันหน่อย เรียกป๋าออกไปคงไม่เหมาะ ใช้คำว่าพ่อธรรมดาจะดีกว่า

   อีกฝ่ายยิ้มอย่างรู้ทัน “ตอบไม่ตรงคำถาม ความจริงเธอไม่ต้องช่วยพูดให้ลูเซียสขนาดนั้นก็ได้ ฉันเป็นอาจารย์เขา สอนมาเองกับมือย่อมรู้ดีว่าเขานิสัยยังไง อีกอย่าง ฉันไม่ได้เกลียดเด็กคนนั้นหรอกนะ เพียงแค่เรื่องในอดีตมันรบกวนจิตใจ” ขนมปังกำลังถูกอบในเตา คุณเฮเดรียนเลยมานั่งคุยกับผมแทนระหว่างรอ

   “ครับ” ผมไม่รู้จะตอบอะไรนอกจากคำนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะแลกเปลี่ยนบทสนทนา เหมือนกับว่ามีเรื่องอยากจะพูดกับผมมากกว่า

   “ฉันไม่คิดจะก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวของลูเซียส แต่ฝากเธอไปบอกเขาหน่อย ถ้ามีเวลาว่างก็มาหาอาตัวเองบ้าง ฉันไม่ได้ห้ามอะไร”

   “ได้ครับ ผมจะบอกให้”

   แทนคำขอบคุณ คุณเฮเดรียนลูบหัวผมสองสามทีแล้วผละออกไปสนใจขนมปังในเตาต่อ เป็นจังหวะเดียวกับที่ป๋าเรียกผมจากด้านนอกเพื่อเดินทางกลับ ไม่งั้นอาจจะมืดค่ำเกินไป ระดับอย่างป๋า ต่อให้อำพรางตัวแค่ไหน แต่เดินทางกลับมืดๆ โดยไร้การ์ดติดตามเหมือนทุกทียังไงก็อันตรายเกินไป

   พวกเรามายืนอยู่ด้านนอก มีพี่อาคมยืนรอเปิดประตูรถ ขณะที่อาหลานกำลังล่ำลากัน โดยมีป๋าคุกเข่าอยู่บนพื้นเพื่อสวมกอดอาตัวเอง

   “วันหลังถ้ามาอีก ก็มาค้างสักหลายๆ คืนหน่อย”

   “เข้าใจแล้ว ก่อนกลับไทยผมจะมาหาอีก”

   “ดีมาก ไปเถอะ...อ่อ จะพาเด็กคนนี้มาด้วยก็ได้นะ”

   ป๋าเพียงแค่ยิ้มแล้วบอกให้อารักษาสุขภาพ เผื่อแผ่ไปทางอาจารย์ที่ยืนอยู่หลังรถเข็น ผมยกมือไหว้ทั้งคู่อีกครั้ง แล้วขึ้นรถไปพร้อมป๋า ก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกห่างเรื่อยๆ ผมอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมอง ทันเห็นว่าคุณเฮเดรียนอุ้มอดีตพาคานขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าบ้าน โดยมีเจ้าตูบลากรถเข็นตามไป

   เป็นภาพที่ดูธรรมดาแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักในแบบของพวกเขา

   “ไว้เธอมาค้างกับฉันจะได้เห็นภาพพวกนี้จนเอียน” ป๋าพูดพลางยื่นมือมาลูบหัวผม ก่อนรวบตัวไปนั่งตักแล้วกอดไว้

   “เรื่องนี้ผมยังสงสัย ทำไมถึงบอกให้ผมมาด้วยล่ะ” กับลูกบุญธรรมที่ไม่มีอะไรเลยเนี่ยนะ แค่เปิดโอกาสให้มาพบครั้งนี้ก็เหลือเชื่อแล้ว
   
   “ฉันกับอานิสัยเหมือนกันหลายอย่าง อาคงรู้ว่าฉันติดเด็กแถวนี้ เลยบอกให้พกมาด้วย” ปิดท้ายคำพูดด้วยการบดจูบจนผมระทวย พอถอนจูบออกก็กระซิบข้างหู “บอกฉันมา เธอคุยอะไรกับอาจารย์บ้าง”

   ผมเงยหน้ามอง สมกับที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมานาน ถึงได้รู้นิสัยกันดีขนาดนี้ ผมคิดว่าตอนนี้เป็นโอกาสเหมาะ เลยพูดในสิ่งที่คุณเฮเดรียนฝากมา ป๋าเงียบไปสักพัก แล้วถอนหายใจ

   “สมกับเป็นอาจารย์จริงๆ ที่พูดแบบนั้นก็คงเพราะอา ส่วนเรื่องไม่เกลียด มันแน่อยู่แล้ว เพราะถ้าเกลียดขึ้นมาฉันคงไม่ได้มานั่งหายใจอยู่ตรงนี้”

   “คุณเฮเดรียนโหดขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามอย่างสงสัย ป๋าก้มมองด้วยสายตาเอ็นดูแกมระอา

   “เด็กน้อย เธอยังมองคนไม่ขาด...ดูเผินๆ เหมือนคนมีมนุษยธรรมสูงส่ง แต่ความจริงมือเปื้อนเลือดไม่แพ้พวกเราที่เป็นมาเฟีย แถมยังเจ้าคิดเจ้าแค้นจนน่าตกใจ” ผมตาโตอย่างสนใจ ป๋าเองก็เล่าต่อไปเรื่อยๆ “คนที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของแก็งมหาอำนาจก็คือเขา เพื่อแก้แค้นให้กับอาที่กำลังพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ก่อนจะประกาศข่าวออกไปว่า พาคานผู้ยิ่งใหญ่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ส่วนตัวเองพาตัวอาไปหลบซ่อนอย่างมิดชิด ส่วนคนที่รู้เรื่องมีแค่พ่อแม่ของฉัน”

   “แบบนี้เท่ากับว่าป๋าเพิ่งมารู้ที่หลังน่ะสิ!” ผมอึ้ง ยิ่งป๋าแสดงสีหน้าเจ็บใจก็ยิ่งชัดเจน

   “ใช่ ฉันต้องจมอยู่ในความรู้สึกผิดอยู่หลายปี กระทั่งตอนหลังสืบจนรู้เองว่าอายังไม่ตาย อาจารย์ก็ไม่ยอมให้ฉันเข้าไปพบ แต่ก็พอเข้าใจได้ ช่วงนั้นอากำลังรักษาบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจ คงไม่สะดวกให้พบจริงๆ ฉันเลยอดทนรอจนอาดีขึ้นแล้วบุกเข้าไปหาเลย เกือบได้ดวลปืนกันแล้วถ้าอาไม่ห้ามซะก่อน” ป๋ายังคงเป็นป๋า พูดเรื่องอันตรายแบบนี้ได้หน้าตาเฉย ผมเองก้ควรจะชินๆ ได้แล้วสินะ พวกครอบครัวมีอำนาจที่ซับซ้อนวุ่นวายชะมัด

   “ตอนนี้ผมเริ่มขอบคุณป๋าที่ช่วยกันผมให้อยู่วงนอก” ผมคงไม่ไหวแน่หากต้องไปอยู่ในวังวนแบบนั้น

   “รู้แล้วก็อย่าซุกซนถลำลึกเข้ามาให้มากนัก” สะโพกผมถูกบีบแก้ความมันเขี้ยว คนอื่นอาจจะบีบจมูกมุ้งมิ้ง แต่อย่าคิดว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับป๋า

   “โลกแบบนั้นผมไม่เข้าไปซนแน่ แต่โลกที่ป๋าอยู่ผมอยู่เฉยไม่ได้หรอก ผมตั้งใจไว้แล้วว่าอนาคตจะเป็นกำลังช่วยป๋าอีกแรง” ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ การตัดสินใจของผมจะไม่สั่นคลอน

   “ไว้ฉันจะรอดู” ป๋าเชยคางผมขึ้นมองสบตาพร้อมกระตุกยิ้มร้ายให้ผมใจเต้น ประโยคสั้นๆ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะมันหมายถึงป๋ายอมให้ผมก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งด้วย แม้จะไม่ใช่ตอนนี้ แต่อนาคตต้องใช่แน่นอน


ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ใกล้ชิดป๋าไปอีกนิดแล้วนะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
อยากเห็นความหวานของคู่คุณอา
ก่อนกลับไทยป๋ามาค้างกับอาหน่อยนะ

ออฟไลน์ hoihak

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
 :jul1:  ดูแลมิทดีๆนะป๋าาา

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มิท เป็นคนสำคัญสำหรับป๋าจริงๆ 
ป๋า มิท   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 

ออฟไลน์ Mod40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อบอุ่นละมุมเพิ่มมาอีก

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
เห็นมิทมีความสุขก็สุขด้วย  :katai2-1:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :pig4: รออ่านอยู่นะ  :mew1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ป๋า ขุดหลุมให้ลึกแล้วลากมิทลงเลยเหอะ

ออฟไลน์ ShadeoftheMoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ป๋ามิทยังแซ่บเหมือนเดิม

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ใกล้เข้าไปอีกนิดแล้ว....

รอขอรับ


ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
น่ารักจริงๆ ดีมากเลยคุณอายังไม่ตาย

ออฟไลน์ Silver Fish

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 335
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +215/-0
    • Fanpage
ป๊อกกี้เดย์
 
   คุณคิดว่าคนๆ หนึ่งจะทำเรื่องราวซ้ำๆ กันทุกวันโดยไม่เบื่อได้รึเปล่า ผมคิดว่าได้แต่ยาก เพราะต่อให้กินข้าวอาบน้ำ ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม ระหว่างนั้นก็ยังต้องมีอะไรแปลกใหม่เข้ามาในชีวิตบ้าง อย่างการเปลี่ยนเมนูอาหาร ลองเปลี่ยนกลิ่นสบู่หรือแชมพูใหม่

   ดังนั้นไม่แปลกที่มนุษย์จะสรรหาความแปลกใหม่แม้มันจะไม่มีสาระอะไรเลยก็ตาม อย่างในโซเชียลตอนนี้ ไม่รู้เริ่มฮิตวันป๊อกกี้เดย์ตามประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้อีกทีผมก็เห็นของพวกนี้ตามมาหลอกหลอนแล้ว

   แต่บังเอิญว่าผมไม่สนใจ ความคึกคักของเทศกาลนี้เลยถูกผมลืมเลือนไปซะสนิท เพิ่งจะนึกขึ้นได้ตอนเห็นภาพย้อนหลังวันนี้นี่แหละ มิน่าล่ะทำไมเมื่อวานพี่โทริถึงซื้อป๊อกกี้มาให้ หนึ่งในนั้นมีรสมะพร้าวของโปรดผมที่กินหมดไปตั้งแต่เมื่อวาน จะเหลือก็แค่ป๊อกกี้รสดาร์คช็อคที่คาดว่าอยากจะให้ใครบางคนแต่ไม่กล้าเลยต้องส่งผ่านผม

   ไหนๆ ก็ไหนๆ ป๋าทำงานเครียดๆ ผมควรทำหน้าที่อีหนูที่ดี เป็นลูกชายชั้นยอดด้วยการเข้าไปป่วน แฮ่ม! เข้าไปผ่อนคลายอารมณ์ป๋าดีกว่า

   “พี่อาคม ป๋าไม่ได้ทำงานสำคัญอยู่ใช่มั้ย” ผมกระซิบถามพี่อาคมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงานป๋า ส่วนไนท์น่ะเรอะ ตั้งแต่มีพี่โทริมาอยู่ด้วย ถ้าไม่มีงานหรือเหตุจำเป็นจริงๆ เจ้าตัวไม่ขึ้นมาเหยียบชั้นนี้หรอก วันๆ เอาแต่เลี้ยงนก

   “งานของวันนี้หมดแล้วครับ ถ้าคุณหนูอยากเข้าไปก็เข้าไปได้เลย บอสกำลังเหนื่อยๆ พอดี” บุคคลผู้มองผมเป็นเครื่องระบายความเครียดป๋า ยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีแต่มันกระตุ้นความทรงจำอันโหดร้ายที่อีกฝ่ายสังเวยผมเพื่อลูกน้องอย่างเลือดเย็น โหดร้ายจริงๆ

   ผมพยักหน้ารับไม่นึกโวยวายอะไรเพราะนี่คือชะตากรรมที่ผมควรจะยอมรับมันเสียที มือก็ถือกล่องป๊อกกี้ เคาะประตูสองครั้งแล้วเดินดุ่มๆ เข้าไปนั่งบนตักป๋า ทุกท่วงท่าเป็นไปตามธรรมชาติ สมกับที่ฝึกปรือมาวันละหลายรอบ(?)

   “ป๋ารู้จักวันป๊อกกี้มั้ย” มาถึงก็เข้าเรื่อง เพราะป๋าไม่ชอบคนพูดอ้อมค้อม อีกฝ่ายมองนิ่ง สายตาเลื่อนไปยังกล่องป๊อกกี้ในมือผม

   “ไม่รู้จัก” คำตอบไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ ป๋ารู้จักสิแปลก ผมเลยอธิบาย

   “คืองี้ เมื่อวานเป็นวันป๊อกกี้ เพราะมันตรงกับวันที่ 11 / 11 เหมือนป๊อกกี้ ผมเลยว่าจะมาชวนป๋าเล่นเกมป๊อกกี้ย้อนหลัง” ความจริงผมไม่สนใจเกมนี้หรอก แต่นึกสนุกอยากเห็นคนอย่างป๋ามาเล่นเกมมุ้งมิ้งแบบนี้ จะออกมาเป็นยังไงนะ แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว แต่ผมไม่หวังว่าป๋าจะตกลงหรอก ถ้าชวนทำอย่างอื่นล่ะก็ว่าไปอย่าง...

   “เอาสิ”

   “ป๋าว่าไงนะ” ผมหันขวับ

   “เล่นยังไง” ไม่ตอบแต่ถามกลับซะงั้น ในเมื่อป๋าสนใจผมก็สนองด้วยการอธิบายกติกาให้ฟัง มันไม่มีอะไรมาก ก็แค่คาบป๊อกกี้ไว้ในปากให้กินกันคนละด้าน ถ้าใครทำหักคนนั้นแพ้

   “คนชนะจะได้อะไร”

   เจอคำถามนี้เข้าไป ผมอยากจะกลอกตา 360 องศา พ่อค้านี่มันพ่อค้าหน้าเลือดจริงๆ ไม่เคยจะพลาดเรื่องผลประโยชน์เลยแม้แต่เรื่องเล็กๆ

   “ตามใจป๋าแล้วกัน” ทุกสิ่งทุกอย่างป๋ามีหมด ดังนั้นให้ป๋าเลือกเองดีที่สุด อีกฝ่ายก็พยักหน้ายอมรับข้อเสนอนี้ ผมเลยหยิบป๊อกกี้ออกมาแกะซองแล้วคาบแท่งหนึ่งไว้ในปาก จงใจคาบด้านที่เป็นดาร์คช็อคตัดกับสีริมฝีปาก มองสบตาสื่อความหมาย กะตัดกำลังป๋าเต็มที่

   ป๋าเพียงแค่หัวเราะในคอ จัดท่าให้ผมคร่อมตักดีๆ แล้วยื่นหน้าคมเข้มมากัดปลายป๊อกกี้ส่วนที่เป็นแท่งบิสกิต แล้ว...

   ป๊อก ป๊อก ป๊อก!

   แค่สามรอบก็หมดแท่งในพริบตาเดียว ผมยังนั่งอึ้งเมื่อใบหน้าที่ผมแพ้ทางอยู่ในระยะประชิดจนริมฝีปากแนบสนิท แล้วคิดเหรอว่าระดับป๋าจะทำแค่นี้ เกมป๊อกกี้กลายเป็นเกมแลกลิ้นอย่างดูดดื่ม รสชาติของจูบเจือกลิ่นซิก้าร์ที่คุ้นเคย ผสมผสานกับความขมของดาร์คช็อคและบิสกิตกลมกล่อมให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป

   รสจูบยังดิบเถื่อนเหมือนสัตว์ร้ายที่คิดจะกลืนกินไปทั้งตัว แต่มันซอฟลงด้วยช็อคโกแลตชวนให้น่าหลงใหล มือลากมือลูบไล้ไปตามแผ่นอกแน่นๆ ของป๋า แม้ป๊อกกี้ในปากจะหมดแต่ยังไม่มีความคิดที่จะผละออกจากกัน กระทั่งป๋าเริ่มเบนเป้าหมายเป็นลำคอที่ผมเอียงหน้าให้ป๋าทำตามใจ

   “แบบนี้เท่ากับป๋าชนะแล้วสิ” ผมถามพลางส่งเสียงอา...ในคอ เมื่อมือใหญ่กำลังนวดเฟ้นสะโพกกับบั้นท้ายอย่างหนัก จนรู้สึกว่าเสื้อผ้านี่มันเกะกะจริงๆ

   “ใช่ เธอต้องทำตามที่ฉันต้องการ” ดวงตาสีน้ำเงินดุจอัญมณีจ้องนิ่งจนผมใจเต้นตึกตัก สำหรับป๋าแล้วผมยอมทุกอย่างนั้นแหละ ดังนั้น...

   ป๊อกกี้แท่งแล้วแท่งเล่าถูกนำมาเล่นเกมซ้ำๆ ในแบบของผู้ใหญ่ เมื่อกัดจนริมฝีปากแนบกันก็แทนที่ด้วยลิ้นเปลี่ยนเกมเป็นจูบดูดดื่ม

   “อา...จุ๊บ..อืมม” เสียงเร่าอารมณ์ดังก้องไปทั่วห้องทำงาน ร่างเพรียวขยับโยกไหวบดเบียดส่วนล่างบนหนักหนา คอยปรนเปรอสร้างความสุขสมให้กับคนที่นั่งนิ่งดุจราชาอย่างตั้งใจ ภายในคอยตอดรักเป็นระยะอย่างชำนาญ เรียกเสียงครางต่ำในคออย่างพึงพอใจจากเจ้าของห้อง ก่อนจะดูดหนักๆ ที่ยอดอกแทนรางวัล โดยที่มือไม่คิดแตะต้องส่วนอ่อนไหวของคนบนตักเลยแม้แต่น้อย

   “กินทั้งสองทางแบบนี้ โลภมากจังนะ” เสียงทุ้มต่ำเจือขบขัน ขณะนั่งเท้าคางบนที่วางแขน มองอีหนูทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้น อาหารตาชั้นเลิศ รสสัมผัสชั้นยอด โดยเฉพาะ...ดวงตาคมหลุบต่ำมองลงล่าง

   “อืมม ป๋า...ป๊อกกี้ครัชห้าเม็ดก็อร่อย” ประกอบคำพูดด้วยการเลียริมฝีปาก ดวงตาฉ่ำปรือจากแรงอารมณ์ที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย ผสมผสานกับใบหน้าสวยสีแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาด พอมือหยิบป๊อกกี้ที่เหลือแท่งสุดท้ายได้ ก็แตะบนริมฝีปากได้รูป ไล่ลงต่ำผ่านกลางอกจนถึงท้องน้อย สุดส่วนตรงส่วนโคนแล้วดึงเข้าปากกัดจนเกิดเสียงดังป๊อกแล้วเคี้ยวกลืนลงคอเห็นลูกกระเดือกขึ้นลงเข้ากับลำคอและไหปลาร้าเซ็กซี่ ที่โผล่เพ่นเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ย

   ผลของการหยอกเย้าคือแผ่นหลังถูกจับกดบนโต๊ะทำงาน สะโพกลอยหมิ่นเหม่รองรับอารมณ์ดิบร้อนที่โถมเข้าใส่อย่างหนักหน่วง อีหนูตัวแสบทั้งครางทั้งขำที่สามารถทำให้ป๋าตบะแตกได้ ก่อนจะหวีดร้องเมื่อโดนฟัดจมเขี้ยว

   ส่วนด้านนอกนั้น...

   “คุณไนท์คิดว่าพรุ่งนี้ผมควรจะสั่งคนเอาให้โต๊ะใหม่มาส่งดีมั้ยครับ” ผู้อาวุโสยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ไร้ซึ่งความเขินอาบแม้จะได้ยังเสียงตึงตัง(?)ดังลอดออกมาจากประตูที่ปิดไม่สนิท

   “ไม่ต้อง ถ้ามันพังก็ให้ทำงานบนพื้นไป ฉันฝากพวกนี้ให้ไอ้บอสเวรนั่นด้วยแล้วกัน” สิ้นคำก็ยัดเอกสารใส่มือคนเฝ้าประตู แล้วโอบเอวนกน้อยที่กำลังก้มหน้าชิดคอด้วยความเขิน เหมือนนกน้อยที่กำลังซุกกับขนนุ่มๆ ของตัวเอง

   “อีกสักครึ่งชั่วโมง...ไม่สิ หลังเวลาอาหารเย็นค่อยมาอีกดีกว่า” ทางอาคมเองก็ไม่คิดจะยืนรอให้เสียเวลา สู้ไปเดินดูลูกน้อง คุยเล่นกับพ่อครัวยังดีกว่า

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*หมายเหตุ ป๊อกกี้ครัชคือ ป๊อกกี้ที่มีแอลมอนหรือท๊อปปิ้งเสริมแล้วเคลือมด้วยช็อคโกแลต นึกภาพไม่ออก กู๋ช่วยท่านได้
อาจจะมีคำผิดเยอะ เพราะเป็นการแต่งขำๆ ตามรีเควสของนักอ่านบนเพจ Silver Fish (ขี้เกียจตรวจว่างั้นแหละ 5555)
ส่วนที่หายไปนานเพราะติดกิจบางอย่าง ขอบอกล่วงหน้าว่าตอนต่อไปป๋ามิทจะจบแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-11-2017 01:19:18 โดย Silver Fish »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะแบบไหนป๋าก็ได้ประโยชน์เต็มๆ

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

ป๊าก็ได้ทุกเรื่องจริงๆ

รอต่อขรับ


ออฟไลน์ สาว801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไม่ว่าเกมอะไรๆ
มิทก็เล่นแพ้ป๋าตลอดเหอะ
ป๋า หื่น มิท ก็หื่น สรุปไปกันได้
คนรอบข้าง เลิกตื่นเตน ต่างชินชา บอส อีหนูคู่นี้แล้ว

ป๋า มิท  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
เป็นสองสิ่งที่มีความพอดีกันมากๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด