แพ้ทาง7
“ก็น่ารักแบบนี้ไงเพื่อนเลยชอบแกล้ง”“น่ารักบ้าไร นั่นใช่คำพูดที่จะพูดชมผู้ชายไหม”
“ครูที่โรงเรียนไม่เคยสอนนี่ว่าต้องมีแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่จะดูน่ารักอ่ะ น่ารักก็คือน่ารัก”
อีกคนทำปากพะงาบๆเหมือนพูดอะไรไม่ออกเลยตัดจบบทสนทนาด้วยการเดินไปนั่งเรียกลูกค้า ผมมองอาการแบบนั้นแล้วขำออกมา จะว่าผมรุกหนักก็ได้แหละแต่เอาจริงๆแล้วผมก็แอบมองแอบศึกษาเขามาเกือบห้าเดือนแล้วป่ะครับ
ผมเดินมานั่งข้างๆเขาที่ตอนนี้ง่วนอยู่กับมือถือเขี่ยๆไปสักพักกดๆจิ้มๆ แล้วก็จดอะไรลงสมุด เขาเหลือบมามองผมนิดหน่อยก็กลับไปทำแบบเดิมอีก พอตอนที่มีลูกค้าก็ลุกไปคุยกับลูกค้าที่หน้าร้าน ผมเห็นที่เห็นว่าเขาดูวุ่นวายแปลกๆเลยลุกไปสะกิดอีกคน
“เดี๋ยวเราช่วยขาย”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร ไปนั่งเลยๆ”
“ไม่เอาดิ เดี๋ยวเราช่วยขาย” ผมยืนยังหนักแน่น ดูเขาลังเลอยู่พักนึงแล้วสุดท้ายก็พยักหน้า
“อื้ม ก็ได้ พวกทางขวามือที่เป็นงานปักราคาใบละ250 ลดได้สุดๆ220 ส่วนพวกที่เป็นงานสกรีน 200 อันนี้ลดได้ 180 เงินทอนอยู่ในกระเป๋าใบเล็กนี่ ถ้ามีลูกค้ามาถามหาอันที่สั่งไว้ก็เรียกเรานะ”
“ครับผม”
แล้วอีกคนก็เดินไปนั่งที่เดิมไปเขี่ยๆ จดๆ ของเขาต่อ
ผมก็ขายได้เป็นพักๆล่ะครับมีแบบที่มาดูเฉยๆ แบบที่ตั้งใจมาซื้อหรือที่มาขอถ่ายรูปผมเฉยๆก็มี เวลาที่มีคนมาขอถ่ายรูปผมจะเหลือบมองไปที่คนที่นั่งอยู่หลังร้านนิดๆ คือก็เกรงใจเนาะ แหะๆ(ขนาดพึ่งจะจีบนะ)
ประมานสองทุ่มคนตาโตก็มานั่งข้างๆผม ดูเหมือนงานวุ่นวายนั่นจะเสร็จแล้ว
“เป็นไงบ้าง” เขาพูดแล้วก็คว้าเอากระเป๋าน้อยไปนับเงิน
“หื้อ ขายดีนี่ แบบนี้ต้องให้มาขายบ่อยๆ” พูดแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักอยู่คนเดียว...
“มาตลอดเลยก็ได้”
“ดีเลย มาให้เราใช้งาน” อีกคนพูดแบบหมายมั่นจะใช้ผมขายของเต็มที่
“ป่าวหรอก จะมาจีบเจ้าของร้าน” ผมพูดหน้าตายแล้วหันไปมอง ‘เจ้าของร้าน’
“เออะ...”
“อะไร” ผมเลิกคิ้วถามแล้วก็อดขำหน้าเขาตอนนี้ไม่ได้
“จีบกันซึ่งๆหน้าแบบหน้าด้านๆเลยนะ ดีเลย ดี มาเลยนะจะใช้ให้ขนของ ตั้งร้าน เก็บร้านด้วย”
“ใช้งานกันเสร็จก็อย่าลืมพิจารณาเบ๊คนนี้ด้วยนะครับผม”
เขาไม่ตอบอะไรแต่ผมแอบเห็นว่าเขายิ้มมุมปากน้อยๆด้วยนะ เอ้ออออนี่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองเลยนะจริงๆ
เราก็นั่งคุยเรื่องที่เขาขายของแล้วก็ทำงานสอนพิเศษ แล้วยังทำงานกับสโมสรนักศึกษาแถมแอบได้ยินมาอีกว่าเขาเกรดเฉลี่ยเกือบสามจุดแปด...นี่มียี่สิบมือหรือไงกันนะ คนคนเดียวทำทั้งหมดนี่ได้ไง ผมก็ถามเขาเรื่องแบ่งเวลาว่าทำยังไงถึงไม่กระทบการเรียนเลย
“ที่จริงแรกๆมันก็ยากนะ” เขาตอบหลังจากที่นิ่งไปพักนึง
“...”
“คือตอนแรกที่ยังแบ่งเวลาไม่ได้มันก็วุ่นวายไปหมด แล้วก็ท้อด้วยอารมณ์แบบไม่อยากทำอะไรเลยตอนนั้นพึ่งเลิกกับแฟนเก่าด้วยเลยคิดแค่ว่าหาไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” เขาพูดแบบสบายๆแล้วก็เหมือนนึกได้ว่าพูดถึงแฟนเก่าแล้วก็คงกลัวผมไม่พอใจมั๊งเลยหันมามองเหมือนจะขอโทษ
“เอ่อ..”
“เห้ย ไม่เป็นไรดิ เล่าต่อๆ” คือผมไม่ใช่พวกคิดมากกับอดีตอะไรพวกนี้อยู่แล้วครับ แฟนเก่าก็คือแฟนเก่าไม่ใช่แฟนคนต่อไปซะหน่อย
“อ่อ อืม..แล้วตอนนั้นพออารมณ์มันคงที่ก็จัดการเวลาได้เอง ตอนแรกเรายังไม่ลงทุนขายของก็มีเวลาเยอะหน่อย ด้วยความที่พอเลิกเรียนมาก็ไม่มีอะไรทำก็เลยไปลองสอบเป็นครูสอนพิเศษเด็กประถมดู ก็คิดแค่หาเงินกินหนมเล่นๆกับหาไรทำฆ่าเวลาอ่ะ พอได้ทำแล้วก็ชอบ...พวกงานหรือโปรเจคก็ทำช่วงกลางวันเวลาเรียนเสร็จไรงี้ เรียนมหาลัยเวลาว่างเยอะจะตายไป พอทำงานไปหน่อยก็มีเงินเก็บแม่เลยให้ลองลงทุนค้าขายดู ก็เลยมาขายหมวก เพราะเราเป็นพวกบ้าหมวกอ่ะเรามีหมวกเยอะมาก แม่เลยบอกว่าถ้าชอบมากก็ขายเลยดีไหม ก็เลยมาทำเนี่ยแหละ”
“แล้วงานสโมฯอ่ะ ไหนจะเวลาอ่านหนังสืออีก” ผมถามต่อ ฟังเขาพูดแล้วเพลินดีครับ
“งานสโมฯมันก็ไม่มีไรมากนะ มันไม่เชิงเป็นงานที่ต้องออกแอ็คชั่นไรมากหรอกในส่วนของเราอ่ะแค่งานเอกสารง่ายๆ เวลาอ่านหนังสือก็ช่วงกลางคืน ส่วนใหญ่ถ้าเป็นช่วงสอบเราออกไปอ่านที่ร้านพี่สาวไอ้ไนท์มัน พี่มันเปิดร้านนมเลยไปสิงอยู่ที่นั่นเป็นส่วนใหญ่” อีกคนพูดด้วยท่าทางสบายๆ แต่ผมบอกเลยว่าคนที่ทำแบบนี้ได้ทั้งหมดนี้แบบนี้โคตรเก่งเลย
พอได้ฟังแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกประทับใจอีกคนเข้าไปใหญ่ คนเรามีเวลาหนึ่งวันยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากันแต่เราใช้เวลาไม่เหมือนกัน โคตรเก่งเลยว่ะว่าที่แฟนใครเนี่ย
“แล้วแบงค์อ่ะเวลาว่างทำไร” เขาหันมาถามผมบ้าง
ตอนนี้เริ่มดึกแล้วคนก็เริ่มน้อยครับ อากาศดีด้วยแหละฝนพึ่งตกเสร็จใหม่ๆ ฟิน
“ก็ไปฟิตเนสบ้าง เตะบอล ไปวิ่ง นอนอยู่บ้านเล่นกับแมว กินเหล้ากับเพื่อน ดูหนัง อ่านหนังสือกินกาแฟ ก็ทั่วๆไปอ่ะ ไม่มีอะไรพิเศษ”
เขาพยักหน้าเหมือนรับรู้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะมีลูกค้าเข้าพอดี
“มาเอาหมวกที่สั่งทำไว้อ่ะครับ”
“อ๋อ..ครับ สั่งคำว่าอะไรไว้ครับ”
“ฮิบ-สะเต้อ ครับ”
“อ๋อ..ใบสีเขียวมะนาว รอแปปนึงนะครับ”
แล้วคุณเจ้าของร้านก็เดินไปหลังร้านคุ้ยๆในลังอยู่พักนึงก็เดินถือหมวกใบสวยที่ปักด้านหน้าว่า ‘ฮิบ-สะเต้อ’ บุ๊คยื่นหมวกให้ลูกค้า คุณเจ้าของร้านให้ลูกค้าใส่หมวกแล้วถ่ายรูปไว้ รับเงินมาแล้วก็จบ ผมมองการทำธุรกิจของอีกคนแล้วก็ทึ่งน้อยๆ ผมสังเกตว่าลูกค้าของร้านนี้จะเป็นแนวปากต่อปากแล้วก็กลุ่มลูกค้าประจำซะเยอะแล้วคุณเจ้าของร้านยังมีการตลาดเด็ดๆอย่างการลงรีวิวหมวกจากร้านตัวเอง ให้ลูกค้าใส่ถ่ายภาพแล้วแท็กภาพมาที่ไอจีของร้านแล้วจะได้ส่วนลดด้วยสิบเปอร์เซ็นต์ นี่ตกลงเรียนครูสังคมหรือเรียนการตลาดวะ
“มีแบบสั่งทำด้วยหรอ?” ผมเอ่ยถามหลังจากที่อีกคนนั่งลงข้างๆกันเรียบร้อยแล้ว
“อื้อ...เป็นการเพิ่มกลุ่มลูกค้าไง เดี๋ยวนี้ใครๆก็อยากได้อะไรที่ตัวเองคิดเองหรือของที่มีชิ้นเดียวในโลกกันทั้งนั้นแหละ มันดูUnique(เป็นเอกลักษณ์)”
“แหม...อยากUnique บ้างจัง”
“เอาไหม..เดี๋ยวทำให้ฟรีเลย ตอบแทนที่มาช่วยขายของ” บุ๊คพูดยิ้มๆ
“อื้ม เอาสิ”
พอผมพูดจบอีกคนก็วิ่งดุ๊กๆไปหยิบสมุดโน้ตที่เขาเอาไว้จดออเดอร์ลูกค้า แล้วก็วิ่งดุ๊กๆกลับมานั่งที่เดิม ท่าทางกระตือรือร้นนั่นทำเอาผมยิ้มกว้างออกมาอย่างเผลอตัว
“เอาคำว่าไรดี BANK คนก็ทำกันเยอะนะ..” พูดไปทำท่าทางนึกไป ตลกดีครับแต่ก็น่ารักด้วย
ดูเหมือนว่าอีกคนทำอะไรก็จะดูน่ามองไปหมดในสายตาผม(ก็เอ็งหลงเขาแล้วหนิ)
“ขอคำว่ารักได้ไหม...” พูดเองก็จะคลื่นไส้เอง
“เออะ...”
“...” ผมยังเดธแอร์เองเลยครับ
“นี่คิดบ้างป่ะว่ามันเสี่ยวอ่ะ”
“ก็มานึกได้ตอนนี้แหละ” ผมพูดหน้าตาย
“..”
“...”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ โอ้ยยยย ขอโทษๆ ไม่ไหวแล้วอ่ะ”
เราก็นั่งคุยกันไปเรื่อย ผมที่ปกติไม่ค่อยพูดแต่พออยู่กับเขาแล้วเหมือนกลายเป็นคนพูดเก่งขึ้นมาเลยครับแต่นั่งชิลกันได้ไม่นานก็ต้องช่วยกันเก็บร้านเพราะลมฝนเริ่มมา พ่อค้าแม่ค้าทั้งตลาดก็เก็บของกันจ้าละหวั่น
ผมถามเจ้าของร้านคนเก่งว่าจะขนของกลับยังไง เขาก็บอกวันนี้เอารถยนต์มาผมทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยเพราะปกติเห็นเขาขี่ฮอนด้าคลิกคันเก่งตลอด แต่ก็สบายไปครับถ้าของเปียกไปนี่ไม่ใช่เรื่องตลก ผมยกลังของเดินไปส่งบุ๊คที่รถมาสด้าสองสีขาวของเจ้าตัว
“ขอบใจนะที่มาช่วยวันนี้ เรื่องหมวกก็ไปคิดมาว่าจะเอาคำว่าอะไรแล้วก็มาบอกเรานะ” เขาพูดหลังจากที่ปิดท้ายรถแล้ว
“ครับผม กลับบ้านดีดีนะ”
“อื้อ เหมือนกันนะ ไปแล้ว” คนตาโตโบกมือให้ผมแล้วกดปลดล็อครถ แต่ผมเรียกไว้ก่อน
“ว่า?”
“คือ..” จะมาปอดอะไรตอนนี้วะ
“คือ?”
“เราขอไลน์บุ๊คไว้ได้ไหม?”
อีกคนนิ่งไปเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มออกมา
“อื้อ ได้ดิ” เขาแบมือมาขอมือถือจากผม
ผมตบกระเป๋ากางเกงดูก็นึกได้ว่าชาร์ตแบตทิ้งไว้ที่บ้าน
“เอ่อ..เราลืมมือถือไว้บ้านอ่ะ”
“อ้อ...งั้นแปปนะ”
เขาก็หยิบสมุดโน้ตออกมาแล้วเขียนไอดีลงไปก่อนจะฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกจากสมุดแล้วส่งให้ผม
“เราไปนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” อีกคนพูดก่อนจะสอดตัวเข้าไปในรถแล้วขับออกไป
ผมมองตามเขาไปจนมาสด้าสองคันนั้นกลืนไปกับรถรามากมายบนถนนแล้วก้มลงมองกระดาษแผ่นเล็กๆในมือ ที่ประกอบไปด้วยอักษรภาษาอังกฤษสั้นๆแถวนึงแล้วข้างล่างก็มีกลุ่มตัวเลขสิบตัว...
นี่ผมกำลังโดนอ่อยกลับรึเปล่าผมกลับมาถึงบ้านด้วยหัวใจล่องลอย ไปเคาะห้องน้องสาวแล้วยื่นข้าวเกรียบปากหม้อที่ลงทุนไปซื้อให้ใหม่แบบเหม่อๆงงๆเพราะถุงที่แฟนคลับน้องเอาให้นั้นผมกับบุ๊คกินหมดแล้ว อาบน้ำก็ยังเหม่อ นี่นอนลงบนเตียงแล้วอารมณ์เพ้อๆนี่ก็ยังไม่หายไปเลย นี่เป็นเอามากจริงๆ มาได้สติตอนที่คุณดอลลาร์โดดขึ้นมาบนเตียงแล้วปีนมานอนบนตัวผมนั่นล่ะครับ
“คุณดอลลาร์ลงไปเลยหนัก”
“...” ผมได้รับการตอบรับเป็นเสียงครางครืดคราด แล้วคุณดอลลาร์ก็ยอมลุกออกจากตัวผมแต่โดยดีแล้วย้ายตัวเองมานอนบนหมอนของผม...คือ...แล้วคุณกูจะหนุนอะไรล่ะครับคุณแมว
หนุนพุงแม่งเลยผมเลิกเปิดศึกกับแมวที่ผมไม่มีวันชนะแล้วลุกขึ้นมาหยิบไอโฟนที่ชาร์ตไว้ที่ชั้นหนังสือ มีสายเรียกเข้าห้าสายจากไอ้นัท สายล่าสุดเมื่อสิบนาทีก่อน แจ้งเตือนอื่นๆมีบ้างประปราย ผมกดโทร.หาไอ้นัทก่อนเลยเผื่อมันมีอะไรสำคัญ
[ฮัลโหล ไอ้หล่อเป็นไงบ้างมึง]
“น่ารักเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกูหลงเค้ามาก”
[แสดงว่าคืบหน้า คึคึ กูจะเตรียมคอไว้แดกเหล้ารับขวัญเพื่อนสะไภ้นะครับ]
“กวนตีน”
[ฮ่าๆๆ เออๆ ดีแล้วๆ กูไปละ]
แล้วมันก็วางสายไป...อะไรของมัน
ผมจัดการเมมเบอร์และแอดไลน์ไปตามไอดีที่อีกคนให้ไว้...หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องขอไลน์ แชทเฟซก็มีคือ...ต้องเข้าใจว่าไลน์เป็นอะไรที่ส่วนตัวกว่านะครับในความคิดผม
เอาล่ะแอดแล้ว แล้วจะทักว่าไงดี...
ในตอนที่ผมยังลังเลว่าจะทักไปว่าไงดี หน้าจอผมก็ขึ้นแจ้งเตือนว่ามีคนส่งไลน์มา
แบงค์?เชรี่ยยยยยยยยยย เกือบทำมือถือหล่นนี่ตกใจมาก
เกือบตกเตียง
เขาทักมาก่อนว่ะ
เขาทักไลน์ผมอ่ะครับมันแบบ
ฮื้ออออดีกับใจ
‘ครับผม นี่แบงค์ไงจะใครล่ะ’
ผมไม่ได้ตั้งใจกวนตีนนะ แค่ล้อเลียนชื่อบัญชีไลน์ที่อีกคนตั้งแค่นั้นเอง
ก็บุ๊คไงจะใครล่ะ อย่าล้อดิ ถึงบ้านแล้วช่ะ? ‘ถึงแล้วครับผม’
ผมจัดการถ่ายรูปคุณดอลลาร์ที่นอนแผ่พุงอยู่บนหมอนของผมแล้วส่งให้อีกฝ่ายดู
‘โดนแย่งหมอน’
งื้อออ น่ารักครับน่ารัก ไม่ใช่คุณดอลลาร์นะผมว่าเค้าอ่ะน่ารัก
เห็นแล้วอยากฟัดพุงเลย แล้วอีกฝ่ายก็ส่งรูปแมวเมนคูนสีเทา-ขาวตัวโตที่นอนแผ่หลาเต็มเตียงมาให้...เพ้อเลยครับ
นี่ไม่ได้เพ้อแมว นี่เพ้อเตียง ฮืออออ เตียงของบุ๊คน่านอนจังเลยยย
นี่คุณเพนนีนะ ^^ ‘โห...ตัวโตมากอ่ะ’
กินเยอะด้วย นี่หาเงินทุกวันนี้เอามาเลี้ยงแมวหมด ‘พอกันอ่ะ’
‘ไว้วันหลังก็พาเราไปเล่นกับคุณเพนนีบ้างดิ’
อ่อยไปครับ เราต้องอ่อย
ทำไมขี้อ่อย =,.= ‘นี่พรุ่งนี้ก็ต้องพาไปตรวจสุขภาพตามนัด ค่าหมออีก’
‘บ่นได้ไหม ฮ่าๆๆๆ’
นอกเรื่องไปครับเดี๋ยวโดนต้อน
เป็นทาส มีสิทธิ์บ่นหรอ
มีหน้าที่รับใช้ก็ทำไป
สติ้กเก้อสามก๊กฮากระจาย จะนอนยัง เรากวนป่ะเนี่ย ‘ก็จะนอนแหละ แต่ก็อยากคุย’
พรุ่งนี้เรียนกี่โมง ‘แปดโมงครับ’
ไปนอนเลย เดี๋ยวตื่นสาย ‘ครับผม’
‘บุ๊ค’
ว่า? ‘บอกฝันดีหน่อยดิ’
เขาอ่านแล้วครับแต่ยังไม่ตอบกลับมา..
นี่ร้อนใจแล้วอ่ะ ไม่ใช่เซ้าซี้นะแต่...
เขาจะรู้สึกอึดอัดป่ะ...ผมรุกแรงไปไหม
เห้ยยยยย นี่คิดมาก
เงียบไปเลยอ่ะครับ ฮือออออ
ผมตัดใจว่ายังไงคืนนี้คงไม่ได้รับคำบอกฝันดีจากเขาแน่ๆ เดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆคุณดอลลาร์ ที่พอผมนอนลงก็เอามือ(เท้าหน้า) มาวางไว้ที่แก้มผมพร้อมส่งเสียงครืดคราด...เหมือนจะปลอบใจ
ผมที่ได้แต่นอนกำลังจะหลับก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะแจ้งเตือนจากมือถือ...จากแอพลิเคชั่นไลน์
ผมผุดลุกขึ้นนั่งทันทีนั่นทำให้คุณดอลลาร์ตื่นไปด้วยแต่ก็แค่พลิกตัวไม่ได้ลุกไปไหน แต่ผมไม่สนใจแมวอ้วนตอนนี้ครับ...เป็นข้อความจากคนที่ผมพึ่งขอให้เขาบอกฝันดีเมื่อครู่นี้
โทษที ไปอาบน้ำมา ฝันดีครับแล้วเขาก็แนบรูปภาพท้องฟ้าที่คงจะเป็นจากหน้าต่างห้องของตัวเอง มองไม่เห็นดาวหรอกครับแต่ผมรู้สึกว่ามันสวยยังไงชอบกล
‘ฝันดีเหมือนกันครับ’
ผมส่งไปแค่นั้นแล้วกดออกจากแอพพลิเคชั่น...หันไปเอาหน้าซุกพุงคุณดอลลาร์ คืนนี้ผมคงจะหลับฝันดีจริงๆแล้วล่ะ
--เย็นวันต่อมา--พวกผมมารวมตัวกันที่ลานหน้าอาคารการศึกษาพิเศษตามที่ได้นัดกันเมื่อวาน เมื่อครู่นี้ผมเดินไปบอกเอิร์นแล้วว่าตกลงจะเป็นหลีดของคณะสี เธอดีใจจนถึงขั้นกรี๊ดออกมา..ผู้หญิงนี่น่ากลัวนะครับ
พอกรี๊ดเสร็จเธอก็บอกให้ผมรออยู่แถวๆนั้นก่อนเพราะเราต้องคัดน้องปีหนึ่งด้วย ผมก็เออๆออๆไปครับ ปล่อยให้เพื่อนๆคัดไปละกัน ส่วนผมตอนนี้หรอ...ยืนอย่างแนบเนียนในกลุ่มเด็กสังคมครับ
แหม.... อย่ามองผมแบบนั้นผมลากไอ้หนึ่งมายืนตาปรือทำหน้าง่วงนอนอยู่ข้างๆด้วย
“กูไม่เก็ทเลยว่ามึงจะลากกูมายืนด๋อยไรตรงนี้...คิดว่ากลมกลืนมากไหมชุดมึงกับกูกะชุดพวกเขาเนี่ย”
ผมมองตามที่ไอ้หนึ่งมันพูด คือพวกผมใส่ชุดพละกันไงแล้วที่เหลือเขาใส่ชุดนักศึกษากัน..เอาเป็นว่าเด่นมากตอนนี้ แล้วกลุ่มปีสองพลศึกษาก็ไปจับกลุ่มดูการแข่งขันวอลเลย์ฯกันอยู่มุมเสาอีกด้านของลานตรงที่มีWireless Router Wifi
...ลำบากมากไหมมึงผมเดินไปสะกิดบุ๊คที่ตอนนี้ยืนมองน้องๆปีหนึ่งกำลังจัดแถวแล้วก็นับจำนวนกันอยู่
“หืมว่า?”
“นี่นัดน้องมาทำไรอ่ะ?”
“แสดงว่าเมือวานนี้ไม่ได้ฟังเลยช่ะ?”
“ก็..”
“ไม่ต้องมาบอกว่า’ก็มัวแต่สนใจบุ๊คไง’ เลยนะ มุกเดิม”
“แหะๆ”
เขาส่ายหน้ากับอาการหมดหนทางของผมแต่ก็ยอมอธิบายให้ฟัง
“วันนี้นัดปีหนึ่งมาให้หลีดคัดตัว แล้วก็นับจำนวนของคนที่จะขึ้นสะแตนเชียร์แล้วก็พวกนักกีฬา นักกีฬาเนี่ยพลศึกษาคงเหมาหมดแหละ แต่ก็ต้องมีเหลือๆที่ไม่ได้เล่นอะไรเลยด้วยใช่ไหมล่ะเลยจะจับมาขึ้นสะแตนให้หมด”
“อ๋อ..”
“แล้วนี่มายืนทำไมตรงนี้ ไม่ไปรวมกับเพื่อนที่เป็นหลีดอ่ะ จะด้วยช่วยเพื่อนคัดน้องไงนี่อีกแป้ปๆพวกปีสามเรียนเสร็จลงมาแล้วยังไม่ได้น้องจะโดนหนักกันนะ”
“ก็...”
ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงสวรรค์จากสาวสวยชื่อเอิร์นก็ลอยมาเลยครับ
“แบงค์ อย่าพึ่งไปจีบมันไอ้บุ๊คอ่ะ มาช่วยดูน้องสาขาหน่อยให้ดิว่าใครหน่วยก้านพอใช้ได้มั่ง”
“ไอ้เอิร์น!!!!”
“ไม่อยากให้จีบก็ฝากบอกเพื่อนด้วยว่ารีบๆใจอ่อน” ผมตะโกนกลับไป
“แบงค์!!!”
“ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว”
-------------------------------------2BC-----------------------------------
นั่งจิบอเมริกาโน่ มองคนจีบกันเบาเบา
อารมณ์ดีคนอ่านน่ารัก จอน สโนว์ไม่ตายเลย เอาตอนเจ็ดมาเสิร์ฟ ฮ่าๆๆๆ
รักคนอ่านนะครับ เจอกันตอนหน้า
สปอยล์ตอนหน้า
"ไม่อยากโดนจีบบ่อยๆ ก็จีบเรากลับบ้างก็ได้ นี่โอเคมากนี่ไม่เป็นไร"