จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)  (อ่าน 203515 ครั้ง)

ออฟไลน์ Moose

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #390 เมื่อ06-07-2016 15:36:56 »

น่ารักมากกกกกก

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #391 เมื่อ06-07-2016 21:30:18 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #392 เมื่อ06-07-2016 21:39:35 »

โหยยยยย...ติดใจ  อ่านแล้วติดลม

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #393 เมื่อ06-07-2016 22:48:51 »

เกร้ดดดด นี่มันโคตรของโคตรความฟินเลยจ้าาา

ออฟไลน์ ssipra

  • นักอ่านมืออาชีพ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #394 เมื่อ06-07-2016 22:49:10 »

ชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #395 เมื่อ07-07-2016 08:34:59 »

จูบแล้วแบบนี้ ไม่เรียกจุ๊บ 555
เอาใหญ่เลยนะธี

แต่ป้าเด้าคือไอดอลอ่ะ ชอบป้าาา

ออฟไลน์ chisarachi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1019
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-1
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #396 เมื่อ07-07-2016 21:06:52 »

นี่ลืม มม มม ม
ลืมว่าเรื่องนี้มาต่อแล้วววววว
และสารภาพว่าแอบลืมเรื่องไป5555555

ตอนนี้น้องธีร์รุกไวมากกก.
จริงๆนางน่ารักกกก.

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #397 เมื่อ07-07-2016 22:53:30 »

ยังไงป้าเด้าก็ไอดอลค่ะ ฮ่าๆ ดิฉันชอบนางมากๆ เพราะนางเป็นผู้มอบนิยามแก่ตัวเองว่าเป็นคนที่มี "จิ๋มทรงพลัง" ว้าย ชอบค่ะ

น้องธีร์กับน้องจุ๊บตอนนี้โรแมนติกมากนะคะ แม้อะไรหลายอย่างจะยังไม่เคลียร์และความสัมพันธ์ยังเพิ่งเริ่มต้นแต่ก็หวานกันแล้ว ที่สำคัญ...พวกเอ็งเริ่มใช้พลังกันแล้วเรอะ!

...สำคัญที่สุด มีประเด็นของคุณพ่อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อยากรู้ว่าเหตุใดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับจุ๊บทำไมจึงกลายเป็นห่างเหิน ซ้ำคุณพ่อยังป่วยเป็นมะเร็งอย่างนี้อีก นี่คือดราม่าใช่ไหมคะ?

ขอบคุณตัวแม่มากๆ เลยค่ะ

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #398 เมื่อ07-07-2016 23:05:21 »

เขินด้วยฟินด้วย มีหมอนจิกหมอนมีหมาจิกหมากันล่ะงานนี้ :o8:

ออฟไลน์ นอนกินแรง

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-4
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #399 เมื่อ08-07-2016 04:38:17 »

ธีร์แม่งงงง อ่านแล้วเขินแทนจุ๊บ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
« ตอบ #399 เมื่อ: 08-07-2016 04:38:17 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ flimflam

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 881
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #400 เมื่อ08-07-2016 11:49:37 »

งืออออ เขินแทน
ธีร์ปรับตัวกับพลังไวไปมั้ย 5555555555

ออฟไลน์ J029

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #401 เมื่อ08-07-2016 13:22:41 »

ฉันชอบป้าเด้ามาก

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #402 เมื่อ08-07-2016 20:17:15 »

ฮั่นแหนะ! เจ้าจุ๊บมาคู่เวรคู่กรรมอะไรแถวนี้ :-[

ออฟไลน์ KanomPhing

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #403 เมื่อ08-07-2016 21:24:37 »

เรามารอธีร์ทุกวันเลยนะะะ   วันศุกร์แล้วค่าาา
ยังรอต่อไป  เมื่อไหร่จะมาน้อออออ

คิดทึ้งงงงคิดถึงง
 :-[

ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #404 เมื่อ09-07-2016 09:08:23 »

 :o8:

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #405 เมื่อ09-07-2016 19:51:31 »

ตอนหน้าน่าจะยิ่งมันส์ รออ่านตอนต่อไปค่ะ  :laugh:

ออฟไลน์ MooMiew

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 326
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
Re: จุ๊ บ ที { จูบที่หก | UPDATE 4.7.2559 | Page 12 }
«ตอบ #406 เมื่อ12-07-2016 03:08:42 »

โง้ยยยยยยย เขิลเว้ยยยยยยย ยิ้มแก้มแทบแตก ธีร์ขยันหยอดจริง  :katai2-1:

อยากอ่านต่อแล้วว มาต่อเร็วๆ น้าาาาา

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่



จูบที่เจ็ด


    
   มันเหมือนภาพฝัน

   ดาราตัวขาวเจ้าของโทรศัพท์ฉีกยิ้มจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ ในขณะที่คนธรรมดาผมม้วนหยิกทางขวาทำหน้ากระอักกระอ่วนใส่กล้อง แก้มสองข้างระเรื่อเป็นสีชมพูอ่อน ส่วนศิลปินสองคนตรงกลางทำปากจู๋เพราะถูกหยุดไว้ในท่อน ‘หยุด’ พอดี

   ผมนั่งเลื่อนรูปที่ธีร์ส่งมาให้ดูไปเรื่อยๆ อยู่ในห้องโถง กลางดึกอันเงียบสงบที่ทุกคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว แต่ผมยังมานั่งอยู่ตรงหน้าจอทีวี ตายังยิ้มให้หน้าจอโทรศัพท์

   ยิ้มให้รูปที่มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ว่ามันถูกถ่าย

   เสียงเปิดประตูบ้านทำให้ผมต้องละสายตา เห็นหญิงร่างท้วมคนคุ้นเคยเดินเข้ามาในชุดเดิมกับครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน

   “ยังไม่นอนอีก?”

   “ฮึ...ทำไมแม่กลับดึกอะ” ผมถามย้อน ดูเวลาก็พบว่ามันเกือบเที่ยงคืนแล้ว

   “จะกลับมาตั้งแต่สี่ทุ่มแล้ว ดั๊นลืมของไว้ที่โรงพยาบาล ต้องเทียวรถกลับไปอีกรอบ” แม่โอดแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างผม ผมยู่ปากอย่างเห็นใจแล้ววางมือถือลงข้างตัว ชันเข่าลุกขึ้นนั่ง

   “นวดไหมแม่” ผมจับไหล่อย่างที่เคยทำให้เธอบ่อยๆ แต่แม่โอบโบกมือเชิงปฏิเสธ ผมทิ้งตูดลงกับโซฟาเหมือนเดิม

   “แล้วทำอะไรไม่หลับไม่นอนเนี่ย”

   “ก็...ดูทีวี” โบ้ยไปที่จอโทรทัศน์ที่ตอนนี้กำลังมีฝรั่งมาสาธิตลู่วิ่งเพื่อสุขภาพอยู่

   “รายการขายของทางโทรศัพท์เนี่ยนะ” แม่แหว “ขี้จุ๊”

   ผมครวญออกมาเมื่อแม่จับได้ กับคนในครอบครัวนี่ผมไม่เคยโกหกได้เนียนเลยจริงๆ แม่เหล่ตามองผมอย่างจับผิด แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มออกมา

   “ที่หายไปตอนเย็นนี่ไปมอมาใช่ไหม”

   “ก็ใช่...แม่ถามทำไม” ผมเริ่มลุกลี้ลุกลนเมื่อเห็นสายตาแบบนั้น

   “ไปเจอเขามาใช่ไหม”

   “ขะ...เขาไหน ไม่ได้เจ๊อ” เสียงสูงแบบไม่ผิดปกติสักนิดเลยกู ถุย

   แม่คลี่ยิ้มออกมาแล้วยื่นหน้ามากระซิบอย่างเจ้าเล่ห์ต่อ “ตกลงถามเขาหรือยัง”

   “เหอ?”

   “อย่ามาทำไก๋ไอ้นี่ ถามเขาหรือยังว่าเขาชอบเราหรือเปล่าไง” คำถามของแม่ทำให้ผมนึกถึงประโยคที่ธีร์พูด ก่อนที่เขาจะฉวยโอกาสจูบเพื่อไปเซลฟี่กับพี่บอลพี่เมื่อยบนเวที

   
   ‘ไม่กลัวเรา...อะไรแบบนั้นเหรอ’

   ‘ก็กลัวนะ’

   ‘…’

   ‘แต่เทียบความกลัวกับความชอบแล้ว ความชอบมันมีมากกว่า’



   แต่เทียบความกลัวกับความชอบแล้ว ความชอบมันมีมากกว่า

   แบบนี้...จะนับว่าชอบได้หรือเปล่านะ

    “ว่าไง” แม่เร่ง ผมไม่ตอบอะไรแต่ยิ้มยิงฟันให้แม่ จุ๊บแก้มแม่หนึ่งทีก่อนจะลุกเดินตัวปลิวเข้าห้องตัวเอง หัวเราะร่วนกับคำก่นของแม่ที่ดังตามมา

   “แบบนี้หมายความเขาชอบเธอใช่ไหม จุ๊บ! จะใช้มุขหนีเข้านอนอีกกี่รอบวะ แม่เบื่อแล้วนะโว้ยยย”



   วันเปิดเทอม

   ผมยืนสำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจกในห้องโถงแต่เช้าตรู่ วันนี้ผมมีเรียนคาบแรกที่คณะตอนเก้าโมงเช้า เสื้อผ้าที่เลือกใส่ในโอกาสเปิดภาคเรียนใหม่คือเสื้อเชิ้ตสีขาวบางแขนยาวกับกางเกงยีนซีดขาดตามสไตล์นักศึกษาปีสอง ผมใช้เจลจัดระเบียบเส้นผมหยอยของตัวเองให้เข้าที่ จ้องมองขนคิ้วรกหนาของคนในกระจกแล้วก็ต้องขมวดมันแน่นด้วยความไม่ค่อยชอบใจ ใช้มือปัดๆ แล้วไล่สายตามองตากลมโต แก้มเกลี้ยงเกลา สันจมูกสูง จนกระทั่งมาถึงริมฝีปาก

    ริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่เพิ่งโดนประทับรอยจูบเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

    รสสัมผัสนั้นยังตราตรึง ความอ่อนโยนในขณะเดียวกันก็หวาบหวาม ความรู้สึกที่เกิดขึ้นบนปากแต่ส่งผลโดยตรงต่อหัวใจ
    ผมจ้องตาตัวเองสลับกับริมฝีปากเนียน นอกจากจะจำได้ว่าธีร์ฉวยโอกาสยังไง ผมยังจำได้ว่าตัวเองโต้ตอบเขา และจำได้ว่าเมื่อเทียบกับจังหวะของเขานั้น...ทักษะการจุมพิตของผมช่างอ่อนหัดเหลือเกิน

    จู่ๆ ก็รู้สึกว่าอะไรแบบนี้มันควรฝึก เผื่อในกรณีที่ถ้า...แค่ถ้านะ...ถ้าผมมีโอกาสได้ทำมันอีก

    ผมค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหากระจก คิดว่าฝึกจูบกับใครก็คงไม่ดีเท่าฝึกกับตัวเอง ครั้งแรกลองแลบลิ้นออกไปก่อน แต่พอแตะกับแผ่นกระจกหนาก็ได้รสขมปร่า เชี่ย รสชาติของเศษผงเศษครีมหน้าตู้กระจกแน่ๆ

   ถุยน้ำลายไล่ความฝาดที่ปลายลิ้นไปสองถุย โอเคเริ่มใหม่

    เอ...คนจะจูบกันนี่มันต้องเอียงหน้าด้วยใช่ป่ะวะ

    ผมค่อยๆ เอียงใบหน้าไปทางขวา พอได้องศาก็พุ่งหน้าเข้าหากระจกอย่างรวดเร็ว

    “โอ๊ย” แต่กลับกลายว่าจมูกดันชนกระจกก่อนปากเสียอีก ผมจับจมูกตัวเองที่อาการชาหนึบเข้าครอบงำ ได้บทเรียนแล้วว่าจะจูบใครต้องไม่พุ่งเข้าหาแบบรุนแรง

    ผมผ่อนลมหายใจออกมาดังฟู่ววววววแล้วบอกตัวเองว่ารอบนี้จะทำให้ดีกว่าเดิม

    สบตากับตัวเองในกระจกแล้วหลับตาตั้งสมาธิ ชั่วขณะนั้นในหัวก็นึกถึงหน้าของเขาขึ้นมาเสียเฉยๆ เค้าโครงหน้าของธีร์ในจินตนาการที่ชัดเจนยิ้มมุมปากบางๆ และโน้มหน้าเข้ามา ผมยิ้มรับแล้วโน้มหน้าตอบอย่างเชื่องช้า ไม่นานริมฝีปากของเราก็แตะกัน ผมลองเอี้ยวคอและเผยอปากรับกับจินตนาการหวานไปเรื่อยๆ…อืมมมมม

   “จุ๊บ ทำอะไรวะ” เสียงเล็กที่กลั้นขำดังขึ้นไม่ไกล วินาทีนั้นความหวานกลายเป็นความเย็นชืดของกระจกทันที ผมดึงตัวออกอย่างรวดเร็ว ตาโตเห็นป้าเด้ายืนเท้าสะเอวอยู่ตรงโซฟาในชุดสไบสีเขียวกับโจงกระเบนสีน้ำตาล ปล่อยผมที่ผ่านการถูกยืดให้ตรงออกสยายถึงกลางหลัง ไม่รู้ว่ายืนอยู่ตรงนี้มานานเท่าไร

   “มะ...มะ...ไม่ได้ทำไรเลย”

   “มะ...มะ...ไม่ได้ทำไรเลย ไม่ได้ทำไรเล้ยยย ฉันเห็นแกยืนพิศวาสกับกระจกอยู่นานสองนาน ตอนแรกนึกว่าจะแสดงอิทธิฤทธิ์พุ่งเข้ากระจกได้แบบเรื่องทวิภพ อุตส่าห์รอดู”

   “ไม่ใช่ครับ ตะกี้อะไรไม่รู้เข้าตา”

   “อะไรเข้าตามันจำเป็นต้องดูดกระจกด้วยเหรอ”

   “ป้า...แต่งตัวสวยจัง จะไปไหนเหรอครับ” ผมเปลี่ยนประเด็นด้วยคำถาม ตาก็ทำเป็นสำรวจเครื่องแต่งกายของป้าเด้าไปด้วย ทันใดนั้นแกก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

   “รัตนโกสินทร์ ฉันล่ะเบื่อการเขียนถึงเรื่องบ้านเก่าเมืองเก่า ต้องให้ตามไปเก็บข้อมูลประวัติศาสตร์อยู่เรื่อย” ป้าเด้าบ่นพลางหันซ้ายหันขวาเหมือนมองหาอะไรสักอย่าง เพื่อความแนบเนียนผมจึงถามต่อ

   “อะไรหายอีกเหรอครับ”

   “ผัว!” ป้าวีนเสียงดัง “ผัวฉันเนี่ยแหละหาย เห็นมันไหมไอ้ฝรั่งตัวสูงๆ หัวเถิกๆ น่ะ เป็นแบบนี้ตลอด ตะกี้แต่งตัวด้วยกันอยู่ดีๆ บอกว่าออกมากินข้าว ตอนนี้ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนไม่รู้”

   ผมยิ้มแหย “ตั้งแต่เช้ายังไม่เห็นลุงเลย”

   “เออๆ เดี๋ยวไปหามันต่อก่อน” ผู้หญิงในสไบสีเขียวสดบอก เธอบ่นมุบมิบแล้วเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าป้าไม่ติดใจอะไรกับเรื่องกระจกแล้ว

   “เอ้อแล้วอย่าดูดกระจกอีกนะ หิวข้าวก็ไปในครัวนู่น” ป้าบอกเสียงดังก่อนจะตามมาด้วยเสียงปิดประตูปัง ทำเอาเข่าแทบอ่อน

   “ไม่ได้ดูด...ไม่ได้ดูดเว้ยยย”

   ผมกระซิบเถียงทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ใช่ความจริงเลย...ไม่เลยสักนิด




   การเรียนวันแรกของเทอมก็ตามธรรมเนียมของ ‘วันแรก’ คืออาจารย์ยังจะไม่เริ่มสอนอย่างจริงจัง เพียงแค่แจกเอกสารประกอบการเรียน พูดถึงภาพรวมคร่าวๆ ของวิชาไม่กี่นาทีก็เลิกคาบ ผมเลยได้เวลาว่างระหว่างวันมาเหลือเฟือ แต่กระนั้นจะพูดว่าชีวิตวันนี้โคตรชิลล์ก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก ผมใช้เวลาว่างตรงนั้นมานั่งจุ๊มปุ๊กอยู่ห้องสโมสรนักศึกษาเพื่อทำป้ายชื่อใหม่ของเด็กปีหนึ่งที่ตัวเอง(ดัน)ตกปากรับคำรับผิดชอบ

   ป้ายพวกนี้จะใช้ในวันเปิดสายรหัสพรุ่งนี้แล้ว แต่งานยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จเลย

   “ทำไมมันยากเย็นจังวะ” ไอ้พี เพื่อนฝ่ายสันฯ ที่เข้ามาช่วยบ่นอุบอิบขณะพยายามสอดด้ายเข้าเข็มด้วยท่าทางทุลักทุเล ตอนนี้เวลาห้าทุ่มกว่า ในห้องสโมฯ มีเพียงแค่ผม มัน และโฟกัสที่มือยังเย็บอยู่ แต่หัวพิงกำแพงแล้วส่งเสียงกรนออกมาคร่อกใหญ่แล้ว

   “ทำไมมึงไม่จ้างร้านทำตั้งแต่แรกเนี่ยไอ้จุ๊บ ลำบากชิบหายเลย” พีบ่นไม่หยุด

   “ก็พี่รุ่นก่อนๆ เขาก็เย็บมือมาอย่างนี้นี่หว่า” ผมแก้ตัวเสียงเบา แต่ในใจก็แอบเห็นด้วยว่าถ้าให้ร้านทำงานคงเสร็จเร็วกว่านี้ “เอาน่ะ อย่างน้อยน้องก็รู้ว่าเรา....”

   “น้องก็รู้ว่าเราให้ทุ่มเท ประโยคนี้กูฟังมาเป็นล้านรอบละ ถามจริงมันรู้จริงเหรอ น้องปีหนึ่งไม่ได้มานั่งดูมึงตอนเย็บซะหน่อย ป้ายเนี่ยได้ไปจะใส่ไม่ใส่ก็ยังไม่รู้เลย เผลอๆ เอาไปเป็นผ้าเช็ดตีน”

   “มึงก็มองโลกแง่ร้ายไป๊”

   “มึงก็โลกสวยไป๊” แหวจบพีก็ใช้ฟันตัวเองกัดด้ายที่เพิ่งเย็บเสร็จ บ่นหาเรื่องตั้งแต่ตัวผมไปจนถึงบรรพบุรุษผู้คิดค้นป้ายผ้าของคณะ เห็นคนร่างล่ำเหมือนนักกีฬามวยปล้ำมานั่งเย็บผ้าประดิดประดอยก็อดสงสารไม่ได้

   “มึง วันนี้พอก่อนก็ได้นะ มันดึกมากละ” ผมบอกพี

   “เหลืออีกเยอะเลยไม่ใช่เหรอวะ?”

   “เยอะอะไร อีกสิบกว่าอันเอง” ผมโกหก จำนวนน้องทั้งหมดมีเก้าสิบเอ็ดคน แต่จากที่นับอันที่ทำไปแล้วมีแค่หกสิบสามอันเอง “มึงกลับไปก่อนเหอะ เดี๋ยวกูว่าจะอยู่เย็บต่ออีกสักอันสองอันจะกลับแล้วเหมือนกัน”

   “เอางั้นเหรอ”

   “เออ ฝากลากไอ้กัสกลับไปด้วยนะ หลับได้หลายตื่นละนั่น” ผมพยักเพยิดไปทางเพื่อนร่างท้วมในผมติ่งหูที่น้ำลายยืดลงมาเป็นสาย พีลุกเข้าไปปลุกโฟกัสที่ตื่นแล้วยังดูไม่ค่อยมีสติดี จะขับรถกลับไหวป่ะวะ

   “แน่ใจนะว่าไม่ให้พวกกูอยู่ต่อ” พีหันมาถามผม ผมโคลงหัวเป็นสัญญาณว่าแค่นี้มันจิ๊บจ๊อย พอสองคนออกจากห้องไปผมก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบอกแม่ว่าวันนี้อาจจะกลับบ้านเกือบเช้า วันนี้ต้องทำให้เสร็จ...หรือไม่ก็เกือบเสร็จ

   วางสายจากแม่ก็สังเกตเห็นข้อความจาก ‘เขา’ ที่ส่งมาอวยพรความฝันเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว

         
   Thee Dumrongdech
   นอนยัง
   เงียบเลย
   นอนละใช่ป่ะ
   ฝันดี


   Jub Joompit
   ฝันดี
               
   ผมพิมพ์ตอบกลับไป ไม่กี่วินาทีก็ขึ้นว่าอ่านแล้ว
               
   Thee Dumrongdech
   ยังไม่นอนอีกเหรอ
               
   Jub Joompit
   ยัง
   ธีร์อะ
   ยังไม่นอนอีก

               
   Thee Dumrongdech
   เพิ่งถ่ายละครเสร็จ
   โคตรเหนื่อย

               
   Jub Joompit
   อ้อ
   สู้
   กลับบ้านอาบน้ำนอนเหอะ


   Thee Dumrongdech
   อยู่ระหว่างทางอยู่เลย

   Jub Joompit
   อ่อ
   ขับรถปะเนี่ย   
   อย่าพิมพ์ตอนขับรถดิ


   Thee Dumrongdech
   รถติดอยู่เลยพิมพ์ได้
   เป็นห่วงหราาาาาา


   Jub Joompit
   ไม่
   ห่วงคนอื่นที่ธีร์จะขับไปชนเขาต่างหาก


   Thee Dumrongdech
   น้อยใจว่ะ
               
   ผมส่งอีโมติค่อนแลบลิ้นไปให้ธีร์

   Thee Dumrongdech
   แล้วยังไม่หลับนี่ทำไร
               
   Jub Joompit ได้ส่งรูปภาพ
               
   Thee Dumrongdech
   อยู่คณะ?
   เฮ้ย
   ไม่กลับอีกอะ

               
   Jub Joompit
   ทำงาน
               
   Thee Dumrongdech
   งานไรดึกขนาดนี้
               
   Jub Joompit
   งานให้น้องปีหนึ่งนั่นแหละ
               
   Thee Dumrongdech
   เดี๋ยวไปหา
               
   Jub Joompit
   เฮ้ย ไม่ต้อง
   จริงๆ นะ
   เดี๋ยวกลับแล้ว
   ธีร์
   ตอบดิ
   มาจริง?



   เสียงประตูเลื่อนเปิดในสิบห้านาทีหลังจากนั้นทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น

   ผมปรือตามองคู่ชีวิต...หรือที่เขาเข้าใจก็คือคู่เวรคู่กรรม...เดินเข้ามาในเครื่องแบบนักศึกษาปีหนึ่งที่หลุดลุ่ย เสื้อสีขาวพอดีตัวถูกปล่อยชายออกนอกกางเกงสแล็คสีดำ เน็คไทสีแดงเลือดหมูติดเข็มมหา’ลัยพันไว้รอบคออย่างลวกๆ รองเท้าหนังสีดำปลาบส่งเสียงดังในทุกก้าวที่เข้าใกล้ ผมรองทรงของเขาถูกเซตอย่างเป็นธรรมชาติ หากใบหน้าขาวซีดกลับดูอิดโรย ริมฝีปากที่มักจะเป็นสีชมพูเข้มก็มีสีจางลง

   ธีร์ดูเหนื่อยและไม่ห่วงภาพพจน์เนี้ยบอย่างที่เคย แต่ก็ยังดูเท่ได้อย่างน่าประหลาด

   คนเชี่ยอะไรแต่งตัวผิดระเบียบยังเท่เลย

   “หวัดดีคู่กรรม” ธีร์ทัก “รู้ว่าหล่อ แต่จ้องขนาดนั้นมันเขินนะ”

   เขาแซวยิ้มๆ ผมเบ้ปากแล้วก้มหน้าลงเย็บป้ายผ้าต่ออย่าง(พยายาม)ไม่สนใจ

   “ไรเนี่ย” ธีร์ทรุดตัวลงนั่งข้าง แล้วหยิบป้ายผ้าสีครีมขลิปส้มขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนผ้าพันคอลูกเสือประถม เพียงแต่เวลาใส่ให้เอาส่วนสามเหลี่ยมมาไว้ด้านหน้า ซึ่งพื้นที่สามเหลี่ยมนั้นจะมีชื่อน้องปีหนึ่งแต่ละคนถูกเขียนอยู่

         “ป้ายใหม่” ผมตอบ ทั้งที่จริงๆ แล้วป้ายพวกนี้ปีหนึ่งอย่างเขาไม่สมควรจะมาเห็นมันก่อนวันเปิดสายรหัสด้วยซ้ำ แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ สิ่งที่ผมควรจะคิดตอนนี้คือจะทำป้ายพวกนี้ให้เสร็จภายในหนึ่งคืนได้ยังไง 

   “อีกแล้วเหรอ”

   “อีกแล้วไร แล้วทำไมไม่ใส่ป้ายเนี่ย แบบนี้เพื่อนจะรู้จักเราได้ไง” ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ารอบคอเขาไม่ได้ถูกคล้องด้วยป้ายกระดาษที่แจกไปตั้งแต่ตอนค่าย

   “ไร้สาระ คนอยากรู้จักกันจริงๆ ก็ทำความรู้จักกันเองได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ป้ายซะหน่อย” เขาบอกหน้าตายแบบไม่รักษาน้ำใจรุ่นพี่แบบผมสักนิด “แล้วเราคิดว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักเราแล้วมั้ง”

   ผมย่นปากอย่างหมั่นไส้แต่ก็ต้องยอมรับว่าที่เขาพูดคือความจริง ไม่อยากจะเถียงกับเด็กขี้เอาแต่ใจอย่างเขาต่อเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตาเย็บต่อไป

   “จะทำให้เสร็จคืนนี้เลยเหรอ”

   “อึ๊...เอ้อว” ผมจะพูดว่าอื้อแต่อาการหาวเข้าแทรกเสียก่อน
             
   “แล้วนี่ไม่มีเพื่อนมาช่วยทำเลย?”

   “มีดิ แต่กลับไปหมดแล้ว”

   “พี่จุ๊บควายก็ควรกลับไปนอนได้แล้ว ตาจะปิดละเนี่ยรู้ตัวปะ”

   “ขอทำให้เสร็จก่อน เหลือไม่กี่อันเอง”

   “กี่อัน”

   “ประมาณ...เท่าไหร่วะ...สามสิบกว่ามั้ง”

   “สามสิบกว่า!”

   “จะเสียงดังทำไมเนี่ย ตกใจนะโว้ย” ผมแว้ดใส่เขาบ้างเพราะตกใจเสียงเขาจนเข็มเกือบตำ ธีร์ขมวดคิ้วมองผมด้วยแววตาเป็นห่วง

   “คืนนี้จะเสร็จให้ได้เลยใช่ไหม”

   “ถามไรเยอะแยะเนี่ย” ผมแหวตัดรำคาญ พอจะก้มลงเย็บทีเด็กนี่ก็กวนสมาธิอยู่เรื่อย

   “เปล่า” พ่อดาราพูดเนือยๆ “มีเข็มกับด้ายมากกว่านี้ปะ เดี๋ยวช่วย”

   ผมเหล่ตามองเขานิดหนึ่ง “เย็บผ้าเป็นด้วยเหรอ”

   “ไม่เป็น” อ้าว “แต่คงไม่ยากหรอกมั้ง อยากช่วยไง ยังไงสองคนทำก็น่าจะเร็วกว่าคนเดียวอยู่แล้ว”

   ผมยิ้มบางให้กับความมีน้ำใจของเขาแต่ไม่ได้สบตา มือก็สอยด้ายกับป้ายผ้าไปเรื่อยๆ “ไม่ต้องหรอก ถ่ายละครมาเหนื่อยไม่ใช่เหรอ กลับบ้านไปนอนเหอะ เดี๋ยวตรงนี้ทำเอง”

   “บอกว่าจะช่วยไง” ทันใดนั้นธีร์ก็ยื่นมือมาจับมือผมให้หยุด ผมเงยหน้าไปสบตากับแววตาที่แน่วแน่ของเขาแล้วก็ต้องผ่อนลมหายใจออกมาในที่สุด

   “ทำไม่ได้แล้วอย่ามาบ่นนะ”

   ผมพูดด้วยความใจอ่อน แล้วเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์ตัดเย็บของพีที่ทำค้างไว้ส่งให้เขา จากนั้นเราก็ใช้เวลาราวสิบนาทีในการเรียนรู้วิธีการเย็บป้ายผ้า ธีร์เป็นคนเรียนรู้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แม้เขาจะลงมือทำด้วยท่าทางเงอะงะที่ผมเห็นแล้วขำ แต่ผลงานก็ออกมาไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับคนที่เคยเย็บผ้าเป็นครั้งแรก

   เราทำงานไปคุยกันไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยไปจนเกือบตีหนึ่ง ในวินาทีนั้นที่ผมรู้สึกว่าเปลือกตากว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของตัวเองช่างหนักอึ้งเสียเหลือเกิน

   ทันทีที่รู้สึกวูบ ผมก็เด้งตัวขึ้นมาให้ตั้งตรงเหมือนเดิม ยกมือขึ้นมาตบหน้าเบาๆ เพื่อเรียกสติ แล้วลงมือเย็บด้วยความรวดเร็ว...จากนั้นก็เชื่องช้า...วูบอีกรอบ แล้วก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ

   “พอก่อนเหอะพี่จุ๊บ” เสียงธีร์ที่ผมได้ยินมันเหมือนดังไกลออกไป แล้วสัมผัสของเขาที่เข้ามาเขย่าข้อมือผมเพื่อเรียกสติก็ดึงให้ผมกลับมา อุปกรณ์ในมือร่วงผลอยลงไปบนตัก

   “หา...หา?” พูดงึมงำเหมือนคนเอ๋อแดกและยกมือขึ้นขยี้ตาอีกรอบ โคตรง่วงนอนเลยโว้ยยยยยยยยย

   “กลับไปนอนเถอะ” เขากำชับ มองผ่านตาปรือของตัวเองก็เห็นแววตาเขม็งนิ่ง

   “ไม่...บอกว่าคืนนี้ต้องเสร็จก็ต้องเสร็จดิ”

   “ทำไมดื้อวะ”

   “ไม่ดื้อ แต่รับปากเขามาแล้วไง” ผมแก้ตัวเสียงอ่อน จริงๆ ก็หน่ายตัวเองที่เป็นคนประเภท ‘เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด’ เหมือนกัน แต่มัน...แก้ไม่ได้จริงๆ

   ธีร์ถอนหายใจอย่างฉุนเฉียวแล้วมองซ้ายมองขวาราวกับหาอะไรบางอย่าง

   “ในห้องนี้มีกล้องวงจรปิดปะ” เด็กหลอดไฟถามขึ้น

   “ถามทำไม”

   “มีปะ”

   “ห้องสโมฯ ไม่มีหรอก จะมีก็ตรงประตูหน้าห้องนู่น” ผมตอบแม้จะไม่รู้จุดประสงค์ที่เขาถามก็ตาม

   “ดี” เด็กธีร์โคลงหัวรับคำแล้วหันมาจ้องผมหน้าผมเขม็ง แล้วจู่ๆ ก็ยกมือขึ้นมาประคองแก้ม วินาทีนั้นหนังตาที่หนักอึ้งก็เบิกโตขึ้นได้อย่างอัศจรรย์

   “ทำ...ทำอะรุ้บ...”

   พูดไม่ทันจบ ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาปลุกผมจากความง่วง ครั้งนี้มันไม่ได้ดูดดื่มหรือมีรสชาติของความพิศวาส มันเป็นเพียงแค่จุ๊บไวๆ แบบขอไปทีเหมือนเวลาเราเห็นเด็กน้อยเล่นจูบปากกัน เร็วขนาดที่คนที่ฝึกฝนการจูบหน้ากระจกแบบผมยังจูบตอบไม่ทัน

   แต่แค่นั้นมันก็ทำให้เวลาของเราหยุดได้อย่างเคย

   ผมอ้าปากพะงาบๆ หลังจากเขาถอนจูบออก ธีร์เอื้อมมือเก็บเศษผ้ากับอุปกรณ์บนตักผมโยนไว้ข้างตัว และชั่วขณะนั้นที่ไม่ทันได้ตั้งตัว คนผิวขาวจัดก็จับไหล่ผมและดันมันลงเบาๆ ให้ศีรษะของผมหนุนลงบนตักของเขา

   “นอน” เขาออกคำสั่งขณะกดผมให้นิ่งอยู่กับที่ ปกติแล้วผมควรจะปฏิเสธการกระทำนี้ด้วยการทำอะไรสักอย่าง แต่ด้วยน้ำเสียงแบบนั้น...และสายตาแบบนั้น...ความรู้สึกบางอย่างที่ส่งมามันทำให้ผมไม่กล้าขัด

   “นอนให้พอ หายง่วงแล้วค่อยลุกมาทำต่อ เวลาเหลือเฟือ”

   ธีร์ถอนมือออกเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้อิดออด และคว้าอุปกรณ์เย็บผ้าขึ้นมาทำต่ออย่างขะมักเขม้น ผมมองใบหน้าเขาจากมุมช้อน ไล่สายตาจากดั้งจมูกโด่งสูงสู่ตาเล็กที่เพ่งด้วยความตั้งใจ

   ผมกระซิบขอบคุณออกมาเสียงเบา ธีร์ก้มลงสบตาผ่านช่องว่างของผืนผ้าแผ่นบางที่คั่นกลางระหว่างเราอยู่

   “เลิกจ้องแล้วหลับซะ เดี๋ยวปั๊ดจับจูบอีกรอบเลยนี่”

   คำขู่ทำให้ผมหลับตาปี๋ทันที ทว่าผ่านไปไม่กี่วินาทีก็ต้องหรี่ตามองต่อ ลอดขนตาหนาก็เห็นรอยยิ้มกว้างของเขาคลี่ออกมาบนริมฝีปากที่ก่อนหน้านี้ยังดุผมอยู่หยกๆ

   ไม่ว่าจะคำดุหรือรอยยิ้ม ผมก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่เจืออยู่ในทุกการกระทำของเขา

   “ธีร์ ถามอะไรอย่างดิ” ผมยอมปิดตาลงแล้วถามเขาด้วยเสียงงัวเงีย อยากพูดถึงสิ่งที่ตะขิดตะขวงใจก่อนที่ความง่วงจะดึงผมให้เข้าใกล้ห้วงนิทรามากกว่านี้

   “อยากโดนจูบอีกรอบจริงๆ ใช่ไหม”

   “ไม่...” ผมรีบบอก “แค่อยากรู้...ว่าถ้าได้ป้ายใหม่ไป ธีร์จะไม่ใส่เหมือนตอนนี้หรือเปล่า”

   “จะจูบแล้วนะ”

   “ตอบคำถามดิ”

   “...”

   “...”

   “ใส่สิ พี่จุ๊บควายอุตส่าห์ตั้งใจทำให้”

   ผมยิ้มให้คำตอบนั้นขณะหลับตาพริ้ม

   “ที่จริงจะใส่เพราะได้มาช่วยเย็บมากกว่า โคตรลำบากเลยเนี่ย” ผมหัวเราะกับคำบ่น ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงสางเบาๆ บนหัว ธีร์ปัดผมที่ปรกหน้าผมออกอย่างแผ่วเบา แล้วเป่าลมเย็นมาปะทะหน้าผากเหมือนผู้ใหญ่กล่อมเด็กเข้านอนยังไงยังงั้น

   “หลับเหอะ”

   ไอ้เด็กบ้า ทำแบบนี้ใครมันจะไปหลับลงวะ



(ต่อด้านล่าง)


อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไปเม้ามอยกันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะจ๊ะ

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่





   “พี่จะรับขวัญเจ้า เข้ามาเป็นขวัญจิต จะรักดังชีวิต ใจคิดกรุณา”

   เสียงเพลงประกอบพิธีบายศรีน้องใหม่ถูกขับขานโดยรุ่นพี่ปีสองก้องไปทั้งลานกิจกรรม ในความมืดที่มีเพียงแสงเทียนเรืองรองส่องสว่าง เหล่านิเทศชนรุ่นล่าสุดเกือบร้อยคนถูกบังคับให้หลับตาแล้วจัดแถวเป็นวงกลมแบบก้นหอย ขณะที่คนเป็นพี่แทรกตัวเองเข้าไปตรงหน้าน้องผู้เป็นสมาชิกใหม่ของสายรหัส ในมือของรุ่นพี่แต่ละคนพะรุงพะรังไปด้วยของขวัญที่เตรียมมาให้ในวันเปิดสายนี้โดยเฉพาะ

    ผมเบียดตัวเข้าไปในก้นหอยวงในสุดแล้วมองหาน้องรหัสของตัวเอง ในมือซ้ายถือเทียนติดไฟไว้หนึ่งเล่ม มือขวากำด้ายสายสิญจน์ ป้ายผ้าผืนใหม่ และขนมพร้อมชีทเรียนอีกถุงโต ก่อนหน้านี้ก็เคยสืบ(และส่อง)น้องคนนี้มาบ้าง เขาเป็นผู้ชายตัวเล็กผอมที่หน้าหวานอย่างกับผู้หญิง แอบถามจากน้องปีหนึ่งก็รู้ว่านิสัยมันเฮฮาโผงผางต่างจากพี่มันลับลิบ (หรา)

    ชื่อจริงเขาชื่อธีร์...แต่ไม่ใช่ธีร์ ดำรงเดชนะครับ...ธีร์ กาญจนบุรีรัมย์

    เห็นนามสกุลแล้วอยากถามมึงจังว่ามาจากจังหวัดไหนกันแน่

    ในที่สุดผมก็มายืนอยู่ตรงหน้าธีร์คนที่สองของชีวิต น้องขยับตัวเล็กน้อยเหมือนรู้ว่าพี่มาอยู่ตรงหน้าแล้ว ผมขมวดคิ้วมองป้ายกระดาษที่เขียนว่า ‘รอง’ ด้วยความฉงน ชื่อจริงว่าธีร์และชื่อเล่นว่ารอง แปลกแฮะ

    ผมจัดวางของที่จะให้ไว้ช่องว่างตรงกลาง จับป้ายผ้าที่เขียนรหัสนักศึกษาและชื่อเล่นของน้องมาพับเป็นกลีบให้มัดง่ายแล้วเสมองธีร์อีกคนที่อยู่ถัดไป

   ลบเลขออกแค่หนึ่งก็จะได้เป็นสายรหัสกันอยู่แล้ว แต่เอาเถอะ แค่นี้ชีวิตเราก็เกี่ยวพันกันมาก...บางทีอาจจะมากเกินไป

   วันนี้เขาแต่งตัวถูกระเบียบนักศึกษาปีหนึ่งตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูหล่อกว่าทุกวันแต่ก็ยังไม่ใส่ป้ายชื่อเหมือนเดิม ใบหน้าขาวสว่างมันปลาบด้วยหยดเหงื่อสะท้อนแสงสีส้ม คิ้วเข้มขมวดแน่นด้วยเหตุผลบางอย่างซึ่งผมเดาว่าน่าจะมาจากความรำคาญสถานการณ์ที่ตัวเองอยู่...เขาไม่ชอบการถูกบังคับและพิธีรีตองเยอะแยะ ยังไงก็ตามผมนึกขอบคุณเขาในใจ เพราะป้ายชื่อที่อยู่ในมือทุกคนตอนนี้ส่วนหนึ่งมันเกิดขึ้นได้ความช่วยเหลือจากธีร์ที่นั่งเย็บหลังขดหลังแข็งอยู่หลายชั่วโมง(ถ้านับเวลาที่ถูกหยุดไว้ด้วยน่ะนะ) แม้จะไม่มีใครรับรู้เลยก็ตาม

   ที่ว่างข้างหน้าเขายังคงเป็นที่ว่าง จนกระทั่งเพลงจบลงและคนนำสั่งให้น้องทุกคนลืมตา มันก็ยังว่าง

   เหมือนธีร์จะไม่มีพี่รหัส แต่ผมไม่ได้สนใจเขามากนักเพราะตัวเองมัวแต่ทักทายน้องร้อง...ที่มีท่าทางเซอร์ไพร์สมากทีเดียว

   “พะ...พี่จุ๊บ พี่จุ๊บ! เยส!”

   น้องรองเงิบไปนิดจากนั้นทำท่าเหมือนนักกีฬาที่แข่งชนะ ผมยิ้มแหยให้ด้วยความงุนงง มันจะดีใจอะไรเบอร์นั้นวะ

   “น้องๆ ที่ไม่มีพี่รหัสมารับป้ายกับขนมได้ที่หน้าห้องนะคะ ขอพี่คนอื่นเทคก็ได้น้าาาาา” พิธีกรประกาศออกไมค์ ผมหันไปมองธีร์และยิ้มสงสาร เขาพยักหน้าให้แล้วเดินออกจากแถว ผมดึงน้องรองออกจากแถวบ้าง เรามานั่งคุยกันเงียบๆ ตรงมุมเสาด้านซ้ายของห้องโถง ผมยกชีทกับขนมให้น้องรองที่ดูตื่นเต้นและปลาบปลื้มกับการมีพี่รหัสเป็นผมมากซะเหลือเกิน ไม่รู้ทำไม

   “รอง พี่สงสัยมานานแล้ว”

   “ครับๆ” น้องรหัสผมทำหน้ากระตือรือร้นเหมือนหมาเวลาเห็นเจ้าของกลับบ้าน

   “จากนามสกุลอะ สรุปน้องมาจากจังหวัดอะไรนะ”

   “เชียงใหม่พี่”

   “เวร”

   เราหัวเราะใส่กัน และคุยเรื่องสัพเพเหระต่อ ตั้งแต่เริ่มปูมหลังของแต่ละคนไปจนถึงคำแนะนำเรื่องการใช้ชีวิตในมหา’ลัย รองเป็นเด็กเหนือผิวขาวที่มาเรียนไกลถึงเมืองกรุง พอได้มาคุยกับรองมันก็เป็นอย่างที่หลายคนบอกจริง คุยง่าย เฮฮา และกวนตีน ซึ่งผมรู้สึกชอบมันนะ ถ้าไม่นับไอ้สายตากรุ้มกริ่มที่ชอบส่งมาสบตาผมบ่อยๆ จนรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ นั่นน่ะ

   คุยกันได้สักพักรองก็ขอตัวไปซ้อมบอลต่อ เห็นว่ามีแข่งในไม่กี่อาทิตย์ เราแลกเบอร์กันและแยกย้าย แต่ผมยังนั่งชิลล์มองบรรยากาศรอบๆ ไปเพราะตัวเองไม่ได้รีบไปไหน สังเกตเห็นโฟกัสทำหน้าโอดครวญมาให้เพราะได้น้องรหัสเป็นผู้หญิง เห็นน้องปีหนึ่งทุกคนที่ประดับป้ายชื่อใหม่ไว้บนคอก็อดปลื้มใจไม่ได้

   “เอางี้ ใครจะเทคน้องธีร์ต่อแถวเซ็นชื่อด้วยค่า”

   และเห็นเขา...ที่ตอนนี้ยึดโต๊ะพิธีการให้กลายเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว รอบตัวเต็มไปด้วยขนมและของเทคมากมายที่ใครต่อใครประเคนให้ ตรงหน้าถึงกับมีแถวให้รุ่นพี่เข้าคิวลงชื่อเป็นพี่เทค...อย่างกับงานมีทแอนด์กรี๊ดแน่ะ

   แต่ก็นะ คนอย่างธีร์ ดำรงค์เดช ไม่ต้องมีพี่รหัสก็มีคนพร้อมเข้ามาเทคแคร์อยู่แล้ว

   ผมมองภาพนั้นนิ่งๆ ในใจรู้สึกว่าตัวเองช่างห่างไกลจากจุดนั้นอย่างน่าประหลาด จนกระทั่งแถวสั้นลง และคนในห้องเหลืออยู่ไม่กี่สิบคน

   ผมลุกจากที่นั่ง ก้าวเท้าหาโต๊ะพิธีการซึ่งตอนนี้มีเพียงเขานั่งอยู่ ธีร์มองแผ่นกระดาษรายชื่อพี่เทคที่เขียนบนเอสี่หน้า-หลังยังแทบไม่พอด้วยสีหน้านิ่งเฉย เมื่อเขาสังเกตเห็นผมก็ยักคิ้วทักทาย

   “จะเอากลับยังไงไหว” ผมถามถึงห่อขนมด้านหลังเขาที่วางซ้อนกันจนสูงเลยศีรษะ “นี่ถ้าเอาไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้านะ มีขนมกินได้เป็นปีอะ”

   “กำลังคิดอยู่”

   “คิดว่าจะเอากลับยังไง หรือคิดว่าจะเอาไปบริจาคให้เด็กกำพร้า”

   ธีร์หัวเราะ “ก็ทั้งคู่”

   “หมั่นไส้ว่ะ” ผมพูดอย่างมันเขี้ยว ดาราเด็กยักไหล่กวนตีนกลับมา

   “เทคหน่อยดิ” เขาขอด้วยน้ำเสียงกระเหง้ากระหงอด 

   “โห พี่ที่มาขอเทคเยอะขนาดนั้นยังไม่พออีกเหรอ”

   “มันไม่เหมือนกันไง นั่นพี่เทค...นี่พี่จุ๊บ”

   “ต่างกันตรงไหนวะ”

   “เราไม่อยากได้อะไรจากพี่จุ๊บเลย”

   “ไม่ได้กะจะให้อะไรอยู่แล้ว”

   “ยกเว้นใจ”

   “...”

   “...”

   ไอ้เด็กนี่...ผมขอยืนยันอีกรอบว่ามันถนัดนักเรื่องการสร้างความวิเศษให้เกิดขึ้นจริงๆ พูดแค่นี้แต่ใจแกว่งฉิบหายเลย

   “สรุปเทคไหม” เขายิ้มมุมปาก ผมจ้องเขาอย่างพยายามควบคุมการกระทำและความรู้สึกตัวเองไม่ให้กะโตกกะตาก

   “พี่น้องกันต้องเคารพกัน คนเป็นน้องพูดก็ต้องมีหางเสียง ไม่ล้อกัน ไม่เล่นหัว ที่ผ่านมานี่ธีร์ยังทำไม่ได้สักอย่างเลยนะ”

   “จะให้ทำไงวะ เจอกันก็ไหว้ ทักทาย พี่จุ๊บควายสวัสดีครับ งี้เหรอ”

   “ใช่ แล้วตัดคำว่าควายออกจากชื่อเราได้จะดีมากเลย”

   “จริงๆ จะให้ทำก็ทำได้นะ...”

   “ก็ทำดิ”

   “ประเด็นคือไม่ได้อยากเป็นน้องไง”

   แล้วหมัดที่สองก็ถูกปล่อยออกมาโดยที่ผมตั้งตัวไม่ทัน...ใครสั่งใครสอนให้พูดอะไรน่าใจเต้นติดต่อกันแบบนี้ว้า

   “งั้นคงไม่ได้เทคอะไรเลย” ผมพูดตัดความหวังกวนเขากลับ ธีร์โห่ออกมาเสียงดังจนคนที่เหลืออยู่ในห้องหันมามอง ผมหัวเราะขำ เดินไปหยิบเลย์ห่อหนึ่งจากขนมเทคของเขาแล้วถือวิสาสะแกะกินต่อหน้า หรี่ตามองธีร์ที่ส่ายหัวระอากับการกระทำของผม

   “เทคให้ก็ได้ แต่ต้องสัญญาอะไรก่อน” ผมเปรย ดาราเด็กตาลุกวาวขึ้นทันที

   “ได้ทุกอย่าง” เขาบอก

   “ตั้งใจเรียน มาเข้ารับน้อง ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมคณะ อดทนกับอะไรที่เราอาจจะไม่ชอบใจ อดทนกับกฏและการถูกบังคับบ้าง”

   “เพื่ออะไรวะ” เขาโพล่งขึ้นมาทันทีและทำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่พอเห็นผมทำสีหน้าจริงจังตอบก็กัดริมฝีปากเงียบไป

   “ไม่รู้หรอกว่าเพื่ออะไร แค่อยากให้ลอง”

   “...”

   “ได้ไหม”

   “ก็ได้”

   “ก็ได้ไร”

   “จะตั้งใจเรียน มาเข้ารับน้อง ให้ความร่วมมือกับกฎงี่เง่า จะอดทน”

   ผมยิ้มออกมา ธีร์ก็ยังเป็นธีร์ พูดออกมาอย่างซื่อตรงต่อความรู้สึก และจริงใจ

   “สัญญาละนะ”

   “ถ้าไม่ติดถ่ายละครนะ” เขาอ้าง ผมพยักหน้ารับนิดหน่อยแล้วยื่นมือเปล่าไปตรงหน้าเขา

   “งั้นเทค”

   ธีร์ฉีกยิ้มแล้วจับมือผมเขย่าเบาๆ ตอนนั้นเองที่เราแลกเบอร์โทรศัพท์กันอย่างจริงจัง ผมถามธีร์ว่าแล้วแบบนี้ไม่ต้องให้เบอร์ของเขากับพี่เทคทุกคนไปเหรอ เขาตอบว่าเบอร์ที่ให้กับทุกคนไปคือเบอร์ผู้จัดการเพื่อติดต่องานเท่านั้น แต่เบอร์ที่ให้กับผมคือเบอร์ส่วนตัว

   ผมช่วยเขาขนของทุกอย่างไปที่รถ เราเล่นมุขล้อเลียนกันระหว่างทางแบบที่ไม่ใช่วิถีของพี่กับน้อง แต่เรามีความสุข ทุกอย่างของผมกับคู่ชีวิตดำเนินไปได้ด้วยดีและแสนง่ายดาย ช่วงเวลาที่อยู่กับเขามันเหมือนภาพฝันที่ผมเคยเปรียบไว้ มันเหมือนมีพลังงานด้านบวกที่จูนเราเข้าหากัน และสร้างความรู้สึกดีๆ ระหว่างกันมากขึ้นทุกวัน

   แต่ผมอาจลืมไปว่าจุดจบของความฝันมันคือการตื่น

   ผมอาจลืมไปว่าชีวิตของเรามันเต็มไปด้วยความซับซ้อนและมีหลายด้าน

   ผมรู้จักด้านที่ดีของธีร์มามาก แต่ไม่เคยสัมผัสอีกด้านของเขาเลย


   
   ตกเย็นของกิจกรรมเชียร์วันที่สาม เวลาที่พี่ปีสามซึ่งเป็นปีปกครองได้พบปะกับน้องปีหนึ่ง เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายหรือที่เรียกว่าการ ‘ว้าก’ ดังออกมาจาก ‘ห้องเชียร์’ ขณะที่ปีสองผู้เป็นพี่โอ๋คอยรับมือกับอาการเจ็บป่วยของน้องที่ทนไม่ไหวอยู่ห่างๆ

   ลบภาพกิจกรรรมรับน้องแบบเฮฮาสร้างสรรค์ออกไปให้หมด เพราะที่นี่มีเพียงแต่การคุยกันแบบเสียงดัง และเสียดสีทางอารมณ์

   นี่คือสิ่งที่ผมให้ธีร์สัญญาว่าจะรับมือ

   ข่าวลือบอกว่าธีร์เพิ่งมาเข้าห้องเชียร์วันนี้วันแรก แต่แค่วันแรกก็ทำให้เรื่องทุกอย่างร้ายแรงไปหมด

   จู่ๆ กลางการประชุมเชียร์ ขณะที่พี่ปีสามกำลังเทศนาน้องปีหนึ่งเรื่องอะไรบางอย่างก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องโถง ผมที่อยู่ด้านนอกยืดคอมองอย่างตกใจ แล้วก็มีคนตะโกนออกมาว่าน้องปีหนึ่งปล่อยหมัดใส่พี่ว้าก

   เสียงที่สองตะโกนมาว่าน้องคนนั้นคือธีร์

   เกิดไทยมุงกลุ่มโต ผมต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแทรกตัวเข้าไปในห้องเพราะทุกคนต่างก็แย่งกันจะเข้าไปดูมวยช็อตเด็ด พอหาทางเข้าไปได้ปุ๊บก็เห็นน้องปีหนึ่งเกือบร้อยคนแหวกออกเป็นวงกลม มีเสียงกรีดร้องให้แยกกัน ตรงกลางวงมีผู้ชายปีสามหลายคนที่พยายามดึงแขนน้องปีหนึ่งคนหนึ่งที่ปล่อยหมัดรัวใส่หน้าอีกคน ตอนแรกผมนึกว่านั่นคือเขาแต่พอแยกตัวออกมาได้กลับกลายเป็นน้องผู้ชายที่เหมือนจะเป็นประธานรุ่น

   ผมแทรกตัวเข้าไปในวง มีหลายคนดันเข้ามาทำให้ผมล้มไปอยู่ตรงหน้าของคนที่นอนแอ้งแม้งอยู่กับพื้นพอดี และตอนนั้นเองที่พบเจอกับเขา...ในสภาพที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

   ธีร์ ดำรงค์เดชกับสายตาเกรี้ยวกราดและใบหน้าโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน







TBC*
อยากกรี๊ดอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องไปเม้ามอยกันที่ #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะจ๊ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2016 17:11:26 โดย ตัวแม่ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เกิดอะไรขึ้นกันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: จุ๊ บ ที { จูบที่เจ็ด | UPDATE 20.7.2559 | Page 14 }
« ตอบ #409 เมื่อ: 20-07-2016 04:30:26 »





ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เย้ยยย เกิดอะไรขึ้น

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 o22.    ง่ะ  ตอนนี้ไม่คิดว่าน้องทำอะไรผิดอะ อวยน้องสุดชีวิตเลย เด็กดีแบบนี้ต้องไม่ปรี๊ดแตกง่ายๆแน่นอน
เดินเลือดโชกมานี่อยากให้พี่จุ๊บจับจูบแล้วพาไปทำแผลเลยอะ
คนอื่นช่างมันก่อนเถอะตอนนี้สองคนนี้ควรคุยกันและทำแผลด่วนๆ  :ling1:
ปล. คิดถึงอ้อยใจคนที่ร้องเพลงผัวฉันหาย เหลือแต่ไฟแช็คขึ้นมาทันทีเมื่อป้าเด้าเอ่ยวาจาขึ้นมา ฮ่าๆๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2016 08:06:44 โดย ❣☾月亮☽❣ »

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
เกิดอะไรขึ้นอ่ะ ...

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
เหยดโคตรโหดเลย

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
อิพี่ว๊ากต้องพูดอะไรแย่ๆออกมาแน่ๆเลย
ชอบพูดจาแย่ๆ รู้ว่าเป็นบทแต่บางทีก็ต้องคิดถึงใจน้องบ้าง
ไม่ใช่ทุกคนจะรับได้หรอกนะ

เหตุการณ์มันกำลังดีแท้ๆ
มีจุ๊บหยุดเวลาช่วยเย็บผ้าดีๆแล้ว
มีเทคน้องน่ารักๅ
ตอนนี้มีเลือดแล้ว แง่วว

ออฟไลน์ felixia

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-4
โอยค้างเลย

เกิดอะไรขึ้นนนนนน

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
ธีร์เป็นอะไรลูกกกก

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
มันต้องมีอะไร ที่อิพี่ว้ากคนนี้ทำไม่งั้นจะลุกมาต่อยทำไม

อิหอยเอ้ยยย เสียสถาบันพี่ว้าก หมด

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
หวานๆอยู่ปิดท้ายด้วยงานเลือดสาดซะงั้น ไม่รู้อะไรเป็นอะไรนะแต่ธีร์คงฟิวส์ขาดจริงๆอะแต่เป็นแบบนี้ก็ดีมั้งเพราะจุ๊บจะได้เห็นด้านอื่นๆของธีร์บ้าง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด