จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)  (อ่าน 203235 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lalaleega

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ลำไยธีร์ แล้วก็เข้าใจจุ๊บและสะใจมาก
ธีร์โตได้แล้วนะลูก

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
รำคาญนังธีร์มาก

จุ๊บก็พอกัน

สงสารรองสุด

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ Rabity

  • #slytherinforlife
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 523
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-8
แง้ จะเลิกเชียร์ธีร์จริงๆแล้วนะ ขอความหวานหน่อยเถอะค่าาาา

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่



จูบที่สิบห้า


   สายฝนโปรยปรายลงมาตอนผมเดินออกจากห้างพร้อมกับรอง สวนทางกับคนจำนวนมากที่พากันวิ่งเข้าห้างเพื่อหลบฝน เราไม่ได้จับมือกันแม้จะอยู่ในสภาวะที่อาจทำให้พลัดหลงกันได้ง่ายๆ แบบนี้ อันที่จริงเราปล่อยมือกันทันทีที่พ้นสายตาของธีร์...ความรู้สึกบางอย่างบีบให้ผมทำแบบนั้น อาจเป็นความอึดอัด...ไม่ก็ความรู้สึกผิด
   
   เรามาถึงจุดรอรถสาธารณะเพื่อนั่งแท็กซี่กลับหอพักมหา’ลัย มันอยู่ใต้สะพานลอยที่สามารถข้ามไปยังจุดรอรถอีกฝั่งซึ่งคนแน่นหนา แต่ฝั่งเรากลับมีแค่ผมกับเขา นั่นยิ่งทำให้ความกระอักกระอ่วนระหว่างเรามีมากขึ้น เพราะตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำ เราไม่ได้พูดอะไรกันเลย

   หลังจากจูบที่คาดเดาไม่ได้ของผม รองเงียบผิดปกติ

   ผมมองฟ้าสีมืดครึ้ม ส่วนรองยืนมองเม็ดฝนที่ตกกระทบพื้นถนนด้วยความนิ่งงัน อย่างน้อยเสียงของฝนก็ทำให้ความเงียบระหว่างเราไม่เงียบจนเกินไป ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรยากาศแบบนี้มันแย่ชะมัด

   “ขอโทษนะ รองไม่ควรจะมาเจออะไรแบบนี้” ผมเปิดบทสนทนา มองเขาที่อยู่ในเสื้อแจ็คเก็ตสีเดนิมตัวโคร่งของตัวเอง สายตาคนตัวเล็กยังคงจับจ้องอยู่ที่ความฉ่ำแฉะบนพื้นถนน รถคันหนึ่งแล่นผ่านไป

   “เรื่องที่ผมโดนเป๊บซี่สาด” รองกล่าว ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหน้าผม “หรือเรื่องที่พี่จุ๊บจูบผมเพื่อประชดธีร์เมื่อกี้ล่ะครับ”

   “...”

   “...”

   “พี่ขอโทษ” ผมกระซิบ

   “ผมรู้ว่าพี่จุ๊บกับธีร์กิ๊กกัน”

   “...”

   “ผมรู้นะ มีคนเคยบอกว่าผมทึ่ม แต่เชื่อไหมว่าผมน่ะรู้อะไรมากกว่าพวกเขาคิดว่าผมรู้ตั้งเยอะ ผมมองคนออก“ เขายิ้มออกมา แม้ในเวลาที่น่าจะเศร้าที่สุด “แค่เห็นแววตาที่พี่มองธีร์แค่แวบเดียว ผมก็รู้แล้ว”

   “...”

   “ผมรู้ด้วยพี่จุ๊บไม่อยากมาดูหนังกับผมจริงๆ หรอก”

   “มะ...” อ้าปากจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาของคนตัวเล็กที่มองผมได้อย่างทะลุปรุโปร่งก็เป็นอันต้องเก็บคำพูดนั้นไว้

   “น่าขำดีนะครับ รู้ว่าพี่ไม่ได้อยากมาจริงๆ หรอก แต่ผมก็ยังจะมา”

   “...”

   “รู้ว่าพี่คงไม่ได้ชอบผมแบบแฟนหรอก แต่ก็ยังจะหวัง”

   “...”

   “อย่าทำหน้าลำบากใจแบบนั้นดิพี่ ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น”

   ผมเม้มปากแน่น

   “หรือพี่คิดครับ”

   รองเอียงหน้ามองผมอย่างขี้เล่น กลั้วหัวเราะในลำคอ หากผมสัมผัสได้ว่าในรอยยิ้มและคำพูดทีเล่นทีจริงแบบนั้นมันก็ยังเจือไปด้วยความคาดหวังที่จริงจังของเขา

   ผมตัดสินใจแล้วว่ามันถึงเวลาที่ต้องพูดความจริงสักที

   "รอง"

   “...นั่นไง” เขายังมีทีเล่นเหมือนผมกำลังจะบอกรักยังไงยังงั้น

   "พี่ว่า...เป็นพี่น้องมันคบกันได้ยาวดีว่ะ" ผมพูดมันออกไปในที่สุด รอยยิ้มของรองหายไปพร้อมกับความวูบไหวในแววตาที่ปรากฏให้เห็นแวบหนึ่ง แต่ไม่กี่วินาทีเขาก็กลับมาอมยิ้ม สูดหายใจ และผงกหัวลงเชิงยอมรับ

   "นั่นคือคำปฏิเสธสินะ"

   ผมพยักหน้า

   "ว่าแล้วเชียว” เขาประนมมือเข้าหากันและตบลงเบาๆ “ไม่เป็นไรครับ”
 
   รถอีกคันแล่นผ่านเรา เสียงล้อเบียดกับน้ำฝนดังเข้าหู ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังสนั่น หากเราไม่มีใครปิดหู

   “เรา...จะยังเป็นพี่น้องกันใช่ไหม” ผมถามเขาด้วยความซื่อตรง ทำให้รองหัวเราะแห้งออกมา

   “ก็พี่เพิ่งบอกว่าไม่ได้คิดกับผมเกินกว่านั้น”

   “...ขอโทษ”

   “จริงๆ คำว่าเป็นพี่น้องคบได้ยาว เป็นได้ตลอดชีวิตมันก็ความหมายเดียวกับเขาไม่เอานั่นแหละครับ เราจะเป็นอะไรตลอดชีวิตก็ได้หมดแหละถ้าคิดจะเป็นซะอย่าง...ผมเข้าใจดี ผมโดนจนชินแล้ว" เขาปลอบเมื่อเห็นความลำบากใจบนหน้าผม “แค่พูดเฉยๆ นะ ผมไม่เป็นไรจริงๆ พี่”

   “ขอโทษ...พี่ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลยสาบาน" ผมซบหน้าลงกับฝ่ามืออย่างรู้สึกแย่เต็มที แต่คนตัวเล็กก็จับมือผมออก ใช้นิ้วชี้จิ้มรอยย่นบนคิ้วให้คลายลง ผมมองเขาอย่างอ่อนใจ แม้ในสถานการณ์ที่เขาควรจะโกรธที่สุด แต่เขาก็ยังเลือกจะทะนุถนอมความรู้สึกของคนอื่น...แถมยังเป็นคนที่ทำร้ายใจของเขาเอง

   “ไม่ต้องขอโทษแล้ว นี่ไม่ใช่ความผิดพี่ซะหน่อย” คนหน้าสวยแก้ ยิ้มแฉ่ง “ความรู้สึกผม ผมรับผิดชอบเอง แล้วพี่ไม่ต้องห่วง ผมยังอยากเป็นน้องรหัสพี่อยู่ พี่จุ๊บยังเป็นพี่รหัสที่ผมรักและเคารพเสมอ"   

   "...ขอบใจ"

   “ลืมไปว่ารักไม่ได้ เคารพอย่างเดียวก็ได้ครับ” รองแก้ ผมไม่รู้จะพูดอะไรเลยทำได้แค่ยิ้มขื่นให้แล้วตบบ่าน้องเบาๆ จังหวะนั้นเองที่รถแท็กซี่คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดเทียบท่าพอดี

   “ไปเลย เดี๋ยวพี่ต้องข้ามไปฝั่งนู้น”

   “อ้าว สรุปมาส่งผมเหรอ”

   “ใช่” ผมตอบ “กลับบ้านดีๆ”

   “แล้วเสื้อนี่...เดี๋ยวผมซักมาคืนนะครับ” คนตัวเล็กจับชายเสื้อแจ็คแก็ตสีเดนิมของผมที่เขาใส่อยู่ “แต่อาจจะนานหน่อย” เขาโคลงหัวเมื่ออ้างถึงเวลาที่เขาอาจจะหายไปเลียแผลใจ

   “เก็บไว้เลยก็ได้” ผมบอก “ไม่ต้องคืนหรอก พี่ให้”

   “บ้า ผมก็ยังอยากเอามาคืนพี่นะ”

   “ฮ่าๆๆ โอเค” ผมตอบรับ และอวยพรเขา “ดูแลตัวเองดีๆ นะ”

   “เนี่ย ชอบทำตัวแบบเนี้ยอยู่เรื่อย จะไม่ให้รักได้ไง”

   รองจับมือผมที่วางนิ่งอยู่บนบ่าเขา แล้วยกขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบา ผมชะงักไปแต่สุดท้ายก็ปล่อยให้เขาทำแบบนั้น ไอร้อนจากปากคนตัวเล็กถ่ายลงบนหลังมือของผมชั่วครู่ก็หาย

   "ธีร์เผลอแล้วเจอกันนะพี่"

   เขาขยิบตา แล้วก้าวขึ้นรถไป ผมหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่ยานพาหนะสีเขียวเหลืองแล่นออกท่ามกลางแรงกระหน่ำของพายุฝน มองภาพน้องรหัสค่อยๆ ไกลออกไป ในใจรู้สึกเศร้าประหลาด

   เราล่ำลากันตรงนั้น มันเป็นการล่ำลาที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะนานแค่ไหนจนกว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้งโดยที่ไม่มีความรู้สึกใดคั่งค้าง สิ่งที่พอจะทำได้เพียงหวังว่าอย่าให้นานจนเกินไป

   รองเป็นคนดี เขาสมควรจะได้รับความรักดีๆ และไม่ควรจะได้รับการปฏิบัติด้วยการให้เป็นรองหัวใจใครทั้งนั้น

   คงจะดีถ้ามีคนพูดประโยค ‘ชอบทำตัวแบบเนี้ยอยู่เรื่อย จะไม่ให้รักได้ไง’ กับเขา

   เพียงแต่คนๆ นั้นไม่ใช่ผม...แค่นั้นเอง




   สายฝนกระหน่ำรุนแรงขึ้นหลายเท่าเมื่อผมกลับมาถึงบ้าน

   ผมลงจากแท็กซี่ เดินฝ่าพายุเข้าบ้านโดยไร้ที่กำบัง ปล่อยให้สายฝนชโลมร่างกายหวังว่าจะระบายความรู้สึกหนักอึ้งในใจไปได้ กว่าจะถึงประตูก็อยู่ในสภาพเปียกม่อล่อกม่อแลก

   “จุ๊บ!” ผมได้ยินเสียงแม่ทันทีที่เปิดประตู พบว่าผู้หญิงร่างท้วมผมบ๊อบเทกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟาที่ประจำ ท่านสวมชุดทำงานสีกากีเหมือนทุกวัน ข้างๆ มีป้าเด้าที่วันนี้ตีผมขึ้นเป็นกระบังลมคล้ายทรงนางงามไทยสมัยก่อน ร่างเพรียวนั่งไขว่ห้างกับโซฟาอยู่ในชุดเดรสสีเงินแวววับ กับจีบที่นั่งกดโทรศัพท์ใหญ่เหมือนกำลังเล่นเกม และป้าแก้วที่นั่งถักโครเชอยู่ถัดออกไป

   “ไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมเปียกมาขนาดนี้” แม่โวยวาย แล้วกระวีกระวาดหาผ้าเช็ดตัวให้ผมใหญ่ ท่านดึงผมไปนั่งบนโซฟา ซึ่งผมก็เดินตามอย่างว่าง่าย

   “ไปถ่ายเอ็มวีอกหักมาเหรอวะ” ป้าเด้าแซว ผมยิ้มเจื่อนให้อย่างไม่รู้จะตอบยังไง...ความรู้สึกตอนนี้มันเรียกว่าอกหักได้หรือเปล่า

   “มา แม่เช็ดให้” แม่กลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวสะอาดผืนใหญ่ ทันทีที่เนื้อผ้านุ่มและมืออุ่นของแม่สัมผัสลงบนใบหน้าของผม ลำคอของตัวเองก็ตีบตันขึ้นมาเสียเฉยๆ

   “จุ๊บ...เป็นอะไร” แม่ถามเมื่อเห็นผมนิ่งไปเหมือนคนไร้วิญญาณขณะที่เธอเช็ดเส้นผมหยอยอันเปียกโชก ผมรู้สึกคัดจมูกคล้ายหายใจไม่ออก ทันใดนั้นน้ำตาเม็ดโตก็ทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

   “เธอ ร้องไห้ทำไม”

   “อ้าว เอ็มวีอกหักจริงด้วย” ป้าเด้าพูดเสียงช็อค

   “แม่...” ผมโผเข้ากอดท่าน ตาร้อนผะผ่าวเพราะมวลน้ำตาที่พรั่งพรูลงมาอย่างกับเขื่อนแตก “คู่ชีวิตนี่มันเลิกเป็นกันได้ไหมครับ”

   “เธอ...”

   “จุ๊บ...จุ๊บไม่ไหวแล้ว” ผมสารภาพ สะอึกสะอื้นจนตัวโยน “จุ๊บทำอย่างที่แม่บอกไม่ได้...ไม่ได้จริงๆ”

   “ใจเย็นๆ...”

   หลังจากนั้นแม่ไม่ถามอะไรผมอีก ท่านปล่อยให้ผมร้องไห้อยู่อย่างนั้น พร่ำบอกว่าไม่เป็นไรและตบหลังผมเบาๆ อย่างปลอบโยน จีบทิ้งโทรศัพท์ของเธอและเข้ามากอดผมด้วยความปลอบใจ รวมไปถึงป้าเด้าและป้าแก้วที่มองอยู่ห่างๆ ด้วยความสงสาร

   “ใครทำคนดีของน้อง น้องจะไปต่อยมัน” จีบกระซิบถามแล้วจับมือผมไว้แน่น ผมส่ายหัวอย่างอธิบายลำบาก

   “ไม่เป็นไรเนาะ อยากร้องก็ร้องออกมา...ร้องเสร็จค่อยเล่าให้แม่ฟัง เราจะได้แก้ปัญหากัน”

   “ฮึก... แก้ไม่ได้ครับ จุ๊บ...จุ๊บพยายามแล้วจริงๆ...”

   “ร้องไห้ทำไม”

   หากเสียงแหบแห้งของใครบางคนก็ทำให้ผมชะงัก

   ในม่านน้ำตาเลือนราง ผมมองเห็นเงาของใครบางคนเดินออกมาจากด้านหลังบ้าน...ชายผอมซูบผู้มีผิวสีเข้มจากการปฏิบัติงานภาคสนามมาหลายสิบปี โครงหน้าแบบชายไทยแท้ดุดันที่มีริ้วรอยตามกาลเวลาปรากฏแก่สายตาอย่างชัดเจนเมื่อผมปาดน้ำตาออกหมดแล้ว

   ผู้ชายที่ผมเลี่ยงการเผชิญหน้าตั้งแต่การเจอกันครั้งสุดท้าย

   ...พ่อกลับบ้านมาบ้านแล้ว

   นาทีนั้นทั้งห้องโถงเงียบกริบ มีเพียงเสียงทีวีของละครหลังข่าวที่ดังทำลายความเงียบอยู่เนืองๆ ความรู้สึกของผมตอนนี้มีทั้งความดีใจและความกลัว หมายถึงผมดีใจที่พ่อกลับมารักษาตัวได้ที่บ้านสักทีหลังจากนอนโรงพยาบาลหลายเดือน ในขณะเดียวกันผมก็ไม่อยากให้พ่อเห็นสภาพของผมตอนนี้ซึ่งมันแย่มากเหลือเกิน

   ตั้งแต่เด็ก พ่อไม่ชอบเห็นผมร้องไห้ มันแสดงถึงความไม่เข้มแข็ง

   “เป็นผู้ชายอย่าร้องไห้” พ่อดุผมด้วยประโยคนี้เสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ไล่สำรวจรายละเอียดของตัวผมที่เปียกปอนแล้วมองด้วยสายตาดุๆ

   ผมเช็ดน้ำมูกน้ำตา แล้วยกมือขึ้นไหว้พ่อ พยายามกลั้นแรงสะอื้นจากในอกที่ออกฤทธิ์เป็นพักๆ

   “ร้องไห้ทำไมบอกพ่อซิ” จู่ๆ พ่อก็มานั่งปุลงข้างผม กลายเป็นว่าผมโดนทั้งพ่อและแม่นั่งขนาบข้างในตอนนี้ และมีป้าเด้านั่งฝั่งตรงข้ามอีกที

   แม่บีบมือผมเชิงให้กำลังใจ ผมมองหน้าท่านและได้รับการพยักหน้ากลับมา แต่กระนั้นก็ยังกังวล

   “ไม่...ไม่มีอะไรครับ” ผมตอบไม่เต็มปาก

   “จะไม่มีอะไรได้ยังไง ก็ลูกพ่อร้องไห้ขนาดนี้” พ่อเอ่ยแล้วยกมือขึ้นมายีผ้าขนหนูบนหัวผม ยิ่งมีคำว่า ‘ลูกพ่อ’ ที่ผมไม่ได้ยินมานานหลายปี มันยิ่งทำให้ผมกลั้นน้ำตาตัวเองไม่ไหวอีกครั้ง

   “เพราะไอ้หนุ่มดารานั่นเหรอ” พ่อถาม แค่นั้นผมก็เสียการควบคุม แม้รู้ว่าจะได้ยินเสียงดุจากพ่อตามมาก็ตาม…

   แต่...คราวนี้พ่อกลับไม่ดุ เขากลับยกมือขึ้นมายีหัวแล้วดึงผมเข้าไปกอดหลวมๆ แล้วตบหลังผมแรงๆ เหมือนที่ท่านชอบทำตอนผมเด็ก เพียงแค่นั้นผมก็หลับตาแน่นและปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเต็มที่ ครั้งนี้มันมีส่วนผสมที่มากกว่าความเสียใจ

   “จุ๊บขอแป๊บเดียวนะครับ สัญญาว่าจะไม่ร้องอีก”

   ผมสะอึกสะอื้นท่ามกลางการประคองของผู้ให้กำเนิด พ่อส่งเสียงชู่จากปากเป็นสัญญาณให้ผมเงียบในแบบผู้ชายปลอบกัน ทว่ามือยังลูบหลังผมเบาๆ คล้ายบอกว่าร้องให้เต็มที่ ชั่วขณะนั้นเองหูผมแว่วเสียงกดกริ่งจากหน้าบ้าน และได้ยินป้าเด้าเสนอตัวไปรับแขก

   เวลาผ่านไปไม่กี่นาที ตาผมบวมเป่งจากการแสดงความรู้สึกจนมวลพายุในอกสงบลง ผมรวบรวมสติควบคุมอารมณ์ และหยุดการร้องไห้ของตัวเองได้ในที่สุด ยืดตัวขึ้นเองนั่งสูดหายใจท่ามกลางสายตาห่วงใยแฝงความสงสัยของทุกคนในครอบครัว ขณะนั้นก็รู้สึกขายหน้าขึ้นมา

   งอแงเป็นเด็กๆ เลยว่ะ

   ผมกำลังคิดว่าจะตอบคำถามจากทุกคนยังไง ทว่าป้าเด้าก็เข้ามาเรียกซะก่อน

   “จุ๊บ มีเพื่อนมาหา” ป้าผู้มีทรงผมกระบังลมบอก “ผู้ชายหล่อๆ สูงๆ โคตรขาว ชวนเขาเข้ามาแล้วแต่เขายืนยันจะรอข้างนอก”

   ผมรู้ทันทีว่าเป็นใคร วินาทีนั้นความคิดว่าไม่อยากออกไปเจอเขาก็ผุดขึ้นมาในหัว ผมหันไปมองแม่ราวกับขอความเห็น ท่านมองผมแล้วเดาออกทันที ยกมือขึ้นจับแก้มแผ่วเบาและถามออกมาเรียบง่าย

   “ถ้าไม่อยากไปเจอก็ไม่ต้องไป” แม่บอก “ถ้าคิดว่ายอมแพ้แล้วคนนี้ ไม่อยากเจอเขาอีกแล้ว และเขาไม่ควรได้รับโอกาสอะไรจากเราอีกแล้ว เดี๋ยวแม่จะไปบอกเขาให้กลับไปเอง”

   ผมเงียบ จู่ๆ ความรู้สึกไม่เห็นด้วยกับคำพูดของท่านก็ผุดขึ้นมาตีกับความรู้สึกก่อนหน้า แม่มองผมแล้วลุกขึ้นช้าๆ เหมือนจะออกไปแทน

   แต่...ผมรั้งมือแม่ไว้ในจังหวะสุดท้าย หญิงวัยกลางคนปรนลมหายใจแล้วพยักหน้ายอมรับพร้อมรอยยิ้ม แกะมือผมออกแล้วเดินไปหยิบร่มสีใสส่งมาให้

   “เอานี่ออกไปด้วย และอย่าใช้อารมณ์คุยกันล่ะ”



   สายฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงโดยง่าย ผมเดินกางร่มออกไปหยุดที่ประตูบ้าน โครงเหล็กสีน้ำเงินคั่นกลางระหว่างตัวผมกับรถสีขาวของเขาที่จอดเลียบกำแพงรั้ว

   ผมไม่รู้เหมือนกันว่าธีร์หาบ้านผมเจอได้ยังไง บางทีผมอาจจะเผลอบอกไปสักครั้งในที่เรายังคุยกันดีๆ หรือบางทีเขาอาจจะถามกับคนรู้จักของผม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นคือเขามาอยู่ที่นี่ ในตอนนี้ที่เราเพิ่งผ่านสงครามประสาทครั้งล่าสุด และผมไม่แน่ใจว่าเขาจะมาดีหรือร้าย

   ร่างสูงก้าวลงลงจากรถมาในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่และกางเกงแสล็คสีดำธรรมดา ไม่มีร่มหรือสิ่งกำบังอย่างอื่นที่ทำให้เขาปลอดภัยจากฝนฟ้าคะนอง เขาเดินมายืนอยู่ตรงหน้าผม ไม่กี่วินาทีคนเป็นดาราก็เปียกโชก แต่ก็ยังยืนยันจะอยู่ในสภาพแบบนั้น

   เราประสานสายตากันผ่านโครงเหล็กท่ามกลางเสียงกระหน่ำของธรรมชาติและความหนาวเหน็บ

   “ตอนเรายังเด็ก ก่อนหน้าที่พ่อกับแม่จะเลิกกัน พี่จุ๊บรู้ไหมว่าเราเคยเป็นเด็กที่โดยสปอยล์มาก” ธีร์เริ่มเล่า “อยากไปไหนก็ต้องได้ไป อยากได้อะไรก็ต้องได้ กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ จนกระทั่งเราโตขึ้น พ่อแม่เราเริ่มระหองระแหง เรารู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีอำนาจทำอะไรได้เลย แม้แต่การบอกให้เขาอยู่ด้วยกันเพื่อเรา...

   “พอเข้าวงการ เราก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่ควบคุมชีวิตของตัวเราเอง มันอาจจะเป็นเรื่องปกติที่ยิ่งเราควบคุมอะไรไม่ได้แล้วก็ยิ่งมีความอยากจะกลับไปทำแบบนั้น ถ้าเป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่การทำงาน ทุกอย่างที่เราอยากจะได้ เราก็ต้องได้ ไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม...

   “แต่บางทีเราก็ลืมไปว่าสิ่งที่เราทำมันคือการทำร้ายความรู้สึกคนอื่น และที่แย่คืออะไรรู้ปะ คนๆ นั้นเป็นคนที่เรารัก”

   เขาเล่าด้วยน้ำเสียงธรรมดา มุมปากมีรอยหยักยิ้มแบบขมขืน แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนล้าที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน ถึงอย่างนั้นคนผิวขาวสว่างก็ยังพยายามจะเล่าต่อ ไม่ได้สะทกสะท้านต่อแรงกระทบของน้ำฝนบนใบหน้าเลยสักนิด

   “เคยคิดว่าเราเป็นคนมีความอดทนสูง เราอดทนกับทุกอย่างได้จริงๆ แต่สายตาที่พี่จุ๊บมองเราวันนี้ สายตาแบบนี้” เขาพยักพเยิดมาที่ความว่างเปล่าในแววตาผม “เราทนไม่ได้จริงๆ ว่ะ”

   ธีร์ยกมือลูบเส้นผมเปียกโชกแล้วจัดไปด้านหลังราวกับอยากตั้งสติ ผมเม้มปากมองเขาด้วยความเห็นใจที่ค่อยๆ เติบโตภายใน แต่ประสบการณ์เลวร้ายก่อนหน้านี้มันก็ยังทำให้ผมคิดหนัก

   “นายพูดถูกทุกอย่างเกี่ยวกับเรา..พูดถูกตลอดเวลา เรารู้ว่าเราแม่งเหี้ย และเราโคตรเสียใจที่ทำลงไป”

   “...”

   “และถ้าพี่จุ๊บยังมีความรู้สึกดีๆ กับเราเหลืออยู่ เราอยากให้กลับมาคุยกันดีๆ ไม่ว่าจะในฐานะอะไร”

   “...”

   “เพราะเรายอมทำทุกอย่าง เพื่อไม่ต้องเจอกับสายตาแบบนั้นอีก”

   เขาก้มหน้ามองลงอย่างรู้สึกผิด ดูรู้ว่าไม่กล้าสบตาผมเพราะกลัวคำตอบที่ผมอาจจะให้ ผมถอนหายใจออกมาแล้วเปิดประตูบ้านออก เดินเข้าในประจันหน้ากับเขาโดยไม่ให้เขตประตูรั้วกั้นขวางเราอีกต่อไป

   เรามองหน้ากันด้วยความลำบากใจที่ปิดไม่มิด ที่เขาพูดมันอาจเป็นแค่ลมปากที่มาจากความรู้สึกผิดชั่วครั้งชั่วคราว เรื่องทั้งหมดนี้มันอาจลงเอยด้วยการทำผิดพลาดของเขา และจะกลับมาทำร้ายจิตใจผมอีกครั้ง ผมสามารถไม่ยกโทษให้เขา บอกให้เขาไปไกลๆ และไม่ต้องมาเจอกันอีกตลอดไป

   หรือผมจะเลือกให้อภัย จับมือเขาแล้วตั้งต้นกับเรื่องความสัมพันธ์ของเราใหม่ ซึ่งมันอาจมีเรื่องเหนื่อยใจประดังประเดเข้ามามากกว่านี้

   โอกาสของเขาขึ้นอยู่กับผมแล้ว

   “อย่าเงียบนานแบบนี้สิ เรากลัว” ธีร์กระซิบด้วยท่าทางหงอเหมือนหมาตกน้ำ “บอกเราทีว่าเรายังมีโอกาสทำอะไรเพื่อชนะใจพี่จุ๊บได้อีกไหม”

   “เราเป็นอะไรกัน” ผมครุ่นคิดอยู่สักพัก แล้วตัดสินใจตอบเขาด้วยคำถามที่เขาชอบถามบ่อยๆ หลังจากปล่อยให้ตัวเองเป็นผู้ฟังมานาน

   “ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว” เขาบอก “เรายอมเป็นทุกอย่าง แค่อยู่ในชีวิตพี่จุ๊บ”

   “เราเป็นมากกว่าแฟน...”

   “แต่ไม่ใช่พี่น้อง เรารู้”

   “เป็นปะ...”

   “...ฮะ?”

   “แฟนอะ เป็นปะ”

   “...”

   “...”

   “...ตอบช้าเปลี่ยนใจไม่รู้ด้วยนะ”

   “เป็น...เป็น! กำลังตกใจอยู่” เขาร้องออกมาเสียงดังเหมือนเด็กได้รางวัล ไม่เหลือภาพพจน์ของความเท่แบบดาราใดๆ หลงเหลืออยู่เลยสักนิด อันที่จริง เขาก็ไม่เคยมีมาดอะไรตอนอยู่กับผมทุกครั้ง

   แต่นั่นแหละทำให้ผมรักเขา

   ธีร์อาจเป็นคนโมโหร้าย ทำอะไรหุนหันพลันแล่น และเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่ง แต่เขาก็คือคนๆ เดียวกับเด็กผู้ชายธรรมดาที่สลัดมาดดาราออกก็ไม่ได้เท่ตลอดเวลา ชอบเล่นมุกเสี่ยว และร้องเพลงเพี้ยน เด็กคนนั้นที่ยอมเผยตัวตนอีกด้านหนึ่งให้ผมเห็น คนที่ยอมซ้อมเต้นเพื่อชนะใจผม คนที่ไปต่อยคนอื่นเพียงเพราะเขาเผาผ้าเช็ดหน้าที่ผมเย็บ คนที่เห็นปัญหาของผมเป็นเรื่องของตัวเอง...

   ...คนที่รักผม

   ผมก้าวไปประชิดตัวเขา ระยะห่างของเรามีไม่ถึงสิบเซนติเมตร รับรู้ถึงความชื้นจากตัวเขาและรอยยิ้มกว้างแห่งความยินดี แล้วความคิดประหลาดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว

   “ไม่ต้องทำอะไรแล้ว” ผมอมยิ้มบอก “ธีร์ชนะใจเราตั้งนานแล้ว”

   วินาทีนั้นผมโยนร่มของตัวเองทิ้ง สัมผัสกับความรุนแรงของสายฝนที่โปรยปรายลงมากระทบร่างกาย ผมจับโครงหน้าของเขา รู้สึกถึงความเย็นชืดจากผิวหนัง และประกบริมฝีปากไปเพื่อถ่ายทอดความร้อนและความรักของตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับอีกฝ่าย

   นั่นคือจูบแรกหลังจากเราเป็นแฟนกัน และมันเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เรารู้ว่าเวลาหยุดลง แต่เราไม่ได้สนใดสิ่งใดนอกจากกันและกัน

   รอยจุมพิตถูกประทับซ้ำแล้วซ้ำเล่า สัมผัสของสายฝนดังตามจังหวะที่ถูกควบคุมจากการจูบนั้น ท่ามกลางปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ผกผัน จู่ๆ ผมก็นึกถึงคำพูดของยายที่เคยพูดไว้เหลือหลายปีที่แล้ว ประโยคสุดท้ายก่อนที่ยายจะจากไป

   ‘จูบกับหัวใจน่ะ เก็บไว้ให้เฉพาะคนที่คู่ควรเท่านั้นนะ’

   บอกตามตรงผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเป็นคนที่คู่ควร แต่ใจผมบอกว่าต้องเป็นคนนี้...แค่คนนี้เท่านั้นจริงๆ

   บางทีอาจเป็นเพราะคงไม่มีใครบนโลกนี้ที่ทำให้หัวใจผมแตกสลายได้เท่ากับเขาอีกแล้ว



   จูบกับหัวใจที่เก็บไว้...ตอนนี้ผมให้เขาไปอย่างเป็นทางการแล้วครับยาย




โปรดติดตามตอนต่อไป



อยากให้อัพเร็วๆ เม้นท์กันด้วยนะ
หรืออยากติชมหรือกรี๊ดกร๊าดไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะคะ

ออฟไลน์ pppitppp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮือออ ในที่สุดก็รักกันแล้ว

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เฮ้ออออ เป็นแฟนกันแล้ :katai2-1:

ออฟไลน์ Fahsaizzz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ลุ้นมากกกเลยย55

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
แล้วปัญหาที่ธีร์ก่อไว้ล่ะ จะทำอย่างไร รอดูๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เอ้อออ ต้องให้พี่จุ๊บเข้าโหมดเย็นชาสินะธีร์ถึงจะรู้สึกตัวน่ะ จริงๆก็สงสารรองนะแต่เราว่ารองไม่เหมาะกับจุ๊บหรอกควรเป็นคนที่ดูแลรองได้มากกว่านี้อะ กับพี่จุ๊บนี่อารมณ์ยังขึ้นๆลงๆนะพอๆกันกับธีร์เลย นี่ก็ไม่รู้ว่าคบกันแล้วจะมาปัญหาอะไรอีกป่าวแล้วเรื่องแฟนธีร์น่ะเคลียร์ด้วยนะธีรืว่ายังไง

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะรักกันไม่ว่าหรอกจ้าาา แต่ช่วยเคียร์บุคคลที่3ที่ธีร์ดึงเข้ามาด้วยยย เพราะจุ๊บก็เคียร์ตัวเองไปแล้ว  :pig4:

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
พี่จุ๊บอ่าาา ใจอ่อนไวจัง หรือเป็นเพราะคู่ชีวิต สายสัมพันธ์มันเลยแน่นกว่าปกติ
หมั่นไส้ธีร์จริง ๆ ได้พี่จุ๊บคนดีเป็นคู่ แต่ไม่ยอมรักษา  :m16:

ออฟไลน์ kkoyz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ยชัดเจนกันสักทีนะ

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ช่วยเคลียร์เรื่องเอิงเอยด้วย

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
แทบจะร้องไห้ตอนจุ๊บมาร้องไห้กับที่บ้าน จุ๊บมีครอบครัวที่อบอุ่นมากเลย พ่อแม่น่ารักมาก
ธีร์ตามมาง้อเลยแฮะ อยู่ไม่ได้กันเลยทีเดียว ก็ดี ได้เคลียร์ไป พี่จุ๊บใจดีอีกแล้ว
น้องรองน่าสงสาร แต่พูดไปตรงๆ แบบนี้ถูกแล้ว

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Mafiaziip

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
งื้ออออออออออ เข้าใจกันสักทีเน้อ นี่ก็ลุ้นว่าจะดราม่ายาวมั้ย  :katai2-1: :katai2-1:

หวังว่ากับแม่ดาราสาวจะไม่ยุ่งยากนะน้องธีร์

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ดีกันแล้วววววววว แต่อย่าลืมเคลียร์เรื่องเอิงเอยนะธีร์

ออฟไลน์ kamaji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ไม่ชอบการเอาคนอื่นเข้ามาในความสัมพันธ์ ฝากคนเขียนบอกให้จุ๊บชัดเจนหน่อย !!!!!

ออฟไลน์ Chattcha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ในที่สุดก็เข้าใจกัน :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yewlyz

  • MindSet The Others
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เราร้องไห้ตามเลยยย ไม่อยากคิดถึงดราม่าฉากต่อไป TT :hao5:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
หมดดราม่าสักที :katai1:

ออฟไลน์ Lalaleega

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่จุ๊บใจอ่อนอ่ะ แต่รักกันก็ดีละ

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ้ยยยย แอบร้องไห้ไปกับน้องจุ๊บ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ Supak-davil

  • สาว Y = Why I don't have a boyfriend ??????????
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เอาอีก
เอามาม่าใส่น้ำตาลอีก

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
พี่จุ๊ปน่ารักอย่าแยกกันเลยนะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
เป็นแฟนกันแล่ว

แอบไม่อินเพราะความงี่เง่าของทั้งคู่ 5555

ถ้าไม่ติดความคู่ชีวิตตามเนื้อเรื่อง เป็นคนจริงๆคงคบกันไม่รอด

สงสารรอง หาคู่ให้น้องหน่อย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด