จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)  (อ่าน 203491 ครั้ง)

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
โอ๊ยยยย งึ่ดดดด กว่าจะลงเอยกัน  ธีร์ หนูรีบๆโตนะลูก ไม่งั้นแม่จะรำมาก

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
ดีกันแล้ว

ออฟไลน์ benbencoffee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มารอพี่จุ๊บ.. หน่วงมาหลายตอนแล้วเผื่อตอนใหม่จะสดใสขึ้น 555

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ลงเอยกันด้วยดี เฮ้ออออออ

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่



จูบที่สิบหก



   ผมเคยมีแฟนคนแรกตอนเรียนอยู่ชั้นมอห้า ช่วงเวลาที่คาบเกี่ยวกับครั้งแรกที่ผมเจอเขา

   ไม่คิดเลยว่าไอ้ลูกดาราหน้ากวนส้นวันนั้นจะกลายเป็นแฟนกันวันนี้ จะว่าไปมันก็หลายปีเหมือนกันจากการมีแฟนครั้งนั้น...ผมชักจะลืมว่าคนเป็นแฟนกันจะปฏิบัติต่อกันยังไง

   จีบกัน...ทำแล้ว

   เปิดใจคุยกันตรงๆ...ทำแล้ว

   ทะเลาะกันเรื่องงี่เง่า...ทำแล้ว

   แสดงความรักต่อกันบ่อยๆ...ปากแทบเปื่อยแล้ว   

   พูดได้ว่าแทบทุกอย่างที่แฟนกันควรจะทำ เราทำมาหมดก่อนที่สถานะมันจะชัดเจนแบบนี้เสียอีก ความสัมพันธ์ของผมกับธีร์ก้าวกระโดดเร็วจนน่าตกใจ มันเหลืออีกไม่กี่อย่างเท่านั้นที่เรายังไม่ได้ทำ

   ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้ทำอะไรที่ก้าวกระโดดขึ้นอีกขั้น...หลังจากเราตกลงคบกันไม่ถึงสิบนาที

   อย่าคิดลึกครับ ผมกำลังหมายถึงการพาเขาเข้าบ้าน



   เปียกไปทั้งตัว แต่หัวใจอุ่นพิกล

   หลังจากเคลียร์ทุกเรื่องที่คั่งค้างในใจหมดไป รวมทั้งเรื่องเอิงเอยที่เขาสารภาพว่าขอให้มาเล่นละครตบตาให้ผมหึง(ซึ่งได้ผลชะงัด) ผมจูงมือเขาเข้ามาในเขตรั้วบ้าน เราถอนริมฝีปากออกจากกันขณะที่น้ำฝนรอบข้างนิ่งค้างเป็นเส้นๆ เราเดินฝ่าเม็ดน้ำฝนที่ลอยเท้งเต้งกลางอากาศเข้ามาจนถึงในที่ร่ม เห็นว่าแม่กำลังยืนมองจากหน้าประตูบ้าน ตาเบิกโตทอดเยิ้มไปยังหน้าประตูรั้วจุดที่ผมกับธีร์เคยยืน ริมฝีปากยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนพอใจในภาพที่เห็น

   หน้าผมร้อนขึ้นมาทันที แม่อะทำไมขี้แอบดูแบบนี้ ฮึ้ยยยย

   “ถอยออกมาก่อน” ผมบอกธีร์ที่กำลังยืนด้อมๆ มองๆ ข้างหน้าแม่อยู่(ทำไม) ดึงเขาให้เข้ามาหลบในเงามืด แล้วจุ๊บที่ปากเขาเบาๆ หนึ่งที

   ฝนกลับมาตกหนัก แม่กลับมากระพริบตา เธอกำลังมองหาผมกับธีร์ที่หายไป

   “อ้าว หายไปไหนวะ” แม่ตีหน้างง ผมใช้จังหวะนั้นโผล่เข้าไปแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงทันที

   “แฮ่!”

   “ว้ายยยยย” แม่หวีดร้อง พอเห็นมาเป็นผมก็ตีที่ไหล่เบาๆ “จุ๊บ! โผล่มานี่ได้ไง”

   “ถ้ำมองจัง” ผมแซวแทนที่จะตอบ เจ้าของทรงผมบ๊อบเททำท่าจะตีผมต่อ แต่พอเห็นคนที่อยู่ด้านหลังก็เอียงคอยิ้มให้อย่างสนใจ

   “สวัสดีครับ” ธีร์ยกมือไหว้ทักทาย

   “สวัสดีจ้ะ” แม่รับไหว้อย่างยิ้มๆ “ธีร์...ใช่ไหม”

   เขาพยักหน้าอย่างนอบน้อม วินาทีนั้นแม่ก็ตรงรี่กะจะเข้าไปกอด แต่เหมือนจะเพิ่งตระหนักได้ถึงสภาพเปียกซ่กของเราทั้งคู่ แม่จึงเลือกจูงมือเราทั้งคู่เข้าบ้านแทน

   ทันทีที่เปิดประตู คนที่เคยกระจุกอยู่ด้านหลังบานประตูก็แตกฮือ ป้าเด้ากับจีบคือสองคนหน้าสุดแกล้งทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ถัดออกไปเป็นป้าแก้วและพ่อของผมที่เท้าตัวกับโซฟาและผนัง ทุกคนบังคับสายตาให้จับจ้องไปที่จอทีวีแล้วแสร้งเหมือนว่าเพิ่งมองเห็นผม

   เนียนมากเลยครับทุกคน แหม่ ไม่รู้จริงๆ เลยนะเนี่ยว่าแอบฟัง

   “ใครมาเหรอจุ๊บ” จีบแกล้งถาม แล้วค่อยๆ เบนสายตามาทางผม ผมยิ้มมุมปากให้อย่างมีเลศนัยแล้วกระเถิบไปด้านข้างเพื่อให้น้องเห็นคนด้านหลังชัดๆ...ไอ้จีบมันต้องกรี๊ดลั่นบ้านแน่ๆ

   “สวัสดีครับ” ธีร์ยกมือไหว้ทักทายทุกคน...ซึ่งตอนนี้ตาเบิกแทบจะถลนออกจากเบ้า

   “ถะ...ถะ...ถะ...” ตามคาด ลูกพี่ลูกน้องผู้เป็นติ่งธีร์ถึงกับติดอ่างไปเลย “ถะ...ถะ...ถะ...”

   ตึง!

   “เฮ้ยยยยย!”

   แล้วมันก็ไปไกลเกินกว่าที่ผมคิดอีก ไอ้จีบเป็นลมไปแล้วเรียบร้อยครับ โคตรบ้า! โคตรพีค! ดีนะที่พ่อผมรับไว้ได้ทันเลยไม่ล้มหัวฟาดพื้นไปซะก่อน

   “ยาดมๆ” ป้าแก้วเลิกตกใจที่เจอธีร์แล้วกระวีกระวาดหาทางรักษาลูกตัวเองทันที ไม่รู้จะขำหรือสงสารป้าดีที่ต้องมาเห็นสภาพของลูกสาวที่บ้าดาราจนกลายเป็นแบบนี้

   “เดี๋ยวไปเปลี่ยนเป็นชุดแห้งก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน จุ๊บ หาเสื้อผ้าให้ธีร์ใส่ด้วยนะ ทางนี้เดี๋ยวแม่จัดการเอง”

   แม่บอก แล้วดันหลังเราออกจากตรงนั้น เพียงไม่กี่วินาทีการปรากฏตัวของดาราหนุ่มในบ้านของเราก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป เพราะทุกคนกลับให้ความสนใจกับร่างอ่อนแรงของจีบ...ซึ่งเป็นลมไปเพราะการปรากฏตัวของไอ้ดาราคนนี้นั่นแหละ



   ผมพาธีร์เข้ามาในห้องนอน หาเสื้อผ้าที่เขาพอจะสวมได้ในตู้เสื้อผ้า ซึ่งเอาเข้าจริงก็หายากเอาการ ธีร์สูงกว่าผมกว่าสิบเซนฯ และมีโครงร่างใหญ่กว่า แต่เสื้อผ้าในชีวิตประจำวันผมก็มีแต่ตัวที่ใส่พอดี กับจำพวกที่ใส่ฟิตไปเลยอย่างกางเกงยีนส์ขาเดฟ

   สุดท้ายก็ได้เสื้อกล้ามสีขาวสำหรับใส่นอนมาหนึ่งตัว และกางเกงผ้าโปร่งสีเนื้อตัวหลวมมีเชือกผูก แต่ความหนักใจของผมไม่ได้อยู่ตรงนั้น...ความกระดากคือผมรู้ว่าตัวเขาจะต้องเปียกไปถึงชั้นในสุด แล้วถ้าเปลี่ยนแค่ข้างนอกมันคงไม่สบายตัวหรอก…

   เอาวะ ให้ยืมกางเกงในใส่ ใครที่ไหนเขาก็ทำกันทั้งนั้น(เหรอ)

   “ทำไมทำหน้างั้น” ธีร์ถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่มั่นใจของผม

   “เปล่าๆ อะ ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ” ผมบอก ยื่นชุดแห้งกับผ้าเช็ดตัวให้เขาทันที รวมไปถึงน้องลิงสีขาวสะอาดของรักของหวง

   “เปลี่ยนตรงนี้ไม่ได้เหรอ” คนผิวสว่างเว้าวอนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ผมส่ายหัวพัลวันแล้วดันเข้าให้เข้าไปในห้องน้ำ

   “ล้างตัวก่อนก็ดี เดี๋ยวเป็นหวัด”

   “อย่าแอบดูนะ” เขาเกยหน้ากับขอบประตู

   “ทะลึ่งละ รีบเลย คนรอหนาวนะเว้ย”

   ธีร์หัวเราะ แต่ยังไม่วายแง้มประตูไว้เผื่อว่าผมจะแอบดู (...โว้ยยยย) ไม่นานนักก็ออกมาในชุดที่ให้ไป ธีร์พาดผ้าเช็ดตัวไว้บนบ่า เสื้อกล้ามสีขาวที่ว่าตัวใหญ่ๆ เขากลับใส่มันออกมาพอดี เช่นเดียวกับกางเกงที่ไม่เล็กเกินไป...เว้นแต่ว่ามันนูนแปลกๆ ตรงเป้ายังไงชอบกล พูดจริงๆ นะไม่ได้ทะลึ่ง   

   “มีอันเนี้ยไม่ได้ใส่” เขาชูกางเกงในสีขาวของผมขึ้นมาแกว่งๆ ผมรู้ทันทีเลยว่าทำไมตรงนั้นมันถึงนูน   “ทำไมไม่ใส่” ผมถามกลับอายๆ

   “มันเล็กไป”

   บอกน้ำเสียงเรียบแต่กลับยักคิ้วเหมือนภูมิใจ แถมยังโคลงตัวไปมา ทำให้ตอนนี้แกว่งทั้งบนทั้งล่างเลยเว้ย

    อยากจะล้อว่าไอ้หำใหญ่…แต่คิดดูแล้วไม่พูดดีกว่า งือ

   “ไม่ใส่ก็ไม่ต้องใส่” ผมยึดกางเกงในมาจากมือเขาแล้วดึงผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าตัวเอง เบียดคนเป็นดาราที่ยืนขวางประตูห้องน้ำและพาตัวเองเข้าไปแทนพร้อมกับเสื้อผ้าแห้ง กลิ่นหอมของสบู่เหลวยังคลุ้งอยู่ในอากาศ

   “ไม่ต้องล็อคนะ จะแอบดู” เขาพูดหน้าซื่อ แล้วโดนผมปิดประตูใส่และล็อคอย่างแน่นหนา  ได้ยินเสียงหัวเราะหึดังลอดผ่านมาแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงพิกล เสียงหัวเราะแบบนี้มันน่ากลัวว่าเสียงปั๊ดโถ่ด้วยความเสียดายอีกอะ

   กระนั้นผมก็ใช้เวลาล้างตัวและใส่เสื้อผ้าไม่นาน เปิดประตูออกมาอีกทีก็เจอเขานั่งยองๆ อยู่ข้างเตียง เงยหน้าจากชั้นดีวีดีข้างเตียงขึ้นมาสบตาผมนิ่ง

   “อะไร”

   เขามองผมด้วยแววตาอ่านไม่ออก แล้วคลี่ยิ้มบนริมฝีปากออกมาช้าๆ “ห้องพี่จุ๊บนี่โคตรเป็นพี่จุ๊บเลย ชอบว่ะ”

   ธีร์พยักเพยิดไปที่ดาวพลาสติกบนเพดานที่เมื่อปิดไฟแล้วมันจะเรืองแสง ไล่สายตามาที่โปสเตอร์หลายแผ่นบนหัวเตียง มีกรุดีวีดีและหนังสือหลายเล่มกองพะเนินอยู่ตรงนั้น

   “ชอบหนังรักมากนะเนี่ย” เขาด้อมๆ แถวกองดีวี “ชอบเรื่องอะไรที่สุดในนี้...อ่อรู้ละ”

    คนตัวสูงเข้าใจทันทีเมื่อกวาดตาไปเห็นโปสเตอร์ไททานิคใบเบ้อเริ่มติดอยู่เหนือหมอนของผม

   “หนังเรื่องแรกที่ดูในโรงอะ” ผมยักไหล่ยอมรับ

   “ดูซ้ำกี่รอบละ”

   “ไม่รู้เหมือนกัน สี่สิบห้าสิบได้มั้ง”

   “สี่สิบห้าสิบ!” เขาส่ายหัว “บ้าแล้ว”

   “พูดงี้แสดงว่าไม่เคยชอบอะไรมากๆ แบบที่ดูกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ” ผมแหว

   “เคยสิ” เขาตอบ จ้องหน้าผมอย่างจงใจ “แต่ไม่ใช่หนังนะ เป็นคน”

    ผมทำหน้าเหรอหราแสร้งว่าไม่เชื่อ ธีร์อมยิ้มแล้วเสไปมองโปสเตอร์ใบอื่นต่อ

   “ชอบวีเหรอ” เขาถามเมื่อประสานสายตากับเด็กสาวในโปสเตอร์ จริงๆ มันเป็นโปสเตอร์โฆษณาน้ำดื่มยี่ห้อหนึ่งที่วิโอเลตเป็นพรีเซนเตอร์อยู่ แต่ด้วยความชอบในตัวเธอบวกกับท่าทางที่โพสต์ในภาพ ผมเลยแอบขโมยมาแปะฝาผนังห้องซะ...จะได้สบตากับเธอทุกคืนเลย

   “สุดที่รักเลย คนอะไรร้องเพลงก็เก่ง เล่นหนังก็ดี”

   “วีอะนะ”

   “ทำไม ไม่ชอบเหรอ”

   “เปล่า ชอบมากเหมือนกัน” พระเอกซีรีส์ดังเผย “อยากร่วมงานด้วยกันสักงาน”

   “เดี๋ยวก็ได้เล่น นายดังจะตาย คงมีสักเรื่องที่ได้มาเล่นด้วยกันแหละ” ผมบอกเขา แต่ดูเหมือนธีร์จะไม่สนใจ เขาไล่นิ้วไปตามกองหนังสือบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะหยุดลงที่สมุดเล่มเล็กๆ ที่ซ่อนไว้ในแผงนั้น

   “อะไรเนี่ย” ก่อนที่ผมจะรู้ว่านั่นคือของต้องห้ามสำหรับเขา ธีร์ก็ดึงสมุดเล่มนั้นออกมาและเปิดดูอย่างถือวิสาสะ มันคือสมุดเฟรนด์ชิพที่ผมให้เพื่อนเขียนถึง แต่มีหน้าหนึ่งที่ไม่มีใครเขียน...มีเพียงแค่หน้ากระดาษที่คั่นไว้ด้วยก้านกุหลาบก้านหนึ่งซึ่งกลีบของมันแห้งกรอบไปตามกาลเวลา แต่ผมยังรักษาไว้อย่างดี

   ด้านล่างเขียนชื่อคนให้เล็กๆ เอาไว้ และธีร์ก็เปิดเจอหน้านั้นอย่างพอเหมาะพอเจาะ

   ผมรีบดึงสมุดออกจากมือเขาทันที แต่ก็ไม่เร็วพอที่จะปิดบังไม่ให้เห็นซากดอกกุหลาบ และข้อความที่เขียนไว้...เท่านั้นแหละเจ้าของชื่อก็กลั้นยิ้มทันที

   “ยังเก็บกุหลาบที่เคยให้ไว้ด้วยอะ” เขาแหย่ ผมมองเขาตาขวาง จินตนาการออกเลยว่าตอนนี้หน้าตัวเองต้องแดงไปถึงหูแน่ๆ

   “ยุ่ง”

   “ชอบเราตั้งแต่ตอนนั้นเลยปะ” คนตัวสูงถาม ผมกัดริมฝีปากแน่นเพราะความขวยเขิน

   “หลงตัวเองไปละ” ผมพูดขำๆ “เก็บไว้เป็นความทรงจำเฉยๆ”

   “มันต้องเป็นความทรงจำที่สำคัญมากแน่ๆ”

    “...เพ้อเก่งจังวะ”

   “เป็นดาราก็ต้องฝึกจินตนาการเว้ย”

   “เหรออออ” ผมล้อเสียงสูง จริงๆ ที่เขาพูดก็จริงแหละ แต่ไม่บอกหรอก

   “แต่เราชอบพี่จุ๊บตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะ”

   “เพ้อไรอีก” ผมขำ แต่ธีร์มองผมตาโตเหมือนดุว่าที่ผมขำน่ะมันไม่ควร โอเคยอมก็ได้

   “เราพูดจริง ไม่งั้นจะให้ดอกกุหลาบทำไม”

   “ตลกละ จะชอบคนที่ไม่เคยคุยกันสักคำจนเรียนจบได้ไง”

   “พูดแบบนี้แปลว่าตอนเรียนอยู่ไม่เคยมีประสบการณ์แอบชอบรุ่นพี่อะดิ๊”

   “ก็เคยเว้ย แต่มันแบบ...” ผมอ้อมแอ้ม “มันต้องสวยๆ เป็นลีด นมใหญ่ๆ หรือถ้าผู้ชายก็ต้องหล่อๆ เท่ๆ เป็นนักกีฬา แต่เราเป็นรุ่นพี่ประเภทกรรมการนักเรียนที่น้องมักจะเกลียด ไม่เก่งกีฬาอะไรสักอย่าง ทำได้อย่างมากก็เต้นคัฟเวอร์เฉิ่มๆ คือไม่ใช่รุ่นพี่ประเภทที่ใครจะมาแอบชอบเลย เห็นหน้าในกิจกรรมบ่อยก็จริงแต่มันก็...ไม่ใช่อ้ะ”

   “ก็เพราะเป็นแบบเนี้ยเลยชอบ” เขาหัวเราะ

   “ไม่ชอบคนนมใหญ่เหรอ”

   “ก็ชอบ”

   “จบเลย”

   “ฮ่าๆๆ เอาจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาบอก “มันคงเกิดจากความประทับใจมั้ง”

   “ตรงไหนน่ะ”

   “เห็นหน้าแล้วตลกดี” ผมขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนโดนหลอกด่ายังไงชอบกล “หมายถึงน่ารัก เห็นแล้วอารมณ์ดี”

   “แค่นั้นน่ะนะ”

   “แอบชอบรุ่นพี่จะมันจะมีเหตุผลอะไรมากกว่านี้อีก”

   “นี่ถ้าไม่บอกจะคิดว่าตามเรามาเรียนที่มหา’ลัยเดียวกันนะ”

   “ก็เราตามมาจริง” คำบอกเล่าของธีร์ทำเอาผมเงิบ “อ้าว ไม่เคยบอกเหรอ”

   “...ไม่เคย” ผมแกล้งทำเป็นยกผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดผมตัวเองเพื่อหลบสายตาเขา แม้ว่าจะหมาดได้ที่แล้ว...นึกย้อนกลับไปตอนที่ตัวเองบอกเขาว่าจะไปเรียนต่อทีไหนตอนเรียนจบ...

   นึกถึงรูปกับข้อความ ‘Until we meet again’ ของเขาในเฟซบุ๊กแล้วก็ใจเต้นแรงขึ้นมา

   ‘จนกว่าเราจะพบกันใหม่’ ของเขา มันหมายความแบบนั้นจริงๆ

   “รู้มาตั้งแต่ตอนเรียนม.ปลายแล้วว่ายังไงแม่ก็ต้องบังคับให้เรียนนิเทศแน่นอน ก็เลยคิดไว้ว่าเรียนที่ไหนน่าจะมีความสุขที่สุด เลยเลือกที่ที่คิดว่าน่าจะชอบ เพราะคนที่ชอบอยู่ที่นี่ แค่นั้นเลย”

   ผมเช็ดหัวตัวเองแรงขึ้น ไม่ตอบอะไรหากรับรู้ถึงหัวใจที่กำลังพองโต ทันใดก็รับรู้ถึงสัมผัสอุ่นจากมือเขาที่แตะหลังมือของผมเอง

   “เช็ดแรงแบบนี้หนังหัวก็ถลอกพอดี...”

   ธีร์บอก แล้วกระเถิบตัวขึ้นนั่งชันเข่าบนเตียง ดึงผ้าขนหนูออกจากมือผมแล้วค่อยๆ ซับเส้นผมหมาดน้ำอย่างเชื่องช้า ผมหลับตารับสัมผัสนุ่มนวลจากเขา ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาที่การพบกันใหม่ของเราดำเนินมาถึงขั้นนี้

   แรงซับจากผ้าขนหนูของคนเป็นดาราทำให้ผมเคลิ้ม รู้ตัวอีกทีก็เผลอปล่อยสมุดในมือตกลงบนพื้น

   “เอ๊อะ” ผมยืดตัวเก็บ ส่วนเขาก็จับเอวผมไว้หลวมๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผมไถลไปข้างหน้า จังหวะนั้นเองที่ได้ยินเสียงประตูเปิดออกพอดี

   เงยหน้าขึ้นมาเห็นแม่ที่ตาเบิกโตเพราะภาพตรงหน้า จากมุมของเธอมันคงเหมือนผมกำลังกึ่งก้น...และธีร์ก็กำลังนั่งชันเข่าในองศาที่ตรงกับสะโพกผมพอดี...ให้มันได้อย่างนี้สิวะ

   “ขอโทษ!” ประตูปิดดังปัง แม่เข้าใจว่าเราทำเรื่องนั้นโดยไม่ให้โอกาสผมอธิบายใดๆ อีกเลย





(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
(ต่อจากด้านบน)


   สายตาหกคู่จ้องมาที่เราอย่างไม่วางตาตั้งแต่ก้าวขาออกจากห้อง สีหน้าของแต่ละคนมีทั้งฉงนและชื่นชมจนอยากจะกินหัว (วงเล็บ ป้าเด้า) เรากลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติที่ทุกคนจะตื่นเต้นกับการที่มีดาราหนุ่มเข้าบ้านเราอีกครั้ง หลังจากที่จัดการกับจีบที่เป็นลมจนสลบ ซึ่งบัดนี้ร่างปวกเปียกของเธอได้ถูกย้ายไปยังห้องนอนของตัวเองเรียบร้อย

   “เอ่อ...” ผมขยับปากมุบมิบ ได้ยินเสียงละครไทยจากทีวีในห้องโถงที่เปิดไว้แต่ไม่ได้สนใจ บนโซฟามีป้าแก้วและลุงพร่ำนั่งอยู่ อีกฝั่งคือพ่อกับแม่ของผม(ผู้ซึ่งแววตายังประหวั่นพรั่นพรึงกับภาพที่เห็นล่าสุดไม่หาย...โถแม่ครับ) อีกสองคนคือป้าเด้ากับลุงโรเบิร์ตที่ยืนกอดอกหลวมๆ พิงโซฟาด้วยท่าเดียวกัน...ทำไม

   นี่ควรเป็นช่วงที่ผมแนะนำตัวเขาสินะ

   “นี่...”

   “ณเดชน์!” ยังไม่ทันได้บอก ป้าเด้าก็โพล่งชื่อพระเอกอีกคนออกมาซะก่อน ขอบคุณที่อยากแนะนำเขาแทนผมนะครับ แต่ผิดไงป้าาาา

   “อ้าว ไม่ใช่เหรอ” เธอเกาหัวแกรกเมื่อเห็นสีหน้าทุกคน

   “ให้โอกาสทายใหม่ เป็นลูกดารา” แม่ผมช่วย ป้าเด้าได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกริ่ม

   “หน้าญี่ปุ่นๆ แบบนี้ ขาวๆ แบบนี้...”

   “ใช่...”

   “น้องเจ้านายที่ร้องเพลงคนละชั้นชัวร์!”

   เสียงแผ่นสะดุด...ผมได้ยินเอฟเฟกต์เสียงแผ่นสะดุดเหมือนในหนัง

   “อีกนิด ใบ้ให้ว่าลูกต่าย พิมพ์ผกา” แม่ผมช่วยอีกรอบ

   ป้าผมฟูหน้าเหวอ แต่สักพักก็ยิ้มอย่างมั่นใจสุดๆ “อ๋อออออออออ คราวนี้ถูกแน่ๆ ไม่ถูกให้ตบเลย...”

    ทุกคนลุ้นทันทีว่าจะได้ตบป้าไหม

   ”...นาย นภัทร!!!!”

   “นั่นมันลูกหมู พิมพ์ผกา!!!” นั่นคือหนึ่งในไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ผมเห็นทุกคนในครอบครัวประสานเสียงพร้อมกัน แม้แต่ลุงโรเบิร์ตผู้เป็นฝรั่งและไม่น่าจะรู้จักดาราไทยยังพูดดึงสติป้าอย่างรุนแรง ทุกคนส่ายหัว มีแต่คนข้างๆ ผมที่ขำจนเป็นจะเป็นบ้า

   “อย่าว่ากันเลยครับ...” ธีร์พูดทั้งๆ ที่ยังหัวเราะออกมา เขากระแอมสองทีแล้วฮึบตัวเองได้ ยืดอกพรีเซนต์ความเป็นเขาเต็มที่

   “ผมธีร์...ธีร์ ดำรงเดช เป็นแฟนพี่จุ๊บ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนครับผม”

   เห็นเขาพูดออกมาจากปากตัวเองแบบนั้นผมก็ทำไม่ได้นอกจากยืนกัดปากตัวเองและรับเสียงผิวปากแซวที่ดังขึ้นชั่วครู่ จากนั้นป้าเด้าก็มาขอถ่ายเซลฟี่กับเขา...แม้ว่าเธอจะบอกว่าตัวเองไม่ได้บ้าดาราก็ตาม รอถ่ายรูปเสร็จทุกคนในครอบครัวผมเริ่มแนะนำตัวด้วยชื่อและศักดิ์เวียนกันไป แล้วคนเป็นดาราไล่ไหว้ไปทีละคน กระทั่งคนสุดท้าย

   “กรณ์หายไปไหน...” ป้าแก้วท้วง เพราะคนที่ผมอยากเขากับธีร์เจอกันมากที่สุดตอนนี้หายไปเสียเฉยๆ

   “ก็เห็นเดินออกไปทางห้องครัวตอนธีร์แนะนำตัวว่าเป็นแฟนจุ๊บนะ” ลุงพร่ำตอบ “มีอะไรหรือเปล่า หรืออยากเดินไปหาอะไรกินเฉยๆ”

   วินาทีนั้นแม่และผมสบตากันอย่างรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ความลำบากใจหล่นโครมลงบนตัวผมอีกครั้ง ครั้งสุดท้ายที่พ่อเจอธีร์มันเป็นเหตุการณ์เดียวกันแบบนี้...และตอนนั้นมันจบไม่สวยเลย

   บอกตามตรง ถึงตอนนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพ่อจะรับเรื่องนี้ได้ไหม

   แต่ยังไงคงต้องลองดู

   ผมพยักหน้าให้แม่เป็นเชิงบอกว่าตัดสินใจแล้ว และพาธีร์เดินไปยังห้องครัว เห็นพ่อกำลังนั่งจิบกาแฟนิ่งงันราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

   “พ่อครับ...” ผมทัก พ่อเฉียดตามามองผมแวบนึง แล้วกลับไปมองแก้วกาแฟที่กำลังมีควันพุ่งพวยออกมา “จุ๊บพาธีร์มาให้พ่อรู้จัก”

   ชายวัยกลางคนกระแอมหนึ่งครั้ง แล้วกลายเป็นการไอที่แรงขึ้นจนต้องยกกาแฟขึ้นจิบ ผมดิ่งเข้าไปหยิบทิชชู่ข้างซิงค์ล้างจานแล้วส่งให้เขา

   พ่อรับมันไปเช็ดปาก แล้วพูดออกมาว่า “ตอนนี้มันไม่ใช่ ‘ไม่ได้เป็นอะไร’ แล้วใช่ไหม”

   “...อะไรนะครับ”

   “ตอนนั้นที่เขามาที่โรงพยาบาล แกบอกพ่อว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับจุ๊บ”

   “...”

   “คราวนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้วใช่ไหม”

   ผมสูดหายใจ แล้วยอมรับออกมาตรงๆ “ใช่ครับ ตอนนี้เขาเป็นแฟนแล้ว”

   พ่อไอออกมาแรงๆ อีกครั้งเมื่อผมพูดประโยคนั้น เสียงลมหายใจหอบถี่ของเขาฟังดูทรมานจนผมรู้สึกผิดเมื่อคิดว่าคำพูดของตัวเองอาจเพิ่มความทรมานในใจของเขา

   “คนนี้...แค่ก...” ชายร่างซูบสำลัก แต่ก็พยายามจะพูด “คนนี้ใช่ไหมที่ทำให้ร้องไห้”

   “ความผิดผมเองครับ” ก่อนจะตอบอะไร ธีร์ก็ออกรับกับพ่อแทนผมเสียก่อน เขาหันมาสบตาผมแวบหนึ่งด้วยแววตาตกใจ อาจเป็นเรื่องผมร้องไห้ที่เขาไม่รู้

   “ผมรู้ว่าผมทำตัวแย่แบบไม่ควรกับการให้อภัย แต่ผม...”

   “...”

   “ผมชอบลูกชายคุณอามาก และผมจะไม่ทำเขาเสียใจอีกแล้วครับ ผมสัญญา”

   ตอนนั้นเองที่น้ำเสียงรู้สึกผิดและการก้มหัวให้ของธีร์ทำให้พ่อของผมหันมามองเขาอย่างเต็มตา ความเงียบปกคลุมเราทั้งสามชั่วครู่ ผมกัดฟันแน่นเพราะความลุ้นจนรู้สึกปวดกราม...

   พ่อผู้ไม่ค่อยเห็นด้วยกับทางที่ผมเลือกเดินมาทั้งชีวิตถอนหายใจออกมา มันคงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เห็นด้วยกับการเลือกครั้งนี้เหมือนกัน

   “แย่มากที่ทำลูกผมร้องไห้น่ะ” พ่อดุ ผมหลับตาแน่นอย่างเสียดใจ แต่ก็ไม่แปลกใจมากนัก “แล้วพูดให้มันดีๆ หน่อย...ใครเป็นอาคุณไม่ทราบ”

   “...”

   “เรียกพ่อเถอะ”

   แต่ประโยคต่อมาและรอยยิ้มบนมุมปากของผู้เป็นพ่อทำให้ผมลืมตาตื่นด้วยความประหลาดใจ...นี่มันหมายความว่าพ่อยอมรับเราแล้วใช่ไหม...

   “ในที่สุดผัวฉันก็คิดได้” เสียงจากแม่ที่แอบดูอยู่ตรงประตูห้องยืนยันว่าผมไม่ได้หูฝาดไป พ่อยอมรับเราแล้วจริงๆ!

   “ครับคุณพ่อ” ธีร์ตอบรับด้วยความดีใจ และพนมมือไหว้คนตรงหน้าแบบประณีตกว่าการยกมือไหว้ทุกคนที่เคยทำ “ฝากตัวด้วยครับผม”

   “เป็นแฟนกันจริงๆ แล้วนะ” พ่อถามย้ำ

   “แฟนกันจริงๆ แล้วครับพ่อ” ผมรีบตอบ

   “แรดนักไอ้จุ๊บ พ่อไม่ได้ถามแก”

   “พ่ออ่าาาาาาาา”

   แล้วความสัมพันธ์ของผมกับธีร์ ดำรงเดชก็เริ่มต้นขึ้นได้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ตอนนั้น มันอาจผ่านการเดินทางที่หวานขม ผ่านความละมุนละไม เหตุการณ์เลือดสาด และความงี่เง่าในความสัมพันธ์จากเราทั้งคู่ แต่ระหว่างทางนั้นเองที่ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการเป็นของกันและกัน ตระหนักว่ามุมมองของความรักของเขากับผมมันช่างเยาว์วัยนัก และมันคงมีเหตุการณ์อีกหลายอย่างที่ทำให้เราเติบโตและเรียนรู้คำว่า ‘คู่ชีวิต’ ไปด้วยกัน หนทางข้างหน้ามันคงไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่เราหวังไว้แน่ๆ


   แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราสัญญาไว้ว่าจะยังจับมือกัน



   ไม่ว่าจะดีหรือแย่





โปรดติดตามตอนต่อไป



อยากให้อัพเร็วๆ เม้นท์กันด้วยนะ
หรืออยากติชมหรือกรี๊ดกร๊าดไปที่แท็ก #จุ๊บที ในทวิตเตอร์นะคะ

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
โอเค ครอบครัวจุ๊บผ่านแล้ว ครอบครัวธีร์ล่ะ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
นักเขียนรู้ใจมากเรากำลังคิดถึงอยู่เลยว่าพี่จุ๊บหายไปไหนน่อ ตอนใหม่มาแล้วพร้อมกับความเข้าใจของคนในครอบครัวพี่จุ๊บแต่คิดว่าศึกหนักน่าจะฝั่งธีร์มากกว่ามั้ง

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
รักป้าเด้า กับ แม่จุ๊บมาก

ตลกอะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ป้าเด้าตลกทุกซีนที่ออกมา 555555
พ่อเข้าใจแล้ว ดีใจด้วยนะจุ๊บ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
สบายใจ~~~

ออฟไลน์ Zestful

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เหลือฝั่งแม่ธีรืแล้วแหละ ว่าจะรับได้หรือเปล่า ฮือออออ
แต่ตอนนี้มันหวานมากกกกกกกกก
 :heaven

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ฉากคุณพ่อทำเราน้ำตาซึมเลยค่ะ :hao5:

ออฟไลน์ Chiffon_cake

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 712
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1544/-12
มันได้หมดอ่ะแหละ  :hao6:

ออฟไลน์ Mafiaziip

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
เหลือแต่ครอบครัวน้องธีร์แล้วเน้ออออออ เอาใจช่วยน้าาาาา  :กอด1: :กอด1:


 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
บ้านพี่จุ๊บเคลียร์แล้ว บ้านธีร์จะเคลียร์มั้ย

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เค้าเคลียร์แล้ว ดีใจจังเลย

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ยินดีกับพี่จุ๊บด้วย :hao5:

ออฟไลน์ kamaji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
รอนานโคตร กว่าจะมา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AutoAngels

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่ออีกนะคะชอบๆ :impress2:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
รอววววว

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ cookie12ck

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ต่อไปเจอด่านครอบครัวของธีร์ จะหน่วงไหมนิ่

ออฟไลน์ ่patsaporn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-6
คุณพ่อน่ารักมากเลย ที่จริงน่ารักทั้งครอบครัวเลยล่ะ
คืนนี้นอนนี่ใช่มะ

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ DESZCZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
บ้านธีร์น่าจะยาก คุณแม่ดูโหด

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่



จูบที่สิบเจ็ด



   การคบกับธีร์ ดำรงเดชไม่ใช่เรื่องง่าย

   แน่นอนว่าการเป็นดาราของเขาทำให้เราต้องปิดบังความสัมพันธ์นี้ไว้ มันออกจะอีหลุกขลุกขลักนิดหน่อยที่เราต้องระวังตัวเวลาไปไหนมาไหนด้วยกันในที่สาธารณะ เราไม่ควรจะตัวติดกันเกินไปจนเป็นที่สังเกต ไม่ต้องพูดถึงการแสดงความรักที่กลายเป็นข้อห้ามอันดับต้นๆ ของผมกับเขา

   แปลกดีที่ก่อนหน้านี้ตอนยังเป็นแค่พี่น้อง เราไม่เคยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่พอคบกันจริงจังเรากลับกังวลเรื่องนี้หนัก ซึ่งผมก็เข้าใจดีว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้เพื่อให้ความสัมพันธ์ของเราอยู่รอดต่อไป และผมยินดีที่จะทำมัน

   เราเคร่งครัดกับมันเพราะเราอยากรักษากันและกันเอาไว้ และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

   ในขณะเดียวกัน การหลบๆ ซ่อนๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เสมอไป ผมรู้สึกดีเป็นพิเศษทุกครั้งเมื่อถึงช่วงเวลาที่เราปลอดภัยจากสายตาของใคร อาจเพราะเวลาอยู่ด้วยกันมันหายาก การใช้เวลาช่วงสั้นๆ เคียงข้างเขาจึงมีค่ามากสำหรับผม

   และโชคดีที่เราทำให้มันนานขึ้นได้ด้วยการจูบ บางครั้งเราใช้ประโยชน์จากพลังหยุดเวลาเพื่อยืดช่วงสั้นๆ ของเราให้นานขึ้นอีกนิด   

   ผมพบว่าตัวเองชอบเวลาที่ได้เรียนรู้ความเป็นธีร์ ดำรงเดช และให้เขาได้เรียนรู้ความเป็นจุมพิต วิเศษกาลมากทีเดียว

   มีความลับหลายข้อที่คุณ(ไม่)ควรรู้เกี่ยวกับเขา เป็นแง่มุมธรรมดาบางอย่างที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่ผมว่ามันน่ารัก เช่นทุกครั้งของการถ่ายฉากถอดเสื้อในละคร ธีร์ต้องติดกระดาษสีเขียวแผ่นเล็กๆ ไว้ที่สะดือเพราะจริงๆ เขาสะดือจุ่น และทีมงานต้องใช้ซีจีเพื่อทำให้สะดือของเขาบุ๋มสวยตอนออกอากาศ หรือการที่จริงๆ ธีร์ร้องเพลงเพี้ยนมาก ทุกฉากในซีรีส์คือการลิปซิงค์ ซึ่งต้องมีการอัดและผ่านเทคนิคร้อยแปดกว่าเสียงของเขาจะออกมา...จะพูดว่าเพราะก็คงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ร้องเพี้ยนน้อยกว่าเดิมล่ะวะ

   หรือการที่เขาเป็นคนไม่ชอบอาบน้ำถ้าถ่ายละครเหนื่อยมากๆ (อึ๋ย) หรือการมีพิธีกรรมแปลกๆ ที่ต้องทำก่อนถ่ายละครทุกครั้งคือ...การดูกล้วยหอมจอมซนอย่างน้อยหนึ่งตอน (ทำไม) ธีร์ยังชอบอะไรคล้ายผมหลายอย่าง เช่นสครับบ์ วี วิโอเลต และไททานิค แต่ก็มีหนังที่เราเห็นต่างกันมากอย่างก๊อตซิลล่าของโรแลนด์ เอ็มเมอริช ปี 1993

   “ไม่ชอบอะ ก๊อตซิลล่ามันเหมือนกิ้งก่า” ผมแย้ง เพราะก๊อตซิลล่าของจริงมันต้องอ้วนๆ เบิ้มๆ โว้ยยยยย

   “สนุกดีออก” เขาโคลงหัวไม่เห็นด้วย และเราก็เถียงเรื่องนี้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนในที่สุดเราก็ต้องเรียนรู้ว่ามีอะไรเห็นต่างกันบ้างก็ไม่เป็นไร

   แต่...ไม่มีความลับไหนที่ผมจะช็อคเท่าเรื่องคนใกล้ตัวที่สุดของเขา ซึ่งธีร์ไว้ใจเล่าให้ผมฟังได้แค่คนเดียว

   เอิงเอย สุทัตตา สวัสดิวัฒน์ เป็นเลสเบี้ยน

   เอิงเอยกับธีร์เป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่ของเขากับเธอเป็นดาราเหมือนกัน เธอเป็นรักแรกของเขาด้วยซ้ำ ก่อนจะรู้ตัวตอนอยู่ประถมว่าไม่ได้ชอบเอิงเอยแบบนั้น เพราะไปแอบชอบเด็กชายคนหนึ่งตั้งแต่ตอนประถม (แก่แดดแต่เด็กเลยไอ้สัด (อุทาน)) ทุกข่าวของเขากับเอิงเอยเป็นแค่การสร้างกระแส รวมไปถึงข่าวเสียๆ หายๆ ก่อนที่เขาจะเข้าวงการที่ผมเคยได้ยิน

   เอิงเอยเข้าวงการก่อนธีร์ และเธอมีแฟนสาวนอกวงการที่คบกันมานานแต่ก็ต้องหลบๆ ซ่อนๆ

   ...เหมือนใครแถวนี้เปี๊ยบ


   “แล้ว...ธีร์เคยมีแฟนมาก่อนหน้านี้ไหม”

   “เคยดิ”

   “ผู้หญิงหรือผู้ชาย”

   “ก็ทั้งคู่”

   “ไหนบอกไม่เคยคั่วใครไปเรื่อยไง”

   “เราคบผู้หญิงเพื่ออยากลอง แล้วคบผู้ชายเพื่ออยากรัก”

   ผมเบ้ปาก “แฟนคนล่าสุดนี่ผู้ชายปะ”

   “อือ ตั้งแต่ตอนม.ปลายละ แต่คบกันได้ไม่นานหรอก สามเดือนเองมั้ง”

   “ยังเฮิร์ทอยู่ปะ”

   “เรื่องแฟนเก่าน่ะนะ”

   “ฮื่อ”

   “มีแฟนใหม่ดีขนาดนี้จะเฮิร์ทไปทำไม”

   ผมทำท่าถูกต้องนะคร้าบใส่เขาเป็นนัยว่าสอบผ่าน กึ่งเป็นการสัญญากลายๆ ว่าเราไม่งี่เง่าเรื่องแฟนเก่ากัน

   "เออ แล้วแฟนผู้หญิงที่บอกว่าคบเพราะอยากลอง นี่หมายถึงลองอะไร"

   "บอกไม่ได้ว่ะ อยากรู้ต้องลองเอง...ลองปะล่ะ”

   ธีร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เท่านั้นล่ะผมรู้เลยครับว่าลองอะไร


   เราได้เรียนรู้หลายเรื่องของอีกฝ่าย และได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันและกันมากขึ้น ผมกลายเป็นเพื่อนสนิทของเอิงเอยอีกคนไปโดยปริยายเพราะเธอมักจะตัวติดกับธีร์เสมอ จากการเจอกันบ่อยๆ นั้นทำให้ผมได้เห็นอีกด้านที่คนทั่วไปไม่เคยเห็นของนางเอกวัยรุ่นผู้วางตัวเรียบร้อยและไม่เคยมีข่าวฉาว แต่ผมไม่ได้หมายความเอิงเอยเป็นคนทำอะไรฉาวๆ หรอกนะ ภายใต้ใบหน้าสดสวยนั้นน้องแค่เป็นคนที่...โก๊ะแบบที่อีกนิดจะกลายเป็นซุ่มซ่าม ตลกแบบไม่ได้ตั้งใจตลก ซกมก (กลับจากกองแล้วไม่อาบน้ำเหมือนธีร์เลย...ถึงว่าเป็นเพื่อนกันได้) แถมบางครั้งก็พูดไม่รู้เรื่อง

   “หนูภาษาไทยไม่แตกอะ บางครั้งหนูก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรจริงๆ นะพี่จุ๊บ อย่างตอนจะสัมภาษณ์กับพี่ๆ นักข่าวแต่ละที ผู้จัดการต้องปริ้นท์คำตอบมาให้หนูท่องอะ คือความง่าวของหนูมันเบอร์นั้นเลยนึกออกปะ” เอิงเอยโอดครวญกับผม

   ในขณะที่ผมสนิทกับคนในชีวิตเขามากขึ้น ธีร์ก็กลายเป็นลูกรักคนใหม่ของครอบครัววิเศษกาลไปเรียบร้อย โดยเฉพาะสมาชิกเพศหญิงที่เอ็นดูธีร์เป็นพิเศษในทุกครั้งที่เขาแวะมาเยี่ยมที่บ้าน จนสมาชิกเพศชายกลายเป็นหมาหัวเน่าไปโดยปริยาย (โดยเฉพาะผม)

   ไม่ต้องพูดถึงจีบที่พอรู้ความจริงว่าผมคบกับธีร์แล้วจะงอนผมไปสามวันสามคืน เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องและร้องไห้เสียใจที่เมนอันดับต้นๆ ในใจกลายเป็นพวกไม้ป่าเดียวกัน แต่พอวันที่สี่ก็แบกหน้ามาหาผมพร้อมตาบวมๆ ดึงหูผมแรงๆ หนึ่งทีจนเกือบยาน

   “โอ๊ยยยยยยยย อะไรวะเนี่ยยยยย”

   “โทษฐานมีแฟนเป็นธีร์ ดำรงเดชแล้วไม่บอกน้องนุ่ง”

   “ก็เพิ่งคบกันคืนที่พามาเจอเลยไหม”

   “ไม่รู้ไม่ฟัง น้องโกรธ!”

   “โกรธจริง?”

   “รักธีร์มาก ทำไมธีร์ต้องเป็นเกย์ด้วย ทำไมมมมมมม กรี๊ดดดดดดด”

   จีบทำท่าจะดึงหูผมยานอีกรอบ ผมจึงกุมหูตัวเองไว้ด้วยความหวงแหน แต่สุดท้ายยัยเด็กผมยาวก็ไม่ทำแบบนั้น แต่กลับซุกหัวลงกับอกผมแทน

   “จีบ...รู้ว่าชอบ ขอโทษเว้ย” ผมพูดออกไปแล้วลูบหัวลูกพี่ลูกน้องเบาๆ จีบมุดซ้ายมุดขวาในอ้อมอกของผมเหมือนลูกหมา

   “ถ้าไม่ใช่จุ๊บ เราไม่ยอมจริงๆ ด้วย”

   “...”

   “เพราะรักนะโว้ยเลยยอมเนี่ย สำนึกบุญคุณด้วย”

   “โอเค...โอเค...” ผมหัวเราะ “เอ้อ ไอ้บ็อกเซตซีรี่ส์ที่เคยขอไว้อะ ขอกับเขาเองเลยก็ได้นะ”

   แล้วติ่งอันดับหนึ่งของธีร์ ดำรงเดชก็ยอมรับความรักของผมตรงนั้น และในที่สุดจีบก็ได้บ็อกเซต ‘วัยรุ่นวุ่นรัก’ ที่ธีร์กับเอิงเอยเซ็นมาให้ตัวใหญ่ๆ สมใจ แถมยังได้พระเอกซีรีส์เรื่องโปรดเพิ่มเป็นพี่ชายอีกคน ความชอบของเธอต่อธีร์ไม่ลดลงแม้แต่นิด แต่กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ 

   ธีร์ยังเพิ่มระดับความเป็นหมาหัวเน่าให้ผมอีกขั้นด้วยการเป็นเพื่อนคุยกับพ่ออย่างถูกคอ บางครั้งที่เขาเข้ามาหาในเวลาที่พ่อผมเลิกงานพอดี พ่อผมก็จะชวนธีร์นั่งจิบชา คุยเรื่องสัพเพเหระกันเพลิน ไม่รู้เหมือนกันว่าคุยอะไร รู้แต่บรรยากาศระหว่างธีร์กับพ่อสนุกทำให้ทั้งคู่หัวเราะออกมาหลายครั้งจนลูกในไส้แท้ๆ อย่างผมอิจฉา แต่เอาเถอะ...เข้ากันได้แบบนี้ก็ดีแค่ไหน



   การได้มีเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแบบนี้ก็ดีแค่ไหน



(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
(ต่อจากด้านบน)


   ตลกดีเหมือนกันที่ผมต้องเรียนรู้การเป็นตัวละครลับในชีวิตธีร์ที่รู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา ในเวลาเดียวกันก็พยายามให้คนอื่นรู้เรื่องของผมน้อยที่สุด

   อันที่จริงนอกจากแรงกดดันภายนอก ผมกับเขาก็มีความไม่เข้าใจส่วนตัวที่ขัดกันอยู่หลายครั้ง แต่เราก็พยายามปรับตัวเข้าหากันทั้งสองฝ่าย อันที่จริงหลังจากคบกันมาระยะหนึ่ง ผมรู้สึกได้เลยว่าธีร์เปลี่ยนไปมากอย่างที่เขาเคยสัญญาไว้ เขาเอาใจใส่มากขึ้น...ไม่ได้หมายถึงเฉพาะผมแต่รวมไปถึงคนรอบข้าง หุนหันพลันแล่นน้อยลง อดทนต่อสิ่งต่างๆ ที่เข้ามากระทบจิตใจและรับมือกับอารมณ์ของตัวเองในสถานการณ์ต่างๆ ได้ดี โดยเฉพาะอารมณ์หงุดหงิดตอนเห็นว่ามีคนอื่นมองผมอยู่ (ผมต้องฝ่ายหงุดหงิดมากกว่าหรือเปล่าฟะ) หรืออย่างน้อยที่ผมเห็น...เขาก็พยายาม

   ในขณะที่ผมพยายามเด็ดขาดมากขึ้น รู้จักการประณีประนอม ลดความเป็นคนเอาใจใส่ทุกคนเพราะตระหนักว่าทำแบบนั้นตลอดเวลาไม่ได้ และให้เขาเป็นเพื่อนคู่คิดในการตัดสินใจหลายๆ เรื่อง แลกกับการที่ผมช่วยปรับสมดุลระหว่างเรื่องการเรียนและการทำงาน...เป็นแง่มุมเล็กๆ ในความสัมพันธ์ที่ผมภาคภูมิใจกับมัน

   ...เราต่างทำให้กันและกันเป็นคนที่ดีขึ้น

   ถึงจะอยู่ในสถานะแฟน แต่เวลาเดียวกันเราก็เป็นเหมือนเพื่อนคนพิเศษ เพื่อนที่มองทะลุถึงความรู้สึกภายในแม้จะไม่พูดอะไรสักคำ จุนเจือใจกันด้วยการรับฟังทั้งเรื่องเล็กและใหญ่ ทั้งในวันที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเราทั้งคู่ วันที่ผมซึมเซาจนเขาต้องเสริมกำลังใจ และวันที่เขาห่อเหี่ยวไปจนผมต้องเป็นฝ่ายสร้างรอยยิ้มบ้าง

   แม้วันส่วนใหญ่ของเราจะเป็นเขาที่ต้องการรอยยิ้มมากกว่าผมก็ตาม...เหตุเกิดจากชีวิตที่ไม่ง่ายของเขานั่นเอง

   อย่างวันหนึ่งที่เป็นวันหยุด แต่ธีร์ขับรถมาบ้านผมตั้งแต่เช้า มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ทิ้งตัวนอนบนตักผมที่นั่งบนโซฟาในห้องโถง สร้างความงุนงงให้กับผมที่กำลังดูช่องเก้าการ์ตูนเพลินๆ

   “เป็นไรเนี่ย” ผมเคาะหัวเขาเบาๆ ขณะธีร์นอนนิ่งซุกพุงผมอยู่อย่างกับแมว

   “ขอพลังหน่อย” เขาพูดเสียงอ่อย และผมก็ปล่อยให้กระเหง้ากระหงอดอยู่ท่านั้นจนกว่าจะพอใจ

   “แฟน...” พระเอกซีรีส์เรียกผมด้วยสรรพนามใหม่ที่เขาใช้เรียกตั้งแต่เริ่มคบกัน “จำตอนที่เราเคยคุยกันเรื่องละครคู่กรรมได้ไหม ที่เราบอกว่าไม่รู้จัก”

   “จำได้ดิ ธีร์บอกไม่เคยดูสักเวอร์ชั่น”

   “ตอนนี้เราจะได้รู้จักมันจริงๆ ละ”

   “จะไปไล่ดูแล้วเหรอ”

   “เปล่า” เขาพูดอ้อมแอ้ม “เรากำลังจะได้เล่นเป็นโกโบริ”

   “เฮ้ย จริงปะเนี่ย” ผมถามเสียงดังเพราะดีใจไปกับเขา เป็นที่รู้กันว่าคู่กรรมทำหลายครั้งก็ปังแทบทุกครั้ง ธีร์จะดังมากขึ้นอีกแน่ๆ จากการรับบทพระเอกของเรื่อง “ต้องฉลองละ ธีร์ ดำรงเดชเป็นโกโบริ โคตรเท่เลย”

   ...แต่ทำไมท่าทีเขาไม่ดีใจเลยหว่า

   “ไม่ดีใจเหรอ”

   “ไม่” เขาสารภาพตามตรง “ไม่ได้อยากเล่นด้วยซ้ำ”

   “อ้าว แล้วรับเล่นทำไม”

   “ก็พี่บุ๊คให้เล่น” แล้วธีร์ก็เล่าถึงเบื้องลึกของการได้บทโกโบริที่ทำให้เขาไม่สบายใจหนัก เพราะในตอนแรกทางช่องออกอากาศวางตัวพระเอกลูกครึ่งญี่ปุ่นอีกคนที่เหมาะสมกับบทมากกว่าเขาไว้ แต่เหมือนพี่บุ๊คผู้จัดการเข้าไปขายธีร์ให้ผู้ใหญ่ฟังอีกครั้ง นำเสนอผลประโยชน์ที่ทางช่องน่าจะได้มากกว่าเพราะชื่อเสียงของเขา จนในที่สุดผู้ใหญ่ก็ตัดสินใจเปลี่ยนพระเอก

   เรื่องจะไม่บานปลายไปมากกว่านี้ ถ้าข่าวมันไม่หลุดออกไปในโซเชียลมีเดียจนเกิดเป็นกระแสว่าธีร์ไปแย่งบทพระเอกรุ่นพี่คนนั้น เกิดการตอบโต้กันระหว่างแฟนคลับของทั้งสองคนอย่างดุเดือดและลุกลามใหญ่โต นั่นคือเหตุผลที่เขามาหาผมแต่เช้าพร้อมกับสีหน้าไม่สบายใจ

   “ด่าเราเราโอเค แต่เห็นเขาด่ากันเพื่อเราแล้วมันไม่โอเคว่ะ คือเขาไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้เพราะเขาชอบเรา”

   “เข้าใจ...ไม่โอเคก็อย่าไปอ่านเลย” ผมปลอบ รู้สึกว่าแฟนคลับธีร์โชคดีที่เขาใส่ใจขนาดนี้ ถึงอย่างนั้นก็เห็นใจเขาที่หน้าตึงจนผมหงอยตาม

   ชั่วขณะนั้นก็เกิดความคิดบ้าๆ บางอย่าง ผมชวนธีร์โดดเรียนการแสดงไปสถานที่แห่งหนึ่งที่เขามีความสุขทุกครั้งที่ไป...หรืออย่างน้อยก็เคยมีความสุข

   “สวนสนุก?” เขาถามเมื่อยืนอยู่หน้าสวนแห่งความบันเทิงสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่ฮิตที่สุดในยุคปัจจุบัน “เดินเข้าไปแบบนี้คนจำได้เราแน่”

   “คนจะจำไม่ได้ เพราะวันนี้ธีร์จะไม่ใช่ธีร์”

   “ฮะ?”

   “วันนี้จะมีแต่อะลาดิน” ผมยกหน้ากากพลาสติกที่เคยเก็บไว้ตั้งแต่เด็กอันหนึ่งให้เขาสวม ส่วนตัวเองก็ถืออีกอันไว้ “กับจีนี่”

   ธีร์ทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ แต่ในที่สุดก็ยอมใส่หน้ากากอะลาดินเข้าสวนสนุกไปพร้อมกับผมที่ใส่หน้ากากจีนี่ เราใช้เวลาที่นั่นด้วยกันตลอดทั้งวัน ท่ามกลางสายตาจากผู้คนมากมายที่มองเราด้วยความขบขันเพราะแต่ละคนก็โตเกินกว่าจะมาใส่หน้ากากแบบเด็กๆ แล้ว ยอมรับว่าเขินนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าให้พวกเขาเห็นตัวจริงล่ะนะ

   ความสุดเหวี่ยงและหฤหรรษ์ของเครื่องเล่นทำให้พัฒนาทางอารมณ์ของธีร์ดีขึ้นทีละนิด แม้จะมองไม่เห็น แต่ผมมั่นใจว่าภายใต้หน้ากากนั้นต้องยิ้มออกแล้วแหงๆ

   “จูปาจุ๊ปส์ปะ” ผมยื่นของหวานแสนเสพติดให้ตอนเราอยู่บนชิงช้าสวรรค์ หลังจากตะลุยเล่นเครื่องเล่นมาจนครบ ในที่สุดเราก็เจอจุดที่เป็นส่วนตัวมากพอให้สามารถถอดหน้ากากออกได้

   เจ้าของหน้ากากอะลาดินรับของหวานจากผมไปกัดอย่างที่เขาชอบทำ ธีร์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามผม รอบข้างเป็นกระเช้าชิงช้าที่สร้างขึ้นมาจากกระจกใสซึ่งแม่งทำผมทำใจอยู่นานกว่าจะขึ้นมาได้ ที่กล้าทำนี่เพราะอยากเอาใจเขาหรอกนะ

   แต่ในกระจกทรงสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้นเอง เรากลับได้คุยกันในเรื่องที่ไม่ค่อยพูดกันบ่อยเท่าไหร่ อย่างเรื่องความฝัน

   “คิดอะไรอยู่”

   “กำลังคิดถึงบทที่เพิ่งได้”

   “คิดยังไงที่จะได้เห็นตัวเองตายในทีวี”

   “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ไม่เคยเล่นบทที่ต้องตายมาก่อนเลย คงแปลกดีๆ เหมือนกัน”

   “แปลกดิ คนเชี่ยจะตายทียืดไปสองชั่วโมง”

   ธีร์หัวเราะ “นั่นมันละครไหมคุณ”

   “ฮ่าๆ เออว่ะ”

   “ถ้าเราตายจริงพี่จุ๊บจะร้องไห้สองชั่วโมงเหมือนอังศุมาลินไหม”

   “เราคงร้องไห้สักสิบนาที แล้วก็ไปหาแฟนใหม่แถวนั้น”

   “โห ขอบคุณมากๆ” เขาประชด “คนจริงสัดเลยอะ”

   “ฮ่า...นั่นมันละครไหมคุณ”

   เขาย่นคิ้ว “พี่จุ๊บเรียนจบไป อาจจะได้เป็นผู้กำกับเวอร์ชั่นรีเมคอีกสิบปีข้างหน้าก็ได้นะ เรื่องนี้เอามาทำบ่อยจะตาย”

   “อาจจะ” ผมบอก “แต่ไม่หรอก ถ้าเราทำคงเป็นอะไรที่แตกต่าง”

   “โกโบริกับอังศุมาลินไม่ดียังไง เขารักกันจะตาย”

   “ไม่ใช่แบบนั้น เราแค่มีความรู้สึกว่ามันมีอะไรใหม่ๆ หยิบมาสร้างสื่อได้อีกเยอะ ละครน่ะไม่จำเป็นต้องหยิบบทประพันธ์เก่าๆ มาทำตลอดหรอก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีนะ แต่เข้าใจไหมว่าการหยิบอะไรเก่าๆ มาวนซ้ำๆ มันไม่ใช่การสร้างอะไรใหม่เลย แม้จะตีความใหม่ แต่แนวความคิดมันก็เป็นแบบเดิมๆ เป็นแนวคิดของคนยุคก่อน”

   “โห พ่อคนสมัยใหม่”

   “เราแค่รู้สึกว่าความคิดของคนในสังคมทุกคนมันขึ้นอยู่กับสื่อที่เสพด้วยส่วนหนึ่ง อาจจะฟังดูแรงหน่อย แต่ถ้าเรามัวแต่วนบริโภคอะไรเก่าๆ ความคิดของคนก็คงไม่ก้าวไปไหน อย่างละครนี่ก็สำคัญ ไม่นับคู่กรรมหรือวรรณกรรมอมตะเรื่องอื่นที่ดีจนขึ้นหิ้งไปละนะ แต่มันยังมีละครประเภทตบตีแย่งผู้ชาย พระเอกก็จะโง่ๆ นางเอกก็โคตรดี นางร้ายก็วี้ดๆ เถียงกันไปเถียงกันมานางเอกกับพระเอกก็รักกัน พอถึงตอนไคลแมกซ์นางร้ายจะขู่ด้วยปืน พร้อมประโยคเด็ดว่า รักกันมากใช่ไหม แล้วทำก็จะปืนลั่นใส่ใครสักคน แต่สุดท้ายก็รอด นางร้ายก็จะตาย เป็นบ้า หรือได้รับโทษอย่างอื่น เราแค่รู้สึกว่าอะไรแบบนี้มันไม่ให้อะไรกับคนดูเลยนอกจากความสะใจกับข้อคิดเรื่องความดีความชั่วนิดหน่อย”

   “...”

   “อะไร” ผมย่นคิ้ว ธีร์ทำหน้ากลั้นขำเหมือนผมพูดอะไรจริงจังเกินไปจนน่าขำ แต่มันก็รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นี่หว่า

   “เปล่า” เขาบอก “เราชอบตอนที่พี่ทำเสียงเล็กๆ แล้วพูดว่า รักกันมากใช่ไหม”

   “รักกันมากใช่ไหม” ผมแกล้งทำประกอบบวกถลึงตาอีกรอบ ทำเอาเขาหลุดขำก๊าก “เห็นไหม ใครจะไปทำอะไรแบบนี้ในชีวิตจริงวะ”

   “ฮ่าๆๆ มันก็มีน่า” ธีร์บอก “คนที่รู้สึกเหมือนสูญเสียของรักก็คงทำแหละ”

   ผมส่ายหัว “คนดูละครมากเกินไปเหอะ”

   “ไม่ชอบมากก็ไปเปลี่ยน” ธีร์พูด “เปลี่ยนวัฒนธรรมการเสพละครของคนไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนที่เนื้อหา”

   “เราจะทำแน่” ผมบอกด้วยปณิธาน “ถ้าได้โอกาสนะ”

   “ถ้าได้โอกาสจะทำเรื่องอะไร”

   “คงทำอะไรที่มันเปิดโลกทัศน์คน ในความบันเทิงที่ไม่หลุดจากอะไรที่เขาชินมาก”

   “อย่างเช่น”

   “ไม่รู้ ซีรีส์ฟีลกู้ดสักเรื่อง เนื้อเรื่องคงเริ่มจากอะไรใกล้ๆ ตัว” ผมเล่า “ดาราหนุ่มที่มีพลังวิเศษ จูบหยุดเวลาได้อะไรแบบนั้น อาจสอดแทรกเรื่องปูมหลังของดาราที่ไม่เหมือนกับตอนอยู่หน้ากล้องมาเล่า ปั้นตัวละครให้กลมๆ ส่วนแฟนดาราก็จะหน้าตาดีมากๆ”

   “ลำเอียดสัดอะ” เขาแหว “เอาเรื่องเราไปขายนี่เก็บค่าลิขสิทธิ์นะ”

   “ฮะ มันก็เรื่องของเราเหมือนกันปะวะ” ผมท้วง “แต่ไม่ทำหรอก”

   “อ้าว ไหงงั้น”

   “เรื่องเราสองคนมันไม่ได้ฟีลกู้ดมากขนาดนั้นปะ” ผมบอก เขาพยักหน้า “ทำไปคนดูคงด่าตาย กว่าจะรักกันได้โคตรยาก คนหมดอารมณ์ก่อน”

   “เขาด่าแปลว่าเขาอินนะ”

   ผมยักคิ้ว “แต่ถึงไม่ทำ ธีร์ก็คงไปปรากฏในเรื่องหลายๆ เรื่องของเราบ่อยๆ อยู่แล้ว”

   “พูดจริง?”

   “ก็...นายเป็นส่วนหนึ่งของเรา” ผมเกาคาง “อาจจะมีบางส่วนของธีร์ที่เราเล่าไปแบบไม่ตั้งใจ”

   “พระเอกในละครของพี่จุ๊บต้องสะดือจุ่นแน่ๆ” เขาสันนิษฐาน

   “ก็อาจจะ” ผมหัวเราะ “หรือไม่ก็เป็นคนไม่ชอบอาบน้ำก่อนนอน”

   “เป็นคนที่ทำตัวเหี้ยยังไงก็หล่อ”

   “สุดท้ายก็ต้องมาง้อกลางสายฝน”

   “ไหนบอกจะขายอ้อมๆ ไง”

   “อิๆ” ผมหัวเราะคิก “ขอให้ได้ทำจริงเถอะ ใครจะรู้ ความฝันหลังเรียนจบเราอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ เราอาจจะไม่อยากเป็นผู้กำกับ แล้วไปทำไลฟ์โค้ช ไม่ก็เขียนหนังสือวิธีคบกับดาราแบบซ่อนๆ แอบๆ พิมพ์ได้เป็นแสนๆ เล่ม”

   “มันจะไม่เป็นแบบนั้น” เขาบอก “เพราะเราไม่ยอมให้พี่จุ๊บแฉเราลงหนังสือหรอก”

   “โถ นึกว่าห่วงเรื่องอะไร”

   “ล้อเล่นเถอะ” คนเป็นดาราแก้ “พี่จุ๊บจะได้ทำ และทำมันออกมาดีด้วย เพราะนายจะไม่ทิ้งความฝันตัวเอง”

   ผมมองเขาเหมือนถามว่าแน่ใจอะไรขนาดนั้น แต่สายตาของธีร์ที่มองมาทำให้ผมรู้ว่าเขาเชื่อในตัวผมแบบไม่มีข้อแม้
   “เราจะไม่ทิ้ง” ผมยอมบอก “ถ้าธีร์ไม่ทิ้งความฝันตัวเองเหมือนกัน”

   “ไม่ทิ้งหรอก แต่ก็คงไม่มีวันเป็นจริง” เขาแค่นหัวเราะ “เรายังฝันอยู่ตลอด เราจินตนาการด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งเราอาจจะได้ทำอะไรที่ตัวเองชอบจริงๆ ตอนที่มีดาราหน้าใหม่มา และเรากลายเป็นดาราตกกระป๋อง ออกวงการไปแบบเงียบๆ”

   มันคงไม่มีวันนั้น...ผมคิดในใจด้วยความเศร้า

   “แต่ดูเราตอนนี้สิ รุ่งอย่างกับดอกไม้ไฟ” ทำไมต้องดอกไม้ไฟวะ “ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงดอกไม้ไฟ แค่อยากสื่อว่าตัวเองรุ่งมากเฉยๆ ”

   ผมขำหึ แล้วก็ยักไหล่เพราะยอมรับความจริง

   “ถ้าไม่มีโอกาสทำของตัวเอง เราก็ขอดูความฝันพี่จุ๊บโตแล้วกัน น่าจะมีความสุขเหมือนกัน”

   ผมละสายตาจากวิวของชิงช้าสวรรค์แล้วเสมองเขา จู่ๆ ก็รู้สึกประหวั่นในใจ

   “อะไร”

   “หล่อ”

   “รู้”

   “เกลียด”

   ธีร์ยิ้มแป้น ผมมองเขาแล้วกระพริบตาปริบๆ

   “มีอะไรพูดมาเลย”

   “เปล่าๆ” ผมบอก “แค่คิดว่าถ้าวันหนึ่งธีร์หายไป เราคงอยู่ไม่ได้”

   ดาราหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาแค่ลุกจากที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วหย่อนก้นลงนั่งติดกับผม ยกแขนขึ้นโอบเบาๆ แถมด้วยการก้มหอมหน้าผากหนึ่งทีราวกับอยากลงโทษกลายๆ ที่จู่ๆ ผมก็พูดอะไรไม่เข้าท่าออกมา

   “ไม่ต้องห่วง เพราะเราจะอยู่กับพี่จุ๊บนี่แหละ ไม่ว่าจะดีหรือแย่”

   “เรารู้...” ผมกระซิบ แล้วคดตัวเข้าในอกเขา...อุ่น “แค่กลัวเฉยๆ”

   “อย่ากลัว อย่าร้องไห้ด้วย” ธีร์แหว ไอ้หรรม กำลังอยู่ในมู้ดซึ้งๆ อยู่กูถึงกับทรุด ผมเงยหน้าขึ้นไปถอนหายใจใส่ หากอีกฝ่ายกลับสบตาผมแล้วเริ่มยื่นหน้าเข้ามาทีละนิด

   “อย่าจูบ” ผมห้าม “เราไม่อยากค้างอยู่นี่นานๆ”

   “ฮ่าๆๆ โอเค” เขายอมผละออก โงหัวขึ้นแล้วบีบจมูกผมอย่างหมั่นเขี้ยว ผมโยกหน้าออกนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็คดตัวเข้าไปหาเขาใหม่ สัมผัสลมหายใจกลิ่นจูปาจุ๊ปส์ที่พ่นออกมารดหน้าผากผม

   “ขอบคุณที่เห็นความฝันของเรามีค่า” ผมกระซิบเสียงแผ่ว “ขอบคุณที่เห็นเรามีค่า”

   “หน้าที่เราอยู่แล้ว”



   แน่นอนว่าการเป็นแฟนกับธีร์ ดำรงเดชไม่ใช่เรื่องง่าย


   แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงเกินไป สำหรับจีนี่อย่างผมที่อยากจะเสกรอยยิ้มขึ้นบนหน้าอะลาดินทุกวัน...ถ้าทำได้นะครับ



(ต่อด้านล่าง)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด