จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: จุ๊ บ ที { ตอนพิเศษ : จีบที | 30.5.2561 | Page 29 } (จบ)  (อ่าน 203356 ครั้ง)

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
(ต่อจากด้านบน)


   มื้อเย็นน้าแตทำปิ้งย่างซีฟู้ดที่หน้างาน กลิ่นหอมหวนของทะเลเผาทำเราน้ำลายสอตั้งแต่เธอเพิ่งเริ่มตั้งเตา ผมกับธีร์กลับเข้าบ้านไปอาบน้ำ แล้วเราสามคนก็ออกมานั่งกินปิ้งย่างกันพร้อมดูวิวพระอาทิตย์ตกหน้าบ้าน จิบเบียร์กระป๋องที่น้าแตซื้อมาให้แต่ตัวเธอปฏิเสธที่จะกิน (เพราะกลัวจะผิดศีลห้า) เธอบอกแกมบังคับให้เรารับผิดชอบ เพราะถ้าเราไม่กิน มันก็จะไม่มีใครกินนั่นเองครับ

   “เธอสองคนไปรักกันได้ยังไงเหรอ”

   น้าแตเปิดบทสนทนาหลังอาทิตย์ลับฟ้าไปได้ไม่นาน เราก่อกองไฟกันและนั่งผิงมันท่ามกลางอากาศเย็นและเสียงคลื่น

   “น้าหมายถึง...ตอนน้ายังสาวๆ เวลาถูกใจใครก็จะส่งจดหมายหากัน ชวนไปเที่ยวงานวัด ไปดูหนังกลางแปลง ผู้ชายต้องแลกเหรียญไปหยอดตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อโทรมาจีบเรา อะไรแบบนี้ เดี๋ยวนี้ยังเป็นแบบนั้นอยู่ไหม”

   ผมกับดาราหนุ่มหัวเราะอย่างขัดเขินออกมาพร้อมกัน

   “ไม่ครับ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว” เขาตอบ

   “แล้วเป็นแบบไหนล่ะ เล่าให้น้าฟังหน่อย”

   เขามองหน้าผมที่พยักเพยิดให้เขาตอบ “มันก็...ไม่ได้มีอะไรยาก”

   “เอ้าจุ๊บ เราง่ายเหรอ” นั่น อยู่ดีๆ กูก็โดนด่าเฉย แง

   “ไม่ๆ ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” ธีร์ยิ้มขำ แหม่ “หมายถึงไม่ต้องจีบกันเยอะๆ ยากๆ แบบน้าไง”

   “แล้วหลานรู้ได้ยังไงว่าชอบคนเนี้ย”

   เราสบตากันอีกครั้ง สงสัยว่าทำไมอยู่ดีๆ เราก็เหมือนมาอยู่ในรายการสัมภาษณ์ความรักดารายังไงยังงั้น

   “ไม่รู้เหมือนกัน ก็เพราะพี่จุ๊บคือพี่จุ๊บมั้ง”

   เขายักไหล่ น้าแตผิวปากแซว ส่วนผม...หน้าแดง

   เรากินปิ้งย่างกันจนเวลาเกือบสามทุ่ม น้าแตขอตัวไปนอนก่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่น(ใส่บาตร)เช้า จึงเหลือแค่ผมกับธีร์ที่ต่างคนต่างเหม็นหัวที่มีกลิ่นควันบาร์บีคิวของกันและกัน หากเราก็ยังนั่งซบไหล่มองทะเลกันตรงนั้น นี่แหละไม่ว่าจะดีหรือ(กลิ่น)แย่ที่แท้จริง

   ผมมองเงาพระจันทร์ในเกลียวคลื่น ฟังเสียงกีต้าร์จากเขาที่เกลาเล่นในเมโลดี้สบายหู จังหวะนั้นในใจก็อยากถามสิ่งที่ติดอยู่ในใจออกไป

   “ธีร์”

   “ฮื่อ...”

   “ถามอะไรหน่อยสิ แต่ธีร์ต้องตอบเราตรงๆ นะ”

   “ว่าไง”

   “ทำไมถึงเป็นเราล่ะ”

   ผมถามคำถามเดียวกับคำถามของน้าแต แต่ประสบการณ์ร่วมระหว่างคนถามกับคนตอบแตกต่างกันในครั้งนี้

   ผมเห็นการแสดงออกทุกอย่างของเขาที่บอกชัดเจนว่าชอบผมมานาน แต่ใต้ความชอบนั้น ผมไม่เคยรู้เลยว่าทำไม “ไม่เอาคำตอบแบบ...เพราะเราน่ารัก หน้าตลก หรืออะไรแบบนั้นนะเว้ย เราแค่อยากรู้ว่าทำไมเป็นเรา หลังจากรู้จักกันแล้วทำไมยังเป็นเรา...ทั้งๆ ที่เราเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง”

   “เพราะพี่จุ๊บมีจูบวิเศษ”

   “แค่นั้นน่ะนะ”

   “อย่างอื่นก็วิเศษด้วย...” แล้วเขาก็ปล่อยมือจากกีต้าร์ ไต่นิ้วบนหัวไหล่ผมเหมือนปูไต่

   “ทะลึ่งละ” ผมยกมือเขาออกจากหัวไหล่ช้าๆ ธีร์ปรือลมหายใจออกทางจมูกอย่างเสียดาย...

   “ไม่ได้หมายถึงเรื่องใต้สะดือสิ นี่คิดไปไหนเนี่ย”

   “หรา” ...กวนตีน

   “เปล่าหรอก ตอบตรงๆ ตั้งแต่เราเห็นพี่จุ๊บครั้งแรก เราก็รู้เลย”

   “ว่าเราจะกลายเป็นแฟนในอนาคต”

   “ว่าพี่จุ๊บเป็นคนแดกเยอะ ตอนนั้นแก้มยุ้ยเชียว”

   “สัด” ผมด่าเขาจริงจังมากๆ

   “ล้อเล่น เราเห็นแล้วรู้เลยว่าพี่จุ๊บน่ะพิเศษ”

   “ยังไง”

   “บอกไม่ถูก ความรู้สึกของเราบอกแบบนั้น นายน่ารัก กล้าแสดงออก ชอบเอาใจใส่คนอื่นตลอด เอาเข้าจริงเราก็หาคุณสมบัติแบบนี้ได้จากคนอีกเป็นร้อยเป็นล้านคนบนโลกแหละ แต่เรารู้ว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้น”

   “...”

   “เพราะพี่จุ๊บมีคนเดียวไง”

   “...”

   “ตาเราถามมั่ง...ทำไมถึงเป็นเราล่ะ”

   อยู่ๆ ธีร์ก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องผมด้วยแววตาขึงขังจริงจัง...ทำอะไรไม่ปรึกษากันอีกแล้ว

   “เพราะธีร์มีจูบวิเศษ”

   “ไม่เอาดิ”

    “เพราะธีร์ก็มีคนเดียวมั้ง”

   “ก๊อปคำตอบกันนี่หว่า”

   “มันจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ”

   “ไม่จำเป็นหรอก”

   แสงจันทร์จุมพิตผืนทะเลและส่องกระทบรอยยิ้มกว้างของเขา ธีร์ยื่นหน้าเข้ามา ให้จูบวิเศษกับคนธรรมดาอย่างผมอีกครั้ง


   แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกใจหายเพราะรสจูบนั้น

   เพราะผมสังหรณ์ว่ามันอาจหายไปได้ในเวลาใดเวลาหนึ่งอันใกล้...โดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล



TBC*

ติ-ชม-ให้กำลังใจ ในแท็ก #จุ๊บที ได้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-02-2018 17:14:19 โดย ตัวแม่ »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เราก็ใจหาย ไม่อยากให้มีดราม่าเลยค่ะ :sad4:

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โอ้ยๆๆๆ หนีตามกันไปอี้กกก

สู้ๆ นะคะทุกคน

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตามทันก่อนจบสินะ เห้อออออ!! ขออย่าให้ร้ายแรงเลยนะ

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่



จูบที่ยี่สิบสี่


   กองไฟมอดดับลง เราเก็บของทุกอย่างเข้ามาในบ้านแล้วผลัดกันไปอาบน้ำ

   ธีร์เข้าไปอาบก่อน ทำให้ผมมีเวลาได้อยู่คนเดียวในที่สุด ผมอดไม่ได้ที่จะเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง มีสายที่ไม่ได้รับจากคนที่บ้านเกือบร้อยสาย


   แม่: กลับบ้านด่วน

   แม่: มาหาทางออกที่บ้านด้วยกันนะ แม่พร้อมซับพอร์ต อย่าพากันหนีแบบนี้



   Focus: มึง อยู่ไหน

   Focus: กูเพิ่งรู้จากแม่มึง

   Focus: ทุกคนเขาเป็นห่วงมึงสองคนมากนะ

   Focus: กลับมา ไม่ต้องกลัวยัยคุณต่ายไรนั่น เดี๋ยวกูเอารถถังไปถล่มบ้านชีให้

   Focus: เออนั่นก็บ้านธีร์นี่หว่า

   Focus: เอาเป็นว่า กลับมา



   
   ข้อความห่วงใยจากแม่และโฟกัสทำให้ผมรู้สึกผิด อีกทั้งฟีดข่าวก็ยังมีกระแสพูดเรื่องธีร์กันอย่างดุเดือดและขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เพราะวันนี้เป็นวันแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของเขา แต่เจ้าของคอนเสิร์ตยังอยู่กับผม

   ผมไล่ดูกระแสด้วยความหวั่นวิตก แล้วก็เจอกับอีกสาเหตุที่ทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่
   
   เอิงเอยกับพี่บุ๊คออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว เขาสองคนออกมาแถลงว่าคอนเสิร์ตของธีร์จะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่มีเหตุสุดวิสัยเรื่องสุขภาพของธีร์จึงต้องเลื่อนไปก่อน

   นอกจากนี้ยืนยันว่าธีร์ไม่ได้เป็นเกย์จริงๆ และภาพที่ออกมาเป็นภาพตัดต่อ ทั้งสองโชว์หลักฐานว่าช่วงเวลาที่ภาพถูกถ่ายนั้นธีร์อยู่กับเอิงเอย และจะดำเนินการคนปล่อยภาพถึงที่สุด

   ดูก็รู้ว่าการสัมภาษณ์ครั้งนี้มีพิมพ์ผกา ดำรงเดชอยู่เบื้องหลัง แต่เธอออกมาพูดไม่ได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง


   ‘ตัดต่อตรงไหน หน้าชัดซะขนาดนั้น’

   ‘ตอแหล’

   ‘ไม่น่าเชื่อว่าเอิงเอยจะออกมาปกป้องกับเขาด้วย’

   ‘โดนสวมเขาแล้วไงน้องเอิงของพี่’

   ‘พวกคุณเป็นอะไรกันมากหรือเปล่า ก็แค่คนสองคนรักกัน’

   ‘ไม่ได้โกรธที่ใครจะรักกัน แต่โกรธที่เขาโกหกมาตลอดค่ะ’

   ‘โกรธเรื่องคอนเสิร์ตวันนี้ด้วย มีอย่างที่ไหนแจ้งเลื่อนก่อนคอนเสิร์ตเริ่มครึ่งวัน’

   ‘เราบินมาจากเชียงใหม่มาดู แต่บอกแบบปุบปับมาก แบบนี้ใครรับผิดชอบ’

   ‘ไม่ได้เรื่อง’

   ‘คืนตังเรามา’

   ‘โกหกเรื่องนี้ได้เรื่องอื่นก็คงเหมือนกันมั้ง’

   ‘เรื่องไม่สบายนี่ก็คงโกหกมั้ง’

   ‘ไงล่ะครับพระเอกที่รักของประชาชน กลายเป็นสายเหลืองซะแล้ว ถถถถถถถถ’



   “ถอพ่อง” ยิ่งไล่อ่านคอมเมนท์ก็ยิ่งหัวเสีย เลยกะปิดโทรศัพท์ดับอารมณ์ร้อน หากข้อความไม่คาดคิดจากใครบางคนก็ถูกส่งมาทางเฟซบุ๊กเสียก่อน

   โปรไฟล์ของเธอไร้รูปถ่ายเหมือนไร้ตัวตน แต่เดาจากชื่อแล้วผมก็รู้ว่าเธอส่งข้อความมาหาผมทำไม

   
   Jan Theeclub

   เราไม่รู้ว่านี่เป็นเฟซคนชื่อจุ๊บหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษด้วย
   ไม่ต้องรู้หรอกว่าเราคือใคร
   เราแค่เตือนคุณด้วยความหวังดี
   หยุดยุ่งกับธีร์
   เห็นกระแสด่าตอนนี้ไหม ทั้งหมดก็เป็นเพราะคุณ
   เห็นคุณอ่านแล้ว เราจะถือว่าคุณรับรู้แล้ว

   คุณกำลังทำลายชีวิตเขานะคะ



   ผมปิดมือถืออย่างจริงจัง เป็นช่วงเวลากับที่ธีร์ออกจากห้องน้ำมาพอดี ผมรีบเข้าไปเปิดฝักบัวให้น้ำเย็นไหลผ่านตัวเอง เผื่อมันจะชำระล้างความรู้สึกผิดทั้งหมดในใจออกไปได้   

   แต่คำพูดของหญิงสาวนิรนามยังวนเวียนอยู่ในหัว เหมือนใบมืดที่เฉือนหัวใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดจากแม่ของเขาที่เคยฝากผมไว้

   “ปล่อยเขาไปตอนนี้ หรือทำลายชีวิตเขา เธอเลือกเอง”





(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
(ต่อจากด้านบน)

   ตอนออกห้องน้ำมาภายในห้องนอนมืดสลัว มีเพียงความสว่างจากทีวีที่เขาเปิดไว้ ส่วนเจ้าตัวก็นั่งหน้าสลอนอยู่บนโซฟา สายตาจับจ้องสิ่งที่กำลังจะเกิดบนหน้าจอทีวี

   “พี่จุ๊บมาดูๆ เรากำลังจะตาย”

   “ฮะ?”

   “โกโบริ” เขาพยักเพยิดไปทางทีวีที่ฉายฉากไคลแมกซ์ของคู่กรรมเวอร์ชั่นล่าสุด มันเป็นฉากที่โกโบริ (ธีร์) กำลังนอนหายใจรวยรินอยู่ในอ้อมแขนอังศุมาลิน (เอิงเอย)

   “อนาตะ โอ อาอิชิ มาสุ ฉันรักคุณค่ะ โกโบริ”

   “รู้ไหมว่าซีนนี้ตอนถ่ายโคตรขำ เอิงเอยพูดภาษาญี่ปุ่นผิดประมาณยี่สิบรอบได้อะ”

    “อย่าถามนะคะว่ามันมากแค่ไหน คุณเป็นคนได้มันไปเป็นคนแรกและคนสุดท้าย การที่เรารักใครสักคน ถึงแม้จะทนทรมานเพราะคิดว่าไม่สมหวัง ก็ยังดีกว่าพยายามที่จะไม่รักคนอื่นที่เรารักเขามากเหลือเกิน”

   “เห็นเลือดปลอมตรงท้องเรานั่นปะ ของจริงโคตรเหนียวเลย”

   “ความทุกข์จากการได้รักไม่เท่าความทุกข์จากการพยายามไม่รัก”

   “จริงๆ วันนี้เราต้องอยู่ดูตอนจบกับแฟนคลับในคอนเสิร์ตนะ แต่ดีละที่ไม่ได้ดู เราเล่นโคตรทื่อเลยว่ะ อาย”

   “...”

   “...พี่จุ๊บ?”

   “...”

   “เฮ้ย ร้องไห้ทำไม”

   พระเอกคู่กรรมถึงกับอึ้งเมื่อหันมาเจอผมกำลังนั่งน้ำตาร่วงอยู่บนเตียง

   “รู้ว่ามันเศร้า แต่ต้องร้องไห้ขนาดนี้เลยเหรอ”

   กูร้องเพราะเครียดเรื่องมึงเนี่ยแหละโว้ย ฮืออออ

   “ไม่ดูแล้ว ปิดๆ” เขาลุกไปปิดทีวี ทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดสนิท ผมยกแขนขึ้นปาดน้ำตา เห็นเงาของธีร์ลุกจากโซฟาเข้ามาหาผม

   “โอ๋” สัมผัสของหน้าท้องแข็งๆ ประชิดใบหน้าผม โกโบริออกจากจอมาหอมศีรษะผมเบาๆ นิ้วเรียวของเขายกปาดความชื้นบนใบหน้าผมจนเกลี้ยง แล้ววงแขนกว้างก็พาให้ล้มตัวลงนอน ปล่อยให้ผมขดตัวอยู่ในแผงอกกว้างนั้นจนกว่าจะสงบ

   “หลับยัง”

   เขาถามเมื่อผมหยุดส่งเสียงสะอึกแล้ว ผมตอบรับด้วยการสูดน้ำมูกใส่

   “คิดอะไรอยู่”

   เรื่องธีร์นั่นแหละ “เรื่องทั่วไป”

   “โอเคไหม”

   “ฮื่อ” ผมตอบรับ “หลับเถอะ”

   “โอเค ฝันดีครับ”

   “ฝันดี...”

   ความเงียบปกคลุมเรา เสียงลมหายใจของผมกับเขาดังประสานกัน ผมขยับตัวในอ้อมแขนของเขา ลืมตามองใบหน้าได้รูปของคนตรงหน้าที่ส่องสลัวภายใต้แสงจันทร์นวล ไล้ตามองรายละเอียดของความสมบูรณ์แบบบนใบหน้าที่คนทั้งประเทศตกหลุมรัก

   “รู้นะว่ายังไม่หลับ” เขาพูดออกมาทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ผมครางตอบรับ

   “มีอะไรในใจหรือเปล่า...”

   “เปล่า... แค่นอนไม่หลับ”

   “...”   

   “ธีร์...”

   “พูดมา”

   “วันนี้เรา...โดนแฟนคลับธีร์ทักมาด่า” ผมพูด “เรารู้ว่าไม่ควรเช็คโทรศัพท์ เราขอโทษ...”

   เจ้าของกอดอุ่นเงียบไปสักพัก แล้วลืมตามองผมอย่างกังวล

   “เขาด่าว่าไง”

   “นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เราทนได้นะถ้าใครจะด่าจะว่าเรายังไง”

   “...”

   “เราแค่กังวลว่าเราอาจจะเป็นอย่างที่เขาบอก”

   “...”

   “เราทำลายชีวิตธีร์หรือเปล่า”

   “จุมพิต...เราคุยกันเรื่องนี้แล้วนะ”

   “เรารู้ มันเป็นแค่ความคิดหนึ่งที่โผล่ขึ้นมา”

   “...”

   “รู้ใช่ไหมว่าเราทำแบบนี้ตลอดไปไม่ได้”

   “ทำอะไร”

   “เราหนีแบบนี้ตลอดไปไม่ได้”

   “เรารู้” ธีร์กระซิบตอบ “แต่เราอย่าเพิ่งนึกถึงเรื่องนั้นตอนนี้เลยนะ โอเคไหม”

   เราทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่

   “โอเค”

   ผมกอดเขาแน่นขึ้น เราขยับตัวมาประกบปากกันแผ่วเบาและแช่ค้างไว้หลายวินาทีเหมือนไม่อยากให้มันจบลง และธีร์ก็ดุนลิ้นเข้ามาในปากของผมโดยไม่ได้ตั้งตัว ทันใดก็รู้สึกถึงความคับเค่งจากส่วนล่างของเขา

   “โทษที...” ธีร์ถอนปากออกเหมือนควบคุมสติได้ หายใจหอบ “เดี๋ยวเรากลับไปนอนโซฟาแล้วกัน อยู่นี่ไม่ได้นอนเฉยๆ แน่” เขาลุกขึ้นนั่ง

   ผมรั้งแขนเขาไว้ ธีร์หันมองตามมือของผมด้วยความสงสัย เพราะครั้งล่าสุดที่เราทำแบบนี้กันมันจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ต่างคนต่างรู้ว่านั่นบั่นทอนความรู้สึกอีกฝ่าย...

   ทว่าตอนนี้ผมไม่สนใจเรื่องอื่นด้วยซ้ำ ผมแค่อยาก...สัมผัสเขา...รับรู้ถึงความเป็นของเขามากเหลือกัน

   ผมลุกขึ้นนั่งข้างธีร์ จับมือเขาขึ้นมาแล้วดูดนิ้วชี้เรียวยาวปลุกความต้องการในตัวของเขาให้พลุกพล่าน

   มันได้ผล ทันทีที่ผมคายนิ้วออก ริมฝีปากกว้างพุ่งเข้าจู่โจมผมทันที




   นาทีนั้นได้ยินเสียงหายใจของกันและกันชัดกว่าเสียงคลื่น เราถอดเสื้อผ้าออก เปลือยร่างกายและวิญญาณภายใต้เงาจันทร์นวล

   ธีร์ไล่ฝากรอยจูบไว้บนร่างกายของผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ทุกจุมพิตของเขาราวกับการแสดงความเป็นเจ้าของ ผมตอบแทนเขาด้วยการใช้ปาก ยิ่งเร่งความถี่มากขึ้นเท่าไหร่เสียงครางต่ำในลำคอของเขาก็ดังขึ้นเท่านั้น และอยู่ๆ ธีร์ก็ยื้อหัวผมช้าๆ แล้วพลิกตัวลงมาทำให้ผมบ้าง ความเชี่ยวชาญของเขาทำให้ผมหยุดไปเป็นพักๆ เพราะความซ่าน จนต้องยกมือขึ้นมาปิดปากเพราะเสียงร้องของตัวเองที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

   “อย่า...” ธีร์บอกผม เอื้อมมือมาดึงแขนผมออก “เราอยากได้ยิน”

   ผมหอบหายใจ แล้วก็ต้องร้องออกมาอีกครั้งเพราะเขายกขาผมขึ้นแล้วลงลิ้นยาวถึงด้านหลัง เขาอ้าขาผมออกช้าๆ แล้วสำรวจร่างกายผมทีละนิดด้วยจุมพิตและสัมผัสฉ่ำเยิ้มของลิ้น กระทั่งถึงจุดสำคัญที่ต้องใช้นิ้วแหย่ เขาพยายามพูดผ่อนคลายให้ผมหายเกร็ง

   แล้วนิ้วเรียวยาวก็เริ่มทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี  ครั้งนี้ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บเท่าคราวก่อน เขาเข้าถึงจุดสำคัญที่ทำให้ผมหฤหรรษ์ได้อย่างประหลาด

   “อื้อ...” เขาเร่งนิ้วสะกิดต่อมนั้นจนผมบิดตัวไปมา มืออีกข้างก็จับด้านหน้าผมและรูดถี่ “ธีร์...ธีร์!”

   ความฉ่ำแฉะจากตัวผมถูกปล่อย รู้สึกถึงเสียงหายใจหอบถี่ของตัวเอง ธีร์ยิ้มอย่างพึงพอใจที่เป็นอย่างนั้น แล้วจู่ๆ ก็เขยิบตัวห่างออกจากผม เขาคว้าสารหล่อลื่นที่เตรียมไว้ในกระเป๋าแล้วสอดลึกเข้าในตัวผมอีกครั้ง และก่อนที่ผมจะรู้ตัว ธีร์น้อยก็จ่ออยู่ตรงประตูและเริ่มแหย่เข้ามา

   “ถ้าอยากให้หยุดบอกเรานะ” ธีร์กระซิบ และค่อยๆ ดันมันเข้ามาทีละนิดช่องรับของผมและความมโหฬารของเขายังคงไม่สมดุลกันแม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรก อาการติดขัดจึงเกิดขึ้น โชคดีที่ธีร์ใจเย็น เขาค่อยๆ โหลดความแข็งเกร็งนั้นเข้ามาและทิ้งช่วงให้ผมปรับสภาพรับมัน

   “เจ็บไหม” เขากระซิบถาม “เราเอาออกได้นะ”

   ผมหลับตาแน่นเพราะความทรมานยังปรากฏชัดเจน ทว่าส่ายหัว

   “อย่า...” ผมปฏิเสธ จ้องลึกไปในตาเขาที่สะท้อนความเห็นใจ “เราอยากทำ”

   ธีร์นิ่งที่เห็นแบบนั้น แล้วพยักหน้ารับคำของผม จังหวะนั้นเขาก้มลงถ่ายความกระหายลงมาด้วยจุมพิตที่หนักหน่วง และดันช่วงล่างเข้ามาจนสุด

   ผมรู้สึกถึงความแข็งแกร่งข้างในตัวจนเกือบจะทนไม่ไหว หากผมก็ตวัดลิ้นรับจูบของเขาเพราะหวังให้มันสามารถผ่อนความเจ็บปวดได้ ธีร์เร่งความถี่ขึ้นจนผมไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เผยเสียงครางออกมาดังลั่นเหมือนร่างกายจะระเบิด
 
   จุ๊บน้อยของผมถูกปลุกขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากความชูชันเกิดขึ้นและจบลงในเวลาไม่นาน ผมเสร็จไปสามรอบ แต่ธีร์ก็ยังเปลี่ยนท่าทางของเราเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมายของเขา

   รู้ตัวอีกทีผมก็นอนลืมตาสบตากับตาปรือของธีร์ที่กำลังจะปิดลงด้วยความเหนื่อย เราทั้งคู่ตัวเปียกชุ่มอยู่บนเตียงที่ยับยู่ยี่

   “เรารักนาย...”

   ผมได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบานั้น ชั่วขณะก็ตระหนักว่ารอบข้างเงียบสนิท จึงขยับตัวเบาๆ ขึ้นจุมพิตเขา ธีร์กระตุกปากจูบตอบและผล็อยหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่นานเสียงคลื่นทะเลก็กลับมาดังคลอเคลียเรา

   เวลาของเราสองคนจบลง และเวลาของโลกดำเนินต่อไป...

   ผมปาดน้ำที่ยังคลออยู่ตรงหางตา ค่อยๆ กลับหลังหันเพราะความรวดร้าวจากช่วงล่างยังปรากฏชัดเจน เอวของผมมีแขนของธีร์โอบไว้หลวมๆ ผมเอื้อมมือประสานมืออุ่นของเขา มองทอดไปยังท้องฟ้าสีน้ำเงินสลัวที่กำลังจะสว่างในไม่ช้า ก่อนจะผล็อยหลับบ้างด้วยความรู้สึกเต็มตื้นที่ครั้งนี้เราทำมันสำเร็จ

   ผมดีใจที่อย่างน้อยเราก็ได้เป็นของกันอย่างสมบูรณ์


(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
(ต่อจากด้านบน)


   คืนนั้นผมฝันถึงยาย

   มันเป็นฝันที่แตกต่างจากครั้งก่อนอย่างชัดเจน มันไม่ได้เริ่มจากการที่ผมได้คุยตอบโต้กับยายเหมือนเดิม ความจริงในฝันครั้งนี้ ผมเหมือนกลายเป็นผู้สังเกตุการณ์ในภาพบางอย่างที่ยายอยากให้ดู

   ความแปลกคือผมไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล ในห้องใต้ดินที่บ้าน แต่ผมยังอยู่ในหาดส่วนตัวของธีร์ ดำรงเดช

   ใช่ มันคือที่เดียวกันแน่ๆ ผมจำบ้านหลังสีขาวและเกาะจู๋ยักษ์ของเขาได้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

   หากจะมีอะไรที่เปลี่ยน คือครอบครัวทั้งหมดของผมมานั่งพักผ่อนอยู่บ้านหาดนี้ และทุกคนดูอายุน้อยกว่าปัจจุบันสัก...สิบปีได้มั้ง

   ‘จุ๊บ อย่าปาทรายใส่กันแบบนั้นลูก เดี๋ยวเข้าตา’ หญิงสาวร่างท้วมในหมวกปีกกว้างตะโกนบอกเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังเล่นทรายกับเด็กชายอีกคนอยู่ไม่ไกล

   “แม่...” ผมกระซิบเมื่อสังเกตเห็นทรงผมบ็อบเทอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอที่โผล่พ้นออกนอกหมวก เธอนั่งอยู่บนเสื่อผืนใหญ่อยู่ข้างผู้ชายร่างผอมแห้งอีกคนที่แก้เสื้อนอนแผ่หรา แม้จะมีหมวกปิดหน้าแต่ผมก็ยังจำเขาได้

   “พ่อ...”

   ‘จุ๊บ...อย่า เล่น แบบ นั้น’ แม่ของผมตะโกนอีกครั้ง ‘โน่น เล่นแบบป้าเด้าโน่น เห็นไหม’

   แม่ของผมพยักเพยิดไปที่ป้าเด้าที่ไม่เหี่ยวเท่าปัจจุบัน แถมความฮอตปรอทแตกยังมีมากกว่าหลายเท่า เธออยู่ในบิกีนี่สีแดงตัวจิ๋ว กำลังขุดทรายมาทับทุกส่วนของลุงโรเบิร์ตยกเว้นหัว หัวเราะคิกคักไปกับสามีด้วยเสียงแหลมแสบหู

   ไกลออกไปผมเห็นป้าแก้วผู้ยังมีหุ่นบางร่างน้อยเดินรับลมไปกับลุงพร่ำที่มีสีหน้าแช่มชื่นกว่าทุกวันนี้ บนบ่าของเขามีเด็กสาวตัวเล็กอายุราวสามขวบขี่คออยู่...นั่นน่าจะเป็นไอ้จีบ

   ‘เล่นแบบป้าเด้า แต่ไม่ใช่เล่นแบบนี้กันนะลูก เข้าใจไหม’ แม่เตือนผมเพราะป้าเด้ากำลังคลานขึ้นบนผืนทรายที่กลบตัวลุงโรเบิร์ตอยู่ ทั้งคู่เริ่มจูบกันอย่างดูดดื่มต่อหน้าต่อตาเด็ก

   ‘ปล่อยเด็กมันไปบ้างเถอะน่า’

   แล้วยายก็เดินเข้ามาด้านหลังแม่ หย่อนก้นหนาเตอะลงบนผืนเสื่อ ขนาดว่ามาทะเลยายยังใส่เสื้อคอกระเช้ากับผ้าซิ่น ในปากยังขยับเคี้ยวหมากเหมือนเดิม

   ‘ไม่ได้สิแม่ เดี๋ยวจุ๊บมันเลียนแบบเข้าจะเป็นยังไง’

   ‘เอ๊า ก็ปล่อยให้เด็กมันเลียนแบบไปซี่’

   ‘แม่ จุ๊บมันเล่นอยู่กับเด็กผู้ชายนะ’ แม่พยักเพยิดไปที่ผมในวัยสิบขวบที่กำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นทรายกับ... ‘เห็นว่าเป็นลูกดาราด้วย หล่อดี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น’ ...ธีร์จริงๆ ด้วย

   ยายหอมระเบิดหัวเราะจนงอนผมตรงท้ายทอยสั่นระริก ‘เอ็งพูดเหมือนพอจูบกับเด็กผู้ชายแล้วไอ้จุ๊บมันจะกลายปะ...’

   จู่ๆ ยายก็หยุดชะงัก ริมฝีปากอ้าค้างนิ่งเหมือนคนโดนแช่แข็ง ไม่ต่างกับแม่ของผมและคนอื่นบนหาดที่พร้อมใจกันหยุดทุกการกระทำของตัวเอง...แม้กระทั่งคลื่นทะเลและเสียงลมก็ยังหยุดทำงานชั่วคราว...

   ทุกอย่างหยุด เว้นแต่มีเด็กสองคนที่ยังขยับได้อยู่ไม่ไกล เด็กผมหยิกกำลังวิ่งไล่เด็กอีกคนที่หัวเราะเอิ้กอ้ากเพราะเพิ่งขโมยจูบได้สำเร็จ

   ผมเพิ่งรู้ความจริงว่าผมมีจูบหยุดเวลาครั้งแรกตอนสิบขวบ

   ต่างจากที่คิดเกือบสิบปี...แต่คนที่ขโมยไปคือคนเดียวกัน

   กรอบ!

   หูแว่วได้ยินเสียงใบไม้แห้งที่ถูกเหยียบ ผมหันไปตามทิศทางของเสียงนั้น แล้วก็ต้องตกใจเมื่อพบกับตาทิศโผล่มาจากด้านหลังราวกับเดินออกมาจากอากาศ

   คนรักของยายหอมยังมีผมหงอกเต็มหัว และมีหนวดติ๋มอยู่เหนือริมฝีปากเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเขายังขยับตัวได้ทุกอย่าง...ราวกับพลังของจูบหยุดเวลาของผมกับธีร์ทำอะไรเขาไม่ได้เลย

   ตาทิศมองภาพผมกับธีร์ตอนเด็กที่วิ่งไล่กันแล้วหัวเราะในลำคอออกมาอย่างพึงพอใจ แล้วเขาก็ย่อตัวลงข้างยายช้าๆ และดันจมูกไปหอมแก้มยายฟอดใหญ่

   วินาทีต่อมา ยายหอมก็ขยับตัวได้ปกติ

   ‘ทำไมโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง’ เธอร้องออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ตาก็มาปรากฏข้างตัว ผมอ้าปากค้าง

   พลังของตาทิศกับยายหอมที่ไม่มีใครรู้...คือพลังที่เจ๋งกว่าทุกพลังในครอบครัวเรา

   พวกเขาอยู่เหนือกาลเวลา

   ‘แล้วทำไมลูกเราอ้าปากค้างแบบนี้เนี่ย โอบ! โอบ! พี่ทิศยายโอบมันหัวใจวายหรือเปล่าวะ ทำไมมันไม่หายใจ้!’ ยายโวยวายใหญ่เมื่อเห็นความจริงของคนข้างๆ

   ‘มันยังไม่ตาย มันแค่หยุดไปตามเวลา’

   ‘หยุดไปตามเวลา?’

   ‘โน่นไง’ ตาทิศชี้ไปที่เด็กสองคนที่กำลังปล้ำกันใหญ่ ‘ไอ้จุ๊บมันหยุดเวลาได้’

   ‘ห๊าาาา...งั้นก็หมายความว่าไอ้จุ๊บกับเด็กผู้ชายอีกคนนั่นก็...’

   ‘มันจูบกัน’ ตาบอก ‘นั่นแหละคู่ชีวิตไอ้จุ๊บหลานเรา’

   ยายตบอกแรง ใช้เวลาหลายนาทีทีเดียวกว่าจะยอมเชื่อว่าเรื่องของผมกับธีร์เป็นความจริง จากนั้นตายายของผมก็ช่วยกันหาทางให้เวลากลับมาเดินเหมือนเดิม ตลกทีเดียวที่ได้เห็นภาพคนแก่สองคนทำอะไรที่ไม่ใช่วิสัยคนหัวโบราณทั่วไปอย่างการเกลี้ยกล่อมเด็กผู้ชายตัวแสบสองคนให้จูบปากกัน

   เมื่อเวลากลับมาเดิน ตาทิศอยู่ลายายของผมสักพัก และผมสาบานว่าเห็นเขาหายตัวไปกับอากาศ หลงเหลือแค่รอยเท้าบนผืนทรายที่ยืนยันว่าเขาเคยอยู่ตรงนั้น ทิ้งให้ยายที่เดินกลับมาหย่อนก้นลงตรงเสื่อที่เดิม ตอบคำถามแม่ของผมซึ่งกำลังงงเต้ก

   ‘ตะกี้แม่ยังคุยฉันตรงนี้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ’

   ‘บ้าแกอะคิดมาก’ ยายบอก ‘แก่แล้วสติสตังไม่ค่อยมีนะเรา’

   แม่โอบขมวดคิ้ว  แล้วส่ายหัวจูนสติตัวเอง ‘ช่างเถอะ ตะกี้ฉันกำลังคุยอะไรกับแม่นะ’

   ยายสูดลมหายใจลึก ‘เรื่องไอ้จุ๊บมันจะไปจูบกับเด็กผู้ชาย’

   ‘เออใช่ ฉันกลัวมันจะไปเลียนแบบพี่เด้า’ ไม่ทันแล้วครับแม่

   ‘ถ้า...มันจะจูบกับใครแล้วมีพลังจริงๆ ไอ้จุ๊บมันก็เลือกไม่ได้หรือเปล่าวะว่าจะเป็นใคร’

   ‘ก็ใช่ แต่คู่จุ๊บมันคงไม่ใช่ผู้ชายหรอกมั้ง’

   ยายกระแอม ‘ก็...เป็นอย่างนั้นมันก็ไม่ได้แย่มากหรอกมั้ง เผื่อใจไว้ก็ไม่เลว แหะๆๆ’

   ‘แม่รู้อะไรมา’ แม่โอบมองแรงใส่ยาย ‘แม่กำลังทำให้โอบกลัวนะ’

   ‘โอบเอ๊ย คู่กันแล้วก็แคล้วกันยาก’ ยายกระซิบ ‘แต่ที่ยากกว่าคือกว่าจะได้มาเจอกันแล้วได้รักกัน ถ้าเด็กจะรักใครก็อย่าไปกีดกันมันเล้ย’

   ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่กับคนที่บ้านรับเรื่องผมกับธีร์ได้หลังจากบอกไปทันที...ยายคงบอกแม่ไว้ตั้งแต่ตอนนั้น

   “จุ๊บเอ๊ย คู่กันแล้วก็แคล้วกันยาก”

   จู่ๆ ยายก็หันมาพูดกับผมที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นาน หลังจากประโยคนั้นผมก็สังเกตว่าทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนไป คลื่น...ผืนทราย...บ้านสีขาว...และสมาชิกในครอบครัว ทุกอย่างหายวับไปกลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่มีนาฬิกานับพันเรือนรายล้อมอยู่

   แล้วผมก็ได้กลับมาคุยกับยายที่ห้องใต้บันไดอีกครั้ง เธอยังอยู่ในชุดเสื้อคอกระเช้าสีชมพูตัวเก่งกับผ้าซิ่นสีน้ำตาลลายไทย นั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวมสีแดงตัวโปรด

   ผมยืนอยู่ตรงข้ามยาย เธอยกมือขึ้นกวักผมจึงก้มตัวคลานเข่าเข้าไปหา ยายหอมยกมือเจ้าเนื้อทั้งสองขึ้นลูบเส้นผมหยิกเบาๆ อย่างรักใคร่ ผมคดตัวเข้าหาตักอุ่นนั้นอย่างอ่อนแรง

   “คู่กันแล้วมันแคล้วกันยาก แต่ถ้ามันมีเหตุให้แคล้วกันจริงๆ ยายอยู่ตรงนี้”

   ยายพูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจอีกครั้ง แต่กระนั้นผมก็ยังตั้งใจฟังเสียงก้องกังวานของเธอที่ดังขึ้นท่ามกลางเสียงเข็มนาฬิกาในห้อง

   “อย่าเปลืองเวลาเสียใจ ยายจะรออยู่ที่ห้องใต้บันได”

   “...”

   “มาหายายนะ”


(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
(ต่อจากด้านบน)

   เมื่อผมรู้ตัว ตักอุ่นนั้นของยายก็กลายเป็นหมอนสีขาวในห้องนอนไปแล้ว

   แสงอาทิตย์ของวันใหม่สาดเข้ามา แต่ไม่ยักมีเสียง “ก้องแก้งๆ” ของน้าแตมาปลุกเหมือนเมื่อวาน กลายเป็นเสียงอู้อี้ของคนที่เดินออกจากห้องน้ำมาในบ็อกเซอร์ตัวเดียว กำลังลูบโฟมล้างหน้าสีขาวบนหน้าอย่างมันมือ

   “อุมปิ๊ดอื่นเร็ว เดี๋ยวน้าแอพาไอวัด (จุมพิตตื่นเร็ว เดี๋ยวน้าแตพาไปวัด)”

   “ฮึ?” ผมสะลืมสะลือ

   “ตื่นเล็ว เดี๋ยวน้าแอพาไปมัด”

   อะไรของเขาวะ

   ถึงจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ผมก็ยอมลุกไปอาบน้ำโดยดี กว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จก็เกือบเก้าโมงเช้า ธีร์บอกว่าให้ผมใส่เสื้อสีขาวกับกางเกงขายาวเพราะวันนี้น้าแตจะพาไปวัด (ในที่สุดกูก็ฟังรู้เรื่อง) เราไม่ได้กินข้าวเช้า เพราะน้าแตบอกว่าจะมีงานทอดกฐิน และเขาจัดโรงทานอย่างยิ่งใหญ่อยู่ที่นั่น

   “นี่แหละผลของการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี เราได้กินของฟรีบ่อยๆ” เธอบอก ผมรู้สึกแหม่งๆ กับตรรกะนั้นนิดนึงแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกไป

   “คิดดีแล้วใช่ไหมที่จะไปเจอคนเยอะๆ เนี่ย” ผมกระซิบถามธีร์

   “เออว่ะ” คนที่กำลังเป็นข่าวเพิ่งรู้ตัว เขาจึงยืมหมวกแก๊ปกับแว่นตากันแดดของน้าแตมาให้เราสองคนใส่ แม้เธอจะยืนกรานว่าไม่ต้องใส่! เพราะชาวบ้านแถวนี้ไม่ตามข่าวดารา แถมยังเป็นคนใจดีไม่มีพิษมีภัยกันทุกคน

   แต่เราถือคติประชาชนทุกคนคือสื่อมวลชน และสื่อมวลชนทุกคนกำลังหิวโหยข่าวของธีร์เหลือเกิน ณ จุดนี้...เพราะฉะนั้น กันไว้ก็ดีกว่าแก้ล่ะวะ

   “เสร็จแล้วครับ”

   ผมเดินออกจากห้องน้ำหลังแอบไปโทรศัพท์อยู่นาน ก้าวขาขึ้นรถของธีร์ซึ่งสตาร์ทรอไว้ ‘วัดใกล้บ้าน’ ที่น้าแตบอกจริงๆ ไม่สามารถเดินเท้าไปได้เพราะตั้งห่างออกไปเกือบห้ากิโล ใช้เวลากินลมบนรถสักพักเราก็มาถึง สิ่งแรกที่เราเห็นคือฝูงชนมหาศาลที่เดินหาของกินกันขวักไขว่อยู่นอกกำแพงวัด เพราะมีโรงทานตั้งอยู่ด้านนอกนั่นเอง

   ด้านในวัดปลูกต้นไม้น้อยใหญ่สมกับการเป็น ‘วัดป่า’ มีการจัดแจงที่ให้กุฏิ เจดีย์ เมรุเผาศพตั้งกระจัดกระจายกันไป ส่วนพื้นที่ตรงกลางเป็นที่ตั้งของอุโบสถผุพังซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักของการทอดกฐินครั้งนี้ (ตามคำเล่าของน้าแต) พวกเขาต้องการเงินมาต่อเติมอุโบสถให้ดีขึ้น

   ควรจะต่อเติมอยู่หรอก เพราะผมเห็นหลังคากระเบื้องเอียงกะเทเร่กับเสาไม้ที่ดูไม่มั่นคงนั้นแล้วมันน่าหวาดเสียวจริงๆ

   ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันปลอดภัยไหมกับการทำพิธีทอดกฐินด้านในอุโบสถหลังนี้ แต่นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านทำกัน

   “ดีเลยสองคน วันนี้ก็ถือโอกาสทำบุญล้างซวยเลยแล้วกันเนาะ”

   น้าแตชวนเราด้วยสีหน้าแช่มชื่น ผมกับธีร์จึงต้องเลยตามเลยไปกับเธอ หลังจากที่เราอิ่มหนำสำราญกับกองทัพของกินจากโรงทานในงาน (ผมจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีหลังจากนี้ ผมสัญญา) เราสามคนก็เข้าทำพิธีทอดผ้าบังสุกุลไปกับฝูงชนที่อัดแน่นในอุโบสถหลังนั้น ด้วยหัวใจหวาดหวั่นว่ามันอาจจะพังครืนลงมา

   “เป็นอะไร” ธีร์ถามเมื่อเห็นสีหน้ากังวลของผม ซึ่งผมก็กังวลจริงจัง แต่ไม่ใช่แค่เรื่องหลังคาหรอก

   ผมกัดปาก “ตะกี้เราเห็น...คนยกมือถือถ่ายรูปเราสองคนด้วย”

   “ใจเย็น ชาวบ้านเขาถ่ายเพราะเห็นเราหล่อล่ะมั้ง”

   โอเคเว้ยแกร

   “ไม่มีใครจำเราได้หรอก ใส่หมวกใส่แว่นแน่นขนาดนี้”

   พระเอกดังกระซิบ ผมมองซ้ายมองขวาก็ยังเห็นคนรอบข้างมองเราอยู่เหมือนเดิม บางคนยกมือถือขึ้นมาถ่ายบ้าง บางคนก็เริ่มซุบซิบ...

   “ธีร์ เราว่า...” แต่จังหวะนั้นก็ถึงเวลาที่เราจะได้ทอดผ้าสักที

   “เอามือแตะที่ผ้าไว้นะ จะได้บุญเยอะๆ” พระสงฆ์ตรงหน้าซึ่งเหมือนจะเป็นเจ้าอาวาสบอกกับเรา ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียง

   แกร่ก...

   หือ?

   “จุ๊บ แตะผ้าเร็วลูก” น้าแตเร่ง หากใจผมไม่ได้อยู่กับผ้ากฐินตรงหน้าอีกแล้ว มันกลับลอยไปด้านบนเพราะว่าเสียง...

   แกร่ก...แท่ก...

   ผมเงยหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นก็เห็นว่ากระเบื้องแผ่นหนาเท่าฝ่าแผ่นหนึ่งกำลังเอียงไปตามแรงโน้มถ่วงช้าๆ มันทำท่าเหมือนจะตก...ทั้งยังดึงให้แผ่นข้างๆ ให้เอียงตามกัน

   ก่อนที่ผมจะทันได้ร้องเตือน กระเบื้องหลายสิบแผ่นก็หลุดลอยลงมา...


   กลางเศียรของพระสงฆ์และเราทุกคนพอดี!


TBC*

มีอะไรไปเม้าท์กันในแท็ก #จุ๊บที หรือในเพจตัวแม่ได้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2018 16:15:16 โดย ตัวแม่ »

ออฟไลน์ AutoAngels

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จะเป็นอะไรกันใหมเนียขออย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีเลยนะ :mew4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ตกใจมาก ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
จะเจ็บตัวกันอีกแล้วเหรอออ แงง จูบกันเร็ว จูบได้มั้ยให้เวลาหยุดไรงี้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ช่วยด้วยค่าาาา  :katai1:

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ชอบมากกกก พล็อตเรื่องดีมากกก

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เหยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เดี๊ยวววววว

ออฟไลน์ cookie12ck

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 195
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อย่าเป็นไรกันน้า จูบกันหยุดเวลาสิพี่จุ๊บน้องธี จะได้ปลอดภัยทุกคนน :hao5:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
มันจะยุ่งเหยิงกันไปใหญ่แล้ว นี่ถ้าธีร์บาดเจ็บจากตรงนี้มีหวังเป็นข่าวอีกแน่ ดีไม่ดีทั้งคู่โดนจับแยกกันแน่ๆ

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่



จูบที่ยี่สิบห้า


   “ระวัง!!!!!!!”

   ผมร้องเสียงดัง วินาทีนั้นคิดอะไรไม่ออกนอกจากถอดแว่นของตัวเองและดึงธีร์เข้ามาจูบ

   ทันทีที่ปากเราแตะกัน กระเบื้องพวกนั้นก็ลอยหวืออยู่กลางอากาศ คมของมันห่างจากกายของพระสงฆ์ด้านหน้าเราไม่ถึงฝ่ามือ

   ผมถอนริมฝีปากออกด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว...เชี่ย...เกือบไปแล้ว...

   “เกิดอะไรขึ้น”

   ธีร์เบิกตาด้วยความตกใจเพราะตามเหตุการณ์ไม่ทัน ผมชี้ไปที่แผ่นกระเบื้องพวกนั้นให้เขาดู

   “เชี่ย...”

   “เราต้องย้ายทุกคนออกจากที่นี่” ผมบอก “ไปที่ปลอดภัย อาจจะข้างนอก เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะพังลงมาทั้งหมดหรือเปล่า”

   “ทุกคนเลยเหรอ” ธีร์ถามทวนเมื่อกะจากสายตาดูแล้วก็มีคนประมาณ...เกือบร้อยได้มั้ง?

   “ใช่ ทุกคน”

   คนเป็นดาราพยักหน้ารับเมื่อเห็นความจริงจังในแววตาผม งานหนักเอาการ แต่ถ้าปล่อยคนใดคนหนึ่งไว้มันก็อาจเสี่ยงอันตรายเกินไป และผมไม่อยากให้มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น โดยเฉพาะในสถานที่แบบนี้...

   เพราะฉะนั้น ผมกับคู่ชีวิตจึงต้องลำเลียงชาวบ้านเกือบหนึ่งร้อยคนออกจากอุโบสถทีละคน ตั้งแต่พระสงฆ์องค์เจ้าไปจนถึงประชาชนผู้ศรัทธาในศาสนา เด็ก คนแก่ คนน้ำหนักเกิน คนตัวสูงที่ต้องยกตะแคงออกจากประตู ทุกคนต่างถูกพยุงด้วยกำลังจากสองมือเปล่าของเรา

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่กว่าเราจะจัดให้ทุกคนสามารถกระจุกกันอยู่ในขอบเขตที่ผมคิดว่าปลอดภัยก็ทำเอาเหงื่อท่วมตัว

   หลังจากมั่นใจว่าไม่มีใครเหลืออยู่ในอุโบสถ เราสองคนก็นั่งหมดสภาพกันอยู่ที่บันไดนาค ทั้งตัวเปียกชุ่มเหมือนอยู่ในงานรดน้ำสงกรานต์แทนทอดกฐิน

   “ขำไร” ผมถามเมื่อจู่ๆ ธีร์ก็ครางเสียงหัวเราะในลำคอ

   “ไม่ กำลังคิดว่าทำแบบนี้ต้องได้บุญเยอะกว่าทอดผ้าเฉยๆ แน่ๆ ดูเหงื่อดิ๊”

   “เออ” ผมหัวเราะตาม ยิ่งขำเข้าไปใหญ่เมื่อเขายกมือขึ้นไหว้สาธุ

   “ด้วยอิทธิฤทธิ์ของบุญกุศลที่ลูกช้างทำ รวมกับพลังจูบหยุดเวลา ช่วยให้ลูกช้างผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้แล้วมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาด้วยเถอะ”

   “ซ้าธุ” ผมไหว้บ้าง ธีร์หัวเราะแล้วแบมือมาขอมือผมเพื่อเตรียมพร้อม

   เราลงจากบันไดนาคมายืนอยู่แถวหน้าสุดของชาวประชา สวมแว่นกับหมวกกลับและย่อเข่าลงเพื่อป้องกันการเป็นที่สังเกต “พร้อมนะ”

   “อื้อ”

   ทันทีที่ริมฝีปากเราแตะกัน ผมก็ได้ยินเสียงโครมใหญ่ดังมาจากอุโบสถด้านหน้า ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจจากทุกคนด้านหลัง อาจเพราะพวกเขาตื่นตูมกับภาพตรงหน้าผสมกับความตกใจที่ตัวเองออกจากอุโบสถได้ในเสี้ยววินาที นั่นคือสิ่งที่ผมคิดไว้อยู่แล้ว

   แต่สิ่งที่ผมไม่ได้คิดคือฝุ่นโขมงใหญ่และความโกลาหลที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน

   หลังถอนจูบออกผมแทบมองไม่เห็นอะไรเพราะฝุ่นจากการล้มครืนข้างหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงผลักจากคนรอบข้างที่รุนแรงจนหมวกและแว่นของเรากระเด็นออก

   ผมจับมือธีร์แน่น พยายามเอาตัวรอดจากพื้นที่ตรงนั้นท่ามกลางเสียงตะโกน มืออีกข้างยกขึ้นปิดจมูก ธีร์พยายามป้องกันตัวผมจากแรงยื้ดยุดฉุดกระชาก จนกระทั่งเราพาตัวเองออกมาหลบข้างบันไดนากสำเร็จ รอให้ฝุ่นและความวุ่นวายทั้งหมดหายไป

   “ธีร์! จุ๊บ!” ผมได้ยินเสียงน้าแตในฝูงชน ตอนนั้นเราเริ่มหายใจหายคอสะดวก เจ้าอาวาสประกาศออกไมค์ว่าให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

   “ธีร์! อยู่ไหนลูก!”

   “อยู่นี่ครับน้าแต!!!”

   ธีร์ก้าวออกไปเมื่อมั่นใจว่าทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ดาราหนุ่มอาจจะลืมไปว่าตัวเองเป็นใคร

   เขาก้าวออกไปแบบที่ไม่มีอะไรปิดบัง เสียงฮือฮาเกิดขึ้นพร้อมกับเสียงชัตเตอร์กล้องในทันที


   ฉิบหาย


   “พี่ธีร์!”

   “มึง นั่นมันพี่นัทในเรื่องวัยรุ่นวุ่นรักของมึงนี่”

   “ธีร์ ดำรงเดช!”

   “น้องธีร์ ลูกป้าติดละครของน้องมากเลยลูก”

   “โกโบริ!”

   มา...มากันให้หมด

   พอธีร์รู้ตัวเองว่าเขาเพิ่งเปิดเผยตัวตนต่อหน้าสาธารณชน ก็พุ่งเข้าไปหาน้าแตอย่างรวดเร็ว ผมรีบแทรกตัวเข้าไปคว้ามือเขา...แล้ววิ่ง!

   “พี่ธีร์ เซลฟี่กับหนูหน่อยค่า”

   “อาตมาขอเก็บภาพได้ไหมโยม”

   “ขอโทษครับ ไม่ได้ครับ” ธีร์ยกมือไหว้ทุกคนแบบลวกๆ แล้วก้าวขาไวตามผม

   “โห ทำไมหยิ่งจัง”

   “กรุณารบกวนความเป็นส่วนตัวด้วยนะครับ” ผมช่วยเขา

   “มึง นั่นมันคนในข่าวปะวะ”

   “เออใช่ ที่มีภาพหลุดกับธีร์อะ”

   “มึง ถ่ายไว้เร็ว!!”

   “ขอโทษครับ ห้ามถ่ายรูปนะครับ”

   ธีร์พยายามยกมือบังหน้าตัวเองและของผม แต่เสียงชัตเตอร์กล้องก็กระหน่ำใส่เราอย่างห้ามไม่อยู่ ผมพบกับแรงฉุดกระชากและเสียงเว้าวอนกึ่งข่มขู่ตั้งแต่หน้าอุโบสถจนถึงรถ...ทุกคนดูบ้าคลั่ง ไม่แคร์ว่าความอยากถ่ายรูปคนดังมันจะล้ำเส้นความเป็นส่วนตัว

   คติ ‘ประชาชนคือสื่อมวลชน’ ที่เรายึดถือกันขำๆ...ดันเป็นจริง



(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
(ต่อจากด้านบน)

   ทำบุญได้โทษ โปรดสัตว์ได้บาป...เราทุกคนรู้จักสุภาษิตนี้กันตั้งแต่ประถม

   ผมเพิ่งเจอจังๆ กับตัวก็วันนี้

   ทุกอย่างออกไปเร็วกว่าที่คิด แค่ไม่กี่นาทีที่ผมกลับมาถึงบ้านริมทะเลของธีร์ ภาพของเราในวัดก็ถูกโพสต์ลงโซเชียลเรียบร้อย

   คราวนี้มันเป็นภาพถ่ายที่ไม่ซูมก็เห็นหน้าเราชัดเจน แถมยังถูกโพสต์โดยคนหลายคนในทุกช่องทาง ฟี้ดแบ็กในโลกออนไลน์กระหน่ำเราอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มันร้ายแรงที่สุด


   ‘ไหนบอกไม่สบาย คราวนี้จะแก้ตัวอะไรอีก’

   ‘พี่ธีร์ ไม่จริงใช่มั้ยยยยยย T^T’

   ‘หลอกลวงประชาชน’

   ‘ชอบผู้ชายก็บอกชอบผู้ชายดิวะ’
   
   ‘รูปตัดต่ออีกแล้ว’

   ‘หนูใช้ตาหรือหัวเข่ามองลูก หนูรูกกกกก’

   ‘จะไม่เชื่ออะไรทั้งนั้นจนกว่าธีร์จะออกมาแถลงข่าว เราเชื่อในตัวธีร์นะ’



   ผมเลื่อนแท็ก #ธีร์ดำรงเดช ที่ถูกพูดถึงวินาทีต่อวินาทีไปเรื่อยๆ สะดุดตากับโพสต์หนึ่งซึ่งมียอดไลค์และแชร์นำโด่งกว่าทุกโพสต์

   มันเป็นคลิปวิดีโอความยาวเกือบสามนาทีที่แอบถ่ายผมกับธีร์ในอุโบสถ ตั้งแต่ตอนเราต่อแถวเข้าทอดผ้าบังสุกุล ไปจนถึงตอนที่ผมเงยหน้ามองฝ้าเพดานด้วยความตกใจ

   ที่สำคัญ มันมีช็อตที่ผมคว้าคอธีร์เข้ามาจูบเพื่อให้เวลาหยุด

   ...ช็อตนี้กูตายว่ะ

   จากนั้นภาพก็ตัดกลายเป็นการถ่ายด้านนอก จับเหตุการณ์ตอนอุโบสถทั้งหลังกำลังล้มครืนลงมา แต่ยังไม่วายติดภาพของเราที่กำลังยืนกอดคอกันสำลักควันอยู่ด้านหน้าอย่างชัดเจน

   คนโพสต์คือเด็กสาวชาวบ้านรุ่นราวคราวเดียวกับผม เธอตั้งแคปชั่นว่า


   ‘#ธีร์ดำรงเดช จูบกับผู้ชายในวัด’


(ต่อด้านล่าง)



ออฟไลน์ ตัวแม่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
    • เพจตัวแม่
(ต่อจากด้านบน)


   ‘มีวิดีโอออกมาแบบนี้ใครยังจะบอกว่าตัดต่ออีก’

   ‘ผิดหวังในตัวธีร์จริงๆ’

   ‘จูบกันในวัด เกินไปมั้ยเด็กสมัยนี้’

   ‘บัดสี ในวัดในวายังกล้าทำ’

   ‘นี่เหรอเยาวชนตัวอย่าง’

   ‘หนูเป็นคนนึงที่ยุในเหดกานนี้คร๊ แต่มั่ยดรั้ยสังเกดว่าเป็นพิธีร์เลย พอมาดูคลิ๊ปนี้ถึงรู้ ปล.อุโบสถพังจิงๆ ค่ะมั่ยดรั้ยตัดต่อ’

   ‘ไอ้พวกชิบหาย ที่อุโบสถพังลงมา เพราะพวกมึงจูบกันนี่แหละ’



   ‘ทำอุบาทว์ในวัด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถึงได้ลงโทษไง’




   และอีกหลากหลายความคิดเห็นที่ทำให้ผมอยากจะตะโกนออกมาดังๆ ว่าเชี่ยไรเนี่ยยยยย

   เราช่วยชีวิตชาวบ้านพวกนั้นไว้แท้ๆ แต่กลับโดนเหมาว่าเป็นสาเหตุให้อุโบสถถล่มเนี่ยนะเฮ้ยยยย

   ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ คลิปนั้นกลายเป็นหลักฐานมัดตัวที่เราดิ้นไม่หลุดทันที เพราะไม่กี่นาทีต่อมามันก็ออกทีวี ในช่วงข่าวด่วนซึ่งพูดถึงเหตุการณ์อุโบสถถล่มแต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โยงไปถึงเรื่องการปรากฏตัวของธีร์และจูบอันไร้กาละเทศะของเรา

   นักข่าวยังอ่านคอมเมนท์งมงายพวกนั้นออกอากาศด้วย คราวนี้คนทั้งประเทศก็จะเข้าใจไปในทิศทางนั้น เยี่ยมไปเลย

   “เราอยู่ที่นี่ไม่ได้”

   ธีร์ลนลานขึ้นมาหลังจากจมอยู่ในบรรยากาศมาคุอยู่นาน หลังจากดูข่าวเราทั้งสามก็มีอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

   “ข่าวออกไปแบบนี้ แม่รู้แน่ว่าเราอยู่ไหน”

   “ธีร์ น้าขอโทษนะ” น้าแตพูดอย่างรู้สึกผิด “น้าไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้เลย ไม่คิดว่าชาวบ้านเขาจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่”

   “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ต้องหาที่อยู่ใหม่เฉยๆ”

   “แล้วธีร์จะไปอยู่ไหน”

   “ผม...ผมยังไม่รู้เลยครับ...แต่อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วจริงๆ” เขาบอกตามตรง แล้วหันมาเรียกผมที่นั่งนิ่งอยู่นาน

   “พี่จุ๊บ รีบเก็บของกัน”

   ผมเงยหน้ามองคู่ชีวิตด้วยความลำบากใจ มันไม่ใช่ผมไม่อยากไปกับเขาต่อ...แต่...

   “จุมพิต?”

   เสียงล้อรถดังมาจากประตูทางเข้าหยุดการสนทนาของเรา รถตู้คันสีเทาแสนคุ้นตาแล่นเข้ามาภายในบริเวณบ้านแล้วเบรดเอี๊ยดใหญ่ ทันใดนั้นชายในชุดสีดำสามคนก็ลงมาจากรถ ตามด้วยพี่บุ๊คผู้จัดการของเขา และ...พิมพ์ผกา ดำรงเดช ผู้เป็นแม่

   ธีร์หันไปมองน้าแตด้วยแววตาผิดหวัง หากผู้เป็นน้าส่ายหัวปฏิเสธทันที

   “น้าไม่ได้โทรเรียกเขามานะ” เธอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “น้าพูดจริงๆ ธีร์เชื่อน้าสิ น้ารู้จักพี่สาวตัวเองดี”

   “น้าแตไม่ได้เรียกหรอก” ผมสนับสนุนเธอ รู้สึกอยากร้องไห้ออกมาไม่ต่างกัน เพราะผมรู้ว่าธีร์จะเกลียดผมแน่ๆ จากสิ่งที่ผมกำลังจะบอก

   “เราเรียกเอง”

   ผมเรียกแม่ธีร์ให้มาหาเราเอง โดยใช้เบอร์โทรศัพท์ของพี่บุ๊คที่เคยให้ไว้

   วินาทีนั้นคนเป็นดารามองผมอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ทำไม...”

   “เราไม่อยากหนี” ผมพึมพำเสียงแผ่ว “เราหนีไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว”

   ...เราทำลายชีวิตธีร์ไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

   “พี่จุ๊บ อย่าทำแบบนี้” ธีร์ยังดึงดันไม่ยอมรับความจริง เขาเข้ามาจับไหล่ผม พยายามชักจูง

   “เรายังหนีทัน จูบเราตอนนี้ หยุดทุกอย่างแล้วเราไปด้วยกันนะ”

   “...”

   “พี่จุ๊บ...เรายังไปกันต่อได้...เราขอนะ...”

   ผมน้ำตาคลอ ส่ายหัว วินาทีนั้นชายชุดดำผู้เป็นคนของแม่เขาก็เดินเข้ามาในบริเวณบ้าน แต่ธีร์ยังไม่ยอมแพ้ เขาพยายามโน้มหน้าลงมาจูบผมเพื่อให้เวลาหยุด แต่ผมเบี่ยงหน้าหลบ

   “คุณธีร์ ไปกับเราเถอะครับ” ชายสองคนนั้นมาถึงตัวเราในที่สุด ธีร์ลุกขึ้นปกป้องด้วยการดันตัวพวกเขาออกไปพลางสบถคำขู่ แต่แรงคนตัวสูงคนเดียวหรือจะสู้คนที่ตัวใหญ่กว่าเขาถึงสองเท่า แถมยังมีสองคนได้

   “ปล่อยกู!!!!” ธีร์ตะโกนอย่างบ้าคลั่งขณะที่ถูกหิ้วปีกออกไป สายตาเขายังจับจ้องมาที่ผมอย่างขอความช่วยเหลือ “พี่จุ๊บ!”

   “รู้แล้วว่าต้องเอาเขาไป แต่อย่ารุนแรงกับเขาได้ไหม!” น้าแตตะโกนบอกทั้งน้ำตาเพราะรู้ตัวว่าทำอะไรไม่ได้

   ผมยื้อคอมองภาพนั้นอย่างชั่งใจ ถ้าผมเข้าไปช่วยเขาตอนนี้...ถ้าเพียงแค่โอกาสในการจูบหยุดเวลาของเรา...เพียงแค่จูบเดียว...

   “เราขอโทษ”

   ผมบอกเขาด้วยหัวใจแตกร้าว สุดท้ายก็เลือกที่จะไม่ทำอะไรและปล่อยให้เขาโดนจับตัวขึ้นรถไปแบบนั้น เสียงเรียกชื่อจากเขาดังไกลออกไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงปรบมือจากใครบางคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน

   “เธอมันแม่ประเภทไหนกัน” น้าแตพูดกับพี่สาวของตัวเอง แล้วพิมพ์ผกา ดำรงเดชก็หยุดปรบมือ ยิ้มหวานรับคำดูถูกนั้น

   “แล้วน้าประเภทไหนที่ไม่รักหลานถึงขนาดยอมให้หนีมาอยู่นี่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาควรจะอยู่กับแม่ของตัวเอง” เธอบอกเสียงเรียบ ทว่าเชือดนิ่ม “ไม่ต้องพูดอะไรต่อ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อคุยกับเธอ”

   ผมยืนขึ้นเมื่อเห็นว่านางเอกรุ่นใหญ่กำลังเดินเข้ามาหา ตามมาติดๆ ด้านหลังคือพี่บุ๊ค

   “คิดถูกมากที่โทรมา” คุณต่ายชม เธอแย้มยิ้มให้ผมอย่างเคย ชั่วครู่นั้นผมก็คิดว่ารอยยิ้มนี้อาจมาจากใจจริง...เธอคงยินดีไม่น้อยกับสิ่งที่ผมทำ

   หากในจังหวะที่ไม่คาดคิด เธอก็เหวี่ยงมือมาตบแก้มขวาของผมเต็มแรง

   เพียะ!

   “นี่สำหรับเรื่องทั้งหมดที่เธอก่อ”

   ความชาแผ่ซ่านไปทั้งแก้มเพราะแรงปะทะรวมกับคำว่ากล่าวนั้น ผมหันหน้ากลับมามองเธอผ่านม่านน้ำตา ค่อยๆ พนมมือไหว้ขอขมา

   “หวังว่าฉันจะไม่เห็นหน้าเธออีก”

   คุณต่ายมองด้วยสายตาเย็นชาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับพี่บุ๊ค นาทีต่อมารถตู้ก็เคลื่อนออกไป พร้อมกับรถของธีร์ที่มีคนของคุณต่ายขับตามกันไป ทิ้งผมไว้กับน้าแตที่เข้ามาไถ่ถามถึงความเจ็บปวด เธอปลอบผมว่าทุกอย่างจะโอเค

   แต่ผมรู้ในนาทีนั้นว่าทุกความเจ็บปวดจะไม่จางหาย...และทุกอย่างจะไม่โอเคอีกต่อไป...

   ผมทรุดตัวลงร้องไห้ ยอมจำนนต่อชะตากรรม สิ่งที่แย่ที่สุดในเหตุการณ์นี้ไม่ใช่การโดนตบหรือคำพูดเชือดเฉือนพวกนั้น แต่มันคือการที่ผมยังจำสีหน้าสุดท้ายของธีร์ก่อนขึ้นรถได้ติดตา

   แววตาสุดท้ายของเขาคือความผิดหวัง...แววตานั้นราวกับการตัดพ้อว่าผมไม่รักเขาอีกแล้ว




   เขาไม่รู้เลยว่าเพราะผมรักเขามาก ผมจึงต้องปล่อยเขาไป





TBC*
ให้กำลังใจคนเขียนไปที่แท็ก #จุ๊บที ได้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2018 18:10:54 โดย ตัวแม่ »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ไปไม่เป็นเลย

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
แงงงงงงงง สงสารทั้งคู่

ออฟไลน์ MmBb

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนรักกันต้องจับมือกันต่อสู้กับปัญหาไม่ใช่หนีปัญหาหรือคิดแทนอีกคนว่าสิ่งที่ทำมันดีที่สุดแล้วสำหรับอีกคน ปล่อยเค้าไปคราวนี้ถ้าเค้าไม่กลับมาแล้วจะทำใจยอมรับได้จริงๆใช่มั้ย

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
โว้ยยยยย เกลียดอิพวกโซเชี่ยลบูลลี่มากกกก คืิไม่รู้อะไรเลยแท้ๆแล้วมาพิมพ์เอามัน นี่ถ้าจุ๊บปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วมีคนบาดเจ็บนี่จะมาว่ากันอีกมั้ย แล้วทำไมคนที่นั้นไม่ทีใครฉุกคิดบ้างละหาว่าออกมาอยู่ข้างนอกได้ยังไง เบื่อ!! แล้วจะเป็นไงต่อไปละ เอาจริงๆธีร์กลับไปทั้งๆที่กระแสมันแรงขนาดนี้คิดว่าธีร์ไม่น่าจะอยู่ในวงการได้แล้วนะ สงสาร

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
ปวดหัวเลยเมื่อไหร่อะไรๆมันจะดีน้อออออ   :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
"เขาไม่รู้เลยว่าเพราะผมรักเขามาก ผมจึงต้องปล่อยเขาไป"
ช่ายยยยยย  ปล่อยธีร์กลับไปอยู่กับครอบครัวดีเด่นหลายปีซ้อนของเขา
เป็นพระเอกยอดนิยม ดีเด่น ในวงการบันเทิงต่อไปให้สมกับที่คุณแม่ดีเด่นของธีร์ใช้เวลาทั้งชีวิตเตรียมการมา
ส่วนเรื่องความรู้สึกธีร์ก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆที่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะดีขึ้นเอง
สมเหตุสมผล สมกับความเป็นจุ๊บ ขอให้มีความสุขกับการตัดสินใจอนาคตให้ธีร์ในครั้งนี้นะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
บางทีปาฏิหารย์ก็อยู่ในมือคนเรา จุดเปลี่ยนอยู่ที่แค่จะทำหรือไม่ทำเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
โว้ยยยยยย ทั้งหัวร้อนทั้งสงสาร แล้วจากนี้จะทำอะไรได้อีก ฮือออแ  :katai1:

ออฟไลน์ AutoAngels

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มาต่ออีกนะคะอยากรุ้ตอนต่อไปแล้วววว :mew6:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด