Boy Friends: 22
เปลี่ยนแปลง
หลังกลับจากเที่ยว ผมก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่มันไม่เหมือนเดิม ตรงที่ผมรู้สึกอบอุ่นแปลก ๆ ในหัวใจ โดยเฉพาะเวลาที่ได้อยู่ในอ้อมแขนของสองคนนั้น
“นี่เอ้”
ผมหันไปมองคนเรียก ไอ้ภพครับ มันจ้องหน้าผมเขม็ง
“มีไร” ผมถามมันกลับ
“ช่วงนี้มึงดูเซ็กซี่แปลก ๆ นะ”
หะ! ผมหน้าเหวอมองหน้ามันงง ๆ
“ยังไง”
“ไม่รู้ดิ แต่ให้อารมณ์อีโรติกยังไงบอกไม่ถูก นี่ถามจริง ๆ เหอะ ช่วงนี้มีแฟนป่ะ”
มันถามด้วยสีหน้าจริงจัง ผมมองมันอึ้ง ๆ นึกไปถึงสองเพื่อนสนิทนั้นขึ้นมาทันที ผมพยายามตีสีหน้านิ่ง ๆ
“ยุ่งไรด้วย”
“ทำหน้าแบบนี้แปลว่ามีชัวร์”
“ไม่มี้!”
ผมตอบปฏิเสธเสียงสูง
“อย่ามาโกหกน่า กูเดาออก อิอ๊ะกันแล้วใช่ม๊ะ ถึงได้มานั่งอารมณ์ค้างทำหน้าเอ็กซ์ให้คนมองต่อมเซ็กซ์แตกแบบนี้”
ผมอ้าปากค้าง นี่ผมทำหน้าแบบนั้นจริง ๆ เหรอ
“ไม่เชื่อถามไอ้ชินมันดูก็ได้ จริงมะชิน”
ผมหันไปมองไอ้ชิน มันทำหน้าอึ้ง ๆ มองผมกลับ
ว่าแต่ทำไมวันนี้ไอ้ชินมันหล่อจังฮึ ปกติมันก็หล่อของมันอยู่แล้ว แต่วันนี้ ดูมันจะหล่อมากกว่าปกติ หล่อจนผมอยากให้มันกอดขึ้นมาดื้อ ๆ
“ชิน…”
ผมเรียกมันอ้อน ๆ มันมองหน้าผมอึ้ง ๆ ยิ่งกว่าเดิม
“ไม่รู้ดิ”
ก่อนตัดบท เสหน้าไปทางอื่น อาจารย์เข้ามาพอดี ไอ้ภพเลยเลิกสนใจ
ช่วงนี้รู้สึกเหมือนมีอะไรแปลกไป
ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองหรือเกิดขึ้นจริง ๆ เพราะปกติสองคนนั้นจะมาลากผมไปปล้ำแทบจะทุกวัน แต่สองอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกนั้นหายไปเลย พอถาม ก็บอกว่ายุ่ง
แต่พวกมันก็ดูยุ่งกันจริง ๆ นั่นแหละ อย่างไอ้ชินก็ซ้อมหนักขึ้น ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะขี้เกียจ พี่เชนก็รับอาสาไปช่วยป๊าทำงานที่บริษัท ทั้งที่เมื่อก่อนไม่อยากทำ อ้างนู้นอ้างนี่ตลอด
ผมทดลองชวนพวกมันไปเที่ยวดู แต่พวกมันปฏิเสธ ผมมานั่งหาคำตอบ ก่อนคำบางคำจะโผล่ขึ้นมาให้หัวใจไหววูบ
‘โดนเบื่อแล้ว’
ผมถอนหายใจเบา ๆ ก็รู้อยู่หรอก ว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ผมแอบเสียใจนิด ๆ เหมือนขาดอะไรสักอย่างไปในชีวิต
“ทำไมมานั่งเหงาแบบนี้ล่ะ”
ผมสะดุ้ง หันไปมองคนพูด ชุนมานั่งอยู่ข้าง ๆ แล้ว
นี่มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ฮึ? ทำไมมานั่งเหงา ๆ แบบนี้” มันถามอีกรอบ
“เปล่า ไม่มีอะไร” ผมตอบกลับผ่าน ๆ
“เวลาที่คนถามว่ามีอะไร แล้วตอบว่าเปล่า แปลว่าคนคนนั้นกำลังมีเรื่องที่คิดไม่ตกอยู่”
ผมหันไปมองคนพูดอีกรอบ ตอนนี้มีหลากหลายความรู้สึกผสมปนเปรวมกันไปหมด
“นี่ ถามหน่อย ถ้าเราอยู่กับใครมานาน ๆ พอเขาไม่อยู่เราจะรู้สึกวูบโหวง บางทีก็เจ็บที่หัวใจนิด ๆ พอเขาไม่ทำกับเราเหมือนที่เคยทำ ก็จะรู้สึกแย่และหวาดกลัวรวมถึงหวิว ๆ แปลก ๆ อาการพวกนี้ เขารักษายังไง โรคติดเพื่อนเป็นกันอย่างนี้ทุกคนเลยหรือเปล่า”
มันมองผมอึ้ง ๆ
“ตกลงว่าเขาเป็นกันอย่างนี้ทุกคนเลยเหรอ”
ผมถามย้ำอีกที ชุนพ่นลมหายใจออกแรง
“เอ้ นั่นเขาไม่ได้เรียกว่าโรคติดเพื่อนหรอกนะ”
ผมเลิกคิ้วสูง
“อ้าว ถ้าไม่ใช่แล้วเรียกว่าอะไรล่ะ”
“เขาเรียก...โรครัก”
ผมมองหน้าคนพูดงง ๆ ประมวนคำพูดนั้นอยู่พักใหญ่
ผมรู้ความหมายนะ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ มันจะเกิดขึ้นได้ยังไง ก็ในเมื่อนั่นคือเพื่อนผม แถมยังเป็นผู้ชายอีก รู้สึกเหมือนกันทั้งสองคนด้วย
“ไม่น่าจะใช่ เพราะนั่นเพื่อน แถมยังเป็นผู้ชายอีก”
มันหรี่ตามองหน้าผมเขม็ง
“เพื่อน…ผู้ชาย…ใคร”
“ไม่ต้องรู้หรอก” ผมตัดบท หันไปมองวิวตรงหน้าต่อ “มันน่าจะเกิดจากความเคยชินมากกว่า รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ต้องเกิดขึ้น แต่มันแค่แอบใจหาย”
“นี่ถามอะไรหน่อย”
คนข้าง ๆ ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมละสายตาจากวิวตรงหน้าหันไปมอง
“เวลาเพื่อนนายไม่อยู่ รู้สึกเหงารึเปล่า”
ผมทำท่าคิด
ก็เหงานะ ผมพยักหน้ารับ
“งั้นเวลาที่ถูกกอดหรือกอดคนคนนั้นรู้สึกอบอุ่นไหม”
อบอุ่นไหม
อบอุ่นสิ อบอุ่นมาก ๆ ด้วย ยิ่งสองคนนั้นพากันอ่อนโยนมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกอบอุ่นเข้าไปใหญ่ ผมพยักหน้ารับอีกรอบ
“คำถามต่อไปนี้ไม่แน่ใจว่าจะเคยมีไหมนะ เวลาที่มีผู้หญิงมาเจ๊าะแจ๊ะเพื่อนนาย หรือเพื่อนนายควงผู้หญิงคนอื่น รู้สึกเสียดายหรือใจหายหรือเปล่า”
คำถามนี้เล่นเอานึกไปถึงตอนเที่ยวทะเลด้วยกันครั้งที่แล้วเลย
ผมพยักรับหน้าหงอย ๆ
“โธ่เอ้ย! นั่นน่ะ เขาเรียกว่ารักแล้ว”
ผมขมวดคิ้ว
รักงั้นเหรอ…
แต่มันจะเป็นไปได้ไงกัน เพราะถ้ารักจริง มันต้องรู้สึกกับคนไหนคนหนึ่งสิ ไม่ใช่กับสองคนนั้นเท่ากันแบบนี้
“ไม่น่าจะใช่ เพราะถ้ารักใครสักคน ก็น่าจะรักแค่คนเดียวใช่ไหม” มันพยักหน้าตอบรับ “แต่เรามีเพื่อนสองคน แล้วรู้สึกแบบนั้นเหมือนกันทั้งสองคนเลย”
ชุนอ้าปากค้าง ตาโต ก่อนจะหรี่ตาลงคล้ายจะค้นหาอะไรบางอย่างจากตัวผม
“งั้นไอ้ที่ร่างกายนายดูชิน ๆ นี่เพราะเพื่อนสองคนนั้นหรือเปล่า”
ผมยิ้มแหยง พยักหน้ารับเจื่อน ๆ
“ทำไมไปยอมให้เพื่อนเอาง่าย ๆ แบบนั้นเล่า!” มันดุ ผมตวัดสายตามอง
แล้วไม่ดูตัวเองเลยนะ
“เพราะโดนบังคับต่างหากเล่า” ผมสวนกลับ “และอีกอย่าง มันก็เป็นแค่เซ็กส์พอผ่านไป เดี๋ยวพวกนั้นก็เบื่อ แล้วทุกอย่างก็จบ เหมือนตอนนี้นี่แหละ”
“แล้วความรู้สึกของนายมันจบลงไปด้วยรึเปล่า”
ผมส่ายหน้าไปมา
“รู้สึกไง” มันถามต่อ
“เหี่ยว ๆ ยังไงบอกไม่ถูก” ผมตอบรับตามจริง
“แล้วนอกจากสองคนนั้นแล้ว นอนกับใครอีกหรือเปล่า”
ผมพยักหน้ารับ มันขมวดคิ้วไม่พอใจ
“แล้วรู้สึกกับอะไรกับคนคนนั้นหรือเปล่า”
ผมส่ายหน้าไปมา
“แล้วคนคนนั้นเป็นใคร”
ผมชี้นิ้วใส่หน้ามัน มันชี้นิ้วใส่หน้าตัวเอง
“เรา”
ผมพยักหน้ารับ
“เสน่ห์ตกรึไง” เหมือน ๆ มันจะถามตัวเองมากกว่า คนตรงหน้ากอดอกทำท่าคิด ไม่รู้ว่าคิดเรื่องเสน่ห์ตัวเอง หรือเรื่องของผมกันแน่ “งั้นแปลว่า นายชอบสองคนนั้นไม่ใช่กับทุกคนที่นอนด้วย”
ผมขมวดคิ้วคิดตาม
“อืม ถ้าแค่ชอบก็อาจจะใช่ แต่ถ้ารักเลยนี่ ยังไม่ยอมรับนะ” ผมนิ่งคิดต่อ “แต่ก็ไม่แน่นะ พวกนั้นฉลาดมาก อาจจะรู้แล้วก็ได้ว่าเราชอบ ถึงได้พยายามตีตัวออกห่าง พวกนั้นเป็นเพลย์บอย ถ้าแค่เล่น ๆ จะคบนาน แต่ถ้ารู้ว่าใครเริ่มจริงจังจะตีตัวออกห่างทันที”
ผมนั่งประมวนผล
“ถ้าเป็นเพลย์บอยก็เป็นไปได้”
“ไม่อยากเสียเพื่อนเลยแฮะ ทำยังไงดี ไม่น่าเผลอใจไปชอบเลย”
ผมระบายออกมาหงอย ๆ
“นี่นายเห็นความรักเป็นอะไรเนี่ย”
มันถามงง ๆ
“อะไรก็ช่างเถอะ นี่ชุน คิดหาหนทางช่วยหน่อยสิ” ผมหันไปขอความช่วยเหลือตรง ๆ
“ได้ แต่ตอนนี้ ขึ้นมานั่งไอ้นี่ก่อนสิ”
ผมก้มมองบางส่วนที่มันออกมาโชว์หราตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มัวแต่คิดเรื่องเพื่อนเพลินเลยไม่ได้สังเกต ผมขมวดคิ้ว
“นี่มันข้างนอกนะ”
“ไม่มีใครเห็นหรอก พุ่มไม้บังอยู่ อีกอย่างคนไปเชียร์บอลกันหมด เร็ว ๆ จะได้ไปช่วยกันคิดว่าจะแก้ไขปัญหายังไงดี”
“ไม่ละ” ผมรีบลุกขึ้นยืนทันที กำลังจะเดินหนี แต่ถูกคว้าข้อมือไว้ ยังไม่ทันที่ผมจะได้ขัดขืน ก็ถูกจับถอดกางเกง ดึงไปนั่งบนท่อนเนื้อร้อน ๆ ทันที ผมครางออกมาตอบรับ
“เสียงครางนายนี่สุดยอดจริง ๆ”
“อย่า…” ผมครางห้าม
“อย่าเชิญชวนกันด้วยน้ำเสียงแบบนั้นสิ” ผมอยากจะบอกว่าห้ามโว้ยไม่ใช่เชิญชวน
“พอ”
แต่ยิ่งห้าม มันยิ่งไหวแรงขึ้น จนผมต้องหยุดเสียงห้ามลงมาครางเร้าใจเหมือนเดิม
“อืม อย่างนั้นแหละ เอ้ ครางเยอะ ๆ ใกล้แล้ว”
มันจับเอวผมแน่น โยกไหวรุนแรง
“อ๊ะ อ๊าอ๊าชุน”
ผมจับมือมันไหว เชิดหน้าปลดปล่อยไปพร้อม ๆ กัน
“รีบใส่เสื้อผ้าได้แล้ว”
พอเรียบร้อย มันก็ดันผมออก ลุกขึ้นแต่งตัวดี ๆ ผมมองมันตาขวาง ตัวเองไม่เดือดร้อนนี่ ปล่อยเสร็จก็จบ แต่ผมนี่มีแต่น้ำขาว ๆ เต็มขาเปียกไปหมด ผมรีบหยิบกางเกงมาสวม
“แล้วสองคนที่ว่านั้นเป็นใคร เผื่อจะหาหนทางช่วยได้บ้าง”
ผมนิ่งคิด เพราะกลัวว่าสองคนนั้นจะเสียหาย
“ไม่เอาไปแฉหรอก” มันย้ำ
“ก็พี่เชนแล้วก็ชิน นักบาสโรงเรียนเราน่ะ”
มันตาโต
“นี่พี่เชนกับพี่ชินที่เป็นพี่น้องกันใช่ไหม”
ผมพยักหน้า
“พี่เชนกับพี่ชิน” ผมทวนสรรพนามที่อีกคนเรียก “นะ นี่อย่าบอกนะว่านายคือชุนเป น้องอีกคนของพวกนั้น”
“อืม”
“สมแล้วที่เป็นพี่น้องกัน” ผมแอบบ่น
“พวกนั้นน่าเป็นห่วงแฮะ” มันพูดต่อเบา ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ารู้ว่าอะไรเป็นเหตุ จะได้แก้ที่ต้นเหตุเลย แค่เผลอไปรัก เดี๋ยวจะพยายามตัดใจเอง ดีแล้วที่รู้ตัวก่อน จะได้แก้ไขได้ทัน ถ้าบังเอิญต้องเจอกันจริง ๆ จะพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด”
ผมบอกแค่นั้น ก่อนขอตัวหันหลังเดินจากมา
To be Con...
หึ ๆ ตอนแรกว่าจะไม่ให้มีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ไป ๆ มามีเฉยเลย
แจ้งข่าวววว
นิยายเรื่องนี้ มีวางจำหน่ายที่งานสัปดาห์หนังสือ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ วันที่ 13-24 ตุลานะคะ บูธ B2S กับ Hermit เรื่องอื่นที่มีวางจำหน่ายด้วยคือ Try Love รักครับ ขอจีบได้ไหมครับอาจารย์ (350), Brother พี่ตัวร้ายกับนายตัวดี(250), Hate Love ทาสแค้น(1,300), Kiss Love รักวุ่นวายนายสุดหล่อ(1,500), Boyfriends(300.-), วันที่ 16 เวลา 11.00-12.00 คนเขียนจะชูแวบไปแจกลายเซ็นที่บูธ B2S ไปเจอกันได้ค่าา ^^
หนังสือ&e-book
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54068