คนเจ้าอารมณ์ [นาคินทร์อนุชา] 11 : กลืนกินกันและกัน [150%]
ลีลารักของนาคินทร์ทำให้ผมแทบสำลักความสุขตาย นาคินทร์ตามใจผม เอาใจผม แต่บางครั้งก็ขัดใจทำให้ผมไม่สามารถได้ในสิ่งที่ต้องการง่าย ๆ แต่ส่วนใหญ่จะตามใจมากกว่า
“นาคินทร์”
ผมครางเรียกหลังร่างกายปลดปล่อยไปอีกรอบ มันเป็นรอบที่เท่าไหร่ ผมไม่รู้ แต่รู้สึกว่าฤทธิ์ยามันอ่อนลงมากแล้ว เหงื่อของผมคลุกเคล้าไปกับเหงื่อของคนด้านหลัง ผมนอนหมดแรง ของผมมันไม่ตั้งแล้ว แปลว่าน่าจะพอแล้ว คนด้านหลังจูบแผ่นหลังผมแผ่วเบา ค่อย ๆ ดึงส่วนที่เชื่อมร่างกายของเราอยู่ออก
ผมค่อย ๆ แผ่วลมหายใจลง พรุ่งนี้ผมจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับรับรู้ว่ามันเป็นความฝัน หรือพบกับความสุขหรือสูญเสียกันแน่ ผมขยับพลิกหันไปหาคนตัวสูงที่นอนมองอาการผมอยู่ มือร้อนเกลี่ยไล้คล้ายกับจะนวดให้ผ่อนคลายมากกว่ากระตุ้นอารมณ์
“อย่าเกลียดฉันนะนาคินทร์ ตื่นขึ้นมา นายต้องอยู่เคียงข้างฉัน อย่าหนีไปไหน สัญญาสิ”
“ครับ นาคินทร์สัญญา ไม่มีอะไรมาพรากนาคินทร์ไปจากคุณหนูได้ นอกจากคุณหนูจะไม่ต้องการนาคินทร์แล้ว หรือความตาย”
นาคินทร์กระซิบ ผมยิ้มเหนื่อยอ่อน โอบรอบลำคอแกร่งแน่น
“ง่วงจัง”
“หลับนะครับคนดี นาคินทร์จะอยู่ตรงนี้ คอยปกป้องคุณหนู ยุงไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม”
เสียงนั้นแผ่วหายไปเรื่อย ๆ
“นาคินทร์รักคุณหนูนะครับ”
และนั่นคือเสียงกระซิบสุดท้ายที่ผมได้ยิน แล้วทุกอย่างก็มืดลง
ผมปรือตาตื่นอีกทีเมื่อแสงขององค์สุริยะสาดพลังเข้ามาใส่ ผมกะพริบตา ขยับยกหน้ามอง สภาพผมตอนนี้คือนอนคว่ำหน้า สถานที่คือห้องของนาคินทร์ ผมขยับร่างกาย แต่ปวดแปลบไปทั่วทั้งสรรพางค์ด้านล่าง ผมชะงัก นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
ผมหน้าร้อนผ่าว
เมื่อคืน
ผมกับนาคินทร์
ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม
ผมลองขยับลุกดู มันเจ็บจริง ๆ ด้วย ผมยิ้มนิด ๆ ด้วยความดีใจ ก่อนหุบยิ้ม เมื่อหันมองไปยังที่นอนข้าง ๆ มันว่างเปล่า มองไปรอบ ๆ ห้องอีกที นาคินทร์ก็ไม่อยู่แล้ว
ไม่ใช่ว่าหนีผมไปแล้วนะ ผมใจหายวูบ รีบขยับลุกทั้งที่เจ็บ แต่มันไม่ได้เจ็บมากขนาดขยับเขยื้อนไม่ได้ ผมลุกยืน เสื้อผ้าผมถูกพับวางไว้บนหัวเตียง ผมรีบหยิบมาสวม
ขอให้ออกไปแล้วเห็นนาคินทร์อยู่ข้างนอกด้วยเถอะ
ผมกำลังจะเปิดประตู แต่ประตูถูกเปิดออกก่อน ผมเสียจังหวะจะล้ม คนเข้ามาใหม่รีบขยับเข้ามาโอบกอดผมไว้
“คุณหนู”
“นาคินทร์”
ผมครางเรียก ร่างสูงมองผมนิ่ง ๆ ใบหน้าเมื่อคืนฉายชัดเข้ามา ผมหน้าร้อนผ่าว
“คุณหนูไม่ควรจะลุกนะครับ”
ผมหน้าร้อนอีกรอบ
“ฉันกลัวว่านาคินทร์จะหนีฉันไป”
ดวงตานาคินทร์เปลี่ยนแสง รอยยิ้มนุ่มนวลเผยให้เห็นบาง ๆ
“นาคินทร์สัญญาแล้วยังไงล่ะครับ นอกจากความตายกับคำสั่งคุณหนูแล้ว ไม่มีอะไรมาทำให้นาคินทร์หายไปจากชีวิตคุณหนูได้”
“ไม่รังเกียจฉันแน่นะ”
ผมถามด้วยน้ำเสียงประหม่า คนตัวสูงส่ายหัว
ผมชะงักอีกรอบเมื่อน้ำของนาคินทร์ที่อยู่ในร่างกายผมไหลรินลงมาตามเรียวขา นาคินทร์ขมวดคิ้วมองเมื่ออยู่ ๆ ก็เห็นผมนิ่งไป
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ปะ เปล่า แต่…”
ผมไม่ตอบ แต่ก้มมองที่ขาตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีน้ำสีขาว ๆ ไหลลงมาเป็นทาง นาคินทร์สังเกตเห็นเหมือนกัน
“ขอโทษด้วย นาคินทร์ปล่อยข้างในหมดเลย”
หน้าผมเห่อร้อนไปหมด ส่ายหัว รู้สึกดีที่ผมได้สิ่งนั้นของนาคินทร์
“คุณหนูอย่าคิดมากนะครับ มันเกิดขึ้นเพราะยา”
ใจผมหายวูบ เงยหน้ามองคนตัวสูง ที่นาคินทร์กอดผมเมื่อคืน เพราะต้องการช่วยผมอย่างเดียวใช่ไหม นาคินทร์คงไม่รู้สึกอะไรกับผม เหมือนที่ผมรู้สึกกับนาคินทร์ตอนนี้
ผมพยักหน้าเข้าใจ
“ฉันจะไปอาบน้ำ”
“เดินไหวหรือครับ”
“ไหว”
ผมขยับ แต่มันหน่วงและขาหมดแรงจนจะทรุด นาคินทร์รั้งผมไว้
“วันนี้จะไปทำงานไหมครับ”
ผมนิ่งคิด นี่มันก็สายมากแล้วนะ ผมส่ายหัว
“ลาละกัน พรุ่งนี้ก็เสาร์แล้ว”
นาคินทร์พยักหน้า
“งั้นผมจะอยู่ดูแลคุณหนูเอง”
ผมพยักหน้ารับบ้าง
“ถ้าอาบไม่ไหว นาคินทร์เช็ดตัวให้”
ผมส่ายหัว
“ฉันอยากอาบเอง”
ผมพยายามทรงตัว ก้าวอย่างอดทนไปเข้าห้องน้ำ นาคินทร์ยื่นผ้าเช็ดตัวมาให้
“แล้วชุดของคุณหนูล่ะครับ”
“ขอยืมของนาคินทร์ละกัน”
นาคินทร์มองหน้า ผมเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ สบู่นกแก้วทำให้รู้สึกสดชื่นไม่น้อย ผมเดินพันผ้าเช็ดตัวออกไปข้างนอก นาคินทร์ยืนคอยพร้อมชุด มันเป็นเสื้อเชิ้ตตัวที่ผมเคยใส่นั่นแหละ
“ให้ผมสวมให้นะครับ”
นาคินทร์ร้องขอ ผมพยักหน้า นาคินทร์คลี่เสื้อออก มันถูกรีดไว้อย่างดี เนื้อผ้านุ่มกว่าครั้งที่แล้วที่ผมใส่อีก นาคินทร์สวมมันลงบนหลัง ผมสอดแขนเข้าไปทั้งสองข้าง นาคินทร์ปรับปกเสื้อ ติดกระดุมให้ทีละเม็ด
“ขอโทษที่นาคินทร์รุนแรง”
นาคินทร์พูดเสียงเบาไม่มองหน้า เพราะบนตัวผมเต็มไปด้วยรอยกัด รอยมือและรอยคิสมาร์ค ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นผมเป็นคนเรียกร้องให้นาคินทร์เป็นคนทำทั้งนั้น
“ฉันเป็นคนขอนี่ ไม่ใช่ความผิดของนาคินทร์สักหน่อย ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะให้นาคินทร์มาทำเรื่องอะไรน่าเกลียดแบบนี้”
ผมเม้มปากแน่น ตาคลอนิด ๆ นาคินทร์เงยหน้ามอง มือจับอยู่ที่กระดุมเม็ดสุดท้าย
“คุณหนูครับ ไม่มีสิ่งไหนน่าเกลียดทั้งนั้น คุณหนูน่ารัก คุณหนูน่าทะนุถนอม นาคินทร์เป็นคนหยาบ เกรงจะทำให้คุณหนูรังเกียจเสียมากกว่า”
ผมส่ายหัวบ้าง ก้มหน้า กัดปากเบา ๆ
“ฉันคงเป็นโรคจิตแน่ ๆ ถึงได้เรียกร้องเรื่องน่าอายแบบนี้กับนาคินทร์”
นาคินทร์จับมือผมยกจุมพิต วางไว้บนหัวใจตัวเอง
“สาบานด้วยหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ ไม่ว่าสิ่งไหนที่คุณหนูเรียกร้อง มันคือสิ่งล้ำค่า ไม่มีคำว่าโรคจิต ถ้าคุณหนูคิดว่าสิ่งนั้นคือเรื่องโรคจิต งั้นนาคินทร์ก็คงโรคจิตกว่า เพราะนาคินทร์รู้สึกดีกับสิ่งที่ทำ ทั้งที่ไม่ควร คุณหนูคือสิ่งล้ำค่าสำหรับนาคินทร์ แต่นาคินทร์กลับพยายามบีบคั้น ทำร้าย และรู้สึกดีที่ได้ทำด้วย”
ผมยิ้มออกมาได้
“พูดเอาใจฉันหรือเปล่า”
“นาคินทร์ไม่ใช่คนขี้โกหกนะครับ”
ผมยิ้มให้อีกที
“คุณหนูหิวรึยังครับ นาคินทร์จะทำอะไรให้ทาน”
ผมพยักหน้า เพราะท้องพากันร้องแล้ว
นาคินทร์ลงทุนตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อทำชิงช้าแบบเตียงชิงช้าไว้ให้ผม มันก็เหมือนชิงช้าทั่วไปนี่แหละ เพียงแต่มีขนาดใหญ่จนสามารถขึ้นไปนอนได้ และตอนนี้มันถูกลากมาไว้ใต้ร่มไม้ มีผ้าห่มปูรองไว้ชั้นหนึ่ง พร้อมหมอนใบเล็ก ๆ ที่เคยอยู่ในห้องนาคินทร์นั้น เขาอุ้มผมขึ้นไปนอน ส่วนตัวเองเดินเข้าครัวไปทำอาหาร ผมนอนคว่ำมอง นาคินทร์ทำทุกอย่างอย่างคล่องแคล่วจริง ๆ
รู้สึกหน่วง ๆ ที่ด้านหลัง แต่เป็นความหน่วงที่ผมภาคภูมิใจ เพราะเป็นการย้ำว่าผมเป็นของนาคินทร์แล้ว
ไม่รู้ว่าฤทธิ์ยายังอยู่หรือว่าอะไร แต่ผมต้องการนาคินทร์อีกแล้ว นาคินทร์ทำอาหารไม่สนใจอะไร ในขณะที่ผมยิ่งมองนาคินทร์ตัวยิ่งร้อนผ่าว นาคินทร์ทำกับข้าวเสร็จพอดี เดินเข้ามาหา
“เรียบร้อยแล้วครับ”
ผมขยับลุกนั่ง
“นาคินทร์…”
ผมเรียกคนด้วยสูงเสียงแผ่ว นาคินทร์มองตาผมนิ่งค้าง
“มานี่สิ”
ขายาวก้าวเข้ามาช้า ๆ ผมคล้องมือไว้กับลำคอคนตัวสูง นาคินทร์ยื้อไว้นิดหนึ่ง ผมดึงหน้าคนตัวสูงลงมาจูบ
ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ครับ
“คุณหนู”
นาคินทร์ยกหน้าออก ผมมองคนตัวสูงตาเยิ้ม นาคินทร์ขมวดคิ้ว
“นี่ยายังไม่หมดฤทธิ์เหรอครับ”
“มั้ง”
ผมตอบรับไม่จริงจัง จับมือนาคินทร์มาวางไว้บนสะโพก เกลี่ยลิ้นออกมาเลียริมปีปากคนตัวโต มือหนึ่งก็เลื่อนไปยังหน้าท้องแกร่ง สอดมือเข้าไปลูบไล้หน้าท้องได้รูป นาคินทร์กระตุกวูบ ผมลูบมือต่ำลงไปด้านล่างมันยังนอนนิ่ง
“รังเกียจฉันไหม”
“ไม่ครับ”
“งั้นกอดฉันอีกรอบ นะ”
“แต่ คุณหนูครับ คุณหนูยังไม่หายเจ็บ”
ผมไม่ฟัง ค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้อตัวเองออก
“คุณหนู”
กระดุมสองเม็ดแรกหายไป ผมจับมือนาคินทร์มาวางไว้บนหน้าอกตัวเอง
“ฉันรู้ว่ามันเล็ก แต่ได้โปรดเถอะ”
“คุณหนู”
เสียงนาคินทร์พร่าลง
“ทำสิ”
นาคินทร์บดกรามแน่น
“คุณหนูกำลังจะทำให้นาคินทร์หมดความอดทนนะครับ”
[50%]
ผมเลื่อนมือไปบีบน้องนาคินทร์หวังกระตุ้น
“อย่าทนนาคินทร์ เพราะฉันกำลังต้องการใจแทบขาดแล้ว ต้องการนาคินทร์ ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย”
พอผมพูดจบนาคินทร์ก็ปิดปากผมด้วยปากตัวเองทันที แทรกปลายลิ้นเข้ามาภายใน ทะลวงลึก กวาดต้อน ดุนดัน
ให้ตาย ท่าทางผิดกันลิบลับกับคนเมื่อกี้เลย
นาคินทร์รวบจับสองมือผมไว้ด้วยกัน ดันจนนอนหงายไปกับเตียงชิงช้า ปลายเท้าห้อยยังอยู่ที่พื้น เจ้าตัวใหญ่ก้มลงมาใช้ปากงับหัวนมผมเบา ๆ ตวัดเลียจนผมครางอีกรอบ
“คุณหนู นี่มันข้างนอก เราเข้าไปในห้องกันเถอะ”
นาคินทร์ยังมีสติหยุดตัวเองไว้ ผมพยักหน้าเห็นด้วย นาคินทร์รีบรั้งเอาขาผมโอบรอบเอวตัวเอง ยกสูงเดินเข้าห้อง พอปิดประตูได้ นาคินทร์ก็จับผมพิงหลังผมกับประตูทันที
“อย่าหาว่านาคินทร์กักขฬะเลยนะครับ นาคินทร์ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ”
นาคินทร์พูดเสียงหอบ ขยับกระชากดึงกางเกงผมออกทั้งที่ยังยืนอยู่
“คุณหนูจะเจ็บมาก อดทนหน่อยนะครับ”
ผมพยักหน้า นาคินทร์รีบดึงของตัวเองออกมา เมื่อกี้มันหลับ แต่ตอนนี้มันตื่นขึ้นมาพร้อมใช้งานแล้ว นาคินทร์ยกขาผมขึ้น ค่อย ๆ จับผมกลืนกิน ผมตัวสั่นเทา นาคินทร์ทำค่อย ๆ อย่างอดทน ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้ว พอเข้าไปได้ก็ยกตัวผมขึ้น โอบขาผมคล้องเอวตัวเอง
“นาคินทร์จะทำให้คุณหนูมีความสุข นาคินทร์สัญญา”
นาคินทร์ขยับยกตัวผมขึ้นและลงให้ร่างกายเราเชื่อมเข้าหากันและกัน ผมครางออกมาเสียงดัง สองมือนาคินทร์ประคองสองแก้มก้นผมไว้ ขยับมันยกขึ้นกลืนกิน ส่วนผมโอบรอบลำคอคนตัวสูงไว้ เลียริมฝีปากตัวเอง
“จูบ นาคินทร์ จูบฉัน”
นาคินทร์ก้มหน้าลงมาประกบปากตาม ผมครางอย่างพอใจ ทั้งจากด้านบนและด้านล่างที่ถูกปรนเปรอ ผมถูกปรนเปรออย่างหนักหน่วง
“นาคินทร์”
ผมกระซิบเรียก นาคินทร์ครางรับ
“ฉันอยากอยู่เหนือนาคินทร์ ขอฉันได้ไหม”
นาคินทร์มองหน้า อุ้มพาผมลงไปทิ้งตัวลงนอน
“ร่างกายของนาคินทร์เป็นของคุณหนู เชิญคุณหนูใช้งานมันได้อย่างที่คุณหนูต้องการเถอะครับ”
“จริงนะ” ผมถามย้ำ
“ครับ”
ผมยิ้ม ขยับกลืนกินของนาคินทร์อีกรอบ เสื้อผมคลุมไม่ให้เห็นของนาคินทร์ที่อยู่ภายใต้ แต่เห็นความต้องการของผมที่กำลังตั้งชันชนเสื้อ มันเปียกเยิ้มเสื้อไปหมด นาคินทร์หยิบหมอนมาหนุนหัว ยกสูงมอง ผมเลิกอายแล้วครับ
“คุณหนูน่ารัก”
คำพูดมาพร้อมการกระทำ นาคินทร์บีบส่วนหัวน้องผมที่ตึงผ่านเสื้อเบา ๆ ผมครางฮือเพราะรู้สึกเหมือนกำลังถูกแกล้ง ผมขยับเอวกลืนกินของนาคินทร์ นาคินทร์เลื่อนมาจับเอวผม ขยับช่วย ผมครางอย่างพอใจ
“คุณหนูของนาคินทร์น่ารักเหลือเกิน”
นาคินทร์ชม ผมขยับอย่างเชื่องช้า เพราะต้องการค่อย ๆ กินมากกว่าอะไร
กว่าเราจะได้กินมื้อเช้าก็ผ่านไปเกือบเที่ยง นาคินทร์ต้องลงมือทำใหม่ เพราะมดขึ้นก่อน ผมขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำนอน ขืนอยู่กับนาคินทร์อีก ผมคงจะกินนาคินทร์ต่อแน่ ๆ ผมนอนยิ้มอย่างมีความสุข
แต่อีกใจก็ยังหวั่น ๆ เพราะไม่รู้ความรู้สึกลึก ๆ ของนาคินทร์ และอีกอย่าง ถ้าคนอื่นรู้ความจริงขึ้นมาจะเป็นไง คนในครอบครัว พ่อแม่อีก
ผมถอนหายใจแรง ตอนนี้มันทั้งสุขและทุกข์คลุกเคล้ากันไป
ผมหลับกลางวันไปอีกรอบ จนแม่มาปลุก ผมให้เหตุผลที่หยุดงานว่าไม่สบาย โดนแม่ต่อว่านิดหน่อยแต่ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่ผมจะเป็นเด็กดีของแม่เสมอ
คุณเอกสิทธิ์โทรมา แต่ผมไม่ได้รับสาย ยังไม่พร้อมเผชิญหน้า ข้อแรกผมยังรู้สึกแย่ที่เขาทำกับผมแบบนั้น ถ้านาคินทร์ไม่มาช่วย นั่นหมายถึงผมต้องตกเป็นของเขา แต่อีกใจก็ขอบใจเพราะเขาทำให้ผมได้เป็นหนึ่งเดียวกับนาคินทร์
ผมไม่รู้ว่าจะจัดการกับเขายังไงดี เขาอาจโกรธ อาจพยายามจะบีบบังคับให้ผมออกจากบริษัท และแน่นอน ถ้าเขาทำแบบนั้น คนที่ต้องออกคือเขาแน่ ๆ ซึ่งยอมรับว่านอกจากเรื่องนี้ เขาเก่งเรื่องงานจริง ๆ และผมไม่ต้องการให้บริษัทเราสูญเสียคนทำงานเก่ง ๆ แบบนี้ไป
ผมไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครจริง ๆ
แล้วหน้าเลขาก็ลอยเด่นขึ้นมาอีกรอบ ผมโทรไปลางานรอบหนึ่งแล้วเมื่อเช้า ผมหยิบมือถือมาโทรหาอีกรอบ
“ธีระ ผมมีเรื่องจะปรึกษา”
ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ธีระนิ่งฟัง แต่ผมเว้นไว้แค่ไม่ได้เล่าว่าผมได้นอนกับนาคินทร์แทน
“ผมต้องขอโทษคุณหนูจริง ๆ ครับ ผมรู้ว่าเขาเล็งคุณหนูไว้ แต่คิดว่าคุณหนูไม่เล่นด้วยก็คงไม่มีอะไรมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำขนาดนี้ ผมจะไล่เขาออก”
“อย่าเลย” ผมปราม “ถึงเขาจะเสียเรื่องนี้ แต่เราต้องยอมรับว่าเขาเก่งเรื่องงาน ผมอยากปรึกษาว่าทำยังไงถึงจะเก็บเขาไว้ แต่ให้เขาเลิกทำแบบนี้กับผม หรือคนอื่นในบริษัทเรา”
เลขานิ่งคิด
“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง แน่ใจนะว่าจะเก็บเขาไว้”
“อื้ม”
“ได้ครับ แต่ผมจะย้ายคุณหนูไปทำแผนกอื่นนะครับ”
ผมนิ่งคิด ไม่อยากเผชิญหน้าคุณเอกสิทธิ์ตอนนี้เหมือนกัน
“ได้” ผมรับปาก
“แน่ใจนะครับว่ายังไม่ถูกเขาทำอะไร”
“ยัง นาคินทร์เข้ามาช่วยไว้ก่อน”
เลขาถอนหายใจแรง
“โชคดีที่หมอนั่นซื่อสัตย์อย่างกับหมา”
ผมคิ้วขมวดอย่างไม่พอใจ
“นี่ อย่าพูดดูถูกนาคินทร์แบบนั้น”
“ผมเปล่าดูถูก ผมชื่นชมต่างหาก หายากนะครับที่จะมีใครชื่อสัตย์แบบนี้ คุณหนูลืมแล้วเหรอครับ ผมรักหมา ชอบหมา ผมเปรียบนาคินทร์เหมือนหมานี่ดีกว่าผมเปรียบเหมือนคนนะครับ ผมเพราะชอบคนน้อยกว่าหมา”
เอ้อจริง หมาลิซึ่มแบบเลขาผมนี่ชมนาคินทร์แบบนี้ก็ดีแล้ว
“โอเค ฝากด้วย”
เลขารับปาก ผมวางสายไป พักยาวกระทั่งเย็น วันนี้ทุกคนอยู่กันครบเลย เชิดวุธก็พาคุณวิลเลี่ยมมาด้วย พอสองคนนี้มาทีไร ชยันต์จะยิ่งสวีทกับพี่เชนทร์มากขึ้น ตามสไตล์เด็กขี้อิจฉาของน้องคนเล็ก ผมนั่งนิ่งเขี่ยข้าว
ถ้าผมได้คบกับนาคินทร์จริง ๆ นาคินทร์จะได้มาเป็นหนึ่งในครอบครัวของเราแบบนี้ไหมนะ
รู้สึกว่าวันนี้ทุกคนจะมองหน้าผมมากผิดปกติ
“มองไร”
ผมถามไม่เจาะจงคนตอบ
“มีไรปิดบังพวกเราไหมล่ะ”
แม่แหม่มถาม ผมขมวดคิ้วมอง
“มีอะไรครับ”
“ก็มีเรื่องอะไรที่ควรจะเล่าแต่ยังไม่ได้เล่าหรือเปล่า”
ผมนิ่งคิด
“ไม่มีอะไรนี่ครับ วันจันทร์ผมจะย้ายแผนกอีกรอบ”
ผมสรุปสั้น ๆ
“ไม่ใช่เรื่องงาน”
“อ้าว แล้วเรื่องอะไร”
ผมถามงง ๆ
“เรื่องความรัก”
ผมชะงัก มองหน้าแม่ผมที่ถาม กวาดมองหน้าทุกคน ชะงักมากหน่อยก็ชยันต์ที่ทำหน้ากรุ้มกริ่ม ผมชักอึดอัด หรือทุกคนจะระแคะระคาย
ผมเกาแก้ม
“ไม่มีอะไรนี่ครับ ผมยังไม่ได้คบใคร”
“ไม่คบ ไม่ได้แปลว่าไม่มีคนที่กำลังจีบหรือดูใจกันอยู่นี่”
“ไม่มีจริง ๆ ครับ”
ส่วนนาคินทร์เป็นของนอกกรณี เพราะจีบไปก็คงไม่มีทางติด
มั้ง…
ผมชักลังเล เพราะถ้านาคินทร์นอนกับผมได้ ก็มีสิทธิ์เป็นแบบพี่น้องคนอื่น ๆ น่ะสิ เพราะพวกนั้นก็ไม่ได้เป็นเกย์มาตั้งแต่ต้น
“แม่ไม่ว่าหรอกนะถ้าอนุชาจะรักจะชอบใคร ขอแค่เล่าให้ฟัง พามาแนะนำให้ครอบครัวเราได้รู้จักเท่านั้น ชยันต์เขาบอกว่าเขารู้ แต่ไม่ยอมบอกว่าใคร พวกเราก็ไม่เห็นว่าเราจะพาใครมาแนะนำ วัน ๆ ก็ทำแต่งานกับหมกตัวอยู่กับนาคินทร์ แม่เลยไม่รู้ว่าเราแอบไปซุกใครไว้ หรือว่าคนที่บริษัท”
ผมทำหน้าอึดอัด มองหน้าชยันต์ พูดไม่ให้มีเสียง
ไอ้แสบ
ชยันต์ยักคิ้วสองที จะโกหกว่าไม่มีอะไรก็ไม่ได้ เพราะเพิ่งมีไปเมื่อคืนกับวันนี้หยก ๆ จนก้นยังระบมอยู่เลย
“ไว้ให้ผมพร้อมละกันนะครับ เพราะผมยังไม่รู้ว่าทางนู้นเขาคิดยังไงกับผม”
ชยันต์เลิกคิ้วสูง หัวเราะหึ ๆ
“จริงเหรอเนี่ย พวกเราจะรอดูว่าเป็นผู้หญิงยังไง”
ผมทำหน้าอึดอัด ชยันต์หัวเราะคิก พี่เชนทร์เคาะหัวชยันต์เบา ๆ ชยันต์บู้หน้า อมลมจนคนตัวสูงต้องเอาไปนั่งกอดเบา ๆ
รายนั้นก็หาเรื่องอ้อนได้ตลอดศกจริง ๆ
ชิ เห็นแล้วอิจฉา อย่าให้ได้คบนาคินทร์บ้างละกัน จะเอามานั่งตักเย้ยให้ได้มากกว่าชยันต์อีก
วันนี้ผมใช้เวลาอยู่กับครอบครัวกระทั่งเข้านอน ก่อนนอนผมเปิดหน้าต่างออก เผื่อจะเห็นนาคินทร์ยืนอยู่ แต่ไฟในบ้านหลังนั้นปิดสนิท ผมพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ แอบเสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้านาคินทร์ก่อนนอน ผมเข้านอนไปด้วยความสุขในหัวใจลึก ๆ จดจำทุกสัมผัส ทุกคำพูดที่นาคินทร์มีให้
ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรมากระทบหน้าต่างเบา ๆ ผมขมวดคิ้ว มันดังขึ้นอีกรอบ ผมรีบเดินตรงไปเปิดหน้าต่างออก ยิ้มทันทีที่เห็นคนที่ผมต้องการเห็นมายืนอยู่ ไฟในโรงเลื่อยเปิดแล้วดวงหนึ่ง สงสัยนาคินทร์เพิ่งกลับ
นาคินทร์ยิ้ม ยกมือขึ้น ก่อนชูกระดาษที่เขียนด้วยปากกาให้ดู ผมเพ่งสายตาอ่าน หน้าร้อนวูบทันทีที่อ่านจบ
‘นอนหลับฝันดีนะครับ’
ผมชี้หน้านาคินทร์ บอกใบ้ให้คนตัวสูงอยู่เฉย ๆ วิ่งไปหยิบกระดาษมาเขียนกางให้ดู
‘นอนหลับฝันถึงฉันด้วย’
นาคินทร์นิ่งไป ผมก้มอ่านข้อความตัวเอง
ตายห่า เขียนอะไรจากใจเกินไปรึเปล่าเนี่ย ผมอ้าปากพะงาบ ๆ นาคินทร์ยิ้ม ทำสัญลักษณ์ว่าโอเค ผมหัวเราะไม่เต็มปาก แล้วนาคินทร์ก็หายลับไป ผมเดินกลับขึ้นเตียง กลิ้งไปกลิ้งมาด้วยหัวใจฟูฟ่อง
ไม่คิดว่าการได้รักใครสักคนจะทำให้มีความสุขขนาดนี้
แล้วนาคินทร์ล่ะ รักผมบ้างไหม...รู้สึกดี ๆ กับผมบ้างหรือเปล่า
หัวใจที่ฟูอยู่แฟบลงทันที
แต่พอนึกถึงสิ่งที่นาคินทร์ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมา หัวใจผมก็ฟูขึ้นมาอีกรอบ
สรุปคืนนั้นผมก็นอนหัวใจฟูสลับกับแฟบอยู่อย่างนั้นกระทั่งหลับไป
100%
มีต่อ >>
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54278.msg3464150#msg3464150