<@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <@@ แผนการรัก ดักข้างบ้าน @@> อัพเดท ตอน 29 @14-11-59  (อ่าน 26208 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ kajeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • กาเจี๊ยว
น่าติดตามมากครับ
มาให้กำลังใจนักเขียน

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆๆชอบๆๆๆ เรื่องนี้อยากให้ตีพิมพ์ อยากได้หนังสือมากๆๆๆ :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจนะคะ แบบนี้กำลังใจมาเต็มเลย ดีใจที่ทุกคนชอบ

สัญญาว่าจะปั่นนิยายมาให้อ่านกันไว ๆ ไม่หนีหายไปไหนแน่นอนค่ะ

รักทุกคนที่ผ่านเข้ามาเห็น คุณภู น้องกันต์ รวมถึง น้องฟ้ากับตุลย์นะคะ

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
คืนนี้คุณภูจะฝันดีจริงหรือเปล่า จะฝันถึงเพื่อนข้างบ้านไหมค้า??

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 16 ไล่ลูกน้องออกสักคนนี่ผิดกฏหมายรึเปล่า

จากวันที่ไปเที่ยวสวนสนุกกันก็ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เรื่องราวในชีวิตประจำวันก็ปกติเหมือนอย่างทุกวันที่ผ่านเข้ามาในชีวิต งานยุ่ง เครียด เพราะใกล้จะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ แต่มีสิ่งนึงที่ไม่เหมือนเดิมคือสายตาที่มันไม่รักดีที่คอยมองตามผู้ช่วยเลขาหนุ่มตลอดเวลาที่อีกฝ่ายหนึ่งเข้ามาในสายตา  ซึ่งบางวันช่วงเช้าเวลาไปส่งน้องฟ้าที่โรงเรียนก็เจอกับกันตพิชย์ที่ไปส่งหลานชายของเจ้าตัวด้วยเหมือนกัน  เด็กทั้งสองก็คาดว่าตอนนี้สนิทกันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะดูน้องฟ้าจะดีใจที่มีเพื่อนสนิทกับเขาเสียที  ตอนเย็นของบางวันที่ติดงานกันทั้งสองคนก็ให้คนขับรถพาไปเล่นที่บ้านก่อน เลิกงานอีกฝ่ายก็ไปรับหลานชายกลับบ้าน

 

                บ่ายของวันศุกร์ที่นั่งทำงานจนเมื่อยเลยคิดว่าจะไปเดินเล่นซื้อกาแฟมาดื่มสักหน่อย ผมจึงลุกขึ้นบิดตัวไล่ความเมื่อยที่ต้องนั่งทำงานนาน ๆ จากนั้นจึงก้าวเท้าเดินไปที่ประตูห้องทำงานเพื่อนจะออกไปเดินยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย ใครว่านั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศสบาย  ตอนนี้ไม่รู้เป็นโรคออฟฟิศซินโดมหรือยังก็ไม่รู้

 

                “คุณภูจะต้องการอะไรคะ เดี๋ยวนริศหาให้” เสียงนริศราเอ่ยถามทันทีที่เห็นผมเดินออกมาจากห้องทำงาน และเดินผ่านโต๊ะทำงานของเจ้าตัว

 

                “ไม่มีอะไรหรอก แค่ออกมาเดินยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย นั่งนานรู้สึกว่าปวดเมื่อยไปหมด เลยจะลงไปหากาแฟดื่มสักแก้ว มีอะไรก็ทำไปเหอะ ไม่ต้องห่วง” ผมตอบเลขาไปแล้วสายตาก็เหลือบไปมองอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ กัน ฝ่ายกันตพิชย์เมื่อได้ยินเสียงคุยกันก็เงยหน้าจากงานเอกสารที่ทำอยู่ขึ้นมามอง

 

 

                “แต่ว่ามีคนไปเป็นเพื่อนเดินก็ดีเหมือนกัน นายไปกับฉันหน่อยสิ ร้านกาแฟข้างล่างตึกนี่เอง” ผมนึกอยากชวนกันตพิชย์ไปด้วยเพราะอะไรไม่รู้ แต่ช่างมันสิชวนไปแล้วนี่  สิ้นเสียงของผมใบหน้าของชายหนุ่มดูจะงง ๆ เลิกคิ้วข้างนึงเป็นเชิงทวนคำถามประมาณว่าไม่เข้าใจคำชวน แล้วจึงหันหน้าไปหานริศรา ซึ่งฝ่ายนั้นก็ได้แต่พยักหน้าพร้อมยิ้มให้

 

                “ไปเป็นเพื่อนคุณภูหน่อยนะกันต์ เผื่อจะได้ช่วยถืออะไรกลับมาด้วย” เสียงหญิงสาวคนเดียวเอ่ยปากอนุญาตให้ผู้ช่วยเลขาออกมากับผม ซึ่งทำเอาผมสงสัยว่าใครเป็นเจ้านายกันเลยทีเดียว ก็ในเมื่อประธานบริษัทสั่งให้ไปด้วยกันยังต้องหันไปถามหัวหน้าตัวเองอีกรึไง

 

                “ก็ได้ครับ” เสียงรับคำตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังมาด้วย

 

                ผมเดินนำหน้าไปได้ยินเสียงเดินตามมาใกล้ ๆ มาหยุดตรงลิฟท์ที่จะลงไปชั้นล่างพร้อมยื่นมือไปกดเรียกลิฟท์ โดยที่คนข้างหลังยังยืนนิ่ง ๆ อยู่

 

                “ทีหลังถ้าไม่เต็มใจมาก็ไม่ต้องมานะ”

 

       “เปล่านี่ครับ แค่ผมยังมีงานค้างอยู่กลัวว่าจะเสร็จไม่ทัน เพราะว่าจันทร์หน้ามีเสนอราคาโครงการใหม่ แต่คุณชวนก็ดีเหมือนกันครับ ผมกำลังจะพักสายตาอยู่พอดี” เสียงที่ดังมาจากคนข้างหลังทำให้ผมหันไปมองดูสีหน้าที่แสดงออกมาก็ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดหรือไม่เต็มใจแต่อย่างใด

 

ผมก้าวเข้าไปในลิฟท์อีกคนก็ตามเข้ามาพร้อมกดปิดลิฟท์  ผมได้แต่สังเกตคนตรงหน้า ดูเหมือนว่าช่วงนี้กันตพิชย์จะผอมลงไปจากแรก ๆ  จากตอนแรกร่างกายที่สูงโปร่งแต่ตอนนี้ดูจะน้ำหนักลดไปสัก 3-4 กิโลกรัมได้ละมั้งเลยทำให้ช่วงไหล่ดูจะเล็กลง

 

“นี่นายผอมลงไปกว่าแต่ที่มาแรก ๆ หรือเปล่า งานเยอะมากหรือเลี้ยงหลานหนักไป” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม

 

“อืม น้ำหนักน่าจะลดลงไปสัก 4-5 โลนี่แหล่ะครับ ช่วงนี้ทานอะไรก็ไม่ค่อยอร่อย แล้วก็ยุ่งกับงานหลาย ๆ อย่างด้วย  ทำให้ไม่ค่อยอยากทานอะไรเท่าไร อาจจะไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วยมั้งครับ เพราะถ้าได้ออกแรงคงทานได้เยอะเหมือนเดิม” กันตพิชย์หันมาตอบคำถามที่ผมถาม เพิ่งรู้นะว่าคนตรงหน้าเล่นกีฬาด้วย แต่คงไม่ได้เล่นหนักอะไรหรอกเพราะดูแล้วกล้ามก็ไม่ค่อยชัดเท่าไร

 

“นายเล่นกีฬาด้วยหรอ รูปร่างไม่เห็นจะเหมือนคนออกกำลังกายเลย” ผมใช้สายตาสำรวจร่างคนตรงหน้าอีกรอบพอมองขึ้นมาก็สบตากับดวงตาของอีกฝ่ายที่จ้องกลับมาเหมือนกัน

 

“ผู้ชายมันก็ต้องมีบ้างแหล่ะครับ เรื่องเล่นกีฬา อย่างที่บอกว่าช่วงนี้ยุ่งไม่ค่อยได้ออกกำลัง แถมมาอยู่ที่นี่ยังไม่เจอเพื่อนเลยสักคน ก็เลยไม่มีเพื่อนเล่นกีฬามันก็เท่านั้นเอง” เสียงใสขุ่นขลักมาเชียวเลย ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยจะเหวี่ยงไปไหนเนี่ย

 

“ที่ถามเพราะว่าเป็นห่วงกลัวจะไม่สบาย แล้วอยู่กันสองคนกับเด็กถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะลำบากเอาได้ ถ้ามีอะไรก็ขอให้บอกไม่ใช่ว่าเกรงใจ อย่างน้อยเราก็บ้านติดกัน อีกอย่างฉันก็เป็นเจ้านายด้วย แต่ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ” ผมพยายามพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าที่ทักเพราะเป็นห่วงไม่ได้จะว่าเรื่องรูปร่างอะไรเลย

 

“ขอบคุณครับ ผมก็ไม่ได้เคืองอะไรสักหน่อย แล้วผมก็สบายดีอาจจะเพราะว่าเพิ่งย้ายมาใหม่อะไร ๆ เลยยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง” เสียงตอบมาพร้อมส่งยิ้มมาให้ทำให้ผมสบายใจว่าอย่างน้อยคนตรงหน้าก็ไม่ได้ลำบากอะไรกับการอยู่เพียงลำพังน้าหลาน

 

ลิฟท์มาหยุดที่ชั้นล่าง กันตพิชย์หลบให้ผมเดินออกมาก่อน ผมจึงเดินออกมาแล้วเดินนำหน้าไปทางร้านกาแฟ ใต้ตึกออฟฟิศแห่งนี้ ชั้นล่างเราให้มีพื้นที่ในการเช่าร้านเพื่อธุรกิจหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ ร้านอาหารเล็ก ๆ หรือแม้แต่ร้านขนม แต่ก็จำกัดจำนวนไม่ให้มีร้านซ้ำกัน

 

“คุณภูจะดื่มอะไรครับผมจะได้สั่งพนักงานให้ งั้นคุณไปนั่งรอที่โต๊ะด้านโน้นก็ได้ครับ แล้วจะรับขนมมาทานด้วยเลยไหม” กันตพิชย์หันมาถาม พร้อมทั้งบอกให้ผมไปนั่งรอที่โต๊ะได้เลย แต่ผมเดินไปยังเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่มพนักงานยืนรอรับออเดอร์อยู่

 

“ขออเมริกาโน่เย็นแก้วนึง กับเค้กกาแฟเจนัว นายจะดื่มอะไร” สั่งเครื่องดื่มกับพนักงานเสร็จจึงหันไปถามอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

 

“ขอโกโก้เย็น กับเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนครับ”

 

“รายการเครื่องดื่มกับเค้ก 350 บาท เดี๋ยวเราไปเสิร์ฟที่โต๊ะนะครับ” ผมยื่นเงินให้พนักงานพร้อมรับใบเสร็จมาถือไว้แล้วหันหลังเดินมองหาโต๊ะที่ว่าง ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาทำงานไม่ค่อยมีพนักงานมาใช้บริการเท่าไร จะมีก็แต่คนนอกที่มาติดต่อเท่านั้นเอง

 

เมื่อมองเห็นว่ามีที่ว่างจึงเดินนำอีกคนไปนั่งรอเครื่องดื่ม  ฝ่ายนั้นก็ตามมานั่งฝั่งตรงข้าม พลางมองออกไปนอกกระจกของร้าน

 

“ชินกับงานที่นี่หรือยัง” เสียงถามของผมคงเรียกให้กันตพิชย์สนใจได้ ใบหน้านั้นจึงหันมามองหน้าผมนิดนึง

 

“ก็เริ่มชินบ้างแล้วครับ ทั้งงานทั้งเรื่องใช้ชีวิตประจำวัน”

 

“อืม ก็ดีแล้ว มีอะไรลำบากก็บอก เหมือนอย่างที่ฉันเคยบอกนายไว้แล้ว เข้าใจไหม” ผมบอกซ้ำไปเรื่องที่เคยบอกอีกฝ่ายไปแล้ว

 

“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณนะครับ ถ้ามีอะไรจะให้คุณช่วยเดี๋ยวผมจะบอกแล้วกัน” เสียงดังรับคำมาจากปากของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้ผมค่อนข้างพอใจที่ได้ยิน

 

พนักงานนำเครื่องดื่มกับเค้มาเสริฟทำให้เราเงียบอีกครั้ง  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมเลือกที่จะนั่งมองคนตรงหน้าอย่างละเอียดอีกรอบ ก็พบว่ากันตพิชย์เป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ผมสีน้ำตาล จมูกโด่งปลายรั้นนิด ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ดูรวม ๆ แล้วก็เป็นคนหน้าตาดีคนนึง  ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา ผมคิดว่านิสัยน่าจะเป็นคนที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ มีความละเอียดอ่อนในบางเรื่อง อาจจะเพราะมีพี่สาวเลี้ยงดูมา นิสัยอาจจะไม่ได้โหวกเหวกโวยวายเหมือนผู้ชายห่าม ๆ ทั่วไป แต่ก็ไม่ได้ดูเรียบร้อยนัก คงจะยังติดความเป็นผู้ชายอยู่บ้างบางที

 

ซึ่งในบางครั้งชายหนุ่มก็ไม่ได้หัวอ่อนเกินไปนัก มีความคิดเป็นของตัวเอง แม้ในบางครั้งออกจะดื้อไปหน่อยก็เหอะ ถ้าไม่พอใจเถียงได้ก็เป็นเถียงออกมาเหมือนกัน

 

“เดี๋ยวทานเสร็จแล้วนายเดินไปสั่งให้นริศชุดนึงนะ เอานี่เงิน เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปก่อน” ผมยื่นเงินให้กับกันตพิชย์เพื่อให้ซื้อกาแฟไปฝากเลขาสาวที่นั่งทำงานอยู่ข้างบน

 

“ครับ แล้วคุณภูจะขึ้นไปทำงานเลยหรือเปล่าครับ”

 

“อืม มีเอกสารอีกหลายแฟ้มต้องดู นายก็ตามขึ้นไปเร็ว ๆ อย่าอู้ล่ะ”

 

“ผมไม่ได้อู้สักหน่อย นั่งทำงานอยู่ดี ๆ คุณนั่นแหล่ะเป็นคนชวนลงมา ปกติผมงานยุ่งจะตายอยู่แล้วขนาดไม่ได้ลุกไปไหนงานยังไม่อยากจะหมด แต่นี่ออกมาตั้งครึ่งชั่วโมง สงสัยต้องทำงานต่ออีกครึ่งชั่วโมงแน่เลย ชิส์” บ่นออกมาพร้อมถลึงตาส่งมาให้ผม

 

“ก็ชวนมายืดเส้นยืดสายเท่านั้นเอง เห็นทำงานหน้าดำคร่ำเครียดกลัวจะเส้นเลือดในสมองแตกเสียก่อน อย่าหักโหมมากนัก จะได้อยู่ทำงานที่นี่นาน ๆ “ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้ผมต้องลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์แล้วออกเดินไปข้างนอกร้าน

 

เป็นโทรศัพท์จากพนักงานที่ผมให้เข้าไปติดต่อเรื่องซื้อที่ดิน ในจังหวัดน่านเพื่อจะสร้างโรงแรม และรีสอร์ทแห่งใหม่ ซึ่งผลที่ได้ก็น่าเป็นที่พอใจ ที่ผืนนี้ผมติดต่อขอซื้อมานานแล้วแต่เจ้าของยังไม่ขาย คุยกันได้ไม่นานก็วางสาย ซึ่งปลายสายบอกว่าเจ้าของที่ดินตกลงที่จะขายให้เราแล้ว อาทิตย์หน้าให้ให้ทนายเข้าไปเซ็นต์สัญญาซื้อขายได้เลย

 

เป็นข่าวดีเพราะที่ผืนนั้นผมชอบมาก เคยไปเที่ยวแล้วธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ อากาศดี ผู้คนน่ารัก ซึ่งโครงการนี้ผมคิดเอาไว้คร่าว ๆ ว่าจะทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือวิถึชีวิตของคนที่อยู่มาก่อน คงไม่สร้างใหญ่ แต่จะสร้างแบบอิงธรรมชาติให้เหมาะสำหรับที่พักผ่อนอย่างแท้จริง

 

ผมวางสายจากลูกน้องเสร็จแล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้าน  เพียงแค่ก้าวเข้าไปด้านใน สายตาที่มองไปทางโต๊ะที่กันตพิชย์นั่งอยู่ ตอนนี้กลับมีร่างชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ใกล้ ๆ ขาที่ก้าวไปชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อกันตพิชย์รับรู้ว่ามีคนมายืนอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าเรียวนั้นก็เงยหน้ามองพร้อมส่งรอยยิ้มกว้าง ให้กับชายหนุ่มคนนั้น

 

ร่างโปร่งลุกขึ้นพร้อมกับร่างของชายอีกคนก็ยิ้มให้อย่างยินดี มือเรียวยาวของชายหนุ่มร่างสูงอีกคนเอื้อมมาตบไหล่กันตพิชย์เบา ๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้ผมก้าวเท้ายาว ๆ และเร็วไปทางที่สองคนนั้นยืนอยู่ทันที  เมื่อเข้าไปใกล้ได้ยินเสียงพูดคุยอย่างดีใจที่พบอีกฝ่าย  ผมจึงเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างหลังกันตพิชย์ ร่างโปร่งคงรับรู้การกลับมาของผมจึงได้เอี้ยวตัวหันกลับมามอง

 

“คุณภู เสร็จแล้วเหรอครับ  แล้วจะขึ้นไปข้างบนเลยหรือเปล่า” เสียงของกันตพิชย์ถามออกมา

 

“อืม เสร็จแล้ว นายเสร็จธุระหรือยังจะได้ไปสั่งกาแฟให้นริศ” ผมตอบอีกคนแต่สายตามองชายหนุ่มอีกคนอยู่ ผมว่าผมคุ้นหน้าตาชายหนุ่มร่างสูงนี้นะ

 

“สวัสดีครับท่านประธาน  เพทายครับ ทำงานอยู่ไซท์งานครับ วันนี้มีอบรมที่ออฟฟิศเลยต้องเข้ามา พอดีเห็นกันต์เลยเข้ามาทักน่ะครับ” ร่างสูงแนะนำตัว ผมนึกออกแล้วว่าเคยเจอที่ไหน ก็วันนั้นที่ไปไซท์งานคอนโดริมน้ำ วิศวกรที่เข้ามาคุยกับกันตพิชย์นี่เอง

 

“อืม สวัสดี แล้วนี่อบรมเสร็จแล้วเหรอถึงได้เดินออกมาจากห้องประชุมได้”

 

“ยังครับพอดีเบรคช่วงเช้า แล้วผมเลยลงมาหาอะไรทาน แล้วก็คุยเรื่องงานไปด้วย เจอกันต์เลยแวะทักทาย ก็ไม่คิดว่าจะเจอหรอกครับ”

 

“ผมขออยู่คุยกับพี่ทายสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปทำงานนะ” กันตพิชย์หันมาขออนุญาตเพื่อที่จะได้อยู่คุยกับวิศวกรหนุ่มต่อ ผมได้แต่มองหน้าทั้งสองคน ด้านเพทายก็ดูเหมือนจะดีใจที่ได้เจอเลขาผม ส่วนด้านเลขาผมก็ดูเหมือนจะอยากคุยกับอีกคนเหลือเกิน  มีเรื่องอะไรต้องคุยกันนักหนา

 

“งานเยอะไม่ใช่หรือไง มีแต่งานรีบ ๆ ไหนจะต้องซื้อกาแฟไปให้นริศอีก แล้วคุณเพทายจะไม่เข้าอบรมเหรอ เราจัดอบรมเพื่อให้ความรู้ ก็เพื่อประโยชน์ของพนักงาน ถ้ามัวแต่มานั่งคุยกันมันจะไปได้ความรู้ยังไงกัน” ผมออกจะไม่ชอบใจนิดหน่อย ซึ่งก็ทำให้ผมหงุดหงิด คันในหัวใจยิบ ๆ จึงถามออกไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย แต่ไม่ได้แสดงออกมาทางหน้าตาอะไร แค่ทำสีหน้าเรียบเฉยกับน้ำเสียงเคร่งเครียดเล็กน้อย แค่นั้นก็พอแล้ว เพราะเวลาที่ผมทำสีหน้าเรียบตึงพนักงานมักจะกลัวเสียส่วนใหญ่

 

“แค่แป๊บเดียวเอง ไม่เกิน 10 นาทีหรอกครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปทำงานต่อให้เสร็จทันอยู่แล้ว หรือจะให้อยู่เลยเวลาให้ด้วยก็ได้” ร่างโปร่งยังไม่ยอมแพ้ นี่ยังไงก็จะคุยกันให้ได้ใช่ไหม  ทำไมชอบทำอะไรขัดใจผมอยู่เรื่อยเลยนะ

 

สายตาเหมือนรอคอยการอนุญาตของผม ทำให้ทั้งสองคนมองมาแต่มันก็ทำให้ผมเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เพราะจำได้ว่าทั้งสองคนนั้นมีท่าทางสนิทสนมกันมาก่อน  ยอมรับเลยว่าตอนนี้อยากจะรู้ว่ากันตพิชย์มีความสัมพันธ์กับร่างสูงของหนุ่มวิศวกรยังไง

 

“ตามใจ อยากจะคุยกันนานเท่าไรก็ได้ แต่ว่าถ้าฉันเรียกหางาน งานต้องเสร็จเรียบร้อย  ส่วนคุณเพทาย ความรู้ในการอบรมครั้งนี้คุณก็พยายามศึกษา จดจำเอาไว้ให้มากที่สุดแล้วกัน ผมไปก่อนล่ะ” ในเมื่ออยากคุยกันผมจะไปห้ามอะไรได้ครับนอกจากต้องอนุญาตให้ทั้งสองคนพูดคุยธุระกันเป็นการส่วนตัว ถึงแม้ว่าอยากจะนั่งอยู่ด้วยแค่ไหน แต่ก็ต้องทำใจให้สงบ

 

“ขอบคุณครับ ผมรับรองว่างานเสร็จทันแน่นอน คุณภูไม่ต้องห่วง แล้วก็ไม่เกิน 10 นาที จริง ๆ ครับ” กันตพิชย์หันมากล่าวขอบคุณแล้วส่งยิ้มมาให้ผม แล้วหันไปมองหน้าชายหนุ่มอีกคนทั้ง ๆ ที่รอยยิ้มยังไม่จางหายไปจากใบหน้าเรียวนั้น คิดแล้วมันน่าหมั่นไส้พิกล

 

ได้แต่เดินหันหลังออกจากร้านเพื่อจะขึ้นไปทำงานต่อข้างบน เดินมาหยุดหน้าลิฟท์ก็หันไปมองที่ร้านนั้นอีกครั้ง ครานี้ทั้งสองคนนั่งลงที่เก้าอี้โดยที่ร่างสูงของวิศวกรหนุ่มนั่งลงแทนที่ตำแหน่งที่ผมเคยนั่ง แล้วลิฟท์เมื่อไรจะมาสักทีเนี่ย นี่ขนาดลิฟท์ส่วนตัวยังช้าได้ขนาดนี้ทำให้ผมมีเวลามองดูทั้งสองคนยิ้ม หัวเราะให้กันอย่างสนุกสนาน  มือไม้ของอีกคนก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ  เอื้อมมือยาว ๆ นั้นมาลูบศรีษะร่างโปร่ง  แล้วอีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีจะปัดทิ้งเลย กลับหัวเราะชอบใจเสียอีก  ทีเวลาอยู่กับผมไม่เห็นจะหัวเราะแบบนี้บ้างเลย ยิ้มก็ไม่บ่อย แต่เวลานี้ทำไมทั้งสองคนถึงได้ดูมีความสุขกันนัก ผมได้แต่หันกลับมา ไม่อยากสนใจพี่น้องร่วมโลกคู่นั้นแล้ว

 

ผมก้าวเข้าไปในลิฟท์ที่ตอนนี้มาจอดอยู่ที่ชั้นหนึ่ง กดลิฟท์ขึ้นไปชั้นที่ห้องทำงานตั้งอยู่ พลางอดคิดเกี่ยวกับชายหนุ่มทั้งสองคนไม่ได้  เมื่อลิฟท์มาจอดชั้นสูงสุดผมก็ก้าวออกมาจากลิฟท์เดินไปทางห้องทำงาน

 

 

“อ้าว ทำไมคุณภูกลับขึ้นมาคนเดียวล่ะคะ น้องกันต์ไปไหนเสียล่ะ” เสียงนริศราเอ่ยทักขึ้นมา คำถามนั้นจึงได้เข้ามากวนความคิดให้ขุ่นขึ้นมาอีกรอบ ว่าจะไม่คิดแล้วเชียว

 

“ยังอยู่ที่ร้านกาแฟ เห็นมีผู้ชายเข้ามาทัก คงสนิทกันมั้ง เลยขออยู่คุยธุระกันสักครู่ แต่ถ้านานเกินกว่า ครึ่งชั่วโมง นริศก็โทรไปลงตามให้ขึ้นมาทำงานได้เลยนะ เดี๋ยวงานไม่เสร็จ วันนี้ก็วันศุกร์แล้ว วันจันทร์จะได้ส่งต่องานไปแผนกอื่น ๆ ได้เลย” รู้เลยว่าเสียงที่ออกจากปากของผมมันดูเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก น้ำเสียงแบบนี้ผมใช้ในเวลาที่งานมีปัญหาหรือเวลาที่ไม่พอใจเรื่องต่าง ๆ  พูดจบก็เดินเข้าห้องปล่อยให้นริศรามองตามตาปริบ ๆ

 

ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาเหลือเวลาทำงานอีก 2 ชั่วโมง ผมจึงได้แต่ถอนหายใจปรับสภาพความคิดของตัวเองแล้วนั่งลงที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เพื่อจัดการเอกสารต่าง ๆ ให้เสร็จ เพราะเหลืองานที่ต้องจัดการอยูหลายอย่าง พลางนึกขึ้นได้ว่าต้องโทรไปบอกให้ทนายประจำบริษัทไปติดต่อเรื่องการซื้อขายที่ดินที่จังหวัดน่าน  จึงจัดการยกโทรศัพท์ภายในถึงนริศรา

 

“นริศ โทรไปหาคุณพิภพนะบอกว่า ให้เตรียมเอกสารไปทำสัญญาซื้อขายที่ดินที่น่านด้วยวันไหนให้ติดต่อกันเอาเอง”รอให้เลขารับคำสั่งเรียบร้อยจึงวางโทรศัพท์ลงตำแหน่งเดิม พร้อมกับหยิบแฟ้มที่อ่านค้างไว้ก่อนที่จะลงไปร้านกาแฟมานั่งอ่านต่อ พลิกอ่านไปมาอยู่สองสามหน้า ก็ทำให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้มีสมาธิในการทำงานเลยหลังจากขึ้นมาจากร้านกาแฟ

 

ได้แต่ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้หันหน้าไปเปิดม่านเพื่อดูบรรยากาศและรวบรวมสมาธิให้กลับมาอยู่กับตัวมากขึ้น เสียงถอนหายใจยาว ๆ ดังออกมาหลายครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องคิดถึงกันตพิชย์เวลาที่อยู่กับคนอื่นมากขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยจะให้ความสนใจกับใครมาก่อน ใครจะคุยอะไรกับใครไม่เคยเก็บเอามาคิด แต่ใบหน้าที่มีรอยยิ้มนั้นทำให้จิตใจผมไม่สงบเหมือนที่ผ่านมา เป็นเพราะกันตพิชย์หรือเพราะวิศกรร่างสูงกันแน่

 

 

คิดเล่น ๆ ว่าถ้าโทรไปถามทนายว่า การไล่พนักงานออกหนึ่งคนเนี่ยผิดกฏหมายหรือเปล่า หรือว่าต้องจ่ายค่าชดเชยเท่าไร จะเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับผมไหม

 

****************************************************************************************************

 

ผิดไหมที่เอาเวลางานมาแอบปั่นนิยายส่งให้อ่าน  ..........อิอิ อ่านให้สนุกกันนะคะ

ฝากไลค์ฝากถูกใจเพจ @มารน้อยเจ้าสำนัก ด้วยนะคะ



https://www.facebook.com/YAOI.rak/

 

ขอบคุณที่ติดตามอ่านกัน อย่าเพิ่งหนีหายไปไหนอยู่เป็นเพื่อนกันไปจนจบนะคะ ทุกคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-09-2016 19:08:11 โดย มารน้อย เจ้าสำนัก »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :pigha2:


ตลกคุณพ่อ นี่จะไล่ใครออก หื้มมมมม

ที่ดินที่น่านนี่คงเป็นบ้านตากอากาศในอนาคตป่ะคะ??

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
โอ๊ะ โอ จะไล่ใครออกค่ะ คุณภู

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ devilpoo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
หรือว่าเพทายจะคู่กับเพื่อนคุณภูอะ น่าสน :katai4:

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
 :z13: :z13:

กำลังปั่นอย่างต่อเนื่อง งานเขียนแบบก้อมารุมเร้า อะไรกันเนี่ย

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
คนเขียนสู้ๆค่ะ ขอบคุณค่ะ.  :katai2-1:
ไล่ออกน่ะไม่ผิดค่ะ แต่นายจ้างต้องมีเหตุผลและชดเชยอย่างเป็นธรรม. ก็จ้างเป็นพี่เลี้ยงน้องฟ้าแทนไงคะ
 ยัดงานใส่มือไปเลยอีกตำแหน่ง แล้วเดี๋ยวค่อยแถมตำแหน่งแม่บ้านให้ในอนาคต คิคิ

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 17 เป็นอะไรของเขาอีกเนี่ย

ลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่างของอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านค้าหลากหลายที่มาเช่าสถานที่ของตึกสำนักงานใหญ่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้  ร่างสูงของคุณภูเดินนำหน้าไปยังร้านกาแฟ มือใหญ่ผลักบานประตูกระจกเข้าไปในร้านที่มีพนักงานให้การบริการอยู่  เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์สำหรับสั่งเครื่องดื่ม

“คุณภูจะดื่มอะไรครับผมจะได้สั่งพนักงานให้ คุณไปนั่งรอที่โต๊ะด้านโน้นก็ได้ครับ แล้วจะรับขนมมาทานด้วยเลยไหม”  ผมถามร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน

“ขออเมริกาโน่เย็นแก้วนึง กับเค้กกาแฟเจนัว นายจะดื่มอะไร”  ไม่ใช่เสียงตอบผมกลับมาหรอกนะครับแต่เป็นเสียงสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานโดยตรงต่างหาก เมื่อสั่งเองผมก็ไม่ว่าอะไรตามใจสิ

“ขอโกโก้เย็น กับเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนครับ” สั่งให้ด้วยละกันไหน ๆ ก็สั่งแล้ว พนักงานรับออร์เดอร์จากนั้นก็บอกให้เราไปนั่งที่โต๊ะจะนำเครื่องดื่มไปเสิร์ฟให้ในอีกสักครู่ ผมเลยมองหาโต๊ะที่ว่าง แต่คุณภูเดินนำไปแล้วผมเลยต้องเดินตามไปด้วย ได้โต๊ะที่ห่างผู้คนพอสมควร แล้วตอนนี้ลูกค้าก็ไม่มาก อาจจะเพราะว่ายังเป็นเวลาทำงานอยู่เลยไม่ค่อยมีใครมาใช้บริการ

 ผมจึงได้แต่นั่งมองออกไปภายนอกร้านดูผู้คนเล่น ๆ จนกระทั่งได้ยินคำถามดังออกมาจากคนที่นั่งตรงข้าม มันเป็นคำถามแสดงความห่วงใย แต่หน้าตาคนถามมันก็ยังเรียบเฉยอยู่เหมือนเดิม เหอะ จะทำหน้าปกติเหมือนชาวบ้านเขาก็ไม่ทำ คนอะไรจะเก็กทำเข้มไปไหน ตรงนี้ไม่มีลูกน้องอยู่ด้วยสักหน่อย อ้อ ลืมอะไรไปอย่างผมก็เป็นลูกน้องนี่หว่า เมื่อได้ของที่สั่งมาแล้วเรานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยไปได้สักพัก เสียงทุ้มก็บอกออกมาอีกประโยคให้ไปซื้อกาแฟให้นริศราด้วย

 “เดี๋ยวทานเสร็จแล้วนายเดินไปสั่งให้นริศชุดนึงนะ เอานี่เงิน เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปก่อน” คุณภูยื่นเงินที่หยิบออกมาจากกระเป๋าส่งให้

“ครับ แล้วคุณภูจะขึ้นไปทำงานเลยหรือเปล่าครับ”

“อืม มีเอกสารอีกหลายแฟ้มต้องดู นายก็ตามขึ้นไปเร็ว ๆ อย่าอู้ล่ะ” นี่ว่าผมได้ไงคนชวนมันคุณนะ ปากก็ไวเท่าความคิดเถียงกลับไปด้วยความเร็ว

“ผมไม่ได้อู้สักหน่อย นั่งทำงานอยู่ดี ๆ คุณนั่นแหล่ะเป็นคนชวนลงมา ปกติผมงานยุ่งจะตายอยู่แล้วขนาดไม่ได้ลุกไปไหนงานยังไม่อยากจะหมด แต่นี่ออกมาตั้งครึ่งชั่วโมง สงสัยต้องทำงานต่ออีกครึ่งชั่วโมงแน่เลย ชิส์”

“ก็ชวนมายืดเส้นยืดสายเท่านั้นเอง เห็นทำงานหน้าดำคร่ำเครียดกลัวจะเส้นเลือดในสมองแตกเสียก่อน อย่าหักโหมมากนัก จะได้อยู่ทำงานที่นี่นาน ๆ “ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะที่ผมกำลังจะอ้าปากตอบกลับคุณภู  ร่างสูงตรงข้ามก็ต้องลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์แล้วออกเดินไปข้างนอกร้าน

ผมมองตามจึงได้เห็นว่าคุณภูดิสเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวไม่ขาวมากแต่ก็ไม่ได้ผิวแทนหรือผิวสองสีอาจจะเพราะผมเคยได้ยินว่าร่างสูงเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬา ไม่เคยเห็นหรอกนะว่าภายใต้เสื้อเชิ้ตที่อีกคนสวมใส่นั้นมีกล้ามเนื้อประมาณไหน แต่คาดว่าน่าจะเป็นคนที่มีซิคแพคอยู่บ้าง ดวงตาสีดำเข้มวาววับอยู่ตลอดเวลา แถมยังเป็นคนตาดุเสียด้วย แค่จ้องถ้าเป็นเด็กคงร้องไห้ไปแล้ว ผิดกับเวลาที่อยู่กับลูกชาย ดวงตาที่ฉายแววออกมามีความอ่อนโยน ริมฝีปากได้รูป คิดไปคิดมา เจ้านายเราก็เข้าขั้นหล่อเลยหรอเนี่ย

แล้วผมจะไปชมผู้ชายทำไมกันจริงอยู่ว่าผมอยากได้รูปร่างแบบนั้น แต่ทำยังไงก็ไม่มีทางได้มา ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยกีฬาไม่ว่าจะเป็นบาสเก็ตบอล เทนนิสผมก็เล่นนะ อยากจะมีซิคแพคเหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่ได้มาแค่กล้ามเนื้อนิดหน่อย ไม่ได้มีเรียงกันสวยงาม ตามที่อยากได้

หันกลับมาที่เดิมเพื่อจัดการกับเค้กที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ เค้กน่าตาน่าทานมาก กลิ่นหอมของใบเตยรวมถึงมะพร้าวอ่อน 

“อืม อร่อยแฮะ ไม่นึกว่าร้านนี้จะมีเค้กอร่อยวันหลังซื้อไปฝากไอ้อ้วนดีกว่า คงชอบ” ผมตักเค้กมาชิมแล้วถึงกับยิ้มกับรสชาติที่หอมละมุนลิ้น ไม่หวานเกินไป เนื้อเค้กก็นุ่มจนเหมือนจะลายไปในปาก อร่อยจนตักกินหมดแล้วตบท้ายด้วยโกโก้เย็น

“กันต์” เสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง จึงได้หันไปหาต้นเสียงว่าเป็นใครที่เรียก

“อ้าว พี่ทาย หวัดดีครับ มาได้ยังไงเนี่ย” เมื่อหันมาจึงพบว่าเป็นร่างสูงของเพทายรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยส่งเสียงเรียกพร้อมกับร่างนั้นรีบเดินไว ๆ มาทางโต๊ะที่ผมนั่ง

“หวัดดีกันต์ ไม่นึกว่าจะเจอนะเนี่ย” ผมลุกขึ้นยืนคุยกับพี่ทาย คนตรงหน้าส่งยิ้มให้อย่างยินดี

“ปกติก็ไม่ได้ลงมาข้างล่างเวลาทำงานหรอกครับ แต่เผอิญวันนี้คุณภูชวนลงมาซื้อกาแฟ เลยต้องลงมาด้วยเผื่อว่ามีอะไรต้องช่วย”

“วันนี้พี่มาอบรมที่ชั้น 25 ก็ว่าจะโทรหากันต์เหมือนกันแต่ก็กลัวว่างานจะยุ่งเลยไม่ได้โทร” เสียงตอบกลับมาพลางเอื้อมมือมาตบไหล่ผมเบา ๆ

“เฮ้ย นี่ผอมกว่าสมัยเรียนมหาลัยป่ะเนี่ย ทานข้าวเยอะ ๆ หน่อยสิ”

“ก็ผอมแหล่ะ แต่ทานเยอะนะ เพราะมีตุลย์ทานเป็นเพื่อน ทำไมมีแต่คนทักว่าผมผอมอ่ะ ทั้งที่มันก็ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อก่อนเท่าไรนะพี่ทาย” ผมก้มลงสำรวจตัวเอง ก็ไม่ได้ผอมมากนี่นา

“เมื่อก่อนดูแล้วมันหนากว่านี้  เอางี้แล้วกันวันหยุดวันไหน พี่จะไปรับที่บ้านไปเล่นเทนนิสกันดีกว่า พี่ก็ยุ่งไม่ค่อยได้เล่น มีเพื่อนเล่นด้วยก็ดีเลย”

“ได้เลยพี่ทาย ไม่ได้เล่นเหมือนกันยุ่ง ๆ กับหลายเรื่องอยู่ จะได้หัดให้ตุลย์เล่นด้วย รายนั้นอยากเล่นกีฬาทุกอย่าง เอาไว้หลีสาว แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป้าหมายแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ผมนึกถึงตุลย์ที่ชอบมาขอให้ผมสอนให้เล่นเทนนิสเป็นประจำแต่ผมก็ยังไม่มีเวลาว่างสอนให้หลานชาย

“พี่สอนให้ก็ได้ แล้วกันต์ย้ายมาอยู่แถวไหน พี่จะได้รู้ไว้”

“หมู่บ้านฟรอเรสต์วิว ที่แถวเกษตรตัดใหม่นะพี่พาย รู้จักไหม”

“จะไม่รู้จักได้ไงล่ะ โครงการนี้มันของบริษัทเรานี่ บ้านท่านประธานก็อยู่ในโครงการนี้แหล่ะ” ร่างสูงหัวเราะออกมาพร้อมเฉลยว่ามีอีกคนนะที่อาศัยอยู่ที่โครงการนี้ด้วย

“เออ ว่ะ ผมลืมไปได้ไงเนอะ ว่าเป็นโครงการของบริษัทเรา” ผมก็เพิ่งนึกได้เหมือนกันว่าบ้านที่อยู่เป็นโครงการของอุตตมโภคินกรุ๊ป

“เดี๋ยววันไหนว่างพี่จะโทรไปหานะ เราเหอะทำตัวให้ว่างไว้ด้วย”

“ครับ ๆ รู้แล้วน่า”

สักพักผมก็รับรู้ได้ว่ามีเงาของร่างสูงใหญ่ของใครบางคนมาหยุดยืนข้างหลังซึ่งพอมองตามสายตาของเพื่อนรุ่นพี่ก็เจอเข้ากับดวงตาคมกริบของคุณภูนั่นเอง สงสัยคุยธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“คุณภู เสร็จแล้วเหรอครับ  แล้วจะขึ้นไปข้างบนเลยหรือเปล่า” ผมถามร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผม

“อืม เสร็จแล้ว นายเสร็จธุระหรือยังจะได้ไปสั่งกาแฟให้นริศ” คุณภูส่งเสียงเรียบ ๆ ถามออกมาพร้อมมองหน้าเพทายไปด้วย ถามผมมองหน้าผมสิครับแล้วนั่นไปจ้องเขาทำไมเขม็งขนาดนั้นเล่า

“สวัสดีครับท่านประธาน  เพทายครับ ทำงานอยู่ไซท์งานครับ วันนี้มีอบรมที่ออฟฟิศเลยต้องเข้ามา พอดีเห็นกันต์เลยเข้ามาทักน่ะครับ” เสียงอีกคนแนะนำตัวเองให้คุณภูรู้จัก

ด้านร่างสูงของคุณภูก็ตอบรับ พร้อมกับน้ำเสียงที่ค่อนข้างหงุดหงิดเมื่อได้ยินว่าผมขอคุยธุระกับพี่ทายก่อนแล้วจะตามขึ้นไปทำงานทีหลังไม่ทำให้เสียงานหรอก แต่ถึงอย่างนั้นคุณภูก็อนุญาตให้ผมอยู่ต่อได้แต่ก็ไม่วายกำชับอย่างเคร่งเครียด งานมันเสร็จทันอยู่แล้วล่ะน่าไม่เห็นต้องกังวลขนาดนั้นเลย ผมมีความรับผิดชอบพอ

สั่งทุกอย่างเสร็จร่างสูงของคุณภูก็หันหลังเดินออกไปเพื่อขึ้นห้องทำงานชั้นบนสุด  ผมเลยให้พี่ทายนั่งตรงเก้าอี้ตรงข้ามผม

“พี่ทายทำงานที่นี่นานหรือยังครับ แล้วนี่มีแฟนกับเขาบ้างไหมเนี่ยหรือยังบ้างานเหมือนเดิม”

“ก็ทำมาตั้งแต่จบนั่นแหล่ะ ใครจะไปเหมือนเราล่ะ เรียนจบเล่นทิ้งเมืองกรุง หนีกลับไปอยู่ต่างจังหวัด แล้วก็ไม่เคยกลับมาเยี่ยมกันบ้างเลย”

“อ้าว จบแล้วนี่ครับจะอยู่ทำไมกรุงเทพ บ้านอยู่ต่างจังหวัดนี่นา แล้วก็ไม่มีใครช่วยงานพี่สาว ผมเป็นน้องชายก็ต้องช่วยสิ แต่ตอนนี้พี่เสียแล้วเลยต้องหางานทำเลี้ยงหลานเนี่ยแหล่ะ” ผมตอบพี่ทายออกไปตามความจริงเพราะว่าเรียนจบแล้วก็อยากจะช่วยพี่ที่หาเงินส่งเสียผมเรียนมหาวิทยาลัยเลยไม่หางานทำที่กรุงเทพ

“เรื่องพี่สาวกับพี่เขย พี่เสียใจด้วยนะ แต่ถ้ากันต์มีอะไรจะให้พี่ช่วยก็บอกมานะ อย่าเกรงใจ”

“ขอบคุณครับ แล้วถ้ามีอะไรจะให้ช่วยจะโทรไปหาแล้วกัน แล้วไงสรุปว่าตอนนี้มีแฟนไหมเนี่ย” ทวงอีกคำถามที่ยังไม่ได้ตอบผม

“เพิ่งโดนเทมาเดือนที่แล้วนี่สิ บอกว่าพี่ไม่มีเวลาให้ จะไปไหนมาไหนด้วยกันทั้งทีก็ไม่ว่าง เห็นงานสำคัญกว่าก็อยู่กับงานไปเลย แค่นั้นแหล่ะก็เก็บของออกไปจากคอนโด สรุปตอนนี้....โสด” อธิบายมาซะยาวเหยียดที่แท้ก็โดนทิ้งมานี่เอง แต่ดูท่าทางก็ไม่เห็นเดือดเนื้อร้อนใจ

“ไม่เห็นเหมือนคนเพิ่งโดนหักอกมาเลยนี่ เป็นยังไงก็เคยบอกแล้วว่าผู้หญิงน่ะต้องการเวลา อย่าไปทิ้งให้เขาต้องอยู่คนเดียวบ่อย ๆ สิ หัดทำตัวเป็นแฟนที่ดีมั่ง อย่ามัวอ้างแต่งานยุ่ง”

“ก็มันยุ่งจริง ๆ ไม่มาเป็นวิศวกรเองไม่รู้หรอกว่ามันงานรุมขนาดไหน  แล้วเราล่ะ มีแฟนหรือยัง” จะถามผมก็ได้คำตอบเดิมเหมือนตอนเรียนนั่นแหล่ะ

“โสดเหมือนเดิม ก็ไม่รู้จะไปจีบใครไม่มีใครที่เข้ามาพอจะทำให้รู้สึกชอบนี่นา แล้วตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะว่าต้องเลี้ยงตุลย์คงอยู่เป็นโสดอีกนานอ่ะพี่ทาย ไม่อยากให้ตุลย์คิดว่าผมทิ้งหลาน กลัวคนเข้ามาไม่รักหลานผมอ่ะพี่” ผมนึกภาพที่ถ้ามีแฟนแล้วคนนั้นไม่รักหลานผม ผมก็คงไม่คบหรอกครับ คงอยู่เป็นโสดไปเนี่ยแหล่ะจนกว่าหลานจะโตหรือไม่ก็เจอคนที่รักทั้งผมทั้งหลานจริง ๆ

“เดี๋ยวพี่แนะนำให้เอาป่ะ เนี่ยสวย น่ารัก นิสัยดี แต่ห้าว ๆไปหน่อย เป็นเพื่อนพี่เอง สนป่ะ ๆ”

“เดี๋ยวนี้หัดเป็นพ่อสื่อตั้งแต่เมื่อไร แล้วก็ไม่ต้องเลยนะ ไม่เอาหรอก ตอนนี้อยู่แบบนี้แหล่ะดีแล้ว สบายตัวดีไหนจะหลาน ไหนจะงานที่เพิ่งทำ” ผมบอกปฏิเสธไปพลางส่ายหน้าไม่เอาเด็ดขาด

“ไรว้า จะแนะนำสาวให้ก็ไม่เอา เออ ตามใจแต่ยังไงก็โทรมาหาพี่บ่อย ๆ ล่ะ วันหลังไปเล่นเทนนิสกันจะโทรนัดอีกที พี่ต้องขึ้นห้องประชุมแล้ว กันต์ก็ขึ้นไปทำงานได้แล้ว เดี๋ยวจะโดนดุคุยกับพี่นานงานไม่เสร็จ เมื่อกี้พี่ยังกลัวสายตาคุณภูอยู่เลย คนอะไรตาดุชะมัด” เสียงบ่นออกมาแต่ตอนท้ายกลับนินทาเจ้านายซะได้ แต่เป็นใครก็คงกลัวแหล่ะ ทำหน้าตาแบบนั้นยังกับจะไปทะเลาะกับใครเขา

“ก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ แรก ๆ ผมก็เกรงนะทำอะไรไม่ค่อยถูกหรอก โดนดุบ่อยจะตายเรื่องงาน คุณภูเป็นคนเจ้าระเบียบ ละเอียดรอบคอบมาก อะไรก็จะเอาให้ได้ดั่งใจ เกือบถอดใจลาออกไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็อดทนผ่านมาได้ บางทีก็ดูใจดีผิดปกตินะ”

“หือ คนอย่างคุณภูเนี่ยนะใจดี ตรงไหนที่เรียกว่าใจดี เข้าไซท์ไปทีไรเรียกหางานมาดูแล้วจากนั้นนะ ทั้งคำถามเอย คำติเอย รวมถึงให้แก้ไขงานตามมาจนบางทีพี่ก็อยากจะกระโดดตึกที่ตัวเองทำเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยนะ”

“หลัง ๆ ใจดีขึ้นเยอะแล้วนะ เอาเหอะไปทำงานดีกว่าเดี๋ยวจะโดนเรียกหาวันนี้วันศุกร์ด้วย ต้องเสร็จไม่งั้นผมเนี่ยแหล่ะจะเสร็จก่อนงาน เฮ้อ.....” ถอนใจออกมาพร้อมยิ้มเหนื่อย ๆ

“โอเค งั้นพี่ไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวจะโทรหา ฝากบอกตุลย์ด้วยนะว่า จะมีลุงไปเยี่ยมแล้วจะซื้อของฝากไปให้” ร่างสูงใหญ่ของเพทายลุกขึ้นยืนพร้อมกับผม

“เดี๋ยวผมไปสั่งกาแฟให้พี่นริศแป๊บ พี่ทายไปก่อนก็ได้นะไม่ต้องรอ” ผมบอกให้พี่ทายไปก่อนได้เลยเพราะต้องไปซื้อกาแฟขึ้นไปข้างบนอีก จากนั้นร่างสูงจึงได้เดินออกไปเพื่อขึ้นไปอบรมต่อแต่ผมต้องมารอซื้อกาแฟอีกรอบก่อนจะขึ้นไปทำงานให้เสร็จ

ลิฟท์เปิดออกที่ชั้นบนสุด ผมเดินถือแก้วกาแฟและขนมเค้กไปยื่นให้นริศรา หญิงสาวรุ่นพี่เงยหน้าขึ้นมามองพร้อมกับทำหน้าตาสงสัย

“ซื้อมาฝากเหรอ ขอบใจจ๊ะน้องกันต์”

“ซื้อมาฝากแต่เงินเจ้านายนะครับพี่นริศ หึหึ”

“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นแหล่ะ ถ้าเงินน้องกันต์พี่นริศไม่กล้าทานฟรีหรอกจ้า” เสียงหญิงสาวตอบกลับมาอย่างทะเล้น นริศราเป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก ใจดี เป็นกันเอง เธอช่วยสอนงานผมทุกอย่างจนเดี๋ยวนี้เริ่มจะเข้าใจอะไรมากยิ่งขึ้นแล้วต้องขอบคุณที่ทำให้ผมไม่ต้องโดนดุบ่อย ๆ ด้วย

“แล้วคุยกับเพื่อนเสร็จแล้วเหรอ พี่ถามคุณภูไปว่าทำไมไม่ขึ้นมาเขาบอกว่าน้องกันต์ขอคุยกับเพื่อนอยู่ข้างล่างก่อน”

“ครับพี่นริศ เคยเจอกันมาแล้วที่ไซท์งาน พี่ทาย ชื่อเพทายครับเป็นวิศวกรคุมงาน แต่วันนี้มาอบรมที่ออฟฟิศ บังเอิญเจอกันเลยทักทายกันนิดหน่อย วันที่เจอครั้งที่แล้วก็รีบเพราะค่ำได้แต่ขอเบอร์ติดต่อกันไม่ได้คุยกัน วันนี้เจอเลยคุยกัน” ผมตอบนริศราออกไปตามตรง

“แล้วทำไมคุณภูถึงดูเหมือนจะอารมณ์เสียขึ้นมา ตอนลงไปก็ลงไปดี ๆ นี่นา มีอะไรหรือเปล่า” คำถามที่ถูกส่งมาให้ผมทำให้ผมนึกว่าอะไรเป็นสาเหตุให้คุณภูอารมณ์ไม่ดีตามที่หญิงสาวบอกแต่ก็นึกไม่ออกว่าไปทำอะไรหรือไปพูดอะไรไม่เข้าหูร่างสูงหรือเปล่า  อ้อ หรือว่ะเป็นโทรศัพท์ที่ออกไปรับ

“ไม่แน่ใจนะครับ ก็ไม่น่าจะมีอะไรทำให้อารมณ์เสียเลย อ้อแต่มีโทรศัพท์เข้ามา แล้วคุณภูก็ออกไปรับสายข้างนอก จากนั้นเข้ามาเจอผมกับพี่ทายก็เลยดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดี อาจเป็นสายนั้นที่โทรเข้ามาก็ได้นะครับพี่นริศ” ผมตั้งข้อสังเกตไปด้วย แล้วจึงเดินกลับมานั่งโต๊ะทำงานตัวเองต่อ แต่นริศรากลับหันมามองหน้าผม

“ไม่น่าจะใช่นะเพราะเมื่อกี้ก่อนที่น้องกันต์จะมา คุณภูโทรมาบอกเรื่องที่ดิน แต่นั่นคือเรื่องดีนะเพราะว่าเจ้าของที่ดินยอมขายที่ให้เราแล้ว ที่ดินนี้คุณภูอยากได้มากเลยนะ ติดต่อขอซื้อมาเป็นปี ๆ ก็ไม่ยอมขายสักที”

“อ้าว แล้วถ้าอย่างนั้นมันเรื่องอะไรกันล่ะ แต่ผมก็เห็นว่าคุณภูก็ชอบอารมณ์ไม่ดีอยู่เรื่อย ๆ นะครับ แต่ช่างเหอะทำงานดีกว่า เดี๋ยวโดนดุกว่าเดิมอีก ตอนแรกที่ผมขออยู่ต่อเหมือนจะไม่ให้ด้วยล่ะ แต่ไม่รู้ยังไงถึงอนุญาต ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนจะหงุดหงิดอยู่บ้างน้ำเสียงไม่เต็มใจเท่าไร” ได้ทีก็บ่นให้คนข้างในห้องไปกับนริศราบ้าง อีกฝ่ายก็จ้องหน้าผมอีกครั้งแล้วหัวเราะเบา ๆ  แล้วก็หันไปทำงานของตัวเองต่อไม่สนใจผมอีกเลย

เห็นอย่างนั้นผมก็เลยต้องก้มหน้าทำงานของตัวเองให้เสร็จ งานที่เหลือวันนี้ไม่เยอะเท่าไร คงได้กลับบ้านตรงเวลาไม่ต้องอยู่ทำโอที  นั่งทำงานไปจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ก็ได้ยินโทรศัพท์ดังขึ้นเล่นเอาผมสะดุ้งสุดตัวเลยทีเดียวเพราะกำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงานที่ทำ

“ครับ คุณภูมีอะไรครับ ... ครับ สักครู่นะครับ” รับสายตอบรับการสนทนากับคนข้างในห้อง เพราะโทรมาเรียกให้ผมเข้าไปพบ อย่ามามีงานเร่งตอนห้าโมงแบบนี้นะ พลางลุกขึ้นเดินไปทางประตูบานใหญ่ของห้องท่านประธาน  จากนั้นเคาะประตูรอจนมีเสียงอนุญาตจึงได้ผลักบานประตูนั้นเข้าไป

“มาแล้วครับ คุณภูมีอะไรจะใช้ผมเหรอ” ผมส่งเสียงถามออกไปทำให้ร่างสูงละจากเอกสารที่อ่านอยู่แล้วเงยหน้าขึ้นมา

“วันนี้ไปทานข้าวที่บ้านด้วย” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับสบตาผม

“ห๊ะ !!!! ทานข้าวที่บ้าน บ้านไหนนะครับ” ผมร้องเสียงหลง ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ฉันบอกว่าเย็นนี้ให้นายกับหลานชายของนาย ไปทานข้าวที่บ้านฉันด้วย น้องฟ้าชวน ทีนี้เข้าใจหรือยัง” ร่างสูงพูดย้ำออกมาอีกครั้งพร้อมสีหน้าท่าทางที่ยังดูอารมณ์ไม่ดีหลงเหลืออยู่

“ทำไมครับ ไม่ไปได้ไหมวันนี้ผมว่าจะทำกับข้าวให้ตุลย์ทาน ตุลย์อยากทานสปาเก็ตตี้” ผมเอ่ยถามออกไปยิ่งทำให้ร่างสูงตรงหน้าทำสีหน้าเรียบตึงยิ่งขึ้นไปอีก

“น้องฟ้าชวน จะไม่ไปให้น้องฟ้าเสียใจรึยังไง แล้วสปาเก็ตตี้ ถ้าอยากทานเดี๋ยวจะโทรไปบอกให้ที่บ้านทำไว้ให้จะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำเอง กว่าจะกลับถึงก็มืดค่ำแล้ว ยังต้องเสียเวลามาทำอาหารเย็นอีก” น้ำเสียงเพิ่มระดับความหงุดหงิดออกมาอีกเลเวล

“แต่ว่าผมอยากทำให้ตุลย์ทานเองนี่นา” ผมยังคงต่อรองอีกไม่ได้อยากไปสักหน่อยถึงจะอยากเจอน้องฟ้าก็เหอะแต่ถ้าเจ้าของบ้านที่จะนั่งทานข้าวด้วยหน้าเป็นยักษ์แบบนี้ใครมันจะไปเจริญอาหารกันล่ะ

“อย่าดื้อนักได้ไหม เมื่อกี้ก็ครั้งนึงแล้วนะ ชอบทำอะไรให้ฉันหงุดหงิด บอกอะไรก็ทำตามที่บอกก็พอ เอาตามนี้แล้วกันเลิกงานแล้วก็รีบกลับบ้าน” พูดจบก็ก้มหน้าลงทำงานต่อปล่อยให้ผมยืนคิดอะไรคนเดียว นี่ผมดื้อตรงไหนกัน คุณภูนั่นแหล่ะเอาแต่ใจตัวเองเกินไปแล้ว คิดได้แค่นั้นก็หันหลังออกจากห้องทำงานของผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบริษัทนี้ไป  ถ้าได้หันกลับไปมองสักนิดคงเห็นว่า สายตาร่างสูงเงยหน้าจากแฟ้มงานที่อ่านแล้วมองตาแผ่นหลังของร่างโปร่งนั้นไปจนประตูปิดสนิท



*************************************************************************************



แอบมาตอนมืด ๆ อาศัยนั่งเน็ตออฟฟิศช่วงชุลมุนวุ่ยวาย



ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ คำติชม ของทุกคนนะคะ ดีใจที่มีคนติดตาม



ฝากเพจ @มารน้อย เจ้าสำนัก ด้วยนะคะ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :really2:   อิอิ ให้มันได้อย่างนี้สิ ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ตอนมันสั้นลงหรือเปล่าาาา
  ><


ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนมันสั้นลงหรือเปล่าาาา
  ><

ขอโทษอย่างแรงส์ นี่แอบปั่นในเวลางานด้วยนะ มันเลยสั้นลง ๆ   ตอนหน้าแก้ตัวใหม่เนอะ  5555

ออฟไลน์ minkey

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ไปๆมาๆ น้องฟ้าจะได้แม่ก่อนน้องตุลยจีบน้องฟ้าติดละแน่อ่ะ

 :-[ :o8: :กอด1:

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
คุณภูต์รักน้องกันต์โดยไม่รู้ตัวเเล้วสิ  หึงหวงน้องกันต์ซะขนาดนั้น   :mew1: :mew1:แต่เอ พี่เพทายคู่กับหนุ่มลูกเสี้ยวอย่างไตรทศ หรือเปล่านะอยากให้คู่นี้ได้กันคู่กันรักกัน :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
คุณภู่เริ่มออกตัวแรงแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ Jadd

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ชิ คุณภูนี้เอาแต่ใจน่าดู

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
สนุกมากๆ ครับ ตอนหน้าขอยาวๆนะครับ อิอิ

ที่ชวนไปทานข้าวที่บ้าน นี่น้องฟ้าชวนจริงหรออออ 555+

ออฟไลน์ johari317

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :-[(ว่าที่)คุณแม่ เหนื่อยหน่อยนะคะะะ คุณพ่อเอาแต่ใจเหลือเกินนนนนน

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตอนที่ 18 แขกผู้มาเยือน

              เช้าวันเสาร์ที่พระอาทิตย์เพิ่งจะส่องแสงโผล่มาให้มนุษย์โลกทั้งหลายได้รับรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องตื่นแล้วแต่ผมยังนอนเล่นบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงนุ่ม ๆ ท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ของเครื่องปรับอากาศที่ทำงานมาทั้งคืน  เช้าวันเสาร์แบบนี้อยากนอนตื่นสาย ๆ บ้าง เพราะวันธรรมดาต้องตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวทั้งไปโรงเรียนของตุลย์กับการไปทำงานของตัวเอง

                มองดูนาฬิกาแล้วได้แต่มุดศรีษะลงไปในผ้าห่มผืนหนาเพื่อซุกหาความอบอุ่น ซึ่งปกติเช้าวันเสาร์และวันอาทิตย์ เป็นวันที่ผมอนุญาตให้ตัวเองตื่นสายกว่าวันทำงานได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะถ้ามากกว่านี้ตุลย์จะมาโวยวายเรื่องอาหารเช้า แต่ถ้าผมตื่นแล้วแค่นอนเล่นไปมาไม่กี่นาทีก็ต้องลุกขึ้นมาแล้วล่ะ ก็เพราะมันเป็นนิสัยแล้วนะสิที่ว่าตื่นแล้วมันจะนอนต่อไม่ได้อีก

                นี่ก็นอนพลิกตัวได้สามรอบถ้วน ก็ลุกขึ้นมาเก็บผ้าห่มและเดินเข้าไปทำธุระส่วนตัวจากนั้นเดินลงไปหน้าบ้านออกมายืดเส้นยืดสายเสียหน่อย เดินไปที่ก็อกน้ำที่มีม้วนสายยางอยู่ก็จัดการดึงสายยางออกมา กดหัวฉีดให้เป็นละอองฝอย เพื่อรดน้ำต้นไม้กับหญ้าที่สนามไม่ให้มันเหี่ยวเฉาไปมากกว่านี้

                พลางมองดูรอบ ๆ บ้าน สังเกตว่าต้นไม้ที่โครงการปลูกให้มีบางต้นที่เริ่มเหี่ยวแห้งตายไปบ้าง คงต้องถึงเวลาสะสางแล้วหามาปลูกเพิ่มเติมแล้วมั้งงานนี้ ฉีดน้ำไปที่สนามหน้าบ้าน ก็สูดเอาอากาศยามเช้าเข้าปอดไปด้วย นาน ๆ ตื่นมาเจออากาศดี ๆ แบบนี้ก็สดชื่นไปอีกแบบ

                เสียงตึงตังดังออกมาจากตัวบ้านพร้อมเสียงตะโกนเรียกหาผมลั่น แต่ผมก็ไม่ได้ขานรับหรอก ให้วิ่งออกมาหานั่นแหล่ะดีแล้ว จะได้ออกมาข้างนอกบ้านตอนเช้า ๆ มั่ง

                “น้ากันต์ ๆ ๆ อยู่ไหนค้าบบบบ” เสียงเรียกยังดังต่อเรื่อย ๆ

                “แฮ่ก ๆ ๆ อยู่นี่เอง ตุลย์เรียกก็ไม่ขานตอบอ่ะ” ร่างอวบกลม วิ่งมาหยุดอยู่ข้างผม ผมทำเพียงแต่หันไปมองแล้วหันมารดน้ำต้นไม้ต่อเท่านั้นเอง

                “ว่าไง แล้วจะเรียกทำไมเสียงดัง น้าได้ยินอยู่แล้ว แต่อยากให้ตุลย์มาหาตรงนี้เองแหล่ะ”

       “น้ากันต์ทำอะไร รดน้ำต้นไม้เหรอ มันจะตายหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นสวยเหมือนที่บ้านเก่าเราเลยเนอะ ที่นั่นนะดอกไม้ที่แม่ปลูกสวยกว่านี้ตั้งเยอะ หอมกว่าด้วย” สายตาของตุลย์มองไปรอบ ๆ พร้อมกับบ่นออกมา

“แล้วตุลย์อยากปลูกเหมือนที่บ้านเก่าเราไหมล่ะ” ผมหันไปถามเจ้าตัวอ้วน

“อืม อยากปลูกให้เหมือนที่แม่ปลูกเลยนะ บ้านเราจะได้หอม ๆ สวย ๆ น้ากันต์ส่งสายยางมาตุลย์ช่วยรดน้ำให้” มืออ้วน ๆ ยื่นมาขอสายยางกับผม ซึ่งผมก็ยื่นให้

“งั้นวันไหนว่าง ๆ เราไปซื้อต้นไม้มาปลูกกันใหม่แล้วกัน วันนี้รดน้ำแล้วเดี๋ยวค่อยถอนเอาต้นที่ตาย หรือใกล้ตายทิ้งไปก่อน” ผมยกหน้าที่รดน้ำต้นไม้ไปให้ตุลย์ส่วนตัวเองก็เดินไปหาอะไรมาขุดดินเพื่อเอาต้นไม้ที่ตายออกมากองรวมกันไว้ แต่ผมก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนจะทำงานเราควรต้องทานอาหารเช้ากันก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะหมดแรงกันไปก่อนงานจะเสร็จ

“ว่าแต่หิวหรือยัง น้าว่าไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวหมดแรง”

“ดีเหมือนกัน ตุลย์เริ่มหิวแล้ว วันนี้กินข้าวผัดกุ้งได้ไหม ขอไส้กรอกกับไข่ดาวด้วยนะน้ากันต์ เพิ่มพลังเยอะ ๆ จะได้ช่วยน้ากันต์ทำสวนให้สวย ๆ” เสียงตอบกลับมาพร้อมวางสายยางที่ฉีดน้ำรดต้นไม้ลงบนพื้น

“ได้ ตุลย์ไปล้างมือแล้วนั่งดูการ์ตูนรอก่อนไปเดี๋ยวน้าไปทำข้าวผัดให้เสร็จแล้วจะเรียก” ผมเดินเข้าบ้านพร้อมกับหลานชายตัวอ้วนกลมซึ่งวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ ส่วนตัวผมล้างมือในอ่างเรียบร้อยจึงเปิดตู้เย็นหยิบเอาวัตถุดิบต่าง ๆ ที่จะต้องเป็นส่วนประกอบของอาหารมื้อเช้ามาวางบนโต๊ะ

สักพักได้ยินเสียงตุลย์เดินมาเปิดตู้เย็นหยิบเอานมสดออกมาเทใส่แก้ว แล้วถือเดินไปนั่งหน้าโทรทัศน์ดูการ์ตูนหรืออะไรที่เจ้าตัวอยากดูระหว่างรอมื้อเช้า  ใช้เวลาไม่นานในการจัดการทำข้าวผัด ทอดไส้กรอกและไข่ดาวสำหรับเราสองคนน้าหลาน

“ตุลย์มากินได้แล้ว ข้าวผัดเสร็จแล้ว” ผมเรียกตุลย์ให้มาทานอาหารเช้าที่ทำเสร็จแล้วและกำลังส่งกลิ่นหอมออกมาทั่วห้องครัว

“มาแล้ว ๆ หือออออออ หอมมากน้ากันต์ ขอบคุณมากครับ” ตุลย์ยกมือไหว้เมื่อผมยื่นจานข้าวผัดส่งให้เจ้าตัว พร้อมรินน้ำเปล่าใส่แก้วมาวางไว้ให้ จากนั้นก็นั่งลงตรงข้ามเพื่อทานข้าวเช้าด้วยกัน

“อย่ารีบ เดี๋ยวสำลักข้าว เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืนด้วย” ไม่ลืมที่จะเตือนตุลย์เพราะกลัวว่าไอ้ท่าทางที่รีบกินจะทำให้เจ้าตัวสำลักอาหารได้

“รู้แล้วครับ  ก็มันอร่อยนี่นา ตอนแรกตุลย์ก็ว่าตุลย์ไม่หิวนะน้ากันต์ แต่พอได้กลิ่นข้าวผัดเท่านั้นแหล่ะ ถึงได้รู้ว่าหิวมากกกก” เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พร้อมคำตอบ

“ก็มันจะ 8 โมง อยู่แล้วก็ต้องหิวเป็นธรรมดา ปกติตุลย์กินตอน 6 โมงครึ่งนี่  วันหยุดตื่นสายแถมยังออกไปรดน้ำต้นไม้ใช้แรงไปนิดหน่อย ไม่หิวสิแปลก ผิดปกติสำหรับตุลย์เลยล่ะ กินให้หมดวันนี้เราต้องเป็นคนใช้แรงงาน ต้องเหนื่อยอีกเยอะ” จากนั้นเราสองคนน้าหลานก็นั่งทานข้าวจนหมดจานทั้งสองคน อิ่มมากครับบอกเลย

“เฮ้ออออออ อิ่มมากน้ากันต์ พุงตุลย์จะแตกไหมเนี่ย” ว่าพลางลูบพุงกะทิน้อย ๆ ของตัวเองไปด้วย

“เก็บจานมาน้าจะล้าง ตุลย์ไปนั่งย่อยอาหารก่อนสักครึ่งชั่วโมงนะ แล้วขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาตัวที่ไม่ค่อยได้ใส่เพราะเดี๋ยวลุยแล้วจะสกปรกซักยาก” ผมลุกเดินไปล้างจานที่อ่างล้างจานแล้วบอกให้ตุลย์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ใส่ตัวที่ไม่ค่อยได้ใช้ เพราะงานทำสวนคงเป็นอะไรที่มอมแมมน่าดู

ล้างจานเสร็จผมเลยเดินขึ้นไปเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกันสวนกับตุลย์ที่เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว คงเดินไปนั่งดูทีวีเพื่อรอผมแหล่ะ ผมเดินเข้าห้องไปเปิดตู้เสื้อผ้า เลือก ๆ ดูได้เสื้อยืดคอกลมสีกรมท่าลายกราฟฟิกมาตัวนึง ส่วนกางเกงเป็นกางเกงขาสั้นเลยเข่ามานิดหน่อยสีเทา  เสร็จแล้วจึงเดินลงมาข้างล่าง

“ย่อยหมดยังตุลย์จะได้เริ่มงานเป็นคนสวน” ผมเดินมาหยุดหลังโซฟาที่ตุลย์นั่งอยู่แล้วส่งเสียงทักออกไป ตุลย์หันหลังกลับมามองแล้วยิ้มให้

“พร้อมนานแล้วน้ากันต์ ป่ะไปกันดีกว่า” แล้วเจ้าตัวก็หยิบรีโมทมากดปิดทีวีแล้วเดินนำหน้าผมออกไปที่สวนหน้าบ้าน

“เราจะเริ่มตรงไหนกันก่อนอ่ะ มันเหมือนจะตายตั้งหลายต้นนะ ดูสิน้ากันต์เหี่ยวหมดแล้วเนี่ย ต้นอะไรก็ไม่รู้ดอกก็ไม่มี”

“ริมรั้วก่อนแล้วกัน ตรงนั้นไม่ร้อน เดี๋ยวน้ากันต์ไปหาอะไรที่พอจะขุดต้นที่มันตายออกมากองไว้” ผมเดินไปทางหลังบ้านที่มีห้องเก็บของแล้วไปรื้อ ๆ ค้น ๆ ก็ได้เสียมอันเล็ก ๆ ที่เอามาจากบ้านหลังเดิมพร้อมเจอถุงมือไหมพรมพอที่จะใส่ไม่ให้มือเจ็บได้ด้วย ดีเลยนึกว่าไม่มีซะแล้ว

“เอานี่ใส่ถุงมือก่อนเดี๋ยวมือเจ็บ น้าจะขุดรอบ ๆ แล้วตุลย์ค่อยเป็นคนถอนต้นที่มันตายมากองไว้นะ” ผมยื่นถุงมือให้ตุลย์คู่นึง ส่วนตัวใส่ไว้ด้วย

“น้ากันต์ถอนออกหมด  แล้วค่อยไปหาต้นไม้ที่มีดอกกับหอม ๆ มาปลูกไม่ได้หรอ ต้นพวกนี้ตุลย์ไม่เห็นว่ามันจะสวยตรงไหน มีแต่ใบ” ตุลย์ส่งเสียงถามขึ้นมาคงอยากได้ดอกไม้สวย ๆ

“จะว่าได้ก็ได้นะ แล้วแต่ตุลย์เลย อยากได้ต้นอะไรล่ะ  งั้นริมรั้วฝั่งนี้เราปลูกมะลิดีไหม หอมด้วยเหมือนที่แม่ปลูกไว้ที่บ้านเก่าไง” ผมคิดว่าจะปลูกอะไรดี นึกถึงว่าเราเคยปลูกมะลิไว้ที่บ้านเพราะพี่สาวผมชอบปลูกต้นไม้ดอกไม้ โดยเฉพาะดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม มะลินี่ชอบเป็นพิเศษวันพระไหนมะลิออกดอกเยอะพี่ก็จะเด็ดมาร้อยมาลัยถวายพระ

“ดี ๆ ตุลย์ชอบ ตกลงเอามะลิมาปลูกตรงนี้แล้วกัน ปลูกยาวไปถึงหลังบ้านเลยนะ เวลาออกดอกเยอะ ๆ จะได้หอม เผื่อแม่จะได้กลิ่นด้วย แม่ชอบ” ผมยิ้มให้กับความคิดหลานชาย ที่ว่าจะปลูกมะลิให้แม่

“โอเค ตามนั้นเลยตุลย์ งั้นน้ารื้อต้นไม้เล็ก ๆ แถวนี้ออกหมดเลยนะ  ตุลย์มาคอยลากไปรวมกันไว้ก็แล้วกัน” จากนั้นเราสองน้าหลานก็สวมหน้าที่คนสวนเต็มตัว ผมขุดตุลย์ลากไปรวมกันไว้กลางสนามหญ้า ขุดต้นไม้มันเหนื่อยเหมือนกันนะครับเนี่ย แค่ต้นเล็ก ๆ ทำไมมันใช้แรงเยอะขนาดนั้นด้วย

“เหนื่อยแล้วอ่ะตุลย์ ไม่คิดว่าจะใช้แรงเยอะแบบนี้ต้นก็เล็ก ๆ เอง” ผมบ่นไปพลางใช้ไหล่เช็ดเหงื่อที่ไหลมาตามใบหน้าออกอย่างไม่สนใจเท่าไรนัก

“เฮ้อ  ตุลย์ก็เหนื่อย อ่ะน้ากันต์ ยังไม่ถึงไหนเลย ได้แค่ครึ่งเดียวเองแล้ววันนี้มันจะเสร็จไหม” สายตาผมเลื่อนตามแปลงต้นไม้ที่อยู่ริมรั้วไปก็พบว่าเราขุดมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง ทำไมมันยาวอย่างนี้ตอนซื้อบ้าน บ้านมันก็หลังเล็ก ๆ เองนี่ แต่พอมาลงแรงอะไรแบบนี้ทำไมกำแพงบ้านมันถึงได้ยาว

“ตุลย์ไปพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวน้าทำต่อเอง แค่นี้สบายมากเดี๋ยวก็เสร็จ เหลืออีกครึ่งเดียวเอง แดดก็เริ่มร้อนแล้วเดี๋ยวตุลย์ไม่สบาย” ผมไล่ให้ตุลย์ไปนั่งพักใต้ต้นไม้ที่พอจะมีร่มเงาบังแดด

“เดี๋ยวตุลย์ไปเอาน้ำมาให้นะ ร้อนหิวน้ำแล้วด้วย” พูดจบก็วิ่งพาร่างอวบอ้วนเข้าบ้านไป ผมเลยต้องหันมาขุดต้นไม้ออกเพื่อจะได้ให้เสร็จก่อนที่แดดจะแรงไปกว่านี้ แต่ดีนะที่ตำแหน่งที่นั่งขุดต้นไม้อยู่ตรงนี้ ตัวบ้านที่บังแสงแดดได้ดีทำให้สามารถนั่งทำงานได้จนกว่าจะเที่ยงกันเลยทีเดียว แต่ผมไม่ทำถึงเที่ยงหรอกนะครับมันร้อน

“น้ากันต์ ดื่มน้ำก่อนตุลย์เอามาให้แล้ว” ร่างของตุลย์เดินมาพร้อมกับขวดน้ำกับแก้วน้ำในมือ ผมจึงลุกขึ้นถอดถุงมือแล้วคว้าเอาขวดน้ำมารินใส่แก้ว พลางยกขึ้นดื่ม

“ขอบใจมากตุลย์ อ่ะ เอาไปวางไว้ที่โต๊ะนั้นก่อน” ได้น้ำเย็น ๆ แก้วนึงนี่มันชื่นใจเสียจริง ๆ เลย

หันไปมองกองต้นไม้ที่ถอนออกมาแล้วตุลย์ลากไปกองรวมกันไว้ก็เห็นว่ามันเยอะเหมือนกันนะ  จะเก็บไปทิ้งที่ไหนคงต้องไปถาม รปภ.หน้าหมู่บ้านเพราะอย่างนี้มันใส่ถังขยะไม่ได้ซะด้วย

“น้ากันต์  เราจะไปซื้อต้นไม้กันที่ไหน แล้วไปวันไหน ตุลย์จะไปช่วยเลือกต้นมะลิ เอาอย่างอื่นด้วยได้ไหมน้ากันต์แต่ตุลย์ไม่รู้ว่าต้นไหนหอม ต้นไหนดอกมันจะออกมาแล้วสวย แม่จะได้ชอบดอกไม้ที่ตุลย์ปลูก” เสียงของตุลย์ทำให้ผมต้องหันไปมองหลานชายก็พบว่าตุลย์นั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ เอามือท้าวคางไว้บนหัวเข่าไว้ แต่ใบหน้าตุลย์มีแต่รอยยิ้ม ผมจึงได้ยิ้มตามไปด้วย ไม่คิดว่าตุลย์จะจริงจังขนาดนี้

“ไปจตุจักรแล้วกัน เผื่อเราอยากได้อย่างอื่นด้วยเพราะมันขายของหลายอย่างเป็นตลาดนัดที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพแล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปกัน วันนี้ทำแค่ตรงนี้ให้เสร็จก่อนต้องเตรียมพื้นที่ ที่จะเอาต้นไม้มาลง”

“มันไกลไหมน้ากันต์ จตุจักรเนี่ย” พลางทำท่าคิดไปด้วย เหมือนจะรู้จักเนอะอ้วนเนอะ

“ไม่ไกลเท่าไรถ้ารถไม่ติดนะ แต่เราไปเช้า ๆ แดดไม่ร้อนคงไม่ติดเท่าไรหรอก” ผมตอบข้อสงสัยให้ตุลย์

นั่งถอนต้นเกือบเสร็จหมดแล้วเหลืออีกเพียงไม่กี่ต้นเท่านั้น ผมก็ได้ยินเสียงออดดังขึ้นที่หน้าบ้าน เราสองคนมองหน้ากัน ตุลย์ยักไหล่เบะปากใส่ ประมาณว่าไม่รู้ใครมาน้ากันต์ไปดูเอาเองละกัน ผมเลยได้แต่ชะโงกหน้าไปมองก็ไม่เห็นจึงต้องลุกเดินไปทางประตูหน้าบ้าน  คนมาเยือนส่งเสียงออกมาทักก่อนที่ผมจะเดินถึงประตูเสียอีก

“น้ากันต์ครับ ๆ เปิดประตูให้ฟ้าเข้าไปหน่อย” เสียงเล็ก ๆ เรียกผมให้เร่งมาเปิดประตูให้เจ้าตัวที่ยืนเกาะประตูเล็กอยู่หน้าบ้านผม

“อ้าว น้องฟ้า มาได้ยังไงครับ แล้วมากับใคร” ผมเอื้อมมือไปบิดตัวล็อกประตูเพื่อเปิดให้น้องฟ้าเข้ามาข้างในบ้านพร้อมกับส่งคำถามไปให้

“มากับคุณพ่อครับ คุณพ่อพาไปขี่จักรยานที่สวนหย่อมในหมู่บ้าน แล้วฟ้าอยากมาหาน้ากันต์กับตุลย์เลยให้คุณพ่อพามา” เสียงของน้องฟ้าดังขึ้นอย่างรื่นเริง แล้วไหนคุณพ่อของน้องฟ้าละครับน้ากันต์ไม่เห็น แต่พอมองไปด้านข้างจึงพบกับร่างสูงของคุณภูยืนจูงจักรยานแอบอยู่อีกด้านหนึ่ง เสาประตูรั้วบ้านมันบังอยู่นี่เอง มิน่าตอนแรกถึงมองไม่เห็นแล้วจะยืนแอบทำไม

“อ้อ สวัสดีครับคุณภู เข้าบ้านก่อนครับ” ผมเปิดประตูให้กว้างสุดเพื่อให้ทั้งสองพ่อลูกจูงจักรยานของตัวเองเข้ามาจอดไว้ในบ้าน ทั้งสองคนเดินเข้ามาข้างในบ้านพร้อมกับจักรยาน คุณภูอยู่ในชุดเสื้อยืด กับกางเกงขาสั้นเลยเข่า เนื้อผ้าบางเบาดูสบาย ๆ เห็นอย่างนี้แล้วผมว่าดูน่าเข้าหามากกว่าวันทำงานเสียอีก ส่วนน้องฟ้า ชุดที่ใส่เป็นกางเกงขาสามส่วนสีขาวสวมเสื้อสีฟ้า ลายการ์ตูนน่ารัก

“น้ากันต์ทำอะไรกันอยู่ครับ” น้องฟ้าถามขึ้นมา ผมเดินตามสองพ่อลูกเข้ามาหลังจากปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว

“กำลังขุดต้นไม้ออกครับ ว่าจะปลูกต้นไม้ใหม่ เพราะต้นที่โครงการปลูกไว้ให้บางต้นมันตาย บางต้นมันก็เริ่มเหี่ยวแล้วอีกไม่นานมันน่าจะตายเหมือนกัน” ผมอธิบายให้น้องฟ้าฟัง แต่ดูเหมือนว่าร่างสูงจะฟังไปด้วย ทางด้านตุลย์ที่มองเห็นว่าใครมากดออดหน้าบ้าน ก็วิ่งดีใจยิ้มแป้นเข้ามาหาน้องฟ้าด้วยความเร็วปานสายฟ้าแล่ป

“ช้า ๆ ตุลย์เดี๋ยวล้ม ไม่ต้องรีบก็ได้น้องฟ้าไม่ได้จะรีบไปไหนเสียหน่อย” ผมต้องส่งเสียงห้ามไม่ให้ไอ้อ้วนของผมวิ่งเร็วเกินไปเพราะกลัวว่าจะสะดุดล้มไปเสียก่อน

น้องฟ้ายิ้มรับรอยยิ้มของตุลย์ที่ส่งมาให้พร้อมเดินเข้าไปหา ผมหันไปมองหน้าคุณภูก็ไม่พบอะไร  พบแต่ใบหน้าที่ดูจะร้อนเหงื่อซึมออกมานิดหน่อยตามไรผม

“คุณภูนั่งที่เก้าอี้นี่ก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำเย็นมาให้ดื่ม” พูดจบผมก็เดินหายเข้าไปในบ้านทันทีไม่รอให้ร่างสูงตอบรับหรือปฏิเสธ เมื่อได้น้ำดื่มกและแก้วสำหรับสองพ่อลูกแล้วผมก็เดินออกมา แต่พบว่าร่างสูงเดินไปหยุดที่กองต้นไม้ที่ผมถอนออกมากองรวมกันไว้ที่สนามหญ้า พลางกอดอกมองนิ่ง ๆ

“น้ำได้แล้วครับ น้องฟ้ามาดื่มน้ำก่อนเพิ่งขี่จักรยานมาเหนื่อย ๆ แต่ค่อย ๆ จิบนะครับเดียวจะจุกเอาได้ นี่ของคุณภูครับ” ผมจัดการยื่นแก้วน้ำที่รินไว้ให้ทั้งสองคน ซึ่งน้องฟ้านั่งอยู่ข้างกับตุลย์ที่ม้านั่งยาว

“นี่นายทำไมต้องถอนออกหมด แค่ถอนต้นที่มันตายแค่นั้นก็พอไม่ใช่หรือไง” เสียงทุ้มถามออกมาพลางยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม

“ผมกะว่าจะปลูกต้นไม้ใหม่นะครับคุณภู ตุลย์เค้าอยากได้ดอกมะลิที่เหมือนกับบ้านหลังเดิมของพวกเรา แล้วคงหาอย่างอื่นมาลงด้วยแต่คงเป็นพวกไม้หอม ไม้ดอกมากกว่าไม้ใบน่ะครับ” ผมอธิบายถึงเรื่องที่ต้องถอนต้นไม้ออกมาทั้งหมดแถวริมแนวกำแพงบ้านเช่นนี้

“ใกล้เสร็จแล้วนี่  เหลืออีกนิดเดียว ฉันช่วยจะได้เสร็จไว ๆ” ภูดิสว่าพลางวางแก้วแล้วเดินไปที่แถวต้นไม้ที่รอคิวถอนอยู่ซึ่งมันก็เหลือไม่เยอะแล้ว

“ไม่ต้องหรอกครับเหลืออีกนิดเดียวเองผมทำเองได้ เดี๋ยวชุดคุณเปื้อน” ผมบอกปฏิเสธไป แต่อีกคนดูเหมือนจะไม่ฟังอะไรผมเลยสักนิดกลับเดินไปหยิบเสียมมาเพื่อลงมือขุดดินรอบ ๆ ต้นไม้นั้นออก

“ฉันบอกว่าจะช่วยนะดีแล้ว แล้วก็ถอดถุงมือนายมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย ส่วนนายคอยเก็บต้นไม้พวกนี้ไปกองรวมกันก็พอ” ร่างสูงหันมาทำตาดุใส่ผมพร้อมกับบังคับให้ผมถอดถุงมือให้เจ้าตัว ซึ่งผมจ้องตากลับไม่ยอมทำตามที่สั่ง จนร่างสูงทนไม่ไหวคว้ามือผมได้ก็ใช้มือใหญ่ของเจ้าตัวแหล่ะบังคับถอดถุงมือแล้วเอาไปใส่เสียเอง

“น้องฟ้านั่งรอพ่ออยู่ตรงนี้นะครับ พ่อจะขุดต้นไม้ ตรงนั้นมันร้อนไม่ต้องออกไปนะ” คุณภูหันไปสั่งให้น้องฟ้านัน่งอยู่กับที่ แต่กับที่นั้นคือข้าง ๆ ตุลย์นะครับ สงสัยจะลืมว่าเคยหวงลูกชายจนไม่ให้ใครเข้าใกล้

“งั้นน้องฟ้าเข้าไปดูการ์ตูนข้างในบ้านรอก่อนก็ได้นะครับ ตุลย์ด้วยเข้าไปล้างหน้าล้างมือ พาน้องฟ้าไปด้วยเหงื่อออกเต็มตัวแล้วก็หาขนมในตู้เย็นมากินรอได้เลยนะ”

“ครับน้ากันต์ ไปกันเถอะน้องฟ้า เดี๋ยวตุลย์พาไปดูการ์ตูนกับกินขนมอร่อย ๆ กันดีกว่า ตรงนี้ร้อนน้องฟ้าจะไม่สบาย” เฮ้ย ๆ น้อย ๆ หน่อยไอ้อ้วน  นั่นไปจูงมือลูกชายเขาอีกเดี๋ยวพ่อเขาก็หันมากัดเอาหรอก ยิ่งดุ ๆ อยู่ด้วย

“ส่วนนายมาช่วยฉันขนต้นไม้นี่ไปได้แล้ว” หันกลับมาเจอกับต้นไม้ที่ถูกขุดออกมาหลายต้นแล้ว ทำไมไวจังวะ ทีผมขุดตั้งนานกว่าจะได้แต่ละต้น แต่นี่อะไรคุณภูขุดแป๊บเดียวได้เยอะแล้ว ความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหน หรือดินตรงนี้มันจะขุดง่ายกว่าตรงที่ผมขุด

“อ้าว ยืนเหม่อทำอะไรอีก มาเร็ว ๆ สิ ชักช้าอืออาด เมื่อไรมันจะเสร็จ” เสียงทุ้มเร่งให้ผมเดินเข้าไปช่วยพร้อมกับเหน็บผมกลับมาอีก

“ครับ ๆ รู้แล้ว ขนเดี๋ยวนี้แหล่ะครับ”

“แล้วนายรู้เหรอว่าจะเอาต้นไม้พวกนี้ไปทิ้งที่ไหน”

“ไม่รู้หรอกครับ เดี๋ยวค่อยไปถามรปภ.เอาก็ได้” ผมตอบร่างสูงที่ตั้งหน้าตั้งตาขุด ส่วนผมก็หอบเอาต้นที่ขุดแล้วไปกองไว้

“เฮ้อ ฉันคิดไว้แล้วว่านายต้องไม่รู้ ช่างมันเหอะ เดี๋ยวจะให้คนสวนที่บ้านมาขนออกไปทิ้งให้แล้วกันจะได้ไม่เปื้อนรถนายด้วย” โอ๊ะ ใจดีผิดปกติ แต่น้ำเสียงติดจะรำคาญนะนั่นน่ะ

“ขอบคุณครับ ดีเลยผมก็ไม่รู้จะเอาไปทิ้งยังไงเหมือนกัน นึกว่าจะต้องขนใส่ท้ายรถไปทิ้งหลายรอบเสียแล้ว”

“จะไปซื้อต้นไม้ที่ไหนมาปลูกแทนต้นพวกนี้” ถามสั้นได้อีกนะครับคุณ

“ก็ว่าจะไปจตุจักรแหล่ะครับ ง่ายดีไม่ไกลด้วย เผื่อออยากได้อะไรเพิ่มเดินหาเอาก็พอมีเพราะมันขายหลายอย่าง อีกอย่างผมก็ไม่ได้ไปจตุจักรนานแล้วไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปเยอะไหม” ผมตอบอีกคนไปพลางก้มลงไปหอบต้นไม้อีก 2-3 ต้นที่อีกฝ่ายขุดมากองไว้ข้างตัว

“อืม จะซื้อเยอะไหม”

“ไม่แน่ใจ ก็ว่าจะปลูกมะลิให้ตลอดริมกำแพงฝั่งนี้ เพราะปลูกเยอะ ๆ เวลาออกดอกมันหอมดี ตุลย์ชอบ”

“งั้นเดี๋ยวขุดเสร็จแล้วไปอาบน้ำเตรียมตัวฉันจะมารับไปซื้อต้นไม้”

“ห๊ะ!!! ว่าอะไรนะครับไปซื้อต้นไม้ คุณภูจะไปด้วยเหรอ” ผมตกใจถามออกไปพร้อมกับทำหน้าแหย ๆ

“ทำไมไปกับฉันไม่ได้หรือยังไง หรือว่ามีใครไปด้วยแล้ว” เสียงที่ตอบกลับมาดูหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ผมถามกลับไปว่าจะไปด้วยกันเหรอ

“ไม่มีใครไปด้วยหรอกครับเพราะว่าไม่ได้นัดใครไว้ แต่ที่ถามเพราะว่าคุณภูจะไปจริงเหรอ จตุจักรมันร้อนนะไม่น่าจะเหมาะกับคุณภูเท่าไร”

“นายรู้ได้ไงว่ามันไม่เหมาะ แล้วฉันเดินจตุจักรไม่ได้รึไง” ทีนี้หันมาจ้องหน้าผมเต็ม ๆ เลยครับ

“ก็ใครมันจะไปรู้ว่าอย่างคุณภูเดินตลาดนัดเหมือนกับคนอื่นเขาได้ด้วย นึกว่าเดินช็อปอยู่แต่ในห้างอย่างเดียวนี่ครับ” ผมตอบอย่างหวาด ๆ นิดหน่อย

“สมัยเรียนมหาวิทยาลัยฉันเคยมาเดินกับพวกเพื่อน  ๆ แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอก เพราะส่วนมากก็อย่างที่นายคิดนั่นแหล่ะ ซื้อของในห้างเพราะมันใช้ทนกว่ากัน” อธิบายมาให้ผมเข้าใจว่าเจ้าตัวก็เคยเดินตลาดนัดเหมือนกัน

“งั้นก็ตามใจเลย อยากไปก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่อย่ามาบ่นทีหลังแล้วกันนะครับ”

ผ่านไปเกือบชั่วโมงต้นไม้ตลอดแนวกำแพงบ้านก็ถูกร่างสูงของคุณภูถอนออกมาจนหมด ซึ่งผมมีแค่หน้าที่หอบไปกองไว้เท่านั้นเอง แดดเริ่มแรงขึ้น อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นตามเวลาที่สายขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าของชายหนุ่มที่นั่งยอง ๆ ขุดต้นไม้เต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลมาตามไรผมลงมาถึงคาง หยดลงสู่พื้นดิน

เห็นแบบนั้นผมเลยเดินเข้าไปในบ้านหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กแล้วเดินกลับออกมาที่ตำแหน่งของร่างสูงนั่งอยู่  ผมเอื้อมมือที่มีผ้าอยู่ในมือไปซับเหงื่อที่ไหลลงมาอย่างเบา ๆ แต่ใบหน้าคมเข้มก็กันมาเสียก่อน สายตาดุจ้องมองผมที่กำลังเช็ดหน้าให้ แต่ผมก็ไม่ได้หยุดมือที่ทำอยู่ ใบหน้าของคุณภูสีแดงระเรื่อเพราะร้อนและเต็มไปด้วยเหงื่อ

“ร้อนมากเลยล่ะสิ เหงื่อเต็มหน้าเลย อยู่นิ่ง ๆ นะผมจะเช็ดให้ ”

ผมเช็ดจากแก้มซีกซ้ายแล้วจึงย้ายไปด้านขวา จากนั้นจึงเลื่อนมือไปซับเหงื่อที่หน้าผากให้ คุณภูหลับตาเพื่อให้ผมเช็ดเหงื่อให้สะดวกและกันไม่ให้เหงื่อไหลเข้าตา เช็ดจนหมดแล้ว ดวงตาที่หลับอยู่ก็ลืมมาสบเข้ากับดวงตาของผมที่มองใบหน้าคมเข้มหล่อเหลานั้นอยู่ก่อนแล้ว

ร่างสูงยกยิ้มออกมาน้อย ๆ  ดวงตาดุดูมีประกายแปลก ๆ จากนั้นมือใหญ่ของคุณภูจึงยื่นมาแย่งเอาผ้าผืนเล็กนั้นมาแล้วเอื้อมมือมาเช็ดหน้าผม

“นายก็มีเหงื่อเหมือนกัน แถมยังมีรอยเปื้อนดินด้วย” มือใหญ่ไล่เช็ดไปตามแก้มผมอย่างเบามือ ไม่นึกว่าผู้ชายที่ดูดุ เงียบขรึมเช่นนี้จะทำแบบนี้ได้ ผมไม่ได้หลับตาเหมือนคุณภูตอนที่ผมเช็ดหน้าให้หรอกนะครับ แต่ผมจ้องเข้าไปในดวงตาของร่างสูงตรงหน้าผม ดวงตาดุเข้มนั้นตอนนี้ทำไมมันไม่ได้ดูน่ากลัวสักนิดกลับดูเหมือนกับว่าผมถูกดวงตาคู่นั้นดึงดูดให้เข้าไปหา

ผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้กว่าที่มือใหญ่จะละออกจากใบหน้าผมพร้อมรอยยิ้มที่กว้างกว่าเมื่อสักครู่ ซึ่งนั้นทำให้ใบหน้าผมเริ่มร้อนขึ้นมา เอ ....อากาศมันร้อนขึ้นมากระทันหันหรือเปล่าวะ ทำไมหน้ามันดูเหมือนจะร้อนผ่าวพิกล

“เสร็จแล้ว นายไปเรียกตุลย์ให้ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วเดี๋ยวฉันมารับไปซื้อต้นไม้ด้วยกัน” เสียงทุ้มปลุกให้ผมออกจากห้วงความคิดบางอย่าง

“ครับ” ผมตอบรับคำเดียวอย่างสมองเบลอ ๆ พลางนึกว่าเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นกับผม เลยได้แต่ลุกตามแรงฉุดของร่างสูง ปล่อยให้มือใหญ่จับจูงมือผมเดินเข้าไปข้างในบ้าน

“น้องฟ้า กลับบ้านกันได้แล้วลูก” เสียงคุณภูเรียกให้น้องฟ้าที่กำลังนั่งดูการ์ตูนกับตุลย์ให้ลุกขึ้นเพื่อกลับบ้าน

“นายอาบน้ำรอเลยเดี๋ยวฉันมารับ ไม่เกิน ครึ่งชั่วโมง แค่นั้นคงพอนะ” สั่งอีกทีแล้วหันหลังเดินออกไปพร้อมกับลูกชายของตนเอง

“ตุลย์ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เดี๋ยวเราจะออกไปซื้อต้นไม้กันเลย” ผมเรียกให้ตุลย์ไปจัดการตัวเอง ร่างอ้วนดีใจรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องอย่างรวดเร็ว ซึ่งผิดกับผมที่เดินขึ้นบันไดไปอย่างเชื่องช้า

ตึก ตึก ตึก เสียงอะไรดังขึ้นข้างในอกผม อาบน้ำไปก็คิดถึงดวงตาคู่นั้นที่เผลอจ้องไปเสียนาน เหมือนจะถูกดูดให้เข้าไปในดวงตาดุคู่นั้น ได้แต่สะบัดศรีษะไล่ความคิดสับสนออกไปจากหัว แล้วอาบน้ำแต่งตัวลงมานั่งรออยู่ข้างล่าง ซึ่งพอลงมาก็พบกับร่างของตุลย์ที่อาบน้ำแต่งตัวพร้อมออกไปข้างนอกนนั่งรอเรียบร้อยมาก

“เสร็จแล้วไปกันเลยน้ากันต์ ตุลย์พร้อมแล้ว” ร่างอ้วนกลมลุกขึ้นมาจูงมือผมให้ออกเดินแต่ผมยื้อไว้

“เดี๋ยวก่อน รอน้องฟ้ากับพ่อน้องฟ้าก่อน บ้านนั้นเขาจะไปกับเราด้วย” ผมบอกตุลย์แล้วจึงนั่งลง ฝ่ายตุลย์ได้ยินก็ดีใจ

 

“น้องฟ้าไปกับเราด้วยเหรอน้ากันต์ ดีจัง งั้นนั่งรอก่อนก็ได้เนอะ จะได้ไปเดทกับน้องฟ้าด้วย โชคดีอะไรอย่างนี้พี่ตุลย์เนี่ย อิอิ” ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะไอ้อ้วน แล้วการที่เขาไปซื้อต้นไม้ด้วยเนี่ยเรียกว่าเดทเหรอ

 

 

*******************************************************************

 

ตอนใหม่มาแล้วจ้าาาา ตอนนี้แอบใส่ความหวานเข้าไปนิดนึงเรียกน้ำย่อย เฉย ๆ  เพราะกลัวว่าถ้าหวานกว่านี้จะผิดคอนเซ็ปของคุณภูที่ต้องออกแนวดุ เก็ก ๆ ขรึม ๆ

 

ขอบคุณที่ยังติดตามกันนะคะ รักทุกคนค่ะ

 

พูดคุยผ่านเพจกันได้นะคะ

 

https://www.facebook.com/YAOI.rak/


 :mew1: :mew1: :mew3: :mew3:

 :o8: :o8: :-[ :-[

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
อื้อหือ นางเอกเช็ดเหงื่อให้ สายตาปิ๊งๆ

 :fire:

อยากได้ดราม่าาาาาาาาา

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สปาร์คกันกลางแดดเบาๆ
ชอบๆ

ออฟไลน์ leemmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-6
คุณภูเนียนมากเลยจริงๆเล๊ย :mew2: :mew2: :mew5:

ออฟไลน์ มารน้อย เจ้าสำนัก

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ฟิน เบา ๆ ค่อย ๆ มีอีกฝ่ายเข้ามาในใจ

คงไม่หวือหวามากมาย แล้วอาจจะไม่มีดราม่า 555++

ก้อติดตามกันต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกคนค่ะ ^_^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด