วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)  (อ่าน 56137 ครั้ง)

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันศุกร์สีฟ้า

---------------------------------------------------------------

“ศุกร์ใช่ไหม? เสาร์รักศุกร์ใช่ไหม?”

“ใช่”

“อย่าพูดบ้าๆ! วันศุกร์เป็นน้องชายนายนะ!!”

.

.

.

.

“ทำไมต้องโกหกพี่ชายด้วยล่ะ?”

“ก็พี่เสาร์ขี้หวงมากน่ะสิ ถ้ารู้ว่าผมมานอนหอคนแปลกหน้าแบบนี้ มีหวังเป็นเรื่อง”

“หืม...คนแปลกหน้า?”

“ทะ..ทำอะไร”


“งั้นเรามาขยับความสัมพันธ์กันหน่อยดีไหม?”



---------------------------------------------------------------

บ่นหอยปูปลา :
https://www.facebook.com/aonair13/
https://twitter.com/aiting137

---------------------------------------------------------------

สารบัญ

วันศุกร์ที่ 1.0

วันศุกร์ที่ 1.5

วันศุกร์ที่ 2.0

วันศุกร์ที่ 2.5

วันศุกร์ที่ 3.0

วันศุกร์ที่ 3.5

วันศุกร์ที่ 4.0

วันศุกร์ที่ 4.5

วันศุกร์ที่ 5.0

วันศุกร์ที่ 5.5

วันศุกร์ที่ 6.0

วันศุกร์ที่ 6.5

วันศุกร์ที่ 7.0

วันศุกร์ที่ 7.5

วันศุกร์ที่ 8.0

วันศุกร์ที่ 8.5

วันศุกร์ที่ 9.0

วันศุกร์ที่ 9.5

วันศุกร์ที่ 10.0

วันศุกร์ที่ 10.5

วันศุกร์ที่ 11.0

วันศุกร์ที่ 11.5

วันศุกร์ที่ 12.0

วันศุกร์ที่ 12.5

วันศุกร์ที่ 13.0

วันศุกร์ที่ 13.5

วันศุกร์ที่ 14.0

วันศุกร์ที่ 14.5

วันศุกร์ที่ 15.0

วันศุกร์ที่ 15.5

วันศุกร์ที่ 16.0

วันศุกร์ที่ 16.5

วันศุกร์ที่ 17.0

วันศุกร์ที่ 17.5

วันศุกร์ที่ 18.0

วันศุกร์ที่ 18.5

วันศุกร์ที่ 19.0

วันศุกร์ที่ 19.5

วันศุกร์ที่ 20.0

วันศุกร์ที่ 20.5

วันศุกร์ที่ 21.0

วันศุกร์ที่ 21.5

วันศุกร์ที่ 22.0

วันศุกร์ที่ 22.5

วันศุกร์ที่ 23.0

วันศุกร์ที่ 23.5

วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:32:35 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿
«ตอบ #1 เมื่อ01-07-2016 21:07:32 »

วันศุกร์ที่ 1.0



“เราก็ปีสี่กันแล้วนะ อีกไม่นานก็จะจบ” หญิงสาวในชุดกระโปรงแต่งระบายสีสด ถูฝ่ามือตัวเองไปมาด้วยความตื่นเต้น ต่อหน้าเธอคือเพื่อนร่วมคณะ เจ้าของตำแหน่งเดือนมหาวิทยาลัยเมื่อสามปีก่อน

“เกศเข้าเรื่องเลยเถอะ”

“อะ...อืม คือว่าเรา...” เกศรายังคงอ้ำอึ้ง สีหน้าของคนตรงข้ามนิ่งเฉย ยากเกินคาดเดา เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกสุดลึก ก่อนกลั้นใจโพล่งออกมาพร้อมใบหน้าขึ้นสี “เราชอบนาย!”

“...”

“เราชอบนายมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว เสาร์เองก็ไม่เคยคบใคร มันจะเป็นไปได้ไหมถ้า...”

“ขอโทษนะ”

“ห้ะ..?”

ชายหนุ่มเอ่ยปากเสียงเรียบ ท่าทางลำบากใจดูขัดกับคำพูดโหดร้ายที่เพิ่งเปล่งออกมา คนฟังได้แต่อ้าปากค้าง หัวสมองเบาหวิวแทบไม่อยากรับรู้อะไรต่อไปอีก

“เราคบกับเกศไม่ได้หรอก เกศเป็นเพื่อนที่ดีมาก แต่เราไม่เคยคิดเกินเลยไปมากกว่านั้น” ราวกับมีดที่กรีดเข้ากลางใจ เธอพยายามส่ายหน้าเหมือนไม่ต้องการยอมรับ น้ำเสียงสั่นเครือเริ่มฟังดูมีน้ำโห

“ทำไมล่ะ? เราไม่ดีตรงไหนเหรอ เสาร์ถึงได้รังเกียจ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ เราไม่ได้รังเกียจ แต่เราเห็นเกศเป็นแค่เพื่อน”

“อย่าพูดเลย! เสาร์มีใครในใจแล้วมากกว่า” คำพูดที่เหมือนกับประโยคตอกย้ำ ขณะเดียวกันก็ฟังดูคล้ายคำถาม และคำตอบสั้นๆ ของมัน ก็ทำเอาเธอห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกอัดแน่นเต็มอก ทั้งผิดหวังและโกรธเคือง

“อืม”

เธอรู้ดีว่าหัวใจของนายวันเสาร์ เพื่อนคนนี้ ถูกผู้ใดครอบครองอยู่ หากตลอดมาเธอไม่เคยคิดจะยอมรับมัน แต่ตอนนี้คงต้องเชื่อแม้ไม่อยากจะเชื่อก็ตาม

“ศุกร์ใช่ไหม? เสาร์รักศุกร์ใช่ไหม?”

วันเสาร์ชะงัก เขาดูตกใจไม่น้อยที่เพื่อนสาวตรงหน้าบังอาจมาล่วงรู้ความลับในใจ ริมฝีปากเม้มแน่นเหมือนกำลังคิดไม่ตก หากในท้ายที่สุดก็ต้องยอมพยักหน้าอย่างจำนน

“ใช่”

“จะบ้าไปแล้วเหรอ!” เกศรากรีดร้อง ไม่สนใจอีกต่อไปว่าจะมีใครผ่านมาได้ยินบทสนทนานี้บ้างไหม “วันศุกร์เป็นผู้ชายนะเสาร์!”

“จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่เกี่ยว ขอแค่เป็นวันศุกร์ เราก็จะรัก”

“อย่าพูดบ้าๆ! วันศุกร์เป็นน้องชายนายนะ!!”

เธอเริ่มแผดเสียงดังขึ้นอีก น้ำหูน้ำตาแห้งเหือดไปแล้ว ตอนนี้ในใจมีเพียงความโกรธ ไม่รู้ว่าสมควรโกรธอะไรมากกว่ากัน วันเสาร์ที่ปฏิเสธความรักของเธอ วันศุกร์ที่มาแย่งหัวใจของคนที่เธอรักไป หรือต้องโทษฟ้าโทษโชคชะตา ที่ทำให้เธอมามีใจให้กับคนที่ไม่เคยหันมองแบบนี้

“ไม่ใช่เรื่องของเกศ”

คำพูดสุดแสนเย็นชา ทำเอาหญิงสาวหน้าตึง สาบานว่าเธอยอมถูกตบสักฉากยังดีกว่าต้องทนฟังประโยคทำร้ายจิตใจ วันเสาร์เป็นคนเข้าถึงยาก ใครๆ ต่างรู้ แต่เธอเองก็พยายามมาตลอดสามปี เพื่อให้ได้มาอยู่ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งของเขา แต่ตอนนี้ความหวังทุกอย่างมันกำลังพังทลาย เพราะเด็กผู้ชายคนเดียว...

ใช่...เพราะอีเด็กวันศุกร์ อีเด็กกาฝาก ที่มาขโมยหัวใจของวันเสาร์ไป!

 

 

“ลงชื่อด้านนี้เลยครับ” รุ่นพี่ปีสาม ของมหาวิทยาลัยชื่อดังตะโกนเรียกน้องๆ เข้าใหม่ พวกเขาถูกอาจารย์ต้อนมาช่วยงานปฐมนิเทศของคณะกันเป็นจำนวนมาก แถมยังขัดไม่ได้อีก เพราะงานนี้คณบดีลงมาคุมเอง ขืนไม่ทำตัวเอาหน้าไว้ จะอยู่ยากเสียเปล่าๆ

ถ้าจะมีใครที่ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นล่ะก็ เห็นจะเป็นคุณชายกันติกรณ์ หรือนายกันต์ เพื่อนตัวดี ที่วันๆ เอาแต่ทำกร่างไปทั่ว ทำตัวเป็นใหญ่แค่เพราะบ้านรวยนิดรวยหน่อย...เอ่อ ก็ไม่หน่อย แต่ก็แค่บ้านรวย แถมพ่วงด้วยตำแหน่งหลานคณบดีที่ว่าเท่านั้น

“มึงๆ ดูน้องคนนั้น” หนึ่งในกลุ่มผู้ว่างงานกระทุ้งศอกใส่กันติกรณ์ที่มัวเหล่สาวๆ ให้หันมองเด็กมาใหม่

สายตาของเขารีบกวาดไปทั่วหวังจะได้เจอรุ่นน้องสวยๆ แต่ที่พบกลับเป็นเด็กผู้ชายตัวบาง เจ้าของผิวขาวนวลเนียน รับกับเส้นผมระต้นคอสีดำประกายน้ำตาล หน้าม้าซอยปัดข้างยิ่งทำให้ดู.....น่ารัก

คนบ้าอะไร...ทำไมถึงได้หน้าหวานนัก หวานจนนึกว่าจานขนมซะอีก ยิ่งปากแดงๆ เป็นกระจับ ก็ทำเอาเขาถึงกับตาค้าง ไปไม่เป็น

“ชื่ออะไรครับ?” เสียงของเพื่อนแถวโต๊ะลงทะเบียนดังขึ้นถามเด็กน่าสนใจคนนั้น เขาเผลอก้าวขาเข้าไปใกล้ หวังจะได้ยินคำตอบด้วยคน แต่เมื่ออีกฝ่ายเปิดปาก กลับทำให้โลกของเขาหยุดนิ่งราวต้องคำสาป

“วันศุกร์ครับ...วันศุกร์ วุฒิเวคินทร์”

หมอนี่คือวันศุกร์ น้องชายของวันเสาร์ ผู้ชายไร้หัวใจที่เพิ่งหักอกพี่สาวเขาไปนี่น่า!

ไม่อยากจะเชื่อ ว่าเด็กที่ดึงสายตาเขาไว้ได้มากกว่าใครๆ กลับกลายมาเป็นคนที่เขานึกหมายหัวไว้ ว่าสมควรจะเกลียดขี้หน้า เพราะพี่สาวคนเดียวของเขา เกศรา ต้องทนทุกข์ทรมานจากความรักที่ไม่สมหวัง เธอกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่เป็นอาทิตย์ แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่หายดี การเรียนก็ไม่สนใจเหมือนก่อน ร่างกายกลับซูบผอม ดวงตาแดงก่ำทุกครั้งที่เจอกัน ทำให้คนเป็นน้องอย่างเขาอดเคืองแค้นไปด้วยไม่ได้

แม้จะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง หากเมื่อต้องทนเห็นคนในครอบครัวตกอยู่ในสภาพขมขื่น มันก็อดไม่ได้จริงๆ ที่จะต้องมีความรู้สึกร่วมไปด้วยอย่างสุดจะห้าม เมื่อผู้ชายคนนั้นกล้าทำร้ายเกศรา เขาจึงตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจากนี้จะขอมีศัตรูชื่อวันเสาร์

แล้วโชคชะตาก็ช่างเล่นตลกได้ถูกเวลาซะจริง ดันส่งน้องชายสุดรักสุดหวงของนายวันเสาร์คนนั้น มาปรากฏต่อหน้าเขาถึงที่ แบบนี้คงจะปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ซะแล้ว...

“เฮ้ย!” กันติกรณ์ส่งเสียง เรียกสายตาหลายคู่ตรงนั้น ปกติเขาอยู่เฉยๆ ก็เป็นที่สนใจอยู่แล้วจากนามสกุลใหญ่โต อย่างเดชะภักดี บวกกับใบหน้าหล่อเหลา ยิ่งพอเปิดปากตั้งท่าหาเรื่อง ก็ยิ่งดึงดูดให้คนในงานหันมามอง

วันศุกร์ดูจะเป็นเพียงไม่กี่คนที่ไม่นึกสนใจเสียงห้าวเมื่อสักครู่ เขาแค่รับป้ายชื่อจากรุ่นพี่ขึ้นสวมคอ แล้วชะเง้อหาที่นั่งว่าง

“ฉันเรียกนาย หูหนวกหรือไง?” กันติกรณ์พร้อมพรรคพวก ก้าวเท้าเข้ามาขวางทางเจ้าของใบหน้าหวานเอาไว้ วันศุกร์ตีหน้าเหลอหลา มองซ้ายขวา ก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้ตัวเอง

“ผม?”

“เออ”

“ก็ได้ยินแค่ เฮ้ย จะไปรู้ได้ยังไงว่าเรียกผม บ้าหรือเปล่า?”

“ว่าไงนะ!”

คนตัวสูงตั้งท่าจะปล่อยหมัด แต่ยังดีที่ถูกเพื่อนด้านหลังรั้งไว้ทันเวลา ความจริงก็ไม่คิดว่าจะกล้าลงมือหรอก เพราะถ้าทำก็คงนึกเสียดายใบหน้าละอ่อนนั้นอยู่ไม่น้อย เหตุการณ์เริ่มวุ่นวาย เพราะจุดที่พวกเขายืนออกันอยู่นั้นมันกีดขวางทางเดินเป็นวงกว้าง แต่เหล่าเพื่อนๆ ของกันต์กลับมองว่ามันชักน่าสนุก ทุกตารางนิ้วในมหาวิทยาลัยนี้ แทบไม่มีใครกล้าหือด้วย แต่ดูเด็กตรงหน้าสิ นอกจากไม่แสดงท่าทีตื่นกลัวอะไรแล้ว ยังจ้องกลับแบบเอาเรื่องอีกต่างหาก

“ท่าทางรุ่นพี่คณะ EQ ต่ำขนาดนี้ พวกผมคงต้องคิดหนัก” วันศุกร์ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ พยายามจะเดินเลี่ยงออกห่าง

กันติกรณ์สะบัดตัวหลุดจากการเกาะกุมของเพื่อนที่เอาแต่หัวเราะคิกคัก ก่อนจะรีบคว้าคอเสื้อของเด็กปากเก่งที่กำลังจะเดินสวนไปเอาไว้ วันศุกร์ดูตกใจเมื่อจู่ๆ ก็โดนลากกลับมาอย่างแรงจนตัวปลิว

รุ่นพี่ EQ ต่ำที่ว่า จงใจผลักหน้าอกแบนราบ จนร่างบางๆ นั้นลงไปนั่งจุมปุกอยู่บนพรมงาน ท่ามกลางความตกใจของนักศึกษาคนอื่น รุ่นน้องหลายคนหน้าซีดลง เด็กสาวมากมายต่างมีท่าทีผิดหวังระคนหวาดกลัว

“เป็นบ้าอะไรวะ!” คนถูกผลักตะคอกกลับอย่างหมดความอดทน สองมือช่วยยันร่างตัวเองลุกขึ้น สองสายตาเผชิญหน้ากันอย่างสูสี คนหนึ่งเลือดร้อน ส่วนอีกคนเองก็ไม่คิดจะยอม

“ไม่-ชอบ-ขี้-หน้า”

กันต์ตอบกลับช้าๆ ชัดๆ มือใหญ่ยกขึ้นบีบคางของรุ่นน้องไว้เหมือนอยากสั่งสอน วันศุกร์สะบัดหน้าหนี และก่อนที่จะเกิดสงครามขนาดหย่อมอะไรขึ้นอีก ทางเดินที่เต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาก็ถูกแหวกออก พร้อมการปรากฏตัวของชายวัยกลางคน มองดูภูมิฐาน

“คณบดี!”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น วุ่นวายไปหมด”

“ท่านอรรณพคะ คือว่า...” เลขาส่วนตัวซึ่งแอบตามมาสังเกตการณ์ภายในงานอยู่ก่อนแล้ว ปรี่เข้าไปกระซิบอะไรบางอย่างข้างหู อรรณพพยักหน้าคล้อยตามอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะชี้นิ้วไปทางหลานชายสุดดื้อ

“นายกันติกรณ์ หาเรื่องให้ฉันปวดหัวได้ตลอด” นิ้วใหญ่หันไปทางวันศุกร์บ้างแบบไม่คิดจะเข้าข้างใครทั้งนั้น “นายก็เหมือนกัน เพิ่งเข้ามาใหม่ทำไมไม่ทำตัวดีๆ”

“แต่ผม..”

“เลิกงานแล้วให้พวกนายทั้งสองคนอยู่พบฉันด้วย”

“ลุง!”

อรรณพไม่หยุดฟังคำพูดไร้สาระ ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเวทีและเริ่มปล่อยให้ MC เป็นคนแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไปก่อน วันศุกร์ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วเดินกระแทกไหล่คู่กรณีไปยังที่นั่งด้านหน้า

บัณฑิต เพื่อนของกันต์ ได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจ แม้ว่ายังกลั้นขำไม่หยุด นี่คงไม่ใช่ภาพที่เกิดขึ้นบ่อยนัก กับการที่รุ่นน้องตัวเล็กเท่าเด็กม.4 กล้าต่อปากต่อคำกับเจ้าของนามสกุลดัง คนตัวสูงเดินไปนั่งพักตรงแถวโต๊ะลงทะเบียน รู้สึกเหมือนว่าการสร้างศัตรูคราวนี้จะไม่ง่าย เห็นหน้าหวานๆ แบบนั้น ใครกันจะคิดว่าเผ็ดไม่ใช่เล่น เขาเหลือบตามองมือขวาของตัวเอง พลางนึกไปถึงความรู้สึกยามสัมผัสถูกผิวหน้าเนียนๆ เมื่อครู่

หวานรึก็หวาน แถมยังจะนุ่มนิ่ม นี่ถ้าเกิดส่งกลิ่นหอมอีกสักหน่อยก็คงไม่พ้นต้องอยากลองชิมเข้าสักวันแน่ แย่ชะมัด น้องชายของวันเสาร์ ผู้ที่สมควรถูกเกลียด กลับไม่รู้สึกอยากจะเกลียดจริงๆ เลย

 

 

“เลี้ยงหมู!”

ภายในห้องทำงานของคณบดี เสียงห้าวของนักศึกษาชายสองคนโพล่งออกมาแทบจะพร้อมกัน

“ใช่ คณะเกษตรฯ เพิ่งได้หมูแคระมาตัว ยังไม่ได้ตระเตรียมอะไรกันเลย พวกนายก็ไปช่วยเขาดูแลหน่อยละกัน”

“คนอย่างกันติกรณ์ต้องลดตัวลงไปเลี้ยงหมู ไม่เอาล่ะ”

“ไม่เอาก็ลาออกไป”

“ลุง!”

“ไม่มีคำว่าลุงทั้งนั้น ทำงานปฐมนิเทศวุ่นวายแล้วยังไม่รับผิดชอบอีก ลงโทษแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” อรรณพเอ็ดเสียงแข็ง เล่นเอาวันศุกร์ถึงกับรีบกลืนคำโต้เถียงกลับลงคอ ขนาดคนเป็นหลานยังพูดอะไรไม่ได้ เขาคงไม่ต้องขอร้องให้เปลืองน้ำลาย

ไม่รีรอคอยท่า พวกเขาทั้งคู่ก็ถูกเลขาคณบดีพามาเจอนักศึกษาคณะเกษตรฯ ที่ถ่อกันมาดูแลบ่อปลาตั้งแต่ยังไม่เปิดภาคเรียน

“สวัสดีครับ”

ทุกคนยกมือรับไหว้ผู้ชายท่าทางใจดี ในชุดไปรเวทสบายๆ คุณเลขาเดินเข้าไปเจรจาอะไรอยู่สองสามนาที ก่อนจะหันกลับมาทิ้งท้ายเสียงเด็ดขาด

“หลังจากนี้ให้คอยมาช่วยเหลือคณะเกษตรฯ เลี้ยงหมู จนกว่าจะเข้าที่เข้าทางด้วยนะคะ”

เธอเดินจากไป ไม่รอให้ใครได้เอ่ยปากถามข้อสงสัย กันติกรณ์เกาหัวเหมือนไม่ยี่หระ ตั้งท่าจะหันหลังกลับ แต่ก็ถูกมือเล็กคว้าชายเสื้อไว้ได้ทันถ่วงที ไหนๆ ก็ก้าวเท้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองต้องลำบากคนเดียวหรอก

“ถ้าหนี ผมฟ้องคณบดีแน่”

ชื่อของอรรณพดูจะใช้ได้ผลอยู่เหมือนกัน เมื่ออีกฝ่ายยอมกลับมายืนที่เดิม แม้จะตีหน้าบอกบุญไม่รับเท่าไรนัก เมื่อเห็นว่าสถานการณ์สงบแล้ว ชายคนเมื่อครู่ถึงเริ่มแนะนำตัว

“กันต์กับวันศุกร์สินะ ฉันชื่อธนา ปีสามเท่านาย” ท้ายประโยคนั้นหันบอกเพื่อนต่างคณะที่โด่งดังไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย

“สวัสดีครับ”

วันศุกร์ก้มหัวให้อีกครั้งตามมารยาท ผิดกับอีกคนที่ดูเหมือนอยากออกไปจากที่นี่เต็มที นอกจากจะไม่หือไม่อือ ไม่ตอบรับอะไรแล้ว ก็แทบจะไม่มองหน้าคู่สนทนาเลยด้วยซ้ำ

“อาจารย์อรรณพเพิ่งแจ้งฉันเมื่อครู่นี้เอง ว่าพวกนายจะมาช่วยเลี้ยงหมูแคระตัวใหม่”

“ความจริงคือโดนลงโทษให้มาน่ะครับ” คนตัวเล็กตอบแบบตรงไปตรงมา ทำเอาอีกฝ่ายหลุดขำ

“งั้นเหรอ แต่ก็เอาเถอะ ความจริงคณะเกษตรฯ ไม่เคยมีหมูน่ะ แถมตัวนี้ก็ได้มาแบบฉุกละหุก เลยยังไม่ได้เตรียมที่อาศัยให้มันเลย”

“แล้ว...”

“ช่วงก่อนเปิดเทอมสองวันนี้ ก็ต้องวานพวกนายสร้างบ้านให้เจ้าหมูน้อยด้วยนะ แล้วหลังจากนั้นค่อยมาจัดการดูแลให้มันชินกับสถานที่”

ธนาแจงรายละเอียดเสร็จสรรพ พลางเหล่ตาไปทางสมาชิกร่วมคณะซึ่งต่างคนต่างกำลังง่วนอยู่กับสัตว์นาๆ ชนิด ทั่วบริเวณลานกว้างท้ายคณะ ถูกสร้างเป็นโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ลักษณะเป็นโดม กั้นโซนต่างๆ สำหรับสัตว์แต่ละชนิด ความจริงส่วนนี้ก็คล้ายกับฟาร์มขนาดหย่อมได้เลยทีเดียว

“แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะฉันก็จะมาช่วยบ้างบางที”

“แล้วตอนนี้หมูนั่นอยู่ไหนล่ะครับ” ถามหาเจ้าตัวปัญหา พลางกวาดสายตาไปรอบก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตที่จะเรียกว่าหมูได้สักตัว

“วันนี้ไม่ได้เอามา ช่วงที่ยังไม่มีหลักแหล่ง ฉันเป็นคนรับเลี้ยงมันไว้ที่หอก่อนน่ะ”

“แล้ว...พวกเราต้องทำอะไรบ้างครับ?”

“วันนี้ยังหรอก แต่พรุ่งนี้จะวานให้ไปรับของที่ร้านหน่อยนะ พวกรั้วสำเร็จ กับหญ้าเทียมน่ะ คงสะดวกใช่ไหม อยู่หอกันหรือเปล่า?”

ธนาเลื่อนสายตามาหยุดที่วันศุกร์ เพราะความจริงก็รู้คำตอบของฝั่งกันติกรณ์ดีอยู่แล้ว หมอนี่อยู่หอพักที่แพงสุดในย่าน แถมยังมีข่าวควงผู้หญิงบ้างผู้ชายบ้างเข้าออกไม่เว้นแต่ละวัน คงไม่ต้องถามซ้ำซากอีก

“เอ่อ ผมไป-กลับบ้านน่ะครับ”

“อ้าวจริงเหรอ งั้นจะมาค้างหอฉันก่อนไหม?”

“มะ ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมให้คนขับรถมาส่งได้” เขาพยักหน้าเข้าใจ ไม่ต้องสงสัยว่าวันศุกร์เองก็คงเป็นหนึ่งในลูกผู้ดีไม่แพ้จอมก่อเรื่องข้างๆ

“งั้นเดี๋ยวขอเบอร์ติดต่อกับไลน์ของทั้งสองคนไว้ด้วยละกันนะ คืนนี้จะส่งแผนที่ร้านไปให้”

“ครับ”

หลังจากแลกเบอร์กับธนาเรียบร้อยแล้ว ก็ถูกปล่อยทิ้งไว้ท่ามกลางกลิ่นธรรมชาติแปล่มๆ ฝ่ายนั้นขอตัวกลับไปให้อาหารแกะ ขณะที่กันต์ตั้งท่าจะเดินกลับคณะ มีเด็กเข้าใหม่สาวเท้าตามมาไม่ห่าง

“นี่ ผมขอเบอร์พี่ด้วยสิ” พูดแล้วก็กระดากปากซะเอง แต่เพราะพวกเขาต้องชดใช้กรรมร่วมกันหรอก ถึงต้องคอยติดต่อไว้ หากวันไหนกันติกรณ์เกิดเผ่นหนีไปจะทำไงล่ะ

คนตัวสูงก้าวเท้าให้ยาวขึ้นหวังจะหนีให้ห่างจากเสียงใสๆ ที่ดังตามหลังมาเหมือนผีที่กำลังจะกัดไม่ปล่อย แต่สุดท้ายก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อมือเล็กคว้าแขนของเขาไว้ ก่อนจะรีบเดินมาขวางหน้า หัวคิ้วย่นยุ่งท่าทางหงุดหงิดพอสมควร

ไอ้เด็กบ้านี่ อย่ามาจับเนื้อต้องตัวคนอื่นง่ายๆ สิ

“เอามือถือมา” เสียงคล้ายคำสั่งทำเขาตาโต แต่สุดท้ายก็ยอมควักมือถือส่งให้อยู่ดี วันศุกร์รับไปกดอะไรสักพัก เสียงสั่นจากมือถือของใครอีกคนก็ดังขึ้น เด็กตรงหน้ากดตัดสาย ไม่ลืมที่จะบันทึกเบอร์ตัวเองไว้ในมือถือเขาเสร็จสรรพ

“พรุ่งนี้เจอกัน”

คนตัวเล็กพูดห้วน แล้วสะบัดหน้าเดินลิ่วไปไม่หันกลับมาอีก ปล่อยให้เขาได้แต่ก้มมองเบอร์แปลกตาในโทรศัพท์ของตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย สัมผัสอุ่นๆ รอบข้อมือยังคงอยู่พอให้เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย

ผู้ชายอะไร แก้มก็นิ่ม มือก็นิ่ม จะนิ่มไปเสียทุกส่วนเลยหรือยังไง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:44:11 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
Re: ✿✿ วันศุกร์สีฟ้า by「aonair」✿✿
«ตอบ #2 เมื่อ01-07-2016 21:08:21 »

วันศุกร์ที่ 1.5



[ Thanakha: 10 โมง ที่ร้านบ้านเมืองไม้นะ ติดต่อคุณแสงได้เลย ]

วันศุกร์ไล่สายตาอ่านข้อความบนหน้าจอจากพี่ธนา ก่อนจะรีบกดสลับแชทไปหาอีกคนทันที

[ HelloFriday: พรุ่งนี้ผมจะไปมอตอน 9.30 เจอกันหน้าคณะนะ ]

[ GUN: เออ ]

ข้อความตอบกลับจากกันติกรณ์สั้นเสมอเหมือนกับไม่อยากเสียเวลาคุยด้วย แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไร เพราะทางนี้เองก็ไม่ได้อยากคุยด้วยสักนิดเดียว เสียงเปิดประตูห้องนอนดังขึ้นในจังหวะที่เขาเพิ่งปามือถือตัวเองออกห่างอย่างอารมณ์เสีย การปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูงในชุดนอนสีเข้มคุ้นเคยทำให้เขาพอยิ้มออก

“หน้าบึ้งทั้งวันเลยนะ ปฐมนิเทศเป็นยังไงบ้าง?” เอ่ยปากถามคนเป็นน้อง พลางขยับตัวขึ้นไปนอนพิงหมอนบนเตียง มือใหญ่โอบไหล่บางเข้าหา ปล่อยให้วันศุกร์เคลื่อนมาซบแผงอกตัวเองอย่างนึกเอ็นดู

“ไม่ดีเลยครับ”

“ทำไมล่ะ ใครแกล้งเราหรือเปล่า ไหนบอกพี่ซิ”

“อื้อ เจอรุ่นพี่ปัญญาอ่อนอะ”

วันเสาร์หลุดขำ ค่อยๆ ลูบศีรษะทุยด้วยความอ่อนโยน เชื่อเลยว่าผู้ชายค่อนประเทศจะต้องอิจฉาแน่ถ้าได้มาเห็นพวกเขาในเวลานี้ วันเสาร์ผู้หล่อเหลาแต่กลับไม่ค่อยสุงสิงกับใครที่ไหน จนถูกตั้งฉายาว่าเจ้าชายน้ำแข็งคนนั้น กลับอบอุ่นเหลือเกินยามอยู่เคียงข้างน้องชายจอมซนคนนี้

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”

“ก็พี่เขาบ้าอะ อยู่ๆ ก็มาหาเรื่อง บอกว่าไม่ชอบขี้หน้าศุกร์ ทำจนงานวุ่นวาย ศุกร์ต้องพลอยโดนลงโทษไปด้วยเลย”

“เขาตาบอดแล้วสิอย่างนั้น ใครบ้างไม่ชอบขี้หน้าศุกร์ของพี่ ออกจะน่ารักขนาดนี้ ฮึ”

“พี่เสาร์ จั๊กจี้”

ร่างเล็กย่นคอ เมื่อพี่ชายแกล้งเขี่ยจมูกไปมากับหูของเขา มือที่เคยโอบไหล่ ค่อยๆ ไหลไปพักอยู่กับเอวบางอย่างหยอกเย้า มันคงดูแปลกมากสำหรับพี่น้องคู่อื่น แต่ไม่ใช่กับพวกเขา วันเสาร์กับวันศุกร์สนิทกันมากตั้งแต่เด็ก เลเวลการสกินชิพของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา คนอื่นมาเห็นคงคิดว่าประหลาด แต่เขากลับมองว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

“แล้วโดนลงโทษอะไร เห็นว่าพรุ่งนี้ต้องไปมหาลัยด้วยเหรอ” คนตัวใหญ่ยอมผละออกแม้จะนึกเสียดายอยู่หน่อย

“อื้อ เขาให้ผมไปดูแลลูกหมูตัวใหม่ของคณะเกษตรฯ พรุ่งนี้ก็ต้องไปเอาอุปกรณ์สร้างบ้านที่ร้านไม้อะครับ”

วันเสาร์หัวเราะให้กับข้อมูลนี้ นี่คุณหนูวันศุกร์ต้องไปเป็นคนเลี้ยงหมูแล้วเหรอเนี่ย น่าสนใจดีแฮะ วันศุกร์กับลูกหมู คงเป็นภาพที่น่ารักใช่ย่อยเลย

“พรุ่งนี้พี่ยังว่าง ให้พี่ไปส่งเราดีกว่า จะได้ไปเจอรุ่นพี่คนนั้นด้วย”

“อย่าไปเจอเลยครับคนแบบนั้น แต่พี่เสาร์ไปส่งศุกร์ก็ดีเหมือนกัน”

“งั้นรีบนอนดีกว่าไหมเรา เดี๋ยวก็ตื่นสายหรอก”

วันศุกร์พยักหน้า ก่อนจะเลื่อนหมอนให้กลับเข้าที่ แล้วค่อยๆ แทรกตัวลงใต้ผ่าห่ม ดวงตากลมแป๋วกระพริบถี่เหมือนจะอ้อนบางอย่าง วันเสาร์รู้ความหมายของมันดี จึงคลี่ยิ้มออก ก่อนโน้มหน้าลงจูบหน้าผากมนเพื่อราตรีสวัสดิ์ น้องชายที่น่ารักของเขา ใครกล้ามาบอกว่าไม่ชอบขี้หน้า ก็คงโง่และบ้าเต็มทีแล้ว

 

 

“ขับรถดีๆ นะครับ”

“ครับ”

วันศุกร์โบกมือลาพี่ชายที่เพิ่งขับรถออกไป มีรถคันหรูไม่แพ้กันอีกคันขับสวนเข้ามาจอดลงตรงหน้าเขาพอดิบพอดี คนด้านในลดกระจกลงเล็กน้อยเพื่อแสดงตัว เสียงปลดล็อกประตูเป็นสัญญาณให้เขาพาตัวเองขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับ

“นั่นใครมาส่ง?” เขาขมวดคิ้วให้กับคำถามแรกของวัน

“พี่”

“แหม พี่น้องคู่นี้ ดูท่าทางสนิมสนมกันซะจริงนะ” กันต์แกล้งเน้นคำว่า สนิทสนม เสียงเข้มจนน่าสงสัย และเริ่มชวนให้หงุดหงิด

“อือ ก็สนิทกันอะ ออกรถเถอะ มัวคุยอะไรไร้สาระ”

วันศุกร์หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูแผนที่ร้านอีกรอบ คอยชี้ทางบอกคนหลังพวงมาลัยไปเรื่อยๆ นอกจากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาอื่นใดเพิ่มเติมอีก เมื่อมาถึงร้าน พนักงานก็ขนอุปกรณ์ทั้งรั้วสำเร็จรูป หญ้าเทียม และพวกตะปูขึ้นกระโปรงรถ ไม่พอยังจะมาเบียดเบียนพื้นที่เบาะหลังที่เขาเฝ้าดูแลอย่างดีจนอดจะหัวเสียไม่ได้ แต่พอคิดดูแล้ว ถ้าแลกกับการได้มีเวลาอยู่กับวันศุกร์สองต่อสองมันก็ไม่ได้แย่นัก

พอขับรถกลับมาถึงท้ายคณะเกษตรฯ ก็เห็นธนายืนรออยู่แล้ว แถมยังเรียกความสนใจได้อีกเท่าตัว เมื่อเขากำลังอุ้มเจ้าลูกหมูแคระตัวเท่าตุ๊กตาเด็กไว้ในอ้อมแขน ผิวเนื้อสีชมพูนมเย็นกับขนแซมพอประมาณยิ่งเสริมให้สิ่งมีชีวิตตรงหน้าดูน่ารักน่ากอด

“น่ารักจังเลยครับ” เด็กปีหนึ่งแทบจะพุ่งออกไปก่อนที่จะทันได้ดับเครื่องยนต์ ดวงตาเปล่งประกายส่อแววตื่นเต้น ขณะยื่นมือออกไปรับเจ้าลูกหมูมาไว้ในอ้อมกอด กันต์เดินตามมา ไม่ยอมแสดงสีหน้าใดๆ

“น่ารักแบบนี้ ก็ฝากดูแลดีๆ ด้วยนะ”

ธนาว่าแล้วอดจะยิ้มกับภาพตรงหน้าไม่ได้ หมูน้อยพยายามถีบขาออกจากวงแขนบางคงเพราะไม่คุ้นชิน ติดกับนิสัยดื้อนิดๆ เป็นทุนเดิมของมันอยู่แล้วด้วย กว่าจะยอมให้คนในคณะอุ้มก็ใช้เวลาเกือบสามวันเต็ม

“ได้เลยครับ ว่าแต่…ชื่ออะไรครับ?”

“ความจริงยังไม่ได้คิดเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ศุกร์ตั้งให้หน่อยละกัน”

“อืม...” คนตัวเล็กก้มหน้ามองเจ้าลูกหมูหน้าตาน่าเอ็นดู พยายามประคองมันเอาไว้ไม่ให้หล่นลงไปกองบนพื้น ขณะกำลังใช้ความคิด

ทั้งธนาและกันต์อดจะยืนลุ้นไปด้วยไม่ได้ ว่าสรุปแล้วเจ้าตัวปัญหาสี่ขานี้จะได้ชื่อว่าอะไร แต่ผ่านไปเกือบนาทีก็ยังไม่มีคำพูดใดเล็ดลอด วันศุกร์เอาแต่สบตากับหมูน้อยในอ้อมกอด คอยฟังเสียงบู้บี้ร้องออกมาเป็นครั้งคราวเหมือนอยากลงไปวิ่งข้างล่างเต็มแก่

“แน่ะ” วันศุกร์ส่งเสียงปราม เมื่อลูกหมูพยายามจะงับนิ้วเขาเข้าปาก ทำตัวเป็นหมาแบบนี้ดื้อไม่ใช่เล่นเลยนะ

“งั้นชื่อ...” เขาตัดสินใจเงยหน้ามองผู้ชายสูงใหญ่อีกสองคน ท่าทางภูมิใจไม่ได้ทำให้คำพูดที่เปล่งออกมาดูดีขึ้นเลยสักนิด “เจ้าดื้อ แล้วกันครับ”

“หา?”

“เจ้าดื้อ ไงครับ”

“อะ...เอ่อ” ธนายกมือขึ้นเกาขมับอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่านั่นคือชื่อที่ได้รับการกลั่นกรองดีแล้ว ตามมาด้วยเสียงทุ้มหาเรื่องเหมือนทุกที

“ชื่อบ้าอะไรของนาย”

“ก็เจ้าดื้อไง”

“เจ้าดื้ออะไร” กันต์ทวนเสียงห้วน เขามองหน้าวันศุกร์ด้วยสายตาผิดหวัง เพราะไม่คิดเลยว่ารุ่นน้องคนนี้จะมีสมองคิดชื่อหมูได้แค่นั้น น้องกิ๊ฟ เชอร์รี่ น้องไวน์ มีชื่อมากมายทำไมไม่เอาไปตั้ง

“ก็มันดูดื้อนะ” วันศุกร์ปล่อยให้หมูตัวจิ๋วก่ายร่างขึ้นเลียแก้มใสๆ นั่นอย่างไม่นึกรังเกียจ

“เจ้าดื้อเจ้าเด้ออะไร คิดชื่อให้มันดีๆ หน่อย อย่าแกล้งหมู”

“ไม่ได้แกล้ง เจ้าดื้อนี่แหละ ดูดิ มันก็ชอบ”

คนตัวเล็กยืนยันเสียงแข็ง พลางอุ้มลูกหมูมาจ่อหน้าเขาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว กันต์ก้าวถอยหลังเล็กน้อย ก่อนจะหยุดจ้องเข้าไปในตาของหมูสีชมพู มองๆ ดูแล้วก็เหมือนจะเหมาะกับชื่อนั้นอยู่บ้างจริงๆ เพราะส่อแววซุกซนอย่างปิดไม่มิด แทบไม่ต่างจากคนอุ้มเลยสักนิดเดียว

“เออๆ แล้วแต่ละกัน ยังไงนายก็เป็นคนเลี้ยงมันหนิ”

เจ้าของดวงตากลมจ้องคนพูดเขม็ง รีบยัดเจ้าดื้อใส่มืออีกฝ่ายที่ส่งเสียงโวยวายออกมาทันที และแน่นอนว่ากันต์ไม่คิดจะต่อสู้กับแรงถีบขาคู่ของหมูน้อย ก่อนจะปล่อยให้มันลงไปวิ่งเล่นบนพื้นคอนกรีตตามอิสระ

“ผมเลี้ยงคนเดียวที่ไหนล่ะ”

“โอเคๆ สรุปชื่อ เอ่อ...เจ้าดื้อนะ หลังจากนี้ก็ฝากกันต์กับวันศุกร์ด้วยล่ะ”

ธนายิ้มกว้าง แล้วหันไปทักทายเพื่อนคณะตัวเองที่เตรียมตัวมาช่วยกันสร้างบ้านให้สมาชิกใหม่ โชคยังดีที่คนแปลกหน้าทั้งสองไม่ต้องลงแรงอะไรมาก แค่คอยปูหญ้าเท่านั้น เมื่อรั้วไม้ถูกล้อมเสร็จเรียบร้อย วันศุกร์จึงค่อยๆ หย่อนเจ้าดื้อลงวิ่งในขอบเขตนั้น มันดูสนุกสนานและชอบใจ เอาหัวทุยพื้นเป็นว่าเล่น

กันต์เท้าแขนมองเด็กปีหนึ่งกำลังลงไปเกลือกกลิ้งกับหมูแคระด้วยท่าทางยิ้มแย้ม ต่างกับทุกครั้งที่เข้าหน้ากัน ชักจะอิจฉาหมูขึ้นมานิดนึงซะแล้ว เพราะไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัวเลย คงเห็นว่าวันศุกร์เป็นเพื่อนเล่นไปแล้วสิ ถึงได้วิ่งไล่วิ่งตามกันซะสนุก ผิดกับเขาที่มองวันศุกร์เป็นแค่ใครคนหนึ่งไม่ได้ เมื่อส่วนหนึ่งในใจคอยย้ำเตือนเสมอว่า นี่คือน้องชายของหมอนั่น คนที่ทำร้ายพี่เกศ แล้วจะให้เขาทำยังไง

เสียงกรีดร้องและด่าทออย่างเจ็บปวดของพี่สาวยังคงดังก้องในสมอง คำที่เกศราใช้กล่าวถึงวันศุกร์ตลอดมาคือ อีเด็กเลว อีเด็กกาฝากที่มาแย่งความรักจากวันเสาร์ไป เมื่อเป็นอย่างนั้น จะให้เขาแบกหน้ากลับไปหาเธอ และเอ่ยชมเด็กนั่นให้ฟังได้เหรอ

ถึงได้บอกว่า โชคชะตากำลังเล่นตลกอยู่ไงล่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:44:37 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 2.0



“พี่กันต์ ไม่คิดจะช่วยกันเลยใช่มะ?” วันศุกร์เหล่ตามองรุ่นพี่ซึ่งเอาแต่นั่งเล่นมือถืออยู่ริมรั้ว ในขณะที่เขาต้องลงทุนกลิ้งไปมาอยู่หลายนาทีเพียงเพื่อป้อนอาหารเจ้าดื้อที่ดูจะยังไม่คุ้นกับบ้านใหม่เท่าไร

ความจริง เขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่าปกติควรเลี้ยงเจ้าหมูจิ๋วในสภาพแวดล้อมแบบไหน แต่ถึงอย่างไรคณะเกษตรฯ ก็มีแค่พื้นที่ตรงนี้ที่เอาไว้เลี้ยงสัตว์ได้เท่านั้น มันเลยต้องทนๆ อยู่ไป แต่อย่างน้อยเขาก็ล้อมรั้วไว้ให้มันกว้างพอตัว ขนาดที่คนวิ่งรอบๆ ก็เหนื่อยได้เหมือนกัน แถมยังขนบ้านพลาสติกหลังใหญ่มาวางไว้ให้มันหลบแสงด้วย

“ช่วยอะไรล่ะ นายก็ทำไปสิ”

“ผมฟ้องคณบดีแน่”

“ยุ่งยากจริงเว้ย” กันต์บ่นออดแอด แต่ก็กลัวชื่อลุงตัวเองขนาดยอมลุกเข้ามานั่งขัดสมาธิอยู่ใกล้ๆ สายตาจับจ้องไปยังร่างผอมบางซึ่งขณะนี้กำลังนอนคว่ำ แล้วยื่นแตงกวาหั่นใส่ปากเจ้าหมูจอมตะกละ

แค่ป้อนอาหารสัตว์นี่ต้องลงทุนลงไปนอนอ่อยเหยื่อขนาดนี้เลยเหรอ เดี๋ยวคนแถวนี้เกิดทนไม่ได้จับปล้ำขึ้นมาไม่รู้ด้วย

“ให้กินอีกนิดเดียวพอแล้วนะครับ”

“ห้ะ?” กันต์ส่งเสียงตอบกลับนึกว่าอีกฝ่ายกำลังพูดกับตัวเอง แต่ไม่ใช่ เมื่อกี้พูดกับหมู...แน่ล่ะ หมอนี่ไม่เคยจะพูดติดหางเสียงกับเขาหรอก ยิ่งน้ำเสียงหวานๆ แบบนั้นอย่าได้หวัง

“อะ พี่กันต์ป้อน”

วันศุกร์ลุกขึ้นนั่งตามเดิม แล้วยัดถ้วยใส่ผักผลไม้หั่นเป็นชิ้นพอดีคำใส่มือใหญ่ เขาเลือกหยิบอาหารสีส้มขนาดเท่าลูกเต๋ายื่นออกไปจ่อปากรุ่นน้องปีหนึ่ง ที่มองเขากลับด้วยสายตาเย็นเยียบ สาบานว่าถ้าถือมีดถือปืนอยู่ คงมีคนตายตรงนี้แหละ

“ให้ป้อนเจ้าดื้อ” สายตาดุๆ ตวัดไปทางลูกหมูข้างตัว “เดี๋ยวฆ่าทิ้งซะเลย”

“ฆ่าหมูเหรอ?”

“ฆ่าพี่นี่แหละ”

กันต์ส่งเสียงหัวเราะในลำคอ แล้วยื่นแครอทใส่ปากเจ้าดื้อที่ดูจะมีความสุขกับการกินซะเหลือเกิน แต่ท่าทีของเจ้าดื้อต่อเขาก็ยังต่างจากเวลาอยู่กับวันศุกร์ มันยังดูประหม่า แต่กับอีกฝ่ายน่ะไม่แล้ว คลอเคลียซะยิ่งกว่าแม่

แบบนี้ ขอเป็นพ่อดีไหมเนี่ย

ครืด...ครืด...

เสียงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารของใครสักคนดังขึ้น วันศุกร์รีบกดรับสายทันทีที่เห็นชื่อพี่ชายปรากฎอยู่บนหน้าจอ น้ำเสียงหวานออดอ้อนผิดกับทุกที ทำเอากันต์ขนลุก รีบตวัดสายตาจ้องเสี้ยวหน้าหวานด้วยความรู้สึกหลากหลาย จะว่าตกใจก็ใช่ อิจฉาก็ด้วย

“พี่เสาร์จะมารับศุกร์เหรอครับ?

“อื้อ วันนี้ศุกร์อยากกินสุกี้อะ พี่เสาร์พาศุกร์ไปกินร้านเดิมของเรานะครับ”

“โอเคครับ แล้วศุกร์จะรอน้า”

ใบหน้าละอ่อนสดใสขึ้นทันตาอย่างคนอารมณ์ดีนักหนา เพียงเพราะโทรศัพท์จากคนคนเดียว น่าหมั่นไส้...

“อ้อนขนาดนี้ แฟนหรือไง?” กันต์แกล้งถาม

“พี่ต่างหาก”

“เหอะ พี่น้องเขาไม่คุยกันแบบนี้หรอก นี่ผัวเมียแล้วนาย”

“พูดจาน่าเกลียด” เด็กปีหนึ่งเริ่มขึ้นเสียง แล้วแย่งถ้วยอาหารในมือกันต์กลับมา เขาลุกขึ้นโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเจ้าดื้อที่คงยังไม่อิ่มเต็มท้อง แต่ช่วยไม่ได้ เพราะเจ้าดื้อยังเด็ก กินเยอะไปไม่ดี อีกอย่าง เขาไม่มีอารมณ์จะอยู่ตรงนี้แล้วด้วย

“พูดความจริง ใครๆ เขาก็ลือกันให้แซ่ด ว่าอดีตเดือนมหาลัยอันดับหนึ่งของประเทศ วันเสาร์...ชอบเล่นสวาทกับน้องชายตัวเอง”

เพียะ!

“หุบปากหมาๆ ของพี่ไปเลย”

กันติกรณ์เบิกตากว้าง แก้มขึ้นสีจากแรงตบเมื่อครู่ เขายืนค้างเติ่ง พลางหัวเราะในลำคอ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันที่ใครกล้าตบหน้าเขาแบบไม่กลัวตายอย่างนี้ อารมณ์ร้อนในจิตใจพาให้ลืมนึกไปเสียสนิทว่าคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ก็ร้ายกาจมากพอกัน

คนโตกว่าตวัดสายตาคมกริบกลับมา คว้าเอาข้อมือบางทั้งสองข้างไว้ได้ก็ออกแรงบีบขนาดอีกฝ่ายตีสีหน้าบิดเบี้ยว

“พี่กันต์ ปล่อยนะ ผมเจ็บ!”

“เจ็บเหรอ ที่นายตบหน้าฉันก็เจ็บเหมือนกัน”

เขาจงใจกุมกล้ามเนื้อน้อยๆ นั่นแรงขึ้นอีก จนรู้สึกเหมือนว่ามันแทบจะหักคามือ เจ้าของใบหน้าเหยเกเม้มปากแน่นเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บปวด น้ำเสียงสั่นสู้เปล่งออกไปอย่างตะกุกตะกัก

“ก็...ก็พี่พูดจาน่าเกลียด”

“ฉันก็พูดตามที่ได้ยินมาเท่านั้นแหละ นายร้อนตัวไปเองหรือเปล่า” พูดจบก็ผลักร่างของรุ่นน้องลงไปกองกับพื้นหญ้า แม้จะไม่เจ็บเท่าพื้นกระเบื้องอย่างวันปฐมนิเทศ แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีกว่าเท่าไรนัก

“ถ้างั้นก็ช่วยจำใหม่ด้วย ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น”

วันศุกร์กระแทกเสียง ก่อนจะปล่อยให้บรรยากาศมาคุโปรยตัวเข้าใส่ กันต์จ้องหน้าเขานิ่งเหมือนจะเถียงต่อแต่ก็ไม่ทำ เจ้าดื้อเดินเอาจมูกมาจิ้มแขนที่กลายเป็นรอยปื้นสีชมพูเหมือนอยากปลอบให้ใจเย็น เขาเลือกที่จะไม่สนใจรุ่นพี่ปากเสีย แล้วอุ้มหมูน้อยขึ้นมาโอ๋ เพราะมันคงตกใจเสียงตวาดแข่งกันเมื่อครู่แย่แล้ว

“วันหลังพี่ไม่ต้องมาแล้ว ผมดูแลเจ้าดื้อเอง แล้วผมก็จะไม่ไปฟ้องคณบดีด้วย โอเคไหม”

“ไม่”

คนตัวเล็กนิ่วหน้าให้กับคำตอบแบบไม่คิดนั้น เขาล่ะพยายามคุยดีด้วยทีไร ก็ชอบหาเรื่องให้ต้องขึ้นเสียงตลอด ถ้าบอกว่าไม่ชอบขี้หน้ากันนัก ก็ไม่ต้องมาเจอหน้ากันเลยดีกว่า สงสารเจ้าดื้อด้วย ต้องมาเจอคนนิสัยเสียแบบนี้ เดี๋ยวจะโตขึ้นมาเป็นหมูอันธพาลเสียเปล่าๆ

“ทำไมล่ะ พี่ไม่อยากเลี้ยงเจ้าดื้ออยู่แล้ว แถมเกลียดขี้หน้าผมด้วยไม่ใช่หรือไง”

เสียงขบกรามดังขึ้น พลางหลบสายตาจริงจังจากอีกฝ่าย

“ถึงนายไม่ไปฟ้อง ลุงก็มีสายสืบเป็นร้อยอยู่แล้ว ยังไงก็ต้องมา”

“ถ้ามาแล้วเป็นแบบนี้ ไม่ต้องมาดีกว่า”

“ขอโทษละกันที่ไม่ใช่คนแสนดีอย่างพี่ชายสุดที่รักของนาย”

“ก็เอาแต่พูดแบบนี้ กลับไปเลยดีกว่า!”

“ขึ้นเสียงอีกแล้วนะ”

“ก็พี่…”

“อึ๊ด...อึ๊ดด”

ทั้งคู่จำใจสงบปากลงเมื่อเจ้าดื้อเริ่มร้องงอแง กันต์เหลือบมองหมูน้อยในอ้อมแขนอีกฝ่ายแล้วก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ ถ้าเจ้าดื้อเป็นมนุษย์ ก็คงเป็นแค่เด็กไม่ประสีประสาอะไร ต้องมาทนฟังผู้ใหญ่ไม่เอาไหนทะเลาะกันคงไม่ดีต่อสุขภาพจิต วันศุกร์พยายามตบก้นปุๆ แล้วโน้มหน้าลงไปให้เจ้าหมูเด็กเลียแก้มอย่างที่ชอบทำ

กันติกรณ์ยืนมองภาพนั้นนิ่งๆ ก่อนจะยอมเอ่ยเสียงอ่อนลง

“เอามาให้ฉันอุ้มบ้าง”

คนตรงข้ามช้อนตามองอย่างไม่ไว้ใจนัก แต่สุดท้ายก็ยอมส่งตัวเจ้าดื้อไปไว้ในอ้อมแขนแกร่ง มันดูหวาดๆ เพราะกันต์ไม่ค่อยได้อุ้มเท่าไร ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ถีบขาหนีเหมือนกับวันแรก

“ผมไม่ได้อยากมีเรื่องนะ ถ้าพี่ไม่หาเรื่องผมก่อน” วันศุกร์บอกเสียงเหนื่อยใจ แต่กันต์กลับยังทำหูทวนลม

เสียงกรอบแกรบของใบไม้ดังขึ้น เรียกให้ทั้งเขาและกันต์หันไปสำรวจมอง ด้านหลังเงาไม้ตรงมุมหนึ่งของโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ มีร่างโปร่งของใครบางคน ค่อยๆ โผล่ออกมา

“วะ…หวัดดี”

“พี่ธนา”

ธนายิ้มแห้งๆ แล้วเดินเข้ามาทักทายสองคู่กัด

“มาตั้งแต่เมื่อไรครับ?”

“เอ่อ ก็สักพักแล้วล่ะ แต่เห็นพวกนายทะเลาะกันเสียงดัง เลยไม่กล้าเข้าไปขัด โทษทีนะ”

วันศุกร์โบกไม้โบกมือเหมือนจะบอกว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ แถมยังเป็นฝ่ายก้มหัวกลับแทน เพราะพวกเขาเอาแต่เสียงดัง คงไม่ใช่แค่เจ้าดื้อที่ตกใจ แถวนี้มีกระต่ายกับแกะเลี้ยงไว้ด้วย ก็คงกลัวไม่น้อย

“พี่ธนามาก็ดี ผมว่าจะกลับแล้ว เบื่อคนแถวนี้”

“อ่า” คนกลางอย่างเขาได้แต่ยืนเหงื่อตก เพราะรู้ดีว่าสองคนไม่ลงรอยกันเท่าไร “ยังไงก็เพลาๆ หน่อยละกัน เสียงดังไปไม่ดีนะ”

“บอกพี่กันต์เถอะ ถ้าไม่หาเรื่องผมก่อน ก็ไม่ต้องขึ้นเสียงหรอก”

กันต์ไม่เถียงเพราะคงเถียงไม่ขึ้น แต่ก็แอบนึกหงุดหงิดในใจ ว่าที่ต้องหาเรื่องน่ะ เพราะอีกฝ่ายแท้ๆ ยังไม่รู้ตัวอีก เอาแต่ออดอ้อนพี่ชายอย่างกับเด็กผู้หญิง จะไม่ให้ใครหมั่นไส้ได้ยังไง

ยิ่งเห็นว่ามีความรักให้กับวันเสาร์มากมายขนาดไหน เขาก็ยิ่งหงุดหงิดอยากแกล้งมากขนาดนั้นนั่นแหละ ไอ้เด็กติดพี่!

“เอาเถอะๆ”

“ผมก็ฝากพี่ธนาด้วยละกัน กลับล่ะครับ”

ธนายืนนวดขมับตัวเองสองสามทีหลังจากที่วันศุกร์เดินออกไปจนลับสายตาแล้ว ชักเป็นห่วงว่าสองคนนี้จะมาช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงคณะเกษตรฯ หรือจะมาพังที่นี่กันแน่ แต่ยังไงก็เถอะ กันต์กับวันศุกร์ดูทะเลาะกันเป็นสามีภรรยา พ่วงด้วยลูกอ่อนเสียมากกว่าจะเกลียดขี้หน้าอย่างปากว่าจริงๆ

คิดแล้วก็ตลกดี


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:45:22 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ไม่ดราม่าแน่เหรอคะ แล้วประเด็นพี่เสาร์รักน้องศุกร์นี่ล่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ

ปล.คิดเหมือนพี่ธนาเลย ว่าพอมีลูกหมูแล้วนี่ เหมือนพ่อแม่ทะเลาะกันแล้วมีลูกเป็นกาวใจ ฮา

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
น่ารักจัง  รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 2.5



เสียงดนตรีสดในร้านเหล้าบรรยากาศสบายๆ พอจะทำให้จิตใจของวันศุกร์ปลอดโปร่งขึ้นมาได้บ้าง คนตรงข้ามเขาตอนนี้ไม่ใช่ใครอื่น นายหาญกล้า เพื่อนสมัยมัธยมที่เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่คนละคณะ หมอนี่มันเรียนวิศวะ ส่วนเขาน่ะเด็กวารสารฯ

“ครับ พี่เสาร์” พยายามตะโกนผ่านเสียงจอแจในร้าน วันเสาร์ไม่ลืมที่จะโทรมาเช็คความเรียบร้อยของน้องชายสุดหวง สาบานเลยว่าถ้าไม่ใช่หาญกล้า ที่เขาเองก็รู้จักเห็นหน้าค่าตากันมานาน คงไม่ยอมปล่อยให้วันศุกร์ไปค้างกับใครง่ายๆ แน่

“นี่อยู่ไหน เสียงดังเชียว”

“ศุกร์มานั่งร้านเหล้าเป็นเพื่อนกล้าอะ”

“นั่งเป็นเพื่อน?”

“อือ แค่นั่งเป็นเพื่อนครับ” คนที่แอบฟังอยู่ รีบเอามืออุดปากเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ นานๆ ทีจะเห็นวันศุกร์โกหกพี่ชาย ในเมื่อมือยังถือแก้วเหล้าอยู่ทนโท่

“ดีแล้ว พี่ไม่ให้ศุกร์ดื่มนะ”

“พี่เสาร์ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”

“แล้วก็บอกกล้าอย่าดื่มเยอะ รีบกลับด้วย”

“คร้าบ” เขาลากเสียงยาว ก่อนจะจัดแจงบอกราตรีสวัสดิ์และวางสายไป หาญกล้าซดเบียร์ในมือ แล้วหันมาตบหัวเขาเบาๆ ไปที แน่ล่ะว่าหมอนี่ไม่กล้าทำรุนแรงกับเขามากนัก หลักๆ คงเพราะกลัวพี่เสาร์มาตามฆ่านั่นแหละ

“อ้าว ไอ้กล้า”

เสียงแหกปากของใครบางคนดังขึ้นแต่ไกล กล้าหันไปมองก็พบรุ่นพี่คณะกำลังเดินตรงเข้ามาในร้าน ท่าทางสนุกสนานที่ได้เจอกัน

“เฮ้ย กูไปทักพี่เขาก่อนนะ” วันศุกร์พยักหน้า เชิงจะไล่ซะด้วยซ้ำ ส่วนกล้าถึงจะดูขี้เกเรไปหน่อย แต่ก็ไม่เคยลืมเป็นห่วงเพื่อนหน้าหวานคนนี้ “นั่งดีๆ อย่าให้ใครฉุดไปล่ะ”

“เออ”

วันศุกร์มองกล้าลุกออกไปได้ยังไม่ทันจะพ้นหลัง ก็มีคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้เดินเข้ามาทักถึงโต๊ะ แถมยังถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามเขาแบบไม่รอให้อนุญาตอีกต่างหาก ทรงผมสกินเฮดไม่ได้ดูแย่เท่าไรนักบนหน้าตาหล่อเหลาได้รูป

“สวัสดีครับ ขอนั่งด้วยคนนะ”

ก็นั่งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

“นี่ใช่น้องวันศุกร์ คณะวารสารฯ รึเปล่า?”

“ครับ” ศุกร์ไม่สนใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงรู้จัก บางทีเขาอาจจะดังมาจากที่ก่อเรื่องไว้วันปฐมนิเทศ หรืออาจจะเพราะหน้าตาที่ดูยังไงก็ไม่หล่อแต่กลับน่ารักผิดชายขนาดนี้ก็ได้ อันนี้ไม่ค่อยเต็มใจจะยอมรับเท่าไรหรอก แต่เพื่อนมัธยมก็คอยกรอกหูตลอดจนต้องจำนนแล้วจริงๆ

“พี่ชื่อเต็มนะ อยู่ปีสอง รัฐศาสตร์”

“ครับ”

“น้องศุกร์มาคนเดียวเหรอครับ”

ถ้าไม่ได้ตาบอดก็จะมองเห็นว่ามีแก้วน้ำของกล้าวางทิ้งไว้อยู่ แต่สงสัยคงไม่ทันสังเกตจริง เพราะตั้งแต่หย่อนก้นนั่ง พี่แกก็ไม่เห็นมองอะไรนอกจากหน้าเขาลูกเดียว

“เปล่าครับ มากับเพื่อน”

“อ้าว แล้วเพื่อนไปไหนล่ะ?”

“ไปทักรุ่นพี่”

“งั้นพี่นั่งดื่มเป็นเพื่อนน้องศุกร์นะครับ” ไม่ต้องการ แต่ก็ตามใจเถอะ

พี่เต็มพยายามชวนเขาคุยนู่นนี่นั่น ทั้งที่เขาเอาแต่ถามคำตอบคำ เรียกว่าแสดงความเย็นชาออกไปแล้วในระดับหนึ่ง แต่พี่แกก็หาได้สะทกสะท้านไม่ คุยเก่งไม่พอยังชงเก่งอีกต่างหาก เพราะตั้งแต่มานั่งนี่ได้ไม่ทันไร ก็ชนแก้วกับเขาไปแล้วร่วมร้อยรอบ

ทันทีที่เต็มหุบปากได้ เขาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักพัก ก่อนจะกลับมานั่งไม่พูดไม่จาเหมือนเดิม หยิบมือถือขึ้นมาไถหน้า Facebook ไปเรื่อย คอยพยักหน้าเออออตอบคนตรงข้ามที่เริ่มคุยไม่หยุดอีกระลอก ในใจชักสงสัยว่ากล้าถูกรุ่นพี่ลากไปหมกท่อน้ำหลังร้านแล้วหรือเปล่าถึงหายหัวไปเลย

“น้องศุกร์ อีกสักแก้วนะครับ”

“พอแล้วดีกว่าครับ” เขาส่ายหน้า พยายามแสดงอาการกระอักกระอ่วนให้รู้ว่าไม่ไหว แต่เต็มก็ยังไม่ลดละ จัดการเติมน้ำแข็งใส่แก้วให้เขาอย่างเอาใจ แล้วยัดกลับมาในมือ พูดขอร้องแกมกดดัน

“แก้วสุดท้ายนะครับ นะ”

“ก็ได้ครับ”

เต็มยิ้มกว้างแล้วยกแก้วตัวเองขึ้นชนด้วย วันศุกร์ดื่มน้ำสีอำพันลงคอไปอีกหลายอึก ก่อนจะหยุดแบบจริงจังเพราะเริ่มมึนหัวคล้ายว่าร้านจะหมุนได้ อีกฝ่ายดูพอใจ ก่อนจะชวนคุยต่อ ไม่รู้อดอยากปากแห้งมาจากไหน หรือที่บ้านไม่มีคนให้คุยด้วยเลยเก็บกด เขานั่งฟังไปก็เริ่มคล้อยจะหลับ

ทั้งมึน ทั้งง่วง ไม่ไหวแฮะ

สติมันเริ่ม..จะ..เลื่อนลอย...

 

 

“ตัวเบาอย่างกับนุ่น” เจ้าของผมสั้นเกือบติดหนังหัวเอ่ยขึ้นยามวางร่างไร้สติของวันศุกร์ลงบนเตียงนอน ก่อนหันมาหาผู้ชายอีกคนในห้องแคบๆ แทบไม่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่เลย เพราะนี่คือห้องว่างที่เขาจ่ายเงินเช่ามาใช้คืนเดียว สายตาคำถามถูกส่งไปให้คนที่เอาแต่ยิ้มกริ่ม

“ให้ทำไรต่อเฮีย?”

“มึงก็ขึ้นไปคร่อมมัน”

“เฮียจะให้ผมปล้ำวันศุกร์เหรอ?” น้ำเสียงที่ดูตกใจ หากแฝงไว้ด้วยความหวังทำให้คนฟังไม่ชอบใจนัก รีบตรงเข้ามาผลักหัวเกรียนไปทีอย่างแรง

“จะบ้าเหรอ แค่ให้จัดฉากถ่ายรูปเฉยๆ โว้ย”

“ครับๆ” เต็มก้มหัวรับสองสามรอบ แล้วจัดแจงถอดเสื้อตัวเองออก

เขาขยับขึ้นไปบนเตียง แล้วทำท่าคร่อมร่างหมดสติไว้ น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคออย่างยากลำบาก มันต้องใช้ความพยายามแค่ไหนที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งที่มีเด็กหน้าหวานเหมือนช็อกโกแลตวาเลนไทน์มานอนอยู่ใต้ร่าง ยิ่งพวงแก้มแดงๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ กับกลิ่นกายหอมประหลาด ปะปนระหว่างเหล้ากับสบู่ ก็ยิ่งชวนให้เมามายได้ง่ายๆ

“เฮีย ถ่ายดิ”

กันติกรณ์ควักโทรศัพท์ขึ้นหามุมที่คิดว่าเหมาะเจาะที่สุด เขาเลือกให้เห็นใบหน้าของวันศุกร์ได้อย่างชัดเจน ในขณะที่ไม่สามารถเดาได้เลยว่าคนด้านบนนั้นคือใคร

“เสร็จแล้ว ลุกออกมา”

“โอ้ยเฮีย โคตรรรรน่า...อะ” เต็มโอดครวญขณะผละออกจากคนไม่ได้สติอย่างอ้อยอิ่ง ท่าทางดูร้อนลน เอาแต่กระโดดโหยงไปเหยงมาเหมือนต้องการระบายอารมณ์คุกรุ่นในใจ “เฮียให้ผมลองจริงๆ เลยก็ได้นะ อัดเป็นคลิปเลยไง ดีมะ?”

“ดีพ่อง!” เป็นอีกครั้งที่โดนฟาดแบบไม่ออมมือ

“ก็เฮียดูดิ”

รุ่นน้องต่างคณะชี้นิ้วไปทางร่างเล็กบนเตียง เขายอมรับว่าเข้าใจอารมณ์อีกฝ่ายเสียเต็มประดา เพราะวันศุกร์นั้นหน้าตาน่ารัก แถมผิวพรรณก็ดีต่างหญิง ยิ่งเนื้อตัวขาวราวกับน้ำนมก็ยิ่งน่าฝากรอยแดงๆ ไว้ด้วยมันเขี้ยว แค่มองเฉยๆ ก็คงหลับหูหลับตาเสร็จได้ไม่ยาก

“ขอสักรอบแล้วจะตั้งใจเรียน”

“ลองสิ กูได้ฆ่ามึงแน่”

สายตาดุร้ายจากกันต์ทำเอาอีกฝ่ายหัวหด เต็มเดินคอตกออกจากห้องอย่างรู้งาน ก่อนที่ทั่วบริเวณจะถูกปกคลุมด้วยความเงียบ

กันต์ย้ายตัวเองไปนั่งลงบนเตียง สายตาทอดพิจารณาร่างบางตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า นี่ถ้าไม่มีพี่ชายขี้หวงอย่างวันเสาร์ ก็ไม่รู้ว่าจะถูกเสือสิงห์กระทิงหมาที่ไหนจับไปขย้ำเท่าไรแล้ว หัวสมองของเขาเผลอคิดอะไรอยู่นาน กว่าจะรู้ตัว มือใหญ่ก็ลูบอยู่บนแก้มเนียนใสอย่างควบคุมไม่ได้

“เพราะนายโชคร้ายที่เกิดมาเป็นน้องชายไอ้เวรนั่นเองนะ”

 

 

“ใจเย็นก่อนมึง”

“ใจเย็นห่าอะไรล่ะ!” วันศุกร์เผลอตะคอกใส่หาญกล้า ระหว่างเดินดุ่มๆ ไปทั่วมหา’ลัย

นี่คือวันซวยของเขาโดยแท้ เมื่อตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในหอปริศนาโล่งเปล่า เขารีบโทรหากล้าซึ่งทิ้ง Missed call ไว้นับร้อยตั้งแต่เมื่อคืน แต่เขากลับไม่ได้ยินเสียง หรือแม้จะรู้สึกตัว ราวกับจมหายเข้าไปในห้วงนิทราอันลึกสุดลึก ซึ่งนั่นไม่ใช่วิสัยการนอนของเขาเลย กล้ารีบมารับเขากลับไปแต่งตัวพลางขอโทษขอโพยใหญ่ที่ปล่อยเขาทิ้งไว้คนเดียวนานจนถูกไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้พาตัวไป

พอมาถึงมหา’ลัยในตอนเช้า ก็มีเบอร์ประหลาดส่งรูปของเขา นอนไม่ได้สติ โดยมีผู้ชายอีกคนคร่อมร่างอยู่มาให้ ดูล่อแหลมแถมยังน่าขยะแขยงทีเดียว พอลองโทรกลับไปหาเบอร์นั้นก็ติดต่อไม่ได้ ข้อความสักนิดก็ไม่มีแนบไว้อีกต่างหาก

“ไอ้เหี้ยนี่มันใคร มึงพอรู้ไหม?” กล้าถามถึงผู้ชายอีกคนในรูปซึ่งมองไม่ชัดเลยสักนิด หากแต่เขาพอจะเดาออก เพราะเมื่อคืนไม่มีใครเข้ามายุ่มย่ามด้วยเลย นอกจาก...

“น่าจะเป็นคนชื่อเต็ม อยู่ปี 2 รัฐศาสตร์ แต่มันไม่ใช่คนถ่ายหรอก”

“พูดเหมือนรู้”

“รู้สิ ไอ้บ้าที่คิดจะทำแบบนี้กับกูมีคนเดียว”

วันศุกร์กำมือถือตัวเองแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

“เดี๋ยวกูมานะ”

เขาปล่อยกล้าเอาไว้แล้วเริ่มสาวเท้าไวขึ้นเพื่อตามหาใครบางคน จนมาถึงโรงอาหารใกล้คณะ ตอนนี้คนกำลังพลุกพล่าน ทุกคนสนใจอาหารบนจานตัวเอง แต่เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นมา ก็กลับกลายเป็นจุดสนใจสิ่งใหม่

สายตาเกรี้ยวกราดกวาดไปเรื่อยจนหยุดลงตรงโต๊ะหัวมุม ใกล้กับตู้กดน้ำเครื่องใหญ่ กันติกรณ์กำลังนั่งคุยกับเพื่อนอีกสองสามคนอย่างออกรส ไม่ทันได้สังเกตว่าเขาบุกมาถึงตัวแล้วอย่างรวดเร็ว

“อ้าว...” นั่นคือคำพูดแรกที่หลุดออกจากปาก รุ่นพี่คนอื่นได้แต่มองหน้าเขาตื่นๆ เหมือนพอจะจับทางได้ว่าเรื่องใหญ่กำลังจะปะทุในไม่ช้า

วันศุกร์ไม่เอ่ยปากทักทายให้เสียเวลา รีบคว้าแก้วน้ำแดงของใครสักคนขึ้นมาสาดเข้าใส่เสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดของกันติกรณ์ทันที

“เหี้ย!”

เออ เหี้ย!

“พี่เป็นคนทำใช่ไหม!?”

“ทำอะไรวะ!” กันต์ลุกขึ้นมาจ้องหน้าผู้ก่อเหตุเขม็ง

“ก็ไอ้รูปจัดฉากทุเรศๆ นั่นไง!”

หน้าจอมือถือฉายภาพดังกล่าวถูกยื่นออกไป ก่อนจะรีบเก็บกลับเข้ากระเป๋ากางเกงด้วยทั้งอับอายและกลัวว่าคนอื่นจะหันมาเห็น สองมือผลักอกกว้างเต็มแรง

“ให้มันน้อยๆ หน่อย” กันต์ว่าเสียงแข็ง พลางกระชากข้อมือเล็กไว้แน่นจนอีกฝ่ายนิ่วหน้า เขาไม่รอตกเป็นเป้าสายตามากไปกว่านี้ ออกแรงฉุดกระชากร่างบางให้เดินตามตัวเองไปทางลานจอดรถหลังเซเว่น โดยมีสายตาเป็นห่วงเป็นใยจากเพื่อนร่วมโต๊ะส่งตามหลังมาติดๆ หากก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาขวาง

“ปล่อย!”

วันศุกร์พยายามแงะมือตัวเองออกแต่ก็ไม่เป็นผล รู้ตัวอีกทีก็กำลังถูกจับยัดใส่รถเก๋งสีดำคันหรู

“อยู่นิ่งๆ แล้วหุบปาก!”

“ไม่!! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้เลย”

“คิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะปล่อยไปง่ายๆ เหรอ” กันต์ชี้นิ้วตรงรอยสีชมพูแดงบนเสื้อตัวเอง ก่อนจะกดหัววันศุกร์เข้าไปด้านใน เขารีบจับคนตัวเล็กรัดเข็มขัดแล้ววิ่งไปขึ้นรถจากอีกฟาก กดล็อกประตูทันทีเพื่อกันอีกฝ่ายหนี และเริ่มเคลื่อนตัวออกจากลานแคบๆ

“จะพาผมไปไหน!”

วันศุกร์แผดเสียงแล้วปลดเข็มขัดออกจากตัว พยายามจะเข้าไปแย่งพวงมาลัย จนกันต์ต้องรีบผลักศรีษะเล็กออกห่าง และเริ่มบังคับรถด้วยมือเดียว

“จะเสียงดังทำไมวะ”

“ไอ้พี่กันต์ แอบถ่ายรูปอุบาทว์นั่นแล้วยังจับผมมาอีก เป็นบ้าอะไร!”

“เด็กนิสัยเสียอย่างนายก็สมควรถูกสั่งสอนไม่ใช่เหรอ”

“สั่งสอนอะไร แล้วใครนิสัยเสีย ผมอยู่ของผมดีๆ มีแต่พี่นั่นแหละคอยมาหาเรื่องก่อนอยู่ได้”

กันต์ทำเป็นหูทวนลมเหมือนทุกที ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปจอดใต้หอที่ดูหรูหราผิดจากตึกอื่นๆ ในอาณาบริเวณนี้ เขาลงจากรถมาเปิดประตูให้เด็กขี้โวยวาย คว้าข้อมือข้างเดิมลากขึ้นไปยังชั้นบนสุด ทันทีที่เข้ามาในห้อง ร่างเล็กก็ถูกโยนขึ้นเตียงขนาดคิงไซส์อย่างไร้เยื่อใย

“อะไรวะ!”

“ฟังนะ” คนตัวสูงเกริ่น พลางขยับตัวเข้ามาใกล้ วันศุกร์ได้แต่เคลื่อนถอยหลังจนชนหัวเตียงหมดทางหนี กันต์ใช้สองแขนกักตัวอีกฝ่ายไว้ ริมฝีปากบางเอ่ยเสียงเย็น “ฉันปราณีแค่ไหนที่แค่จัดฉากถ่ายรูป ความจริงฉันสั่งให้คนมารุมโทรมนายยังได้”

“โรคจิต”

“ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบขี้หน้านาย มันก็ต้องโดนแบบนี้แหละ ถือว่าซวยเองแล้วกันนะ” เด็กปีหนึ่งมองหน้าคนพูดอึ้งๆ งงว่าทำไมถึงยังทำตัวเหมือนเป็นเรื่องปกติอยู่ได้ ทั้งที่นี่มันเข้าข่ายปัญหาทางจิตแล้ว และยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ ว่าเขาไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไร ถึงได้กลายมาเป็นของเล่นให้ไอ้บ้าตรงหน้าใช้ระบายอารมณ์แทบทุกวัน

“ผมต้องทำยังไง พี่ถึงจะเลิกหาเรื่องผม”

“ไม่ต้องทำอะไร เพราะฉันจะไม่เลิก”

กันต์ขยับตัวอีกครั้ง เขาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของตัวเองทีละเม็ด ขณะที่เด็กน้อยตรงหน้าเริ่มตาโตด้วยว่าตกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยกมือขึ้นปิดหน้าแดงๆ ที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรต่อมิอะไรอยู่ เสียงถอดเสื้อผ้าดังพอจะทำให้หัวใจของใครบางคนตื่นตูม

ก่อนที่วันศุกร์จะได้แง้มนิ้วดูสถานการณ์ เสื้อสีขาวเปื้อนกลิ่นน้ำหวานก็ถูกโปะลงบนหัว เขาลืมตาที่หลับปี๋เมื่อครู่ขึ้น ก็พบว่ากันต์ลุกออกจากเตียงไปแล้ว ตู้เสื้อผ้าใบใหญ่เปิดออกพร้อมเสื้อนักศึกษาตัวใหม่ที่ถูกสวมใส่อย่างลวกๆ คนตัวสูงหันกลับมาออกคำสั่งเด็กบนเตียง

“เอาไปซัก”

“เรื่องอะไร”

เสื้อตัวใหญ่ติดกลิ่นโคโลญจ์จางๆ ถูกปากลับหาเจ้าของซึ่งรับไว้ทันพอดิบพอดี กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกเหมือนกำลังจะโมโหอีกครั้ง

“นี่ฉันใจดีแค่ไหนแล้ว เอาเสื้อไปซักซะ แล้วจะลบรูปทุเรศๆ นั้นให้ โอเคไหม?” ข้อเสนอใหม่ถูกยื่นให้ วันศุกร์หยุดพิจารณาสักพักก่อนจะยอมพยักหน้า

“เออๆ”

เขาตอบรับแบบขอไปที แต่ก่อนจะลุกไปคว้าเสื้อในมืออีกฝ่ายกลับมา เสียงสั่นจากมือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นรบกวนเสียก่อน หน้าจอปรากฏชื่อ วันเสาร์ ทำเอาหัวใจเขาเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากันต์จะไม่แหกปากอะไรให้อีกฝ่ายสงสัย ไม่งั้นวันเสาร์คงได้กลายเป็นฆาตรกรฆ่าคน ถ้ารู้ว่าน้องชายสุดหวง ถูกลากมาอยู่หอใครที่ไหนแบบนี้

“ครับ พี่เสาร์”

“ห้ะ!?” วันศุกร์เผลอร้องเสียงหลง เมื่อคนปลายสายบอกว่าขับรถมาจอดรอหน้าคณะแล้ว

‘พี่จำได้ว่าวันนี้ศุกร์เลิกเที่ยง พี่เลยมารับ’

“เดี๋ยวศุกร์รีบไปครับ”

เขารีบกดตัดสายแล้วกระชากเสื้อเลอะน้ำแดงนั้นกลับมา ตั้งท่าจะวิ่งสี่คูณร้อยออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุด แต่กลับถูกเจ้าของห้องคว้าแขนเอาไว้จนเกือบหงายหลัง

“ซักแล้วจะเอามาคืนให้”

“เดี๋ยว”

“อะไรอีก?”

“เดี๋ยวฉันไปส่ง ต้องกลับมออยู่แล้ว”

“ไม่ต้อง”

คนเด็กกว่าปฏิเสธทันควัน สะบัดมือออกจากการเกาะกุมแล้วแต่ก็ยังถูกคว้าไว้อีกรอบจนได้ กันติกรณ์ไม่รอให้เขาต่อล้อต่อเถียงอะไรกลับ ก็เอื้อมมือหยิบกุญแจรถแล้วลากตัวเขาออกจากห้องแบบไม่ต้องถามความสมัครใจ เพราะยังไงก็ตั้งใจบังคับกันอยู่แล้ว!

“ปล่อยได้แล้ว” วันศุกร์ขึ้นเสียงเมื่อเดินมาถึงรถยนต์ราคาแพง

เขาเลิกคิดจะต่อกรเพราะเหนื่อยเปล่าและคงไม่ได้ผล ตอนนี้สิ่งที่ควรคิดมากเห็นจะเป็นวันเสาร์มากกว่า เขาจะอธิบายยังไงล่ะ มีผู้ชายแปลกหน้าขับรถกลับไปส่งที่คณะ มองยังไงก็แปลก มองยังไงก็น่าสงสัย ยิ่งผ่านแววตาวันเสาร์ด้วยแล้ว แค่เรื่องเล็กก็กลายเป็นใหญ่ได้ในพริบตา

ไม่กี่นาทีต่อมา รถยนต์สองคันก็วนมาเจอกันอย่างกับนัดหมายไว้ วันศุกร์ม้วนเสื้อนักศึกษาใส่มือแล้วลงจากรถด้วยความรีบร้อน วันเสาร์เปิดประตูออกมาเมื่อเห็นร่างของน้องชายตัวเอง แน่นอนว่ากันติกรณ์ไม่พลาดที่จะขอทักทายพี่ชายสุดรักของรุ่นน้องสุดเลิฟด้วย

“สวัสดีครับ พี่เสาร์”

ไม่มีคำพูดใดตอบรับ นอกจากสายตาจ้องจับผิด

“พี่เสาร์ รีบกลับกันเถอะ ศุกร์ยังไม่ได้กินข้าวเลย หิวแล้ว”

“อือ”

ทั้งสองเดินขึ้นรถ ไม่สนใจจะหันมาบอกลาผู้ชายอีกคนตรงนั้น บรรยากาศภายในพื้นที่คับแคบยิ่งดูอึดอัดมากขึ้น ร่างสูงเหลือบมองเสื้อนักศึกษาเปื้อนคราบน้ำแดงในมือคนเป็นน้องอย่างตั้งคำถาม

“เอ่อ...คนเมื่อกี้ชื่อพี่กันต์ เป็นรุ่นพี่ที่คณะเองครับ” วันศุกร์คลี่เสื้อในมือออกให้เห็นร่องรอยสกปรกชัดๆ “พอดีผมทำน้ำแดงหกใส่เสื้อพี่เขา ก็เลยไปเคลียร์กันนิดหน่อย”

“เคลียร์?”

“คือ...เรา เราแค่ตกลงกันว่า ศุกร์จะซักเสื้อไปคืนให้ แล้วเขาจะไม่เอาเรื่อง”

เสาร์เลิกคิ้ว อดจะสงสัยในคำแก้ตัวไม่ได้ เรื่องแค่นั้นต้องไปตกลงกันที่ไหนต่อไหนเชียวหรือ ถึงได้ขับรถกลับมาส่งอย่างนั้น แม้จะอยากเค้นถามเอาความ แต่เห็นสีหน้าลำบากใจกับใบหน้าคร่ำเครียดของอีกฝ่ายก็ทำเอาเขาใจอ่อน ยอมไม่ซักไซ้มากไปกว่านี้ก็ได้

“อือ วันหลังก็ระวังหน่อยละกัน อย่าไปยุ่งกับเขามาก”

“ครับ”

ไม่ได้อยากยุ่งอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่ายนั้นเอาแต่เข้ามายุ่มย่ามกับเขาก่อนทุกที แถมยังสร้างความปวดหัวให้ทุกรอบอีกต่างหาก น่ารำคาญจะตาย!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:45:47 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อดเห็นใจวันศุกร์ไม่ได้ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแท้ ๆ ต้องมารับกรรม

ออฟไลน์ EverGreen™

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-1
พี่กันต์โรคจิตเกินไปแล้ว ระวังน้องกลัวจนหนีนะ  :hao4:

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 3.0



‘เอาเสื้อไปคืนเขาแล้ว ก็เลิกยุ่งเกี่ยวกันได้เลยนะ พี่ไม่ชอบขี้หน้า’

ถึงแม้ว่าเสาร์จะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่คนที่เสาร์ไม่ชอบขี้หน้าน่ะ ก็บังเอิญไม่ชอบขี้หน้าเขาเช่นกัน แถมยังไม่ได้บอกเลยว่า คนนี้แหละที่กำลังถูกลงโทษให้เลี้ยงหมูด้วยกันอยู่

“พี่ๆ” วันศุกร์ตะโกนเรียกผู้ชายร่างสูงโปร่ง ที่เพิ่งเดินออกมาจากโรงอาหาร แต่ดูเหมือนฝ่ายถูกเรียกจะไม่รู้ตัว เขาถึงต้องรีบวิ่งข้ามถนนเส้นเล็กเข้าไปดักหน้าไว้

สายตางุนงงระคนตกใจ ฉายผ่านเลนส์แว่นตากรอบดำตามสมัย

“พี่เป็นเพื่อนพี่กันต์ใช่ปะครับ?”

“อือ มีอะไรเหรอ?” เจ้าของทรงผมอันเดอร์คัทถามขึ้นอย่างแปลกใจ

อย่างกับว่าเขาจะไม่รู้จักรุ่นน้องชื่อดังตรงหน้า วันศุกร์ถูกพูดถึงไปทั่วจากเหตุการณ์วันปฐมนิเทศคณะ แต่ก็ยังคงถูกกล่าวขานเรื่อยมา เพราะใบหน้าหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ยิ่งประกอบกับสัดส่วนรูปร่างไม่สมชายเท่าไรนัก ก็ยิ่งพาให้ทั้งหญิงสาวชายใหญ่ ลุ่มหลงกันไปต่างๆ นาๆ พอถูกวางตำแหน่งให้เป็นคู่กัดอันดับหนึ่งของกันติกรณ์ หลานชายคณบดีสุดเจ้าเสน่ห์ เพื่อนตัวดีของเขาเอง ยิ่งแล้วใหญ่ ไอ้กันต์พูดถึงไม่ขาดปากขนาดนั้น แต่เขาก็เพิ่งได้เห็นหน้าชัดๆ วันนี้นี่แหละ

น่ารัก น่าฟัด อย่างที่กันติกรณ์พร่ำเพ้อนักหนาไม่ผิดเพี้ยน

“ผมฝากเอาเสื้อไปคืนพี่กันต์หน่อยได้ไหมครับ” เสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดถูกพับใส่ถุงอย่างดี ยื่นไปตรงหน้า เขาเกือบเผลอรับมาแล้วถ้าไม่ใช่ว่ามีลางสังหรณ์จะถูกเพื่อนรักแพ่นกบาล เพราะเสือกไม่เข้าเรื่อง

“พี่ว่าเราเอาไปคืนมันเองดีกว่านะ”

“ทำไมอะ พี่ชื่ออะไรนะครับ?”

เจ้าของใบหน้านิ่งเฉย ขยับแว่นตาเล็กน้อย

“พี่ชื่อตรีวิทย์ เรียกตรีเฉยๆ ก็ได้”

“ผมชื่อวันศุกร์นะครับ” คนตัวเล็กแนะนำตัว แม้จะคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงรู้จักเขาอยู่แล้ว ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างมีจริตออเซาะ นึกเจ็บใจเล็กๆ ที่ใครต่อใครในชีวิตเขา ต่างก็ล้วนมีส่วนสูงนำโด่งจนน่าหมั่นไส้ทั้งนั้น

“พี่ตรี ช่วยเอาไปคืนพี่กันต์ให้ผมหน่อยนะครับ นะนะ ผมไม่อยากเจอหน้าพี่กันต์อะ”

เปรี๊ยะ

ราวกับมีเอฟเฟคฟ้าผ่าลงกลางหัว ถ้าแว่นแตกได้ก็คงแตกไปแล้ว สาบานเลยว่าถ้ากันติกรณ์ไม่ได้เล็งวันศุกร์ไว้ เขาคงไม่รีรอที่จะขอแข่งทำคะแนนด้วยเป็นแน่ เด็กบ้าอะไรเนี่ย ขี้อ้อนซะจนอยากหยิกแก้มแดงๆ นั่นสักที สายตาหวานเยิ้มคล้ายจะยั่ว คงไม่พ้นมือมารสักคนแน่ๆ

“เอ่อ...” ตรีวิทย์กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ “ไปคืนมันเองเถอะ เดี๋ยวพี่พาไปหา”

เขาพูดรัวเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายใช้แผนสูงอีก แล้วรีบสาวเท้าไปทางรถเบ๊นซ์สป็อตสีเงินวาว วันศุกร์ฮึดฮัด แต่ก็ต้องยอมขึ้นรถไปด้วยอย่างปฏิเสธไม่ได้ ช่างเถอะ แค่คืนซะแล้วก็กลับ จะได้จบเรื่อง

“นี่เรากำลังไปหอพี่กันต์เหรอครับ”

“อือ พี่ต้องเอาชีทไปให้มันอยู่แล้ว”

เป็นอีกครั้งที่เขาต้องมาเยือนหอหรูสุดในย่าน ตรีเดินผ่านรปภ.ไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าห้องคุ้นเคย เขาเคาะประตูสองสามครั้ง ยืนรอเพียงครู่หนึ่ง เจ้าของห้องถึงลากสังขารออกมาเปิดประตูให้ ใบหน้าหล่อเหลาดูเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมบางอย่าง ซึ่งแทบไม่ต้องเดาเลย

ตรีวิทย์ทอดสายตาเย็นชาไปให้ร่างเกือบเปลือยของหญิงสาวนิรนามบนเตียง เธอดูตกใจไม่น้อย รีบควานหาเศษเสื้อผ้ากลับขึ้นใส่

“พาเด็กที่ไหนมาวะไอ้ตรี” กันต์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเห็นว่าใครติดสอยห้อยตามมาด้วย

วันศุกร์เอาแต่เดินหลบหลังตรีวิทย์เข้าไปด้านใน ใบหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อนึกว่ากันต์กับผู้หญิงคนนี้เพิ่งทำอะไรลงไป ทุเรศซะไม่มี วันๆ คงเอาแต่พาผู้หญิงคนนั้นที คนนี้ที มานอนกกล่ะสิ

“เบลกลับเองได้ใช่ไหม?” เจ้าของห้องหันไปถามสาวสวยที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จหมาดๆ เธอดูช็อกกับคำพูดเสมือนไล่ แต่เมื่ออ้าปากจะเถียงก็เจอกับสายตาดุดันแบบที่เรียกร้องอะไรต่อไม่ได้ เธอไม่มีสิทธิ์นั้น ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์นั้น

ผู้ชายชื่อกันติกรณ์ มีผู้หญิงผู้ชายมากหน้าหลายตาให้ควงหรือนอนด้วย เขาไม่จำเป็นต้องง้อใคร ทุกคนเท่าเทียมกันคือการอยู่ในฐานะ ‘ของเล่น’ ชั่วคราว

“อืม”

หญิงสาวพูดเสียงเรียบพอให้กันต์ยิ้มออก อย่างน้อยคนนี้ก็ไม่ได้งี่เง่าเท่าไรนัก เขาเดินไปส่งเธอแค่ไม่กี่ก้าวถึงหน้าประตู ก่อนโน้มลงจูบลาเป็นครั้งสุดท้าย ตรีวิทย์ดูจะชินกับภาพตรงหน้า ผิดกับวันศุกร์ที่รีบเบือนสายตาหนี

“เอาล่ะ ว่าไง พวกนายมาทำอะไร?”

“กูเอาชีท MK มาให้” ตรีโยนกระดาษปึกหนึ่งไว้ปลายเตียง ก่อนจะหันไปดึงคนตัวเล็กด้านหลังออกมาเผชิญหน้า “ส่วนวันศุกร์ เอาเสื้อมาคืนมึง”

“ไหน เอามาดูซิ ซักสะอาดปะเนี่ย”

กันต์กระดิกนิ้วเรียกเด็กที่ยังคงยืนตัวแข็งทื่อ เขาพาตัวเองมานั่งยกเท้ารอแถวหัวเตียง ท่าทางสบายใจเฉิบ ทำไมชีวิตของเขาถึงโชคดีจัง เมื่อคืนมีสาวนอนด้วยไม่พอ วันนี้ยังมีหนุ่มน้อยมาหาถึงที่อีก ถึงแม้สีหน้าอีกฝ่ายจะดูกล้ำกลืนฝืนทนมากก็เถอะ

“สะอาดกว่าจิตใจพี่ละกัน” วันศุกร์จงใจกัดแรงๆ ระหว่างยื่นถุงกระดาษในมือไปให้ ตรีที่ได้ยินถึงกับหลุดหัวเราะ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แถวโต๊ะเขียนหนังสือ

“ปากดี”

สงสัยต้องขอชิมสักวันแล้วงั้น

เขาหยิบถุงมาเปิดดูแค่ไม่กี่วิ ก็โยนทิ้งไว้ข้างตัว ก่อนหันไปสนใจชีทวิชา Marketing Communication ตรีเองก็เริ่มเปิดมือถือออกมาเล่นเกม จนวันศุกร์หมดเหตุผลในการยืนหัวโด่ตรงนี้ อีกอย่างก็ไม่ได้อยากมาแต่แรกแล้วด้วยซ้ำ

“งั้นผมกลับละ”

“เฮ้ย เดี๋ยวดิ” กันต์รีบคว้าแขนบางเอาไว้ ในหัวประมวลหาคำพูดดีๆ จะรั้งคนตรงหน้า แต่ที่สุดกลับเป็นตรีวิทย์ที่ช่วยเขาไว้ได้ทันถ่วงที

“ไปกินข้าวกับพวกพี่ก่อนได้ไหม แล้วเดี๋ยวพี่กลับไปส่งที่มอ”

“เออ หิว”

“แต่ผมไม่หิว เดี๋ยวผมกลับเองก็ได้”

ไม่มีใครพูดอะไรอีก ทั้งตรีและกันต์รวมหัวกันทำเป็นหูทวนลม แล้วจัดแจงลากแขนเขาลงไปยังร้านอาหารตามสั่งใต้หอข้างๆ

“ก็บอกว่าไม่หิวไงครับ”

“เอาน่า กินๆ ไปเถอะ ไอ้กันต์เลี้ยง”

คนถูกพาดพิงเพียงแค่ไหวไหล่ แล้วกลับไปตอบแชทสาวๆ ในไลน์ต่อ กันติกรณ์เขยิบเก้าอี้เข้ามาจนแทบจะติดเด็กปีหนึ่งด้านข้าง มีสายตาของตรีวิทย์คอยสังเกตอยู่ตลอดเวลาจากฝั่งตรงข้าม เขาอยากจะขำดังๆ ให้เพื่อนคนนี้ แม้ปากจะคอยหาเรื่องเขา แต่ในใจกลับชัดเจนว่าชอบเขา ทำตัวเป็นเด็ก น่าหัวเราะจริง

วันศุกร์ดูจะพิเศษกว่าคนอื่น ในฐานะเพื่อนตั้งแต่สมัยมัธยม เขากล้าพูดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก ปกติกันต์ไม่จำเป็นต้องคอยกระแซะเข้าไปหาใครก่อนก็มีคนเดินมาเสนอตัวให้อยู่แล้ว และทั้งๆ ที่กันต์เป็นพวกเจ้าชู้ปากหวาน แต่นี่กลับแอ๊บปากหมาใส่อีกฝ่ายเสียอย่างนั้น

มันแปลก แต่ก็น่าลุ้น ว่านี่จะเป็นตัวจริงของไอ้เพื่อนตัวดีได้หรือยัง

“สองคนกินไร?” ตรีเอ่ยปากถาม หลังจากจดเมนูราดหน้าของตัวเองลงกระดาษเรียบร้อยแล้ว

“ข้าวคะน้าหมูกรอบ / คะน้าหมูกรอบครับ”

“แค่นี้ต้องเลียนแบบด้วยหรอ” กันต์รีบหันไปหาเรื่องทันที เมื่อทั้งคู่เผลอสั่งอาหารแบบเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย วันศุกร์เองก็ใช่ว่าจะเคยยอมที่ไหน

“ผมสั่งก่อน”

“ฉันพูดก่อนต่างหาก”

“พี่น่ะแหละ ลอกผม”

“นายนั่…”

“พอเลยๆ สรุปเอาข้าวคะน้าหมูกรอบสองจานนะ” ตรีโบกมือปราม เพราะเห็นว่าป้าเจ้าของร้านกำลังยืนรอ

“ไม่เอาแล้ว ผมจะกินข้าวผัดกุ้ง”

“งั้นกูเอาราดหน้าแบบมึงก็ได้”

เออดี ขอบคุณสังคม สรุปก็ไม่มีใครได้กินของที่ปากอยากจริงๆ ทั้งคู่ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้จะต้องอะไรนักหนา บางทีมนุษย์เราก็ซับซ้อนพอตัวนะ เพราะแค่จะทำตามหัวใจ ยังไม่ยอมกันเลย

ทันทีที่อาหารวางบนโต๊ะ วันศุกร์ก็รีบจัดการอย่างรวดเร็ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูเวลาเป็นพักๆ หวังจะกดดันรุ่นพี่เฉื่อยแฉะทั้งสอง

“ผมเข้ามอเองก็ได้นะครับ เดี๋ยวมีเรียนตอนบ่ายต่อ”

“อ้าวเหรอ ทำไมไม่บอก งั้นไปเลยไหม?” ตรีรวบช้อนทั้งที่ยังกินไม่หมด ผิดกับกันต์ซึ่งยังเอาแต่นั่งลอยชายไม่สนใจสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น

“ไอ้กันต์ เร็วดิ น้องมีเรียน”

“แต่กูยังไม่อิ่มเลย”

“ช่างเถอะครับพี่ตรี ผมไปเองดีกว่า ขอบคุณมากนะครับ” วันศุกร์วางเงินทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วตั้งท่าจะออกจากร้าน ตรีหันไปถลึงตาใส่เพื่อนตัวเอง ก่อนที่สมองจะประมวลให้ร่างกายเขาลุกขึ้น

“วันศุกร์เดี๋ยวก่อน พี่ไปส่ง”

คำพูดและการกระทำของตรีวิทย์ทำเอาอีกคนตรงนั้นจำยอมลุกขึ้นตามมา แบงค์ห้าร้อยถูกส่งให้เจ้าของร้านโดยไม่คิดจะรอเงินทอน สายตาเย็นๆ หันมองไอ้คนเอาหน้าเมื่อครู่เหมือนต้องการจับผิด ขณะเดียวกันก็ดูราวกับจะเตือน เหมือนว่าอย่ามายุ่งกับของของคนอื่นแบบนั้น

ทั้งที่ความจริง วันศุกร์ก็ยังไม่ได้เป็นของใครสักหน่อย

“จะไปก็ไป”

รถยนต์คันงามจอดเทียบหน้าป้ายคณะ วันศุกร์ก้มหัวขอบคุณตรีวิทย์อีกครั้ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าตึก เขาคอยมองตามหลังรุ่นน้องจนแน่ใจแล้วจึงเริ่มเคลื่อนตัว พร้อมกับน้ำเสียงคร่ำเครียดจากเบาะด้านข้าง

“ไอ้ตรี หมายความว่าไง”

“อะไร?”

“มึงไปส่งวันศุกร์ที่หอกู แล้วยังเอาใจกันขนาดนั้น นี่มึงคิดอะไรอยู่ใช่ไหม?”

ตรีวิทย์หัวเราะ แกล้งพูดจาแหย่อีกฝ่ายเล่น “แล้วถ้ากูคิดล่ะ”

“ไอ้ตรี!”

“มึงก็มีเด็กๆ ในสต๊อกตั้งเยอะ แบ่งมาให้กูคนเดียวไม่เดือดร้อนมั้ง”

“ไม่ใช่คนนี้” กันต์คำรามเสียงต่ำ เขาชักอยากต่อยปากไอ้เพื่อนข้างๆ ดูสักที ข้างนอกก็ชอบทำเก๊กเป็นรุ่นพี่แสนดี ท่าทางเป็นผู้ใหญ่พึ่งพาได้ แต่ข้างในมันก็ปีศาจร้ายพอกันล่ะวะ

“กันต์ ตอนนี้มึงก็แค่ถูกใจน้องเขา เลยอยากเล่นสนุกด้วย แต่ต่อไปเดี๋ยวมึงก็เบื่อแล้ว เหมือนทุกๆ คนที่ผ่านมานั่นแหละ”

คนถูกกล่าวหาตั้งท่าจะเถียง แต่กลับต้องกลืนคำพูดลงคอเพราะเขาไม่กล้าฟันธงได้เลยจริงๆ ความรู้สึกของเขาที่มีให้วันศุกร์คืออะไร แค่ถูกใจเท่านั้น? หรือเพราะว่าเป็นน้องชายคนที่นึกเกลียด เลยยิ่งอยากเข้าไปแกล้งใกล้ๆ เท่านั้นเหรอ?

มันเป็นยังไงกันแน่ เขาก็ยังไม่รู้ตัวเองเลย...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:46:55 โดย mooaiir »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 3.5



[ Thanakha: เจ้าดื้อหายไป! ]

ข้อความจากธนายังคงปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เครื่องบาง วันศุกร์วิ่งไม่คิดชีวิตไปยังโรงเลี้ยงสัตว์ ท้ายคณะเกษตรฯ หลังจากนั่งมอเตอร์ไซค์มาทันทีที่เลิกคลาส มีธนากับรถ BMW สีดำจอดรออยู่แล้ว ไม่นานนัก ร่างสูงบนรถก็เคลื่อนตัวลงมารวมกลุ่มด้วย

“มันเกิดอะไรขึ้นครับ?”

“มีรั้วส่วนหนึ่งพังลงมา แล้วประตูโรงเรือนก็เปิดทิ้งไว้ ทำให้เจ้าดื้อหนีไป ไม่รู้ตอนนี้อยู่ไหนแล้ว”

วันศุกร์กวาดตามองรั้วไม้ที่โค่นลงอยู่แผงสองแผง ไร้วี่แววหมูน้อยคุ้นตา คนตัวเล็กยกมือขึ้นกุมขมับด้วยความกังวล ธนาเองก็ได้แต่ตบบ่าเขาเพื่อให้กำลังใจ แม้ว่าฝ่ายนั้นก็ตีหน้าเครียดไม่แพ้กันอยู่

“เราแยกกันตามหาดีไหมคะ อาจจะยังอยู่ในมอนี่แหละ” เด็กคณะคนอื่นหันมาแนะนำ

“ผมแจ้งไปทางอาจารย์แล้ว เขาจะรีบประสานเรื่องให้ประกาศผ่านลำโพงมหา’ลัยอย่างเร็วที่สุด”

“อือ งั้นทุกคนมาช่วยกันนะ”

ธนาหันไปสั่งทั้งเพื่อนและรุ่นน้องตรงนั้น ให้กระจายตัวกัน บางคนเดินเท้าเพื่อตรวจสอบทั่วบริเวณโรงเลี้ยงสัตว์และคณะ บางกลุ่มก็ปั่นจักรยาน ขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาดูตามจุดที่ไกลออกไป

“พี่กันต์ เราก็ไปกันเถอะ” วันศุกร์รีบหันไปกระตุกแขนเสื้อคนข้างตัว

ตอนนี้เขาคงปฏิเสธอะไรไม่ได้ เพราะเด็กตรงหน้าดันทำท่าเหมือนจะร้องไห้ขนาดนั้น ถ้าเขายังกล้าใจร้ายใส่ คงรู้สึกผิดไปอีกนาน คนตัวเล็กวิ่งขึ้นรถก่อนหน้าเขาซะอีก ท่าทางร้อนใจแสดงออกมาชัดเจนแบบไม่คิดปิดบังสักนิด

เจ้าดื้อ เขาก็เป็นห่วงนะ แต่ตอนนี้เริ่มเป็นห่วงแม่มันอีกคนแล้วสิ

“พี่กันต์ ขับช้าๆ นะ”

“อือ”

หางตาเหลือบมองเด็กบนเบาะข้างคนขับ กำลังเกาะขอบกระจก พลางกวาดสายตาไปทั่วบริเวณเท่าที่จะมองเห็น น้ำเสียงสั่นเครือของอีกฝ่ายเล่นเอาเขาใจหายวูบ

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวก็เจอ”

“แล้วถ้าไม่เจออะ” วันศุกร์หันมามองหน้าเขาช้าๆ หัวคิ้วสองข้างขมวดมุ่นไม่น่าดู

“ก็อย่าคิดอย่างนั้นสิ”

“เป็นห่วงเจ้าดื้อ มันยังตัวเล็กอยู่เลย มันโดนรถชนได้นะพี่”

“เฮ้ยๆ อย่าพูดเรื่องไม่ดีได้ไหมเล่า” แล้วก็อย่าพูดไป น้ำตาคลอไปแบบนั้นด้วย คนใจไม่ดีน่ะมันจะกลายเป็นเขาเองรู้ไหม

“เจ้าดื้อ อยู่ไหน”

คนตัวเล็กหันกลับไปทางกระจกรถอีกครั้ง เริ่มส่งเสียงเพ้อๆ เหมือนคนโดนของ ท้องฟ้ายามโพล้เพล้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มเข้มใกล้มืดเต็มที สักพักเสียงโทรศัพท์ของวันศุกร์ก็ดังขึ้น ชื่อพี่ชายจอมหวงปรากฏบนหน้าจอ ทำให้เขาต้องรีบปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ

“ครับพี่เสาร์”

“ศุกร์อยู่ไหน ลุงชัยแกไปรอนานแล้วนะ”

“พี่เสาร์บอกให้แกกลับบ้านเลย คืนนี้ศุกร์จะค้างหอเพื่อน”

“คืนนี้เนี่ยนะ มีอะไร ทำไมต้องค้าง?”

วันเสาร์ถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เย็นวันศุกร์แบบนี้ แถมวันจันทร์หน้ายังเป็นวันหยุด เด็กหอน่าจะกลับบ้านกันซะส่วนใหญ่ไม่ใช่เหรอไง เพื่อนวันศุกร์ที่พอจะสนิทใจไปค้างด้วยได้ก็มีไม่กี่คน ตัวซี้อย่างนายหาญกล้าเองก็ต้องกลับบ้านแน่นอน เพราะวันก่อนเจอคุณป้าสมจิตร แม่ของกล้า ยังบ่นคิดถึงลูกอยู่ไม่ขาดปาก น่าสงสัย...

“ก็...ก็ต้องทำงาน”

“กับใคร?”

“เพื่อนที่คณะ พี่เสาร์ไม่รู้จักหรอกครับ เดี๋ยวไว้ศุกร์แนะนำให้วันหลังนะ ตอนนี้ยุ่งมากเลย ไว้ค่ำๆ ศุกร์โทรหานะครับ” คนตัวเล็กพูดรัวเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายโต้กลับ น้ำเสียงอ้อนๆ ท้ายประโยคคงพอจะทำให้เสาร์ใจเย็นลงบ้าง และยอมวางสายไปแต่โดยดี กลายเป็นรุ่นพี่ข้างตัวเสียนี่ที่ออกอาการไม่พอใจอะไรขึ้นมาอีกแล้ว

“อ้อนพี่ชายตัวเองแบบนั้น ไม่อายบ้างเหรอ?”

“อะไร”

“ฉันล่ะอายแทน เวลาได้ยินนายพูดจาเสียงหวานใส่พี่ชาย คือแบบ พวกนายเป็นผู้ชายทั้งคู่นะ ไม่รู้สึกว่ามันแปลกๆ เหรอ”

วันศุกร์กลอกตาแล้วเลือกที่จะไม่ตอบ กันต์ก็เป็นแบบนี้ อยู่ดีๆ อยากจะร้ายก็ร้ายขึ้นมาเลย แล้วนี่ก็วกกลับเข้าเรื่องเดิมๆ เหมือนตอนอยู่ในคอกหมู ทั้งที่เคยทะเลาะเสียงดังกันมาแล้ว กลับไม่เข็ดไม่จำ เหมือนอยากหาเรื่องเขาในจุดนี้อยู่ตลอดเวลาจนชักน่ารำคาญ

เขาจะอ้อนพี่ชายตัวเองมันก็สิทธิ์ของเขาไหมล่ะ ทำแบบนี้เรียกง่ายๆ ว่าเสือก

“นี่นายคงไม่ได้ทำตัวออดอ้อนกับผู้ชายทุกคนหรอกนะ”

“...”

“กับธนาก็คุยดี กับไอ้ตรีก็ไม่เว้น แล้วยังมีใครน้า ไอ้เด็กเสื้อช็อปนั่นอีก”

คนตัวเล็กเริ่มขมวดคิ้วยุ่ง ไม่ค่อยชอบใจนักกับการถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม แถมยังแย่ไปอีกขั้นเมื่อกันต์ดันมารู้จักหาญกล้าด้วย แบบนี้เหมือนโดนสะกดรอยตามยังไงไม่รู้ โรคจิตหรือเปล่า หาเรื่องเขายังพอว่า คงจะไม่ลามไปถึงเพื่อนๆ ของเขาหรอกนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นล่ะเจอดีแน่

“ผมก็คุยดีกับควรที่สมควรดีด้วย ไม่ได้อ้อนอะไรสักหน่อย บ้าเปล่า”

เสียงจิ๊ดังขึ้นอย่างจงใจให้ได้ยิน ก่อนที่กันต์จะเหยียบคันเร่งหนักขึ้นแบบไม่บอกกล่าว วันศุกร์รีบใช้สองแขนยันคอนโซลแล้วตวัดสายตาตำหนิไปให้

“พี่กันต์ จอด!” มือเล็กพยายามเอื้อมมาแย่งพวงมาลัยไป จนเกิดเหตุชุลมุนไปชั่วขณะ กันต์รีบพักรถไว้ข้างทาง ใกล้กับคูน้ำท้ายมอ เพิ่งสังเกตว่าท้องฟ้ามืดตัวลงแล้ว พวกยุงก็พากันออกบินว่อนไปทั่ว

“เป็นบ้าอะไร!”

“ผมต่างหากที่ต้องถาม อยู่ดีๆ ก็หาเรื่องขึ้นมาอีก ผมไม่อยากคุยด้วยแล้ว!” วันศุกร์ตวาด ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ กันติกรณ์ขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วรีบวิ่งตามไปคว้าข้อมือบางไว้เหมือนทุกที

“จะไปไหน”

“ไปหาเจ้าดื้อ”

“ก็ขึ้นรถ”

“ไม่! ไม่อยากอยู่กับพี่แล้ว รำคาญ” เขาไม่กลัวที่จะพูดตรงๆ

“แล้วจะเดินหาไปเรื่อยๆ น่ะเหรอ บ้าหรือเปล่า”

“ก็ดีกว่าอยู่ทะเลาะกับพี่นั่นแหละ”

“วันศุกร์ ขึ้นรถ” กันต์กดเสียงต่ำ พลางบีบข้อมือเขาแน่นขึ้นอีก

“ปล่อย!”

“มันมืดแล้วไม่เห็นเหรอ จะเดินหาเจ้าดื้อทั้งคืนเลยหรือไง ไป ขึ้นรถ” วันศุกร์ยังคงยืนนิ่ง จนกันต์ต้องยอมลดระดับเสียงลงอีกหน่อย “ฉันจะไม่พูดเรื่องนั้น โอเคไหม?”

“ความจริงพี่ควรขอโทษผม”

“มากไป…” คนโตกว่ากระชากแขนบางเข้าหาตัว เพื่อส่งสัญญาณให้กลับไปทางยานพาหนะที่จอดทิ้งไว้ แต่ก่อนจะได้เคลื่อนย้ายตัว เสียงประหลาดกลับดังขึ้นเรียกความสนใจไว้ก่อน

“อู๊ด...”

“เจ้าดื้อ!” เสียงแหลมเล็กเผลอตะโกนออกมาดังลั่น วันศุกร์สะบัดมือออกจากฝ่ามือหนาแล้วเริ่มกวาดสายตาไปทั่ว “เจ้าดื้อ อยู่ไหน”

“อู๊ด..อู๊ด...”

ทั้งสองคนพากันเดินตามเสียงเรียก ก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าคูน้ำที่อย่าเรียกว่าคูน้ำเลย เพราะมันกลายเป็นลำธารโคลนขนาดหย่อมไปแล้ว เนื่องจากพื้นที่ท้ายมหา’ลัยตรงนี้ เป็นพื้นที่รกร้าง ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง และไม่ได้รับความสนใจมานานหลายปี

เจ้าหมูจอมซนยืนชิดกำแพงอิฐ เนื้อตัวเปื้อนคราบไคลโสโครก เท้าเล็กๆ ไม่กล้าก้าวไปไหนเพราะกลัวจะไถลตกบ่อโคลนซ้ำอีกรอบ

“ไปอยู่ตรงนั้นได้ยังไง!” เด็กปีหนึ่งถึงกับกุมขมับ พยายามนึกภาพตามก็ลงตัวที่ว่า มันน่าจะวิ่งมาแถวนี้แล้วลื่นตกบ่อโคลน แต่ด้วยความโง่จึงตะกายตัวขึ้นผิดฝั่ง จนกลายเป็นว่าถูกล้อมกรอบเสียอย่างนั้น

อ้วนแล้วยังโง่อีก บ้าจริง

“เจอแล้วก็โทรให้นายธนามาจัดการ...เฮ้ย!” กันต์ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นคนข้างตัวพยายามหย่อนขาลงไปในบ่อน้ำเน่าเหม็นแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง

เขารีบวิ่งไปจะคว้าร่างผอมบางนั้น แต่ก็ไม่ทันการ

“วันศุกร์!”

หัวคิ้วสองข้างขมวดมุ่นเมื่อเห็นภาพอีกฝ่ายกำลังแหวกว่ายไปยังพื้นดินอีกฝัง เนื้อตัวเปื้อนสีน้ำตาลอมเขียวไม่น่าดู บอกตรงๆ ว่าเขารู้สึกขยะแขยงแทน ไม่รู้ว่ากล้าลงไปได้ยังไง

“เจ้าดื้อ มานี่” วันศุกร์กวักมือเรียกหมูตัวจิ๋วที่กำลังสั่นด้วยความกลัว

เมื่อเขาเคลื่อนตัวเข้าใกล้ เจ้าดื้อก็เริ่มวางใจมากขึ้น มันค่อยๆ ก้าวขาไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างชั่งใจ ที่สุดจึงโดดเข้ามาในวงแขนสกปรกได้พอดิบพอดี วันศุกร์รีบกอดสัตว์เลี้ยงสุดหวง แล้วปีนกลับขึ้นฝั่ง ไร้ความช่วยเหลือใดๆ จากคนที่ยังยืนหน้าบูดหน้าเบี้ยว แล้วจงใจส่งเสียงฟึดฟัดแบบไม่ปิดบังท่าทางรังเกียจ

“ทำไมไม่รอให้ธนามาจัดการ จะลงไปเองทำไม เลอะเทอะหมด”

ไม่ช่วยแล้วยังพูดมาก

“เรื่องของผม”

วันศุกร์ยกมือขึ้นลูบหัวเจ้าดื้อที่เอาแต่ซุกหน้าเข้ากับแผงอกเปรอะเปื้อน กลิ่นไม่พึงประสงค์เริ่มลอยฟุ้งจนแม้แต่ตัวเขาเองยังต้องย่นจมูก นึกอยากอาบน้ำสักร้อยรอบเดี๋ยวนี้เลย

“แล้วนี่จะไปไหนต่อ?”

“หอ...”

เขาพูดเสียงในลำคอ ลืมนึกไปว่าหาญกล้าไม่อยู่ และเขาก็ยังไม่ได้สนิทกับเพื่อนใหม่คนไหนมากพอจะขอไปนอนด้วยได้ ถ้าจะมีใครที่พอเจรจาไหวก็เห็นจะเป็น...

“หอพี่อะ”

“ห้ะ?” กันต์โพล่งเสียงดัง รีบถามซ้ำอย่างไม่เชื่อหู “ไปไหนนะ?”

“ไปหอพี่อะ คืนนี้ขอค้างด้วยดิ”

เชี่ย...

ดีใจ แต่ยิ้มไม่ได้

“ได้ปะ?” คนตัวเล็กถามซ้ำ พร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกจนแสบจมูกไปหมด หยุดทำหน้าตาน่ารักทั้งที่กำลังตัวเหม็นหึ่งได้ไหม ถ้าไม่ติดว่าตัวเปื้อนโคลนเขาคงอยากรีบอุ้มขึ้นรถแล้วตรงกลับห้องซะเลย

“เออ...จ่ายค่าน้ำค่าไฟมาด้วยละกัน”

วันศุกร์พยักหน้าหงึกหงัก แต่กลับหันหลังให้เขาเสียเฉยๆ

“เอ้า แล้วนี่จะไปไหน”

“เอาเจ้าดื้อไปคืนคณะเกษตรฯ”

“แล้วจะไปยังไง”

“เดิน”

กันติกรณ์เลิกคิ้ว ขณะที่วันศุกร์ไล่สายตาลงมองเนื้อตัวตัวเอง สกปรกยิ่งกว่าหมูหมกโคลนแบบนี้ คงไม่มีหน้าเดินขึ้นไปนั่งรถหรูราคาแพงหูฉี่ กันต์เองก็เพิ่งเข้าใจ ความคิดในหัวเริ่มตีกันมั่วด้วยความลังเล ความรู้สึกที่ว่าไม่อยากให้รถเปื้อนน่ะมีแน่ แต่โชคดีของเด็กนี่ที่ความรู้สึกเป็นห่วงมันมากกว่า

“ขึ้นรถ” เขาพูดเสียงต่ำ เอื้อมดึงมือเปียกชื้นกลับไปทางยานพาหนะด้านหลัง วันศุกร์ดูแปลกใจแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

หย่อนตัวลงน้ำเน่าในเวลาหัวค่ำทำให้ความเย็นตรงเข้าจับ แต่มือใหญ่กลับแผ่ความอบอุ่นออกมาจนสัมผัสได้ จากที่ควรหนาว เลยแทบจะกลายเป็นร้อนผ่าวเสียอย่างนั้น

บ้าชะมัด...

พวกเขารีบติดต่อธนาและนำเจ้าหมูจอมดื้อสมชื่อคืนให้เด็กในคณะจัดการต่อ จากนั้นจึงบึ่งรถกลับหอทันที โดยไม่ลืมแวะร้านค้าใกล้เคียงให้เด็กปีหนึ่งได้ซื้อพวกของใช้จำเป็น เช่นกางเกงในหรือแปรงสีฟัน พอถึงห้อง กันติกรณ์ก็รีบไล่คนตัวเหม็นเข้าห้องน้ำ แต่วันศุกร์เอาแต่ยืนอ้าปากแน่นิ่งเพราะลืมไปเลยว่าหอของกันต์เป็นเตียงเดี่ยว และคงน่าพะอืดพะอมพิลึกถ้าต้องนอนร่วมกันใกล้ชิดแบบนั้น

“ผมลืมว่าหอพี่เป็นเตียงเดี่ยวอะ”

“แล้วไง” คนตัวสูงเลิกคิ้วหลังจากวางมือถือลงบนโต๊ะหนังสือ

“งั้นผมนอนพื้นละกัน”

“จะบ้าเหรอ” สายตาดุๆ ตวัดกลับมา พร้อมซุ่มเสียงกึ่งรำคาญกึ่งจะบังคับ “ก็นอนบนเตียงด้วยกันนี่แหละ”

“แต่...”

“เตียงตั้งใหญ่ นอนไม่ได้หรือไงครับคุณหนูวันศุกร์ เรื่องมากไปได้”

กันต์แกล้งทำเป็นหาเรื่องกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้ฟังดูน่าสงสัยจนเกินไป และดูจะได้ผลดีทีเดียว เมื่อคนฟังถึงกับหน้าตึง ไม่ชอบใจเลยกับคำพูดดูถูกจากคนที่มองยังไงก็เป็นคุณชายยิ่งกว่าเขาซะอีก

“นอนได้”

คนตัวเล็กกระแทกเสียง แล้วหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่กันต์เตรียมไว้ให้เข้าห้องน้ำไปอย่างรีบร้อน ขวดสเปรย์ปรับอากาศถูกหยิบออกจากชั้นเพื่อกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์จากแขกคืนนี้

วันศุกร์ใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอตัวจนคนด้านนอกชักกังวลว่านอนตายคาอ่างไปแล้วหรือยัง เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงหรืออาจมากกว่านั้น กว่าที่ร่างเปื้อนโคลนก่อนหน้าจะได้ฤกษ์เสด็จออกมา เนื้อตัวสะอาดเอี่ยมส่งกลิ่นหอมจากสบู่ขวดใหม่ที่เกศราเพิ่งซื้อมาให้ เขายังไม่เคยใช้และคงไม่กล้าใช้ด้วย เพราะทราบแล้วว่ากลิ่นมันหอมหวานขนาดไหน

ไม่เข้ากับเขาหรอก กลิ่นแบบนี้

“หอม...” เสียงเพ้อๆ เผลอหลุดออกจากปาก

รู้สึกหัวใจเต้นผิดจังหวะเพียงแค่จ้องไปยังภาพวันศุกร์ในชุดเสื้อยืดหลวมโพรกจนแทบจะกลายเป็นกระโปรง ชายแขนทั้งสองข้างร่วงลงมาคลุมข้อศอก เส้นผมเปียกหมาดๆ อย่างกับลูกแมวตกน้ำ นึกอยากจะกระโจนเข้าไปอุ้มขึ้นเตียงเสียให้รู้แล้วรู้รอด หากก็ทำได้เพียงแค่เก๊กหน้ายุ่งเหมือนเคย

“ค่อยหอมขึ้นหน่อย ก่อนหน้านี้เหม็นอย่างกับหมู”

“เหอะ” วันศุกร์ส่งเสียงไม่พอใจ เดินไปหยิบมือถือมาต่อสายหาพี่ชายคนดี แล้วขึ้นไปนอนพิงหัวเตียงด้วยใจหวั่นๆ ไม่ลืมยกนิ้วทำท่าจุ๊ปากใส่เจ้าของห้องไม่ให้ส่งเสียงอะไร

“พี่เสาร์ ศุกร์อยู่หอแล้วนะครับ”

“สรุปหอใคร?”

“ก็...เพื่อนที่คณะไง ชื่อกั้ง” เขารีบประมวลหาชื่อเพื่อนเท่าที่พอจำได้ออกมาพูดส่งๆ ไปก่อน

“พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”

“กั้ง...อาบน้ำอยู่อะครับ นี่ศุกร์ก็ง่วงแล้วด้วย”

“อืม…งั้นก็ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้จะให้ลุงชัยไปรับแต่เช้า”

“ครับ ฝันดีนะครับพี่เสาร์”

“อือ”

วันเสาร์ตัดสายใส่อย่างที่ไม่ค่อยทำนัก แถมคำตอบห้วนๆ นั่นก็อดจะใจหายไม่ได้ ปกติวันเสาร์ไม่พูดจาเย็นชาใส่เขาแบบนี้หรอก ยกเว้นเวลาหงุดหงิด และเห็นได้ชัดเลยว่าเมื่อครู่กำลังโกรธแค่ไหน บางทีเขาคงโกหกได้ไม่เนียนเอาซะเลยถึงทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นห่วงจนโมโหไปอย่างงั้น

“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจลากยาว ก่อนที่กันต์จะส่งคำถามแทรกขึ้นมา

“ทำไมต้องโกหกพี่ชายด้วยล่ะ?”

ใบหน้ารู้สึกผิดดูห่อเหี่ยว “ก็พี่เสาร์ขี้หวงมากน่ะสิ ถ้ารู้ว่าผมมานอนหอคนแปลกหน้าแบบนี้ มีหวังเป็นเรื่อง”

“หืม...” กันติกรณ์พาตัวเองขึ้นเตียง ดวงตาคมฉายแววเจ้าเล่ห์ วันศุกร์ได้แต่นอนมองร่างใหญ่ซึ่งกำลังคืบคลานเข้าหาอย่างตื่นๆ “คนแปลกหน้า?”

“ทะ...ทำอะไร”

คนตัวเล็กตั้งใจจะเขยิบออกห่าง แต่กลับไม่เหลือพื้นที่ให้หนีไปไหนรอด กันต์ใช้แขนข้างหนึ่งยันหัวเตียงเพื่อกักร่างเขาไว้ มืออีกข้างเชยคางมนขึ้นสบตากัน เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างโลมเลีย

“งั้นเรามาขยับความสัมพันธ์กันหน่อยดีไหม?”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:47:13 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ done_dirt_cheap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
 :pig4:

จะรออ่านต่อนะ
เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ
 :katai2-1:

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 4.0



“บ...บ้าเหรอพี่กันต์!” วันศุกร์รีบผลักอกกว้างอย่างแรง กันต์เองก็ดูไม่จริงจังอะไรจึงยอมผละตัวออกจากเตียง แล้วเอาแต่ยิ้มขำ

“แกล้งเล่นหน่อยเดียว ต้องหน้าแดงด้วยเหรอ”

คนบนเตียงรีบยกมือขึ้นทาบแก้มใสของตัวเอง ก่อนจะตวาดกลับมา

“ไม่ได้หน้าแดงสักหน่อย!”

เขาไม่สนใจคำแก้ตัว แล้วลงมือถอดเสื้อผ้าตัวเองออกเพื่อจะไปอาบน้ำ วันศุกร์หันหน้าหนีแทบจะทันที ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากคนที่กำลังลอบมองอยู่ กันต์ใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานเท่าไร แต่เมื่อกลับออกมาก็พบว่าผู้มาเยือนได้จมลงสู่ห้วงนิทราเป็นอันเรียบร้อยแล้ว

เสียงหายใจของวันศุกร์ดังพอให้ได้ยิน เมื่อเขาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ข้างๆ ร่างสงบนิ่ง กันต์เผลอเอื้อมมือปัดเส้นผมที่ปรกหน้าออกให้ แล้วแอบหยิกเบาๆ ไปที่แก้มเนียน ก่อนจะเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปปิดไฟ เขาพาตัวเองขึ้นนอนโดยมีหมอนข้างใบยาววางกั้นตรงกลางเตียงไว้ แม้อยากจะดึงออกก็ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม จึงต้องปล่อยไปอย่างนั้น

เวลาผ่านไปครู่หนึ่งกว่าที่กันต์จะหลับ ภายใต้ความมืดยามราตรี มีดวงตากลมใสเปิดขึ้นช้าๆ วันศุกร์ค่อยๆ พลิกตัวกลับมาหาอีกคนบนเตียง ซึ่งก็หันหน้ามาทางเขาพอดี หมอนข้างถูกเลื่อนลงเล็กน้อยพอให้เห็นอีกฝ่ายชัดเจน สัมผัสบนเส้นผมกับแก้มใสยังคงอยู่ พร้อมหัวใจที่เริ่มเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ ด้วยความไม่เข้าใจ

จะดีหรือจะร้ายกันแน่...กันติกรณ์

 

 

“กำลังลงไปแล้วครับ” วันศุกร์รีบบอกพี่ชายผ่านสายโทรศัพท์ ก่อนจะหยิบเสื้อตัวใหญ่ที่ใส่เมื่อคืนมาไว้ในมือ ก้าวขาไปยังประตูทางออก “เดี๋ยวซักแล้วมาคืนให้”

แต่ยังไม่ทันเดินออกจากห้องดี อีกคนตรงนั้นกลับชิงแทรกตัวออกไปซะก่อน จนเขาต้องรีบส่งเสียงทักท้วง

“จะไปไหน?”

“ไปส่งไง”

“ไม่ต้อง” วันศุกร์ขมวดคิ้วไม่พอใจ

กันติกรณ์ไม่ใช่แค่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับทั้งเขาและเสาร์ แต่ยังเป็นคนที่เสาร์เคยหมายหัวแล้วว่าไม่ชอบขี้หน้า แถมห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวด้วย ถ้าเกิดวันเสาร์เห็นหน้ากันต์อีก เรื่องคงไม่จบง่ายๆ อย่างร้ายแรง คือต้องมีคนตายไปข้างแน่ ระดับความขี้หวงน้องของวันเสาร์มันล้ำกว่าคนทั่วไปตั้งเยอะ

“ทำไม กลัวเหรอ?”

“เออ” เขายอมรับ และพยายามจะดึงแขนกันต์ให้กลับเข้าห้องแต่ก็ไม่เป็นผล

“นายจะกลับก็กลับไป ฉันไม่ไปส่งแล้วก็ได้”

คนตัวเล็กกำลังจะดีใจ แต่แค่เสี้ยววินาทีต่อมา น้ำเสียงยียวนน่าถีบก็ดังแทรกขึ้นก่อน

“แต่จะลงไปซื้อของ”

ร่างสูงพูดทิ้งท้ายแค่นั้น ก่อนจะออกตัวเดินไปยังลิฟท์ โดยไม่คิดสนใจเสียงฮึดฮัดที่ดังตามหลังเข้ามา นิ้วชี้เรียวจ่อหน้ากันต์อย่างเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มกรุ้มกริ่ม ดวงตาส่อแววสนุกสนานเสียเต็มประดา

“ผมขอเตือนนะ อย่าให้พี่เสาร์รู้เด็ดขาด ว่าเมื่อคืนเรานอนด้วยกัน”

“อ่า…” ร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้ “เมื่อคืน...เรานอนด้วยกัน สินะ”

ใบหน้าขาวร้อนวูบวาบเพราะเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองใช้คำพูดอะไรผิดเพี้ยนไป วันศุกร์ทำท่าอึกอัก เหมือนอยากเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายที่ชอบพูดจาน่าเกลียด แต่ไม่ทันได้ทำอะไร ประตูลิฟท์ก็เปิดออก กันต์เดินหัวเราะชอบใจออกไปอย่างไม่เดือดร้อนอะไรนัก

วันศุกร์รีบสาวเท้าไปถึงด้านหน้าหอ ซึ่งมีรถแวนของบ้านวุฒิเวคินทร์จอดรออยู่แล้ว วันเสาร์รี่เข้ามาดึงแขนน้องชายเข้าหาตัวเองทันทีที่เห็นหน้า พร้อมกับลุงชัยที่ตรงเข้ามารับเสื้อผ้าไม่คุ้นตาในมือเขาไปถือไว้ให้

“ไหนล่ะกั้ง?” คำถามแรกของวันทำเอาเขาหน้าซีด แต่ก่อนจะทันได้คิดหาคำตอบ ก็ปรากฏร่างของเด็กปีสามท่าทางกวนประสาท ซึ่งจงใจแสร้งเข้ามาทักทายเหมือนกำลังเล่นละครฉากใหญ่

“อ้าว วันศุกร์ แล้วก็พี่วันเสาร์ สวัสดีครับ”

“พี่กันต์” วันศุกร์ตวัดสายตากลับไปมองอย่างนึกโกรธ แต่ก็พยายามซ่อนอารมณ์เอาไว้ เพื่อไม่ให้ใครสงสัย วันเสาร์เพียงแค่พยักหน้าตอบแต่ไม่ยอมรับไหว้แต่อย่างใด ดวงตาเรียวหรี่ลงอย่างจับผิด

“ไม่ยักรู้ว่าวันศุกร์ก็อยู่หอนี้”

“เอ่อ...เปล่า ผมมาค้างกับเพื่อน”

“เหรอ? พี่ก็อยู่หอนี้เหมือนกัน ไว้ว่างๆ ก็มานั่งเล่นที่ห้องพี่ได้นะ”

“ศุกร์ กลับได้แล้ว” วันเสาร์เป็นฝ่ายตัดบท แล้วคว้ามือน้องชายขึ้นรถทันที

บรรยากาศเงียบสนิทโปรยตัวลงชวนให้อึดอัด วันศุกร์เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา จนคนเป็นพี่ต้องเป็นฝ่ายเปิดปากขึ้นก่อน สายตาคมไล่พิจารณาสภาพเสื้อผ้าที่ดูไม่ได้

“ไปทำอะไรมา ทำไมเสื้อเลอะเทอะแบบนี้”

“เอ่อ...คือ เมื่อวานศุกร์...เผลอเดินตกคลองในมออะครับ” เขาตัดสินใจบอกออกไปตามตรง แม้จะไม่ลงรายละอียดทั้งหมดก็ตาม

“ไปทำอีท่าไหน”

“ศุกร์เดินไม่ระวังเองครับ”

วันเสาร์ทำท่าจะซักต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร เพราะเห็นว่าสีหน้าของวันศุกร์เริ่มไม่สู้ดีแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเดาไม่ออก ว่าไอ้ท่าทีลนๆ แบบนี้ ต้องมีอะไรปิดบังเขาอยู่แน่นอน

เขารีบพาตัวเองขึ้นไปหลบบนห้องนอนทันทีที่ถึงบ้าน แต่วันเสาร์ก็ยังไม่วายเดินตามเข้ามา แถมยังหันไปกดล็อกประตูหน้าตาเฉย สายตาตำหนิถูกส่งมาให้จนเจ้าของห้องต้องรีบเสมองไปทางอื่นด้วยไม่กล้าสู้หน้า ทั้งสองคนมานั่งขนาบกันอยู่ตรงปลายเตียง ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมได้เพียงพักหนึ่ง วันเสาร์จึงเริ่มต้นบทสนทนาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ติดจะน่ากลัว

“มีอะไรจะบอกพี่ไหม?”

“...”

“ศุกร์”

“ม...ไม่มีครับ”

คนโตกว่าถอนหายใจ แล้วเอื้อมมือขึ้นเชยคางของน้องชายให้หันหน้ากลับมามองกัน เขาพยายามควบคุมน้ำเสียง เอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง

“พี่จะถามอีกครั้ง มีอะไรจะบอกรึเปล่า?”

“เอ่อ...” ศุกร์ดูกระวนกระวาย ใจหนึ่งก็ไม่อยากโกหก แต่อีกใจก็กลัวเกินกว่าจะพูดความจริง ในที่สุดก็ได้แต่หลุบตาต่ำ พร้อมตอบกลับเสียงอ้อมแอ้ม

“ไม่…ไม่มีครับ”

“ศุกร์!” คนตัวเล็กสะดุ้ง เมื่อเสาร์เริ่มขึ้นเสียง มือข้างเมื่อครู่ เปลี่ยนมาบีบข้อมือเขาแทน

“มีอะไรทำไมไม่บอกพี่!”

“พี่เสาร์ ปล่อย...”

“ศุกร์โกหกพี่ทำไม พี่รู้นะว่าเราไม่ได้ไปค้างห้องเพื่อน”

“ศุกร์…”

“ศุกร์ไปนอนกับใคร บอกมา!”

“พี่เสาร์ ศุกร์กลัว...” ดวงตากลมรื้นไปด้วยน้ำตา เขาไม่ได้ถูกวันเสาร์ตะคอกใส่นานมากจนเกือบลืมความรู้สึกหวาดกลัวนี้ไปแล้ว “ศุกร์เจ็บ..”

วันเสาร์สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด ก่อนจะพ่นออกมาทางปากอย่างพยายามสงบอารมณ์ เขาค่อยๆ คลายแรงบีบ แต่ก็ยังคงส่งสายตาคาดคั้นไม่หยุด

“อย่าบอกนะว่าศุกร์ไปนอนกับนายกันต์อะไรนั่น?”

คนโดนถามสะดุ้งน้อยๆ แต่ก็รีบส่ายหน้าท่าเดียว หากก็ไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย และมันก็ยิ่งทำให้เสาร์สงสัย ใจจริงเขาโกรธมากกว่าที่แสดงออกมามากมายนัก แต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้ เพราะไม่อยากทำร้ายน้องชายที่รัก

เขาพยายามนับหนึ่งถึงสิบเพื่อสงบจิตสงบใจ ก่อนจะดึงร่างสั่นเทาด้วยความกลัวมาไว้ในอ้อมกอด ปลายจมูกโด่งฝังลงกับกลุ่มผมนุ่ม พลางกระชับวงแขนแน่น

“พี่เป็นห่วงศุกร์นะ” เสาร์เอ่ยเสียงจริงจัง วันศุกร์เอาแต่ซบหน้าลงกับอกแกร่ง ไม่พูดไม่จาอะไร

“พี่รักศุกร์…”

 

 

“ปีหนึ่งสีฟ้า ปีสองสีแดง ปีสามสีเขียว และปีสี่สีเหลือง ตามนี้นะครับ” เสียงแกนปี 4 ดังบอกรุ่นน้องในห้อง ตอนนี้มีรุ่นพี่ปีสูงเกือบสิบคนเข้ามาคุยกับชั้นปีอื่นเรื่องงานกีฬาสีคณะที่กำลังจะจัดขึ้นอาทิตย์หน้า

“เดี๋ยวพี่จะเรียกชื่อแต่ละคน ให้มารับเสื้อนะ”

เสื้อยืดคอวีสีฟ้าในถุงใส กองรวมกันอยู่ในถุงพลาสติกใบใหญ่ เมื่อวันก่อนรุ่นพี่เพิ่งให้พวกเขาลงรายละเอียดไซส์เสื้อที่ใส่ไปเอง ไม่คิดว่าแป๊บเดียวก็ได้แล้ว แต่ว่าก็ว่าเถอะ ส่วนตัววันศุกร์ไม่ค่อยได้ใส่เสื้อสีสันมากเท่าไร ถ้าลองเปิดตู้เสื้อผ้าดู เห็นจะเจอแต่โทน ขาว ดำ เทา แค่นั้นซะมากกว่า

“บุษกร...ต้นหน....วิภาดา...”

“วันศุกร์...”

เขาเดินออกไปรับเสื้อของตัวเองมาคลี่ออก ก่อนจะต้องแปลกใจเพราะเหมือนว่าเสื้อกีฬาสีที่รุ่นพี่สั่งทำมา ไซส์จะใหญ่กว่าเสื้อไซส์ปกติที่เขาใส่อยู่เล็กน้อย เขาลองเอาทาบตัวดูคร่าวๆ ก็พอกะได้ว่าไหล่มันลาดลงมา แถมคอยังกว้างเกินจำเป็นอีกต่างหาก พอหันไปสำรวจของเพื่อนก็เหมือนจะมีบางคนที่ประสบปัญหาคล้ายกัน แต่ไม่มากเท่าไรนัก

“กั้ง เสื้อมึงพอดีตัวเปล่าวะ?”

“ของกูพอดีนะ แต่ไอ้นัทก็ไหล่ตกนิดนึงเหมือนกันมึง อย่าเอาอะไรมากเลยแค่เสื้อคณะ”

“เออๆ” วันศุกร์พยักหน้าแล้วเก็บเสื้อกลับเข้าถุงใส

รุ่นพี่ชี้แจ้งอะไรต่ออีกเพียงเล็กน้อยจึงปล่อยให้น้องๆ กลับบ้าน เขาเดินลงจากตึกมาพร้อมกั้งและนัท แต่ยังไม่ทันพ้นบริเวณสูบบุหรี่ ก็มีเสียงทุ้มตะโกนทักหนึ่งในเพื่อนเขาไว้ก่อน

“เฮ้ย ไอ้นัท”

“พี่ฑิต ว่าไงพี่” นัทเดินเข้าไปหาบัณฑิตด้วยท่าทีสนิทสนม เพราะเป็นสายรหัสกัน ส่วนของวันศุกร์นั้นสายขาดๆ แหว่งๆ ไม่ค่อยได้สนใจกันเท่าไร

“ไปงานกีฬาสีคณะด้วยนะมึง”

“ครับๆ”

ตอนนี้กั้งหันไปคุยกับตรีวิทย์ที่เพิ่งเดินหอบชีทมาให้ สองคนนี้ก็สายรหัสกันเหมือนกัน และตรีเองก็ใจดี คอยค้นชีทกับข้อสอบเก่ามาให้ตลอด สายของกั้งขาดที่ปีสอง เพราะซิ่วไปเรียนมหา’ลัยอื่น ก็เลยไม่มีพี่ปีสองคอยส่งต่อชีทให้ ดีที่ตรีเป็นประเภทรอบคอบอยู่แล้ว เลยไม่เคยทิ้งเอกสารการเรียนใดๆ เลย

“ยืนหงอยเชียว” เสียงกวนประสาทดังขึ้นใกล้ๆ กลิ่นบุหรี่ลอยเตะจมูก เมื่อกันต์ลุกจากม้านั่งมาหยุดลงตรงหน้าเขา

“ให้ฉันเป็นพี่เทคให้เอาไหมล่ะ?”

“เหอะ” วันศุกร์รีบบุ้ยหน้าไปทางอื่น

“ทำท่าแบบนี้หมายความว่าไงฮะ”

“ผมไม่ต้องการพี่เทค แล้วก็อย่ามายืนใกล้ๆ ด้วย เหม็น”

กันต์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะทิ้งบุหรี่ในมือลงพื้นและเหยียบให้ดับ แต่นัทกับกั้งก็คุยธุระเสร็จพอดี เลยได้โอกาสหนีกลับ วันศุกร์จงใจหันไปยกมือลารุ่นพี่อีกสองคนด้านหลัง และแกล้งเมินคนตรงหน้าแบบไม่หลงเหลือความเกรงใจอยู่แม้แต่น้อย

บัณทิตกับตรีวิทย์กลั้นหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางรุ่นน้องคนโปรดของเพื่อนสนิท

“มึงชอบไปแกล้งเขาก่อนเองนะ ก็ช่วยไม่ได้ที่น้องเขาจะเกลียดมึง” ตรีเอ่ย กันต์ได้แต่ยีผมตัวเองอย่างหงุดหงิด แล้วหยิบบุหรี่อีกมวนขึ้นจุดไฟ

ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:47:58 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Sirada_T

  • We Will [Luk] You!!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
รอค่ะะะะะ  กันต์มันบ้า... แต่สงสารวันเสาร์ตั้งแต่ยังไลม่เริ่ม

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 4.5



“ศุกร์เหมาะกับเสื้อสีฟ้านะ” ตรีวิทย์เอ่ยปากเมื่อเด็กคณะเริ่มมารวมตัวกันในลานกว้างของสนามฟุตบอลใกล้มหา’ลัย เสื้อหลายสีสันกระจายตัวไปอยู่แทบทุกมุมของสถานที่ เวลาเริ่มงานใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว

“ขอบคุณครับ”

คนตัวเล็กตอบกลับเขินๆ เพราะเขาเองก็ไม่ค่อยชินที่ตัวเองต้องมาใส่เสื้อสีสันสดใส

“สั่งเสื้อผิดไซส์หรือไง?” เสียงทุ้มไม่น่าฟังดังขึ้น แต่วันศุกร์แกล้งเมินคำถาม แล้วหันไปชวนตรีวิทย์คุยต่อจนกันต์ได้แต่ยืนหน้าเสีย สายตาดุดันจับจ้องไปยังผิวขาวน้ำนมที่โผล่พ้นคอเสื้อกว้าง ไล่ตั้งแต่ลำคอเรียว ไหปลาร้า จนถึงแผงอกแพลมๆ นั่น

“เฮ้ย!!” ศุกร์ร้องออกมาเมื่อจู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความเย็นตรงน่องขา เขารีบกระโจนตัวหลบด้วยความตกใจ ก่อนจะพบว่าคือนัทที่พุ่งตัวมาจับขาเขาไว้

“ทำบ้าอะไรวะ”

“ทายากันยุง” เจ้าของสัมผัสเมื่อครู่ตอบ พลางยกขวดยาสีชมพูในมือขึ้น

นัทเขยิบตัวเข้ามาใกล้อีกครั้ง พร้อมใช้สองมือเกลี่ยครีมบนขาของเขาให้ กั้งเดินเข้ามาทักทายรุ่นพี่แล้วก้มลงมองเพื่อนอีกคนด้วยสีหน้างุนงง

“เดี๋ยวกูทาเอง”

“ไม่เอา กูทาให้”

วันศุกร์พยายามจะยกขาหนีพร้อมกับแย่งขวดยากันยุงมา แต่นัทก็ยังเล่นตามมาเกาะแกะเขาเหมือนลูงลิง จนสุดท้ายก็ต้องยอมยืนนิ่งๆ ให้เพื่อนจอมซนทำตามที่สบายใจ พอนัทลุกขึ้นยืน ศุกร์ก็รีบหาจังหวะแย่งขวดในมือมาแล้วจัดการทายาลงไปบนแขนสองข้างของตัวเอง

“ทาคอด้วย” นัทว่า ก่อนจะพยักเพยิดหน้าไปทางกลุ่มผู้หญิงในชั้น ซึ่งกำลังแอบมองมาเงียบๆ “ยัยพวกนั้นเอาแต่ห่วงว่ายุงจะกัดมึงเป็นรอย”

“มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“เออ ก็ทาๆ ไปเถอะ พอฟ้ามืดยุงมันชุมจริงๆ แหละ”

เขายอมพยักหน้าแล้วบีบครีมออกมาอีกเล็กน้อย ส่งขวดกลับคืนให้คนตรงข้าม มือเล็กค่อยๆ ตบไปตามลำคอตัวเองแล้วเลื่อนลงมาจนถึงขอบคอเสื้อ ไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาแข็งจากรุ่นพี่ตรงหน้าจ้องมาไม่ห่าง กันต์ไม่ชอบใจเอาซะเลย ที่วันศุกร์ใส่เสื้อคอกว้างจนเผยให้เห็นเนื้อหนังแบบนี้ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มองมา แต่สายตาโลมเลียจากพวกผู้ชายก็น่าหงุดหงิดเช่นกัน

“สรุปวันนี้มีอะไรบ้างวะ?” นัทหันไปถามกั้งซึ่งน่าจะรู้ดีกว่า

“ก็ไม่มีไรมากนะ เปิดด้วยชักกะเย่อ กินวิบาก วิ่งผลัด แล้วก็บอลเลย”

“ไปได้แล้วมั้ง”

ทุกคนพยักหน้าเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่ปีสี่เริ่มไล่ต้อนให้รุ่นน้องมานั่งรวมกันตามชั้นปีเพื่อประกาศเริ่มงาน นาฬิกาดิจิทัลขนาดใหญ่ในสนามบอกเวลา 5 โมงเย็นพอดิบพอดี

พี่เคน แกนปีสี่คนเดิม เป็นคนขึ้นมากล่าวเกี่ยวกับธรรมเนียมของกิจกรรมคณะ ก่อนจะเริ่มอธิบายตารางเวลาคร่าวๆ และปล่อยให้คนเดินเอาเชือกสีน้ำตาลขนาดใหญ่เข้ามา เชือกหนาเหมือนจะเอาไปผูกคอยักษ์ แค่มองด้วยตาก็พอเดาได้ว่าคงต้องใช้สองมือผู้ชายถึงกำรอบ หรือเผลอๆ อาจจะไม่รอบก็ได้

“เป็นปกติทุกปีนะที่เราจะเปิดกันด้วยชักกะเย่อกลุ่ม โดยจะแบ่งเป็นรอบของฝั่งผู้ชาย และผู้หญิง”

หลายคนดูตื่นเต้นกับความหนาและยาวของเชือก แต่หลายคนก็บ่นอุบทันทีที่เห็น เพราะคงกินแรงไม่มากก็น้อย ฝ่ายผู้หญิงได้สิทธิ์เล่นก่อนตามบทบัญญัติ Lady First แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ต้องเลิก เพราะดูเหมือนจะเตี๊ยมกันแพ้ไว้แล้ว เนื่องจากสาวๆ หลายคนในคณะมีรูปร่างผอมบางไม่น่ามีแรงเท่าไรนัก ก็คงไม่อยากยื้อกันนานเกินไปเพราะจะเปลืองพลังงานเสียเปล่าๆ ดูเหมือนพวกเธอจะเล็งวิ่งผลัดที่ดูเป็นกีฬากลางๆ ไว้มากกว่า

“ฝั่งผู้ชายรอบแรก สีฟ้าแข่งกับสีแดง” เสียงประกาศดังขึ้น ก่อนจะเกิดเสียงพูดคุยจอแจภายในกลุ่มเด็กปีหนึ่งกับปีสอง ผู้ชายทั้งหมดของทั้งสองชั้นปี ลุกขึ้นมาจับเชือกกันคนละด้าน

วันศุกร์แทบจะยืนอยู่ท้ายสุดด้วยสรีระที่ไม่เอื้อต่อการได้เปรียบเท่าไรหากเอาไปไว้ตำแหน่งด้านหน้า พอได้ยินเสียงนกหวีด ทุกคนก็เริ่มออกแรงดึงเชือกเข้าหาตัวเองแบบไม่มีใครยอมใคร

“ฮึ่บ!”

ฝั่งสีฟ้าฮึดสู้อีกครั้งหลังจากเสียเปรียบมาตั้งแต่ต้น เพราะด้านปีสองมีผู้ชายตัวใหญ่กว่าหลายคน แต่เชือกเส้นยาวถูกลากกลับมาได้ไม่ทันไร ก็โดนฝั่งสีแดงดึงกลับไปอีกครั้งแถมยังรุนแรงกว่าทุกที เหล่าน้องใหม่ถูกลากไปตามแรงนั้นแบบไม่ทันตั้งตัว

“โอ้ย!”

“ศุกร์ เป็นไรไหม” กั้งรีบหันมาประคองเพื่อนเอาไว้ เมื่อรุ่นพี่กระชากเชือกแรงมากพอจนทำให้ผู้ชายฝ่ายนี้ล้มระเนระนาดไม่เป็นท่าไปหลายชีวิต รวมทั้งวันศุกร์ด้วย

“ไม่เป็นไร”

“โหย พวกรุ่นพี่เอาเปรียบฉิบหาย”

เสียงนัทดังขึ้นอย่างหงุดหงิด ขณะเดินย้อนกลับมาจากต้นสาย ตอนนี้หลายคนเริ่มกระจายตัวกลับไปนั่งที่เดิม ปล่อยให้พวกปีสองยืนส่งเสียงโห่ฮาไปกับชัยชนะ

“ศุกร์ มึงไหวเปล่า”

“อือ”

คนตัวเล็กตอบกลับเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะใช้มือยันตัวเองลุกขึ้น แอบเห็นว่ามีรอยถลอกเล็กน้อยตรงหัวเข่าจากที่ล้มลงไปเมื่อครู่ แต่ก็แค่นิดหน่อยและไม่มีเลือดซึมออกมาจึงไม่ได้ใส่ใจนัก พอเดินกลับไปนั่งข้างสนาม ก็มีพวกตรีวิทย์เดินเข้ามาซักถามทันทีอย่างเป็นห่วง

“เป็นไรรึเปล่า เมื่อกี้เห็นล้ม”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ไม่เป็นไรได้ยังไง” กันต์เถียง พร้อมกับนั่งยองๆ ลงตรงหน้ารุ่นน้องตัวกะเปี๊ยก เขาถือวิสาสะดึงขาเนียนเข้ามาพิจารณา จนวันศุกร์ต้องรีบปัดมือใหญ่ออก ท่าทางรำคาญระคนขัดเขิน เพราะไม่อยากให้กันต์มาจับเนื้อต้องตัวตัวเองง่ายๆ ยิ่งวันนี้เขาใส่กางเกงบอลขาสั้นก็ยิ่งไม่ชอบ

“ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“ก็เห็นอยู่ว่าเข่าถลอก”

“นิดเดียวเอง”

กันต์ขมวดคิ้ว แล้วยกมือขึ้นเหมือนจะตีแต่ก็แค่ขู่ ศุกร์รีบขยับตัวหนีแล้วออกปากไล่

“พวกพี่ไปกันได้แล้วมั้งครับ ตาปีสามเล่นแล้ว”

ตรีวิทย์พยักหน้าแล้วเดินนำเพื่อนสนิทอีกสองคนไปตรงกลางสนาม พอจบกิจกรรมแรก ก็เป็นการกินวิบาก ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะให้กับหลายคนได้เป็นอย่างดี เพราะมันไม่ใช่แค่ต้องกินอย่างเดียว แต่ต้องฝ่าด่านต่างๆ ทั้งเป่าแป้ง หรือแม้แต่กระโดดคาบขนมปัง บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นอีกเมื่อฝ่ายโสตฯ คอยเปิดดนตรีจังหวะสนุกสนานประกอบตลอด

ส่วนพวกผู้หญิงที่ตอนแรกดูเนือยๆ ก็เริ่มเฮฮาขึ้นช่วงวิ่งผลัดหญิง เพราะได้ยืดเส้นยืดสายแบบไม่เหนื่อยมากนัก หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ไม่เหนื่อยมากเพราะพวกหล่อนเล่นวิ่งช้าอย่างกับเต่ากันเกือบทุกคน ก่อนจะมาถึงวิ่งผลัดชาย ซึ่งแต่ละทีมยังหาตัวแทนลงแข่งไม่ได้

“ใครอยากลงเล่นมั่ง?” กั้งใช้ตำแหน่งแกนรุ่นที่เพิ่งคัดเลือกกันได้ไม่นานถามขึ้น

ทุกคนหันมองกันเลิ่กลั่กเพราะหวั่นใจในคู่แข่ง ซึ่งคราวนี้เป็นพี่ปีสาม แถมยังสูงยาวเข่าดีกันทั้งนั้น โดยเฉพาะกลุ่มหลานชายคณบดี ทั้งกันติกรณ์ ตรีวิทย์ และบัณฑิต

พอเห็นว่าพวกปี1 ปรึกษาหารือกันนานเกิน กันต์จึงใช้ความโตกว่าเดินแทรกเข้ามาในวงล้อมของรุ่นน้องก่อนจะชี้นิ้วสั่งเสียงเข้ม

“เอาไอ้หมอนี่ลง”

“คะ…ครับ?” กั้งดูตกใจ ก่อนจะมองตามนิ้วของกันต์ไปทางวันศุกร์ ซึ่งเอาแต่ยืนถลึงตาใส่คนพูดด้วยอาการเหลอหลา

“ฉันอยากให้วันศุกร์ลงเล่น”

“งั้น...”

“แต่กูไม่อยาก” วันศุกร์รีบโพล่งออกมาเมื่อเห็นว่ากั้งทำท่าจะคล้อยตาม

“เอาเหอะน่า แป๊บเดียวเอง”

“ไม่เอา กูยังเหนื่อยอยู่เลย”

“ลงไปเล่นนิดเดียวเองมึง”

“มึงก็ลงเองดิ”

“เออ เดี๋ยวกูลงด้วย ไอ้นัทก็ลงด้วยเนี่ย”

“ห้ะ?” นัทชี้นิ้วใส่ตัวเองขณะอ้าปากเหวอ แต่ก็ยอมพยักหน้าตกลงเมื่อเห็นสายตากดดัน จากทั้งกั้งและกันต์

“เออ กูเล่นด้วย ไปมึง”

ไม่รอให้มีโอกาสปฏิเสธอีก นัทก็รีบคว้าข้อมือเล็กไปตรงกลางสนาม มีพวกกันต์เดินประกบตามหลัง ส่วนกั้งก็ยืนคัดเพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคนและตามไปในเวลาไม่นาน นัทจัดแจงให้วันศุกร์อยู่ไม้สุดท้ายเพราะคาดเดาเอาจากสรีระที่ดูน่าจะพลิ้วกว่าพวกร่างใหญ่ โดยไม่ได้รู้สักนิดว่าความจริงเขาไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไรนัก

ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งของตัวเอง วันศุกร์เลิกคิ้วใส่กันต์ที่ยืนอยู่ลู่ข้างๆ

“ต้องการอะไรพี่กันต์?”

“อะไร?” อีกฝ่ายทำทีเป็นไม่เข้าใจ ทั้งที่เข้าใจอยู่แล้วว่าวันศุกร์หมายถึงอะไร แต่ยิ่งได้เห็นหน้าตาหงุดหงิดของเด็กตรงหน้า กลับยิ่งทำให้เขารู้สึกสนุก

“ก็ที่มาบังคับให้ผมลงวิ่งเนี่ย ผมไม่ได้อยากสักหน่อย”

“ฉันก็แค่อยากให้นายได้ออกกำลังบ้าง”

“แต่ผมไม่ชอบ”

“เอาน่า แค่วิ่งไม่กี่ร้อยเมตร จะอะไรนักหนา”

วันศุกร์พ่นลมหายใจหนักๆ อย่างปลงตก และเลือกสนใจเพื่อนตัวเองที่ประจำอยู่ตรงจุดสตาร์ทแทน แต่กันต์ก็ยังชวนคุยไร้สาระ ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะหันกลับไปตอบ

“เข่าถลอกเป็นไงบ้าง?”

“...”

“แล้วมะกี้วอร์มอัพรึยัง?”

“...”

“วันศุ..”

ปังง!

เสียงปืนพลาสติกดังขึ้นเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน กันต์จึงเลิกซักถามอะไรต่อ วันศุกร์จับจ้องไปยังร่างไวๆ ของสมาชิกในทีมแต่ละคนด้วยหัวใจเต้นรัว เขาไม่ได้วิ่งจริงจังมาตั้งนานแล้วไม่รู้ว่าจะพลาดล้มหรือเปล่า

นัทวิ่งเร็วกว่าที่เขาคิดมาก ก่อนจะส่งไม้ต่อไปให้เพื่อนที่ชื่อเปา ซึ่งก็วิ่งเร็วพอกัน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ได้เปรียบอีกฝ่ายมากมาย เพราะฝั่งปีสามเองก็ไม่ได้วิ่งช้ากว่ากันเลย ตรีวิทย์ส่งไม้ให้บัณฑิตช้ากว่าที่เปาส่งให้กั้งเล็กน้อย ทำให้ตอนนี้ปีหนึ่งยังคงนำอยู่ ท่ามกลางเสียงเชียร์ที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

พอเห็นว่ากันต์เริ่มตั้งท่ารอรับไม้ วันศุกร์จึงเริ่มรวบรวมสมาธิและเตรียมพร้อมบ้าง พอกั้งเริ่มเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา เขาจึงค่อยๆ วิ่งเหยาะไปข้างหน้าระหว่างยืดแขนออกไปด้านหลังจนสุด ท่อพีวีซีถูกยัดเข้ามาในมือ ก่อนที่สองขาจะเร่งสาวเต็มกำลังแบบที่ไม่ได้ทำมานานแล้ว ได้ยินเสียงเฮดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงบนลู่ใกล้เคียงจะโผล่มาตีคู่เขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว กันต์หันมาส่งยิ้มให้แบบสบายใจ ผิดกับเขาที่เอาแต่หอบเป็นลูกหมา

หัวใจเต้นรัวเร็วและรุนแรงราวกับอยากทะลุออกมานอกอก วันศุกร์รู้สึกเหมือนเห็นเส้นชัยอยู่แค่เอื้อมแต่เมื่อกระพริบตาอีกครั้ง มันกลับห่างออกไปแสนไกล เขารู้สึกเหนื่อยจนแสบหน้าอก แต่พอเห็นว่าคนข้างตัวกำลังจะแซงหน้าไปมันก็ยอมไม่ได้ พยายามฮึดสู้เพื่อตีตื้นขึ้นมาอีกครั้งทั้งที่กล้ามเนื้อขาส่งเสียงประท้วงแปลบปลาบ กันติกรณ์ส่งเสียงหัวเราะ ทำท่าเหมือนจะเร่งความเร็วขึ้นอีก แต่เมื่อเหล่ตาไปเห็นว่าวันศุกร์ดูท่าไม่ดี เขากลับเป็นฝ่ายยอมผ่อนแรงลงเสียดื้อๆ

คนตัวเล็กทำเป็นเก่ง แล้วซอยเท้าถี่ยิบจนผ่านเส้นชัยไปในที่สุด เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณให้รู้ว่าทีมสีฟ้าชนะแล้ว พร้อมๆ กับที่วันศุกร์ทรุบฮวบลงไปกับพื้นหญ้า กันต์รีบพุ่งตัวเข้าไปประคองร่างอ่อนแรงไว้ หัวคิ้วสองข้างขมวดมุ่น เด็กในอ้อมแขนส่งเสียงหอบหนักหน่วงจนตัวโยน

“ไหวไหม?”

คนบนตักไม่มีแรงจะตอบกลับ ได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ พลางหายใจเอาอากาศเข้าปอด เพื่อนและรุ่นพี่คนอื่นเริ่มกรูกันเข้ามาหาด้วยความสนใจ มียาดมถูกส่งเข้ามาในวงล้อมอย่างรู้งาน

“เฮ้ยศุกร์ กูขอโทษว่ะ” กั้งรีบเอ่ยปาก เพราะไม่คิดว่าเพื่อนจะเหนื่อยง่ายขนาดนี้ ความจริงเขาก็พอเดาออกว่าวันศุกร์ไม่น่าใช่คนออกกำลังกายมากมาย คงไม่ชินกับการใช้แรงเยอะ แต่ก็ยังดึงดันให้ลงเล่น ซึ่งถือว่าเป็นความผิด

ศีรษะเล็กส่ายไปมาอีกครั้งเหมือนต้องการจะบอกว่าไม่เป็นอะไร ฝ่ายปฐมพยาบาลปีสองไล่ให้คนอื่นออกห่างและเข้ามาพยุงรุ่นน้องไปนั่งพักสุดขอบสนาม มียาดม น้ำ พัด คอยบริการสารพัด ใช้เวลาอยู่สักพักกว่าที่วันศุกร์จะเลิกหอบ แต่ใบหน้าหวานก็ยังคงแดงเรื่อด้วยความเหนื่อยล้า

“ออกไป เดี๋ยวพี่ดูเอง” เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้น ก่อนที่พวกพี่ปีสองจะถูกไล่ออกจากบริเวณ

กันติกรณ์ทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา มือใหญ่ดึงทิชชู่ขึ้นซับไปตามใบหน้าอ่อนเพลียให้โดยไม่พูดอะไร แม้ว่าเขาอยากจะปัดมือของกันต์ออกแต่ก็ทำได้แค่นั่งนิ่งเพราะยังไม่มีแรงต่อกรกับใครทั้งนั้น

“ไม่ค่อยออกกำลัง ก็ทำให้ร่างกายอ่อนแอแบบนี้แหละ”

“ก็บอกแล้วว่าไม่ลงๆ”

“ใครจะไปรู้ว่าบอบบางเป็นตุ๊ดขนาดนี้ล่ะ” กันต์ไม่วายพูดกัดขึ้น พลางซับกระดาษลงไปบนแก้มชมพูแรงๆ

คราวนี้วันศุกร์ไม่ทน รีบปัดมือกันต์ออก แล้วสะบัดหน้ากลับไปทางสนาม นักศึกษาแต่ละชั้นปีกระจายตัวออกไปนั่งเป็นกลุ่มๆ ระหว่างติดตามการแข่งขันฟุตบอลที่เพิ่งเริ่มขึ้นระหว่างปีสองกับปีสี่ แต่ด้วยเวลาที่จำกัดจึงกำหนดให้แข่งกันแค่รอบละ 30 นาที

เขาหยิบแก้วน้ำหวานที่พี่ปีสองทิ้งไว้ให้เมื่อกี้ขึ้นดูด สายตาไม่ได้ละออกจากการแข่งตรงหน้า จึงไม่ทันสังเกตว่าคนข้างตัวคอยลอบมองตัวเองอยู่ตลอด สักพักนัทก็เดินเข้ามาตบหัวชื้นเหงื่อของเขาเบาๆ

“เป็นไงมึง ดีขึ้นยัง?”

“อือ”

“ถ้ากูรู้ว่ามึงจะเหนื่อยเป็นตายแบบนี้ วันหลังไม่ให้มึงทำไรละ”

“เออ กูก็ไม่เอาแล้ว”

นัทขำเล็กน้อย แล้วทำท่าจะแย่งน้ำสีแดงในมือวันศุกร์ไปดื่มบ้าง แต่กลับมีมือของอีกคนตรงเข้ามาคว้าเอาไปได้ก่อน สองสายตามองตามมือนั้นไปก็เห็นว่ากันต์กำลังจับหลอดดูดน้ำหวานเข้าปากเสียงดังอึกๆ

“ไอ้พี่กันต์ ใครให้ดื่ม” ฝ่ามือบางฟาดไปยังกล้ามเนื้อต้นแขน แต่กันต์ก็ยังทำลอยหน้าลอยตา ส่งแก้วที่เหลือน้ำแค่ครึ่งเดียวไปทางนัท ซึ่งรับมาแบบงงๆ

“ทำไม ขอดื่มบ้างจะเป็นไร?”

คนตัวเล็กตีหน้าบึ้งแล้วหันไปสนใจเพื่อนร่วมรุ่นต่อ เขาไม่อยากบอก…ว่าไม่อยากใช้หลอดร่วมกันกับอีกฝ่าย เพราะมันเหมือนการจูบทางอ้อม แต่นั่นคงฟังดูไร้สาระสำหรับคนอย่างกันติกรณ์

เวลาผ่านไปนานพอตัว กว่าที่กันต์กับนัทจะลุกออกไป เพราะถึงตาปีหนึ่งกับปีสามแข่งหาผู้ชนะ เพื่อเอาไปแข่งรอบไฟนอลกับพี่ปีสี่ที่เพิ่งชนะไปในเกมที่แล้ว กั้งเองก็ลงเล่นด้วย รวมทั้งเปาสายนักกีฬาเองก็ไม่พลาด ทางฝั่งปีสามก็เห็นตรีวิทย์กับบัณฑิตลงเหมือนกัน สาวๆ รอบสนามกรีดร้องกันระงมเมื่อผู้เล่นทุกคนมายืนเรียงหน้ากระดาน ซึ่งเขาเองก็ไม่แปลกใจ เพราะในสนามตอนนี้มีพวกหน้าตาดีมากถึงมากโคตรๆ รวมกันเกินกว่าครึ่ง

ผู้ชายตัวสูงจากปีสี่ คณะอื่นซึ่งถูกเชิญมาเป็นกรรมการเฉพาะกิจใช้วิธีโยนเหรียญหัวก้อย เพื่อตัดสินว่าฝั่งไหนจะเป็นฝ่ายได้บอลไปก่อน ซึ่งโชคก็เข้าข้างเด็กปีหนึ่ง ผู้เล่นแต่ละคนพยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณเตรียมตัว ก่อนจะกระจายตัวกันไปตำแหน่งจุดต่างๆ

หลานชายคณบดียกมือขึ้นเสยผม เรียกเสียงกรี๊ดจากพวกผู้หญิงอย่างกับสั่งได้ แววตาคมเข้มหันไปยังเด็กผู้ชายตรงสุดขอบสนามซึ่งกำลังจ้องเขากลับมาเช่นกัน วันศุกร์ทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องประสานสายตากับกันต์ทั้งที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร เขารีบก้มหน้างุดเมื่อคนที่เอาแต่ยืนเก๊กอยู่ในสนามยกยิ้มมุมปากด้วยท่าทีพอใจ

บ้าชะมัด...ก็แค่เผลอมองเท่านั้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:48:23 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เบาๆๆน่ารักดีอ่ะ ติดตามจ้า

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ขอโทษคนแต่งนะคะ แต่แบบ
เกลียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เกลียดพระเอก เกลียดพี่พระเอก สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ EQต่ำกันทั้งคู่ อีพี่ก็บ้า เค้าไม่รักหล่อนไง๊ ต่อให้ไม่มีวันศุกร์เค้าก็ไม่รักหล่อน
พระเอกนี่ก็นะ..  โตมาแบบไม่มีคุณภาพจริงจริ๊ง
วันศุกร์ทำอะไรผิดคะ?  ถาม อย่างกับเด็กปัญญาอ่อน แยกแยะไม่เป็น
สงสารพี่วันเสาร์ล่วงหน้า รักน้องก็จริงอะ แต่ก็ไม่เคยทำอะไรป้ะวะ
ปล. จนกว่าพระเอกจะหายโง่จะไม่เชียร์เด็ดขาด
#ชูป้ายพี่เสาร์

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
น้องศุกร์น่ารักมากกกก ชอบอ่ะ

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 5.0



เกมกีฬาเริ่มต้นขึ้นอย่างนิ่งๆ ไม่หวือหวานัก ผู้ชมมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนจะเริ่มพูดคุยกันเซ็งแซ่ ผ่านไปไม่นานก็มีรุ่นพี่ปีสองเดินกลับมาเช็คอาการ ในมือของเธอถืออะไรบางอย่างมาด้วย

“เป็นยังไงบ้าง?”

“ดีขึ้นมากแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับ”

“อืมดีแล้ว นี่เอากิ๊บไปติดผม”

“ห้ะ?” วันศุกร์เลิกคิ้วเมื่อรุ่นพี่ยื่นกิ๊บสีดำมาตรงหน้า เขารีบโบกมือปฏิเสธแต่เธอกลับย่อตัวลงนั่ง แล้วถือวิสาสะปัดหน้าม้าเขาขึ้นไปด้านหลัง ใช้กิ๊บตัวนั้นติดผมยุ่งๆ เผยให้เห็นหน้าผากมนชัดเจน

“เอาผมขึ้นแบบนี้แหละดี จะได้ไม่ร้อนมาก”

“อะ…ครับ”

การแข่งขันในสนามมีจังหวะขึ้นลงเรียกเสียงเชียร์เป็นระยะ วันศุกร์นั่งทอดน่องมองสถานการณ์ทั้งที่เริ่มอ้าปากหาว สายตาของเขากวาดไปรอบๆ เพื่อหาจุดโฟกัสอื่น เห็นรุ่นพี่คนเมื่อครู่กำลังถือทิชชู่เปียกหลายห่อเอาไว้ในมือ จึงตัดสินใจลุกไปหาเธอ ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมาอย่างสังเกตการณ์แกมสงสัย

“พี่ครับ เดี๋ยวผมช่วย”

“เฮ้ยไม่เป็นไร ไปนั่งพักดีกว่า”

“ไม่เป็นไรครับ ผมหายแล้ว นั่งเฉยๆ ก็เบื่อ” หญิงสาวหันซ้ายขวาเพื่อจะหาเพื่อนคนอื่นในชั้นปี แต่ทุกคนก็กำลังง่วนกับงานของตัวเองจนไม่ทันได้สนใจ สุดท้ายเธอถึงต้องยอมยื่นห่อทิชชู่ให้เด็กตรงหน้าอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ไม่ลืมย้ำด้วยความเป็นห่วง

“ถ้าเหนื่อยก็ไปพักนะ”

“ครับ”

วันศุกร์ยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะเดินตรงไปทางฝูงชนซึ่งกำลังนั่งออดูการแข่งขันอยู่รอบสนาม หญิงสาวคอยมองตามให้แน่ใจ ไม่ใช่แค่เพราะว่าเธอเป็นรุ่นพี่หรือฝ่ายพยาบาล แต่เพราะนายกันติกรณ์แอบเดินมากระซิบให้เธอคอยดูแลเด็กคนนี้ให้ดีด้วย และรับรองเลยว่าถ้าวันศุกร์เกิดเป็นอะไรไป คนที่จะซวยน่ะก็คือเธอ

“ทิชชู่ครับ” แผ่นทิชชู่เปียกถูกส่งไปให้กลุ่มรุ่นพี่ผู้หญิงซึ่งน่าจะเป็นปีสี่ พวกเธอรับไปด้วยท่าทียิ้มแย้ม แล้วเริ่มชวนคุยด้วยความอัธยาศัยดี

“น้องวันศุกร์ใช่ไหม?”

“ครับ”

“เพิ่งเห็นหน้าใกล้ๆ ครั้งแรกนะเนี่ย น่ารักเชียว”

“นั่นสิ ปกติเห็นแต่รูปในเพจ” พี่อีกคนเสริม

เธอคงกำลังพูดถึงเพจคณะ แบบ Unofficial ใน Facebook ซึ่งมีแอดมินเป็นนักศึกษาด้วยกันเองจึงมีลักษณะกึ่งทางการ บางครั้งก็ชอบโพสรูปเด็กๆ นักศึกษาเพื่อเรียกกระแสบ้างประปราย ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบที่โดนแอบถ่ายแต่ก็คงห้ามอะไรไม่ได้

“ขอบคุณครับ”

เขาก้มหัวให้อย่างถ่อมตัว ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางกลุ่มผู้ชายปีสามซึ่งกำลังมองมาด้วยสายตาแปลกๆ น่าจะอยู่คนละกลุ่มกับพวกกันต์เพราะเขาไม่คุ้นหน้าค่าตาใครเลย

“ทิชชู่ครับ”

“โหย ขอบคุณครับ” ชายร่างกำยำเอ่ยปาก เอื้อมมารูดมือเขาเบาๆ ก่อนจะหยิบทิชชู่ออกไป พ่วงด้วยสายตาหยอกล้อจากคนรอบข้าง

“น้องวันศุกร์ พี่ขอด้วยคนครับ”

พี่ที่นั่งถัดไปด้านหลังเอ่ยขึ้น ทำให้วันศุกร์ต้องก้มตัวลงอีกนิดเพื่อส่งห่อทิชชู่ไปให้ถึง โดยไม่ทันระวังเลยว่าคอเสื้อคว้านลึกจะยิ่งเปิดเผยให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน ผู้ชายที่แอบจับมือเขาเมื่อครู่เลียปากท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่อง สายตาจับจ้องผ่านคอเสื้อเข้าไปด้านใน ผิวเนื้อขาวนวลขึ้นสีชมพูจางๆ จากความอับร้อน

คนตัวเล็กมองตามสายตาไม่น่าไว้ใจ ก่อนจะรู้ตัวว่ากำลังก้มโค้งมากเกินไปแล้ว

“ม…มีใครเอาอีกไหมครับ?” ถามเสียงละล่ำละลัก พลางยืดตัวกลับขึ้นยืนเต็มความสูง พยายามใช้มือที่ว่างดึงเสื้อไปทางด้านหลัง

“ไม่อยากได้ทิชชู่แล้ว แต่อยากได้น้องวันศุกร์มานั่งด้วย ได้ไหมครับ?”

“เอ่อ...”

“มานั่งกับพี่ดีกว่านะ” เจ้าของสายตาโลมเลียเอื้อมมือมาจับแขน พยายามจะดึงตัวเขาลง

“ปี๊ดดด”

เสียงนกหวีดในสนามดังขึ้นลากยาว ทำให้เขาหาจังหวะสะบัดตัวหลุดออกมาได้ นักกีฬาแต่ละคนเดินกลับออกมาเมื่อมีคนส่งสัญญาณขอเวลานอก สีหน้าของกันต์ไม่ค่อยจะดีนัก

“ทำบ้าอะไร?” เสียงเข้มถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงตัวรุ่นน้องคู่กัด

“อะไร?”

“ไปยืนอ่อยพวกไอ้มิวทำไมฮะ?”

วันศุกร์เลิกคิ้ว แล้วหันไปมองพวกกลุ่มผู้ชายปีสามเมื่อครู่ คนที่จับมือเขายังคงจ้องมาไม่วางตา และดูท่าทางว่าจะเป็นคนเดียวกับที่กันต์กำลังพูดถึงด้วย

“อ่อยบ้าอะไรล่ะ ผมแค่ช่วยเดินแจกทิชชู่”

“แค่แจกทิชชู่แล้วทำไมต้องให้มันจับมือด้วย แล้วไปก้มๆ เงยๆ อย่างนั้นได้ยังไง ทำไมไม่หัดระวังตัว” กันต์ขึ้นเสียงมากกว่าเดิม สายตาดุๆ จ้องไปยังคอเสื้อกว้างของเขา

“ก็ไม่มีอะไรสักหน่อย ผมเป็นผู้ชายนะ”

พูดไปแบบนั้น แม้ว่าความจริงเขาจะแอบกลัวพวกมิวอยู่บ้างเหมือนกัน

“แล้วอยากโดนผู้ชายด้วยกันปล้ำไหมล่ะ?”

คนตัวเล็กเบ้ปากเมื่อกันต์ตรงเข้ามาบีบข้อมือเขาอย่างรุนแรง คำพูดคำจาส่อแววร้ายกาจและน่ารังเกียจเหมือนทุกที แต่แปลกเหลือเกินที่ครั้งนี้เขาแอบคิดว่ามันแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง ทำไมกันต์ถึงได้รู้ทุกการกระทำ ทุกเหตุการณ์เมื่อครู่ ทั้งที่น่าจะตั้งสมาธิอยู่กับเกมในสนาม

อย่างกับว่ากำลังคอยมองเขาอยู่ตลอดอย่างนั้นแหละ

“พี่กันต์ ผมเจ็บ”

ร่างสูงส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ ก่อนจะยอมคลายมือที่บีบออก เสียงกรรมการเรียกหมดเวลานอก ทำให้กันต์ต้องกลับลงสนามอย่างช่วยไม่ได้ วันศุกร์ได้แต่ยืนทำปากยื่น ไม่ชอบใจที่กันต์ทำท่าโมโหใส่ทั้งที่เขาแค่อยู่เฉยๆ อีกแล้ว

เขาสะบัดเรื่องไร้สาระออกจากหัว เมื่อเห็นกั้งกับนัทเพิ่งวิ่งผ่านหน้าไป

“กั้ง นัท สู้ๆ”

ทั้งสองคนหันมายิ้มกว้างให้แล้วกลับไปประจำตำแหน่ง เขาเห็นกันต์ยืนจ้องสองคนนั้นสลับกับใบหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง แต่ใช่ว่าเขาจะต้องใส่ใจซะเมื่อไร

ตอนนี้วันศุกร์เลิกแจกทิชชู่แล้วมานั่งกอดเข่าดูการแข่งขันอยู่ชิดขอบสนามเพียงลำพัง ยอมรับว่าเขาไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนอื่นมากนัก แต่ที่ได้มาสนิทกับกั้งก็เพราะตอนไปค้างหอกันต์ ดันใช้ชื่อกั้งแอบอ้างเอาไว้ เลยเป็นเหตุให้ต้องคุยกัน ส่วนนัทก็พ่วงตามมาเพราะเป็นเพื่อนกับกั้งตั้งแต่สมัยมัธยม

เสียงโห่ร้องจากพวกปีหนึ่งดังขึ้นในวินาทีที่เปาแย่งลูกกลับมาจากฑิตได้สำเร็จ ร่างโปร่งเลี้ยงลูกลิ่วๆ ก่อนจะตัดสินใจเตะโด่งมาทางเพื่อนอีกคนซึ่งอยู่แถวขอบสนาม แต่ใกล้กับประตูมากกว่า

ทุกสายตาแทบจะมองไปยังลูกบอลเป็นจุดเดียว รวมทั้งวันศุกร์ด้วย

แต่แปลก ทำไมบอลมันถึงได้พุ่งใกล้เข้ามา จนเหมือนจะใกล้เกินไป...รึ..เปล่า...

“วันศุกร์!!”

ปึกก!

เสียงตะโกนจากใครสักคนดังขึ้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่เขาจะสลบไปจากแรงกระแทกที่หัว สติสัมปชัญญะล่องลอย ไม่รับรู้สิ่งใดอีก

 

 

“มึงอยู่เฝ้าศุกร์ที่นี่แหละ เดี๋ยวกูให้ไอ้เซฟลงแทน”

“อืม”

“แล้วอย่าไปเอาเรื่องไอ้เปามันล่ะ น้องมันไม่ได้ตั้งใจ”

“เออน่ะ” กันต์ปัดมือไล่ตรีที่เอาแต่สอนเหมือนพ่อไม่มีผิด ความเงียบตรงเข้าปกคลุมห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ข้างสนามฟุตบอล หลังจากที่คนอื่นกลับออกไปแล้ว

สายตาห่วงใยส่งไปให้ร่างบางบนเตียง วันศุกร์นอนไม่ได้สติแต่กลับขมวดคิ้วยุ่งซะจนอยากรู้ว่าคิดอะไรอยู่ แผ่นอกบางกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหายใจ ก่อนที่เสียงเล็กๆ จะดังขึ้นคล้ายละเมอ ดวงตายังคงปิดสนิททั้งสองข้าง

“ฮือ...พี่เสาร์...”

กันต์ขมวดคิ้วแล้วดึงเก้าอี้เข้าไปใกล้เตียงนอนมากขึ้น น้ำเสียงของเด็กตรงหน้าฟังดูเจ็บปวด

“เจ็บ...” คนหลับยกมือขึ้นกอดตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้สติ “พี่เสาร์ อย่า..ศุกร์เจ็บ...”

มาถึงตรงนี้เขาไม่กล้าคิดว่าวันศุกร์กำลังละเมอถึงเรื่องอะไร ชื่อของวันเสาร์พาให้เขาหงุดหงิดได้ง่ายๆ ท่าทางทรมาน กับคำว่า ‘อย่า’ หรือคำว่า ‘เจ็บ’ ก็แทบทำให้เขาไม่กล้าเดา ในสมองพลันนึกไปถึงเรื่องใต้สะดืออย่างช่วยไม่ได้ จะว่าทะลึ่งลามกอะไรก็เถอะ แต่ตอนนี้เขานึกเรื่องอื่นไม่ออก

คิดไปถึงท่าทางออดอ้อน บวกกับระดับความขี้หวงของสองพี่น้อง ยิ่งโดนเกศราพูดกรอกหูอยู่บ่อยๆ ถึงความสัมพันธ์เกินเลยของครอบครัวนี้ ก็พาลให้เขาฟุ้งซ่านไปใหญ่

ถ้ามันจริงล่ะ...?

นิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มใส ไม่สามารถคลายความคุกรุ่นในใจออกไปได้เลยแม้แต่น้อย

“นายกับพี่ชายนาย...มีอะไรกันจริงๆ น่ะเหรอ?” เขาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว ไม่มั่นใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกยังไงกันแน่

เวลาผ่านไปนานพอตัว เสียงจากลำโพงด้านนอกดังลอดเข้ามา ประกาศว่าปีหนึ่งเป็นฝ่ายชนะ กันต์ปิดหน้าต่างห้องลงอีกครั้ง ก่อนจะหันมาสนใจร่างบางที่เริ่มกระดุกกระดิกอยู่ใต้ผ้าห่ม

“อื้ออ...” วันศุกร์ปรือตาขึ้นช้าๆ ความรู้สึกปวดแปล็บทำให้เขาต้องรีบยกมือขึ้นกุมขมับ

“ค่อยๆ ลุก”

เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเพิ่งสังเกตเห็นอีกหนึ่งชีวิตในห้องไม่คุ้นตา คนตัวสูงช่วยประคองให้ลุกขึ้นนั่ง พอปรับทัศนะอะไรๆ ได้แล้วจึงเริ่มเอ่ยปากถาม

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ก็มีไอ้โง่ที่ไหนไม่รู้นั่งไม่ดูตาม้าตาเรือ ปล่อยให้ลูกบอลกระแทกหัวจนสลบ” กันต์อธิบายยาวเหยียด ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าไอ้โง่ที่พูดถึงอยู่ก็คือเขานั่นเอง

“แล้วพี่ล่ะ?” วันศุกร์หันไปมองหน้ากันต์ซึ่งกำลังมองกลับมาอย่างตั้งคำถาม “มาทำอะไรในนี้?”

“ไอ้ตรีบังคับให้มาเฝ้านาย”

“อ๋อ”

เพราะว่าถูกบังคับอย่างนั้นสินะ

“จะไปไหน?” กันต์รีบถามเมื่อเห็นว่าวันศุกร์พรวดพราดลงจากเตียง ตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง

“ไปหาพี่ตรี”

คนตัวเล็กแกล้งกระแทกเสียงใส่ แต่กลับยิ่งกระตุ้นอารมณ์โกรธในตัวกันต์ให้เพิ่มมากขึ้น มือใหญ่ตรงเข้ามากระชากข้อมือเล็กให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

“จะไปหาผู้ชายอื่น ไม่กลัวพี่ชายสุดที่รักจะหึงหรือไง?”

“หึง? หมายความว่าไง”

“อย่ามาทำเป็นใสซื่อ นายกับพี่ชายมีอะไรกันก็น่าจะรู้แก่ใจนะ”

คนตัวเล็กกลอกตาเพราะกันต์เริ่มชวนทะเลาะเรื่องเดิมๆ อีกแล้ว พอเขาไม่โต้ตอบกลับกันต์จึงยิ่งพูดยั่วไม่หยุด

“รู้ไหม ตอนนายหลับ นายละเมอถึงพี่ชายนายว่ายังไง”

ดวงตากลมวูบไหวน้อยๆ ชักกลัวว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอพูดเรื่องอะไรออกไปบ้าง

“อะ...อะไร?”

“นายร้องไห้บอกว่าเจ็บ ทำไมเหรอ ตอนมีอะไรกัน ไอ้พี่เสาร์มันรุนแรงกับนายมากหรือไง?”

เพียะ!

ฝ่ามือด้านที่เป็นอิสระฟาดลงบนใบหน้าเรียวอย่างไม่เกรงกลัว คนตัวสูงบีบข้อมือบางแน่นกว่าเดิม พลางตวัดสายตาดุร้ายกลับมาจับจ้องอีกฝ่ายเขม็ง แต่ก่อนจะได้ต่อว่าอะไร กลับถูกวันศุกร์ชิงตวาดใส่เสียก่อน

“น่ารังเกียจ!!”

“ใครกันแน่ที่น่ารังเกียจ!” กันต์ตะคอกกลับ ร่างของวันศุกร์ถูกกระชากเข้าไปปะทะกับอกแกร่ง

เจ้าของดวงตากลมเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะหันไปกัดมือใหญ่ที่เกาะกุมตัวเองไว้ กันต์ร้องโอยแล้วเผลอปล่อยมืออย่างช่วยไม่ได้ ทำให้วันศุกร์ได้โอกาส ผลักร่างหนาออกห่างด้วยแรงทั้งหมดที่มี น้ำเสียงสั่นเครือตวาดกลับด้วยความเหลืออด

“เออ ผมมันน่ารังเกียจ! ถ้าน่ารังเกียจก็ไม่ต้องมายุ่งสิ! ไม่ต้องมาคุย ไม่ต้องมาใกล้ด้วย!”

“วันศุกร์!” นิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้าคนเด็กกว่าอย่างคาดโทษ แต่วันศุกร์ไม่ได้สนใจ กลับสะบัดตัวหนีออกจากห้องรวดเร็วเกินกว่าที่กันต์จะคว้าไว้ได้ทัน ทั้งสองฝ่ายต่างส่งเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอ สองมือกำหมัดแน่น

ถ้าการสนทนาของเขากับกันติกรณ์จะต้องจบลงด้วยการโดนดูถูกและทะเลาะกันแบบนี้ตลอด เขาขอให้ไม่ต้องมาเสวนากันอีกเลยยังดีกว่า ทั้งๆ ที่เขาก็พยายามอยู่นิ่งแล้ว แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงยังราวีไม่เลิกก็ไม่เข้าใจ ก็ถ้าจะญาติดีกันไม่ได้จริงๆ

ก็อย่ามาข้องเกี่ยวกันอีกเลย...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:49:04 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
กันต์แกไปนั่งปรับทัศนคติของแกใหม่ไป ให้โอกาสแกแก้ตัว ...หึง หวงน้อง ชอบว่าน้อง ถามความจริงจากน้องรึยังว่าความจริงเป็นยังไง
อย่าโง่ ขอร้อง สุดท้ายจะเป็นแกซะเองที่ผิด

 :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ magic-moon

  • magKapleVE
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
    • Freedom of meetups, no obligations
โฮ่ เราเชียร์พี่เสาร์แล่ว เชอะ

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 5.5



“วันศุกร์ล่ะ?” ตรีวิทย์ถามหลานรหัสตัวเองที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้านอาหารข้างมหา’ลัย กั้งส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองนัทด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ

“ทำไม มีอะไรกันรึเปล่า?”

“เปล่าหรอกพี่ฑิต”

“ตั้งแต่งานกีฬาสีคณะ พี่ก็ไม่เจอวันศุกร์เลย ผ่านมาจะอาทิตย์นึงแล้ว...ถ้ามีอะไรก็บอกพวกพี่ได้นะ” บัณฑิตแสร้งถาม เพราะรู้ดีกว่ากันต์กำลังร้อนรนมากแค่ไหนเมื่อจู่ๆ รุ่นน้องที่หมายปอง...เอ๊ย หมายหัวไว้กลับมาหายหน้าหายตาไปเสียดื้อๆ

ปกติตารางเรียนของพวกเขามันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกันมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เจอกันเลย เพราะคณะของเขาเอาเข้าจริงก็เรียนวนอยู่แค่ไม่กี่ตึก บางทีก็อยู่ตึกเดียวกันแต่คนละชั้น โรงอาหารใกล้เคียงก็มีแค่สองแห่งหลักๆ ถ้าไม่ใช่เพราะจงใจหนีหน้ายังไงก็ต้องเดินสวนกันบ้างเป็นปกติ

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ศุกร์มันบอกว่ามันเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยขลุกตัวอยู่แต่กับชีท”

“เหรอ…”

ทั้งโต๊ะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน หลังจากพนักงานเดินเข้ามารับออเดอร์ หลงเหลือไว้แค่กันติกรณ์ที่ยังเอาแต่ทอดสายตาออกไปทางกระจกร้าน พลันนึกไปถึงใบหน้าโกรธเคืองของร่างเล็กในห้องพักใกล้สนามบอลเมื่อวันก่อน บางทีเขาอาจจะพูดจาแรงเกินไป

แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อเขาห้ามตัวเองไม่ให้หงุดหงิดไม่ได้ ยามที่คิดว่าวันศุกร์กับวันเสาร์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินกว่าพี่น้องจริงๆ สิ่งนี้คือเครื่องตอกย้ำความเจ็บช้ำในใจพี่สาวของเขา ในขณะเดียวกัน...มันก็ตอกย้ำความรู้สึกผิดหวังในใจของเขาเองด้วย

มือถือเครื่องบางถูกหยิบขึ้นมากดโทรออกหารุ่นน้องในความคิด แต่ก็เป็นเช่นเคยคือไม่รับ...พอโทรมากเข้าก็จะถูกปิดเครื่องหนีซะอย่างนั้น ไลน์ไปเท่าไรก็ไม่ตอบ ขนาดเวลาไปหาเจ้าดื้อที่คณะเกษตรก็ยังไม่เจอกันเลย

ข่าวคราวเดียวที่เขามีในตอนนี้ก็คือธนา หมอนั่นบอกว่าวันศุกร์แวะเวียนมาดูแลเจ้าดื้อตลอด แต่จะคอยหาจังหวะที่เด็กปีสามอย่างเขามีคลาส หรือถ้าวันไหนเห็นว่ารถของเขาจอดอยู่ใกล้ๆ โรงเลี้ยงสัตว์ ก็จะไม่ยอมเข้ามา มีครั้งนึงที่เขาเกือบจะไล่หลังไวๆ ของวันศุกร์ทัน แต่สุดท้ายก็วืด จนทำให้แน่ใจล้านเปอร์เซ็นแล้วว่า เด็กนั่นกำลังตั้งใจหนีหน้าเขาอยู่

กันต์ลุกออกไปด้านนอกร้าน ไม่สนใจเสียงโหวกเหวกตามหลังของคนบนโต๊ะ เขากดโทรศัพท์ออกอีกครั้ง รอเพียงครู่หนึ่ง เสียงจากปลายสายก็ดังขึ้น

“ว่าไง?”

“ช่วยอะไรฉันหน่อยสิ”

 

 

“ว่าไงนะครับ?” เสียงเล็กถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“เจ้าดื้อมันไม่ยอมกินอะไรเลยน่ะ ศุกร์ช่วยมาดูหน่อยสิ”

“แปลกนะครับ ปกติมันออกจะกินไม่เลือก”

เขาตอบกลับธนาไปแบบงุนงง เมื่ออีกฝ่ายโทรมารายงานว่าวันนี้เจ้าดื้อดูผิดปกติ แต่ที่งงกว่านั้นเห็นจะเป็นการที่หัวหน้าทีมเลี้ยงสัตว์คณะเกษตรฯ โทรมาขอความช่วยเหลือจากเด็กไม่ประสีประสาจากคณะวารสารฯ นั่นแหละ

“สงสัยมันชินกับการให้ศุกร์ป้อนซะแล้วล่ะมั้ง”

“เหรอครับ อืม...งั้นเดี๋ยวผมรีบไปละกัน”

วันศุกร์ตอบรับ ก่อนจะหันไปบอกกั้งกับนัทซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะมานั่งทำรายงานกันที่ห้องสมุด เขารีบโบกพี่วินไปทางคณะเกษตรฯ ทันที แม้จะออกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง เพราะเขาสาบานเลยว่าไม่เคยเห็นเจ้าดื้อ ดื้อกับเรื่องกินมาก่อน

“พี่ธนา” คนตัวเล็กรีบทักขึ้นเมื่อเห็นร่างโปร่งยืนดักรออยู่หน้าคอกไม้ พอมองเลยเข้าไปก็ยังเห็นว่าเจ้าดื้อวิ่งเล่นสุขสบายดี

“อะนี่ ช่วยป้อนมันหน่อยสิ พี่ลองแล้วแต่มันไม่ยอมกิน”

“แปลกจังเลยครับ” เขายังคงย้ำสิ่งที่คิด แต่ก็รับถ้วยอาหารขนาดพอดีคำมาไว้ในมือ ก่อนจะก้าวเข้าไปทักทายลูกหมูน้อย

เจ้าดื้อเลิกสนใจบอลของเล่น แล้ววิ่งตรงมาคลอเคลียหน้าขาเขาทันทีอย่างรู้งาน วันศุกร์ยิ้มรับก่อนจะยื่นแตงกวาออกไปจ่อปาก ซึ่งเจ้าดื้อก็งับหมับเข้าทันทีแบบว่าง่าย ไม่รู้ว่าธนาเข้าใจอะไรผิด หรือว่าเจ้าดื้อจะติดให้เขาป้อนคนเดียวจริงๆ กันแน่

สวบ…

เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง ทำให้วันศุกร์ต้องเอี้ยวตัวกลับไปมอง แต่กลับต้องชะงัก เมื่อคนที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาในเล้าหมูไม่ใช่ธนาหรือใครอื่น แต่เป็นกันต์ คนที่เขาไม่นึกอยากเจอมากที่สุด

“พี่กันต์...”

“เออ ฉันเอง”

วันศุกร์ตั้งท่าจะลุกหนี แต่กันต์ก็รีบเข้ามาดักหน้าไว้ แขนยาวกางออกไม่ยอมให้เขาหลบหลีกไปไหน

“พี่กันต์หลบ ผมจะกลับ”

“เดี๋ยวสิ อยู่ให้อาหารเจ้าดื้อมันก่อน”

“นี่เป็นแผนของพี่กับพี่ธนาใช่ไหม?” สายตาโกรธๆ กวาดไปทั่วบริเวณก็พบว่าธนาได้หายหัวไปแล้ว

“ฉันแค่อยากคุยกับนาย”

“แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่”

“แต่ฉันมี” กันต์เอ่ยเสียงเข้ม แล้วคว้าข้อมือบางลากออกไปจากเล้า ไม่สนใจเจ้าหมูสีชมพูที่เอาแต่ส่งเสียงงุ้งงิ้งตามหลัง ถ้วยอาหารในมือของศุกร์หล่นลงไปกองตรงพื้น อยากจะรู้นักว่าผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไรถึงได้ชอบถือวิสาสะเข้ามากระชากคนอื่นไปทางโน้นที ทางนี้ทีอยู่เรื่อย

ทั้งสองคนยื้อยุดกันอยู่นาน แต่สุดท้ายวันศุกร์ก็ต้องเป็นฝ่ายแพ้ เขาถูกจับยัดใส่รถคันเดิม ก่อนที่มันจะพุ่งตัวออกจากรั้วมหาลัย ตรงไปทางหอพักคุ้นเคย

กันต์ติดเครื่องค้างไว้ขณะนำรถเข้าจอด ยังไม่ยอมปลดล็อกประตูเพราะกลัวว่าคนข้างตัวจะวิ่งหนีหายไปไหนอีก เขาพยายามควบคุมอารมณ์ในตัวและเอ่ยปากถามเสียงเรียบ

“นายจะหนีหน้าฉันทำไม?”

“เปล่า...”

“เปล่าอะไร เห็นอยู่ว่านายจงใจหนีหน้าฉัน”

“ก็…ไม่อยากเห็นหน้า”

“วันศุกร์” เขาเผลอกระชากเสียง แต่คนถูกเรียกกลับเอาแต่เบือนสายตาออกไปนอกกระจก ทั้งที่ไม่มีอะไรน่ามอง

“เป็นอะไร โกรธอะไรฉันนักหนา”

“...”

“นี่!”

“พาผมกลับเถอะ”

“บอกก่อนว่าจะไม่หนีหน้าฉันอีก”

“พี่กันต์ พี่จะเอาอะไรกับผมอีก ในเมื่อพี่ไม่ชอบขี้หน้าผม พี่รังเกียจผมนัก ก็อย่ามายุ่งกับผมสิ” วันศุกร์หันกลับไปเผชิญหน้ากันต์ พยายามแสดงออกให้เห็นว่าเหนื่อยใจมากแค่ไหน เขาทำท่าจะเปิดปากอีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดกึกเมื่อคนหลังพวงมาลัยชิงพูดขึ้นก่อน

“ฉันขอโทษ”

“ห้ะ?”

“ก็บอกว่าขอโทษไง” ร่างสูงกดเสียงต่ำอย่างข่มความรู้สึก ใบหน้าเครียดๆ ของกันต์ทำให้เขาไม่กล้าโวยวายอะไรต่อ

ขอโทษ...หมายความว่าไง

คนอย่างกันติกรณ์น่ะเหรอจะกล้าพูด ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกให้ขอโทษครั้งนึง แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่ามากไป มากไปแล้วเมื่อกี้มันคืออะไรล่ะ

อย่ามาทำแบบนี้นะ

“ฉันขอโทษที่พูดจาไม่ดีใส่นาย” มือหนาเอื้อมเข้ามาแตะแก้มของเขาแผ่วเบา แววตากลมโตวูบไหว พร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นถี่รัว

หยุดเดี๋ยวนี้

อย่ามาทำให้เขาสับสนแบบนี้นะ กันติกรณ์!

วันศุกร์รีบปัดมือของกันต์ออกแล้วหันหน้าหนีอีกครั้งเมื่อตั้งสติได้ คนตัวสูงขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนกำลังคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างความโกรธกับความน้อยใจ

“ฉันขอโทษแล้ว ยังต้องการอะไรอีก?”

“ผม...” คำพูดขาดห้วงไป เพราะความจริงเขาแทบจะหายโกรธกันต์ตั้งแต่ที่ได้ยินคำว่าขอโทษที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ฟังแล้ว ถึงอย่างนั้นทิฐิในตัวมันก็หนักเสียเกินจะยอมอ่อนข้อง่ายๆ

“ผมอยากให้พี่เลิกยุ่งกับผม...”

เสียงฮึดฮัดดังขึ้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้หันมองหน้ากันต์อยู่ก็พอจะเดาออกว่าคงบึ้งตึงมากแค่ไหน ทั่วบริเวณคับแคบเงียบลงเพียงชั่ววินาทีหนึ่ง ก่อนที่กันต์จะดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงจากรถ ขายาวรีบก้าวมาเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วดึงตัววันศุกร์ออกมาไม่รุนแรงเท่าไรนัก

“ถ้านายยังไม่หายโกรธ ก็มานี่”

“พ…พี่กันต์ จะพาผมไปไหน!” วันศุกร์ร้องเมื่อกันต์ไม่ยอมพาตัวเองกลับ และไม่ได้พาขึ้นหอด้วย แต่กลับลากเขาไปทางร้านมินิมาร์ทใต้หอข้างๆ แทน

คนตัวเล็กยอมสงบลงเมื่อเห็นสายตาจากคนอื่นในร้าน กันต์ตรงไปทางตู้แช่ไอศกรีมแล้วหยิบโคนวานิลลาสอดไส้ช็อกโกแลตขึ้นมาจ่ายตังค์ ก่อนจะยัดเข้ามาในมือเขาเสร็จสรรพ

“อะไร?”

“ซื้อให้”

“หา?” วันศุกร์ยืนงง พวกเขาเดินออกมายืนคุยกันหน้าร้าน ซึ่งไม่ค่อยมีคน ส่วนใหญ่จะเป็นหมามากกว่า คนตัวเล็กยกไอศกรีมในมือขึ้นมองด้วยความไม่เข้าใจ แล้วถามกลับอีก

“ซื้อให้ทำไม?”

ทั้งสองคนหันมองหน้ากัน ฝ่ายหนึ่งยังดูไม่เข้าใจ ในขณะที่อีกคนกลับดูจริงจังซะจนอดหวั่นไหวไปด้วยไม่ได้ เสียงทุ้มดังขึ้นผะแผ่ว หากก็ชัดเจนในโสตประสาต

“ง้อ”

ใบหน้าขาวราวน้ำนม ค่อยๆ ขึ้นสีแดงเรื่ออย่างห้ามไม่อยู่ คำที่หลุดออกจากปากของอีกฝ่ายเมื่อครู่ช่างแสนสั้นเกินกว่าจะเข้าใจความหมายที่แอบแฝงเอาไว้ทั้งหมด แต่ไม่รู้ว่าทำไม...

หัวใจถึงได้พองโต

“ว่าไง หายโกรธรึยัง ฉันง้อแล้วนะ” ร่างสูงโน้มตัวเข้ามาใกล้ ทำให้วันศุกร์รีบขยับหนี เขาเอาแต่ก้มหน้างุดแล้วแสร้งทำเป็นง่วนอยู่กับการแกะกระดาษห่อไอศกรีม หูสองข้างยังคงทำหน้าที่ฟังคำอธิบาย

“ฉันรู้ว่าคราวก่อนฉันพูดแรงเกินไปจริงๆ แต่ก็ไม่เห็นต้องโกรธขนาดไม่มาเจอหน้ากันเลยนี่ เรายังต้องเลี้ยงเจ้าดื้อด้วยกันอยู่นะลืมแล้วเหรอ อีกอย่าง…ถ้านายเอาแต่หนีหน้าฉันแบบนี้ แล้วฉันจะไปแกล้งใครล่ะ”

เกือบดีละ...

“เพราะพี่เอาแต่แกล้งผม หาเรื่องผมนั่นแหละ ผมถึงต้องหนี”

“เออๆ ฉันยอมรับผิด ทีนี้หายโกรธได้ยัง?”

คนตัวเล็กยืนคิดอยู่พักนึง ก็ยอมพยักหน้าแต่ยังไม่กล้าสบตาด้วย กันต์ลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเลิกเอาผิดเขาแล้ว

“ดี เพราะถ้านายยังไม่หาย ฉันก็คงขี้เกียจง้อแล้วแหละ”

วันศุกร์เบ้ปากทันทีที่ได้ยิน แต่ก็ขี้เกียจจะเอาเรื่องเอาราวอะไรอีก แม้ว่าเขาสองคนจะออกแนวไม่ชอบหน้ากันสักเท่าไร แต่ความจริงก็ไม่ได้เกลียด บางครั้งกันต์ก็ดี แต่บางคราวกันต์ก็ร้าย ทำให้เขาสับสนเท่านั้น

สับสน แล้วก็หวั่นไหวด้วย...

พวกเขาเดินกลับมาขึ้นรถหลังจากปรับความเข้าใจเรียบร้อย กันต์สัญญาว่าจะพากลับไปส่งที่มหา’ลัย แลกกับการให้วันศุกร์สัญญาว่าจะไม่หนีหน้าเขาไปดื้อๆ อีก ไอศกรีมในมือเล็กหมดลงอย่างรวดเร็ว ในขณะที่รถยังติดตรงช่วงยูเทิร์น วันศุกร์พยายามใช้ลิ้นเลียริมฝีปากไปมาเหมือนเด็ก

“หันมานี่” ร่างสูงผละจากพวงมาลัยเมื่อเห็นว่ารถยังไม่ยอมขยับ

เขาเชยคางของเด็กบนเบาะด้านข้างให้หันมาหา ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือปาดคราบช็อกโกแลตตรงมุมปากออกให้ ไม่ได้เบามือ แต่ก็ไม่ได้รุนแรง จนคนตัวเล็กไม่แน่ใจนักว่าควรเรียกการกระทำเมื่อครู่ว่าอะไร

ติดจะรำคาญ แต่ก็คล้ายว่าจะอ่อนโยน

“เป็นเด็กหรือไง”

“ก็ไม่ได้แก่อะ”

“ปากดี” กันต์ว่า แล้วผลักแก้มเขาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจถนนเบื้องหน้าดังเดิม

รถเก๋งสีดำขัดมันจอดตัวลงกะทันหันก่อนที่จะถึงหน้าคณะ เมื่อคนขับถูกประทุษร้ายด้วยการถูกฟาดแขนหนักๆ ดวงตากลมจับจ้องไปยังรถแวนของครอบครัว มีลุงชัยเดินวนไปเวียนมาอยู่ใกล้ๆ พ่วงมาด้วยร่างสูงใหญ่ของพี่ชายคนสนิท

“จอดตรงนี้แหละ เดี๋ยวผมเดินไปเอง”

กันต์อดจะส่งเสียงจิ๊จ๊ะออกมาไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังฉลาดพอที่จะไม่เอ่ยคำพูดดูถูกหรือด่าทออะไรออกมาอีก สายตาคมมองตามร่างเล็กซึ่งกำลังวิ่งดุ๊กดิ๊กไปกอดเอวคนเป็นพี่อย่างออดอ้อน พากันขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนไม่ต้องการให้วันเสาร์สังเกตเห็นรถของเขา

“เฮ้อ”

ถ้าหากว่าวันศุกร์เป็นแค่วันศุกร์ ไม่ใช่น้องชายของวันเสาร์ คนที่ทำให้เกศราต้องทุกข์ทน เขาจะรู้สึกกับเด็กนี่ยังไง...ถ้าตัดเรื่องวันเสาร์กับพี่สาวเขาออกไป ความรู้สึกของเขาที่มีต่อวันศุกร์ก็คงจะชัดเจนได้มากกว่านี้อีกสักร้อยเท่าพันทวีเลยใช่ไหม

“ขืนเป็นแบบนี้...ฉันจะยิ่งเกลียดพี่ชายนายมากขึ้นไปอีกนะ”

เกลียดที่ทำร้ายจิตใจพี่เกศ...เกลียด...ที่ได้หัวใจนายด้วย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:49:31 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
น้องศุกร์น่าจะโกรธอีกนานๆหน่อย

ดัดนิสัยนายกันต์ จะได้ไม่ใช้อารมณ์มาว่าน้องศุกร์อีก

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 6.0



‘ว่าไง หายโกรธรึยัง ฉันง้อแล้วนะ’

ทุกคำ ทุกน้ำเสียง ทุกการกระทำ ของกันต์ยังคงติดตรึงอยู่ในหัวสมอง สัมผัสของปลายนิ้วตรงมุมปากก็ดูเหมือนกับว่ายังรู้สึกถึงมันอยู่ แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม ไม่รู้ทำไม ช่วงนี้วันศุกร์เอาแต่คิดถึงใบหน้าของกันติกรณ์ คิดถึงช่วงเวลาที่พวกเขาไม่ได้ทะเลาะขึ้นเสียงกัน

ทั้งที่เคยบอกว่าไม่ชอบขี้หน้า และเอาแต่พูดจาหาเรื่อง แต่ทำไมบางครั้งบางคราวถึงได้อบอุ่นอ่อนโยนนัก

ไม่เห็นเข้าใจเลย...

“ทำไมช้าจังวะ” วันศุกร์สะบัดความคิดเกี่ยวกับกันต์ออก แล้วเริ่มบ่นพึมพำพลางหันมองเวลาจากโทรศัพท์

วันนี้เขานัดกับกั้งและนัท ทำการบ้านวิชา Econ ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของเด็กวารสารฯ กว่า 70% แต่นี่มานั่งรออยู่ในร้านกาแฟภายในห้องสมุดได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แวว พอทักไลน์ไปก็ดันไม่ตอบทั้งคู่

“วันศุกร์” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง

เขาค่อยๆ เอี้ยวตัวไปมองแบบไม่ใส่ใจนัก เพราะคนที่เข้ามาทักไม่ใช่เพื่อนที่รอ แต่เป็นคนในความคิดเมื่อครู่ต่างหาก

“มาทำอะไร?”

“ผมรอกั้งกับนัทอยู่”

กันต์พยักหน้า ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ตรงข้ามเขานั่งลงอย่างถือวิสาสะ วันศุกร์ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ออกปากต่อว่า

“ชอบกินเหรอ?” คำถามถูกส่งมาให้ พร้อมกับสายตาที่กำลังเหลือบมองจานบลูเบอร์รี่ชีสพายบนโต๊ะ

“ก็กินได้”

“แล้วชอบกินอะไร?”

“ไม่ได้ชอบกินอะไร”

“นี่กวนตีนอยู่หรือเปล่า?” กันต์ถามเสียงขุ่น

“แล้วนี่เสือกอยู่หรือเปล่า?”

คนตัวสูงง้างมือขึ้นเหมือนอยากจะฟาดหัวเขาแรงๆ แต่ก็ไม่ได้ทำจริง เสียงกระดิ่งติดประตูร้านดังขึ้นอีกครั้งเรียกสายตาของทั้งคู่ให้หันไปมอง หวังว่าจะเป็นเพื่อนทั้งสองแต่ก็ยังไม่ใช่

ผู้หญิงผมสีแดงอมส้มดูท่าทางมั่นใจ แต่มาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบายๆ เดินเข้ามาหยุดมองโต๊ะของเขาอยู่นานสองนาน ไม่ยอมขยับหรือแม้แต่เอ่ยปากพูด จนเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าตอนนี้โลกหยุดหมุนไปแล้วหรือเปล่า

“มองอะไรฮะ?” กันต์ถามขึ้น ทำให้หญิงสาวคนดังกล่าวฉีกยิ้มกว้างและลากเก้าอี้เข้ามานั่งร่วมวงด้วยแบบไม่ถามก่อนสักคำ จะบอกว่าเฟรนลี่ก็เหมือนไม่ใช่ คงต้องบอกว่าไม่มีความเกรงใจน่าจะถูกกว่า

“น่าแปลกนะที่เห็นพวกนายสองคนมานั่งร้านกาแฟด้วยกันแบบนี้” เธอมองหน้ากันต์กับวันศุกร์สลับไปมา ก่อนส่งเสียงหัวเราะคิกคัก “มาเดทหรือไงจ๊ะ?”

“เข้าใจผิดแล้วครับ”

คนตัวเล็กรีบชิงปฏิเสธ แต่กันต์กลับนั่งเฉย พอดีกับที่พนักงานยกกาแฟดำเข้ามาเสิร์ฟ

“สวัสดีจ่ะวันศุกร์ พี่ชื่อพะเพื่อนนะ เป็นเพื่อนนายกันต์เอง”

“สวัสดีครับ”

“วันศุกร์คงไม่ค่อยคุ้นหน้าพี่เท่าไร เพราะตั้งแต่เปิดเทอมมาพี่ยังไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมอะไรเลย” เธอหัวเราะรั่ว ก่อนจะทำท่าเหมือนนึกเรื่องสำคัญออก วินาทีต่อมา ไอแพดในเคสลายเปลือกไม้ก็ถูกวางลงบนกลางโต๊ะ หน้าจอกำลังเปิดสไลด์งานบางอย่างอยู่ พะเพื่อนปรับโทนเสียงให้ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย

“คือตอนนี้เอกพี่มีงานถ่ายภาพ แล้วอาจารย์แกเกรดแบบ 90% จากผลงาน และ 10% จากยอดไลค์อะ พี่เลยอยากได้นายแบบที่น่าจะเรียกความสนใจได้มากหน่อย...”

“มีอะไรก็เข้าเรื่องเลยดีกว่า” กันต์เอ่ยปากเสียงเรียบอย่างรู้ทัน

“ฉันอยากให้นายกับวันศุกร์ มาเป็นแบบถ่ายภาพให้หน่อย”

“...”

ทั่วทั้งโต๊ะเงียบสนิทราวกับถูกดูดกลืนกล่องเสียงไป วันศุกร์ยังดูงงๆ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก ส่วนกันต์ก็ดูไม่แคร์ และยกกาแฟขึ้นจิบ

“โจทย์ของฉันคือ ‘รักไร้กรอบ’ ฉันเลยวางคอนเซ็ปไว้เป็นภาพถ่าย portrait ของคู่รักชาย-ชาย น่ะ”

“คู่รัก...ชาย…ชาย?” วันศุกร์รีบทวนคำอย่างไม่มั่นใจนัก พะเพื่อนพยักหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่กันต์ดูจะเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“ใช่จ่ะ แล้วใครๆ ก็รู้อะนะว่ากันต์กับวันศุกร์เคยมีเรื่องกันมาก่อน” เธอพูดถึงเหตุการณ์ตอนวันปฐมนิเทศ รวมทั้งข่าวเรื่องที่วันศุกร์เคยสาดน้ำแดงใส่เสื้อกันต์กลางโรงอาหารด้วย “ถ้าจับพวกนายมาถ่ายภาพร่วมกันได้ คิดดูว่าจะเรียกความสนใจได้ขนาดไหน”

“แต่...แต่ว่าโจทย์ของพี่มันเกี่ยวกับความรักไม่ใช่เหรอครับ ถ้างั้นทำไม...”

คนเด็กกว่าดูไม่เข้าใจ เพราะคำพูดของพะเพื่อนฟังดูขัดแย้งในตัวเอง เธอบอกว่ามันคือความรัก แต่จะเอาเขากับกันต์ที่ดูไม่ถูกกันให้มาถ่ายรูปคู่เนี่ยนะ

“ไม่เข้าใจเหรอ ถ้าพี่จับกันต์กับศุกร์มาถ่ายรูปที่ดูรักใคร่กันได้ แน่นอนว่า 10% จากยอดไลค์นั้นพี่ต้องได้เต็มแบบไม่ต้องสงสัยเลย”

“แล้วพี่เพื่อนไม่คิดถึงอีก 90% เหรอครับ พวกเราคงสื่ออารมณ์ออกมาได้ไม่ดีหรอก จะทำให้งานเสียเปล่าๆ ใช่ไหมพี่กันต์?” เริ่มหาตัวช่วย แต่กันต์กลับยกยิ้มมุมปากแบบที่เขาไม่นึกชอบเลย เพราะนั่นคือสัญญาณของเรื่องน่าหงุดหงิดอีกแล้ว

“ฉันว่าก็น่าสนุกดีนะ”

“ใช่มะแก! งั้นเอาเป็นว่าตกลงนะ”

“เดี๋ยวครับๆ ผมยังไม่ได้บอกเลย” เขารีบขัดขึ้นก่อนที่รุ่นพี่ทั้งสองจะเออออห่อหมกไปเอง

“โธ่ศุกร์ ช่วยพี่หน่อยไม่ได้เหรอ พี่คิดมาดีแล้วน่าว่ามันต้องปัง”

“แต่...”

“ค่าขนมพี่ก็มีให้ จะเอาอะไรพี่ให้หมดเลย นะนะ”

วันศุกร์เริ่มมีสีหน้าลำบากใจ เมื่อเห็นพะเพื่อนอ้อนวอนเสียงสั่น เขารีบยกมือขึ้นห้ามเมื่อเธอทำท่าจะยกมือไหว้ ดวงตากลมกลอกซ้ายขวาอย่างใช้ความคิด ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย แต่เขาไม่คิดว่าพะเพื่อนจะได้รูปที่ดี ความรักไร้กรอบ จะเอาคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันไปถ่ายได้ยังไง

แบบนั้น..มันไม่ใช่รักสักหน่อย

“พี่นัดกองไว้อาทิตย์หน้าแล้วด้วย ถ้าไม่ได้กันต์กับศุกร์ พี่ก็คงไม่รู้จะไปหาใครที่ไหนแล้วนะ” เธอพูดอีก ยิ่งทำให้เขานึกสงสาร แม้เสี้ยวหนึ่งในใจจะไม่เห็นด้วยก็ตาม เพราะเธอเล่นจัดการทุกอย่างแบบมัดมือชกเลยนี่น่า

“โอเคครับๆ ผมยอมช่วยก็ได้”

“จริงเหรอ!”

“ครับ แต่ผมก็ไม่คิดว่าพี่เพื่อนจะได้รูปที่ดีหรอกนะครับ”

“โหย เรื่องนั้นเชื่อมือพี่เถอะ” พะเพื่อนยิ้มกว้างจนปากเกือบฉีก เธอแทบจะพุ่งเข้าไปกอดรุ่นน้องหน้าหวานด้วยความดีใจ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อถูกรองเท้าหนังของไอ้เพื่อนข้างตัวเหยียบห้ามเอาไว้ก่อน

สายตาโกรธๆ ตวัดกลับไปหากันติกรณ์เหมือนอยากจะด่าที่กล้ามาเหยียบเท้าผู้หญิง แต่ก็ต้องข่มใจไว้แล้วหันไปเลื่อนสไลด์งานบนหน้าจอ รูปของสวนผลไม้บางแห่งปรากฎขึ้น

“งั้นฉันขอแจ้งกำหนดการณ์เลยนะ เราจะยกกองไปถ่ายกันที่สวนผลไม้จังหวัดสุพรรณบุรี”

“ต้องไปต่างจังหวัดด้วยเหรอครับ?” วันศุกร์โพล่งออกมาหน้าตื่น เริ่มนึกท่าทีเดือดๆ ของพี่ชายตัวเองออกบ้างแล้ว

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็แค่ไปเช้าเย็นกลับเองจ่ะ”

พะเพื่อนเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะเริ่มอธิบายต่อว่าสวนนี้เป็นสวนผลไม้ของเพื่อนเธอเอง ซึ่งกันต์ก็รู้จัก โดยธีมที่เธอวางไว้ก็คือ ‘เจ้าของสวนกับเด็กฝึกงาน’ นำเสนอมุมมองความรักไร้กรอบในแง่ของ เพศวิถีและชนชั้นไปพร้อมกัน เรื่องราวในภาพถ่ายก็คือชีวิตในสวนผลไม้ต่างจังหวัด และความรักที่ค่อยๆ ผลิบานระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง เป็นความรักที่ไม่หวือหวา เน้นโทนอบอุ่นและสดใส

“หลักๆ ก็จะมีพวกนายสองคน มีฉันเป็นตากล้อง แล้วก็มีผู้ช่วยอีกสองคนคือไอ้เซฟกับกระแต” วันศุกร์พยักหน้ารับ เขาจำรุ่นพี่ทั้งสองคนได้ เพราะเจอกันวันงานกีฬาสี ทั้งหมดเรียนเอกภาพยนตร์และภาพนิ่ง ต่างกับพวกของกันต์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยนิดในเอกบริหารสื่อ

พูดตามตรง เอกของกันต์ไม่ค่อยมีคนสนใจมากเท่าไร แต่ละปีจะมีนักศึกษาลงเรียนอยู่ไม่กี่คน เมื่อวันปฐมนิเทศ รุ่นพี่เล่าว่าเคยมีปีนึง ที่ทั้งเอกมีเรียนกันอยู่แค่สามคนด้วย ส่วนตัวเขายังไม่ได้มีตัวเลือกในใจ อาจจะเพราะเพิ่งเข้าใหม่ แต่ถ้าถามตอนนี้ เขาเองก็คงไม่ตอบว่าบริหารสื่อเหมือนกัน

ไม่ใช่ไม่ดีนะ...แต่เพราะมีรุ่นพี่ชื่อกันติกรณ์ต่างหาก!

“เอ้อ แต่เตรียมเสื้อผ้าไปเผื่อด้วยก็ดีนะ” หญิงสาวพูดแบบไม่จริงจังนัก เธอทิ้งเบอร์โทรไว้ให้วันศุกร์ ก่อนจะรีบแจ้นออกจากร้านไป หลงเหลือไว้เพียงความงุนงงและอึดอัดใจ

หลังจากตกปากรับคำไปแล้ว ปัญหามันก็ไม่ได้อยู่ที่กันต์อีกต่อไปแล้ว แต่ว่าเป็น...

 

 

“พี่ไม่อนุญาต” วันเสาร์ตอบกลับเสียงเด็ดขาด เมื่อน้องชายเล่าเรื่องงานถ่ายแบบให้ฟัง ต้องไปไกลถึงต่างจังหวัดก็มากพอแล้ว ยังจะเป็นภาพถ่ายคู่กับกันติกรณ์ คนที่เขาไม่นึกชอบขี้หน้าอีก

“แต่ศุกร์รับปากเขาไปแล้วนะครับ”

“ก็ไปยกเลิกเขาซะ ถ้าไม่กล้า พี่จะพูดให้เอง”

“โธ่ พี่เสาร์ แค่ช่วยพี่เขานิดเดียวเอง”

“ไม่ได้ พี่เป็นห่วงเรานะ ต้องไปกับคนไม่รู้จักทั้งนั้น” วันศุกร์เลิกคิ้ว เพราะความหมายของคำว่าคนไม่รู้จัก ระหว่างวันเสาร์กับเขามันไม่เหมือนกัน ทุกวันนี้เสาร์ก็แทบจะมองทุกคนเป็นคนไม่รู้จักไปซะหมดอยู่แล้ว

“แต่นั่นก็รุ่นพี่ในคณะทั้งนั้นเลยนะครับ พี่กันต์ พี่เสาร์ก็เคยเจอ...”

ดวงตาคมวาวโรจน์ยามได้ยินชื่อนั้น คนตัวเล็กรีบก้มหน้างุดเพราะก็พอจะเดาได้ว่าเสาร์ไม่ชอบใจกันต์เท่าไรนัก แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้ชอบหรอก แต่ทำยังไงได้ รับปากว่าจะช่วยพะเพื่อนไปแล้ว ยังไงก็ต้องทำให้สำเร็จ

“ยิ่งหมอนั่นไปด้วย พี่ก็ยิ่งไม่ให้”

“พี่เสาร์อยากให้ศุกร์ดูเป็นคนไม่ดีเหรอครับ ศุกร์รับปากเขาแล้วไปยกเลิก มันน่าเกลียดนะ”

“ไม่รู้แหละ พี่ไม่ให้ศุกร์ไป”

“พี่เสาร์อ่า” คนตัวเล็กเริ่มงอแง เขาคิดว่าเขาโตมากพอแล้วตั้งแต่เข้ามหา’ลัย เขาไม่อยากให้วันเสาร์ยังมาคอยเป็นห่วงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหมือนแต่ก่อน

“ศุกร์อย่าดื้อสิ”

“พี่เสาร์นั่นแหละดื้อ ศุกร์แค่ไปช่วยรุ่นพี่ทำงานเอง”

ร่างสูงย่นคิ้วไม่พอใจ เดี๋ยวนี้วันศุกร์ของเขาเริ่มแข็งข้อขึ้นทุกที ไม่รู้ว่าเพราะโตขึ้น เจอสังคมใหม่ๆ หรือเพราะใครหรือเปล่า แต่จะยังไงก็ตาม เขาไม่ชอบที่เป็นแบบนี้เลย… เขาต้องการวันศุกร์ คนที่คอยเชื่อฟังเขาทุกอย่าง วันศุกร์ที่คอยอยู่ข้างๆ เขาตลอดเวลา

“ศุกร์จะไป”

“ทำไมไม่ฟังพี่!”

“พี่เสาร์ก็ไม่ฟังศุกร์เหมือนกัน!”

เขาส่งเสียงตัดพ้อแล้วรีบวิ่งหนีขึ้นไปหลบในห้องนอนตัวเอง วันเสาร์ที่เพิ่งตามมาพยายามเคาะประตูเรียกอยู่หลายครั้ง

“ศุกร์ เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้”

“ไม่ครับ”

“วันศุกร์ ทำไมเป็นแบบนี้ฮึ?”

“พี่เสาร์นั่นแหละ ไม่ไว้ใจศุกร์เลยหรือไง ศุกร์โตแล้ว ศุกร์ดูแลตัวเองได้”

“พี่แค่เป็นห่วง พี่ผิดเหรอ?” เสียงด้านนอกฟังดูแผ่วลง ทำเอาเขาเผลอใจหาย

ความจริงเขาก็ไม่อยากเถียงกันเรื่องนี้หรอก เพราะรู้แก่ใจดีว่าวันเสาร์คอยห่วงและทะนุถนอมเขามากขนาดไหน ถึงจะบอกว่าครอบครัวเราอยู่กันพร้อมหน้าก็เหมือนว่าจะไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะคุณพ่อกับคุณแม่ต้องบินไปพำนักและทำงานอยู่ต่างประเทศบ่อยซะจนแทบไม่เจอหน้ากันเลย มีเวลาอยู่ด้วยกันเฉลี่ยปีละ 20-30 วันก็นับว่าเก่ง มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงถูกใช้ไปกับวันเสาร์ พี่ชายคนเดียวเท่านั้น

เราถึงได้ผูกพันกันมาก...รักกันมาก...

“แต่ศุกร์ดูแลตัวเองได้จริงๆ นะ...” เขาตอบกลับเสียงอ่อนลงพอกัน ทั้งคู่ยืนติดประตู พูดคุยผ่านแผ่นไม้ลงกลอนที่กั้นอยู่

อีกฟากฝั่งเงียบไปนานหลายนาทีจนวันศุกร์เกือบจะเปิดประตูออกไปแล้วด้วยความเป็นห่วง แต่เสียงทุ้มก็เอื้อนเอ่ยกลับมาก่อนพอให้ใจชื้น แม้ว่าจะแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยังดี

“เอาล่ะๆ พี่ยอมให้ศุกร์ไปก็ได้”

วันศุกร์ฉีกยิ้ม รีบเปิดประตูออกไปหาเจ้าของใบหน้าบึ้งตึง

“ขอบคุณมากเลยครับพี่เสาร์” ร่างเล็กรีบกระโดดกอดผู้เป็นพี่ คลอเคลียอยู่กับแผ่นอกกว้างอย่างเอาใจ จนอดจะใจอ่อนด้วยไม่ได้ เสาร์ดันวันศุกร์ออกเล็กน้อย ก่อนจะโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน

“แต่เราต้องสัญญาว่าจะโทรรายงานพี่ทุกเรื่อง ตกลงไหม?”

“ตกลงครับ”

รอยยิ้มสดใสของน้องชายราวกับจะละลายหัวใจแข็งกระด้างลงในชั่วพริบตา ความโกรธถูกลบหายไปชั่วขณะ ยามที่วันศุกร์ใช้แขนเกี่ยวลำคอของเขาไว้แล้วตรงเข้าหอมแก้มสักฟอดใหญ่

“พี่เสาร์น่ารักที่สุดเลย”

แล้วแบบนี้ จะไม่ให้เขายอมได้ยังไง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:50:17 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
นายกันต์มันดูเรียบร้อยแปลกๆ ไม่ค่อยจะว่าน้องสักเท่าไรแล้ว เออ...ดีแฮะ

หาคู่ให้พี่เสาร์ทีนะคะ ...ติดน้อง หวงน้องเกินไปมันไม่ได้!!!!!!!!!

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
อยากรู้ยิ่งขึ้นน่ะเนี่ย

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 6.5



เด็กปีหนึ่งยืนหมุนไปมาหน้ากระจก เสื้อเชิ้ตพับแขนสีฟ้า ทับด้วยเอี๊ยมยีนส์สีเข้มทำให้เขาดูแปลกตาไปจากทุกที ผมซอยสั้นกับหน้าม้าไม่ได้ถูกจัดแต่งอะไรมากมายเพื่อคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้ ฝั่งกันติกรณ์เองก็แทบไม่ต้องแต่งเติมอะไรเช่นกันด้วยความที่เบ้าหน้าดีอยู่แล้ว ขนาดใส่เสื้อลายสก็อตก็ยังฆ่าไม่ตาย ผมรองทรงต่ำถูกจัดให้ดูยุ่งๆ คล้ายกับเวลาปกติของเจ้าตัว

“วันศุกร์นี่เหมาะกับสีฟ้าจริงๆ น้า” พะเพื่อนเปิดประตูห้องแต่งตัวเข้ามาแบบไม่บอกก่อน ทำเอาเขาสะดุ้ง คนที่เดินตามหลังมาคือพี่กระแตซึ่งคอยพยักหน้าเห็นด้วยแทบทุกคำ

“ผมไม่ค่อยชินเลยครับ”

“มั่นใจหน่อยสิ น่ารักออก”

“ปกติผมไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้หรอกครับ” วันศุกร์ยกนิ้วขึ้นเกาแก้มอย่างเขินๆ ก่อนจะปล่อยให้พะเพื่อนเดินจูงมือออกไปยังสวนด้านนอก

มองเห็นกันต์กำลังยืนคุยอะไรบางอย่างกับเซฟอย่างออกรส ชายร่างใหญ่ทั้งสองหยุดการสนทนาและหันมามองพวกเขาเป็นตาเดียว คลับคล้ายคลับคลาฉากคุณพ่อจูงเจ้าสาวออกมาเจอเจ้าบ่าวยังไงยังงั้น.....ถุย!

“ช้าจังวะ”

กันต์ออกปากบ่นกลบเกลื่อนทั้งที่ใบหน้าขึ้นสี ยอมรับเลยว่าวันศุกร์ในชุดสีฟ้ากับเอี๊ยมแบบนี้ดูน่ารักขึ้นอีกสักสิบเท่า แต่ถ้าไม่ใส่อะไรเลย ก็คงจะน่ารักขึ้นสักล้านเท่าได้

“ช้าอะไร นี่เร็วกว่าที่คิดไว้อีก เซฟ แกจัดไฟเตรียมไว้ยัง?”

“เรียบร้อย”

พะเพื่อนพยักหน้าก่อนจะเดินไปหยิบกล้อง DSLR ออกจากกระเป๋าเป้ กระแตช่วยพากันต์กับวันศุกร์เดินมายังจุดที่มาร์กไว้ พร้อมหยิบทิชชู่ซับหน้าทั้งคู่ไปด้วย เซฟยังคงวนเวียนอยู่แถวรุ่นน้อง สายตาไล่พิจารณาเรือนร่างบอบบางผิดกับผู้ชายโตเต็มวัยทั่วไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสเข้าใกล้วันศุกร์คนดังของคณะ

“วันศุกร์เนี่ย น่ารักจังเลย” มือหนาหยิกแก้มใสไปทีอย่างนึกหมั่นเขี้ยว ไม่ทันสังเกตว่ากำลังถูกกันต์จ้องมาด้วยสายตาอาฆาตระดับไหน

“ขอบคุณครับ”

“แก้มนิ่มด้วยครับ ขอจับอีกทีได้ปะ?”

“เอ่อ...” คนตัวเล็กตีสีหน้าลำบากใจ แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มขำเพราะแกล้งสำเร็จ

“ออกไปไกลๆ เลยนะมึง”

กันต์เอ่ยปากเสียงเย็น แววตาคมดูอัดอั้นเหมือนอยากจับคนแถวนี้มากระแทกเข่าสักทีสองที เซฟลอบหัวเราะในลำคอเพราะรู้ใจเพื่อนตัวเองดี ถึงเขาจะไม่ได้อยู่รวมกลุ่มกับกันต์ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สนิท ประกอบกับได้พูดคุยกับตรีวิทย์มาบ้างแล้วเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกันต์และวันศุกร์ ยิ่งมาเห็นด้วยตาตัวเองก็ยิ่งมั่นใจว่ากันต์น่ะสนใจวันศุกร์อยู่แน่นอน

นึกแล้วก็อยากจะขำดังๆ ช่างดูออกง่ายอะไรขนาดนั้น คุณหลานชายคณบดี

ไม่สิ...ที่ตลกกว่าก็คือวันศุกร์นั่นแหละ ทำไมถึงดูไม่ออกว่ากันต์ไม่ได้ ไม่ชอบขี้หน้าตัวเองอย่างปากว่าสักนิด กลับกัน หมอนั่นมันก็แค่เข้าอีหรอบ ‘ยิ่งชอบยิ่งแกล้ง’ เท่านั้น

“อะ นี่จ่ะ” กระแตหยิบตะกร้าส้มมาใส่มือวันศุกร์เพื่อใช้เป็นของประกอบฉาก

พะเพื่อนปัดมือรัวเป็นสัญญาณให้นายแบบทั้งคู่ยืนชิดกันหน่อย เธอบอกให้วันศุกร์ทำท่าอุ้มตะกร้า ในขณะที่มีกันต์ยืนกอดอกเกือบจะซ้อนหลังอยู่

“ศุกร์ทำท่ากลัวๆ หน่อย แต่ก็ไม่ได้กลัวมาก อารมณ์เกรงๆ อะ ส่วนกันต์ก็ทำหน้าดุๆ เคปะ?”

คนตัวเล็กเลิกคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจคำสั่งของพะเพื่อนเท่าไร หน้ากลัวๆ หน่อย...แต่ก็ไม่กลัวมาก...เกรงๆ...เอ่อ สรุปคือยังไงอะ?

“เอานะ”

พะเพื่อนยกมือขึ้นเหมือนอยากให้กันต์กับวันศุกร์เริ่มจัดแจงท่าทางตัวเอง ฝั่งเซฟกับกระแตก็แยกกันไปยืนตามจุดที่ได้รับมอบหมาย เซฟประจำอยู่กับ Reflector หน้าทองขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ ส่วนกระแตคอยดูแลไฟ

“หนึ่ง...”

วันศุกร์รวบรวมสมาธิ แขนสองข้างโอบรอบตะกร้าหวายเอาไว้แน่น ค่อยๆ ช้อนตามองคนด้านข้าง พยายามบังคับแววตาให้ดูเกรงกลัว แต่ก็เหมือนจะยากกว่าที่คิด ในเมื่อเขาไม่รู้สึกกลัวกันต์สักนิด ส่วนกันต์เองก็ไม่ได้ตั้งใจตีหน้าดุใส่เขาด้วยซ้ำ มันเหมือนจะกวนตีนมากกว่า

“กันต์ หน้าดุหน่อย” เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ทำให้กันต์แสร้งขมวดคิ้วหวังจะทำให้ดูดุขึ้น แต่ก็ไม่ช่วย แถมยังกลายเป็นตลกจนวันศุกร์หลุดขำ

“ขำอะไรฮะ?”

“ฮ่ะๆ...ก็พี่กันต์ทำหน้าตลก”

“นี่แหนะ” เขาใช้สองมือดึงแก้มนุ่มหลายครั้งอย่างจงใจแกล้ง

“โอ้ย ปล่อยๆ”

“ไอ้กันต์ ปล่อยน้อง!”

พะเพื่อนวางกล้องทิ้งไว้ รีบสาวเท้ามาฟาดแขนเพื่อนตัวโตไปที นึกเคืองๆ ที่ยังไม่สามารถเก็บภาพได้ กันต์ยอมปล่อยมือออกจากแก้มขาวซึ่งขณะนี้กลับซับสีเลือดเพราะแรงบีบเมื่อครู่ บวกกับไอร้อนช่วงใกล้เที่ยง วันศุกร์ตีหน้ามุ่ย ลูบแก้มตัวเองป้อยๆ

“พวกนายผ่อนคลายกันหน่อยสิ เป็นธรรมชาติน่ะเข้าใจไหม”

“ผมบอกพี่เพื่อนแล้ว ว่าเอาผมมาถ่ายกับพี่กันต์มันก็ไม่ไหวแบบนี้แหละครับ”

คนฟังถอนหายใจยาวเหยียด เธอยังคงเชื่อในเซนส์แรงกล้าของตัวเองว่ายังไงสองคนนี้ก็เป็นคู่ที่เคมีเข้ากันที่สุด มันก็แค่ขาดแรงกระตุ้นอะไรบางอย่าง...

“ลองอีกรอบนะ”

เจ้าของงานตบบ่าเรียกกำลังใจให้กับรุ่นน้องตัวเล็ก ก่อนจะกลับไปหยิบกล้องขึ้นมาวัดแสงอีกรอบ พวกเขาพยายามอยู่นานเกือบชั่วโมง ขยับท่าทางไปเรื่อยอยู่รอบแนวต้นส้ม ซึ่งเป็นฉากหลังของภาพเซตแรก แต่ไม่ว่าจะถ่ายกี่รอบก็ยังไม่เจอรูปที่ถูกใจ ดวงอาทิตย์ยิ่งเคลื่อนตัวขึ้นสูง ก็ยิ่งทำให้งานเดินลำบากด้วยความร้อนแดดกันหมดทุกคน

“พักกันก่อนละกัน”

ทุกคนพยักหน้ารับ เซฟกับกระแตรีบวางอุปกรณ์ในมือลงและยืดแขนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อย พะเพื่อนดึงทิชชู่ส่งให้นายแบบทั้งสองก่อนตัวเอง ทั้งสี่คนพากันเดินมาหลบใต้ร่มไม้ใหญ่ คนงานในสวนเดินเอาน้ำหวานกับพัดลมไฟฟ้าตัวเล็กมาตั้งให้ พอจะช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าลงได้บ้าง พอนั่งพักจนหายร้อนแล้ว พะเพื่อนจึงควานหาแบงค์ห้าร้อยในกระเป๋าส่งให้กันต์ที่ยังตีหน้างุนงง

“หน้าซอยมีเซเว่น แกออกไปซื้อไอติมมาให้หน่อยสิ”

“ก็ให้คนงานบ้านไอ้เซฟออกไปสิ”

“เขาก็ต้องทำงานไหมล่ะ ขี่มอไซค์ไปนิดเดียวเอง เดี๋ยวฉันต้องนั่งเช็ครูปต่อ” กันต์ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ดูเหมือนพะเพื่อนจะลืมไปแล้วล่ะมั้งว่าตัวเองเป็นคนยกมือขอร้องให้เขามาถ่ายแบบให้ แล้วยังกล้ามาใช้เยี่ยงทาสแบบนี้อีก คอยดูเหอะ เผลอเมื่อไรจะจับไปตบหน้าสักร้อยรอบให้สมค่าเหนื่อย

“ขี้เกียจ”

หญิงสาวเหล่ตามองเพื่อนอีกสองคน เซฟหยุดใช้ความคิดเพียงครู่หนึ่งก็รีบโพล่งออกมา พลางขยับเข้าไปชิดวันศุกร์ในก้าวขาเดียว

“งั้นเดี๋ยวกูกับวันศุกร์ออกไปซื้อเอง”

คนตัวเล็กเงยหน้ามองเซฟงงๆ แต่พออีกฝ่ายหันมาส่งยิ้มให้ เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ

“อ่า...ครับ เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้ก็ได้ พี่เพื่อนอยากกิ...”

“ไอ้เซฟไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปกับวันศุกร์เอง” คนพูดเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างเพื่อนกับรุ่นน้อง ก่อนจะดันหลังวันศุกร์ออกไปทางมอเตอร์ไซค์หน้าบ้าน มีเสียงตะโกนสั่งไอติมตามหลังมาไม่ห่าง

คุณลุงสวมหมวกฟางยืนรอส่งกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ให้ ราวกับถูกจัดฉากเอาไว้แล้ว แต่ก็ไม่มีใครเอะใจเพราะมัวแต่ยื้อยุดกันอยู่ตลอดทาง กันต์พยายามจะโอบไหล่อีกฝ่าย ในขณะที่วันศุกร์เอาแต่ผลักเขาออกห่าง ปากแดงๆ บ่นว่าร้อนไม่หยุด

เครื่องยนต์จากมอเตอร์ไซค์สีดำวาวดังขึ้น พาลทำให้เด็กปีหนึ่งยืนตัวแข็งทื่อ มันนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้นั่งมอเตอร์ไซค์...สัก 4 ปีได้แล้วมั้ง ตั้งแต่เหตุการณ์มอเตอร์ไซค์ล้มตอนม.3 แม้ว่าจะไม่ได้เจ็บตัวมากมาย แต่นั่นก็ทำให้เขาเข็ดขยาดไม่กล้าขึ้นนั่งรถเครื่องอีกเลย แน่นอนว่าวันเสาร์เองก็ไม่เคยยอมปล่อยให้เขานั่งมอเตอร์ไซค์อีกเช่นกัน

เกือบลืมไปแล้วเชียว ถ้าไม่ใช่ว่าได้ยินเสียงเสียดหูน่ากลัวอีกครั้ง ภาพในวันนั้นยังคงไหลย้อนเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน

“…ศุกร์...วันศุกร์!”

“ห้ะ!?” ดวงตากลมกระพริบถี่ เงยหน้ามองกันต์ซึ่งกำลังจ้องเขากลับอย่างเป็นห่วง ท่าทางของเด็กตรงหน้าดูไม่สู้ดีนัก ใบหน้าขาวนวลบัดนี้กลับซีดเผือด แววตาดื้อรั้นก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นความสับสนระคนหวาดกลัว

“เป็นอะไร?”

“ป...เปล่า” ตอบกลับไปแบบนั้น แต่ขาสองข้างก็ยังก้าวไม่ออก เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนขมับ

“กลัวอะไร?”

“เปล่า!” เสียงใสกระแทกตอบ ก่อนจะกลายเป็นน้ำเสียงผะแผ่ว แววตาสั่นไหวยามจ้องมองไปยังลูกล้อสองข้างที่ดูไม่มั่นคงนัก “ไม่ได้กลัว...”

“ถ้าไม่กลัวก็ขึ้นมา”

กันต์ก้าวเข้ามาดึงแขนเล็กไปใกล้ เขาวาดขายาวคร่อมตัวเครื่องยนต์ นั่งรออยู่เกือบนาทีกว่าที่เด็กอีกคนจะยอมขยับขึ้นมานั่งซ้อนหลัง ท่าทางเก้กังช่างดูออกง่ายจนแทบไม่ต้องเดา เขาไม่รู้หรอกว่าวันศุกร์เป็นอะไร แต่ที่รู้แน่คือหมอนั่นกำลังหวาดกลัว และเขาก็ทนมองไม่ได้

 “ฉันไม่รู้ว่านายกลัวอะไร...” เสียงทุ้มเอ่ย ขณะจับมือสั่นๆ ของคนด้านหลังเข้ามาโอบกอดเอวตนเองไว้

“แต่อยู่กับฉัน ไม่ต้องกลัว”

แววตาของคนฟังวูบไหว วันศุกร์ทำท่าจะชักมือกลับก็ทำไม่ได้เพราะถูกมือใหญ่รั้งไว้ก่อน สุดท้ายจึงต้องยอมปล่อยเลยตามเลย รถมอเตอร์ไซค์ค่อยๆ ออกตัวอย่างระวัง กันต์ยกยิ้มเมื่อสังเกตว่าร่างเล็กเผลอกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างหลับปี๋พลางแนบแก้มร้อนลงกับแผ่นหลังกว้างอย่างลืมตัว

“เกาะแน่นๆ นะน้องนะ” กันต์พูดติดตลก ก่อนจะเร่งเครื่องหนักขึ้นเล็กน้อย

เพียงไม่กี่นาทีต่อมาก็ถึงเซเว่นหน้าซอยเข้าสวนผลไม้ ช่วงเที่ยงแบบนี้มีคนออกมาจับจ่ายซื้อของมากเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่เป็นคนในท้องที่ จะมีก็แค่พวกเขาสองคนซึ่งดูแปลกหน้าอย่างเห็นได้ชัด

กันต์คอยสังเกตอิริยาบถของเด็กหน้าตื่นตั้งแต่ก้าวขาลงจากรถ ยันเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ แรงลมปะทะใบหน้าทำให้เขานึกขนลุกน้อยๆ

“กลัวอะไรฮึ?” เขาแกล้งถาม เมื่อเดินมาถึงตู้ไอศกรีม

วันศุกร์ไล่สายตาหาโคนวานิลลาสอดไส้ช็อกโกแลตของโปรด แม้จะได้ยินคำถามแต่ก็ไม่ค่อยอยากจะตอบเท่าไรนัก ความจริงเขาไม่อยากให้กันต์เข้ามาใกล้ในตอนนี้เพราะกลัวเหลือเกิน...ว่าอีกฝ่ายจะทันได้ยินหรือเปล่า

เสียงหัวใจของเขา…

“หูหนวกแล้วหรือไง”

“โอ้ย” มือใหญ่แกล้งดึงใบหูนิ่ม

“ฉันถาม ก็ตอบ”

คนตัวเล็กส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอ สายตาแข็งกร้าวจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนนี้เขาว่าเขาเลิกกลัวแล้ว แต่ว่าสับสนมากกว่า สับสนความเป็นกันติกรณ์ เพิ่งดีสุดๆ ได้ไม่กี่นาที ก็กลับมาหาเรื่องเขาอีกจนได้

“ไม่อยากบอก”

“แต่ฉันอยากรู้”

วันศุกร์เม้มปากแน่น เขาตัดสินใจหลบสายตาจริงจังของอีกฝ่าย แล้วทำเป็นมองหาไอศกรีมของรุ่นพี่ทั้งสามที่ฝากฝังเอาไว้ กันต์ยืนถอนหายใจอยู่ใกล้ๆ ไม่ได้คาดหวังว่าวันศุกร์จะยอมเปิดใจเล่าเรื่องของตัวเองให้เขาฟังเท่าไร แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเสียงเล็กดังขึ้นแว่วๆ

“แต่ก่อน...ผมเคยมอเตอร์ไซค์ล้ม”

เรียวตาคมเหล่มองคนพูดเล็กน้อย พอหยิบไอศกรีมได้ครบแล้วก็เดินไปจ่ายเงิน วันศุกร์ฉีกกระดาษออกอย่างเร่งรีบ ฟันซี่คมกัดไอศกรีมสีครีมส่วนบนเข้าปากทันที อากาศตอนนี้มันร้อน แถมเขาก็เริ่มหิวแล้วด้วย

กันต์ลอบยิ้ม สายตาจับจ้องไปยังรุ่นน้องซึ่งกำลังจัดการโคนในมืออย่างกับคนตายอดตายอยาก เขายอมยืนรอให้วันศุกร์ได้ดื่มด่ำกับรสชาติหวานไปก่อนสักครู่ ยังไม่เดินไปสตาร์ทรถ ยังดีที่มีกันสาดหน้าเซเว่นช่วยบังแดดให้ ลูกค้ามินิมาร์ทเริ่มหดหายไปทีละน้อย

“แกะแล้วก็กินให้หมด ถือไอศกรีมแบบนั้นแล้วจะนั่งซ้อนท้ายยังไง” คนตัวสูงออกปากสั่ง และวันศุกร์ก็ไม่กล้าขัดด้วยเพราะจริงอย่างว่า เขาจึงต้องรีบกัดเลียโคนในมือ นึกโทษตัวเองที่ตะกละไม่เข้าเรื่องจนลืมคิดไปว่าต้องรีบเอาของที่เหลือไปให้คนรอ

เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก กันต์จึงหันไปสะกิดเด็กข้างตัวให้รีบยัดๆ ปลายโคนเข้าปาก วันศุกร์พยายามทำตามแต่ก็กลายเป็นสำลักเพราะรีบร้อนมากเกินไป ลำบากกันต์ต้องวิ่งกลับเข้าไปซื้อน้ำเปล่าออกมายื่นให้ มือเล็กยกขวดขึ้นดื่มอึกๆ สายตาเหลือบมองใบหน้าห่วงใยอย่างปิดไม่มิด จนเขาเผลอใจสั่นอีกรอบ

ก็แค่สำลักนิดหน่อย ไม่เห็นต้องรีบวิ่งไปซื้อน้ำมาให้เลยนี่น่า ไอ้บ้า

“เอามานี่” วันศุกร์ดึงถุงพลาสติกในมือกันต์มาถือให้ ก่อนจะเดินไปหยุดรออยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ กันต์เดินยิ้มเข้ามาสตาร์ทรถ ก่อนที่เขาจะตามขึ้นไปเกาะเอวคนด้านหน้าไว้เหมือนเดิม

ทันทีที่กลับมาถึงสวน ก็รีบปราดเข้าไปหารุ่นพี่ทั้งสาม ซึ่งนั่งเหงื่อตกกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขารีบก้มหัวหลายรอบเพื่อขอโทษที่มัวเถลไถล

“ขอโทษนะครับที่มาช้า” มือเล็กหยิบไอศกรีมแจกให้ทุกคน แอบลุ้นในใจว่ามันคงไม่ละลายกลายเป็นน้ำไปเสียก่อน เพราะแดดเริ่มร้อนมาก สังเกตได้จากท่าท่างเหน็ดเหนื่อยของคนทั้งสาม แม้ว่าจะอยู่ใต้ร่มแล้วก็ตาม

เซฟรับไอศกรีมไมโลไว้เป็นคนสุดท้าย มือใหญ่เผลอลูบศีรษะทุยด้วยความเอ็นดู

“ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ”

“พี่เซฟรีบกินเร็ว เดี๋ยวละลาย” วันศุกร์จับมือเซฟบนศีรษะตัวเองให้มาจับซองไอศกรีมสีเขียวในมือแทน คนตัวสูงยิ้มรับแล้วเริ่มจัดการเจ้าของหวานสีน้ำตาลนม

พะเพื่อนกับกระแตเองก็กำลังสนใจของกินในมือ เปิดโอกาสให้กันต์มีเวลาพูดคุยกับวันศุกร์ต่ออีกหน่อยก่อนเริ่มงานในช่วงบ่าย

“ขี้อ่อย” เสียงทุ้มกระซิบขึ้นข้างหู ทำให้เขาต้องตวัดสายตาบึ้งตึงกลับไป

“อะไร?”

“ทำเป็นจับไม้จับมือไอ้เซฟ สนิทกับมันแล้วหรือไงฮะ?”

“เออ” วันศุกร์กระแทกเสียงกลับเพื่อตัดบทสนทนา ก่อนสะบัดตัวหนีไปนั่งพิงต้นไม้อยู่ฝั่งตรงข้ามรุ่นพี่อีกสามคน

เขาชักจะเบื่อกับการต้องคอยรองรับอารมณ์ขึ้นลงของกันต์ เดี๋ยวก็ดีจนน่าใจหาย แล้วเดี๋ยวก็ร้ายซะจนน่าถีบ ไม่ไหว เป็นพวกอารมณ์สองขั้วหรือเปล่า

“อย่าจับเนื้อต้องตัวคนอื่นแบบนั้น ฉันไม่ชอบ”

คนตัวเล็กขมวดคิ้ว พยายามเขยิบออกห่างอีกคนที่ยังตามมาราวีไม่เลิก

“ไม่ชอบก็เรื่องของพี่”

“วันศุกร์”

เขาแกล้งยกมือขึ้นปิดหูเพราะไม่อยากได้ยินน้ำเสียงแข็งๆ แต่กลับยิ่งทำให้กันต์กดเสียงหนักขึ้นอีก พลางเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้

“อย่ามาทำตัวแบบนี้นะ”

“ผมต่างหากที่ควรพูด”

“เอาล่ะเรามาลองถ่ายฉากเมื่อกี้กันใหม่นะ” พะเพื่อนเดินอ้อมลำต้นใหญ่โตมาตามนายแบบทั้งสอง

ทุกคนกลับไปประจำตำแหน่งใกล้เคียงกับเมื่อเช้า เซฟกับกระแตขยับออกจากจุดเดิมเล็กน้อยเพื่อหามุมที่พอดีกับทิศทางแสงที่เปลี่ยนไป พะเพื่อนยกนิ้วเป็นสัญญาณเตรียมพร้อม

วันศุกร์กอดตะกร้าแน่น แววตารั้นๆ ช้อนขึ้นมองกันต์ซึ่งกำลังจ้องเขากลับด้วยท่าทีดุร้าย คล้ายว่าอยากจะตรงเข้ามาขย้ำเด็กดื้อ คนหลังกล้องเลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะรู้สึกถูกใจกับบทบาทใหม่นี้ จึงไม่ลังเลที่จะรัวชัตเตอร์อย่างสนุกมือ กันต์น่ะทำได้ดีแล้วกับบทดุโหด แต่วันศุกร์ที่ควรจะกลัว พอเปลี่ยนมาเป็นคาแรกเตอร์ไม่ยอมคนก็ดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ สงสัยว่าบทเจ้าของสวนกับลูกน้องขี้กลัวจะไม่ค่อยเหมาะกับคู่นี้เท่าไร น่าจะเป็น...เจ้าของสวนขี้หวงกับทายาทไร่คู่อริ เสียมากกว่า

หน้าจอของกล้องดิจิทัล ฉายภาพที่ออกมาดูคล้ายว่าโกรธกันเหลือเกิน แต่แปลกมาก...ที่ไม่รู้สึกถึงความเกลียดอยู่เลย

หญิงสาวลอบยิ้มให้ตัวเอง เริ่มมองเห็นแวว A+ ลางๆ แล้วสิ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:50:39 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
กันต์แกมีสิทธิ์อะไรไปหวงน้องศุกร์คะ?


ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 7.0



“วันนี้คงได้แค่นี้แหละ” พะเพื่อนบอกเสียงอ่อย หันมองท้องฟ้าที่เริ่มกลายเป็นสีส้ม ใบหน้าเหนื่อยอ่อนกับแววตาสั่นไหวของเธออดจะทำให้ทั้งกันต์และวันศุกร์นึกเห็นใจไม่ได้ พวกรุ่นพี่ทั้งหมดตรงเข้าช่วยกันเก็บกวาดสถานที่และอุปกรณ์

คนเด็กสุดยืนมองภาพตรงหน้าอย่างชั่งใจ เขาสูดหายใจเข้าปอดก่อนจะพ่นออกมาทางปากราวกับต้องการรวบรวมความกล้า มือถือเครื่องบางถูกหยิบออกมาต่อสายหาพี่ชายจอมหวง น้ำเสียงเกรงๆ เอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก

“เอ่อ พี่เสาร์...คือว่า ศุกร์อาจจะต้องอยู่ต่ออีกวัน”

“ทำไม? ไหนบอกว่าวันเดียวไง”

“เปล่านะครับ ศุกร์บอกว่าอาจจะวันเดียว...แล้วงานมันก็เสร็จไม่ทันอ่า”

“เสร็จไม่ทันก็เรื่องเขา เราช่วยเต็มที่แล้ว”

“โธ่พี่เสาร์ จะช่วยเต็มที่ได้ไง ถ้างานเขายังไม่เสร็จแบบนี้” วันศุกร์ว่าอย่างตัดพ้อ เขาพยายามงัดลูกอ้อน ลูกน่าสงสารออกมาใช้ แทนที่จะใช้วิธีหัวชนฝาแบบคราวก่อน

“พรุ่งนี้กลับแน่นอน สัญญา แล้วศุกร์จะแวะซื้อของฝากไปให้พี่เสาร์ด้วยน้า”

“เฮ้อ…”

ปลายสายถอนหายใจรุนแรง ไม่ยอมพูดอะไรต่อ

“นะพี่เสาร์ เข้าใจศุกร์นะครับ”

“นี่ศุกร์อ้อนพี่เหรอ?”

“อื้อ” คนตัวเล็กเดินเลี่ยงออกมาคุยคนเดียว ไกลพอที่จะไม่ให้คนอื่นได้ยิน แม้ว่าจะยังมีสายตาจับผิดจากกันต์ส่งมาให้ตลอดเวลาก็ตาม “พี่เสาร์อย่าห่วงศุกร์เลยน้า ศุกร์อยู่ช่วยพี่เขาอีกวันเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว”

“แต่นอนค้…”

“น้าา ไว้ศุกร์กลับบ้านแล้วจะไปนอนกอดพี่เสาร์ทั้งคืน ให้หายคิดถึงเลย”

อีกฝ่ายเงียบเสียงไป จนเดาอนาคตไม่ออก ได้ยินวันเสาร์ถอนหายใจออกมาอีกสองสามรอบเหมือนกำลังคิดหนัก แต่ที่สุดก็ยอมใจอ่อนอีกจนได้

“อ่าๆ แล้วแต่ศุกร์ละกัน แต่มีอะไรต้องรีบโทรหาพี่ทันทีเลยนะ”

“แน่นอนครับผม” วันศุกร์ทำท่าตะเบ๊ะ แม้จะรู้ดีว่าพี่ชายไม่เห็น น้ำเสียงออดอ้อนดูสดใสขึ้นทันตาจนคนปลายสายอยากจะแหวกหน้าจอโทรศัพท์ออกมาหยิกแก้มสักทีอย่างนึกหมั่นเขี้ยว

“จะนอนแล้วก็บอกพี่ด้วยล่ะ”

“คร้าบ”

หลังจากวางสาย เขาก็รีบแบกใบหน้ายิ้มแย้มกลับไปหาพะเพื่อนเพื่อแจ้งข่าวดี เจ้าของผมสีแดงฉีกยิ้มกว้างแทบจะลืมความเหนื่อยตลอดทั้งวัน เธอรีบพุ่งเข้ามาหวังจะกอดเด็กน้อยไว้แต่ก็เหมือนทุกที คือช้ากว่านายกันต์เสมอ เพื่อนร่างสูงใช้มือหนึ่งยันหน้าผากเธอไว้ อีกข้างก็ดึงแขนวันศุกร์ให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง

ไม่รู้จะหวงไปถึงไหน เป็นอะไรกันก็ไม่ใช่!

“เอ้อ ไหนๆ ก็ไม่ต้องรีบแล้ว ด้านหลังมีลำธารอยู่ จะไปเล่นน้ำก็ได้นะ” เซฟแนะนำ ชี้นิ้วไปยังท้ายสวน

“อยากเล่นครับ พี่เซฟ—โอ้ย” วันศุกร์หน้าเหวอเมื่อถูกแขนแกร่งของไอ้คนที่เพิ่งกระชากตัวเขามาเมื่อกี้ตรงเข้าล็อกคอ กันต์ก้มลงมากระซิบแทบจะติดใบหู

“ไปเล่นกับฉันนี่”

“อ…เอ่อ ไม่อยากแล้ว”

“เฮ้ย ถอดชุดดีๆ นะเว้ย” พะเพื่อนตะโกนไล่หลังกันต์ที่กำลังลากวันศุกร์ไปยังแหล่งน้ำ ไม่ฟังเสียงโวยวายกลับคำเลยสักนิด

“บอกว่าไม่อย...โห”

คนถูกลากรีบสะบัดมือออกเมื่อเดินมาถึงลำธารที่ว่า ไอ้คำพูดปฏิเสธเมื่อครู่ถูกกลืนลงคอแทบไม่ทัน ตรงหน้าเขาคือสายน้ำใสเสียจนเห็นบรรดาหินก้อนน้อยใหญ่ด้านล่าง มองซ้ายขวาก็ไม่อาจเดาต้นสายกับปลายสายได้ แต่ก็คิดว่าคงไม่ยาวเท่าไร

เสียงยุกยิกอะไรบางอย่างดังขึ้นรบกวน พอหันไปก็เห็นว่ากันต์กำลังจัดแจงถอดเสื้อผ้าออกอย่างหน้าไม่อาย

“คะ...ใครใช้ให้ถอดเสื้อ!”

“เอ้า จะเล่นน้ำก็ต้องถอดเสื้อสิ” กันต์ตอบกลับเชิงหยอกล้อนิดๆ “นายเองก็รีบถอด แล้วตามมา”

พูดจบก็กระโดดลงน้ำหน้าตาเฉย หยดน้ำเย็นฉ่ำกระเซ็นขึ้นมาถูกตัวทำให้วันศุกร์สะดุ้ง หากก็รู้สึกดี ความจริงเขาไม่ได้ลงเล่นน้ำกลางแจ้งแบบนี้มานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก ทะเล หรือแม้แต่สระว่ายน้ำ เหตุเพราะวันเสาร์อีกนั่นแหละ เอาแต่หวงไม่ยอมให้เขาถอดเสื้อผ้าในต่อหน้าสาธารณะ แม้จะไม่มีอะไรดีให้โชว์มากก็เถอะ

คนตัวเล็กเม้มปาก สายตาแอบมองร่างเกือบเปลือยของกันต์ ซึ่งบัดนี้หลงเหลือไว้แค่บ๊อกเซอร์ด้านในตัวเดียว ขนาดเขาเป็นผู้ชายก็ยังอดจะยอมรับไม่ได้ว่าหุ่นกันต์ดูดีมากจนน่าอิจฉา ไหล่กว้างๆ รับกันดีกับกล้ามเนื้อท้องเป็นลอนสวย ผิวขาวอมเหลืองเป็นประกายจากการกระทบกันของหยดน้ำบนตัวและแสงแดดยามเย็น

เขาเริ่มถอดชุดตัวเองออกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเหลือแค่บ๊อกเซอร์สีเทาตัวบาง ชุดที่พะเพื่อนเตรียมไว้ถูกพับทิ้งไว้บนโขดหินขนาดใหญ่ ใกล้กับบันไดไม้สร้างมือทางลงไปยังลำธารลึกประมาณเกือบๆ สองเมตร ถ้าให้เดาเขาคิดว่าต้องไม่ใช่แหล่งน้ำตามธรรมชาติแน่ เพราะทุกอย่างดูลงตัวเกินไป ไม่ใช่แค่ความลึก หรือบันได แต่สองข้างทางเองก็ถูกประดับไปด้วยโคมไฟสีส้มเป็นแนวยาว เซฟน่าจะสร้างไว้ใช้สอยเองซะมากกว่า

“อ๊ะ” วันศุกร์เผลอร้องเมื่อจุ่มขาแรกลงไป น้ำมันเย็นกว่าที่เขาคิด อาจจะเพราะว่าดวงอาทิตย์ใกล้ตกดินในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว

กันติกรณ์ยืนนิ่งอยู่กับที่ สายตาจดจ่ออยู่กับเรือนรางบอบบางตามคาด ผิวกายสีน้ำนมดูนวลเนียนชวนให้เข้าไปสัมผัส จะหาว่าทะลึ่งก็ได้แต่ไอ้ยอดอกสีชมพูนั่นมันอะไร ยิ่งขาอ่อนเรียวเล็กนั่นอีก ตายๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษาภาพพจน์ ก็คงอยากพุ่งเข้าไปทุบหัวแล้วลากไปปล้ำใต้พุ่มไม้แถวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

“นั่นคนหรือก้าง” ปากไวยิ่งกว่าสมองเหมือนเคย

วันศุกร์มองค้อน แล้วลอยตัวหลบไปทางอื่น เขาจึงทำเป็นเนียนว่ายไปใกล้แล้วแสร้งตีหน้าเหลอหลาเหมือนว่าโดนน้ำมันพัดมาเอง ทั้งที่ไม่น่าจะใช่

“ออกไปไกลๆ เลย” คนตัวเล็กผลักน้ำแถวนั้นใส่หน้ากันต์ซึ่งกำลังเคลื่อนมาประชิดตัว

ได้ยินเสียงสบถดังแว่ว ก่อนจะตามมาด้วยสายน้ำระลอกใหญ่ วันศุกร์รีบยกแขนขึ้นบังแต่ก็ยังเปียกปอนไปทั่วทั้งหัว สองคนเริ่มต้นสงครามขนาดหย่อมแบบไม่มีใครยอมใคร เสียงน้ำสาดกระเซ็นปะปนไปกับเสียงสบถบ้าง ก่นด่ากันบ้าง แต่แปลกชะมัด เมื่อหัวใจกลับรู้สึกอบอุ่นทั้งที่อากาศเริ่มเย็นตัวขึ้นแล้วแท้ๆ

น้ำเย็นถูกสาดเข้าปากเข้าตา แต่ก็ยังรู้สึกว่าสนุก

“พอก่อนๆ” กันต์โบกมือไปมาเหมือนตั้งใจจะยอมแพ้ แต่มีเหรอที่คนอย่างวันศุกร์จะปล่อยให้เสียโอกาส

มือเล็กรีบวักน้ำใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างจัง จนกันต์สำลักโคลก มือข้างหนึ่งขยี้ดวงตาคมที่ปิดสนิท แม้แต่คนก่อเหตุก็ยังอดตกใจไม่ได้ สายน้ำไหลเป็นจังหวะ บรรยากาศโดยรอบสงบลงแล้ว

“เอ่อ…”

เขาส่งเสียงได้แค่นั้นก็ต้องหยุด เมื่อกันต์ยกมือเป็นสัญญาณห้ามไม่ให้พูดอะไร คนตัวสูงค่อยๆ เคลื่อนตัวเองไปทางโขดหินใกล้บันไดไม้ ยังคงกระพริบตาถี่เหมือนต้องการไล่ความระคายเคืองออก

วันศุกร์ยืนชั่งใจอยู่แค่ครู่เดียวก็รีบเคลื่อนตัวตามไป เขาแตะมือลงกับแผ่นหลังกว้าง เอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง อีกทั้งรู้สึกผิด

“เป็นอะไรไหม?”

อีกฝ่ายส่ายหัว หากแต่ก้มหน้างุด จนเป็นเขาเองที่ต้องขยับเข้าไปสังเกตความผิดปกติ มือเล็กผละออกจากหลัง พยายามดึงแขนกันต์ออกเพื่อจะดูอาการให้

“ไหน ขอดูหน่อย” กันต์ปัดมือเขาออก ภายใต้ใบหน้าเสแสร้งแกล้งเจ็บ ค่อยๆ เผยรอยยิ้มมัจจุราชร้ายออกมาทีละนิด เมื่อวันศุกร์ขยับเข้ามาใกล้อีกครั้ง ร่างสูงถึงรีบใช้โอกาสนี้ผลักเด็กดื้อจนหลังชนโขดหินไปไหนไม่รอด

“โอ้ยย!”

แววตาห่วงใยเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเคืองแทบจะทันที น้ำเสียงอ่อนหวานไม่มีแล้ว หลงเหลือไว้เพียงเสียงโวยวายอย่างเคย

“ไอ้พี่กันต์ ไอ้เลว หลอกกันเหรอ!”

“เด็กนิสัยไม่ดีก็ต้องเจอแบบนี้แหละ” เขาหัวเราะชอบใจ พลางขยับเข้าไปประชิดร่างบอบบางซึ่งเอาแต่เบือนหน้าหนี มือใหญ่รั้งต้นแขนทั้งสองข้างไว้ จนไม่สามารถขืนตัวหลบไปไหนได้

“ใครกันแน่นิสัยไม่ดี”

“แล้วใครสาดน้ำใส่ฉันก่อนล่ะ หืม?” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู

ภายใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ สองร่างเบียดชิดขึ้นทุกขณะ จนน่ากลัวว่าหัวใจเขาจะกระดอนออกมานอกอก จมูกโด่งเปียกชื้นคลอเคลียอยู่กับแก้มใสซึ่งบัดนี้กลายเป็นสีแดงระเรื่อ คนตัวเล็กออกแรงสะบัดอีกครั้งแต่ก็ยิ่งทำให้กันต์บีบแขนเขาแน่นขึ้น ความมืดค่อยๆ โปรยตัวลงปกคลุมทั่วบริเวณ พอดีกับหลอดไฟสีนวลซึ่งถูกเปิดขึ้นตามระบบที่ตั้งไว้ เขาเผลอชื่นชมความงดงามของบรรยากาศเพียงแวบหนึ่ง จนลืมนึกไปว่ากำลังถูกคุกคามทางเพศขนาดไหน

กันต์เลื่อนมือขึ้นสูงอย่างใจเย็นเมื่อเห็นว่าเด็กดื้อหยุดซุกซนบ้างแล้ว ปลายนิ้วเย็นเฉียบแตะลงบนแก้มร้อนผะผ่าว บังคับให้วันศุกร์หันหน้ากลับมาสบตากัน แววตาเล็กสั่นระริก อวัยวะด้านในอกซ้ายเต้นคลอนจนน่าอาย ใบหน้าเรียวของกันติกรณ์เคลื่อนตัวเข้าหาเนิบช้า สองมือเล็กพยายามจะดันร่างหนาออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล

เสียงอื้ออึงดังไปทั่วสมองจนชักน่ารำคาญ เขารู้สึกเวียนหัวจากกลิ่นธรรมชาติที่ปนเปื้อนไปด้วยกลิ่นกายจากคนคุ้นเคยหากก็ไม่เคยคุ้น

ลิ้นสากแลบเลียริมฝีปากตัวเองน้อยๆ เหมือนตั้งใจจะส่งสัญญาณให้เด็กตรงหน้ารู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น วันศุกร์หลับตาปี๋ หวังอยากให้นี่เป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น กันต์ประคองใบหน้าหวานให้เงยขึ้นทำองศา

ดูเหมือนเสียงหัวใจของเขาเองก็ดังพอกัน...

‘อีวันศุกร์! อีเด็กเวร! มันแย่งความรักของเสาร์ไป พี่เกลียดมัน! เกลียด! เกลียด!!’

‘พี่เกลียดมัน!!’

น้ำเสียงเจ็บปวดแผดร้องอยู่ในความคิด เขารีบผละตัวออกจากร่างสั่นเทาก่อนจะทันได้ทำอะไรเกินเลย วันศุกร์ตกใจกับแรงเคลื่อนตัวของน้ำจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบว่าคนนิสัยเสียเมื่อครู่กำลังยืนนิ่ง ใบหน้าตึงเครียดอย่างที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก

แววตาโลมเลียเมื่อครู่กลายมาเป็นแข็งกร้าวอย่างไร้เหตุผล คนตัวเล็กขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่ได้นึกผิดหวังแต่แค่ไม่เข้าใจ ทำไมท่าทีของกันต์ถึงเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหลือเกิน และเขาก็ตามไม่เคยทันเลยสักครั้ง

“ไอ้กันต์ วันศุกร์” เสียงเจ้าของบ้านดังออกมาจากแนวต้นไม้ใหญ่ ไม่นานก็ปรากฏร่างของเซฟในชุดไปรเวทสบายๆ ในมือถือผ้าเช็ดตัวมาด้วยสองผืน

“กลับได้แล้วล่ะ เดี๋ยวมืดกว่านี้ยุงมันจะชุม”

“อะ เออ”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:51:20 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เกลียดเมะจังเลยค่ะ เหม็น :m16:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด