วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: วันศุกร์สีฟ้า ☁ by 「aonair」: UP! วันศุกร์ที่ 24 (จบ)  (อ่าน 56012 ครั้ง)

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 7.5



แม้ว่าสุพรรณบุรีจะไม่ได้อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เท่าไรนัก แต่ก็แตกต่างกันพอสมควร อย่างน้อยอากาศที่นี้ก็ไม่แผดเผามากเท่ากับในเมือง ตอนเช้าร้อนก็จริง แต่ตอนกลางคืนนี่เย็นสบายจนหน้าสั่น ประกอบกับช่วงนี้ประเทศไทยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายพอๆ กับอารมณ์คนแถวนี้ เอาแน่เอานอนไม่ได้ นึกจะร้อนเปรี้ยงก็ร้อน นึกจะหนาวก็หนาว บางทีเดินอยู่ฝนตกก็มี แฮปปี้แลนด์มาก

“โทษทีว่ะ เหลือผ้าแพรผืนเดียวเองอะ” เซฟยื่นผ้าแพรสีฟ้ามาให้ ระหว่างพากันต์กับวันศุกร์เข้าไปเก็บกระเป๋าในห้อง เพราะตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องค้างจริงๆ บวกกับว่ายัยพะเพื่อนแพลนงานเร็วยิ่งกว่าแสงเลยไม่ได้ตระเตรียมอะไรให้ดีก่อน บ้านใหญ่ก็จริงแต่ไม่ค่อยได้มาอยู่ เลยไม่มีข้าวของเครื่องใช้ตุนไว้เท่าไรนัก

ผ้าห่มอีกสองผืนก็ต้องเสียสละให้สาวๆ ไปก่อนตามมารยาทและจิตสำนึกที่ดีของบุรุษเพศ...ความจริงก็ไม่ใช่หรอก แต่ลองปล่อยให้พะเพื่อนนอนตากแอร์สิ มีหวังได้หัวขาดออกจากบ่า เพราะรู้ดีว่ายัยคนนี้ทั้งเอาแต่ใจ เรื่องมาก จู้จี้ และยังบ้าอำนาจอีกด้วย

นี่แหละ พะเพื่อน หรืออีกชื่อนึงก็คือ…นังปิศาจ

“อืม...ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเรานอนได้”

“เออ มีที่นอนให้ก็ดีแล้ว”

“ขอโทษจริงๆ ว่ะ พาคุณชายมาลำบากแท้ๆ เลย”

“สบายเว้ย”

ผู้ชายร่างโตผลัดกันตบบ่าอีกฝ่ายปุๆ ดูมุ้งมิ้งและน่าสยดสยองในเวลาเดียวกัน พวกเขามารวมตัวทานอาหารเย็นด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องนอนของใครของมันในเวลาต่อมา โดยพะเพื่อนนอนกับกระแตแน่นอนอยู่แล้ว เซฟนอนห้องเดี่ยวของเขาเอง และปล่อยให้กันต์กับวันศุกร์จรลีมานอนห้องเตียงคู่ชั้นล่าง

ครืด..ครืด...

มือถือเครื่องบางสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่บนโต๊ะตั้งโคมไฟระหว่างหัวเตียงทั้งสอง วันศุกร์หยิบขึ้นกดรับสายทันที ไม่ต้องมองหน้าจอก็พอจะรู้ว่าเป็นใคร

“ครับ พี่เสาร์”

“จะนอนหรือยัง?”

เขาเอามือถือออกจากหูเพื่อดูนาฬิกา เข็มสั้นยาวบอกเวลา 4 ทุ่ม 45 นาที

“ใกล้แล้วครับ พี่เสาร์ล่ะ?”

“ยังนอนไม่ได้”

“งานเยอะเหรอครับ?”

เขาเข้าใจดีว่าช่วงนี้ปีสี่กำลังเหนื่อย ถึงจะเรียนอยู่ไม่กี่วัน แต่แค่ธีสิสตัวเดียวก็เล่นเอาอ่วมแล้ว เห็นพักหลังๆ วันเสาร์เข้าออกห้องสมุดเป็นว่าเล่นทั้งที่ปกติแทบไม่เคยย่างกรายเข้าไปใกล้ราวกับเป็นเขตแดนต้องห้าม แต่ตอนนี้น่ะเหรอ กองหนังสือเล่มหนาบางวางเรียงเป็นตั้ง ถ้าเอาไปชั่งกิโลขายก็น่าจะได้หลายบาททีเดียว

“คิดถึงน้องชาย”

คนตัวเล็กกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ สาบานเลยว่าถ้าวันเสาร์เปิดใจหาใครมาเป็นแฟนจริงจัง ครั้นจะกลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก เพราะวันเสาร์ดูแลเขาดีมาก แถมยังพูดจาหวานหูตลอด

อืม...แต่ก็เฉพาะกับเขาคนเดียวแหละนะ กับคนอื่นนี่ต่างกันราวฟ้ากับนรกขุมสุดท้ายเลย เสียดายหน้าหล่อๆ จริงๆ

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว”

“แล้วนี่นอนกับใคร?”

ฉิบหาย...

“เอ่อ...นอน…นอนรวมๆ กันอะครับ”

ฮือ ตบปากตัวเองห้าสิบทีเดียวนี้ ปฏิบัติ!

“อืม ดีแล้ว”

“งั้นศุกร์ไปนอนก่อนนะครับ พี่เสาร์ก็อย่านอนดึกมากน้า”

“จะพยายามละกัน”

“ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ”

“ครับ”

รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าใสอีกครั้ง เขานึกชอบใจเวลาที่วันเสาร์พูดจามีหางเสียง มันฟังดูลื่นหูแต่ก็ติดจั๊กจี้หน่อยๆ ชอบกล น่ารักดี ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่มีโอกาสได้ยินวันเสาร์พูดจาแบบนี้หรอกมั้ง

“คุยกับพี่ชายแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ” กันต์พูดลอยๆ ไม่ยอมหันมามองหน้าแต่ก็พูดถึงเขาแน่นอน

“ก็มีความสุขมากกว่าคุยกับพี่อะ”

ไม่มีเสียงโต้ตอบกลับ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปปรับแอร์เนื่องจากอากาศที่เย็นตัวลงทุกที ผ้าแพรผืนบางถูกโยนลงมาบนหัวเขาซึ่งกำลังเตรียมล้มตัวลงนอน

“แล้วพี่กันต์ล่ะ?”

ผ้ามีผืนเดียวนะ เอามาให้เขาได้ไง แต่ว่าก็ว่าเถอะ คำถามเมื่อกี้โคตรฟังดูปัญญาอ่อนเลย ยังไงก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งได้ผ้าไปอยู่ดี

“นายใช้เถอะ”

“ข...ขอบคุณ”

นั่นคือเสียงสุดท้ายก่อนที่สวิชต์ไฟในห้องจะถูกดับ เขาจมลงสู่ห้วงนิทราในเวลาไม่นาน อากาศหนาวจากด้านนอกบวกกับลมเย็นจากแอร์ตัวใหญ่ในห้อง ยิ่งทำให้กระดูกส่งเสียงประท้วง ผ้าแพรผืนเดียวเริ่มจะเอาไม่อยู่จนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก วงแขนเรียวโอบรัดตัวเองไว้ด้วยความขี้หนาวเป็นทุนเดิม

ดวงตากลมโตกระพริบถี่เพื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืด เขาเอื้อมมือไปหยิบมือถือบนหัวเตียงขึ้นกดดูนาฬิกา ตอนนี้ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว คนบนเตียงด้านข้างนอนขดตัวเป็นกุ้งแบบไร้ซึ่งภาพพจน์คุณชายจอมกร่าง มองดูแล้วไม่รู้ว่าควรจะเวทนาหรือรู้สึกผิดก่อนดี

“พี่กันต์” เขาลุกขึ้นเรียกอีกฝ่ายผ่านความเงียบยามค่ำคืน กันต์ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะลืมตาขึ้นเหมือนเป็นคำถาม

“ผมว่าเราปิดแอร์แล้วเปิดหน้าต่างแทนดีไหม?”

“อือ”

เขาลุกไปเปิดไฟ ลากเท้าไปยังหน้าต่างบานใหญ่บานเดียวในห้องนี้ แต่พอเปิดม่านออกดูกลับพบรอยโบ๋ขนาดกว้างตรงมุ้งลวด ขืนเปิดหน้าต่างนอนทั้งแบบนี้ มีหวังโดนยุงกัดตายก่อนแน่

“มุ้งลวดขาดอะ แบบนี้เปิดหน้าต่างไม่ได้แล้ว”

“เหรอ...งั้นก็ช่างมันเถอะ”

ช่างมันเถอะอะไรล่ะ คนที่หนาวกว่าคือตัวเองไม่ใช่หรือไง ทำมาเป็นพูดดี

“ถ้าหนาวก็ปรับแอร์” กันต์ยังคงพูดต่อ แต่ดูเหมือนกำลังห่วงเขาฝ่ายเดียวมากกว่า จนคนฟังชักรู้สึกหงุดหงิด

วันศุกร์เม้มปากแน่น ใบหน้าขาวเปื้อนรอยแดงเดินฟึดฟัดไปทางรีโมตแอร์ กดปรับอุณภูมิไปถึง 27 องศา ก่อนจะเดินมาหย่อนก้นลงบนเตียงของอีกฝ่าย กันต์ขมวดคิ้วแล้วยันตัวเองลุกขึ้น

“อะไร?”

“ก็ผ้าห่มมีผืนเดียวนี่”

“แล้ว?”

“ก็...ก็ใช้…ด้วยกันสิ”

ดวงตาเรียวเบิกกว้างแทบไม่เชื่อหู คนตัวสูงยกยิ้ม ใจจริงอยากจับเด็กตรงหน้าลงมาขย้ำเสียให้เข็ด ข้อหาทำตัวน่ารักเกินความจำเป็น แต่ก็ต้องวางฟอร์มทำเป็นขยับตัวหาที่หาทางให้ น้ำเสียงดีใจถูกซ่อนเอาไว้จนมิด

“เตียงเล็กนะ”

“เออน่า” วันศุกร์ปัดมือพัลวันเหมือนต้องการไล่ความเขินอายออกจากตัวเอง เขาค่อยๆ ล้มตัวลงนอน รู้สึกว่าพื้นที่คับแคบขึ้นทันตาเห็น

ผ้าแพรผืนสีฟ้าถูกกางออกให้พอคลุมร่างผู้ชายทั้งสองคน ความหนาวเย็นยังคงดำเนินต่อไป แต่ดูเหมือนว่าความอบอุ่นของร่างกายทั้งสองจะเพิ่มสูงมากกว่า วันศุกร์พลิกตัวหันหลัง ทันทีกับที่มือหนาเอื้อมรั้งเอวเล็กเข้าหาอย่างละลาบละล้วง

“เฮ้ย!”

กันต์กระชับวงแขนแน่นขึ้นอีก ปลายจมูกโด่งฝังลงกับบ่าเนียนที่โผล่พ้นคอเสื้อ

“ปล่อยย”

“ไม่เอา”

“อึดอัด”

“มันหนาว ขอกอดหน่อย” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู เหมือนจะได้ยินอะไรตึกๆ ตักๆ ดังออกมาจากแผ่นอกด้านหลัง เล่นเอาเขาไปไม่เป็น ใบหน้าขาวร้อนวูบวาบ เมื่อคิดว่าอีกคนบนเตียงก็กำลังหัวใจเต้นแรงพอกัน…

เขารีบสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ แต่กลับต้องชะงักเมื่อกันต์เอ่ยปากอีกครั้ง พร้อมกับเสียงแปลกประหลาดเมื่อครู่ที่ยิ่งดังขึ้นอีก ชัดเจนจนไม่อาจปฏิเสธ

“ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วกันเนอะ”

ทำไม...

ร่างบางเผลอกัดริมฝีปาก รีบข่มตานอนให้หลับ แม้จะนึกรำคาญไอ้เสียงตึกตักน่าอับอาย...ไม่ใช่แค่จากกันต์ แต่เขาเองก็ด้วย

อากาศเย็นเมื่อสักครู่ กลับไม่ทำให้พวกเขาหนาวเลย

 

 

ก๊อกๆ...

ประตูไม้ปราศจากการล็อคถูกเปิดออกอย่างเงียบเชียบ พะเพื่อนแอบย่องเท้าเข้าไปด้านในโดยไม่บอก นึกอยากเซอร์ไพรซ์นายแบบทั้งสองให้ตกใจเล่นสักหน่อย เธอรีบกลืนซุ่มเสียงคิกคักลงคอ แล้วย่างเท้าจนพ้นกำแพงห้องน้ำในตัวพอให้เห็นทิวทัศน์บนเตียงด้านใน ดวงตานึกสนุกค่อยๆ เบิกกว้างขึ้น สองมือยกอุดปากตัวเองแน่นเมื่อเห็นว่าภาพตรงหน้าไม่เป็นอย่างที่แอบจินตนาการ

เธอแทบจะหลุดกรี๊ด เพราะตอนนี้วันศุกร์กำลังนอนขดตัวหันหลังให้กับผู้ชายอีกคนบนเตียงเดียวกัน แขนแกร่งพักอยู่ตรงเอวบางราวกับกำลังสวมกอด ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ดูเหมือนกำลังหลับสบายเสียเต็มประดาทั้งที่พื้นที่ออกจะคับแคบจนอดอึดอัดแทนไม่ได้

เอาแล้ว…

ด้วยสัญชาตญาณเด็กเอกฟิล์ม หรืออะไรก็ตามแต่ เธอรีบพุ่งตัวออกไปหยิบกล้องในกระเป๋า และจัดการเปิดโหมดลดเสียงชัตเตอร์ รอยยิ้มอิ่มเอมระคนชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าเฉี่ยว

นี่สิ ช็อตที่เธอรอคอย

“พะเพื่อน” เสียงกระแตดังลอดเข้ามา ทำให้ต้องรีบซ่อนกล้องไว้ด้านหลัง เธอเนียนเดินออกไปพลางอ้างว่ายังไม่กล้าปลุกใคร

ทันทีที่ประตูปิดตัวลง ร่างเล็กบนเตียงก็เริ่มขยับเพราะได้ยินเสียงพูดคุยแว่วเข้าหู มือข้างหนึ่งยกขึ้นขยี้ตาสองสามที ก่อนจะไล่มองมือหนาซึ่งยังโอบรัดร่างกายตนเองไม่ปล่อยตั้งแต่เมื่อคืน ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งยามคิดว่าพวกเขาสองคนนอนกอดกันนานแค่ไหน

เขาพยายามแกะมือของกันต์ออก แต่ดูเหมือนจะไปกดสวิชต์ให้คนด้านหลังรู้สึกตัวตื่น และยิ่งกระชับวงแขนมากขึ้นราวกับจะแกล้ง จมูกโด่งก้มลงคลอเคลียอยู่กับท้ายทอยขาวทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา

“ปะ…ปล่อยได้แล้ว”

“อือ…เช้าแล้วหรอ?”

“ก็เออน่ะสิ” เขาพูดเสียงเคืองๆ หลบซ่อนใบหน้าขึ้นสีด้วยการไม่หันไปมอง

กันต์ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระในเวลาต่อมา เพราะเสียงจอแจจากด้านนอกเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ พอผลัดกันอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ได้ฤกษ์ออกมากินข้าว เสื้อผ้าเซตใหม่เป็นชุดลำลองสบายตัว พร้อมถุงมือเก่าที่เอาไว้ใส่เวลาเก็บผลผลิต

จุดแรกของวันคือต้นมะม่วงลูกดกซะจนน่าตื่นเต้น เซฟยิ้มกว้างดูภูมิใจกับกิจการบ้านตัวเอง พร้อมกำชับว่าจะสอยให้ทุกคนเก็บไปฝากญาติพี่น้องได้ตามสะดวก ยิ่งเรียกกำลังใจในการทำงานขึ้นโข วันศุกร์ตั้งท่าจะสอยมะม่วงลูกหนึ่งซึ่งโดดเด่นออกมาจากกลุ่มใบไม้สีเขียวแก่ มีกันต์ยืนซ้อนหลัง สองแขนโอบช่วยจับไม้ก้านยาวคล้ายว่าสวมกอด

กระแตหันมองพะเพื่อนยิ้มๆ ถ้าใครมาบอกว่ากันต์กับวันศุกร์ไม่ถูกกันตอนนี้เธอคงต้องขอนอนยันว่าไม่จริงและไม่เชื่อ แต่ถ้าบอกว่าเขาชอบกันล่ะก็ อันนั้นไม่แน่

“วันศุกร์ เงยหน้ามองมะม่วงนะ” ตากล้องเอ่ยปากกำกับแค่นั้น แล้วเตรียมกดชัตเตอร์ทันทีที่ศีรษะทุยแหงนขึ้นฟ้า

น่าแปลกนะที่หนึ่งคืนของสุพรรณบุรี จะเปลี่ยนอะไรต่อมิอะไรได้มากมายขนาดนี้ เมื่อวานทั้งสองคนยังดูเกร็งๆ ใช้ไม่ได้ แต่วันนี้กลับเป็นธรรมชาติซะจนพล็อตคู่รักไร้กรอบของเธอดูจืดไปเลย

เสียงชัตเตอร์ดัง แช็ก แช็ก ต่อเนื่อง ก่อนจะย้ายไปหลบใต้เงาไม้ใหญ่ จุดที่นั่งพักกันเมื่อวาน เธอรีบตั้งค่ากล้องกับแสงใหม่ แววตาไม่น่าไว้ใจจ้องนายแบบทั้งสองอย่างพินิจ

“กอดกันหน่อยได้ไหม?”

“ห้ะ!” วันศุกร์ร้อง ก้าวเท้าออกห่างจากร่างสูงอย่างระวังตัว

“ขอรูปกอดหน่อย รูปเดียวนะ นะ”

“เอ่อ...”

“แล้วทำไมจะกอดไม่ได้?” กันต์เอื้อมดึงตัววันศุกร์กลับมา จนไถลลงซบบนอกกว้าง ริมฝีปากสีส้มกระซิบคำพูดน่าตีอยู่เพียงข้างหู ทำเอาใบหน้าหวานร้อนวาบ “เมื่อคืนก็ทำมาแล้ว”

“อ…ไอ้พี่กันต์” กำปั้นเล็กทุบลงกับไหล่แกร่ง

เขายกนิ้วส่งสัญญาณเตรียมพร้อมให้พะเพื่อนกับคนอื่น ก่อนจะหันมารวบรั้งร่างบางเข้าไปซุกตัวอยู่ในอ้อมกอด คางมนวางเกยอยู่บนศีรษะเล็กแทบพอดิบพอดี แขนแกร่งพาดพักอยู่แถวสะโพกมน ไม่ได้สนใจว่าเด็กในวงแขนจะขาดอากาศหายใจหรือเขินตายไปก่อนหรือเปล่า

ใบหน้าร้อนแนบลงบนแผงอกอย่างจำนน...

ตึก ตัก ตึก ตัก

เสียงน่ารำคาญดังขึ้นอีกครั้ง จนแทบจะกลบเสียงชัตเตอร์ไปเสียสนิท

ตึก

ตัก

ตึก

ตัก

...

น่ารำคาญจริงๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:51:46 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
มีแอบกอดน้องนะ


ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ได้ทีกอดใหญ่เลยน่ะ อิอิ

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 8.0



ผ่านไปราวหนึ่งอาทิตย์นับจากที่พวกเขากลับมาจากสุพรรณบุรี งานของพะเพื่อนถูกจัดใส่อัลบั้มแล้วโพสรวมอยู่ในเพจ JC123 Photo Project ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับลงงานนักศึกษาในเอก เพื่อวัดยอด 10% ของเกรดนั่นด้วย แน่นอนว่าอัลบั้มภาพของ ‘รักไร้กรอบ’ อยู่ในอันดับหนึ่งถ้าเทียบจากยอดไลค์ แชร์ รวมทั้งคอมเม้นอีกถล่มทลาย

Notifications นับล้านเอาแต่เด้งเตือนไม่หยุด จนคอมพิวเตอร์และมือถือของทั้งเจ้าของอัลบั้ม รวมถึงนายแบบทั้งสองแทบจะระเบิด

วันศุกร์รีบกดเปิดหน้าจอ Facebook ขึ้นมาดูความเคลื่อนไหว หัวใจเต้นรัวด้วยว่าตื่นเต้นที่จะได้เห็นภาพของตัวเองเป็นครั้งแรก เขาคลิกไปยังภาพหน้าปกซึ่งเป็นเงาด้านหลังของเขาและกันต์ ก่อนจะไล่ดูไปเรื่อยๆ หัวคิ้วค่อยๆ ขมวดมุ่น เพราะมีหลายช็อตเหลือเกินที่เขาไม่ยักรู้ตัวว่าถูกเก็บภาพไปตอนไหน ในอัลบั้มนั้นปะปนไปด้วยภาพ candid มากมายซึ่งพะเพื่อนไม่เคยเอ่ยถึงมันมาก่อนเลย

ภาพตอนสอยมะม่วงปรากฏขึ้นมา เขาดูเก้กังคล้ายจะล้มยามประคองไม้ก้านยาว สายตาจริงจังถูกส่งไปยังเจ้ามะม่วงเขียวเสวยด้านบนหัว ผิดกับกันต์ซึ่งกำลังจ้องมองเขาไม่วางตา รอยยิ้มมุมปากไม่ใช่การเยาะเย้ยเหมือนเคย แต่กลับดูอ่อนโยนจนอดขนลุกไม่ได้

ภาพต่อมาคือตอนที่เขายืนกินไอศกรีมอยู่หน้าเซเว่น โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาจากคนข้างตัวกำลังมองอยู่เช่นเดียวกัน ต่อมาคือภาพตอนพวกเขาเล่นสาดน้ำเป็นเด็กๆ บริเวณลำธารท้ายสวน หัวใจหล่นไปกองอยู่ตรงตาตุ่มเมื่ออีกภาพฉายให้เห็นตอนที่กันต์กำลังประคองใบหน้าเขาให้หันไปสบตาด้วย แผ่นหลังเปลือยเปล่าชิดแนวโขดหินก้อนใหญ่

ชักไม่ตลกแล้ว…

นิ้วเรียวกดปุ่มลูกศรด้านขวาบนคีย์บอร์ดอีกครั้งก่อนที่หัวใจดวงน้อยจะกระตุกวูบ แนวสันหลังเสียววาบยามคิดไปถึงผลที่คงตามมาในไม่ช้า

หน้าจอแลปท็อปเครื่องบางฉายภาพของเขากำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนคับแคบ มีกันติกรณ์โอบกอดจากด้านหลัง.....ตาย ต้องมีคนตายแน่นอน!!

“ศุกร์!” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากวันเสาร์ดังขึ้นเร็วเกินกว่าให้ทันเขาตั้งตัวทัน

เจ้าของฝีเท้าหนักหน่วงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ภายในห้องนั่งเล่นกว้างขวาง แววตาแข็งกร้าวดูกราดเกรี้ยวและน่ากลัว วันเสาร์ก้มลงมองภาพในอัลบั้มที่ถูกเปิดค้างอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างเขาบนโซฟาตัวยาวอย่างเอาเรื่อง มือเรียวรีบพับหน้าจอปิดลง เม็ดเหงื่อผุดขึ้นรอบกรอบหน้า พร้อมทั้งอวัยวะในอกที่กำลังเต้นระส่ำ

“ถ่ายภาพบ้าอะไร ทำไมถึงได้ใกล้ชิดกันขนาดนั้น!”

“คือ...” จะพูดยังไงดี ขืนบอกว่าไม่รู้เรื่องก็ยิ่งแย่ไปใหญ่ แม้ความจริงเขาจะไม่รู้เรื่องกับไอ้ภาพชวนเข้าใจผิดทั้งหลายแหล่ก็เถอะ พี่พะเพื่อนนะ ทำอะไรไม่ปรึกษากันบ้างเลย

“ก็คอนเซ็ปของงานมันเป็นคู่รักนี่ครับ”

“คู่รักแล้วไง แค่จับมือกันพี่ว่าก็มากพอแล้วนะ” เสาร์พูดเสียงดังขึ้นอีกอย่างเหลืออด “แต่นี่อะไร ทั้งกอด ทั้งโอบ ทั้งนอนเบียดกัน แล้วยังนี่อีก”

มือถือจอกว้างถูกยัดเข้ามาในมือเขาเสร็จสรรพ มันคือภาพตอนกันต์กำลังประคองหน้าเขาในลำธารนั่นเอง

“เอ่อ...”

“ทำไมยอมถอดเสื้อง่ายๆ แล้วยอมให้มันมาแตะเนื้อต้องตัวเราแบบนี้ได้ไงฮะ”

“พี่เสาร์จะให้ศุกร์ใส่เสื้อเล่นน้ำเหรอครับ?”

“ใช่!” วันเสาร์ตอบกลับเสียงแข็ง แต่ก็ชะงักไปแป๊บนึงเหมือนหยุดคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะรีบกลับคำ “ไม่ พี่ไม่ให้ศุกร์เล่นน้ำ”

“โธ่พี่เสาร์ มันก็แค่การจัดฉากถ่ายรูปอะครับ อย่าคิดมากเลย” เขารีบปั้นหน้าเป็นปกติแล้วเริ่มต้นโกหกคำโต

“ถ้าพี่รู้ว่ามันจะออกมาใกล้ชิดขนาดนี้ พี่ไม่ยอมอนุญาตให้ศุกร์ไปแน่”

“อย่าโกรธเลยนะครับ มันก็แค่งานเอง”

เด็กน้อยรีบตรงเข้าเกาะแขนแกร่งอย่างคลอเคลีย ดวงตาออดอ้อนช้อนมองจนเขาต้องยอมใจอ่อนอีกรอบ วันเสาร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนมาอุ้มร่างน้องชายขึ้นทับบนตัก

“อะ...เอ่อ”

วันศุกร์ออกอาการตกใจ สองมือรีบเกาะไว้บนไหล่หนา โดยมีมือใหญ่คอยโอบรั้งเขาไว้ไม่ให้หงายหลังตกจากโซฟาไปซะก่อน ไม่คุ้นชินเท่าไรนักกับการขึ้นมานั่งตักวันเสาร์ในอายุเท่านี้ เพราะเขาไม่ใช่เด็กๆ อีกแล้ว สารร่างก็ใช่ว่าจะเล็กอย่างแต่ก่อน แม้จะยังตัวนิดตัวน้อยมากเมื่อเทียบกับคนตรงหน้าก็ตามเถอะ

“อ้อนพี่หน่อยสิ เผื่อจะหายโกรธ”

“อ้อน?” เอียงคอสงสัย ไอ้ที่พูดจาหวานย้อยแล้วคอยเกาะแกะเอาใจเมื่อครู่ยังเรียกว่าอ้อนไม่พออีกเหรอ

“อืม พี่คิดถึงเด็กน้อยวันศุกร์ของพี่”

“พี่เสาร์อ่า แต่ศุกร์โตแล้วนะครับ”

ดวงหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ เขาชักจะเดาออกแล้วว่าวันเสาร์กำลังหมายถึงอะไร ตอนเป็นเด็ก เขาติดวันเสาร์แจยิ่งกว่าสมัยนี้หลายเท่า แถมยังขี้อ้อนแบบที่ลูกแมวข้างบ้านยังต้องร่ำไห้ เรียกได้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมาก จนบางครั้งแทบจะมากเกินไป เวลาอีกฝ่ายงอนหนักๆ สิ่งที่จะทำให้หายได้ก็คือการจุ๊บบนริมฝีปาก ซึ่งมันคงพอรับได้ถ้าเขายังเป็นแค่เด็ก 6-7 ขวบ แต่นี่เขา 19 แล้วนะ!

แถมยังว่างเว้นจากเรื่องนี้มานานมากแล้วด้วย คิดๆ ไป เขาไม่ได้จูบกับพี่ชายตัวเองมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมต้นล่ะมั้ง อย่างมากก็จูบหน้าผาก หรือหอมแก้ม

“พี่เสาร์…”

คนเป็นพี่ทำทีหูทวนลม

เขาเม้มปากหนักๆ ก่อนจะสูดอากาศเข้าลึกสุดปอด ตัดสินใจยื่นริมฝีปากลงไปนาบลงบนแก้มใส แช่ค้างไว้สักพักจึงถอนออก ดวงตาคมจ้องมองกลับมาเหมือนไม่ได้พอใจนัก

“พี่เสาร์หายโกรธนะครับนะ”

“อ่า…” เจ้าของร่างสูงถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบของวัน ก่อนจะยอมพยักหน้าแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายกลับลงไปนั่งบนโซฟาตามเดิม

วันเสาร์ไม่พูดอะไรอีก แม้จะเลิกโกรธเรื่องภาพถ่ายบ้าบอนั่นแล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกอารมณ์น้อยใจตรงเข้าจู่โจมแทนที่ เลือดในกายเต้นตุบตับยามนึกถึงแววตาลำบากใจของคนเป็นน้องเมื่อครู่ วันศุกร์กำลังเปลี่ยนไป...

ไม่ใช่เด็กน้อยในกำมือของเขาอีกแล้ว...

 

 

“กันต์! นี่มันอะไร?” เสียงแหลมปรี๊ดดังขึ้นก่อนตัว เจ้าของทรงผมยุ่งๆ หันไปมองพี่สาวตัวเองกำลังตีท่าเดือดร้อนพลางยื่นมือถือเครื่องใหญ่มาตรงหน้า บนจอฉายภาพคู่ของเขากับวันศุกร์จากสุพรรณบุรีอย่างไม่ต้องสงสัย

“ก็...ที่ผมไปช่วยถ่ายงานให้เพื่อนไง”

“ไม่เห็นบอกเลยว่าแกไปถ่ายคู่กับอีวันศุกร์!”

“ก็ผมไม่อยากให้พี่อารมณ์เสีย”

“ตอนนี้ฉันก็อารมณ์เสีย!” เกศราไม่หยุดตวาด แล้วเดินมานั่งลงข้างเขาบนโซฟากลางบ้าน “แกก็รู้ว่าฉันเกลียดมัน ยังจะไปสนิทสนมกับมันอีก”

“ก็ไม่ได้สนิทขนาดนั้น...”

“ไม่ต้องเลย นี่อย่าบอกนะว่าแกสนใจอีเด็กเวรนั่นอีกคน”

“เปล่า!” เขาเผลอขึ้นเสียงปฏิเสธทันควันจนอีกฝ่ายเหมือนจะจับสังเกตได้ เกศราหรี่ตามองจนต้องรีบเบือนหน้าหนี ก่อนจะถูกฝ่ามือบางฟาดลงบนแผ่นหลังเสียงดังป๊าบ

“แกห้ามไปยุ่งกับมันนะ! ฉันเกลียดมัน”

“จะไม่ให้ยุ่งได้ยังไง อยู่คณะเดียวกันมันก็ต้องเจอกันอยู่แล้ว”

“เฮอะ จะไม่ยุ่งน่ะมันทำได้อยู่แล้ว อยู่ที่จะทำไหมเท่านั้นแหละ” น้ำเสียงรู้ทันทำเอากันต์ใบ้กิน ส่วนลึกในใจของเขาเริ่มสวดภาวนา ขอให้เกศเพียงแค่สงสัยแต่อย่ามารู้เลย

อย่ามาล่วงรู้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเด็กนั่นเลย…

 

 

“ขอโทษน้า” พะเพื่อนยกมือไหว้ทั้งกันต์และวันศุกร์ ระหว่างพบปะกันใต้คณะ เธอกำลังหมายถึงภาพแอบถ่ายต่างๆ นาๆ ที่ถูกโพสลงเพจวิชา และกระจายไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่

“ขอโทษตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก”

“โห่ แต่ถ้าไม่ใช้รูปพวกนั้น ฉันคงไม่ได้ 10% นั้นเต็มหรอก คะแนนส่วนที่เหลือก็ดีนะแก อาจารย์ชมว่าสื่อความรู้สึกของนายแบบออกมาได้ดีอะ”

“แต่พี่เพื่อนน่าจะบอกกันก่อนนะครับ”

“งือ พี่ขอโทษนะศุกร์ แล้วก็ขอบคุณมากๆ ด้วย”

คนเด็กกว่ารีบลดมือพะเพื่อนที่ตั้งท่าจะไหว้อีกครั้งลง พวกเขาอยู่เคลียร์เรื่องรูปกันต่ออีกหน่อย หญิงสาวก็ขอปลีกตัวกลับหอ เป็นอันสรุปว่าหลังอาจารย์ลงคะแนนเรียบร้อยแล้วก็จะขอให้ลบอัลบั้มนั้นออกซะ

“แล้วนี่จะไปไหน?” กันต์หันมาถามเด็กที่เหลือ

“รอคนมารับ”

“ใคร?”

วันศุกร์เงยหน้าขึ้นมองคนถาม ค่อนข้างแสดงออกว่ารำคาญ

“ต้องรู้ทุกเรื่องปะ?”

“เออ แล้วบอกมามันจะตายไหมล่ะ”

“ไม่บอก”

“เฮอะ” กันติกรณ์เหลือบตามองบน รู้ดีอยู่แล้วว่าคำตอบของอีกฝ่ายคืออะไร “พี่เสาร์ล่ะสิ”

“ก็รู้หนิ”

“จะทำตัวเป็นเด็กติดพี่ไปถึงเมื่อไร เห็นแล้วหงุดหงิดว่ะ”

“ดูเหมือนชีวิตผมจะไปหนักหัวพี่ซะเหลือเกินนะ”

กันต์ไม่ตอบเพียงแต่ลอบมองเสี้ยวหน้าของเด็กข้างตัวนิ่งๆ เมื่อไม่เห็นว่าวันศุกร์จะขยับไปนั่งรอที่ไหน เขาก็ยังคงยืนอยู่แบบนั้นเช่นกัน ยอมรับว่าชีวิตของเด็กวันศุกร์มันหนักหัวเขาจริงๆ นั่นแหละ หนักมากจนต้องแคร์ไปซะหมด

สายตาเจ้ากรรมเหลือบเห็นเศษดอกหางนกยูงติดอยู่บนผมสีดำน้ำตาล จะว่าน่ารักน่าเอ็นดู หรือเรียกว่าโง่ดี

“อะไรติดผม” เขาเกริ่นแค่นั้น ก่อนจะยกมือขึ้นจับกลีบดอกไม้สีส้มแกมแดงออกให้

วันศุกร์ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน และไม่ปริปากพูดอะไรจนเขานึกว่าใครไปกดปุ่ม Mute เอาไว้ แต่ก็ไม่น่าใช่เมื่อยังได้ยินเสียงฝีเท้าหนักหน่วงของใครบางคนดังใกล้เข้ามาอยู่เลย...

เอ๊ะ…?

ผลัวะ!!

กว่าจะรู้ตัว หมัดหลุนๆ ของใครบางคนที่ว่าก็ตรงเข้ามากระแทกปากจนร่างทั้งร่างซวนเซเกือบล้ม ถ้าไม่ใช่ว่ามือเล็กของเด็กข้างกายรีบคว้าเอาไว้ได้ก่อนก็คงถลาลงไปจูบพื้นเรียบร้อยแล้ว

วันศุกร์เบิกตากว้าง แล้วรีบสะบัดมือที่ช่วยกันต์ไว้ออกทันที สีหน้าตื่นๆ หันมองพี่ชายตัวเองซึ่งดูออกว่ากำลังเดือดจัด

“อย่ามายุ่งกับน้องกู!” วันเสาร์คำราม จนเด็กคนอื่นแถวนั้นต่างพากันหันมอง

คนถูกต่อยส่งเสียงหัวเราะในลำคอ เขาใช้หลังมือปาดเลือดตรงมุมปากออก เงยหน้าขึ้นจ้องอีกฝ่ายด้วยท่าทียียวน ไม่คิดจะเกรงกลัวสักนิด น้ำเสียงเยาะๆ ยิ่งทำให้เสาร์โมโหขึ้นอีก

“ยังกล้าพูดว่าแค่น้องอีกนะ”

“พี่เสาร์อย่า!” วันศุกร์รีบร้องปรามเมื่อเห็นว่าเสาร์ทำท่าจะก้าวเท้าเข้ามาอีกครั้ง แขนเล็กตรงเข้ากอดเอวพี่ชายแน่น

“นี่ศุกร์ปกป้องมันเหรอ?”

“ศุกร์ไม่ได้ปกป้อง ศุกร์ไม่อยากให้พี่เสาร์มีเรื่อง”

“ก็พี่เห็นมันจับหัวเรา”

“โห่ คุณพี่ครับ เรื่องแค่นี้... มากกว่าหัวผมก็จับมาแล้ว” เขานึกอยากต่อยหน้าคนพูดประโยคเมื่อครู่ซ้ำอีกครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมีศุกร์ขวางอยู่ ถึงอย่างนั้น กลับเป็นคนตัวเล็กเสียเองที่ตวัดสายตาดุๆ ไปทางรุ่นพี่คณะ

“พี่กันต์หุบปาก!”

กันติกรณ์เพียงแค่ยักไหล่ไม่ยี่หระ เขายืนมองวันศุกร์ลากตัวพี่ชายกลับไปทางรถยนต์เทียบฟุตบาท ในหัวเริ่มผุดความคิดดีๆ มันง่ายมากกับการแก้แค้นให้วันเสาร์ต้องเป็นฝ่ายเจ็บปวด ถ้าอยากให้วันเสาร์ลิ้มรสชาติความผิดหวังบ้าง ก็แค่แย่งวันศุกร์สุดที่รักของมันมาให้ได้เท่านั้น นั่นสิ...ถ้าทำสำเร็จ ไม่เท่ากับว่าเขาได้ถึงสองต่อเลยหรือยังไง

คิดแล้วก็ชักน่าสนุกไปอีกแฮะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:52:28 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
กันต์จะทำอะไรคิดให้ดีก่อนนะ

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 8.5



กล่องบลูเบอรี่ชีสพายเจ้าดังถูกเลื่อนมาตรงหน้า ขณะที่วันศุกร์กำลังนั่งกินข้าวกลางวันอยู่กับกั้งและนัท เขามองตามมือขึ้นไปถึงใบหน้าหล่อเหลาคุ้นเคย...กันติกรณ์ ไอ้รุ่นพี่อารมณ์สองขั้ว

“อะไร?”

“พี่ซื้อมาฝากศุกร์อะ”

“ห้ะ?” ไม่ใช่แค่วันศุกร์ที่ดูตกใจ แม้แต่เพื่อนอีกสองคนก็พากันเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ตัวดีกับสรรพนามแปลกหู พวกเขาจำได้ว่าไม่เคยได้ยินกันต์เรียกแทนตัวเองว่า พี่ มาก่อนในศตวรรษนี้

“พี่ซื้อมาฝากเราไง ศุกร์ชอบกินไม่ใช่เหรอ?” กันต์ยังคงตีหน้าซื่อ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามหน้าตาเฉย สักพักบัณฑิตกับตรีวิทย์ก็เดินถือจานข้าวตามมาสบทบ

นัทส่ายหน้าไล่เสียงหวานๆ สุดแสลงของกันต์ออกจากโสตประสาท รีบหันไปเอาความจากพี่รหัสตัวเองแทน

“พี่ฑิต พี่กันต์เขาเป็นไรอะ?”

“เป็นไรอะไร?”

“ก็...วันนี้ดูแปลกๆ จู่ๆ ก็มาพูดจาดีใส่ไอ้ศุกร์อะ”

“แล้วปกติมันพูดจาเหี้ยใส่เพื่อนมึงหรือไงล่ะ” บัณฑิตยังคงดูเหมือนไม่เข้าใจ จนต้องได้ยินกันต์เปิดปากอีกรอบ ถึงได้รีบตวัดสายตาไปทางเพื่อนตัวเองอย่างงุนงง

“ทำไมศุกร์กินน้อยจัง จะอิ่มเหรอ?”

“อะไรของมึงวะไอ้กันต์”

“อะไร?”

“ทำไมวันนี้มึงพูดจาสุภาพจัง” เขาพยักพเยิดหน้าไปทางวันศุกร์ ซึ่งยังคงนั่งขมวดคิ้วมุ่น แต่กันต์กลับเพียงแค่ฉีกยิ้มบาง ก่อนเริ่มอธิบายเสียงปกติจนอดหวาดระแวงไม่ได้

“ก็กูอยากพูดจาเพราะๆ กับวันศุกร์บ้างไม่ได้หรือไง อีกอย่างนะ กูว่าใช้ฉันกับนายแล้วมันดู...ไม่สนิทอะ”

สายตาคมหันมามองเด็กตรงหน้าช่วงท้ายประโยค รอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยดูไม่น่าไว้ใจเอาซะเลย วันศุกร์พยายามรวบรวมสติกลับคืนมาแล้วตอกกลับเสียงราบเรียบ

“เราก็ไม่ได้สนิทกันนะ”

“แต่พี่ไม่คิดแบบนั้น...” กันติกรณ์ถือวิสาสะคว้ามือเล็กเข้าหาตัวทั้งที่ยังจับช้อนอาหารอยู่ เรียกความสนใจจากทุกคนบนโต๊ะ

คนตัวเล็กรีบสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุม สายตามาดร้ายถูกส่งไปให้พร้อมสีหน้าหงุดหงิดอย่างเปิดเผย หากว่ากันต์ก็ไม่ได้ดูสะทกสะท้านอะไร อีกทั้งยังหัวเราะร่วน

“แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้...คนเคยๆ แท้ๆ”

“พี่กันต์!” วันศุกร์ลุกขึ้นยืน มือสองข้างเผลอตบโต๊ะเสียงดังจนคนในโรงอาหารหันมามองเป็นตาเดียว กั้งต้องรีบกระตุกแขนเรียวให้กลับมานั่งแล้วพยายามพูดให้ใจเย็น เขาหันไปขยิบตาให้ตรีวิทย์ที่ยังดูอึ้งๆ สุดท้ายก็ต้องเอ่ยอะไรสักอย่างเพื่อคลายบรรยากาศมาคุ

“เอ่อ...พี่ว่าไอ้กันต์มันคงอยากหยอกศุกร์เล่นน่ะ อย่าอารมณ์เสียเลยนะ” ตรียิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปฟาดมือกับแผ่นหลังเพื่อนสนิท

“มึงก็แกล้งน้องเขาอยู่ได้ เป็นบ้าหรือไงวะ”

“กูไม่ได้แกล้ง” กันต์สะบัดมือตรีวิทย์ออก แล้วหันมาจ้องหน้าศุกร์ด้วยท่าทีจริงจังขึ้นกว่าเก่า “ต่อไปพี่จะพูดกับศุกร์แบบนี้ แล้วพี่ก็อยากให้ศุกร์พูดดีๆ กับพี่บ้างเหมือนกัน”

เจ้าของเส้นผมประกายน้ำตาลถอนหายใจหนักๆ พยายามกินข้าวบนจานต่อโดยไม่หันมองคนเพ้อเจ้อแถวนี้อีก ในใจนึกหงุดหงิดกับสิ่งที่กันต์กำลังทำ เขาไม่เข้าใจ...บางทีกันต์ก็ดีและบางทีกันต์ก็ร้าย แต่ตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่อะไรเลย เขาเดาไม่ออกว่าตอนนี้คือดีหรือว่าร้ายอยู่กันแน่ แล้วยังการพูดจาตีสนิททั้งที่ความจริงเรายังไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น น่าโมโหชะมัด แค่เขาหลวมตัวยอมใจดีแบ่งผ้าห่มให้คืนเดียว อย่ามาทำเป็นคิดลึกหาว่าเขายอมเปิดใจให้หน่อยเลย…

เฮ้ย!

เปิดใจบ้าบออะไร ไอ้พี่กันต์ไม่ได้กำลังจีบเขาอยู่สักหน่อย บ้าและวันศุกร์

เออ...แต่จะว่าไป เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่ากันติกรณ์คิดกับเขายังไง ในเมื่อบางครั้งก็แสดงออกเหมือนเกลียดกันมาตั้งแต่ชาติก่อน คอยหาเรื่องทะเลาะตลอด แต่บางทีก็ชอบมายุ่มย่ามราวกับว่าสนใจนักหนา

“เย็นนี้รอพี่อยู่ที่คอกเจ้าดื้อนะ เดี๋ยวพี่ไปหา” กันต์กำชับทิ้งท้าย ก่อนที่พวกเขาจะขอตัวแยกย้ายออกจากกลุ่มพี่ปีสามเพื่อไปเรียนต่อในภาคบ่าย นัทรีบเปิดประเด็นทันทีเมื่อก้าวขาเข้ามาในตึกคณะ

“พอพี่กันต์พูดจาแบบนั้นกับมึงแล้วกูขนลุกแทนว่ะ”

“กูแทบจะอ้วก” วันศุกร์ตีหน้าตายแล้วทำท่าคล้ายอยากอาเจียนเต็มแก่ เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนทั้งสอง ถึงอย่างนั้นกั้งก็ยังตบบ่าให้กำลังใจ

“แต่พูดจาดีด้วย ก็ต้องดีกว่าพูดจาแย่ใส่อยู่แล้ว ใช่มะ”

“กูว่าให้พี่มันด่ากูยังดีกว่าอีก”

“ทำเป็นพูด” นัทตบหัวเขาจากด้านหลังเบาๆ สีหน้าแววตาคล้ายคนรู้ทัน และเขานึกเกลียดมันชะมัด “ถ้าเขาด่ามึงจริงๆ ขี้คร้านจะมานั่งน้อยใจให้พวกกูปลอบสิไม่ว่า”

“กูจะไปน้อยใจอะไรมัน มั่วแล้ว”

เกลียดอะ...

เกลียดยิ่งกว่าการไม่เข้าใจอีกฝ่ายก็คือการที่เขาไม่เข้าใจตัวเองเอาซะเลย...สิ่งที่น่าหงุดหงิดมากกว่าคงเป็นเรื่องนี้แหละ เพราะเขาเดาไม่ออก ว่าความจริงแล้ว ตัวเองกำลังคิดยังไงกับผู้ชายชื่อกันติกรณ์กันแน่

และไม่อยากจะเดาด้วย...

 

 

พอเลิกเรียน วันศุกร์ก็ติดรถของกั้งมาลงหน้าโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ท้ายคณะเกษตรฯ ออกตัวก่อนว่าไม่ได้มาเพราะคำสั่งของใคร แต่เขาตั้งใจมาเยี่ยมลูกชายสี่ขาของตัวเองอยู่แล้ว วันนี้ไม่เห็นธนาหรือสมาชิกคุ้นหน้าคนอื่นๆ แต่ก็ไม่เดือดร้อนเพราะเขาได้รับความไว้วางใจถึงขั้นมีกุญแจสำรองของที่นี่ติดตัว

ประตูโดมถูกเปิดออกพร้อมกลิ่นธรรมชาติที่ลอยขึ้นเตะจมูก ด้านในอากาศเย็นเพราะมีต้นไม้คอยปกคลุมไม่เหมือนด้านนอก ร้อนจนสงสัยว่าเดินอยู่บนถนนหรือนรกกันแน่

เสียงอู๊ดๆ ของเจ้าหมูสีชมพูดังขึ้นก่อนใครเพื่อน

“มาแล้ว” วันศุกร์ขานรับ แล้วก้าวเท้าเข้าไปหาสัตว์เลี้ยงด้านในรั้วไม้ เขาทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิ อุ้มเจ้าดื้อขึ้นคลอเคลียอยู่บนตักอย่างรักใคร่

เขาเอื้อมมือคว้าถ้วยใส่อาหาร หยิบเศษผักในนั้นส่งให้เจ้าตัวจิ๋วที่ดูจะพึงพอใจกับการกินเป็นอย่างมาก

ตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์บอกเวลาเกือบห้าโมงเย็น ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มดูรับกันดีกับต้นหางนกยูงซึ่งตั้งเรียงรายไปทั่วเขตแดนมหาวิทยาลัย เจ้าดื้อหันไปคาบของเล่นรูปกระดูกไซส์เล็กมายัดใส่มือเขา ทำตัวเหมือนหมาขึ้นทุกที แล้วไอ้คนไหนมันซื้อของเล่นหมามาให้หมูเนี่ย

“ดื้อ ไปคาบมา” แต่เขาก็ยอมเล่นกับมันซะงั้น

หมูแคระวิ่งส่ายตูดไปคาบกระดูกเทียมชิ้นนั้นกลับมา พอลูบหัวชมเชยก็ยิ่งได้ใจ ปีนขึ้นมาเลียหน้าเลียตาเขาจนเหม็นน้ำลายไปหมด วันศุกร์พยายามกลั้นขำจากความจั๊กจี้ แล้วอุ้มเจ้าดื้อมากกไว้ในอ้อมแขน เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว พร้อมกับถ้อยคำเพ้อพรรณนาที่ไม่ได้ตั้งใจจะเอื้อนเอ่ย

“เฮ้อ...พ่อแกอยู่ไหนล่ะเนี่ย”

พ่อแก...

เดี๋ยวนะ

“จิ๊” วันศุกร์ขมวดคิ้วแล้วสะบัดหน้าไล่ความคิดบ้าๆ ในหัว นึกเคืองตัวเองที่ดันไปพูดอะไรไร้สาระน่าอาย พ่อบ้าพ่อบออะไร ใครเป็นพ่อ ก็เขาไม่ใช่เหรอพี่เป็นพ่อเจ้าดื้อมัน

เออ เขาไง เขาคือพ่อ จบนะ แยกย้าย นอน!

กร็อบ..

เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นด้านหลัง ทำให้เขารีบเอี้ยวตัวกลับไปหา

“พี่กั....พี่...มิว?”

ไม่ใช่คนในความคิด หากแต่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของกันติกรณ์ รูปร่างกำยำกับใบหน้าหื่นกามแบบนี้เขาจำได้แม่น นี่คือมิว คนที่เคยหลอกจับมือเขาตอนวันงานกีฬาสีคณะ มาพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนด้านหลังตามสไตล์ตัวร้ายละครไทยไม่ผิดเพี้ยน

“ว่าไงครับ น้องวันศุกร์”

“พี่มาทำอะไรที่นี่ครับ?” เขาถามพลางลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“พี่ก็แวะมาชมโรงเลี้ยงสัตว์คณะเกษตร...ไม่ได้เหรอ?”

วันศุกร์ไม่ตอบอะไร แล้วหันไปกวักมือไล่ต้อนเจ้าดื้อให้เข้าไปหลบอยู่ในบ้านพลาสติก เริ่มรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ค่อยจะดีเมื่อมิวก้าวเท้าเข้ามาในคอกหมู

“ตอนนี้คนในคณะไม่อยู่ พี่มิวแวะมาวันหลังดีกว่ามั้งครับ”

“ไม่ต้องหรอก พี่ได้ยินมาว่าน้องศุกร์มาที่นี่บ่อยๆ คงแนะนำพี่แทนได้เหมือนกันใช่ไหม”

“ไม่หรอกครับ ผมแค่ถูกคณบดีใช้ให้มาเลี้ยงหมูเฉยๆ”

“อ่า...จริงสิ หมูตัวเมื่อกี้น่ารักดีนะ ชื่ออะไรเหรอครับ?” มิวทำเป็นชะเง้อชะแง้มองข้ามไหล่เขาไปทางสิ่งมีชีวิตตัวกระจ้อยภายใต้ที่คุ้มภัยด้านหลัง

“ชื่อเจ้าดื้อครับ”

อีกฝ่ายขมวดคิ้วงุนงง พยายามกลั้นขำ

“ชื่อแปลกดีนะ”

“พี่มิวมีอะไรอีกไหมครับ ผมว่าจะกลับแล้ว ถ้าพี่อยากมาดูโรงเรือนก็รอคนในคณะแล้วกัน” คนเด็กกว่าพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ทั้งที่นึกไม่ไว้ใจ อีกทั้งรำคาญอยู่กลายๆ เขาสาวเท้าไปทางริมรั้ว แต่ไม่ทันได้ก้าวข้ามออกไป ก็ถูกมือใหญ่คว้าต้นแขนบางเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวสิ”

วันศุกร์เบ้หน้า สะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม แต่มิวก็ยังตามมาจับมือเขาไว้อีกจนได้

“อะไรครับ ผมจะกลับแล้ว”

“พี่ก็ว่าจะกลับแล้ว ไปด้วยกันสิ”

“ไม่....อื้ออ!?” ดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อมีมือของใครอีกคนด้านหลัง เอื้อมมาโปะผ้าเช็ดหน้าใส่จมูก พอเขาดิ้นหนีก็ถูกรวบแขนเอาไว้อย่างไม่มีความปราณี สีหน้าแววตาของมิวดูเลือนรางลงทุกขณะ พร้อมกับเรี่ยวแรงที่เริ่มอ่อนยวบฉับพลัน

ไม่กี่วินาทีต่อมา สติสัมปชัญญะของเขาก็ขาดผึ่ง เปลือกตาปิดสนิทลงช้าๆ

 

 

ดูเหมือนชีวิตเขาจะถูกจริตกับการโดนจับตัวมาเสียจริงๆ คราวก่อนก็โดนมอมยาพาขึ้นหอใครก็ไม่ทราบ รอบนี้ยังถูกโปะยาพามาที่ห้องใครก็ไม่รู้อีก พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองมานอนอยู่บนเตียงของหอแถวมหาวิทยาลัย ข้อมือสองข้างถูกจับไขว่หลัง พันธนาการไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่ง ข้อเท้าเองก็เช่นกัน เขาพยายามเขยิบบั้นท้ายลงจากฟูกแต่กลับมีเสียงลูกบิดดังขัดขึ้นก่อน

ร่างหนากับผิวสีเข้มหน่อยๆ เดินเปลือยท่อนบนออกมาจากประตูห้องน้ำ มิวแสยะยิ้มพลางหย่อนก้นลงนั่งข้างเขาเหมือนไม่เดือดร้อนอะไร

“ตื่นแล้วเหรอ”

“พี่มิวจับผมมาทำไม” วันศุกร์ถามเสียงเข้ม ดวงตาถมึงทึงจับจ้องไปยังใบหน้ากวนประสาท

“ก็พี่อยากมีเวลาอยู่กับน้องวันศุกร์นี่น่า”

คนตัวเล็กย่นคอหนี เมื่อมือของมิวทาบลงบนแก้มขวาของเขา สุ้มเสียงน่ารังเกียจกระซิบอยู่เพียงข้างใบหู ชวนให้แสลงเสียจนอยากอาเจียนใส่หน้าใครบางคนแถวนี้

“พี่ถูกใจเรามากเลยนะ”

“แก้มัดผมเดี๋ยวนี้”

“ฮ่ะๆ คิดว่าพี่พาเรามาที่นี่เพื่อปล่อยไปน่ะเหรอ” มิวหัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องตลกนักหนา เขาเริ่มกวาดสายตามองหาโทรศัพท์มือถือตัวเองก็พบว่ามันถูกนำไปวางรวมกับกระเป๋าสตางค์บนโต๊ะเขียนหนังสือ ครั้นจะหนีไปตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แค่ขยับตัวนิดเดียวยังลำบาก

“พี่ต้องการอะไร”

แกล้งถามไปอย่างนั้นเพื่อยืดเวลาแม้เพียงวินาทีก็ยังดี ทั้งที่ความจริงก็พอเดาออกว่ามิวจับเขามาทำไม อีหรอบนี้คงไม่ใช่ว่าอยากได้แค่ไอดีไลน์หรือเคล็ดลับหน้าเด็กแน่ๆ

“ยังไม่รู้อีก พี่ก็ต้องการ...ตัวเราไง” มิวเอ่ยช้าๆ ชัดๆ ก่อนจะหันมาผลักเขาลงนอนราบกับเตียง ตามขึ้นมาคร่อมเอาไว้ทันทีแบบไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืน ใบหน้าหวานเหยเกจากแรงกดทับบนแขนตัวเอง

จมูกโด่งโน้มลงมาคลอเคลียอยู่กับแก้มร้อน ไม่ใช่ว่าเขินหรืออาย แต่กำลังโกรธต่างหาก ทำไมตอนสอบเข้าไม่เห็นมีเตือนในคู่มือนักศึกษาเลยว่าคณะนี้มันมีแต่รุ่นพี่จิตไม่ปกติสักคน! ไอ้นั่นก็ป่วยประสาท ส่วนไอ้นี่ก็โรคจิต ไม่สมเป็นผู้มีการศึกษาสักคน บ้าเอ๊ย!

“ออกไป!”

“อยู่นิ่งๆ ได้ไหม อย่าดิ้นสิ”

อยู่นิ่งๆ ให้โง่สิวะ!

“ปล่อยกู!!” เขาเลิกพูดจาสุภาพและพยายามพลิกตัวไปทางซ้ายทีขวาที ตามแต่ที่ร่างดักแด้ของตัวเองจะพอทำได้ในตอนนี้ พวกเขายื้อยุดกันสักพักใหญ่จนมิวยอมสงบลงคงเพราะเหนื่อยหรือรำคาญก็ไม่อาจทราบ

ไอ้รุ่นพี่เวรสบถอยู่ในลำคอก่อนจะผละออกไปกดโทรศัพท์หาเพื่อนแก๊งมิจฉาชีพของมัน

“ยัง ไอ้นี่มันฤทธิ์เยอะ” นั่นคงหมายถึงเขา

“ยาที่มึงบอกมันอยู่ไหนนะ”

มิวเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะแต่ละช่องเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง ปากก็พูดโทรศัพท์ไปด้วย เลยไม่ทันสังเกตว่าเขากำลังพยายามพาตัวเองลงจากเตียงท่าทางทุลักทุเล

“เออเจอแล้ว เม็ดสีน้ำเงินใช่ไหม”

“เออๆ ขอบใจมาก ไว้จะถ่ายรูปไปให้พวกมึงดูละกัน” เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้น ก่อนที่ร่างกำยำจะหันกลับมาเลิกคิ้วมองเขา กึ่งขำกึ่งเวทนา เพราะตอนนี้เขาอยู่ในท่าที่หัวดิ่งพสุธาไปแตะพรมห้อง ในขณะที่ปลายเท้ายังก่ายอยู่บนขอบเตียง

“คิดจะหนีหรือไง”

วันศุกร์เพียงเม้มปากแน่น ปล่อยให้มิวเดินกลับมาอุ้มร่างเขาขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง มือใหญ่บีบแก้มบังคับให้เขาอ้าปากออก จึงต้องรีบสะบัดหน้าหนี

“นิ่งๆ” มิวเอ็ดเสียงแข็ง ก่อนจะออกแรงบีบมากขึ้น

ไม่นาน ยาเม็ดสีน้ำเงินก็ถูกยัดเข้ามาในปาก พอเขานึกจะพ่นออกก็ถูกจับกรอกน้ำเปล่าตามหลังจนเกือบสำลัก ท้ายที่สุดจึงต้องกลืนไอ้ยาไม่น่าไว้ใจที่ว่าลงคออย่างช่วยไม่ได้ เสียงไอค่อกแค่กดังตามหลัง แต่มิวก็ไม่ได้สนใจ

“มึงเอาอะไรให้กูกิน!?”

“หึ ถ้าอยากรู้ก็รอดูเองแล้วกัน”

คนถูกมัดเบิกตากว้างเพราะพอเดาออกแล้ว เขาพยายามไอหนักๆ เพื่อหวังว่าไอ้ของที่กินเข้าไปจะย้อนกลับออกมาแต่ก็ไม่เป็นผลสักนิด เวลาผ่านไปได้เกินห้านาที เนื้อตัววันศุกร์ก็เริ่มมีเหงื่อออกทั้งที่แอร์ในห้องก็เปิดอยู่ เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ ภายในท้องน้อย หัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นส่ำ

ร่างบางไร้เรี่ยวแรง ได้แต่นอนคุดคู้อยู่บนเตียงสีขาว มีมิวนั่งจิบเบียร์อยู่บนปลายเตียง คอยหันมองอาการของเขาเป็นระยะ แววตานึกสนุกแบบนั้นช่างดูน่ารังเกียจ แต่ไม่รู้ทำไม...เลือดในกายกลับสูบฉีดราวกับต้องการความอบอุ่นบางอย่างนักหนา

ไม่ชอบเลย...ตัวเองในตอนนี้เหมือนไม่ใช่ตัวเอง ภายในหัวขาวโพลนไปหมด ลำคอก็แห้งผาก

“ไง ไม่ไหวแล้วล่ะสิ”

มิวทักขึ้นหลังจากจัดการเบียร์กระป๋องในมือเรียบร้อย ร่างสูงใหญ่กลับขึ้นมาคร่อมเขาไว้ แต่ครั้งนี้กลับไร้ซึ่งการขัดขืน ทั้งที่ส่วนลึกในใจไม่ต้องการ แต่ร่างกายก็ไม่ยอมทำตามแม้แต่น้อย ยิ่งเรียกรอยยิ้มร้ายกาจจากคนตรงหน้าได้ดีทีเดียว

“ตอนนี้คงอยากเป็นของพี่ขึ้นมาแล้วใช่ไหม หืม?” ริมฝีปากอุ่นทาบทับลงกับซอกคอขาว

วันศุกร์ขมวดคิ้วมุ่น แม้ว่าในใจอยากปัดป้องหากแขนทั้งสองกลับไม่ยอมขยับ คงเพราะฤทธิ์ยาตัวเมื่อกี้ ที่ทำให้เขานึกโหยหาสัมผัสจากคนด้านบนเสียเหลือเกิน

“อื้อ”

เสียงหวานเผลอครางอย่างไม่รู้ตัว ยามที่นิ้วสากลากผ่านเนื้อผ้าเข้าไปหยอกล้อยอดอกด้านใน ไม่รู้ว่าเสื้อนักศึกษาเขาถูกดึงออกจากกางเกงตั้งแต่เมื่อไร วันศุกร์ได้แต่กัดปากเพื่อสงบอารมณ์พุ่งพล่านหากก็ยากเย็น กริยาทั้งหมดทั้งมวลตอนนี้ราวกับถูกผีร้ายที่ไหนเข้าสิง มันไม่ใช่เขาเลย

น่ารังเกียจ...น่าทุเรศ...

คนตัวเล็กเผลอแอ่นอกขึ้นรับสัมผัสวาบหวาม ใบหน้าและลำตัวอาบไปด้วยหยาดเหงื่อ กลางกายปวดหนึบต้องการหาที่ระบาย ทั้งที่ในใจร่ำร้องปฏิเสธ รอยยิ้มเยาะๆ เผยขึ้นต่อหน้า แววตาซุกซนของมิวไล่โลมเลียไปทั่ว ยิ่งกระตุ้นผลของตัวยาให้เขาเกิดอารมณ์ประหลาด

ไม่ไหว...ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว...

.

.



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:53:06 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
จะรอดไหม???????
อิพี่กันต์ไปไหน ช้าจริงๆ มาช่วยน้องเดี๋ยวนี้เลย

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 9.0



ปึงง!!

เสียงถีบประตูดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้มิวต้องรีบผละตัวออกจากเตียงเพื่อเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ไม่ได้รับเชิญ กันติกรณ์พร้อมตรีวิทย์และบัณฑิตย่างเท้าตามกันเข้ามาในห้องแบบครบทีม

“ไอ้เหี้ยมิว!” กันต์แผดเสียงพร้อมตรงเข้าปล่อยหมัดใส่หน้าเพื่อนร่วมรุ่นโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายตั้งตัว ตรีวิทย์ผู้รู้งานรีบตามมาขัดขาจนร่างกำยำล้มคว่ำก้นจ้ำเบ้า พอนึกจะหยัดกายลุกขึ้นก็ถูกส้นรองเท้าหนังเหยียบขยี้มือเอาไว้

คนเลือดร้อนเอาแต่สบถไม่หยุดปาก พลางรัวทั้งหมัดและเท้าเข้าใส่ร่างเกือบเปลือยบนพื้นห้อง ต้องเรียกว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือไอ้หื่นกามก็ยังมีไอ้บ้าอันธพาลครองเมือง สามผู้มาใหม่ไม่เปิดโอกาสให้มิวได้โต้ตอบเลยแม้เพียงเสี้ยววินาที จนแม้แต่วันศุกร์ก็ยังอดผวาไม่ได้ เสียงร้องโอดโอยจากคนคนเดียวดังระงม สักพักจึงได้กลิ่นคาวเลือด

ร่างเล็กสูดหายใจเข้าออกหนักๆ พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ในกายที่ยังคงคั่งค้าง เขาตั้งใจจะเอ่ยปากให้กันต์หยุดแต่กลับพูดอะไรไม่ออก ที่สุดก็เป็นตรีวิทย์ซะเองที่เข้ามาห้ามเพื่อนตัวเองไว้ด้วยกลัวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

“พอแล้วมึง เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”

“ก็กูจะเอาให้มันตาย!”

“จะบ้าเหรอ มันตายมึงก็ติดคุกสิวะ ไอ้โง่!”

ตรีวิทย์กระชากปีกกันต์ออกห่างแล้วส่งสัญญาณให้บัณฑิตเป็นคนจัดการลากร่างสลบไสลของมิวออกไปนอกห้อง เจ้าของใบหน้าคร่ำเครียดประคองสติตัวเองกลับคืนมา รีบร้อนหันไปหาร่างคู้งอบนเตียง จัดการแก้มัดบริเวณข้อมือกับเท้าออกให้

“ศุกร์ เป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“พี่กันต์...” เสียงสั่นเครือดังขึ้นแผ่วเบา พร้อมน้ำใสๆ ที่ไหลออกจากปลายตา ราวกับความเข้มแข็งมันถูกดูดกลืนหาย เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าห่วงใยของกันต์ชัดๆ เขาก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตอนนี้ยอมรับว่ามันปนเปกันไปหมด ทั้งกลัว ทั้งทรมาน แต่ก็โล่งอก และดีใจด้วย

“ทำไมมาช้า...”

กำปั้นเล็กๆ ทุบลงกับอกแกร่ง แทบจะทลายหัวใจคนมองให้แตกสลายลงไปเลย ยิ่งน้ำเสียงกับสีหน้าอ่อนแอในตอนนี้ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร

“ขอโทษ...พี่ขอโทษ”

มือใหญ่ดึงรั้งร่างเปล่าเปลี้ยเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ฝังจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่ม แทบจะลืมทุกภาพพจน์ที่เคยสร้างมา วันศุกร์สะอื้นไม่หยุดพลางกอดตอบอีกฝ่ายแน่น มันเริ่มผิดปกติก็ตอนที่คนตัวเล็กพยายามบดเบียดร่างกายเข้าหาเขามากเกินวิสัย ดวงตาฉ่ำปรือช้อนขึ้นมองเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น

“พี่กันต์...ศุกร์...” ริมฝีปากเจ่อแดงจากการถูกกัดเผยออยู่ต่อหน้า ทำเอาเขาต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ยิ่งสรรพนามที่เริ่มเปลี่ยนไปก็ยิ่งทำให้สมองเขาปั่นปวน พอๆ กับหัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ศุกร์ร้อน...ร้อนอะ...”

“วันศุกร์...ปะ...เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ฮือ...ศุกร์ร้อน” เจ้าของเส้นผมชื้นเหงื่อผละตัวออกจากอ้อมกอด แล้วเริ่มต้นปลดกระดุมเสื้อตัวเองหน้าตาเฉย ตรีวิทย์ที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ขมวดคิ้วยุ่ง หันไปหยิบแผงบรรจุเม็ดยาสีน้ำเงินบนโต๊ะเขียนหนังสือขึ้นดู

“กูว่าวันศุกร์โดนยาว่ะ”

น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น กันต์หันขวับไปมองยาในมือเพื่อนสนิทแล้วก็ร้องอ๋อในใจ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร ยิ่งท่าทีของวันศุกร์ตอนนี้ก็ยิ่งชัดเลย

ยาปลุกเซ็ก...

ฉิบหายแล้วไงล่ะ

ดูเหมือนฤทธิ์ของยาจะเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว วันศุกร์เอาแต่ปัดป่ายสองมือไปตามร่างกายของใครก็ตามใกล้ตัว ขณะถูกจับติดกระดุมเสื้อกลับไปใหม่ ดูเหมือนคำว่าอายจะถูกลบออกจากหน่วยความจำไปเป็นอันเรียบร้อย พอๆ กันกับสติที่หายไปด้วย เขาไม่รับรู้อะไรอีกราวกับสูญเสียความเป็นตัวเองไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้มีเพียงความต้องการซึ่งกำลังล้นทะลักเท่านั้น

กันต์เปลี่ยนมาอุ้มร่างเพรียวให้นั่งทับบนตักตัวเองระหว่างที่ตรีวิทย์ขับรถกลับไปส่งที่หอ มือสองข้างถูกรวบไว้ไม่ให้ซุกซน เมื่อครู่พวกเขาเพิ่งจัดการบอกให้กั้งโทรไปรายงานวันเสาร์ว่าศุกร์จะนอนค้างด้วย แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่าวันเสาร์ยังไม่ค่อยเปิดใจให้ตัวเองเท่าไรนัก เลยเสนอให้ติดต่อไปยังนายหาญกล้า เพื่อนสนิทของวันศุกร์ตั้งแต่สมัยมัธยมแทน ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผลมากกว่า

“อยู่นิ่งๆ ก่อน ศุกร์” กันต์เอ็ด ขณะช้อนอีกฝ่ายขึ้นห้อง

ทันทีที่วางร่างของวันศุกร์ลงกับฟูก เด็กลืมตัวก็เริ่มร้องไห้งอแงอีกรอบ ซึ่งเขาก็มักจะแพ้ให้กับน้ำตานั่นอยู่เรื่อย กันต์ถอนหายใจแล้วนั่งลงข้างเตียง นิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยแก้มใสไปมา น้ำเสียงจริงจังเอ่ยถามขึ้น

“ไอ้มิวมันทำอะไรเราบ้าง?”

“งื้อ...ไม่ได้ทำ”

ตอบดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องมางื้อมาเง้อ เดี๋ยวพ่อก็จับปล้ำซะเดี๋ยวนี้หรอก โว้ยยย

“พี่กันต์จะไปไหน” มือเล็กรั้งเขาไว้ แต่ก็ถูกแกะออก

“ไปเอาน้ำมาให้เราดื่ม”

กันติกรณ์ดันหัววันศุกร์ลงนอนบนหมอนแล้วเดินไปทางเคาน์เตอร์ครัว เขารินน้ำเปล่าจากตู้เย็นใส่แก้วใส ก่อนจะเดินกลับมาเพื่อพบว่าเด็กบนเตียงได้ปลดเปลื้องเสื้อเชิ้ตสีขาวกับเข็มขัดหัวเงินออกจากร่างเป็นอันเรียบร้อย และกำลังจะดึงกางเกงลงในไม่ช้า

แต่ไม่ทันได้ทำตามใจ ก็ถูกมือใหญ่คว้าหมับไว้ก่อน

“จะทำอะไร ถอดเสื้อทำไมเนี่ย” เขาถามเสียงหงุดหงิด แม้จะรู้แก่ใจดีว่ามันเป็นไปด้วยฤทธิ์ยาเลวๆ นั่น

“ก็มันร้อนนี่ ศุกร์ไม่ไหวแล้วนะพี่กันต์”

“อย่ามองพี่แบบนั้นนะ”

นิ้วเรียวชี้หน้าอีกฝ่ายดุๆ เพราะเขาเองก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เขาตั้งใจไปช่วย ก็ไม่ได้อยากฉวยโอกาสทำอะไรไม่ดีไม่งาม แต่ขืนวันศุกร์ยังเอาแต่อ้อล้อคลอเคลียไม่หยุดแบบนี้ เขาก็ไม่รับประกันว่าจะคุมอารมณ์ตัวเองไหว

“ดื่มน้ำซะ” แก้วใสถูกยื่นไปให้ แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าแล้วดึงแขนที่ว่างของเขาเข้าไปกอด

“ไม่เอาน้ำเปล่า”

“ไม่เอาน้ำเปล่าแล้วจะเอาน้ำอะไร พี่มีแต่เบียร์”

“น้ำพี่กันต์ไง” มือเล็กเขย่าแขนเขาเป็นว่าเล่น ดวงหน้าแดงก่ำยิ่งดูหยาดเยิ้มยามเอ่ยคำน่าอาย “เอาน้ำพี่กันต์ได้ไหม?”

ไอ้...........

“ว...วันศุกร์ พูดบ้าอะไรฮะ?”

เขาวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง ลดตัวลงมานั่งประกบเจ้าของมือซุกซนเป็นปลาหมึก พยายามอย่างมากที่จะมองข้ามผิวเนื้อขาวเนียนชวนสัมผัสตรงหน้า

“ศุกร์อึดอัดอ่า...พี่กันต์ ช่วยศุกร์หน่อย…”

“พี่ว่าศุกร์แย่แล้วนะ” พูดแค่นั้น ก่อนจะลากร่างบางเข้าไปในห้องน้ำ กันต์จับวันศุกร์นอนลงในอ่างขนาดพอดีตัว แล้วเปิดน้ำจากฝักบัวรดใส่หัวอีกฝ่ายอย่างจำใจ

คนเด็กกว่าร้องลั่นอย่างกับผีโดนน้ำมนต์

“พี่กันต์ ทำอะไร!”

“พี่ก็จะทำให้เราหายร้อนไง”

“ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้”

“ไม่ได้ ศุกร์ต้องทน พี่ช่วยศุกร์ไม่ได้” กันต์ว่า พลางกัดฟันข่มอารมณ์ในกาย ใช่ว่าจะไม่รู้สึก แต่เขาไม่อยาก...ไม่ได้อยากทำร้ายเด็กคนนี้

“ฮืออ…พี่กันต์ใจร้าย”

กันติกรณ์เมินน้ำเสียงต่อว่า แล้วคอยดึงวันศุกร์ให้อยู่กับที่ ยังคงปล่อยให้สายน้ำชโลมกายจนเหมือนจะเปียกปอนกันไปทั้งสองฝ่าย

ใจร้ายที่ไหนกัน...ถ้าใจร้ายจริง คนปากดีตรงหน้าคงไม่ได้มาผุดลุกผุดนั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำแบบนี้หรอก โน้นน ถูกจับแหกขาอยู่บนเตียงนานแล้วโว้ย ไอ้เด็กผีนี่

สำนึกบุญคุณซะบ้างเหอะ

“แค่ก…แค่ก”

“อ่าวเวร” กันต์สบถแล้วรีบปัดฝักบัวไปทางอื่น เขาพาตัวเองเข้าไปอยู่ในอ่างด้วยกัน พลางลูบหน้าลูบตาอีกฝ่ายที่เอาแต่สำลักน้ำไม่หยุด

จมูกโด่งรั้นแดงเรื่อ มากพอๆ กับร่างกายส่วนที่เหลือ

“พี่กันต์...ฮึก...”

“หืม?” เขาส่งสายตาคำถามไปให้ แต่สิ่งที่ได้ตอบกลับมาดันเป็นริมฝีปากอิ่มที่ยื่นเข้ามาขโมยจูบเขาหน้าตาเฉย

มือใหญ่พยายามดันร่างเล็กออก แต่ด้วยบริเวณคับแคบทำให้อะไรๆ ก็ทุลักทุเลไปหมด วันศุกร์ยกแขนขึ้นรวบรั้งลำคอหนาลงไปรับการบดเบียดวาบหวาม ลิ้นร้อนเริ่มดุนดันอย่างกระเหี้ยนกระหือรือทำเอาจิตสำนึกเขาแทบขาดผึ่ง ท้ายสุด กันต์ก็ยอมให้วันศุกร์รุกล้ำ หากก็ยังเตือนตัวเองในหัวว่าห้ามทำอะไรเกินเลย แม้มันจะยากเหลือเกินก็ตาม

“อ…อื้ม”

สองคนต่างแลกลิ้นกันไปมา โดยกลายเป็นกันต์ซะเองที่ย้ายมาคุมเกม สายน้ำเย็นฉ่ำทำเอาเสื้อเชิ้ตบนตัวแนบร่างจนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน วันศุกร์เลื่อนมือลงลากไล้ตั้งแต่แผงอกไปถึงส่วนแข็งขืนด้านล่าง เรียกสติของกันต์กลับมาแทบจะทันที

“หยุดๆๆ” คนโตกว่ารีบจับมืออีกฝ่ายออก ทั้งที่ใบหน้าตัวเองก็แดงซ่านพอกัน ร่างเล็กดูไม่พอใจแล้วเริ่มต้นเขย่าแขนเขาอีกครั้ง

“ฮื่อ...พี่กันต์ จูบหน่อยย”

เสียงถอนหายใจหนักๆ ดังขึ้นเป็นรอบที่ยี่สิบแปดล้านของคืน เขาจ้องใบหน้ายั่วเย้านิ่งๆ ด้วยความชั่งใจ สุดท้ายก็ยอมโน้มหน้าลงไปจูบปิดปากจิ้มลิ้มจนได้ ตลอดเวลาที่จูบกัน วันศุกร์เอาแต่ครางอยู่ในลำคอ หน้าขาสองข้างเสียดสีไปมาจนเขานึกทรมานแทน รู้ดีว่าคงอึดอัดจากฤทธิ์ของยา แต่ให้ทำไงได้ ถ้าเกิดเขาลงมือกับวันศุกร์ตอนนี้ พรุ่งนี้เช้าคอเขาอาจหลุดจากบ่า หรือไม่ก็...

อาจทำให้ความสัมพันธ์ของเรา แย่ยิ่งกว่าเดิม

“อืมม...”

“อ…อ้ะ”

กันต์ขมวดคิ้วมุ่นยามเคลื่อนริมฝีปากร้อนลงไปทาบทับอยู่กับซอกคอสีน้ำนมอมชมพูในขณะนี้ เขาเผลอปล่อยตัว ฝากรอยดูดแดงไว้บนนั้นอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนจะรีบดึงสติไว้เป็นครั้งที่ร้อย

“พี่ไม่ไหวแล้ว”

“อื้ออ ศุกร์ก็ไม่ไหว...” เด็กปีหนึ่งช้อนตามองเขาอย่างมีความหวัง แต่กลับต้องผงะเมื่อกันต์ตัดสินใจลุกออกไปจากอ่างเสียดื้อๆ

“พี่ขอโทษนะ แต่ศุกร์จัดการตัวเองแล้วกัน”

เขาพูดรัวเร็วแทบไม่หันไปสบตาด้วย รีบก้าวเท้าออกจากอ่างอะคริลิคคับแคบแล้วปิดประตูหนี ยังได้ยินน้ำเสียงโอดครวญตัดพ้อดังตามหลัง กันติกรณ์กัดฟันแน่น ค่อยๆ ทรุดตัวพิงประตูห้องน้ำเอาไว้ ซิบกางเกงถูกรูดลง พร้อมจัดการกับอะไรบางอย่างซึ่งกำลังชูชันขึ้นมา

“พี่กันต์…ฮือ...พี่กันต์ทิ้งศุกร์”

“พี่กันต์ไปไหน...ศุกร์อยากกอดพี่กันต์อ่า”

ไอ้ยาเวรแม่งเปลี่ยนนิสัยคนจากหลังตีนเป็นหน้ามือได้ง่ายขนาดนี้เชียว ไอ้เด็กผีนี่ก็เหมือนกัน ควบคุมตัวเองน่ะรู้จักไหม! อยากจะอัดคลิปเอาไปเปิดประจานคงสนุกน่าดู แต่อีกใจก็สงสาร ถ้าตื่นมารับรู้เรื่องคืนนี้ ไม่ทึ้งหัวตัวเองจนหัวล้านก่อนก็คงวิ่งไปกระโดดตึกแน่นอน

“อื๊ออ...” เสียงกระเส่าจากในห้องน้ำยังคงดังลอดออกมา ดูเหมือนวันศุกร์เองก็ต้องจัดการกับตัวเองเช่นกัน

“เงียบๆ ไม่ได้หรือไงวะ”

กันต์พึมพำ ยิ่งเร่งน้ำหนักมือตัวเองมากขึ้นตามแรงอารมณ์คุกรุ่นในอก ภาวนาให้ค่ำคืนแสนทรมานนี้ผ่านพ้นไปเร็วๆ สักที


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:53:48 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
หื้มมมมมมมม ต้องมองพี่กันต์ใหม่ซะแล้ว
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
รักน้องให้เกียรติน้องอ่ะ ไม่ฉวยโอกาส

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 9.5



“.....”

ทั้งห้องเงียบกริบจนแทบได้ยินเสียงมดเดิน

วันศุกร์ตื่นมาในตอนเช้าก็เอาแต่นั่งนิ่งเป็นหุ่นโดนสต๊าฟ ไม่ยอมขยับเขยื้อนหรือแม้แต่ปริปาก เมื่อคืนกว่ากันต์จะได้นอนก็ปาไปเกือบเช้า หลังจากรอให้แน่ใจว่าวันศุกร์จะไม่คลั่ง หรือทำให้เขาคลั่งอีก คาดการณ์แล้วดูเหมือนว่าไอ้เด็กดื้อจะเสียไปซะหลายน้ำ เพราะตอนที่เขาเปิดประตูกลับเข้าไป ก็เจอร่างเปื่อยนอนจมอ่าง เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไม่น่าดู ส่วนคนที่จะตายก็เขานี่แหละ เพราะต้องมาคอยข่มใจทำความสะอาดกายให้ แล้วพามานอนบนเตียงอย่างที่เห็น

“พี่สั่งข้าวมาให้แล้ว ลุกไหวไหม?” เขาเดินยกแก้วโอวัลตินไปยื่นให้ตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆ

นี่คืออะไร ช็อกจนเป็นบ้าไปแล้วเรอะ

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

กันต์วางแก้วช็อกโกแลตไว้บนโต๊ะหัวเตียง แล้วทำท่าจะยื่นมือไปอังแก้มใส แต่กลับถูกปัดมือออก พร้อมสายตาแข็งกร้าว วันศุกร์รีบขยับตัวถอยห่างเหมือนคนขี้ระแวง สักพักจึงยอมเอ่ยปาก

“เมื่อคืน...มันเกิดอะไรขึ้น?”

คนถูกถามเลิกคิ้ว อย่าบอกนะว่าจำอะไรไม่ได้เลย ชักสงสัยว่าไอ้ยาเม็ดสีน้ำเงินนั่นมันมีฤทธิ์แค่ปลุกอารมณ์หรือกล่อมประสาทด้วยกันแน่ ทำไมอาการดูย่ำแย่กว่าที่เขาจินตนาการไว้อีก

“อยากให้เล่าจริงๆ เหรอ”

ดวงตากลมวูบไหว ใบหน้าค่อยๆ แดงเรื่อขึ้นทีละน้อย วันศุกร์กำลังพยายามรวบรวมสติแล้วนึกย้อนเหตุการณ์บ้าๆ ตั้งแต่ที่เขาสลบไปในคอกเจ้าดื้อ จำได้ว่าถูกไอ้พี่มิวจับตัวไปที่ห้องมัน แล้วก็ถูกบังคับให้กินยาบางอย่าง...จากนั้น...

ก็ดูเลือนรางพิกล ไม่ใช่ว่าจำอะไรไม่ได้เลย แต่เป็นการที่ระบบประสาทไม่อยากจะจำซะมากกว่า เมื่อคืนนี้เหมือนเขาสูญเสียความเป็นตัวเองแทบทุกอย่างไป สติสัมปชัญญะราวกับถูกแทนที่ด้วยความกล้าผิดๆ ยางอายถูกลบทิ้ง แล้วเติมเต็มด้วยความ.......เอิ่ม ความจริงก็ไม่ค่อยอยากยอมรับ แต่ถ้าทุกอย่างในหัวคือเรื่องจริง

คิดว่าเมื่อคืน เขาดูร่านพอตัว…

“ผมโดนยา”

“ใช่ แล้วก็เดือดร้อนคนอื่นไปทั่ว รู้ตัวไหม”

ใบหน้าแดงยิ่งร้อนผ่าวขึ้นอีก คนตัวเล็กรีบเบือนสายตาหนีเมื่อนึกได้ว่าตัวเองก่อวีรกรรมอะไรไว้

“ถ้าทำใจได้แล้ว ก็ลุกมากินข้าว” กันต์ไม่คาดคั้นอะไรมาก เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงกำลังสับสน เขาเดินไปเปิดกล่องอาหารบนโต๊ะเขียนหนังสือออก กลิ่นหอมของข้าวกะเพราหมูไข่ดาวส่งกลิ่นหอมฉุยเตะจมูก พาลให้ท้องน้อยๆ เริ่มส่งเสียงประท้วง

เขาคิดว่าควรจะทำเป็นลืมเรื่องเมื่อคืนซะแล้วทำตัวเป็นปกติไว้ก่อน เพราะกันต์เองก็ดูไม่ได้พูดถึงมันเท่าไร แก้วโอวัลตินเมื่อสักครู่ถูกยกไปตั้งเคียงคู่กับกล่องโฟม อาหารแบบเดียวกันถูกเปิดฝาวางรออยู่แล้ว

วันศุกร์เพิ่งเห็นว่ามือถือตัวเองวางอยู่แถวโต๊ะนั้นพอดี จึงเอื้อมมือไปหยิบมากดเปิดหน้าจอ พบ Notification ของแอพฯ Line สลับกับ Missed call จากกันติกรณ์เรียงรายจนอดตกใจไม่ได้ เวลาที่โทรเข้ามาคือช่วงหลังจากที่เขาเจอมิวในคอกเจ้าดื้อ

นิ้วโป้งเลื่อนเปิดหน้าแชทของกันต์ขึ้นมาไล่สายตาไปตามแต่ละข้อความยาวเหยียด

[ GUN: ทำไมไม่รับสาย? ]

[ GUN: รอพี่อยู่ที่คอกเจ้าดื้อนะ ]

[ GUN: ช้าหน่อย ติดคุยกับอาจารย์ อย่าไปไหนล่ะ ]

[ GUN: ตอบอะไรหน่อยสิ ]

[ GUN: ศุกร์ อยู่ไหน?? ]

[ GUN: เป็นอะไรรึเปล่า ตอบพี่หน่อย ]

ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวอยู่ในใจ แต่ละข้อความของกันต์ รวมทั้งจำนวนสายที่ไม่ได้รับ ตอกย้ำได้อย่างดีว่าอีกฝ่ายแคร์เขามากแค่ไหน มือเล็กวางมือถือลงแล้วเปลี่ยนเป็นตักข้าวเข้าปาก ไม่กล้าเงยหน้ามองอีกคนข้างๆ

ตลอดเวลาที่กินข้าว พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย แต่กันต์ยังคอยลอบมองวันศุกร์อยู่บ่อยๆ บางครั้งก็ทำท่าเหมือนอยากถามอะไรแต่ก็ไม่ทำ ความจริงคือเขาแค่เป็นห่วง อยากรู้ว่าร่างกายและจิตใจของอีกฝ่ายกลับมาเป็นปกติสมบูรณ์หรือยัง

“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม?” ในที่สุดก็เสี่ยงถามออกไปจนได้

“เป็นอะไร?”

“ก็...แบบว่า ปกติดีแล้วใช่ไหม?”

“อ่า…อืม”

วันศุกร์พยักหน้าเมื่อเข้าใจ เขานึกขอบคุณที่กันต์พยายามเลี่ยงไม่พูดถึงเหตุการณ์น่าอับอายตรงๆ พอมานั่งคิดพิจารณาดีๆ แล้ว เมื่อคืนกันต์เป็นสุภาพบุรุษมากกว่าที่เขาเคยคิดไว้หลายขุม นอกจากจะตามไปช่วยเขาจากมิวแล้ว ยังคอยดูแลเขาทั้งคืน ที่สำคัญ...กันต์ไม่ลงมือทำอะไรกับเขาเลย ทั้งที่เขาน่าจะอ่อยมากอยู่

หรือเพราะไม่ได้นึกพิศวาสอะไร ก็เลยไม่ทำกันแน่นะ...

อืม...อ้าว

แล้วทำไมต้องน้อยใจด้วย บ้าละ เขาไม่ทำอะไรก็น่าจะดีใจนะวันศุกร์!

“เมื่อคืน...รู้ได้ไง ว่าผมอยู่ที่นั่น”

“ไอ้เต็มมันไปกินข้าวแล้วได้ยินเพื่อนไอ้มิวคุยกันเรื่องเรา ก็เลยโทรมาบอก...” กันต์เว้นช่วงเล็กน้อย สายตายังคงจับจ้องใบหน้าหวาน ความรู้สึกผิดตีขึ้นมาจุกอก เป็นเพราะเขามัวแต่ยุ่งกับธุระ เลยไปหาวันศุกร์ช้า ทำให้ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนั้น

“…ขอโทษนะที่ไปช้า”

วันศุกร์หลุบตาต่ำ ไม่รู้ว่าควรพูดคำไหนก่อนดี ความจริงกันต์ไม่ต้องมาขอโทษอะไรเขาเลยด้วยซ้ำ หมูในกล่องโฟมถูกเขี่ยไปมาอย่างทำตัวไม่ถูก สุดท้ายจึงยอมละทิ้งทิฐิบนบ่า ปากบางเอื้อนเอ่ยความรู้สึกตอบกลับไป

“ขอโทษ...ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน”

“...”

“แล้วก็ ขอบคุณด้วย...ครับ”

คนฟังลอบยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินหางเสียงไพเราะผิดจากปกติ ในหัวพลันนึกไปถึงวันศุกร์เมื่อคืนนี้ คำพูดคำจาหวานหู กับน้ำเสียงออดอ้อน  บวกกับแววตาสั่นระริกยิ่งทำให้ภาพตอนนั้นดูน่ารักน่าแกล้ง ถ้าเพียงแค่จะยอมพูดจาดีๆ กับเขาบ้าง...

“ไม่เป็นไร วันหลังก็หัดระวังตัวหน่อยแล้วกัน”

“อือ”

“ถ้ากินเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ เดี๋ยวพี่ลงไปซื้อของข้างล่างแป๊บเดียว ห้ามไปไหนนะ”

“แล้ว...?” คนตัวเล็กกวาดตาไปรอบๆ ยังคงไม่คุ้นชินกับหอพักของคนอื่น แม้ว่าจะเคยมานอนที่นี่แล้วก็ตาม

“ชุดนักศึกษาก็ใส่ของเมื่อวานไปก่อนละกัน พี่ตากให้แล้วน่าจะแห้งพอดี ส่วนพวกผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำ”

พยักหน้ารับช้าๆ แต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวจนกันต์ต้องเอ่ยปากถามอีกรอบ

“จะเอาอะไรอีกไหม?”

คราวนี้กลับส่ายหน้า กันต์เลิกคิ้ว ใช้มือผลักหน้าผากเขาเบาๆ

“เป็นใบ้เหรอ”

“ก็ไม่รู้จะพูดอะไร”

“เออ ถ้าไม่มีไรแล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว เดี๋ยวมีเรียนตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ พี่จะไปส่ง”

“อ…อือ”

คนตัวสูงเดินสะบัดหัวยุ่งๆ ออกไปจากห้อง ไม่ลืมกดล็อกประตูให้เสร็จสรรพ วันศุกร์นั่งกินข้าวต่ออีกคำสองคำก็เก็บกล่องลงถุงพลาสติกเตรียมทิ้ง เขาเดินออกไปหยิบเสื้อกับกางเกงนักศึกษาที่แขวนอยู่ตรงระเบียงนอกหน้าต่างแล้วพาตัวเองเข้าห้องน้ำ ใบหน้าร้อนวูบวาบเพราะจำได้ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นในอ่างบ้าง

ชุดนอนของกันต์ถูกถอดออกอย่างระวัง ก่อนที่แก้มสองข้างจะกลายเป็นสีแดงยิ่งกว่าน้ำแตงโมหน้ามอ กระจกเงาใบใหญ่กำลังฉายร่างกายเปล่าเปลือยของตัวเอง มีร่องรอยน่าอายหลงเหลืออยู่ตามซอกคอ ริมฝีปากบวมช้ำเกือบจะห้อเลือด

รสชาติหวานแปล่มจากโพรงปากเจ้าของห้องย้อนกลับเข้ามาในหัว จนต้องรีบสะบัดหน้าแรงๆ หลายที พยายามไม่คิดเรื่องที่ผ่านไปแล้วอีก

ใช่...ก็แค่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว จะคิดอะไรมากมาย

สายน้ำจากฝักบัวไหลออกมาชโลมกาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้อุณภูมิในตัวลดลงเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่บอกว่าจะไม่คิดแต่ก็อดไม่ได้ เขายังคงสงสัยว่าทำไมคนเจนจัดอย่างกันติกรณ์ถึงไม่ทำอะไรเขาเลยทั้งที่น่าจะเป็นโอกาสแท้ๆ ได้ยินมาว่าพี่มันออกจะเจ้าชู้ประตูดิน หญิงชายแม่งเอาไม่เลือก แล้วทำไมอะ

ทำไมเขาถึงกลายเป็นข้อยกเว้นคนเดียวซะงั้น หรือว่ากันต์จะรังเกียจเขามากจริงๆ?

ขนาดนั้นเลยเหรอ...

คนตัวเล็กรีบถูสบู่ล้างน้ำ แต่งตัวให้เรียบร้อย พอเดินออกไปก็เห็นว่ากันต์กลับมาแล้ว ในมือมีถุงพลาสติกบรรจุไอศกรีมโคนแบบที่เขาชอบ ดวงตากลมเป็นประกายขึ้นมาทันที

“ซื้อให้ผมเหรอ?”

กันต์แอบอมยิ้มเพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาตีหน้าตายเหมือนเดิม

“ใครบอก”

“ก็พี่กันต์ไม่กินไอศกรีมนี่น่า ก็ต้องซื้อให้ผมดิ”

“รู้ได้ไงว่าพี่ไม่กิน”

“ก็ไม่เคยเห็น”

มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมปรกหน้าปรกตาพลางหัวเราะในลำคอ ที่สุดก็ยอมยื่นถุงไอศกรีมให้ก่อนจะมีใครทำน้ำลายหกใส่พื้นซะก่อน วันศุกร์ก้มหัวเล็กน้อย แล้วแกะซองกระดาษออก ท่าทางมีความสุขทำเอาคนมองชักสงสัยว่ามันอร่อยขนาดนั้นเชียวหรือ

“มาชิมบ้างดิ้”

“เรื่อง” วันศุกร์ทำตาแข็ง รีบชักมือเข้าหาตัวเอง แต่กันต์ก็ตามมาแย่งไปจนได้

เด็กขี้หวงนั่งกัดริมฝีปากมองอีกฝ่ายขโมยของหวานไปกินหน้าตาเฉย แก้มสองข้างแดงเรื่อเมื่อคิดว่านี่ก็คือการจูบทางอ้อมเหมือนกัน...ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเคยจูบทางตรงมาแล้วก็ตามเถอะ

“ก็แค่หวานนี่หว่า”

“ก็หวานนั่นแหละถึงอร่อย” ร่างเล็กขึ้นเสียง รีบคว้าแท่งวานิลลาในมืออีกฝ่ายคืนมา เขาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งถึงยอมเลียมันต่อ พยายามลืมๆ ไปว่าที่กินอยู่ตอนนี้มันเทียบเท่ากับของมือสองต่อจากคนตรงหน้า

“ถ้าแค่หวานกินอย่างอื่นก็ได้นะ”

วันศุกร์กัดไอศกรีมพลางเลิกคิ้วสงสัย กันต์สบตาเขานิ่งๆ ก่อนจะยกยิ้มมีเลศนัยแบบที่ไม่นึกชอบเลย อีหรอบนี้คิดเรื่องอกุศลอยู่แน่

“รู้ไหมอะไรหวานกว่าไอศกรีม?” เขาขมวดคิ้วให้กับคำถามนั้น ยังคงไม่ไว้ใจแววตาเจ้าเล่ห์ ไอศกรีมในมือถูกลดระดับลงเผลอคิดตามไปด้วยว่าคำตอบมันควรจะเป็นอะไร แต่ก็คิดไม่ออก สักพักก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝ่าย พอดีกับที่มือหนาเอื้อมเข้ามาปาดคราบช็อกโกแลตออกจากมุมปากของเขาให้

“อะ…”

“กินเป็นเด็กทุกที”

คนฟังบุ้ยปาก รีบกัดไอศกรีมอย่างเอาเป็นเอาตายจนหมดในเวลาอันรวดเร็ว ยกหลังมือขึ้นเช็ดแก้มตัวเองลวกๆ แล้วตัดสินใจถามกลับไปด้วยว่าค้างคา

“แล้วสรุปอะไรหวานกว่าไอศกรีม?”

กันต์ยิ้มแต่ยังไม่ยอมตอบ ทำเป็นลุกไปหยิบกระเป๋าตังค์ มือถือกับกุญแจรถขึ้นเตรียมพร้อม แล้วเดินผ่านหน้าเขาไปทางประตูห้อง น้ำเสียงหยอกเย้าดังตามขึ้นมาทีหลังพอให้อีกคนนั่งไม่ติดเก้าอี้

“ไม่รู้สิ...ปากเรามั้ง”

ดวงหน้าสีน้ำนมแปรเปลี่ยนเป็นสีมะเขือเทศเอาง่ายๆ ด้วยคำพูดบ้าๆ เพียงนิดเดียว วันศุกร์รีบรวบข้าวของตัวเองบนโต๊ะใส่มือ ชิงเดินกระแทกไหล่กันต์ออกไปจากห้องเสียก่อน แขนเรียวยกขึ้นปิดบังใบหน้าร้อนฉ่ายิ่งกว่าแดดประเทศไทยตอนเที่ยงตรง เขาอยากหันไปหักคอคนด้านหลังให้รู้แล้วรู้รอด ข้อหาขี้แกล้งไม่เข้าเรื่อง

ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น พาลนึกไปถึงรสชาติหวานกว่าไอศกรีมที่ว่า...

สองเท้าก้าวยาวๆ ไปกดลิฟท์ พยายามเลี่ยงที่จะสบตากับอีกฝ่าย พอเข้ามานั่งในรถก็เอาแต่เบือนหน้ามองกระจก จนกันต์ชักไม่สนุกด้วย มือใหญ่เอื้อมจับท้ายทอยสวย บังคับให้หันกลับมามอง วันศุกร์สะดุ้ง ได้แต่นั่งอึกอัก

“พี่ขออะไรเป็นการตอบแทนหน่อยสิ”

“ห...ห้ะ? ตอบแทนอะไร?”

“ก็เรื่องที่ไปช่วยแล้วยังอยู่ดูแลถึงเช้า คิดว่านี่ยอมทำให้ฟรีๆ หรือไงฮะ”

เจ้าของผมประกายน้ำตาลรีบปัดมือกันต์ออกจากคอแล้วขยับตัวชิดประตูรถ เริ่มไม่ไว้วางใจ คนหลังพวงมาลัยทอดสายตาไปยังถนนเบื้องหน้า ขณะเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง

“พี่อยากให้เราพูดจาน่ารักๆ กับพี่หน่อย”

“พูดจาน่ารักอะไร ผมเคยพูดแบบนั้นที่ไหนล่ะ” รีบขึ้นเสียงใส่ แต่กลับต้องกลืนคำอื่นลงคอเมื่อกันต์โต้กลับกลั้วหัวเราะ

“ก็แบบเมื่อคืนไง”

 

‘น้ำพี่กันต์ไง....เอาน้ำพี่กันต์ได้ไหม?’

‘ฮื่อ...พี่กันต์ จูบหน่อยย’

‘พี่กันต์ไปไหน...ศุกร์อยากกอดพี่กันต์อ่า’

 

แม่งโว้ยยยย อยากย้อนเวลากลับไปถีบยอดหน้าตัวเองจริงๆ ให้ตายสิ แน่ใจนะว่าคนไม่ใช่แรด!

พวงแก้มขาวแดงเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง สาบานได้ว่าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ตัวเขาเปลี่ยนสีสลับไปมาได้ประมาณสองร้อยรอบแล้ว วันศุกร์รู้สึกเหมือนหน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ตัวร้อนทั้งที่แอร์ในรถก็เย็นฉ่ำ เขาอยากจะลืมเหตุการณ์น่าอายนั่นไปให้หมด ขุดหลุมฝังดินตัวเองเมื่อคืนนี้ได้เลยยิ่งดี

“ละ เลิกพูดถึงมันสักที!”

กันต์จิ๊ปากเบาๆ แล้วกดหน้าต่างลงเพื่อรับบัตรเข้ามหา’ลัย ถ้ารู้ว่าจะตื่นมาทำตัวไม่น่ารักแบบนี้ น่าจะจับปล้ำทำเมียซะให้เข็ด

“เรียกแทนตัวเองว่าศุกร์ไม่ได้เหรอ พี่อยากให้ศุกร์เรียกแบบนั้นมากกว่า” แววตาคมหันมองเขาแวบหนึ่ง “มันน่ารักดี”

โอ้ยย จะทำให้หัวใจเต้นแรงไปถึงไหน! แกล้งกันอยู่หรือเปล่า! น่ารักบ้าบออะไรล่ะ คำนั้นไม่ควรเอามาพูดกับผู้ชายด้วยกันสักหน่อย

“...”

“ได้ไหม?”

หลังมือแตะลงบนแก้มเขาเบาๆ เหมือนต้องการสะกิดเอาคำตอบ เพิ่งสังเกตว่ารถยนต์จอดตัวลงแล้ว เขาลังเลอยู่หลายนาที ก่อนจะกลั้นใจพยักหน้าอย่างยากลำบาก แต่ก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนด้านข้างได้ดีทีเดียว

นี่ไม่ใช่ว่าใจง่ายนะ แค่คิดว่าควรตอบแทนอะไรกันต์บ้างจริงๆ เท่านั้นเอง แถมเดี๋ยวนี้กันต์ก็พูดจาดีกับเขาขึ้นเยอะ ถ้าแค่ให้เรียกชื่อตัวเองเวลาคุยด้วยก็คงไม่ได้หนักหนาอะไรมากมั้ง

“แต่ผม...เอ่อ...ศุกร์...ศุกร์ไม่ชิน”

“ไม่ชินอะไร เห็นคุยกับไอ้พี่เสาร์แบบนี้ทุกวัน”

“ก็นั่นมันพี่เสาร์นี่”

เรียวตาดุดันจ้องเขาอย่างเคืองๆ เมื่อได้ยิน ข้อมือเล็กถูกดึงเข้าหาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

“แล้วยังไง พูดดีๆ กับพี่บ้างมันจะตายไหม หรือต้องเก็บไว้เอาใจพี่ชายตัวเองคนเดียว” คนตัวเล็กยู่หน้า รู้สึกเหมือนกันต์กำลังจะหาเรื่องขึ้นมาทะเลาะอีกรอบ แต่พอมองตาอีกฝ่ายดีๆ ถึงเข้าใจว่าไม่ใช่

ความน้อยใจกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในนั้น...ชัดเจนจนเขาสัมผัสได้

วันศุกร์หลุบตาต่ำ พลางตอบกลับเสียงแผ่ว “ได้...ก็พูดอยู่นี่ไงเล่า”

“พูดให้มันชัดๆ”

“พูดอยู่! ศุกร์ก็พูดอยู่ พี่กันต์จะเอาอะไรอีก”

เพื่อป้องกันไม่ให้อวัยวะในอกส่งเสียงดังมากไปกว่านี้ เขาจึงถือโอกาสเปิดประตูรถหนีไปแบบดื้อๆ ซึ่งกันต์เองก็ไม่ได้รั้งไว้แต่อย่างใด เพียงแค่คอยมองตามไปจนลับสายตา ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มไม่หุบ อะไรบางอย่างในใจเริ่มชัดเจนขึ้นทุกขณะ...ไม่ใช่แค่อยากทำให้วันเสาร์เจ็บปวด ไม่ใช่...

แต่มันคือความต้องการของเขาเอง ที่อยากจะครอบครองแก้มแดงๆ นั่น ดวงตากลมโตคู่นั้น จมูกโด่งรั้น ปากเป็นกระจับ หรือแม้กระทั่งมือเล็กๆ อยากได้ทั้งหมด...อยากให้เป็นของเขาทั้งหมด...

วันศุกร์...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:54:06 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Mura_saki

  • แค่เรารู้จักกัน...มันก็ดีที่สุดแล้ว :)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2067
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-9
สุภาพบุรุษมากๆๆๆๆๆๆ


เดินหน้าจีบเต็มที่เลยนะ


ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 10.0



“โอ้ยย”

“เฮ้ย เป็นไรวะ?”

นัทถาม เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กเอาแต่นั่งขยี้ผมตัวเองมาสักพักแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งเรียงแถวตอนรอขึ้นรถบัส สำหรับกิจกรรมรับน้องใหม่ของปีการศึกษา ความจริงงานนี้ถูกเลื่อนมาเรื่อยจนเลทกว่าแผนงานที่วางไว้ถึงเกือบสองเดือน ด้วยเหตุผลทางสภาพอากาศอันสุดจะแปรปรวนยิ่งกว่าจิตใจมนุษย์ของสยามประเทศ และในที่สุดก็มาลงเอยที่ทะเลระยองตามระเบียบ

“เปล่า” วันศุกร์ตอบกลับเสียงห้วน จะให้บอกได้ยังไงว่าเขากำลังคิดไม่ตกเรื่องกันติกรณ์

ใช่! เขากำลังคิดถึงกันต์

เหตุการณ์หลายอย่างปะเดปะดังเข้ามาตั้งแต่วันปฐมนิเทศนับจนถึงตอนนี้ ความสับสนและหวั่นไหวที่เขามีให้ผู้ชายคนนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะคุมหัวใจตัวเองไม่อยู่ ขณะเดียวกันก็ไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าอีกฝ่ายน่ะเป็นยังไง จะหมอกหรือจะควัน ในเมื่อตอนแรกยังย้ำอยู่ได้ว่าไม่ชอบขี้หน้าเขานักหนา แต่พอพักหลัง กลับมาทำดีซะจนอดกลัวไม่ได้

กลัวว่าจะต้องเจ็บฝ่ายเดียว...

ความจริงเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่าทุกวันนี้ ความสัมพันธ์ รวมทั้งความรู้สึกของเขากับกันต์มันเรียกว่าอะไรกันแน่...ไม่สิ ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่กล้าจะรู้ ไม่กล้าจะรับมันมากกว่า เพราะไม่ว่าจะอะไร...ก็ดูไม่ชัดเจนสักอย่าง ถ้าสุดท้ายกลายเป็นว่าเขาแค่คิดไปเองไม่แย่เหรอ

“เอ้า น้องๆ หยิบกระเป๋าขึ้นรถกันได้แล้วครับ” พี่พิสุทธิ์ หรือพี่พีท แกนปี2 ควบตำแหน่งแกนรับน้องครั้งนี้ เดินมาเรียกพวกที่เหลือไปยังรถบัสคันท้ายสุด สังเกตว่ายังมีรุ่นพี่คละปีบางคนยืนหัวโด่ไม่ยอมไปไหน รวมทั้งแก๊งหลานชายคณบดีนั่นด้วย เอาเป็นว่าหลังจากนี้จะขอเรียกง่ายๆ ว่าแก๊งเด็กเส้นแล้วกัน เหมาะสมดี เพราะเห็นขยับตัวแต่ละทีก็มีแต่คนเกรงใจ หมั่นไส้จะตาย

“มานี่ พี่ถือให้” พูดยังไม่ทันขาดคำ คนในความคิดก็เดินมาแย่งกระเป๋าใส่เสื้อผ้าเข้าไปจากมือหน้าตาเฉย

“ไม่ต้อง”

“เหอะน่า”

“ไม่เอา ศุกร์ถือเองได้” เขาเริ่มส่งเสียงงอแง เรียกความสนใจจากเพื่อนทั้งสองด้านหลัง กั้งกับนัทหันมองหน้ากันงงๆ เหมือนกำลังไม่แน่ใจว่าหูฟาดไปหรือเปล่าที่ได้ยินเพื่อนตัวดีเรียกแทนตัวเองว่า ‘ศุกร์’ กับกันต์ ทั้งที่ปกติไม่เคย

“ก็บอกว่าถือให้ไง เดี๋ยวตีเลย”

“กล้าเหรอ?” วันศุกร์เบิกตาพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างท้าทาย กันต์เกร็งตัว ชะงักมือไปวูบหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ฟาดลงมาบนหน้าผากมนไม่แรงนัก คนโดนตีบุ้ยหน้า ยกมือขึ้นลูบจุดนั้นป้อย

พอมาถึงรถ ก็ส่งกระเป๋าสัมภาระให้ลุงคนขับช่วยเอาไปเก็บ ก่อนที่พีทจะหันมาถามรุ่นพี่ปีสามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“พี่สามคนจะขึ้นรถบัสไปด้วยใช่ปะครับ?”

“อืม”

“อ่าว แล้วพี่กันต์ไม่ขับรถไปเหรอ?” วันศุกร์เงยหน้าถาม

“ไอ้เซฟยืมไปขับ เดี๋ยวพี่นั่งไปกับเราเนี่ยแหละ”

“อ๋อ อือ”

“เฮ้ยๆๆ นี่มันอะไรกันวะ?” นัทรีบเข้ามากระชากไหล่เล็กเพื่อเอาความทันทีที่เดินขึ้นมาถึงด้านบนรถ วันศุกร์กวาดตาหาที่ว่างนั่ง พลางถามกลับ

“อะไร อะไร?”

“ก็ทำไมมึงถึงพูดกับพี่กันต์ดีจัง”

“นั่นดิ วันนั้นยังบอกว่าจะอ้วกอยู่เลยไม่ใช่ไง?” กั้งเสริม

คนตัวเล็กอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนจะต้องจำใจยอมรับเสียงแผ่ว

“ก็…ก็แค่อยากพูดดีๆ บ้าง ไม่ได้เหรอ”

ทั้งสองคนไม่ตอบ แต่กลับมองหน้ากันเองอย่างหยอกล้อ รู้แก่ใจดีว่าวันศุกร์กับกันต์ไม่ได้เหม็นขี้หน้ากันอย่างปากว่าสักเท่าไร ตรงข้าม เหมือนจะแอบชอบกันซะมากกว่า

พวกเขาเดินไปหยุดตรงที่นั่งว่างริมหน้าต่างด้านขวาของตัวรถ แต่เพราะว่าเป็นเก้าอี้แบบสองเบาะติด ก็เลยยังยืนชั่งใจกันอยู่ ในขณะที่ตรีวิทย์และบัณฑิตหันไปจับจองที่นั่งฝั่งซ้ายมือเรียบร้อยแล้ว

“เดี๋ยวกูไปนั่งกับไอ้เปาก็ได้ มึงนั่งกับศุ...” นัทรีบกลืนน้ำลายลงคอทั้งที่ยังพูดไม่ทันจบ ดันเผลอไปสบตากับกันติกรณ์ซึ่งกำลังจ้องเขานิ่ง

“เอ่อ…หรือกูนั่งกับมึงดี”

ไม่รอให้ใครตกลงก็คว้าคอกั้งลงมานั่งด้วยกันตรงเบาะถัดไปด้านหลัง ปล่อยให้วันศุกร์ยืนหน้าบูดอยู่คนเดียว

“กูก็นั่งคนเดียวอะดิ”

“คนเดียวที่ไหน” เสียงปริศนาดังขึ้นแทรก กันติกรณ์เดินตรงเข้ามา พยักเพยิดหน้าเป็นเชิงให้เขานั่งลง เขาหันซ้ายหันขวา ก่อนจะยอมทิ้งตัวลงบนที่นั่งติดริมหน้าต่าง กันต์ตามมานั่งบนเบาะข้างๆ โยนซองขนมปังหมูหยองมาใส่ตัก

“อะไร?”

“กินซะ ยังไม่ได้กินข้าวเช้าใช่ไหมล่ะ”

เขานึกย้อนกลับไปตอนตื่นนอน กันต์ส่งข้อความมาทางไลน์ตั้งแต่เช้าตรู่ ปลุกให้ตื่นแล้วยังชวนคุยไร้สาระจนมาถึงมหาลัย

[ GUN: แล้วนี่กินไรยัง? ]

[ HelloFriday: ยังเลย ก็พี่กันต์อะ ชวนคุยอยู่ได้ ]

[ GUN: แล้วตอบทำไมล่ะ ]

[ HelloFriday: ???? ]


จะว่าไปเขาปิดมือถือไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยนี่น่า เพราะไม่รู้ว่าจะควบคุมตัวเองไม่ให้กดเข้าไปอ่าน เข้าไปตอบอีกได้ไหม ไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขากำลังสับสนจนแทบบ้าแล้ว

“ทำไมไม่ซื้อไอศกรีมมาให้ด้วยอะ” เขาแกล้งบ่นเฉไฉ

“จะกินไอศกรีมแต่เช้าเลยหรือไง”

“ก็อยากกิน”

มือเล็กแกะซองขนมปังขึ้นชิม รสชาติไม่เลวอย่างที่เคยปรามาสไว้ ดูเหมือนจะเป็นยี่ห้อออกใหม่ แพงสุดในร้านสะดวกซื้อแล้วนะเนี่ย ไม่ธรรมดาอะ จะเรียกว่ารู้ใจหรืออะไรดี เพราะปกติเขาไม่ค่อยกินขนมปังเซเว่นถ้ามันไม่อร่อยจริง แต่อันนี้ถือว่าใช้ได้ทีเดียว แปลก…

ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่าจริงๆ แล้วมันถูกปาก หรือ แค่ถูกใจกันแน่

“เดี๋ยวแวะปั๊มแล้วค่อยซื้อ” กันต์ตอบกลับเรื่องไอศกรีมเรียก ทำเอาเขาเผลอยิ้มออก

รถบัสรับน้องทยอยขับออกจากรั้วมหาลัยไปได้สักพัก รุ่นพี่ปีสองประจำแต่ละคันก็ก้าวขึ้นมาทักทายรวมทั้งชี้แจงกิจกรรมคร่าวๆ โดยเราจะไปถึงที่พักในช่วงบ่าย วันแรกจะยังไม่เน้นกิจกรรมอะไรมากเท่าไร แต่จะไปหนักเอาวันที่สองซึ่งมีการแบ่งกลุ่มเข้าฐานพบปะกับรุ่นพี่ชั้นปีต่างๆ รวมทั้งเหล่าบัณฑิต หรือซุปเปอร์บัณฑิตที่จบไปแล้วด้วย

วัตถุประสงค์หลักๆ ก็คือการให้รุ่นน้องได้ทำความรู้จักกัน รู้จักรุ่นพี่ และรู้จักคณะให้มากขึ้น

พอแจกแจงอะไรเรียบร้อย ก็ปล่อยให้น้องๆ พักผ่อนตามอัธยาศัย บางคนเริ่มแกะซองขนมกิน บางคนนั่งฟังเพลง และบางคนก็หลับตั้งแต่เริ่ม วันศุกร์เหล่ตามองกันต์ที่เอาแต่สนใจมือถือ ก่อนจะหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาเปิดเครื่องบ้าง พอสัญญาณโทรศัพท์กลับคืน Notifications มากมายก็แข่งกันรัวอยู่บนหน้าจอ เขาเลือกกดเข้าไปดูแอพฯ Line เป็นอันดับแรก

ที่หน้าแชทของกันต์มีบางข้อความค้างอ่านไว้

[ GUN: หาอะไรกินด้วย ]

[ GUN: เป็นห่วง ]

สายตาจับจ้องไปยังข้อความสั้นๆ โดดเด่นออกมาจากคำอื่น หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นตึกตักเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนเขาถึงกับต้องยกมือขึ้นกุมหน้าอก

‘เป็นห่วง’

แค่คำเดียวเอง…

ทำไมส่งผลมากมายขนาดนี้…

[ GUN: ทำอะไร ทำไมไม่อ่าน ]

[ GUN: วันศุกร์ ]

[ GUN: ทำอะไรอยู่ โทรไปได้ไหม ]

[ Missed a call from GUN]

[ GUN: ….. ]

[ GUN: เจอกันที่มอละกัน ]

คนตัวเล็กนั่งกลั้นยิ้มทั้งที่หัวใจเจ็บแปล็บ ชักเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกที จะว่าชอบก็ชอบที่กันต์เป็นแบบนี้ แต่จะว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบเพราะมันทำให้เขาทรมาน ทรมานที่ต้องหวั่นไหว ทรมานที่ต้องสับสน แล้วก็ดูเหมือนกำลังจมอยู่กับความรู้สึกนี้เพียงแค่ลำพัง เพราะว่าเป็นกันต์…คนที่เคยบอกว่าไม่ชอบขี้หน้าเขา ถึงทำให้ไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเองได้เลย

กันติกรณ์ คนที่ใจดีกับเขา…บางทีมันก็ดูใจร้ายเหมือนกัน…

“ปิดเครื่อง?” เสียงทุ้มดังขึ้นเรียกสติ

“ห้ะ?”

“ที่เมื่อเช้าเงียบไปไม่ยอมตอบคือปิดเครื่องเหรอ?”

“อ่า...อือ”

“ปิดเครื่องทำไม ไม่อยากคุยกับพี่ขนาดนั้นเลย?”

กลับกันเลยต่างหาก เพราะอยากคุยมากจนต้องบังคับตัวเองให้ห้ามใจอยู่นั่น

“เปล่า…เอ่อ ที่เราจะไปนี่เป็นยังไงเหรอครับ?” วันศุกร์แกล้งเปลี่ยนเรื่องหลีกเลี่ยงการถูกคาดคั้น กันต์ครุ่นคิดรำลึกความหวังสักพัก เพราะเขาก็จำได้ไม่ชัดเจนเท่าไร รีสอร์ทนี้เขาเคยไปตอนอยู่ปีหนึ่ง แต่เมื่อปีก่อนย้ายไปจังหวัดอื่นก็เลยลืมๆ ไปบ้าง

“อืม…จำได้ว่าที่นี่ใหญ่นะ แต่คณะก็ปิดรีสอร์ทให้เลยเพื่อจะได้ไม่รบกวนแขกคนอื่น”

“อ่าว แล้วทำไมยังให้ปีหนึ่งนอนรวมกันอีกอะ แยกห้องก็ได้นี่” ส่วนตัวเขาเองไม่อยากนอนแออัดกับเพื่อนอีกหลายสิบชีวิตมากนัก ตอนแรกนึกว่าจะแยกสักห้องละห้าคนก็ยังพอไหว แต่นี่เล่นจับแยกชายหญิงฝั่งละห้องเลย ทั้งที่ห้องหับก็น่าจะเหลือเฟืออยู่

“ก็สร้างเสริมความสัมพันธ์ไง”

“ไม่จริงอะ พวกรุ่นพี่เอาห้องไปหมดอะดิ นิสัยว่ะ”

“ขี้บ่น” กันต์ยกมือขึ้นบีบแก้มเขาเบาๆ พอให้หุบปากลงได้ “ถ้าไม่อยากนอนกับเพื่อน ก็มานอนกับพี่ มีให้เลือกแค่นี้จะเอาไง?”

สายตาเจ้าเล่ห์อย่างกับหมาป่า ขืนตอบข้อหลังสงสัยจะได้เป็นลูกแกะเดินเข้าไปให้อีกฝ่ายงาบเล่นน่ะสิ ไม่เอาหรอก แม่สอนว่าต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว

“นอนกับเพื่อนก็ได้”

กันต์จิ๊ปากเหมือนไม่พอใจในคำตอบเท่าไรนัก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาปล่อยให้วันศุกร์นั่งชื่นชมวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ขณะกดหาแชทของรุ่นน้องแกนปีสอง ข้อความคล้ายคำสั่งถูกพิมพ์ลงไปอย่างไวไม่ให้คนนั่งข้างๆ รู้ตัว

[ GUN: อย่าลืมที่กูบอกนะ ]

[ Peterpan: ครับท่าน ]

หัวของใครบางคนผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เบาะหลัง นัทขมวดคิ้วสงสัยในความสัมพันธ์คลุมเครือของไอ้อดีตคู่อริด้านหน้า กั้งเองก็ได้แค่ยักไหล่อย่างอับจนในคำตอบ ที่สุดก็ต้องลงทุนลุกไปเบียดพี่รหัสตัวเองแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง

“อะไรของมึงเนี่ย?” บัณฑิตโวยวายเมื่อจู่ๆ นัทก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้คับแคบจนแทบไม่เหลือช่องว่างให้หายใจ ตรีวิทย์เองก็พลอยติดร่างแหไปด้วย

“พี่ ผมถามจริง คู่นั้นมันยังไง?”

“คู่ไหน?”

“ก็พี่กันต์กับวันศุกร์ไง” นัทเหล่จนตาดำแทบจะหายเข้าไปในเบ้า ฑิตหันไปจ้องหน้าตรีเพียงแวบหนึ่งก่อนจะยอมรับตรงๆ

“พวกกูก็ไม่ได้รู้ลึกรู้จริงไปกว่ามึงหรอก แต่ที่แน่ๆ ไอ้กันต์มันสนใจวันศุกร์มาตั้งแต่แรกแล้ว”

“อันนั้นก็พอมองออกอยู่ แต่เดี๋ยวนี้ชักสนิทกันแปลกๆ แถมยังพูดจาดียิ่งกว่าคนเป็นแฟนกันอีก…เฮ้ย! หรือว่าจะคบกันแล้ว?”

คนโตกว่ายกมือขึ้นจุ๊ปากเป็นสัญญาณให้เบาเสียงลง

“ยัง…ถ้าคบกันมันก็ต้องบอกกูสิ”

นัททำท่าครุ่นคิดก่อนจะนึกอะไรบางอย่างที่สำคัญออก รีบเขย่าแขนบัณฑิตเอาความ ถ้าเขาจำไม่ผิด วันศุกร์เริ่มมีทีท่าว่านอนสอนง่ายขึ้นตั้งแต่เมื่อประมาณสองอาทิตย์ก่อน ตอนที่ถูกพี่มิวจับไปมอมยา แต่ตอนนั้นเขากับกั้งพยายามถามรายละเอียด เจ้าตัวก็ไม่ยอมปริปาก บอกว่าไม่อยากนึกถึงให้ลืมไปซะ หลังจากนั้นมาก็ไม่ได้เจอหน้าพวกรุ่นพี่ปีสามเลยจนวันนี้ ถึงมาโป๊ะแตกว่าท่าทีและสรรพนามระหว่างสองคนนั้นมันเปลี่ยนไป สงสัยต้องมีอะไรมากกว่าที่เขารู้แน่

“ตอนที่ไอ้พี่มิวจับวันศุกร์ไปแล้วพวกพี่ไปช่วยอะ มันมีอะไรใช่มะ”

“แล้วมึงรู้มามากน้อยแค่ไหนล่ะ?” ฑิตถามหยั่งเชิง ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะรู้มากกว่าอีกฝ่ายสักแค่ไหนกันเชียว

“ก็ไม่ค่อยรู้ไรหรอก ศุกร์มันบอกแค่ว่าพี่กันต์ไปช่วยแล้วยังอยู่ดูแลมันด้วย ก็เลยเริ่มมองพี่กันต์ในแง่ดีขึ้น แค่นั้นแหละ”

“เออ จริงๆ มันก็แค่นั้นนะ”

“จริงอะ? ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นได้เสียกันแล้วหรอกเหรอ” รุ่นน้องปีหนึ่งลองตั้งสมมติฐานน่าหวาดเสียว หัวคิ้วสองข้างขมวดเครียด “วันนั้นไอ้ศุกร์มันโดนยาด้วยหนิ…แม่ง”

“คิดอะไรบ้าๆ เพื่อนกูสุภาพบุรุษพอโว้ย” บัณฑิตฟาดกบาลเด็กจิตใจอกุศลไปทีแล้วรีบอธิบาย

“ไอ้กันต์มันไม่ได้ทำอะไรเพื่อนมึงหรอก มันคอยดูแลไม่ให้เพื่อนมึงเตลิดทั้งคืน ก็คงไม่แปลกที่วันศุกร์จะมองมันในแง่ดีขึ้นบ้าง ส่วนเรื่องที่มันคุยกันกระหนุงกระหนิง เห็นบอกว่ามันขอวันศุกร์ไว้ เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ไปช่วย ก็เลยขอให้วันศุกร์พูดจาดีๆ กับมันบ้าง แค่นั้นแหละ”

นัทพยักหน้า พยายามประมวลผลตาม…ถ้าเป็นข้อตกลง แลกกับบุญคุณก็คงพอฟังขึ้น แต่ยังไงเขาก็คิดว่ามันมีตื้นลึกหนาบางมากกว่าแค่คำของ่อยๆ อยู่ดี เพราะเขาเองก็มองออกว่าวันศุกร์ไม่ได้ไม่ชอบกันต์อย่างที่เคยพูดไว้ แล้วกันต์เองก็ดูออกง่ายว่าคิดเกินพี่มาแต่ไหนแต่ไร เขาเลยอยากรู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ปัญญาอ่อนของไอ้สองคนนั้นมันพัฒนาหรือชัดเจนมากขึ้นแล้วหรือยัง

“แค่นั้นเหรอ?”

“เออ พวกกูก็รู้มาแค่เนี้ย จะเอาอะไรอีกวะ เดินไปถามเลยมะ”

“โห่ ก็ผมอยากรู้อะว่าสรุปสองคนนั้นเขาไปถึงไหนกันแล้ว พวกพี่ก็ดูออกไม่ใช่เหรอ ว่าพี่กันต์กับวันศุกร์มีใจให้กันอะ” นัทโพล่งออกมาตรงๆ จนบัณฑิตกับตรีวิทย์อดจะหัวเราะคิกคักตามไม่ได้ ก็จริงอย่างว่า พวกเขามองออกทะลุปรุโปร่ง ยกเว้นแค่เจ้าตัวที่ยังไม่ยอมชัดเจนกันทั้งสองฝ่าย

“ไอ้พัฒนามันก็พัฒนาอยู่แล้ว นัทก็เห็นหนิ แต่ไอ้เรื่องว่ายอมรับน่ะ…คงยังหรอก ก็ฟอร์มจัดกันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ” ตรีวิทย์เป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้าง ซึ่งเขาเห็นด้วยมากๆ

“แล้วพวกเราไม่ต้องทำไรเลยเหรอครับ”

“ไม่ต้องหรอก เรื่องของพวกเขาก็ให้เขาจัดการกันเอง เราคอยลุ้นอยู่ห่างๆ ก็พอ”

นัทยู่ปาก จำใจยอมรับแม้จะคิดว่าอีหรอบนี้มันไม่เห็นสนุกเลย แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ จริงอย่างที่ตรีวิทย์ว่า…เรื่องของสองคนนั้น ก็ต้องให้หัวใจของสองคนนั้นจัดการเอง ความสัมพันธ์ที่เคยเริ่มต้นจากติดลบ จะพัฒนาขึ้นได้มากแค่ไหนก็ต้องมาคอยดูกันล่ะ ส่วนเขาก็คงทำได้แค่เป็นห่วงในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง แต่เขาที่มองสองคนนั้นออกก็อดจะหงุดหงิดไม่ได้…

กันติกรณ์คนฟอร์มจัด ทำเป็นบอกว่าไม่ชอบขี้หน้าทั้งที่ตกหลุมรักเพื่อนเขาเข้าอย่างจัง แสดงออกมาชัดเจนตั้งนานแล้วยังไม่ยอมพูดคำที่อยู่ในใจออกมาอีก ส่วนวันศุกร์ก็ปากหนักเหลือเกิน ทำเป็นบอกไม่ชอบบ้างล่ะ รำคาญบ้างล่ะ ทั้งที่เผลอพูดถึงอีกฝ่ายอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ยังไม่รู้ตัวไม่รู้ใจสักที มันทำให้เขารู้สึกเหนื่อยแทนอย่างบอกไม่ถูก

สายตาคาดหวังเหลือบมองเพื่อนตัวเล็กซึ่งกำลังพูดคุยกับรุ่นพี่บนเบาะข้างๆ เจื้อยแจ้ว ใบหน้ายิ้มแย้มมีรอยเปื้อนสีชมพูอยู่ข้างแก้ม กันต์เองก็ด้วย น่าตลกชะมัด ทั้งที่ดูออกง่ายขนาดนั้น กลับทำให้มันยากขนาดนี้…

เพื่ออะไรนะ ไม่เข้าใจจริงๆ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:55:26 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 10.5



เมื่อรถบัสมาถึงรีสอร์ท รุ่นพี่ปีสองแม่งานก็คอยต้อนให้ทุกคนเอากระเป๋าเข้าไปเก็บในห้องพัก ก่อนจะกลับมานั่งรวมตัวกัน ณ ลานกิจกรรมในร่ม รุ่นน้องปีหนึ่งได้รับแจกป้ายชื่อ สีสันหลากหลาย ด้านหลังมีแนบรูปถ่ายแปลกๆ มาด้วย

“เดี๋ยวพี่จะให้น้องๆ แบ่งกลุ่มตามสีป้ายชื่อนะครับ ส่วนภาพที่แนบไว้คือภาพถ่ายอวัยวะของรุ่นพี่ปี3 กับปี4 น้องๆ จะต้องไปตามหามาให้ได้ว่าภาพที่ตัวเองได้รับคือภาพของพี่คนไหน แล้วมาให้คำตอบวันกลับ” พี่วิน ปี2 MC ฝ่ายชายประจำงานกล่าวขึ้น ตามด้วยเสียงพี่ต้นหลิว MC ฝ่ายหญิง

“จริงจังนะคะ ถ้าใครตอบผิดจะมีบทลงโทษให้ด้วย”

วันศุกร์หยิบภาพในมือตัวเองขึ้นพิจารณา รอยสักรูปนกถมดำอยู่บนพื้นผิวขาวอมเหลือง เหนือขึ้นไปหน่อย แอบเห็นอะไรโผล่มาในภาพเพียงนิด คล้ายว่าจะเป็นร่องสะดือ...ตลกและ นี่มันภาพถ่ายแถวท้องน้อย อีกนิดนึงก็คงถึงน้องชายพอดี แล้วใครจะไปเดาออก! งี้ไม่ต้องไปขอเปิดเสื้อถกกางเกงรุ่นพี่ทุกคนเลยเรอะ

“ของพวกมึงได้อะไรกัน?”

“กูได้ขนจั๊กกะแร้ อีเหี้ยยย” นัทหวีดร้องเสียงแหลม ทำเอาเขากลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ในขณะที่ของกั้งเป็นแค่รูปติ่งหู มีจิวอันเล็กเสียบอยู่เท่านั้น

“นี่หูซ้ายหรือขวาวะ”

จำได้ว่าพี่กันต์เจาะหูซ้าย เอ…แต่ว่าพี่ฑิตก็เจาะหูทั้งสองข้างเลยเหมือนกัน ยากแฮะ คนเจาะหูแบบนี้จริงๆ ก็มีตั้งเยอะ แล้วก็ไม่มีอะไรตัดสินได้ด้วยว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย สรุปก็ยากพอกันหมด รู้สึกถึงความฉิบหายตั้งแต่เริ่ม ดีจัง

“กูกับกั้งอยู่สีเขียวเหมือนกันว่ะ” นัทพูดขึ้นขณะก้มมองป้ายชื่อของเขา

ชื่อ N’วันศุกร์ พาดอยู่บนป้ายกระดาษแข็งสีฟ้าสดใส

“เออ งั้นกูไปรวมกลุ่มละ”

“เออๆ โชคดี”

เด็กปีหนึ่งกระจายตัวสะเปะสะปะได้สักพักก็เริ่มสงบ แต่ละคนนั่งเรียวแถวตอนใหม่ แยกตามสี วันศุกร์ถูกผลักมาอยู่หน้าแถวตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ โดยมีเพื่อนหน้าตาหล่อเหลาผิดมนุษย์มนานั่งขนาบหลัง ถ้าจำไม่ผิดไอ้หมอนี่ชื่อ ต้นหน เป็นลีดคณะ มีภาพลงเพจ Cute Boy ระดับมหาลัย ไม่ค่อยได้เข้าคลาสเพราะร่วมกิจกรรมเยอะ เพิ่งได้เห็นหน้าชัดๆ ก็วันนี้เอง

ยอมรับเลยว่าหน้าตาดีมาก ผิวขาวเกือบเท่าเขา แต่ตัวสูงกว่าเยอะ

“วันศุกร์ๆ” เขาเอี้ยวตัวไปทางด้านหลังตามแรงสะกิด ต้นหนกำลังนั่งฉีกยิ้มให้ พลางเอ่ยแนะนำตัวอีกครั้งอย่างเป็นทางการ

“อยู่คลาสเดียวกันแท้ๆ แต่ยังไม่เคยคุยกันเลย เราต้นหนนะ”

“อ่า ก็นายไม่ค่อยเข้าเรียนหนิ”

“อืม...ช่วงแรกมันยังปรับตัวไม่ค่อยได้ เลยเหนื่อยน่ะ แต่หลังจากนี้ว่าจะเข้าคลาสให้บ่อยขึ้นแล้วแหละ”

“อ๋อ ก็ดี ยังไงก็สู้ๆ ละกัน”

“เอ่อ ถ้าเราไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาตรงไหน เราถามศุกร์ได้ใช่ไหม?”

“อ๋อ ได้ดิ แต่ไม่รู้จะช่วยได้รึเปล่านะ” คนตัวเล็กขำ ถึงเขาจะไม่ใช่เด็กหลังห้องแต่ก็ไม่ใช่เด็กแถวหน้าเช่นกัน โปรดอย่ามาคาดหวังอะไรจากคนที่ต้องการแค่คะแนน  Attendance เลย

“เอาล่ะครับ ก่อนอื่นพี่ขอถามหน่อยว่า ในนี้มีใครร้องเพลงคณะเราเป็นมั่ง?” พี่วินประกาศใส่ไมค์ดึงความสนใจจากรุ่นน้องซึ่งนั่งจัดแถวกันเรียบร้อยแล้ว มีรุ่นพี่ปีสองกลุ่มหนึ่งทยอยเดินออกมาจากมุมต่างๆ ในมือถือกระดาษแผ่นใหญ่ มีเนื้อร้องเพลงประจำคณะเขียนเอาไว้

กิจกรรมเป็นชิ้นเป็นอันเริ่มต้นขึ้นด้วยการสอนร้องเพลงเรื่อยเปื่อย ตามมาด้วยการแข่งขันตอบคำถามเกี่ยวกับคณะ

กลุ่มสีแดงที่มีเปาเป็นหัวโจกได้คะแนนตอบคำถามต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุด ก็โดนเชิญออกไปเต้นลงโทษ ซึ่งดูเหมือนหัวหน้าทีมจะดูลั้ลล้ามากจนพี่วินถึงกับอดไม่ได้ เดินมาถีบก้นไปทีอย่างหมั่นไส้ เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กคนอื่น

พอตกเย็น ก็มีเกมเล็กๆ น้อยๆ มาให้เล่นก่อนจะปล่อยน้องไปกินข้าว โดยให้ปีหนึ่งหันไปจับคู่เพื่อนด้านหลังตัวเอง พี่ต้นหลิวเริ่มอธิบายกติกา โดยมีพี่วินยืนถือลูกโป่งใบใหญ่อยู่ในมือ

“เราจะแจกลูกโป่งให้ แล้วให้แต่ละคู่กอดกันโดยเอาลูกโป่งไว้ตรงกลางแบบนี้” รุ่นพี่ชุดสาธิตก้าวเท้าออกมาสองคน มีลูกโป่งใบโตกั้นอยู่ตรงกลางอก ในขณะที่ทั้งสองกำลังวาดแขนกอดกัน

“ทั้งสองคนต้องกอดกันเพื่อทำให้ลูกโป่งแตก”

พูดจบ พี่ผู้หญิงตรงกลางฟลอร์ก็เริ่มดันตัวเองเข้าหากันอย่างรุนแรงจนลูกโป่งแตกดังโป๊ะ สาวๆ บางคนเผลอกรี๊ด แม้แต่วันศุกร์เองยังแอบตกใจ แค่มองยังเสียวแทนไม่รู้ว่ามันจะเจ็บหรือเปล่า

“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา คู่แรกออกมาเลยครับ”

พี่วินกวักมือเรียกเด็กจากสีเขียวริมฝั่งขวาสุด เพื่อนผู้ชายสองคนเดินออกไปแบบเก้ๆ กังๆ ตากล้องประจำงานอย่างพี่พะเพื่อนเดินแหวกฝูงชนเข้ามาแสตนบาย โดยมีพี่กระแตคอยแท็กทีมด้วยกล้องวิดีโออีกตัว

หลังจากนั้นเสียงเชียร์กับเสียงลูกโป่งแตกก็ดังขึ้นเป็นระยะ จนคนที่เหลืออยู่ชักหลอนหู เขาหันมองหน้าเพื่อนข้างตัวท่าทางเกร็งๆ

“จะเจ็บไหมเนี่ย”

“ไม่ค่อยมั้ง พวกผู้หญิงยังไหวเลย” ต้นหนพยายามปลอบ เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่กว่าจะมาถึงคู่เขาซึ่งนับว่าเป็นคู่สุดท้ายพอดี

“มาเลยๆ โอ้โหนี่ตัวเด็ด”

“คนนึงก็หล่อ คนนึงก็น่ารักนะพี่วินนะ” พี่ต้นหลิวได้ทีกระแซะใหญ่ ไม่ได้เกรงใจสายตาอำมหิตจากคนดูด้านหลังกลุ่มเด็กปีหนึ่งเลยแม้แต่น้อย

กันติกรณ์ขยับมายืนตรงจุดที่สามารถมองเห็นผู้เล่นได้ชัดเจน มีบัณฑิตกับตรีวิทย์ขนาบข้างสองด้าน สายตาถมึงทึงจ้องหน้าเขากับต้นหนสลับกันไปมาอย่างเอาเรื่อง แต่กระนั้น MC ผู้น่ารักทั้งสองก็ยังไม่ตรัสรู้ถึงแรงกดดันน่ากลัวนี้ พี่วินเดินไปหยิบลูกโป่งสีฟ้าอัดด้วยแก๊สประมาณนึง

“เอ้ากอดกันแน่นๆ” ต้นหนยืนขำไม่รู้ร้อนรู้หนาว มือหนาคว้าตัวเพื่อนตรงหน้าเข้าไปใกล้ ในวินาทีที่พี่วินสอดลูกโป่งดังกล่าวลงมาตรงกลาง แขนแกร่งพาดไปกับแผ่นหลังของวันศุกร์ แอบได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดเล็ดลอดออกมาจากกลุ่มผู้หญิงแถวนั้น

พอเสียงนกหวีดส่งสัญญาณดังขึ้น ต้นหนก็ยิ่งรั้งร่างของเขาเข้าหาอย่างหนักหน่วง พยายามจะทำให้ลูกโป่งแตกให้ได้แต่ก็ไม่เป็นผล วันศุกร์ได้แต่กลัวเลยไม่กล้าก้มลงมอง เขาพยายามเงยหน้าสุดชีวิตเพื่อกันไม่ให้แรงจากแก๊สกระแทกตายามลูกโป่งแตก

ถึงอย่างนั้น...มันก็ยังไม่ยอมแตกอยู่ดี...

“กอดกันแน่นอีกๆ” พี่วินเชียร์ออกนอกหน้า ตามมาด้วยเสียงโห่ฮาจากเพื่อนๆ ด้านล่าง

“ทำไมไม่แตกอะ”

คนตัวเล็กเริ่มโอดครวญทั้งที่หลับตาปี๋ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอยู่เพียงใกล้ ต้นหนเพิ่มแรงกอดจนพวกเขาแทบจะรวมร่าง แต่ไอ้ลูกโป่งไม่รักดีกลับทำได้มากสุดแค่บิดเบี้ยว อะไรวะ แกล้งกันปะเนี่ย โดนบีบขนาดนี้ควรจะแหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปแล้วด้วยซ้ำ อีลูกโป่งตายยาก!

พะเพื่อนรัวชัตเตอร์ไม่หยุด แถมยังขยับเข้ามาใกล้จนบ้องเลนส์แทบกระแทกหัว เธอนึกขำอยู่ในใจเพราะเห็นว่าวินแกล้งอัดแก๊สลูกโป่งของวันศุกร์น้อยกว่าของคนอื่น ทำให้ผิวยางหนาแตกยากกว่าปกติ ทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่ดูสนุกสนาน เพราะถือว่าคู่นี้เด็ดจริง ใครๆ ก็คอยแต่จะจับตามอง เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นที่รู้จัก แถมผู้ชายหน้าตาดีสองคนมายืนเบียดกัน ยังไงก็เรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่ยากอยู่แล้ว

“แน่นอีกๆ”

เสียงปรบมือดังเป็นจังหวะ เริ่มมีเม็ดเหงื่อซึมออกมาจากขมับทั้งสองคนบนกลางลาน ในขณะที่วันศุกร์ขมวดคิ้วยุ่ง ต้นหนกลับยิ้มร่า

“เฮ้ยๆ” ตรีวิทย์ร้องขึ้น

จู่ๆ เพื่อนข้างๆ ก็พุ่งตัวผ่านรุ่นน้องด้านหน้าออกไปแบบไม่ปรึกษากันก่อน การเคลื่อนไหวครั้งนี้ดึงดูดความสนใจจากนักศึกษาทั้งหมดให้หันมามองกันเป็นสายตาเดียว MC ชายหญิง รีบกลืนคำพูดลงคอ ปล่อยให้กันต์ตรงเข้าประชิดเด็กที่กำลังยืนกอดกันแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยขัด

มือใหญ่คว้าหมับไปยังลูกโป่งสีฟ้า เล็บสั้นๆ หากก็แหลมคมจิกลงบนผิวยางหยืดหยุ่นรุนแรงพอๆ กับอารมณ์โมโหในกาย เสียงลูกโป่งแตกดังโป๊ะตามมา ทั่วทั้งบริเวณเงียบสนิท ราวกับถูกหยุดเวลาไว้ วันศุกร์กับต้นหนผละตัวออกจากกันด้วยความตกใจ เพิ่งสังเกตว่ากันต์มายืนขมวดคิ้วอยู่ต่อหน้า

“แตกแล้ว” รุ่นพี่ปีสาม หลานชายคณบดีเอ่ยเสียงเรียบ แล้วดึงมือวันศุกร์ไปยังโต๊ะหิน ถัดไปทางด้านหลังของลานกิจกรรม บังคับให้คนตัวเล็กนั่งลงบนตักตัวเอง ท่ามกลางสายตาสนอกสนใจมากมาย

“อะ…เอ่อ…”

“เอ้อ! แตกแล้ว ยินดีกับน้องๆ ทุกคนด้วยนะครับที่ทำสำเร็จ” วินรีบแก้สถานการณ์พลางสะกิดต้นหลิวให้กลับคืนสติ ผลัดกันสรุปกิจกรรมอีกแค่เล็กน้อย ก็ปล่อยให้ทุกคนไปกินข้าวเย็น

“พี่กันต์ ปล่อยย”

“ไม่”

“เป็นบ้าไรเนี่ย”

วันศุกร์พยายามแกะมือหนาออกจากเอวแต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุนั่นแหละ กันต์กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น โดยมีตรีวิทย์กับบัณฑิตเดินเข้ามาสบทบ ตามด้วยกั้งและนัททีหลัง

“ออกตัวแรงจังวะ” บัณฑิตแซว ตามด้วยนัทซึ่งรอโอกาสเข้าแทรกอยู่แล้ว

“เออ ขี้หวงว่ะพี่กันต์”

“ทำตัวเป็นเด็กไปได้” ขนาดตรีวิทย์ยังอดจะตำหนิไม่ได้

ตลอดเวลาที่ยืนห้อมล้อมกันอยู่นี่ก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตานับสิบ โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่คอยแต่จะหัวเราะคิกคัก ไม่รู้คิดอะไรเตลิดเปิดเปิงเกินจริงไปหรือเปล่า แต่ยังพูดไม่ทันขาดคำ ผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดในงานนี้ก็มาปรากฏตัวขึ้นพร้อมกล้องคู่ใจ

“ยืนทำอะไร ไม่ไปตักข้าวกันเหรอ?” พะเพื่อนทำเป็นแทรกตัวเข้ามาถาม ทั้งที่จริงแค่อยากแอบหาจังหวะแชะภาพวันศุกร์บนตักกันติกรณ์ก็เท่านั้น

“อีกแป๊บ คนยังเยอะอยู่”

“สองคน เดี๋ยวนี้สนิทกันจังเลยนะ มีอะไรที่พี่ไม่รู้รึเปล่าเนี่ย”

“ปะ…เปล่า ไม่มีอะไรสักหน่อยครับ”

วันศุกร์ยกมือปฏิเสธพัลวัน หันมองซ้ายมองขวาเพื่อหลบสายตาจับผิดจากรุ่นพี่สาว จนไปหยุดลงตรงเพื่อนร่วมกลุ่ม กำลังเดินถือจานข้าวสองจานตรงมาทางนี้ แต่ก็ดูเหมือนกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมเข้ามาสักที จนเขาต้องหันไปส่งสายตากึ่งจะอ้อนใส่คนด้านหลังอย่างช่วยไม่ได้

“พี่กันต์ ปล่อยศุกร์เถอะนะ ศุกร์หิวแล้ว”

หวังว่าบทที่เก็บไว้ใช้กับวันเสาร์จะใช้กับคนคนนี้ได้เหมือนกัน....

กันต์เลิกคิ้ว นิ่งไปสักพักจึงยอมคลายวงแขนออก

“อืม กินข้าวๆ”

ทันทีที่หลุดจากการเกาะกุม ก็รีบเดินนำขบวนไปทางต้นหน ทั้งรุ่นเพื่อนรุ่นพี่ด้านหลังต่างหยุดเฝ้าสังเกต แม้จะไม่มีใครพูดอะไรแต่ก็รู้ดีว่าในหัวกำลังเต็มไปด้วยคำถาม

“เห็นแถวมันยาว เราเลยตักข้าวมาเผื่อศุกร์แล้วอะ”

“โห ขอบใจมากเลย จริงๆ ไม่ต้องลำบากก็ได้ เราจะไปตักเองอยู่แล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก แต่ตักมาหมดเลย ไม่รู้ศุกร์กินได้หรือเปล่า”

สายตาไล่มองอาหารบนจาน มีผัดวุ้นเส้น หมูทอด ลาบ กับแกงข่าไก่ โหย สบายท้องเลย

“กินได้ๆ ขอบใจนะ”

“อืม แล้ว…จะไปนั่งกินด้วยกันไหม?” ต้นหนถามขึ้น ไม่ได้สนใจจะมองเลยสักนิดว่ามีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากรุ่นพี่ตัวโตมากแค่ไหน และไม่ทันที่วันศุกร์จะได้ตอบอะไรกลับ กันต์ก็เดินเข้ามาขวางหน้าซะก่อน

“ขอโทษด้วยนะ วันศุกร์จะนั่งกินกับพวกเรา”

“อ่า…ครับ”

คนเด็กกว่ายอมรับชะตากรรม เขาเข้าใจดีว่าไม่ควรมีเรื่องกับผู้ชายชื่อกันติกรณ์ แต่ก็ยังไม่วายหันมาส่งยิ้มให้วันศุกร์อีกครั้งก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่น พอตัวน่าหงุดหงิดพ้นสายตาไปแล้วจึงหันกลับมาเอาเรื่องกับเด็กตรงหน้าต่อ

“ไอ้นั่นมันชื่ออะไร? สนิทกันเหรอ?”

“ชื่อต้นหน เพิ่งเคยคุยกันวันนี้เอง แต่เขานิสัยดีนะ”

กันต์ขมวดคิ้ว มือข้างหนึ่งคว้าต้นแขนบางเข้าหาตัว จนถ้วยแกงบนจานกระเฉาะออกมาหน่อยๆ ตรีวิทย์ส่งสัญญาณให้คนอื่นในกลุ่มเดินไปต่อแถวตักอาหาร ไม่ต้องสนใจอะไรมากนัก เพราะเขารู้ว่ากันต์คงไม่คิดทำอะไรบ้าๆ ท่ามกลางผู้คนมากขนาดนี้

“เพิ่งเคยคุยกัน แล้วรู้ได้ยังไงว่านิสัยดี”

“แค่คุยด้วยก็รู้แล้ว”

“อะไร คุยกันวันเดียวก็ตัดสินว่าเป็นคนดี แบบนี้ก็ได้เหรอ?”

“เออ แบบนี้ก็ได้ พี่กันต์รีบไปตักข้าวเถอะ” วันศุกร์ตัดบทอย่างเอือมระอา พออีกฝ่ายทำท่าจะไม่จบ เขาถึงต้องแกล้งกดเสียงเข้มใส่ ใบหน้าส่อแววหงุดหงิด

“แต่…”

“ศุกร์ก็แค่คุยกับเพื่อน พี่จะอะไรเนี่ย ศุกร์ไม่อยากทะเลาะด้วยนะ...หรือพี่กันต์อยากทะเลาะ?”

“...”

“ว่าไง?”

“ไม่อยาก” พูดแค่นั้น ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดไปต่อแถวตักอาหาร

เขานำหน้าไปหาโต๊ะว่าง สักพักพวกที่เหลือจึงตามมา จานข้าวของบัณฑิตกับนัทมันพูนจนเกือบล้น ในขณะที่จานของตรีวิทย์กับกั้งถูกจัดอย่างเป็นระเบียบยิ่งกว่าอาหารในภัตตาคาร น่าตลกดี พวกเขาทั้งสามคนกับรุ่นพี่แก๊งเด็กเส้น ดูเหมือนจะถอดแบบกันมายังไงยังงั้น

“อืม อร่อย” นัทเคี้ยวไปพูดไป ชี้นิ้วไปยังหมูทอดชิ้นใหญ่ในจานเพื่อนข้างๆ เหมือนต้องการบอกให้ลองชิม

ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก ทุกคนสนใจอยู่กับการกินหลังจากทำกิจกรรมมาตลอดวัน กันต์ลอบมองวันศุกร์อยู่เนืองๆ หลายครั้งต้องกลั้นยิ้มเพราะนึกหมั่นเขี้ยวแก้มที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ่ยๆ นั่น อยากเข้าไปหยิก อยากเข้าไปหอมสักฟอดคงชื่นใจดี

“เออ...แล้วนี่พวกมึงกินหมูได้เหรอวะ?” น้ำเสียงเคลือบแคลงใจดังออกจากปากของบัณฑิต ทั้งโต๊ะเงียบ เงยหน้าขึ้นมอง

กันต์กับวันศุกร์สบตากันแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปทางคนตั้งคำถาม เพราะดูเหมือนว่าบัณฑิตกำลังพูดถึงพวกเขาสองคน ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามพอดี

“ก็มึงเลี้ยงหมูอะ”

ทั่วบริเวณเงียบสนิท...

นัทสำลักข้าว รีบหันมองเพื่อนตัวเล็กซึ่งบัดนี้นิ่งค้างเป็นหุ่นไปแล้ว ในปากยังมีเศษหมูทอดอมไว้ไม่ยอมกลืน รู้สึกเหมือนเห็นน้ำตารื้นขึ้นมานิดๆ

เอาแล้วไง ไอ้พี่ฑิต...ไอ้ชั่ว!!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:55:51 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 11.0



“เฮ้ย! อย่าคาย” กันติกรณ์ยกมือขึ้นดันคางมน ไม่ยอมให้วันศุกร์บ้วนของในปากออก คนกำลังช็อกเอาแต่ขมวดคิ้วยุ่ง ตีหน้าเหมือนจะร้องไห้ สายตาดุๆ หันขวับไปทางไอ้เพื่อนตัวดี ซึ่งกำลังถูกสายตาจากคนอื่นๆ ในโต๊ะร่วมรุมประชาทัณฑ์โดยพร้อมเพรียง

“เอ่อ...โทษที ก็แค่ถามดู แต่จริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวนี่เนอะ”

“เออ ไม่เกี่ยว เราก็ไม่ต้องไปฟังมัน กินๆ ไป” หันมาลูบหลังบอกรุ่นน้องข้างตัวซึ่งยังไม่ยอมกลืนข้าวในปากสักที

“แอ่เอ้าอื้อ...”

“เออน่า มันคนละพันธุ์ ไม่เป็นไรหรอก”

วันศุกร์กลอกตาซ้ายทีขวาทีอย่างลังเล จนกันต์ต้องงัดไม้สุดท้ายออกมาใช้ ด้วยการยื่นหน้าเข้าไปจ่อจมูกรั้น

“จะกินไหม หรือจะให้พี่กินแทน” เขาแกล้งแลบลิ้นเลียริมฝีปากล่าง “แต่กินจากปากเรานะ”

“!!”

คนตัวเล็กเบิกตากว้างอยากจะถอยห่างแต่กลับถูกมือใหญ่รั้งท้ายทอยไว้ น้ำเสียงจริงจังทำเอาเขาลืมทุกอย่างแล้วกลั้นใจกลืนอาหารลงคอ พวงแก้มสองด้านขึ้นสีระเรื่อ

กันต์หัวเราะในลำคอ ยอมผละตัวกลับไปประจำที่เหมือนเดิม แต่ก็ยังหันมาย้ำ

“กินไปเถอะอย่าคิดมากเลย”

“ม...ไม่คิดก็ได้”

วันศุกร์พูดเสียงอุบอิบ ก่อนจะยู่ปากเหมือนเด็กๆ กันต์กลั้นขำ ยิ่งมองก็ยิ่งหมั่นเขี้ยว น่าจับไปชุบแป้งทอดแล้วกลืนลงท้องซะให้เข็ด

หลังจากเวลาอาหาร ปีหนึ่งก็ถูกเรียกกลับไปรวมกลุ่มอีกครั้ง พี่ๆ เสนอเกมไก่กาให้เล่นกันต่ออีกพักใหญ่จนล่วงเลยไปเกือบสี่ทุ่ม น้องหลายคนเริ่มผงกหัวคล้ายจะหลับแหล่มิหลับแหล่ เป็นคราวของรุ่นพี่ฝ่ายสวัสดิการต้องลงมาช่วยผสมน้ำให้น้องดื่มคลายง่วง

มือหนึ่งยกขวดแฟนต้าน้ำแดง เทใส่ถังตักทรายซึ่งถูกใช้ต่างภาชนะ อีกมือก็ง่วนควานหาขวด M150 ที่ซ่อนไว้ ผสมลงไปจนได้รสชาติกลมกล่อม เพื่อจะทำให้รุ่นน้องมีแรงฮึดต่อ

“เอ้า” ถังน้ำสีฟ้าถูกส่งต่อให้พี่เลี้ยงประจำแต่ละกลุ่ม ก่อนจะหันมาชงเครื่องดื่มลำดับต่อไป หากก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องตกใจจากเพื่อนสักคนตรงนั้น

“ไอ้หวาน!”

“ห...ห้ะ?”

“มึงผสมเหล้าลงไปทำไม!?”

“เฮ้ยย!” คนชื่อหวานเบิกตากว้าง เพิ่งสังเกตว่าในมือไม่ได้ถือขวด M150 อีกแล้ว กลับกลายเป็นขวดแก้วผอมบางที่เพิ่งเปิดใหม่ น้ำสีอำพันด้านในหายไปเกือบเกินครึ่ง

“นี่มันเหล้าแบนที่พี่เก่งฝากซื้อมาพร้อมเอ็มร้อย มึ๊งงง” เพื่อนที่เข้ามาเตือนพยายามลดระดับเสียงลงไม่อยากให้ใครสงสัย

“เชี่ยแล้ว รีบบอกให้เอาถังสีฟ้ากลับมาก่อน”

เธอรีบเขย่าแขนอีกฝ่าย เพราะถ้าไม่เลอะเลือนเกินไปมากกว่านี้ เธอคิดว่าเพิ่งเผลอตัวผสมเหล้าลงไปกับถังน้ำของสีเมื่อกี้เป็นสีแรก เพราะก่อนหน้านั้นก็ยังมีขวด M150 ว่างเปล่าวางทิ้งไว้เป็นหลักฐาน สต๊าฟแต่ละคนเริ่มส่งข่าวต่อกันอย่างรวดเร็ว และเงียบเชียบ หากก็เต็มไปด้วยความร้อนรนจนน่าสงสัย

“เจน เอาถังน้ำน้องกลับมาก่อน อันนั้นมันผสมเหล้า”

“ห้ะ!” รุ่นพี่ประจำกลุ่มสีฟ้าหลุดเสียงร้อง แต่ MC ก็ดูจะจับสังเกตความผิดปกติได้ จึงรีบดึงความสนใจน้องกลับมา ปล่อยให้เจนกับเพื่อนอีกคนวิ่งย้อนกลับไปยังหัวแถว

เพื่อพบว่า...วันศุกร์กำลังจะส่งถังน้ำต่อไปให้ต้นหนพอดี

“เดี๋ยวๆ” มือเรียวรีบคว้าเอาภาชนะเจ้าปัญหาคืนมา ส่งต่อให้เพื่อนยกไปเก็บโดยไว

“มีอะไรเหรอครับ?”

“คือ...พี่ พี่เขาลืมเติมน้ำแข็งอะจ่ะ รอแป๊บน้า”

เธอหัวเราะแห้งๆ ให้กับคำอธิบายฟังไม่ขึ้นเมื่อสักครู่ แล้วเดินเหงื่อตกไปทางหวาน ซึ่งกำลังยืนเกร็ง หน้าซีดยิ่งกว่าไก่ต้มเมื่อทราบสถานการณ์ รุ่นน้องมีเป็นร้อย ทำไมคนที่มาซวยเพราะเธอถึงต้องเป็นวันศุกร์! วันศุกร์เชียวนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น นอกจากจะโดนหลายคนแถวนี้รุมประณามแล้ว เธออาจจะถูกฆ่าทิ้งทะเลโดยฝีมือของกันติกรณ์เลยก็ได้

เพราะถึงจะเคยมีข่าวว่าไม่ถูกกันตอนเปิดเทอมใหม่ แต่ตอนนี้ใครๆ ต่างก็มองออกว่า กันต์น่ะให้ความสำคัญกับรุ่นน้องคนนี้มากแค่ไหน แบบนี้ตายแน่ ตายแน่ไอ้หวาน…

“ยังไงก็เหอะ เราควรจะบอกเรื่องนี้กับพี่กันต์นะ”

“แบบนั้นฉันก็คอขาดน่ะสิ” เสียงแหลมดังขึ้นประท้วง และถึงแม้ว่าเจนจะนึกสงสารเพื่อนแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะคนในบทสนทนาได้เดินมารวมกลุ่มกับพวกเขาเรียบร้อย

“มีอะไรกัน เมื่อกี้เห็นวิ่งไปทางหัวแถวสีฟ้า” บัณฑิตเอ่ยถาม เด็กปีสองหลายคนผวาหลบสายตากันไปคนละทิศคนละทาง

ตัวต้นเหตุยืนสั่นหงึกหงัก จนตรีวิทย์ต้องลงทุนออกโรงเอง ไม่งั้นรังสีอำมหิตจากเพื่อนอีกสองคนคงทำเอารุ่นน้องขวัญหนีดีฟ่อกันหมด

“มีอะไรเหรอ? เล่าให้พวกพี่ฟังได้ไหม พอดีพี่เป็นห่วงน่ะ”

“เอ่อ...” เจนลังเล ก่อนจะยอมเปิดปากเสียงแผ่ว “คือเราผสมน้ำให้น้องสีฟ้าผิดอ่ะค่ะ ใส่...ใส่เหล้าลงไปแทน M150...”

“ว่าไงนะ?”

เสียงทุ้มของกันต์ดังขึ้นทันที หวานน้ำตาตกจนเพื่อนคนอื่นด้านหลังต้องรีบถลามาลากเธอออกไปปลอบที่อื่น เจนพยายามทำใจดีสู้เสือ และส่งสัญญาณมือให้พวกพี่ๆ ลดระดับเสียงลงหน่อย

“คือเพื่อนไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มันเป็นอุบัติเ…”

“ไม่ต้องพูดแล้ว” กันต์ยังคงดูหงุดหงิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แววตาดุคมเหลียวมองวันศุกร์สองสามรอบด้วยความเป็นห่วง ปล่อยให้ตรีวิทย์เป็นฝ่ายถามเอาความต่อ

“แล้วใส่ไปเยอะไหม? น้องคนไหนดื่มไปแล้วบ้าง?”

“เอ่อ ก็น่าจะราวๆ เศษหนึ่งส่วนสี่ของขวดแบนอ่ะค่ะ” เธอชี้ไปยังขวดแก้วที่ยังวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนจะทำท่าอึกอัก “น้อง...เอ่อ มีแค่น้องวันศุกร์ที่ดื่มไปค่ะ”

กันต์ชักสีหน้า จนตรีต้องไล่ให้เจนกลับไปดูแลงานต่อ หันมาตบไหล่เพื่อนให้ใจเย็น

“อย่าไปโมโหพวกน้องเขาเลย เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก”

“เออ กูว่าเราย้ายไปนั่งด้านหน้าดีกว่า จะได้คอยสังเกตวันศุกร์ด้วย” บัณฑิตเสริม ก่อนที่แก๊งเด็กเส้นทั้งสามจะเคลื่อนตัวไปรวมกลุ่มกับพวกพี่บัณฑิต ซึ่งนั่งจับเข่าส่องสาวๆ กันอยู่ใกล้ลำโพง

เสียงกรีดร้องเกรียวกราวดังขึ้นจากสาวแท้สาวเทียม ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง เพราะแน่นอนว่านอกจากทั้งสามหน่อจะหล่อระดับแถวหน้าของคณะแล้ว ก็ยังพ่วงด้วยจำนวนเงินในบัญชี และสถานะทางครอบครัวอันแสนเลอค่าไม่แพ้กันอีกด้วย

“พวกมึงมานั่งตรงนี้ทำไมเนี่ย บดบังรัศมีกูหมด”

“โห เฮียก็พูดไป” บัณฑิตหันไปพูดคุยกับพวกรุ่นพี่อย่างออกรส ทิ้งให้กันต์เอาแต่นั่งหน้าขรึม จ้องเด็กหัวแถวสีฟ้าไม่วางตา

ทุกครั้งที่วันศุกร์เอี้ยวตัวไปหัวเราะให้เด็กตัวสูงด้านหลัง เขาก็มักจะควบคุมอาการโมโหไว้ไม่อยู่ อยากจะลุกไปจับแยกให้ห่างๆ เอาวันศุกร์มาอยู่กับเขาซะ แล้วเอาไอ้เด็กต้นหนไปปล่อยไว้ดาวอังคารก็น่าจะดี

ผ่านไปสักพัก รุ่นพี่ปีสองแม่งานก็เดินไล่แจกกระดาษสำหรับโหวต ดาว เดือน และ ดิน ประจำชั้นปี ก็อย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน ดาวคือหญิงสวย เดือนคือชายหล่อ และดินคือคนเรียกเสียงฮา เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังระงม รุ่นน้องปีหนึ่งเริ่มหันมองหน้ากันไปมาวอกแวก เดี๋ยวสะกิด เดี๋ยวส่งสัญญาณ

ถ้าเขามีกระดาษสักใบ เขาจะโหวตให้วันศุกร์เป็นดาว เป็นดาวประจำใจเขา.........อี๋

ว่าแต่...วันศุกร์จะโหวตใคร คงไม่ใช่ไอ้หน้าหล่อด้านหลังนั่นหรอกนะ

“ศุกร์ ตำแหน่งดินนี่ให้เปาปะ” ต้นหนถามพลางขำน้อยๆ เป็นที่รู้กันในรุ่นว่าเปามักชอบทำตัวเฮฮา เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เสมอ วันศุกร์เองก็พยักหน้าเห็นด้วย และคิดว่ากั้งกับนัทก็คงโหวตให้เปาได้ตำแหน่งดินเช่นกัน

คนตัวเล็กหันกลับมาพิจารณาช่องว่างที่เหลือ รู้สึกมึนหัวยังไงไม่รู้ ยังฝาดลิ้นจากไอ้น้ำแดงลืมใส่น้ำแข็งเมื่อกี้ที่พี่เจนเอามาให้ดื่ม เขาว่ารสชาติมันขมแปล่มๆ แสบคอไม่เหมือนน้ำอัดลม แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งตอนนี้คงต้องเริ่มคิดแล้ว เพราะเขาชักจะร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

มือบางเหมือนจะสั่น ยามจับปากกากรอกชื่อ จินนี่ เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในคลาสลงไป เธอสวยโดดเด่นกว่าคนอื่น แถมพ่วงตำแหน่งลีดคณะ ได้ข่าวว่ามีหนุ่มๆ ตามจีบกันพัลวัน แต่เขาก็ไม่เคยคุยด้วยสักที ส่วนเดือน...ความจริงเขาก็อยากใส่ชื่อกั้งหรือนัท เพราะสองคนนั้นก็จัดว่าหน้าตาดีติดอันดับ แต่คิดอีกที ใส่ชื่อต้นหนดูจะเข้าท่ากว่า เพราะหล่อเตะตากรรมการจริงๆ

คิดถึงไม่ทันขาดคำ แรงสะกิดจากด้านหลังก็เรียกให้เขาหันกลับไปอีกครั้ง

“ศุกร์โหวตใครเป็นเดือนเหรอ?”

เจ้าของผมประกายน้ำตาลยิ้มกว้างเป็นเชิงล้อ “โหวตหนนั่นแหละ”

คนฟังชะงักไปเสี้ยววิ ก่อนจะยิ้มเขิน เขายอมรับเลยว่ากำลังค่อยๆ แพ้คนตรงหน้ามากขึ้นทุกที แพ้ความน่ารัก ที่ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่นิสัยก็ด้วย และนี่คือผู้ชายคนแรกที่ทำให้ใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะตั้งแต่แรกเห็น

“เราก็โหวตศุกร์นะ”

“เอ้ย โหวตเราทำไม เปลืองกระดาษ”

“ก็ศุกร์หน้าตาดีออก เหมาะจะตาย”

“ไม่เอาอ่า” วันศุกร์บุ้ยหน้าแล้วส่งเสียงง้องแง้ง ทำเอาเขานึกอยากจะดึงอีกฝ่ายมากอด แต่คงทำไม่ได้เพราะมีสายตาอาฆาตจากรุ่นพี่ปีสามนายหนึ่งจ้องมาไม่ห่างตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว แต่ถึงจะว่าอย่างนั้น...เขาก็ไม่ใช่พวกที่จะยอมหงอไม่สู้อะไรบ้างเลย ตราบใดที่สถานะของกันต์กับวันศุกร์ยังเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง เพื่อนอย่างเขาก็มีสิทธิ์ทำคะแนนไม่แพ้กัน

“ศุกร์หน้าแดงๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเพิ่งสังเกตเห็นความผิดปกติ แม้จะมองไม่ค่อยชัดเจนนักจากแสงไฟเพียงไม่กี่ดวงในยามค่ำคืน

“อืม...เรามึนหัวนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรหรอก”

อยากจะเติมคำว่า มั้ง ไว้ข้างหลัง เพราะเขาก็ไม่ได้รู้สึกดีร้อยเปอร์เซ็นเท่าไร

“ส่งกระดาษให้พี่เลี้ยงนะครับ เสร็จแล้วลุกขึ้นเลย” พี่วินประกาศออกไมค์ ในขณะที่พี่เจนเดินมาไล่เก็บกระดาษจากรุ่นน้องในแถวกลับไป พร้อมทำมือเป็นสัญญาณ

วันศุกร์พรวดพราดลุกขึ้นทั้งที่ตัวโงนเงน ความรู้สึกปวดจี๊ดแล่นขึ้นสมองในเสี้ยววินาทีหนึ่ง ต้นหนเบิกตากว้างรีบใช้สองแขนประคองร่างเกือบล้มเอาไว้

“ศุกร์ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เรา…มึนๆ อะ” มือหนึ่งยกขึ้นกุมขมับ ร่างกายอ่อนเปลี้ย ได้แต่เอนตัวพิงแผ่นอกของเพื่อนด้านหลัง

เจ้าของร่างสูงโปร่งลุกออกจากเก้าอี้ข้างลำโพงเงียบๆ แล้วเดินมาดึงวันศุกร์เข้าไปซบอกตัวเองแทน น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยราวกับจะสั่ง

“ปล่อย”

“พี่กันต์” ทั้งต้นหนและวันศุกร์อุทานชื่อคนมาใหม่

“พี่ว่าเราไปพักก่อนเถอะ”

กันต์ก้มลงบอกเด็กในวงแขน แทบจะไม่ชายตามองรุ่นน้องอีกคนตรงนั้นเลยสักนิด เขากระดิกนิ้วเรียกให้เจนเข้ามารับช่วงต่อในการแก้ไขสถานการณ์ ยังไงการพาวันศุกร์ไปพักผ่อนตอนนี้ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดเท่าไร เพราะดูจากตารางกิจกรรม MC น่าจะปล่อยให้น้องเข้านอนในเร็วๆ นี้แล้ว เขาเพียงแค่อ้างกับคนอื่นว่าวันศุกร์ไม่ค่อยสบายจึงเพลียกว่าปกติก็จบเรื่อง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:56:41 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 11.5



ทั้งสองคนปลีกตัวเข้ามาอยู่ในห้องพักของพวกแก๊งเด็กเส้น ด้านในเป็นเตียงคู่ เสริมด้วยฟูกอีกตัวตรงกลาง ท่าทางว่าจะอยู่รวมกันสามคน วันศุกร์ถูกพาไปนอนแผ่บนเตียงริมในสุด แขนขาอ่อนแรง ใบหน้าร้อนผ่าว พวงแก้มสองข้างกลายเป็นสีแดงชัดยามต้องแสงไฟสีขาวในห้อง

เขาทิ้งตัวลงนั่งบนปลายเตียง ทอดมองร่างบอบบางด้วยท่าทีเป็นห่วง คนเราเวลาเหล้าเข้าปากก็มักมีอาการแตกต่างกันไป สำหรับวันศุกร์ ดูเหมือนเพิ่งถูกสูบพลังงานชีวิตจนเกือบหมด ถึงได้นอนคดคู้ กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่แบบนี้

“เป็นไงบ้าง ไหวไหม?” เขาขยับตัวไปอยู่ข้างๆ มือใหญ่คอยปัดเส้นผมที่ปรกหน้าปรกตาออกให้ คนตัวเล็กส่ายหน้า

“มึนหัวอะ เป็นอะไรก็ไม่รู้”

“งั้นนอนพักไปก่อน” พูดแค่นั้น ก่อนจะจัดแจงห่มผ้าคลุมกาย แล้วปลีกตัวออกไปกดโทรศัพท์หาตรีวิทย์

“เออมึง คืนนี้ให้วันศุกร์นอนที่ห้องเรานะ”

“อ่า งั้นมึงนอนไปเลย กูกับฑิตไปนอนรวมกับไอ้เซฟก็ได้”

“เอางั้นหรอวะ”

“เออน่ะ พวกกูก็ไม่อยากไปอยู่เป็นก้างขวางคอ”

กันต์หัวเราะน้อยๆ แล้วเป็นอันตกลง ไม่นานนักเพื่อนแสนรู้ทั้งสองก็เดินกลับมารวบกระเป๋าเสื้อผ้าอพยพออกไป ไม่ลืมแวะหยิบกระเป๋าของวันศุกร์มาไว้แทนที่ให้ด้วย

เขาจัดการพาตัวเองเข้าไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ ผ่านไปราวๆ ครึ่งชั่วโมงจึงเดินนุ่งผ้าขนหนูผืนเล็กออกมานั่งแหมะอยู่ข้างเตียงเหมือนเดิม เสียงลมหายใจเข้าออกของวันศุกร์ดังชัดเจน แม้แต่ร่างที่กำลังกระเพื่อมตามแรงหายใจก็ยังอดนึกว่าน่ารักน่าเอ็นดูไม่ได้

สงสัยจะเป็นเอามากแล้วสิ กันติกรณ์

เด็กแก้มแดงนอนหลับสนิทอยู่อีกเป็นชั่วโมง และกันต์ก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน ริมฝีปากบางงึมงำอะไรบางอย่าง ก่อนจะพลิกตัวอีกสองสามที แล้วค่อยๆ ปรือตาตื่น นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มกว่า กันต์ช่วยประคองวันศุกร์ลุกนั่ง โดยมีกลุ่มหมอนซ้อนตัวอยู่ด้านหลัง

คนตัวเล็กชะงักนิด เมื่อเห็นว่ากันต์กำลังเปลือยท่อนบนอยู่ หรือแม้แต่ด้านล่างเองก็ถูกปกปิดเพียงบางเบาเท่านั้น แม้จะพยายามไม่สนใจแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเลื่อนสายตาลงมอง ผ้าขนหนูสีขาวผืนเท่าผ้าเช็ดหน้าเด็กมัธยมรัดอยู่ตรงสะโพก ต่ำเตี้ยซะจนอดใจหายไม่ได้ ถ้าจะขนาดนี้ถอดเลยไม่ดีกว่าเหรอ.......เฮ้ย!

“ทะ...ทำไมไม่ใส่เสื้อ” เอ่ยถามตะกุกตะกัก เขาเริ่มรู้สึกดีขึ้นหน่อยแล้วถ้าเทียบกับอาการปวดหัวก่อนหน้านี้

กันต์ไม่ตอบอะไร เพียงแต่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เตรียมจะเดินไปหยิบกางเกงนอนที่พาดอยู่บนเก้าอี้หน้ากระจก แต่ไม่ทันได้ก้าวเท้าไปไหน ก็ถูกมือเล็กคว้าเอาไว้ก่อน ดวงตากลมโตเพ่งพินิจลวดลายสีดำตรงแถวน้อยอีกฝ่าย

รอยสักรูปนก...

“พี่กันต์ สักด้วยเหรอ?” เขาจำไม่เห็นได้ หรืออาจเพราะไม่ทันสังเกต ทั้งที่เคยเห็นกันต์เปลือยอกมาก่อนตอนลงเล่นน้ำท้ายสวนของเซฟ แต่ความจริงตอนนั้นกันต์ก็ไม่ได้ใส่กางเกงเอวต่ำมากขนาดนี้หรอก

“อ่า ทำไม ไม่ชอบเหรอ?”

“ป…เปล่า”

ไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบ แต่แปลกจัง ที่คิดว่ามันออกจะดูดีเหลือเกินยามพาดอยู่บนเรือนร่างของคนคนนี้ ไม่ผิดไปจากที่เคยบอกไว้...หุ่นกันต์ดีจนน่าอิจฉา กล้ามเนื้อไม่มากไปไม่น้อยไป ดูเหมาะเจาะและสมส่วนไปกับโครงหน้าเรียวหล่อเหลา ยิ่งร่องรอยใกล้วีไลน์นั่นก็ยิ่งยั่วเย้าให้เข้าไปสัมผัส...

โอ้ย ชักจะเป็นเอามากแล้วเนี่ย วันศุกร์

“มีอะไรรึเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม พลางแงะมือวันศุกร์ออกจากข้อมือตัวเอง แต่กลับเป็นฝ่ายเข้าไปกุมมืออีกฝ่ายไว้แทน เขาบีบเบาๆ เหมือนต้องการคำตอบ แต่เด็กตรงหน้ากลับรีบหลุบตาหนี

“เปล่า...แค่…รอยสักสวยดี”

กันติกรณ์กระตุกยิ้ม แล้วบังคับจับมือวันศุกร์ให้แตะลงบนรอยสักที่ว่า ร่างบางหน้าแดงเถือกกว่าเก่า พยายามจะชักมือกลับแต่ก็ทำไม่ได้

“ลองจับดูสิ”

“มะ…ไม่...”

วันศุกร์ค่อยๆ กลืนคำพูดอื่นลงคอ สายตามีเสน่ห์ของกันต์สะกดให้เขาหยุดเถียง พอปลงแล้วว่าคงขัดขืนอะไรไม่ได้ จึงเริ่มขยับนิ้วไปมา กันต์คลายมือที่จับไว้ออก ปล่อยให้เขาได้พิจารณาเจ้ารูปนกกำลังกางปีกบินอย่างโหยหาอิสระบนกล้ามเนื้อท้อง

ปลายนิ้วชี้จิ้มลงไปบนจุดด่างพร้อยหากก็งดงาม ค่อยๆ ไล้ไปตามแนวลวดลายเล็กๆ นั่นเนิบช้า หมึกสีดำซึมลึกเป็นส่วนหนึ่งกับร่างกาย ดูน่ากลัวและน่าตื่นตาในเวลาเดียวกัน ผิวกายของกันต์ไม่ได้ลื่นมือ แต่กลับมีแรงดึงดูดเสียจนไม่อยากผละไปไหน

ใบหน้าหวานเหม่อแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มยามได้ยินเสียงครางต่ำชวนให้คิดลึก

“อาา...”

“พ...พี่กันต์!”

กันติกรณ์หัวเราะชอบใจขณะที่มือเล็กถูกเจ้าตัวกระชากกลับ

“โทษที แต่โดนลูบตรงนั้น...มันก็เกิดอารมณ์น่ะสิ”

เพียะ!

วันศุกร์ตีแขนแกร่งไม่ยั้งมือ สายตาโกรธๆ ระคนขัดเขินตวัดขึ้นมองใบหน้ายียวนกวนประสาท

“ทะลึ่ง!”

คนถูกต่อว่าดูไม่สะทกสะท้าน แถมยังทำท่าเหมือนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้อีกครั้ง จนเขาต้องรีบขยับตัวหนีพลางปัดป่ายมือพัลวัน อาการเมามึนเมื่อครู่เกือบจะจางหายไปแล้วเชียว แต่สงสัยจะกลับมาอีกก็คงเพราะคนขี้แกล้งแถวนี้นี่แหละ

ครืด..ครืด...

มือถือของวันศุกร์สั่นครืดคราดอยู่บนโต๊ะหน้ากระจก กันต์เป็นคนเอามันออกจากกระเป๋ากางเกงให้เมื่อตอนที่พามานอนพัก คนตัวใหญ่เป็นฝ่ายเดินไปหยิบมา หัวคิ้วขมวดมุ่นยามเห็นชื่อบนหน้าจอนั้น

คำว่า ‘พี่เสาร์’ เด่นหรา พอให้ใครแถวนี้อารมณ์เสียตงิดๆ

“พี่เสาร์โทรมา”

“พี่เสาร์เหรอ...ยะ...อย่ารับนะพี่กันต์”

ใบหน้าหวานส่ายรัว เขายังไม่พร้อมที่จะคุยกับวันเสาร์ตอนนี้เพราะคงถูกจับไต๋ได้แน่ นอกจากจะยังมึนๆ อยู่บ้างเล็กน้อย สุ้มเสียงก็แหบพร่ากว่าปกติ ถ้าต้องโกหกวันเสาร์อีกเขาก็นึกไม่ออกแล้วว่าควรยกอะไรมาอ้างดี เผลอๆ ถ้ารู้ว่าเขาเกือบจะเป็นลมล้มพับ คงได้รีบแจ้นมารับตัวกลับตั้งแต่คืนนี้แน่

“ทำไมล่ะ”

“ก็ศุกร์เป็นแบบนี้ ศุกร์ไม่อยากให้พี่เสาร์เป็นห่วง”

“แล้วไม่รับจะไม่ยิ่งเป็นห่วงหรือไง”

“เดี๋ยวศุกร์ส่งข้อความไปบอกเอง เอามือถือให้ศุกร์หน่อย”

กันต์ไม่พูดอะไรต่อ แล้วยื่นโทรศัพท์เครื่องบางซึ่งหยุดสั่นไปแล้วให้ วันศุกร์หยิบไปจ้องหน้าจอนิ่งๆ อยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจพิมพ์ข้อความโป้ปดครั้งที่ร้อย

[ HelloFriday: พี่เสาร์ ]

[ HelloFriday: ศุกร์ทำกิจกรรมอยู่ครับ รับสายไม่ได้ ]

[ HelloFriday: ไม่ต้องรอนะครับ นอนได้เลย ]

[ HelloFriday: ???? ]

เขากดปิดหน้าจอทันทีเพราะไม่อยากเห็นข้อความตอบกลับของพี่ชาย ความรู้สึกผิดตีขึ้นมาจุกอกจนคล้ายว่าจะปวดหัวอีกรอบ วันศุกร์คว่ำมือถือลงบนหัวเตียง ค่อยๆ นวดคลึงขมับทั้งสองข้างไล่ความเครียด กันต์ที่เห็นแบบนั้นก็รีบขยับตัวเข้าหา

“เป็นอะไร?”

“เปล่า...ศุกร์แค่รู้สึกไม่ดี”

“ยังไง อยากอาเจียนหรือเปล่า?” อีกฝ่ายส่ายหน้าแล้วเบะปากคล้ายจะร้องไห้

“เดี๋ยวนี้ศุกร์โกหกพี่เสาร์บ่อยอะ รู้สึกแย่กับตัวเอง”

คนฟังใจกระตุกเล็กน้อย ความรู้สึกบางอย่างถูกจุดขึ้นมาในอก หากก็ไม่มั่นใจว่าคืออะไร โกรธเหรอ? หรือว่าน้อยใจกันแน่?

“ศุกร์นี่...ดูท่าทางจะแคร์พี่เสาร์มากเลยนะ”

“แคร์สิ ก็พี่เสาร์นี่” วันศุกร์ตอบกลับเสียงดังฟังชัด ภายในดวงตาคู่โตฉายแววของความสุขและความเศร้าปะปนกัน “พี่เสาร์เป็นเหมือนทุกอย่างของศุกร์เลย เพราะพ่อกับแม่ไม่ค่อยว่าง พี่เสาร์เลยเป็นคนเลี้ยงศุกร์มาเอง เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ทั้งเป็นตัวแทนพ่อกับแม่ด้วย”

“เหรอ...น่าอิจฉาจัง”

ฟังดูเหมือนจะเข้าไปแทรกไม่ได้เลยเนอะ...

“อิจฉาอะไรล่ะ” คนตัวเล็กถามเสียงขุ่นกว่าเดิมเล็กน้อย เขามองหน้ากันต์นิ่งๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าจะมาไม้ไหนอีกหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้เขามักมีปากเสียงกันจากเรื่องของวันเสาร์แทบตลอด แต่พอสังเกตดีๆ ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหาเรื่องอย่างทุกที

กันติกรณ์ดูสงบเสงี่ยมลงอย่างกับมีใครเผลอไปกดปิดสวิชต์กวนตีนเข้าให้ ร่างสูงลุกออกไปจากเตียงโดยไม่ตอบ ทิ้งไว้เพียงคำพูดแผ่วเบา

“เดี๋ยวพี่มานะ”

แค่นั้น...ก็ทำเอาหัวใจเขาหล่นวูบไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม

กันต์เป็นอะไร ทำไมจู่ๆ ก็มีท่าทีเย็นชา ไม่เหมือนกันต์เลย...ไม่ชอบ...ไม่ชอบสีหน้าที่ดูเหมือนว่าเจ็บปวดแบบนั้น แต่จะให้ลุกออกไปถามตอนนี้ก็ไม่กล้า ไม่รู้ว่าควรถามอะไร ถามแล้วจะได้อะไร…บางที มันอาจไม่มีอะไรเลยก็ได้

ประตูไม้ของรีสอร์ทถูกปิดตัวลง กันติกรณ์ควักเอาบุหรี่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นจุดสูบทั้งที่ว่างเว้นจากมันมานานพอสมควรแล้ว ภายในใจตีรวนด้วยหลากหลายความรู้สึก แน่นอนว่าเขาน้อยใจ เสียใจ โกรธ เคือง

นึกแล้วก็น่าขำ มันเป็นคำสาปหรืออะไรสักอย่างหรือเปล่า ที่ทำให้พี่สาวเขา เกศราต้องผจญกับความเคียดแค้นน้องชายของวันเสาร์ ข้อหาที่ได้หัวใจหมอนั่นไป ในขณะที่เขาก็กำลังถูกไฟสุมอกเพราะดูเหมือนว่าวันเสาร์คนนั้น จะได้ความรักจากวันศุกร์ คนที่เขาหมายปองไปหมดเลยเช่นกัน

ตลกดี...แต่กลับหัวเราะไม่ออกสักนิด

ไอ้สองพี่น้องชื่อเป็นวันนี่จะรู้ตัวบ้างไหม ว่ากำลังปั่นป่วนครอบครัวเขามากมายขนาดไหน

“เฮ้ออ...”

 

 

“เดี๋ยวพี่เลี้ยงพาน้องแต่ละสีเข้าฐานเลยนะคะ ให้เวลาฐานประมาณ 15-20 นาทีน้า” ต้นหลิวประกาศ ก่อนจะปล่อยให้น้องแต่ละสีเดินออกไปจากลานกิจกรรมทีละแถว ตอนนี้พวกเขากำลังจะไปเข้าฐานพบปะรุ่นปีชั้นปีต่างๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ฐาน ตามจำนวนกลุ่มพอดี ก็คือปี 2-4 พี่บัณฑิต และพี่ซุปเปอร์บัณฑิต ส่วนสถานที่ก็กระจายกันออกไปตามหาดท้ายรีสอร์ท

กลุ่มสีฟ้าของวันศุกร์ถูกพาเดินไปเพียงใกล้ๆ เพื่อเข้าฐานพี่ปี 2 เป็นอันดับแรก มีพี่ๆ ยืนรอต้อนรับจำนวนหนึ่ง อาจจะไม่ถึงกับทุกคนเพราะมีปีสองหลายคนที่ต้องไปทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยด้านอื่นๆ เนื่องจากเป็นแม่งานรับน้องปีนี้ พวกเขานั่งลงบนทราย เริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวและพูดคุยพอออกรส ก่อนที่พี่พีทแกนรุ่นจะก้าวขาออกมาอธิบายถึงเกมที่ได้เตรียมไว้

“น้องๆ เห็นกระดาษพวกนี้ไหมครับ” กระดาษโพสอิทแบบไม่มีกาววางอยู่บนถาด “เราจะมาเล่นเกม Paper Kiss กัน”

เกิดเสียงโห่ฮาตามมาแทบจะทันทีที่ได้ยินชื่อเกม พีทพูดต่อไปว่าจะให้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มย่อยก็คือฝั่งผู้ชายกับผู้หญิง โดยมีรุ่นพี่เข้าไปร่วมแจมด้วยเพื่อให้จำนวนสมาชิกสมมาตรกัน โดยกติกาก็ง่ายๆ แค่ให้ส่งกระดาษต่อกันไปเรื่อยๆ ผ่านทางปาก คนสุดท้ายก็เอาไปใส่ในกล่อง ทีมไหนได้กระดาษมากกว่าก็ชนะไป

ทุกคนลุกขึ้นยืนปัดทรายออกจากเนื้อตัว แล้วเดินไปเรียงแถวตอน แต่ยังไม่ทันได้เริ่มก็มีเสียงทุ้มดังแทรกขึ้นมาก่อน

“พี่ขอเล่นด้วยสิ” กันติกรณ์ย่างสามขุนเข้ามาคั่นกลางระหว่างต้นหนกับวันศุกร์ซึ่งกำลังยืนตีหน้าเหลอหลาอยู่ปลายแถว

พีทลอบหัวเราะในท่าทีของรุ่นพี่จอมบงการ แล้วยอมสละชีพ พาตัวเองไปอยู่ถัดจากต้นหนแทน เพราะรู้ดีว่ากันต์คงไม่อยากต่อปากกับเด็กหน้าหล่อนี่แน่ๆ ดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่าต้นหนคิดยังไงกับวันศุกร์ และแน่นอนว่ากันต์ต้องไม่ชอบใจนัก

“พี่กันต์”

“ไอ้เกมห่านี่ เล่นต่อจากพี่คนเดียวก็พอ เข้าใจมะ”

คนตัวเล็กหน้าขึ้นสี ไม่กล้าคิดไปเองว่ากันต์อาจจะกำลังเป็นห่วง...หรือหึง ถึงอย่างนั้นก็โล่งอกขึ้นนิดหน่อย เพราะถ้าให้รับกระดาษต่อจากกันต์ก็อาจจะยังรู้สึกเกร็งน้อยกว่าคนอื่นก็ได้…เหรอ

“โอเค ทุกคนพร้อมนะ” พี่ผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นฟ้า ก่อนจะสะบัดแขนลงพร้อมส่งสัญญาณ “เริ่ม!”

กระดาษสีเหลืองอ่อนถูกโปะเข้าปากคนหัวแถว ก่อนจะถูกส่งต่อไปยังคนด้านหลังเรื่อยๆ มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นเป็นแบ็คกราวด์ตลอดเวลา พวกรุ่นพี่ผู้หญิงค่อนข้างให้ความสนใจแถวผู้ชายมากเป็นพิเศษ บางรายถึงขั้นหยิบมือถือขึ้นกดอัดวิดีโอ หน้าตาลุ้นๆ ของพวกเธอดูไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่าพวกโรคจิตในข่าวหน้าหนึ่งซะอีก

“เร็วๆๆ” เสียงปรบมือและตะโกนเชียร์ดังกระตุ้นอารมณ์สนุก แอบเห็นว่าฝั่งของผู้หญิงได้กระดาษใบแรกเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ฝ่ายชายยังคงติดอยู่ตรงพีทกับกันต์ ซึ่งดูรังเกียจเดียดฉันท์กันน่าดู แต่ที่สุดก็ผ่านไปได้เมื่อกันต์ออกแรงดูดลมเข้าปากแรงๆ ทีเดียวอย่างจำใจ

เขารีบหันไปรั้งท้ายทอยวันศุกร์ไว้ ท่ามกลางเสียงกรี๊ดนำหน้าจากบรรดาสาวๆ ละแวกนั้น คนท้ายแถวตีหน้าตื่น สองมือเผลอกำชายเสื้อของอีกฝ่าย อวัยวะภายในอกซ้ายดังโครมคราม

กันต์เอียงคอเล็กน้อยยิ่งเรียกเสียงกรีดร้องจากด้านหลัง ใบหน้าคุ้นเคยกับกระดาษสีเหลืองจ่ออยู่เพียงใกล้ วันศุกร์หลับตาปี๋ ก่อนจะสัมผัสได้ถึงพื้นผิวสากๆ เขาพยายามดูดปากรับกระดาษมาไว้แต่กลับรู้สึกหมดแรง เนื่องจากหัวใจกำลังทำงานหนัก นิ้วเรียวกดลงตรงหลังคอเหมือนอยากจะบอกให้เขารีบรับไปซะเพราะทางฝ่ายกันต์เองก็ไม่ได้มีลมเต็มปอดสักเท่าไร

“กรี๊ดดด!”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:57:04 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 12.0



“กรี๊ดดด!”

เพียงเสี้ยววินาทีถัดมา กระดาษแผ่นบางก็ร่วงปลิวลงบนพื้น เกิดเสียงกรีดร้องโวยวายดังไปทั่วหาดเรียกสายตานับสิบนับร้อยคู่ ทั้งสองผละตัวออกจากกันไวๆ ด้วยความตกใจ โดยเฉพาะคนเด็กกว่าซึ่งบัดนี้หน้าแดงเรื่อ สัมผัสนุ่มหยุ่นตรงเข้าแทนที่เพียงแค่พริบตาหนึ่ง กลับทำให้หัวใจเต้นรัวจนแทบกระดอนออกมานอกอก

เขารีบยกหลังมือขึ้นปิดปาก พวงแก้มร้อนผ่าว หากกันต์ก็ยังเอาแต่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มไม่ทุกข์ร้อน เพื่อนร่วมทีมตกใจกันได้ไม่ทันไรก็หันไปเริ่มส่งกระดาษใหม่อีกครั้ง เกมการแข่งขันยังดำเนินต่อไปพอให้หัวใจของเขาสั่นไหวระดับ 8.1 ริกเตอร์ มีเสียงหัวเราะชอบใจจากพะเพื่อนดังเข้าหูไม่ห่าง ยิ่งอยากจะมุดหน้าลงพื้นทรายไปซะให้รู้แล้วรู้รอด

ผ่านไปได้อีกแค่ไม่กี่รอบ รุ่นพี่ก็เป่านกหวีดหมดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ายผู้หญิงชนะไปอย่างขาดลอย

พีทเรียกรวมตัวทุกคนอีกครั้งเพื่อสรุปกิจกรรมทิ้งท้าย สายตาคอยเหลือบมองเพื่อนที่ทำหน้าที่ Runner คอยจับเวลาและรันงาน ส่วนฐานต่อไปคือฐานของพี่ปี 3 วันศุกร์ถูกกันต์ดึงมาเดินข้างตัว ไม่ยอมให้ต้นหนหรือใครหน้าไหนมีโอกาสเข้าแทรกได้เลย

“เมื่อกี้พี่กันต์แกล้งศุกร์ปะเนี่ย” คนตัวเล็กยู่ปาก นึกถึงเหตการณ์พาหัวใจวายเมื่อครู่

“ที่กระดาษหลุดอะนะ?”

“ก็เออสิ รู้ไหมว่าปากมัน...”

มันโดนกัน… เขาอยากจะพูดต่อให้จบแต่พอเหลือบเห็นสายตากะลิ้มกะเหลี่ยแล้วก็ต้องกลืนทุกคำลงท้อง กันต์หัวเราะอยู่ในลำคอ ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบข้างใบหู

“เรื่องแบบนี้ พี่ไม่เห็นต้องแกล้งเลย”

มะ...หมายความว่าไง!

วันศุกร์กัดริมฝีปากล่างอย่างเคืองๆ ระหว่างเดินตามไปเข้าฐาน ตรีวิทย์กับบัณฑิต รวมทั้งเซฟและกระแตที่ยืนรออยู่หันมาส่งยิ้มให้เขาแทบจะพร้อมเพรียงกัน แอบเห็นเพื่อนในกลุ่มของมิวคอยหลบสายตาเขาอยู่ตลอด แน่ล่ะ ตั้งแต่เรื่องคืนนั้น กันต์ก็ใช้อำนาจหลานคณบดีสั่งพักการเรียนมิว แถมยังส่งคนตามไปซ้อมอีกชุดใหญ่ ป่านนี้ไม่รู้ได้ออกจากโรงพยาบาลหรือยัง

รุ่นพี่ผู้หญิงที่เขาไม่รู้จักก้าวออกมากล่าวต้อนรับเป็นคนแรก ก่อนจะเวียนแนะนำตัวเหมือนเดิม ตอนนี้กันต์เดินมานั่งแทรกอยู่ในแถวของรุ่นน้อง แฝงตัวอยู่ด้านหลังเขาไม่ยอมออกห่าง ทุกครั้งที่ต้นหนพยายามจะชวนคุยก็ต้องคอยขัดแข้งขัดขาตลอด

“ให้น้องปีหนึ่งจับคู่กับพี่ปีสาม ขี่คอกันไปอ้อมหลังเสาตรงนู้น” คนอธิบายกติกาชี้นิ้วไปทางเสาไม้ผุๆ ติดธงสีแสดโผล่พ้นออกมาจากผิวน้ำ ระดับลึกเกือบถึงอก

“แบ่งเป็นสองทีมนะคะ”

เกิดความวุ่นวายระหว่างจับคู่แบ่งกลุ่มชั่วขณะ ก่อนจะลงตัวในไม่กี่นาทีต่อมา วันศุกร์ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก เขาเองไปไหนไม่รอดต้องคู่กับกันต์แทบจะแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนต้นหนเจ้าปัญหาก็โดนพี่ผู้หญิงลากไปตั้งแต่สิ้นเสียงประกาศ ซึ่งตามกติกาไม่ได้กำหนดว่าชั้นไหนจะต้องเป็นฐานหรือชั้นไหนเป็นคนขี่

“มองอะไร” กันต์พูดเสียงเข้ม พลางจับใบหน้าวันศุกร์ให้หันมามองตัวเองแทนที่จะยืนส่งยิ้มเรี่ยราดให้ไอ้เพื่อนหน้าหล่อทีมข้างๆ ซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับพวกเขาพอดี

“ต้องแข่งกับหนด้วย”

“เออดี ให้มันรับรู้ความพ่ายแพ้ซะ”

“มั่นใจเนอะ”

กันต์ยักไหล่แล้วยกมือขึ้นยีหน้าม้าของรุ่นน้องไปสองสามที

“แต่ก็น่าจะชนะมั้ง...”

ดวงตากลมสอดส่ายมองสมาชิกทีมซึ่งประกอบไปด้วยบัณฑิต ตรีวิทย์ กับเซฟ...อ้อ แล้วยังมีคนนึงจากกลุ่มของมิวด้วย คนนี้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้น แต่จำได้ว่านั่งรวมอยู่ในกลุ่มของมิวเมื่อตอนวันกีฬาสี เอาจริงๆ ก็ไม่คิดว่าจะจำได้เพราะรุ่นพี่คนนี้ดูไม่ค่อยมีบทบาท ถ้ามองเผินๆ จะคิดว่าเป็นแค่ตัวประกอบฉาก แต่ไม่ใช่เลย ที่เขาจำได้แม่นก็เพราะรูปร่างหน้าตาไม่โหดเถื่อนเหมือนคนอื่น ผิวขาวและสูงโปร่ง ไม่สมควรเป็นเพื่อนกับพวกแก๊งเศษเดนนั่นเลยแม้แต่น้อย

“พี่กันต์ พี่คนนั้นชื่อไรอะ?” เขาสะกิดคนข้างตัวแล้วพยักพเยิดหน้าไปทางท้ายแถว ตอนนี้เห็นว่ารุ่นพี่คนนั้นกำลังหันไปคุยกับเซฟด้วยท่าทีสนิทสนม

“ถามทำไม?”

“ก็แค่ถามไม่ได้หรือไง ตอบมาสิ”

“ชื่อขิง มีอะไรกับมัน”

“เปล่า”

“เปล่าแล้วถามทำไม” กันต์ยังคงซักไซ้ เพราะขิงเป็นเพื่อนของมิว คนที่เคยทำเรื่องเลวๆ กับวันศุกร์ เขาจึงไม่ไว้วางใจ ไม่อยากให้ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับพวกนั้นอีก

“แค่สงสัย ว่าพี่เขาไปอยู่กลุ่มเดียวกับไอ้พี่มิวได้ยังไง ดูไม่ใช่คนนิสัยเสียเลยนะ”

คนตัวเล็กเอียงคอมองขิง ซึ่งกำลังยืนหัวเราะตาหยีกับเพื่อนร่วมรุ่น ไม่รู้คุยอะไรกันแต่ดูท่าจะสนุกสนานดี กันต์เองก็เผลอมองตามด้วยอีกคน ในหัวพยายามนึกหาคำตอบแต่กลับไม่พบ ความจริงเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนอัธยาศัยดีอย่างขิงไปสนิทกับมิวตอนไหน

“เออ พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรื่องของคนอื่น เราไม่ต้องไปยุ่งหรอก”

เขาอ้าปากจะเถียง แต่เสียงนกหวีดเริ่มเกมก็ขัดขึ้นก่อน เสียงเชียร์ดังกระหึ่มอีกครั้ง คู่หัวแถวเคลื่อนตัวออกไปแล้วอย่างรวดเร็ว ส่วนเขากับกันต์นั้นเป็นคู่ที่สาม พอถึงตาคู่สอง กันต์ถึงสะกิดให้เขากระโดดขึ้นเกาะหลังอย่างกับลูกลิง แขนสองข้างรีบคว้าลำคอหนาเอาไว้ด้วยหวั่นๆ แต่เสียงทุ้มก็ยังคงทำให้เขาอุ่นใจได้เสมอ

“ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ทำเราตกหรอก”

“ย…ยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”

เจ้าของใบหน้าหวานบ่นเสียงอ้อมแอ้ม แล้วกระชับวงแขนขึ้นอีกเล็กน้อยแต่ก็ไม่แน่นเกินไปให้คนด้านหน้าหายใจไม่ออก ก่อนที่คู่ก่อนหน้าพวกเขาจะวิ่งหน้าตั้งกลับมาแปะมือด้วย

ทั้งกันต์และต้นหนออกตัวแทบจะพร้อมกัน ยิ่งเร้าให้กองเชียร์รอบข้างโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น แขนแกร่งกระแทกบั้นท้ายมนขึ้นเมื่อรู้สึกว่าร่างเล็กเริ่มไหลลงใกล้ตก วันศุกร์พยายามหนีบหัวเข่าไว้กับเอวของกันต์แน่นๆ ใจหนึ่งก็กลัว อีกใจก็นึกสนุก ละอองน้ำเค็มพิลึกคอยแต่จะกระเซ็นเลอะหน้าเลอะตา

“โอ้โห สูสีมาก!” รุ่นพี่ประจำฐานตะโกนเมื่อเห็นว่าทั้งสองทีมอ้อมหลังกลับมาไล่เลี่ยกันจนแทบมองไม่ออกว่าฝ่ายไหนกำลังนำอยู่กันแน่

ทั่ก ทั่ก ทั่ก…

เสียงเท้ากระแทกทรายดังรุนแรง ผู้ชายทั้งสองคนวิ่งเอาตายแบบไม่สนใจอากาศเย็นที่เพิ่งพัดมากระทบร่าง วันศุกร์ยืดแขนออกไปสุดความยาวเพื่อแปะมือให้คู่ถัดไปออกตัว เขารีบกระโดดลงจากหลังเมื่อหมดหน้าที่ พะเพื่อนเดินยิ้มกว้างเข้ามาแอบแชะภาพแบบไม่ให้ตั้งตัวเหมือนเคย

“เมื่อกี้มันอะไรเนี่ย ศึกหัวใจหรือไง” เธอแกล้งมองหน้ากันต์ที เลยไปทางต้นหนที

“พี่เพื่อน พูดอะไรก็ไม่รู้”

“ฮ่ะๆ แต่เมื่อกี้เสมอกันนะ”

“เสมอเกม แต่ชนะใจว่ะ” กันต์หันไปยกยิ้มบอกเพื่อน ไม่ได้มองเลยว่าวันศุกร์กำลังยืนทำตาโตจนแทบถลน

“มโนเปล่าแก”

“ว่าไง พี่มโนรึเปล่า?” คราวนี้หันมาถามเด็กปีหนึ่งที่ยังตีหน้าเหลอหลา แก้มใสเปื้อนสีแดงเรื่อ

มโนรึเปล่าอะไรล่ะ! นี่คิดจะแกล้งกันหรือไง คำถามนั้นควรเป็นเขามากกว่าที่ถาม ที่คิดอยู่ทุกวันนี้อะ มโนไปเองหรือเปล่า ถ้าคิดว่าพี่กันต์เองก็มีใจให้จริงๆ ไม่ใช่แค่มาแกล้งเล่นน่ะ มันมโนหรือเปล่า?

วันศุกร์เบือนหน้าหนี ไม่ทันได้ตอบก็ถูกสัญญาณเพลงจากลานกิจกรรมเรียกกลับไปรวมตัวเพราะถึงเวลาพักกินข้าวกลางวันพอดี คนตัวเล็กปลีกตัวออกไปสงบสติอารมณ์บ้าๆ บอๆ ในห้องน้ำเพียงลำพัง ปล่อยให้รุ่นพี่แก๊งเด็กเส้นนั่งรออยู่บนโต๊ะหินอ่อนตัวเดิมกับเมื่อวาน

กันติกรณ์นั่งเลื่อนหน้าจอมือถือไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดจากด้านหลัง ทั้งสามหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองเด็กปีหนึ่งหน้าตาสะสวยโดดเด่น ผิวขาวอมชมพูกับรอยยิ้มน่ารักๆ คงทำให้ผู้ชายหลายคนคล้อยตามได้ไม่ยาก ป้ายชื่อที่พลิกออกปรากฏชื่อ จินนี่ ลีดคณะของพวกเขานี่เอง

“พี่กันต์ รหัสนักศึกษา xx018 รึเปล่าคะ?” เขาพยักหน้าและยิ้มรับน้อยๆ เธอดูตื่นเต้นดีใจ หันไปส่งสายตากับเพื่อนอีกคน ก่อนจะถือวิสาสะลงมานั่งบนเก้าอี้ตัวยาวข้างกัน

“กว่าจะหาเจอ นี่ หนูเป็นหลานรหัสพี่กันต์อ่ะค่ะ”

“อ๋อ...”

เขาพยายามปั้นหน้ายิ้มเอาไว้ ไม่ให้ใครจับได้ว่าลืมเรื่องสายรหัสอะไรนี่ไปนานแล้ว เพราะปกติก็ไม่ได้ใส่ใจมากมายเลยไม่คิดว่าจะต้องสนใจ แต่รุ่นน้องเข้ามาทักเองแบบนี้ ครั้นจะให้ขับไล่ไสส่งก็คงไม่ได้

“ชื่อ...จินนี่ ใช่ไหม?”

“ค่ะ เพื่อนหนูเขารู้จักสายรหัสกันหมดแล้ว มีหนูนี่แหละเพิ่งเจอ” เธอว่าเสียงตัดพ้อ “ในกลุ่มคณะมีให้โพสตามหา พี่กันต์ก็ไม่เห็นมาตอบหนูเลย”

“อ่า...ในเฟซบุ๊กอะเหรอ พี่ไม่ค่อยได้เล่นน่ะ โทษทีนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็เพิ่งรู้ว่าพี่รหัสหนูซิ่วไปแล้ว เลยไปถามพี่ปีสามมาจนรู้ว่าพี่กันต์เป็นลุงรหัส”

“อ๋อ อืม”

เกิด Death Air ขึ้นช่วงหนึ่ง จินนี่ก็ยังเอาแต่ยิ้ม และเขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อจนตรีวิทย์ต้องใช้เท้าเขี่ยจากใต้โต๊ะ สีหน้าดุๆ บอกให้รู้ว่าองค์พ่อองค์แม่ที่ไหนไม่รู้เข้าสิงเพื่อนแว่นอีกแล้ว

“แล้วช่วงนี้น้องจินนี่เรียนเป็นไงบ้างครับ?” ตรีเป็นฝ่ายช่วยเปิดประเด็นเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดจนเกินไป

ตรีวิทย์กับบัณฑิตคอยผลัดกันชงให้กันต์ชวนน้องคุยสักพัก กั้งกับนัทก็ตามมาสมทบ กันต์ได้แต่ถามคำตอบคำกับหลานรหัส ทั้งที่หัวใจลอยไปอยู่กับคนในห้องน้ำ ยิ่งนานเข้าก็ชักจะเป็นห่วง

“กั้ง ทำไมศุกร์ช้าอย่างนี้ล่ะ?”

“มันบอกมันปวดขี้อะพี่” นัทตอบให้ ก่อนจะถูกจินนี่สวนกลับขึ้นมาทันควัน น้ำเสียงเง้างอดน่ารำคาญหู

“พี่กันต์นี่สนิทกับวันศุกร์มากเลยนะคะ เดี๋ยวนี้ตัวติดกันตลอดเลย คงไม่มีเวลามาดูแลหลานรหัสอย่างหนูละมั้ง”

อยากจะตอบว่าเออ แต่ก็ทำได้แค่ส่ายหน้า

“เปล่าสักหน่อย พี่ก็ดูแลรุ่นน้องทุกคนเหมือนกันนั่นแหละ ไว้มีอะไรก็มาปรึกษาพี่ได้นะ แต่ตอนนี้พี่ว่าจินนี่กับเพื่อนไปกินข้าวก่อนดีกว่า” เขาพยายามคุมน้ำเสียงให้ดูเป็นรุ่นพี่ที่แสนดี ทั้งที่ความจริงเด็กในคณะก็น่าจะรู้ว่ามันไม่ใช่ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเหตุการณ์อันธพาลครองเมืองเมื่อตอนวันปฐมนิเทศ แต่จะให้มาตวาดใส่หน้ารุ่นน้องผู้หญิงก็คงถูกตราหน้าว่าอีคนใจบาป เลยได้แค่พูดจากล่อมให้เจ้าหล่อนลุกออกไปซะอย่างสุภาพที่สุด ซึ่งก็ได้ผล เพราะจินนี่กับเพื่อนยอมเดินกลับไปแล้ว

พร้อมกับการปรากฏตัวของอีกคนแทน…

“พี่กันต์” เสียงคุ้นเคยของวันศุกร์ดังข้ามหัวมา “สนิทกับจินนี่ด้วยเหรอ?”

“เปล่า เพิ่งเคยคุยกันเมื่อกี้เอง เขาเป็นหลานรหัสพี่อะ”

“อ๋อ...” คนตัวเล็กพยักหน้า รีบกวักมือเรียกให้เพื่อนอีกสองคนของตัวเองเดินไปตักข้าวด้วยกัน พยายามปิดซ่อนใบหน้านิ่งตึง เพราะดันเกิดอาการน้อยใจแปลกๆ เมื่อได้ยินประโยคของกันต์เมื่อครู่

‘พี่ก็ดูแลรุ่นน้องทุกคนเหมือนกันนั่นแหละ’

ก็ใช่น่ะสิ...สำหรับกันติกรณ์ เขาก็เป็นแค่หนึ่งในรุ่นน้องคนนึงที่ต้องดูแล ไม่ได้สำคัญหรือพิเศษไปมากกว่าใครคนอื่นสักหน่อย

แล้วจะคาดหวังอะไรล่ะ...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:57:48 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 12.5



กิจกรรมช่วงบ่ายผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น พอให้เขาคลายความน้อยอกน้อยใจลงไปได้บ้าง พอตกกลางคืนก็เป็นไฮไลท์ของงาน รุ่นพี่ให้แต่ละกลุ่มออกมาแสดงละครสั้น ทุกคนก็งัดมุกงัดไม้ออกมาเรียกเสียงกรี๊ดเสียงฮากันแบบไม่ยอมใคร พอท้องฟ้ากลายเป็นสีดำเกือบสนิท ก็ถึงเวลาของการประกาศตำแหน่ง ดาว เดือน ดิน ประจำปีนี้

ตำแหน่งดินจะเป็นของใครไปไม่ได้จริงๆ นอกจากเปา สายกีฬาควบสายฮาอันดับหนึ่ง ส่วนตำแหน่งดาวก็ตกเป็นของจินนี่ หลานรหัสไอ้พี่กันต์นั่นแหละ ตอนแรกก็ชอบอยู่หรอก หน้าตาน่ารักดี แต่พอเห็นมาเจ๊าะแจ๊ะกับกันต์แล้วเขาก็อดจะตะขิดตะขวงใจด้วยไม่ได้

ส่วนตำแหน่ง เดือน ตำแหน่งสุดท้ายก็ถูกมอบให้กับ ต้นหน ตามคาด ก่อนจะตัดเข้ากิจกรรมต่อไปซึ่งหลายคนกำลังรอคอย…

คอนเสิร์ต

ใช่ มีคอนเสิร์ตรอบดึกด้วยนะ โดยเปิดโอกาสให้เด็กในคณะได้โชว์ของกันแบบเต็มที่ การแสดงก็ไล่ไปเลย ตั้งแต่ปี 1 ถึงปีสูงเรื่อยๆ ไฟในลานกิจกรรมดับลง แล้วเปิดเป็นสปอตไลท์สีฉูดฉาดแทนที่ยิ่งเร้าอารมณ์สนุกให้กับนักศึกษา รุ่นพี่ปล่อยให้รุ่นน้องกระจายตัวตามอัธยาศัย ระหว่างรอให้ฝ่ายซาวด์ขึ้นไปเทสเสียง

ต้นหนที่ยังคงถือดอกไม้ปลอมแสดงความยินดีตำแหน่งเดือนเมื่อครู่ พุ่งตัวเข้ามาคว้าข้อมือวันศุกร์ไว้ก่อนจะคลาดสายตา

“ศุกร์ ไปเชียร์เราหน้าเวทีเลยนะ”

“หนจะขึ้นร้องเพลงเหรอ?”

“อื้อ”

“สู้ๆ นะ”

เขาส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะเดินแทรกฝูงชนจนไปยืนเกาะขอบเวทีด้านหน้าได้ในที่สุด สายตาคอยชะเง้อมองหาพวกแก๊งเด็กเส้นก็พบว่ายืนหลบมุมอยู่แถวลำโพง ในมือถือแก้วน้ำสีอำพัน หันไปชนกับพวกพี่ปีสูงท่าทางผ่อนคลาย เข้าใจว่าคงไม่อยากเข้ามาชุลมุนรวมกับพวกรุ่นน้องในดง ถึงอย่างนั้น สายตาของกันต์ก็ไม่ได้ออกห่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย

สุดท้ายก็เป็นเขาเอง ที่เบือนหน้ากลับมาสนใจเพื่อนร่วมรุ่นบนเวทีแทน ต้นหนนั่งเคาะไมค์ ข้างๆ กันมีเพื่อนผู้ชายอีกคนกำลังเช็คสายกีตาร์โปร่ง

ทันทีที่ไฟสีส้มสาดลงบนเวที เหล่าคนเบื้องล่างก็กรีดร้องระงมจนต้องยกมือขึ้นอุดหู เสียงดนตรีดังคลอพร้อมเสียงนุ่มของเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังเขามาตลอดวันสองวันมานี้ ต้นหนกวาดสายตาไปรอบๆ ลานกิจกรรม แต่ก็มักจะมาหยุดลงตรงหน้าวันศุกร์อยู่บ่อยๆ

“ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ เมื่อสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว...”

แม้แต่คนโดนมองเองก็เผลอจ้องกลับอย่างไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง เพียงเพราะแค่กำลังอินไปกับบทเพลงโปรด เพลงความลับ ของวงพอส เป็นหนึ่งในเพลงอมตะสำหรับวันศุกร์ เพราะไม่ว่าจะฟังเมื่อไร ก็ยังไพเราะกินใจ ยิ่งกับสถานการณ์ในตอนนี้ เนื้อหาเพลงก็ยิ่งตอบรับกับชีวิตจริงซะเหลือเกิน

ดวงตาเป็นประกายผละจากใบหน้ายิ้มแย้มของนักร้องรูปหล่อ ค่อยๆ เหลือบหางตาไปยังกลุ่มผู้ชายแถวลำโพงตัวใหญ่ ใบหน้าเรียวคมของกันติกรณ์ฉายเด่นอยู่บริเวณนั้นพอให้หัวใจเต้นกระตุกไปตามจังหวะดนตรี

“…และความลับในใจของเธอ มีฉันอยู่บ้างไหม...”

โปรดบอกความในใจ...ให้ฉันรู้ทีนะเธอ

เสียงเพลงดังขึ้นในหัว พอดีกับที่สายตาของเขาประสานเข้ากับดวงตาเรียบนิ่งของคนที่กำลังแอบมองมาเช่นกัน กันต์เผยรอยยิ้มบางๆ ซึ่งหากไม่สังเกตก็คงไม่เห็น แต่กลับดูเด่นชัดในความรู้สึก

วันศุกร์แก้มร้อน รีบหันหน้ากลับมาสนใจเพื่อนบนเวทีจนการแสดงจบลง ก็ถึงคราววงของพี่ปี2 ไล่ไปตามลำดับ ทุกคนล้วนสนุกสนานและปลดปล่อยลูกบ้าออกมาพอตัว

ต้นหนกลับลงมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ หลังจากเคลียร์พวกเครื่องดนตรีเสร็จเรียบร้อย แต่ยังไม่ทันได้ถึงตัววันศุกร์ก็โดนรุ่นพี่ผู้หญิงปีสูงลากไปชวนคุยซะก่อน ภาพสุดท้ายคือรอยยิ้มน่ารักเหมือนเคยจากเพื่อนตัวเล็ก ราวกับต้องการให้กำลังใจ ในส่วนของวันศุกร์ พอไม่ต้องคอยอยู่เชียร์ต้นหนแล้วก็ค่อยๆ เบียดตัวเองออกมาจากฝูงชน เพิ่งเห็นว่าเพื่อนสนิทอย่างกั้งกับนัท กำลังยืนจิ๊จ๊ะอยู่กับพวกสาวๆ ไม่ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่เมื่อกี้เท่าไรนัก

บัณฑิตกวักมือเรียกเขาหยอยๆ ทำให้ต้องเดินเข้าไปสมทบด้วยอย่างช่วยไม่ได้

“กินไรไหม?” กันต์ถามขึ้น

“ไม่เอาอะ”

“เมื่อกี้ยืนฟังไอ้ต้นหนร้องเพลง ตาเป็นประกายเชียวนะ” มือใหญ่ล็อคคอเขาไว้จากทางด้านหลัง

และแน่นอนว่าการขัดขืนนั้นเปล่าประโยชน์ จึงยอมเอนตัวลงซบแผงอกกว้างอย่างโดยดี ถึงจะต้องทนกับสายตาหยอกล้อของบัณฑิตกับตรีวิทย์ก็ตาม ส่วนพี่ปีสูงคนอื่นที่เคยยืนคุยอยู่ตรงนี้ ปลีกตัวกลับไปนั่งชงเหล้าบนโต๊ะกันหมดแล้ว

“ก็ชอบนี่…” วันศุกร์เอ่ยเสียงอุบอิบ จนกันต์ต้องกระทุ้งแขนกับปลายคางเขาเบาๆ พลางถามกลับเสียงแข็ง

“ว่าไงนะ?”

“หมายถึงว่าศุกร์ชอบเพลงที่ต้นหนร้อง”

“เออดี ชอบแค่เพลงก็พอ”

คนตัวเล็กชั่งใจวูบหนึ่ง ก่อนเอี้ยวตัวขึ้นสบสายตาดุคม คำพูดเชิงท้าทายถูกเปล่งออกไปก่อนที่สมองจะประมวลผลได้ทันด้วยซ้ำ

“แล้วถ้าชอบต้นหนล่ะ?”

ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น กระชับวงแขนแน่น

“เดี๋ยวจะเจอดี”

“ทำไม หึงเหรอ?” วันศุกร์เผลอพูดในสิ่งที่คิด ก่อนจะนึกอยากตบปากตัวเองสักร้อยยี่สิบห้าที ทั้งที่เป็นฝ่ายแกล้งหยอดเขาก่อน แต่ตอนนี้หัวใจกลับเต้นรัวยิ่งกว่าตอนลุ้นผลแอดมิชชั่น

กันติกรณ์นิ่งไปเพียงครู่หนึ่งจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากหนักแน่น

“อือ”

ไม่ต้องปฏิเสธให้มากเรื่อง และแค่นั้นก็ทำให้เด็กในอ้อมกอดยอมเงียบปากไม่ถามอะไรอีก วันศุกร์รีบเบือนหน้ากลับไปมองนกมองไม้ อวัยวะภายในอกส่งเสียงดังราวกับจะแข่งกับดนตรีสด แก้มสองข้างร้อนผ่าวอย่างกับคนเพิ่งดื่มเหล้ามาหมาดๆ

หมายความว่ายังไง หึง? หึงทำไม ทำไมหึง สรุปมันยังไงกันแน่!

ทำแบบนี้เขาก็ยิ่งคิดเตลิดว่าเราใจตรงกันน่ะสิ ทำไงดี อยากรู้แล้ว...ความรู้สึกของกันต์...

อยากรู้ตอนนี้เลย

“พะ…”

“เอาล่ะครับ เพลงสุดท้ายของพวกเรา ก็ยังคงเป็นเพลงเศร้าเหมือนเดิม” เสียงนักร้องนำปี2 ดังออกมาจากลำโพงพอให้เขาสะดุ้งนิดๆ หลุดออกจากไอ้ความคิดบ้าบิ่น ดูเหมือนบรรยากาศแสงสียามดึก สัมผัสจากวงแขนอุ่น คำพูดส่อสื่อ กับน้ำแดงรสแปล่มซึ่งแฝงไว้ด้วยตัวกระตุ้นทั้งหลาย จะทำให้วันศุกร์นึกอยากทำใจกล้าดูสักที แต่ก็ยังดีที่ห้ามปากไว้ทัน

เวลาล่วงเลยไปจนเฉียดๆ เที่ยงคืน แค่น้ำแดงผสม M-150 คงยังไม่พอ เพราะเห็นหลายคนเริ่มหาวหวอด เสียงดนตรีและแสงไฟจบลงไปแล้ว ทุกคนปรารถนาที่จะได้พักผ่อนเข้านอน แต่กลับไม่เป็นดั่งหวัง เมื่อ MC ทั้งสองยังคงเรียกรวมตัวปี1 แล้วปล่อยให้พี่เลี้ยงประจำสี เดินเอาผ้าสีดำไปผูกตารุ่นน้องทุกคนไว้ ท่ามกลางความสับสนตกใจ พี่วินก็เริ่มพูดจาหว่านล้อมถึงกิจกรรมในคืนนี้

ยังจะมีอีกเรอะ!!

นั่นคงเป็นเสียงในใจของใครหลายคน รวมทั้งวันศุกร์ซึ่งหาวติดต่อกันไปกว่าสิบเจ็ดรอบแล้ว

“ต่อไปจะให้น้องปี1 ทุกคนเดินจับมือกัน ขอให้เชื่อใจเพื่อนและไม่ต้องกลัว” พี่วินยังคงสาธยาย พวกเขาถูกจับลุกขึ้นทั้งที่ถูกปิดตามองไม่เห็นทาง ได้ยินเพียงเสียงของรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาจัดการให้ปี1 ทั้งชั้น จับมือต่อกันเป็นแถวยาวเหยียด ก่อนที่หัวแถวจะเริ่มออกตัว โดยมีมือของแกนปี2 อย่างพีท คอยนำทางไม่ห่าง

พวกเขาถูกจูงเดินท่ามกลางความมืดสนิท ตลอดทางก็ขรุขระไปบ้าง ทั้งเจอทางลาด เจอทางต่างระดับ หลุมเอย หินเอย ซึ่งนอกจากความง่วงที่ตรงเข้าจู่โจมแล้ว ก็นึกไม่ออกว่าทำไปเพื่ออะไรกันแน่ เดินวนรอบรีสอร์ทได้หนึ่งรอบถ้วนก็เหมือนจะถูกพากลับมายังลานกิจกรรมดังเดิม ได้ยินพวกรุ่นพี่ประสานเสียงร้องเพลงคณะดังแว่วเข้ามา ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

เด็กปีหนึ่งถูกจับแยกให้นั่งลง เพลงคณะยังคงดังต่อเนื่อง เสียงของใครต่อใครปนเปจนจับทางไม่ค่อยถูก หากก็รู้สึกคุ้นหูกับเสียงที่ชัดที่สุดตอนนี้ เวลาผ่านไปพักหนึ่ง พวกรุ่นพี่ก็หยุดร้อง ทั่วทั้งบริเวณเงียบสนิท ก่อนที่พี่ต้นหลิวจะประกาศออกไมค์

“ให้น้องๆ เปิดผ้าผูกตาออกได้แล้วค่ะ”

วันศุกร์ยกมือปลดเงื่อนด้านหลังศีรษะออก ทันทีที่ผ้าสีดำร่วงหล่น ก็พบกับใบหน้าเรียวแสนคุ้นเคย ฉาบไปด้วยแสงสีส้มนวลจากเทียนหนึ่งเล่มบนพื้นตรงหน้า กันติกรณ์ระบายยิ้มกว้างให้เขา ช่างเป็นภาพที่อบอุ่นเกินกว่าจะอธิบาย ไม่ใช่แค่เพราะเป็นกันต์ แต่เป็นความประทับใจในฐานะรุ่นพี่คณะคนหนึ่ง สายตาเป็นประกายกวาดมองรอบๆ พบแสงเทียนนับร้อยกระจายตัวไปทั่วทั้งลาน สวยงามจนลืมความง่วงก่อนหน้าเสียสนิท

เนื้อเพลงประจำคณะเมื่อครู่ยังคงติดหู ยิ่งทำให้สถานการณ์ตรงหน้าดูขลังมากขึ้นราวกับต้องมนต์

สายสิญจน์หนึ่งเส้นถูกหยิบขึ้นมาลนน้ำตาเทียน ก่อนจะส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เขาเอื้อมมือออกมา วันศุกร์ที่ยังดูงงๆ ถูกกันต์ดึงข้อมือเข้าหาตัว ก่อนจะเริ่มเอาสายสิญจน์นั้นมาไล้ไปตามแนวเส้นเลือดสีเขียวเข้ม

“ยินดีต้อนรับเข้าสู่คณะอย่างเป็นทางการ พี่ขอให้เราโชคดี ตั้งใจเรียน และพบเจอแต่คนดีๆ นะ”

กันต์ผูกข้อมือให้รุ่นน้องคนโปรดหากก็ยังไม่ยอมปล่อย เอาแต่ลูบข้อมือบางไปมาอย่างกับจะรอให้ขึ้นเลข เพิ่งสังเกตว่าด้านขวาของกันต์คือตรีวิทย์และบัณฑิตเรียงกันไป ตรงจุดอื่นก็มีรุ่นพี่ตั้งแต่ปี2 ไปจนถึงพี่ที่จบไปนานแล้วนั่งต่อกันเป็นแถว ประกบคู่กับรุ่นน้องปี1 เพื่อทำการผูกข้อมืออวยพรให้ตามประเพณี

“ขอบคุณครับ”

วันศุกร์ยิ้มกว้างจนตาหยี แก้มนวลแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอมส้มตามแสงเทียน ทำเอากันต์ชะงักไปนิด นึกอยากจะดึงเด็กตรงหน้าเข้ามาหอมสักฟอดใหญ่ แต่ก็ต้องข่มใจ ปล่อยให้วันศุกร์ขยับไปทางรุ่นพี่คนอื่นๆ ต่อ ในขณะที่เขาเองก็ต้องคอยต้อนรับรุ่นน้องที่เหลือซึ่งเริ่มสลับกันมาและไป

ถึงจะเริ่มดึกมากแล้ว แต่ความประทับใจของคืนนี้ ก็สามารถดึงให้ทุกคนกลับมาตื่นเต็มตาได้อีกครั้ง บรรยากาศอบอุ่นลอยฟุ้งไปทั่ว มากพอๆ กับความรู้สึกในอกซ้ายของใครหลายคน กิจกรรมรับน้องมันอาจดูไร้สาระก็ได้ แต่ความจริงมันแฝงความหมายอะไรบางอย่างไว้มากมายทีเดียว

ปี1 แต่ละคนต่างลุกไปหารุ่นพี่คนนู้นทีคนนี้ทีจนชักมั่วซั่วและมึนงง วันศุกร์ยกมือไหว้รุ่นพี่ปี4 ตรงหน้าและลุกขึ้น ข้อมือทั้งซ้ายขวาถูกพันธนาการด้วยสายสิญจน์หลายสิบในเวลาอันรวดเร็ว เขายืนจังก้าอยู่เกือบนาที พยายามสอดส่ายมองหารุ่นพี่ที่ยังว่าง จนเผลอไปสบตากับเพื่อนในกลุ่มของมิวเข้า

พี่ขิง?

“อะ…เอ่อ สวัสดีครับ” เขาก้มหัวเมื่อทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิเรียบร้อย ขิงดูเหมือนจะตีหน้าไม่ถูกพอกัน แต่สุดท้ายก็ยอมส่งยิ้มให้ ซึ่งยอมรับเลยว่าเป็นรอยยิ้มของผู้ชายที่สวยมาก

ยังขอยืนยันคำเดิม พี่คนนี้ไม่เหมาะจะไปอยู่รวมกลุ่มกับพวกอันธพาลไร้จิตสำนึกแบบนั้นเลยให้ตาย!

“สวัสดีครับ น้องวันศุกร์”

“พี่ขิง...ใช่ไหมครับ?”

“ครับ พี่ชื่อน้ำขิงครับ”

คุณพระคุณเจ้า ชื่อเต็มพี่แกคือน่ารัก! ไปเป็นเพื่อนไอ้เหี้ยพี่มิวได้ไงครับ คันปากอยากถามมาก แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ กลับไป

“เอ่อ…เรื่องที่มิวก่อไว้” น้ำขิงเป็นฝ่ายเปิดประเด็นในสิ่งที่เขาไม่อยากพูดถึง “พี่ขอโทษแทนมันด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

อีกอย่าง กันต์ก็เอาคืนให้เขาแล้วด้วย อืม...แต่จะว่าไป เหมือนจะเอาคืนมากไปหน่อยไหม ถึงเจตนาของมิวตอนนั้นจะชั่วช้าสามานย์จริง แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้โดนทำอะไรนี่น่า

คิดได้แบบนั้น เลยลองถามคนตรงหน้าเสียงตะกุกตะกัก

“แล้ว…ตอนนี้พี่เขาเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลย แต่ก็ดีขึ้นเยอะแล้วแหละ”

“อ่า…ผมเองก็ต้องขอโทษเหมือนกันนะครับ”

น้ำขิงส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มบางมาให้ พวกเขาพูดจากันตรงๆ เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าการที่มิวถูกหามส่งโรงพยาบาลก็มาจากอิทธิพลมืดของกันติกรณ์ ผู้คุ้มกะลาหัวเขาอยู่

แต่สงสัยกันต์จะทำมากไปจริงๆ แฮะ... สองอาทิตย์มาแล้วไม่ใช่เหรอ ยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลย แบบนี้โดนฟ้องร้องเอาเรื่องได้เลยนะเนี่ย

“ไม่ต้องห่วงหรอก มิวมันไม่ได้เป็นอะไรแล้วล่ะ” ขิงเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าวันศุกร์เริ่มตีหน้าคร่ำเครียด พลางยื่นมือถือตัวเองส่งให้ดู มีสายเรียกเข้าจาก Mew เด่นหราอยู่บนนั้น “นี่ไง โทรมาพอดี”

นิ้วเรียวกดรับโทรศัพท์ ขนาดว่ารอบข้างพวกเขาตอนนี้ก็ไม่ได้สงบเงียบสักเท่าไร ก็ยังแอบได้ยินเสียงจากปลายสายดังแว่วออกมาจนพอจับความได้

“ทำอะไรอยู่วะ ทำไมไม่โทรหากู!”

“ยังทำกิจกรรมไม่เสร็จเลย”

“กิจกรรมห่าอะไรนี่มันตีสองแล้ว”

“บายศรีไง เออมึง กูอยู่กับน้องวันศุกร์พอดี คุยซะสิ”

“ห๊าา”

โทรศัพท์เครื่องบางถูกยัดใส่มือวันศุกร์แกมบังคับ เขาไม่ทันได้ปฏิเสธก็ดันรับมาไว้แนบหูซะแล้ว น้ำขิงพยักพเยิดหน้าเป็นสัญญาณให้เขาส่งเสียง

“พะ...พี่มิว?”

ฉิบ...ไม่รู้จะพูดอะไร สถานการณ์ชวนอึดอัดระดับ 999 เลยอีหรอบนี้ อีกฝ่ายเองก็ดูจะสตันท์ไปหน่อย ได้ยินเพียงแค่เสียงอึกอักไม่รู้เรื่อง กว่าจะเปล่งออกมาเป็นภาษาคนได้ก็กินเวลาไปหลายวินาที

 “เอ่อ...คือ...เอ่อ..เรื่องคืนนั้น เอ่อ...พี่..”

เขานี่ฟังจนอยากจะร้อง เอ่อ ตาม

“เอ่อ...พี่ ขอโทษ..”

“อ่า...ครับ”

“ขอโทษจริงๆ”

“ครับ ถือว่าเลิกแล้วต่อกันละกัน”

“อืม…ขอบใจนะ เอ่อ...ขอคุยกับขิงหน่อยสิ”

วันศุกร์ยื่นโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ

“ไอ้แง่งขิง! อยู่ดีๆ ก็ให้กูคุยกับวันศุกร์”

“ก็มีโอกาสพอดี จะได้เคลียร์กันให้จบๆ ไง เฮ้ย เดี๋ยววางสายก่อนนะมึง” ขิงส่งสายตาเป็นเชิงให้คอย ซึ่งคนตัวเล็กกว่าก็ไม่ได้ว่าอะไร

“เดี๋ยวดิ! กูยังไม่ได้คุยกับมึงเลย”

“เดี๋ยวโทรกลับ”

“ขิ...”

เจ้าของรอยยิ้มพิมพ์ใจกดตัดสายแล้วยังปิดเครื่องหนีหน้าตาเฉย น้ำขิงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วหันกลับมาตั้งหน้าตั้งตาอวยพรพร้อมผูกสายสิญจน์ให้รุ่นน้องต่อ

ดูเหมือนว่าจุดสีดำๆ ในใจของวันศุกร์จะถูกลบหายไปแล้วเมื่อครู่ การได้คุยกับมิวคงทำให้ทั้งเขาและฝ่ายนั้นสบายใจขึ้น ถือเป็นอันเลิกรากันด้วยดี และคิดว่าจะไม่ถือโทษต่อกันอีก แม้ว่าจะไม่รู้ถึงเหตุผลแท้จริงที่ทำให้มิวทำกับเขาแบบนั้น แต่การที่ยอมเอ่ยปากขอโทษทั้งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกแย่กับมิวน้อยลง ยิ่งได้คุยกับน้ำขิง ก็ยิ่งรู้สึกว่าน้ำขิงเป็นคนดี และคนดีอย่างนี้ถ้าเป็นเพื่อนกับมิวได้ ก็ต้องแปลว่ามิวเองคงไม่ใช่คนเลวร้ายมากมายเช่นกัน

พอสบายใจขึ้นแล้ว จึงเริ่มกวาดตาหาเป้าหมายต่อไปในการบายศรีสู่ขวัญ จนไปสะดุดเข้ากับพะเพื่อน ที่เพิ่งยอมวางกล้องในมือ แล้วชิงเอาที่นั่งว่างกับเทียนเล่มหนึ่งมาไว้กับตัว วันศุกร์ปรี่เข้าไปยิ้มทักทายให้เป็นคนแรก

“พี่เพื่อน ผูกข้อมือให้หน่อยครับ”

“มาๆ” พะเพื่อนนั่งแก้สายสิญจน์ซึ่งพันอยู่กับเส้นอื่นๆ ก่อนจะทาบปมเชือกเส้นบางลงไปบนขอบน้ำตาเทียน แล้วค่อยๆ นำมาถูอยู่กับข้อมือของเขาไปมาหลายรอบ

“พี่ก็ขอให้เรามีความสุขกับคณะนี้นะ ทุกคนเป็นเหมือนครอบครัว มีอะไรก็มาปรึกษาพวกพี่ได้เสมอ โชคดีจ่ะ”

“ขอบคุณมากครับ”

ต้นหลิวประกาศออกไมค์ว่าเสร็จจากพิธีบายศรีแล้วก็ให้ทุกคนแยกย้ายไปนอนกันได้เลย แต่ใครยังอยากอยู่ต่อ ก็มีบริการมาม่าถ้วยกับโอวัลตินฟรีบนโต๊ะท้ายลานกิจกรรม รุ่นพี่รุ่นน้องเริ่มกระจายตัว บ้างก็กลับห้อง บ้างก็เดินไปมุงแถวของกิน

วันศุกร์ยังไม่ได้ลุกออกไปไหน คอยแต่ชะเง้อคอหาคนรู้จักคนอื่นๆ ต้นหนยังถูกรุ่นพี่ผู้หญิงรั้งไว้ไม่ปล่อย ส่วนกั้งกับนัทนั้นเดินถือถ้วยมาม่าออกมาเป็นกลุ่มแรก ไวมาก! นี่แหละสายแดกที่แท้จริง แต่ขอจดลงบัญชีดำไว้ก่อนว่าต้องเอาคืน เพราะไม่ยอมมาชวนเขาบ้าง โกรธ!

ส่วนกันต์...ยังนั่งผูกข้อมือให้หลานรหัสคนสวยอยู่เลย

ดวงตากลมแอบจับจ้องสองคนนั้น หรี่ลงอย่างนึกจับผิด ตอนนี้ที่นั่งของพวกเขาห่างไกลกันพอตัว ไม่ได้ยินอะไรเลย เห็นก็แค่ว่ายัยจินนี่ลอบจับมือกันต์ไม่ปล่อย แถมยังหัวเราะคิกคักอะไรกันก็ไม่ทราบ ท่าทางเฮฮาร่าเริงซะจนอยากลุกไปถามว่ามีความสุขมากไหม แต่ก่อนจะได้สติแตกไปมากกว่านี้ คำถามชวนสติหลุดก็ดังขึ้นจากปากของพะเพื่อนซะก่อน

“ศุกร์ คิดยังไงกับกันต์หรอ?”

“ห…ห้ะ?” คนถูกถามรีบตวัดสายตากลับมา ใบหน้าตื่นๆ ยิ่งมองออกง่ายซะจนอดขำไม่ได้

“ศุกร์ชอบกันต์หรือเปล่า?”

“พะ…พี่เพื่อนพูดอะไรอย่างนั้นครับ”

“พี่พูดไปตามที่เห็นนะ ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย ศุกร์ชอบกันต์ใช่ไหมล่ะ” เจ้าของผมสีเพลิงไม่ได้พูดติดตลกเหมือนทุกที และสายตาจริงจังของเธอก็ทำให้ใจเขาสั่นไหว ไม่กล้าตอบว่า ไม่ใช่ เหมือนเคย

เพราะนั่นคงเป็นการโป้ปดคำโตทีเดียว

“เอ่อ ผม...ผมจะรู้สึกยังไงก็ช่างเถอะครับ” เด็กตัวเล็กก้มหน้างุด ใบหูแดงเรื่อ

“แต่ถ้าศุกร์ชอบกันต์ ก็น่าจะบอกไปนะ เพราะกันต์เองก็ชอบศุกร์เหมือนกัน”

พะเพื่อนยังคงพูดตรงๆ ต่อไป เธอตัดสินใจแล้วว่าอยากช่วยให้สองคนนี้ได้สมหวังสักที หลังจากทำตัวคลุมเครือมานาน เพราะดูเหมือนความสัมพันธ์เฉื่อยแฉะนี้จะเริ่มมีปัญหาชิ้นใหม่เข้าแทรกถึงสองชิ้น ทั้งต้นหนและจินนี่ ที่โผล่ออกมาขัดแข้งขัดขาได้ถูกเวลาเหลือเกิน

“พี่กันต์น่ะเหรอชอบผม พี่เพื่อนเอาที่ไหนมาพูด…”

ฝ่ายนั้นเขายังไม่เคยพูดเลยด้วยซ้ำ...

“เฮ้อ แค่ดูก็รู้แล้ว”

“แต่…”

“ถ้าเขาไม่ชัดเจน เราเป็นฝ่ายชัดเจนก่อนก็ได้นี่” วันศุกร์ชะงักไปนิด เพราะเหมือนคนตรงหน้าจะพูดจาราวกับอ่านใจเขาออกยังไงยังงั้น

เขาไม่ตอบอะไร หางตาเหลือบกลับไปมองภาพยิ้มแย้มระหว่างกันติกรณ์และหลานรหัสที่เพิ่งโผล่หัวออกมา พะเพื่อนลอบแสยะยิ้ม ก่อนเอ่ยเสียงลอยๆ หากก็ตั้งใจให้สะกิดใจใครบางคนแถวนี้

“ถ้าปล่อยไว้ อาจจะถูกใครแย่งไปก่อนก็ได้นะ”

ริมฝีปากสีชมพูธรรมชาติเม้มเข้าหากันแน่นอย่างไม่รู้ตัว ดวงตากลมแข็งกร้าวขึ้นเสียเฉยๆ ความรู้สึกเมื่อตอนก่อนหน้านี้หวนกลับมาอีกครั้ง อยากจะรู้...ความรู้สึกของกันต์ที่มีต่อเขา

อยากยืนยันว่าเขาไม่ได้เพ้อเจ้อไปเอง

“แล้วถ้าพี่กันต์ไม่ได้ชอบผมล่ะ?”

“ถ้ากันต์ไม่ได้ชอบนาย...มาถีบหน้าพี่ได้เลย” พะเพื่อนยิงฟันกว้าง เอื้อมมือมาตบบ่าเขาปุๆ เหมือนพยายามเรียกกำลังใจ และคงได้ผลเมื่อเขานึกมีความหวังขึ้นมา

วันศุกร์พยักหน้ากับตัวเองสองสามที แล้วยกมือไหว้พะเพื่อนอีกครั้งเป็นการบอกลารวมทั้งขอบคุณ

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มีโอกาสอยู่กับกันต์สองต่อสองสักที บรรยากาศคืนนี้เงียบสงบเพราะทุกคนคงเหนื่อยจนหลับเป็นตาย นาฬิกาบอกเวลาตีสองกว่า ทั้งที่ก่อนหน้าเขาง่วงแทบแย่ แต่ตอนนี้กลับตาสว่าง หัวใจเต้นตุบตับเสียงดัง

นี่เขากำลังจะสารภาพรักอย่างนั้นเหรอเนี่ย!

โอ้ยย ตื่นเต้นนนน

“จะอาบน้ำก่อนไหม?” กันต์ถามขึ้น แต่วันศุกร์กลับส่ายหน้า เขาได้แต่นั่งเหงื่อตกอยู่บนปลายเตียงตัวเอง ขณะที่กันต์กำลังยืนค้ำหัวอยู่ใกล้ๆ

“ยังครับ คือ...ศุกร์มีเรื่องอยากคุยกับพี่กันต์ก่อน”

“มีอะไรเหรอ?” คนตัวสูงเลิกคิ้วสงสัย นั่งลงข้างๆ พลางใช้นิ้วโป้งปาดเม็ดเหงื่อบนขมับออกให้อย่างเบามือ เพิ่งสังเกตว่าเด็กตรงหน้าดูลุกลี้ลุกลนยังไงชอบกล

“คือว่า...”

“...”

“ศุกร์...ศุกร์…”

ตาลายคล้ายจะเป็นลม ทาถูๆ ยาหม่องตราถ้วยทอง...ฮืออ จะให้พูดได้ไงอะ เขิน! เขินจนปากสั่นมือสั่นอย่างกับคนเป็นไข้ และกันต์เองก็ดูยิ่งเป็นห่วง ถึงก้มหน้าเข้ามาใกล้ไปอีก แบบนี้นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศในห้อง สงสัยจะพลอยได้ยินเสียงหัวใจของเขาด้วยน่ะสิ

“ศุกร์คิดว่า..ศุกร์...”

พูดสิอีปากไม่ตรงกับใจ พูดออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!

“ศุกร์…ชอบ...”

.

.

.

ก๊อก! ก๊อก!

โอ้ย! ใครมาเคาะประตู!!?


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:58:09 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 702
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เรื่องนี้มีใคร EQ ปกติบ้างไหมนะ ผู้นำแสดงเนี่ย ดูไม่ปกติกันสักคน

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 13.0



“แป๊บนึงนะ” กันติกรณ์เอ่ยเสียงหงุดหงิดไม่แพ้กัน ทั้งที่กำลังลุ้นอยู่เชียวว่าวันศุกร์มีอะไรจะบอก เพราะดูท่าจะสำคัญแต่ดันมีตัวขัดขวางซะได้

เขาส่องคนเสียมารยาทผ่านช่องตาแมว ก็พบว่าเป็นจินนี่กับเพื่อนนั่นเอง ประตูไม้แง้มออกเล็กน้อย รีบปรับสีหน้าไม่ให้ดูออกว่ากำลังเบื่อหน่ายมากขนาดไหน

“มีอะไรเหรอ?”

“คือว่าเมื่อกี้หนูลืมขอไลน์พี่กันต์อ่ะค่ะ เผื่อมีอะไรจะปรึกษา”

“อ๋อ เอ่อ...” เอาไงดี ไม่ค่อยอยากให้ แต่ถ้าไม่ให้สงสัยคงโดนคุณแม่ตรีวิทย์แพ่นกบาลอีก

“มีอะไรเหรอครับพี่กันต์?”

เสียงใสดังขึ้นก่อนตัว วันศุกร์ค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากแผ่นหลังของรุ่นพี่คนดัง พอให้สองสาวด้านนอกสะดุ้งไปนิด เพราะไม่คิดว่ากันต์กับวันศุกร์จะอยู่ในห้องเดียวกัน แถมยังทำตัวไม่เดือดร้อนอีกต่างหาก แบบนี้มัน...

เยาะเย้ย เยาะเย้ยชัดๆ!

“อ้าว จินนี่ มาทำอะไรเหรอ ดึกแล้วนะทำไมยังไม่ไปนอน” เพื่อนผู้ชายหน้าหวานทำท่าอย่างกับว่าเป็นห่วง ทั้งที่แววตาดูแข็งกร้าว

เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ นายวันศุกร์นี่ต้องคิดไม่ซื่อกับกันติกรณ์ตามข่าวลือ หลายคนในคณะเริ่มพูดต่อๆ กันอย่างสนุกปากถึงความสัมพันธ์เกินพี่น้องของสองหนุ่ม แต่เธอก็ไม่อยากด่วนปักใจเชื่อ เพราะแอบสนใจกันติกรณ์มาตั้งแต่รู้ว่าเป็นถึงหลานชายคนเดียวของคณบดี

ไม่อยากจะคิดว่าศัตรูหัวใจจะกลายมาเป็นผู้ชายซะได้ แถมยังมีแต่คนคอยอวยคนโอ๋ยิ่งกว่าเธอเป็นไหนๆ นึกแล้วก็น่าหมั่นไส้สิ้นดี

“เรามีเรื่องจะคุยกับพี่กันต์น่ะ”

จินนี่จงใจมองผ่านวันศุกร์ไปทางใบหน้าอึดอัดใจของกันต์อีกครั้ง แววตาคมสวยจับจ้องอย่างต้องการทวงคำตอบ เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่สุ้มเสียงราบเรียบจะดังขึ้นเพื่อตัดบท

“ขอโทษนะ พี่ไม่ค่อยได้เล่นไลน์น่ะ ไว้มีอะไรก็คุยกันที่คณะละกัน”

“ตะ แต่ว่า…”

“คืนนี้ดึกแล้ว จินนี่กับเพื่อนไปนอนก่อนดีกว่า ราตรีสวัสดิ์ครับ”

เขารีบปิดประตูหนีก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้โต้เถียง สองสาวยืนอึ้ง ปลายนิ้วชาวาบ หากใบหน้าทำมาจากแก้ว เมื่อกี้คงไม่แคล้วแตกละเอียดหมดพอดี

กันติกรณ์กดล็อคแล้วหันมาดึงมือเล็กให้กลับไปนั่งคุยกันที่เดิม สายตาคาดคั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังบางอย่าง และลางสังหรณ์ก็กำลังกระซิบบอกเขาว่ามันอาจเป็นข่าวดี

“เมื่อกี้ศุกร์ว่าไงนะ?”

“เอ่อ...” เหมือนย้อนกลับมาเริ่มต้นใหม่เลย

“คือ...ศุกร์จะบอกว่า...”

แววตาคมจ้องสบไปยังดวงตาของอีกฝ่ายนิ่งๆ วันศุกร์ยังคงอึกอักพูดไม่ออก ทั้งใบหน้าถึงใบหูแดงเรื่อผิดปกติ

“ศุกร์คิดว่า...ศุกร์...”

ฮึบ!

“ศุกร์ชอบพี่กันต์!”

คนตัวเล็กสูดหายใจเข้าลึกสุดปอดในทีเดียว พลางหลับตาปี๋ โพล่งคำพูดในหัวออกไปเร็วๆ หากก็ชัดเจนมากพอให้ใครบางคนเผลออ้าปากกว้าง แทบไม่เชื่อหู

กันติกรณ์นิ่งอึ้ง ได้แต่ยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น ต่างฝ่ายต่างพูดอะไรไม่ออกจนเมื่อคนโตกว่าเริ่มตั้งสติได้ก่อน จึงรีบเขย่าหัวไหล่บางอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ศุกร์ว่าอะไรนะ? ศุกร์ชอบพี่เหรอ จริงหรือเปล่า?”

“อะ...อือ” เด็กน้อยก้มหน้างุด อุณภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่ทันได้เห็นว่าตอนนี้อีกฝ่ายกำลังตีหน้ามีความสุขมากขนาดไหน กันต์ตบแก้มตัวเองรุนแรงเพื่อยืนยันว่าไม่ได้ฝันไป ก่อนจะยิ่งซักไซ้เอาคำตอบ

“ชอบ ชอบแบบไหน?”

“ก็ชอบไง”

คนตัวเล็กทำเสียงดุ พลางใช้กำปั้นทุบลงกับอกด้านหน้า ก่อนจะเลื่อนไปบีบต้นแขนกันต์ไว้แทนหลักพึ่งพิง ไม่งั้นเขาคงเป็นลมล้มพับลงไปก่อนแน่

“แกล้งกันปะเนี่ย”

ไอ้บ้า!

“ถ้าไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ!”

วันศุกร์บุ้ยหน้าใส่อย่างนึกอารมณ์เสียแล้วรีบพรวดพราดลุกไปทางประตูห้องน้ำ คนเขาอุตส่าห์รวบรวมความกล้าสารภาพรัก แต่ก็ยังเอาแต่ถามย้ำอยู่ได้ หัวใจเขามันจะกระเด็นออกมาเต้นนอกอกได้อยู่แล้วเชียว ไม่เห็นหรือไง

“เดี๋ยวซี่ เชื่อครับเชื่อ” กันติกรณ์ตามมารั้งข้อมือรุ่นน้องได้ทัน ก่อนสอดแขนสองข้างเข้าไปกอดรัดเอวบางไว้หลวมๆ คางมนลดระดับลงมาเกยไว้บนบ่า ทำให้สุ้มเสียงที่เปล่งออกมาดังอยู่ใกล้เพียงแค่ระดับใบหู

“ก็มันตกใจนี่ ไม่คิดว่าศุกร์จะพูด”

เออ ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดเหมือนกัน

“พี่ดีใจนะที่เราใจตรงกัน”

“ใจ...ตรงกัน?” ดวงตากลมกระพริบถี่ ค่อยๆ เอี้ยวใบหน้าไปทางด้านหลังอย่างเก้กัง

“อือ พี่ก็ชอบศุกร์”

“แต่ว่า...พี่กันต์ เคยบอกว่าไม่ชอบขี้หน้าศุกร์นี่น่า” หัวคิ้วสองข้างแทบจะผูกเป็นโบ จนคนโตกว่านึกขำกับท่าทีสับสนแสนน่ารักนั้น กันต์บีบปลายจมูกอีกฝ่ายเบาๆ ด้วยว่าหมั่นเขี้ยว ก่อนจะคลายอ้อมกอดออก แล้วพากันกลับไปนั่งคุยบนเตียงเหมือนเดิม

เขาตัดสินใจแล้ว เขาจะไม่ปิดบังอะไรวันศุกร์อีก ถ้าอยากให้ศุกร์เชื่อก็ต้องเริ่มจากการแสดงความจริงใจก่อน

“พี่จะเล่าอะไรให้ฟัง”

“อะไร เรื่องไม่ดีรึเปล่า?” คนตัวเล็กยังคงดูหวั่นๆ เพราะเขาเพิ่งบอกรักไป และกันต์ก็รับฟังทุกอย่างทุกถ้อยคำ เหมือนความฝันแต่เขาเองก็ไม่อาจแน่ใจ…

“ฟังก่อนสิ”

“อ…อือ”

“ที่ตอนแรกพี่บอกว่าไม่ชอบขี้หน้าเรา เพราะเราดันเป็นน้องของวันเสาร์น่ะสิ”

“ทำไมอะ?” ดวงตากลมเบิกกว้าง โพล่งออกมาทันทีตามคาด จนเขาต้องทำท่าจุ๊ปากเพื่อให้ใจเย็น แล้วรีบอธิบายต่อ

“พี่มีพี่สาวชื่อเกศ พี่เกศเป็นเพื่อนพี่เสาร์ที่มหาลัย แล้วพี่เกศก็ชอบพี่เสาร์มาตั้งนานแล้ว”

เกศ...เหมือนจะคุ้นแต่ก็นึกไม่ออก เพราะตั้งแต่เข้ามหาลัย วันเสาร์ก็ไม่ได้พูดถึงเพื่อนตัวเองให้วันศุกร์ฟังนัก ที่พอรู้จักอยู่บ้างก็มีแต่เพื่อนสมัยมัธยม เพราะตอนนั้นเขากับเสาร์ยังเรียนโรงเรียนเดียวกัน ตั้งแต่ม.1-ม.6 เลย ว่าแต่…ไอ้เรื่องที่กันติกรณ์มีพี่สาวนี่ก็ถือว่าเป็นข้อมูลใหม่แฮะ ไม่เคยรู้เลย

“แต่พี่เกศก็มาถูกพี่ชายเราหักอก จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ พอเห็นพี่เกศเสียใจมาก พี่ก็อดจะเกลียดพี่เสาร์ไม่ได้ เข้าใจใช่มะ”

“ไม่อะ” วันศุกร์ส่ายหน้าทันควัน แม้จะนึกสงสารพี่สาวของกันต์บ้างก็ตาม “พี่เสาร์ไม่ได้รักพี่เกศก็เลยปฏิเสธไปใช่ไหม มันก็ถูกแล้วนี่ พี่เสาร์ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับพี่เกศสักหน่อย”

“อืม...มันก็ใช่นะ แต่ศุกร์ลองนึกว่าเป็นตัวเองดูสิ ถ้าพี่เสาร์อกหักหรือเจออะไรสักอย่าง ที่ทำให้พี่เสาร์เสียใจมากๆ ในฐานะคนในครอบครัว เราจะทนไม่รู้สึกอะไรเลยได้เหรอ”

วันศุกร์เงียบ พยายามคิดตาม ถ้าพี่เสาร์อกหักเหรอ...นึกไม่ออกอะ เพราะรายนั้นไม่เคยอกหักหรือเสียใจเรื่องความรักมาก่อนเลย แต่ถ้าเห็นเสาร์เสียใจเขาก็คงต้องเสียใจตามด้วยแน่ๆ หรือลองคิดกลับกันดู ถ้าเมื่อกี้กันต์ปฏิเสธความรู้สึกของเขา เขาคงเสียใจมาก และแน่นอนว่าเสาร์จะต้องเสียใจมาก...ดีไม่ดี จะตามไปฆ่าหั่นศพกันต์ถึงหอสิไม่ว่า

อ่า...พอเป็นแบบนี้ ก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

“อืม...แปลว่าพี่กันต์เกลียดพี่เสาร์หรอ…”

“ก็...ตอนนั้นอะนะ” กันต์ยกนิ้วขึ้นเกาแก้ม ทำเป็นเสมองทางอื่น ความจริงทุกวันนี้ก็ไม่ได้นึกชอบพออะไรวันเสาร์มากขึ้นสักเท่าไรหรอก แต่ถ้าวันศุกร์บอกให้เขาไม่เกลียด เขาก็จะไม่เกลียด “ตอนนั้นยังไม่รู้จักเราไง พอเห็นว่าเป็นน้องชายวันเสาร์ ก็เลยนึกเคืองๆ ไปด้วย”

วันศุกร์เบะปากแล้วหลุบตาต่ำจนคนมองชักใจไม่ดี รีบเข้าไปโอบร่างผอมบางมาซบลงแนบอก มือหนึ่งคอยลูบหัวปลอบ

“แต่ความจริงพี่สนใจเราตั้งแต่แรกแล้วนะ พอได้ใกล้ชิดกันแล้วก็ยิ่งรู้ตัวว่าชอบ”

“ไม่เห็นจะรู้เลย” คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ้อมแอ้ม เพราะกันต์ไม่เคยชัดเจน และไม่เคยทำให้เขารู้สึกมั่นใจสักครั้ง

“อะไร ไม่รู้ได้ไง พี่ทำดีกับเราจะตาย”

“ก็แค่ดูแลในฐานะรุ่นน้องคนนึงไม่ใช่เหรอ?”

“ใครบอก พี่ไม่เคยสนใจคนอื่นเท่าเราเลยนะ” กันต์ดึงร่างบางออกห่างเล็กน้อยพอให้สบตากัน สีหน้าจริงจังกับน้ำเสียงนุ่มทุ้มทำเอาวันศุกร์แก้มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกระลอก

ภายในดวงตาของกันต์ มีเขาอยู่ในนั้น...ความอบอุ่นจากมือใหญ่ส่งผ่านมาทางต้นแขนทั้งสองด้าน

“ไหนๆ เราใจตรงกันแล้ว...ศุกร์คบกับพี่ได้ไหม?”

หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก เสียงดังลอดออกมาจากอกซ้าย ร่างกายวันศุกร์แข็งทื่อหากริมฝีปากกลับสั่นระริก ความร้อนในร่างกายเอ่อล้นด้วยความเขินอายผสมกับความตื้นตันและดีใจจนบอกไม่ถูก

หากย้อนกลับไปเมื่อแรกพบ เขาคงนึกรังเกียจกันติกรณ์น่าดู เพราะคนอะไรไม่รู้ เอาแต่คอยแกล้งหาเรื่องตลอด แต่ก็อะไรไม่รู้อีกนั่นแหละ ที่ทำให้กันต์คอยมาวนเวียนช่วยเหลือและดูแลเขาอยู่เสมอ จนค่อยๆ เปลี่ยนความรู้สึกเขาไป

วันนี้...ตอนนี้...ไม่นึกอยากออกห่างจากคนตรงหน้าอีกแล้ว

“อ…อือ”

“อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย?” คนตัวสูงยกยิ้ม แกล้งยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้จนวันศุกร์ต้องหดคอหนี

“อื้อ…”

“ห้ะ?”

เจ้าของโครงหน้าหวานนึกเคืองที่กันต์ยังเอาแต่ตีเนียนทั้งที่ปลายจมูกชนแก้มเขาแล้ว ลมหายใจอุ่นเป่ารด ริมฝีปากทาบทับลงกับพวงแก้มแดงซ่านอย่างถือวิสาสะ ค่อยๆ เคลื่อนไปหยุดอยู่บนกลีบปากสีสด วันศุกร์หลับตาปี๋ ท่าทางเหมือนลูกนกกำลังตื่นกลัว

กันต์ส่งเสียงพอใจในลำคอ ก่อนจะหาจังหวะสอดลิ้นหนาเข้าไปควานหารสชาติคุ้นเคยอีกครั้ง

ถ้าจะขอนับว่ามันคือจูบแรกของพวกเขาก็คงไม่ผิดอะไร เพราะเรื่องราวก่อนหน้า มันล้วนเกิดจากความไม่ได้สติ ต่างกับปัจจุบัน ณ ขณะนี้ ที่รู้สึกตัวดีทุกอย่าง ทำให้สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นกำลังแผ่ซ่านเข้ามาในโพรงปากได้อย่างชัดเจน

“อ..อื้มม”

มือใหญ่เลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้าเขาไว้ แทบไม่เปิดโอกาสให้ได้หายใจ ราวกับต้องการตักตวงวินาทีแห่งความสุขไว้ให้มากที่สุด

ร่างเล็กถูกผลักลงนอนราบกับพื้นเตียง มีกันต์คร่อมทับอยู่ด้านบน ลิ้นร้อนยังคงเกี่ยวกระหวัดพัลวันไม่เลิก วันศุกร์ย่นคิ้ว พยายามดันไหล่หนาออกห่างเมื่อปอดเริ่มขาดอ๊อกซิเย่น

“อื้อ..อ”

เสียงประท้วงทำให้กันติกรณ์ยอมถอนปากออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ยังตามลงมาจูบซับใบหน้าแดงหวานไปทั่ว จบท้ายด้วยการฝากรอยดูดดึงไว้บนซอกคอเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เขาถูกวันศุกร์ฟาดมือลงกับต้นแขนแรงๆ ทันทีที่ยอมผละตัวออก

“พี่กันต์!”

“อะไรอะ”

“คะ...ใครบอกให้ทำรอยเล่า!” ใบหน้าดุๆ แดงซ่าน เป็นภาพที่ไม่น่ากลัวสักนิดแถมยังน่ารักน่าฟัดซะมากกว่า

“คนอื่นจะได้ไม่กล้ามายุ่งอีกไง”

“ไม่มีใครเขามายุ่งสักหน่อย”

“ไม่มีที่ไหนล่ะ เดี๋ยวก็ไอ้มิว เดี๋ยวก็ไอ้ต้นหน”

“ต้นหนเป็นเพื่อนปะ เออพูดถึง เมื่อกี้ศุกร์คุยกับพี่ขิงมา”

กันต์ขมวดคิ้ว ดึงแขนอีกฝ่ายเข้าหาแล้วเอ่ยถามเสียงต่ำ “ไปคุยกับมันตอนไหน?”

“ตอนบายศรี พี่เขาขอโทษแทนเพื่อนน่ะ”

“แล้ว?”

“ก็เลยลองถามถึง…พี่ขิงบอกว่าพี่มิวมันยังนอนโรงพยาบาลอยู่เลยนะ พี่กันต์ทำเกินไปหรือเปล่า”

“ทำไม เกิดเป็นห่วงมันขึ้นมาหรือไง” น้ำเสียงขุ่นๆ ทำเอาคนตัวเล็กยู่ปาก

“เป็นห่วงพี่นั่นแหละ ถ้าพี่มิวมันเป็นไรหนักขึ้นมา มันเอาเรื่องพี่ได้นะ”

“ก็ถ้ามันกล้า”

“เออ แต่มันคงไม่กล้าหรอก” ถ้าฟังจากน้ำเสียงกระอึกกระอักไม่สมกับสารร่างเมื่อตอนที่คุยโทรศัพท์กันก่อนหน้านี้น่ะนะ “คือพี่ขิงเขาให้ศุกร์คุยโทรศัพท์กับพี่มิวด้วย”

“ห้ะ”

“พี่มิวมันขอโทษศุกร์” รีบแทรกขึ้นมาก่อนที่กันต์จะโมโหตีโพยตีพายอีก “ก็ดูเหมือนรู้สึกผิดจริงๆ นะ ศุกร์เลยบอกให้เลิกแล้วต่อกัน ต่อไปพี่กันต์ก็อย่าไปทำไรมันเลย”

คนตัวสูงนิ่งคิด ความจริงเขาไม่ได้สนิทกับมิวมาก ตลอดสามปีคุยกันนับคำได้เพราะต่างฝ่ายต่างเหม็นขี้หน้า แต่ปกติก็ไม่เคยยุ่มย่ามจนต้องมีเรื่องกันมาก่อน เขาก็ไม่รู้หรอกว่าคราวนี้มันเกิดอะไรขึ้นได้กล้ามาแตะ แต่จะบอกว่าคนของเขาก็ไม่ได้ซะด้วยเพราะตอนนั้นความสัมพันธ์ของเขากับวันศุกร์ยังคลุมเครืออยู่เลย

เอาเป็นว่าเห็นแก่วันศุกร์ และเห็นแก่คำขอโทษของน้ำขิง…

“ก็ได้”

วันศุกร์ระบายยิ้ม ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันไปชำระล้างร่างกายจากกิจกรรมตลอดทั้งวัน เวลาล่วงเลยไปถึงตีสามเศษ เตียงด้านหนึ่งว่างเปล่า ฟูกตรงกลางแทบจะเกะกะไปเลยด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้พวกเขาย้ายมานอนเบียดกันบนเตียงเดียว ผ้าห่มผืนพอดีตัวกลับดูเล็กลงไปถนัดตา หากความอบอุ่นกลับลอยฟุ้งไปทั่ว

กันติกรณ์จัดแจงขยับหมอนให้วันศุกร์ เจ้าของผิวสีน้ำนมแทบจะหลับสนิททันทีที่หนังตาปิดตัวลง คงเพราะเหนื่อยและเพลีย ใช่ว่าเขาเองจะไม่ แต่การได้นอนจ้องใบหน้ายามหลับของเด็กที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักกลับทำให้เขาไม่นึกง่วงเลยสักนิด กันต์ค่อยๆ ปัดเส้นผมปรกหน้าปรกตาออกให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ แก้มที่ยังคงทิ้งร่องรอยสีแดงจากความเขินอาย หรือแม้แต่เสียงหายใจเบาๆ ก็ยังดูน่ารักน่าชัง จนอดไม่ได้ ฝังจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่ม สูดเอาความหอมจากร่างกายบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด

วันเสาร์ดูใจร้ายและเย็นชา ช่างผิดกับตัวน้องชายซะเหลือเกิน เขายอมรับว่าทั้งรักทั้งหลงคนตรงหน้า ถ้าพูดให้ถูกคือตั้งแต่แรกพบนั่นแหละ

วันศุกร์ วุฒิเวคินทร์...เข้ามาฝากสะเก็ดสีชมพูไว้ในหัวใจเขาตั้งแต่วินาทีแรก ยิ่งนานวันก็ยิ่งลุกลามใหญ่โต สุดท้ายก็ยึดครองมันไปได้ทั้งหมด แปลกเหมือนกันนะ ที่เขาผ่านใครต่อใครมามากมายแต่กลับอยากจะหยุดที่คนคนนี้เสียเฉยๆ มันแทบไม่มีเหตุผล และอธิบายไม่ได้ แค่รู้สึกว่ารัก ว่าอยากปกป้อง ว่าอยากกอดเอาไว้...

ว่าอยากให้เป็นคนนี้ ซึ่งมันไม่เคยเกิดกับคนอื่นมาก่อน เหมือนเวลาเจอคนที่ใช่ มันก็คือใช่ใช่ไหม

งั้นวันศุกร์ ก็คงเป็นคนนั้นของเขา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:58:51 โดย mooaiir »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 13.5



“เอาล่ะครับ ก่อนกลับ เราจะมาเฉลยภาพถ่ายปริศนาของแต่ละคนกัน”

ทุกคนดูฮือฮาหลังจากเพิ่งกินข้าวเช้ากันเสร็จเรียบร้อย รุ่นพี่ปี3 กับปี4 ถูกต้อนมายืนอ้อมล้อมปี1 ทั้งหมดไว้ ก่อนที่ MC ทั้งสองจะทยอยเรียกชื่อรุ่นน้องออกมาตอบคำถามทีละคน เริ่มจากสีเขียว

กั้งเดินออกไปอย่างมั่นใจ ในมือถือรูปติ่งหูของใครบางคน

“รูปที่น้องกั้งได้คือใครคะ?”

 “พี่เซฟ ปี3 ครับ”

“ไหนๆ พี่เซฟออกมาหน่อยค่า” ต้นหลิวกวักมือเรียกรุ่นพี่ตัวสูงโปร่ง เซฟเดินยิ้มๆ เข้าไปทักทายกั้งอย่างสนิทสนม พร้อมโชว์ต่างหูแบบเดียวกันบนหูซ้ายของตัวเองให้ทุกคนดู

ความจริงก็ตอบถูกกันเกือบหมด คงเพราะอาศัยหลอกถามต่อๆ กันซะมากกว่า แม้แต่ภาพขนรักแร้ของนัทก็ยังจะถูกได้อีกว่าเป็นรุ่นพี่ตำแหน่งดินปี4 นั่นเอง ปี1 ถูกเรียกออกไปตามที่นั่งในแต่ละสี วนจากหน้าไปหลังแล้วย้อนมายังหัวแถว กลับไปท้ายแบบนี้เรื่อยๆ จนในที่สุดก็วนมาถึงตำแหน่งหัวแถวของสีฟ้าสีสุดท้าย และเป็นคนสุดท้ายด้วย...

“ไหน น้องวันศุกร์โชว์รูปหน่อยสิ”

ต้นหลิวพลิกภาพถ่ายรอยสักรูปนกตรงช่วงท้องน้อยออกให้ทุกคนได้เชยชม หลายคนส่งเสียงร้องเพราะนับว่าเป็นอีกโจทย์ที่ยากพอตัว รุ่นน้องเจ้าของภาพยืนเก้ๆ กังๆ ทำอะไรไม่ค่อยถูก เผลอเหลือบไปสบตากับเจ้าของรอยสักเข้าพอดิบพอดี

“สรุปน้องวันศุกร์รู้หรือยังว่าภาพนี้คือภาพของรุ่นพี่คนไหน?”

เขาพยักหน้าช้าๆ

“ตอบเลยครับ”

“เอ่อ...พี่กันต์…ปี3 ครับ”

“พี่กันต์ปี3 ถูกไหมครับ?” วินสะบัดมือไปด้านหน้า สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังหลานชายคณบดีคนดัง กำลังก้าวเท้ามาหยุดอยู่หน้าเวที รอยยิ้มกรุ้มกริ่มคงพอจะทำให้ใครต่อใครสงสัยได้ไม่มากก็น้อย ยิ่งบวกกับรอยแดงแปลกๆ บริเวณลำคอเรียวของรุ่นน้องหน้าหวานด้วยแล้ว... คนที่รู้ว่าวันศุกร์ย้ายไปนอนห้องกันต์คงอดจะคิดอะไรเตลิดไม่ได้

เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปเกือบชิดหัวไมค์

“ถูกครับ”

“ถูกจริงหรือเปล่า แบบนี้ต้องพิสูจน์ครับ”

เสียงกรี๊ดกร๊าดปะปนกับเสียงหัวเราะดังขึ้นทันทีเพราะรู้ว่าวินกำลังแกล้งรุ่นพี่ตัวเอง แต่กันต์ก็ไม่ได้ว่า แถมยังเป็นฝ่ายเลิกเสื้อยืดคอวีสีเทาขึ้นเผยให้เห็นเสี้ยวหนึ่งของปีกนกสีดำตามแนวกล้ามเนื้อแถวช่วงกลางลำตัว ต้นหลิวซับน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะรีบชงต่ออย่างรู้ทัน

“โอ้โห ถูกจริงๆ ด้วย ไม่น่าเชื่อเลย น้องวันศุกร์รู้ได้ไงคะเนี่ย?”

“อะ..เอ่อ…” คนตัวเล็กหน้าเสีย แก้มสองข้างขึ้นสีระเรื่ออย่างปิดไม่มิด ยิ่งทำให้กันต์อยากหัวเราะ แม้แต่พีท แกนปี2 ก็ยังลอบขำอยู่ข้างเวที เพราะกันต์เป็นคนสั่งให้เขาเอาภาพคำใบ้ของตัวเองให้กับวันศุกร์เท่านั้น

“ฮ่ะๆ ล้อเล่นนะคะ เอาเป็นว่าตอบถูกจ้า”

ต้นหลิวยอมตัดบทด้วยความสงสาร ก่อนจะเรียกคนตอบผิดทั้งหลายกลับมาเต้นตลกโปกฮาส่งท้าย มีเวลาให้ MC กับแกนรุ่นขึ้นมากล่าวปิดกิจกรรมเล็กน้อย ก็ได้ฤกษ์ส่งทุกคนขึ้นรถบัส

กระเป๋าเป้ผ้ายีนส์ของวันศุกร์ถูกกันต์แย่งไปถือเหมือนเคย แต่ผิดแปลกแค่ว่า ร่างสูงไม่ได้เดินนำไปยังรถโดยสารคันใหญ่ แต่กลับเป็นรถ BMW สีดำคันคุ้นเคยซึ่งจอดเทียบอยู่ไม่ห่าง เซฟยืนพิงกระโปรงหลัง ในมือถือกุญแจควงเล่นท่าทางสบายอารมณ์

“ว่าไงคู่รัก” คำทักทายของวันนี้ทำเอาเด็กปี1 สะดุ้งโหยง รีบตวัดสายตามองเจ้าของรถตัวจริงทันที แต่กลับไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ

กันต์ทำท่าเตะขาใส่เพื่อน จนเซฟเดินหัวเราะหนีไปทางรถแวนอีกคันที่จอดรออยู่ มีรุ่นน้องหลายคนเดินผ่านมายกมือไหว้กันต์ตามมารยาท แน่นอนว่ารวมทั้งจินนี่ด้วย ผ่านไปสักพักจนรถบัสคันสุดท้ายออกตัว หลงเหลือเพียงรถเก๋งไม่กี่คันกับเด็กปีสูงไม่กี่คนเท่านั้น

วันศุกร์พาตัวเองขึ้นไปนั่งบนเบาะข้างคนขับอย่างรู้งาน เขาไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรมากเพราะใจหนึ่งก็อยากใช้เวลาร่วมกับกันต์สองต่อสองอีกสักหน่อยอยู่เหมือนกัน

“ทำไมพี่เซฟถึงรู้เรื่องของเราอะ” เขาถามขึ้นทันทีที่ปิดประตูลง

“ก็พี่บอกไง”

“บอกทำไม”

“เอ้า คบกันแล้ว ไม่ให้บอกได้ไง” มือใหญ่เอื้อมมาดึงแก้มเขาเบาๆ ระหว่างเคลื่อนตัวออกจากรั้วรีสอร์ท

“บอกใครไปบ้าง?”

“ก็...ไอ้ตรี ไอ้ทิต กับไอ้เซฟ แค่เนี้ย ทำไมอะ”

“ก็ศุกร์ไม่อยากให้ใครรู้นี่น่า” วันศุกร์ก้มหน้างุด “ศุกร์กลัวพี่เสาร์จะรู้...”

นี่แหละเรื่องสำคัญที่เขาเพิ่งนึกออก ตลอดทั้งชีวิตเขาไม่เคยมีแฟนก็เพราะความขี้หวงของวันเสาร์ ยิ่งกันติกรณ์คนที่วันเสาร์ไม่ชอบขี้หน้าด้วยแล้ว...ถ้าเกิดรู้เรื่องที่พวกเขาคบกัน จะต้องมีใครตายไปข้างแน่ๆ

“แล้วไง สักวันพี่เสาร์ก็ต้องรู้นะ”

“แต่ศุกร์ยังไม่พร้อม พี่กันต์ก็รู้ว่าพี่เสาร์ขี้หวงมากอะ นี่ศุกร์เป็นห่วงพี่กันต์นะ ถ้าพี่เสาร์โกรธ ไม่ยอมรับเรื่องของเราล่ะ” ไม่สิ...อย่างวันเสาร์ไม่ต้องมีคำว่า ถ้า ด้วยซ้ำ เพราะจะต้องโมโหและไม่ยอมรับลูกเดียวอยู่แล้ว

“เราก็อธิบายให้เขาฟัง”

“อย่าพูดง่ายๆ สิครับ พี่กันต์ไม่รู้หรอกว่าพี่เสาร์น่ากลัวขนาดไหน”

“แล้วศุกร์จะให้พี่ทำยังไง ต้องคบกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ น่ะเหรอ พี่ไม่ใช่ชู้นะ”

กันต์เผลอขึ้นเสียงด้วยอารมณ์หงุดหงิด ตัดสินใจหักพวงมาลัยเข้าไปจอดยังจุดพักรถ เขาไม่ได้โกรธวันศุกร์หรอกแต่กำลังโกรธพี่ชายตัวดีของวันศุกร์มากกว่า เป็นมารผจญได้ทุกเรื่องจนถึงที่สุดจริงๆ คนเขารักกันแล้วก็ยังจะตามมาหลอกหลอนอีก

“ก็ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” คนตัวเล็กรีบเอ่ยเสียงสั่น พลางหันไปเกาะแขนคนขับไว้หลวมๆ “แต่...ศุกร์ว่าอย่าเพิ่งให้พี่เสาร์รู้เลยนะ มันกะทันหันเกินไป”

“แค่เราจะรักกันยังไม่ได้เลยเหรอ” น้ำเสียงตัดพ้อของกันต์ทำเอาเขาใจหายวาบ

“เราก็รักกันอยู่นี่พี่กันต์ ศุกร์รักพี่กันต์นะ”

คนตัวสูงชะงักไปนิด ความจริงเขาใจอ่อนตั้งแต่ที่อีกฝ่ายหันมาจับแขนตัวเองแล้วตีหน้ามุ่ยเหมือนอยากร้องไห้เต็มทีแล้ว

“เฮ้อ...เอาล่ะๆ พี่จะไม่ป่าวประกาศเรื่องของเราละกัน รู้แค่ในกลุ่มโอเคนะ”

“อื้อ” คนเด็กกว่าพยักหน้ารัว

“แต่ถ้าเราจะคบกัน สักวันพี่เสาร์ก็ต้องรู้อยู่ดีนะศุกร์”

“อืม...ศุกร์จะค่อยๆ บอกพี่เสาร์เรื่องของเราเอง แต่มันอาจจะต้องใช้เวลานะ เพราะพี่เสาร์คงไม่ยอมรับง่ายๆ แน่ ดีไม่ดีจะได้ไปหาเรื่องพี่กันต์ด้วยน่ะสิ...ศุกร์เป็นห่วง”

ดวงตากลมกระพริบถี่ หัวคิ้วย่นเข้าหากันมองดูน่าหมั่นเขี้ยวชะมัด

กันติกรณ์ยอมพยักหน้าโดยดี แต่ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอย รีบโน้มตัวเข้าไปขโมยหอมแก้มใสฟอดใหญ่ วันศุกร์ยังไม่ทันได้ตกใจก็ถูกตามมาจูบปิดปากซ้ำซะก่อน

“อือ...”

ลิ้นร้อนชอนไชเข้าไปด้านในโพรงปากหวานอย่างไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว เมื่อผละออกก็โดนคนหน้าแดงแหวใส่เสียงดัง

“อะไรเนี่ย”

“ค่าปิดปากไง”

“บ้า”

วันศุกร์ตีแขนกันต์ไปทีไม่แรงนัก ก่อนส่งสัญญาณให้ออกรถต่อ พวกเขาพูดคุยหยอกเย้ากันเรื่อยเปื่อยตลอดทาง นึกอยากให้เวลาเดินช้าลงอีกสักหน่อย เพราะรู้ดีว่าเมื่อกลับไป ก็ต้องเผชิญหน้ากับความจริง...ความจริงที่ว่าวันเสาร์ยังไม่มีทางยอมรับความสัมพันธ์ครั้งนี้...ความจริงที่ว่าพวกเขาจะแสดงออกว่ารักกันเหมือนคู่รักคนอื่นๆ ไม่ได้

และพูดไม่ทันขาดคำจริงๆ พี่ชายขี้หวงก็โทรเข้ามาได้ถูกจังหวะพอดี

“ฮัลโหลครับ”

“ศุกร์ จะถึงมหา’ลัยกี่โมง?”

“น่าจะเย็นๆ นะครับ พี่เสาร์จะมารับศุกรเหรอ”

“อือ ถ้าใกล้แล้วก็โทรบอกพี่อีกทีนะ”

“โอเคครับ”

“แล้วเป็นไงมั่ง?”

“ก็...ดีครับ สนุกดี”

คนตัวเล็กแอบสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อสัมผัสถึงความเย็นจากปลายนิ้วมือของอีกคนบนรถ กันติกรณ์จอดรอไฟแดงตรงทางแยก เอื้อมมือมาลูบแก้มเขาเล่นอย่างจงใจแกล้ง

“พวกรุ่นพี่ไม่ได้ให้ทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม ไม่ได้เจ็บตรงไหนนะ?”

“มะ..ไม่เลยครับ...”

“อ้ะ!”

ฉิบ.....

เขาเผลอส่งเสียงร้อง จังหวะที่กันต์หันไปปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วโน้มตัวเข้ามาขบใบหูเขาหน้าตาเฉย หัวใจดวงน้อยหล่นไปอยู่แทบตาตุ่ม มือซ้ายกำโทรศัพท์แน่น สายตาตำหนิตวัดไปทางที่นั่งคนขับ ซึ่งดูไม่สะทกสะท้านอะไร

“เป็นอะไรน่ะศุกร์?” วันเสาร์กดเสียงต่ำ ทำเอาเขายิ่งลนลาน

“เอ่อ…ป..เปล่า ไม่มีอะไรครับ”

“ไม่มีอะไรได้ยังไง เมื่อกี้ศุกร์ร้องใช่ไหม?”

“ยุง...พี่เสาร์ แค่ยุงกัดครับ”

“ยุง?”

รีบหันไปทำท่าจุ๊ปากใส่คนด้านข้าง เพราะดูเหมือนกันต์จะสนุกเหลือเกินหลังจากแกล้งเขาสำเร็จ แต่เขาน่ะไม่สนุกด้วยสักนิด เพราะต้องมานั่งโกหกวันเสาร์อีกแล้ว และเขาก็พอจะรู้หรอกว่าวันเสาร์จับได้ตลอดเพียงแค่ไม่พูดเท่านั้น ถ้ามันสะสมมากๆ เข้า เขาก็ไม่อาจรับประกันชะตาชีวิตตัวเองเหมือนกันนะ

เพราะเป็นวันเสาร์ที่เขารู้จักดีไงถึงได้น่ากลัว...เวลารักก็รักที่สุด แต่อย่าให้โกรธอย่าให้เกลียดขึ้นมาเชียว ต่อให้กราบเท้าอ้อนวอนขอ คนคนนั้นก็จะไม่ฟังแน่นอน

“อือ ยุงมันเข้ามาในรถอะครับ เอ่อ…เดี๋ยวไว้ใกล้ถึงแล้วศุกร์โทรหานะ”

“...อืม”

เขากลั้นใจกดตัดสายไป ทั้งที่ความรู้สึกผิดมันแล่นขึ้นมาจุกอก แว่วเสียงสุดท้ายของวันเสาร์ฟังดูเศร้าและโกรธเคืองในเวลาเดียวกัน ซึ่งเขาไม่ชอบเลย

“พี่กันต์อะ แกล้งทำไมเนี่ย” กำปั้นเล็กกระแทกเข้ากับต้นแขนอีกฝ่ายดังปัก ขณะที่กันต์ทำเพียงแค่หัวเราะคิกคัก แล้วกลับมารัดเข็มขัดเตรียมออกรถตามเดิม

“ก็อุตส่าห์ได้อยู่ด้วยกันสองคน พี่เสาร์ก็ยังตามมาขัดอีก”

“แค่โทรมาถามนิดเดียวเอง”

“เออ นิดเดียวก็ไม่ได้”

“พี่กั…”

“ทำไม ศุกร์เป็นแฟนพี่แล้วไม่ใช่เหรอ พี่ก็มีสิทธิ์หวงสิ” กันติกรณ์เอ่ยเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมยังคงจับจ้องไปบนถนนเบื้องหน้า

ตอนนี้เขารู้สึกไม่ดีต่อทั้งวันเสาร์และทั้งกันต์ กับวันเสาร์ก็ผิดที่โกหกแถมยังมีเรื่องปิดบังไว้อีกตั้งกองนึง ส่วนกันต์...ทั้งที่ใจตรงกันแล้ว แทนที่จะได้รักกันดีๆ ยังต้องมาคอยห่วงหน้าพะวงหลังกลัววันเสาร์จนขยับตัวไม่ได้ คงจะอึดอัดอยู่มากทีเดียว

“แต่ว่า...พี่เสาร์ก็เป็นแค่พี่เองนะ”

“เหอะ” คนตัวสูงเบ้ปาก นึกภาพสายตาของวันเสาร์ยามมองหน้าน้องชายตัวเองกับเวลามองผู้ชายคนอื่นที่มาเข้าใกล้ ลักษณะไม่ได้หวังแค่เป็นพี่ชัดๆ “ก็ถ้าเขาคิดอย่างนั้นอะนะ”

“โธ่ พี่กันต์ ยังจะพูดแบบนี้อยู่อีก”

“พี่พูดจริง ทำไมจะดูไม่ออก พี่เสาร์เขาคิดกับศุกร์เกินพี่น้องนะ ระวังตัวไว้เถอะ”

“พี่กันต์ เพ้อเจ้อ!”

ไม่ตอบอะไรกลับ ปล่อยให้คนเด็กกว่าตีหน้ายุ่งเพราะคิดว่าเขายกเรื่องวันเสาร์ขึ้นมาชวนทะเลาะอีกแล้ว แต่ความจริงเขาไม่ได้อยากหาเรื่อง เขาแค่เป็นห่วง...วันศุกร์เชื่อสนิทใจว่าวันเสาร์เป็นแค่พี่ชายมาโดยตลอด แต่ไอ้พี่ชายที่ว่าน่ะ คงไม่ได้คิดอย่างนั้น แบบนี้เขาควรต้องห่วงมากขึ้นเป็นสิบเท่าไหม

แต่พูดไปตอนนี้ก็เท่านั้นแหละ ไม่ยอมฟังอยู่ดี

“จับมือหน่อย” กันต์ผละสายตาออกจากถนนเพียงแวบเดียว คว้าเอามือเล็กมากุมพักไว้บริเวณช่องวางแก้วถัดจากเกียร์ แล้วใช้แค่มือเดียวบังคับพวงมาลัยต่อ

วันศุกร์หันมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายนิ่งๆ ความขุ่นมัวในใจเมื่อครู่นี้มลายหายไปในพริบตายามสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ เขาค่อยๆ คลี่ยิ้มบางแล้วกุมมือตอบ

ยังไม่ขอคิดอะไรเลยแล้วกัน…


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:59:10 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 14.0



“ย้ายมานอนหอพี่”

คำพูดดั่งประกาศิตจากปากกันติกรณ์ยังคงลอยวนอยู่ในหัวจนวันศุกร์คิดไม่ตกมาหลายวัน ตั้งแต่กลับจากรับน้องทะเลเขาก็ถูกสั่งให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่หอ แต่นั่นน่ะพูดง่ายทำยาก! แค่ทุกวันนี้จะคุยโทรศัพท์กันยังต้องแอบคุยหลังห้าทุ่ม ทำตัวอย่างกับเด็กป.6 แอบแม่มีแฟน แล้วนี่จะขอย้ายออกจากบ้าน ไม่กันต์ก็เขานี่แหละที่จะหัวขาดสะบั้น

เดี๋ยวนี้วันเสาร์ก็ดุเขาบ่อยขึ้น ไม่ค่อยใจดีแล้วด้วย คงเพราะเขาเกเรเองแหละ แต่ทำไงได้...บอกความจริงไปตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย

“เฮ้ย เหม่อไรวะ”

หาญกล้าดีดนิ้วเรียกให้เขาหลุดออกจากภวังค์ ชีทเรียนวิชามนุษยธรรมกองอยู่บนโต๊ะกระจกของร้านเค้ก วิชานี้ปี1 ทุกคณะต้องเรียนเหมือนกันหมด เป็นหนึ่งในวิชามหาลัยสุดน่าเบื่อ และเขาก็กำลังทำการเทรดโน้ตของตัวเองกับเพื่อนสนิท เพื่อหวังว่าจะช่วยยกระดับความเข้าใจเนื้อหาให้เพิ่มมากขึ้น

“เปล่า คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

“แล้วได้ฟังที่กูพูดเมื่อกี้ไหมเนี่ย”

“ห้ะ อะไรเหรอ?”

“กูบอกว่ากูย้ายหอแล้วนะ”

“อ่าว ย้ายไมอะ?” กล้าส่ายหน้าเล็กน้อยที่เพื่อนตัวเล็กไม่ยอมสนใจฟัง แต่ก็ยอมเล่าใหม่อีกรอบ

“ห้องข้างๆ แม่งกวนตีน ชอบทำเสียงดัง ให้พี่ที่หอไปเตือนหลายรอบแล้วก็ไม่สนใจ กูย้ายแม่ง”

“แล้วตอนนี้อยู่ไหน?”

“หอ Wise อะ”

หอ Wise……

เฮ้ย!! นั่นมันหอเดียวกับกันต์หนิ!

วันศุกร์ตาโต แทบจะปีนข้ามโต๊ะเข้าไปเขย่าแขนเอาความ จนคนถูกถามขมวดคิ้วมุ่น “ชั้นไหน?”

“เอ่อ...ชั้น 3”

หอนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นหอที่หรูหราและแพงสุดในย่านมหาวิทยาลัย เน้นบรรยากาศสไตล์คล้ายเพนเฮาส์ สูงเพียงแค่ 4 ชั้น แบบนี้โคตรจะเหมาะเจาะอย่างกับสวรรค์บันดาล ห้องของกันต์ก็อยู่ชั้น 4 นี่เอง แบบนี้ถ้าเขาอ้างว่าย้ายมานอนกับกล้าแต่จริงๆ อยู่กับกันต์ วันเสาร์คงจับไม่ได้ แถมยังจะอนุญาตง่ายกว่าเก่าอีก

โอ้โห แผนการหนีตามผู้ชายอย่างสมบูรณ์แบบ

แต่ว่า...

“มึงตื่นเต้นอะไรขนาดนั้นวะ”

ถ้าจะเอาแบบนี้ เขาก็ต้องบอกกล้าถึงความสัมพันธ์ของเขากับกันต์น่ะสิ

“เอ่อ...” ดวงตากลมกลอกซ้ายทีขวาทีอย่างชั่งใจ สุดท้ายจึงรวบรวมอากาศเข้าปอดก่อนจะพ่นออกมาทางปากเพื่อตั้งสมาธิ “กูมีไรจะบอก”

“อะไรวะ ทำไมกูสังหรณ์ไม่ดี”

“ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกน่า” ...มั้ง

หาญกล้ายังคงย่นคิ้วเข้าหากันท่าทางไม่ไว้ใจกับสิ่งที่กำลังจะได้ยิน แต่ที่สุดก็ยอมพยักหน้าเป็นเชิงให้อีกฝ่ายเริ่มต้นเล่า วันศุกร์เม้มปากแน่น ก่อนจะตัดสินใจเปิดเผยความลับที่รู้ดีว่าคนฟังคงตกใจไม่น้อย

“อืม...คือ มึงจำพี่กันต์ได้ไหม”

“กันต์...คนที่เคยหาเรื่องมึงอะนะ”

“เออ”

“ทำไม มันมาทำไรมึงอีก”

เออนั่นสิ อยากรู้เหมือนกัน มาทำอะไรกับหัวใจเขา…

“เปล่า...”

“แล้ว?”

“คือ…กูกับพี่กันต์...คบกันแล้วนะ”

เจ้าของคำสารภาพนั่งมือหงิก ขณะที่อีกฝ่ายแทบจะใบ้กิน เพื่อนมัธยมอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง จ้องหน้าเขาเขม็งเหมือนอยากให้พูดใหม่อีกครั้งซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัด

“กูกับพี่กันต์เราชอบกันอะ เลยตกลงคบกันแล้ว...แต่ก็ไม่ได้บอกใคร รู้แค่ในกลุ่มเพื่อนไม่กี่คน”

“นี่มันอะไรวะเนี่ย” คนสูงกว่าถึงกับยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเน้นๆ “คือกูจะไม่พูดเรื่องที่มึงชอบผู้ชายหรืออะไรนะ แต่กูงงว่ามึงไปชอบกับไอ้พี่กันต์อะไรนี่ตั้งแต่ตอนไหน ไหนมึงบอกว่าไม่ชอบขี้หน้ากันไง”

“ก็...ก็นั่นมันตอนนั้น ตอนนี้ชอบแล้ว จบปะ”

“ไม่จบ ตลกเหรอมึง เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย”

วันศุกร์ยู่ปากเป็นเด็กๆ แต่สุดท้ายก็ยอมเล่าทุกอย่างแบบละเอียดยิบ ทุกเรื่อง ทุกเหตุการณ์ ทุกความรู้สึก กินเวลาไปครึ่งชั่วโมงกว่าจะเล่าจบ เพราะมันมีเรื่องราวมากมายปะดังปะเดเข้ามาในช่วงหลายเดือนมานี้

กล้ายังคงไม่ยอมคลายคิ้วเป็นโบนั่นออก

“กูสับสนว่ะ มันกะทันหันเกินไปอะ”

“เออกูเข้าใจ แล้วมึง...มึงรังเกียจกูเปล่าวะ” คนตัวเล็กถามเสียงอ้อมแอ้ม แม้ว่าจะเขาจะพอเดาคำตอบได้แต่ก็ยังอยากถามให้มั่นใจ และแน่ยิ่งกว่าแน่ หาญกล้ายื่นแขนเข้ามาฟาดหัวเขาไปทีไม่แรงนักพร้อมเอ่ยเสียงจริงจัง

“ถ้าหมายถึงเรื่องที่มึงคบกับผู้ชาย กูไม่รังเกียจหรอก มึงจะเป็นอะไรกูก็ไม่รังเกียจ มึงเป็นเพื่อนกูนะ คบกันมาตั้งนานยังกล้าถามแบบนั้นอีก”

“ง่ะ” เขานั่งลูบหน้าผากตัวเองป้อย

“กูแค่ยังงงๆ ที่มึงไปตกล่องปล่องชิ้นกับพี่กันต์อะไรนั่นได้...แต่ก็ช่างเหอะ หัวใจมึงอะเนาะ”

เขาเผยรอยยิ้มกวนๆ เหมือนปกติ ทำให้อีกฝ่ายพอยิ้มออก แม้ว่าในใจจะแอบตะขิดตะขวงชอบกล นายกันติกรณ์อะไรนี่เคยตั้งตัวเป็นคู่อริวันศุกร์แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมาคว้าหัวใจไป มันฟังดูบ้าสิ้นดีสำหรับเขา และมันดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย

“เออ แล้วทีนี้ กูก็มีเรื่องจะขอร้อง” วันศุกร์รีบวกกลับเข้าประเด็นหลักอีกครั้ง

“ว่ามา”

“กูอยากย้ายไปนอนกับพี่กันต์อะ”

“ห้ะ...แล้วเกี่ยวไรกับกูวะ”

“ก็พี่กันต์เขาอยู่หอ Wise เหมือนกันไง แล้วมึงย้ายมาอยู่หอนี้พอดี กูเลยกะว่ากูจะแกล้งบอกพี่เสาร์ ว่ามานอนกับมึง”

“อ่าว ซวยกูอีกสิ กูช่วยมึงได้หมดนะศุกร์ แต่อะไรที่เกี่ยวกับพี่เสาร์นี่กูไม่ค่อยอยากยุ่งเลยว่ะ” กล้าตีหน้าขยาด เพราะรู้ดีถึงวีรกรรมความโหดของพี่ชายเพื่อนรัก วันเสาร์เป็นคนนิ่งๆ ที่ความจริงแล้วไม่นิ่งเลย แทนที่จะบอกว่าเหมือนน้ำแข็ง วันเสาร์คือเปลวไฟสีน้ำเงินซะมากกว่า ซึ่งหมายความว่าร้อนยิ่งกว่าใคร ไม่สมควรเข้าใกล้เป็นอย่างยิ่ง

“โห่ ช่วยกูหน่อยนะ นะ”

“ไอ้ศุกร์...ถ้าถูกจับได้นี่ตายหมู่เลยนะมึง”

“ไม่ถูกจับได้หรอก หรือถ้าถูกจับได้จริงๆ กูรับผิดชอบเอง”

ใบหน้าเข้มดูคร่ำเครียด ได้แต่มองคนตรงข้ามที่กำลังยืดอกมั่นใจด้วยความไม่มั่นใจเลยสักนิด แต่ทำไงได้ล่ะ เพื่อนมันหนิ สุดท้ายก็ต้องยอมอยู่ดี กลัวไม่ช่วยแล้วเดี๋ยวจะมีใครร้องไห้ขี้มูกโป่ง

“เออๆ ก็ได้วะ”

วันศุกร์แทบจะร้องตะโกน รีบดึงมือเขาไปลูบเล่นด้วยความดีใจ บ้าชะมัด เป็นเพื่อนกันมา 6-7 ปี วันนี้มันจะไปมีผัวแล้วเหรอวะ...

 

 

“นึกยังไงถึงชวนพี่ออกมากินข้าวนอกบ้านฮึ” วันเสาร์ก้มหน้าถามน้องชายตัวเองที่เอาแต่เกาะแขนเขาไม่ปล่อยตั้งแต่เดินลงจากรถจนขึ้นมาถึงชั้นอาหารของห้างใหญ่แถวบ้าน

“ก็ศุกร์อยากออกมาเดินเล่นกับพี่เสาร์บ้างนี่ เราไม่ได้ออกมาแบบนี้นานแล้วนะ”

“อืม แล้วนี่จะกินอะไร?”

“ยังไม่รู้เลยอะ พี่เสาร์เลือกละกัน”

“บาร์บีคิวพลาซ่ามะ ช่วงนี้มีโปรฯ ชุดครอบครัวหมูด้วย” สายตาเรียวหันมองป้ายโปรโมทจากหน้าร้านซึ่งกำลังส่งกลิ่นหอมเตะจมูกมาแต่ไกล วันศุกร์จ้องผ่านหน้าต่างใสเข้าไปด้านใน เห็นเนื้อหมูสไลด์สีชมพูสดกำลังถูกคีบลงบนเตา ก็เกิดนึกถึงคำพูดของบัณฑิตตอนอยู่ระยองขึ้นมาได้

รีบส่ายหน้ารัว

“ไม่เอาอะ...ศุกร์ ศุกร์ว่าจะลดหมูแล้วอะ”

“หือ ทำไม...อ๋อ เพราะเราเลี้ยงหมูตัวนั้นอยู่อะเหรอ?” วันเสาร์เพิ่งนึกออกว่าน้องชายยังโดนทัณฑ์บนให้ไปดูแลหมูแคระคณะเกษตรฯ อยู่

“อือ…”

“ไม่เป็นไรมั้ง ศุกร์ อย่าคิดมากเลย มันคนละพันธุ์กันไม่ใช่เหรอ กินได้”

ดวงตากลมโตเบิกมองหน้าพี่ชายตัวเองนิ่ง ก่อนจะหลุดหัวเราะคิกออกมาน้อยๆ จนอีกฝ่ายถึงกับขมวดคิ้ว ตลกดีชะมัด วันเสาร์นี่เหมือนกันติกรณ์ไม่มีผิด นิสัยก็คล้าย คำพูดยังเหมือนกันอีก

“หัวเราะอะไรของเรา”

“เปล่าครับ แค่คิดว่าพี่เสาร์เนี่ย เหมือนคนที่ศุกร์รู้จักเลย”

“ใคร พี่รู้จักหรือเปล่า?”

อ่าว เวร...

“เอ่อ...ไม่...ไม่รู้จักมั้งครับ ศุกร์ก็ไม่ค่อยสนิท เหอๆ งั้นกินนี่ก็ได้ครับ”

คนตัวเล็กรีบเปลี่ยนเรื่อง ดึงมือหนาเข้าไปในร้านทันที ทำให้วันเสาร์ไม่มีโอกาสได้ซักไซ้อะไรต่อ สองพี่น้องนั่งทานอาหารกันไป พูดคุยเรื่องต่างๆ นาๆ ไปเรื่อยอย่างออกรส ความจริงที่วันศุกร์ชวนออกมากินข้าวเปลี่ยนบรรยากาศก็เพราะอยากทำให้วันเสาร์อารมณ์ดี เขาจะได้หาจังหวะขอย้ายไปอยู่หอซะเลย

“เอ่อ พี่เสาร์...” วันศุกร์ถูไม้ถูมือ หลังจากเช็คบิลเรียบร้อยและกำลังจะเดินออกจากร้าน

เสาร์หยุดฟังน้องชาย แต่ไม่ทันได้ความต่อ ก็มีมือปริศนาเข้ามาดึงชายเสื้อเขายิบๆ จนเผลอตวัดสายตาดุๆ ใส่...ก่อนจะพบว่าเป็นแค่เด็กผู้ชายตัวเท่าเอว น่าจะอายุราวๆ 7-8 ขวบเท่านั้น ขอบตาสองข้างเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ชวนให้ทั้งเขาและวันศุกร์ตกใจ

“ปะ…เป็นอะไรครับ มีอะไรเหรอ” ศุกร์คุกเข่าลง รวบตัวเด็กมาโอบไว้หวังจะปลอบ วันเสาร์ต้องช่วยลูบหัวทุยเบาๆ เมื่อเห็นว่ายังไม่ยอมสงบ ผ่านไปเกือบนาทีกว่าที่เด็กแปลกหน้าจะยอมเอ่ยปากเสียงสะอื้น

“ผม…ผมหา คุณแม่..ฮืออ”

“สงสัยจะหลงทางนะครับพี่เสาร์”

“อือ เอาไปฝากไว้ที่ประชาสัมพันธ์ละกัน”

คนเป็นน้องพยักหน้าแล้วตบหลังเด็กน้อยปุๆ ให้ออกเดินไปด้วยกัน แต่ก็เพิ่งรู้ว่าระยะก้าวของผู้ใหญ่กับเด็กมันต่างกันมาก ทำให้พวกเขาเคลื่อนตัวได้อย่างเชื่องช้าและตะกุกตะกัก ยิ่งเด็กหลงยังเอาแต่สะอึกสะอื้น หยุดปาดน้ำตาเป็นพักๆ อีก

สุดท้ายจึงถูกวันเสาร์ช้อนตัวขึ้นอุ้มพาดบ่า คงเพราะรำคาญหรืออะไรไม่ทราบ มือใหญ่คอยลูบหลังให้คนในอ้อมแขนตลอดทาง พวกเขายืนรออยู่ตรงจุด Information ของห้างจนคุณแม่ของน้องวิ่งโร่มาหา เธอก้มหัวขอบคุณประมาณสิบแปดรอบก่อนจะจากไป ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกอุ่นๆ ในใจเท่านั้น

วันศุกร์เหล่ตามองพี่ชายตัวเองอย่างหยอกล้อ ระหว่างเดินกลับไปยังลานจอดรถ

“พี่เสาร์เนี่ย ชอบเด็กจริงๆ เลยน้า”

“ชอบอะไร ไม่ได้ชอบสักหน่อย”

“ไม่จริงอะ พี่เสาร์นะออกจะดุ แต่เวลาเจอเด็กก็อ่อนโยนจะตาย”

วันเสาร์ส่ายหน้าแทนคำตอบ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถไปในที ขี้เก๊กอะ ปากแข็ง อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปีละอย่างกับว่าเขาจะดูไม่ออก ขาว เด็ก ตัวเล็ก สเป็ควันเสาร์ สโลแกนนี้มันแปะอยู่บนหน้าผากชัดๆ เลย

อ้ะ ความจริงตัวเขาเองก็เข้าเค้าเหมือนกันนี่หว่า...

“เอ่อพี่เสาร์ ศุกร์ขออะไรหน่อยได้ไหมครับ?” เขารีบสะบัดหัวไล่ความคิดประหลาดออก แล้วเริ่มต้นเข้าเรื่องในหัวอีกครั้ง วันเสาร์เพียงแค่พยักหน้าให้พูดต่อ

“คือช่วงนี้ใกล้สอบไฟนอลแล้ว...แบบ เพื่อนมีติวกัน แล้วก็มีพวกงานกลุ่มด้วย ศุกร์เลยคิดว่า…ถ้าอยู่หอ คงจะสะดวกกว่า...”

“...”

“ศุกร์ขอไปอยู่หอได้ไหมพี่เสาร์”

“หอใคร?”

ราวกับรู้ทัน ทั้งที่ยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะไปขออาศัยห้องคนอื่น วันเสาร์ก็คือวันเสาร์ เซนส์แรงกว่าริวจิตสัมผัส โดยเฉพาะเรื่องของน้องชายตัวเองเนี่ยแหละ!

“หอกล้าครับ”

คนตัวสูงนิ่งไปนิด ดูเหมือนชื่อกล้ายังได้ผลเหมือนเดิม ด้วยตำแหน่งเพื่อนสนิทที่ยังเหลือรอดมาตั้งแต่ ม.1 อีกอย่างครอบครัวกล้าก็สนิทกับครอบครัวเขาอยู่ไม่น้อย บ้านก็ใกล้กัน วันเสาร์จึงให้ความไว้วางใจมากเป็นกรณีพิเศษ

“กล้าอยู่หอไหนนะ?”

“เอ่อ...มันเพิ่งย้ายไปอยู่หอ Wise อะครับ”

“หอเดียวกับกั้ง?”

เออ เกือบลืมไปเลยว่าแต่ก่อนเขาเคยโกหกไว้ว่าไปค้างหอกั้ง ทั้งที่จริงไปอยู่ห้องกันต์ต่างหาก สงสัยต้องรีบแก้ใหม่กันความแตกซะก่อน

“เอ่อ กั้งย้ายหอแล้วครับ”

“ย้ายอะไรกันเยอะแยะ”

“คือ กั้งย้ายไปอยู่กับนัทอะครับ” อันนี้เรื่องจริงแล้วนะ กั้งกับนัทเป็นรูมเมทกันมาตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้ว แต่หอจริงพวกมันอยู่ห่างจากหอ Wise เกือบกิโลเห็นจะได้

“แต่อยู่บ้านก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่ศุกร์ คนขับรถก็มี”

ว่าละ...

“แต่มันเสียเวลานี่ครับ ระหว่างเดินทางศุกร์เอาไปอ่านหนังสือได้ตั้งเยอะ” ก็ไม่ได้ถึงกับขี้โม้จนเกินไปนัก เพราะถึงจะเห็นว่าเขาไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไร แต่ก็ไม่ได้มีแค่หน้าตาดีไปวันๆ ตั้งใจเรียนอยู่เหมือนกัน ถ้านับทั้งคลาส เขาคิดว่าเขาเป็นเด็กกลางห้อง ส่วนกั้งอาจจะหัวแถวหน่อย และนัทกับเปาก็โน่นเลย เกาะเพื่อนกินอยู่ปลายสุดของห่วงโซ่อาหาร

“กล้าเองก็อยู่คนเดียว ศุกร์ไปอยู่เป็นเพื่อน ก็ช่วยมันหารค่าหอด้วย”

“บอกกล้าไปอยู่หออื่นได้ไหมล่ะ พี่ไม่อยากให้เราอยู่หอนี้เลย”

วันเสาร์เริ่มเสนอเงื่อนไขใหม่ เพราะเขาจำได้ดีว่าไอ้หอ Wise น่ะมันก็หอเดียวกับนายกันติกรณ์ คนที่ชอบมาเจ๊าะแจ๊ะน้องชายเขานั่นแหละ แบบนั้นท่าทางไม่น่าไว้วางใจ

“ทำไมล่ะครับ หอ Wise มันดีที่สุดแล้วนะ พื้นที่ก็กว้าง ข้าวของเครื่องใช้ก็ครบ แถม security ก็ดีด้วยนะพี่เสาร์ ให้อยู่หออื่นศุกร์กลัวอะ วันก่อนเพิ่งมีข่าวว่าหอ Sky Tree โดนโจรขึ้นด้วยนะครับ อันนี้แหละ ปลอดภัยสุดแล้ว”

เจ้าของดวงตาสีนิลฉุกคิด แค่นึกว่าเขาจำต้องอนุญาตให้น้องสุดรักไปอยู่ไกลหูไกลตานั่นก็แย่มากพอแล้ว ถ้าต้องไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยด้วย เขาคงอกแตกตายก่อนวัยอันควรเป็นแน่ ถึงยังไงเขาคงขัดใจวันศุกร์ไม่ได้ เพราะท่าทางเดี๋ยวนี้รั้นเอาเรื่อง สุดท้ายก็คงโวยวายขอไปอยู่หอตามเพื่อนให้ได้อยู่ดี

เฮ้อออ เหนื่อยใจ

เลี้ยงมากับมือ ทำไมกลายเป็นงี้ไปได้ สังคมมหาวิยาลัยนี่บางทีก็น่ากลัวเหมือนกัน ทำเทวดาตัวน้อยของเขาปีกกล้าขาแข็งขนาดนี้ได้ไงเนี่ย

“เอ้า แล้วแต่เราละกัน ถึงพี่ไม่ให้ ก็คงอ้อนจนได้อยู่ดีล่ะสิ”

“แฮ่” คนตัวเล็กแลบลิ้นแก่น แล้วรีบถลาเข้าไปโอบเอวคนเป็นพี่ไว้อย่างเอาใจ ทั้งที่อีกฝ่ายยังตั้งสมาธิอยู่กับการขับรถ

วันเสาร์ลอบถอนหายใจอีกครั้ง แล้วผละมือข้างหนึ่งออกจากพวงมาลัย ลูบศีรษะทุยป้อยๆ

“แต่ถ้าไม่มีงานอะไร ต้องกลับบ้านนะ”

“กลับอยู่แล้ว กลับมาหาพี่เสาร์ไง”

ก็น่ารักซะแบบนี้ เขาคงขัดใจอะไรไม่ได้ไปตลอดชีวิตนั่นแหละ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 16:59:52 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 14.5



“แล้วนี่อยู่ชั้นไหนนะ?” วันเสาร์เอ่ยปากถาม ขณะย้ายกระเป๋าเดินทางหลายใบของน้องชายลงบนรถเข็นแสตนเลส โดยมีคุณพี่รปภ. คอยช่วยอีกแรง

“4...เอ๊ย 3 ชั้น 3 ครับ!”

“สรุปยังไง”

“ชั้น 3 ครับๆ ศุกร์จำผิด”

“ขอบคุณครับ” คนตัวสูงหันไปก้มหัวให้รปภ.หอ ก่อนจะเข็นรถเข็นนำหน้าไปยังลิฟต์ด้านใน ไม่นานก็มาหยุดลงตรงหน้าห้อง 303 มีกล้าคอยรอต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีครับพี่เสาร์” รีบยกมือไหว้พี่ชายเพื่อน แล้วยื่นมือไปช่วยยกกระเป๋าไปวางบนพื้นห้อง

วันเสาร์เพียงแค่พยักหน้าตอบรับ และถือวิสาสะเดินเข้าไปสำรวจทั่วบริเวณ เตียงคู่ตั้งห่างออกจากกันโดยมีโต๊ะวางโคมไฟคั่นกลาง สองฝั่งห้องถูกจัดแบ่งโซนเรียบร้อยและค่อนข้างสมมาตร ทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือ และชั้นวางของ มีตู้เย็นกับซิงค์ให้พร้อม แอร์คอนดิชั่นกับพัดลมก็ไม่ต้องห่วง ห้องน้ำเป็นแบบฝักบัวมีประตูกระจกกั้นจากโถส้วมและอ่างล้างหน้าอีกที ความสะดวกสบายเขาให้เต็มที่เลย 7.5 แต่การตกแต่งและความหรูหราถ้าเทียบจากสภาพหออื่นๆ ก็ต้องนับว่าได้คะแนนสูงกว่าเป็นไหนๆ

โอเค ใช้ได้ ถ้าอนุญาตให้นอนหอ แล้ววันศุกร์จะกลับมาทำตัวอยู่ในโอวาทมากขึ้น เขาก็ยอม

ยังไงก็มีหาญกล้าคอยเป็นหูเป็นตาให้ เด็กนี่ไว้ใจได้ เขาเองก็รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนโรงเรียนมัธยม มาดดูเกเรเสเพลไปบ้างแต่ความจริงเป็นเด็กดี อีกอย่าง ไม่เคยเห็นว่าจะกล้าขัดเขาสักเท่าไร คงพอบีบเค้นอะไรได้บ้างในสถานการณ์จำเป็น

“พี่ก็ฝากกล้าดูแลศุกร์ด้วยละกันนะ”

“ได้เลยครับ” กล้าทำท่าตะเบ๊ะใส่ ก่อนที่เจ้าน้องชายตัวดีจะตรงเข้าไปกอดเอวล่ำลา ทำเอารูมเมทกำมะลอต้องเดินหลบออกจากฉากไปอย่างรู้งาน

“พี่เสาร์ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ อยู่นี่ก็ใกล้มอ มีกล้าด้วย”

“อือ มีอะไรก็โทรหาพี่นะ”

“คร้าบ”

วันศุกร์เดินไปส่งเสาร์ถึงหน้าลิฟต์ จนเมื่อแน่ใจดีแล้วจึงรีบกดโทรศัพท์หาคนที่คุณก็รู้ว่าใคร............ลอร์ดโวลเดอมอร์

ไม่ใช่!!

“ฮัลโหลพี่กันต์”

“เป็นไง”

“พี่เสาร์กลับไปแล้วนะ”

“โอเค เดี๋ยวพี่ลงไป”

ขบวนการมิจฉาชีพมากๆ หลังวางสายไม่ถึงสองนาที ลิฟต์ตรงหน้าก็เปิดออกพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มน่าหมั่นไส้ กันติกรณ์พุ่งเข้ามาหอมแก้มเขาฟอดใหญ่แบบไม่ให้ตั้งตัว

“โอ้ย ไรเนี่ย”

“ทักทายไง” เจ้าของใบหน้าเรียวหัวเราะร่า แล้วดึงมือวันศุกร์กลับไปยังห้อง 303 อีกครั้ง กล้าที่เห็นกันต์ก็จำใจยกมือไหว้ตามมารยาท แล้วผายมือให้คู่บ่าวสาวเข้ามาจัดการขนย้ายสัมภาระมากมายขึ้นไปยังห้องชั้นบนแทน

มือสี่ข้างของสองคนไม่ว่างเลย กระเป๋าใบเล็กใบน้อยถูกหิ้วไปวางแหมะไว้ตรงหน้าลิฟต์ตัวเดิม อดจะแซวไม่ได้

“ย้ายบ้านเหรอ เอาอะไรมาเยอะแยะ”

“ก็ของมันเยอะนี่”

เขามองค้อน แล้วเลือกที่จะสนใจตัวเลขบนลิฟต์มากกว่า ลิฟต์ตัวด้านซ้ายค้างอยู่ที่ชั้น 4 นานเอาเรื่องแล้วไม่รู้เพราะอะไร ส่วนลิฟต์ตัวด้านขวาเพิ่งถูกคนจากชั้นล่างกดขึ้นมาพอดี

ติ๊ง!

สุดท้ายก็เป็นตัวด้านซ้ายที่เคลื่อนลงมาชั้น 3 ได้ก่อน เขากับกันต์รีบยกกระเป๋าทั้งหมดเข้าไปด้านใน วินาทีที่ประตูกำลังจะปิดก็ได้ยินเสียงสัญญาณลิฟต์อีกตัวดังขึ้นแว่วๆ พร้อมร่างสูงใหญ่คุ้นเคยที่เพิ่งก้าวผ่านตาเขาไปเพียงแวบเดียวเท่านั้น

ฉิบหาย นั่นมันพี่เสาร์ไม่ใช่เหรอ!?

เร็วกว่าความคิด เขารีบล้วงเอาโทรศัพท์มากดโทรหากล้าทันที แต่สัญญาณหรอยหรอในลิฟต์ก็ทำให้ติดต่อไม่ได้ซะงั้น

ด้านวันเสาร์ ยิ่งสาวเท้าไวขึ้นเพราะดันทำกุญแจรถหล่นไว้ในห้องของเพื่อนน้องชาย ทั้งที่เขาเองก็มีธุระเรื่องเรียนต้องรีบกลับไปทำ

ประตูไม้ทาสีขาวสะอาดตาถูกเคาะรัวสองสามที เจ้าของห้องก็โผล่หน้าออกมาให้เห็น กล้าเกือบจะหวีดเสียงร้องหากก็จิกแขนตัวเองไว้ได้ทันถ่วงที นึกภาวนาไม่ให้วันเสาร์เห็นความผิดปกติว่าบนพื้นห้องเท่าที่สายตาคนด้านนอกจะมองเห็น มันโล่งเปล่า ไม่หลงเหลือสัมภาระเกะกะจากเมื่อครู่อยู่แล้ว

“อ…เอ่อ พี่เสาร์ มีอะไรเหรอครับ”

“พี่ทำกุญแจรถตกไว้รึเปล่า”

“กุญแจรถเหรอครับ” กล้ากวาดตามองทั่วพื้นท่าทีลุกลี้ลุกลน จนไปสะดุดเข้ากับกุญแจปุ่มดำ

เขารีบก้มลงเก็บแล้วยื่นให้ ยังไม่ยอมเปิดประตูออกสุดเพราะเกรงว่าคนตรงหน้าจะบุกเข้ามาทำให้แผนแตกดังโพละตั้งแต่วันแรก

“หล่นอยู่นี่เอง”

“แล้วศุกร์ล่ะ?” คอเรียวยืดเป็นยีราฟ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนขมับเมื่อหาญกล้าตัดสินใจโป้ปดคำโต

“เอ่อ…อยู่ในห้องน้ำครับ”

โชคดีระดับสิบที่ประตูห้องน้ำปิดอยู่พอดีเลยเนียนๆ ไปได้ ขอแค่วันเสาร์รีบกลับไปซะตั้งแต่ตอนนี้...

“ศุกร์!”

ตะโกนหาพ่อง! ไม่สิ...ตะโกนหาน้องพี่เหรอ!

“พี่เสาร์ไม่รีบไปเหรอครับ มะกี้ศุกร์เล่าว่าพี่เสาร์นัดเพื่อนทำงาน”

“อ่า…ถ้าศุกร์ออกมาแล้วให้โทรหาพี่ด้วยนะ”

“ครับ เดี๋ยวบอกให้ครับ”

เขาแทบจะปิดประตูไล่แขกไม่พึงประสงค์ จนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกห่างออกไปไกลพอสมควรแล้วจึงรีบวิ่งกลับไปหยิบมือถือบนเตียงขึ้นมากดเปิดหน้าจอ พบว่าทางด้านวันศุกร์เองก็เพิ่งโทรหาเขาเหมือนกันแต่ดันปิดเสียงไว้ พอโทรกลับไปอีกฝ่ายก็กดรับภายในเสี้ยววิ

“มึงงง”

“มึงงง”

“พี่เสาร์เดินกลับมา กูนี่แทบหัวใจวาย”

“แล้วกลับไปยัง เป็นไงมั่ง มึงทำไงอะ”

“กลับไปละ กูบอกว่ามึงเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวอีกแป๊บนึงมึงโทรหาพี่เสาร์ด้วย”

“โอเค ขอบใจว่ะ”

“เออ อยู่กับผัวให้สบายใจละกัน” อดจะแขวะไม่ได้แม้ว่าจะไม่ได้จริงจังสักเท่าไร แต่ยอมรับเลยว่าการตัดสินใจของเพื่อนตัวเล็กรอบนี้ นำพาความเดือดร้อนและอึดอัดใจให้เขาพอตัว

“บ้า! แค่นี้แหละ”

 

 

โต๊ะญี่ปุ่นตัวกระจิ๋วถูกจับตั้งไว้บนเตียงเพื่อวางแลปท็อป วันศุกร์สอดตัวเข้าไประหว่างขาโต๊ะ หลังพิงหมอน นอนเปิดคอมสบายใจเฉิบ ขณะที่กันต์กำลังนั่งเรียงชีทสำหรับอ่านสอบอยู่ข้างๆ

หน้าจอ Facetime เด้งขึ้นมาก่อนเพื่อน และไม่ใช่ใครอื่น เป็นกั้งกับนัทนั่นเอง

“ไง คุณหนูวันศุกร์ หนีตามผู้ชายหรา”

หราพ่อง แล้วไอ้คนข้างๆ นี่อะไร เสือกหัวเราะชอบใจไปอีก

“ไอ้เชี่ยนัท”

“ฮ่ะๆ มึงเหมือนเด็กใจแตกอะ”

“ทำไมมึงไม่เข้าข้างกูอะ” เขารีบโวยวายเพราะแม้แต่กั้งก็ยังรวมหัวกันแซวเขาไม่หยุด แม้ว่าจะจริงทุกประการก็ตาม...

“อะๆ ไม่แกล้งและ เราสอบ Soc.Sci. ก่อนใช่มะ”

“อือ กูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ”

“แต่กูไม่เข้าใจเลย”

นัทพูดแทรกขึ้นมา จึงโดนกั้งเอาชีทปึกนึงฟาดกลางกบาลไปที

พวกเขานั่งติววิชาแรกของตารางอยู่เป็นชั่วโมง เพราะการสอบปลายภาคใกล้เข้ามาแล้วในอีก 2 อาทิตย์เท่านั้น และด้วยเนื้อหาที่มากพอๆ กับเงินในบัญชีของเจ้าสัว CP ก็ทำให้ต้องเริ่มเคลียร์อ่านให้ไวกว่าปกติ พอเข็มนาฬิกาเคลื่อนผ่านเลข 12 ทั้งเขาและอีกหนึ่งชีวิตในจอก็เริ่มออกอาการง่วงเหงาหาวนอน จนนัทต้องลุกออกไปหาอะไรยัดใส่ปากเพื่อไม่ให้หลับคากองหนังสือไปซะก่อน ในขณะที่เด็กเรียนอย่างกั้งยังดูฟิตเหมือนอัดเปปทีนมาแล้วสิบขวด

“หาวว...”

“กั้ง นัท ติวต่อพรุ่งนี้ได้ไหม มันดึกแล้วนะ” จู่ๆ กันต์ก็ถลาเข้ามาอยู่ในเฟรม มือข้างหนึ่งวาดโอบไหล่เขาไว้อย่างเป็นห่วง คงเพราะเห็นว่าเขาหาวไม่หยุดสินะ

“อืม…เที่ยงคืนเองนะครับ”

เดี๋ยววว ไม่แปลกใจละที่กั้งสอบติดเข้ามาด้วยคะแนนอันดับต้นๆ ของคณะ ขนาดภายนอกไม่ได้ดูเนิร์ดอะไร แต่ทำไมจิตใจแข็งแกร่งประดุจนักศึกษาแพทย์เช่นนี้ล่ะเพื่อนรัก

กันต์ทำท่าครุ่นคิดเพียงแวบเดียว ก็พุ่งเข้ามาขโมยหอมแก้มเขาไปฟอดใหญ่ท่ามกลางสายตาประชาชนอีกสองคนในจอ นัทกับกั้งตาเบิกกว้าง พยายามเบือนหน้าหนีไปมองนกมองไม้ ก่อนจะต้องยอมศิโรราบให้กับคำพูดน่าเขินอายของรุ่นพี่ปี3

“พี่ขออยู่กับศุกร์สองต่อสองบ้างนะ”

“เอ่อ…ค..ครับ ตามสบาย ไว้ติวต่อวันหลังก็ได้”

“เออ ไว้เจอกันมึง ฝันดีๆ”

“อะ..อือ” แก้มใสร้อนผะผ่าว ค่อยๆ เอื้อมมือไปกดปิดโปรแกรมแล้วพับฝาโน้ตบุ๊คลง ก่อนจะหันมาเอาเรื่องคนข้างกายที่ยังเอาแต่นอนยิ้มระรื่น

“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะพี่กันต์”

“เอ้า มีความสุขก็ต้องยิ้มดิ” ไม่พูดเปล่ายังดึงตัวเขาไปซบอกเฉย

บ้าชะมัด เพราะถึงจะบอกกับอีกฝ่ายว่าไม่ต้องยิ้มเลยนะ แต่เขาเองกลับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หุบ หัวใจพองโตยามได้รับสัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือหนา รู้ตัวอีกที ก็เป็นฝ่ายวาดแขนเข้าไปกอดเอวกันติกรณ์เองซะแล้ว

แย่จัง ทำตัวแบบนี้พ่อแม่ต้องว่าแน่ๆ เลย...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:00:09 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 15.0



“นัดอะไรตอนนี้วะ?” วันศุกร์บ่นอุบ เมื่อหาญกล้าคาบข่าวเกี่ยวกับงาน Reunion เล็กๆ ของเพื่อนสมัยมัธยมปลายมาบอก ซึ่งมีแพลนจะนัดเจอกันมะรืนนี้แล้ว

ตอนนี้กล้าแอบแวะมานั่งเล่นบนห้องชั้น4 ระหว่างที่กันต์ไปสุมหัวทำงานกับเพื่อนในมอ

“ก็ช่วงนี้มันว่างตรงกันพอดีนี่หว่า”

“แต่มันจะไฟนอลอยู่แล้วนะมึง”

“แหม พูดเหมือนมึงขยันอ่านหนังสือมาก”

คนตัวเล็กบุ้ยปาก “เออๆ แล้วนัดที่ไหนอะ”

“ร้านปิ้งย่างแถวโรงเรียนไง”

“อ๋อ” นั่นถิ่นเก่าพวกเขาเลย เวลาเสร็จจากกิจกรรมของโรงเรียนก็มักจะยกโขยงกันไปถล่ม ร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างราคาถูกแต่ของให้เลือกละลานตา ว่าแล้วก็คิดถึงเหมือนกัน

“แต่ผัวมึงจะให้ไปไหม?”

คำถามสวนกลับทำเอาเขาคิดหนัก ได้แต่ส่ายหน้าแล้วทิ้งตัวลงนอนกลิ้งบนเตียง ตั้งแต่ตกลงคบกับกันต์และย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ เขาก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรอิสระเหมือนก่อน เวลาเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมาเพิ่งจะทำให้รู้ว่ากันติกรณ์ขี้หวงมากแค่ไหน ขนาดเขาคุยกับกล้ามากไปยังโดนโมโหเลย เดี๋ยวนี้ไม่ยอมให้กล้าเดินลงมาหาหรอก ต้องแอบเจอกันอย่างกับเล่นชู้ซะงั้น ทั้งที่ควรจะสำเหนียกไว้บ้างว่ากล้านี่แหละคือคนที่ช่วยให้เขาได้ย้ายมานอนด้วย

ฟังดูไม่ค่อยมีเหตุผลเนอะ แต่จะปล่อยให้โกรธก็ไม่ได้ เป็นเขาซะเองที่ใจไม่ดีต้องรีบง้อตลอดเลย ทำไมทำไปทำมา เขาดูกลายเป็นลูกไก่ในกำมืออย่างนี้อะ แต่ก่อนเขาเคยอยู่ในจุดที่กล้าแม้แต่จะเหยียบหัวฝ่ายนั้นด้วยซ้ำ

ครืด..ครืด...

นั่น พูดไม่ทันขาดคำ โทรมาพอดี ตายยากชะมัด

“ฮัลโหล”

“ทำอะไรอยู่?”

“นอนเล่น”

“กินข้าวไหม?”

“พี่กันต์ทำงานเสร็จแล้วเหรอ?” ถามกลับไป พลางเหลือบตามองนาฬิกาบนผนัง เพิ่งเลยเที่ยงวันมาได้ไม่กี่นาที

“เสร็จละ กำลังจะกลับ”

“โอเค งั้นเจอกันครับ”

“ครับ”

เขากดวางสาย ดวงตาใสแป๋วกระพริบถี่ไปทางเพื่อนรักซึ่งดูจะเข้าใจสถานการณ์ดี

“เออ งั้นกูกลับก่อนละกัน”

“ขอโทษนะ พี่มันงี่เง่าอะ”

“กูรู้”

กล้าถอนหายใจ แล้วก้าวเท้าไปหยุดอยู่หน้าประตู สายตารู้สึกผิดที่กำลังช้อนมองเขาตอนนี้ทำเอานึกหมั่นเขี้ยว จนต้องหยิกแก้มใสๆ นั่นไปที ถึงเขาจะไม่ชอบใจที่กันติกรณ์ทำตัวขี้หวงเกินเหตุ ขนาดไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนนอกจากตัวเองเข้าใกล้วันศุกร์ในระยะ 500 เมตร แต่สุดท้ายก็ต้องยอมใจอ่อน เพราะมาตกม้าตายให้กับลูกอ้อนของคนตรงหน้านี่แหละ

ไอ้เพื่อนตัวดี คอยหาเรื่องให้เขาปวดหัวได้ตลอด จะเจ็ดปีแล้วนะที่รู้จักกันมา แต่วันศุกร์ก็ยังเหมือนเด็กม.1 ในสายตาของเขาอยู่ดี

“มึงนะมึง กูต้องทำตัวเหมือนลอบเป็นชู้กับเมียชาวบ้าน”

“ฮ่ะๆ ไอ้บ้า”

ลำแขนยาวเอื้อมยีกลุ่มผมนุ่ม พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายผงะ สรรพนามที่เคยใช้เรียกกันอยู่ทุกวันในอดีต ถูกยกกลับมาอีกครั้งทั้งที่วันศุกร์เป็นฝ่ายให้เขาเลิกเรียกแบบนั้นมานานมากแล้ว

“ตัวเล็ก”

ดวงตากลมแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ตามมาด้วยแรงฟาดไม่ยั้งมือ

“อย่ามาเรียกกูตัวเล็ก! กูไม่ได้ตัวเล็ก!”

“เหรอออ?” กล้าลากเสียงได้อย่างกวนตีนมากเป็นพิเศษ

สายตาขี้แกล้งไล่ตั้งแต่หัวจรดปลายนิ้วหัวแม่ตีน เหมือนต้องการจะสื่อให้เจ้าของเสียงโวยวายเมื่อครู่ลองพิจารณาสารร่างตัวเองอีกที ก็จะรู้ว่าส่วนสูงแค่ 160 กว่าๆ กับรอบเอวไม่น่าจะเกิน 25 นั้นมันไม่เข้าข่าย ตัวใหญ่ เลยสักกะผีกเดียว

แต่ก็เข้าใจอยู่หรอกที่จะไม่ชอบ เพราะเขาเองเป็นคนคอยเรียกวันศุกร์ว่า ตัวเล็ก มาตั้งแต่ม.ต้นลามไปถึงม.ปลาย จนเพื่อนคนอื่นนึกสนุกเอาไปเรียกตามเป็นแถว สุดท้ายเลยกลายเป็นปมด้อย โดนล้อเรื่องรูปร่างมาตลอด

แถมยังถูกพวกผู้หญิงในโรงเรียนสถาปนาให้เป็นคู่จิ้นกับเขาไปอีก คงไม่พอใจอยู่แล้วล่ะ โดยเฉพาะตอนนี้…ที่มีผัวเป็นตัวตน

“ถ้ามึงเรียกกูแบบนั้นอีกนะ กูจะไม่ไปงาน reunion กับมึง”

“อ่ะจ่ะ ไม่เรียกแล้วก็ได้ กูไปละเดี๋ยวพี่กันต์กลับมาเห็นจะเป็นเรื่อง”

“เออ ไปเลยไป๊”

กล้าโบกมือลาส่งท้าย แล้วเดินไปทางลิฟต์ เขาคงมัวเอ้อระเหยนานไปนิดเลยทำให้.....โป๊ะเข้ากับเจ้าของห้องหมายเลข 406 เข้าจนได้ โห เจริญจริงๆ

กันติกรณ์หยุดชะงักต่อหน้าเขา สายตาจับผิดเพ่งเล็งซะจนเสียวสันหลังวาบ

“มาทำอะไร?”

“เอ่อ...มา...เดินเล่นครับ”

ถ้าเชื่อก็คือควาย

“มึงนี่สนิทกับแฟนกูจังนะ”

หาญกล้าเลิกคิ้ว ไม่เคยถูกชะตากับคนตรงหน้าตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกยังไงไม่รู้ อารมณ์...หวงเพื่อนนิดๆ มั้ง วันศุกร์มันเป็นพวกไม่ยอมคนนะ แต่ถ้ามันยอมใครแล้วก็กลายเป็นแค่ลูกเจี๊ยบตัวหนึ่งเลย ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนสนิทอย่างเขาจะต้องมีความเป็นห่วงเป็นธรรมดา ยิ่งกับกันติกรณ์ที่เคยแกล้งวันศุกร์มาก่อน เขายิ่งไม่ไว้วางใจ

“ก็…สนิทกันมาจะ 7 ปีแล้วอะครับ”

แอบได้ยินเสียงไม่พอใจดังลอดออกจากลำคอเบาๆ พอให้เขานึกขำ

“เป็นเพื่อน ก็อยู่ส่วนเพื่อนละกัน”

“ครับๆ”

เขาก้มหัวผ่านไปทางประตูลิฟต์เพราะไม่อยากเสียเวลาต่อปากต่อคำ ตอนนี้ต้องรีบส่งข้อความเตือนเพื่อนสนิทที่ว่าก่อนมากกว่า เพราะกันต์รู้แล้วว่าวันศุกร์แอบพาเขาเข้าห้อง สงสัยได้เป็นเรื่องอีก

แล้วก็ดูท่าว่าจะเป็นเรื่องจริงๆ เมื่อคนขี้หวงสาวเท้าไวๆ ไปยังหน้าประตูห้อง 406 ในหัวนึกคำต่อว่าเตรียมไว้เรียบร้อย

ทันทีที่วันศุกร์เดินมาเปิดประตูให้ กันติกรณ์ก็รีบโพล่งออกไปเสียงหงุดหงิด

“ศุกร์ชวนกล้ามาที่ห้องเหรอ?”

“เอ่อ...อือ…ก็ ก็ศุกร์ไม่อยากอยู่คนเดียวนี่”

“วันหลังก็บอกสิ ไปอยู่กับพี่ก็ได้”

“แต่ไปอยู่กับพี่กันต์ก็ไม่มีอะไรทำอะ ได้แต่นั่งดูพี่กันต์ทำงานเนี่ยนะ”

“แล้วอยู่กับไอ้กล้ามันมีอะไรให้ทำมากนักหรือไงฮะ?” คนตัวสูงเริ่มเข้าอีหรอบเดิม ขี้หวงจนหน้ามืดไม่พอ ชอบคิดอะไรไปเองเหมือนคนบ้า

“นี่พี่กันต์หาเรื่องอีกแล้ว กล้าเป็นเพื่อนศุกร์นะ”

“จะเพื่อนหรือใครพี่ไม่สน พี่ไม่ชอบให้ใครมาสนิทกับเราเกินไป”

“พี่กันต์จะไม่ให้ศุกร์มีสังคมเลยหรือไง” เขาเริ่มขึ้นเสียงเล็กน้อย ยอมรับว่าผิดหวังในตัวคนตรงหน้ากลายๆ ตั้งแต่ตกลงคบกันเขาก็ถูกจำกัดอะไรหลายอย่าง เหมือนกันต์จะใช้คำว่าแฟนมาทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเต็มที่

ถึงจะยอมให้เขาคบหาและพูดคุยกับกั้งนัท หรือตรีกับฑิตได้เป็นปกติ แต่กับคนอื่นที่กันต์ไม่สนิทด้วย คือแทบจะไม่มีโอกาสได้เข้ามาเฉียดเขาเลย อย่างกับแบคทีเรียร้ายที่ต้องคอยกำจัด ทั้งที่คนอื่นๆ ต่างก็เป็นเพื่อนเป็นพี่ที่เขารู้จักทั้งนั้น แค่กันต์ไม่ยอมไว้ใจเอง

“เราก็มีกั้งมีนัท ทำไมไม่ไปอยู่กับพวกมันล่ะ ไอ้เด็กกล้าอะไรนี่มันดูปีนเกลียวยังไงไม่รู้นะ พี่ไม่ชอบขี้หน้ามันเลย”

อ๋อ สรุปคือคอยกีดกันแค่เพราะเหม็นหน้าใช่มะ อารมณ์เดียวกับต้นหน…เฮ้อ!

“แต่มันเป็นเพื่อนศุกร์ เพื่อนสนิทด้วย”

“สนิทกว่าพี่ด้วยสินะ”

จะตอบว่า เออ ก็ไม่กล้า แม้จะจริงก็ตาม 7 ปี กับ 4 เดือนมันต่างกันอยู่แล้วล่ะ แต่ยังไงมันก็เป็นความสัมพันธ์คนละแบบหรือเปล่า จะเอามาเทียบกันหาอะไร ไม่มีเหตุผลเลย แต่พูดไปก็รังแต่จะทำให้เรื่องมันแย่กว่าเดิมเท่านั้น

“พี่กันต์น้อยใจเหรอ?” วันศุกร์ยอมผ่อนท่าทีลง แล้วเดินไปสวมกอดคนหน้าบึ้งไว้หลวมๆ ซึ่งคงทำให้กันต์ใจเย็นลงได้ไม่มากก็น้อย

“อืม ก็พี่ไม่อยากให้ศุกร์ไปสนิทกับคนอื่นมากกว่าพี่นี่ อยากให้ศุกร์สนใจแค่พี่ได้ไหม”

“อะไรอะ ขี้น้อยใจเป็นผู้หญิงไปได้ ศุกร์ก็สนใจพี่กันต์อยู่แล้ว”

“แต่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่นี่ เราเอาแต่หนีไปอยู่กับกล้าไม่ใช่หรือไง”

จะว่าไงล่ะ เขาเองก็ต้องมีโหมดคิดถึงเพื่อนบ้างอะไรบ้าง เขากับกล้านี่เรียนห้องเดียวกันมาตลอด 6 ปี โต๊ะติดกันไม่เคยเปลี่ยน จะบอกว่าเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดก็ไม่ได้มากไปเลย อยู่ดีๆ ก็ตัดสินใจเลือกทางเดินคนละสาย ไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนก่อน พอมีโอกาสได้เจอกันที มันก็ต้องมีเรื่องให้คุยเยอะแยะเป็นธรรมดา แล้วกันต์ก็พูดเว่อร์ไป หนึ่งวันนี่เขาเจอหน้ากล้าไม่เคยเกินหนึ่งชั่วโมง ที่เหลือก็โดนคุมความประพฤติอยู่นี่ไง

“เอาที่ไหนมาพูด ศุกร์อยู่กับพี่กันต์มากกว่าอีก อย่าคิดมากสิ”

“ก็หวงเราอะ”

กันต์เริ่มกอดตอบเขาบ้าง

“จะหวงอารายย” คนตัวเล็กลากเสียงยานคาง พลางจับอีกฝ่ายโยกตัวไปมาเหมือนเวลาปลอบเด็กๆ ทำให้กันต์เริ่มหัวเราะออก ก่อนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อความน่ารักนี้ในที่สุด

วันศุกร์นึกขำอยู่ในใจ เพราะคิดดูแล้ว กันติกรณ์ก็เหมือนเด็กจริงๆ เด็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะเอาแต่ใจที่หนึ่ง จอมบงการก็ที่สุด พอไม่ชอบขี้หน้าใครก็คอยหาเรื่องคอยตั้งแง่ใส่ไม่ฟังเหตุผล พอชอบใจอะไรก็ต้องได้ ขี้หวงเหมือนเด็กหวงของเล่น เออ แล้วยังขี้น้อยใจ คิดเล็กคิดน้อย บ้าบอ ปัญญาอ่อน ไร้สติ ไม่มีสมอง…

อยากด่าแรงๆ แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วบอกว่า อย่างอนเลยน้า…

“พี่กันต์ ก้มมาสิ” มือเล็กกวักหยอยๆ พวงแก้มขาวเริ่มอุ่นวาบเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรต่อไป

ทันทีที่กันติกรณ์โน้มใบหน้าเข้าหา วันศุกร์ก็เขย่งเท้าขึ้นไปจุ๊บเบาๆ ตรงมุมปาก พร้อมเสียงหัวใจที่ดังลอดออกมาจากอกซ้ายจนน่าอาย

“ถึงจะสนิทกับใคร แต่ก็ไม่เคยทำแบบนี้ปะ”

“นี่ง้อเหรอ”

“เออไง”

“หึหึ” คนตัวเล็กย่นคอ นึกเกลียดเสียงหัวเราะแสนเจ้าเล่ห์ กันต์ยิ้มออกแล้วแถมยังกอดเขาแน่นกว่าเดิมจนชักใจคอไม่ดี “จับกดเลยดีไหม?”

“ทะลึ่ง!”

“ก็จะอ่อยทำไมล่ะ”

“มะ...ไม่ได้อ่อย! หายโกรธแล้วใช่ไหม งั้นไปกินข้าวกันดีกว่า” เขารีบตีเนียนเปลี่ยนเรื่อง แล้วดันร่างหนาออกห่างเพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินเอาไว้ กันต์ยังคงหัวเราะตามหลัง ตลอดเวลาที่เดินลงไปยังชั้นล่าง

พวกเขาไม่ได้ไปไหนไกล เพราะแถวหอข้างๆ มีเวิ้งร้านอาหารกับร้านสะดวกซื้อไว้ประทังชีวิตเด็กในละแวกนี้ จัดการสั่งอาหารคนละจานจากร้านตามสั่งติดแอร์ กันต์เอาแต่นั่งมองหน้าเขาเหมือนกลัวว่าจะลุกหนีไปไหน ในขณะที่เขากำลังคิดหนักว่าควรจะเริ่มพูดเรื่องงาน reunion ยังไงดี

“เอ่อ พี่กันต์”

“หืม?”

“มะรืนทำไรเปล่า?”

“ไม่มั้ง อยากทำไรล่ะ?”

“เปล่า…คือ ศุกร์นัดเจอเพื่อนมัธยมอะ ศุกร์ไม่อยู่นะ”

สรุปก็เสี่ยงพูดออกไปตรงๆ เลย เพราะก็นึกวิธีการอ้อมค้อมไม่ถูก แม้รู้ดีว่ากันต์คงหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย เพราะคำว่าเพื่อนมัธยมนั่นก็รวมถึงหาญกล้าด้วย ซึ่งโดนแบล็กลิสต์อันดับต้นๆ ไปเรียบร้อย

“ที่ไหน?” น้ำเสียงราบเรียบยิ่งฟังดูน่ากลัวมากขึ้นสักสิบเท่า

“ร้านปิ้งย่างแถวโรงเรียนเก่านี่เอง”

“ไปกันกี่คน?”

“เอ่อ...น่าจะสิบกว่าคนมั้ง”

“แล้วไปกี่โมง กลับกี่โมง?”

“คงช่วงเย็น…กลับเหรอ อืม...ค่ำๆ มั้ง” จะกล้าบอกได้ยังไงว่าอีหรอบนี้สงสัยจะต้องเลยเที่ยงคืนเป็นแน่แท้ ตัวเขาน่ะไม่เท่าไรหรอก สายแดกอย่างเดียว แต่พวกสายดื่มนี่สิ สงสัยลากยาว

กันต์หยุดคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสวนกลับด้วยคำถามที่เขาแทบจะเดาออกถูกเผง

“ไม่ไปได้ไหม?”

“ไม่ได้หรอก พี่กันต์ ศุกร์ไม่ได้เจอเพื่อนเก่าตั้งนานแล้วนะ ขอไปนะ นะ” เขาเอื้อมมือไปเขย่ามืออีกฝ่ายแต่ก็ถูกปัดออกอย่างไร้เยื่อใย โหย อารมณ์ไม่ดีสุดๆ เลยนี่หว่า

“ไม่เอา พี่ไม่ให้ไป พี่เป็นห่วง”

“เป็นห่วงอะไร ไม่เห็นมีไรต้องห่วงเลย เพื่อนกันทั้งนั้น”

“ถึงเป็นเพื่อนกันพี่ก็ไม่ไว้ใจ ถ้าใครมาทำอะไรศุกร์ พี่รับไม่ได้หรอกนะ”

“ใครจะมาทำอะไ…”

“อยากเจอแบบตอนไอ้มิวอีกหรือไง?”

คนตัวเล็กสะดุด น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคอ ทั้งที่เขาลืมเหตุการณ์วันนั้นไปแทบจะหมดแล้วกลับต้องทบทวนขึ้นมาอีก ริมฝีปากบางเม้มแน่นไม่กล้าเถียงอะไรอีก พอดีกับที่พนักงานยกอาหารเข้ามาเสิร์ฟ ถือเป็นการตัดบทสนทนาไปโดยปริยาย

ทั้งที่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกันสักนิด...งานนี้มีแต่เพื่อนเขาทั้งนั้น ใครจะกล้าทำอะไร กันต์น่ะ หวงเกินไป จนเขาเริ่มอึดอัดจริงๆ แล้วนะ...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:01:01 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 15.5



มือถือเครื่องบางในกระเป๋ากางเกงสั่นแล้วสั่นอีก หลังจากเขาเพิ่งหาจังหวะช่วงที่กันต์เข้าไปอาบน้ำ แอบพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไปในหน้าแชทของเพื่อนร่วมทุกข์

[ HelloFriday: พี่กันต์ไม่ให้กูไป reunion อะ ]

[ กล้าไหม?: กูก็ว่าแล้ว ]

[ กล้าไหม?: ละจะเอาไง ]

[ HelloFriday: ไม่รู้อะ ]

วันศุกร์กำโทรศัพท์มือถือแน่น สูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะปล่อยออกมาทางปาก นิ้วเรียวพิมพ์แป้นบนจอระรัว ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจหนึ่งก็กลัว แต่อีกใจก็รั้นซะเหลือเกิน...

[ HelloFriday: แอบไปดีเปล่าวะ ]

[ กล้าไหม?: 5555 ]

[ กล้าไหม?: ตัวเล็กเด็กดื้อออ ]

[ HelloFriday: สัส ]

[ HelloFriday: olo ]

เสียงถอนหายใจดังขึ้นแผ่วๆ ระหว่างปามือถือทิ้งลงบนเตียง

เอาก็เอาวะ เขาเช็คตารางของกันต์เรียบร้อยแล้วด้วย คืนวัน reunion กันต์มีนัดทำโปรเจกต์ที่หอของตรีวิทย์ ฉะนั้นอาจจะหนีง่ายหน่อย ไปแค่แป๊บเดียวก็ยังดี อยากเจอหน้าค่าตาเพื่อนบ้าง อีกอย่าง...เขาไม่อยากทำตัวเป็นลูกไก่ในกำมือของอีกฝ่ายมากไปนัก เดี๋ยวจะเหลิงยิ่งกว่านี้

เขารักพี่กันต์นะ แล้วก็เข้าใจที่อีกฝ่ายคอยหวงด้วย แต่อะไรที่มากเกินไปมันก็ทำให้ไม่สบายใจ และเขาตกลงคบกับกันต์ในฐานะแฟน ไม่ใช่นักโทษสักหน่อย

 

 

“พี่กันต์ จะกลับกี่โมงครับ?” วันศุกร์ในชุดนอน เดินดุ๊กดิ๊กออกมาส่งเจ้าของห้องถึงหน้าประตู วันนี้เขาลงทุนอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ห้าโมงกว่า ทำเนียนเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทนั่งอ่านชีทสอบไฟนอล เตรียมเข้านอนก่อนสามทุ่ม น่าเอ็นดูเชียว

“ยังไม่รู้อะ อาจจะดึกนะ ถ้ารอไม่ไหวก็หลับไปก่อนเลย”

“ทำไมอะ งานเยอะเหรอ?”

“อืม วิชานี้ไม่มีสอบอะ ให้ทำโปรเจกต์แทน”

“อ๋อ สู้ๆ น้า”

รอยยิ้มชื่นใจระบายอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา หากก็เคล้าความเหน็ดเหนื่อยจากการเรียน กันติกรณ์คว้าลำคอเขาเข้าหาตัว ก่อนจะจรดริมฝีปากลงแนบกับหน้าผากมนอย่างอ่อนโยน

“มีอะไรก็โทรหาพี่นะ แล้วก็อย่าดื้อล่ะ”

“ครับๆ”

วันศุกร์ยิ้มกว้าง ยืนโบกมือลาอีกสองสามทีจนเห็นว่ากันต์เดินพ้นระยะสายตาไปแล้ว จึงปิดประตูลง รีบวิ่ง 4x100 ไปทางตู้เสื้อผ้า หยิบชุดไปรเวทมาสวมเปลี่ยน ก่อนจะกดโทรศัพท์หาเพื่อนร่วมแก๊งต้มตุ๋น

“พี่กันต์ออกไปแล้วนะ”

“โอเค อีกแป๊บนึงมึงก็ค่อยลงมา เจอกันข้างล่างเลยละกัน”

“เค”

เขารออยู่เกือบสิบนาทีเพื่อความแน่ใจ กว่าจะขยับตัวลงไปยังลานจอดรถ กล้าในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ยืนพิงรถรออยู่ก่อนแล้ว

“หนีผัวเที่ยวเหรอ” คำทักทายแรกก็ทำเอาเขาชักสีหน้า ปรี่เข้าไปเตะหน้าขาอีกฝ่ายแรงๆ

พวกเขารีบบึ่งออกจากหอตรงไปยังโรงเรียนมัธยมค่อนข้างมีชื่อในตัวเมือง ด้วยระยะทางที่ไม่ใกล้เลย ทำให้มาถึงร้านในเวลาหนึ่งทุ่มไปแล้ว ใบหน้าคุ้นเคยของเพื่อนที่เคยนั่งลอกการบ้าน วิ่งเตะบอล นั่งกินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกด้วยกันในอดีตหวนกลับมาเรียงรายอยู่อย่างครบถ้วนขบวนการ

แต่คนน่ารักน่าแกล้งอย่างวันศุกร์มีเหรอจะถูกปล่อยให้เดินเข้าร้านแบบสงบๆ

“ไอ้ผัวเมียคู่นั้นอะ มัวยืนทำอะไรอยู่วะ รีบๆ มาเลย” เสียงเพื่อนตัวโตตะโกนหยอกล้อขึ้นมาก่อนคนแรก ตามด้วยเสียงวี๊ดว๊ายจากกลุ่มผู้หญิงสองสามคน นั่นมันพวกแก๊งสาววาย คนที่ยัดเยียดตำแหน่งคู่จิ้นบ้าบอให้เขากับกล้านี่หว่า ให้ตาย ใครเชิญเนี่ย

“ผัวเมียพ่อง”

“ไอ้ศุกร์ ขึ้นมหาลัยแล้วมึงก็ยังเตี้ยเท่าเดิมเนาะ”

“เก็บปากมึงไว้แดกหมูเหอะ” วันศุกร์ยกนิ้วกลางใส่หน้าเพื่อนที่ยังเอาแต่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากไม่สะทกสะท้านกับคำด่า ก่อนจะเดินแทรกฝูงชนสิบกว่าชีวิตเข้าไปนั่งแทบจะกึ่งกลางเตาถ่านร้อนๆ จานเปล่ากับแก้วน้ำถูกส่งต่อมาทันที

งานเลี้ยงเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์เมื่อครบองค์ประชุม พวกเขายังคงพูดคุยหยอกล้อและหัวเราะกันได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรผิดแปลกหรือเปลี่ยนไปเลยสักนิด บรรยากาศดูสนุกสนานขึ้นเรื่อยๆ ยามที่ดนตรีจังหวะหนักๆ ถูกเปิดคลอขึ้นมา หลายคนเริ่มเมาแอ๋จากทั้งเหล้าทั้งเบียร์

เวลาผ่านไปจนเลยสามทุ่มมาได้พักหนึ่ง หาญกล้าก็เดินอ้อมหลังเข้ามาสะกิด วันศุกร์ปรือตาหันไปมองท่าทางไม่ค่อยสมประกอบสักเท่าไร เพิ่งสังเกตเห็นว่าโต๊ะตรงหน้าเพื่อนตัวเล็กนั้นเต็มไปด้วยเศษสากสิ่งมึนเมาที่ถูกเพื่อนเวรคนอื่นแกล้งชงให้ดื่มอยู่เรื่อย อยากจะบ้าตาย อีหรอบนี้มีหวังกลับไปถูกไอ้พี่กันต์จับขึ้นเขียงแน่นอน

จะแก้ตัวยังไงก็คงไม่รอดแล้วล่ะ ศุกร์เอ๊ย

“ใครให้วันศุกร์แดกเหล้าวะ” แค่เขาไม่คอยมานั่งประกบก็กลายเป็นงี้แล้ว โดนแกล้งมาตลอดสามปียังไง ก็ยังโดนแกล้งอยู่อย่างนั้นจริงๆ ถ้ารู้ว่าจะโง่โดนหลอกให้ดื่มง่ายขนาดนี้ เขาคงไม่หลวมตัวไปนั่งคุยกับเพื่อนอีกคนซะตั้งนานสองนานหรอก

“เป็นห่วงศุกร์เหรอกล้า” เพื่อนผู้หญิงท่าทางปากจัดหันมาแซวเสียงสูง ก่อนจะถูกเขาถลึงตาใส่ไปที หากพวกหล่อนก็ยังคงหัวเราะคิกคัก

แล้วแต่เลย จะคิดยังไงก็ช่าง เขากับวันศุกร์รู้แก่ใจดีว่าเป็นแค่เพื่อนร้อยเปอร์เซ็น ความรู้สึกที่เขามีให้วันศุกร์เป็นแค่ความรัก ความห่วง ความหวง ในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งเท่านั้น พวกเขาคบกันมาจะเจ็ดปี มันไม่ใช่เวลาน้อยๆ ผ่านอะไรด้วยกันมาก็เยอะ พ่อแม่ก็รู้จักกันดี บ้านก็ใกล้กัน แทบไม่เคยห่าง เพราะงั้นเขาถึงต้องแคร์มันมาก เกือบจะเป็นครอบครัวเดียวกันก็ว่าได้

“กูว่ากูกลับแล้วดีกว่า”

“อ่าว รีบไปไหนวะ”

“เออ รีบปายหนายอ่า” ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่ดวงตาทั้งสองข้างก็แทบจะปิดอยู่รอมร่อ แม่งเอ๊ย เดือดร้อนคนอื่นได้ทุกเวลาจริงๆ เดี๋ยวพ่อจับทุ่มพื้นคอนกรีตให้รู้แล้วรู้รอด

“ลุกๆ กลับกันได้ละ”

“เดี๋ยวซี่”

“เดี๋ยวอะไร มึงจะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก” หาญกล้าบ่นในสิ่งที่คาดว่าเพื่อนคนอื่นในวงล้อมคงไม่เข้าใจ เขาพยายามรั้งข้อมือทั้งสองข้างของวันศุกร์ไว้ ไม่ให้กลับไปแตะแก้วน้ำแก้วไหนอีก ในที่สุดก็ดึงร่างปวกเปียกออกมาจากเก้าอี้ได้สำเร็จ จับแขนพาดบ่าเตรียมตัวกลับไปชดใช้กรรม

“ไว้เจอกันใหม่นะพวกมึง”

“เออๆ อะไรวะ มาช้าแล้วยังกลับก่อนอีก”

เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นเหมือนต้องการจะขอโทษ ก่อนจะพาร่างอ่อนเปลี้ยในวงแขนขึ้นไปนอนหลับสนิทอยู่บนเบาะข้างคนขับได้ในที่สุด คันเร่งถูกเหยียบจนแทบจะสุด โชคดีที่ตอนกลางคืนไม่ค่อยมีรถรามากมายเท่ากับช่วงเย็น จึงสามารถทำเวลาจนกลับมาถึงหอได้ภายในไม่เกินสี่ทุ่ม

ลิฟต์ตัวใหญ่พาพวกเขาขึ้นไปถึงชั้น 4 ใช้เวลาชั่งใจอยู่นานพอตัว ก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูไปสองสามที หากก็ไร้วี่แววตอบกลับ พอให้โล่งอกไปได้เพียงเปลาะหนึ่ง เขาพยายามพยุงร่างไม่ได้สติ สอดมือเข้าไปหากุญแจห้องในกางเกงของอีกฝ่าย พอเปิดประตูได้จึงพบว่าภายในมืดสนิท กันติกรณ์ยังไม่กลับมา

ถือว่ายังพอมีเวลาให้ทำใจก่อนตายแฮะ

“มึงนะมึง”

ร่างเล็กถูกโยนลงบนเตียง จัดการล้วงกระเป๋าเงินกับมือถือออกจากกางเกงให้เสร็จสรรพ เขาหยุดถอนหายใจหนักหน่วงแล้วจึงเดินไปเทน้ำเย็นใส่แก้วมาประเคนให้ไอ้เพื่อนตัวดี แรงเขย่าคงพอทำให้คนงัวเงียจากฤทธิ์เหล้าเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาได้บ้าง

“ลุกขึ้นมาดื่มน้ำก่อน”

“อื้อออ...”

“มึงดื่มไปกี่แก้ว” เขาแกล้งทำจมูกฟุดฟิดอยู่ตามบ่าบาง

อย่างน้อยก็ไม่ได้อาบด้วยกลิ่นแอลกอฮอลจ๋าเหมือนคนอื่นๆ ถ้าให้เดาคงดื่มไปไม่เยอะ แต่ลักษณะไม่เจียมกะลาหัวเอง ถึงได้ไม่เคยเข็ดจำว่าตัวเองน่ะคออ่อนยิ่งกว่าเด็กอนุบาล โชคดีแค่ไหนที่วันศุกร์เป็นประเภทเมาแล้วเพลีย ไม่ใช่เมาแล้วอาละวาด แบบนั้นคงยุ่งยากยิ่งกว่าเป็นไหนๆ

“แก้วเดียวว--แค่กๆ”

“เอ้าไอ้โง่ ดื่มน้ำอยู่อย่าเพิ่งพูดสิวะ”

“แค่ก...กะ ก็มึงถาม” เขาส่งแก้วคืน ใบหน้าแดงขมวดยุ่ง ทำท่าจะล้มตัวลงนอนอีกรอบแต่ก็ถูกมือใหญ่รั้งไว้ทันถ่วงที

“ห้ามหลับ มึงต้องอยู่อธิบายให้พี่กันต์เข้าใจ ไม่งั้นกูได้ตายอยู่ที่นี่แน่”

“แต่กูง่วง”

“วันศุกร์” เพิ่มระดับเสียงขึ้นอีกหน่อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อฟังแล้วสะบัดมือเขาออก ล้มลงนอนแผ่หราบนเตียง สภาพตอนนี้อยู่กึ่งกลางระหว่างจะสร่างกับจะฟุบเต็มที

หาญกล้าเท้าเอวมองคนกึ่งหลับกึ่งตื่นด้วยท่าท่างหน่ายใจ ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปดึงข้อมือเล็กทั้งสองข้างขึ้น หวังให้ลุกกลับมานั่งคุยกันดีๆ แต่ก็ดื้อด้านเสียเหลือเกิน ทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่สักพักก็ต้องผงะเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความรู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างทุกที

“ไอ้กล้า...” นั่นคือคำแรกจากปากเจ้าของห้อง

ดวงตาคมเบิกกว้างดูกราดเกรี้ยวจนเขาเองยังนึกกลัว ไม่ทันได้เปิดปากอธิบายอะไร ก็ถูกกันต์ตรงเข้ามากระชากออกจากร่างบนเตียง ตามมาด้วยแรงอัดจากหมัดหลุนๆ บนโหนกแก้มซ้ายพอให้ปวดหนึบ

“ด...เดี๋ย—”

ผลัวะ!

ไอ้เหี้ย เจ็บ!

“หยุดก่อน!” หาญกล้ารวบรวมกำลังกลับมา แล้วเป็นฝ่ายตรงเข้าไปผลักรุ่นพี่ขนาดตัวใกล้เคียงกันออกห่างเพื่อหวังให้สงบสติอารมณ์ “มันไม่มีอะไรนะ”

“ไม่มีอะไรเหรอ!? กูเห็นมึงจะคร่อมแฟนกูอยู่เนี่ยนะ”

“คร่อม? บ้าอ่อวะพี่! ใจเย็นแล้วฟังก่อนดิ!”

“ฟังเหี้ยอะไ…”

คนเลือดร้อนรีบหุบปากแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ ไอ้เด็กกล้าเฮงซวยก็หันไปยกเก้าอี้ขึ้นเหนือหัว ทำท่าอย่างกับจะทุ่มลงมากลางกบาลเขาให้ได้

“ฟัง! ผมกับวันศุกร์ไปกินข้าวกับเพื่อนมา แล้วศุกร์มันโดนชงให้ดื่มเหล้า เลยสภาพอย่างที่เห็น แล้วผมก็ไม่ได้จะทำอะไรมันด้วย แค่จะปลุกให้มันตื่นแค่นั้นแหละ”

“นี่มึงพาวันศุกร์ออกไปข้างนอกเหรอ กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไป”

“ก็ศุกร์มันอยากไป แค่กินข้าวกับเพื่อนเก่าเองจะอะไรนักหนาวะ” กล้าเริ่มแสดงความหงุดหงิดไม่ปิดบัง ยังดีที่เก้าอี้ในมือช่วยให้กันต์ไม่พลีพลามตรงเข้ามาจระเข้ฟาดหางเขาได้

กันติกรณ์จิ๊ปากเสียงดัง มือสองข้างกำหมัดแน่นท่าทางข่มอารมณ์สุดขีด

“มึงออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้”

คำพูดราบเรียบพอเข้าใจได้ กล้าเหลือบมองวันศุกร์ที่ยังคงพลิกตัวไปมาด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่ดูจากสายตาอาฆาตของคนตรงหน้าแล้ว เขาคงต้องยอมถอยทัพกลับไปก่อน ยังไงพี่กันต์มันก็ดูรักวันศุกร์ดี...คงไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก...มั้ง

ปึงง!

เก้าอี้ในมือถูกปล่อยลงบนพื้นอย่างไร้เยื่อใย ก่อนจะจำใจเดินออกจากห้อง เขายืนรออยู่เกือบนาที พอไม่ได้ยินเสียงอะไรถึงยอมจรลีกลับไปบนห้องตัวเอง คงได้แต่ภาวนาให้เพื่อนตัวเล็กปลอดภัย

“อืออ...เสียงดังอะไรอ่า...” วันศุกร์งัวเงียลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังมึนหัวหน่อยๆ มือข้างหนึ่งขยี้ตาตัวเองสองสามที หวังช่วยให้มีสติขึ้นบ้าง

กันติกรณ์สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เหมือนกำลังพยายามข่มใจไม่ให้อาละวาด ทั้งที่เขาอยากจะจับเด็กดื้อแถวนี้มาตีก้นเสียให้เข็ดเลยด้วยซ้ำ

“ไปไหนมา?”

“พ...พี่กันต์”

“เออ พี่เอง รู้สึกตัวรึยังล่ะ” คนตัวสูงเอ่ยเสียงแข็ง ก่อนจะย้ายไปนั่งลงข้างกันบนเตียง มือใหญ่บีบข้อมือเล็กไว้อย่างต้องการเอาคำตอบ

“เอ่อ...”

“ว่ายังไง หนีไปไหนมา”

วันศุกร์สะบัดหัวแรงๆ รู้สึกสร่างเมาแทบจะทันทีเมื่อเห็นใบหน้าน่ากลัวชัดเจน ในสมองพยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่ดูเลือนรางจนน่าหวั่นใจ เขาแอบไปเจอเพื่อน แล้วก็โดนพวกนั้นยุให้ดื่มเหล้า...แล้วก็...จำไม่ได้แล้วแฮะ รู้ตัวอีกทีก็เห็นพี่กันต์ยืนค้ำหัว อย่างกับจะกินเลือดอยู่แล้ว

“เอ่อ...ไป…ไปหาเพื่อน” ตอบกลับเสียงอ้อมแอ้ม สายตาหลุบต่ำ

“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ไป ทำไมถึงยังแอบไปอีก”

“...”

“ตอบสิ!”

คนตัวเล็กย่นคอ เพียงเพราะตกใจที่กันต์ขึ้นเสียง ขอบตาสองข้างเริ่มร้อนผ่าว ทั้งกลัวและเสียใจปะปนกันไปหมด

“ก...ก็ ศุกร์แค่อยากไปเจอเพื่อน”

“แต่พี่ไม่อนุญาต!”

“มากไปแล้วนะพี่กันต์” ดวงตากลมตวัดขึ้นมองอีกฝ่าย เขาอยากร้องไห้แล้วจริงๆ ให้ตายเถอะ

“มากไปที่ไหน เห็นไหมว่าออกไปแล้วก็เมาไม่ได้สติกลับมาแบบนี้ ถ้าเมื่อกี้พี่เข้ามาไม่ทัน ไม่รู้ไอ้กล้ามันจะทำอะไรเราบ้าง”

“โอ้ย บ้าไปกันใหญ่แล้ว” วันศุกร์เริ่มมีน้ำโหบ้าง เขาใช้จังหวะหนึ่งสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม รีบพาตัวเองออกห่างแล้วเลือกที่จะตวาดกลับไป

“กล้ามันไม่ได้จะทำอะไรศุกร์ทั้งนั้นแหละ”

“เราจะไว้ใจคนอื่นมากเกินไปแล้วนะ” กันต์ลุกขึ้นมาประจันหน้า หากคำพูดต่อมาของเด็กที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก กลับทำเอาสติและความอดทนของเขาขาดผึ่ง

“แต่กล้าไม่ใช่คนอื่นนะ!”

“ว่าไงนะ”

“ศุกร์รู้จักกล้ามาก่อนพี่อีก พูดแบบนี้ได้ไงอะ”

กันติกรณ์ขบฟัน พยักหน้าให้ตัวเองช้าๆ เหมือนเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่าง ค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปใกล้วันศุกร์ที่พยายามถอยหนี หากก็ไม่พ้นเงื้อมือ ใบหน้าโกรธเปลี่ยนเป็นตื่นกลัวเมื่อกันต์เอื้อมมากระชากคอเสื้อเขาเข้าหาตัว สัญชาตญาณรีบบอกให้หลับตาปี๋ รู้สึกเหมือนจะโดนตี แต่ก็เปล่า...

พลั่ก!

“โอ้ย!”

โดนผลักอย่างแรง ล้มก้นจ้ำเบ้าเพราะไม่ทันตั้งตัวแทน

มือข้างหนึ่งยันพื้นห้อง อีกข้างลูบบั้นท้ายตัวเองป้อยๆ หัวคิ้วสองข้างหมวดมุ่นจากความปวดระบม เขาไม่แน่ใจว่าแวบหนึ่งเมื่อกี้ เหมือนจะเห็นกันต์ตีหน้าตกใจ แต่ก็กลับมาปั้นหน้าถมึงทึงในเสี้ยววินาทีต่อมา

คำพูดโหดร้ายดังวนเวียนในโสตประสาท ก่อนที่เจ้าของคำพูดนั้นจะเดินเข้าไปขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ

“งั้นก็ไปอยู่กับมันเลยแล้วกัน”

อะไร...

ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะ

ริมฝีปากบางเม้มแน่น ร่างกายเล็กสั่นเทา พยายามอย่างมากที่จะไม่ส่งเสียงสะอื้นไห้หากก็ควบคุมได้ยากเหลือเกิน ฝ่ามือสองข้างผลัดกันปาดน้ำตาออกจากแก้ม เมื่อผ่านไปนานสองนานแล้วยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะหายโกรธหรือกลับออกมาคุยกัน สิ่งที่เขาทำได้จึงมีแค่พยุงตัวเองออกไปให้พ้นขอบเขตของห้องสี่เหลี่ยมซึ่งเคยไม่คุ้นตามาก่อน

เขาไม่ทันได้หยิบอะไรติดตัวมาเลย และไม่อยากแบกหน้าไปหาหาญกล้าเพราะกลัวจะยิ่งทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน กว่าจะรู้ตัวก็เดินลากรองเท้าแตะโทรมๆ ลงมาถึงหน้าหอ เกือบออกไปทางถนนใหญ่ หันซ้ายแลขวาก็มีเพียงแค่แสงไฟจากร้านค้าที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่

ไปไหนดี...ไม่สิ จะไปไหนได้...

“วันศุกร์?”

เสียงประหลาดใจของใครบางคนดังขึ้นในขณะที่เขากำลังเคว้งคว้าง สายตาตื่นๆ หันมองเจ้าของคำทักทายเมื่อครู่

“ต้นหน...”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:02:39 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 16.0



“พี่กันต์นี่ใจร้ายจริงๆ ทะเลาะกับศุกร์แค่เรื่องขอออกไปกินข้าวเนี่ยนะ แปลกแฮะ”

“ใจร้ายมาก!” วันศุกร์นั่งกอดอกตีหน้าบึ้ง ดวงตาโตกวาดสำรวจรอบๆ ห้องไม่คุ้นเคย เขาเพิ่งรู้ว่าต้นหนอยู่หอด้านข้างนี่เอง พอๆ กับที่ต้นหนเพิ่งรู้ว่าเขามาอาศัยหลับนอนกับรุ่นพี่คณะนั่นแหละ

“แต่ไม่รู้เลยนะว่าศุกร์อยู่หอกับพี่กันต์”

“อ่า…อืม เพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่นานเอง”

ดูเหมือนเมื่อครู่เขาจะอารมณ์ขึ้นลงมากไปหน่อย เลยเผลอเล่าอะไรต่อมิอะไรให้เพื่อนไม่ค่อยสนิทคนนี้ฟังซะเยอะ ขาดแค่ประเด็นเดียว คือยังไม่ได้บอกว่าเขากับกันต์เป็นแฟนกันแค่นั้น แต่ถ้าไม่ซื่อบื้อมากจนเกินไป เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงพอเดาออกอยู่บ้าง

“ถ้าศุกร์ยังไม่สบายใจ จะอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้นะ”

“เอ่อ...จะดีเหรอ”

“ดีสิ เราเป็นเพื่อนกันหนิ แล้วเราก็อยู่คนเดียวด้วย”

คนตัวเล็กยังไม่ตอบรับ แต่กลับทอดสายตาไปยังเตียงนอนเดี่ยวตรงหน้าอย่างสุดจะชั่งใจ ถ้ากันต์มาจับได้ทีหลังนี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าเรื่องของกล้าอีกนะ ต้องมีคนตายแน่งานนี้ แต่จะให้กลับไปน่ะเหรอ เหอะ ไม่เอาหรอก ไปหากล้าก็ไม่ได้เหมือนกัน...หรือจะเป็นพวกกั้งกับนัท แต่ถ้าไปอยู่กับสองคนนั้น กันต์คงตามไปเจอได้ไม่ยาก แถมจะเดือดร้อนพวกนั้นไปใหญ่ เพราะลำพังนอนกันสองคนห้องพวกมันก็เต็มแล้ว

เอาไงดี...

แต่ต้นหนก็เป็นเพื่อนเหมือนกันนี่...คงไม่เป็นไรมั้ง

“อะ…อืม งั้น เราขออยู่ที่นี่สักพักนะ”

รอยยิ้มใจดีถูกส่งมาให้ ก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินไปรินน้ำเย็นมาเสิร์ฟถึงที่ ต้นหนหยุดยืนตรงหน้าเหมือนกำลังพิจารณาอะไร ก่อนจะถือวิสาสะเอื้อมหลังมือมาแตะบนหน้าผากเขาพอให้สะดุ้ง จมูกโด่งฟุดฟิดเหมือนจับกลิ่นเจือจางบางอย่างได้หากก็ไม่มั่นใจ

“ไม่สบายหรือเปล่า หน้าแดงๆ นะ”

เอ่อ...พูดไม่ถูกเลย ครั้นจะบอกตามตรงว่าไปดื่มเหล้ามาก็กลับไม่กล้าซะอย่างนั้น ต้นหนดูเป็นผู้ชายแสนดี ดูเรียบร้อย ในมาดคุณชาย อยู่ดีๆ มีเพื่อนห่างเหินเดินเมามาขออาศัยด้วยจะรู้สึกยังไงเนี่ย

“เปล่า…เอ่อ ขออาบน้ำได้ไหม?”

“ได้สิ ใส่ชุดเราไปก่อนละกัน”

“อือ ขอบใจนะ”

วันศุกร์จัดแจงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตรงขึ้นเตียงทันที ตอนนี้ในหัวเขาไม่สามารถคิดเรื่องอื่นได้นอกจากกันติกรณ์เท่านั้น ทำไมถึงใจร้าย ทำไมถึงไล่ ทำไมถึงไม่ไว้ใจ หลากหลายคำถามวนเวียนอยู่ในสมองพาลให้น้อยใจมากขึ้นไปอีก แววตาหม่นวูบไหวเป็นพักๆ ริมฝีปากแดงเม้มแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลยามคิดถึงภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่

ต้นหนเองก็พอจะดูออกว่าการทะเลาะกับกันติกรณ์ส่งผลกระทบต่อจิตใจเพื่อนคนนี้ไม่มากก็น้อย จึงปล่อยให้วันศุกร์ได้จมอยู่กับตัวเองสักพัก แล้วหวังว่าอะไรๆ คงจะดีขึ้น

เขาปิดไฟในห้อง และขึ้นไปนอนบริเวณอีกฟากฝั่งของเตียง พยายามรักษาระยะห่างตามมารยาท เปลือกตาหนักอึ้งจากความง่วง หากก็ยากที่จะจมสู่ห้วงนิทราเมื่อยังคงได้ยินเสียงสะอื้นจากร่างเล็กดังแว่วผ่านตลอดทั้งคืน…

 

 

ในค่ำคืนเดียวกันนั้นเอง...กันติกรณ์ก็แทบไม่ได้นอนเพราะเอาแต่คิดมาก เขาพยายามหาเหตุผลให้กับเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้น ใจของเขานั้นหวงคนรักมากเกินกว่าที่ตัวเองคิดไว้ซะอีก มันก็เป็นมาตั้งแต่ก่อนจะคบกันแล้ว เขามักหงุดหงิดไม่ชอบใจทุกครั้งที่เห็นเด็กนั่นไปใกล้ใคร หรือใครเข้ามาใกล้ พอมีสิทธิ์เป็นเจ้าเข้าเจ้าของมันก็ยิ่งหน้ามืดตามัว อยากจะเหนี่ยวรั้งไว้กับตัวเพียงแค่คนเดียว

คงจะดี ถ้าไม่มีใครหน้าไหนกล้าเข้ามาแตะต้องคนของเขาเลย

แต่เรื่องจริงมันทำไม่ได้ และวันศุกร์เองก็ไม่ใช่เด็กในโอวาทจ๋ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องนั้นเขาเข้าใจดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะเดินออกจากห้องไปจริงๆ แบบนั้นนี่น่า แล้วดูสิ มือถือกับกระเป๋าตังค์ก็ไม่เอาไปด้วย ซ้ำร้ายกว่านั้น...เมื่อเขาเดินลงไปเคาะประตูห้องไอ้กล้า กลับได้คำตอบเป็นหน้าตาเหวอหวาประหลาดใจแทน ทั้งที่คิดว่าต้องมาหมกตัวอยู่กับมันแน่ๆ แต่ดันไม่อยู่ซะงั้น

โทรหากั้งกับนัทก็ไม่มีใครรู้เรื่อง ตรีวิทย์ บัณฑิต หรือแม้กระทั่งธนา เซฟ พะเพื่อน กระแตเองก็ด้วย เขาถึงขนาดโทรไปเช็คกับน้ำขิงว่ามิวได้ทำบ้าอะไรอีกไหม แต่ก็ได้รับการยืนยันว่าเปล่า

วันศุกร์หายไปแล้ว...หายไปอย่างที่เขาบอกให้ไป ซึ่งไม่ดีเลย...

โทรศัพท์เครื่องบางของคนรักถูกหยิบขึ้นมากดเปิดหน้าจอ เขาเข้ารหัสไปยังแอพพลิเคชั่น Line หวังจะช่วยหาเบาะแสบางอย่างได้บ้าง สายตาเหลือบเห็นห้องแชทของนายหาญกล้าก็อดจะกดเข้าไปส่องสักหน่อยไม่ได้ และเป็นตามคาด ทำเขาอารมณ์ไม่ดีกลับขึ้นมาอีก

[ HelloFriday: แอบไปดีเปล่าวะ ]

[ กล้าไหม?: 5555 ]

[ กล้าไหม?: ตัวเล็กเด็กดื้อออ ]

ตัวเล็กเด็กดื้อ? นั่นควรเป็นคำที่เขามีสิทธิ์จะเรียกวันศุกร์เพียงคนเดียวด้วยซ้ำ พูดคุยมุ้งมิ้งกันซะขนาดนี้จะบอกให้เขาเชื่อว่าไม่มีอะไรเลยได้ยังไง เขาไม่ได้ไม่ไว้ใจวันศุกร์นะ แต่เขาไม่ไว้ใจไอ้ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาใกล้วันศุกร์นั่นแหละ ไอ้มิวยังกล้าลงไม้ลงมือถึงขั้นนั้น เด็กต้นหนเองก็ดูออกง่ายเหลือเกินว่าแอบมีใจให้ แล้วการที่เขาจะระแวงหาญกล้าบ้างมันผิดขนาดไหนเชียว

“วันศุกร์...ไปอยู่ที่ไหน”

แค่คืนเดียวเท่านั้นเอง... เพียงแค่เวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง ก็ทำให้คิดถึงมากมายขนาดนี้แล้ว

คิดถึง...

 

 

คิดถึง

นี่คือความรู้สึกในใจของเขาตอนนี้ วันศุกร์นอนเอามือก่ายหน้าผากระหว่างที่เพื่อนร่วมห้องจำเป็นกำลังอาบน้ำเตรียมไปเรียนในภาคเช้า หากเขาไม่นึกมีกะจิตกะใจจะลุกออกจากเตียง เพราะคิดถึงนั่นแหละ จึงยิ่งไม่ควรไปเจอหน้า เพราะเขาคงต้องใจอ่อนง่ายๆ แน่

แต่เขาไม่อยากทำแบบนั้น กันติกรณ์ชักจะเหลิงมากเกินไป และถ้ารู้ว่าเขายอม มันก็จะซ้ำรอยเดิมอีกกี่ครั้งก็ได้ซึ่งเขาไม่อยากให้เป็น พี่กันต์ควรได้ทบทวนความผิดในส่วนของตัวเอง เพราะไม่เชื่อใจเขาเลย แถมยังใช้ความรุนแรงอีก ทำร้ายจิตใจด้วย บ้าที่สุด

เขายอมจมอยู่กับความคิดถึง ดีกว่ากลับไปเป็นนักโทษตลอดกาล

“ศุกร์ ยังไม่ลุกอีกเหรอ จะสายเอานะ” ต้นหนเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมา สายตาเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนผนัง แต่คนตัวเล็กกลับส่ายหน้าแล้วยิ่งมุดตัวเข้าในผ้าห่ม

“เราไม่อยากไปเรียน”

“แต่วันนี้อาจารย์จะรีวิวรอบสุดท้ายนะ”

“อือ เดี๋ยวเราขอให้กั้งติวให้ก่อนสอบก็ได้”

“เอางั้นเหรอ”

“อืม เอ้อ หน…อย่าบอกกั้งกับนัทนะว่าเราอยู่ที่นี่ อย่าบอกใครเลย ได้ไหม”

คนถูกขอร้องตีหน้าลำบากใจ ความจริงเขาก็มีความสุขอยู่หรอกที่วันศุกร์มาอาศัยด้วย แต่อีกใจก็ไม่อยากสนับสนุนให้ศุกร์ทำตัวน่าเป็นห่วง เพราะถ้าเขาเป็นกันติกรณ์ กั้งหรือนัท หรือคนสนิทของวันศุกร์ ตอนนี้คงร้อนรนมากแน่ๆ แต่ครั้นจะตอบว่าไม่ได้หรอก ก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน เพราะคนบนเตียงเล่นส่งสายตาอ้อนวอนซะจนเข่าเขาแทบจะอ่อนเปลี้ยลงไปกองกับพื้น

“ถ้าศุกร์ไม่อยากให้บอกเราไม่บอกก็ได้ แต่เราว่าศุกร์ควรจะกลับไปเคลียร์กับพี่กันต์มากกว่านะ พี่เขาคงเป็นห่วงแย่เลย”

“ถ้าห่วงคงไม่ไล่เราออกมาแต่แรก”

“ตอนนั้นพี่เขาอาจจะโมโหเลยพูดอะไรไม่ยั้งคิดน่ะ พี่กันต์ดูสนิทแล้วก็แคร์ศุกร์ออก” เขาพยายามไกล่เกลี่ย แม้รู้แก่ใจดีว่ากำลังช่วยเหลือศัตรูหัวใจอันดับหนึ่งก็ตาม “เรื่องที่ไม่ยอมให้ศุกร์ออกไปกินข้าว เขาอาจจะเห็นว่ามันไกลจากหอ กลัวกลับดึกแล้วจะอันตรายล่ะมั้ง”

“ไม่ใช่หรอกหน พี่เขาก็แค่จอมเผด็จการน่ะ หนรีบไปเรียนเหอะ เดี๋ยวเราเฝ้าห้องให้”

“อ่า…” ดื้อจริงแฮะ แต่น่ารักชะมัด... “อืม งั้นเราไปก่อนนะ ไว้จะเก็บชีทมาให้ เราวางกุญแจไว้บนโต๊ะ เผื่อศุกร์อยากลงไปซื้อไรกินข้างล่าง”

“โอเค ขอบใจมากนะ”

“อืม มีไรก็โทรมาละกัน”

ร่างบางใต้ผ้าห่มผืนกว้างพยักหน้า เมื่อเสียงประตูปิดตัวลง เขาจึงพยายามกลับไปข่มตาหลับอีกครั้ง พร้อมความคิดถึงที่ยิ่งโจมตีเป็นเท่าทวีคูณ…


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:03:09 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ aonair13

  • 「aonair」
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
    • FB Page
วันศุกร์ที่ 16.5



“ว่าไงนะ?”

“กูบอกว่าวันศุกร์ไม่ได้มาเรียน” นัทตอบกลับหาญกล้าด้วยท่าทีรำคาญนิดๆ ด้วยเพราะกำลังใช้ความคิดหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน

รอบโต๊ะไม้ตัวยาวใต้คณะวารสารฯ มีผู้ชายหลายชีวิตกำลังนั่งตีหน้าเครียดจนคนเดินผ่านไปมาอดจะสงสัยไม่ได้ พวกเขานัดรวมตัวเฉพาะกิจในช่วงบ่ายแก่ๆ หลังเลิกเรียน เหตุเพราะประสบปัญหาอย่างเดียวกัน

‘วันศุกร์หายไป’

“เพราะมึงแหละไอ้กันต์ ไปไล่น้องได้ไงวะ” บัณฑิตรีบชี้หน้าเพื่อนตรงข้ามอย่างคาดโทษ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ได้แต่ก้มหน้ารับความผิด รวมทั้งบทเทศนายาวเหยียดต่อมาจากตรีวิทย์

“จริง กูฟังเรื่องละคิดว่ามึงทำเกินไปนะ มึงจะขังวันศุกร์ไว้บนหอคอยเหมือนราพันเซลหรือไงวะไอ้บ้า จะหวงอะไรก็ให้มันพอดีบ้างเหอะ นี่เล่นไม่ปล่อยให้ศุกร์มีเพื่อนเลยหรือไง ปัญญาอ่อน”

“เออ พี่กันต์ ใจร้ายว่ะ ทำแบบนี้เหมือนไม่เชื่อใจเพื่อนผมเลยนะ” นัทรีบเสริม

ตามมาด้วยกล้าที่ยิ่งใส่ไฟ อัดอั้นมาตั้งนานจนถึงเมื่อคืน

“ผมก็บอกแล้วว่าผมกับศุกร์เป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ได้มีอะไร แล้วไอ้พวกที่ไปแดกข้าวด้วยกันก็กลุ่มเพื่อนทั้งนั้น ทำอย่างกับไอ้ศุกร์เป็นลูกสาวเพิ่งมีประจำเดือนไปได้”

ทุกคนบนโต๊ะพยักหน้าเห็นด้วย จนกันต์เถียงไม่ขึ้น แต่ก็คงไม่อยากเถียงแล้ว หลังจากที่ติดต่อวันศุกร์ไม่ได้เลยมันทำให้เขาเอาแต่โทษตัวเองแทบตาย มานั่งย้อนนึกดูก็เพิ่งรู้ตัวว่าทำเกินไปจริงๆ

“เออ กูรู้แล้วว่ากูผิด”

“ผมว่าเราอย่ามามัวต่อว่าพี่กันต์เลยครับ มาช่วยกันคิดก่อนดีกว่าว่าศุกร์จะไปอยู่ไหนได้” กั้งออกปากเสนอ ตามด้วยสายตาเป็นเชิงขอบคุณจากตัวต้นเหตุ

“ผมแกล้งโทรไปถามที่บ้านศุกร์แล้วก็ไม่อยู่”

“ถามจากพี่เสาร์เหรอกล้า?” ใบหน้าคนฟังแทบทั้งหมดซูบซีดลงทันควันยามเอ่ยถึงชื่อต้องห้ามนั้น พวกเขาต่างรู้ดีถึงชื่อเสียงความหวงน้องที่ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันต์ ติดจะมากกว่าสักร้อยเท่าด้วยมั้ง

“ไม่ใช่ ถามจากแม่บ้านน่ะ ขืนให้พี่เสาร์รู้ว่าศุกร์หายตัวไปมีหวังตายหมู่แน่”

“ก็ว่างั้นแหละ”

“อืม...ถ้างั้นเราควรจะหาศุกร์ให้เจอก่อนคืนนี้นะ” ตรีวิทย์หันมองหน้าคนอมทุกข์ที่สุดในวง “ใช่ไหมไอ้กันต์?”

“เออ”

“ทำไมเหรอครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“เพราะพี่เสาร์จะโทรมาหาศุกร์ทุกคืน” กล้าตอบให้แทน เพราะพอจะเดาออก เมื่อคืนตอนอยู่ร้านปิ้งย่าง ก็มีช่วงที่วันเสาร์โทรมาแล้วศุกร์ต้องแอบหนีไปคุยในรถเหมือนกัน

ทุกคนดูเครียดยิ่งกว่าเก่า แต่นั่งอยู่นี่ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา จึงทยอยกันเดินกลับไปยังรถยนต์ของใครของมัน เตรียมพร้อมสำหรับศึกตามล่าหานายตัวยุ่งที่หายไป

“พี่จอดหลัง 7-11 เหมือนกันเหรอ” นัทหันไปถามพวกแก๊งเด็กเส้นทั้งสาม ขณะเดินตัดไปทางโรงอาหาร ตรีวิทย์เป็นฝ่ายพยักหน้าตอบ ก่อนจะสาวเท้าให้ไวขึ้นเพื่อตามกันต์ที่เดินนำโด่งไปไกลแล้วให้ทัน

นัทกับกั้งเองก็กำลังจะเร่งสปีดขา หากไม่ใช่ว่าสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นเพื่อนหน้าหล่ออย่างต้นหน กำลังยืนสั่งอาหารกลับบ้านไปสองกล่อง มันคงดูไม่มีอะไรถ้านัทไม่เคยรู้มาก่อนว่าต้นหนเช่าหออยู่คนเดียว ซึ่งหอนั้นก็อยู่ใกล้กับหอของกันต์ แถมตอนรับน้อง หมอนี่ยังเดินหน้าตีสนิทวันศุกร์ซะจนเกือบเป็นเรื่อง

ถ้าจะมีใครที่พอเข้าข่าย...คนที่มีความเกี่ยวข้องกับวันศุกร์พอที่จะขอไปอาศัยอยู่ด้วยล่ะก็...

“เฮ้ย” นัทใช้หลังมือตีแผ่นอกกั้งไปที ทั้งสองคนหันมาพยักหน้าอย่างรู้กัน

พวกเขาทำเป็นนั่งรอบริเวณโต๊ะแถวนั้น ไม่ลืมส่งข้อความไปบอกข่าวกับทุกคนในกลุ่มปฏิบัติการลับในครั้งนี้ เพียงอึดใจเดียวก็ได้รับข้อความตอบกลับ

[ Nutdanai: ศุกร์อาจจะอยู่กับต้นหน ผมเห็นมันมาซื้อข้าวไป 2 กล่อง แต่มันอยู่หอคนเดียว ]

[ Bundit: จริงเหรอวะ ]

[ K.Wisarut: ก็ดูน่าสงสัยระดับหนึ่งนะครับ หนมันอยู่หอ Audio ด้วย ]

[ K.Wisarut: หนเดินออกไปจากโรงอาหารแล้วนะ ]

[ Bundit: เออ ไอ้กันต์ขับไปรอที่ Audio ก่อนละ ]

ใจร้อนสมเป็นกันติกรณ์

กั้งกับนัทรีบตามไปขึ้นรถตัวเอง เห็นต้นหนเพิ่งจะขับรถออกไปจากลานจอดหลัง 7-11 ได้เพียงแวบเดียว รถของตรีวิทย์กับบัณฑิตก็ขับตามออกไป ตบท้ายด้วยพวกเขา ส่วนหาญกล้าก็น่าจะนำหน้าไปก่อนแล้วเหมือนกัน

ไม่นานนัก ทุกหน่อก็มารวมตัวกันแถวหน้าหอ Audio ถึงขนาดพี่ยามต้องเดินมาถามเพราะสังเกตเห็นความผิดปกติ กันติกรณ์ปิดประตูรถดังปัง ก่อนเอ่ยปากเสียงเครียด

“กูขอขึ้นไปคนเดียวนะ”

“ได้ไง” กล้าเป็นคนแรกที่โต้ตอบออกมา แต่ก็ถูกสายตาห้ามปรามของตรีวิทย์หยุดเลือดในกายไว้

“ยังไงนี่มันก็เรื่องของกันต์กับศุกร์ พี่ขอให้ทุกคนอยู่รอข้างล่างก่อนละกัน” พอเห็นว่าทุกคนโอเคแล้วจึงหันไปตบบ่าคนเป็นเพื่อน “ส่วนมึง ก็อย่าไปทำอะไรบ้าๆ อีก มีอะไรก็คุยกันดีๆ เข้าใจไหม?”

“เออน่ะ”

กันต์ปัดมือตรีออก ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นตึกตรงหน้า

เขาก้าวขาให้ยาวขึ้น ตามไปจนทันเห็นแผ่นหลังของต้นหนเพิ่งหายเข้าไปในลิฟต์แว้บๆ ตัวเลขสีแดงบนจอสีดำค่อยๆ ไต่ขึ้นไปทีละชั้นจนมาหยุดอยู่ที่ชั้น 3 เท่านั้น กันต์แทบจะพุ่งเข้าไปในลิฟต์อีกตัว ทันทีที่มันเปิดออก นิ้วเรียวรีบกดปุ่มเลข 3 ตามด้วยปุ่มปิดลิฟต์ย้ำๆ ไม่ยอมให้ใครก้าวขาเข้ามาขัด

เขาถลาออกไปจากลิฟต์เมื่อมาถึงจุดหมาย หันซ้ายขวาจนเจอต้นหนกำลังยืนกดมือถืออยู่หน้าประตูบานหนึ่ง รีบพาตัวเองไปหลบอยู่หลังเสา ยื่นศีรษะออกไปสังเกตการณ์ห่างๆ แต่ก็ไม่ไกลถึงขนาดจะไม่ได้ยินอะไรเลย ไอ้เด็กต้นหนเคาะประตูอีกสองสามทีแต่ก็ยังไร้วี่แววอื่นใด จนเหมือนว่าคนที่ปลายสายจะเพิ่งกดรับโทรศัพท์

“ทำอะไรอยู่ มาเปิดประตูให้หน่อยสิ”

“อ่า อยู่ในห้องน้ำเหรอ...อืม ซื้อข้าวมาให้ด้วย”

ได้ยินอะไร อือๆ ต่ออีกนิดหน่อยก็กดวางหูไป แค่พักเดียวก็มีคนออกมาเปิดประตูให้ แต่จากองศาที่เขายืนอยู่ตอนนี้ทำให้เห็นไม่ชัดว่าคือใคร แต่ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของไอ้ต้นหนน่ะชัดแจ๋วเลย แม่งเอ๊ย นี่มันเอาเมียชาวบ้านมากกจริงๆ เหรอ ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

ถึงตรีวิทย์จะเตือนว่าให้ใจเย็นยังไง เขาคงอดตั้นหน้ามันสักหมัดไม่ได้

ทันทีที่ต้นหนเข้าไปในห้อง เขาก็เคลื่อนตัวไปหยุดอยู่หน้าประตูบานนั้น ข้อนิ้วมือเคาะลงเสียงดังติดต่อกันแบบหมดสิ้นแล้วซึ่งความเกรงใจ แว่วเสียงฝีเท้าของคนด้านในลอดออกมาทำให้เขายอมหยุด แต่ประตูก็ยังไม่ถูกเปิด พอรู้สึกเหมือนมีคนกำลังมองส่องออกจากช่องตาแมว จึงเสี่ยงตะโกนเรียก

“วันศุกร์! อยู่ข้างในใช่ไหม เปิดประตูเดี๋ยวนี้”

คนที่เพิ่งจะเดินมาเปิดประตูเมื่อสักครู่ รีบถอยกรูดกลับไปตั้งหลัก สายตาหวาดระแวงตวัดไปทางเจ้าของห้องซึ่งกำลังเดินไปยกโต๊ะพับมากาง

“หน พี่กันต์มาได้ไงอะ”

“พี่กันต์เหรอ? เราก็ไม่รู้อะ” ต้นหนตาเบิกกว้าง ไม่ทันรู้สึกตัวว่าถูกตามรอยมาตั้งแต่เมื่อไร

ความเครียดตรงเข้าจู่โจมทั้งคู่ทันที วันศุกร์รู้ดีว่าต้องเจอกับแรงโมโหระดับไหน พอๆ กับต้นหนที่เดาอนาคตตัวเองนอนหยอดข้าวต้มไว้แล้วออก

ก๊อกๆๆ

“เฮ้ย เปิด!”

เสียงด้านนอกยังดังไม่หยุด หากแต่พวกเขาก็ยังคงลังเล เอาแต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก จนกันต์ต้องใช้ไม้ตายด้วยการยกเท้าถีบหนักๆ จนแผ่นไม้ที่ขวางกั้นสั่นสะเทือน

“ถ้าไม่เปิด พี่จะพังเข้าไปจริงๆ นะ”

“อย่านะพี่กันต์!”

คำขู่นั้นฟังดูเหมือนจะจริง ทำให้วันศุกร์ต้องจำยอมเดินขมวดคิ้วไปแง้มประตูออกทั้งที่ภายในใจหวั่นกลัว กันติกรณ์ปรายตาลงมองเด็กดื้อชนิดที่ว่า ใจหนึ่งก็อยากจะตีเสียให้ช้ำ แต่อีกใจก็อยากดึงเข้ามากอดเสียเดี๋ยวนั้นเลย

“กลับ” คนตัวสูงพูดเสียงเรียบ แต่วันศุกร์กลับทำแก้มพองลมแล้วส่ายหน้า ทำให้เขาต้องออกแรงดันประตูให้เปิดกว้างพอจนสามารถแทรกตัวเข้าไปข้างในได้ ต้นหนยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ด้านหลัง

สายตาเจ้ากรรมเหลือบเห็นเตียงนอนขนาดคิงไซส์หลังเดียวตรงกลางห้อง ผ้าห่มยังยับอยู่เลยเพราะผู้ขออาศัยเอาแต่หมกตัวอยู่บนนั้นแทบทั้งวัน แค่นั้นก็ทำเอาเลือดในกายเขาเดือดปุดๆ

“มึงกล้ามากนะเอาวันศุกร์มาอยู่ด้วย”

“พี่กันต์จะทำอะไร!” คนตัวเล็กรี่เข้าไปขวางระหว่างกันติกรณ์กับต้นหนไว้ แขนสองข้างเหยียดตรงไม่ยอมให้คนเลือดร้อนเข้าไปถึงตัวเพื่อนได้ “ศุกร์เป็นคนขอมาอยู่เอง หนไม่เกี่ยว”

“แล้วมาอยู่กับมันทำไม”

ราวกับมีใครเดินเข้ามากดสวิตช์ คนตัวเล็กแผดเสียงสูงแบบไม่กลัวจะรบกวนห้องข้างๆ ตรงเข้าไปผลักอกหนาอย่างแรงจนถึงกับเซ ขอบตาบวมจากการพักผ่อนไม่พอยิ่งแดงเรื่อ น้ำตาเอ่อคลอพร้อมร่วงทุกเวลาพาลให้ใจคนมองรู้สึกปวดแปล็บ

“ก็พี่กันต์ไล่ศุกร์ไง!”

“…”

แรงผลักซ้ำสองตามมาติดๆ

“บอกให้ศุกร์ไปเองไม่ใช่เหรอ!?”

กันติกรณ์ยืนนิ่งเหมือนถูกสาป เขาปรับสีหน้าให้อ่อนลงทันควัน

“วันศุกร์…พี่ขอโทษ” ใช้จังหวะที่เข้ามาใกล้ รวบรั้งข้อมือบางเอาไว้ พลางดึงตัวคนรักเข้ามาในอ้อมกอด แม้ว่าจะทุลักทุเลเพราะวันศุกร์เอาแต่ดิ้นจะหนี แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย

“พี่ขอโทษนะ พี่จะไม่ไล่เราไปไหนอีกแล้ว”

“ฮึก...” น้ำตาร่วงแหมะยามสัมผัสถึงความอบอุ่นและกลิ่นกายอันคุ้นเคย ชวนโหยหา กำปั้นเล็กๆ ทุบตีอีกฝ่ายไม่หยุด

“พี่กันต์...นิสัย..ไม่ดี ฮือ...ไม่เชื่อใจศุกร์”

“พี่ไม่ได้ไม่เชื่อใจศุกร์นะ แต่พี่ไม่เชื่อใจไอ้พวกที่เข้ามาใกล้ศุกร์”

พูดมาถึงตรงนี้ ก็แอบส่งสายตาเย็นๆ ไปยังเด็กปีหนึ่งอีกคนที่ได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูก ต้นหนกลืนน้ำลายลงคอแล้วแกล้งเบือนหน้าไปทางอื่น เขารู้ตัวดีอยู่แล้วว่าเขาไม่มีวันชนะผู้ชายคนนี้ แต่ขอแค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้นก็ยังดี...แค่ได้เป็นเพื่อนกับวันศุกร์ คนที่นึกปลื้ม แค่นั้นก็พอ

“พี่กันต์ทำเหมือนศุกร์...เป็น นักโทษ..แล้วก็ ฮึก…ผลักศุกร์ด้วย”

“โอ๋ๆ พี่ขอโทษ” มือใหญ่ลูบศีรษะปลอบคนรัก วันศุกร์เลิกประทุษร้ายเขาแล้วเปลี่ยนมาขยุ้มเสื้อเขาแทน ทำให้ค่อนข้างเบาใจขึ้นเปลาะหนึ่ง “พี่รู้ตัวแล้วว่าพี่ผิด ต่อไปพี่จะใจเย็นขึ้น จะฟังศุกร์มากขึ้น โอเคไหมครับคนดี”

กันติกรณ์ดึงร่างบางออกห่างเพียงนิดเพื่อขอมองหน้าให้ชัดๆ เขาเปลี่ยนมาใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างปาดเอาคราบน้ำตาออกให้อย่างเบามือ ยอมรับเลยว่าใบหน้ายามร้องไห้ของเด็กคนนี้แทบจะฆ่าเขาเลย ยิ่งรู้ว่าเป็นเพราะตัวเองด้วยแล้วก็แทบอยากจะเอาค้อนมาทุบหัวให้สิ้นใจในความผิด คิดแล้วเขามันก็บ้าจริงๆ โดนความขี้หวงเข้าครอบงำเสียจนหน้ามืดตามัว ถึงขั้นลงมือกับวันศุกร์ได้ คิดทีไรก็นึกอยากย้อนกลับไปต่อยหน้าตัวเองทุกที

“พี่ขอโทษนะที่ไล่ศุกร์ พี่จะไม่ทำแล้ว…ยกโทษให้พี่ได้ไหม?” สายตาจริงจังทำเอาหัวใจคนฟังอ่อนระทวย ความจริงวันศุกร์แทบใจอ่อนตั้งแต่เห็นกันต์ยืนอยู่หน้าประตูแล้วด้วยซ้ำ

ชั่งใจได้เพียงครู่เดียวก็ยอมพยักหน้าช้าๆ น้ำเสียงสั่นเครือเปล่งออกไปอย่างยากลำบาก เพราะยังคงสะอึกสะอื้นไม่หาย

“แต่…พี่กันต์ ห้ามไล่ศุกร์อีกนะ”

“ไม่แล้ว…ต่อไปศุกร์ก็อย่าไปไหนอีกนะ พี่เป็นห่วงมากเลยรู้ไหม”

“อื้อ…”

ริมฝีปากสีธรรมชาติโน้มจูบไปยังเปลือกตาบวมๆ ก่อนจะมาหยุดแช่ลงบนหน้าผากมน เขาดึงแขนวันศุกร์ให้เข้ามาหลบหลัง พร้อมเอ่ยเสียงราบเรียบกับเจ้าของห้องที่ยังคงพูดอะไรไม่ออก

“ยังไงก็ขอบใจละกันที่ดูแลวันศุกร์ให้ แต่คราวหลัง…ไม่ต้องมายุ่ง”

“หน ขะ…ขอบใจนะ แล้วก็ขอโทษด้วย…”

 ต้นหนเพียงพยักหน้า ยืนมองดูคู่รักที่ปรับความเข้าใจกันเสร็จสรรพแล้วเดินกอดกันออกไปจากห้อง ข้าวเย็นสองกล่องดูจะไม่มีประโยชน์อะไร…

คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเองสินะ

 

 

หลังจากกลับมาคืนดีกับกันติกรณ์แล้ว อะไรๆ ก็ดูดีขึ้นไปหมด ทำให้รู้สึกว่าการหนีออกจากหอคืนนั้นช่างคุ้มค่า นอกจากกันต์จะเริ่มพูดคุยกับกล้าได้เป็นปกติมากขึ้น เหมือนที่คุยกับกั้งหรือนัท ยังอนุญาตให้เขาไปไหนต่อไหนตามใจ แม้จะโทรถามทุกสิบห้านาทีก็เหอะ

ส่วนต้นหน…เขาเอาเสื้อผ้ากลับไปคืน และได้พูดคุยกันเล็กน้อย เขาขอโทษขอโพยไปยกใหญ่เพราะรู้สึกว่าดึงหนเข้ามายุ่งในเรื่องของตัวเอง แต่ฝ่ายนั้นก็ใจดีเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าอะไรแล้วยังยิ้มรับเหมือนทุกที แถมบอกให้แวะไปเล่นที่หออีกเมื่อไรก็ได้ แต่ก็นะ…คงไม่มีโอกาสกลับไปแล้วแหละ

เวลาแห่งความสงบสุขผ่านไปได้ไม่เท่าไร ก็ถึงช่วงฝันร้ายแห่งการสอบไฟนอล ตั้งแต่กลางเดือนลากยาวไปจนถึงปลายเดือนธันวาคม คือสัปดาห์แห่งการสอบ ทั่วทุกมุมของมหา’ลัยเต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาที่โผล่หน้าออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน คริสม่งคริสมาสอะไรไม่ต้องพูดถึง บอกตรงๆ ว่าชีวิตทุกคนดูยุ่งมาก แม้แต่เขากับกันต์ก็แทบไม่มีเวลานั่งคุยเล่นกันเลยด้วยซ้ำ ต่างฝ่ายต่างง่วนอยู่กับกองชีท หนังสือ และโปรเจกต์ชิ้นใหญ่ สักพักก็ออกจากหอไปติวกับเพื่อน กลับมาอาบน้ำ นอนสลบ วนลูปอยู่แบบนี้มาหลายวันแล้ว

“พรุ่งนี้มีสอบหรือเปล่า?” กันต์ถามขึ้นขณะนั่งมองเขาไฮไลท์ชีทสีขาวจนมันเริ่มกลายเป็นสีเหลืองแสบตาแทบทั้งแผ่น

“มีอีกทีมะรืน”

“งั้นก็เก็บไว้อ่านพรุ่งนี้ นอนได้แล้วเรา”

คนตัวใหญ่ลุกออกจากเก้าอี้ ถือวิสาสะเดินมาดึงชีทในมือ ปาทิ้งบนโต๊ะหน้าตาเฉย แถมยังโถมตัวเข้ามากอดเขาที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อหมุนจนเกือบหัวคะมำ ดวงตากลมเงยขึ้นมองคนด้านหลังอย่างเคืองๆ แต่สิ่งที่ได้คืนมากลับเป็นการโดนขโมยจุ๊บบนปลายจมูกไวๆ ไปที

“พะ…พี่กันต์!”

“ตาคล้ำหมดแล้วเนี่ย ไม่ต้องโหมอ่านขนาดนั้นก็ได้ พักผ่อนบ้าง”

“ก็มันเยอะนี่” ชีทปึกเท่าบ้าน ตีหัวหมาตายได้เลยนะ

“ก็นอนก่อน ค่อยเก็บแรงไว้อ่านต่อพรุ่งนี้”

“แล้วพี่กันต์ล่ะ”

“พี่ก็จะนอนแล้ว มีสอบมะรืนเหมือนกัน”

วันศุกร์เหลือบมองนาฬิกา บอกเวลาเที่ยงคืนกว่า เขาชั่งใจได้เพียงครู่เดียวก็ยอมพยักหน้าก่อนจะถูกลากขึ้นเตียงทั้งที่ยังไม่ได้เก็บโต๊ะ ไฟในห้องถูกปิดลงจนมืดสนิท ยิ่งทำให้ความง่วงตรงเข้าจู่โจม

คนตัวเล็กลอบยิ้มเมื่อกันต์สอดแขนเข้ามาดึงเขาเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง พวกเขาติดนอนท่านี้เกือบทุกวันจนแทบกลายเป็นกิจวัตร จมูกโด่งรั้นคลอเคลียอยู่กับท้ายทอย ไล้ไปจนถึงบ่าขาวซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อ เสียงทุ้มดังแทรกความเงียบยามค่ำคืนขึ้นมา

“หลังสอบเสร็จก็จะหยุดปีใหม่”

“อ่าฮะ”

“ปีใหม่ไปไหนรึเปล่า?”

“อืม…คงอยู่กับพี่เสาร์นะ” เขาตอบออกไปตามตรงแม้จะทำให้กันต์ไม่ค่อยพอใจนักก็ตาม เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องอยู่ร่วมฉลองคืนส่งท้ายปี ต้อนรับปีใหม่ไปพร้อมกับคนในครอบครัว พ่อกับแม่คงไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้อยู่ประเทศอะไรเขายังระบุไม่ถูกเลย ท่านคงทำได้แค่วิดีโอคอลกลับมาคุยกันสองสามคำเท่านั้น

“พี่เสาร์อีกและ”

“เราค่อยนัดเจอกันวันอื่นก็ได้นี่”

วันศุกร์พยายามทำเสียงอ้อน พลางเลื่อนมือไปกุมมืออีกฝ่ายไว้แน่น แต่ขณะเดียวกันเขาเองก็เข้าใจที่จะนึกฉุนหรือว่าเสียดาย ในเมื่อลึกๆ แล้ว เขาก็อยากอยู่กับคนรักในคืนข้ามปีเหมือนกัน

“แต่ปีใหม่ทั้งที ก็อยากให้เป็นวันของเราปะ” น้ำเสียงน้อยใจแบบปิดไม่มิดทำเอาเขาอยากส่ายหน้า

ร่างบางค่อยๆ ขยับตัวพลิกกายกลับมาสบตากับคนที่บอกให้เขานอนแต่ก็ชวนคุยอยู่นั่น กันติกรณ์ยังคงพักมือไว้รอบเอวได้รูป วันศุกร์ขยับเข้าไปชิดแผงอกตรงหน้า ก่อนวาดแขนกอดตอบอย่างเอาใจ ใบหน้าหวานแดงเรื่อทีละน้อยเพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะพูดเรื่องน่าอาย…

“ก็แค่วันปีใหม่เอง...”

“...”

“ทุกๆ วัน มันก็เป็นวันของเราอยู่แล้วนี่”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2018 17:03:40 โดย mooaiir »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อ่านมาทั้งเรื่องนี่อยากตีพี่กันแรงๆทุกตอน หวงอะไรเบอร์นั้น  :hao5:

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
อิพี่กันทำตัวน่าหงุดหงิดมากกกก
สงสารวันศุกร์ๆ พี่ก้ขี้หวง แฟนก้ขี้หึง
โอ้ยจะบ้าาาาาา

ออฟไลน์ janehh

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อ่านรวดเดียวเลย สนุกมากก
ความจริงเราชอบพี่เสาร์นะ ชอบพี่ชายขี้หวงอะ5555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด