- ดื่มครั้งที่ 25 -
เช้าวันอาทิตย์ที่มีอากาศร้อนอบอ้าวทั้งๆที่อยู่ในเดือนมกราคมก่อนเปิดภาคเรียนที่สอง แต่ละภูมิภาคของประเทศช่างลำเอียงเหลือเกิน ถ้าเลือกได้ก็อยากกลับขึ้นไปเชียงรายสัมผัสความหนาวเย็นอีกสักครั้ง ผมขยี้ตาเพราะไม่สามารถสู้แสงแดดที่ลอดผ่านรอยแยกผ้าม่านเข้ามา มืออีกข้างควานสะเปะสะปะหาคนที่นอนด้านข้างเมื่อคืนนี้แต่กลับพบแค่ความว่างเปล่า
ผมลืมตาขึ้นแทบจะทันทีแล้วมองไปรอบๆห้องอย่างตื่นตกใจ ก็ไหนวันนี้บอกจะพาไปคาเฟ่สัตว์ยังไงล่ะวะ ทำไมมาหายตัวไปตั้งแต่เช้าแบบนี้
"เป็นอะไรของมึง ทำหน้าตลกว่ะ"
ผมหันขวับไปตามเสียงที่ได้ยินแล้วพบกับพี่จีบที่เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวปิดบังส่วนล่างไว้ กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนสวยจนผมเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สัมผัสเมื่อวันวานยังติดตรึงอยู่ที่ปลายนิ้วจนรู้สึกว่าแก้มร้อนวูบวาบขึ้นมา ผมเบนสายตาหนีก่อนจะดึงหมอนขึ้นมานั่งกอดเพื่อแก้เขิน
"ก็...ตื่นมาไม่เจอ นึกว่าหายไปไหน"
ผมพูดเสียงอู้อี้กับหมอน ดวงตากลมกรอกไปมาอย่างหวาดระแวงกลัวอีกคนจะจับได้ว่าเมื่อครู่เผลอจ้องอะไรไป แต่เหมือนอีกคนจะรู้เลยจงใจเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียงตรงหน้าของผมแบบพอดิบพอดี
"ทำไม กลัวกูทิ้งเหรอ"
คำถามแทงใจดำทำให้ผมตวัดสายตามองจ้องเขม็งใบหน้าหล่อเหลาทันที พี่จีบเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อผมย่นจมูกใส่เขาไป
"กล้าทิ้งเหรอวะ"
ไม่ตอบแต่ตั้งคำถามกลับไปจนโดนพี่จีบใช้มือขยี้หัวไปมาจนยุ่งเหยิงกว่าเก่าหลายเท่าตัว ผมปัดมือเขาออกอย่างไปจริงจังนักก่อนจะเบะปากใส่ พี่จีบหัวเราะเบาๆออกมาแล้วใช้มือจับแก้มทั้งสองข้างบังคับให้มองสบตากัน
"ใครจะไปกล้าทิ้งเด็กโง่วะ ทิ้งไปคงเป็นภาระให้คนอื่น สู้ดูแลเองยังดีกว่า"
พี่จีบคลี่ยิ้มกว้างเมื่อพูดจบ ผมแทบจะกระโดดถีบเพราะคำพูดคำจาของเขากวนตีนเหลือเกิน แต่ไม่กล้าทำร้ายเลยแยกเขี้ยวขู่เหมือนหมาเด็กไปวันๆ
"แง่ง พูดงี้ต่อยกันไหมพี่ นี่แฟนนะเว้ย"
แล้วก็หลุดปากท้าต่อยคนตัวโตกว้างไปแบบไม่จริงจัง พี่จีบเบิกตากว้างมองจ้องก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นกลิ่นเปปเปอร์มินท์ ไม่อยากยอมรับว่าเผลอเคลิ้มไปนิดหน่อย
"เปลี่ยนจากต่อยเป็นจูบได้ไหม กูถนัดมากกว่า"
ผมผงะถอยหลังทันทีที่พี่จีบพูดจบ สองมือยกขึ้นปิดปากตัวเองแบบอัตโนมัติแล้วส่ายหน้ารัวๆ ฟันยังไม่ได้แปรงเลยเถอะ ขออายบ้างอะไรบ้างถึงจะบอกว่าไม่รังเกียจกันก็เถอะ
"ไม่เอา ออกไปเลย"
ผมพูดเสียงอู้อี้เพราะไม่ยอมเอามือออก พี่จีบยิ้มกริ่มก่อนจะก้มตัวลงมาประทับรอยจูบลงบนหลังมือกันแล้วผละออกไปแต่งตัวอย่างหน้าตาเฉย ปล่อยให้ผมนอนหอบหายใจแรงเพราะตื่นเต้นอยู่คนเดียว มือเรียวทิ้งลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง แค่ถูกจู่โจมแบบเบาๆยังเป็นได้ขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะเราสองคนผ่านเรื่องคืนนั้นมาด้วยล่ะมั้ง แต่...ทำไมเป็นผมที่มีอาการเก้อเขินรุนแรงอยู่คนเดียวล่ะวะ ไม่ยุติธรรม!
"ลุกไปอาบน้ำดิ จะเขินอีกนานไหม"
เสียงทะเล้นดังมาจากหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง พี่จีบกำลังเซ็ตผมแต่งหล่ออยู่ตรงนั้น ซึ่งผมยังอยู่ในชุดนอนลายหมีขี้เกียจแขนยาวขายาวอยู่เลย
"ใครเขินอะไรวะ มั่ว!"
ผมปาหมอนใส่มันแล้วรีบลุกจากเตียงเดินไปรื้อเสื้อผ้าที่ต้องการออกจากตู้ ไม่นานนักก็รู้สึกว่ามีเงาสีดำมาทาบทับอยู่ด้านหลัง อกแกร่งปะทะเข้ากับแผ่นหลังบางจนเซไปด้านหน้าเล็กน้อย ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งท้องคนด้านหลังเบาๆเพราะหมั่นไส้
"มายืนอะไรตรงนี้เนี่ย ถอยออกไปเลย"
ผมบ่นงุ้งงิ้งก่อนจะรื้อเสื้อผ้าต่อแต่คนด้านหลังกลับเอื้อมมือมาจับกันไว้แล้วหมุนตัวผมให้กลับไปเผชิญหน้ากับถุงเสื้อผ้าที่พี่จีบถืออยู่ ผมเห็นเสื้อฮู้ดสีเหลืองนอนอยู่ก้นถุง ไม่แน่ใจนักว่าเขาไปซื้อมาตอนไหน
"ใส่นี่ กูฝากเพื่อนซื้อมาจากญี่ปุ่น"
ถุงตรงหน้าถูกยัดใส่มืออย่างรวดเร็วก่อนที่เจ้าของมันจะเดินผิวปากเข้าไปในห้องครัว ผมมองตามไปด้วยความงงก่อนจะหยิบเสื้อออกมาจากถุงแล้วคลี่ออกดู ดวงตากลมเบิกค้างก่อนจะอ้าปากตะโกนใส่คนที่ยืนดื่มนมอยู่ตรงกรอบประตูครัว
"เสื้อฮู้ดปิกาจูเนี่ยนะพี่ เห็นผมกี่ขวบวะ!"
ผมเหวเสียงดังพลิกเสื้อในมือไปมาแล้วเดินตรงไปหาคนที่กำลังดื่มนมอย่างสบายใจ แก้วเปล่าถูกลดต่ำเผยให้เห็นเขากำลังยิ้มอย่างสนุกสนาน
"เหมาะกันดีนี่ มึงใส่คงน่ารัก"
มือใหญ่วางลงบนหัวก่อนจะโยกเบาๆ ผมเม้มปากแน่นเมื่อโดนชมกันแบบโต้งๆ ไม่เคยชอบของมุ้งมิ้งน่ารักแบบนี้เลยในชีวิต วันนี้ยอมพี่จีบวันนึงก็ได้วะ เห็นว่าตั้งใจฝากเพื่อนซื้อมาจากญี่ปุ่นหรอกนะ
"เออๆ ใส่ก็ใส่ ไปอาบน้ำแล้วนะ"
ผมบอกทิ้งท้ายแล้วรีบหอบเสื้อผ้ารวมทั้งผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ยี่สิบนาทีให้หลังก็ออกจากห้องน้ำด้วยอาการเคอะเขินเล็กน้อยเพราะเห็นสภาพตัวเองในกระจกแล้วไม่ค่อยชินเท่าไหร่ บนหมวกฮู้ดมีเขาหรือหูของปิกาจูอยู่ด้วย ส่วนด้านหลังชายเสื้อมีหางเช่นกัน
ผมมองไปรอบๆห้องกลับไม่เห็นแฟนของตัวเองอยู่ในห้อง คงจะลงไปซื้ออะไรมาให้กินอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ผมหย่อนตัวลงนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา เสียบปลั๊กเสร็จสรรพเตรียมจะเปิดเครื่องแล้วต้องชะงักเมื่อมือใหญ่ทาบทับลงมาจับไว้ ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปเจอพี่จีบยืนค้ำหัวกัน... กลับเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไม่ให้ซุ่มให้เสียง ถ้าเป็นเวลากลางคืนเขาคงหัวใจวายตายนึกว่าโดนผีหลอกไปแล้ว
"โผล่มาเงียบๆตกใจนะพี่"
ผมว่าก่อนจะย่นจมูกใส่คนด้านหลัง พี่จีบก้มหน้าลงมากดจมูกลงกลางกระหม่อมก่อนจะใช้มือขยี้เบาๆ การกระทำเมื่อครู่ทำให้ผมต้องหลบตาแทบจะทันทีแต่ก็หนีไม่พ้นเพราะโดนสบตาจากทางกระจกอีกครั้ง ถ้าจะหนีครั้งนี้คงต้องก้มหน้าก้มตาแล้วล่ะ
"มึงไม่ระวังตัวเองนะคิส โทษกูไม่ได้"
พี่จีบยกยิ้มมุมปากก่อนจะลงมือเป่าผมให้กัน ความร้อนจากเครื่องทำให้ผมหดคอหนีเป็นครั้งคราวเพราะแสบต้นคอแต่ก็ได้มือใหญ่คอยลูบเบาๆคลายร้อนให้ หัวใจกำลังเต้นตึกตักอย่างไม่เคยชินกับความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายมอบให้สักที ถึงจะเป็นแฟนกันแล้วก็เถอะ ไม่เคยเลิกเขินได้เลย
"รู้ได้ไง ผมระวังตัวนะ"
ผมบุ้ยปากก่อนจะเสมองไปทางอื่นเมื่อโดนสายจาคมจ้องมองมาอย่างกับถามว่ามึงระวังตัวตอนไหน
"ยังไง"
คนด้านหลังถามซ้ำ ผมเม้มปากแน่นไม่รู้ว่าควรตอบอย่างที่ตัวเองคิดออกไปหรือเปล่า ถ้าตอบไปจะโดนหัวเราะใส่ไหม ก็ความคิดของเขามันเด็กมาก
"เอ้า เงียบทำไม ถามก็ตอบสิ"
พี่จีบหยุดเป่าผมแล้วเดินมาอยู่ข้างๆก่อนจะใช้มือจับไหล่บังคับให้หันไปมองกัน ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากนิดๆอย่างชั่งใจก่อนจะตอบไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
"ระวังตัวไม่ให้พี่ปล้ำ"
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะมุดลอดใต้วงแขนของเขาหนีออกมา พี่จีบไม่ได้ตามมาในทันทีเพราะเอาแต่ยืนอึ้งกับคำตอบ แต่ไม่นานนักร่างสูงก็หัวเราะก่อนจะเดินเขามาหาผมที่หย่อนตัวลงนั่งที่โต๊ะอาหาร
"แน่ใจว่าระวังตัวแล้วเหรอ"
เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างหูจนผมสะดุ้งแล้วหันไป ปลายจมูกของเราเผลอชนกันและผมยังไม่ทันได้ตั้งตัวริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประทับลงมาก่อนจะผละออก คนขโมยจูบได้สำเร็จยิ้มกริ่มแล้วพาตัวเองไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามอย่างสบายอารมณ์
"พี่จีบฉวยโอกาสตลอด"
ถึงจะว่าไปแบบนั้นแต่ไม่สามารถกลั้นยิ้มได้เลยจนต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้ อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยแซวอะไรเรื่องที่ผมเขิน แต่กลับพูดอีกประโยคที่ทำให้ผมยิ้มแก้มแทบแตก
"ถ้ากูจะปล้ำ กูได้มึงเป็นเมียไปนานแล้วคิส ที่มึงยังอยู่รอดทุกวันนี้เพราะกูรักมึง อยากให้มึงเต็มใจเป็นของกูเองแบบไม่ต้องบังคับ เพราะฉะนั้นมึงไม่จำเป็นต้องระวังตัวจากกูเลย"
สายตาจริงจังถูกส่งมาให้กันจนผมลดมือที่ปิดปากลงแล้วส่งยิ้มกว้างให้เขา ผมลุกขึ้นยืดตัวไปด้านหน้าแล้วฝังจมูกลงบนแก้มกร้านไวๆแล้วกลับมานั่งที่เดิม
"รักพี่จีบนะ"
ผมเอ่ยเสียงเบาแล้วลงมือรื้อถุงของกินตรงหน้าแก้อาการเขิน ยิ่งคนตรงหน้าเงียบมากเท่าไหร่ความเขินก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีก มือไม้ที่รื้อของอยู่ก็สั้นอย่างกับเจ้าเข้า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าของที่รื้ออยู่มีอะไรบ้าง
"ชอบที่มึงบอกรักว่ะ ฟังแล้วมีความสุข"
พี่จีบคลี่ยิ้มละมุนส่งให้กัน มือใหญ่วางลงบนมือผมที่หยุดชะงักการรื้อถุง เขาบีบเบาๆเป็นสัญญาณให้มองหน้ากัน ผมเม้มปากแน่นก่อนจะช้อนตามอง หัวใจเต้นตึกตักเมื่อเราสบตากัน
"อื้อ มีความสุขเหมือนกันล่ะน่า กินข้าวได้แล้วครับ หิว"
ผมว่าเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะดึงมือตัวเองออกมาหยิบของกินออกจากถุง พี่จีบหัวเราะเบาๆแล้วยิงมุกใส่อีกรอบ
"ไม่มีข้าวนะ กูซื้อปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหูมาให้"
"เออ กินๆเลย ไม่เล่นแล้ว"
ผมก้มหน้าก้มตาหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมากำลังจะจับมันแยกออกจากกัน แต่พี่จีบจับข้อมือผมเอาไว้ก่อน คิ้วขมวดมุ่นมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย หิวจะตายอยู่แล้วนะเว้ย
"อยากแยกมันดิ จะกินก็กินเข้าไปทั้งชิ้นเลย"
"หา ทำไมอ่ะ"
ผมเอียงคอถามเพราะงงหนักเข้าไปอีก จะให้กินเข้าไปทั้งชิ้นได้ยังไงก็พี่เขาเล่นซื้อปาท่องโก๋ไซต์ยักษ์มาขนาดนี้ จิ้มลงไผในถ้วยนมข้นยังไม่ได้เลยเนี่ย
"มันจะได้อยู่เป็นคู่ ไม่ต้องแยกจากกันเหมือนเราไง"
พี่จีบยักคิ้วกวนตีน แต่ผมดันหน้าแดงเพราะมุกห้าบาทสิบบาทของมันซะอย่างนั้น ภูมิต้านทานโรคพี่จีบลิซึ่มนี่ไม่มีหรือยังไงวะ เป็นแบบนี้ผมก็แย่อยู่คนเดียวอ่ะดิ
"แหวะ เลี่ยนเว้ย กินๆไปเลย"
ผมโวยวายกลบเกลื่อนความเขินแล้วยัดปาท่องโก๋ตัวใหญ่ใส่ปากเคี้ยวหงุบหงับจนพี่จีบหัวเราะออกมา เขาลุกขึ้นไปหยิบแก้วเปล่ามาเทน้ำเต้าหู้ให้ บริการดีแบบนี้ผมชักจะเคยตัวจนเป็นง่อยแล้ว
"กินดีๆระวังติดคอนะมึง"
พี่จีบบอกก่อนจะเริ่มกินบ้าง มื้ออาหารเช้าเราผ่านไปแบบทุลักทุเลเล็กน้อยเพราะพี่จีบไม่ยอมให้ผมฉีกปาท่องโก๋เป็นชิ้นเล็ก กินแต่ละทีเสี่ยงติดคอจะตาย ขนมเต็มปากจะด่าคนขี้แกล้งก็ไม่ได้เมื่อโดนขโมยหอมแก้มไปหลายครั้ง อยู่กับเขาไม่นานผมน่าจะเสียตัวว่ะ...
สิบเอ็ดโมงตรงพี่จีบก็ลากผมมาประจำที่ในรถ BMW สีขาวลูกรักของเขา ดวงตาคมจับจ้องถนนที่ตอนนี้การจราจรติดขัด ผมฮัมเพลงเบาๆตามเสียงของวิทยุ อยากจะบอกว่าสกิลการร้องเพลงของตัวเองต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก ปกติจะไม่ยอมแหกปากร้องเพลงให้ใครฟังเลยนอกจากคนในครอบครัว แต่ตอนนี้มีความสุขที่จะได้ไปเที่ยวเลยลืมเรื่องความอายไปจนหมดสิ้น
"บ่นอะไรงึมงัม"
พี่จีบเหลือบหางตามองกันก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก ผมหยุดชะงักก่อนจะเม้มปากแน่น คิดว่ามันไม่ได้ยินนะเนี่ย
"ไม่ตอบกูอีก หยิ่งเหรอ"
"หยิ่งบ้าอะไรเล่า เดี๋ยวหยิ่งใส่จริงๆเลยนี่"
ผมเบ้ปากใส่คนขี้แกล้งแล้วหันหลังให้ ดวงตากลมมองวิวข้างทางแล้วคิดว่าช่างไม่มีอะไรน่าสนใจเพราะเจอแต่ตึกรามบ้านช่อง คนในรถน่าสนใจกว่าเป็นไหนๆแต่ก็นั่นล่ะไม่อยากมองให้โดนแกล้งบ่อยๆหรอก
"กล้าเหรอคิส"
เสียงดุถามขึ้นทั้งๆที่ไม่ได้หันมามอง แต่ผมรับรู้ได้ว่าคนที่นั่งหลังพวงมาลัยคงทำสีหน้าบึ้งตึงอยู่แน่ๆ บางทีก็เดาอารมณ์ไม่ได้ว่าแกล้งงอนหรืองอนจริงๆ ผมหันหน้ากลับไปมองก่อนจะใช้นิ้วจิ้มแก้มกร้านเบาๆ
"งอนเหรอพี่"
ผมถามก่อนจะเอียงคอปรับองศาให้เห็นใบหน้าคมชัดขึ้น พี่จีบเหล่ตามองกันแล้วไม่พูดอะไร ผมเบะปากลงก่อนจะใช้หัวซบลงบนไหล่กว้างแล้วถูไปมาเบาๆอย่างออดอ้อน
"ทำไมแฟนขี้งอนจัง"
ผมพูดลอยๆก่อนจะช้อนตามอง พี่จีบยังคงทำหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิมจนผมเริ่มใจเสีย ถ้าจะแกล้งกันตอนนี้นับถือเลยว่าเนียนมาก เนียนจนใจผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว
"ออกไป ขับรถลำบาก"
เสียงราบเรียบดังขึ้นจนผมต้องผละตัวออกมานั่งตัวตรง ไม่ชอบเวลาพี่จีบทำตัวเย็นชาแบบนี้เลยว่ะ ทำไมวันนี้อารมณ์ขึ้นๆลงๆจังวะ เมื่อเช้ายังหยอดมุกจีบกันอยู่เลย
"งอนจริงๆเหรอพี่ ผมไม่หยิ่งใส่หรอก แค่ล้อเล่นเอง"
ผมพูดเสียงอ่อย ก้มลงมองมือตัวเองที่บีบกันไว้บนตัก
"อะไรของมึงคิส กูยังไม่ได้บอกสักคำว่างอน"
พี่จีบยกมือใหญ่มาขยี้หัวกันเบาๆ ก่อนรอยยิ้มจะผุดขึ้นที่มุมปาก ผมเหลือบมองคนข้างๆแล้วถอนหายใจอย่างโล่ง
"ก็พี่เงียบใส่นี่หว่า คิดมากนะเว้ย"
ผมบอกก่อนจะดึงมือที่ทำหัวยุ่งลงมาจับไว้ ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดอะไรเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่จีบแล้วก็กลายเป็นคนคิดมากทุกที อาจจะเพราะกลัวเขาไม่รักก็เป็นได้
"กูแค่คิดว่าจะไปคาเฟ่หมาไซบีเรียนทำไม ไปบ้านกูไม่ดีกว่าเหรอมีตั้งสี่ตัว"
"เฮ้ย มันคนละบรรยากาศกันป่ะวะพี่"
ผมบุ้ยปากก่อนจะปล่อยมือพี่จีบแล้วปัดๆมันออกจากตัก ไม่เขาใจฟีลลิ่งหรือยังไงวะว่ามันต่างกัน
"กูก็ล้อเล่นน่า"
พี่จีบพูดก่อนจะหัวเราะออกมาน้อยๆ ผมแลบลิ้นใส่มันก่อนจะไม่พูดด้วยอีกจนถึงคาเฟ่หมาไซบีเรียนฮัสกี้ที่อยู่ในซอยลึกพอสมควร เมื่อวานโทรมาจองโต๊ะเรียบร้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีที่นั่งแน่ๆเพราะเวลาเที่ยงวันคนจะเยอะอยู่พอตัว
ผมกับเขาสั่งอาหารไปคนละอย่างสองอย่างพร้อมกับฮันนี่โทสต์หลังอาหารอีกหนึ่งจาน ผมเดินไปเกาะกระจกดูพวกเจ้าหมาทั้งหลายหลากสีสันกำลังวิ่งเล่นในลานกว้างภายนอกร้าน ที่นี่จะแบ่งโซนระหว่างที่นั่งทานอาหารและเล่นกับน้องหมา
"ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ"
พี่จีบที่นั่งอยู่ถามขึ้น โต๊ะของเราติดกระจกพอดีเลยไม่ลำบากสักเท่าไหร่ แต่ที่ผมมายืนเกาะกระจกเป็นตุ๊กแกอยู่แบบนี้เพราะตั้งใจจะมองพวกมันเล่นกันโดยเฉพาะ
"ก็ชอบนะ มันหล่อตั้งแต่เล็กจนโตอ่ะ แต่หมาพันธุ์อื่นโตขึ้นหน่อยก็ไม่น่ารักแล้ว"
ดวงตากลมยังคงจับจ้องบรรดาน้องหมาที่เล่นกัน ฟัดกันบ้าง นอนแผ่ลงบนพื้นบ้าง พวกมันเรียกรอยยิ้มจากผมได้ไม่ยากนัก
"อยากเลี้ยงไหม"
"หือ ก็อยากนะ แต่ไม่สะดวกอ่ะ"
"ก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่คอนโดสิ กูจะเอาข้าวเหนียวมาเลี้ยง"
"หา! ตกลงทุกวันนี้พี่นอนร้าน บ้าน หรือคอนโดกันแน่"
ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจว่าตกลงแล้วพี่จีบนอนที่ไหนกันแน่ เพราะไม่เคยถามเลยด้วยซ้ำ
"ปกตินอนคอนโด ที่ร้านก็นอนบ้าง ที่บ้านนานๆกลับที"
ผมกระพริบตาปริบๆเมื่อได้รับข้อมูลใหม่ รู้จักกันมาจะครบปีเพิ่งรู้ว่าที่ซุกหัวนอนพี่มันมีเยอะขนาดนี้ แล้วอะไรคือชวนไปอยู่คอนโดด้วยกันวะ...
"อยู่คอนโดกับใครอ่ะ"
"ซารัง แต่ปีหน้ามันจะย้ายเข้าหอพักนักศึกษาแพทย์แล้ว"
"อ๋อ จะดีเหรอให้ผมไปอยู่ด้วยอ่ะ"
ผมกลับมานั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วเท้าคางมอง เอาจริงๆแล้วแอบหวั่นใจเล็กน้อยว่าจะโดนพ่อกับแม่ด่าที่ไปอยู่กับคนอื่น แต่ไอ้ความใฝ่ฝันอยากไปอยู่กับแฟนมันก็มีมากเหมือนกัน
"ดี ย้ายมาอยู่ด้วยกันเถอะ"
ออกปากชวนพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอนมาให้กัน ขอกันง่ายๆแบบนี้ผมขอใจง่ายตอบตกลงเลยได้ไหมวะ ไปมอก็ไม่ต้องขี่รถเองมีสารภีส่วนตัวไปรับไปส่งอะไรแบบนั้น
"เอ่อ... คือ ต้องขอพ่อแม่ก่อนดิพี่"
"ไม่ต้อง กูขอให้เรียบร้อยแล้ว"
พี่จีบยักคิ้วจึกๆให้กัน ผมอ้าปากค้างเพราะยังประมวลผลไม่ทัน ไปขอกันตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วพ่อแม่รู้เรื่องที่ผมคบกับพี่จีบแล้วเหรอวะ... เพิ่งคบกันมาอาทิตย์กว่าๆเองนะเว้ย งง
"เอ้ย เดี๋ยวๆ ไปขอกันตอนไหนอะไรยังไง"
ผมละล่ำละลักถามแทบไม่เป็นภาษา มือไม้เริ่มชื้นเหงื่อ ทำไมผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยวะ มีอะไรมากกว่าที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้อีกหรือเปล่า
"พี่มึงอ่ะตัวดีเลย โทรไปบอกพ่อแม่เรียบร้อยว่ามึงคบกับกู"
พี่จีบพูดเสียงราบเรียบก่อนจะตักข้าวผัดอเมริกันที่เพิ่งมาเสิร์ฟเข้าปาก ส่วนผมนั่งอ้าปากพะงาบๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี เหมือนโดนไอ้พี่ดีพถีบลงสระน้ำแบบไม่ทันตั้งตัว พ่อแม่ไม่ด่าตายเหรอวะที่มีลูกชายสองคนดันมีแฟนเป็นเพศเดียวกันหมด...
"แล้วพ่อกับแม่ว่าไงอ่ะ พี่ดีพไม่เห็นบอกอะไรผมเลย"
ผมว่าก่อนจะชักสีหน้าเครียด คือยังไม่พร้อมจะบอกเพราะเหมือนตัวเองจะเป็นความหวังสุดท้ายของบ้านที่มีหลานให้ได้ถ้าหากมีแฟนเป็นผู้หญิง
"อืม... ก็ตกใจ แต่ท่านก็ถามกลับมาว่ามึงเป็นรุกหรือรับ พอพี่ดีพบอกเป็นรับพวกท่านก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า ดี จะได้ค่าสินสอดบ้าง"
"เฮ้ย อย่ามาล้อเล่น"
ผมว่าเสียงสั่น ไม่จริงใช่ไหมที่พ่อแม่ผมจะพูดแบบนั้น สินสอดอะไรวะ คิดกันไปถึงไหน
"ล้อเล่น พ่อแม่ก็ตกใจนั่นล่ะ เขาถามว่าจริงจังกันแค่ไหน กูเลยโดนพี่ดีพให้คุยกับท่านเอง"
"อ่า... แล้วว่าไงบ้างอ่ะ"
"ก็... ตอบไปว่าจริงจัง จะดูแลให้ดี ไม่ทำให้เสียใจ ถ้าวันไหนผิดคำพูดจะให้ท่านลงโทษยังไงก็ได้"
พี่จีบบอกก่อนจะใช้ดวงตาคมมองมาด้วยความจริงจัง ผมเผลอกลั้นหายใจ รู้สึกว่าขอบตามันร้อนแปลกๆ ดีใจนะที่ได้คนเสมอต้นเสมอปลายอย่างเขาเป็นแฟน
"กูรักมึงนะคิส"
เขาบอกรักผมด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนให้ใจสั่น ผมพยักหน้าหงึกหงักแรงๆแล้วยิ้มกว้าง
"กินข้าวกันเถอะ จะได้ไปเล่นกับน้องหมา"
"อืม!"
เรานั่งกินอาหารกันจนเสร็จและได้เวลาไปหาเจ้าหมาขนฟูหน้าหล่อ ก่อนอื่นต้องสวมถุงพลาสติกเข้ากับเท้าและทำการฉีดพ่นแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือก่อนจะสัมผัส และจะมีพนักงานยืนอธิบายข้อมูลต่างๆให้เราได้รับรู้ว่าน้องหมาชื่ออะไรอายุเท่าไหร่กันบ้าง
"พี่จีบๆ ถ่ายรูปให้หน่อย"
ผมส่งโทรศัพท์ให้กับพี่จีบแล้วตรงเข้าไปหาเจ้าขนฟูสีน้ำตาลขาวก่อนจะโพสต์ท่าจะงับหัวมัน ก่อนที่เขาจะถ่ายรูปให้ก็เดินมาดึงฮู้ดใส่หัวผม
"ปิกาจูกินหมา"
พี่เขาพูดแล้วกดถ่ายรูปให้ทั้งๆที่ยังทำหน้าเอ๋ออยู่ โอย อยากตรงเข้าไปถีบฉิบหายแต่ติดว่าถ้าไม่วานให้พี่จีบถ่ายรูปให้ก็ไม่มีใครอีกแล้ว
"พี่แม่ง ชอบแกล้งผม"
ผมบ่นอุบอิบแต่พี่จีบไม่ใส่ใจแถมยังสั่งให้โพสต์ท่าใหม่ดีๆ หลังจากนั้นเราก็ถ่ายรูปไปเรื่อย เล่นกับหมาบ้าง กอดบ้าง มีความสุขกันไป แต่ที่ทำให้ผมหุบยิ้มคือผู้หญิงคนหนึ่งส่งยิ้มหวานให้พี่จีบก่อนจะเดินตรงมาแนะนำตัวทำความรู้จักแบบหน้าตาเฉย... คือพี่จีบไม่ใช้หมาไม่ต้องมาทำความรู้จักได้ป่ะวะ เจ้าของหวงไม่รู้หรือยังไง
ผมยืนขึ้นทันทีที่เธอก้าวเข้ามาใกล้พี่จีบแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะจะดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป พี่เขาหันมองผมเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มบางๆให้กับคนตรงหน้า
"สวัสดีค่ะ ชอบเจ้าไซบีเรียนเหรอ"
คำถามเบสิกในการเข้าหาคนอื่น เธอวางตัวดีกว่าผู้หญิงคนอื่นๆที่เข้ามาจีบแฟนผม
"อ่า... ที่บ้านเลี้ยงสี่ตัวครับ แต่วันนี้ผมพาแฟนเดทน่ะครับ เจ้าตัวเขาชอบ"
พี่จีบพูดก่อนจะยิ้มน้อยๆ เธอดูอึ้งไปแต่ก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"อ๋อ... คุณแฟนคงน่ารักน่าดูเลยนะคะเนี่ย ชอบน้องหมาด้วย"
"ก็...น่ารักครับ"
"พี่จีบ ผมจะกลับแล้วนะ"
ผมปั้นหน้านิ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ รู้สึกว่าเธอไม่ได้สนใจผมที่ยืนแทบจะสิงพี่จีบเลยด้วยซ้ำ ท่าทางของเธอไม่ได้สนใจคำว่ามีแฟนแล้วหรือยังไม่มี เหมือนคนที่พร้อมจะแย่งทุกเมื่อหากเจอคนที่สนใจ เธอนิ่งไปเล็กน้อยแล้วหันมามองผม
"อ่าว รีบกลับไปไหนวะ เหนื่อยแล้วเหรอ"
พี่จีบพูดก่อนจะใช้หลังมือแตะๆตรงไรผมให้ไม่ได้สนใจว่ามีสายตาสงสัยมองมาอยู่เลย ผมแอบลอบยิ้มก่อนจะตีหน้าบึ้งใส่แล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มร่างสูง
"เหนื่อยแล้วครับ กลับกัน อากาศร้อน"
"โอเคๆ เอ่อ...ผมกลับก่อนนะครับ"
ประโยคหลังเขาหันไปพูดกับเธอที่ยืนทำหน้าเหวอ พวกเราเดินออกมาโดยที่ไม่หันกลับไปมองเธออีกเลย
ตอนนี้ผมกำลังนั่งเงียบอยู่ข้างๆสารภีประจำตัวที่ขับรถไม่เกินแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงตรงไปยังสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ร่างสูงมองมาเป็นระยะก่อนจะลอบถอนหายใจออกมายาวๆ
"เป็นอะไรครับ"
เสียงราบเรียบเอ่ยถามขึ้น ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบเดิมในท่ากอดอกตั้งแต่ขึ้นรถมา ไม่ได้อยากงอนอะไรเขาหรอก แต่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ว่าพี่จีบอยู่เฉยๆนิ่งๆยังมีคนเข้าหา ถ้าพี่มันเจ้าชู้ล่ะ...ไม่แย่กว่านี้เป็นสิบเท่าหรือยังไง
"เปล่าครับ ลงไปเดินเล่นกันเถอะ"
ผมบอกก่อนจะปลดสายเข็มขัดแล้วเปิดประตูลงไปโดยไม่ได้รออีกคน พี่จีบรีบลงตามมาก่อนจะคว้าต้นแขนกันเอาไว้แล้วดึงไปนั่งที่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่
"หวงเหรอ"
คำถามแรกที่หลุดออกจาปากร่างสูงทำให้ผมชะงักกึก สายตาที่กำลังถอดมองบึงตรงหน้าเบนกลับมามองพี่จีบ ปากบางเม้มเข้าหากันแน่ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ
"เด็กน้อย"
พี่เขาว่าก่อนจะใช้มือหนาโยกหัวกันเบาๆ ผมมุ่ยหน้าใส่แต่ก็ไม่ได้ปัดป้องอะไร
"เสน่ห์แรงเกินไปแล้วนะเว้ย"
ผมบ่นอุบอิบก่อนจะเอาหัวชนเข้าที่ต้นแขนเพื่อเป็นการลงโทษ พี่จีบเซเล็กน้อยแต่ก็สามารถนั่งทรงตัวได้ เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะโอบไหล่ผมเข้าไปกอดไว้
"จะสนใจอะไรวะ กูมั่นคงกับมึงขนาดนี้ยังต้องหวงอีกเหรอ"
พี่จีบมองมาด้วยสายตาจริงจังจนผมเผลอกลั้นหายใจ มั่นคงน่ะรู้แต่ไม่ไว้ใจคนอื่นที่เขามาหาพี่มากกว่า
"แฟนผมนี่ จะไม่หวงได้ยังไงครับ หล่อขนาดนี้"
ว่าแล้วก็ย่นจมูกใส่แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอด เตรียมจะลุกขึ้นยืนแต่กลับโดนดึงให้นั่งลงในตำแหน่งใหม่โดยมีร่างสูงนั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง ผมนั่งกลางระหว่างขาทั้งสองข้าง
"ปล่อยนะพี่ คนเยอะ"
ผมดิ้นขลุกขลักเพราะท่านั่งมันประเจิดประเจ้อมากไป คนเดินผ่านไปมาส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นตรงมาจนผมต้องก้มหน้าลงมองพื้นหญ้าตรงหน้า
"เฉยๆน่า ให้กูกอดหน่อยไม่ได้เหรอ ไถ่โทษที่ทำให้มึงหวงไง"
น้ำเสียงทะเล้นดังขึ้นข้างหูจนผมหยุดดิ้น เพราะไอ้ที่ทำอยู่ตอนนี้คนได้กำไรมันเป็นพี่จีบเห็นๆแล้วจะเรียกว่าการไถ่โทษได้ยังไงกันวะ
"พี่จีบโคตรมั่ว หลอกกอดผมมากกว่านะ"
"เออ รู้ทันก็ดี นั่งนิ่งๆให้พี่กอดนะครับคุณแฟน"
"อือ"
โดนเสียงหวานๆนิ่มๆกรอกหูเข้าหน่อยก็ยอมเขาง่ายๆ เออ ก็ผมมันใจอ่อนให้พี่จีบทุกทีล่ะ ไม่รักไม่ยอมขนาดนี้หรอก!
-------------------------------------------------
Q & A กับคิส
Q : มีคนเข้ามาจีบบ้างไหม?
A : ... คิดดีแล้วเหรอครับถึงถามผมแบบนี้ T^T สะเทือนใจอ่ะ
Q : แสดงว่าไม่มีสินะ อืม...
A : ฮึก อย่าตอกย้ำนะ!
พี่จีบมันร้าย หลอกล่อน้องจูบให้ไปอยู่ด้วยกัน... ไม่นานคงโดนกินแน่ 555555
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและคอมเม้นท์น้า ~