- ดื่มครั้งที่ 27 -
เสียงเซ็งแซ่ในห้องเรียนดังจนน่ารำคาญ เมื่อนักศึกษากว่าร้อยชีวิตโอดครวญเรื่องการบ้านที่อาจารย์เพิ่งออกปากให้ไปเมื่อครู่ ชีวิตของนักศึกษาชาวศิลปกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิกชั้นปีที่สองยังคงหนีไม่พ้นจากวิชาดรออิ้ง
'วาดภาพเหมือนบุคคลครึ่งตัวคนละ 1 ภาพ'
ผมแทบจะลาตายเมื่อฟังคำสั่งงานจบ ไอ้เรื่องวาดภาพเหมือนก็หนึ่งปัญหาเรื่องคนมาเป็นแบบนั่นอีก ห้ามซ้ำกับคนในเซคด้วยนะ ไอ้ออยฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วกรี๊ดอัดใส่กระเป๋าดินสอแสนมุ้งมิ้งของมัน ส่วนไอ้ภีมนั่งกดโทรศัพท์สบายใจเฉิบราวกับเป็นเรื่องง่ายๆ ถ้าถามถึงผมล่ะก็... กำลังขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด
"มึงสติแตกหรือไง"
ไอ้ภีมเหลือบสายตาขึ้นจากจอสี่เหลี่ยมมามองผมอย่างเอือมๆ ผมหยุดมือแล้วหันขวับไปมองมันตาเขียวปั๊ดก่อนจะใช้ไหล่กระแทกด้วยความหมั่นไส้
"เครียดเว้ย ฝีมือก็ห่วยแตกไหนจะเรื่องแบบอีก เอาใครดีวะ"
ผมใช้นิ้วเคาะบนโต๊ะเรียนอย่างใช้ความคิด การที่ต้องวาดรูปจากคนจริงๆมันยากกว่าการวาดจากรูปถ่ายเป็นไหนๆ แล้วใครจะมานั่งทนให้ผมเล็งซ้ายเล็งขวาเป็นชั่วโมงวะ แค่คิดก็เพลียแล้ว
"แฟนมึงไง คิดอะไรมากวะ"
ไอ้ภีมเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าแล้วหันมายักคิ้วให้ ผมถึงกับคลี่ยิ้มกว้างอย่างสดใส ทำไมคิดไม่ถึงวะว่าพี่จีบเหมาะจะเป็นแบบวาดที่สุด... แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่พี่จีบยังยอมนั่งนิ่งๆทนเมื่อยได้หรือไง
"ถ้าพี่จีบไม่ยอมล่ะวะ นั่งเป็นแบบให้กูชั่วโมงสองชั่วโมงเลยนะ"
"เอารางวัลล่อเข้าหน่อยก็ยอมแล้วมั้ง"
ไอ้ภีมลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจเล็กน้อยทำให้ผมกับไอ้ออยรีบเก็บของแล้วลุกขึ้นตามก่อนจะพากันออกมานอกห้องเรียน พี่จีบที่เลิกเรียนก่อนมานั่งแหมะรออยู่ริมระเบียงทางเดินเรียบร้อยแล้ว อยากจะถามว่ามานั่งรอนานแค่ไหนโดนสายตาสาวๆแทะโลมไปแล้วกี่คนชะมัดเพราะหน้าตาหล่อๆของเขาบึ้งตึงอย่างกับโดนใครทำให้หงุดหงิดมา เรื่องจะขอให้ช่วยงานต้องพับเก็บไว้ก่อน
"ทำไมออกมาช้า"
แทนที่ผมจะได้เอ่ยปากทักทายพี่จีบ กลับเป็นเขาที่เห็นผมแล้วลุกขึ้นมาหาทันทีทันใด น้ำเสียงที่ใช้ถามติดจะหงุดหงิดอยู่นิดหน่อยจนผมได้แต่ส่งยิ้มเจือนๆไปให้
"นั่งคุยเรื่องงานอยู่น่ะครับ รอนานไหม"
ผมหันซ้ายหันขวาหาเพื่อนตัวเองแต่ก็พบกับความว่างเปล่า คือพวกมันเป็นนินจาหรือผีกันแน่หายตัวกันไวเหลือเกิน พี่จีบมองกันเล็กน้อยแล้วใช้แขนโอบไหล่ผมก่อนจะออกแรงดันให้รีบเดินออกไปจากตรงนี้ถึงจะงงอยู่เล็กน้อยแต่ยอมทำตามอย่างว่าง่าย
"รอนานแค่ไหนก็รอได้ แต่รำคาญพวกที่มาขอถ่ายรูป ขอไลน์นี่ล่ะ เปลืองน้ำลายจะปฏิเสธ"
ผมหยุดชะงักเท้าแล้วหันไปมองพี่จีบจนตาเกือบถลน ไอ้ที่บอกว่าเปลืองน้ำลายจะปฏิเสธมันหมายความว่ายังไง เหนื่อยจนให้ๆไปจะได้จบๆ หรือทำหน้าตายซากใส่คนอื่นกันล่ะ พี่จีบเลิกคิ้วมองกันด้วยสีหน้างงงวย คงสงสัยว่าผมหยุดเดินทำไมทั้งๆที่ยังไม่ถึงลานจอดรถ
"ตกลงว่าปฏิเสธหรือรำคาญเลยให้ไลน์เขาไป"
ผมถาทเสียงแข็งไม่มีแววล้อเล่นอยู่ในดวงตากลม นี่ไม่ได้หึงไม่ได้หวงเลยนะถามเพราะความอยากรู้ล้วนๆ จริงๆนะ เชื่อผมเถอะ เชื่อเหอะนะ เชื่อที พลีส!
"อยากให้เป็นแบบไหนล่ะ"
พี่จีบว่าก่อนจะยักคิ้วกวนๆให้กัน ผมหมั่นไส้เลยกระทุ้งศอกใส่หน้าท้องแกร่งไปหนึ่งที ดูไม่ออกหรือยังไงว่าผมจริงจังอยู่ เล่นไม่ดูสถานการณ์ตลอดเลย
"อย่ามากวนตีนนะ รีบๆตอบมาเลย"
ผมเบ้ปากใส่แล้วสะบัดตัวออกไปยืนห่างๆเขา ใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแก้มกันอย่างมันเขี้ยวจนผมรู้สึกหงุดหงิดเลยกระหน่ำมือตีให้เขาปล่อย แต่อย่างหวังว่าคนกวนประสาทอย่างเขาจะยอมปล่อย ยิ่งตียิ่งโดนบีบแก้มแรงขึ้นจนระบมไปหมดแล้ว
"โอ้ย เจ็บนะไอ้พี่จีบ"
ผมโวยวายเสียงดังจนคนรอบข้างหันมาให้ความสนใจ แต่จริงๆแล้วอาจจะโดนมองก่อนหน้านั้นอีก ก็ไอ้พี่จีบมันหล่อนี่ คนดังมหา'ลัยด้วย หึ
"โวยวายเสียงดังว่ะ"
เขาปล่อยแก้มผมให้เป็นอิสระแล้วใช้ฝ่ามือขยี้หัวผมจนยุ่งเหยิง อยู่กลางผู้คนนี่จะไม่เกรงใจเรื่องถึงเนื้อถึงตัวกันเลยหรือยังไงวะ รู้ว่าไม่แคร์คนอื่นแต่กูก็คน เขินเป็น!
"ตอบคำถามมาเลย อย่าเปลี่ยนเรื่อง"
ผมบุ้ยปากใส่มันแล้วยืนกอดอกพร้อมกับจ้องเขม็ง พี่จีบหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะโยกหัวผมไปมาอย่างกับเด็กน้อย
"หวงเหรอ"
"ยังจะถามอีก"
ผมแยกเขี้ยวใส่มัน จริงๆนิสัยขี้หวงของผมแสดงออกชัดเจนจนโดนจับได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พี่จีบมันก็ยังตีหน้าซื่อถามทุกครั้งเพราะอยากแกล้งให้ผมเขิน จะปล่อยให้เก๊กขรึมบ้างมันจะตายหรือยังไงวะ
"โอ๋ๆ ที่รักไม่งอนพี่นะครับ เดี๋ยวพาไปกินเค้กเนอะ"
เดี๋ยวนี้ชอบเอาของกินมาล่อเวลาผมงอน เพราะมันจะประหยัดเวลาง้อลงประมาณสองในสามของการง้อปกติเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้ผมต้องได้คำตอบก่อนสิจะหลงกลไอ้คนเจ้าเล่ห์ไม่ได้
"ตอบมาก่อน ไม่งั้นไม่ต้องมายุ่งกัน"
"โห... หวงแรงว่ะ"
พี่จีบทำเสียงล้อเลียนจนผมเริ่มอยากกระโดดกัดคอมันแล้วนะ ทำไมถึงได้ลีลาขนาดนี้ ถ้าไม่เกรงใจสายตานับสิบคู่ที่กำลังมองมาผมกระโดดกัดหูมันแน่
"พี่จีบ จะโกรธแล้วนะ"
ผมกดเสียงต่ำจนพี่จีบทำหน้าเหวอก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือกันแล้วกระตุกให้เดินต่อ ผมเงียบแต่ก็ยอมเดินตามไปที่ลานจดรถ
"คิส มึงฟังกูนะ"
พี่จีบพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วใช้มือดันคางผมให้เราได้สบตากัน แผ่นหลังบางแนบกับตัวรถ BMW ลูกรักของเขา
"....."
"กูสนแค่มึง รักแค่มึง ไม่มีวันที่กูจะทรยศมึงเข้าใจไหม"
ดวงตาคมฉายแววจริงจังจนผมเริ่มเขินอาย จริงๆไม่ได้โกรธอะไรเลยแค่อยากทดสอบว่าพี่จีบจะทำยังไงเวลาผมโกรธขึ้นมา ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าเขาจะไม่ใช้วิธีแบบเด็กๆแต่จะคุยกันด้วยเหตุผลและให้ความมั่นใจแทน
"อือ ปล่อยได้แล้ว"
ผมหลบตาเขาก่อนจะดึงมือที่เชยคางออก แต่พี่จีบไม่ยอมและขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนผมตาเบิกโพลง ดวงตากลมกรอกไปทางซ้ายทีขวาทีเพื่อดูว่ามีคนอื่นนอกเหนือจากพวกเราหรือเปล่า ผมแทบจะถอนหายใจเมื่อพบว่าที่ลานจอดรถมีแค่เราสองคนเท่านั้น แต่ไอ้การที่เอาปลายจมูกมาชนกันกลางที่สาธารณะแบบนี้มันไม่ควรหรือเปล่าวะ ไม่แคร์คนอื่นมากไปแล้วเว้ย
"พี่จีบจะทำอะไร ถอยออกไปนะเว้ย"
ผมโวยวายก่อนจะใช้มือดันอกแกร่งให้ออกห่าง ใบหน้าเริ่มเห่อร้อนจนอยากจะมุดดินหนี มันไม่ใช่เวลามาทำตัวสวีทไม่เลือกสถานที่นะ แต่ไอ้คนตัวโตเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับประโยคที่ผมพูดไป เพราะปลายจมูกโด่งเลื่อนลงมาฝังบนแก้มอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออกแล้วเดินหนีไปฝั่งคนขับทันที
"ฮึ่ย!"
ผมได้แต่ทำท่าฮึดฮัดแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะโดนทิ้ง คนขับสุดแสนจะอารมณ์ดีเพราะยิ้มกริ่มมาตลอดทางแถมฮัมเพลงภาษาเกาหลีอย่างมีความสุขอีกด้วย ต่างจากผมที่ยังคงนั่งทำหน้างอ ไม่ได้งอนแค่รู้สึกว่าพี่จีบมันเปิดเผยจนน่ากลัวเท่านั้นเอง วันไหนเกิดคึกปล้ำผมกลางแจ้งทำไงล่ะ...
"จะเบะปากอีกนานไหม เดี๋ยวจับจูบเลย"
พี่จีบพูดทีเล่นทีจริงจนผมรีบเม้มปากเข้าหากันแน่นแล้วถลึงตาใส่ อีกคนหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างชอบใจ ผมนึกหมั่นไส้เลยอ้าปากงับเข้าที่แขนแกร่งไปหนึ่งที พี่จีบสะดุ้งเล็กน้อยแต่แทนที่จะโวยวายว่าโดนทำร้ายกลับกวนประสาทแทน
"อยากกินกูเหรอ เดี๋ยวคืนนี้ยอมให้กินทั้งตัวเลยเอาไหม"
พี่จีบพูดแล้วทำตาเล็กตาน้อยใจกันจนผมรู้สึกขนลุกซู่ ไม่รู้ว่ามันจะจำได้ไหมว่าต้องเอาเกรดมาแลกน่ะ! จะหื่นกามพร่ำเพรื่อใส่ผมแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย ไม่ใช่คนใจแข็งมากมายอะไรเผื่อจะยังไม่รู้กัน กลัวใจตัวเองว่าจะไปปล้ำเขาก่อนนี่ล่ะ ฮือ
"หึ ใครจะไปอยากกินพี่ หลงตัวเองชะมัด"
ปากไม่ตรงกับใจใครจะสู้ไอ้คิสคนนี้ เอาตัวรอดแบบถูๆไถๆโดยจับได้ทุกครั้งก็ยังไม่เข็ดแถมยังลอยหน้าลอยตาเอื้อมมือไปปรับคลื่นวิทยุเขาอีก... น่าถีบกระเด็นเนอะผมเนี่ย
"แต่กู... อยากกินมึงนะ"
เสียงกระซิบข้างหูดังขึ้นตอนที่รถของเราติดไฟแดงพอดิบพอดี ผมเกร็งตัวเผลอกำชายเสื้อนักศึกษาที่หลุดลุ่ยของตัวเองเอาไว้แน่น อุณหภูมิเย็นยะเยือกของเครื่องปรับอากาศรถยนต์ไม่ได้ช่วยให้ร่างกายของผมหายร้อนเลยด้วยซ้ำ ทำไมต้องพูดเรื่องแบบนี้ออกมาง่ายๆด้วยวะ ไม่รู้หรือไงว่าทำให้คนอื่นเขาระทวย จะสมยอมมันในรถอยู่แล้วเนี่ย สติเว้ยสติ!
"พูดบ้าอะไรของพี่ เงียบไปเลยนะ"
ผมบ่นงุ้งงิ้งก่อนจะยกมือกุมแก้มตัวเองเอาไว้เพราะไอ้พี่จีบมันก้มหน้าจนจมูกจะชนอีกแล้ว... แต่ไม่วายที่จะกดปลายจมูกโด่งลงกลางหลังมือ ฮือ เขินหนักกว่าเดิมอีกเว้ย จีบแอทแทคนี่ผมขอสงวนลิขสิทธิ์ผูกขาดเป็นเจ้าของคนเดียวนะ คนอื่นห้ามยุ่ง
"กูพูดความจริง กำลังตั้งใจเรียนเพื่อมึงเลยนะ"
ตั้งใจเรียนเพื่อผมกับผีนะสิ.. เพื่อร่างกายผมล่ะไม่ว่า พี่จีบยิ้มกรุ่มกริ่มส่งมาให้แสดงออหอย่างชัดเจนว่าความหมายมันส่อไปในทางหื่นกามอย่างแน่นอนจนผมขยับตัวชิดหน้าต่างเลยทีเดียว
"พอๆๆๆ เลิกพูดเรื่องนี้เลย แล้วนี่จะพาผมไปไหนอ่ะ ไม่ใช่ทางไปร้านกาแฟนี่"
ผมเพิ่งรู้ตัวว่าโดนพาออกนอกเส้นทาง พี่จีบเลิกคิ้วขึ้นแล้วหัวเราะออหมาเบาๆกับความเอ๋อของผม
"นี่ถ้ากูพามึงไปขายจะรู้เรื่องไหม"
พี่จีบพูดติดตลกก่อนจะเหยียบคันเร่งออกรถ ผมทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจเพราะเหมือนโดนด่าว่าโง่ทางอ้อมยังไงก็ไม่รู้
"กล้าเอาแฟนตัวเองไปขายเหรอ"
ผมถามเสียงแข็งก่อนจะหันไปมองด้านนอกเพราะไม่อยากมองหน้าพี่จีบที่เอาแต่ยิ้มมีความสุข เห็นแล้วหมั่นไส้อยากกัดคอให้ขาด
"เดี๋ยวนี้ยอกย้อนนะคิส"
"ทำไมอ่ะ ไม่ได้เหรอ นี่แฟนนะ"
"ไม่อยากมีแฟนแล้ว"
"อะไร พูดแบบนี้หมายความว่าไง!"
ผมหันขวับไปจ้องไอ้พี่จีบตาเขม็ง มือของผมกำหมัดเตรียมต่อยหน้ามันเต็มที่หากพูดไม่เข้าหู เพิ่งคบกันมาได้สองเดือนจะเลิกแล้วหรือยังไง
"มึงจะกินหัวกูเหรอ อารมณ์ร้อนฉิบหาย ท้องป่ะเนี่ย"
เขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะกลัวผมแม้แต่น้อยเพราะยังเผยรอยยิ้มกวนๆให้ได้เห็นกันอยู่ ส่วนผมที่โดนหาว่าอารมณ์ร้อนได้แต่ทำเสียงจิ๊จ๊ะให้ลำคอก่อนจะบ่นพึมพำคนเดียว
"ใครจะไปท้อง เสียบก็ไม่เคยเสียบ"
แทนที่จะบอกว่าเป็นผู้ชายจะท้องได้ไงเนอะ แม่ง แต่เหมือนจะบ่นเสียงดังไปหน่อยไอ้คนข้างๆเลยเลิกคิ้วมองกัน มือที่จับพวงมาลัยละมาวางบนขาผมแล้วออกแรงลูบไล้จนรู้สึกขนลุกซู่ อยากจะปัดออกใจจะขาดแต่ก็กลัวจะเกิดอุบัติเหตุ โอย ไอ้บ้า หื่นอะไรตลอดเวลาขนาดนี้วะเนี่ย
"พะ พี่จีบทำอะไรวะ ขนลุกหมดแล้ว"
ผมพูดเสียงตะกุกตะกักสายตายังคงจับจ้องมือหนาเคลื่อนตัวไปมาตำแหน่งเดิม มุมปากหยักของคนหล่ออย่างพี่จีบกระตุกเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้ผมเสียวสันหลังวาบทันที อึก มันโดนน้องชายกูแล้ว ฮือ
"อยากโดนเสียบไม่ใช่เหรอ"
มันหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ก่อนจะขยำลงมาบนขาอ่อนผมเบาๆ ปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นและรู้ว่าถ้ายังคงปล่อยให้มันลูบแบบนี้มีหวังสติแตกแน่ๆเลยกลั้นใจตะครุบมือหนาเอาไว้ไม่ให้ซุกซนไปมากกว่านี้ ผมสูดหายใจเข้าแรงๆเพื่อระงับความร้อนรุ่มของร่างกายไว้
"หูเพี้ยนเข้าข้างตัวเองตลอดอ่ะคนเรา"
ผมย่นจมูกใส่แล้วดึงมือพี่จีบไปตั้งบนพวงมาลัยเหมือนเดิม พยายามทำเสียงให้ปกติและไม่แสดงอาการอะไรออกมาทั้งๆที่ใจสั่นจนแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว
"เผื่อมึงใจอ่อนไง แล้วนี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ"
ผมเหลือกตาใส่ก่อนจะหันหลังให้กัน คำถามชวนให้สติแตกนั่นคืออะไร เขาต้องการคำตอบแบบไหนจากผมวะ.. หลับจาหนีแม่ง ตอบยากจะตาย
"....."
"คิส หลับเหรอ"
"....."
"เฮ้อ งั้นขับกลับคอนโดเลยนะ"
"....."
จะไปไหนก็ไปเถอะ ตอนนี้ขอหนีก่อนแล้วกัน จะพาขึ้นคอนโดก็ยอมแล้วจังหวะนี้ ยอมไปนะไม่ใช่สมยอม!
หลังจากนั้นผมก็หลับจริงๆมารู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่พี่จีบเดินมาเปิดประตูรถแล้วปลุกนั่นล่ะ ผมลืมตางัวเงียก่อนจะลงจากรถเดินตามเขาขึ้นคอนโดไปด้วยสติที่ยังไม่ครบถ้วน วันนี้เป็นวันศุกร์ที่เราตกลงกันไว้ว่าผมจะมานอนค้างจนถึงวันอาทิตย์ ปิดเทอมใหญ่เมื่อไหร่ถึงยังย้ายเข้ามาแบบเต็มตัว
"อ่าว วันนี้ซารังไปไหนครับ"
ผมถามเมื่อเข้ามาแล้วเจอแต่ห้องที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตอื่นนอกจากผมกับพี่จีบ เขาหันมามองก่อนจะชี่ไปที่โพสต์อิทสีเขียวมะนาวตรงตู้เย็น
"น่าจะออกไปไหนมั้ง อ่านดูดิ"
พี่เขาพยักพเยิดไปทางด้านนั้นอีกครั้ง ผมพยักหน้ารับก่อนจะเดินตรงไปดึงโพสต์อิทออกมาอ่าน พี่จีบกำลังถอดเสื้อนักศึกษาออกเหลือแค่เสื้อกล้ามสีขาวด้านใน
"ออกไปทำรายงานและค้างบ้านเพื่อน"
ผมอ่านข้อความในกระดาษให้ฟัง พี่จีบพยักหน้ารับก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วกดเปิดเครื่องปรับอากาศทันที เพราะรู้สึกว่ามันร้อนอบอ้าวเหมือนฝนจะตก ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆกันแล้วรวบรวมความกล้าเรื่องขอให้พี่จีบเป็นแบบวาดภาพให้ กลัวโดนปฏิเสธจังว่ะ
"พี่จีบ คือว่า..."
ผมเงียบหลังจากคำนั้นเพราะยังชั่งใจอยู่ว่าจะขอช่วยดีไหม เห็นสภาพเหนื่อยล้าของเขาแล้วก็ไม่อยากกวนเท่าไหร่ ตัวเลือกอื่นที่พอคิดได้ในตอนนี้มันลำบากเกินไป อย่างพี่แบทเนี่ย... พี่จีบคงฆ่าปาดคอผมแน่ๆ พี่ดีพยิ่งไม่ต้องพูดถึงรายนั้นคงโดนไอ้ภีมขอช่วยไปแล้ว
"หืม มีอะไร"
พี่เขาหันมามองกันก่อนจะยืดตัวนั่งตรงๆราวกับสนใจฟังมาก ผมอึกอักเล็กน้อยแต่ในที่สุดก็ต้องขอร้องเขาอยู่ดีนั่นล่ะ แฟนกันไม่ช่วยกันผมจะงอนไปสองชั่วโมงเลย หึ!
"ช่วยเป็นแบบวาดภาพให้หน่อยดิ"
ผมกำชายเสื้อตัวเองแน่นเพราะลุ้นคำตอบ พี่จีบเลิกคิ้วมองกันด้วยความสงสัยก่อนจะตั้งคำถามกลับมา
"หืม ปีสองยังเรียนดรออิ้งอยู่เหรอวะ"
"ครับ ได้ไหม เป็นแบบให้หน่อย"
"แบบนู้ดเหรอ"
พี่จีบยิ้มกรุ่มกริ่มแต่ผมเบิกตาโพลงเพราะตกใจสิ่งที่เขาพูด มือเรียวฟาดลงบนต้นแขนของพี่จีบอย่างไม่ต้องคิดอะไร มันหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างถูกใจที่สามารถทำให้ผมแสดงหน้าเหวอๆออกมา แกล้งกันตลอด
"ไอ้บ้า ใช่ที่ไหนเล่า!"
ผมแยกเขี้ยวใส่มันก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อจะหนีแต่ไอ้คนมือไว้กลับฉุดแขนผมให้นั่งลงบนตักของมันอย่างพอดิบพอดี แขนแกร่งสอดล็อคช่วงเอวเอาไว้ไม่ให้ผมดิ้นหนีราวกับรู้ทัน ยอมใจจริงๆ.. ผมนั่งนิ่งๆแต่ทำเสียงฮึดฮัดจนพี่จีบกดจมูกลงบนต้นคอกัน ขนอ่อนในกายลุกชันทำให้ผมนั่งเกร็งทันที อารมณ์ที่เคยสงบได้ก่อนหน้านี้เหมือนมันจะเริ่มก่อตัวใหม่จนน่ากลัว
"ทะ ทำอะไร"
ผมถามเสียงตะกุกตะกัก รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งร่างกายจนไม่สามารถควบคุมได้ อยากลงจากตักมันจะแย่แต่ไม่กล้าขัดขืนเพราะกลัวมันจะหงุดหงิดและไม่ยอมเป็นแบบทำงานให้กับผม
"แค่อยากทำ เป็นแบบให้ก็ได้ แต่มีของตอบแทนกูไหม"
แรงกอดกระชับเพิ่มขึ้นและรับรู้ได้ว่าคางของเขาวางลงมาบนไหล่ ลมหายใจอุ่นๆรินรดต้นคอจนทำให้รู้สึกวาบหวิวแปลกๆ ผมเม้มปากแน่นแล้วคิดถึงคำพูดของไอ้ภีม เอาของตอบแทนล่อสักหน่อยพี่จีบก็ช่วยแล้ว ซึ่งมันก็จริง แต่คงต้องเป็นสิ่งที่คุ้มค่าพอสำหรับเขา
"โห... ช่วยฟรีๆไม่ได้เหรอ"
ผมแกล้งทำน้ำเสียงผิดหวังแต่มีหรือคนอย่างพี่จีบมันจะแคร์เรื่องแค่นี้ จมูกโด่งกดลงมาบนซอกคอผมอีกครั้งจนได้ยินเสียงสูดอากาศเข้าปอด ผมเบี่ยงตัวหนีเพราะกลัวว่ากลิ่นเหงื่อจะทำให้อีกคนบ่น ไม่ใช่คนที่มีกลิ่นหอมตลอดเวลานะเว้ย ไม่ได้มั่นใจในตัวเองขนาดนั้น
"นั่งนิ่งๆให้มึงวาดไม่รู้กี่ชั่วโมง จะใจร้ายใจดำไม่มีของตอบแทนจริงๆเหรอ"
เสียงออดอ้อนทำให้ผมเผลอใจอ่อนยวบ นึกแล้วก็เจ็บใจตัวเองว่าทำไมต้องแพ้ไอ้คนเจ้าเล่ห์นี่ทุกครั้ง เมื่อไหร่จะชนะบ้างเล่า
"เออๆ มีให้อยู่แล้วล่ะครับ ไม่ต้องทวงหรอกน่า"
ผมว่าก่อนจะหันไปดึงแก้มกร้านเล่นอย่างมันเขี้ยว พี่จีบคลี่ยิ้มกว้างแล้วใช้จังหวะนั้นกดริมฝีปากลงมาทาบทับตำแหน่งเดียวกันของผมอย่างรวดเร็ว ความนุ่มหยุ่นที่มาพร้อมกับแรงดูดเม้มทำให้ผมใจกระตุกและเต้นถี่รัว อุณหภูมิในร่างกายพุ่งสูงขึ้นจนต้องผละออกอย่างรวดเร็ว ทั้งๆที่เสียดายรสจูบหอมหวานอยู่ไม่น้อย กลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ถ้ายอมให้ง่ายๆก็กลัวว่าสักวันจะโดนทิ้งได้ง่ายๆเหมือนกัน
"ผะ ผมจะไปอาบน้ำแล้ว"
ผมบอกก่อนจะแกะแขนแกร่งออกจากรอบเอว คราวนี้เขายอมกันง่ายๆปล่อยให้ผมลุกขึ้นจากตักโดยไม่ทักท้วงอะไร แต่ที่น่าแปลกคือเขาลุกขึ้นตามก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำก่อนจะกวักมือเรียกกัน ผมเอียงคอมองด้วยความสงสัยแต่ก็คว้าเอาผ้าขนหนูตามไป
"เดี๋ยวช่วยอาบนะ"
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปาก ผมถึงกับกำหมัดแล้วต่อยเข้าที่อกแกร่งก่อนจะวิ่งผ่านเขาเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูลงทันที ได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วมาจากหน้าประตูนั่นทำให้รู้ว่าโดนแกล้งอีกแล้ว วันนี้มันทำให้ผมเขินมากี่รอบแล้ววะเนี่ย โอย เหนื่อยจะตายอยู่แล้วที่หัวใจเต้นแรงไม่หยุดหย่อน ขยันหยอดกันมากเกินไปแล้วเว้ย!
ผมกลับออกมาอีกครั้งก็เห็นพี่จีบนอนยาวอยู่บนโซฟา เปลือกตาปิดสนิทลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้รู้ว่าเขาหลับทั้งๆที่เสียงทีวียังคงดังอยู่ ผมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหน้าโซฟาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบรีโมทที่ตั้งอยู่บนหน้าท้องแกร่งมาเปลี่ยนช่อง มือเรียวขยี้ผ้าผืนเล็กลงบนเส้นผมไปเรื่อยๆ ตากลมก็จ้องมองรายการเพลงเกาหลีอย่างเอาเป็นเอาตาย อยากเรียนภาษานี้เพราะบางครั้งพี่จีบก็ชอบพูดอะไรที่ผมฟังไม่รู้เรื่องอยู่เรื่อย ไม่รู้ด่ากันบ้างหรือเปล่า
"อือ"
เสียงครางทำให้ผมละสายตาจากรายการทีวีที่ฟังไม่รู้เรื่องมาสนใจคนที่นอนยาวเหยียดบนโซฟาแทน ดวงตาคมปรือขึ้นอย่างยากลำบากเพราะตอนนี้ผมเปิดไฟสว่างโล่ มือหนายกขึ้นขยี้ตาตัวเองเบาๆช่างเป็นภาพที่น่ารักจนผมหลุดขำออกมา อยากจะหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะมาถ่ายรูปเก็บไว้ แต่โดนเขาใช้แขนมาโอบกอดซะก่อน แถมยังขยับหน้ามาซุกลงตรงไหล่อีกด้วย กำลังอ้อนกันอยู่หรือเปล่านะ
"ทำไมไม่ปลุก จะได้ไปอาบน้ำ"
เสียงอู้อี้ดังมาจากข้างหูหลังจากนั้นรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่าลดลงมา จมูกโด่งกำลังซุกไซร้ต้นคอของผมจนรู้สึกขนลุกขึ้นมาอีกแล้ว ฮึ่ย นี่จะเอาให้ผมใจอ่อนให้ได้เลยใช่ไหมวะ!
"จะไปอาบก็ไปเลย ๆม่ใช่มาทำให้คนอื่นเขาขนลุกแบบนี้!"
ผมว่าเสียงดังก่อนจะใช้มือดันหัวพี่จีบออกไปห่างๆและขยับหนีไปไกลๆมันอีกที เขาเลิกคิ้วมองกันก่อนจะขยี้หัวตัวเองแล้วยกยิ้มมุมปากขึ้นราวกับเจอเรื่องถูกใจ
"แค่อยากพิสูจน์ว่ามึงตายด้านหรือเปล่า"
"ไอ้บ้า ก็รู้ว่าไม่ได้ตายด้าน อย่าหาเรื่องลวนลามคนอื่นแบบนี้ดิ"
ผมเบ้ปากใส่มันทั้งๆที่เขินจะตายอยู่แล้ว ใครใช้ให้มันพิสูจน์วันละหลายๆรอบแบบนี้ล่ะวะ คนนะเว้ยไม่ใช่พระอิฐพระปูน กลัวใจตัวเองจะปล้ำมันไม่รู้วันละกี่รอบ โอย อยากจะฆ่าแฟนตัวเองหมกส้วมจริงๆ
"เหรอ... ก็เห็นตอนอยู่ในรถทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร"
พี่จีบไม่พูดเปล่าแต่ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนผมผงะถอยหลังชนโต๊ะกาแฟตัวเตี้ยทันที ระยะห่างไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยด้วยซ้ำ มือทั้งสองข้างจึงเป็นเครื่องมือดันให้ผมกับเขาห่างกันออกไปเล็กน้อย ใจสั่นจะตายแล้วเว้ย
"ใครเขาจะหน้าด้านบอกล่ะว่ารู้สึก! ผมไม่ใช่พี่นะเว้ย"
ผมเผลอโวยวายออกไปจนหมดเปลือกทำให้เขาหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะแกล้งขยับหน้าเข้ามาใกล้แล้วพูดชิดริมฝีปากกัน
"ตอนนี้ยังรู้สึกไหม กูช่วยได้นะ"
"ไม่โว้ย ไปอาบน้ำไป หิวข้าว!"
ผมผลักพี่จีบออกแล้วลุกขึ้นเดินลิ่วๆหนีเข้าห้องครัวทันที ใครจะอยากให้มันช่วยล่ะ น่าอายจะตาย ฮือ ครั้งนั้นตัวจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเพราะความเขิน ถ้ามีอีกครั้งผมคงหัวใจวายตายคาที่นอนแน่ๆ ฮึ่ย
นั่งตีอกชกลมอยู่ได้ไม่นานพี่จีบก็เดินเข้ามาในห้องครัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ ยอมรับว่าเผลอสูดกลิ่นสบู่อ่อนๆที่ลอยเข้ามาแตะจมูกเข้าไปเต็มๆ ก็พี่จีบดันมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆนี่หว่า
"ทอดไข่เจียวให้กินหน่อย เดี๋ยวกูหุงข้าวเอง"
พี่จีบพูดเสียงราบเรียบทำให้ผมหันขวับไปมองเข้าอย่างไม่เชื่อหู ร้อยวันพันปีไม่เคยจะไว้ใจให้ทำอาหาร แล้ววันนี้นึกคึกอะไรขึ้นมาวะ
"พี่... คึกอะไรขึ้นมาวะ ให้ผมทอดไข่เจียวเนี่ยนะ มันจะกลายเป็นไข่ไหม้อ่ะดิ"
เขาไหวไหล่ก่อนจะลุกขึ้นไปเตรียมหุงข้าว ผมเดินเข้าไปประชิดตัวพี่จีบก่อนจะยืนจ้องอยู่แบบนั้นอย่างต้องการคำตอบ ตั้งแต่โดนสอนให้ทำอาหารมาผมเพิ่งเคยโดนพี่จีบขอร้องให้ทำเองครั้งนี้ครั้งแรกเลยนะ แอบตื่นเต้นและกลัวอยู่เหมือนกัน
"อยากกินฝีมือว่าที่ศรีภรรยาหน่อยไม่ได้เหรอไง"
ผมสะอึกกับคำนั้นทันที แก้มสองข้างร้อนวูบวาบอยากจะเถียงแต่เถียงไม่ออกได้แต่ก้มหน้างุดๆเดินไปหยิบไข่ในตู้เย็นสองฟองมาตอกใส่ถ้วย มือไม้สั่นกึกๆไม่รู้ว่าเพราะเขินหรือหงุดหงิดกับคำที่พี่จีบใช้เรียกแทนตัวผมเมื่อครู่ น้ำปลา น้ำตาลถูกใส่ลงในถ้วยแบบไม่รู้ปริมาณมากน้อยด้วยซ้ำ ถ้ากินไม่ได้อย่ามาโทษกันนะเว้ย เพราะต้นเหตุมันมาจากพี่คนเดียวเลย!
ไม่อยากจะโม้ว่าหน้าตาไข่เจียวออกมาน่ากิน แต่เรื่องรสชาติยังไม่กล้าพูดว่ามันอร่อย จานไข่เจียวถูกตั้งลงกลางโต๊ะก่อนที่ข้าวสวยร้อนๆจะตามมา ผมนั่งมองพี่จีบที่จ้องไข่เจียวตาเป็นมันก่อนจะยกนิ้วโป้งให้กันเมื่อเห็นว่ามันหน้าตาดีกว่าที่คิด
"น่ากินดี ไม่ไหม้นี่"
เขาพูดก่อนจะตักไข่เจียวใส่จานตัวเอง ดวงตาคมเหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนจะตักไข่เจียวเข้าปาก เข้าชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเคี้ยวต่อและกลืนลงคอก่อนจะคลี่ยิ้มให้โดยไม่พูดอะไรออกมา ผมที่กำลังลุ้นถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อพี่จีบยังคงกินข้าวไปเงียบๆ
ผมตักไข่เจียวมาลองกินบ้างก็พบว่ามันเค็มมากเกินไป จนเกือบคายทิ้ง แต่พี่จีบกินได้อย่างหน้าตาเฉยแถมยังดูมีความสุขอีกด้วยจนผมต้องวางช้อนของตัวเองแล้วรั้งข้อมืออีกคนให้หยุดกินสักที
"กินเข้าไปได้ไง เค็มมากเลยนะพี่"
พี่จีบช้อนตามองกันก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างจนผมเผลอกลั้นหายใจ ไม่ต้องมาจีบแอทแทคตอนนี้ได้ไหมวะ กำลังกังวงเรื่องไข่เจียวเค็มอยู่นะเว้ย
"เพราะเป็นฝีมือมึงไง รสชาติจะเป็นยังไงกูก็กินได้"
"ไอ้บ้า... อย่ามาทำซึ้งนะเว้ย"
ผมก้มหน้างุดเพราะไม่สามารถสู้สายตาหวานเยิ้มที่พี่จีบส่งมาให้กันได้ เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสอุ่นที่บนหลังมือของผม จากที่ตอนแรกจับมือเขากลายเป็นโดยจับไว้ซะเอง
"พี่พูดเรื่องจริง อะไรที่คิสตั้งใจทำให้ พี่ชอบทั้งนั้นล่ะ"
อา...ผมแพ้อีกแล้วครับ แพ้อย่างราบคาบจริงๆ ยอมแพ้ตลอดชีวิตกับคนๆนี้แล้วจริงๆ------------------------------------------------------
Q & A กับจีบ
Q : ทนกินไข่เจียวเค็มได้จริงๆน่ะเหรอ?
A : ได้สิครับ เพราะรักหรอก ไม่งั้นผมเอาไข่เจียวโปะหน้าไอ้คิสแล้ว
Q : ถ้าเราทำไขาเจียวเค็มๆให้จีบกินบ้างล่ะ?
A : ถังขยะอยู่ที่ไหนครับ !
Q : ใจร้าย ! T^T
มาอัพแล้วน้า... ไข่เจียวเค็มๆก็อร่อยได้เพราะความรัก ฮิ้วว คนอ่านอย่าเพิ่งอ้วกนะ 5555555
พี่จีบมันขยันแต๊ะอั๋งน้องจริงจังเพราะหวังผลนะเออ ไอ้เรื่องเกรดนั่นอาจจะนานเกินรอไปหน่อย -..-
อ่านให้สนุกน้า