TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄[-จบแล้ว-] Special {เสือตาคลอส}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: TIGER HEART ► หัวใจเสือ◄[-จบแล้ว-] Special {เสือตาคลอส}  (อ่าน 87017 ครั้ง)

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
ฮื้ออออ อยากอ่านตอน8 ต่อเลยยย :ling1:
หรือตัวการจะเป็นนายนพคุณ  อิจฉาไรนักหนา

ครอบครัวแบบบีเอ็มนี่ก็น่าสงสาร กลับไปไม่รู้จะโดนอะไรมั่ง เป็นเด็กดีนะลูกนะ โตขึ้นมาดูแลน้องชิปด้วย  :hao7:

ออฟไลน์ sanri

  • เวลาไม่ใช่ตัวพิสูจน์ทุกสิ่งเสมอไป
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-9
 :z3: โอ๊ยยย ค้างมากกกก ค้างอย่างแรงอ่ะ มาต่อตอนต่อไปไวๆนะเจ้าคะคนแต่งจ๋า

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เสือเก่งมาก
รับมือกับเอิ้นได้

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ชอบตอนนี้จังค่ะ สะท้อนสังคม
สนุกมาก ติดตามค่ะ

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0


ตอนที่ 8 {คนใกล้ตัว}




ใครบอกว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วโห ขี้โม้ว่ะ ไงล่ะผลของการทำดีช่วยเหลือเด็กถูกเพื่อนทำร้ายในวันนั้นทำให้เสือกลายเป็นคนว่างงานอย่างสมบูรณ์แบบแล้วในวันนี้

พอเจ้ศรีรู้เรื่องที่ผมไปทำไว้ที่โรงเรียนก็สั่งห้ามผมเฉียดไปใกล้ที่นั่นอีก ด้วยกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้หลาน

ให้ตายเถอะ อยากกลับไปเป็นคนเลว

พอว่างก็เริ่มฟุ้งซ่านครับแต่เมื่อเลยจุดนั้นมาได้ก็เริ่มโฟกัสสิ่งที่ควรจะทำได้สักที

“ไอ้สนิมนี่มันหาตัวยากเย็นจังวะ” ไอ้แชมป์ที่ยังนั่งคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์หลังจากไปส่งผู้โดยสารในซอยหันมามองผมก่อนล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

“ที่จริงไอ้สนิมไม่ได้ติดต่อยากหรอกว่ะ กูลืม ตั้งแต่ครั้งโน้นที่โทรหามันกูก็ไม่ได้โทรอีกเลย โทษทีว่ะ” ไอ้เพื่อนสมองน้อยว่าเสียงแผ่วตอนท้ายประโยค

ในใจผมนี่ร้อนรุ่มเป็นไฟ อยากลุกขึ้นไปยันมันให้หงายหลังตกมอเตอร์ไซค์ให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ไม่ทำดีกว่า บางทีเสือก็เป็นคนดี

ที่จริงก็เผื่อใจไว้เกือบครึ่งอยู่แล้วว่าสมองปลาทองอย่างไอ้แชมป์อาจจะลืมแต่จะโทษใครได้นอกจากตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นแบบนั้นแทนที่จะย้ำมันบ่อยๆ แต่กลับปล่อยปละละเลยแล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นหมด

“บังเอิญมากมึงไอ้สนิมมันอยู่แถวนี้เดี๋ยวมันแวะเข้ามา” มันบอกหลังจากเงียบไปพักหนึ่ง

ไอ้นักเสือกมืออาชีพคงมาขายงานให้กับพวกนักธุรกิจแถวนี้ล่ะมั้ง ถึงจะดูไม่มีจะกินแต่บ้านของผมก็อยู่ในชุมชนเล็กๆ กลางเมืองซึ่งท่านผู้ว่าฯ มีแผนอนุรักษ์เอาไว้ตราบนานเท่านาน

ฟังดูดี แต่ผมว่าแม่งขี้โม้ เมื่อวันก่อนยังเห็นพวกนายหน้ามาขอซื้อที่ไปทำคอนโดอยู่เลย แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน ตอนนี้ควรจดจ่อกับปัญหาตรงหน้าแล้วแก้มันซะ

ผมพยักหน้ารับคำไอ้แชมป์แล้วกลับมารอที่บ้าน

วินมอเตอร์ไซค์ไอ้แชมป์ร้อนฉิบหาย นั่งแป๊บเดียวก็รู้สึกเหมือนจะละลายให้ได้เลยหรือบางทีอากาศมันอาจจะร้อนปกติ เป็นผมต่างหากที่เคยชินกับการทำงานในห้องแอร์จึงไม่ค่อยชินกับสภาพอากาศสักเท่าไหร่

เสียงมอเตอร์ไซค์ไอ้แชมป์ดังขึ้นที่หน้าบ้านตอนบ่ายเป็นสัญญานบอกถึงการมาของนักเสือกมืออาชีพ เมื่อผมลงมาถึงข้างล่างก็พบว่าพวกมันนั่งรออยู่ในห้องรับแขกแล้ว

“ไม่ได้เจอกันนาน ท่าทางพี่ยังดูเหี้ยแบบเปิดเผยเหมือนเดิม”

เพิ่งเจอหน้ากันก็เสยหมัดเข้าปลายคางผมซะแล้ว ถ้าจะเหี้ยเต็มปากเต็มคำขนาดนี้ไม่เรียกพี่ก็ได้มึง

“มึงก็ยังปากหมาเหมือนเดิม”

“ก็คงน้อยกว่าพี่ ว่าแต่โทรหาผมนี่มีเงินจ้างผมเหรอ”

“ไม่มีหรอก” พอได้คำตอบไอ้นักเสือกก็ทำหน้าไม่พอใจ

“ผมไม่ใช่มูลนิธินะพี่ทุกนาทีของนักค้าข้อมูลมีค่า”

“ถ้ามีค่ามากก็รีบบอกข้อมูลที่กูต้องการมาแล้วรีบไสหัวไปจะนั่งแซะกูจนรากงอกเลยรึไง”

จบประโยคไอ้สนิมก็ลุกขึ้นยืน พอถามว่าลุกทำไมจะไปแล้วเหรอ มันก็ตอบแบบกวนให้บาทาลั่นว่า‘ลุกเฉยๆ กลัวรากงอก’

ถ้าไม่ติดว่าอยากได้ข้อมูลป่านนี้มันได้ลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงจริงๆ แล้ว

“มึงเลิกกวนตีนมั้ย เดี๋ยวก็ได้ตีนจริงๆ หรอก”

“เอาล่ะ ในเมื่อพี่ไม่มีเงินผมก็ให้ข้อมูลพี่เท่าที่ผมเคยเป็นหนี้พี่ล่ะนะ”

“แล้วถ้ากูอยากได้ข้อมูลทั้งหมดกูต้องจ่ายเท่าไหร่”

“รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกเพราะยังไงพี่ก็ไม่มีปัญญาจ่าย”

“ไอ้สนิม ไอ้เวร” จ้องจะดูถูกกันทุกวินาที แต่ก็ถูกของมันแหละ ผมไม่มีปัญญาจ่ายหรอก

“กิริยาพี่ยังต่ำเหมือนเดิม”ด่าแล้วก็ถอยห่างออกไปก้าวหนึ่ง “ฟังดีๆ นะช่วยกันจำเพราะผมจะไม่พูดซ้ำ”

ทุกคำพูดของมันเหมือนกรอกหูสะกดจิตให้ผมยอมรับว่าไอ้เสือแม่งโคตรโง่

“ข้อมูลที่พี่ต้องการมีคนซื้อไปแล้วแต่เห็นแก่ที่พี่เคยช่วยเหลือผมทีละเล็กทีละน้อยจนผมเป็นหนี้พี่สองพันถ้วน ผมจะบอกข้อมูลให้ก็ได้”

ลีลาเยอะอย่างกับลิเกหลงโรง ไอ้ห่ารีบบอกเถอะกูลุ้นจนเยี่ยวจะเล็ดแล้ว

“มีคนใกล้ตัวพี่เอาข้อมูลเท็จไปบอกลูกค้าเจ้าที่จะจบสัญญาสิ้นปีนี้”

“ข้อมูลอะไร”

“กำลังจะบอกนี่ไง” เห็นว่าตัวเองเป็นต่อคิดจะตวาดกูยังไงก็ได้งั้นสิ

ผมเสมองไปนอกประตู กำมือแน่นห้ามใจไม่ให้ปรี่ไปต่อยมัน ก็นะผมต้องการข้อมูลจากมันนี่หว่า

“คนใกล้ตัวพี่คนนั้นบอกว่าพี่จะย้ายไปทำงานกับเดอะเฟิร์ส แปลกใจนะที่ลูกค้าชอบทำงานกับคนหยาบกระด้างแบบพี่”

ยังไม่หยุดด่ากูอีก

“นั่นแหละคือเหตุผลที่เขาไปต่อสัญญากับเดอะเฟิร์ส ผมให้ข้อมูลได้เท่านี้ ลาก่อนอย่าได้พบเจอกันอีกเลย”

ถ้าแผ่เมตตาได้มันคงทำ

เหอะ! คิดว่าผมอยากเจอมันหรือไงถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากเจอหรอกโว้ย เจอหน้าไอ้สนิมทีไรนึกถึงเรื่องเลวระยำที่ตัวเองเคยทำไว้กับมันตอนเรียนมัธยมทุกที

บอกสั้นๆ ให้เข้าใจง่ายๆ คือมันเป็นเหยื่อในขณะที่ผมเป็นผู้ล่า กระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อนตอนที่มันตกงานก็ได้ผมนี่แหละที่คอยช่วยเหลือ เลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำ ผมไม่เคยรู้เลยว่ามันจดราคาความช่วยเหลือของผมเอาไว้ กระทั่งจับพลัดจับผลูไปเสือกจนได้ดีแล้วมันก็หายหน้าไป

“แล้วมึงบอกกูได้มั้ยใครเป็นคนซื้อข้อมูลไป”

ผมถามให้มันชะงักฝีเท้าแล้วเอี้ยวตัวมามอง

“ความลับทางการค้า”

ผมไม่สนใจแม้แต่จะมองแผ่นหลังของคนที่เดินผ่านประตูบ้านออกไป ในหัวกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องคนใกล้ตัวและคนที่ซื้อข้อมูลตัดหน้าผมไป

ไอ้เอิ้นหรือเปล่านะ

ผมต่อสายหามันทันทีเพื่อคลายความสงสัย

“ไงเสือคิดถึงเอิ้นเหรอ”

“ฝันกลางวันเหรอวะ มึงไม่ต้องชวนคุยนอกเรื่องเลยตอบคำถามกูให้ไว”

“เรื่องอะไรครับ”

“มึงซื้อข้อมูลจากไอ้สนิมตัดหน้ากูใช่มั้ย ได้ข้อมูลอะไรมาบ้างบอกให้หมดอย่าคิดจะกั๊กเชียว”

“เสือรู้จักคุณสนิมด้วยเหรอ”

“เออดิถ้าไม่รู้จักกูจะถามถึงมันได้ยังไง โง่ระดับนี้ไม่น่าเป็นผู้บริหาร”

“ปากหวาน”

“กูด่า”

“รู้ครับแต่ที่บอกว่าปากหวานน่ะหมายถึงปากเสือต่างหาก”

“ไอ้เอิ้น ไอ้ระยำไม่ต้องมาหยอดกูไม่ใช่กระปุกออมสิน มึงรีบบอกข้อมูลมาเปลืองค่าโทรฉิบหาย”

“วางสิเดี๋ยวเอิ้นโทรกลับจะได้คุยกันยาวๆ”

ผมไม่ได้ตอบรับแต่เลือกที่จะตัดสายทันที ช่วงนี้ตกงานอะไรประหยัดได้ก็ทำหมดแหละ และหลังจากนั้นไม่เกิน 20 วินาทีโทรศัพท์ในมือผมก็ดังขึ้น ไม่ต้องมองจอก็รู้ว่าใคร

“เล่ามา”

“คิดถึงเสือมากอะ มากแบบมากๆๆๆ เลย” วิญญาณสาวน้อยเข้าสิงเหรอเสียงโคตรแอ๊บแบ๊วแบบที่ภาพจินตนาการใบหน้าคนพูดชัดเจนในความคิด

“อะไรของมึง”

“ก็เสือบอกให้เล่า”

“ไอ้…” ไอ้ห่าหมดคำจะด่า ผมท่องยุบหนอพองหนอในใจผ่อนลมหายใจเข้าและออกเมื่อสงบจิตใจได้จึงว่าต่อ “กูหมายถึงเรื่องไอ้สนิม”

“อ๋อนี่เอิ้นยังติดต่อเขาไม่ได้เลยเหมือนจงใจจะไม่ขายข้อมูลให้อะ”

“มึงพูดจริงเหรอ”

“เอิ้นไม่เคยโกหกเสือเหมือนกับที่ไม่เคยโกหกหัวใจตัวเองเรื่องเสือเลยซักครั้ง”

เงียบจนได้ยินเสียงไอ้แชมป์ที่นอนอยู่บนโซฟาพลิกตัว

“ตลอดอะมึง แค่นี้แหละกูจะวางแล้ว” หน้าร้อนไปหมด

“เขินอะดิ”

“เหอะ”

“เหอะแปลว่าเขิน อ้อเสือเย็นนี้เอิ้นไม่แวะไปที่บ้านนะ”

“บอกกูทำไมไม่อยากรู้”

“กลัวเสือจะรอเก้อ”

“กูไม่เคยรอมึง”

“เสียงสั่นเชียว”

นี่ก็แซวไม่เลิกเลย ว่าแต่เสียงสั่นจริงเหรอวะ กระแอมสักทีเผื่อจะได้หายสั่นและพอผมทำอย่างนั้นเสียงหัวเราะก็ดังลอดออกมา

“เสือน่ารักจริงๆ ด้วย ไม่ต้องห่วงเอิ้นนะคืนนี้ถ้าถึงบ้านแล้วจะโทรหา”

ใครห่วงมัน

“เออๆ”

แม้จะแอบตั้งคำถามในใจแต่ผมก็รับคำแบบส่งๆ แล้วชิ่งวางสายก่อน

แอร์เสียเหรอวะ ทั้งมือชื้นเหงื่อใบหน้าก็ร้อนผ่าวเหงื่อซึมที่ไรผมด้วย ร้อนว่ะ แอร์ต้องเสียแน่ๆ เลย

“พวกมึงกลับมาสนิทกันแล้วเหรอวะ ดีจังเนอะไอ้เอิ้นแม่งโคตรเป็นคนดี”

เป็นคำถามที่ตอบยากเหมือนกัน ที่เป็นอยู่ตอนนี้เรียกว่าคืนดีกันแล้วได้หรือเปล่า ไอ้เอิ้นอาจจะให้อภัยผม แล้วผมล่ะให้อภัยตัวเองได้แล้วเหรอ

“คนใกล้ตัวที่ไอ้สนิมพูดถึงน่ะมึงพอจะคิดออกมั้ยว่าเป็นใคร”

“ไม่รู้สิ” ผมทิ้งตัวลงบนโซฟา “ไม่แน่ใจด้วยว่าคำบอกเล่าของคนที่ขายข้อมูลให้ศัตรูของกูเชื่อได้แค่ไหน”

“แต่ไอ้สนิมเป็นรุ่นน้องเรานะ”

“เป็นรุ่นน้องที่รักกูมากเลยเนอะ”

หน้าเงินขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่าบางทีอาจจะมีคนจ้างให้มันเอาข้อมูลเท็จมาบอกผมก็ได้นี่หว่า

ไม่รู้แหละ ไม่อยากคิดแล้ว พอตกบ่ายร่างกายก็ต้องการการพักผ่อนด้วยความเคยชิน ผมยื่นเท้าไปสะกิดให้ไอ้แชมป์ลุกจากโซฟาตัวยาวแล้วค่อยพาตัวเองไปนอนแทนที่

แอร์เจ้ศรีเริ่มทำความเย็นอีกครั้ง สุดยอด สบายจัง



▲ ▼▲ ▼▲ ▼



“แกจะเดินลอยไปลอยมาอาศัยของในร้านฉันประทังชีวิตไปถึงเมื่อไหร่”

คำถามของเจ้ที่ไม่ว่าจะได้ยินเมื่อไหร่ผมก็จำต้องหยุดทุกการกระทำเพื่ออธิบาย

อยากถามกลับเหมือนกันว่าถามบ่อยๆ และได้ยินคำตอบเดิมๆ ไม่เบื่อบ้างเหรอ

ผมรับไส้กรอกที่เพิ่งอุ่นเสร็จจากพนักงานของเจ้แล้วจ่ายเงิน เห็นไหมผมไม่ได้กินฟรีสักหน่อย ถ้าพกตังค์มาด้วยก็จ่ายตลอดแหละ

“เสือบอกแม่แล้วไงว่าที่ยังไม่หางานใหม่ก็เพราะรอให้ทางบริษัทพิสูจน์ความบริสุทธิ์เรียบร้อยก่อนแล้วจะรีบหางานทันที”

“ถ้าทั้งชาตินี้เขาพิสูจน์ไม่ได้ แกไม่ต้องนั่งๆ นอนๆ ให้ฉันเลี้ยงไปตลอดรึไง”

พูดซะเหมือนเสือเป็นคนพิการนั่งง่อยให้แม่ป้อนข้าวป้อนน้ำเลยว่ะ

“แม่ไม่เชื่อใจเสือเหรอ”

“แกเป็นลูกฉัน ถ้าไม่เชื่อใจลูกจะให้เชื่อใจใคร”

ผมหยุดมือที่กำลังพาไส้กรอกเข้าปากเพื่อมองหน้าแม่เต็มสองตา อยู่ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็เอ่อล้นจนเต็มหัวใจผมเรียกมันว่าความรู้สึกตื้นตัน

“เสือขอเวลาแค่ 3 เดือนแม่ ถ้าเสือพิสูจน์ตัวเองไม่ได้เสือก็จะเกาะแม่กินต่อไป”

“ไอ้ลูกเวร!”

ชิ่งสิครับรอให้ขวดบินมาฟาดกบาลเหรอ มันก็รู้สึกดีนะที่ได้รับรู้ความห่วงใยจากแม่ด้วยคำพูด

ซึ้งแต่อย่างไรก็ไม่ชินอยู่ดีก็ผมกับเจ้ศรีเป็นแม่ลูกคู่กัดนี่หว่า

ผมได้รับโทรศัพท์จากไอ้เอิ้นตอนเกือบเที่ยงคืน เสียมารยาทเนอะก่อนโทรไม่คิดบ้างเหรอว่าผมอาจจะหลับไปแล้ว แต่ผมก็นะเสือกใจง่ายรับสายมันเฉย

ระหว่างคุยกันผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนล้าในน้ำเสียง อยากรู้อยู่หรอกแต่ก็ไม่อยากถามเดี๋ยวมันเข้าข้างตัวเองหาว่าผมเป็นห่วงอีก

“มึงจะวางยังกูจะนอนแล้ว”

“เสือก็วางก่อนสิ”

“เอองั้นแค่นี้นะ”

“เดี๋ยวสิ” กำลังจะตัดสายเสียงก็ดังลอดออกมาให้แนบโทรศัพท์ไว้ที่หูตามเดิม

“อะไรอีก มึงกำลังทำให้กูพักผ่อนไม่เพียงพอนะเนี่ย”

“จะไม่บอกฝันดีหน่อยเหรอ”

“ถ้ากูบอกฝันดีแล้วมึงจะฝันดีเหรอ งั้นขอให้มึงฝันร้ายทั้งคืน แค่นี้แหละกูจะหลับจะนอน”

“ฝันดีครับ”

“กูไม่อยากฝันโว้ย” ผมตะโกนใส่โทรศัพท์แล้วจึงตัดสาย ทิ้งตัวลงบนที่นอนพยายามข่มตาลง

เชรดดด~~

เพราะคำบอกลาว่า ‘ฝันดีครับ’ ของไอ้เอิ้นที่ดังก้องในหูราวกับมันกระซิบทำให้หลับไม่ลงทั้งคืนเลย

ไอ้เอิ้นกูจะฆ่ามึง



▲ ▼▲ ▼▲ ▼



‘รับสมัครพนักงาน 1 ตำแหน่ง’

“พี่เก่งลาออกเหรอเจ้”

“มันบอกว่ากลับบ้านนอกไปทำนา”

“เสือก็อยากมีบ้านนอกให้กลับบ้างจัง”

“จ่ายเงินด้วย”

อุตส่าห์ชวนคุยเนียนๆ เพื่อจะได้กินนมฟรีซักหน่อยถูกจับได้เฉยเลย ไม่เนียนควรไปฝึกมาใหม่

“เสือไม่ได้เอาเงินลงมาแปะโป้งไว้ก่อน”

“กะจะลงมากินฟรีล่ะสิ นิสัย”

นิสัยหล่อไง แต่ก็มีคนที่หล่อกว่า เกลียดหน้ามันว่ะ

“จ่ายค่านมเสือด้วยครับ” ไอ้เอิ้นครับเสนอหน้ามาตอนสายๆ แบบนี้โดดงานมาชัวร์

รอยยิ้มหวานๆ ถูกหยิบยื่นให้ก่อนเจ้าของมันจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ เปิดขวดนมแล้วกระดกรวดเดียวจนหมด

“ไหนๆ มึงก็เลี้ยงแล้วขอกินให้อิ่มเลยได้มั้ย”

ความเกรงใจคืออะไรไม่รู้จักเลย เพียงชายคนนั้นพยักหน้าผมก็รีบปรี่ไปเปิดตู้แช่แล้วหยิบอาหารกล่องออกมายื่นให้เจ้าเอฟพนักงานคนเดียวที่เหลืออยู่แล้วจึงกลับมานั่งที่เดิมเพื่อรอ

“คนถูกพักงานสบายขนาดนี้เลยเหรอ”

“มาก” ผมลากเสียงยาวมากๆๆๆๆ

“อิจฉา”

“ไหนๆ ก็ไม่ยอมให้ออกแล้วก็ช่วยเอาเวลาเตร็ดเตร่ไร้สาระไปหาความจริงมาพิสูจน์กูด้วยครับ”

“ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ซักหน่อย อ่อเรื่องคุณสนิมดูเหมือนคนที่ซื้อข้อมูลไปจะเป็นคนจากเดอะเฟิร์สนะ”

“ไอ้เวรนั่น อย่าเอ่ยชื่อให้ได้ยินได้มั้ย แค้นว่ะ”

ติ้ง!

เสียงไมโครเวฟดังเตือนให้รู้ว่าอาหารอุ่นเสร็จแล้ว ไอ้เอิ้นลุกขึ้นยืนทันทีราวกับตั้งโปรแกรมเอาไว้จะร้องเรียกก็ไม่ทันในเมื่อมันเดินไปจนถึงเคาน์เตอร์ซะแล้ว

พอได้ของแล้วก็ไม่รีบกลับมา แวะคุยกับเจ้ทำไม ไม่ได้หวงแม่ครับ แต่ผมหิว

“หิวโว้ย”

ทั้งไอ้เอิ้นและเจ๊ศรีหันมามอง ส่ายหน้าคล้ายเอือมระอาผมแล้วก็หัวเราะคิกคัก

เข้าขากันดีเหลือเกิน

อย่า อย่าให้เสือมีพวกจะตอบแทนให้สาสม

“คุยไรกันวะ” ผมถามเมื่อกลิ่นอาหารลอยอยู่ตรงหน้า ไม่ได้อยากรู้หรอกก็แค่ถามไปตามมารยาทเท่านั้น

“สนใจเรื่องเอิ้นแปลว่าชอบเอิ้นแล้วล่ะสิ”

“ไอ้กวินเป็นไงบ้างวะไม่เห็นมันโทรมาเลย”

“หืม” คิ้วเข้มเลิกสูงเมื่ออยู่ๆ ผมก็เปลี่ยนเรื่อง

“เนี่ยกูสนใจเรื่องไอ้กวินก็หมายความว่ากูชอบมันอะดิ สมองก็มีหัดคิดวิเคราะห์บ้างนะมึง ไม่ใช่เอาแต่คิดถึงกูไปวันๆ รู้ครับว่าเสน่ห์แรงมากแต่ช่วยหักห้ามใจด้วย”

“หลง…”

“มึงว่ากูหลงตัวเองเหรอ” กล้าว่าเสือเดี๋ยวก็เบิ้ดกะโหลกซะหรอก

“ถ้าเสือจะหลงตัวเองก็ไม่แปลกหรอก ขนาดเอิ้นที่ไม่ได้เจอเสือตั้งหลายปียังหลงเสือเลย”

เลี่ยนจนอยากจะสำรอกข้าวที่เพิ่งกินเข้าไปเมื่อกี้ออกมาเลยว่ะ พอผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกคนตรงหน้าก็ยิ้มชอบใจให้เจ้ศรีที่น่าจะยืนสังเกตการณ์อยู่สักพักเข้ามาสมทบ

“บอกไปแล้วใช่มั้ยหนูเอิ้น”

บอกอะไร? ผมมองกลับส่งคำถามผ่านสายตาขณะดื่มน้ำจากขวด

“แม่อยากให้เสือหางานทำ”

“มึงจะยอมให้กูลาออกแล้วเหรอ” แทนที่จะดีใจแต่ลึกๆ กลับรู้สึกเจ็บปวดพิกล

“เปล่า” พอได้ยินแบบนั้นบวกกับน้ำเสียงอ่อนโยนผมก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา

“แล้วไง”

“ถ้าไม่ใช่งานประจำเอิ้นก็พอจะอนุญาตให้ทำได้อยู่”

“ทำไมเจ้อยากให้เสือทำงานนัก” ถ้ามีเหตุผลดีๆ ผมจะรีบปรี่ไปหางานทำเดี๋ยวนี้เลย

“แม่ไม่อยากให้แกฟุ้งซ่าน”

ยอมเลยปกติเจ๊พูดกับผมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนซะที่ไหน ไม่บ่อยหรอก

ผมมองหน้าเจ้สลับกับหน้าไอ้เอิ้นแล้วมองเลยไปข้างหลังอย่างเลื่อนลอย ทันใดนั้นสายตาก็สะดุดเข้ากับป้ายรับสมัครงานที่น่าจะเพิ่งถูกแปะตรงหน้าร้าน

ผมชี้นิ้วไปยังจุดนั้นก่อนจะวางของกินในมือลงแล้วก้าวไปกระชากป้ายออก ชูมันขึ้นสูงแล้วตะโกนถามเจ้เจ้าของร้านสะดวกซื้อ

“เงินเดือนเท่าไหร่เจ้”

“จ่ายรายชั่วโมง”

“งั้นก็ไม่นับว่าเป็นงานประจำถูกมั้ย”

ทั้งคู่พยักหน้า

“งั้นเสือสมัคร เริ่มงานพรุ่งนี้นะ ฝากตัวด้วยครับ”

ไม่เปิดโอกาสให้เจ้ศรีปฏิเสธหรอก รีบชิ่งก่อนเลย



▲ ▼▲ ▼▲ ▼



ถ้าขืนยังทำงานกับเจ้ศรีไปเรื่อยๆ แบบนี้ผมต้องตายบนกองเงินกองทองแน่ๆ เลยว่ะ

อยู่ร้านคนเดียวทำสารพัดสิ่งมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์เต็ม ถามว่าสภาพร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง ซิกแพ็คกำลังจะแปลงร่างเป็นพุงแล้วครับ ถึงจะอยู่ในฐานะลูกจ้างแต่ที่นี่ร้านแม่ผมนะเว้ย พอหิวก็เปิดตู้แช่หาของกิน เครียดก็กิน เหงาก็กิน ชีวิตดีแต่ก็มีช่วงที่ชีวิตบัดซบเหมือนกัน ก็ตอนที่เจ้จับได้ว่าแอบกินของในร้านยังไงล่ะ

“อาหารกลางวันเสร็จแล้วนะ”

นี่ไงนอกจากงานดูแลร้านแล้วยังต้องทำหน้าที่เป็นดิลิเวอร์รี่แมนส่งอาหารที่อัดแน่นด้วยความรักของเจ้ศรีถึงออฟฟิศไอ้เอิ้นอีก

“รีบไปล่ะเดี๋ยวไม่ทันเวลาพักกลางวัน อ่อแวะซื้อชาเข้าไปหนูเอิ้นด้วยจะได้ลดกาแฟลงหน่อย”

ดูแลดีกว่าลูกอีก กับผมนี่ไม่เคยแสดงความห่วงใยขนาดนี้หรอก

“คร้าบๆ”

ดูเป็นคนว่าง่ายไปอีก ที่จริงผมเคยเถียงนะ เถียงบ่อยด้วย เถียงทีก็หักเงินผมที มาคิดๆแล้วโคตรจะไร้ประโยชน์และเสียผลประโยชน์ ดังนั้นการก้มหน้าก้มตาทำไปให้มันจบๆ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วในเวลานี้

การมีเจ้ศรีเป็นเจ้านายทำให้ผมหวนคิดถึงช่วงที่ตัวเองยังทำงานอยู่เหมือนกันนะ

ทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าตอนนั้นผมเป็นหัวหน้าแบบไหน คำพูดและการกระทำของผมทำให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจจนลาออกหรือเปล่า

บางทีสาเหตุที่เราเติมพนักงานไม่เต็มพื้นที่ขายซักทีอาจจะเป็นเพราะตัวผมเองที่ไม่พยายามแก้ปัญหาให้สุดความสามารถ ลองแก้แค่วิธีเดียวเมื่อมันไม่ได้ผลก็ปล่อยผ่านไปทำให้มันกลายเป็นปัญหายืดเยื้อแก้ไม่ได้สักที

“วันนี้มีอะไรกินบ้างคะคุณเสือ”

เสียงทักดังขึ้นดั่งกิจวัตร หลายๆ คนหันมาทักทาย สถานะตอนนี้ทำให้พวกเราทักทายกันอย่างเป็นกันเองกว่าตอนทำงานด้วยกันซะอีก ยกเว้นก็แต่คนที่เคยมีศักดิ์เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาผมโดยตรง

ไอ้กวินไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับผมตรงๆ ด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยสนใจข้อมูลจากไอ้สนิมสักเท่าไหร่หรอก ไม่คิดว่าคนที่ร่วมหัวจมท้ายแก้ปัญหาด้วยกันมาจะทำร้ายกันได้ แต่พอเจอไอ้กวินที่มีพฤติกรรมแปลกๆ ผมก็ไม่สามารถมองข้ามมันไปได้จริงๆ

“ไม่กินข้าวกินปลากันเหรอออฟฟิศนี้” มองนาฬิกาก็เลยเที่ยงมานิดนึงแล้ว

“ถามอย่างกับไม่เคยทำงานที่นี่”

“ก็แหม ออกไปตั้งเดือนกว่าแล้วก็คิดว่าออฟฟิศอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง”

“เปลี่ยนสิ พอเธอไม่อยู่ สาวๆ ก็เหงาเลย” ผมยิ้มแล้วกวาดสายตามองทั่วทั้งออฟฟิศ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม จะเปลี่ยนก็แค่ความว่างเปล่าตรงที่นั่งประจำของผม

คิดถึงเหมือนกันแฮะ

“เมื่อไหร่พี่เสือจะกลับมาคะ” น้องดาวสาวสวยเพียงหนึ่งในทีมของผมถามแล้วทำหน้ายุ่งๆ เธอน่าเอ็นดูมากนะ เป็นผู้หญิงที่น่ารัก ยกเว้นเวลาทะเลาะกับแฟน

“พี่บอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องรอ พี่ไม่กลับมาแล้ว”

“แต่ดาวคิดถึงพี่เสือจริงๆ นะ ทำงานกับใครก็ไม่สบายใจเท่าพี่เสือ เนอะพี่กวิน”

คนถูกถามความเห็นมองผมเต็มตาเป็นครั้งแรก

“ผมคิดว่าผมไหวนะ พี่เสือไม่ต้องห่วงหรอก ผมเอาอยู่”

“พี่เชื่อใจเอ็ง” ตบไหล่มันปุๆ แล้วจึงมุ่งตรงไปยังจุดหมายซึ่งน่าจะกำลังหิ้วท้องรออยู่ข้างบน

“ทำไมไม่เข้ามาล่ะ มีอะไรรึเปล่า” คงเพราะผมยืนมองไอ้กวินที่หน้าห้องนานเกินไปคนเป็นเจ้าของห้องจึงเป็นฝ่ายเปิดประตูแล้วรับกล่องข้าวจากมือของผมไป

“เปล่า” ผมละสายตาแล้วก้าวตามเข้าไปโดยไม่ลืมปิดประตู

“สงสัยใครในออฟฟิศเหรอ”

“เปล่า นี่ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติมมั้ย เอามาแบ่งกันบ้างสิ”

“ทางสำนักงานใหญ่เป็นฝ่ายจัดการเรื่องนี้ ไม่มีรายงานถึงเอิ้นเลย ว่าแต่เสือเถอะได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง”

“ถ้าได้โปรเจ็คใหม่มา ใครจะเป็นคนได้ทำ กวินรึเปล่า” ผมเลี่ยงที่จะไม่ตอบโดยถามเรื่องอื่นแทน

“เสือนี่ห่วงกวินจัง ที่จริงตั้งใจว่าจะให้เสือดูแล แต่ถ้าเสือยังยืนยันที่จะลาออก เราก็คงต้องให้กวินเค้าไป เสียดายนะ ลูกค้ารายนี้อยากทำงานกับเสือ ลองกลับไปตัดสินใจใหม่มั้ย”

“ก็ได้ ถ้าอยากให้กูกลับมาทำงาน ก็รีบจัดการเรื่องของกูซะ”

“พูดจริง พูดเล่น”

“นี่เสือนะ เคยพูดเล่นด้วยเหรอ”

“มีแผนอะไรรึเปล่า”

“เปล่า พอได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศเดิมๆ แล้วอดคิดถึงไม่ได้ว่ะ ทำงานที่ไหนก็ไม่สบายใจเท่าที่นี่ กูฝากความหวังไว้ที่มึงนะเอิ้น มึงต้องช่วยกูนะ”

“ช่วยอยู่แล้ว” มือของผมถูกกุมเอาไว้แล้วบีบเบาๆ สวยตาหวานซึ้งถูกส่งมาพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาที่โน้มเข้ามาใกล้ ผมถอยห่างแต่กลับถูกมืออีกข้างรั้งท้ายทอยเอาไว้

ไม่เปิดโอกาสให้เอาตัวรอดเลยว่ะ

“มึงจะทำอะไร”

“คิดว่าจะทำอะไร คิดว่าเอิ้นจะจูบเหรอ อยากเหมือนกัน จูบได้มั้ยล่ะ”

“จูบได้” ผมบอกอย่างใจเย็นขณะที่สายตาของเราทั้งคู่ยังไม่ละจากกันและกัน “แต่ว่า...”

ผมยกยิ้มร้ายกาจแล้วจึงจับหลอดที่เสียบอยู่ที่แก้วชาเขียวยัดใส่ปากที่โน้มเข้ามาใกล้ บังคับให้มันดื่มชาให้ใจเย็นและเลิกหมกมุ่นซักที

มองใบหน้าที่แสดงความรู้สึกว่ากำลังงอนแต่ปากกลับกำลังดูดน้ำอย่างจดจ่อแล้วก็ได้แต่ขำ

จูบกับหลอดคงฟินน่าดู ใช่มั้ยเอิ้น




[- T B C -]


จริงๆ อยากอัพให้ได้สัปดาห์ละหลายตอนกว่านี้ค่ะ
แต่ไม่สามารถจริงๆ
สำหรับใครที่รอ ขอบคุณที่รอนะคะ ทุกๆ คอมเมนต์อ่านแล้วชื่นใจจริงๆ
สำหรับคนใกล้ตัว...คิดว่าหลายคนมีคำตอบอยู่ในใจแล้วล่ะ
อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่ มาลุ้นไปด้วยกัน
เคยบอกรึเปล่าว่าเรื่องนี้เป็นคอมเมดีนะคะ เพราะงั้นเราจะไม่เน้นเรื่องเครียด
จะค่อยๆ แก้ไขปัญหาไปแบบคอมเมดี้และการหยอดที่ไม่มีวันลดลงของคุณเอิ้น
เจอกันตอนหน้า
รัก
 :impress2:

ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
กวิน? กวินที่หักหลัง?

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ท่าทางจะเป็นกวิน

เอิ้นมีความสามารถในการหยอดมากกกกกก ยอมใจเลย

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
บริษัทนี้ควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่มีพนักงานที่มีอิทธิพลกับการตัดสินใจต่อสัญญาของลูกค้าขนาดนี้

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
สงสัยทำกันเป็นขบวนการ แล้วก็วินวินกันทั้งสองฝ่ายแน่เลย
ทั้งยัยเพื่อนเก่ากับกวิน เห้ออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
กวินน่าสงสัยจริงๆ

 :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0


 
ตอนที่ 9 {พี่เสือซอย 4}



“วันนี้ทำงานกะดึกเหรอ” เสียงกระดิ่งกรุ้งกริ้งที่หน้าประตูจบลงพอดีกับประโยคคำถามที่ดังขึ้น ไม่ต้องหันมองก็รู้ว่าเป็นใคร

“เรียกว่า ‘กะ’ ไม่ให้ได้พักได้ผ่อนน่าจะถูกกว่า”

ทำงานคนเดียวมาตั้งแต่เช้า ไอ้เอฟแม่งจะมีธุระอะไรนักหนาก็ไม่รู้ ไม่เห็นใจกูบ้างเลยครับ เพลียจะตายแล้ว

“อยากกินอะไรมั้ย เดี๋ยวเอิ้นเลี้ยง”

“มึงช่วยทำงานแทนกูจะดีกว่า ของีบซักแป๊บ ง่วงจะตายแล้ว” ผมถอดผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อนซึ่งเป็นสีประจำร้านส่งให้พนักงานจำเป็นแล้วทิ้งตัวลงบนเปลที่เตรียมไว้

“ก็ฟังเพลงแบบนี้ ไม่ง่วงได้ไง”

เพลงอะคลูสติกถูกเปลี่ยนเป็นเพลงร็อคหนักๆ ให้ผมผงกศีรษะขึ้นมาชี้หน้าด่า

“กูจะนอนไง เปลี่ยนกลับไปเพลงเดิมเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“เดี๋ยวเอิ้นง่วงตาม”

“อดทนสิวะ โตแล้ว”

ไม่รู้เรื่องเลยเว้ย

“วันนี้ เอิ้นเข้าไปเซ็นสัญญากับลูกค้าเจ้าใหม่แล้วนะ”

“อือ”

“ลูกค้าถามถึงเสือด้วย”

“แล้วตอบไปว่าไง”

“บอกว่าจะได้ร่วมงานกับเสือแน่นอน เขาดีใจใหญ่เลยนะ”

“งั้นเหรอ ไปรับปากกับเขาแบบนั้นทั้งๆ ที่ยังแก้ปัญหาเรื่องกูไม่ได้จะไม่เป็นไรเหรอวะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนไว้ใจเสือ”

“ไว้ใจเหรอ” อยากจะหัวเราะให้ความหล่อกระเด็นกระดอน “ถ้าพวกมึงไว้ใจกู กูคงไม่อยู่ในสภาพแบบนี้หรอก”

“เสือ...”

เสียงการมาเยือนของลูกค้าดังขึ้นขัดจังหวะพอดี

“ยินดีต้อนรับครับ”

กระทั่งบุคคลที่ 3 จากไป บทสนทนาระหว่างเราจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

“เอิ้น มึงช่วยอะไรกูอย่างนึงได้มั้ย”

“หลายๆ อย่างก็ได้”

“อย่างเดียว ช่วยกูแค่อย่างเดียวก็พอ แล้วหลังจากนี้กูจะจัดการทุกอย่างเอง”



▲▼▲▼▲▼



ข่าวเรื่องการกลับเข้าทำงานที่เดอะเอเจ้นของผมแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือของไอ้เอิ้น

“คุณเสือ วันนี้เปลี่ยนลุคเหรอคะ”

จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าบอกว่าเปลี่ยนงานน่าจะถูกต้องกว่า

เพราะงานที่ร้านมินิมาร์ทของเจ้หนักเกินไปผมก็เลยลาออก ถ้าพูดอย่างนั้นก็คล้ายกับว่าเสือกำลังโกหกให้ตัวเองดูดี แท้ที่จริงแล้ว ผมถูกเจ้ศรีเชิญออกด้วยเหตุผลที่ว่าผมทำกำไรของร้านลดลง

อะไรวะ ก็แค่แอบกินของกินในตู้แช่นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง ถึงกับทำร้านขาดทุนเชียวเหรอ เจ้ศรีก็เวอร์ไป

ถามว่าคนอย่างเสือเดือดร้อนมั้ย ก็ไม่นะ คนปรับตัวเก่งอย่างผมหางานไม่ยากหรอก พอคืนผ้ากันเปื้อนปุ๊บก็หยิบเสื้อวินมาสวมทันที

ตอนนี้ไม่ใช่เสือพนักงานร้านมินิมาร์ทแล้วนะเว้ย แต่เป็นพี่วินสุดหล่อประจำซอย 4 บอกเลยว่าฮ็อตสุดๆ

“ลืมรสกาแฟร้านพี่ไปแล้วหรือยังคะ ส่งของเสร็จแล้วแวะลงมาคุยกันก่อนนะ”

ครับ ผมมาส่งของ ถึงแม้ไม่ได้ทำงานที่ร้านแต่เจ้ร้านมินิมาร์ทก็ยังจิกหัวใช้ผมมาส่งข้าวส่งน้ำเด็กข้างบ้านสุดที่รักอยู่ดี ค่าจ้างดีกว่าวิ่งวินแถมได้กินข้าวฟรีด้วย

ผมไม่ได้รับปากคุณอลิซแต่เชื่อเถอะว่าเมื่อผมลงมาเธอต้องรั้งผมเอาไว้แน่ๆ

แอบดีใจนะ ไม่ได้ลิ้มรสกาแฟราคาแพงมานานแล้ว ระหว่างตกงานดื่มแต่กาแฟรถเข็นราคาไม่เกิน 20 บาท ถึงราคาจะถูกไปหน่อยแต่เรื่องรสชาตินี่ไม่เป็นรองใครเลยนะ

ลิฟต์พาผมขึ้นมาที่ชั้นออฟฟิศ ประตูอัตโนมัติยังทำหน้าที่ดีพอๆ กับพี่ประชาสัมพันธ์ซึ่งทำเพียงเงยหน้ามองผมเช่นเคย

แต่...

“คุณเอิ้นมีแขกค่ะ”

วันนี้ทักผมด้วยว่ะ

“ผมเอาข้าวมาส่งครับ”

“รอก่อนค่ะ เดี๋ยวพี่แจ้งคุณเอิ้นก่อน”

ผมพยักหน้าแล้วจึงนั่งลงบนเก้าอี้สำหรับผู้มาติดต่อ เมื่อได้ลองนั่งตรงนี้แล้วมองไปรอบๆ ก็ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่เหมือนกัน ตอนทำงานผมแทบจะไม่เคยนั่งตรงนี้เลยสักครั้ง เพียงเดินผ่านไปมาเท่านั้นเอง

“พี่เสือ ทำไมวันนี้แต่งตัวแปลก” น้องดาวที่เหมือนจะเพิ่งกลับเข้าออฟฟิศทักทาย เหลือบมองที่มือก็พบกับอาหารกลางวัน

“แอบลงไปซื้อข้าวอีกแล้ว”

“ขอพี่กวินแล้วเหอะ ดาวดีใจนะที่พี่เสือจะกลับมา”

“แล้วคนอื่นดีใจมั้ย”

“ดีใจสิคะ จะบอกอะไรให้” เธอก้มลงมาแล้วป้องปากกระซิบราวกับว่าสิ่งที่กำลังจะพูดนั้นเป็นความลับ “ดาวไม่ชอบทำงานกับพี่กวินเลย พอพี่เสือไม่อยู่ กร่างมากอะ ทำงานด้วยโคตรลำบาก”

“ไม่จริงมั้ง”

“ไม่รู้แหละ แต่ดาวไม่ได้โกหกแน่นอน”

“คุณเสือ เชิญข้างในได้ค่ะ” เสียงเรียบๆ ของพี่ประชาสัมพันธ์ทำให้บทสนทนาจบลงเพียงเท่านั้น ผมเดินตามน้องดาวเข้าไปข้างใน ทักทายทุกคนด้วยลุคใหม่แปลกตาแล้วจึงเดินตรงขึ้นไปยังชั้น 2

เคาะประตูเบาๆ เดี๋ยวคนข้างในจะหาว่าผมไร้มารยาท ตะโกนบอกเป็นของแถม แล้วจึงผลักประตูเข้าไป

“วันนี้...” มือที่ถือกล่องข้าวตั้งใจจะยกขึ้นโชว์ชะงักค้างกลางอากาศ เช่นเดียวกับคำพูดที่หายเข้าไปในลำคอ

ผมจ้องมองเจ้าของห้องสลับกับสาวสวยที่นั่งอยู่บนโซฟา และเป็นเธอคนนั้นที่ระบายรอยยิ้มสวยผ่ากลางความงุนงงให้ผมยิ้มกลับเก้อๆ

“คุณเสือใช่มั้ยคะ”

รู้จักผมด้วย

ไม่มีแม้แต่เวลาตั้งคำถาม ผมพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ

“ได้ยินชื่อมาตั้งนาน ยินดีที่ได้เจอนะคะ”

‘ใครวะ’ ผมหันไปทำปากพะงาบถามคนที่ทำเพียงนั่งมองเราสลับไปมา และเป็นมันที่กวักมือเรียกให้ผมเข้าไปใกล้ๆ

“มานี่สิ เดี๋ยวเอิ้นแนะนำให้รู้จัก”

ผมก้าวเข้าไปใกล้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ว่าแต่ สภาพผมตอนนี้คงดูแย่มาก เหมาะแล้วเหรอที่จะทำความรู้จักกับคนที่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบเธอคนนี้

“คุณเสือคงแปลกใจที่ลลินรู้จักคุณเสือ ลลินเป็นเพื่อนสนิทเอิ้นค่ะ เราสนิทกันมาก มากจนคุณเสือนึกไม่ถึงเลยล่ะ สนิทแบบที่ไม่มีสักเรื่องของเอิ้นที่ลลินไม่รู้ แน่นอนว่าเรื่องคุณเสือก็ด้วย”

รู้สึกเหมือนคุณลลินอะไรนี่กำลังอวดว่าตนสนิทกับไอ้เอิ้นมากกว่าใคร

แล้วไง ใครสน

“กินข้าวได้ยัง กูหิว”

ผมกระแทกกล่องข้างลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งลงบนโซฟา กระตุกเสื้อให้คนข้างๆ นั่งลง

“ไม่เชิญคุณลลินนะครับ พอดีว่าอาหารกลางวันมื้อนี้เตรียมมาแค่ 2 ที่ คุณลลินคงไม่ว่ากันเนอะ”

“ลลินกำลังจะกลับพอดีค่ะ อย่าลืมที่นัดนะ” ท้ายประโยคเธอหันไปคุยกับเพื่อนสนิท เธอกล่าวลาผมอีกครั้งแล้วจึงออกจากห้องไป

ปกติผมชอบผู้หญิงสวยนะ ถึงเธอจะไม่ใช่สเป็คแต่ผมก็ชอบ แต่สำหรับคุณลลินที่สวยหยาดเยิ้มปานนางนพมาศผมกลับรู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าเธอสักเท่าไหร่

“ลลินเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก มีหลายอย่างที่เธอยังไม่รู้เกี่ยวกับที่นี่” แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกเบื่อแล้วว่ะ

“อยากจะทำอะไรก็ทำดิ บอกกูทำไม ไม่อยากรู้”

“เอิ้นว่าเสือกำลังหึง”

“กูเนี่ยนะ หึงเหรอ ประสาท กูจะหึงมึงทำไม ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยซักหน่อย”

“จริงอะ ถ้าเอิ้นเอาเวลาไปดูแลลลินแล้วไม่มีเวลาให้เสือก็ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“อือ”

“งั้น…”

“งั้นเหี้ยไรแดกข้าว กูหิว” ว่าจบก็จ้วงข้าวเลยครับ หิวมาก ที่รู้สึกเหมือนควันออกหูนี่ก็เพราะโมโหหิวไม่ได้หึงโว้ยยยย~

เหลือบมองไอ้เอิ้นเป็นบางคราวก็เห็นว่ามันเคี้ยวข้าวไป มองหน้าผมไป ยิ้มกริ่มไป เป็นบ้าเหรอ

ความกรุ่นโกรธทำให้ผมลุกออกจากห้องทันทีหลังจากข้าวในกล่องของตัวเองหมด ได้ยินเสียงเรียกดังแว่วๆตามมาแต่ก็ไม่คิดจะหันกลับไปให้ความสนใจ

เมื่อลิฟต์มาส่งผมที่ชั้น 1 ก็เป็นดั่งคาด

คุณอลิซรั้งตัวผมเอาไว้ด้วยกาแฟรสชาติคุ้นลิ้น

“พี่เครียดมากเลยค่ะคุณเสือ” หลังจากไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบใบหน้าสดใสก็ถูกแทนที่ด้วยความกลัดกลุ้ม

“เล่าให้ผมฟังได้นะครับ”

“พี่ทำแหวนวงสำคัญหายไปน่ะสิคะ ถ้าจอห์นรู้เขาต้องโกรธพี่แน่ๆ เลย”

“บอกเขาไปตรงๆ ผมว่าคุณจอห์นน่าจะเข้าใจนะครับ ของชิ้นเล็กๆ แค่นั้นก็ต้องมีโอกาสหายอยู่แล้ว”

“แต่มันก็ไม่ควรหาย พี่ควรทำยังไงต่อไปดีคะ พี่หาทุกซอกทุกมุมของบ้านแล้วแต่ก็ไม่เจอเลย”

“ไม่ลองหาซื้อวงที่เหมือนกันมาแทนล่ะครับ คุณจอห์นไม่น่าจะจับได้”

“พี่ลองหาแล้วค่ะไม่เจอเลย คุณเสือต้องช่วยพี่นะคะ”

หาร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ราคาถูกยังจะง่ายกว่าหาซื้อแหวน

“พี่ส่งรูปให้ในไลน์นะคะ” จบประโยคเสียงเตือนข้อความเข้าก็ดังพอดี

เมื่อเปิดแอพแชทก็พบว่าไม่ใช่มีแค่คุณอลิซที่ส่งข้อความมา ผมมองข้อความของไอ้เอิ้นราว 2 วิแล้วเลิกสนใจ

กดดาวน์โหลดภาพถ่ายครู่หนึ่งภาพจึงขยายเต็มจอ

ภาพที่คุณอลิซส่งมาเป็นรูปคู่ของเธอกับคุณจอห์น บนนิ้วนางข้างซ้ายปรากฏแหวนสีเงินวงหนึ่ง

มองด้วยตาเปล่าก็ไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างจากแหวนตามท้องตลาดสักเท่าไหร่

“คุณอลิซไม่มีภาพแหวนชัดๆ กว่านี้เหรอครับ ดูแค่นี้มันค่อนข้างจะ…”

“ขอพี่ค้นรูปซักครู่นะคะ จำได้ว่าเคยถ่ายไว้”

ระหว่างที่คุณอลิซก้มหน้าก้มตาค้นรูป ผมที่ไม่รู้จะทำอะไรจึงก้มหน้าดูรูปของเธอกับแฟนเช่นกัน

ตั้งแต่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเห็นหน้าคุณจอห์น จากคำบอกเล่าผมคิดว่าเขาอายุมากแล้วเสียอีก แต่ไม่เลย ยังดูหนุ่มกว่าที่คิดเยอะ มองไปยังคุณอลิซที่ยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ ก็รับรู้ได้ถึงความสุขที่กำลังทอประกายในดวงตา

ความสุขระหว่างชายหญิงแบบที่ผมไม่เคยได้สัมผัสด้วยหัวใจ

ผมส่ายหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ตั้งใจจะกดปิดหน้าจอแล้วเก็บมือถือที่แบตเตอรี่ใกล้หมดใส่กระเป๋าไว้ตามเดิม แต่สายตาดันไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังของคนคุ้นเคยเข้าซะก่อน

ผมพยายามบอกตัวเองว่าไม่ใช่หรอก แค่คนที่มีบุคลิกคล้ายๆ คนที่มีเสื้อแบบเดียวกัน แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงเรื่องโกหกที่ผมใช้หลอกตัวเอง

ผมขอให้คุณอลิซส่งภาพถ่ายเซ็ตนี้ให้ผมทั้งหมดเพื่อย้ำว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่เพียงสิ่งที่ผมคิดไปเอง

“รูปนี้ถ่ายเมื่อไหร่เหรอครับ”

“ครั้งล่าสุดที่จอห์นกลับมาหาพี่ก็น่าจะประมาณ 3 เดือนที่แล้วนะ”

แม้แต่ช่วงเวลายังสามารถนำมาปะติดปะต่อให้เป็นเรื่องเดียวกันได้

คงไม่ใช่เพียงเรื่องเข้าใจผิดแล้วล่ะสิ

“คุณเสือจะช่วยพี่หาแหวนใช่มั้ยคะ”

“ผมจะพยายามนะครับแต่รับปากไม่ได้จริงๆ ว่าจะทำสำเร็จมั้ย ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องพวกนี้ครับ”

“แค่คุณเสือมีใจจะช่วยพี่ก็รู้สึกขอบคุณมากแล้วค่ะ”

เราล่ำลากันหลังจากนั้น

ภาพที่ไม่ว่าสลัดอย่างไรก็ไม่หลุดจากความทรงจำยังคงรบกวนใจผมอยู่อย่างนั้น

ไอ้สนิมไม่ได้โกหกผม

เป็นคนใกล้ตัวผมจริงๆ ที่หักหลังผม

ใช่คนที่ผมคิดจริงๆ



▲▼▲▼▲▼



คืนนั้นไอ้เอิ้นไม่ได้โทรหาผม แล้วไงใครแคร์

เช่นกัน ในเมื่อมันไม่ติดต่อมาผมก็ไม่คิดที่จะไปเจอหน้ามันเหมือนกัน

ผมยกหน้าที่ดิลิเวอรี่แมนให้ไอ้แชมป์ ส่วนตัวเองก็ยังคงทำหน้าที่รับส่งคนในซอยต่อไป

“ผู้หญิงสวยๆ คนนั้นแฟนไอ้เอิ้นเหรอวะ โคตรแจ่ม”

ผมละสายตาจากหน้าจอมือถือมองเสี้ยวหน้าชื้นเหงื่อของไอ้แชมป์ เกลียดแม่ง อยู่ๆ ก็อยากลุกขึ้นยันปากมันให้รู้แล้วรู้รอด

“มึงเคยเจอเธอแล้วใช่มั้ย สเป็คมันกับสเป็คมึงนี่โคตรต่างเลยเนอะ พวกมึงแม่งไม่มีอะไรคล้ายกันซักอย่าง กูโคตรสงสัยว่าพวกมึงสนิทกันได้ยังไง”

“เคยสนิท” ผมย้ำ ไม่รู้ว่าย้ำความรู้สึกตัวเองหรือย้ำให้ไอ้แชมป์เข้าใจแล้วจึงเปลี่ยนเรื่อง “เออแชมป์ พวกไอ้กั๊กว่าไงบ้าง”

“จะว่ายังไงอะไรล่ะ กูไม่ได้โทรหาพวกมันหรอก เราคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอวะเสือว่าเราจะเลิกใช้ความรุนแรง”

“ยกเว้นครั้งนี้”

“มึงรู้แล้วเหรอว่าใครทำมึง”

“คิดว่า…”

“มั่นใจกี่เปอร์เซ็น”

“มาก”

“ใช่คนที่กูคิดรึเปล่า”

“ถ้าคนที่มึงคิดคือคนเดียวกับคนที่กูสงสัยก็คงใช่คนเดียวกัน”

คนใกล้ตัวผมจะมีสักกี่คนกันล่ะ



▲▼▲▼▲▼



หายไปไม่เคยติดต่อมายังกล้าเสนอหน้ามาให้เห็นอีก

ผมแทบเลี้ยวรถกลับเข้าซอยเมื่อเห็นว่าใครนั่งยิ้มแป้นอยู่ในซุ้มวิน

“ไปส่งหน่อย”

“ไม่ใช่คิวกู”

“งั้นเอิ้นรอเสือ”

“ถ้ามึงจะแค่มากวนประสาทกูก็เชิญไสหัวไปไกลๆ”

“ไม่ได้มากวนประสาทซักหน่อย ไม่เจอกันตั้งหลายวันก็ต้องมีคิดถึงบ้าง เสือล่ะไม่คิดถึงเอิ้นบ้างเหรอ”

กล้าถาม

ผมหันไปมองมันเต็มสองตาก่อนจะชักสีหน้าเบื่อหน่ายให้รู้ว่าไม่คิดถึงมันสักวินาทีจริงๆ

“โกรธเรื่องลลินจริงๆ สินะ หึงอะดิ”

“ถึงกูจะบอกว่าไม่ มึงก็คิดว่ากูหึงอยู่ดี”

“ก็อาการเสือมันฟ้อง”

“กู…”

“ป่ะ! ไปส่งเอิ้นที่คอนโดหน่อย”

“ไอ้เสือคิวมึงแล้วไปส่งมันเหอะ มันนั่งนานเกินไปจนรัศมีความหล่อรวยของมันกลบกูมิดหมดละเซ็ง” ไอ้แชมป์ว่า แหมๆ ถึงไม่มีไอ้เอิ้น ความหล่อกูก็กลบมึงอยู่ดีป่ะ

“ใส่หมวกด้วย” ผมยื่นหมวกให้ ใจจริงอยากจะเอาหมวกฟาดหน้ามันซักที โทษฐานทำให้ผมหมั่นไส้

“แน่ะ! เป็นห่วงด้วย” จะรับหมวกไปเฉยๆ เงียบๆ ไม่ได้เลย

“เดี๋ยวตำรวจจับ กูไม่มีเงินจ่ายค่าปรับแล้วนี่รถมึงล่ะ เอาไปจอดไว้ไหน”

“จอดอยู่แถวนี้แหละ”

“รถหรูมีไม่รู้จักขับ” ผมบ่นแล้วขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์

“เอิ้นแค่อยากอุดหนุนเสือ”

“เตรียมเงินให้พอดีด้วยกูไม่ทอน”

ไอ้เอิ้นหัวเราะแล้วจึงขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์เมื่อผมสวมหมวกแล้วสตาร์ท

“นั่งดีๆ ถ้าไม่อยากตกไปตาย”

กอดเอวผมหมับราวกับรอเวลาอยู่แล้ว ถ้าเป็นสาวสวยเอาหน้าอกมาเบียดๆ เสือคงฟินอยู่หรอกแต่นี่ฟินไม่ไหวว่ะนมแบนเกิ้น

“กอดแน่นไป”

ผมเปิดกระจกเมื่อเอี้ยวตัวกลับไปบอกตอนที่เราจอดติดไฟแดง

“เอิ้นกลัวตก” จริตมารยามันนี่แม่งผู้หญิงต้องอาย

ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรไฟแดงก็เปลี่ยนเป็นไฟเขียวให้รถออกตัวซะก่อน

ใช้เวลาไม่นานเลยผมก็พามันมาส่งถึงหน้าคอนโด

“มองหน้าทำไมจ่ายเงินมาสิ”

“ขึ้นไปหาน้ำกินข้างบนก่อนมั้ยเดี๋ยวค่อยกลับ” อย่ามาล่อเสือเข้าถ้ำ บอกเลยว่าไม่มีทาง

ผมส่ายหน้าก่อนจะยื่นมือไปขอหมวกคืน

รีบคืนมาซะในขณะที่เสือยังใจเย็นอยู่

“มึงอย่ามากวนกูนะเอิ้น ถึงกูจะหน้าตาดีตลอดเวลาแต่ใช่ว่าอารมณ์กูจะดีเหมือนหนังหน้า”

“อารมณ์เสียเหรอให้เอิ้นช่วยซ่อมให้นะ แต่ว่า…” มันก้มลงมากระซิบ “ต้องไปซ่อมบนห้องเอิ้นนะ”

“ไม่จ่ายก็ไม่ต้องจ่าย กูจะถือซะว่าขี่รถมาส่งหมา”

“พูดแบบนี้เดี๋ยวก็กัดซะหรอก”

“อย่าคิดว่าแม่กูชอบมึงแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไรมึงนะ”

“เสือก็จะกัดเอิ้นเหมือนกันเหรอ ได้นะเริ่มกัดจากที่ปากก่อนเลยดีมั้ย” ว่าแล้วก็โน้มใบหน้ายื่นริมฝีปากเข้ามาใกล้ๆ ให้ผมฟาดเข้าไปเต็มฝ่ามือ

“ทะลึ่ง”

“ทะลึ่งกับเสือคนเดียวแหละ ป่ะ! ขึ้นไปกินข้าวเย็นด้วยกันก่อน เอิ้นสั่งข้าวไว้อีกไม่เกิน 10 นาทีน่าจะมาถึง”

“กูไม่กิน”

“มีแต่ของโปรดเสือทั้งนั้นเลยนะ”

“แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูชอบกินอะไร อย่ามาโม้”

“เสือชอบหรือไม่ชอบอะไรเอิ้นรู้หมดแหละ”

“งั้นเหรอ ถ้างั้นมึงก็น่าจะรู้ว่ากูไม่ชอบมึง”

“ไม่ใช่ซักหน่อย เสือกำลังจะชอบเอิ้นต่างหาก”

ให้คะแนนความมั่นใจเกิน 100 ขนาดตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ยังเกลียดมันอยู่หรือเปล่า แล้วมันล่ะเป็นใครเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน โธ่ ไอ้ขี้มโน

“แค่มองตาเสือเอิ้นก็รู้แล้ว”

“รู้ว่ากูหิวอะนะ” ผมหันไปถามตอนที่ลิฟต์ค่อยๆ พาเราไต่ขึ้นไปชั้นบน

ผมไม่ได้เต็มใจตามมันขึ้นมาหรอก เพราะเจ้ศรีนั่นแหละ เพราะเจ้บอกว่าไม่ทำกับข้าวเผื่อผมเพราะไอ้เอิ้นโทรไปบอกว่าผมจะกินข้าวเย็นกับมัน

ไอ้ขี้โกหก

ทราบเรื่องแล้วคิดว่าคนรายได้น้อยอย่างเสือจะยอมอดเหรอวะ บอกเลยว่าไม่

ถ้าจำไม่ผิดนี่เป็นครั้งที่ 3 ที่ผมมีโอกาสได้ย่างกรายเข้ามาในห้องชุดเรียบหรูบนตึกสูงแห่งนี้ แต่เชื่อเถอะว่าเป็นครั้งแรกที่ผมมีสติสัมปชัญญะพอที่จะกวาดสายตามองข้าวของต่างๆ ที่มีอยู่ไม่มากนัก ราวกับว่าเจ้าของห้องเพียงแค่มาอยู่ชั่วคราว

ความสงสัยที่กำลังเดือดอยู่ในสมองทำให้อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้

“ทำไมข้าวของในห้องมึงน้อยจัง”

“ก็เอิ้นเพิ่งย้ายมาอยู่”

“เพิ่งย้ายมาอยู่อะไร มึงมาอยู่นี่หลายเดือนแล้วเอิ้น”

“จำได้ด้วย สนใจเอิ้นแล้วล่ะสิ”

“ไหนล่ะอาหารที่สั่งเมื่อไหร่จะมา กูหิวแล้ว หิวมากด้วย”

“กินเอิ้นเป็นอาหารว่างก่อนมั้ย” ว่าแล้วก็ย่างสามขุมเข้ามาให้ผมก้าวถอยจนสะโพกชนเข้ากับพนักโซฟาให้เจ้าของห้องยกยิ้มร้ายกาจแล้วยันแขนไว้ข้างๆ สะโพกของผม

เพียงใบหน้าที่แฝงด้วยความเจ้าเล่ห์แสนกลโน้มเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจจางๆ หัวใจของผมก็ดันเต้นแรงขึ้นมา อยากจะควักมันแล้วเตะให้ปลิวไปไกลถึงดาวอังคาร

“อยากกินตรงไหนก่อนดี”

หรี่ตามองมา ผมก็หรี่ตามองกลับ มันแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ผมเองก็ทำตาม

คนถูกล้อเลียนนิ่งไปคล้ายกับคิดอะไรบางอย่างเปิดโอกาสให้ผมเป็นฝ่ายไล่ต้อนมันบ้าง

“อยากเป็นฝ่ายรุกบ้างเหรอ” ในหัวมันคงคิดแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวสินะ ไอ้จัญไรเอ้ย

“ถ้าเสืออยากแล้วเอิ้นจะให้เสือรุกเหรอ”

“แทนตัวน่ารักแบบนี้ อยากรุกเอิ้นจริงๆ ใช่มั้ย อืมมม~” ครุ่นคิดไปเถอะ เดี๋ยวมึงจะได้รู้ว่าลุกของจริงมันเป็นยังไง “ลองดูก็ได้นะ ถ้าเป็นความต้องการของเสือ แล้วไม่กินข้าวแล้วเหรอ”

“กินสิ แต่ว่า...” ผมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อกระซิบที่ข้างหู “กูขอลุกขึ้นถีบมึงก่อน”

น้ำเสียงแหบพร่าถูกเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวให้ไอ้เอิ้นเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มันยืนนิ่งมองผมที่ก้าวขึ้นไปยืนบนพนักโซฟา กระโดดขึ้นไปบนอากาศแล้วใช้ฝ่าเท้ายันเข้าที่อกมันเต็มแรงจนล้มตึง

จังหวะเดียวกันนั้น เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้น ผมมองผ่านไอ้เจ้าของห้องเพื่อตรงดิ่งไปที่ประตู

ยังไม่ทันได้เปิดกลิ่นอาหารก็ลอยมาเตะจมูกแล้ว

“เอิ้นมึงจ่ายตังค์ไปยัง”

“จ่ายแล้วครับ” เป็นคนส่งอาหารที่ตอบคำถามแทนคนที่เงียบผิดปกติ

ผมวางอาหารที่เพิ่งรับมาลงบนโต๊ะ แอบชะเง้อมองไปยังจุดเกิดเหตุก็พบว่าไอ้เอิ้นยังคงนอนอยู่ที่เดิม มันจะเจ็บอะไรขนาดนั้น แค่ถีบเองนะเว้ย

“เอิ้น ถ้ามึงไม่รีบมา กูกินหมดก่อนไม่รู้ด้วยนะ”

เงียบ

“เอิ้น กูพูดจริงนะ มึงก็รู้ว่ากูกินโคตรเก่ง และยิ่งเป็นอาหารที่กูชอบ กูกินเกลี้ยงเลยนะ ไม่แบ่งนะ”

ยังคงเงียบอยู่ เงียบจนผมรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ

แต่คนอย่างไอ้เอิ้นน่ะมารยาเยอะจะตาย บางทีมันอาจจำลังแกล้งผมอยู่ก็ได้ แล้วถ้ามันไม่ได้แกล้งล่ะ ถ้าเจ็บจริงๆ ล่ะ

ช่างแม่ง จะถูกมันหลอกก็ช่างแม่ง ค่อยเอาไว้ว่ากันวันหลัง




[- T B C -]


พี่เสือนี่เป็นได้ทุกอย่างจริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะเป็นที่รักของเอิ้น ฮิ้วววว~
และแล้วก็เจอหลักฐานชิ้นสำคัญเข้าแล้วเนอะ หลักฐานชิ้นนี้จะนำทางไปเจอคนร้ายตัวจริงหรือไม่
ไม่ต้องพึ่งโคนัน แต่เดี๋ยวพี่เสือกับคุณเอิ้นจะจัดให้
แน่นอนค่ะ ไม่ว่าจะเครียดซักแค่ไหน ความหยอดของคุณเอิ้นนั้นก็ไม่เคยลดลงเลย
เขียนเองก็หมั่นไส้เองแล้วล่ะ
ฝากติดตามความน่าหมั่นไส้ของเอิ้นไปเรื่อยๆ จนจบด้วย
รักค่ะ
แจ๊ส
 :pig4:

ปล.ที่เพจมีกิจกรรมแจกหนังสืออยู่นะคะ แวะไปร่วมสนุกกันได้
{https://www.facebook.com/PilMellow/}


ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
ฮือออ สงสารเอิ้นนน ทำไมเสือต้องรุนแรงขนาดนี้  ไม่ถีบธรรมดา นี่กระโดดถีบเลยยย

เป็นเราจะงอนจนต้องจับเสือปล้ำให้เข็ด 5555555555555555  :hao7:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ทำไมดูรูปแล้วถึงรู้ล่ะ ยังตามไม่ทัน

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
สนุกมากๆเลย รอติดตามตอนต่อไปอยู่นะคะ :katai4:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
จัดให้หนักเลยน้องเสือ

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :hao4: ทำรุนแรงขนาดนี้งัอให้เยอะหน่อยซิพี่เสือ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ใครค่อค้นร้ายนะ

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0


ตอนที่ 10 พี่เอิ้นน้องเสือ




แค่ถูกถีบถึงกับหมดสติเลยเหรอวะ

“เอิ้น”

ผมตบแก้มคนที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น สภาพแม่งเหมือนผักเหี่ยวๆ ที่ถูกทิ้ง ตบแล้วตบอีก ตบจนแก้มมันแดงเถือกแต่ไอ้เอิ้นก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมา

“เอิ้น ถ้ามึงไม่ตื่นกูกระทืบนะ”

ไม่มีทางเลยที่เพียงแค่ถูกถีบแล้วจะถึงกับหมดสติ ผมว่ามันน่ะตอแหล

ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ยกเท้าขึ้นตั้งใจจะกระทืบอย่างที่ปากว่าถ้าหากไอ้คนตอแหลไม่ลืมตาขึ้นมาทำหน้าทะเล้นซะก่อน

“โหดจัง”

“ไปกินข้าวได้แล้ว จะได้รีบกลับไปเอารถ”

“ครับๆ” ไม่ได้ว่าง่ายเพราะผมโกรธหรอก แต่เพราะมันกวนตีนต่างหาก

บรรยากาศบนโต๊ะก็เหมือนๆ เดิม ไอ้เอิ้นเป็นฝ่ายชวนผมคุยจนบางครั้งผมก็อยากจะสาดมันด้วยน้ำแกงแล้วเอามะระยัดปากมันซะให้สิ้นเรื่อง

ผีเจาะปากมาพูดหรือไง พูดมากฉิบหาย

“เอิ้น มึงพอรู้จักร้านทำแหวนที่ฝีมือดีๆ มั้ยวะ” ผมว่าเมื่อรวบช้อนไว้บนจานหลังจากส่งอาหารคำสุดท้ายเข้าปาก

“จะสั่งทำแหวนให้ใคร”

“ให้ผู้หญิง”

“ใคร” น้ำเสียงไอ้เอิ้นแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“มึงรู้จักคุณอลิซเจ้าของร้านกาแฟหนุ่มหล่อมั้ย”

“ไม่รู้” มันส่ายหน้าหนักๆ

เออ เชื่อแล้วว่าไม่รู้จริงๆ

แปลกดี ผมคิดเองมาตลอดเลยว่าทั้งตึกนี้และตึกข้างๆ คงไม่มีใครไม่รู้จักคุณอลิซที่อัธยาศัยดีราวกับนางงามมิตรภาพ และวันนี้ไอ้เอิ้นก็ทำความเชื่อของผมพังทลาย

“เสือชอบเหรอ”

“ชอบห่าอะไร เค้ามีผัวแล้ว ผัวฝรั่งด้วย”

“โล่งอกไปที แล้วเสือจะทำให้เค้าทำไม เค้ามีสามีแล้วนะ ริอาจจะเป็นชู้เหรอ โอ้ย!!”

ตบผั๊วะเข้าให้ ข้อหาปากไม่สร้างสรรค์

“ชู้อะไร พี่เค้าทำแหวนวงสำคัญที่สามีฝรั่งซื้อให้หายไป”

“ก็เลยจะทำของปลอมอย่างนั้นเหรอ”

“ฉลาดหนิ”

“โกหกไม่ดีนะเสือ”

“ถ้าโกหกแล้วมันส่งผลดีก็ไม่เห็นจะเป็นไร” เรื่องแบบนั้นผมไม่สนใจหรอก

“เป็นความคิดที่ค่อนข้างจะเห็นแก่ตัว”

หลอกด่ากันนี่หว่า แต่ก็ช่างปะไร ผมไม่แคร์อยู่แล้ว

“สรุปว่ารู้จักร้านทำแหวนมั้ย”

“เดี๋ยวเอิ้นจะลองหาข้อมูลให้ เสือ...” อยู่ๆ น้ำเสียงขี้เล่นก็เปลี่ยนเป็นจริงจังเสียจนผมปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

“อะไร ทำเสียงเครียดเชียว”

“รู้แล้วใช่มั้ยว่าคนที่ใส่ร้ายเสือเป็นใคร”

“จะหลอกถามเหรอ ขอโทษ กูไม่โง่ครับ”

“รู้แล้ว? แล้วยังจะสนับสนุนเค้าต่ออีกเหรอ” หมายความว่าไอ้เอิ้นก็รู้แล้วเหมือนกันงั้นสิ

ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องโกหกอีกต่อไป

“กูไม่รู้จะทำยังไงว่ะ มันรู้สึกแย่มากเลยนะที่คนที่เราไว้ใจกลับร้ายกับเราที่สุด กูว่ากรรมที่กูเคยทำกับมึงคงกลับมาสนองแล้วล่ะมั้ง”

“เพ้อเจ้อน่า เอิ้นไม่ยอมให้ใครทำร้ายเสือหรอก คนที่ทำร้ายเสือได้มีแต่เอิ้นคนเดียว”

“กูควรซึ้งมั้ย”

“คิดว่า”

“มึงจะไล่มันออกเหรอ”

“แล้วแต่คณะกรรมการจะพิจารณา”

“กูไม่อยากให้ประวัติน้องมันเสียเลยว่ะ มึงก็รู้ว่าถ้าถูกไล่ออก อนาคตน้องมันจะเป็นยังไง มันยากนะที่ต้องใช้ชีวิตโดยที่มีคำนั้นแปะไว้บนหน้าผาก”

“เสือเป็นคนดีจัง”

“อือ ดีจนกูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ แล้วมึงรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“อาจจะตั้งแต่เสือออกไปล่ะมั้ง จะว่ายังไงดีล่ะ เอิ้นเห็นความพยายามของกวินนะ เค้าพยายามจะเป็นเสือ ทำทุกอย่างอย่างที่เสือเคยทำ บางอย่างก็ต้องยอมรับว่าเค้าทำดีกว่าเสือด้วยซ้ำ กวินเป็นคนเก่งมากอย่างที่เสือเคยพูด เราต้องการคนเก่ง ต้องการคนทะเยอทะยานแต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องการคนที่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนร่วมงานและบริษัท”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย

ทุกคำที่ไอ้เอิ้นพูดตรงใจผมอย่างกับมันรู้ว่าผมคิดอะไร

“สิ่งที่กวินทำคือการไม่ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนร่วมงาน วันนี้เค้าหักหลังเสือ พรุ่งนี้เค้าอาจจะหักหลังบริษัท เราเชื่อใจกวินไม่ได้เลย”

“แจ้งเรื่องนี้ไปที่สำนักงานใหญ่หรือยัง”

“ยังไม่ได้แจ้ง”

“ไม่แจ้งได้มั้ย”

“เสือ”

“ไม่ว่ายังไงกูก็ไม่กลับทำงานที่นั่นอีก”

“แต่เสือบอกว่าจะกลับ”

“จะกลับแค่ชั่วคราว กูรู้ว่ากวินทำแต่มันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องนี้อาจจะมีคนอยู่เบื้องหลัง”

“เสือหมายถึงใคร”

“ไม่รู้ เพราะไม่รู้ถึงอยากจะสืบให้รู้ไง คิดดูนะเอิ้น ถ้ามึงส่งเรื่องนี้ไปสำนักงานใหญ่ เราก็จะไม่มีทางรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ต่อเวลาให้น้องมันอีกหน่อยจะเป็นไรไปวะ”

“ในแง่ของบริษัทไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องรู้ แต่เอาเถอะ เรื่องนี้มันกระทบกับเสือโดยตรงเอิ้นจะยอมให้ แต่แค่เดือนเดียวนะ เอิ้นให้ได้แค่นี้จริงๆ”

“แค่นั้นก็มากพอแล้ว”



▲▼▲▼▲▼



เงยหน้ามองโรงละครแล้วก็ได้แต่คิดว่า ‘กูสละเวลาอันมีค่ามาเพื่อทำอะไรที่นี่วะ’

ถ้าไม่เกรงใจคุณอลิซคนที่ให้บัตรชมละครเวทีมาเพราะเราช่วยทำแหวนปลอมให้เพื่อพบว่าแหวนจริงของเธอหล่นลงไปอยู่ใต้เตียงล่ะก็ผมไม่มีทางย่างกรายมาที่นี่แน่ๆ

ผมนั่งรอคนที่รับตั๋วมาโดยไม่ถามความเห็นกันสักคำอยู่ในร้านกาแฟ ภาพสะท้อนตัวเองในกระจกใสทำให้คิดได้ว่า...

นานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้แต่งตัวดีแบบนี้

เสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คสีดำรองเท้าหนังเงาวับและทรงผมที่ถูกเซ็ตจนเนี้ยบ

“เสือ วันนี้แต่งตัวดีเชียวไหนบอกไม่อยากมาดู”

“กูเป็นคนรู้จักกาลเทศะไง” มันใช่เรื่องที่จะต้องแต่งตัวแย่ๆ มาในสถานที่แบบนี้เพียงเพราะไม่เต็มใจจะมาหรือไง

ไอ้เอิ้นหัวเราะรับประโยคคำตอบของผมก่อนจะนั่งลงตรงข้าม

“เอิ้นหาข้อมูลละครเวทีเรื่องนี้มาอยากฟังมั้ย”

“ไม่ กูไม่สนใจ”

“คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้…”

อ้าวไอ้นี่ ถ้าตั้งใจจะเล่าอยู่แล้วก็ไม่ต้องมาทำเป็นถามความเห็นมั้ย

ถึงไม่อยากฟังแต่ในเมื่อไอ้คนตรงข้ามไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพูดก็เลยกลายเป็นว่าต้องฟังมันไปโดยปริยาย

ไม่รู้ว่าผมพลาดตอนสำคัญของบทสนทนาไปหรือเปล่า แต่เมื่อฟังจบผมกลับคิดว่าละครที่พยายามจะสื่อถึงเรื่องความรักกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งเลย

ต่างจาก…

“ซึ้งเนอะ เสือว่ามั้ย” เล่าเองซึ้งเอง ทำหน้าปลื้มปริ่มไม่ดูสีหน้ากูเลย

ผมส่ายหน้าด้วยความรู้สึกหน่ายใจ ก้มมองนาฬิกาแบรนด์เนมบนข้อมือของอีกฝ่ายแล้วก็พบว่าการแสดงใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

“ไปเถอะ” ผมเป็นฝ่ายเดินนำออกไปก่อน

ผมรู้ว่าสามีคุณอลิซรวยมาก ตัวเธอเองก็เป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่งแต่ก็ไม่คิดว่าบัตรที่ได้มาจะเป็นบัตรวีไอพี โซฟาที่มองด้วยสายตาก็รู้โดยไม่ต้องสัมผัสว่ามันต้องนุ่มสบายมากวางอยู่แถวหน้าสุด ความคิดที่ว่าจะแอบหลับถูกเตะออกนอกโลกไปเลย

การแสดงเริ่มขึ้นตอนที่ไฟทั้งฮอลดับลง

หัวใจของผมเต้นแรงขึ้น คงเพราะประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ตัวผมตอนนี้ถึงได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว เหมือนเด็กเลยว่ะ พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ตื่นเต้นแล้วนะ แต่ยากเหลือเกิน

หลังจากการแสดงเริ่มขึ้นผมก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวไปจนหมด

ไม่รู้ด้วยว่าไอ้คนข้างๆ จับมือผมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เหลือบมองมันแล้วจึงพยายามดึงมือออกตอนไฟทั้งฮอลสว่างขึ้นเมื่อม่านปิดลง

“ซึ้งมากเลยใช่มั้ยล่ะ” ไอ้เอิ้นมองผมด้วยสายตาล้อเลียน พลางยื่นมืออีกข้างมาตรงหน้า เกลี่ยนิ้วโป้งที่หางตา

ผมร้องไห้เหรอวะ

“ซึ้งอะไร กูหาวน้ำตาก็เลยไหล ไม่ได้ร้องไห้โว้ย” ผมปัดมือมันออกแล้วใช้หลังมือข้างที่ว่างปาดใต้ดวงตาทั้ง 2 ข้าง

“โอเค ไม่ซึ้งก็ไม่ซึ้ง ไปเกมเซ็นเตอร์กันมั้ย”

“มึงอยากเล่นเหรอ”

“อื้อ” คนอยากเล่นพยักหน้าแรงๆ ให้รู้ว่าอยากมากๆ เลยล่ะ

“ถ้ามึงอยากเล่น กูไม่ไป”

“ร้ายอะ แต่ก็รัก” หัวไหล่ภายใต้เสื้อเชิ้ตห่อลงแต่พอประโยคนั้นจบไหล่กว้างก็กลับมาผึ่งผายตามเดิม ให้ผมฟาดแรงๆ ด้วยความหมั่นไส้

“รถแข่งมั้ย ไม่ได้เล่นนานแล้ว”

“ไหนบอกถ้าเอิ้นอยากเล่นแล้วเสือจะไม่เล่นไง”

“กูอยากเล่นไง ไม่เกี่ยวกับมึงซักหน่อย และมือเนี่ยปล่อยเหอะ”

“อยากจับอะ”

“กูต่อย”

“โหดอีกแล้ว” มือของผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ที่ว่าง่ายไม่ใช่เพราะกลัวหรอกแต่มันแค่กวนประสาทผม กวนโคตรๆ เลยล่ะ

เหมือนได้ย้อนเวลากลับไปตอนเป็นเด็กไร้เดียงสาเลยว่ะ

“อ่อนว่ะ” ผมว่าไม่ได้มองหน้าคนข้างๆ ที่รถของมันกำลังเสียหลักลงข้างทางเมื่อถูกผมเบียดเบาๆ

คิดดูสิ อ่อนแค่ไหน แค่เบียดเบาๆ ก็ลงไปนอนแอ้งแม้งที่ข้างทางแล้ว

“มึงนี่ไม่พัฒนาเลยเนอะ”

“ที่จริงเอิ้นเล่นเก่งนะ”

“ขี้โม้ ถ้าเก่งก็เอาชนะกูให้ได้สิ”

“ถ้าชนะแล้วจะได้อะไร”

“ทำไมกูต้องให้ นี่ชนะมึงตั้งหลายทีแล้ว มึงยังไม่ให้อะไรกูเลย”

“แค่หัวใจเอิ้นไม่พอเหรอ”

“พอเหอะ”

“หืม ยอมรับหัวใจเอิ้นแล้วเหรอ”

“กูหมายถึงมึงเลิกหยอดกูเถอะ เลี่ยนฉิบหาย เอางี้...” ผมละสายตาจากจอเพื่อมองหน้าคนข้างๆ “ถ้ามึงชนะกูยอมเรียกมึงว่าพี่เอิ้นเลย”

“แทนตัวเองว่าเสือด้วยสิ”

“...”

“ไม่กล้า กลัวแพ้?”

“นี่เสือไง”

“เอาเป็นว่าดีลนะ”

“แน่นอน”

“เตรียมเรียกพี่เอิ้นได้เลยน้องเสือ”

“ทะลึ่งแล้ว ยังไม่ชนะไม่มีสิทธิ์เรียกเว่ย”

“ซ้อมไง เวลาเรียกจริงเสือจะได้ไม่เขิน” ไม่เคยเห็นไอ้เอิ้นมั่นใจขนาดนี้มาก่อนเลย ให้ตายเถอะ มันแกะกระดุมที่แขนเสือแล้วพับขึ้น คงกะจะขู่แต่ขอโทษนะ นี่เสือไง ไม่กลัวหรอกโว้ย

“ท่าดีนะมึง”

“หล่อไง”

เกมเริ่มขึ้นแล้ว แน่นอนว่ารถของผมวิ่งนำไปก่อน ผมใช้ความชำนาญปาดซ้ายปาดขวากันทุกทางไม่ให้มันแซงได้ และก็นั่นแหละครับท่านผู้ชม อ่อนๆ อย่างไอ้เอิ้นก็ทำได้แค่วิ่งตาม จวนจะถึงเส้นชัยอยู่แล้วมันยังตามไม่ทันผมเลย

น้องเสือเหรอ

ตลกป่ะ เอาไว้เรียกชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะไอ้น้อง

“เสือ” อีก 100 เมตรจะถึงเส้นชัย สงสัยคงเรียกเพื่อให้ผมเลิกจดจ่อกับเกมเปิดโอกาสให้มันแซงล่ะมั้ง

อ่อนชะมัด ไม่ได้ผลหรอกเว้ย

“เสือ”

ไม่หันหรอก เรียกให้ตายก็ไม่หันไปหรอกเว้ย อีก 50 เมตรจะชนะแล้ว

ตู้ม!!!

เสียงรถของผมที่เซลงข้างทางแล้วระเบิดอย่างไรล่ะ

ผมหันไปมองไอ้คนขี้โกงที่เพิ่งเอาชนะผมด้วยการขโมยจูบให้ผมตกใจแล้วตัวเองก็ขับรถเข้าเส้นชัยหน้าตาเฉย ด้วยความกรุ่นโกรธผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเมื่อคว้าคอเสื้อมัน หมัดของผมถูกเงื้อขึ้นสูง เตรียมพร้อมจะประเคนลงบนใบหน้าหล่อๆ ถ้าหาก...

“แป้บนึงนะเสือ” เสียงโทรศัพท์ช่วยชีวิตไว้แท้ๆ

ผมเสียมารยาทเหลือบมองหน้าจอซึ่งปรากฏชื่อคนโทรเข้าก็พบว่าเป็นชื่อของผู้หญิงคนนั้น

โกรธว่ะ โกรธกว่าตอนถูกโกงอีก

สาบานด้วยเกียรติของเสือว่าผมไม่ได้อยากรู้เลยว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่หูเจ้ากรรมกลับพยายามเงี่ยฟัง แต่ไม่ได้ยินหรอก เสียงเบามากจนอดคิดไม่ได้ว่าตอนอยู่ต่อหน้าคงกระซิบแบบแนบสนิททุกอณูรูขุมขน

“เข้ามาฟังใกล้ๆ มั้ย”

“ใครอยากฟัง” ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินออกจากโซนเกมเซ็นเตอร์โดยมีคนที่เพิ่งเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงวิ่งตามมา

“ลินกับเอิ้นเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ นะเสือ”

“เพื่อนสนิท”

“เพื่อนสนิท” เอิ้นทวนคำพร้อมกับพยักหน้า

“มึงเคยบอกกูแล้ว”

“ก็ย้ำให้ฟังไง ไม่อยากให้เสือเข้าใจผิด”

“เข้าใจผิดอะไร มึงอยากจะแนบชิดสนิทสนมกับเพื่อนคนไหนก็เชิญเลย ไม่เกี่ยวกับกูซักหน่อย”

“เสือเป็นเพื่อนคนเดียวที่เอิ้นอยากจะแนบชิดสนิทสนมด้วย คืนนี้เป็นไง” พูดจบแล้วก็ชวน หน้าหนาอะไรขนาดนี้วะ

ผมผ่อนลมหายใจอย่างพยายามระงับอารมณ์โกรธที่ยังกรุ่นๆ ในอกคล้ายขี้เถ้าจากกองไฟที่เพิ่งมอดดับ หากมีใครโยนเชื้อเพลิงลงมาก็พร้อมจะลุกขึ้นทุกเมื่อ

“พ่อมึงสิ กูจะกลับบ้านแล้ว”

“ให้พี่เอิ้นไปส่งนะครับ”

“มึงว่าอะไรนะ” ขาที่กำลังก้าวไปข้างหน้าชะงักกึกเมื่อได้ยินคำแทนตัวที่ไม่คุ้นเคย

“พี่เอิ้นไงน้องเสือ จำดีลของเราไม่ได้เหรอ”

“มึงโกง”

“แล้วไง ยังไงซะผลก็คือเอิ้นชนะอยู่ดี”

“แต่มึงโกง กูไม่นับ”

“แต่พี่เอิ้นชนะ”

“หน้าด้าน”

“อื้อ หน้าด้าน ขี้โกงด้วย แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ โกงแล้วทำไมอะ คนใหญ่คนโตในบ้านเมืองนี้เขาก็โกงกันทั้งนั้นแหละ คนยังนับถือเค้าเลย เพราะงั้นน้องเสือก็นับถือพี่เอิ้นซะนะครับ”

“กูไม่นับ ยังไงกูก็ไม่นับเว้ย ไอ้ขี้โกง” ผมผลักอกมันแล้วเดินฉับๆ ออกมาโดยมีเสียงเรียกไล่ตามหลังมาไม่ห่าง

“น้องเสือรอพี่เอิ้นด้วย” ร้องเป็นเด็กเลย น่าอายชะมัด

“น้องเหี้ยไร มึงหยุดเลยนะ อายคนอื่นเค้า”

“เรียกพี่เอิ้นก่อน” มันก้าวมาเดินข้างๆ พยายามสาวเท้ายาวๆ ในจังหวะเดียวกัน

“กูไม่เรียก”

“จูบนะ”

“กลัวตายล่ะ”

“คิดว่าไม่กล้าเหรอ”

“น้ำหน้าอย่างมึง...”

“ในเกมเซ็นเตอร์ก็ทำมาแล้ว และนี่ลานจอดรถ ไม่มีคนด้วย อาจจะไม่จบแค่จูบก็ได้นะ”

หมาเห่าแม่งไม่กัดหรอก ผมเชื่ออย่างนั้นและไอ้เอิ้นก็เป็นแค่หมา ริอาจจะมาต่อกรกับเสือเหรอ เร็วไป 3 ชาติ

ผมสบประมาทมันด้วยด้วยการไหวไหล่ล้อเลียน เดินเข้าไปใกล้ตั้งใจกระแทกมันด้วยไหล่แต่กลับถูกอีกฝ่ายคว้าแขนเอาไว้

“น้องเสือคิดว่าพี่เอิ้นไม่กล้าจริงๆ ใช่มั้ยครับ”

คนที่แทนตัวเองด้วยคำว่าพี่เต็มปากเต็มคำปรับน้ำเสียงให้เรียบนิ่งขึ้น

ถามว่าเริ่มกลัวไอ้พี่เอิ้นขึ้นมาบ้างหรือยัง ขอตอบแบบเต็มปากเต็มคำเลยว่า – ยัง

น่ากลัวตรงไหน เสือไม่กลัวหมาฉันใดผมก็ไม่กลัวไอ้เอิ้นฉันนั้น

“กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวพี่เอิ้นไปส่ง รถจอดอยู่ตรงโน้น” ไอ้เอิ้นชะเง้อมองไปยังที่จอดซึ่งอยู่ตรงสุดทางเดิน

ผมเดินตามมันไปเงียบๆ ลานจอดรถตอนดึกๆ นี่เงียบเกินไป เงียบจนได้ยินเสียงฝีเท้าเชียวล่ะ และเมื่อเดินมาจนถึงรถยนต์ที่จอดอยู่เสียงฝีเท้าก็เงียบลง

เจ้าของรถหันมามองหน้าผมด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจเอาซะเลย

“มองหน้าหาเรื่องรึไง” ผมแกะมือมันออกแต่จังหวะที่กำลังจะได้รับอิสระไหล่อีกข้างกลับถูกคว้าเอาไว้ แผ่นหลังของผมถูกดันให้พิงรถยนต์ วินาทีต่อมาริมฝีปากของผมก็ถูกทาบทับแผ่วเบาก่อนจะบดเบียดจนแนบสนิท

ดวงตาของผมเบิกกว้างด้วยความตกใจคล้ายกับเวลาหยุดเดินกระทั่งรู้สึกว่ามือที่สัมผัสกันอยู่นั้นกำลังเคลื่อนไหว จากที่ผมจับมือข้างนั้นด้วยความรู้สึกแข็งกระด้าง ไอ้เอิ้นกลับเปลี่ยนเป็นสอดประสานนิ้วมือเอาไว้อย่างอ่อนโยน

ผมพยายามรั้งตัวเองออก แต่ก็ถูกมืออีกข้างรั้งท้ายทอยให้รับสัมผัสที่ค่อยๆ เพิ่มระดับความแนบชิดขึ้นเรื่อยๆ

ความเปียกชื้นแตะๆ ที่เรียวปาก ก่อนที่มันจะพยายามทำให้ผมเปิดริมฝีปากด้วยการปาดเลียแผ่วเบาซ้ำๆ การกระทำคล้ายๆ หมาแต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง

อาการขัดขืนก่อนหน้าหายไปจนหมดคล้ายกับไม่เคยมี ข้อมือที่เคยขืนจนเส้นเลือดปูดโอนอ่อนลง ผมไม่รู้เลยว่ามืออีกข้างของผมไปวางอยู่บนแผ่นอกแข็งๆ ของไอ้เอิ้นตั้งแต่เมื่อไหร่

ความเปียกชื้นที่อ่อนนุ่มราวกับเนื้อหมักนมสดค่อยๆ คืบคลานเข้ามาภายในโพรงปาก กวาดไปจนทั่วราวกับว่าข้างในนี้เป็นถ้ำปริศนาที่มีอะไรมากมายให้สำรวจ เป็นการสำรวจที่ทำเอาผมเคลิ้มเสียจนแข้งขาอ่อนแรง

ผมอาจจะล้มลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างไร้ศักดิ์ศรีแน่หากไม่ถูกกอดเกี่ยวเอาไว้ให้ร่างกายเบียดชิด ไอ้เอิ้นแทรกขาข้างหนึ่งเข้ามาระหว่างขาของผมแล้วก็จงใจถูไปมาตรงนั้น

เล้าโลมขนาดนี้ผมก็รู้สึกนะเว้ย

ยอมรับว่ารู้สึกดี แต่ว่า...นี่มันลานจอดรถ

“เอิ้น...” ผมเรียกเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากเปียกชื้นแล้วมองคนตรงหน้าที่กำลังหอบหายใจ

อาการไม่ค่อยดีเลย สมน้ำหน้า ใครใช้ให้หักโหม

“ขอหายใจก่อน” มันคงเข้าใจเจตนาที่ผมเรียกมันผิดไป ไม่ได้เรียกเพราะอยากให้ทำต่อโว้ย

“หายใจห่าไร ขึ้นรถ”

“บนรถเลยเหรอ” ยังไม่หยุดคิดอีก แล้วยังมีหน้ามาทำหน้ากรุ้มกริ่ม

“กูหมายถึงกลับบ้าน”

“กลับไปทำที่บ้านอะนะ บ้านเสือหรือห้องเอิ้นดีล่ะ”

“มึงนี่หมกมุ่นเนอะ”

“หมกมุ่นอะไร เห็นๆ กันอยู่ว่าเสือก็...” ไม่พูดให้จบประโยคแต่สื่อให้ผมเข้าใจด้วยการกดสายตาลงต่ำเพื่อบอกว่าผมเองก็มีอารมณ์

ก็ยอมรับว่ามีอารมณ์ แต่ไม่ให้มันทำ ของแบบนี้ทำเองก็ได้ ทำเองมาทั้งชีวิตแล้วโว้ย ไม่อยากจะโม้

“ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดกูต่อยนะ”

“เขินทีไรใช้ความรุนแรงทุกทีเลย คราวหน้าเราหาอะไรสนุกๆ เล่นด้วยกันดีมั้ย” แน่นอนว่ามันหมายถึงเรื่องบนเตียง

ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแม่งละ หมกมุ่นกับการลากกูขึ้นเตียงเหลือเกิน

“เสือ!!” ไอ้เอิ้นเป็นฝ่ายเบิกตากว้างบ้างเมื่อผมพลิกร่างมันให้แผ่นหลังแนบชิดกับรถยนต์ ละมือข้างหนึ่งจากไหล่ลากลงต่ำไปที่สะโพก ขณะที่ยังไม่ละสายตาที่สบประสานกันสักวินาที

“อยู่ตรงไหนน๊า” ผมเปรย ไม่ได้อยากได้คำตอบเพราะไม่ได้ถาม

“หาอะไร ไม่เอาน่า เอิ้นก็ชอบแต่ว่าเรากลับไปทำที่บ้านดีมั้ย อ๊ะ!” ผมแทบกลั้นขำไว้ไม่ไหวเมื่อไอ้เอิ้นเปล่งเสียงประหลาดตอนผมจับหมับเข้าที่ก้นของมัน

ก้นแน่นมาก

ผมลูบๆ คลำๆ ให้คนถูกจับทำหน้าเคลิ้มๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาข้างหน้าแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แต่ก่อนที่จะได้ล้วงลึกมือก็ถูกรั้งเอาไว้ซะก่อน

“ไม่เอาน่าเสือ เดี๋ยวเอิ้นก็ทนไม่ไหวหรอก”

“กูก็ทนไม่ไหวแล้ว” ผมยิ้มชั่วร้ายที่มุมปากแล้วก้มลงไปกระซิบที่หู ข้อมือถูกปล่อยให้เป็นอิสระผมจึงล้วงต่ำลงไปให้ไอ้เอิ้นเคลิ้มไปกับการกระทำ

“เจอแล้ว...”

ผมหยุดทุกการกระทำแล้วดึงกุญแจรถออกมา ชูมันขึ้นตรงหน้าก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะให้ดังก้อง

“ขึ้นรถ ลีลาฉิบหาย แล้วก็นะ ถึงกูจะมีอารมณ์แต่กูก็ไม่ง่ายเว้ย นี่เสือไง เสือนะเว้ย ไม่ง่ายครับ ถ้าไม่เมา”

“เดี๋ยวก็มอมเหล้าซะเลย”

ผมเบะปากใส่ ทำหน้ายียวนกวนตีนสุดฤทธิ์ ถ้าตรงหน้าไม่ใช่ไอ้เอิ้นป่านนี่คงได้มีเรื่องกันไปแล้ว ผมและมันเปิดประตูแล้วสอดตัวเข้ามานั่งข้างในพร้อมๆ กัน

“ขับรถดีๆ”

“ดึกแล้ว”

“ดึกแล้วไง”

“ถนนโล่งไง”

“ไม่เอาน่าเสือ นี่ไม่ใช่รถเอิ้น”

“รถบริษัทไง กูรู้ครับ แต่ใครสนวะ กูจะซิ่งมีปัญหาไรป่ะ”

“เสือ...” ยังไม่สิ้นเสียงรถก็กระชากตัวออกจากซองอย่างแรง ดริฟได้ดริฟครับ เสียงไอ้เอิ้นดังขึ้นทุกครั้งเมื่อผมเข้าโค้งตรงทางลงจากลานจอดรถแบบไม่ผ่อนแรงสักนิด

ตลกดี ยิ่งเหลือบเห็นมือที่จิกเบาะแน่นก็ยิ่งสะใจ

เสือชีตาร์เป็นสัตว์บกที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก และทุกครั้งที่มีโอกาสผมก็ชอบที่จะแปลงร่างเป็นเสือชีตาร์ ตอนนี้ก็เช่นกัน

ชนกรวยตรงทางออกจากห้างนั่นดีมั้ยนะ รถบริษัทเฮงซวยนี่จะได้มีประวัติ

“เสือระวังกรวย”

“ระวังทำไมกูตั้งใจ” ตั้งใจขับรถเฉียดให้กรวยล้มไปสองสามอัน

สนุกดีว่ะ

“เสือ รถข้างหน้า”

“กูเห็น”

“จะชนเหรอ”

“ไม่ชนหรอกน่า กูแค่จะแหย่เล่น” ผมตั้งใจขับรถเข้าไปใกล้มากๆ แล้วค่อยแซงแบบไร้มารยาท พอมองผ่านกระจกก็เห็นเจ้าของรถคันเมื่อครู่ส่งนิ้วกลางให้

สนุกดี แต่เหมือนว่ามีแค่ผมที่รู้สึกแบบนั้น ไอ้เอิ้นน่ะเหรอ มองผมตาเขียวปั๊ด ถามว่ากลัวมั้ย ก็ไม่นะ ไม่สนอยู่แล้ว เรื่องสนุกแบบนี้ใช่จะมีให้เล่นบ่อยๆ ซะเมื่อไหร่

กว่าจะถึงบ้านก็ได้นิ้วกลางมาเป็นกระบุง สนุกดี สนุกกว่าละครเวทีเยอะเลยล่ะ



[- T B C -]


สำหรับเอิ้นนั้น มีความตอแหล 555
พี่คะมารยาสาไถอะไรเบอร์นี้
ตอนเขียนเราชอบตอนนี้มากเลยล่ะ ชอบตอนที่เอิ้นทำตัวเหนือกว่าเสือ
ตอนที่แทนตัวเองว่าพี่ แทนเสือว่าน้อง เขียนไปก็ขำไป

ตอนนี้ไม่มีเบาะแสอะไรเลยค่ะ ติดตามกันต่อไปเนอะ
เจอกันตอนหน้า
รักค่ะ
แจ๊ส
 :mew1:


ปล.ที่เพจมีกิจกรรมแจกหนังสืออยู่นะคะ แวะไปร่วมสนุกกันได้
{https://www.facebook.com/PilMellow/}

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
อ่านไปก็หมั่นไส้เอิ้นไป อย่าให้เอิ้นแสดงออกว่าเหนือกว่าเสือนักเลย เพราะ(ในสายตาเรา)เอิ้นเหนือกว่าเสือตลอดอยู่แล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lnudeel

  • I wanna be a CAT!!
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1466
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-5
ช่ายยย. ชอบตอนที่สิบอะ เสิอดูชนะ~ :hao7:

ออฟไลน์ XVIII.88

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
    • XVIII.88
ตอนแรกก็หมั่นไส้เอิ่น แพรวพราวเหลือเกิน มุกเนี่ย

พอหลัง ๆ หมั่นไส้เสือแทน 5555 นิสัยไม่ดี  ดื้อแบบนี้ เดี๋ยวให้พี่เอิ้นปราบเลย

//เป็นกวินที่เลื่อยขาจริง ๆ

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ตอนนี้ให้เค้าหยอด เค้าจีบกันไปก่อน เรื่องคนร้ายพักไว้แป๊บ 555

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แหม่ ๆ

ผลัดกันรุกผลัดกันรับ

ลีลาดีทั้งคู่ 5555

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
คู่นี้มันเหมาะกันดี แสบพอกัน 55555

ออฟไลน์ แจซอล

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0


ตอนที่ 11 {ผมชอบเสือครับ}




นานแล้วที่ไม่ได้ตื่นมารับอากาศเย็นสบายและความวุ่นวายยามเช้า

สัปดาห์หน้าก็จะสิ้นปีแล้ว งานที่กำลังจะจบดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี ผมไม่ได้รับโทรศัพท์จากกวินซักครั้ง  นั่นก็เป็นเครื่องการันตีแล้วว่าเจ้าตัวมีความสามารถมากพอที่จะทำทุกอย่างแทนผมได้

ถามว่าผมโกรธมั้ย โกรธนะ โกรธมากๆ เลยด้วย โกรธที่มันดูถูกความสามารถของตัวเองด้วยการใช้วิธีสกปรกกำจัดผม

ถึงผมจะรู้จักมันไม่ดีพอแต่เท่าที่ได้ทำงานร่วมกันผมสัมผัสได้ว่ากวินไม่ใช่คนเลวโดยสันดาน เพราะฉะนั้นต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ

แล้วคนนั้นคือใครกันล่ะ

นี่แหละคือโจทย์ที่ผมต้องหาคำตอบให้ได้

“พี่เสือ มาด้วยเหรอคะ”

น้องดาวเป็นคนแรกที่เข้ามาทักทายเมื่อผมเดินตรงไปยังรถบัสที่จอดรออยู่หน้าตึก

“แน่นอนสิ เดี๋ยวปีหน้าพี่ก็กลับมาทำงานละ”

“ดีใจจังเลยค่ะ” รอยยิ้มกว้างปรากฏชัดอย่างที่บอกได้เลยว่าเธอรู้สึกดีมากแค่ไหน

ผมเพียงยิ้มตอบจังหวะเดียวกับที่ไอ้ผู้จัดการในชุดกางเกงขาสั้นเสื้อยืดเดินเข้ามาหา ยื่นมือข้างหนึ่งมาตรงหน้าเพื่อขอกระเป๋า

ผมเบะปากใส่ นี่เสือครับ แมนๆ ไม่ต้องเทคแคร์ กูดูแลตัวเองได้

ไอ้เอิ้นไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระในตอนที่ผมเดินผ่านมันไปยังประตูรถที่เปิดอยู่ มันไม่ได้ตื๊ออย่างที่คาดทำเพียงเดินตามขึ้นมาบนรถเงียบๆ

ผมตกใจเลยเมื่อเพียงก้าวเข้าไปบนรถเสียงความครึกครื้นก็ดังขึ้น ทุกคนหันมาทักทายต้อนรับผมอย่างเป็นกันเอง

ซึ้งเลย ปลื้มปริ่มจนน้ำตาจะไหล

ผมหันไปทักทายพี่ปัทก่อนแล้วจึงค่อยทักทายคนอื่นๆ ไปตลอดทางเดินสู่เบาะนั่ง การกระทำเยี่ยงส.ส. ที่ได้รับการเลือกตั้ง ถ้ามีพวงมาลัยคล้องคอนี่ใช่ยิ่งกว่าใช่ซะอีก

“กูนั่งนี่ได้มั้ย” ถามไปอย่างนั้นแล้วอาศัยช่วงที่ไอ้กวินตกใจทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ

ไอ้เอิ้นยืนอยู่ข้างเบาะไม่ยอมเดินไปไหน ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองมันไม่พูดอะไรแต่อ่านจากสีหน้ามันคงกำลังบอกว่า ‘แล้วเอิ้นล่ะเสือไม่นั่งกับเอิ้นเหรอ’ อะไรประมาณนั้น

“ยืนทำไมไปหาที่นั่งดิ”

ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปชวนอดีตน้องรักคุย ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบมันสักหน่อยถึงแม้ว่าตอนนี้หน้ามันจะเหมือนคนอมทุกข์ก็ตาม

“หมอนั่นชมมึงตลอดเลย” ผมแทนชื่อไอเอิ้นด้วยการมองแผ่นผลังที่กำลังห่างออกไป

“ไม่ยักรู้แต่ก็คงไม่ถูกชมเท่าพี่เสือ”

“แน่นอนอยู่แล้วแต่พี่จะบอกอะไรให้นะวินการแข่งขันที่ส่งผลดีต่อตัวเองที่สุดคือการแข่งกับจิตใจตัวเอง”

“ครับ” ตอบผมสั้นๆ แค่นั้นแล้วก็ชิ่งหลับไปเลย

ไม่เนียน ยิ่งเห็นแบบนี้ผมก็ยิ่งมั่นใจว่าหากกวินเป็นคนทำเรื่องนี้จริงมันไม่ได้ทำคนเดียวได้แน่ๆ

รถบัสวิ่งไปเรื่อยๆ บนโทลเวย์ที่พาเราออกนอกเมือง เสียงเพลงฟังสบายๆ ขับกล่อมให้ความอ่อนเพลียแผลงฤทธิ์หนังตาเริ่มหน่วงๆ แล้วสุดท้ายมันก็ปิดลง

“พี่เสือ” ยังไม่ทันหลับสนิทเสียงแหลมสูงก็ดังขึ้นให้สะดุ้งตื่น

ใบหน้าสวยหวานของน้องดาวอยู่ใกล้ๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรผมก็ถูกลากออกไปยืนข้างหน้าซะแล้ว
เสียงปรบมือทำให้ผมตื่นเต็มตา

“อะไรกัน” ผมลูบท้ายทอยแก้เก้อเมื่อเดาสถานการณ์ไม่ถูก

“พวกเราทุกคนคิดถึงพี่เสือนะคะ” เสียงหวานดึงความสนใจให้ผมหันไปสบกับดวงตากลมโตของคนข้างๆ

“อย่างน้อยก็น่าจะมีพี่ปิ่นที่คงสบายใจเมื่อไม่มีผม”

“คุณเสือใจร้ายทำไมพูดกับพี่อย่างนั้นล่ะคะ” พี่ประชาสัมพันธ์ที่ถูกผมกล่าวถึงกระโดดลุกจากเบาะราวกับที่นั่งนั้นร้อนจัด เธอถามเสียงดังน้ำเสียงไม่ได้โกรธเคืองแต่ออกแนวตัดพ้อซะมากกว่า

“ไม่มีผมก็ไม่มีใครมาสาย พี่ปิ่นก็ไม่ต้องเก็บรายชื่อคนมาสายแล้ว และพอไม่มีผมก็ไม่มีสาวๆ ซื้อกาแฟมาฝากขยะก็ลดลง ความวุ่นวายก็ไม่มีให้ปวดหัว สบายจะตาย”

“สบายอะไรกันคะ พอคุณเสือไม่อยู่คุณอัคคีก็ฮอตขึ้นมาทันทีเลยค่ะ สาวๆ แวะเวียนเอาขนมมาฝากมากกว่าคุณเสืออีกค่ะ”

เสียงหัวเราะครืนๆ ราวกับปืนกลที่กำลังรัวใส่ร่างผมจนพรุน

เสียหน้าชะมัด และเมื่อมองไปยังไอ้คนฮอตกว่าที่มองผมอยู่ก่อนแล้วก็ได้แต่ตั้งคำถามว่ามันมีอะไรดีกว่าผมวะ

หน้าตาก็งั้นๆ รูปร่างก็…ทบทวนดูแล้วก็ใช้ได้นิดนึง หน้าท้องแน่น ขายาว ผิวขาว ยิ่งสาธยายก็ยิ่งเหมือนชมมันเลยว่ะ ฐานะเหรอไม่รู้ว่ะ อย่างน้อยๆ ด้วยตำแหน่งงานแล้วเงินเดือนที่ได้รับก็น่าจะมากกว่าผมหลายบาท

รวมๆ แล้วกูด้อยกว่าเห็นๆ

“อย่าหายไปไหนอีกนะคะ ฮอตประมาณคุณเสือกำลังดีค่ะ พี่รับมือไหวแต่ระดับคุณอัคคีนี่ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ”

เกือบจะดีแล้วเชียวถ้าไม่ย้ำว่าไอ้เอิ้นฮอตกว่าผมอะนะ

สาวๆ ตึกนี้แม่ง เสือหายหน้าไปไม่กี่เดือนนารีเป็นอื่นซะแล้ว

“มึงกลับมาก็ดีแล้วช่วงนี่ชีวิตกูขาดหนัง” พอคุณปิ่นนั่งลงไอ้วิทแผนกไอทีก็โพล่งขึ้นมาและหนังที่มันว่าก็หมายถึงหนังอย่างว่านั่นแหละ

“มึงเป็นไอทีไม่มีปัญญาโหลดเองรึไงไอ้ห่า”

“ไม่มีเพื่อนแดกเบียร์”

“กูเห็นมึงเช็คอินร้านเหล้าไม่ก็ลานเบียร์ทุกวันศุกร์อย่าตอแหล”

“ไม่มีใครแบ่งขนมกูเลย”

“ก้มดูพุงตัวเองก่อน ล้ำหน้ายิ่งกว่านมน้องมาอิแล้วครับ หุบปากเหอะไอ้ไอทีขี้กาก”

“ไม่มีใครกล้าด่ากูเหมือนพี่เสือ มามะมากอดที”

ผมเดินตรงไปยังเบาะยาวด้านหลังแล้วทิ้งตัวลงบนพุงของไอ้วิท เด้งดึ๋งอย่างกับพุดดิ้งแน่ะ

ผมไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองสำคัญกับคนอื่นมากแค่ไหน กระทั่งตอนนี้ หากถามอีกครั้งว่าข้อดีของการถูกพักงานคืออะไร นอกจากนอนได้เต็มอิ่มแล้วยังทำให้คนอื่นคิดถึงผมมากๆ ด้วย

นั่งทะเลาะกับพวกเบาะยาวกระทั่งหลับไป นี่ล่ะมั้งที่มาของสุภาษิตที่ว่าพูดจนลิงหลับ เปล่าผมไม่ใช่ลิง ผมเสือเว้ยเป็นเสือต้องหลับทีหลังคนอื่นอยู่แล้ว

ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนรถแวะปั๊มน้ำมันให้เข้าห้องน้ำ

นั่งรถนานมาก ว่าแล้วก็นึกได้ว่าลืมถามไอ้คุณอัคคีว่าเราจะไปเอาท์ติ้งที่ไหนกัน

“ไหวมั้ย” ผมละสายตาจากกระจกตรงหน้าห้องน้ำมองหน้าคนข้างๆ ที่กำลังล้างมือ

“เราจะไปไหนกันวะ”

“คนอื่นไปทะเลแต่เอิ้นจะพาเสือไปสวรรค์”

“แล้วมึงจะได้เห็นนรก” ว่าแล้วก็สะบัดมือที่มีหยดน้ำเกาะพราวใส่หน้ามันด้วยความหมั่นไส้

ไอ้เอิ้นหัวเราะ จับมือผมแล้วใช้เสื้อยืดราคาแพงเช็ดให้

ถามว่าซึ้งมั้ย – นิดนึงมั้ง

“เสือกินอะไรมั้ย”

“ฟรี?”

หัวเราะเฉยเลย ถามก็ตอบสิวะถ้าไม่ตอบผมจะติ๊ต่างว่ามันเลี้ยงแล้วนะ

“โอเคมึงเลี้ยงถ้างั้นซื้ออะไรอร่อยๆ มากระแทกปากหน่อย”

“เอาแบบที่นุ่มๆ หวานๆ ดีมั้ย”

“อะไรวะ” ผมถามไม่ได้ต้องการคำตอบแล้วจึงว่าต่อ “อะไรก็ช่างเถอะแค่กูไม่ต้องเสียตังค์ก็พอแล้ว”

“ไปซื้อด้วยกันสิ”

“ไม่เอา ขี้เกียจ”

ปฏิเสธแล้วชิ่งแม่ง ป้องกันการเหนี่ยวรั้งที่อาจจะทำให้ผมถูกมองว่าใจร้าย

จำได้ว่าไอ้เอิ้นนั่งแถวหลังๆ ลองกวาดสายตามองแล้วเห็นเสื้อคลุมมันวางอยู่จึงเดินตรงไป แต่สายตากลับสะดุดเข้ากับอดีตน้องรักของผมที่กำลังนั่งกดมือถืออย่างจริงจัง

“ไม่ลงไปเข้าห้องน้ำเหรอมึง”

“เรียบร้อยแล้วพี่” มันตอบสั้นๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวแล้วคว่ำหน้าจอมือถือลงคล้ายกับบอกเป็นนัยๆ ว่าอย่าเสือก

สงสัยผมคงจะติดนิสัยขี้เสือกมาจากไอ้เอิ้นตอนที่จูบกับมันล่ะมั้ง

แล้วทำไมต้องคิดถึงวะ

“มีแฟนเหรอวะ”

“ห๊ะ!!” มันเงยหน้ามองผมพลางอ้าปากเด๋อๆ แล้วก้มหน้ามองมือถืออีกครั้ง “เปล่าพี่ ฟงแฟนอะไร”

“ท่าทางมีพิรุธนะมึงอะ” ผมแสร้งมองด้วยสายตาจับผิดยื่นมือไปทำเหมือนจะฉกมือถือมาให้ไอ้วินรีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกง

“พี่เสือ!!” ครั้งแรกเลยมั้งที่มันกล้าชึ้นเสียงกับผม

ท่าทางของกวินทำให้มั่นใจเลยว่าโทรศัพท์มือถือนั้นคือกุญแจสำคัญในการไขข้อข้องใจนี้

“พี่ล้อเล่นน่ามึงก็รู้ว่าพี่ไม่ขี้เสือกขนาดนั้น”

ตบไหล่ไอ้กวินปุๆ ยกยิ้มเหมือนพี่ชายใจดีก่อนจะกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะคู่ที่ไอ้เอิ้นเคยนั่งคนเดียว

หยิบมือถือขึ้นมาเล่นเกมยังไม่จบไอ้คนไปช๊อปของกินก็โผล่หัวมาพร้อมกับของพะรุงพะรังให้ต้องเอ่ยถาม

“ซื้อมาทำไมเยอะแยะวะ”

“แบ่งคนอื่นๆ ด้วยไง”

“พ่อพระ” แซวมันแล้วจึงช่วยมันแจกขนมพอแจกเสร็จรถออกเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง

“เข้าไปสิ”

“หืม” ไอ้เอิ้นทำหน้างงเหมือนหมาหลงทางตอนที่ผมพยักเพยิดให้มันเข้าไปนั่งติดหน้าต่าง

“ถ้ามึงไม่ได้นั่งข้างหน้าต่างมึงจะเมารถไม่ใช่เหรอ”

“จำได้ด้วย” พอได้คำตอบก็ฉีกยิ้มจนหน้าบานแทบจะรับสัญญาณจากนอกโลกได้เชียว

“กูจำได้ทุกเรื่องที่มึงดูไม่เท่”

“ไม่เป็นไรแค่เสือจำได้เอิ้นก็ดีใจแล้ว”

ถึงผมจะพูดไม่ดีรอยยิ้มบนใบหน้าของมันก็ยังไม่หายไปอยู่ดี

“หรือมึงจะยืน”

“นั่งครับนั่ง แต่ไม่นั่งติดหน้าต่างก็ได้เอิ้นไม่เมารถแล้ว”

“แล้วแต่” ผมว่าก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งเบาะติดหน้าต่าง “ถ้าคิดว่าที่ทำเนี่ยมันดูเท่ล่ะก็บอกไว้ก่อนว่ามึงคิดผิด”

“ยังไม่ได้คิดเลยเสือแหละคิดว่าเอิ้นเท่มากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ”

ยัดเยียดความคิดให้ผมก่อนจะนั่งลงข้างๆ

“แล้วอย่าอ้วกใส่กูล่ะ”

“ถ้าอ้วกก็ไม่เท่สิ” ว่าแล้วก็ไหวไหล่ เท่ตายล่ะไอ้ขี้เก๊ก พอมีสาวๆ เอาขนมมาให้ที่ออฟฟิศหน่อยทำเป็นทำตัวเหนือชั้น โธ่ ผมนี่ 5 ปีซ้อนยังไม่โม้เลย

“มึงคิดว่าสาวๆ ชั้นไหนสวยสุดวะ”

“อะไร” ไอ้เอิ้นสายตาจากถุงร้านสะดวกซื้อ “สาวๆ อะไร”

ถามจบก็ก้มหน้าแกะซองอะไรสักอย่างเสียงดังก๊อกแก๊ก

“ก็ที่ซื้อขนมมาฝากไง”

“ไม่มีนะ” แกะซองพลาสติกสำเร็จพอดี

“ไม่มีอะไรพี่ประชาสัมพันธ์ก็บอกอยู่ว่ามี”

“เอิ้นหมายถึงไม่มีใครสวยเท่าเสืออีกแล้ว”

แก้มที่ร้อนผ่าวถูกความเย็นจากผ้าเย็นในมือไอ้เอิ้นสัมผัสแผ่วเบา

“ตาก็สวย”

ดวงตาคู่คมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายพิเศษจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของผมซึ่งมั่นใจมากกว่ามันกำลังสั่นไหว

บ้าเนอะ

“จมูกก็สวย”

ผ้าชื้นๆ แตะที่ปลายจมูก

“ปาก…” คราวนี้อวัยวะบนใบหน้าที่ถูกกล่าวถึงถูกจับจ้อง ไอ้เอิ้นเลียริมฝีปากตนเอง ให้ผมรู้สึกว่าลำคอตัวเองแห้งผาก “ก็น่าจูบ”

“ห่า”

ด่ามันสั้นๆ ก่อนจะถูกสัมผัสด้วยนิ้วโป้งของอีกฝ่าย ผมรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องคลี่ผ้าเย็นในมือออกแล้วใช้มันปิดหน้าตัวเองไว้

ฉิบหายละหัวใจหน้าร้อนเป็นไฟ

“เออ แล้วไหนขนมกู” พอสงบจิตสงบใจด้วยผ้าเย็นได้แล้วก็นึกได้ว่ามันบอกจะซื้อของกินมาเผื่อผม

เงียบเชียวนะมึง ไม่ใช่ว่าแจกคนอื่นไปหมดแล้วหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะบีบคอมันแล้วจับหัวกระแทกกระจกรถแม่งเลย

“ไอ้ที่นุ่มๆ หวานๆ อะนะ” ปั้นหน้าไม่น่าไว้ใจอีกแล้วถึงกระนั้นผมก็พยักหน้า

“จะนุ่มๆ หวานๆ หรือกรอบๆ เค็มๆ แข็งๆ ก็เอามาเถอะ”

“ถ้าจะเอาทั้งหมดนั่นเอิ้นไม่มีหรอกนะ”

“มึงนี่ลีลาชะมัดแจกคนอื่นไปหมดแล้วก็บอกไม่ต้องมาเฉไฉ”

“อันนี้ให้คนอื่นไม่ได้หรอกมันเป็นของเสือ”

“ของกูงั้นก็เอามาสิ” ผมพลิกตัวเพื่อหันไปทะเลาะกับมันจริงจังถ้าลีลาอีกคราวนี้จะฟาดหน้าด้วยหลังแหวนจริงๆ ด้วย

นั่นไงมองหน้าผมด้วยสายตาที่ทำให้รู้สึกหวิวๆ ในช่องอกอีกแล้วและก็เพิ่งสังเกตว่าไอ้เอิ้นแม่งชอบเลียริมฝีปากฉิบหาย

“ขยับเข้ามาใกล้ๆ อีกสิ”

กระดิกนิ้วเรียกขณะกดสายตาลงมองริมฝีปากผม

อ๋อเข้าใจแล้ว เสือไม่โง่ไง ไอ้ที่มันบอกว่านุ่มๆ หวานๆ นั่นทั้งยังบอกอีกว่าให้คนอื่นไม่ได้เพราะเป็นของผมคนเดียวน่าจะหมายถึงปากมันแน่ๆ เลยว่ะ

โหยไอ้คนหมกมุ่นในกามารมย์

“มึงก็ขยับเข้ามาเองสิ”

ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้ามาใกล้อย่างไม่ลังเล ผมเองก็ยื่นมือไปวางลงบนท้ายทอยของมัน ลูบไล้เมื่อความห่างค่อยๆ ขยับเข้ามาชิดจนได้กลิ่นยาสีฟันจากลมหายใจจางๆ

“รู้เหรอว่าของหวานที่เอิ้นว่ามันคืออะไร”

ผมพยักหน้า

“กินตรงนี้ไม่ได้หรอกนะ” เกลียดเสียงพร่าๆ ของแม่งฉิบหาย

“กูก็ไม่ได้จะกินซักหน่อย”

ผมคว้าหมับเข้าที่เส้นผมตรงท้ายทอย กระชากแรงๆ ให้ไอ้เอิ้นร้องเสียงดัง

“เสือ!! เอิ้นเจ็บ”

“ถูกแล้วไงกูตั้งใจทำให้มึงเจ็บ”

“เสือ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”เสียงพี่ปัทร้องห้ามดังจากที่ไหนสักแห่งให้มือที่ทึ้งหัวให้เอิ้นหยุดชะงักลง

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สายตาทุกคู่จับจ้องที่เราหากมองแบบเสือโลกสวยก็คงมองตั้งแต่ไอ้เอิ้นเริ่มร้องแรกแหกกระเชิงล่ะมั้ง

ใช่แหละต้องใช่ตอนนั้นแน่ๆ

ผมยิ้มแห้งๆ มองพี่ปัทแล้วจึงค่อยๆ ปล่อยมือ ถึงปากพี่ปัทจะไม่ได้เอิ้นเอ่ยคำหยาบคายแต่สายตาพี่แกฆ่าผมได้เลยล่ะ

“พี่เสือกับคุณอัคคีนี่สนิทกันจังเลยนะคะ”

ผมมองคนพูดที่มองหน้าพวกเราสลับกันด้วยสายตาเป็นประกายวิบวับ

“ไม่ได้สนิท”

“ถ้าแบบนี้เรียกไม่สนิทแบบพวกเราคงเรียกว่าคนไม่รู้จักแล้วล่ะค่ะ”

กูจะเกลียดอีน้องดาวก็วันนี้

“เสือไม่ค่อยอยากสนิทกับผมเท่าไหร่หรอกครับแต่ผมอยากสนิทกับเสือนะ”

“ปกติพี่เสือสนิทกับคนง่ายจะตายค่ะ” ทำเป็นรู้จักผมดีอีก ในสายตาคนอื่นผมดูเข้ากับคนง่ายขนาดนั้นเชียวหรือวะ

“งั้นเหรอครับ”

“บางทีพี่เสือก็ชอบหว่านเสน่ห์ค่ะ ใครๆ ก็ชอบพี่เสือ ตอนที่หนูเจอพี่เสือครั้งแรกยังแอบหลงเลย ติดที่มีแฟนแล้วก็เลยไม่จีบ”

“ดีแล้วที่ไม่จีบเพราะพี่ไม่อยากหักอกน้องดาว”

ผมพูดแทรกให้คนที่เพิ่งสารภาพความรู้สึกกับผมหันมาค้อนใส่

“เสือไม่หว่านเสน่ห์ผมก็ชอบเสือนะ”

ตายซะเถอะกู เล่นสารภาพว่าชอบกันท่ามกลางมวลมหาประชาชนแบบนี้เอาปืนมายิงกูเลย ยิงกูให้ตายไปเล้ย



▲▼▲▼▲▼



เห็นทีผมคงได้ไปสวรรค์กับไอ้เอิ้นจริงๆ แล้วล่ะ

“เตียงนุ่มจัง” มัดมือชกคว้ากระเป๋าของผมเข้ามาในห้องพักแล้วก็ทิ้งตัวนอนแผ่สามสลึงลงบนเตียงนอนแบบเดี่ยว

อยากจะกระโดดตามขึ้นไปกระทืบแม่งให้ไส้แตก

“แล้วมีแพลนทำอะไรกันบ้างวะ”

“พักผ่อนไง” ผงกศีรษะขึ้นมาตอบแล้วขยิบตา เท่ตายล่ะ

ผมเบะปากใส่แล้วตั้งใจเดินผ่านมันไปที่ระเบียงมองจากตรงนี้ยังเห็นทะเลลิบๆ

ที่พักของเราครั้งนี้เป็นรีสอร์ทเล็กๆ ความสูง 3 ชั้นแต่หรูมากทีเดียว พวกเราทุกคนพักที่ชั้น 3 บริเวณชั้น 2  มีสระว่ายน้ำ ที่แน่นอนว่าเมื่อมองออกไปจะเห็นทะเลอันกว้างใหญ่

ก็ดีนะกำลังอยากว่ายน้ำพอดี

ผมกลับเข้ามาในห้องรื้อกระเป๋าหากางเกงว่ายน้ำแต่…

ไม่มี!! กางเกงว่ายน้ำผมไปไหนวะ

“มีอะไรหรือเปล่า”

คงเห็นผมทำหน้ายุ่งรื้อข้าวของกระจุยกระจายไอ้เอิ้นจึงลุกขึ้นเดินเข้ามาถาม

“ไม่ได้เอากางเกงว่ายน้ำมาว่ะ”

“ยืมของเอิ้นมั้ย” ว่าแล้วก็ลากกระเป๋าเดินทางมาเปิดไม่ต้องรื้อให้ยุ่งยากก็ได้กางเกงว่ายน้ำมาส่งให้ผมคลี่ดู

“ตัวเล็กจังวะ” ผมว่าแล้วกดตาลงให้ตรงกับตำแหน่งกลางลำตัว “ลืมไปว่าของมึงเล็ก”

“เล็กหรือเปล่าไม่รู้แต่ที่รู้ๆ…” ไอ้เอิ้นโน้มลำตัวเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเสียงแผ่ว “ของเอิ้นก็เคยทำให้เสือมีความความสุขมาแล้ว”

“กูไม่ได้มีความสุข” ผมผลักอกมันแรงๆ แต่แทนที่จะโกรธแต่แม่งกลับหัวเราะชอบใจ

“แต่เสียงเสือคืนนั้นมันบอกเอิ้นว่าเสือมีความสุข”

หน้าร้อนไปหมดแล้วห่าเสือ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเถียงด้วย คืนนั้นกูเมาไงแล้วอีกอย่างช่วงนั้นงานยุ่งจนเวลาจะนอนยังไม่มีก็เลย ไม่มีเวลายุ่งกับส่วนนั้นเลยด้วย ผู้ชายอะพอไม่ได้ทำนานๆ มันก็อึดอัดป่ะวะแล้วพอมีคนมาปรนเปรอให้มันก็ยากที่จะห้ามใจ

ร้อนฉิบหาย ร้อนไปทั้งตัวทั้งหน้า ร้อนแบบนี่ต้องไปว่ายน้ำ

คิดได้ดังนั้นผมจึงพรวดพราดลุกขึ้นถอดเสื้อยืดออกจากตัว กำลังจะปลดกางเกงแต่เสียงหยอกเอินของไอ้เอิ้นก็เรียกใให้ผมหยุดทุกการกระทำ

“นี่เสือจะยั่วเอิ้นรึเปล่า”

“ยั่วห่าไรกูจะเปลี่ยนชุด”

“ตรงนี้อะนะ”

“แล้วมึงจะทำไม”

“อยากพิสูจน์ให้เสือเห็นว่าของเอิ้นไม่เล็ก”

“ไม่ต้องพิสูจน์หรอกดูกางเกงว่ายน้ำก็รู้แล้วว่ามึงน่ะเล็ก”

“ขี้ยั่วแล้วยังท้าทายอีกนะเราอะ”

ที่จริงผมเกิดก่อนไอ้เอิ้นนะถึงจะแค่วันเดียวแต่ผมก็อายุมากกว่าป่ะแล้วมันยังมีหน้ามาพูดเหมือนเอ็นดูผม

นี่พี่เสือครับอยากให้จำใส่ใจเอาไว้สักนิด

ผมเลือกที่จะไม่สนใจมันแล้วหันหลังปลดกางเกงถึงจะบอกว่ากางเกงว่ายน้ำมันเล็กแต่ผมดันใส่ได้พอดี

ผมไม่เล็กนะโว้ยกางเกงมันยืดได้ต่างหาก

“ใส่ได้ด้วย งั้นของเสือก็เล็กเหมือนกันน่ะสิ” เป็นไอ้คนพูดที่เดินอ้อมมาจ้องของผมตาเป็นมันลูบคาง ประหนึ่งกำลังพิจารณาสินค้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้ม

“ไม่เล็กโว้ย” ผมตะโกนใส่หน้าแม่งแล้วจึงคว้าเสื้อคลุมมาสวม

แอร์เสียรึเปล่าวะร้อนฉิบหาย

“ที่จริงของเสือก็ไม่เล็กหรอกแต่น่ารักมากๆ เลย”

สายตาวิบวับที่กดต่ำลงไปจ้องลูกชายผมทำให้ตัวผมร้อนเป็นไฟถึงแม้ว่าจะมีทั้งกางเกงว่ายน้ำและชุดคลุมปิดเอาไว้แต่ไอ้เอิ้นแม่งจ้องอย่างกับผมกำลังแก้ผ้าแน่ะ

โว้ย!! ร้อนร่างกายต้องการน้ำ



▲▼▲▼▲▼



คิดว่ามีแต่ผมที่ร่างกายต้องการน้ำ เมื่อลงมาถึงสระกลับพบกับสาวๆ ที่นั่งถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินที่ริมสระ

“พี่เสือถ่ายรูปกันค่ะ” ผมยิ้มให้ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา

ยืนนิ่งๆ เก๊กหล่อเมื่อเข้าร่วมเฟรม

“ถอดเสือคลุมออกด้วยสิคะ”

“ไม่ล่ะ โป๊”

“โป๊อะไรกันคะ ไม่โป๊หรอก ถอดเถอะค่ะ ถอดนะ” ตอนแรกก็มีแต่น้องดาวครับที่คะยั้นคะยอแต่ท้ายๆ ประโยคนี่มาทั้งกลุ่ม งุ้งงิ้งอย่างกับเสียงยุง

“แฟร์ๆ นะพี่ถอดพวกเราก็ถอด”

“พี่เสือทะลึ่ง ถอดอะไรกัน โป๊”

“อ้าว เมื่อกี้ยังบอกพี่เลยว่าไม่โป๊”

“มันไม่เหมือนกันนี่คะ พวกหนูมีหน้าอกแต่พี่เสือไม่มี”

“ผู้ชายก็มีหน้าอกครับเพียงแค่มันไม่นูนเด่นออกมาเท่านั้นเอง”

“นั่นแหละค่ะมันแบนไงถึงบอกว่าไม่โป๊”

“งั้นเหรอครับถ้าน้องดาวถอดก็คงไม่โป๊หรอกมั้งเนอะ”

ผมยักคิ้วกวนให้เจ้าของชื่อแล้วรีบถอดเสื้อคลุมชิ่งลงสระก่อนเจ้าตัวจะคิดได้

ไม่นานเลยที่เสียงก่นด่าจะดังตามมา

บางทีผมก็คิดนะว่าน้องดาวควรจะยอมรับความจริงได้แล้วแบนก็ยอมรับว่าแบนดิวะ



▲▼▲▼▲▼



ผมดำผุดดำว่ายในสระน้ำที่ปราศจากผู้คน

ฟินเฟร่อ

น้ำเย็นๆ ในสระนี้นอกจากทำให้ร่างกายรู้สึกดีแล้วมันยังทำให้ใจผมเย็นลงมาก ความรู้สึกคล้ายกับตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งกับน้ำแหวกว่ายเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ

ผมไม่สนใจสิ่งรอบตัวด้วยซ้ำไม่รู้ด้วยว่าน้องดาวหยุดผรุสวาทคำร้ายกาจไปตั้งแต่เมื่อไหร่

กระทั่ง…

“คุณเอิ้น” ชื่อนั้นทำให้ผมหยุดแล้วหันมองชั่ววินาทีแต่ก็ยังบังเอิญสบตาราวกับคนที่เพิ่งมาใหม่จับจ้องผมอยู่ตลอดเวลา

เบื่อว่ะ มองอยู่ได้ รู้หรอกว่ามันหลงผมมากแต่หักห้ามใจบ้างก็ดี

“คุณเอิ้นถ่ายรูปกันค่ะ”

ไม่ต้องทำเป็นยิ้มละไม สาวๆ พวกนั้นก็ชวนทุกคนแหละมึงไม่ได้พิเศษ

“ไม่ดีกว่าครับผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูป”

“แหมมาเที่ยวทั้งที” เสียงสาวๆ บ่นอย่างแสนเสียดาย “หรือว่ากลัวใครเข้าใจผิดคะ” อีน้องดาว

“ไม่มีใครเข้าใจผิดหรอกครับ ใช่มั้ยเสือ”

เกี่ยวอะไรกับผม ร้องถามผมทำไม แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมหยุดว่ายน้ำแล้วมองดูการสนทนาริมสระ

“คุณเอิ้นกับพี่เสือนี่สนิทกันจังนะคะ”

ไอ้เอิ้นละสายตาจากผมที่ไม่ยอมตอบคำถามมันหันไปมองน้องดาวที่ย้ำจังว่าเราสองคนสนิทกัน บอกว่าไม่สนิทไงต้องให้บอกอีกซักกี่ครั้งว่ากูไม่สนิท

“ผมชอบเสือครับ”

กรี๊ด!

แล้วสาวๆ ครับพวกคุณจะกรี๊ดทำหอกอะไร มดกัดซอกขาหนีบเหรอ

ห่าตัวแช่อยู่ในน้ำแต่ทำไมหน้ากูร้อน ดำน้ำแม่ง

เชี่ย! ผีจับหัว

ดำน้ำอยู่ดีๆ ก็มีมือใครสักคนมาจับที่ศีรษะ ผมเตะขาป่ายมือไปทั่วพยายามพาร่างขึ้นเหนือน้ำ

จะตายในสระว่ายน้ำความลึก 1.5 เมตรไม่ได้นะ เสียชื่อเสือหมด

ฮึบ!

ผมพุ่งขึ้นเหนือน้ำ ผละห่างออกไปกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด

แม่ง! ไอ้เอิ้น

“มึงจะฆ่ากูรึไง”

“แค่จับหัวเอง”

“แค่จับหัวอะไรก็เห็นๆ อยู่ว่ามึงจับกูกดน้ำ”

“เอิ้นชอบเสือขนาดนี้เอิ้นจะทำแบบนั้นทำไม”

“มึงโกรธที่กูไม่ชอบมึงตอบไง”

“แน่ใจเหรอว่าไม่ชอบ”

“เออ” ตอบมันห้วนๆ แล้วว่ายน้ำห่างออกมาแต่ไอ้คนขี้ตื๊อก็ว่ายตาม

อยากแข่งใช่มั้ย ได้อยู่แล้ว อยู่บนบกผมเป็นเสือแต่รู้มั้ยว่าเมื่อลงน้ำผมแปลงร่างเป็นฉลามได้นะ

หมับ!

ฉลามถูกขี่หลังว่ะและตัวไอ้เอิ้นก็ไม่ใช่เบาๆ ริมฝีปากของผมเริ่มจมลงไปในน้ำต้องพยายามฝืนตัวเองไว้แล้วพยายามสะบัดมันให้หลุด

“มึงจะเอาไง จะจับกูกดน้ำให้ได้เลยใช่มั้ย”

“เอิ้นอยากผายปอด” กูจะจมน้ำตายเพราะฝีมือมึงอยู่แล้วยังมีหน้ามาตอบหน้าระรื่น

ลองถูกจับกดน้ำบ้างมั้ย

ผายปงผายปอดอะไรไม่ต่อยให้ก็บุญหัวมึงละ

“ขำมากมั้ยแต่กูไม่ขำ ลงไป”

ผมสะบัดแต่มันยิ่งเกาะผมแน่นแล้วก้มลงมากระซิบที่หู

“ที่จริงเอิ้นอยากจับเสือกดลงบนเตียงมากกว่าอีก” แค่พูดจาลวนลามก็โกรธแล้วนะ ขบเม้มใบหูด้วยนี่คิดว่าจะยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้มั้ย

บอกเลยว่าได้แต่ต้องถูกเสือตีก่อน

อาจเพราะความโมโหที่กำลังพุ่งปรี้ดผมจึงสามารถสะบัดให้เอิ้นออกจากหลังได้ง่ายๆ

ตู้ม!

เสียงวัตถุน้ำหนักราว 60 กว่าๆ กระแทกกับผิวน้ำ ผมไม่ให้โอกาสมันตั้งตัวรีบกระโจนเข้าไปคว้าคอแลัวจับแม่งกดน้ำซะ

ให้มันรู้ซึ้งถึงความทรมานที่ผมได้รับก่อนหน้านี้ซะบ้าง

“เสือ เอิ้นหายไม่ออก”

“ดี”

“จะตายแล้ว”

“ตายไปเลย”

“แล้วจะไม่เสียใจเหรอ”

เสียใจเหรอ ถ้ากูเสียใจก็คงไม่จับมึงกดน้ำหรอก

ผมมองหน้าไอ้เอิ้นตอนที่ดึงมันขึ้นจากผิวน้ำ ยิ้มเหี้ยมแบบเสือร้ายแล้วกดมันให้ดำดิ่งลงใต้ผิวน้ำอีกครั้ง

จังหวะที่กำลังวุ่นวายเสียงสาวๆ ที่จับกลุ่มกันรัวชัตเตอร์แบบมาราธอนก็ดังเข้าหู

“พี่เสือกับคุณเอิ้นเขาสนิทกันจังเลยเนอะ”

อีน้องดาวครับจะฆ่ากันตายอยู่แล้วยังมองว่าพวกกูสนิทกันอีกเหรอต้องโลกสวยขนาดไหน

‘ดาวไม่เข้าใจเสือ กูไม่สนิทกันโว้ย ไม่สนิท เข้าใจไหมดาว’


[- T B C -]


ทศกัณฐ์หยอดขนมครก บางคนอาจจะบอกว่าไม่เหมาะสม
แต่คุณเอิ้นหยอดคุณเสือมันดีต่อใจจริงๆ ค่ะ มีใครเลี่ยนแล้วหรือยังคะ
อย่าเพิ่งเลี่ยนค่ะ หวานกันยาวๆ ไป เพราะตอนหน้าจะพากวินมาแล้ว
มาคอยดูกันว่าเรื่องกวินที่จริงแล้วจะใช่เขาหรือเปล่าที่เป็นคนใส่ร้ายพี่เสือ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ เราอ่านนะ อ่านทั้งหมดเลย
ฝากติดตามกันต่อไปด้วย
รัก
แจ๊ส

 :hao5:

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ชอบค่ะ หยอดกันเยอะ ๆ เลย

ออฟไลน์ mirage

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
น่ารักอ่าาาา
ติดตามค่ะ

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
รออ่านมุมกวินนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด