- ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว  (อ่าน 175273 ครั้ง)

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #210 เมื่อ27-10-2016 19:28:45 »

อิอิ พามาโชว์ตัวอะดิ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #211 เมื่อ27-10-2016 19:55:16 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #212 เมื่อ27-10-2016 20:00:22 »

เหวยยยยยย ทีเซอร์ไพร์เพื่อนได้สนุกมาก 555
ว่าแต่พาร์พอทีลองให้โอกาส ออกตัวแรงเลยนะ แต่ถ้าฟังจากที่ทีคุยกับคุณหมอ ทีก็เหมือนจะเล็งพาร์ไว้แล้วนิ แค่จะดูท่าทีให้แน่ใจแค่นั้นเอง เพราะปกติคนเราถ้าไม่คิดว่าจะจริงจัง คงไม่พาไปรู้จักเพื่อนสนิทแน่ๆ งานนี้พาร์ตกหลุมที รึ ทีหนีไม่พ้นพาร์กันแน่ 555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #213 เมื่อ27-10-2016 20:21:23 »

พาร์ น่ารัก ชอบ ขี้หวง ขี้หึง รักทีไปแล้ว
แล้วเรื่องกำไล พาร์ ใส่รายละเอียด
แสดงความเป็นเจ้าของกันแน่เลย
คนในครอบครัวอยู่ฝ่ายพาร์หมดเลย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คนนึงชอบทำขนม อีกคนทำกับข้าว สมดุลเลย
พอเข้าคอนโดเพื่อนที ออร่าทะมึนของพาร์คงหาย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #214 เมื่อ27-10-2016 20:43:39 »

คุณหมาป่าตัวนี้นี่เชื่องกับทีดีจังเลยนะเนี่ย~ น่ารักจริงๆเลย อยากจิได้มาเลี้ยงไว้ที่บ้านสักตัวจัง //โดนทีตบ
ตอนหน้าก็ได้เวลาเปิดตัวคุณหมาป่าดำกับเดอะห์แก๊งของทีแล้วสินะ อยากรู้จริงๆเลยทีจะโดนแกล้งยังไงบ้าง

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #215 เมื่อ27-10-2016 20:59:46 »

เปิดตัวสินะ
...... คิคิคิ

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #216 เมื่อ27-10-2016 22:08:48 »

ที พา ... สามี...มาเปิดตัว....ฮิ้ว.........

ออฟไลน์ ShadeoftheMoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #217 เมื่อ27-10-2016 22:54:17 »

เดนตัวปัญหาจริงๆ ด้วย หวังว่าคงไม่กลับมาสร้างปัญหาให้ทีอีกหรอกนะ เพื่อนนิสัยอย่างนี้เลิกคบเถอะ....
พาร์ที เคมีเขาเข้ากั๊นเข้ากันล่ะ ตอนหน้าเปิดตัวเพื่อนเขย งานนี้สนุกแน่

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #218 เมื่อ28-10-2016 20:54:22 »

สนุกกกกก  :-[

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #219 เมื่อ30-10-2016 11:20:49 »

กริ๊ดดดดดดด

น้องพาร์รุกเร็ว ป้าชอบบบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
« ตอบ #219 เมื่อ: 30-10-2016 11:20:49 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #220 เมื่อ30-10-2016 14:29:29 »

พาร์ขี้หึงขี้หวงสุดๆ
ชอบที่พี่พีทแกล้งอ่ะ

เอามาเปิดตัวกะเพื่อนๆละ

ออฟไลน์ askmes

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #221 เมื่อ30-10-2016 15:23:27 »

รอติดตามมม

ออฟไลน์ dilokrittisak

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - ชลนที - [บทที่24] P.7 (27/10/2016)
«ตอบ #222 เมื่อ30-10-2016 15:48:24 »

ฮันน่ะ !
เปิดตัวสามี :o8:

ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #223 เมื่อ30-10-2016 20:33:30 »

บทที่ 25

“อยากรู้จัก?…อ้อ รองเดือนนิติคนนั้น!”

พาร์โดนเพื่อนตัวเล็กสุดในกลุ่มชี้นิ้วใส่หน้า

“หยุดๆ อย่าพึ่งถาม” ผมรีบปรามก่อนเพื่อนจะอ้าปากอีกรอบ ไม่รู้หรอกว่าจะถามหรือจะแซว “รอครบองค์ประชุมค่อยว่ากัน”

“อีกตั้งนาน!”

ไวไวทำท่าเหมือนจะลงแดง แต่ผมไม่สน “ถ้าไม่ช่วยหิ้วของก็หลีกทาง อย่ายืนเกะกะขวางหน้าประตู”

พอโดนเตือนสติ เพื่อนทั้งสามก็รีบไปช่วยพาร์หิ้ว ก่อนพากันเดินเข้ามาข้างใน

เลยช่วงทางเข้าที่มีตู้รองเท้า ก็เป็นพื้นยกระดับทั้งกว้างทั้งโล่ง ถ้าสงสัยว่าทำไมไม่มีเฟอร์นิเจอร์เลย (ยกเว้นโทรทัศน์ติดผนังจอใหญ่ กับพวกภาพทิวทัศน์ติดผนังสวยๆ) เพราะพวกผมชอบมารบกวนที่นี่ตั้งแต่เจ้าของห้องย้ายเข้ามาอยู่ตอนม.5 ดังนั้นมันเลยยกพื้นที่ด้านนอกให้พวกผม แลกกับห้ามเข้าไปยุ่งในห้องนอนกับห้องทำงานเด็ดขาด พวกผมก็โอเค กินนอนเล่นอ่านหนังสือกันอยู่แถวนี้แหละ ทำความสะอาดง่ายดี

ทางด้านขวาเป็นโซนครัวครับ ลึกเข้าไปด้านในสุดเป็นห้องนอนกับห้องทำงาน (เห็นเจ้าของห้องบอกว่ามีประตูเชื่อมติดกัน ห้องทำงานเลยไม่มีประตูเข้าออกจากด้านนอก) ส่วนห้องน้ำมีห้องเดียว (ใช้อาบน้ำด้วย) อยู่ระหว่างโซนครัวกับห้องทำงาน

“ต่อไปไหน?”

“ไม่รู้ มันมาดักรอถึงหน้าคณะ โยนกุญแจห้องให้กูเสร็จก็หายหัวไปเลย ทิ้งกูยืนอึ้งท่ามกลางสายตาแปลกๆ ของชาวสถาปัตย์”

คนพูดชื่อ ‘เทม’ มาจากเทมพลาร์ พ้องกับชื่อจริงของมัน นายอัศวินนั่นแหละ คนตั้งชื่อให้คือมารดาของมันที่คลั่งอัศวินสุดเท่ทางยุโรป คนนี้อยู่สถาปัตย์ครับ สาวๆ ให้คำนิยามสั้นๆ ว่าหนุ่มมาดเซอร์สุดเท่ แต่รสนิยมของลูกชายคนเล็กดูท่าจะไม่เป็นที่ปลื้มของมารดา เข้ามหาลัยปุ๊บมันรีบย้ายมาอยู่หอในปั๊บ อ้างว่าเป็นกฎของมหาลัย

“ก๊าก! เขาต้องสงสัยหนักแน่ว่าพวกมึงไปญาติดีกันตอนไหน เผลอๆ อาจนึกว่าพวกมึงมีซัมติงกันก็ได้”

เจ้าของเสียงรายต่อมา ‘ไวไว’ ครับ ชื่อเล่นจริงๆ คือ ไวท์ที่แปลว่าสีขาว สมัยเด็กคงออกเสียงยากมั้ง เลยไม่มีใครเรียกชื่อเล่นจริงๆ ของมันสักคน เรียกฉายาไวไวกันมาตลอด คนนี้ฝีเท้าเร็วสุดในหมู่พวกเรา อย่าเผลอไปท้าวิ่งแข่งเชียว แพ้แน่นอน เพื่อนคนนี้เรียนเภสัช ตัวเล็กสุดในกลุ่มเตี้ยกว่าผมประมาณห้าเซนติเมตรได้มั้ง สมัยก่อนน่ารักยังไง โตมาก็ยังน่ารัก คำเตือนนิสัยไม่เข้ากับหน้าตา

“แล้วหมาตัวไหนคิดเกมบ้าๆ นี่ขึ้นมา ขนาดเจอกันตอนประกวดเดือน พวกกูสี่คนต้องแยกไปนั่งคนละมุมกันเผลอพูดคุยไม่รู้ตัว อึดอัดสุดๆ แถมยังโดนเอาไปลือทั่วมหาลัยว่าไม่ถูกกัน ทั้งที่จบจากโรงเรียนเดียวกันเนี่ย ความผิดใครวะ?”

“กูจำได้ว่ามึงลงเสียงโหวตคนแรกว่าเห็นด้วยกับเกมนะ เพราะงั้นอย่ามาโทษคนคิดเกมอย่างกูฝ่ายเดียว”

ปล่อยสองคนนี้ลับฝีปากไป ผมวางของลงตรงเคาน์เตอร์ยาวที่กั้นระหว่างโซนด้านนอกกับโซนครัว พอนึกภาพเพื่อนสุดหล่อคนละสไตล์ทั้งสี่ก็คลี่ยิ้มขำ ถ้าเปิดตัวกลุ่มดาวลูกไก่เมื่อไหร่สงสัยคงได้เห็นคนอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึงแน่

“ทีจะรื้อของออกมาทำเลยใช่ไหม?”

คนถามกำลังช่วยผมหยิบของออกจากถุง หนุ่มหล่อที่สุดของกลุ่ม การันตีจากตำแหน่งเดือนคณะพ่วงเดือนมหาลัย ชื่อ ‘วิน’ (ที่แปลว่าลม) เรียนวิศวะโยธา คนนี้แหละที่ลูกหว้าอยากขอกินข้าวด้วยสักมื้อ (ฮะๆๆ)

“ใช่ แล้วยำล่ะ?”

“อยู่ในห้องน้ำ ปล่อยมันไป คงอยากคิดอะไรเงียบๆ คนเดียวสักพัก”

ผมเลิกคิ้ว “ไหงไปอยู่ในห้องน้ำล่ะ ทุกทีเห็นชอบไปนั่งคิดแถวระเบียงนี่”

“กูไม่ไว้ใจ เกิดมันบ้านึกปีนระเบียงโดดท้าความสูงขึ้นมาจะทำยังไง ให้อยู่ในห้องน้ำนั่นแหละดีแล้ว แถมกูเก็บพวกของมีคมออกมาหมด รับรองปลอดภัย”

ผมตบหน้าผาก เหลือบมองทางห้องน้ำอย่างสงสารคนข้างใน นึกภาพออกเลย ก่อนยำจะเปิดประตูระเบียง วินต้องหันไปเห็นพอดี ถึงได้ลากตัวเพื่อนเข้าห้องน้ำ มันคงจะยืนเซ่อมองวินสำรวจห้องน้ำด้วยความงง มารู้ตัวอีกที วินก็ออกจากห้องน้ำปิดประตูขังมันไปแล้ว

“…อาการหนักขนาดหนัก?”

วินส่ายหน้า “กูแค่คิดเผื่อไว้ก่อน ไม่อยากวัวหายแล้วค่อยล้อมคอกทีหลัง”

ผมยิ้มแห้งกับข้อคิดประจำตัวเพื่อน มันก็ดีอยู่หรอก แต่บางทีก็มากไป แต่นิสัยนี้ก็มาจากเพื่อนในกลุ่มแต่ละคนเจอเหตุการณ์ไม่ค่อยดีมาทั้งนั้น แถมบางทียังลากเพื่อนคนอื่นไปติดลากแหอีกต่างหาก   

ผมออกจากภวังค์ ถามเรื่องในปัจจุบันที่น่าเป็นห่วงกว่า

“ตอนยำไปหามึง สภาพมันเป็นไงบ้าง?” 

“ท่าทางจะเครียดมาก สีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างตลอดเวลา”

ผมพยักหน้ารับรู้ เหลือบมองห้องน้ำอีกที ไม่มีเสียงทุบประตู แสดงว่าคงจะปลงเลยนั่งคิดอะไรเงียบๆ อยู่ในนั้นล่ะมั้ง

ชื่อเล่นจริงๆ ของ ‘ยำยำ’ คือข้าวยำครับ แต่พวกผมเรียกว่ายำยำกัน (ไม่เกี่ยวข้องกับยี่ห้อบะหมี่สำเร็จรูปแต่อย่างใด มันย่อมาจากยำตีนผสมกับชื่อมัน) เพราะไอ้ยำยำชอบเจอเรื่องซวยๆ เบสิกสุดก็แค่ทะเลาะวิวาท หนักสุดก็…ช่างมันเถอะ สรุปคือไม่ช่วยก็ไม่ได้ อ้อ ลืมบอก ยำยำเรียนวิศวะเครื่องกลครับ

ส่วนที่เหลืออีกสอง ขอเอ่ยถึงเจ้าของห้องก่อน มันชื่อต่อ (เต็มๆ คือ ‘ตัวต่อ’ ที่หมายถึงของเล่น อย่าไปเอ่ยถึงแมลงนะครับ มีโกรธแน่) เรียนคณะบริหาร อยู่ไม่ไกลคณะผมเท่าไหร่ ได้เจอหน้าบ่อยกว่าเพื่อนคนอื่น เราก็มองกับผงกหัวเชิงทักทาย บางทีก็ยิ้มให้แล้วเดินผ่านเฉยๆ (ถ้าหมดช่วงเกมคงได้หยุดพูดคุยกันมากกว่านี้) นี่ก็หนุ่มหล่อพูดน้อย ภายนอกดูเป็นคนเงียบๆ โลกส่วนตัวสูง เจ้าเปลือกนี่มีสาเหตุจากครอบครัวที่เป็นนักธุรกิจชื่อดัง เพื่อนคนนี้เลยโดนที่บ้านเคี่ยวเข็ญหนักกว่าคนอื่น ถ้าไม่ใช่อยู่กับพวกผมหายากมากที่ต่อจะมีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือแววตาสดใส       

คนสุดท้ายดูเป็นผู้ใหญ่สุดในกลุ่มผมแล้ว เลยถือว่าเป็นพี่ใหญ่ประจำกลุ่ม แถมหัวดีสุดๆ ชื่อกาย (เต็มๆ ก็สกายที่แปลว่าท้องฟ้า) หนุ่มแว่นหล่อเนียบคนละสไตล์กับเทมที่มักแต่งตัวเซอร์ได้ใจประจำ คนนี้ว่าที่คุณหมอครับ คาดว่าอนาคตคงปลีกตัวมารวมกลุ่มลำบากมาก (จนเจ้าตัวกังวลว่าอาจไม่มีเวลาให้พวกผม ฮะๆๆ) ผมไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้สองเดือนแล้ว เพราะคณะแพทย์อยู่คนละฟากกับคณะผม แต่ได้ยินข่าวแว่วๆ เหมือนกันว่ามีสาวๆ ต่างคณะแอบตามไปส่องเพื่อนคนนี้ถึงที่ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้สักคน เพราะเกรงแววตาดุๆ จากเฮียแก (ฮา)

“แต่แปลก แทนที่ต่อจะแวะไปหาทีที่อยู่ใกล้กว่า ไหงไปหาไอ้เทมล่ะ”

ไวไวถามขึ้นมาระหว่างวางของในมือ นี่มันถือทะเลาะกับเทมจนลืมไปเลยสินะ ผมพ่นลมหายใจก่อนตอบคำถาม

“มันโทรมาหาแล้ว แต่พอดีกูพึ่งนั่งรถพ้นรั้วมหาลัย มันเลยบอกไม่เป็นไร”

“นั่ง?” ไวไวหันขวับมองผมสลับกับแขกของกลุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ “มึงไม่ได้ใช้คำว่าขับ แสดงว่านั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถน่ะสิ”

ผมทำหน้าเฉยกับคำจับผิด “สบายออก”

ไวไวเบ้ปากใส่ผม บ่นงึมงำอะไรสักอย่าง จับใช้ความได้แค่ว่าไม่สนุก หึหึ คู่หูของมึงโดนขังในห้องน้ำนี่น่ะ เลยไม่มีคนมาช่วยแซว

“กูไปเล่นเกมต่อล่ะ”

ไวไวผละไปเป็นคนแรก เหมือนรู้ตัวว่าอยู่ไปก็เกะกะเพื่อนเปล่าๆ เพราะสกิลทำอาหารของมันติดลบสุดๆ วินกับเทมมองหน้ากัน สองคนนี้ช่วยผมได้ทั้งคู่ แต่คงกำลังชั่งใจว่าใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนไวไว

“วินไปเหอะ ขืนให้เทมไป เดี๋ยวพวกมันได้กัดกันตายพอดี โอ๊ย” ผมหันมองคนทำร้ายร่างกาย ตบหลังมาซะแรง “กูพูดอะไรผิด?”

“ไม่ผิด แต่ปากเสีย”

ผมกรอกตามองเพดานห้องด้วยความเซ็ง แล้วที่พวกมึงลับฝีปากกันไม่เสียกว่าหรือไง ผิดกับวินที่หัวเราะพลางเดินผละไปเล่นเกมแข่งรถกับไวไว (เป็นเครื่องเกมแบบที่เสียบต่อกับทีวีได้ครับ)

เหลืออีกหนึ่งหน่อที่ยืนข้างผมอย่างเงียบสงบ “พาร์ ไปเล่นกับพวกนั้นก่อนก็ได้”

เจ้าของชื่อส่ายหัวให้ ยืนยันจะอยู่ช่วย ผมมองอย่างไม่แน่ใจ แต่เอาเถอะ มีคนช่วยเพิ่มก็ดีกว่าไม่มี

พวกผมสามคนเลยอยู่เตรียมของสำหรับมือเย็น ดูพาร์อึ้งๆ หลังเห็นสกิลใช้มีดของพวกผมเข้า สงสัยจะรู้ว่าเป็นตัวถ่วง มันเลยผันไปทำหน้าที่เบ้เต็มตัว ทำทุกอย่างตามที่บอกตั้งแต่ล้างอุปกรณ์ไปจนถึงแรปปิดถาดอาหารที่เตรียมเสร็จแล้ว ก็วางเรียงไว้ที่เคาน์เตอร์นี่แหละครับ หมดแล้วค่อยมาหยิบสะดวกดี ไม่ต้องกลัวเสีย เพราะเล่นเปิดแอร์ซะเย็นเฉียบ ยกเว้นพวกเนื้อที่ผมไม่แน่ใจเลยเก็บเข้าตู้เย็นดีกว่า

“มาทำสุกี้กินที่นี่บ่อย?”

“อืม” ผมตอบพาร์ ไม่ได้หันไปมอง เพราะกำลังหั่นผักอยู่ “ช่วง ม.ปลาย มาบ่อยมาก แต่หลังเข้ามหาลัยวันนี้เป็นครั้งที่สอง”

“เพราะงั้นอย่าแปลกใจถ้าเห็นอุปกรณ์พร้อม” เทมพูดขึ้นขำๆ ก่อนหันมาบอกผม “มึงไปทำน้ำจิ้มสุกี้เหอะ เดี๋ยวทางนี้กูจัดการเอง”

“งั้นฝากด้วย”

ระหว่างยุ่งในครัวเหมือนผมได้ยินเสียงกริ่งห้องดังขึ้น สักพักได้ยินเสียงคุยกัน เจ้าของห้องกลับมาแล้วครับ ผมคิดถูก ต่อโผล่หน้ามาโซนครัวพร้อมถุงใส่กล่องขนมจีบเจ้าอร่อยที่พวกผมทั้งกลุ่มชอบมาก

“กูซื้อมาฝาก”

“มึงใช้คำผิด ต้องบอกว่า ‘แวะไปซื้อมาให้’ ถึงจะถูก” เทมว่าระหว่างรับของส่งให้พาร์เอาไปจัดใส่จาน

“ก็ตั้งใจขับรถแวะไปซื้อให้พวกมึงนั่นแหละ มีอะไรจะให้ช่วยไหม?”

“ใกล้เสร็จแล้วล่ะ มึงจะไปอาบน้ำหรือจะไปเล่นกับสองคนตรงนั้นก่อนก็ได้”

คนฟังพยักหน้า “แล้วยำไปไหน?”

“ห้องน้ำ วินขังมันไว้ บอกปล่อยยำคิดอะไรเงียบๆ สักพัก”

ต่อขมวดคิ้ว “แล้วแนะนำให้กูไปอาบน้ำ? จะให้อาบยังไง?”

ผมยิ้มแห้ง “กูลืม”

“อย่าถือสาไอ้ทีเลย ตอนนี้ในหัวมันคงกำลังนึกทวนสูตรน้ำจิ้มสุกี้อยู่”

“จะผิดพลาดก็ช่าง ขอออกมาอร่อยก็พอ ที่สำคัญห้ามให้เทมปรุงรส!”

เจ้าของชื่อเบ้ปากใส่ “ทีไม่ให้กูไปยุ่งอยู่แล้ว”

ผมหัวเราะ เทมไว้ใจเรื่องเตรียมวัตถุดิบได้ (เพราะโดนผมลากมาเป็นลูกมือบ่อย) แต่ด้านปรุงรสเข้าขั้นเลวร้าย เพราะเล่นปรุงแต่รสที่ตัวเองชอบ แต่คนอื่นกินด้วยไม่ได้

“ดี”

ต่อทิ้งท้ายแค่นั้นก่อนผละไปนั่งมองเพื่อนสองคนเล่นเกม ผมเหลือบมองเทม อีกฝ่ายหันมาสบตาผมเหมือนกัน เราทั้งคู่คลี่ยิ้มอย่างพอใจที่เห็นเจ้าของห้องเลือกปล่อยเวลาผ่านไปเปล่าๆ ด้วยการมองเพื่อนเล่นสนุก แทนที่จะไปยุ่งกับตลาดหุ้น หรือเรื่องงานที่ทางครอบครัวมอบหมายให้ทำ แสดงว่ามันกะผ่อนคลายไปกับพวกผมเต็มที่

ทุกอย่างเตรียมเสร็จตอนห้าโมงครึ่ง เหลือแค่รอสมาชิกคนสุดท้ายมาถึง เราสามคนเลยไปร่วมกลุ่มกับพวกเล่นเกม

“ตกลงจะให้พวกกูคุยกับคนที่มึงพามาได้ยัง?”

ผมมองไวไว “คุยน่ะได้ แต่ห้ามถามจนกว่าเพื่อนจะครบ จะได้ไม่ต้องตอบซ้ำไปซ้ำมา”

“แล้วเมื่อไหร่กายจะมา” ไวไวโอดครวญ

“เห็นบอกว่าหกโมง แต่กูว่าน่าจะเลยนิดหน่อย” วินออกความเห็น เหลือบสายตามองห้องน้ำ “ทีไปลากยำออกจากห้องน้ำดิ”

โอ๊ะ คำสั่งอนุญาตปล่อยตัวมาแล้ว

“เป็นกูจะดีเหรอ” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ “เพราะกูนะ มันถึงได้เจอเมียมันน่ะ”

เพื่อนๆ มองหน้ากัน เป็นวินที่โยนจอยในมือให้ต่อช่วยเล่น แล้วลุกไปเคาะประตูห้องน้ำ ผมเหลือบมองเห็นวินหายเข้าไปด้านใน ก็กระซิบถามไวไวเพื่อเก็บข้อมูล

“อาการยำหนักไหม?”

“หน้ายำนิ่งมาก เดาอารมณ์ยาก แต่คงจะเครียดอยู่บ้างแหละ”

ไวไวกระซิบกลับมา ก่อนจะร้องเสียงหลง เมื่อคนที่ไม่เคยอ้อมมือให้เพื่อนคนไหน ขับรถเบียดแซงขึ้นนำไปแล้ว ต่างจากวินที่มักจะแข่งแบบสูสีให้พอลุ้นสนุกสนานได้ทุกนัดแม้ว่าคู่แข่งฝีมือห่วยก็ตาม ที่แน่ใจว่าวินเก่ง เพราะต่อที่ว่าเก่งแล้วยังไม่เคยเอาชนะวินได้สักที

“เอาไงดี ทำตัวร่าเริงกันดีไหมเผื่อยำจะดีขึ้น”

ไวไวถามกลับมา ขณะที่คนอื่นฟังกันเงียบๆ

“ทำตัวตามปกติดีกว่า รอกินข้าวหมดก่อนค่อยว่ากัน เอ่อ กูมีข่าวเกี่ยวกับเมียยำจะบอกให้พวกมึงรู้ด้วย”

“ข่าวไร?”

“รอฟังพร้อมทุกคน และต้องหลังกินข้าวเท่านั้น” ผมพูดย้ำ ขืนพูดไปมีหวังได้ทำลายบรรยากาศน่ะสิ

“มึงเรื่องมาก อ้าว กูแพ้เลย” ไวไวหน้ามุ่ย ส่งจอยให้ผมเล่นต่อ

มองคนที่ต้องแข่งด้วย…สงสัยต้องเอาจริงสักหน่อยแล้ว

สิบนาทีต่อมา แพ้ตามคาด แต่ยังดีกว่าไวไวที่มัวแต่คุยกับผมจนไม่ได้เข้าเส้นชัย ผมส่งจอยให้พาร์ต่อ ตอนแรกมันส่ายหน้าไม่เอา ผมจ้องเขม็งจนมันถึงยอมรับจอยไปเล่น

เฮ้ย!

ผมมองรถสองคันเบียดแย่งขึ้นนำอับดับหนึ่งอย่างเมามัน แถมชั้นเชิงที่พาร์ใช้ดีกว่าของต่ออีกครับ สุดท้ายก็คว้าชัยชนะมาครอง ต่อขมวดคิ้วเล็กน้อยเอ่ยปากเองเลย

“ขออีกรอบ”

ผมกับไวไวมองหน้ากัน ดูเหมือนพวกเล่นเกมแข่งรถเก่งจะได้คู่แข่งคนใหม่มาท้าดวลด้วยแล้วครับ วินกับยำยำมารวมกลุ่มช่วงที่พวกผมกำลังส่งเสียงเชียร์สนุกสนาน ไปๆ มาๆ สองคนมาใหม่เลยส่งเสียงเชียร์ตาม พอต่อแพ้อีกรอบ ก็ต่อจอยต่อให้วิน

เจ้าข้าเอ๋ย มันหยดจริงๆ ครับ

“เฮ้ยๆ วินอย่าเสียแชมป์ที่ครองมาได้ตั้งหลายปีน่ะเว้ย”

วินคลี่ยิ้ม แววตาเอาจริงอย่างที่นานๆ จะได้เห็นสักหน แสดงว่าพาร์เก่งเอาเรื่อง แต่สุดท้ายวินขึ้นนำเข้าเส้นชัยแค่เฉียดฉิวไม่ถึงสิบวินาที

“เก่ง” วินเอ่ยชมคนแพ้ “เทคนิคดีด้วย เคยไปดูในสนามแข่งของจริง?”

“ก็คงใช่”

“เคยลงแข่งของจริงไหม?” ไวไวถามตาเป็นประกาย

พาร์พยักหน้า “แต่เราชอบแข่งมอเตอร์ไซค์มากกว่าพวกสี่ล้อ”

“งั้นเปลี่ยนมาแข่งแบบสองล้อกัน”

วินปรับรูปแบบเกมเสร็จก็ส่งจอยให้ยำยำ “ในกลุ่มยำเก่งสองล้อสุดแล้ว”

เกมใหม่กำลังจะเริ่มอีกครั้ง พวกผมเริ่มวางเดิมพัน ใครแพ้ต้องคีบอาหารในหม้อสุกี้ให้ผู้ชนะตามจำนวนที่เดิมพันไว้ เชียร์กันเต็มที่ครับ ผ่านไปสักพักถึงได้รู้ว่าพาร์เจ๋งจริง แต่ยำยำก็ไม่น้อยหน้าลอกเลียนเทคนิคจากพาร์โคตรไว แต่พาร์ก็ยังเป็นฝ่ายคว้าชัยอย่างงดงาม

“ของจริง มึงเก่งอย่างนี้ปะ?” ยำถาม

“ก็พอไหว”

“ไปแข่งกับกูไหม มีสนามประจำอยู่ เจ้าถิ่นพอไว้ใจได้”

พาร์นิ่งไปสักพักก่อนส่ายหน้า “พอแล้วดีกว่า ไม่อยากเอาตัวไปเสี่ยง เรายังมีคนที่ต้องดูแล และอยากอยู่ดูแลไปนานๆ”

ทั้งกลุ่มเงียบกันไปเลยครับ ก่อนจะตบบ่าให้คนพูดเบาๆ คนละที

“รู้จักทีนานยัง?”

ผมมองไวไวที่พูดแทรก มีช่องหน่อยไม่ได้เลยนะมึง

“จะว่าสั้นก็สั้น ยาวก็ยาว”

คำตอบเชิงขบคิดจากพาร์ ทำให้เพื่อนๆ พากันเหล่มองผม แววตาแต่ละคนจ้องเขม็งจนผมเริ่มเหงื่อแตกซิกๆ แต่ใครจะกล้าบอก ขืนบอก ฝ่ายเพื่อนๆ คงร้องอ้อ ฝ่ายพาร์ก็จะได้ข้อมูลใหม่ ผมไม่อยากนึกว่าถ้ามันรู้จะเกิดอะไรขึ้น เพราะงั้นพวกมึงไม่ต้องรู้ทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ 

เสียงกริ่งห้องดังช่วยชีวิต หันมองนาฬิกาหกโมงกว่าแล้วครับ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครมา

วินลุกไปเปิดประตูต้อนรับคนมาใหม่ที่แบกทั้งเป้ ชีทเรียน แถมเสื้อกาวน์สีขาว (เหมือนที่ผมเห็นคนใส่เรียนแถวตึกแลปวิทยาศาสตร์) คนช่วยเปิดประตูยื่นมือจะช่วยคนหอบข้าวของพะรุงพะรัง แต่กลับโดนส่ายหัวว่าไม่ต้อง

“ช้า!”

“ช้าโคตร”

“ช้าที่สุด”

“ช้าเกินไปแล้ว”

คนในห้องร้องโวยวายใส่คนกำลังใช้ขาถอดรองเท้าออก น้ำเสียงเชิงต่อว่าเล่นๆ ขำๆ แต่ก็ทำว่าที่หมอหงุดหงิดอยู่ดี

“หนวกหู แล้วใครสั่งให้รอ หิวก็กินไปก่อนสิ”

“ไม่ใช่หิว ดูนู้น ไอ้ทีพามาแหนะ แถมเล่นตัวไม่ครบองค์ประชุมไม่แนะนำอีกต่างหาก”

“นี่ครบแล้วแนะนำเลยมึง”

ผมเลิกคิ้ว ยิ้มเล็กๆ ใส่คู่หูบะหมี่สำเร็จรูป (ผมเรียกแบบนี้ประจำเวลาพวกมันรวมหัว หรือร่วมมือทำอะไรสักอย่าง) “ให้กายไปล้างหน้าล้างมือเตรียมกินข้าวก่อน”

“ไอ้ที!”

ผมยักไหล่ “จะรีบร้อนทำไม”

เพื่อนคนอื่นแค่ยิ้ม แต่ไวไวกับยำยำทำหน้าหงุดหงิดปนหมั่นไส้ใส่ผม ส่วนพาร์น่ะเหรอ ภายนอกนิ่งดีหรอก แต่แววตาจ้องคาดโทษใส่กัน ช่วยไม่ได้อยากตามมาเองนี่หว่า

“เร็วเลยไอ้หมอ จะไปทำอะไรก็รีบทำ แล้วรีบกลับมารวมกลุ่มด้วย”

ว่าที่หมอของกลุ่มดันแว่นขึ้น “งั้นรอกูอาบน้ำเดี๋ยว”

“สกาย?!”

ชื่อเล่นมาเต็มยศ คนโดนเรียกยกยิ้มตรงมุมปากขำขัน เดินเลยกลุ่มพวกผมไปวางของในมือกองรวมกับของคนอื่นที่จุดเดียวกัน ทิ้งไวไวทำหน้าหงุดหงิดหนักกว่าเดิม โดยมีคู่หูตบบ่าปลอบใจ

“มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กแขวนอยู่ในห้องน้ำ มึงจะชุบน้ำใช้เช็ดหน้าเช็ดตัวก็ได้”

เจ้าของห้องตะโกนไล่หลัง มีเพียงมือของคนเข้าห้องน้ำยื่นออกมาโบกให้เห็นเป็นสัญญาณรับรู้

พวกผมใช้เวลาที่กายเข้าห้องน้ำ จัดเตรียมตั้งวงกินข้าวเย็น กายออกมาทุกอย่างก็พร้อม เรานั่งล้อมเป็นวงกลมกับพื้น มีหม้อสุกี้ใบใหญ่อยู่ตรงกลาง สารพัดของวางเรียงรายเต็มไปหมด และจากทุกสายตาที่จ้องเขม็งมาทำผมกรอกตาด้วยความเซ็ง

“พวกมึงนี่” ยื่นมือเปิดฝาน้ำซุปที่เริ่มเดือด คีบของสดลงไปวางเรียงในหม้อ “ถ้าไม่มีกูได้อดตายกันแน่ๆ”

“ก็มันไม่อร่อยเหมือนที่มึงทำให้”

“ไม่สวยด้วย ความอยากอาหารก็ลดลงสิ”

“ใช่ๆ มีมึงทำให้กิน อร่อยกว่าไปกินข้างนอกอีก”

เรียบร้อยก็ปิดฝา รอของในหม้อเดือด กวาดมองเพื่อนแต่ละคนที่รอคอยให้ผมเริ่มแนะนำตัว

“เอ่อ คนข้างๆ กูชื่อเทม ถัดไป…โอ๊ย ตบหัวกูทำไม?”

“มึงกวนประสาท เขามีแต่แนะนำคนมาใหม่ก่อน”

“แต่กูอยากเก็บไว้ที่หลังสุดจะได้ตื่นเต้นกัน”

“ตื่นเต้นบ้าอะไร!”

“พอๆ เถียงไปก็เท่านั้น เสียเวลา”

พี่ใหญ่ของกลุ่มพูดห้ามปรามผมกับเทม (ที่นั่งฝั่งซ้ายมือของผม) มันตบหัวอีกทีเป็นการส่งท้าย แววตาที่มองมามีแต่ความหมั่นไส้ล้วนๆ แต่คนทางขวาที่ถูกกล่าวถึงกลับยื่นถ้วยไข่ที่ตีให้แล้วเงียบๆ ผมมองอย่างคาดไม่ถึง มันรู้ได้ไงว่าผมต้องใช้…อ้อ จำมาตอนไปกินสุกี้ด้วยกันสินะ

ผมรับมา เหลือบมองเพื่อนๆ ที่จ้องเป็นตาเดียวก็ยิ้มแห้ง กระแอมไอแล้วเอ่ยต่อ

“ข้างเทมชื่อต่อ ถัดไปคือกาย วิน ไวไว ยำยำ” ผมไล่ชี้ทีละคนไปตามลำดับวนมาถึงคนทางขวามือ “ส่วนนี่พาร์ พวกมึงคนดังน่าจะพอคุ้นหน้ากันล่ะมั้ง”

“แล้วในกลุ่มเราใครไม่ดังบ้าง ถ้าไม่นับบอยแบนด์ประจำกลุ่ม ไอ้ทีก็มีแต่ข่าวลือเสียๆ ไวไวก็ดังในฐานะนักกรีฑาของมหาลัย คงมีแต่ตัวกูมั้ง ธรรมดาสุดแล้ว”

“เถื่อนที่สุดล่ะไม่ว่า ได้ข่าวพวกรุ่นพี่คณะมึงชอบมึงมากเลยนี่ จริงไหมวะวิน”

คนโดนถามพยักหน้า “ยำเข้ากับรุ่นพี่ได้ดีกว่ากูอีก”

“เพราะมึงหน้าตาดีเกิน พวกรุ่นพี่ผู้ชายเลยหมั่นไส้ต่างหาก เอ่อ ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จัก”

ผมปล่อยให้พูดทักทายขั้นพื้นฐานไป ส่วนตัวเองรีบยกฝาหม้อออก ก่อนน้ำที่เดือดเต็มที่จะดันล้นออกมาด้านนอก เมื่อไม่มีฝาระดับน้ำก็ลดลงเหลือแค่เดือดปุๆ ผมคีบเนื้อหมูสดแล่บางๆ คลุกไข่ในถ้วย ก่อนเอาไปจุ่มในหม้อทีละชิ้น ไม่ได้ทำหมดหรอกครับ ทำแค่พอกินก่อน ใส่อาหารทะเลตามเพราะสุกง่าย รอสักพักค่อยให้สัญญาณ

“ลุยกันได้แล้ว”

แต่ละคนรีบจับตะเกียบคีบแย่งของที่หมายตากันก่อนเลย

“เฮ้ย นั่นของกู!”

“กูเล็งไว้ก่อนมึงอีก”

ศึกตะเกียบถือกำเนิด

“ฉกไปต่อหน้ากูเลย”

“อยากคีบไม่แน่นทำไม”

ศึกขโมยคาตะเกียบก็กำเนิดแล้วเหมือนกัน 

ผมหัวเราะโยกตะเกียบหลบได้ปุ๊บก็รีบเอามาวางในชามก่อน ชามในมือถือเป็นเซฟโซนครับ ผมชอบกินสุกี้กับเพื่อน เพราะมันสนุกตรงได้แย่งกันนี่แหละ ผิดกับคนมาใหม่ที่ดูท่าจะอึ้ง นั่งมองเฉย จนผมต้องคีบเนื้อหมูบ้าง ผักบ้างใส่ถ้วยให้ เดี๋ยวหมดต้องรอรอบสองนานนะมึง

“กินดิ นั่งเฉยทำไม”   

“โหย มีคีบให้กันด้วยวะ”

ผมแยกเขี้ยวใส่คนพูด ไวไวทำหน้าล้อเลียนกลับมา และเหมือนคำแซวจะทำให้พาร์ได้สติ หลังนั่งมึนอีกสักพักก็เริ่มคีบของในหม้อกับเขาบ้างแล้ว พอของในหม้อหายเกลี้ยงก็กลับมายุ่งในชามตัวเอง ใครที่จัดการส่วนของตัวเองหมดแล้วก็หยุดมือ ยกน้ำอัดลมขึ้นจิบ ปล่อยผมเอาของลงหม้อรอบที่สอง ปิดฝาจะได้สุกเร็วๆ

“...เป็นการกินสุกี้ที่แปลกดี”

ผมหัวเราะให้เสียงงึมงำของพาร์ ฟังจากน้ำเสียงมันคงประหลาดใจจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ตอนไปกินกันสองคน เรากินไปลวกไป แต่กลุ่มผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ไอ้ที่ลวกไว้โดนฉกแย่งหมด คนเอาของลงหม้อไม่ได้กินกันพอดี ต้องใช้วิธีนี้แหละแฟร์ที่สุดแล้ว

“เฮ้ย มะนาวแช่อยู่ในตู้เย็น”

ผมมองเทมลุกไปโซนครัว สักพักกลับมาพร้อมชามมะนาวสองใบ หนีบขวดเกลือมาอีกต่างหาก ใบหนึ่งฝานเป็นแผ่นบางๆ อีกใบผ่าเป็นซีกๆ สำหรับบีบ

“ใครจะเอาอะไรบ้าง?”

ผมยื่นแก้วโค้กของตัวเองไปหามันเลย เทมหย่อนมะนาวฝานบางๆ ลงมาให้ ผมใช้นิ้วคนๆ ค่อยยกจิบ ก่อนนิ่วหน้า ร้องถามหาของที่ต้องการ

“ขวดเกลืออยู่ตรงหน้าใคร ส่งมาหน่อย”

ได้มาก็เหยาะเพิ่มลงไปเล็กน้อย รู้สึกถึงสายตาจ้องมา เลยหันไปมองสบตากับพาร์พอดี มันมองหน้าผมสลับแก้วโค้กในมือด้วยแววตาสนใจ เลยส่งแก้วให้

“ลองชิมดู”

พาร์รับไปชิม ก่อนทำหน้าประหลาด “อร่อยดี”

ผมรับแก้วตัวเองกลับมา “เอาปะ เดี๋ยวทำให้”

พาร์เลยส่งแก้วมาให้ พร้อมเสียงโห่จากสองคู่หูบะหมี่สำเร็จรูป   

“อภิสิทธิ์ชัดๆ เพื่อนฝูงที่คบกันมานานไม่เห็นเคยทำให้”

“โทษที แต่ทีเคยทำให้กูวะ”

“หุบปากไปเลยไอ้เทม มึงอยู่กับทีนานกว่าชาวบ้าน ไม่ต้องเอ่ยถึงโว้ย!”

ผมกับเทมเรียนอนุบาลมาด้วยกัน ส่วนคนอื่นมาเจอกันตอน ป.1 จำไม่ได้ว่ากิจกรรมอะไร แต่เขาให้จับกลุ่มจำนวนเท่านี้ พวกผมเป็นส่วนเกินของห้อง ประมาณว่าเพื่อนในห้องคนอื่นจับกลุ่มกันไปหมดแล้ว ผมกับเทมเลยไม่มีกลุ่มอยู่ ครูเรียกคนไม่มีกลุ่มมาหา จูงมือพามารวมกลุ่มกับเด็กต่างห้องก็คือไอ้พวกนี้นี่แหละ (น่าจะเป็นส่วนเกินเหมือนกัน) พร้อมคำพูดประโยคหนึ่งที่กลายเป็นชื่อกลุ่มพวกผมตั้งแต่นั้น

อ๊ะ เจ็ดคนพอดีเลย ชื่อกลุ่มดาวลูกไก่แล้วกันนะจ๊ะ

นี่แหละครับ จุดเริ่มต้นของพวกผม

ผมหัวเราะขำเรื่องในอดีต อันที่จริงก็น่าจะลืมไปแล้ว แต่รูปถ่ายหรือข้อความลายมือเด็กๆ เตือนความจำได้ดีเลยครับ หลังบีบมะนาวลงแก้วพาร์ (เพราะมันไม่น่าจะชอบรสขมจากเปลือกมะนาว) กับเหยาะเกลือลงไป ผมก็ส่งแก้วคืนเจ้าของ

“อย่าลืมคนก่อนล่ะ”

“ถามจริงนะ คบกันอยู่หรือเปล่า?”

“เปล่า” ผมกับพาร์ตอบพร้อมกัน

“นัดกันโกหกเปล่าเนี่ย”

“ใช่ซะที่ไหน!” ผมแย้งไปทันที

“งั้นก็แค่เพื่อน?”

ผมขมวดคิ้ว เหลือบมองคนข้างๆ อีกฝ่ายจิบน้ำเงียบๆ ไม่คิดจะช่วยผมตอบเลยครับ พอกวาดมองสายตาเพื่อนทุกคนที่กำลังรอคอยคำตอบ ผมก็ถอนหายใจ

“คงงั้น”

แต่ละคนแสดงออกต่างกันไปก็จริง แต่ดูเหมือนเพื่อนทุกคนจะเลือกไม่ถามมากกว่านี้ เปิดประเด็นคุยเรื่องอื่นแทน พอสุกี้รอบสองได้เวลากินก็รีบคีบแย่งกันอีกรอบ คนโดนแย่งไปต่อหน้าต่อตาก็ตะโกนด่าไอ้คนแย่ง แถมยังมีรายการแฉวีรกรรมสมัยเด็กเป็นการแก้แค้นด้วย ถ้าเป็นปกติเจ้าของเรื่องคงขำไปกับพวกผม แต่คราวนี้มีคนนอก…

“เกรงใจคนมาใหม่หน่อยโว้ย!”

“มึงใช้คำผิด ต้องบอกว่ารักษาหน้ากันหน่อยต่างหาก”

ต่อพูดเรียบๆ แต่ฟังยังไงก็เป็นการเอาคืนเทมชัดๆ

“ไอ้ที มึงแย่งเนื้อหมูกู!”

ผมที่กำลังคีบเนื้อหมูใส่ชามพาร์หันไปเถียง “ก็พวกมึงไม่เห็นใจคนพึ่งมาเลยนี่หว่า”

ผมพูดจริงนะ พาร์คีบอะไรได้ โดนแย่งหมด มันก็เฉยปล่อยวางมาก หลังๆ เลยคีบแต่ผักที่ไม่ค่อยมีใครแย่ง

“ส่วนมึงหัดแย่งคืนบ้าง ไม่งั้นมีอด” พาร์แค่ยิ้มท่าทางไม่ทุกข์ร้อนจนผมต้องหรี่ตาลง “อย่าบอกนะว่ากำลังหลอกล่อให้กูบริการมึงอยู่”

พาร์สะดุ้ง “เปล่า!”

ผมบุ้ยปากไปทางหม้อสุกี้ “งั้นต่อไปอย่ายอม ถ้ามึงยอมอีก เจอบทลงโทษแน่ๆ อย่างเช่น…” เอียงตัวกระซิบข้างหู “มะระผัดไข่”

พาร์หน้าถอดสีเลยครับ หลังจากนั้นผมก็ได้แย่งกินอย่างสบายอกสบายใจ เพราะลูกนกกล้าออกหาอาหารเองแล้ว

“เฮ้ย! พาร์!”

…แต่พอเห็นฝีมือพาร์แย่งคีบอาหารจากคนอื่น ผมขอยืนยัน ก่อนหน้านี้มันหลอกผมให้คอยดูแลชัดๆ

“อะ”

ผมมองอาหารทะเลหลายชนิดที่งมหายากกว่าเนื้อหมูในชาม…เอาเถอะ เห็นแก่ของไถ่โทษที่คีบมาให้เป็นระยะ ผมยอมยกโทษให้ก็ได้

“ไอ้ทีแม่งขี้โกงเป็นบ้า!”

“พาร์อย่าไปยอมโดนทีกุมจุดอ่อน เดี๋ยวกูแฉทีให้ฟัง เอาเรื่องไหนดี?”

ผมชะงักมือที่กำลังจะดึงหางกุ้งออกจากปาก

ไวไวฉีกยิ้มระรื่นตอบคำถามเทม “เอาเรื่องนี้ดีกว่า สมัยเด็กมีคนทำขนมมาฝากมันบ่อยๆ โดยเฉพาะคุกกี้ พวกมึงจำได้มะ?”

เฮ้ย! เดี๋ยว! อย่าพูดออกไป…

“กูจำได้ว่ามันเอาขนมมาอวดบ่อยๆ แต่ยอมให้ชิมแค่นิดเดียว”

“หวงขนมมาก”

“จำได้แค่ว่าขนมอร่อยดี”

เออ แฉให้พอใจพวกมึงเล…

“อ้อ” เทมลากเสียงยาว “ตอนนั้นไอ้ทีชอบคนทำขนมมากๆ เลยล่ะ”

ผมพ่นหางกุ้งไปแล้ว

ไอ้พวกบ้าเอ้ย! เล่นกูแล้วไง

############

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #224 เมื่อ30-10-2016 21:03:58 »

อ่อยยยย!! น่ารักงะ ดี้ดี

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #225 เมื่อ30-10-2016 21:20:13 »

เล่นทีเลยๆ แฉทีเยอะๆ
พาร์ ตามทีมา คราวนี้ได้รู้ เรื่องที เต็มๆ
ไม่ใช่พาร์ฝ่ายเดียวที่หลงที
ทีก็หลงพาร์ เหมือนกัน แต่เป็นหลงคุ้กกี้
คุ้กกี้ฝีมือพาร์ สุดยอด
พาร์ ปลาบปลื้มสุดๆ ไปแล้ว
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #226 เมื่อ30-10-2016 21:41:31 »

555 .. พาร์ เป็นรักแรกของ ที  ที เป็นรักแรกของ พาร์ ตกลงเค้าได้กัน

ออฟไลน์ threetanz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 766
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #227 เมื่อ30-10-2016 22:02:28 »

น้องทีโดนแล้ววววว เต็มๆๆๆ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #228 เมื่อ30-10-2016 22:38:48 »

ฮาอะ

ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #229 เมื่อ30-10-2016 23:30:05 »

แฉขนาดนี้ คนทำคุ้กกี้ก็เขินแย่สิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
« ตอบ #229 เมื่อ: 30-10-2016 23:30:05 »





ออฟไลน์ kothan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #230 เมื่อ30-10-2016 23:43:09 »

อยากจะสงสารเดนนะ แต่รู้สึกสมน้ำหน้ามากกว่า

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #231 เมื่อ30-10-2016 23:57:54 »

อุ๋ย พาร์รู้แล้วว่าทีชอบคนทำคุ้กกี้มาให้มาก ทีนี้พาร์จะเอาไงต่อ จะคิดว่าตัวเองมีความได้เปรียบทีมากขึ้นมั้ย แต่เราว่ายังไงพาร์ก็ยอมทีอยู่แล้ว 555

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #232 เมื่อ31-10-2016 00:46:06 »

นั่นไง ทีโดนแฉซะแล้ว 55555555

ออฟไลน์ Roman chibi

  • Death is not the end. Death can never be the end. Death is the road. Life is the traveller. The soul is the guide.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-3
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #233 เมื่อ31-10-2016 07:42:33 »

ค้างมากๆค่า รอตอนต่อไปอยู่นะ  :katai4:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #234 เมื่อ31-10-2016 08:18:00 »

 :pig4:

ออฟไลน์ rinny

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 517
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #235 เมื่อ31-10-2016 22:41:47 »

นี่มันการกินสุกี้กระชับมิตรของพาร์และเดอะห์แก๊งค์ชัดๆ ว่าแล้วว่ายังไงทีก็หนีไม่พ้นต้องโดนเพื่อนแฉให้พาร์ฟัง
สงสารยำอ่ะ นางไม่เหมาะกับความเศร้าเลย ชื่อกลุ่มน่ารักมุ้งมิ้งไม่เข้ากับชายโฉดทั้งหลายเลย5555 //โดนทีถีบ

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่25] P.8 (30/10/2016)
«ตอบ #236 เมื่อ01-11-2016 08:58:14 »

ใจตรงกันสินะแหม่

ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่26] P.8 (03/11/2016)
«ตอบ #237 เมื่อ03-11-2016 11:21:03 »

บทที่ 26

ผมคันปากยิบๆ อยากด่าไอ้ไวไวมากที่สุด เรื่องมีตั้งเยอะ ทำไมต้องยกเอาเรื่องนี้มาพูดวะ แล้วไอ้เทม มึงนะมึง พูดอะไรออกไป แต่ที่แสดงออกทำได้แค่ยกน้ำดื่มอึกๆ

“ไอ้ที!?!”

“อะไร?” ตะโกนเรียกซะทำคนอื่นตกใจเกือบสำลักน้ำ

นิ้วไวไวชี้ที่หม้อสุกี้ให้ทุกคนมองตาม…หางกุ้งที่อยู่ในปากผมเมื่อกี้ บัดนี้ลงไปนอนลอยคอกลางน้ำเดือดปุๆ แล้วครับ ท่ามกลางความเงียบกริบ พี่ใหญ่ของกลุ่มถอนหายใจยาวเหยียด คีบหางกุ้งออกมาวางทิ้งบนทิชชู่

เหมือนเปิดสวิตช์ให้คนรอบข้างเคลื่อนไหว

“ซกมก!” คู่หูบะหมี่สำเร็จรูปตะโกนพร้อมกัน

“ช่างเถอะๆ กินต่อดีกว่า” วินว่า

เพื่อนๆ เริ่มคีบอาหารในหม้อสุกี้อีกครั้ง แต่บางคนคีบไปบ่นผมไปไม่หยุด จนเพื่อนคนอื่นต้องชวนคุยเรื่อยเปื่อยถึงเลิกบ่น

ผมเหล่มองหางกุ้งสีส้มบนทิชชู่สีขาว…ถูกช่วยชีวิตซะแล้ว ผมควรขอบคุณมันไหม

ชิ่ง…

ไม่สิ ยังไม่รอดนี่หว่า

ผมค่อยๆ ชำเลืองมองคนทางขวา ผงะทันทีที่เห็นแววตาข้องใจจ้องมาอยู่ก่อนแล้ว เริ่มเหงื่อแตกพลั่กๆ รีบหันไปมองหม้อสุกี้แย่งกุ้งจากตะเกียบเทมไปวางใส่ชามพาร์

กินเข้าไปนะมึง จะได้ลืมๆ หรือนึกว่าหูฝาดก็ยังดี

“ไอ้ที!”

“โอ๊ย”

เทมเอาหัวมันมาโหม่งหัวผมเป็นการแก้แค้นที่ไปแย่งกุ้งมันครับ

“เล่นผิดกฎ จ่ายค่าปรับมาเลย”

เทมทำหน้าหงุดหงิด  ยอมยื่นชามในมือมาทางผม (ตามกฎที่ตั้งขึ้นมานานแล้วว่าห้ามทำร้ายร่างกายเพื่อนตอนแย่งสุกี้ หลังทำผิดต้องยินยอมให้เลือกอาหารอะไรก็ได้ในชาม หนึ่งชิ้นต่อหนึ่งการทำผิด) ผมคีบมาถึงสอง เลยเจอเทมโวยวายใส่   

“ได้แค่ชิ้นเดียวโว้ย เอาอีกชิ้นคืนมาเลย”

ผมโยกชามหลบ “สองน่ะถูกแล้ว มึงทำผิดสองกระทง ไม่สิ สามด้วยซ้ำ กูใจดีลดเหลือแค่สองเชียวนะ”

“สองสามบ้าอะไร! เอาคืนมา!”

“ไม่มีทาง เพราะมึงผิดจริง”

“กูผิดอะไรวะ?”

“ทำร้ายกู ทำร้ายกู และทำร้ายกู”

เทมทำหน้าเงิบใส่

ผมพูดจริงนะ ครั้งแรกมันบอกจะแฉผม ครั้งที่สองมันทิ้งระเบิดใส่ผม ครั้งที่สามมันทำร้ายร่างกายผม ความผิดสามกระทงชัดเจน!

หลังจ้องหน้ากันสักพัก เทมก็หันไปหาต่อที่อยู่ข้างๆ พูดฟ้องเป็นเด็กๆ

“ทีโกงกู”

“มึงเถียงสู้ทีไม่ได้ เลยจะมาขอค่าปลอบใจจากกูงั้นสิ”

ผมขำก๊าก คนโดนพูดดักคอทำหน้าบึ้ง เผยธาตุแท้ข่มขู่เอาของปลอบใจแทนเรียบร้อย สรุปไอ้เทมแค่หาเรื่องจิ๊กของในชามต่อแทนของที่เสียมาให้ผมครับ ฮ่าๆๆ

-------------

ตามหลักแล้ว หลังกินของคาวต้องตามด้วยของหวาน แต่กลุ่มผม หลังสุกี้ต้องขนมจีบ

“เอาขนมจีบไปอุ่นเลยไหม?”

“อือ”

ผมตอบวิน สองมือกำลังยุ่งกับการแกะน้ำจิ้มเทใส่ถ้วยเล็กตามจำนวนคนใส่ถาด คนอื่นๆ ยุ่งกับการเก็บกวาด เช็ดถูพื้น เพื่อตั้งวงขนมจีบอีกรอบเป็นการส่งท้ายมื้อเย็น ตอนผมเดินเอาถาดน้ำจิ้มออกมาวาง พื้นที่เคยเลอะเทอะเพราะสุกี้ตอนนี้สะอาดแล้วครับ

หือ?

ผมที่เกือบจะเดินกลับโซนครัวหยุดชะงักเท้า เพ่งมองเทมกับพาร์ยืนคุยกันหน้าห้องน้ำ

คุยอะไรกันวะ

ผมมองอย่างระแวง กำลังจะเดินไปหา

“ที! ไอ้ทีมาด่วน!!”

ผมมองทางครัวที ทางสองคนนั้นที ก่อนยอมเดินกึ่งวิ่งกลับครัว ฟังจากเสียงโวยวายของวินท่าจะเกิดปัญหาใหญ่ เข้าไปใกล้ก็เจอวินกับต่อมุงดูอะไรสักอย่าง ยืนบังจนเห็นแค่แผ่นหลังพวกมัน 

“มีอะไร?”

เพื่อนทั้งสองหันมาหน้าเครียด บอกให้อ้าปาก แล้วยัดอะไรบางอย่างใส่ปากผม

รสชาติอย่างนี้ขนมจีบ…พอเริ่มเคี้ยวก็พบปัญหาจนอยากคายทิ้ง

“กูทำอะไรผิด มันถึงได้แห้งแข็ง ไม่อร่อยเหมือนที่มึงเคยอุ่นให้”

ผมฝืนกลืนลงคอ ต่อรีบส่งแก้วน้ำเปล่าให้ เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย

“มึงลืมพรมน้ำ ไม่ก็ลืมเอาน้ำใส่ถ้วยเข้าไปเวฟพร้อมกัน แล้วก็อุ่นนานไปแล้ว หรือไม่ก็หลังเอาแรปออกคงลืมเอาที่ครอบมาปิดก่อนอุ่นด้วยใช่ไหม”

วินยิ้มเจื่อน ที่ผมพูดต้องมีถูกบ้างล่ะ

ต่อขมวดคิ้ว “มีวิธีแก้ไหม?”

ผมส่ายหน้า “แต่มีตั้งหลายกล่องคงไม่เป็นไรหรอก แล้วนี่ก็แค่…ครึ่งกล่องเองไม่ใช่เหรอ”

ต่อพยักหน้าให้ผม ก่อนหันไปพูดกับวิน “งั้นมึงรับผิดชอบจานนี้ลงท้องไปเลย”

“ง่ะ”

ผมเห็นใจทันที กว่าจะเคี้ยวลงท้องหมด นรกชัดๆ

“เอ่อ เก็บไว้เป็นเกมลงโทษหลังกินขนมจีบดีกว่าไหม”

“ใช่ๆ” วินรีบสนับสนุน “ว่าแต่ตาใครเป็นคนคิดเกม?”

“กู แต่บอกตามตรงคิดไม่ออก มาช่วยกันคิดหน่อย”

ผมกับวินมองหน้ากัน แล้วหันมองคนต้องคิดเกม ตั้งแต่เล็กจนโตเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย ที่จริงต่อคิดเกมได้ แต่มันออกแนวดูดีมีสาระเกินไป สมัยเด็กเลยไม่ค่อยมีใครชอบจนต่อเครียดทุกครั้งเวลาวนมาถึงตาตัวเองต้องคิดเกม หลังๆ เลยมาขอความเห็นจากเพื่อนมากกว่า

“จุดประสงค์ของการรวมตัวครั้งนี้คืออะไร?”

ผมพูดเกริ่น วินตอบทันที

“เพื่อยำยำ มันกำลังเจอปัญหา เลยอยากเจอพวกเรา”

“แล้วต่อคิดอยากทำให้ยำร่าเริงขึ้นแค่ตอนนี้ แล้วกลับไปเครียดอีก หรืออยากให้ยำพูดถึงปัญหาในตอนที่มีพวกเราอยู่ด้วยล่ะ”

“อย่างหลังสิ”

“งั้นก็คิดเกมที่ช่วยเพื่อนได้สิ เอาตามสไตล์ต่อ เครียดก็ไม่เป็นไรหรอก”

“กูเห็นด้วยกับที”

ต่อมองข้ามเคาน์เตอร์แบ่งเขตครัวออกไป พวกผมมองตามถึงเห็นว่ากำลังมองเพื่อนเตี้ยสุดในกลุ่ม

“คงได้เห็นไวไวหลับ”

พรืด

ผมกับวินปล่อยเสียงหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพสมัยเด็กผุดขึ้นมาในหัว ไวไวนั่งหลับน้ำลายไหลยืด ยำยำอ้าปากหาวหวอดๆ เทมตาจะปิดอยู่แล้ว ส่วนผมกับวินนั่งหัวเราะคิกคักกับสภาพเพื่อนแต่ละคน มีแค่ต่อกับกายดวลเกมคำศัพท์ภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง หาตัวผู้ชนะไม่ได้สักที

“กูออกความเห็นแล้ว ขอไปอุ่นขนมจีบที่เหลือก่อนล่ะ”

ผมปล่อยวินคุยกับต่อ แว่วเสียงวินมาเป็นระยะ

“งั้นเอาอย่างนี้ เป็นเกมที่ให้ยำระบายความเครียดออกมาบ้าง…”

หลังจากนั้นผมก็ไม่สนใจอีก จัดการอุ่นเรียบร้อยก็มาขอแรงสองคนที่ปรึกษากันเสร็จแล้ว มาช่วยยกออกไปวางข้างนอก…เหมือนในห้องเย็นน้อยลง

“ปรับแอร์แล้วเหรอ?”

“ใช่ ไอ้ไวบ่นหนาว” เทมว่า

พอนั่งรอบวงกันครบ กำส้อมในมือพร้อม เหรียญห้าก็ถูกดีดขึ้นบนอากาศ

“รอเหรียญกระทบพื้นก็เปิดศึกได้”

พวกผมขานรับพี่ใหญ่ของกลุ่ม รอฟังเสียงอย่างตั้งใจ

เคร้ง

ทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณ แต่ละคนก็รีบจิ้มขนมจีบที่หมายตา มีหลายแบบครับ ทั้งขนมจีบกุ้ง ปู หมู เห็ดหอมสับ สาหร่าย แต่ไส้ปูน้อยที่สุด ไส้กุ้งเป็นอันดับต่อมา เลยต้องแย่งกันหน่อย 

“เฮ้ย ปูหายไปไหนหมด”

“นั่นของกูโว้ย”

ผมไม่สนใจแย่งชิงกับคนอื่น ไส้ไหนก็อร่อยทั้งนั้น เลยขอเน้นปริมาณมากกว่ารสชาติ หลังจิ้มหมูกับเห็ดหอมเข้าปากหลายลูก จู่ๆ มีขนมจีบปูยื่นมาตรงหน้า พอหันมองเจ้าของส้อม กลับโดนถามสั้นๆ

“เอาไหม?”

ผมเลิกคิ้วประหลาดใจสุดๆ “ให้จริงดิ?”

“อือ”

“…ไม่มีขอแลกเปลี่ยนทีหลัง?” ผมถามอย่างระวัง

“ไม่มี”

ถึงบอกว่าไม่สน แต่ของดีมีน้อยชิ้นก็ล่อตาล่อใจมากโข ถึงอย่างนั้นผมก็ยังลังเล

“ตัดสินใจช้า อดไป…”

ผมรีบคว้าข้อมือพาร์ที่กำลังจะดึงกลับ รีบอ้าปากงับขนมจีบปูพร้อมเคี้ยวช้าๆ รสสัมผัสดีกว่าหมูหรือเห็ดหอมเยอะครับ อร่อยจนผมเสียดายถ้าต้องรีบกลืน

“อร่อยไหม?” พาร์ถามหลังผมยอมกลืนลงท้อง

“มากๆ”

“งั้นจ่ายมาได้แล้ว” พาร์แบมือตรงหน้าผม

ฮะ?

ผมทำหน้างง “จ่ายอะไร?”

“ค่าขนมจีบ จะจ่ายเท่าไหร่ก็ได้ รับหมด”

ผมอ้าปากเหวอ ทำไมผมต้องจ่ายด้วย ในเมื่อคนซื้อมาคือต่อ ถ้าจะจ่าย ผมควรให้เงินกับต่อต่างหาก

“โหย เล่นขายขนมจีบตรงนี้ ไม่เกรงใจคนรอบข้างเลยยย”

“แต่ดูจากหน้ามึนงงของไอ้ที มันคงตามมุขไม่ทัน”

มุข?

ผมนึกทวนในใจ ก่อนติดสตันหลังเข้าใจ ขายขนมจีบที่ว่า หมายถึงกำลังสนใจอยากได้มาเป็นแฟน สรุปคือพาร์เล่นมุขจีบผมทางอ้อมครับ

“ทีตัวแข็งไปเลยวะ ฮ่าๆๆ”

“ไม่แปลก มันห่างหายจากการโดนผู้ชายจีบตั้งหลายปี สรุปมึงกำลังจีบทีสินะ”

“ก็…นะ”

“กล้าดีวะ”

“ไอ้ทีโหดนะ ระวังไว้ด้วยล่ะ”

ผมจิ้มขนมจีบสาหร่ายเข้าปากเงียบๆ อุตส่าห์ทำตัวกลืนไปกับบรรยากาศแล้วแท้ๆ ไอ้คนข้างๆ กลับไม่ยอมปล่อยผมไร้ตัวตน มีมากระซิบข้างหูเสียงแผ่ว

“กูนึกว่ามึงชอบแค่ขนมอย่างเดียวมาตั้งนาน แต่เพื่อนมึงยืนยันว่าทีชอบคนทำขนมมากกว่านั้นเยอะ…จริงหรือเปล่า”

“โอ๊ะ ไอ้ทีแก้มแดงวะ”

ผมจิ้มขนมจีบปาไปโดนหน้าผากไอ้ไวไวพอดี “ถ้ายังอยากมีปากไว้กินของอร่อย หุบปากมึงไปเลย!”

“ที ห้ามเอาของกินปาเล่น!”

ผมยิ้มแห้งให้กายที่ส่งสายตาดุมาให้ ส่วนคนโดนผมตวาดเหรอ จับส้อมที่ตกใส่ตัก เอาขนมจีบเข้าปากแล้วครับ แถมยังส่งแววตาล้อเลียนมาให้อีกต่างหาก ผมเลยแยกเขี้ยวส่งกลับไป

“พอดีเลย เกมครั้งนี้ต้องสนุกมากแน่ๆ”

ทุกสายตาหันไปมองวิน

“มึงคิดเกม?”

“เปล่า ต่อต่างหาก ชื่อเกมอะไรนะต่อ?”

“เกมอะไรวะ?” เทมถามลุ้นๆ

“เกมเลือก”

“ฮะ?”

วินหัวเราะเมื่อเห็นพวกผมทำหน้างง “ต่อหมายถึงเกมเลือกว่าจะพูดความจริงตรงๆ หรือเลือกจะโดนเพื่อนในกลุ่มแฉเรื่องน่าอาย แน่นอนว่าแฉในกลุ่มมันไม่สนุก เพราะงั้นบทลงโทษคือพรุ่งนี้จะโดนเอาเรื่องน่าอายไปแฉกับคนนอกกลุ่มที่มหาลัย แล้วแต่ว่าคนแฉจะเลือกไปแฉกับใคร”

“คนคิดเกมนี่มึงใช่ไหม!”

“โหดสัดๆ”

“อย่าใส่ร้าย กูแค่ให้คำแนะนำ เนอะต่อ”

คนถูกเอ่ยชื่อผงกหัวรับ แววตาเปล่งประกายขบขับ

“แล้วขนมจีบแข็งๆ นั่นล่ะ?” ผมรีบถาม

วินทำหน้าเจื่อน “ลงท้องกูหมดแล้ว”

นึกภาพวินกินไอ้นั่นไปคำ น้ำไปคำออกเลยครับ…เห็นแก่ที่มันยอมฟาดไอ้นั่นลงท้อง ผมยอมหุบปากเงียบก็ได้ ถึงจะรู้สึกว่างานนี้ตายแน่ก็ตาม

“งั้นกูไปเอาไม้ไอติมก่อนนะ”

ต่อลุกเดินไปห้องนอน คราวนี้เทมกับยำยำช่วยกันเก็บจานชามไปไว้ในครัว ส่วนผมลุกไปหยิบผ้าขี้ริ้วในห้องน้ำมาเช็ดพื้นอีกรอบ มีคนเดินตามหลังมา คงเป็นเพื่อนสักคนนั่นแหละ แต่พอได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดก็นึกแปลกใจเลยหันไปมอง ผงะสิ ไม่นึกว่าเป็นพาร์

“อะ…อะไร?”

พาร์จ้องหน้าผมไม่พูดอะไรสักแอะเดียว

“มองหน้าทำไม”

“กำลังมองคนใจร้าย ไม่คิดบอกกันเลยนะ”

น้ำเสียงตัดพ้อกันสุดๆ แถมยังเดินเข้ามาใกล้ ผมรีบถอยหลังด้วยความระแวง ไปๆ มาๆ ดันโดนต้อนหลังติดกำแพงซะงั้น

“เอ่อ มึงถอยไปยืนห่างๆ ก็ได้”

แต่พาร์กลับไม่ฟังผมเลย 

“ถ้าวันนี้เพื่อนมึงไม่หลุดพูดออกมา กูคงไม่มีวันได้รู้”

ผมอ้าปาก มองสีหน้าน้อยอกน้อยใจของคนตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง ก่อนยืนตัวแข็งทื่อเมื่ออีกฝ่ายซบหน้ากับไหล่ สะดุ้งยามโดนโอบรอบเอวหลวมๆ 

“ตอนแรกกูไม่อยากเชื่อนะ คิดสารพัดว่าหูฝาดบ้างล่ะ ฟังผิดบ้างล่ะ อึดอัดคับข้องใจจนต้องไปขอคุยกับเพื่อนมึง”

ภาพพาร์กับเทมคุยกันแวบเข้ามาในหัวผมทันที วินาทีนี้อยากอ้าปากพ่นไฟใส่เพื่อนที่สุด!

มันแฉผมอีกแล้ว!

“กูไปตั้งคำถามเพื่อนมึงมาตั้งหลายเรื่อง ยืนยันจนแน่ใจว่าไม่ได้หูฝาด และคนที่ว่านั่นคือกูแน่ๆ”

พาร์เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มสว่างไสวที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น

“ดีใจนะ…ดีใจมากๆ เลยล่ะ”

ผมเม้มปาก เบือนหน้าหนี แต่ต้องสะดุ้งเมื่อโดนลูบแก้มแผ่วเบา 

“แก้มแดงนะที”

เพราะใครล่ะ!

ผมผลักพาร์ออกห่าง มันดูตกใจปฏิกิริยาของผมพอสมควร หลังหายใจเข้าออกปรับอารมณ์สักพัก ผมก็พูดเสียงเฉียบขาดใส่มัน

“กูยังต้องไปเช็ดพื้น ถอยไป!”

พาร์รีบหลีกทางให้ ผมคว้าผ้าขี้ริ้วได้ก็เดิมดุ่มๆ ออกมานอกห้องน้ำ พอนึกได้ว่าลืมอะไรก็หันไปชี้นิ้วสั่งคนยืนอยู่ที่เดิม

“รองน้ำใส่ถังมาให้ด้วย”

“…อือ”

ก่อนผมจะปิดประตู แว่วเสียงพาร์งึมงำกับตัวเอง แต่เพราะในห้องน้ำเสียงก้อง ผมเลยพลอยได้ยินไปด้วย

“หนีหรือเนี่ย”

ผมปิดประตูใส่เสียงดัง

จะคิดยังไงก็เรื่องของมึง แต่คิดจะจับคนอย่างกู เร็วไปโว้ย!

เสียงมือถือไม่คุ้นหูดังขึ้นมาจากในห้องนอนเพื่อน พวกผมพร้อมใจกันเงียบ แว่วเสียงเจ้าของห้องพูดคุยลอดออกมาจากบานประตูที่ไม่ได้ปิด ครู่ใหญ่ต่อก็เดินหน้าเครียดออกมา

“โทษที คืนนี้กูต้องกลับไปนอนค้างที่บ้าน”

กายรีบเดินเข้าไปกอดคอต่อ

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”

ต่อส่ายหน้าทั้งที่ตีหน้าขรึม แต่พอโดนจ้องหนักเข้าก็ยอมเปิดปาก

“เรื่องธุรกิจที่บ้าน เหมือนจะมีหนอน พ่อเลยเรียกกูไปดูเขาจัดการปัญหานี้”

พวกผมไม่ได้พูดอะไร นอกจากกอด ตบหลัง ตบบ่าเบาๆ ให้กำลังใจ เพราะต่อเป็นลูกคนเดียวของบ้าน มันเลยต้องเป็นผู้สืบทอดธุรกิจพันล้านของครอบครัว อนาคตโดนปูทางไว้หมด แม้แต่เรื่องคณะมหาลัยก็ยังไม่มีสิทธิ์เลือก ดีที่มันปลงตกทำใจได้นานแล้ว เลยไม่ต้องห่วงเรื่องจะออกนอกลู่นอกทาง พวกผมกลัวแค่เรื่องเดียว กลัวเพื่อนจะเครียดมากเกินไป

“รถบ้านมึงจะมาเมื่อไหร่?”

“อีกสามสิบนาที”

กายหันมองพวกผม “ได้ยินแล้วใช่ไหม”

พวกผมขานรับ รีบแยกย้ายช่วยกันทำความสะอาดให้เรียบร้อย

“พวกมึงนอนค้างที่นี่ก็ได้”

ผมที่อยู่ใกล้ๆ ส่ายหัวให้เห็น ไม่ใช่ไม่อยากอยู่ แต่ถ้าอยู่แล้วพ่อแม่มันรู้เข้า คนที่โดนลงโทษคือต่อ ที่จริงเพื่อนผมไม่ได้หวงห้องทำงานหรือห้องนอนหรอก แต่ที่ไม่อยากให้พวกผมไปยุ่งก็เพราะในห้องมีเอกสารธุรกิจบ้านมันเยอะแยะ ถ้าเกิดเพื่อนเผลอไปซนจนเอกสารเสียหายขึ้นมา หรือเอกสารหายไป คงแย่ทั้งสองฝ่าย

“ขอโทษ”

“ไม่เป็นไรๆ” วินขยี้หัวเพื่อนที่หน้านิ่ง แต่แววตาสลด “อีกไม่กี่วันก็ได้รวมกลุ่มกันอีกแล้ว”

“ใช่ๆ มึงไม่ต้องคิดมากหรอก” ไวไวตะโกนออกมาจากทางครัว

ครึ่งชั่วโมงต่อมาพวกผมก็หอบหิ้วของลงมาพร้อมกัน ยืนส่งเจ้าของห้องที่มีรถมารอรับถึงหน้าคอนโดเรียบร้อย ก็เริ่มมองหน้ากันเอง ก่อนหันไปมองยำยำ เหมือนคนถูกมองจะรู้ตัว

“แยกย้ายเหอะ ไว้คราวหน้าค่อยคุยกัน”

“…เอางั้น?”

“อือ” ยำยำพยักหน้ายืนยัน “รอครบคนค่อยคุยกันทีเดียว”

พวกผมมองหน้ากันเองอีกรอบเป็นเชิงปรึกษา ก่อนพยักหน้ารับการตัดสินใจเจ้าของเรื่อง

“งั้นแยกย้าย” กายสรุป “ใครอยู่หอในก็รีบกลับ อย่าไปเถลไถลที่ไหนล่ะ”

“วินฝากยำด้วยล่ะ พวกกูไปนะ”

ไวไวกับเทมผละไปก่อน ไวไวยังขับรถไม่แข็ง แถมยังชอบหลงทาง เทมเลยขับมาให้ ที่รีบกลับคงเพราะต้องวนเข้ามหาลัยไปเอารถเทมก่อนประตูมหาลัยปิดล่ะมั้ง

คนที่เหลือบอกลากันเสร็จก็แยกย้าย ผมมองแผ่นหลังยำยำอย่างชั่งใจ

“ไม่กลับ?”

“เปล่า แค่กำลังคิดว่าบอกยำไปเลยดีไหม”

“ตามความคิดกู อีกสองสามวันค่อยบอกดีกว่า ถึงตอนนั้นเพื่อนมึงน่าจะมีสติรับฟังมากกว่าตอนนี้”

“…นั่นสินะ” ผมคล้อยตาม เพราะที่พาร์พูดก็ถูก

“แล้วเราล่ะ?”

ผมละสายตาจากแผ่นหลังเพื่อนหันมองพาร์ “ก็กลับไปนอนบ้านสิ”

“ไม่ใช่ กูหมายถึง…ขายขนมจีบให้แล้ว มึงล่ะให้จีบได้ยัง?”

ผมจ้องคนที่กล้าพูดประโยคเมื่อครู่ออกมาหน้าตาเฉยอึ้งๆ แต่แววตาพาร์กลับนิ่งสงบมีประกายอยากรู้คำตอบแฝงอยู่ลึกๆ เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเรา และถูกทำลายด้วยรถที่ขับมาจอดใกล้ๆ กระจกรถถูกเลื่อนลง สิ่งแรกที่เห็นอีกแววตาดุๆ ของว่าที่หมอ

“ยืนเฉยให้ยุงหามทำไม ขึ้นรถกลับบ้านไปเดี๋ยวนี้!”

“ไปแล้วๆ”

ผมรีบลากพาร์มาที่รถ ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ครุ่นคิด ดังนั้นพอเข้ามานั่งในรถ ผมเลยถามสิ่งที่อยากรู้ก่อน 

“มึงตัดสินใจแล้ว?”

“ใช่”

“ยังเหลือความลังเลสับสนอยู่ไหม”

“มี แต่ถ้าไม่ลองดู แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคำตอบถูกหรือผิด กูเลยคิดว่าสมควรเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างได้แล้ว”

ผมมองพาร์นิ่งๆ ระหว่างเอ่ยถามเสียงจริงจัง

“ถ้ากูไม่ให้คำตอบตอนนี้ มึงจะอ่านหนังสือสอบรู้เรื่องไหม?”

คนโดนถามหัวเราะร่วน “ถ้าเป็นอย่างนั้น กูคงอ่านไม่รู้เรื่องนานแล้ว…กูไม่ได้เร่งมึงนะที แค่ถามเฉยๆ ถ้าจะรอสอบเสร็จก่อน แล้วมึงค่อยคิดเรื่องของเราก็ได้ ไม่ว่าหรอก”

ผมพ่นลมหายใจโล่งอก “งั้นก็ตามที่มึงพูด”

“…ที”

“อะไร?”

“มึงกระตุ้นให้กูรู้สึกอยากล่ามึงวะ”

“อะไรนะ!”

พาร์ไม่ได้พูดอะไร นอกจากโน้มหน้ามาใกล้ ผมนึกว่ามันจะพูดกระซิบอะไรสักอย่าง แต่กลายเป็นว่าโดนหอมแก้มไปฟอดหนึ่ง กะทันหันจนได้แต่ตะลึง

“รู้ไหมยิ่งมึงพยายามหนี กูก็ยิ่งอยากตามจับมึง”

ผมอ้าปากจะด่า แต่ไม่ทันพาร์ที่เอ่ยพูดต่อ

“ขอบคุณที่เมื่อก่อนก็ชอบกู”

ผมหุบปากฉับ กลืนคำด่าลงคอ เหลือบมองคนอารมณ์ดีเหลือเกิน จู่ๆ ความหมั่นไส้ก็พุ่งพรวดจนต้องยกมือกอดอกไว้ กันเผลอไปฟาดหัวคนกำลังขับรถออกจากที่จอด

…หอมแก้มคือคำขอบคุณ แต่สัมผัสเมื่อครู่ต่างออกไป จนผมรู้สึกเหมือนโดนฉวยโอกาสยังไงชอบกล

-------------

และแล้ววันศุกร์ก็มาเยือน ผมแวะห้องพ่อเอาการ์ดไปวางบนหมอนเรียบร้อยก็กลับมาช่วยพาร์ยกข้าวของที่เตรียมไปค้างบ้านย่าขึ้นรถ แต่พอเห็นสภาพเหงื่อท่วมตัวเพื่อนก็อดถามไม่ได้ (พาร์พึ่งปั่นจักรยานเอาของที่จะให้ลุงแทนไปไว้ที่บ้านมันมาครับ)

“จะขึ้นไปอาบน้ำอีกรอบก่อนไหม?”

พาร์ส่ายหน้า “แต่กูขอถามอีกที มึงแน่ใจนะว่าไปค้างบ้านย่า ไม่ใช้จะไปเดินป่าที่ไหน”

ผมเซ็งคำถามนี้สุดๆ “ถามอะไรหลายรอบนัก”

“ก็มันน่าสงสัยนี่ แล้วไอ้ใบรายการที่ให้มาสำหรับจัดของ ดูยังไงก็เหมือนเตรียมไปเที่ยวชัดๆ”

“แล้วมึงจัดของตามใบรายการปะ?”

“จัด”

“งั้นก็ไม่มีปัญหา อีกอย่างกูบอกมึงแล้วนะว่าสอบเสร็จจะไปเที่ยวต่อ”

พาร์นิ่งไปเลยครับ ท่าทางคงพึ่งนึกออก

“…นี่มึงจะไม่กลับบ้านจริงๆ ใช่ไหม?”

ผมถอนหายใจ “จำสภาพเจ้าตัวเล็กเมื่อวันจันทร์ได้ปะ มึงคิดว่ากูสมควรกลับมาให้น้องเห็นหน้าไหมล่ะ”

“…ไม่”

“ก็นั่นน่ะสิ นี่ดีนะยัยน้ำโตแล้ว เพราะสมัยก่อนก็ไม่ต่างกับน้องอันหรอก แต่ถ้ากูหายไปนานๆ ก็ไม่แน่ ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า”

ผมมองหน้าพาร์นิ่งๆ “กูว่าเราน่าจะตั้งเงื่อนไขกันหน่อย อย่างแรก กูกับมึงห้ามโผล่หน้าไปให้น้องๆ เห็นทุกกรณี”

“แม้แต่น้องเข้าโรงพยาบาล?”

มุมปากผมกระตุก “รู้ไหมกูเคยโง่โดนมารยาเด็กหลอกมาแล้ว แล้วมึงจะรู้ว่าน้องเรากล้ากว่าที่คิด เป็นไปได้อย่าเต้นตาม ไม่งั้นจะกลายเป็นการสนับสนุนให้น้องทำตัวเองบาดเจ็บ”

พาร์ทำหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งใส่ผม

“แต่กูว่ามึงปิดมือถือไปเลยดีกว่า ก่อนปิดก็โทรไปรายงานตัวกับพ่อแม่ก่อน ถ้าเขารู้ว่าเราอยู่ในช่วงสอบ คงไม่ว่าอะไรหรอก แล้วค่อยโทรไปหาเป็นระยะก็ได้”

“ข้อต่อมาล่ะ”

“ห้ามบอกพิกัดว่าอยู่ไหน ไม่ว่าจะพ่อแม่หรือน้องถาม ห้ามบอกหมด กูเคยพลาดมาแล้ว ปรากฏว่าพ่อแม่ทนไม่ไหวพาน้องมาส่งถึงที่”

“…ยังมีอีกไหม”

“ข้อสุดท้าย ถ้ามึงเผลอใจอ่อนจนโดนจับตัวได้ กูจะทิ้งมึง…” แววตาคนฟังเปลี่ยนไปทันที ทำเอาผมผวา ไอ้ที่ยังพูดไม่จบเลยกลายเสียงตะกุกตะกัก “เอ่อ ให้อยู่กับน้องที่นี่”

ผมมองหน้าพาร์อย่างระวัง นึกสงสัยมันอารมณ์เสียเรื่องอะไร

“แค่นี้ใช่ไหม?”

“อือ”

จู่ๆ พาร์ก็ยิ้ม แต่แววตาไม่ยิ้มไปด้วยเลย

“กูไม่ให้มึงหนีเที่ยวคนเดียวแน่”

คนเดียว?

ผมมองคนที่หมุนตัวไปยกของขึ้นรถต่อ แล้วเพื่อนผมอีกหกคนทำไมไม่นับรวมด้วยเล่า

กว่าจะได้ฤกษ์ออกจากบ้านก็ปาไปเกือบบ่ายสามกว่าแล้ว ต้องรีบไปโรงเรียนน้องอันให้ทันบ่ายสามห้าสิบ วันนี้โรงเรียนน้องอันมีกิจกรรมวันพ่อครับ พ่อเลยขอหยุดงานไปอยู่กับน้องอันทั้งวัน ช่วงเช้ามีกิจกรรมอะไรบ้างผมไม่รู้ แต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไปจะเป็นการแสดงของห้องต่างๆ ไล่ตามระดับชั้นอนุบาล1 ถึงอนุบาล3

พวกผมมาเลทไปสิบนาที เลยได้ยืนดูแถวด้านหลังเก้าอี้ที่จัดเตรียมให้ผู้ปกครอง หลบอยู่ตรงกำแพงใกล้ประตู แม้จะพอมีที่ว่างให้ไปนั่งก็ไม่กล้าเข้าไปครับ เพราะผู้ปกครองบางคนถ่ายวีดีโออยู่

“อ๊ะ”

หมาป่าน้อยออกโรงพอดี หางสีเทาส่ายไปมาไม่หยุด ดูท่าเจ้าตัวเล็กจะตื่นเต้น ครูคงฝึกน้องมาพอสมควร เลยไม่มีหลุดบท แต่ท่าทางแข็งๆ ดูจะเกร็งมากไปหน่อย หลังดูสักพักผมก็เอนหัวกระซิบกับพาร์

“หนูน้อยหมวกแดงปลอดภัยแน่นอน”

“เผลอๆ อาจโดนหนูน้อยหมวกแดงจับไปเลี้ยงก็ได้”

ผมส่งเสียงเหอะในคอ

“ใครจะยอมยกหมาป่าน้อยแสนน่ารักให้ง่ายๆ”

ผมพูดจริงจังแท้ๆ แต่คนฟังกลับหัวเราะใส่ซะงั้น

ระหว่างกำลังดูน้องแสดงละครเพลินๆ เสียงไลน์ที่ดังขึ้นรีบทำให้ผมหยิบมือถือขึ้นมา ดีนะครับไม่ได้ตั้งเสียงไว้ดัง แต่พอเห็นข้อความ ผมรีบคว้าแขนพาร์ลากออกมาจากห้องประชุมทันที

“ไปไหน?”

“อย่าพึ่งถาม ไปที่รถเร็ว มึงขับนะ กูขอแบบเร่งด่วน สถานที่ก็…”

“ใจเย็น แล้วช่วยบอกให้กูเข้าใจหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”

ผมรีบชูหน้าจอตัวเองให้พาร์ดูข้อความ

Wind: SOS ใต้ตึกคณะกู
Wind: ยำยำโกรธจัด ชกต่อยกับรุ่นพี่ปีสาม ไม่ฟังกูเลย

ผมรอจนพาร์อ่านจบก็ถามเรียบๆ แม้ในใจอยากหายตัวไปถึงจุดเกิดเหตุตอนนี้เลยด้วยซ้ำ 

“รีบไปได้ยัง?”

############

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่26] P.8 (03/11/2016)
«ตอบ #238 เมื่อ03-11-2016 21:12:25 »

จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่26] P.8 (03/11/2016)
«ตอบ #239 เมื่อ03-11-2016 21:37:38 »

อ้าว.....ทีไม่ใช่หลงแค่ขนม เท่านั้น
หลงคนทำขนมด้วย เพื่อนๆที รู้ดีกันจัง
พาร์ คงรู้สึกดีสุดๆ ที่ใจตรงกัน
แสดงว่าที รู้สิว่าพาร์ เป็นคนทำขนม
ที ต้องเป็นพี่ที่ทั้งดี ทั้งสอน ทั้งดูแลน้องดีมาก
เพราะทั้งน้องน้ำ น้องอันอัน ติดที มากกกกก
ที่ไม่บอกอะไรยำยำ กลายเป็นทำให้ยำยำ
รู้เรื่องจากที่อื่น แล้วระงับอารมณ์ไม่อยู่หรือเปล่า
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด