- ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว  (อ่าน 175505 ครั้ง)

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: - ชลนที - [บทที่36] P.12 (30/12/2016)
«ตอบ #360 เมื่อ30-12-2016 10:57:36 »

หึหึ พาเด็กมาเปิดโลก 55

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: - ชลนที - [บทที่36] P.12 (30/12/2016)
«ตอบ #361 เมื่อ30-12-2016 15:59:29 »

 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:

อยากรู้ว่าพี่ภูกับพาร์เห็นชุดใหม่ของยำกับทีจะเป็นยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่36] P.12 (30/12/2016)
«ตอบ #362 เมื่อ30-12-2016 20:39:22 »

จะเอาอีกกกกก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่33] P.11 (15/12/2016)
«ตอบ #363 เมื่อ30-12-2016 20:55:50 »

อยากอ่านคู่ของพี่ภูกับยำ :hao5:

ยังไม่เห็นแววว่าทีจะใจอ่อนกับพาร์เลย :ling1:
อยากอ่านคู่ของพี่ภูกับยำ
ก็ไปที่เรื่อง  [My Cat Trap] กับดักนี้มีไว้จับแมวเถื่อน!
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56932.0
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2016 21:02:31 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่36] P.12 (30/12/2016)
«ตอบ #364 เมื่อ30-12-2016 21:25:01 »

❤️ HAPPY NEW YEAR  ขอให้ไรท์ มีความสุข และสนุกมากๆกับการไปเที่ยว
。◕‿◕。
หมอดูแม่นๆ หรือเปล่า
ที น่าจะสวยที่สุดในผับ  :mew1: :mew1: :mew1:
คราวนี้ คงเรียกตัวผู้เข้าหามากๆ  :katai1: :katai1: :katai1:
น่าจะอลหม่านวุ่นวายชัดๆ
จนเกินหน้าเกินตาเรื่องของยำ
พาร์ ต้องหึงสุดๆ จนอาละวาดแน่ๆ  :z6: :z6: :z6:
ขำพี่เต้ อะไรๆ ก็ไม่ๆไป
แต่พอบอกกำลังจะมีเรื่องสนุก
ไม่อยากมาร่วมวงหรือ ไปทันที กร๊ากกกกก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-12-2016 21:30:19 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่36] P.12 (30/12/2016)
«ตอบ #365 เมื่อ01-01-2017 19:39:46 »

 :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่36] P.12 (30/12/2016)
«ตอบ #366 เมื่อ03-01-2017 10:51:59 »

 :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #367 เมื่อ03-01-2017 21:11:56 »

บทที่ 37

เด็นไม่ได้นั่งตามลำพังอย่างที่คาด…

“นั่นพี่นัท”

“ฮะ!” ผมหันไปมองคนกระซิบบอก “เพื่อนพี่ภู?”

“เออ แถมเคยนอนกับอดีตเมียกูด้วย…ไม่ต้องมองอย่างนั้น กูไม่ไปหาเรื่องพี่เขาหรอก”

“กูห่วงความรู้สึกมึงต่างหาก”

ยำนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนส่ายหน้า “แปลกนะ กูไม่ได้รู้สึกเจ็บมากเวลาเห็นสองคนนี้อยู่ด้วยกัน”

“แปลว่าเจ็บ”

“แค่จี๊ดๆ เหมือนโดนเสี้ยนตำเท้า”

แต่แทนที่จะเดินตรงไปโต๊ะตัวนั้น คนนำทางอย่างพี่ช้างกลับอ้อมไปโต๊ะพี่ภูก่อน ไปถึงก็ไม่พูดพล่าม ถีบพี่เต้ถลาหน้าทิ่มไปหาพี่ภู คนโดนล้มใส่ก็ไม่ทันตั้งตัว เพราะเอาแต่มองตาค้างมาทางคนยืนข้างๆ ผมเนี่ย

โครม!

ถึงขั้นตกเก้าอี้ทีเดียว

“ตะลึงความน่ารักของน้องเต้จนตกเก้าอี้เลยเหรอภู”

“ไอ้เนี่ยอ่ะนะ” พี่ภูที่ลุกได้ก่อนหิ้วปีกพี่เต้ขึ้นจากพื้น “ยังน่ารักไม่ถึงครึ่งเมียกูเลย”

ผมเหลือบมองไอ้ยำ หน้าแดงเชียวนะมึง ไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย แต่ผมขอตีความเป็นอย่างหลัง

แชะ!

หือ? หันไปทางต้นเสียง เจอเทมกำลังฉีกยิ้มระรื่นใส่ “กูของแชร์ความน่ารักของมึงล่ะนะ”

เฮ้ย!

“หยุดเลยมึง!!”

ผมพุ่งไปหา พยายามแย่งมือถือมากดลบภาพ แต่มันกดส่งไปแล้ว ผมสบถในใจ ตบหัวเพื่อนไปหนึ่งป๊าบ

“ใครใช้ให้แชร์!”

“เจ็บนะมึง เดี๋ยวกูก็แชร์ลงโซเซียลแทนที่จะลงแค่ในไลน์กลุ่มหรอก”

“โอ๋ๆๆ ไม่เจ็บเนอะไม่เจ็บ”

“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย!”

ผมรีบชักมือออกจากหลังเพื่อน เปลี่ยนมากอดมันแน่นๆ แทน ไม่ตบหัวไม่ลูบหลังแล้วนะโว้ย

แชะ

ใครถ่ายรูปอีกวะ!

ผมหันไปมองต้นเสียงตาขวาง เห็นยำกำลังลดมือถือลง กดยุกยิกสักพัก ข้อความไลน์กลุ่มในมือถือเทมก็ขึ้นอัพเดต

Templar: ภาพหายาก นานๆ พวกมันจะแสดงความรักต่อกัน 555
White Rabbit: ว้าว ใครจับมันแต่งตัว ขอเบอร์หน่อยครับน้องที

ผมแย่งมือถือเทมมากดพิมพ์โต้ไวไว

Templar: หุบปากไปเลย!
White Rabbit: อะไรเนี่ย เทมหวงทีเหรอ กิ๊วๆ
Wind: อะไรๆ เพื่อนรักเพื่อนแค้นอย่างพวกมึงมีซัมติงกันด้วยเรอะ ทำไมกูไม่รู้
Templar: จะไปมีได้ไง! แค่เห็นหน้า กูก็เบื่อมันจะแย่!
YamYam: อย่าหลงกลครับ อย่าหลงกล ไอ้ทีแย่งมือถือเทมไปใช้ต่างหาก

หลังยำเฉลย สติกเกอร์หัวเราะมาเลยสองตัวจากวินกับไวไว

White Rabbit:  พวกมึงเนี่ยน้า
White Rabbit: ตัวติดกันมาแต่เล็กแต่น้อย เบื่อกันจะเป็นจะตาย แต่ก็ไม่เห็นตัดกันขาด

Wind: จริง ชัดสุดตอนพวกมันโดนจับขึ้นแสดงละครเวทีกะทันหัน
Wind: ต้องด้นสดล้วนๆ ก็ยังเข้าขากันดีจะตาย
Wind:เพื่อน พี่ น้องชอบอกชอบใจกันใหญ่
Wind: ถึงขั้นมีคนเชียร์ให้พวกมันได้กันเองด้วย

White Rabbit: เหอะๆ กูว่าเข็นไม่ขึ้นวะ
Wind: แหงล่ะ ใจไอ้ทีมีเจ้าของแล้วนี่

Wind: พูดถึงเรื่องนี้กูอยากถามมานานแหละ มึงไปหลงชอบพาร์ตอนไหนวะ
YamYam: เฮ้ย! กูก็อยากรู้ บอกเหตุผลที่ไปชอบมันด้วยก็ดี
Templar: อย่าขุดเรื่องสมัยเด็กมาพูดได้ไหม!!
YamYam: ทำไมวะ?

ผมเขม็งใส่ไอ้คนข้างๆ มันมองมาตาใสซื่ออย่างน่าจับมาเตะสักป๊าบ

ถ้ามึงไม่พิมพ์สานต่อมา มันก็จบประเด็นไปแล้ว!

Templar: กูยังมียางอายเหลืออยู่ จบนะพวกมึง!

ด้วยความที่นึกแค้นใจ ผมเลยฉวยโอกาสตอนยำเผลอถ่ายรูปมันส่งเข้าไลน์กลุ่มบ้าง

White Rabbit: โหยๆ เกิดอะไรขึ้นครับน้องยำ น่ารักขึ้นนะเนี่ย
“ไอ้ที!”

ผมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยัดมือถือคืนเจ้าของ เทมโวยวายใส่ผมทันที

“อย่าโยนของร้อนให้กู!”

“ไม่ได้โยนเลยเพื่อน” เพราะกูยัดใส่มือมึงต่างหาก ก๊ากกก!

“อ้าว ไวไวโวยวายมาว่ามันโดนทิ้ง”

ผมมองเทมงงๆ “ใครทิ้ง? เดี๋ยว…มันมีแฟนแล้วทำไมกูไม่รู้?”

“เพราะมันยังไม่มีไง มึงเลยไม่รู้…อ้อ กูรู้แล้วว่าใครทิ้งมัน”

“ใคร?”

เทมไม่ทันตอบ ไหล่ผมก็ถูกสัมผัสหนักๆ ประทับมาจนสะดุ้งโหยง ไม่ทันหายตกใจก็โดนดึงตัวหมุนหันไปเผชิญหน้า คาดว่าคนตบไหล่เกือบทรุดเมื่อครู่คือพาร์นี่เอง แววตาคนตรงหน้าที่กวาดมองกันตั้งแต่หัวจรดเท้าช้าๆ ทำเอาคนถูกมองแสกนอย่างผมอยากมุดดินหนีหายไปจากตรงนี้ชะมัด

มันไม่คิดว่าผมจะอายเป็น?

“น่ารัก”

ขอทำเป็นไม่ได้ยินแล้วกัน คิดแล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูดทันที “เพื่อนกูล่ะ?”

“อยู่กับเพื่อนมึงแล้ว”

“แล้วมึงมาทำอะไรตรงนี้?”

“มาดูมึง”

อืม ชัดมาก

“เห็นรูปในมือถือเพื่อนกูแล้วนี่” ไม่งั้นคงไม่โผล่หน้ามาให้ผมเห็นตอนนี้หรอก

“ก็อยากเห็นให้แน่ใจ”

มองรอยยิ้มชอบอกชอบใจของมันก็เบือนหน้าหนี และนั่นเองที่ทำให้ผมเห็นว่ายำกำลังคุยกับพี่ภูเหมือนกัน แต่คู่นู้นกำลังเถียงใส่กันหน้าดำหน้าแดง น่าเสียดายเสียงเพลงดังไปหน่อยเลยไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน ช่วงจังหวะที่กำลังเปลี่ยนเพลงไอ้ยำก็ตะโกนขึ้นมา

“มึงมันแย่! ห้ามแต่กู แล้วตัวมึงเองล่ะ!!”

นั่นเป็นประโยคส่งท้ายก่อนยำเดินหงุดหงิดกลับมาหาผม พี่ภูก็ท่าทางหัวเสียพอกันไล่ตามมาติดๆ พูดอะไรสักอย่าง แต่ยำไม่สนใจฟัง จนทั้งคู่เข้าใกล้ผมมากแล้วถึงได้ยิน

“ถ้าคิดแต่งตัวแบบนี้ก็เก็บไว้ให้แต่งให้กูดูคนเดียวพอ! ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า!!”

อื้อหือ…ระดับความหวงไม่ธรรมดาจริงๆ และไอ้ยำบทจะดื้อ มันก็อยู่ในระดับไม่ธรรมดาเช่นกัน

“กูไม่ไป!” มันว่าเสร็จก็หันทางผม “ไอ้ที ไปหาเมียเก่ากูกัน กูมีเรื่องอยากจะพูดกับมันเยอะแยะ”

ยำพยายามลากผมออกไป โดยไม่สนใจสีหน้าพร้อมนายยักษ์ของพี่ภู แต่มันลากผมตอนนี้ก็เท่านั้น เพราะผมเองก็โดนพาร์รั้งแขนไว้

“มึงแต่งตัวแบบนี้กูยอมได้” ถ้อยคำกระซิบอยู่ข้างหูชวนจั๊กจี๊ “แต่ที่พี่ภูพูดก็ถูก เป็นไปได้อย่าแต่งให้คนอื่นเห็นบ่อยนัก ที่สำคัญถ้าคิดจะหว่านเสน่ห์ล่ะก็ทำใส่กูคนเดียวพอ เข้าใจนะ?”

ไม่ทันได้ตอบ ยำก็กระชากผมให้รีบเดินตาม ผมสบตาพาร์เพียงแวบเดียวก็เร่งฝีเท้าตามยำเงียบๆ มองแผ่นหลังเพื่อนที่เดินนำหน้าก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมมันถึงได้ดื้อกับพี่ภูนัก เพราะตัวผมในตอนนี้กำลังมีความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมา ถ้ากรณียำเป็นความรู้สึกอยากต่อต้านพี่ภู ของผมคงเป็น…ความรู้สึกอยากท้าทายด้วยการขัดใจใครบางคนล่ะมั้ง

“มึงยิ้มอะไร?”

ผมออกจากภวังค์ เลิกคิ้วใส่ยำยำที่ถอยมาเดินข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

“กูยิ้ม?”

“เออ! แถมเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายมากด้วย เวลามึงยิ้มแบบนี้ทีไร ในหัวต้องกำลังวางแผนแกล้งใครสักคนแน่นอน”

ผมหัวเราะในคอ “กูจะเกลียดเพื่อนสมัยเด็กก็เพราะแบบนี้แหละ”

“เหอะๆ กูก็เกลียดที่พวกมึงชอบรู้ทันกูเหมือนกัน”

พวกผมเดินไปถึงโต๊ะเป้าหมายก็เห็นเด็นกับพี่นัทเพ่งมองมาอยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่ต่างอ้าปากเหวอ ท่าทางตกใจกันใหญ่ ตอนนั้นเองที่ผมนึกถึงปัญหาอย่างหนึ่งขึ้นได้จึงรีบเอียงคอบอกคนข้างๆ

“กูว่าเรากำลังเจอปัญหาวะ”

“ปัญหา?”

“สารรูปพวกเรานี่ไง ดูจากสีหน้าตื่นตะลึงของสองคนนี้แล้ว กูว่าโดนเข้าใจผิดไปเรียบร้อยแล้วแหงๆ”

“เฮ้ย! แต่กูไม่ได้เป็น!”

“กูรู้ แต่คนอื่นจะรู้แบบเราหรือเปล่าก็ไม่...ใช่ไหมล่ะ อ้อ อย่าพึ่งรีบแก้ตัวล่ะ มันทำให้ดูเหมือนมึงกำลังร้อนตัว”

ผมลากยำที่กำลังสบถไปนั่งร่วมโต๊ะ คลี่ยิ้มให้สองคนนั้นด้วยความนึกสนุก ในหัวมีแผนการบางอย่างที่ก่อตัวแตกแขนงจากแผนการเดิม หลังเอามาหลอมรวมกันก็ได้แผนการใหม่ ถ้ากรณีพาร์คือความท้าทาย กรณีเด็นน่าจะเรียกว่าให้ข้อคิดเป็นครั้งสุดท้าย ถือโอกาสยิงปืนนัดเดียวได้นกมาสามตัว…

ผมมองนกตัวที่สามเดินเกาะกลุ่มกันมาสามคน เกมที่ต้องล่าเบอร์งั้นเหรอ หึๆ ตอนแรกว่าจะแกล้งทำเป็นลืม แต่ไหนๆ ก็จะท้าทายใครบางคนอยู่แล้วก็ขอทำให้รุ่นพี่พอใจด้วยเลยแล้วกัน คิดแล้วก็เอียงหน้าพูดกับคนข้างๆ พูดกล่อมว่าที่แนวร่วม

“มึงอยากยั่วโมโหพี่ภูไหม?”

“มึงมีแผน?”

“ถูก ยังจำเรื่องต้องหาเบอร์ได้หรือเปล่า”

“ที่เพื่อนพี่ภูพูด?”

“นั่นแหละ มึงก็ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างยั่วโมโหพี่ภูไง ถ้าโดนโกรธมึงก็บอกไปว่ากำลังเล่นเกมกับพวกพี่ช้าง”

ยำทำหน้าสงสัย “เรื่องแค่นี้ทำให้มันโมโหได้?”

ผมยิ้มกริ่ม “ลองทำดู ไม่ลองก็ไม่รู้ใช่ไหมล่ะ”

“ก็จริง…แล้วกูต้องทำยังไง?”

“ง่าย แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ ตอบโต้คนที่มาคุยกับเราแบบนั้นแหละ ที่สำคัญต้องทำตัวแบบเป็นมิตรต่อคนที่เข้าหาเรา”

“อ้อ” ยำผงกหัวว่าเข้าใจ

หึๆๆ อกแตกตายแน่พี่

“แล้วมึงจะพูดอะไรกับเด็นก็รีบพูด เดี๋ยวก็หมดโอกาสหรอก”

“…พูดไม่ออกวะ”

“ฮะ?”

“ก็หลังโดนมึงเตือนสติเรื่องสารรูปเข้า ไอ้ที่คิดว่าจะพูดจะบอกก็กลายเป็นพูดไม่ออก ไม่สิ เหมือนว่าพูดไปแล้วมันคงไม่ฟังมากกว่า มันคงไม่เชื่อ เพราะนึกว่าโดนหลอกลวง”

ผมคิดตามก็เห็นด้วย คนที่ปักใจเชื่ออะไรไปแล้ว พูดแก้ไขอะไรก็ยาก ยกเว้นว่าจะให้รู้ข้อมูลที่ถูกเอาเอง

“พี่ช้าง” ผมร้องเรียกคนที่กำลังเดินมาหา “พวกผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยังพี่”

“ไม่ได้!” ตอบสวนมาแบบที่คิดไว้เป๊ะ มีเสริมอีกประโยค “เกมยังไม่รู้ผล ห้ามไปล้างเครื่องสำอางกับเปลี่ยนเสื้อผ้าเด็ดขาด”

“เกม? เกมอะไร?”

ผมพอใจที่พี่นัทเอ่ยถามเพื่อน

“แข่งกันสะสมเบอร์โทร ใครได้มากสุดก็ชนะไป”

“นี่พวกมึงลงทุนแต่งตัวกันแบบนี้กันมา เพราะเกมนี้?”

ดีพี่ ถามเข้าไปเยอะๆ

“แน่นอน มาที่แบบนี้ทั้งที่ แต่งตัวแบบธรรมดามาก็น่าเบื่อแย่”

“แล้วไปรู้จักน้องสองคนนี้ได้ไงวะ?”

“รุ่นน้องภูไม่ใช่เรอะ? มันชวนพวกกูมาเที่ยวที่นี่กับพวกรุ่นน้อง เพราะที่แบบนี้มากันหลายๆ คนอุ่นใจกว่า”

“…ก็จริง” พี่นัทว่า

ผมสังเกตสีหน้ากับแววตาของคนทั้งสองที่เริ่มแปรเปลี่ยน เหมือนผ่อนคลายมากขึ้น ไม่มีข้อกังขาอยู่ในแววตา เลยกระซิบบอกยำว่าพ้นมลทิน ก่อนเหลือบมองพี่ช้างที่กำลังเฮฮากับพ้องเพื่อน...คนๆ นี้เห็นยิ้มแย้มผูกมิตรง่าย แต่ความจริงแล้วฉลาดน่าดู เข้าใจอธิบายเหตุผลไม่พอ ยังลื่นเป็นปลาไหล จับโกหกไม่ได้ง่ายๆ แน่

คิดถูกแล้วที่อยากผูกมิตร เพราะถ้าให้เป็นศัตรูกับคนแบบนี้ ผมก็ไม่เอา

“เด็น กูมีเรื่องอยากบอกมึง”

ผมเหลือบมองเพื่อน มันทำหน้าขึงขังพูดเสียงดังฟังชัด

“กูรู้เรื่องพี่ภูร้ายกาจกับมึงแล้ว กูขอโทษ”

เด็นนั่งนิ่ง ผมไม่รู้ว่ามันได้ยินหรือเปล่า อย่างที่บอกในนี้ไม่ค่อยเหมาะกับการพูดคุยกันเท่าไหร่ ยำคงคิดแบบเดียวกัน มันถึงได้หันหน้ามองผมเป็นเชิงถามความเห็น

“ไว้ค่อยคุยกันตอนกำลังจะกลับก็ได้”

ผมว่า ไม่คิดจะเตือนเรื่องข้างนอกผับเงียบกว่าข้างใน เพราะมันคงเรียกเด็นออกไปคุยทันที การแยกตัวออกห่างสายตาเพื่อนทั้งที่รู้ว่ากำลังอยู่ในกับดักประสงค์ร้ายไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ต่อให้มันนึกได้ทีหลังคงมีแต่ต้องขัดขวางไว้ก่อน

ผมเห็นพี่ช้างคุยอะไรกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง สักพักทั้งสามก็ผลัดกันลุกขึ้นโชว์สเต็ปเต้นอยู่ข้างโต๊ะด้วยลีลาที่ทำผมอึ้ง คือมันไม่ได้แย่ ออกแนวดึงดูดความสนใจให้คนมองรู้สึกสนุกสนาน เรียกอารมณ์คึกคักให้นึกสนุกตาม พอพี่ๆ ให้ผลัดออกไปเต้น ผมก็ไม่อิดออด เต้นอยู่ดีๆ เหมือนมีอะไรปาใส่หัว กวาดสายตาทั้งซ้ายขวาก็เห็นแต่คนกำลังมองมา จะหาตัวคนปาท่าจะยากเลยตัดใจเต้นจนจบครึ่งเพลงก็ผลัดให้ยำออกไปเล่นสนุกบ้าง

พี่เพชรยื่นแก้วมาให้ ผมรับมาจิบ เข้าปากปุ๊บเกือบพ่นออกมาปั๊บ ผมปิดปากฝืนกลืนลงคอเรียบร้อยก็ร้องถามคนยื่นแก้วมาให้

“พี่เอาเหล้ากับเบียร์มาผสมกันเรอะ!”

“หมดแก้วๆๆ”

ฟังกันไหมเนี่ย!

ผมย่นหน้ามองแก้วในมือ น่าจะมีผสมน้ำอัดลมด้วยนิดหน่อย ไม่น่าจะใส่โซดา รสถึงได้เข้มบาดคอนัก

“หมดแก้วๆๆ”

นี่ก็ไซโคกันจริง!

ผมส่ายหน้า ยกจิบอีกเล็กน้อย ขืนหมดแก้วอย่างที่บอกสติคงหายไปกว่าครึ่ง พอยำกลับมานั่งแก้วมรณะก็มาเยือนมันบ้าง ผมเห็นแล้วล่ะว่าพี่แกเล่นผสมเบียร์เป็นหลัก เหล้าเป็นรอง น้ำอัดลมพอกรุบกริบ โซดาไม่มีตามคาด ผมเฝ้ามองเพื่อนกระดกน้ำในแก้วเข้าปากไปเต็มคำ แล้วมันก็แทบจะพ่นออกจากปากเช่นกัน อาการเดียวกับผมเป๊ะ

“อ…อะไรเนี่ย!” 

“หมดแก้วๆๆ”

มาอีกแล้วไอ้คำนี้ ผมชักทนไม่ไหว เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้

“พวกพี่คิดมอมพวกผมเหรอ?”

ทั้งสามมองหน้ากัน “แค่นี้ไม่เมาเร็วหรอกน่า”

ไม่เร็วกับผีอะไรล่ะ!

“ไอ้ภูกินไปตั้งหลายแก้ว มันยังเฉย แถมบอกพวกพี่อีกว่าเล่นอะไรไม่รู้โคตรเปลือง”

ผมเบะปาก จำได้ว่าวิน ไม่ก็ยำเคยเล่าว่าใครคอแข็งอันดับต้นๆ ของคณะมัน หนึ่งในนั้นมีพี่ภูที่ติดอันดับด้วย ผมจำได้ ไม่กล้าไปเอาตัวเองไปเปรียบหรอกครับ

“อึกๆๆ”

ผมรีบหันมองยำ มันกำลังกระดกดื่มไม่ยั้ง

“เฮ้ย!!”

“หมดแก้วเลยไอ้น้อง นั่นแหละ อีกนิด”

“ฮ้า!”

ไอ้ยำดื่มหมดแก้วจริงๆ

“เยี่ยม!! มันต้องอย่างนี้! เอาแก้วมาเลยน้อง”

“กินๆ ไปก็อร่อยดีนะพี่”

“ใช่ไหมล่ะ”

มันบ้า!

“ส่วนทีไม่ไหว แค่นี้ใจก็ไม่สู้”

เส้นอารมณ์เริ่มกระตุก แต่ก็ยังข่มไว้ไม่ให้หลงไปกับคำยั่วยุ

“มันใจไม่ถึงเท่าผมหรอก ฮ่าๆๆ”

ถ้าคนพูดประโยคนี้ไม่ใช่ยำที่เสียเอกราชตกเป็นเมียคนอื่น ผมจะไม่รู้สึกเส้นอารมณ์ขาดผึงเหมือนตอนนี้แน่

“โอ้ มันต้องอย่างนั่นสิไอ้น้อง” 

ผมแอบจดบัญชีแค้นนี้ไว้ในใจ หลังหมดแก้วแรกก็มีแก้วที่สอง สาม สี่ตามมา แต่หลังๆ ผมค่อยๆ จิบทีละนิด ตอนนี้แก้วที่สองยังไม่หมดเลยครับ ไม่เหมือนไอ้ยำปาไปแก้วที่สี่แล้ว มันเฮฮากว่าปกติ กล้าทำนู้นนี่แบบไม่ยั้งคิด ตามพวกรุ่นพี่ทั้งสามแสดงความบ้าแบบไร้พิกัด…ทั้งที่เดินทรงตัวยังไม่ตรง

เอาเถอะๆ อยากทำอะไรก็ทำ ยังไงมันก็คงมีพี่ภูจ้องตาเขียวคอยดูแลอยู่แล้ว 

ผมสนุกไปกับคนทั้งโต๊ะ มีคนมาขอแจมเป็นระยะ ส่วนใหญ่ก็มาจีบคนในโต๊ะเนี่ยแหละ ผมก็โดนเหมือนกัน ทิ้งเบอร์ไว้ให้ก็หลายคนอยู่ ระหว่างคุยกับคนแปลกหน้าก็เหมือนอะไรมาโดนหัวอีกแล้ว หันซ้ายหันขวาไม่เห็นอะไร ผมโดนจนไม่แน่ใจแล้วว่าคิดไปเองหรือเปล่า

“เป็นอะไร?”

ผมยักไหล่ “ไม่ต้องสนใจหรอก แล้วนี่พี่มาจีบผม?”

“จีบไม่ได้?”

ผมหัวเราะ “พี่คงผิดหวัง ข้างนอกผมอาจเป็นแบบที่พี่ชอบ แต่ข้างในไม่ใช่เลย”

“ทำไมล่ะ? ยิ่งคุยกับเราพี่ก็ยิ่งชอบนะ”

“ผมนึกว่าพี่ชอบประเภทที่มีนิสัยไปทางผู้หญิงหน่อยๆ ซะอีก”

“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ถ้าคุยกันแล้วรู้สึกไม่ใช่ก็จบ”

“เป็นตัวของตัวเองดีกว่า?”

พี่แกนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนพยักหน้า “ใช่”

“ดีกว่าฝืนทำสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง?”

“…ใช่ เพราะฝืนไปแล้วแม้ตอนแรกจะดี แต่สุดท้ายสิ่งที่พยายามสร้างมาก็มีแต่พังทลาย”

“แล้วถ้าหลังค้นหาทางของตัวเองพบ แต่คนอื่นไม่มีใครเห็นด้วยล่ะ?”

“ก็…อยู่ที่ตัวเราอยากเดินทางสายนั้นต่อหรือเปล่า”

ผมพยักหน้าอย่างพอใจ นี่เป็นรายที่หกหรือเจ็ดก็ไม่รู้ที่ผมเอ่ยถามอย่างจงใจให้ใครบางคนได้ยิน ถ้ามันเก็บไปคิดบ้างก็คงจะดี

“นี่พี่กลายเป็นที่ปรึกษาแทนคนมาจีบแล้วเหรอ?”

ผมหัวเราะอีกครั้ง “ขอโทษนะพี่ ผมติดสัญญาให้จีบกับใครบางคนไปแล้ว”

“งั้น” พี่แกฉีกกระดาษบนโต๊ะมาจดยิกๆ แล้วยื่นให้ “เบอร์โทรพี่ อยากได้ที่ปรึกษาก็ติดต่อมาได้”

ผมยิ้มให้ทันที “ขอบคุณครับ”

…เหมือนมีอะไรกระทบหัวผมอีกแล้ว

มือถือผมกำลังสั่น ยกมาดูถึงเห็นว่าเป็นข้อความจากเทมในไลน์กลุ่มเพื่อนเก่าแก่ ว่าจะไม่สนใจ แต่มันเล่นพิมพ์ชื่อผมมารัวๆ เหมือนกำลังร้องเรียกให้สนใจด่วน

TEE: อะไรวะ?
Templar: มึงช่วยหันมาหน่อยเหอะ โต๊ะกูเสียน้ำแข็งไปหลายถังแล้วโว้ย!
Templar: ตอนนี้กูไม่มีน้ำแข็งมาเติมเหล้าแล้ว
TEE: ก็สั่งเพิ่มไปดิ
Templar: สั่งจนเขามาส่งไม่ทันแล้วโว๊ยยย!

ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง พิมพ์แซว

TEE:นี่มึงกินหรือเอาไปปาเล่น?
Templar: กูน่ะกิน แต่พาร์เอาไปปาใส่หัวมึงหมด!

ฮะ! ไอ้ที่รู้สึกเหมือนมีอะไรกระทบหัวมาตลอด เพราะเหตุนี้?

Templar: แต่ที่กูทนไม่ได้มากสุดคือการเห็นมึงหันซ้ายขวา แต่ไม่ยอมหันมาด้านหลัง!

ผมนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนพิมพ์โต้เทม

TEE:กูจะหันไปทำไมเล่า
Templar: หันมองคนของมึงไง มันจะแดกหัวพวกกูมาเคี้ยวเล่นแทนน้ำแข็งที่เสียไปอยู่แล้ว!!!

ผมหลุดหัวเราะออกมาทันทีหลังนึกภาพตาม อ่า แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง

Templar: ไอ้ยำก็อีกตัว พี่ภูทำหน้าโหดพร้อมจะชำแหละมันอยู่แล้ว!
TEE: งั้นเหรอ
Templar: นี่พวกมึงพร้อมใจกันยั่วโมโหคนของตัวเองใช่ไหมวะ
TEE: เปล่า
Templar: กูไม่เชื่อ!
TEE: แล้วถามทำไม?
Templar: ยั่วมากจนเกิดเรื่องก็ตัวใครตัวมัน เพื่อนขอไม่ยุ่ง!

“หยุดเอาแต่ก้มหน้ามองมือถือ”

หือ?

ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียงยางคาน ก็เห็นพี่ช้างมองเขม็งมาก็รีบเก็บมือถือลงกระเป๋า แต่พี่แกก็ยังไม่เลิกจ้อง สักพักก็ชี้นิ้วใส่แก้วที่ผมวางไว้บนโต๊ะ

“ไอ้นี่นานไปแล้ว เมื่อไหร่จะกินหมด”

อยากจะบอกว่าอีกนาน แต่ไม่ขอเสี่ยงดีกว่า เลยยกที่เหลืออีกประมาณหนึ่งในสี่มากระดกจนหมด

“ดี เอาแก้วมา แก้วนี้ต้องดื่มให้หมดเร็วๆ”

“ช่ายยย หมดแก้วๆ”

ขี้เมาที่มีเจ้าของแล้วถลามาหาผม ร้องเชียร์หนวกหูอยู่ข้างๆ จนผมอยากเอาแก้วที่พึ่งได้มาสาดใส่หน้ามัน เผื่อจะช่วยให้สร่างเมาได้บ้าง

“ช้ากว่าคนอื่นตั้งหลายแก้ว ใช่ไหมพวกเรา”

หลายที่ไหน แค่สองแก้วเองพี่

“มาๆ พี่ป้อน”

แก้วในมือถูกดึงออกไปไม่ทันตั้งตัว ผมเบือนหน้าหนีแก้วที่เอามาจ่อถึงปาก

“ไม่เอาพี่ ผมยังไม่อยากเมา”

แต่ขยับไปไหนปากแก้วตามตลอด สุดท้ายก็โดนจับกรอกปาก เพราะไม่อยากสำลักเลยต้องกลืนลงคอ คำแล้วคำเล่า จากที่มึนๆ อยู่แล้วก็ยิ่งแย่ และหลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้ มารู้สึกตัวอีกทีก็โดนอาการปวดหัวจู่โจมใส่จนต้องนอนนิ่งกับเตียงนุ่ม…

เตียงเรอะ!

ผมกัดฟันทนอาการปวดหัว ผงกหัวยันตัวลุกขึ้นนั่ง ฝืนกวาดตามองไปทั่วสถานที่อยู่ตอนนี้ ไม่คุ้นกับข้าวของพวกนี้เลย

ที่นี่คือที่ไหน? แล้ว…

แค่ก้มหน้าลงผมก็รีบยกมือปิดปาก ท้องปั่นป่วนอยากคายของเก่ามาก รีบโซซัดโซเซลงเตียงพยายามเกาะพยุงตัวไปห้องน้ำ ผมเดาว่าประตูตรงนั้นคือห้องน้ำ โชคดีที่เดาถูก ได้ไปนั่งกอดชักโครกแหวะออกมาตามใจต้องการ ไม่มีเศษอาหาร ไม่มีน้ำเมา มีแต่ลม…น่ากลัวว่าก่อนหน้านี้ผมคงอ้วกหมดท้องก่อนสลบเหมือด

หลังอาการปั่นป่วนในท้องลดน้อยลง ก็ยันตัวไปล้างปากล้างหน้าตรงอ่าง เงยหน้ามองกระจกถึงกับผงะ

หน้าซีดเผือกไร้สีเลือดเหมือนคนป่วยหนัก ปากแห้งแตก แล้วชุดที่ใส่ก็เป็นเสื้ออาบน้ำสีขาวแบบที่เห็นประจำในโรงแรม…โรงแรมเรอะ!

ความกลัวแล่นเข้าสู่หัวใจ ผมรีบคล้ำก้นตัวเองเป็นอย่างแรก…ไม่เจ็บ

เป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก แต่พอแหวกชายเสื้อคลุมออก หน้าที่ซีดอยู่แล้วยิ่งซีดลงไปอีกยามเห็นจุดแดงๆ ทั้งที่หน้าอก หน้าท้อง ผมรีบดึงปมมัดเสื้อออก แหวกสำรวจช่วงล่าง

เวรแล้ว! ต้นขาด้านในก็มี   

เม็ดเหงื่อเริ่มผุดออกมา ที่ผิดปกติอีกอย่างก็เจ้าน้องชายคนดี ไหงถึงรู้สึกเจ็บๆ เล่า

############

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #368 เมื่อ03-01-2017 22:08:36 »

พาร์ปล่อยให้ทีโดน.......

ออฟไลน์ dilokrittisak

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #369 เมื่อ03-01-2017 22:38:48 »

เอาแล้วไงงงงงงงงงงงงง
ทีโดนอะไรเข้าไปละนั่น
 :haun4: :haun4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
« ตอบ #369 เมื่อ: 03-01-2017 22:38:48 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #370 เมื่อ03-01-2017 23:09:11 »

น่าจะฝีมือพาร์นั่นล่ะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #371 เมื่อ03-01-2017 23:21:02 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #372 เมื่อ04-01-2017 01:05:09 »

เส้ดไปแล้วละ 55555 นุงที

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #373 เมื่อ04-01-2017 06:59:16 »

อะไร ยังไง  :katai1: :katai1: :katai1:
ที เมาแล้วโดนใครลวนลาม
พาร์ หรือเปล่า
แต่ที ยอมได้ไงให้พี่ช้างมอมเหล้า
ยั่วโมโหพาร์เกินไปปะ  ทีทำเกินไป
ถ้าพาร์ เป็นคนลวนลาม เห็นสมควรอย่างยิ่ง :ling1: :ling1: :ling1:
โมโหทีและ รู้ทั้งรู้ว่าพาร์ ทั้งรักทั้งหวง  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ส่วนยำ ไม่อยากคิด โดนพี่ภู จัดหนักแน่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ hoshinokoe

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #374 เมื่อ04-01-2017 07:44:44 »

หือเกิดอะไรขึ้นหว่า

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #375 เมื่อ04-01-2017 14:12:32 »

 :confuse:
ตกลงคืออะไร

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #376 เมื่อ04-01-2017 19:57:07 »

แหม่ ภาพตัด

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #377 เมื่อ04-01-2017 20:21:27 »

 :mew5:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #378 เมื่อ06-01-2017 01:48:52 »

แล่วๆๆๆๆๆๆ ใครทำล่ะนั่น
ขำที่พาร์หึงแล้วคอยปาน้ำแข็งใส่ 555555555

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #379 เมื่อ06-01-2017 18:40:34 »

สม ทำไรไม่คิดดีๆ เหอๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
« ตอบ #379 เมื่อ: 06-01-2017 18:40:34 »





ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่38] P.13 (08/01/2017)
«ตอบ #380 เมื่อ08-01-2017 17:01:32 »

บทที่ 38 (Par)

ผมยื่นเงินส่งให้แม่ค้าร้านข้าวต้ม เดินเพลียๆ กลับมาที่รถ เจ้าของรถไม่อยู่เลยยืนพิงรถรอ

“พาร์ๆ”

ลืมตามองคนเขย่า ดูเหมือนผมจะเผลอหลับไป พี่ภูมองมาอย่างเป็นห่วง แต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะเราก็แทบไม่ได้นอนกันทั้งคู่

“ขึ้นรถเถอะ”

“แล้วเสบียงที่พี่บอกจะไปซื้อ?”

“อยู่บนรถแล้ว”

อ้อ วางเรียงรายอยู่เบาะหลัง กลิ่นหอมของอาหารตีกันอยู่ภายในรถ

“เยอะไปหรือเปล่า”

“ไม่หรอก เสียพลังงานไปขนาดนั้นมีแต่หิวจนกลืนช้างทั้งตัวลงท้องมากกว่า”

ผมมองเวลาคิดว่าออกมาแปบเดียว แต่นี่จะครบชั่วโมงอยู่แล้ว อดเป็นห่วงคนอยู่ในโรงแรมไม่ได้จริงๆ

“พี่ว่ายาหมดฤทธิ์ยัง?”

“หมดแล้วมั้ง”

“แน่นะ?”

“ทำไม? กลัวสองคนนั้นได้กันเองเรอะ พี่ว่าลุกไม่ขึ้นหรอก นอนฟ้าเหลืองอยู่บนเตียงมากกว่า”

“ก็แค่คนของพี่”

“…พูดแบบนี้ ไม่ได้ทำถึงขั้นนั้น?”

ผมได้แต่เงียบ

“จริงดิ เห็นแบบนั้นทนได้ด้วยเรอะ?”

“…ไม่ แต่ผมจำเป็นต้องทนให้ได้”

“ทนได้ไง?”

“…แค่นึกถึงผลหลังมันตื่น”

“แค่นั้น?”

“พี่อาจไม่เข้าใจ แต่สำหรับผม…กลัวเสียมันไปที่สุดแล้ว”

“…ถ้าไม่ครอบครองเป็นของตัวเอง ก็อาจหลุดมือไปก็ได้”

ผมหัวเราะเบาๆ “ของพี่อาจใช่ แต่ของผมไม่ ย่อมใช้วิธีแตกต่างกัน”

“นั่นสินะ...นึกโกรธมือวางยาไหม?”

“เพื่อนทีไลน์บอกว่าเป็นพนักงานของที่นั่น ได้รับเงินค่าตอบแทนจากสามตัวนั่นเป็นประจำ”

“ตอบไม่ตรงคำถาม”

ผมพ่นลมหายใจ เลี่ยงไม่ได้ก็ต้องตอบ “…กึ่งๆ ล่ะมั้ง ผมโกรธมาก แต่ตอนนี้กลับนึกขอบคุณที่ทำให้ผมได้เจอจิตใต้สำนึกของใครบางคน”

“ยิ้มนะเรา มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นล่ะสิ”

“ไม่เชิง…แค่ทำให้ผมรู้ว่าใครบางคนปากแข็งกว่าที่คิด”

“ถ้าเพื่อนๆ สองคนนั้นได้ยิน เราอาจโดนโกรธ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วย กลุ่มนี้รักกันมากกว่าที่คิด

“เมื่อคืนคนชื่อวินเป็นคนติดต่อเรื่องห้องพักใช่ไหม”

“ผมก็ได้ยินแบบนั้น”

“…พี่น่าจะเอะใจตั้งแต่เมื่อคืน บางทีวินอาจเป็นลูกเจ้าของโรงแรม หรือลูกของหุ้นส่วน เพราะนอกจากจัดการติดต่อจนได้ห้องระดับ Deluxe 2 Bedroom ในเวลาสั้นๆ แล้ว ยังจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างรวดเร็วอีก ไม่สิ…พี่น่าจะนึกได้ตั้งแต่คนขับรู้ว่าเพื่อนตัวเองไม่ไหว แทนที่จะขับเข้าโรงแรมใกล้ที่สุด กลับพาเลยมาถึงโรงแรมที่เราเข้าพักเมื่อคืน” 

“…เวลาแบบนั้นพี่ก็ยังมีสมาธิสังเกต?”

“ไม่มีต่างหาก ถึงมานึกได้เช้าวันนี้ไง เมื่อคืนพี่สนใจแค่ลูกแมวจอมยั่วที่ร้องเรียกหาไม่หยุดเท่านั้น” คนพูดยิ้มอย่างมีความสุข “น่ารักจนพี่สติหลุดเลยล่ะ”

ภาพเมื่อคืนผุดเข้ามาในหัว ทีเองก็…

“…ผมว่าผมพอเข้าใจ”

ถึงโรงแรม เราช่วยกันหิ้วของพะรุงพะรังจนถึงหน้าห้องพัก พี่ภูใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้อง เราวางของไว้ตรงโต๊ะกินข้าว ก่อนแวะเข้าห้องนอนเพื่อดูคนหลับ

…ไม่อยู่ ผมนิ่วหน้า เดินไปมองหาในห้องน้ำก็ไม่มี หรือว่า…

รีบกระชากประตูออก จังหวะเดียวกับอีกฝั่งเปิดประตูเช่นกัน

“ยำหาย ทีล่ะ”

ผมส่ายหน้าสื่อว่าไม่มี เราพร้อมใจกันมองพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ด้านในสุด รีบเดินไปมองหาก็ต้องผงะ เพราะที่โซฟามีสองร่างกำลังนอนกอดกันจนตัวกลม

“เฮ้ยยยย!” 

“รีบลากทีไปห้องโน้นเลย!”

“พี่ก็เหมือนกัน ปล่อยเมียมานอนอยู่แถวนี้ได้ไง”

“ก่อนไปมันก็นอนอยู่ในห้องดีๆ แล้วทำไมยาถึงยังไม่หมดฤทธิ์อีกวะเนี่ย!!”

ผมหิ้วปีกทีเดินถอยหลัง ลากมันเข้าห้องตัวเอง ส่วนพี่ภูกำลังดึงผ้านวมออก จากท่าทางคงคิดจะอุ้ม ไม่ก็แบกไป

“เฮ้ย! เปลือยเรอะ!”

ผมรีบเบือนหน้าหนี พอมองคนของตัวเองที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ก็รู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่ใส่ให้กับมือก่อนออกไปซื้อเสบียง

“นี่มึงกำลังยั่วกูใช่ไหม?!”

“ไม่เอา…ไม่เอาแล้วภู”

ผมรีบปิดประตูห้องนอนหนีเสียงจากภายนอก แต่ก่อนจะพาคนในอ้อมกอดไปทิ้งที่เตียงกลับสะดุดสายตาข้องใจที่มองมาซะก่อน

มันได้สติแล้ว?

ผมทดลองถามดู “…มองมาเหมือนมีคำถาม”

“มี! เยอะด้วย!”

หายแล้วใช่ไหม?

ผมลังเล ไม่แน่ใจว่ายังมีอาการของยาตกค้างหรือเปล่า เลยลองปล่อยให้มันยืนเอง ทีหมุนตัวมาประชันหน้าผมทันที ไม่มีท่าทีเข้ามาอ้อนเหมือนเมื่อคืน…น่าจะหายแล้ว

“คนที่อยู่กับกูเมื่อคืนคือใคร? ไอ้ยำเรอะ หรือว่า…มึง”

ผมตอบอย่างสงบ “เป็นกู”

ทีทำหน้าตื่นตะลึง “จริงดิ!”

“จริง”

“งะ งั้นกู…กับมึง…ก็…”

ผมเพียงแค่ยืนมองนิ่ง แต่ในใจเต็มไปด้วยความกังวล ถึงบอกพี่ภูไปว่าทนได้ แต่ความจริงใครทนได้ก็บ้าแล้ว ผมทำได้แค่พยายามไม่ให้ตัวเองล่วงล้ำสำรวจภายใน ส่วนภายนอก…ไม่เหลือพื้นที่ให้ผมสำรวจแล้ว

“นี่กูเมาหนักขนาดนั้นเลยเรอะ!!”

ผมมองคนท่าทางสติแตกก็ไม่เชิง มีสติก็ไม่ใช่ ไม่รู้จะยังคุยกันรู้เรื่องไหม แต่เพราะจำต้องบอกเลยพูดออกไป “มึงโดนวางยา”

“ยา? ยาอะไร?...ยาปลุก”

ผมใจชื้นขึ้นเมื่อเห็นทียังมีสติมากพอประมวลผลเอง “ใช่”

“กู…ไปโดนยาตอนไหน?”

“หลังจากมึงเมา ถึงกูคอยมองมึงตลอดเวลาก็ใช่ว่าจะรู้ว่าแก้วไหนใส่ยา หรือถูกใส่ตอนไหน เท่าที่เพื่อนมึงไปสืบให้ เป็นพนักงานในร้านที่มาเติมน้ำแข็งให้โต๊ะมึง มันฉวยโอกาสชงเหล้า ก่อนใส่ยาลงในแก้วของมึงกับยำ แล้วก็เพื่อนพี่ภูอีกคน”

ยิ่งฟังคิ้วทีก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน “เพื่อนพี่ภูคนไหน?”

“พี่เพชร”

“…กูนึกว่าพี่เต้ซะอีก”

“พี่เพชรอาจไปคว้าแก้วพี่เต้มาดื่มก็ได้ หรือไม่พี่เพชรก็ตรงรสนิยมมากกว่า สรุปคือพวกมึงโดนยาตอนนั้น...พนักงานคนนั้นทำแบบนี้หลายครั้ง เพราะได้เงินค่าตอบแทนดี”

“แล้วหลังจากนั้น?”

มองแววตาจริงจังของที ผมก็เล่าต่ออย่างไม่ปิดบัง “ตอนแรกพวกกูไม่รู้ว่าพวกมึงโดนวางยา เพราะเล่นเมาหนักจนทำเรื่องบ้าๆ ให้คนอื่นปวดหัวเลยไม่ทันได้สังเกต แต่เพราะพวกมึงเมาหนักเกินไปเลยคิดจะพากลับ แต่สามตัวนั้นดันมาเยือนโต๊ะมึงก่อน”

“สามตัวไหน? ไอ้คนที่เราเฝ้าระวัง?”

“นั่นแหละ วิธีการตรงตามที่เขียนบอกเป๊ะ มันมาทักทายเพื่อนมึงชื่อเด็นก่อน แล้วขอร่วมวงด้วย เพราะพวกมึงเมาหนักจากที่ตอนแรกนั่งติดกันดีๆ ก็แยกกันนั่ง พวกมันเลยแทรกนั่งกับพวกมึงอย่างเป็นธรรมชาติ”

“…เด็นหลอกพวกกูไปจริงๆ สินะ”

ผมมองคนทำหน้าเศร้า อยากดึงมากอดปลอบอยู่หรอก แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้แตะต้องตัวทีได้ในระดับไหน เลยเลือกพูดสั้นๆ

“ฟังให้จบก่อน”

“ก็พูดมาสิ”

“แต่กูเริ่มเมื่อยแล้ว มึงไม่เมื่อย?”

สายตาทีมองไปทางเตียงสลับกับผม “เอ่อ ถ้ามึงไม่ลำบากใจ ไปนั่งที่เตียงก็ได้”

หือ? ลำบากใจ? ใครกันแน่ที่ต้องลำบากใจ

ผมมองตามหลังคนปีนขึ้นเตียง รู้สึกสงสัย แต่เลือกปัดออกไปก่อน เดินไปรื้อของที่พึ่งซื้อมา หยิบกระป๋องเกลือแร่ออกมาเปิดฝา เสียบหลอดให้ แล้วเดินมาให้คนนั่งพิงหัวเตียง

“กินนี่ซะ มึงจะได้รู้สึกดีขึ้น”

ระหว่างทีดูดน้ำเกลือแร่ ผมก็นั่งลงข้างๆ เล่าต่อ

“ตอนแรกพวกมันก็ทำเป็นชวนคุยไปเรื่อย แต่พอพวกมึงเผลอ มือก็เริ่มเลื้อย เดี๋ยวกอดคอบ้าง ยื่นหน้าไปใกล้ๆ บ้าง พวกมึงก็ยอมให้ทำ” คิดถึงช่วงเวลานั้นอารมณ์ยิ่งคุกรุ่น พึ่งเคยรู้สึกอยากฆ่าใครสักคนทิ้งเป็นครั้งแรก “แต่ก่อนกูกับพี่ภูจะลุกไปกระทืบไอ้พวกนั้น มึงกลับปีนขึ้นโซฟา ระหว่างคนอื่นกำลังงงๆ ว่ามึงจะทำอะไร มึงก็เตะก้านคอไอ้คนกอดมึงลงไปกองกับพื้นแล้ว ไม่พอยังกระโดดสอยไอ้คนกอดยำลงไปวัดพื้นตามคนแรก”

นึกถึงตรงนี้ผมก็ยกยิ้มมุมปาก จะว่าขำก็ใช่ แต่ตอนนั้นผมยืนช็อคเล็กๆ

“มึงกระชากยำมากอด ประกาศชัดว่าห้ามยุ่งกับคนของกู!”

“ฮะ? กูเนี่ยนะพูดแบบนั้น!”

“เออ! พี่ภูรีบเดินกึ่งวิ่งหน้าทะมึงจะไปท้วงเมียคืนจากมึง ตอนนั้นกูก็นึกว่ามีเปิดศึกแน่ แต่มึงกลับเหวี่ยงยำไปให้พี่เขา พี่ภูเลยยืนประคองยำนิ่งอยู่ตรงนั้นแทน ส่วนมึงกระโดดลงจากโซฟา ใช้สองเท้ากระแทกท้องไอ้สองคนบนพื้นเต็มที่ เพื่อนพวกมันที่เหลือรอดปรี่จะไปช่วย กลับโดนมึงซัดลงพื้นอีกคน แล้วก็ เอ่อ…กูรับรู้แล้วว่ามึงเป็นสายโหดตามที่เพื่อนมึงว่า”

นึกภาพทีไล่กระทืบคนบนพื้นแล้ว ผมก็แอบเสียวน้องชายตัวเองเหมือนกัน

‘มึงนี่โชคดีนะพาร์ ถ้าไอ้ทีไม่มีใจให้มึงระดับหนึ่งล่ะก็ สภาพมึงคงไม่ต่างจากสามตัวนั้นหรอก’

ฟังคำพูดของเพื่อนทีแล้วก็รู้สึกตัวเองโชคดีจริงๆ

“อย่าบอกนะว่ากูไปกระทืบหนอนน้อยของชาวบ้านอีกแล้ว!”

“อยากรู้เหรอ?”

“เออ!”

“…กูไม่รู้ว่าเป็นหนอนน้อยหรือเปล่า แต่ที่กูแน่ใจคือมึงทั้งกระทืบทั้งขยี้ไอ้นั่นน่ะจนพวกมันร้องโหยหวน” คนฟังหน้าซีดไปแล้ว ผมก็ได้แต่พูดปลอบ “ไม่เป็นไร มีคนชื่นชอบการกระทำของมึงเยอะแยะ”

“เห็นแบบนั้นแล้วใครจะชอบวะ!”

“คนทั้งผับไง ตอนไอ้สามตัวนั้นสิ้นชื่อภายใต้ฝ่าเท้ามึง ท่ามกลางสักขีพยานมากมายแทนที่จะมีคนไปช่วยห้ามกลับไม่มีสักคน เอาแต่ยืนมองเฉย แววตาออกจะสะใจด้วยซ้ำ มาวงแตก เพราะในผับมีตำรวจนอกเครื่องแบบแฝงตัวเข้ามา กูเลยต้องรีบลากมึงเผ่นหนีออกมาก่อน มีพี่ภูที่ลากยำกับเพื่อนมึงอีกสองคนตามมาด้วย”

“แล้วคนที่เหลือ?”

“อยู่เคลียร์เรื่องในผับ กับยืมรถมึงไปส่งเพื่อนพี่ภู”

หน้าคนฟังซีดหนักกว่าเก่า “สภาพลูกรักของกูล่ะ”

“…กำลังโดนจับอาบน้ำยกใหญ่ที่ไหนสักแห่ง แต่เพื่อนมึงบอกว่าสถานที่อาบน้ำไว้ใจได้ ลูกรักของมึงจะหอมสะอาดไร้รอยขีดข่วนกลับมา”

สีหน้าทียังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเลยพูดดึงความสนใจออกจากเจ้ารถสีน้ำเงิน

“ตำรวจที่แฝงตัวในนั้นเป็นพวกของเพื่อนมึง”

“อะไรนะ?”

“กูบอกว่าตำรวจในผับเป็นพวกเดียวกับเด็น” ผมมองคนข้างๆ ที่ทำหน้าสนใจประเด็นนี้อย่างพอใจ “และเรื่องมึงกระทืบคนก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตำรวจกลุ่มนั้นรู้จักมึง ฟังขนาดนี้น่าจะเดาได้”

“...เพื่อนของลุงนิก”

“ใช่”

“...เด็นเป็นนกต่อให้ตำรวจ”

ผมพยักหน้า พูดเสริม “เห็นว่าโดนขอร้องหลังจากตำรวจหาตัวเด็นเจอ ดังนั้นต่อให้มึงมากับเมียพี่ภูแค่สองคนก็ปลอดภัยแน่นอน”

ผมขยี้หัวคนนั่งก้มหน้าข้างๆ ขยับตัวลงจากเตียง “กูซื้อข้าวต้มปลามาจะกินไหม? หรืออยากอาบน้ำก่อน?”

ทีรีบเงยหน้าขึ้นมา “กูอาบน้ำแล้ว แต่ไม่มีเสื้อผ้า!”

“ก็พึ่งไปเอามาให้”

“ชุดเก่ากูล่ะ กระเป๋าตังค์กับมือถือด้วย”

…ท่าทางจะออกตามหาจนทั่วแล้วมั้ง

“อยู่กับกูทั้งหมด ยกเว้นเสื้อผ้าที่กูยัดลงถุงขยะ ขนาดมัดอย่างดีกลิ่นยังออก กูเลยต้องฝากแม่บ้านประจำชั้นเอาไปทิ้งไกลๆ”

ผมว่า ก่อนออกไปหยิบข้าวของข้างนอกแล้วกลับเข้ามา โยนถุงเสื้อผ้าไปให้คนบนเตียง ทีเปิดถุงดึงเสื้อผ้าออกมาดู

“เฮ้ย นี่มันชุดที่กูใส่ไปผับนี่ ไหงมึงบอกว่าทิ้งไปแล้ว”

“กูทิ้งชุดที่มึงใส่ตอนอยู่ในผับต่างหาก”

“ไอ้ชุดนั่น…กูยืมเขามานะ!!”

“กูรู้ เพื่อนมึงจ่ายเงินซื้อให้แล้ว เพราะงั้นโยนทิ้งได้อย่างสบายใจ”

“…มึงไม่มีความคิดจะเก็บไปซัก?”

“ไม่มี!” ผมส่งยิ้มให้ที แต่คนได้รับยิ้มกลับทำหน้าหดเหลือสองนิ้ว “เพราะถ้ายังอยู่ กูคงรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นมัน”

ทีเงียบไปเลย ผมเลยเล่าต่อ

“พอขึ้นรถสักพัก ถึงได้รู้ว่าพวกมึงโดนยามา ตอนแรกนึกว่ายำโดนคนเดียว เพราะมึงไม่แสดงอาการนอกจากดูเงียบผิดปกติ แต่จู่ๆ ดันน้ำตาร่วงจนกูตกใจ”

“กูเนี่ยนะร้องไห้?”

“อือ พอกูถามก็เอาแต่ส่ายหัว กว่าจะง้างปากบอกได้ว่าเป็นอะไร กูเสียน้ำลายกล่อมจนคอแห้ง แล้วก็ทำให้กูรู้ว่ามึงบริสุทธิ์ผุดผ่องมาก ขนาดชักว่าวยังทำไม่เป็น”

“เฮ้ย! ไม่ใช่แล้ว!”

“กูรู้ เพราะเพื่อนมึงก็บอกว่ามึงชักว่าวเป็นตั้งแต่มัธยม แต่...เหมือนมึงตอนนั้นย้อนกลับไปเป็นเด็ก ทำเอาพวกกูรับมือไม่ค่อยถูก เพื่อนมึงก็ไม่แน่ใจว่าตอนนั้นมึงอยู่ในช่วงอายุไหน แต่ก็เดาๆ เอาว่าน่าจะช่วงประมาณเจ็ดแปดขวบ” ผมเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนบอกข้อสัญนิฐาน “น่าจะเป็นช่วงหลังมึงโดนทำร้ายมา”

ทีนั่งเงียบเหมือนกำลังสับสน

“มึงเคยพูดใช้ไหมว่าถ้าสติหลุดจะจำอะไรไม่ได้ กูขอเดาว่าช่วงเวลานั้นจิตใต้สำนึกของมึงคงเป็นฝ่ายควบคุมทุกอย่าง ตอนแรกกูนึกว่าเป็นด้านมืดของมึง แต่ความจริง เอ่อ...” ผมหลบสายตา “เป็นตัวตนใสซื่อ ตรงไปตรงมามาก ขนาดเพื่อนมึงยังบอกว่านี่แหละมึงตอนเด็กชัดๆ”

“...น่ารักไหม?”

“มาก…” ผมรีบหุบปากแทบไม่ทัน เผลอหลุดไปแค่นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอกมั้ง 

“...เด็กงั้นเหรอ”   

ผมปล่อยทีจมกับภวังค์ความคิด เดินผละมา กะจะแกะข้าวต้มปลาใส่ชามโฟม แต่โดนคนบนเตียงร้องเรียกก่อน

“พาร์”

หันไปเจอทีมองมาด้วยแววตาจริงจังมาก

“เรื่องเมื่อคืน…กูจะรับผิดชอบมึงเอง!”

ฮะ?

“รับผิดชอบกู?”

“เออ! รับผิดชอบแน่ๆ ไม่เบี้ยวแน่นอน!”

“เดี๋ยวๆ” ผมควรเป็นคนพูดประโยชน์พวกนี้ไม่ใช่เหรอ? “มึงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”

“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดบ้าอะไร ทั้งรอยแดงบนตัวกู ที่กูเจ็บไอ้หนู หลักฐานชัดขนาดนี้จะเป็นอื่นได้ไง!!”

คนฟังอย่างผมชักเริ่มเขิน ภาพเมื่อคืนเริ่มผุดในหัวเป็นฉากๆ และสิ่งที่ตามมาคือนกเขาของผมเริ่มคึกคัก

ใจเย็น ใจเย็นไว้ลูกพ่อ

“กูขอโทษที่ทำมึงเจ็บ” ผมบอกจากใจจริง

“มึงขอโทษทำไม? กูต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะน่าจะทำมึงเจ็บกว่า”

หือ? ชักทะแม่งๆ

“ทำไมกูต้องเจ็บ?”

“ก็กู…” แก้มคนพูดเริ่มขึ้นสี หลบสายตากันอีกต่างหาก

น่ารักชะมัด!

“เอ่อ กู…จับมึงทำเมียไปแล้วนี่!”

อารมณ์กำลังต้องการของผมโดนประโยคเดียวกระแทกจนแตกกระจาย

“มึงพูดว่าอะไรนะ!”

“กูบอกว่ามึงตกเป็นของกู…ไม่ใช่เหรอ?”

ยังดีที่มันเดาอารมณ์จากสีหน้าผมออก!

“ไม่ใช่น่ะสิ!”

“แต่กูเจ็บแค่ส่วนหน้า”

“ก็เพราะกูพยายามไม่ยุ่งกับส่วนหลังของมึง!”

“งั้นที่กูเจ็บส่วนหน้า…”

“มึงจำเป็นต้องปลดปล่อย แต่ทำเองแล้วไม่ถึงหรืออะไรก็ไม่รู้ ถึงได้มายืนร้องไห้บอกให้กูช่วยอยู่ข้างเตียง ทั้งที่กูกะจะให้มึงแช่น้ำไปปลดปล่อยตัวเองไป ฤทธิ์ยาจะได้หมดเร็วๆ”

เห็นหน้าคนฟังแดงก่ำ ผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองพูดมากไป

“งะ งั้นมึงก็…”

ผมทำหน้าลำบากใจ แต่เห็นทีกำลังรอฟัง จึงยอมเปิดปากพูด “...กูเป็นคนช่วยมึง”

เรื่องวิธีการขอไม่กล่าวถึง ไม่งั้นคนที่ทำหน้าช็อคคงได้ช็อคกว่านี้แน่ พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนผมก็รีบพูดขอตัวไปห้องน้ำรัวเร็ว เข้ามาได้ก็กระแทกประตูปิดลงกลอนอย่างเร็ว ให้ตายเหอะ แค่นึกถึงเสียงครางของมัน ดวงตาที่ชุ่มช้ำด้วยหยาดน้ำตาแห่งความทรมานและปรารถนา น้ำเสียงที่ร้องบอกความต้องการ ลูกชายผมก็ปวดไปหมด ใช้แม่นางทั้งห้าไม่นานก็ระเบิดออกมา

“แฮ่กๆ”

รู้สึกคิดผิดมากๆ ที่ดันไปรับปากว่าจะไม่แตะต้องทีจนกว่าจะอายุยี่สิบ

…ตั้งสองปี

ผมมองแม่นางทั้งห้าที่เปื้อนน้ำของตัวเอง ได้แต่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง

ขอไปต่อรองใหม่ยังทันไหมนะ

-------------

ช่วงบ่ายทีกับยำบอกมีนัด หลังซักถามถึงรู้ว่านัดเด็นไว้ หลังเข้าร้านอาหาร ผมเลือกแยกตัวออกมานั่งอีกโต๊ะ จากตรงนี้มองเห็นชัด แต่ไกลเกินกว่าจะได้ยิน เหมือนทีจะได้คุยก่อน พักใหญ่ๆ ถึงเดินกลับมาหาผม ดูจากสีหน้า เหมือนจะเคลียร์กันเรียบร้อยดี

“กูกับมันคงไม่ได้เจอกันอีก”

“…จากกันด้วยดีก็ดีแล้ว”

ทียิ้ม “ใช่ ดีที่สุดแล้ว”

เพี๊ยะ!

เสียงดังมากจนพวกผมสะดุ้ง หันไปมองก็เห็นหน้าพี่ภูกำลังหัน และทันเห็นฉากพี่ภูโดนตบหน้าครั้งที่สอง

“นี่สำหรับที่มึงทำกับกู! หลังจากนี้เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก และหวังว่ามึงจะดูแลของที่เคยเป็นของกูให้ดีอย่างที่รับปากก็แล้วกัน”

คนตบหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งยำหันมองคนเดินจากกับคนโดนตบด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก

“คนกลางลำบากใจเสมอ”

ผมเห็นด้วยกับคำพูดที “…ไม่ไปดูเพื่อนมึงล่ะ”

“ไม่ล่ะ มันไม่เกี่ยวกับกู คนที่ต้องเลือกคือยำต่างหาก และการที่มันยังนั่งเงียบอยู่ข้างพี่ภูคือทางเลือกของมันแล้ว”

“ยำชอบพี่ภู?”

“น่าจะ แต่ดันปากแข็งบอกว่าไม่”

“…เหมือนมึง”

“อะไรนะ?”

ผมพ่นลมหายใจ ไม่คิดบอกคนนั่งตรงข้ามว่ามันก็ปากแข็งพอกัน ไม่รู้โตมาเป็นแบบนี้ได้ไง ทั้งที่สมัยเด็กออกจะตรงไปตรงมา ใจคิดยังไงปากก็ว่าตามนั้น

“…ที” ผมเรียกเมื่อนึกบางอย่างออก

“หือ?”

“เมื่อคืนกูเห็นมึงร้องไห้ก็เลยนึกเรื่องเกี่ยวกับมึงได้”

คนฟังทำหน้าสนใจ “เรื่องอะไรล่ะ?”

“ครั้งแรกที่เจอมึง”

“เจอ? แบบที่เห็นหน้า?”

“อือ” ผมพยักหน้า ใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่เห็นเมื่อคืนไม่ได้ต่างอะไรกับตอนที่ได้เห็นครั้งแรก “…สวนสัตว์ กูเจอมึงครั้งแรกที่นั่น”

ทีทำหน้าประหลาดใจ “สวนสัตว์เนี่ยนะ? กี่ขวบวะนั่น?”

“สาม…คิดว่านะ” ผมพยายามดึงความทรงจำออกมาให้มากที่สุด “บ้านกูไม่ค่อยได้พาไปเที่ยวหรอก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะก่อนเข้าโรงเรียนอนุบาลไม่นาน”

“อ้อ ตอนนั้นกู...พึ่งกลับมาอยู่ไทย”

เหมือนทีกำลังนึกอะไรสักอย่างอยู่ ท่าทางไม่ค่อยดี เลยดึงมันกลับมาด้วยเรื่องของผม

“ตอนนั้นกูกำลังหลงทาง พ่อแม่ไม่รู้หายไปไหน กำลังจะร้องไห้อยู่แล้ว แต่ดันตาดีไปเห็นใครบางคนนั่งกอดเข่าอยู่ใต้ต้นไม้ ได้ยินแค่เสียงสะอื้น ความรู้สึกเหมือนเจอพวกเดียวกันทำให้กูเดินไปหา แล้วนั่งลงข้างๆ…”

“เดี๋ยวนะ” ผมเงียบมองคนพูดขัด ทีทำหน้าครุ่นคิด “มึงเคยพูดประมาณว่า ‘อย่าร้องเลยนะ เราจะร้องตาม’ หรือเปล่า”

ผมทำหน้าประหลาดใจ “ใช่มั้ง กูจำไม่ค่อยได้”

“พูดอะไรอีก!”

ผมสะดุ้งกับเสียงดุดัน “…มึงจะจริงจังทำไม?”

“เหอะน่า รีบนึกมาเดี๋ยวนี้ว่าตอนนั้นพูดอะไรไปบ้าง!”

ผมนิ่วหน้าพยายามนึกให้ แต่เด็กขนาดนั้นแค่จำได้ว่าเคยเจอกันก็สุดๆ แล้ว คิดจนหัวแทบแตกก็ได้มาอย่างเดียว

“เหมือนมึงกำลังทุกข์ใจกับอะไรสักอย่าง กูเลยพูดปลอบหรือเปล่า”

“…ใช่”

แววตาที่ทีมองมาต่างจากทุกที เปล่งประกายอย่างน่าประหลาด แล้วยังรอยยิ้มปริศนาอ่านไม่ออกนั่นอีก แต่มันทำหัวใจผมเต้นแรงเป็นบ้า

“นึกว่าแค่คล้าย ไม่คิดว่าจะเป็นคนเดียวกัน”

เสียงพึมพำเมื่อครู่ทำผมหูผึ่ง ได้ยินน่ะใช่ แต่จับใจความไม่ถนัด

“อะไรนะ?!”

“ฮะ!” ทีสะดุ้ง “ไม่มี๊!!”

เสียงสูงไปแล้ว พิรุธชัดเจนขนาดนี้ใครจะปล่อยผ่าน “มึงลองพูดอีกที”

“มันไม่มี!”

ผมจ้องมันนิ่ง มันรีบทำหน้าขึงขังจ้องตอบ “ไม่มีจริงๆ” แต่สักพักก็เบนตาหลบ แล้วยังอมยิ้มใส่อากาศ มันก็น่ารักอยู่หรอก แต่ผมรู้สึกขัดใจยังไงพิกล หลังกอดอกจ้องคนที่ทำเป็นมองนู้นมองนี่สักพักก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้

“ดีที่ตอนเจอกันครั้งแรก มึงไม่ได้แต่งหญิง”

ทีหันขวับ แยกเขี้ยวใส่ผม “แต่มึงดันเข้าใจผิดคิดว่ากูเป็นเด็กผู้หญิง!”

…ท่าทางจะจำฝังใจมาก

“กูในตอนนั้นสำคัญกับมึงใช่ใหม่ ถึงได้จำเรื่องรายละเอียดเรื่องตอนนั้นได้เยอะขนาดนี้”

คนฟังชะงักอย่างเห็นได้ชัด เห็นอาการพร้อมบ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นของมันต้องรีบพูดขัด

“ตอบกูมาตรงๆ”

“มึงมัน!” ทีเม้มปากอยู่พักหนึ่ง ก่อนมองผมโกรธๆ “เออ! จุดเปลี่ยนชีวิตกูเลย ไม่งั้นจะจำได้ยังไง!”

ผมไม่ชอบโดนคนสำคัญโกรธใส่เท่าไหร่ เลยยอมแง้มบางเรื่องให้รู้เป็นการแลกเปลี่ยน

“กูชอบรอยยิ้มของมึงที่เห็นในรูปถ่ายครั้งแรกมากนะ”

คิดถึงความรู้สึกตอนนั้นก็ยิ้มออกมา

“ยิ้มอะไรของมึง!”

ผมหัวเราะ มองคนออกอาการเขิน แต่พยายามข่มไว้ไม่ให้ผมรู้ ท่ามากเป็นที่สุดจนอยากส่ายหัว

เอาเถอะ รุกมากไปเดี๋ยวหนีอีก

เพื่อนทีส่งเสียงเรียกเหมือนพร้อมจะไปแล้ว ผมกับทีเลยลุกขึ้นยืน ระหว่างเดินไปลานจอดรถก็เหลือบมองแผ่นหลังคนกำลังคุยกับเพื่อน แล้วหวนนึกถึงตอนตัวเองสมัยเด็กกำลังจ้องคนในรูปถ่ายตาไม่กระพริบ

เพราะเป็นคนที่เคยเจอมาก่อน และเพราะตอนนั้นอีกฝ่ายร้องไห้หนักมาก ดูมีความทุกข์สาหัส แต่ผมช่วยอะไรไม่ได้

อย่าร้องเลยนะ เราจะร้องตาม…งั้นเหรอ

ผมชักเริ่มเข้าใจเรื่องในอดีตมากขึ้น เพราะแบบนี้เอง ตอนเห็นรอยยิ้มแรกจากรูปถ่ายใบนั่นถึงได้ดีใจมาก...เป็นความสุขที่บอกไม่ถูกจนเผลอยิ้มตาม และทุกครั้งที่มองไปก็รู้สึกดีเสมอ

“…นี่อาจเป็นสาเหตุที่กูชอบรูปถ่ายมึงก็ได้มั้ง”

ถ้อยคำของผมมีเพียงแค่สายลมกับแสงแดดจ้ายามบ่ายเท่านั้นที่รับรู้

แต่สักวันจะบอก อยากจะบอก และหวังว่ามันจะบอกผมเหมือนกัน

-------------

[ฮะ! ไปแล้ว!!]

“ใช่ มันฝากมาบอกมึงว่า ‘ขอโทษ’ ด้วย”

[มึงไปเจอมันมาเรอะ!]

“ตอนบ่ายมันนัดเจอ”

[แล้วทำไมไม่บอกกู!]

ผมหันมองมือถือที่เปิดลำโพงวางอยู่บนโต๊ะ มีเจ้าของโทรศัพท์กำลังเอนตัวถอยห่าง ปล่อยปลายสายส่งเสียงมาไม่หยุด

[แล้วที่กูลงทุนขโมยบัตรประชนชนพี่ชาย ปลอมเป็นชายเสริมนมล่ะมึง!! กูทำไปเพื่ออะไร?!]

“เพื่อไปเจอวินไง”

[อ้อ จริงด้วย เฮ้ย! ไม่ใช่ มึงนะมึงไอ้ที รู้จักวินอยู่แล้วก็ไม่บอก แล้วไม่ใช่แค่นั้นมีทั้งเดือนสถาปัตย์ เดือนแพทย์อีก มึงทำแบบนี้กับกูได้ไง!]

“ก็มึงไม่ถาม”

[แล้วทำไมมึงไม่บอก!]

“มึงไม่ถามกูจะบอกทำไมล่ะ”

[ไอ้ที!]

คนกวนประสาทเพื่อนได้หัวเราะคิกคักใหญ่ เห็นแล้วหมั่นเขี้ยวเป็นบ้า เมื่อทนไม่ไหวผมเลยเดินไปหอมแก้มมันฟอดหนึ่งให้ชื่นใจ ก่อนขโมยน้ำผลไม้ในแก้วมันมาดื่ม

“เฮ้ย! นั่นของกู!”

“กูขอมึงไปแล้วไง”

“ไอ้ที่ทำเมื่อกี้อ่ะนะ”

“อือ”

“มึงมัน!” เวลาพูดอะไรไม่ออกชอบพูดสองคำนี้ทุกที “อึ๋ย! เอาไปเติมให้กูด้วย!”

[มึงอย่าพึ่งสวีทให้กูอิจฉา!]

“กูไม่ได้สวีท!”

[อย่าเถียงค่ะคุณเพื่อน ฟังกูบ่นเดี๋ยวนี้ เพื่อนมึงทั้งแก๊ง คิดว่ากูเป็นผู้ชายตามบัตรประชาชนพี่กูหมดแล้ว กูล่ะเครียด!]

“มึงทำตัวเอง”

[เออ! กูทำตัวเอง และมึงต้องไปแก้ข่าวให้กู!!]

“ทำไมกูต้องทำ?”

[เพื่อความรักของเพื่อนมึงไง]

“ฮ่าๆๆ ไม่เอา”

[นะๆ ไปแก้ข่าวให้กูเถอะ]

“ไม่มีทาง แบบนี้ก็สนุกดีออก”

[ไอ้ที!! กูไม่ได้สนุกด้วย!!]

ผมถือแก้วเข้าครัวอย่างว่าง่าย ปล่อยทีเถียงกับเพื่อนชื่อลูกหว้าไป ระหว่างเปิดตู้เย็นหยิบน้ำผลไม้ เห็นแอปเปิ้ลสีแดงก็เผลอนึกถึงรอยแดงๆ บนตัวใครบางคน กว่าจะจางหายน่าจะอีกหลายวัน แต่ผู้ปกครองจะกลับมาคืนนี้แล้ว

…อยู่ใต้ร่มผ้า ไม่เป็นไรหรอกมั้ง

############

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: - ชลนที - [บทที่38] P.13 (08/01/2017)
«ตอบ #381 เมื่อ08-01-2017 19:53:59 »

ก็หวังว่าจะไม่เผลอเอาร่มผ้าออกให้ลุงนิกเห็นก็แล้วกันนะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่38] P.13 (08/01/2017)
«ตอบ #382 เมื่อ08-01-2017 20:55:36 »

เอิ่ม......ที คิดว่าได้กดพาร์ เอื๊กกกกก
ที เก่งมากจริงๆ ล้มทีเดียวหลายคน  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พาร์ กำไรสุดๆ ได้โอกาสลวนลามที เต็มที่  :ling1: :ling1: :ling1:
เด็นได้เอาคืนพี่ภู ซะสองฉาดเลย
ที่แท้ พาร์กับที เคยเจอกันตั้งแต่สามขวบ
สามขวบ  :katai1: โอ้....ความจำทั้งสองคนสุดยอดจริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่38] P.13 (08/01/2017)
«ตอบ #383 เมื่อ08-01-2017 21:13:58 »

ก็หวังว่าทีจะไม่เผลอทำรอยโผล่ให้ผู้ปกครองเห็นนะ  :laugh:

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
Re: - ชลนที - [บทที่38] P.13 (08/01/2017)
«ตอบ #384 เมื่อ08-01-2017 21:20:15 »

อิอิ....โดนไปแล้วเนอะที...ถึงจะยังไม่ 100% 

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่38] P.13 (08/01/2017)
«ตอบ #385 เมื่อ08-01-2017 23:17:35 »

ผ่านไปอีกหนึ่งเหตุการณ์

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่38] P.13 (08/01/2017)
«ตอบ #386 เมื่อ09-01-2017 00:14:26 »

คิอ ทีกับพาร์เจอกันตั้งแต่สามขวบ นี่มัน เนื้อคู่ชัดๆ หุหุ  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ dilokrittisak

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: - ชลนที - [บทที่38] P.13 (08/01/2017)
«ตอบ #387 เมื่อ09-01-2017 00:39:52 »

ทำไมไม่มีฉากอย่างงู้นอย่างงั้นอย่างงี้อ่า!!!!!! :hao5:


โธ่

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่38] P.13 (08/01/2017)
«ตอบ #388 เมื่อ09-01-2017 01:20:48 »

โล่งไปทีที่ปัญหาของเด็นจบไปแล้ว
หวังว่าลุกนิกจะไม่เห็นรอยแดงบนตัวลูกสาวนะ ไม่งั้นพาร์แย่แน่ 55555555

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: - ชลนที - [บทที่37] P.13 (03/01/2017)
«ตอบ #389 เมื่อ09-01-2017 08:09:30 »

มองในแง่ดี ทีเมาพาร์เลยพามากเพราะ กลับบ้านไม่ได้ และที่เจ็บคือทำตัวเอง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด