- ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว  (อ่าน 175625 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #420 เมื่อ20-01-2017 12:21:36 »

ดีงามน้อออ ซึ้งอะ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #421 เมื่อ20-01-2017 16:44:08 »

ทีตอนเด็กน่าสงสาร โดยเฉพาะลุงนิกกับทาจัง :mew6: :mew6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #422 เมื่อ20-01-2017 19:00:28 »

ได้รู้อดีตที มีพาร์ อยู่ด้วยช่วงท้ายๆ
การที่ญาติกันเอาเด็กเล็กไปเลี้ยง
แล้วมีการเอาเด็กคืน เอาเด็กกลับ
เพราะญาติผู้ใหญ่ไม่แน่นอน ทำให้เด็กสับสน
เพราะเด็กผูกพันไปแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #423 เมื่อ20-01-2017 21:04:34 »

ทีตอนเด็กน่าสงสารนะ ถูกพรากจากคนที่คุ้นเคย คงฝังใจแน่ๆ แต่ดีที่โตมาได้อย่างเข้มแข็งนะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #424 เมื่อ20-01-2017 21:10:33 »

 :pig4:

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #425 เมื่อ20-01-2017 21:36:40 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #426 เมื่อ21-01-2017 00:38:23 »

สงสารตอนเด็กมาก ลองๆมานั่งคิดดูถ้าเราเจอเเบบนั้นก็คงไม่ต่างกัน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #427 เมื่อ21-01-2017 01:24:20 »

ชีวิตตอนเด็กของทีน่าสงสารมากเลย  จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #428 เมื่อ21-01-2017 09:02:02 »

ทีหวั่นไหวสินะ ๆ

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
«ตอบ #429 เมื่อ25-01-2017 13:54:24 »

โอ๊ยยย เด็กน้อยคนนึงต้องเจอเรื่องหนักมาก แต่ก็โทษใครไม่ได้เลย

ทุกคนมีเหตุผลทั้งนั้น เพียงแต่ตอนนั้นทียังเด็กมาก เกินกว่าจะเข้าใจเรื่องทั้งหมด

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่ 40] P.14 (20/01/2017)
« ตอบ #429 เมื่อ: 25-01-2017 13:54:24 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #430 เมื่อ25-01-2017 18:02:48 »

บทที่ 41

เกมเอาตัวรอดคราวนี้ ถ้าให้ระบุชัดเจนลงไปอีกก็...

สำรวจพื้นที่ ค้นหาสมบัติ และแย่งชิงสมบัติที่ว่า

สมบัติที่พูดถึงไม่ใช่เงินทอง แต่เป็นสิ่งของมีประโยชน์สำหรับเอาตัวรอด และบางสิ่งยังสามารถเพิ่มพูนความพึงพอใจได้ อย่างเช่น...

“ขวดเกลือใช่มะ?”

ผมหยิบของที่ยำหามาได้มาพลิกไปมา ก่อนเปิดฝาออกมาดมขวดที่ไม่มีฉลากอะไรบอกเลย เมื่อไม่แน่ใจก็เทออกมาบนฝ่ามือนิดหน่อย ลองใช้ลิ้นแตะดู…เค็ม

“เกลือ”

“มีนี่ด้วย พริกไทยใช่ปะ? กูเจอมันซ่อนอยู่ใกล้ๆ กัน”

ผมปิดฝาวางขวดเกลือลง รับขวดใหม่มาพลิกดูไปมา แล้วลองดมกลิ่น “พริกไทยดำวะ”

“เจ๋ง! ได้กินอาหารแบบมีรสชาติแล้ว”

“เครื่องครัวยังไม่มีเลยเหอะ”

ผมถอนหายใจ ชุดครัวสนามดันเป็นหนึ่งรายการถูกห้ามเอามา คนต้องทำอาหารอย่างผมเลยเซ็งมาก

“เดี๋ยวกูไปหามาให้!” ยำพูดจบก็วิ่งออกไปทันที สีหน้าดูร่าเริงสุดๆ 

ผมมองเพื่อนอย่างอิจฉาหน่อยๆ อยากไปวิ่งตามหาของด้วยจะแย่ ติดแต่...มองผ้ายืดพันข้อเท้าก็ถอนหายใจออกมา ก็เดินได้อยู่แท้ๆ แต่ลูกทีมสามคนพร้อมใจกันให้ผมเฝ้าของ มอบหมายงานถอดรหัสให้ทำฆ่าเวลา 

ผมเลยนั่งมานั่งบนผ้าใบอเนกประสงค์อยู่โยงเฝ้าเต็นท์ มีกองกระดาษเครื่องบินรายรอบตัว แต่ละแผ่นมีกอ้นหินวางทับไว้กันปลิว ในหนึ่งแผ่นจะมีมีรหัสลับสิ่งของสามอย่าง พวกผมเลยต้องไปคว้านหาเก็บกลับมาให้ได้มากที่สุดแข่งกับอีกทีมหนึ่ง

หยิบกระดาษหนึ่งใบที่วางตรงหน้าขึ้นมา ตัวรหัสจะเป็นรูปภาพต่างๆ ของคน สัตว์ หรือสิ่งของ ผมต้องถอดมันเป็นประโยคข้อความออกมา และตอนนี้ผมคิดว่ารู้แล้วหนึ่ง หยุดสายตาที่รูปเครื่องยนต์กับกับขันใส่น้ำลอยดอกไม้ที่ไม่มีความเข้ากันเลยสักนิด ไล่สายตาดูข้อความที่ตัวเองขีดเขียนไว้ก็ถอนหายใจออกมาช้าๆ

...เพราะไม่มีเฉียดเลยสักนิด

ผมตวัดปากตาจดข้อความลงแผ่นใหม่เงียบๆ เครื่อง-ปรุง แล้ววงกลมล้อมข้อความไว้

เข้าใจคิดวะ เอารูป ‘เครื่องยนต์’ กับ  ‘ขันใส่น้ำอบน้ำปรุง’ มาใช้เป็นคำใบ้ ถ้าไม่เห็นขวดเกลือกับพริกไทย ผมคงไม่รู้คำตอบไปอีกนาน

“ทีๆ กูเจอนี่!”

กลับมาไวเป็นบ้า!

ยำคงเป็นคนเดียวที่หาของเจอปุ๊บ เอามาให้ผมปั๊บ อีกสองคนยังเงียบหาย

ของชิ้นที่สองใส่ถุงมาอย่างดี ถ่านไฟฉาย AAA 3 คู่ (6 ก้อน) ดีครับ ปากกาไฟฉายกลุ่มผมมีถ่านให้เปลี่ยนแล้ว ผมมองยำวิ่งไปอีกครั้ง ได้แต่ตะโกนไล่หลัง

“รวบรวมให้ได้หลายอย่างก่อน! ค่อยกลับมาหากูก็ได้นะโว้ย!!”

ผมหันมาสนใจรหัสต่อมา...

ศันศรธนู นักมวยชกกันบนสังเวียน แอร์แบบตัวการ์ตูนพ่นลม

มันคืออะไรวะ?

ผ่านไปชั่วโมงกว่า พาร์เดินพาดเสื้อกับบ่า กางเกงยังมีน้ำหยดอยู่เลย

“มึงไปทำอะไรมาเนี่ย?! ลงทะเลเรอะ!”

“เปล่า กูไปเจอน้ำตกเข้า” พาร์ส่งถุงสีขาวขุ่นใบใหญ่ให้ผม ด้านนอกถุงยังเปียกอยู่เลย

“มึงดำน้ำไปเอามา?”

“อือ กูลองเปิดดูแล้ว เป็นของที่มึงต้องการพอดี”

รับมาเปิดปากถุงดูด้วยความสนใจ

เฮ้ย! ชุดครัวสนามครับ!!

ผมฉีกยิ้มอย่างดีใจมาก ลุกขึ้นหอมแก้มขอบคุณคนเอามาให้ แล้วเดินไปใส่รองเท้า ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี พลางมองหาที่จุดก่อกองไฟทำอาหารกลางวัน ต้องตั้งห่างจากเต็นท์หน่อย ไม่งั้นสะเก็ดไฟอาจกระเด็นไปโดน ถ้าหาเตาปิกนิกเจอเมื่อไหร่คงสะดวกกว่านี้

ได้จุดที่ต้องการผมก็ร้องเรียกขอความช่วยเหลือ

“พาร์ มึงหาก้อนหินใหญ่ๆ ให้หน่อย กูขอหลายๆ ก้อน...”

ไม่มีเสียงตอบรับ ผมหันไปมอง เห็นคนยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งก็เลิกคิ้วใส่ด้วยความประหลาดใจ

“เป็นอะไรวะ?...พาร์?...พาร์!!”

คนโดนเรียกสะดุ้งโหยง “ก...กูไปหาของต่อนะ”

“เฮ้ย! เดี๋ยว! ช่วยหาก้อนหินมาใช้เป็นฐานก่อไฟให้กูก่อน!!”

-------------

เลยเที่ยงครึ่งมาไม่เท่าไหร่พี่ภูก็มอมแมมกลับมาพร้อมถังน้ำสีแดง ผมจ้องรอยบาทาของใครไม่รู้ต้องอกเสื้อพี่ภูครู่หนึ่ง แล้วเลื่อนสายตามองเป็นเชิงถาม

“พี่ไปแย่งของสดมากับทีมโน้นมา”

ถังสีแดงถูกวางกลางวงประกาศถึงชัยชนะ ผมกับยำชะโงกหน้าไปดูก็พบไข่ไก่สี่ฟองวางอยู่บนฟาง

เอิ่ม มันก็ดู...สดจริงๆ นั่นแหละ

“...มันจะฟักเป็นตัวไหม?”

 ผมกับพี่ภูมองหน้ากัน...ไม่มีใครตอบคำถามยำสักคน

ด้วยความที่ของกินหายาก สุดท้ายไข่ทั้งสี่ใบก็ลงไปอยู่ในหม้อต้ม ยำถึงกับหนีไปนั่งซะห่าง แถมทำหน้าปุเลี่ยนๆ ไม่พอ ยังมองผมเหมือนเป็นพวกทารุณสัตว์ปีก ผมเข้าใจ เพราะตอนจะหย่อนไข่ลงไปต้ม ผมก็ลังเลน่าดูเหมือนกัน

จนไข่เกือบสุกพาร์ที่หายไปหาของอีกรอบก็กลับมาพร้อมข้าวโพดกระป๋องแบบที่ยังเป็นเมล็ด

“กูเจอไอ้นี่...หือ มีไข่ให้ต้มด้วย?”

“ของสดวันนี้ พี่ภูไปชิงมา”

“อ้อ”

ผมต้มจนแน่ใจว่าไข่สุกอย่างหัวถึงแน่ๆ ก็คีบมันออกมาวางผึ่งให้เย็น ล้างหม้อรอบหนึ่งก็เตรียมทำซุปข้าวโพด ผมเทน้ำดื่มลงไปก่อน ตามด้วยข้าวโพดกระป๋อง

กระป๋องข้าวโพดเป็นแบบใช้มือดึงเปิดครับ ผมจัดการดึงฝาออกมาอย่างระมัดระวัง ถ้าตัวดึงหักขึ้นมาคงเป็นเรื่อง เพราะเราไม่มีที่เปิดกระป่อง เปิดได้แล้วก็เทมันลงหม้อ ปล่อยให้ต้มจนเนื้อข้าวโพดเละกว่านี้ ผมถึงแกะนมกล่องที่ซื้อจากฝั่งเทลงไป ปรุงรสด้วยเหลือกับพริกไทย ความจริงควรใส่หัวหอมกับเครื่องปรุงอีกสองสามอย่าง แต่มันไม่มีก็กินทั้งแบบนี้แหละ

นอกจากนมกับน้ำดื่มแล้ว ทีมเรามีขนมปังแถว บะหมี่สำเร็จรูปด้วย และอาหารกระป๋องอีกเล็กน้อย ช่วยๆ กันขนมา มื้อนี้กินซุปข้าวโพดคู่กับขนมปัง ส่วนไข่ต้มโรยเกลือกับพริกไทยที่พึ่งได้มาก็น่าไหว

แจกถ้วยซุปกับขนมปังเรียบร้อย ก็ได้เวลาปอกเปลือกไข่ไก่ ระหว่างที่คนอื่นลังเลกลัวเจอลูกไก่ต้มสุก พาร์เป็นคนแรกที่แกะเสร็จเรียบร้อย จิ้มเกลือกับพริกไทยในจานแบ่งตรงหน้า กัดเข้าปากให้พวกผมกลืนน้ำลายเฮือก กลัวมันกัดไปเจอลูกไก่

พาร์กัดไข่ค้าง กวาดตามองพวกผมไปมา  มือรีบดึงไข่ขาดครึ่งออกจากปาก มองไข่ในมือสลับกับพวกผม “...ไข่ต้มมีปัญหาอะไรเหรอ?”

“ไม่มี!”

เราสามคนประสานเสียง สบายใจขึ้นทันทีที่เห็นว่ามันเป็นไข่ต้มธรรมดา แต่พาร์ไม่กล้ากินก่อน ถือรอพวกผมแกะเปลือกเอาเข้าปากแล้วนั่นแหละ ถึงได้ยอมกินต่อ

 หลังทานเข้าเรียบร้อยก็ได้เวลาประชุมของทีม

“ย้ายเต็นท์กันอีกรอบไหม ไปใกล้แหล่งน้ำจืดหน่อย น่าจะสะดวกกว่า” ผมเปิดประเด็น

เวลาเดินตักน้ำจืดมาใช้จะได้ไม่ต้องเดินไปกลับไกลนัก

“ไม่เหมาะ” พาร์แย้ง “แถวน้ำตกมีหินกับรากไม้เยอะ แต่ถ้าเป็นรอบนอกหน่อยก็น่าจะได้”

“พี่ขอไปสำรวจสถานที่ก่อนแล้วกัน ถ้าเจอทำเลดีๆ ค่อยย้ายก็ได้”   

ไม่มีใครค้าน พี่ภูเลยลากพาร์ไปช่วยนำทาง หายไปเกือบชั่วโมง ทั้งคู่ก็กลับมาพร้อมข้อมูลน่าสนใจ

“พี่เจอลำธารอยู่ เราตักน้ำจากตรงนั้นมาใช้งานสะดวกกว่าไปแถวแอ่งน้ำตก ละแวกลำธารเป็นพื้นทราย พี่ดูแล้วไม่มีทั้งหินทั้งกรวดปนอยู่ในทรายเลย ไปตั้งเต็นท์แถวนั้นก็ดี ร่มรื่นดีด้วย” 

ทีมผมเลยโยกย้ายกันอีกครั้ง หลังเมื่อเช้าโยกมาแล้วทีหนึ่ง 

สถานที่พักใหม่ร่มรื่นกว่าจุดเดิมมาก อากาศเย็นกว่าด้วย แต่ผมกับยำเดาว่ากลางคืนแถวนี้ยุงน่าจะเยอะ ตราบใดที่ยังหาขวดยาทากันยุงไม่เจอ หนีเข้าเต็นท์ก่อนฟ้ามืดดีที่สุด ช่วงกันกางเต็นท์เรียบร้อย ผมก็ทำท่าจะไปตักน้ำ แต่โดนพาร์แยกไปตักให้ก่อน

“เอานี่”

“ขอบใจ”

วันแรกเป็นไปอย่างราบรื่นดี ไม่ชินก็เรื่องต้องเข้าที่พักก่อนฟ้ามืด แล้วไม่มีอะไรให้ทำ จะนอนก็หลับไปไม่ลง เลยเอารหัสมาช่วยคิดกับพาร์แก้เบื่อ ผ่านไปชั่วโมงกว่าก็เริ่มมีเสียงแปลกๆ

...หูฝาดมั้ง

“อ๊ะ...อา”

ไม่ฝาดแล้ว ชัดเจนระดับนี้จากเต็นท์ข้างๆ แหง ผมหันสบตากับพาร์ ก่อนต่างฝ่ายต่างเบือนหน้าหนี เริ่มกลิ้งออกห่าง ปล่อยช่องว่างไว้ตรงกลางระหว่างเรา

“...พรุ่งนี้ขยับเต็นท์ทิ้งระยะห่างหน่อยน่าจะดี”

ผมฟังที่พาร์งึมงำก็จับกระดาษรหัสพลิกคว่ำ วาดรูปสามเหลี่ยมแทนเต็นท์วางอยู่ตรงข้าม เว้นตรงกลางไว้ให้ถือเป็นพื้นที่กิจกรรมของทีมเลื่อนส่งให้พาร์ที่ช่วยคิดคำตอบรหัสอีกแผ่นอยู่ข้างๆ ดู

“แบบนี้ก็ดี...ห่างกว่านี้ได้ยิ่งดี”

ผมไม่ตอบ คว้าถุงนอนมารูดซิบ แล้วส่งให้พาร์ ก่อนทำให้ตัวเองบ้าง หลังยัดตัวเองลงไปในถุงนอนได้ก็ต่างคนต่างหยิบรหัสมาขบคิดแก้ไขคนละแผ่น

คืนนั้นพวกผมอยู่ด้วยกันท่ามกลางความกระอักกระอวนใจสุดๆ และอยากหาอะไรมาปิดหูมาก

พี่ภูนะพี่ภู ทำอะไรก็น่าจะเกรงใจเพื่อนร่วมทีมที่อยู่เต็นท์ข้างๆ หน่อย แล้วพรุ่งนี้ยำจะวิ่งเต้นไหวไหมเนี่ย

-------------

เมื่อแหล่งค้นหาของขยายกว้างขึ้น การปะทะกับอีกทีมจึงเป็นเรื่องธรรมดา และไฮไลท์ ประจำวันของสดตอนเที่ยงวัน ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ และมักไปมุงดูกันทุกคนด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าจะเป็นอะไร

วันแรกไข่ไก่ วันที่สองปลาครับ...ไปจับปลาเป็นๆ ในสระเป่าลมตรงชายหาด มีป้ายปักบอกกติกาเรียบร้อย

‘สระนี้รับคนได้แค่สอง แต่ละทีมส่งตัวแทนลงจับหนึ่งคน นับเป็นหนึ่งรอบละสิบนาที ครบสี่คนแล้วจะมีรอบพิเศษให้คนเก่งสุดในทีมลงไปจับเป็นครั้งสุดท้าย ป.ล.อย่าลืมหาของมาใส่ปลา และห้ามเอาไปไว้ในสระ มากสุดคือชิดขอบรอบนอก’

พี่ภูเลยต้องวิ่งกลับเอาถังน้ำ ส่วนอีกทีม...เอาตะกร้าสานแบบที่พวกแม่บ้านใช้จ่ายไปตลาดสดมา

ทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่พวกผมแปดคนก็มองปลาแหวกว่ายในน้ำตาปริบๆ

“...กล้าลงไปจับอยู่หรอก แต่ใครจะกล้าฆ่ามันทำอาหาร?”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเทม ปกติซื้อมาทำกับข้าว มันก็ไม่มีชีวิตแล้ว หรือถ้าซื้อแบบยังมี...ก็มีคนช่วยฆ่าให้ แต่นี่ถ้าต้องลงมือเอง ผมกลืนน้ำลายลงคอ

“งานนี้ไอ้วินโหดวะ” ยำพูดเสียงแผ่ว

“ถ้าหลงเกาะจริงก็ต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อปะทังความหิวล่ะมั้ง” พี่ใหญ่ของกลุ่มพูดขึ้นมา

พวกผมหันมองกาย ก่อนมองเจ้าปลาหลายสิบตัวในน้ำ หลายท้องเริ่มส่งเสียงร้องโครกคราก

“เอาวะ คิดซะว่าเป็นปลาย่างว่ายน้ำได้!” เทมตัดสินใจ ถอดรองเท้าลุยลงไปคนแรก ลงไปไม่นานก็ส่งเสียงอุทาน “เฮ้ย! ปลาตอดขากู!!” 

พวกผมเริ่มส่งเสียงหัวเราะ ความตึงเครียดเริ่มจางลง เมื่อหัวหน้าทีมนู้นลงประเดิม ผมลงต้องลงตามอย่างกล้าๆ กลัวๆ แค่เท้าลงน้ำก็สะดุ้งโหยง

ปลาตอดขาจริงๆ ด้วยครับ

“จะเริ่มจับเวลาแล้วนะ” เสียงไวตะโกนบอก “สาม สอง หนึ่ง เริ่มได้!”

มหกรรมจับปลาตัวลื่นๆ ด้วยสองมือเปล่าจึงเริ่มขึ้น จับโดนตัวได้อยู่ แต่มันสะบัดตัวปุ๊บไหลหลุดจากมือปั๊บ แค่ไม่ถึงนาทีเทมก็เริ่มบ่น

“ปลาอะไรลื่นได้ลื่นดีอย่างกับปลาไหล”

“ปลาไหลบ้านมึง นี่มันปลาช่อน!”

ประสานเสียงกันตอบเลยครับ เทมทำหน้าหน่ายใส่พวกผม

“กูแค่เปรียบเทียบ! เอาตะกร้ามาใกล้ๆ ขอบดิ”   

เสียงตะโกนของเทมทำให้ทีมผมได้สติ รีบเอาถังมายืนรอรับอยู่ หมดเวลาในถังน้ำก็มีปลาสองตัวแหวกว่ายเล่น  ส่วนทีมนู้นกำลังมุงดูปลาตัวหนึ่งกระโดดในตะกร้าไร้น้ำ ก่อนพร้อมใจกันพนมมือ งึมงำเพียงประโยคเดียวตามๆ กัน

“อโหสิให้ด้วย”

กว่าจะหมดเวลากิจกรรม ทีมผมก็ได้ปลามาเก้าตัว ทีมโน้นได้สิบเอ็ด รู้ผลแพ้ชนะ และได้ของกินแล้วก็แยกย้ายกลับถิ่น มาถึงเรื่องน่ากลุ้มใจคือ...

“ใครจะเป็นคน เอ่อ ทำปลา?”

“มึงไง”

ประสานเสียงมากเพื่อนร่วมทีม ผมเลยส่งถังให้พี่ภูอีกต่อ

“พี่ใจร้าย เอ้ย ใจแข็งที่สุดในกลุ่ม ช่วยเอาไปจัดการให้ผมหน่อย”

พี่ภูมองหน้าผมสลับกับปลาในถังไปมา “...จะให้พี่จัดการยังไง?”

มื้อนั่นกว่าจะได้กินปลาย่างเกลือก็ล่อไปบ่ายสาม ดีที่ผมกับพี่ภูไปทำปลาไกลจากที่พัก ไม่งั้นแถวเต็นท์เหม็นคาวแย่ กินเสร็จก็ได้เวลาอาบน้ำ ไม่อาบคงไม่ไหวแล้ว กลิ่นคาวปลาติดตัว ทั้งพาร์ทั้งพี่ภูพร้อมใจกันลากผมกับยำแยกไปอาบน้ำอีกทาง แว่วเสียงยำโวยวายใส่พี่ภูไกลออกไปเรื่อยๆ

จุดที่พาร์ลากผมลงอาบน้ำทั้งเสื้อผ้า ระดับน้ำลึกประมาณเอว น้ำทั้งใสทั้งเย็น เวลาลมพัดมาแอบหนาวนิดหน่อย ล้างตัวทั้งเสื้อสักพักหนึ่ง ผมก็ก็เริ่มถอดออกมาขยี้ให้สะอาดกว่านี้ ระหว่างกำลังบิดน้ำออกจากเสื้อกับกางเกง ผมก็รู้สึกเหมือนมีคนจ้อง พอหันไปถึงกลับผงะ

ไอ้แววตาอยากเขมือบกันนั้นคืออะไร!

“มึงยังไม่อิ่มอีกเรอะ?”

“...อิ่ม แต่กูขาดของหวานมาสองวันแล้ว”

“ทนอีกสามวัน มึงน่าจะได้กิน” ผมคิดว่างั้นนะ

แต่ทำไมคนฟังถึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ แถมยังหันหลัง พูดไล่ให้ผมไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

ผมดำน้ำล้างหัวล้างตัวอยู่ครู่หนึ่งถึงขึ้นฝังไปหยิบผ้ามาเช็ดตัว ก่อนจับมันพันเอวดึงบ็อกเซอร์ออกมา ก็นี่มันกลางแจ้ง หน้าผมยังไม่ด้านพอถอดหมดทุกชิ้น เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จทั้งคู่ถึงพากันเดินกลับที่พัก...ไอ้คนข้างๆ เอาแต่ส่งสายตาคมกริบมากวาดมองกันไม่เลิก จนผมแอบเสียวสันหลัง รู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาทันที

 แย่แล้วครับ...พาร์มีปฏิกิริยากับร่างกายผมเข้าแล้ว

-------------

ช่วงของสดวันที่สามเป็นกุ้งทะเลตัวเป็นๆ อยู่ในสระเป่าลมเมื่อวาน แต่ต่างสถานที่

วิธีจับกุ้งคราวนี้คือให้ยืนคีบจากด้านนอกด้วยตะเกียบขนาดเท่าไม้สนุ๊ก แต่กุ้งน่ะตัวไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นสักหน่อย

“โอ๊ย! มันสรรหาวิธีให้เพื่อนลำบากจริงๆ!”

ไวไวเริ่มโวยแล้ว ก่อนส่งไม้ต่อให้เพื่อนร่วมทีมอย่างหงุดหงิด หลังหมดเวลาไวก็คีบไม่ได้สักตัวเดียว

เพื่อนผมพูดได้ถูกต้อง เพราะผมพยายามจนเหงื่อตกกว่าจะคีบกุ้งด้วยความระมัดระวังไม่ทำมันขาดสองท่อนแบบยำลงถังน้ำได้หนึ่งตัวก็หมดเวลาแล้ว ส่วนคนทำกุ้งชะตาขาดต่อหน้าต่อตากำลังนั่งกอดเข่าให้พี่ภูพูดปลอบอยู่โน้น ผมเลยส่งตะเกียบยักษ์ให้พาร์ก่อน เดี๋ยวให้พี่ภูปิดท้าย เพราะรายนั้นคีบกุ้งได้ตั้งสามตัว

ระหว่างผมยืนลุ้นพาร์จับกุ้ง เหล่าผู้เฝ้ามองที่ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นกลับโผล่มาล้อมรอบพวกผมอย่างรวดเร็ว พวกผมทั้งแปดคนรวมตัวกันทันที มองพวกเขาด้วยความระมัดระวัง

“ต้องการอะไร?” เทมถามเสียงเข้ม

“ขออภัยที่มาขัดจังหวะสนุกสนานครับ” ตัวแทนชายเสื้อดอกสีสันสดใสเดินออกมาพูดคุยด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “เนื่องด้วยเหตุผลจำเป็นบางประการ จึงจำเป็นต้องยุติการเล่นสนุกเพียงเท่านี้ รบกวนตามพวกผมมาด้วยครับ ส่วนข้าวของทุกท่าน ทางเราจะเก็บกลับไปส่งให้ทีหลัง”

“จะพาเราไปไหน” กายถามเป็นคนต่อมา

“พาไปหาคุณวินทางด้านหน้าเกาะครับ” นามบัตรถูกยื่นมาให้ เทมคว้าไปพิจารณาดูพักหนึ่ง ก็หันมาพยักหน้าให้พวกผมวางใจ

ทั้งผม และเพื่อนคนอื่นๆ พากันถอนหายใจ ยอมเดินตามพวกเขาไปขึ้นเรือยางติดเครื่องยนต์ที่จอดไว้ริมชายหาด เนื่องจากเรือยางนั่งได้ห้าคน เมื่อรวมคนบังคับหางเสือ พวกผมเลยต้องแยกกัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาจึงเลือกนั่งตามทีม เพราะมีสี่คนพอดี ระหว่างเรือวิ่งบนผิวน้ำผมก็เริ่มสอบถามชายเสื้อดอกชบาสีแดงที่คอยคุมหางเสือเรือให้แล่นเหนือผิวน้ำ

“พอจะบอกได้ไหมครับว่าเหตุจำเป็นที่ว่าคืออะไร?”

“แขกของคุณวินครับ ทำให้พวกคุณอาจต้องกลับไปที่โรงแรมบนฝั่งภายในสองสามวันนี้”

“แขก?” ผมกับยำทวนคำพร้อมกัน แล้วหันมองหน้ากันเองด้วยความประหลาดใจ

ถ้ามันเล่นเกมกับพวกผมล่ะก็ไม่มีหรอกที่จะพาแขกคนอื่นมา...จะว่าไป ทุกคนคนคิดเกมต้องมาแจมในฐานะผู้ให้คำใบ้อะไรสักอย่าง ผมไม่เชื่อว่ามันจะมีแค่กิจกรรมของสดตอนเที่ยงหรอก ไม่งั้นมันจะแบ่งเพื่อนเป็นสองทีมทำไม และคำใบ้ที่ผมกับพาร์ถกกันจนถอดความมาได้

เจ้าคันธนู นักมวยบนสังเวียน และแอร์การ์ตูนนั่น มันคือ ปืน – อัด – ลม ครับ!

ตัวคันธนูคืออาวุธใช้สำหรับเล็งยิง พ้องกับสองคำหลัง ผมกับพาร์แน่ใจว่าต้องใช้แน่ๆ เลยพยายามตามหาปืนอัดลมให้เจอ แต่การที่หาไม่เจอมีสอกรณี ไม่ทีมเทมเก็บไปแล้ว ก็ยังไม่ถึงได้เอามาซ่อน ผมคาดเดาต่อว่าวินน่าจะให้พวกผมมาซ้อมเล่นกันก่อนเริ่มแข่งสงครามสายน้ำเทอมสอง

ผมทำหน้าเซ็ง นึกสงสัยว่าใครกันที่มาขัดจังหวะ

“กูว่าแฝดแน่ๆ” ยำพูดออกมา

แฝดเด็กรุ่นเดียวกับน้ำ ลูกพี่ลูกน้องวินอ่ะนะ? ผมส่ายหน้าไม่เห็นด้วยทันที

“แฝดพึ่งกลับไปไม่ถึงปีด้วยซ้ำ”

“ไม่ใช่แฝดแล้วใคร ถึงทำแผนเกมไอ้วินล่มได้”

“ก็เพราะไม่รู้กูถึงได้สงสัยอยู่นี่ไง”

ยำหุบปากทันที ไร้คำถกเถียง หลังจากนั้นต่างคนต่างนั่งมองวิวข้างทาง ส่วนใหญ่ก็มองเกาะมากกว่าน้ำทะเลสุดลูกหูลูกตา

“เฮ้ยๆ มีหมู่บ้านด้วย” ยำพูดอย่างตื่นเต้น

“มันน่าตื่นเต้นขนาดนั่นเลย?” พี่ภูถามงงๆ

ยำทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เมินพี่ภูเอี้ยวคอหันมามองผมที่อยู่ด้านหลัง น้ำเสียงค่อนข้างจริงจัง “มึงเข้าใจกูใช่ไหม”

ผมหัวเราะ ไม่คิดตอบคำถาม พอดีเรือยางชะลอความเร็วเทียบสะพานไม้ ซึ่งทอดยาวมาจากตัวเกาะ คนบังคับหางเสือกล่าวเชิญพวกผมลงจากเรือ พาร์กับพี่ภูเหยียบขอบเรือยางขึ้นไปบนสะพานไม้ก่อน ผมมองผ้าพันเท้าเล็กน้อย ถ้าเดินเฉยๆ ไม่รู้สึกเจ็บแล้ว แต่เวลาออกแรงปีนอะไรสักอย่างยังคงเจ็บอยู่บ้าง

“ส่งมือมา”

ผมชะงัก เงยหน้ามองพาร์ที่ยื่นมือมาให้ผมจับเป็นหลัก

“เร็วๆ”

รีบส่งมือให้ทันที พาร์ออกแรงช่วยดึงผมขึ้นมา แววตาคนช่วยค่อนข้างดุ เหมือนด่ากลายๆ ว่า ‘เจ็บแล้วไม่เจียมตัว ดันอยากมาเที่ยวเล่นอีก’ ได้แต่แอบเถียงในใจ อีกนิดเดียวก็หายแล้วโว้ย

“ไงพวกมึง”

หันไปมองก็เห็นวินกำลังยกมือหันข้างตัวให้ผมเห็นพอดี

“ไอ้วิน!!” ประสานเสียงกันดังลั่นไม่เกรงใจลูกน้องพ่อวินเลยครับ

“อ่า รู้สึกคิดผิดที่เดินมาหาวะ งั้นกูขอไม่รอบนฝั่งดีกว่า” พูดไปถอยไป

“เฮ้ย! อย่าหนีนะมึง” เทมชี้หน้าใส่ ออกตัววิ่งตามคนแรก ไวไวเป็นคนต่อมา อีกคนที่พึ่งขึ้นเรือได้ก็ซ่าวิ่งไล่ตามเป็นคนที่สาม พี่ภูได้แต่มองตามหลัง พ่นลมหายใจเฮือกหนึ่ง

“ลูกแมวของกู เด็กจริงๆ”

ผมหัวเราะมองเพื่อนๆ วิ่งไล่เตะกันบนสะพานไม้ พร้อมตะโกนไล่หลัง

“ระวังตกน้ำนะโว้ย!”

กลุ่มนู้นวิ่งไปแล้ว เหลือแค่พวกผมห้าคนเดินตามอย่างไม่รีบร้อน กว่าผม พาร์ พี่ภู กาย และต่อจะเดินไปถึง วินก็โดนสามคนนั้นรวมหัวกันจับยัดลงหลุมทราย ตอนนี้กำลังช่วยกันกลบทรายฝั่งร่างวินอยู่

“ช่วยกูด้วย”

พวกผมยืนมองเฉย เมินคำร้องขอคนโดนฝังที่โผล่ให้เห็นแค่ส่วนหัว ก่อนชะงักเมื่อเห็นต่อถอดเสื้อออก เอาไปรองน้ำทะเลมาเทใส่คนโดนฝั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แววตาดูสะใจพิกล

“กูร้องให้ช่วย ไม่ใช่ให้ซ้ำเติม!”

ไม่มีใครเห็นใจ เพราะมีแต่เสียงหัวเราะทั้งนั้น ไปๆ มาๆ พวกผมเลยอยู่เล่นแถวหน้าหาดทราย เลือกสรรอาวุธจากแถวๆ นั้น ส่วนใหญ่ที่หยิบกันก็กิ่งไม้นี่แหละ แล้วแต่ดวงว่าจะเจอกิ่งไม้สั้นยาว หนา บาง พวกที่ได้ยาวหนาก็เริ่มปะทะกันประหนึ่งนักดาบ

พี่ใหญ่ของกลุ่มหยิบไม้สั้นหนามาเริ่มวาดวงกลมขนาดใหญ่มากบนพื้นทราย เขียนบอกเสร็จสรรพ จุดฟื้นฟูพลังชีวิต แล้วนั่งลงไปมองพวกผมเล่นกัน

ส่วนผมเรอะ โดนเพื่อนที่ไม่ได้จับคู่ฟันดาบล้อมรอบ เพื่อมองว่าผมกำลังทำอะไร เดี๋ยววาดทางนู้นนิดเดียวก็หนีมาวาดทางนี้ 

“เฮ้ย!” ชี้ไม้สั้นหนาในมือไปทางเทมที่กำลังสนุกปะมือกับไวไว “พวกมึงตกกับดักกูแล้ว!”

“อะไรนะ!” สองคนนั้นตะโกนกลับมา

“ดูที่เท้าโว้ย ตอนนี้มึงโดนระเบิดอย่างแรงบาดเจ็บสาหัส พวกมึงแพ้กูแล้ว ฮ่าๆๆ”

“ไอ้ที!?!”

ผมเมินเสียงประท้วงทั้งสอง รีบหันไปตะโกนบอกอีกคู่ “นั่นก็ตกกับดักกูเหมือนกัน”

พี่ภูที่กำลังไล่ต้อนยำหันมาถามเสียงเรียบ เพราะเฮียแกยืนอยู่นอกกับดัก

“ยำโดนอะไรล่ะ?”

ผมชะเง้อคอมองนิดหน่อย เพราะจำไม่ได้ เห็นแล้วก็รีบบอก “โดนตรึงด้วยเชือก หยุดอยู่กับที่ห้านาที”

“ไอ้ที!”

ผมเลิกคิ้วให้คำประท้วง มองพี่ภูย่างสามขุมเข้าหายำที่กำลังถอย

“ไม่ได้ยินที่ทีบอกหรือไง มึงต้องหยุดอยู่กับที่”

“ใครจะไปหยุดวะ!!” ยำทิ้งไม้ในมือ ตะโกนลั่น “กูขอใช้วิชาตัวตายตัวแทน”

แล้วก็ชิ่งหนีออกไปเลย ทิ้งไม้ เอ้ย ดาบให้ติดอยู่ในกับดัก

“มึงก็ติดกับดักกูแล้ว”

เสียงหัวเราะในคอหายไปทันที รีบหันมองต่อที่ยืนอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ในมือถือไม้เมื่อไหร่ไม่รู้ มันใช้ไม้ชี้ให้ผมดูที่พื้น วงกลมมาจากไหนไม่รู้ล้อมรอบตัววงพอดิบพอดี ดูจากลักษณะเบี้ยวนิดหน่อย น่ากลัวว่าจะมีสองคนช่วยกันวาดคนละครึ่งวง ผมตวัดตามองพาร์ มันรีบทิ้งของกลางลงพื้นทันที แถมยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

ไม่เนียนเลยครับ เพราะมันยิ้มไม่หุบ

ผมหันไปถามต่อปลงๆ “กูติดกับดักอะไร?”

ต่อทำหน้านึก แต่ไวไวกลับโผล่มาจากไหนไม่รู้ ตอบแทนเพื่อนเสียงดังลั่น

“มึงติดกับดักคำสาป ไร้ทางแก้ไข ต้องเดินทางจีบคนทางขวามือของมึงอย่างเดียว”

ผมอ้าปากเหวอ ก็ไอ้คนทางขวามัน…แค่หันไปมองก็เจอรอยยิ้มถูกอกถูกใจของคนทางขวามือเข้าจังๆ แถมน้ำเสียงยังระรื่นสุดๆ

“กูจะรอนะ”

ผมรีบหันไปแย้งเพื่อน “กูติดกับดักต่อ ไม่ได้ติดกับดักมึง!”

“กูคิดไม่ออก เอาเงื่อนไขตามที่ไวบอกก็ได้”

เฮ้ย!

ผมรีบชูกิ่งไม้ในมือ “มึงเห็นนี่ไหม ของป้องกันคำสาปทุกชนิด!”

“เห็น” ไวไวพยักหน้า “แต่ดูยังไงก็ป้องกันได้แค่ครั้งเดียว มึงจะเลือกป้องกันของใครล่ะ ต่อหรือพาร์? แต่ไม่ว่าเลือกใคร มึงก็ต้องติดคำสาปอยู่ดี วะฮ่าๆๆ”

ผมทรุดฮวบกับพื้นทราย ช่างเป็นความพ่ายแพ้ที่คาดไม่ถึงอย่างยิ่ง แต่ความหวังยังไม่มอดดับ รีบกระเสือกกระสนเข้าวงเวทฟื้นฟู ไปขอความช่วยเหลือจากนักบวชเพียงหนึ่งเดียว

“กาย ล้างคำสาปให้หน่อยยยย!!”

“ล้างทำไมล่ะ ไม่ใช่คำสาปอันตรายนี่”

แว่วเสียงหัวเราะประสาน ขณะที่ผมนั่งน้ำตาตกในต่อหน้านักบวชผู้สูงศักดิ์

…แม้แต่พี่ใหญ่ของกลุ่มก็ยังร่วมวงรังแกกัน

“เฮ้ย พวกมึง ข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว ไปกินกัน…หือ ทีเป็นอะไรวะนั่น” วินผู้หลุดจากหลุมทราย หายตัวไปจากกลุ่มเพื่อนพักใหญ่เดินเข้าร่วมวงด้วยความงง

“มันโดนคำสาป” ไวไวบอกทันที

“คำสาปอะไร?”

“คำสาปต้องไปจีบพาร์ไง ก๊ากกก!”

“อ้อ ฮ่าๆๆ มึงไปป่วนคนอื่นก่อนใช่ไหม” วินชี้นิ้วใส่ผมทันที “ถึงได้โดนเพื่อนแกล้งกลับ”

ผมทำหน้าบูดใส่ “อย่ามาถามในเรื่องที่รู้อยู่แล้วได้ปะ!!”

“แล้วแม่สาวผมทองที่ตามมึงมานั่นใคร?” ต่อพยักเพยิบไปทางคนมาใหม่ที่ค่อยๆ เยื้องย่างประดุจที่นี่คือแคทวอล์ค

ทุกคนกลับมารวมกลุ่มในวงเวทฟื้นฟู มองสาวฝรั่งผมทองยาวเป็นลอน สวมชุดประโปรงพลิ้วไหวตามแรงลมสีชมพูอ่อน บนหัวมีหมวกปีกกว้าง มองตั้งแต่ตัวจรดเท้าก็บอกได้เลยว่าเธอเป็นคุณหนูของแท้ แต่ที่ทำพวกผมงงที่สุดก็ตรงคุณเธอเดินยิ้มหวานเข้ามาทักทายแค่บุคคลเดียวด้วยภาษาต่างประเทศ

พาร์พยักหน้า ทักเป็นภาษาเดียวกันตอบ แล้วจู่ๆ สาวฝรั่งก็ดึงตัวมันไปทันที

ผมอ้าปากเหวอ มองพาร์ที่หันมาส่งสายตาขอความช่วยเหลืออย่างตั้งตัวไม่ถูก ได้แต่อุทานถามออกมา

“…อะไรวะนั่น?”

“นั่นสิ ไหงพาร์เหมือนรู้จักญาติทางฝ่ายแม่กูล่ะ?” น้ำเสียงวินก็งงไม่แพ้กัน

############

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #431 เมื่อ25-01-2017 21:02:54 »

พาร์คืออะไรยังไงเนี่ย :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #432 เมื่อ25-01-2017 22:02:21 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #433 เมื่อ25-01-2017 22:07:06 »

พาร์ ตบะแทบแตก จ้องทีเขม็งเลย
เวลาเห็นทีอาบน้ำ เปิดเผยเนื้อตัว
พี่ภู ยำ  ไม่เกรงใจเต็นท์ข้างๆ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ทำเสียงครางซะ ที พาร์ต้องถอยเต็นท์ไปไกลๆเลย
สาวผมทอง เคยเรียนทีเดียวกับพาร์
ตอนพาร์ไปเรียนเมืองนอกแน่เลย
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #434 เมื่อ25-01-2017 22:38:45 »

 :pig4:

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #435 เมื่อ25-01-2017 22:45:06 »

แล่วๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ evanescence_69

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #436 เมื่อ25-01-2017 23:13:32 »

เพื่อนสมัยไปเรียน เมืองนอกแห๋มเลย

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #437 เมื่อ25-01-2017 23:46:13 »

แค่โดนหอมแก้ม พาร์ก็สตั๊นไปล่ะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #438 เมื่อ27-01-2017 12:13:47 »

แอร๊ คนใกล้ตัวรึ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
«ตอบ #439 เมื่อ28-01-2017 09:47:12 »

อ้าวๆ สาวผมทองที่ไหนฉุดพาร์ไปล่ะนั่น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่ 41] P.15 (25/01/2017)
« ตอบ #439 เมื่อ: 28-01-2017 09:47:12 »





ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #440 เมื่อ06-02-2017 17:26:20 »

บทที่ 42

“ชื่อของเธอคือ เปียทีซ”

“มึงแน่ใช่นะว่าเธอชื่อนี้?” กายถามทันที

นั่นสิ ทำไมชื่อฟังดูแปลกๆ

“ก็เธอแนะนำแบบนั้น สำเนียงภาษาอังกฤษก็แปลกๆ บางครั้งเหมือนไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ กูสื่อสารกับเธอไม่รู้เรื่องวะ”

เทมตบไหล่วิน “ยินดีด้วย เหมือนมึงจะได้ล่ามแปลภาษาแล้ว”

“แต่ว่าที่ล่ามของกูโดนลากไปแล้ว เฮ้อ...ไม่รู้แม่ส่งเธอมาที่นี่ทำไม”

“ไม่โทรไปหาล่ะ?” ไวถามงงๆ

“บนเกาะมีสัญญาณมือถือซะที่ไหน กว่าจะขอเช่าเสาสัญญาณกว่าจะติดตั้งเรียบร้อยก็หลังโครงการที่นี่เกือบเสร็จนั่นแหละ...ที่จริงผู้ดูแลเกาะมีเครื่องสื่อสารดาวเทียมอยู่หรอก แต่กูขอยืมได้ซะที่ไหน”

“ทำไมล่ะ?” ยำงง “มึงเป็นนายน้อยของเขานี่”

“คิดว่าตัวกูกับแม่กู ใครใหญ่กว่ากัน?”

“แม่มึง” ไวไวตอบทันที วินพยักหน้า ทำหน้าช่วยไม่ได้

“เขาเลยฟังคำสั่งแม่กูมากกว่าไง”

ยำทำหน้าเหวอ แต่คนฟังทั้งหลายกลั้นขำกันใหญ่

“ช่างเรื่องนี้ก่อน เดี๋ยวกูพาชมที่นี่ เพราะมะรืนนี้ต้องกลับขึ้นฝั่งกันแล้ว”

หลังวินพูดจบ ทุกคนก็ทยอยเดินตามเจ้าถิ่น ผมรั้งท้ายอยู่กับเทม ชำเลืองมองทิศทางที่ใครบางคนโดนดึงหายไปแวบหนึ่ง ก่อนรีบหันกลับมาเมื่อเทมเตือนให้ระวังพื้นต่างระดับ เรากลับไปเดินบนสะพานไม้ที่ทอดยาวเข้าหมู่บ้าน เห็นหลังคามุ้งด้วยใบจากมาแต่ไกล ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งแปลกใจ เมื่อเห็นชัดๆ ว่าตัวบ้านมันเป็น…

“บ้านดินเหรอ?” เทมถามคนแรก

วินพยักหน้า ชี้นิ้วขึ้นข้างบน “ส่วนหลังคาทำจากใบจาก เก็บมาจากแถวป่าชายเลน”

“มึงจะทำหมู่บ้านดินที่นี่?” ต่อถามอย่างสนใจ

“พี่กูจะทำ แต่ดันไม่ว่างดูแล เลยโยนงานที่เหลือให้กูมาช่วยทำตอนปิดเทอม กูเห็นเป็นโอกาสดีเลยให้พวกมึงมาเที่ยวเล่นที่นี่ด้วย” พูดถึงตรงนี้มันก็ย่นหน้า “แต่ดันโดนแม่ซ้อนแผนเอาแขกมาทิ้งไว้ให้ดูแลซะได้”

“ถ้าจะเปิดเป็นที่พักของแขก แบบบ้านเรียบไปนะ” ต่อออกความเห็น

“อ้อ นี่ของทดลองสร้าง ไหนๆ ก็แล้วกูเลยว่าจะมาทดลองอยู่ พวกมึงก็ด้วย ช่วยเข้าพักตามบ้านหลังต่างๆ ให้หน่อย ในบ้านมีสมุดจดแขวนไว้ จะติจะชมเขียนได้เต็มที่”

“ใช้งานเพื่อนวะ!” ไวไวว่า

วินหัวเราะ “เอาน่า ถือว่าแลกเปลี่ยน ที่เที่ยว บ้านพัก ค่าอาหารฟรีหมดทุกอย่าง” 

พวกผมถอนหายใจคนละเฮือก เชื่อเถอะ อาหารที่ว่าคงมาจากพ่อครัวที่มาทดลองหาเมนูเหมาะสมสำหรับในอนาคตแหงๆ

“แล้วจะแบ่งคนเข้าพักยังไง?” ผมถาม

“แล้วแต่พวกมึงสิ ใครอยากอยู่กับใครก็ตามสบาย เดี๋ยวช่วงกินข้าวค่อยมาเสี่ยงทายหยิบกุญแจที่พักกัน ใครจะได้อยู่หลังไหนขึ้นอยู่กับคนมาจับล้วนๆ”

“ลำบากเพื่อนอีก!” ไวไวยังแขวะไอ้วินไม่เลิก “แล้วไหนของกิน?”

“นู้น วางอยู่ศาลาหลังใหญ่ตรงนู้น” วินชี้ให้ดู “จุดรวมตัวกินข้าวของทุกคนบนเกาะ มาช้าอด มาเร็วไปต้องรอ โรงครัวจะเตรียมอาหารไว้ให้แบบบุฟเฟ่ต์ เช้าเริ่มเจ็ดโมงครึ่งถึงเก้าโมง กลางวันช่วงสิบเอ็ดโมงครึ่งถึงบ่ายโมงครึ่ง เย็นประมาณหกโมงถึงสองทุ่ม ไม่มีขนมระหว่างมื้อ แต่วันนี้พิเศษ ถือว่าต้อนรับพวกมึง เลยมีขนมง่ายๆ ให้พวกมึงล้างปากหลังกินข้าว”

ศาลาที่ว่าเป็นทรงสี่เหลี่ยม เปิดโล่งทั้งสี่ด้าน มีแค่หลังคาไว้บังแดดบังฝน แต่ผมว่าถ้าตกหนักๆ ลมแรงๆ มีสาดเข้ามาแหงๆ ภายในวางโต๊ะเก้าอี้ไว้เกือบเต็มพื้นที่ ดูแล้วน่าจะจุคนได้เกือบร้อย ส่วนตรงกลางศาลาเป็นที่วางของกินครับ

“กูว่ามึงทำศาลาดีๆ แล้วกระจายอาหารออกเป็นสี่มุมน่าจะดีกว่า คนจะได้ไม่ไปกระจุกรวมตัวแต่ตรงกลาง” ต่อออกความเห็น

“ตามแผนงาน ศาลาจะใหญ่กว่านี้ เป็นแบบสองชั้น ติดกระจกบานใหญ่เลื่อนเปิดปิดได้ มีระเบียงด้วย จุดวางอาหารมีห้าจุด นอกจากสี่มุมแล้วก็มีตรงกลางด้วย แต่เราคนน้อย บวกกับศาลาเป็นแบบนี้ กูเลยให้จัดวางไว้ตรงกลางแทน เวลาฝนตกจะทิ้งผ้าใบลงมากั้นก็จริง แต่ฝนก็ยังสาดเข้ามาอยู่ดี พวกมึงอย่าไปนั่งริมๆ ล่ะ และกฎของแรก ห้ามเอาอาหารและเครื่องดื่มออกไปจากที่นี่”

“อ้าว ญาติมึงกับพาร์นั่งกินข้าวอยู่ตรงนั้นไง” ไวไวตาดีชี้บอก

พวกผมมองตาม ด้านหน้าทั้งคู่มีจานอาหารวางไว้เต็มไปหมด ท่าทางคุยกันถูกคอ ผมว่าน่าจะเป็นคนคุ้นเคยกันในระดับหนึ่ง

เทมศอกใส่ผม “หึงไหม?”

“หา? ทำไมต้องหึง?” ผมงงจริงๆ ก็แค่คุยกันธรรมดาตามประสาคนรู้จักกับเพศตรงข้าม “ถ้าเห็นแค่นี้แล้วหึง กูว่าเครียดตายก่อน”

“แล้วแบบไหนมึงถึงจะหึง?”

ผมครุ่นคิด “…ไม่รู้สิ กูยังไม่เคยหึงวะ”

“มีแฟนตั้งหลายคน ไม่เคยหึงเลยเหรอ”

อย่างกับเดจาวู “...มึงถามเหมือนพี่พีทเลยวะ”

เทมหัวเราะ “มึงไปหาที่นั่ง เดี๋ยวกูหยิบอาหารไปให้”

“เออๆ”

เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เทมรู้ดีว่าผมชอบหรือเกลียดอะไร แต่ผมกำลังตงิดใจว่ากำลังโดนเพื่อนลองใจหรือเปล่า ยืนช่างใจว่าจะเลือกโต๊ะใกล้พาร์ดี หรือเลือกให้ไกลสุดดี คิดไปคิดมาก็เดินไปนั่งโต๊ะกึ่งกลาง แต่ค่อนไปทางตัวเลือกแรกหน่อย

เพื่อนในกลุ่มเห็นผมนั่งโต๊ะไหนก็ตามมา ไม่มีใครถาม ให้อารมณ์เหมือนเวลาส่งเพื่อนไปจองโต๊ะที่โรงอาหารไม่มีผิด มีแค่เทมที่วางจานข้าวตรงหน้าผม พึมพำใส่

“มึงเนี่ยนิสัยเสียไม่เคยเปลี่ยน”

“ด่ากูทำไม” ผมกระซิบกลับ

“ก็ควรด่า มีโอกาสก็ไม่ชอบคว้า มันถึงได้หลุดมือไปเรื่อย”

“งั้นมึงก็สนับสนุนให้กูนิสัยเสีย” ผมว่า เอื้อมมือจับช้อนเตรียมตักข้าวเข้าปาก “เพราะมึงชอบวิ่งไปคว้าโอกาสเอากลับมาให้กูเป็นประจำ”

เทมผลักหัวผม ปากเลยเลื่อนงับช้อนพลาด

“แต่ต่อไปกูอาจวิ่งคว้ากลับมาให้มึงไม่ได้แล้ว เพราะงั้นปฏิวัติตัวเองซะ ทำตามที่หัวใจเรียกร้องแล้วมึงจะมีความสุข” น้ำเสียงเทมค่อนข้างจริงจัง

ผมวางช้อนลง “แล้วตอนนี้กูดูไม่มีความสุขตรงไหน?”

“กูหมายถึงความสุขที่มาจากหัวใจ ไม่ใช่สมองสั่งการ”

ผมถอนหายใจเบาๆ “บางเรื่องพูดง่าย แต่ทำยาก”

“เพราะมึงคิดมากเกินไปน่ะสิ แต่โทษมึงอย่างเดียวก็ไม่ได้ สภาพแวดล้อมหล่อหลอมให้มึงกลายเป็นแบบนี้  แต่มึงยิ่งโตยิ่งคิดเยอะ กูเห็นแล้วก็หงุดหงิด”

“นี่ คู่นั่นนะ ซุบซิบอะไรกันตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

ผมกับเทมผละหัวออกห่างกันทันที เทมทำหน้าหงุดหงิดใส่ไวไวที่มาขัดจังหวะเทศนาผม

“ยุ่งอะไรด้วยเตี้ย”

“กูไม่ได้เตี้ย! นี่เขาเรียกไซส์มาตรฐาน!”

“หุบปากแล้วยัดของหวานให้หมาในปากมึงไปเถอะ”

ไวไวหันมามองผม ท่าทางอยากถามว่าเทมไปกินรังแตนจากไหนมา ผมได้แต่ส่ายหน้าทั้งที่รู้ว่าเทมกำลังหงุดหงิดเรื่องของผม คิดแล้วก็คว้าช้อนที่ข้าวไว้หันไปยัดใส่ปากคนข้างๆ มองเทมเคี้ยวทั้งที่คิ้วยังขมวดไม่เลิกก็ได้แต่บอกเบาๆ

“มึงไม่ต้องหงุดหงิด กูจะพยายาม”

เทมรีบกลืนของในปากลงคอ “ไม่ใช่แค่พยายาม แต่ต้องทำให้ได้”

“มันเปลี่ยนปุ๊บปั๊บไม่ได้หรอก”

หน้าผากผมถูกดีด เจ็บจนต้องนิ่วหน้า “ก็ทำให้ได้ซะสิ”

“…ขอบใจวะ”

เทมพยักหน้า แต่จู่ๆ มันก็พูดขึ้นมาดื้อๆ “ปกติมึงขอบคุณต้องทำยังไง?”

ผมเลิกคิ้วขึ้นสูง “กูจำได้ว่ามีหมาบางตัวย้ำหนักย้ำหนาว่าโตแล้วห้ามขอบคุณเพื่อนด้วยการกระทำ”

“แต่ตอนนี้กูอยากได้”

ผมรู้สึกทะแม่งๆ “มึงคิดจะทำอะไร?”

“เอาน่า หอมขอบคุณกูมา ตอนนี้เลย”

แม้ไม่เข้าใจ แต่ดันอยากรู้อยากเห็น ผมเลยทำตามอย่างว่าง่าย เพื่อนในกลุ่มรู้ทั้งรู้ก็ยังร้องแซวยกใหญ่ นำโดยไวไว

“โหย พวกมึงสวีทไม่เกรงใจเพื่อน!”

“กูถ่ายช็อตเมื่อกี้ไม่ทันวะ ขออีกรอบ” ยำยำชูมือถือ ขอภาพรีเพลย์

“มึงสองตัวคบกันเมื่อไหร่บอก เดี๋ยวกูเป็นอาเสี่ยเลี้ยงฉลองให้พวกมึงเอง” วินบอกอย่างใจปล้ำ

ผมนิ่วหน้ามองเพื่อนทั้งสาม เหมือนพวกมันจงใจพูดเสียงดังกว่าปกติ พอเหล่มองเทม มันยักคิ้วให้ แถมยังยกมือพาดไหล่ผม พูดเสียงระรื่นให้เพื่อนรอบวงโห่แซวกันอีกรอบ

“ถ้าพวกมึงอยากได้ เดี๋ยวกูขอมันแต่งงานอีกรอบให้พวกมึงดูก็ได้”

รู้กันทั้งวงว่าไอ้ที่ขอแต่งงานน่ะบนเวทีตอนแสดงละครห้องสมัยมัธยม เป็นฉากที่เพื่อนในห้องขอรีเพลย์รอบนอก อัดคลิปวีดีโอเก็บไว้เป็นความทรงจำฮาๆ 

“ที” เทมกระซิบใกล้หูผม “กูคว้าโอกาสกลับมาให้มึงแล้ว ที่เหลือจัดการเองล่ะ”

“โอกาสอะไรวะ?”

“มองไปทางคนของมึงสิ”

ผมหันไปตามที่เทมว่า ผงะทันทีที่เห็นแววตากรุ่นโกรธชวนให้ขนหัวลุกของใครบางคน รีบจับมือเทมออกจากไหล่ แต่เหมือนเพื่อนแกล้งกัน มันถึงได้เอาแขนกลับมาพาดต่อไม่พอ ยังดึงตัวผมให้ไปชินมันหนักกว่าเดิม

“ไม่นึกไม่ฝันว่ากูต้องมาทำอะไรแบบนี้กับมึงอีก”

การแสดงออกรักใคร่ แต่พูดกระซิบโคตรเหนื่อยหน่าย ผมหัวเราะในคอด้วยเซ็งไม่แพ้กัน

“กูไม่เคยบอกให้มึงเป็นไม้กันหมาสักครั้ง มึงทำเองก็บ่นเอง”

“แต่คนนี้กูไม่ได้เป็นไม้กั้นหมาให้ เพราะดูจากท่าทางที่อยากเข้ามาชกไม้อย่างกูเต็มแก่ ไม่มีทางกั้นได้หรอก”

ปากมันพูดกับผม แต่ตากลับจ้องฟาดฟันกับพาร์ ผมมองคนนู้นทีคนนี้ที แล้วเลยไปยังหญิงสาวชาวต่างชาติที่ทำหน้างุดงง...ถ้ามีใครถามว่ากำลังไม่พอใจใช่ไหม ผมคงตอบว่าใช่ไปแล้ว แต่หึงหรือเปล่ากลับตอบไม่ได้จริงๆ

รู้สึกเหมือนโดนคนจ้อง หันกลับมาก็เจอสายตาไม่พอใจปนตัดพ้อเข้าให้เต็มๆ จนตัวแข็งทื่อ ขยับตัวจับมือเทมออกจากไหล่เป็นหนที่สอง แล้วลุกหนีจากโต๊ะไปตักขนมแทน

บางครั้งผมก็แอบอิจฉาที่พาร์กล้าแสดงอารมณ์อย่างตรงไปตรงมา…

ครั้งหนึ่งผมเคยกล้าทำแบบนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็รับรู้ว่าแสดงออกไปก็เท่านั้น นานวันเข้าจึงกลายเป็นแบบทุกวันนี้ไปซะแล้ว

‘ทำตามที่หัวใจเรียกร้องแล้วมึงจะมีความสุข’

ผมหันกลับไปมองเทมแวบหนึ่ง แล้วถอนหายใจใส่โต๊ะวางขนม

...ถ้ามันง่ายแบบนั้น กูคงมีความสุขมาตั้งแต่เด็กแล้ว

-------------

นอกจากชื่อของเธอแล้ว ผมก็ได้รู้เพิ่มเติมอีกสองอย่าง

1. เธอติดพาร์เอาเรื่อง ตามตลอดไม่ยอมห่าง

2. เธอพูดๆๆ...พูดไม่ยอมหยุดตลอดบ่ายจนถึงเวลาอาหารเย็นก็ยังไม่หยุด เหมือนกับถ้าไม่พูดตอนนี้จะไม่มีโอกาสอีกในอนาคต ขนาดคนฟังอย่างพาร์ยังขมวดคิ้วท่าทางรำคาญ แต่ไม่ได้พูดว่าอะไร แค่ฟังเงียบๆ บางครั้งก็พูดกลับไปด้วยน้ำเสียงคล้ายปลอบใจ

“มึงแน่ใจว่าไม่รู้สึกอะไรเลย?”

ผมนิ่วหน้าใส่คนถาม ที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างๆ “...ถ้าไม่รู้สึก กูคงไม่ใช่คน”

“รู้สึกว่า?”

“ไม่ชอบใจ...เหมือนกับตอนที่โดนมึงแย่งของเล่น”

เทมตบหัวผม “คนไม่ใช่ของเล่น!”

“ก็มึงถาม กูเลยพยายามเปรียบเทียบความรู้สึกตอนนี้ให้ฟัง” พูดถึงตรงนี้ผมก็ถอนหายใจ หงอยลงทันทีจนเทมตบหน้าผาก

“กูล่ะปวดหัวกับมึง...แล้วมึงคิดจะทำอะไรต่อ” พอเห็นผมเงียบ มันก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ถ้ามึงไม่ทำ กูทำเอง! และอย่ามาด่ากูทีหลัง”

“ทำอะไร...”

ไม่ทันได้ถาม จู่ๆ มันก็กระชากผมเข้าไปกอดกะทันหัน แล้วร่ายยาวประโยคคุ้นหูที่ฟังมาเป็นร้อยครั้งจนจำขึ้นสมอง ต่อให้ผ่านมาหลายปีก็น่าจะไม่ลืมง่ายๆ ขนาดร่างกายยังตอบสนองไปด้วยเลยคิดดู สองแขนกอดรอบเอวเทม ฟังมันพร่ำบทละครเวทียามที่คนรักจำจากไปที่แสนไกล คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร เฝ้าอ้อนวอนอย่าได้ไป เป็นบทที่เทมต้องพูดยาวที่สุดแล้ว แต่มันก็ยังอุตส่าห์ทำให้ยาวได้อีกด้วยการพูดข้ามซีนคนอื่นดื้อๆ

ผมกระพริบตาปริบๆ มองคนเปลี่ยนฉากปุ๊บปั๊บไปไกลถึงตอนได้กลับเจอกันอีกครั้ง ฉากจูบหลอกๆ กำลังจะหวนกลับมา คราวนี้มันเอียงหน้าค่อยๆ โน้มเข้าหาช้ามากถึงมากที่สุด

อะไรของมัน?

ยังไม่ทันได้อ้าปากถาม ตัวผมก็โดนกระชากออกจากวงแขนเพื่อนสนิทกะทันหัน หันไปเจอหน้าใครบางคนที่เย็นชาอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อเทม ปล่อยหมัดกระแทกจนเพื่อนผมหน้าหัน เซลงไปนั่งกองบนพื้นสะพานไม้

“เฮ้ย! เทม!!”

ผมกำลังจะเข้าไปดูอาการคนเจ็บที่สะบัดหน้าเหมือนมึนๆ กลับโดนกระชากตัวลอยโดนลากออกมาจากจุดเกิดเหตุจนต้องรีบก้าวขาตามก่อนตัวเองจะล้มหน้าคว่ำ พอกะจังหวะเดินได้แล้ว ผมก็รีบหันไปดูด้านหลัง เทมนั่งโบกมือหยอยๆ มาให้ ก่อนโดนกายที่เดินมาอยู่ด้านหลังกระแทกฝ่ามือเข้าให้เต็มแผ่นหลัง ตามด้วยเสียงด่าที่ฟังไม่ค่อยถนัดหู แต่จากท่าทางพี่ใหญ่คงเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ

ผมพ่นลมหายใจ มีว่าที่หมอช่วยดูแลก็เบาใจลง หันมาสนใจเรื่องของตัวเองก็ชักจะเครียดขึ้นมาทันที

ผมจะทำยังไงกับระเบิดลูกนี้ดี

-------------

ปึง!

ประตูบ้านพักกระแทกปิดอย่างแรง พอกันกับหลังผมที่โดนกระแทกผนังข้างประตูจนเจ็บจี๊ด ยังไม่ทันตั้งตัวคอเสื้อผมก็โดนกระชาก แรงจนกระดุมเสื้อเชิ้ตหลุดไปสองเม็ด

“เฮ้ย!”

ร้องไม่ทันไหร่ก็สะดุ้งโหยง รีบผลักพาร์ออกห่าง อีกมือรีบคลำแถวฐานคอ ไม่รู้ว่าโดนกัดหรือโดนดูด เจ็บจนแยกไม่ออก แววตาข้องใจมองสบคนตรงหน้า

“ทำอะไรวะ”

“กูต่างหากที่ต้องถาม!”

ผมกลืนน้ำลายลงคอ มองท่าทางอยากขย้ำผมให้ตายคาเท้าอย่างหวาดผวา

“คืนนั้นกูไม่น่าปล่อยให้มึงรอด” พาร์พูดรอดไรฟัน “แต่จับมึงกินตอนนี้ก็ยังไม่สาย กูจะทำให้รู้ว่ามึงเป็นของใคร!”

ผมผงะ เริ่มตื่นตระหนก สองมือรีบขยับ หนึ่งดันใบหน้าที่โน้มเข้าใกล้ สองจับมือที่กำลังล้วงเสื้อเข้ามา

“เดี๋ยวๆๆๆ” ปากร้องลั่นอย่างอดไม่อยู่ เหงื่อเริ่มแตกซิกๆ รับรู้ว่ามันพูดจริงทำจริง อยากอธิบาย แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดี ได้แต่ร้องเรียกหวังให้มันได้สติ ที่ไหนได้ดันทำกระดุมผมหลุดอีกเม็ด 

เวรเอ้ย!

ผมปล่อยมือเปลี่ยนมาจับคอเสื้อพาร์ ตวัดเตะตัดขา โถมตัวดันพาร์ที่เสียหลักกระแทกเข้ากับพื้น

โครม!

ผมรีบลุกขึ้นจากตัวพาร์ ผละถอยออกห่างอย่างไว ตาจ้องคนนอนนิ่งกับพื้นไม่กระพริบ แต่ผ่านไปพักใหญ่พาร์ก็ยังไม่ขยับ 

“…พาร์”

ส่งเสียงเรียกก็ยังเงียบ ผมชักกังวล ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้อย่างระวัง ใช้เท้าเขี่ยขาเรียกก็ยังนิ่ง

เฮ้ย! หรือตอนลงพื้นเมื่อกี้มีความผิดพลาด

ผมรีบตรงไปนั่งยองๆ พลิกหัวพาร์สำรวจเป็นอย่างแรก ไม่มีแผล แล้วอย่างอื่นล่ะ…

ภาพตรงหน้าเปลี่ยนกะทันหัน รู้ตัวอีกทีผมก็นอนหงายกับพื้น จ้องหน้าคนขึ้นคร่อมในระยะประชิด สองมือถูกจับกดติดพื้น แม้แต่ตัวก็ยังโดนจับล็อกขยับไปไหนไม่ได้

“หลอกกูเรอะ!” ผมพูดด้วยความโมโห

“เปล่า เมื่อกี้แค่มึนหัวเลยนอนนิ่งๆ ให้หายก่อน มึงอยากเข้ามาในระยะกูเอง”

เออ ผมผิดเองที่นึกเป็นห่วงมัน!!

“ปล่อยกู”

“เรื่อง”

“กูไม่ยอมเป็นเมียมึงแน่!”

พาร์หัวเราะหึเดียว “เดี๋ยวก็รู้”

ผมเบือนหน้าหนีจูบ กลายเป็นว่าต้องมาเจ็บจี๊ดแถวลำคออีกแล้ว

ไอ้บ้าเอ้ย! อย่าให้กูหลุดไปได้นะโว้ย!

ผมมองหาทางรอด แต่พาร์นกรู้ ไม่เปิดช่องให้ฉวย ยิ่งนานร่างกายยิ่งรู้สึกแปลกๆ

“มึง…ทำอะไรกู อ๊ะ…”

ผมรีบงับปาก ตื่นตระหนกกับเสียงประหลาดที่เผลอหลุดออกมา

พาร์หัวเราะในคออย่างชอบใจ แววตายังไม่เลิกมองคาดโทษ

“ยอมเป็นของกูดีๆ เถอะน่า เพราะมึงสู้กูไม่ได้หรอก”

“ทำไมจะสู้ไม่ได้!”

“เพราะกูรู้จุดอ่อนของมึงแล้วน่ะสิ”

“จุดอ่อนอะไรวะ?”

ไม่มีคำตอบ ทันทีที่ใบหูผมโดนงับก็โดนอาการเสียวเข้าเล่นงานอย่างจัง ร่างกายเกร็ง สมองเบลอไปหมด เรี่ยวแรงหายไปอย่างน่าประหลาด ระหว่างกำลังเบลอปนงง ก็ได้ยินคำพูดใกล้หู

“จำสัมผัสกูไว้ให้ดี ห้ามให้ใครแตะต้องตัวมึงอีกเด็ดขาด และห้ามมึงไปแตะคนอื่นด้วย เข้าใจไหม”

ผมพูดไม่ออก ตัวร้อนวูบวาบเหมือนเป็นไข้ รู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูกจนกระสับกระส่าย

“ตอบกูก่อน เดี๋ยวกูช่วยปลดปล่อย”

ภาพเลือนรางแปลกๆ ผุดขึ้นในหัวกะทันหัน ผมยกมือกอดรอบตัวคนด้านบน…ทำตามสัญชาตญาณที่ร่างกายเรียกร้องว่าทำแบบนี้จะหายทรมาน

“พะ พาร์…”

ก๊อกๆๆ 

เสียงเคาะประตูทำให้ผมสะดุ้งโหยง นอนหอบหายใจมึนๆ อยู่กับที่ แว่วเสียงไม่สบอารมณ์ในลำคอใครบางคน ทำให้สติที่หลุดลอยไปค่อยๆ กลับมา

เมื่อกี้นี้มัน…

ผมกัดริมฝีปากแรงจนได้ลิ้มรสเลือด รีบเหวี่ยงขากระแทกใส่เอวคนด้านบนทันทีที่มันเปิดช่องว่าง รีบกลิ้งตัวหนีออกมาจากจุดอันตราย ตกใจเมื่อเห็นกางเกงลงไปกองแถวเข่า เจ้าลูกชายยืนตัวตรงอย่างน่าละอาย หมด ผมรีบดึงกางเกงขาสั้นขึ้นมาเป็นอย่างแรก ก่อนถอยหนีคนทำท่าจะก้าวเข้าหา

 “ที…”

“อย่าเข้ามา” ผมตวาด พยายามใช้มือสั่นระริก ติดกระดุมเสื้อที่โดนปลดออกหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

เสียงเคาะประตูดังอีกครั้ง คราวนี้ดังกว่าเดิม ผมอาศัยจังหวะที่มันมองประตูมาหันซ้ายหันขวา เห็นหน้าต่างก็รีบวิ่งเข้าหา ปีนข้ามขอบหน้าต่างโดดออกไปทันที

“ที!”

 ลงถึงพื้นทราย ล้มกลิ้งไปเป็นท่า ผมไม่คิดหันไปมอง รีบเดินกะเผลกๆ พาตัวเองหนีออกมาให้เร็วที่สุด

ผมโผล่พรวดมาที่ศาลากลาง เจอกายกำลังช่วยเทมทายาที่แก้ม มีต่อเป็นลูกมือว่าที่หมอ ถ้าเป็นปกติผมคงพุ่งเข้าหาเทม แต่จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ผมเลือกพุ่งไปกอดพี่ใหญ่ของกลุ่มแทน

สรรพเสียงเงียบเชียบ มีเพียงมือที่ลูบหัวปลอบขวัญผม ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงมีเสียงด่าของพี่ใหญ่...

ไม่ใช่ด่าผม ด่าเทมโน้น ยาวเหยียดจนกลัวว่าหายใจไม่ทัน ได้จังหวะผมก็รีบพูดบอก

“อย่าด่าเทมเลย เทมแค่พยายามช่วยกู...”

แต่คนด่ากลับพูดถ้อยคำสั้นๆ ที่ทำเอาทั้งผมทั้งเทมสลดด้วยกันทั้งคู่ 

“ทำอะไรไม่รู้จักคิด! คนหนึ่งเจ็บตัว อีกคนนี่เกือบ...”

กายละเว้นคำ แต่ถึงไม่พูดออกมา สภาพผมตอนนี้ก็ฟ้องทุกอย่าง ต่อที่ยืนเงียบมานานถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออกมายื่นส่งให้

“จะใส่ทับหรือถอดเปลี่ยนตรงนี้ก็แล้วแต่มึง”

ผมรีบรับมาใส่ทับเงียบๆ นาทีนี้ผมคงถอดเสื้อเปลี่ยนตรงนี้ไม่ไหว

“ปกติมึงไม่โง่ ทำไมคราวนี้ถึงหาเรื่องเจ็บตัวให้ตัวเองไม่พอ ยังส่งทีไปเป็นเหยื่ออีก”

ต่อถามขึ้นมาหลังยื่นแก้วน้ำมาให้ผม

“กูก็ไม่คิดว่าพาร์จะร้ายแบบนี้นี่หว่า” เทมลูบแก้มที่เจ็บเบาๆ “ผิดกับบุคลิกที่ดูสุภาพของมันเลย”

“มึงยังไม่สนิทกับเขาด้วยซ้ำ จะไปเดานิสัยแท้จริงคนอื่นออกได้ไง” กายพูดสั่งสอนอีกรอบ หันมาสอบถามผมต่อ “มึงเจ็บก้นมากไหม ต้องให้กูหายาให้มึงทาหรือเปล่า”

ผมทำหน้าเหวอใส่ “ม...ไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย! กูหนีออกมาก่อน!!”

“แน่นะ?” เทมถามอีกคน

ผมรีบพยักหน้ายืนยันเสียงแข็งขัน “แน่!!”

เทมพ่นลมหายใจออกจากปาก “งั้นก็ดีแล้ว...กูขอโทษ ก็มึงทำตัวน่าหงุดหงิด แถมคู่มึงก็ดูยาก ไม่รู้ความสัมพันธ์พวกมึงถึงระดับไหน และมึงก็ชอบเลี่ยงไม่ยอมพูดถึง นี่แค่มีคนนอกเข้ามายุ่งก็ทำท่าจะมีปัญหาทันที ทั้งไม่ชัดเจนทั้งเปราะบางแบบนี้น่าเป็นห่วงจะตาย แต่ตอนนี้กูรู้แล้ว คู่มึงมีปัญหาเพราะมึงนี่แหละ”

นิ้วเทมชี้นิ้วใส่หน้าผม

“ตราบใดที่มึงยังทำตัวแบบนี้ ได้เสียมันไปแน่ รีบๆ ตัดสินใจสักทีว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้”

ผมหุบตามองพื้น จริงอย่างที่เพื่อนว่าทั้งหมด

“ไหนขอดูคอหน่อย” กายแหวกคอเสื้อดูหน้านิ่ง จะว่าอายก็อายอยู่หรอก แต่ท่าทางของเพื่อนจริงจังมาก เลยพอข่มอาการไหว

“ไม่เป็นไร ไม่มีแผล แค่เป็นรอยแดง”

“ประกาศชัดถึงความเป็นเจ้าของสุดๆ พาร์นี่ขี้หึงกว่าที่คิด” เทมลูบหัวผมเหมือนปลอบใจ “ผิดกับใครบางคน หึงหวงเป็นยังไงก็ยังไม่รู้จัก”

ผมเมินเทม หันไปบอกว่าที่หมอ “เจ็บข้อเท้า”

“ข้างที่พันผ้า?”

ผงกหัวหงึกๆ ปล่อยกายยกขาขวามาวางบนตัก แกะผ้าพันออกมาดู   

เทมได้จังหวะถามอีก “รังเกียจสัมผัสจากมันไหม”

ผมนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหน้า “กูแค่ตกใจ…เจ็บใจด้วย!”

“เพราะมึงบาดเจ็บ เลยสู้ไม่ได้หรือเปล่า”

ผมส่ายหน้า พูดไม่ออกว่ามันไม่ใช่ นึกแล้วก็อยากปรึกษาใครบางคน “ยำล่ะ?”

“มึงไม่เจอมัน?” เทมถามงงๆ

“ทำไมต้องเจอ?”

“อ้าว ก็พวกกูส่งยำ วิน พี่ภูไปช่วยมึงไง การที่มึงรอดมาได้แสดงว่าขัดจังหวะสำเร็จ”

ผมนึกถึงเสียงเคาะประตูทันที นึกขอบคุณที่พวกมันเลือกเคาะประตู ไม่ใช่เปิดพรวดพราดเข้ามา

“ไม่ได้ออกทางประตูใช่ไหม แล้วออกมาทางไหน?” กายถามเสียงดุ

ผมยิ้มเจื่อน อ้อมแอ้มตอบ “…หน้าต่าง”

ต่อยิ้มขำ ส่วนเทมหัวเราะเสียงดังลั่น มีแค่กายที่ส่ายหัวเหมือนระอา

“ข้อเท้ามึงน่าจะระบมจากการถูกกระทบกระเทือน” กายบอก ระหว่างนั้นผ้าถูกพันรอบข้อเท้าอีกหน “เดี๋ยวกูเอายาไปทาให้ ระหว่างนี้งดออกกำลังที่ส่งผลถึงข้อเท้า ไม่งั้นอาจได้เจ็บตัวยาว”

“อือ” ผมขานรับในคอ

“อ่ะนี่” มือผมถูกเทมคว้า กุญแจถูกยัดใส่ฝ่ามือ ผมเงยหน้ามองคนให้งงๆ “มึงไปหลบที่นี่ก่อน ถ้าคืนนี้อยากอยู่คนเดียวก็นอนที่นั้น แต่ถ้าไม่บ้านพักพวกกูอยู่ข้างๆ ไปเคาะเรียกได้”

ผมพยักหน้า ส่งยิ้มให้เพื่อนๆ “ขอบใจ”

“รีบไปเหอะ” เทมโบกมือไล่ “เดี๋ยวพาร์มาตาม มึงจะอดหลบ ตอนนี้อยากคิดอะไรคนเดียวใช่ไหมล่ะ”

เทมก็ยังเป็นเทม เพื่อนที่เข้าใจผมมากที่สุด จนบางครั้งมากกว่าตัวผมเองซะอีก

แต่คืนนั้นผมไม่ได้นอนคนเดียว เพราะยำหอบถุงนอนมาหาผมตอนกลางดึก ท่าทางเหมือนหนีอะไรมา

“กูขอนอนด้วย”

“...พี่ภูอนุญาต?”

“จะอนุญาตได้ไง กูหนีมันมา! เหมือนมึงนั่นแหละ หนีพาร์มาใช่ไหมล่ะ”

ผมไม่ได้ตอบ บอกให้มันลดเสียงลง ขู่ว่าถ้าพูดมากเกินไประวังโดนตามตัวเจอ แค่นี้ยำก็ปิดปากเงียบ ยอมมุดเข้าถุงนอนหลับแต่โดยดี มัชีแค่ผมที่หลับไม่ลง ได้แต่ลืมตามองความมืดครุ่นคิดไปเรื่อยตามลำพัง รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว

ปัง!

เสียงประตูกระแทกผนังยังไม่ดังเท่าเสียงตะโกน

“ไอ้ที! มึงอยู่ไหนนน!”

คิ้วขมวดเข้าหากัน เสียงนี้ของไวไว ผมรีบตะโกนกลับ “กูอยู่นี่! ชั้นสอง!”

ผมพึ่งยันตัวขึ้นนั่ง ไวไวก็โผล่ขึ้นมาชั้นสองแล้ว มันทำหน้าประหลาดใจที่เห็นยำนอนอยู่นี่ แต่ก็มองผ่าน บอกผมเสียงเคร่งเครียด

“รีบไปเก็บของเลยมึง เราต้องกลับวันนี้”

ผมผงกหัวตามประสาคนสมองไม่ค่อยเดิน “วินบอกว่าจะกลับเที่ยง”

แต่นี่มันพึ่งเช้าตรู

“ไม่ใช่! เราจะกลับกันตอนเจ็ดโมงเช้า มีเวลาเก็บของชั่วโมงเดียว!”

“อ้าว? ทำไมวะ?”

“ไอ้วินน่ะสิ มันงานเข้า!”

############
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-02-2017 10:10:40 โดย KatzeP »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #441 เมื่อ06-02-2017 19:57:19 »

เรื่องพาร์ ที มันยุ่งเหยิง ซับซ้อนอยู่แล้ว
ด้วยตัวที เอง นี่ใช่เลย
เพื่อนเทมยังมาทำให้ยุ่งเพิ่มขึ้น
พาร์ ต้องหึงมากๆ โกรธมากๆ
ยิ่งที หนีไปนอนที่อื่น  :fire:
พี่ภู ก็คงหื่น ยุ่งกับยำไม่เลิก  :ling1:
จนยำต้องหนี มานอนกับที
แล้วงานเข้าวินยังไง อะไร  :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #442 เมื่อ06-02-2017 19:57:27 »

 :pig4:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #443 เมื่อ06-02-2017 21:16:30 »

ปั่นป่วนไปหมดเลย

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1962
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #444 เมื่อ06-02-2017 23:31:44 »

เฮ้ย...อะไรของ ที พาร์ชัดเจนขนาดนี้ เรื่องวุ่นไปหมด

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #445 เมื่อ07-02-2017 11:05:07 »

สนุกมาก
ติดตามต่อค่ะ


 :L2: :L2:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #446 เมื่อ07-02-2017 13:14:47 »

งานมาอีกแย้ว

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #447 เมื่อ07-02-2017 13:38:19 »

งอกตลอดดดดดดก เหมือนอยูาท่ามกลางเครื่องปั่น

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #448 เมื่อ08-02-2017 03:08:33 »

อ้าว เกิดอะไรขึ้นกับวินล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
Re: - ชลนที - [บทที่ 42] P.15 (06/02/2017)
«ตอบ #449 เมื่อ08-02-2017 11:27:22 »

วินงานเข้าบ่อยจังเลย รู้สึกตื่นเต้นตลอดเรื่อง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด