- ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: - ชลนที - [ตอนพิเศษ3] P.22 (09/06/2017) #จบแล้ว  (อ่าน 175224 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่ 49] P.17 (27/03/2017)
«ตอบ #510 เมื่อ27-03-2017 22:54:02 »

กล้าๆหน่อยเด่

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: - ชลนที - [บทที่ 49] P.17 (27/03/2017)
«ตอบ #511 เมื่อ27-03-2017 22:54:46 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: - ชลนที - [บทที่ 49] P.17 (27/03/2017)
«ตอบ #512 เมื่อ27-03-2017 22:56:17 »

โอยยยย ทีไปง้อพาร์เลย

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่ 49] P.17 (27/03/2017)
«ตอบ #513 เมื่อ27-03-2017 23:26:33 »

อย่าหลงกลนะที เราว่า พาร์มีแผนแน่ ถ้าไปง้อก่อนเสร็จพาร์แน่ คนอย่างพาร์ถ้าลองได้รักแล้วคงพยายามทุกทางให้ตัวเองสมหวัง ไม่ล้มเลิกง่ายๆหรอก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่ 49] P.17 (27/03/2017)
«ตอบ #514 เมื่อ29-03-2017 01:55:25 »

ทีอย่ามัวแต่ลังเลเด้อ สงสารคนรอ

ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
«ตอบ #515 เมื่อ03-04-2017 17:46:42 »

บทที่ 50

ผมนอนมองสมาร์ทโฟนในมือลงด้วยความหนักใจกับความเปลี่ยนแปลงที่ได้เจอวันนี้

จากไม่ค่อยโทรหาอยู่แล้วยิ่งไม่มี ข้อความจากไลน์ที่มีมาทุกวันก็เงียบหายไปเลย ทักไปก็ไม่ตอบ แม้แต่หน้าก็ไม่โผล่มาให้เห็น

ผมขยี้หัว กระแทกนิ้วกดออกจากห้องสนทนาที่ไม่ขึ้นว่าอ่านด้วยซ้ำ เลื่อนนิ้วไปเรื่อยเปื่อยจนตาสะดุดรูปไลน์กลุ่มเพื่อนเก่าแก่ จึงนึกขึ้นได้ว่าพวกมันก็เงียบหายเหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมไม่อยู่ในอารมณ์อยากทักทาย อยากระบายซะมากกว่าเลยกดพิมพ์ข้อความส่งไป

TEE: กูโดนหมาเมินวะ

ค่อยโล่งขึ้นหน่อย กำลังจะกดออกจากห้องสนทนากลับมีข้อความใหม่โผล่ขึ้นมา 

Templar: หมาที่ไหนเมินมึง เขาเรียกกำลังยุ่ง!
Blue Sky: หมางเมิน? หรือ หมาเมิน?
YamYam: เออจริง มึงพิมพ์ตกอย่างที่กายบอก หรือจงใจเอา ง.งู ออกวะ?

ผมเลื่อนย้อนไปดูข้อความตัวเอง สงสัยรีบกดไปหน่อยเลยพิมพ์ตกไปตัว…แบบนี้ก็ดี สื่อชัดมากว่าผมโดนหมาบางตัวเมินทั้งวัน!

TEE: แบบไหนก็ได้ และกูไม่ได้หมายถึงพวกมึง!
YamYam: อ้าวๆ ไปทำอะไรมาถึงโดน ‘หมาเมิน’ ครับเพื่อน
Templar: กูขอเดาว่าพาร์
TEE: Tem << กูเบื่อมึง!
Blue Sky: ไม่สบายใจก็ไปเคลียร์ให้รู้เรื่อง

TEE: มันไม่ง่ายแบบนั้น!!
Templar: แล้วมันไปยากอะไร?
TEE: ยากที่ตัวกูนี่แหละ
Templar: ก็บอกแล้วว่าอย่าคิดเยอะ
TEE: เรื่องนี้คิดน้อยไม่ได้!

YamYam: พวกมึงคุยกันให้กูรู้เรื่องด้วยดิ!
Templar: Yam << ประมวลผลไม่ทันเป็นเรื่องของสมองมึง ไม่เกี่ยวกับพวกกู
Templar: TEE << ส่วนมึงหัดใช้หัวใจตัดสินซะบ้าง บางเรื่องมันใช้เหตุผลไม่ได้หรอก   
YamYam: สติกเกอร์นั่งหันหลังกอดเข่า
TEE: สติกเกอร์หมีขาวถอนหายใจ
Blue Sky: เวลาไม่รอใคร คนก็เช่นกัน

กายทิ้งคำเตือนสุดท้าย หลังจากนั้นไม่มีใครส่งข้อความมาอีกเลย ผมวางมือถือลงกับท้อง ถอนหายใจตามเจ้าหมีขาว

กับคนที่หัวใจกำลังสับสน…จะใช้หัวใจตัดสินได้ยังไงกัน

แต่แม่ง!

ผมลุกพรวดขึ้นยืน ไม่สนใจโทรศัพท์ที่ลงไปนอนแอ้งแม้งบนฟูก จับหมอนข้างที่โดนย้ายกลับมาห้องผมขึ้นตั้งพิงหัวเตียงได้ก็ตั้งท่ากำหมัด มองหมอนข้างเป็นหน้าใครบางคน ก่อนเสยเจ้าหมอนข้างไปเต็มแรง จนมันปลิวไปกระแทกเพดานห้องแล้วร่วงลงมานอนตายบนฟูก

แฮ่กๆ 

ผมสูดลมหายใจเข้าออกควบคุมลมหายใจสักพักจนหยุดหอบ จึงค่อยนั่งลงขัดสมาธิบนเตียง คิ้วขมวดเข้าหากัน แค่โดนเมินวันเดียวผมก็ไม่อยากทนแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าเสนอหน้าตัวเองไปหามันจนกว่าจะมีคำตอบไปให้

ยิ่งคิดยิ่งทำหน้ายุ่ง…สุดท้ายก็ต้องขอตัวช่วย   

ผมมองหามือถือจนเจอ กดโทรออกหาผู้มีประสบการณ์ตรง และน่าจะได้รับคำแนะนำได้อย่างถ่องแท้ แต่ดันเจอเสียงหวานๆ บอกว่า ‘หมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้ไม่สามารถ…’ ย่นคิ้วกดตัดสาย ก่อนกดโทรออกใหม่ เจอเสียงหวานๆ เหมือนเมื่อกี้เด๊ะ

ผมพ่นลมหายใจ เปลี่ยนมากดปุ่มโทรออกฉุกเฉิน รอสายไปนานก็มีคนกดรับตามคาด คราวนี้เป็นเสียงทุ่มลึกฟังดูจริงจัง และน่าเชื่อถือ

“ลุงหมอเหรอ นี่ทีเอง พี่พีทว่างไหม ทีอยากคุยด้วย…”

[พรุ่งนี้เลิกเรียนมาโรงพยาบาล ห้องเดิม]

“เดี๋ยวๆ ทีไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากปรึกษา…”

[พีทเป็นหมอเด็ก ทีเลยวัยเด็กมาแล้ว]

“ไม่ใช่อย่างนั้น! ทีแค่ เอ่อ คุยกับพี่พีทเฉยๆ เอง”

[ลุงยังไม่ได้แฉ่งทีเรื่องโดดนัดหมอ! โดดมาจะครบปีแล้วเมื่อไหร่จะมา ไม่สิ ถ้าพรุ่งนี้ไม่มาเหยียบโรงพยาบาล ลุงจะใช้งานพีทหนักขึ้นเป็นสองเท่า!]

ผมอ้าปากเหวอกับคำข่มขู่ ยังไม่ทันได้พูดทักท้วงแทนคนโดนดึงไปมีเอี่ยวก็แว่วเสียงเรียกตัวลุงหมอ คนต้องไปทำงานเลยบอกลาแกมย้ำคำขู่ แล้วตัดสายหนีดื้อๆ ผมได้แต่ทำหน้าเจื่อน…ไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะคนซวยไม่ใช่ผม แต่ไปโรงพยาบาลคราวนี้คงโดนจับตรวจทั้งตัวและจิตใจแหง

แค่คิดผมก็ทำหน้าบูด ร้องประท้วงในใจเงียบๆ

ไม่อยากไปอ่ะ!

-------------

“แค่มาตรวจร่างกายกับพบจิตแพทย์แค่เนี่ย ทำหน้าบูดบึ้งเป็นตูดลิง”

ผมจ้องพี่พีทเขม็ง ไอ้หน้าบูดที่ว่าไม่ใช่แค่เรื่องมาโรงพยาบาลอย่างเดียวสักหน่อย!

“เคืองพี่แพร์ก็อย่าพาลใส่พี่สิ”

ผมส่งเสียงขึ้นจมูก ถ้าถามว่าพี่แพร์เป็นใคร เธอเป็นลูกคนที่สองของลุงหมอ พี่สาวของพี่พีท และเป็นจิตแพทย์ประจำตัวของผมครับ พี่แพร์บอกว่าเรื่องในวัยเด็กของผมจุดประกายให้เธอเลือกเรียนสายจิตแพทย์ เพราะงั้นผมต้องรับผิดชอบด้วยการมาเป็นคนไข้ของเธอ

นั่นแหละปัญหา!

ยิ่งนานวันยิ่งสั่งสมประสบการณ์ทำงาน จากพี่นางฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นนักล้วงความลับ ต่อให้ผมระวังตัวแค่ไหนก็ยังโดนคำถามจิตวิทยานำทางจนเผลอหลุดปากบอกออกไปแบบไม่รู้ตัวบ่อยๆ และที่ผมเกลียดมากสุดก็รอยยิ้มมีเลศนัยกับเสียง ‘หืม’ ของพี่แพร์นั่นแหละ

ก่อนปล่อยตัวผมออกมาจากห้องสอบสวน เอ้ย ห้องตรวจก็ยังไม่วายทิ้งท้ายให้ผมแอบเขม็งใส่คนกล้าหยอกล้อเสียงระรื่น

“รีบรู้ใจตัวเองเร็วๆ นะที”

ผมคว้าแก้วน้ำเย็นๆ มากระดกดื่มดับอารมณ์ขุ่นมัว และนี่แหละเหตุผลที่ผมชอบโดดคอร์สตรวจครบวงจรของลุงหมอ (ซึ่งมีผมอยู่ในโครงการไม่มีชื่อนี้แค่คนเดียว) และที่สำคัญมาโรงพยาบาลแห่งนี้เมื่อไหร่ห้ามเขียนกรอกข้อมูล หรือเอาอะไรก็ตามที่บ่งบอกนามสกุลได้ออกมาเด็ดขาด ไม่เช่นนั่นจะได้รับการต้อนรับระดับวีไอพี

สาเหตุเหรอ…ก็โรงพยาบาลแห่งนี้ดันชื่อเดียวกับนามสกุลผมน่ะสิ!

แต่เจ้าของโรงพยาบาลไม่ใช่ตระกูลผมแน่นอน ขอยืนยัน เราเป็นแค่ เอ่อ…ผู้ให้การสนับสนุนหลักตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมั้ง ที่มั่นใจคือบ้านผมกับบ้านลุงหมอสนิทกันมายาวนานจนเสมือนเป็นเครือญาติกัน แม้บ้างครั้งผมจะรู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านี้ก็เหอะ (แต่ผมไม่อยากไปถามคุณย่า)

“แล้วอยากคุยอะไรกับพี่ ถึงได้ยอมมาเหยียบที่นี่ในรอบหนึ่งปีล่ะ?”

“ถ้าใครบางคนไม่ทำมือถือหาย ทีก็ไม่ต้องโทรเข้าเบอร์ลุงหมอให้โดนมัดมือชกหรอก!”

“งั้นอยากปรึกษาอะไรก็ว่ามา พี่จะให้คำแนะนำเต็มที่ ถือเป็นการไถ่โทษแล้วกัน”

พี่พีทบอกอย่างใจกว้าง และผมไม่คิดปฏิเสธ

“แค่ตอบทุกคำถามของผมก็พอแล้ว” เห็นพี่พีทพยักหน้าอนุญาต ผมก็ลดเสียงยิงคำถามแรกใส่ทันที “ทำไมตอนนั้นพี่ถึงยอมคบกับแฟนที่เป็นผู้ชายล่ะ”

คนโดนถามชะงักอย่างเห็นได้ชัด “…เพราะรักไม่ใช่เหรอ”

“แล้วทำไมถึงยอมให้เขากอด”

พี่พีททำหน้าแปลกๆ “…เพราะรักอีกนั่นแหละ”

“แล้วพี่ไม่กลัวลุงหมอต่อว่า?”

“กลัว แต่เพราะรักไปแล้วจะให้ทำยังไงล่ะ”

“แล้วถ้าเปลี่ยนจากลุงหมอเป็นย่าทีล่ะ”

“…ยิ่งกว่ากลัว แต่พี่ก็ยังเลือกคบเขาต่อไปอยู่ดี”

คำถามต่อมาทำผมลังเล แต่สุดท้ายก็เอ่ยถาม “ต่อให้ในอนาคตต้องเสียใจ?”

“ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ พี่ก็ยังเลือกคบเขาอยู่ดี แม้จะรู้ว่าอนาคตเขาจะทำพี่เสียใจแค่ไหนก็ตาม”

ผมนิ่งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น แล้วถามอีกครั้งด้วยเสียงเครียดๆ

“แล้วรักคืออะไรกันแน่?”

“ความรักมีหลายรูปแบบ แต่ละคนคงไม่เหมือนกันหรอกมั้ง”

“แล้วทำยังไงทีถึงจะเข้าใจล่ะ?”

พี่พีทเริ่มนวดขมับ “เรื่องแบบนี้มันต้องเรียนรู้และเข้าใจด้วยตัวเองไม่ใช่เรอะ!”

“ก็ทีไม่เข้าใจนี่น่า ถึงได้มาถามผู้มีประสบการณ์ตรงเนี่ย!”

“งั้นเอาอย่างนี้…” พี่พีทหยิบกระดาษกับปากกาบนโต๊ะร้านคาเฟ่ของโรงพยาบาลออกมาจดอะไรสักอย่าง แล้วยื่นให้ผม “อ่านจบลองถามตัวเองดู ถ้าตอบคำถามในนี้ได้เมื่อไหร่ พี่คิดว่าทีคงเข้าใจอะไรมากขึ้น และน่าจะได้คำตอบที่อยากรู้แน่ๆ”

ผมรับมาอ่านเงียบๆ เป็นข้อความประโยคเดียวสั้นๆ ‘ยอมเสียเขาไปได้ไหม?’ รีบเงยหน้ามองคนเขียนข้อความทันที

“เสียที่ว่านี่…”

พี่พีทพูดสวนกลับมาทันที “สูญเสียคนนั้นไปตลอดชีวิตไง ทียอมไหมล่ะ?”

เสมือนหินกระทบผิวน้ำ วงคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่าสั่นไหวอยู่ภายในใจ พร้อมคำตอบที่เหมือนเสียงตะโกนจากส่วนลึกภายในใจ เปล่งเสียงกรีดร้องแค่คำเดียว

ไม่!

“ดูเหมือนจะได้คำตอบแล้วสินะ”

ผมเม้มปาก ผงกหัวรับเงียบๆ ปล่อยพี่พีทขยี้หัวด้วยความเอ็นดู

“ในฐานะผู้มีประสบการณ์ พี่อยากเตือนแค่ว่า ได้มาแล้วก็รักษาให้ดี อย่าปล่อยปละละเลย ไม่งั้นกว่าจะรู้ตัวก็คงเสียของรักไปแล้ว…เหมือนพี่”

“…อืม”   

แววตาพี่พีทแม้จะเศร้า แต่สีหน้ากลับยังยิ้มให้ผม “งั้นพี่ขอไปทำงานต่อ เราก็ขับรถกลับดีๆ อย่าประมาทหรือเหม่อลอยล่ะ”

ผมรีบพยักหน้ารับ มองพี่พีทอย่างสำนึกผิด แต่พี่แกคงอยากเห็นผมยิ้มมากกว่า เลยคลี่ยิ้มส่งให้

“ขอบคุณครับ”

แต่คนได้รับคำขอบคุณกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ แถมยังพึมพำเสียงเบา แต่ผมก็ยังได้ยิน

“เด็กหมาป่านั่นน่าเห็นใจชะมัด”

“…”

-------------

พี่พีทพูดถูก

คำถามประโยคเดียวกลับทำผมเข้าใจอะไรขึ้นเยอะ…เยอะจนต้องมาเดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอน ไม่รู้ว่าควรเริ่มทำอะไรก่อนดีระหว่างง้อพาร์ให้หายโกรธ กับค้นหาคำตอบภายในใจตัวเองให้ลึกกว่านี้ แล้วค่อยไปสารภาพกับพาร์อีกทอด

แค่คิดหน้าก็ร้อนผ่าว ให้ตายก็พูดออกไปไม่ได้แน่ๆ

ผมชักเริ่มนับถือเหล่าคนที่กล้าสารภาพรักต่อหน้าคนที่ชอบขึ้นมาทันที แต่แล้วในหัวก็นึกบางเรื่องได้ ทำเอาอารมณ์เขินๆ ดับวูบลง เพราะเห็นวิธีของพี่พีทได้ผล จึงรีบไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ คว้ากระดาษกับปากกามาจดหัวข้อที่เป็นปัญหาหนักอกสำหรับผม ก่อนวกไปไล่ตอบคำถามลงมาทีละข้อช้าๆ

ความเป็นส่วนตัว…แน่นอนถ้าคบกันต้องแชร์ทั้งเรื่องราวและเวลาให้อีกฝ่าย ผมขีดเครื่องหมายถูก

ต่อมาคือบรรดาผลพวงที่ตามมาหลังคบกัน ผมเขียนแยกไว้เป็นข้อๆ พอมาอ่านดูอีกทีก็พบว่า จะเรื่องไหนๆ ก็ดูเล็กน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับการที่พาร์จะหายไปจากชีวิตผม

คุณย่าพิโรธก็ยังหวาดกลัวอยู่ แต่ผมก็เชื่อว่าพาร์จะอยู่สู้ไปด้วยกัน

สัมผัส…จ้องมองข้อความสุดท้ายที่วงไว้ใกล้ๆ ‘จะยอมให้มันกอดไหม’

ผมเม้มปาก รู้ดีว่าเป็นกอดในความหมายไหน ถึงอย่างนั้นยกมือสั่นๆ ขีดเครื่องหมายถูกไว้ด้านหลังข้อความ แล้วนึกเสริมในใจ แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้ อย่างน้อยก็ขอเวลาสักพัก

จริงสิ ทาจังเคยบอกว่าให้รอจนถึงอายุยี่สิบก่อนนี่น่า…

แม้ใจจะนึกสงสารหมาป่าบางตัว แต่ผมก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะทำตามผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนบอก

พอได้กวาดมองมองข้อความทั้งหมดในกระดาษใบนี้อีกครั้ง ผมก็อดประหลาดใจไม่ได้

ปัญหาที่คิดว่าใหญ่ดั่งภูเขามาตลอด ความจริงแล้วก็แค่นี้เอง ผมแค่กลัวไปเองล่วงหน้า กลัวจนไม่กล้าเสี่ยง กลัวที่จะบาดเจ็บกลับมา…

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้ตัวเอง เอื้อมมือคว้าพวงกุญแจที่ยังห้อยมินิอัลบั้มออกมาไขลิ้นชักโต๊ะบนสุด หยิบกล่องขนมทำจากเหล็กแบนๆ ดูเก่าเล็กน้อยออกมา ลังเลครู่หนึ่งก่อนเปิดฝาออกให้เห็นของสะสมภายในที่ไม่ได้เห็นมานาน

กระดาษข้อความเขียนด้วยลายมือของเด็ก ริบบิ้นหลากสี และรูปถ่ายโพลารอยด์ของขนมในสภาพที่ยังมีทั้งริบบิ้นและข้อความห้อยอยู่ ผมมองพวกมันด้วยคิดถึงอยู่พักหนึ่งก็พับกระดาษใบที่พึ่งเขียนวางลงในกล่อง หลังปิดฝาผนึกสิ่งที่อยู่ข้างในก็ยกกล่องไปเก็บคืนช่องในสุด ไขปิดล็อกเงียบๆ

หลังวางกุญแจไว้บนโต๊ะ ผมก็เลื่อนเก้าอี้ย้ายมานั่งหน้าคอม กดเข้ากูเกิลพิมพ์ข้อความ

‘จะง้อผู้ชายยังไงดี’

ให้ตายเหอะ! ไม่นึกเลยว่าในชีวิตต้องมาเสิร์ชหาอะไรแบบนี้

แถมแต่ละบทความหรือคำถามที่ค้นหาเจอ ยิ่งคอยตอกย้ำเข้าไปใหญ่ว่าผมไม่ใช่ผู้หญิง แต่กำลังจะเอาวิธีการของพวกเธอไปใช้ง้อผู้ชายให้หายโกรธ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามปลอบใจตัวเอง เอาน่า อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีแนวทาง แม้แอบกังขาว่าจะใช้ได้ผลลัพธ์หรือเปล่าก็ตาม

ผมลุกไปหยิบกระดาษเปล่ากับปากกาบนโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วกลับมาหน้าคอมอีกครั้ง เริ่มต้นหาข้อมูลมากกว่านี้ พลางจดวิธีง้อที่อ่านแล้วเข้าท่าลงไป เสร็จแล้วก็เอาไปแปะติดบนโต๊ะให้เห็นชัดๆ กวาดมองทุกข้อแนะนำ ก่อนเลือกวิธีการที่พอทำได้มาใช้ก่อน

…ง้อด้วยของที่ชอบ

ที่คิดออกตอนนี้มีแต่ของกินทั้งนั้น เลื่อนสายตาไปที่หัวข้อบนๆ มีคำว่าเซอร์ไพรส์เขียนอยู่ ถ้าเอามารวมกันก็น่าจะดี ไม่สิ นอกจากง้อแล้ว ผมน่าจะจีบมันไปด้วยเลย

จะได้เข้าตำรายิงทีเดียวได้นกสองตัว!

คิดได้อย่างนั้นผมก็คว้ากระดาษใบใหม่ไปนั่งหน้าคอม เสิร์ชหา ‘วิธีจีบผู้ชาย’ แล้วไล่อ่านกับจดวิธีที่น่าสนใจใส่กระดาษไปแปะไว้ข้างวิธีง้อ

ผมมองกระดาษทั้งสองแผ่นสลับไปมา…ถ้าไม่ได้ผลแล้วมันยังกล้าเมินกันอีกนะ ผมจะ…แจกยิ้มหวานใส่ชาวบ้านให้หมาบางตัวหึงเล่น ถ้ายังไม่ได้ผลก็ใช้แผนสอง จะ…จะ… กัดฟันเค้นความคิดบางอย่างออกมา

จะแก้ผ้ายั่วมันให้ดู!

เพียงแค่นึกภาพตามก็อยากมุดดินหนีแล้ว ผมรีบยกมือลูบหน้าร้อนอย่างกับโดนเผา

ย…อย่างน้อย ถ…ถ้าต้องทำจริงๆ ขะ ขอเหลือกางเกงในติดกายไว้สักชิ้นเถอะ

-------------

เพราะเวลาไม่เคยรอใคร และไม่รู้พาร์จะอดทนรอได้อีกแค่ไหน ดังนั้นลงมือเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

ผมตื่นแต่เช้าลงมาทำข้าวกล่องแทนออกไปวิ่ง ทำเสร็จก็ต้องรีบอาบน้ำมามหาลัย โชคร้ายที่วันนี้ตรงกับวันพุธ โอกาสบังเอิญเจอตอนเช้าถึงเที่ยงเป็นศูนย์ ทางเดียวคือต้องไปดักรอ

ผมมีไอเทมช่วยเหลือ ตารางเรียนของมันนั่นเอง รู้ทั้งสถานที่และเวลา บวกกับนิสัยมัน ผมเลยกะเวลาไปดักรอได้ถูก เสียอย่างเดียวพาร์ดันมีเรียนแปดโมงครึ่ง ผมเลยต้องรีบหน่อย ผมไปถึงมหาลัยเจ็ดโมงสี่สิบห้า คนบางตามากเลยหาทำเลดีๆ ในมุมที่คนอื่นเห็นผมยาก แต่ผมกลับเห็นได้ชัดว่าใครเดินเข้าออกตึกบ้างนั่งรอ

จากที่รีบจนหัวฟู มาตอนนี้แทบจะสัปหงก เผลออ้าปากหาวครั้งแล้วครั้งเล่า ตาอยากปิดเต็มแก่

เวลา…หมุนเร็วๆ หน่อยสิ

เลยแปดโมงมานิดหน่อย ผมเริ่มตื่นตัวเพราะเสียงผู้คนที่ดังมากกว่าเก่า มองเวลาบนมือถือก็พยักหน้ากับตัวเอง ได้เวลาที่พาร์มาถึงมหาลัยแล้ว

แปดโมงสิบนาที…ยังไม่เห็นวี่แววพาร์

แปดโมงสิบห้า…ผมเริ่มขมวดคิ้ว

แปดโมงยี่สิบ…รับรู้ถึงความผิดปกติ ทุกทีพาร์จะมาถึงก่อนเวลาเข้าเรียนประมาณยี่สิบนาที อย่างช้าสุดก็สิบนาที เปอร์เซ็นต์น้อยมากที่มันจะมาสายหรือไม่มา ผมพยายามทำใจเย็นๆ รอคอยต่อ 

แปดโมงยี่สิบห้า…ผมเริ่มนั่งนิ่งไม่ได้ ใจก็เริ่มฟุ้งซ่านด้วยความกังวล

คงไม่ได้เจออุบัติเหตุ ไม่ๆ คงเจอรถติดนั่นแหละ หรือไม่คงขึ้นตึกไปแล้วโดยที่ผมไม่เห็น

ระหว่างคิดหาเหตุผลไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านไปกว่านี้ คนที่รอมาเกือบชั่วโมงก็โผล่หน้ามาให้เห็นจนได้ ผมรีบกวาดตาสำรวจมันเร็วๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า

ปกติดี ไม่มีแผล เฮ้อ~

แต่...ไหงสีหน้าอย่างกับจอมมาร!

ขนาดผมอยู่ตั้งห่างยังสัมผัสได้ถึงรังสีมาคุ ไม่แปลกเลยที่เห็นคนรอบมันพร้อมใจกันหลบ เปิดทางให้จอมมารเดินขึ้นตึกอย่างสะดวกสบาย เห็นพาร์กำลังอารมณ์ไม่ดีอย่างหนัก ผมก็แอบผวา รู้สึกตัวเองมาผิดจังหวะอย่างแรง

…เอาวะ มาดักรอขนาดนี้ จะทำตัวหัวหดได้ไง!

ผมลุกขึ้นยืน มองเวลาในมือถือ แปดโมงยี่สิบเจ็ดนาที มันเหลือสามนาทีเพื่อขึ้นเรียนให้ทัน ส่วนผมขอแค่นาทีเดียว ไม่สิ สามสิบวิก็พอ ขอแค่นี้แหละ

หลังเก็บมือถือลงกระเป๋า คว้าถุงข้าวบนโต๊ะรีบเดินกึ่งวิ่งไปขวางหน้าจอมมารอย่างกล้าหาญ กลั้นใจสบตากับอีกฝ่ายที่ชะงักเท้าก่อนเดินชนผม แววตาพาร์ดูตกใจย่างเห็นได้ชัด

ผมยืนอักอักอยู่แปบหนึ่งก็เอ่ยปาก “หวัดดี” ทักแค่นั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อเลยจับมือพาร์ขึ้นมา ยัดถุงใส่กล่องอาหารให้ ทำเป็นไม่เห็นสีหน้ามึนงงของคนรับ เม้มปากด้วยความกระดาก แต่ก็ทำใจกล้าพูดประโยคที่พยายามคิดมาเมื่อเช้า

“กูทำด้วยใจ กินให้อร่อยนะมึง”

ผมข่มความกระดากอาย คลี่ยิ้มที่พยายามฝึกอยู่หน้ากระจกเมื่อคืนเป็นการปิดท้าย แม้รู้สึกว่าไม่เหมือนยิ้มที่ฝึกมาก็เถอะ เห็นพาร์เปิดตากว้าง ยืนตัวแข็งทื่อก็รู้สึกว่าผิดท่า ผมหุบยิ้มลงทันที รีบเบี่ยงตัวหลบคนตรงหน้า จ้ำเท้าหนีจากมาด้วยหน้าร้อนผ่าว…

มีรูอยู่ตรงไหนไหมครับ ผมอยากมุดดินหนี!

-------------

ระหว่างนั่งเขี่ยข้าวกลางวันด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวที่แผนเมื่อเช้าล้มเหลวไม่เป็นท่า มือถือผมก็ส่งเสียงข้อความเข้าเลยหยิบออกมาดูด้วยความเซ็งจิต เห็นว่าใครส่งมาก็เบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง 

ข้อความแรกในรอบสามวัน!

ผมรีบกดเข้าไปดูทันที ต่อให้เป็นแค่สติกเกอร์ตัวเดียว ผมก็ดีใจอ่ะ

PAR: รูปถ่ายกล่องข้าวหมดเกลี้ยง

แค่เห็นก็เผลอฉีกยิ้มกว้าง ดีต่อใจคนทำอาหารจริงๆ ระหว่างกำลังปลื้มปริ่ม ข้อความใหม่ก็มา

PAR: อร่อย แต่ใจมึงไม่เห็นหวาน

ผมหุบยิ้มทันที…อยากได้หวานนักใช่ไหมได้! รีบกดออกแอพไลน์ เข้าแอพสมุดโน้ต กะพิมพ์ไว้เตือนตัวเอง ระหว่างพิมพ์ก็หวนนึกถึงกระดาษสองใบบนโต๊ะ

วิธีง้อข้อที่5 ‘อยากให้หายโกรธเร็วๆ ไม่ควรขัดใจเวลาง้อ’
วิธีจีบข้อที่4 ‘ตามใจได้ก็ควรทำ คุณจะได้คะแนนในสายตาเขาเพิ่ม’

ตามองตัวอักษรที่ขึ้นมาทีละตัว แล้วอมยิ้ม

‘ข้าวกล่องพรุ่งนี้พาร์อยากได้รสหวาน’

-------------
 
วันพฤหัส…ผมไม่ต้องดักรอนานเหมือนเมื่อวาน เพราะเป้าหมายของผมเล่นนั่งรอในจุดที่มองไปก็เห็นตัว…เด่นกว่าเมื่อวานอีก ผมข่มใจเดินเข้าไปหา วางถุงกล่องข้าวไปบนโต๊ะตรงหน้าพาร์ อีกฝ่ายก็ยื่นถุงกล่องข้าวเมื่อวานกลับมาให้ด้วยสีหน้านิ่ง แต่แววตาวิบวับ ออร่าจอมมารก็ไม่มีแล้ว

ผมพยักหน้าเป็นเชิงบอกลา พาร์ก็พยักหน้ากลับ ต่างคนต่างผละจากกันทั้งแบบนั้น 

ถึงไม่มีใครพูดอะไรออกมา แต่บรรยากาศระหว่างเราดีขึ้นกว่าเมื่อวานโข

แค่นั้นผมก็พอใจแล้วครับ 

ระหว่างทานข้าวกลางวัน ผมนั่งจ้องมือถือสลับกับตักข้าวเข้าปาก รอคอยข้อความอย่างใจจดใจจ่อ เกือบเที่ยงครึ่ง สิ่งที่ผมรอคอยก็ปรากฏ ผมรีบปลดล็อกหน้าจอเข้าแอพไลน์ทันที

PAR: รูปถ่ายกล่องข้าวหมดเกลี้ยงคู่กับขวดน้ำว่างเปล่า

ผมกลั้นยิ้มเต็มที่ ไม่คิดว่าพาร์จะกินหมดเกลี้ยง อ้อ ลืมไปว่ามันชอบรสหวาน

PAR: อร่อย แต่วันนี้หวานพอแล้ว 

ผมขำจนข้าวเกือบติดคอ หลังคว้าขวดน้ำมาดื่มจนหายสำลักก็พิมพ์ถามมันไป แม้ข้อความจะเลี่ยนไปนิด แต่ง่ายกว่าตอนพูดต่อหน้ามันเยอะ
 
TEE: พรุ่งนี้อยากให้ใจกูมีรสอะไร
PAR: ทุกรส!

-------------

วันศุกร์…ตอนผมส่งข้าวกล่องให้ แววตาพาร์ดูหวาดระแวงหน่อยๆ

ผมเพียงแค่อมยิ้ม รับกล่องข้าวของเมื่อวานกลับมา มีข้อความแปะไว้ว่าล้างให้แล้วเหมือนเมื่อวาน ตอนผละจากมาในใจผมคาดหวังเต็มเปี่ยมว่า กลางวันนี้จะต้องได้ข้อความจากพาร์มากกว่าเดิม

อีกครั้งที่ผมนั่งกินข้าวไป จ้องมือถือไป รอคอยด้วยความตื่นเต้น

วันนี้ข้อความจากพาร์มาเร็วกว่าที่คิด ผมรีบเปิดดูด้วยแววตาวิบวับ พาร์ถ่ายกับข้าวแยกมาห้ารูปเลยครับ มีข้อความกำกับต่อท้ายทุกรูป

PAR: หวานไปไหน
PAR: เค็มไปแล้ว   
PAR: เผ็ดโคตร!
PAR: มึงทำมะนาวตกลงไปเรอะ!
PAR: กูเกลียดไอ้นี่!

กับข้าวอย่างสุดท้ายคือมะระผัดไข่ครับ รสขมนั่นเอง ถ้ารวมข้าวเปล่าที่เป็นรสจืดด้วยก็ครบทั้งหกรส ผมกลั้นขำจนตัวสั่น ก่อนปล่อยหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ยามเห็นรูปกลุ่มขวดน้ำดื่มที่พาร์ส่งมา สามในห้าขวดหมดเกลี้ยงไปแล้ว

PAR: ผัดเผ็ดหมูชิ้นของมึงแทบทำกูพ่นไฟได้ ใช้น้ำดับไฟในคอตั้งขวดกว่า!
TEE: ทุกรสตามที่มึงรีเควสไง แล้วอร่อยไหม?
PAR: เออ!

PAR: แต่วันนี้กูจะให้เพื่อนได้ชิมความแสบของมึง
PAR: พวกมันจะได้เลิกจ้องตาเป็นมัน เตรียมจะฉกกับข้าวกูไปสักที!
TEE: จะแบ่งใจกูไปให้คนอื่นเหรอ?

พาร์เงียบไปเลยครับ แต่นาทีต่อมาก็ส่งข้อความมาสั้นๆ

PAR: กูกินเองก็ได้! 
TEE: ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน
PAR: ไหว
TEE: เอางี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูขอแก้ตัว มึงมากินข้าวบ้านกูสิ : )

พาร์เงียบไปนานกว่าจะตอบกลับมา

PAR: มึงกำลังจีบกู…ใช่หรือเปล่า?
TEE: คิดว่าไงล่ะ?
PAR: ถ้าใช่…พรุ่งนี้กูจะไป

ผมยิ้มสมใจใส่หน้าจอมือถือ พิมพ์ทิ้งท้ายสั้นๆ 

TEE: กูจะรอ

เยส!

ผมกำหมัดอย่างดีใจ กลับบ้านเมื่อไหร่จะไปขอบคุณแผนการจีบกับง้อที่โต๊ะเขียนหนังสือ

ขอบคุณจริงๆ!   

เงยหน้าขึ้นมาก็เจอสายตาแปลกๆ จากพี่ดิน สบตากันปุ๊บพี่ดินก็รีบละสายตาหนีปั๊บ

“…กินเสร็จเมื่อไหร่ช่วยทิ้งความเพี้ยนไปพร้อมกล่องข้าว แล้วค่อยมาช่วยงานพี่ เข้าใจนะ”

“…ครับ”

“จริงสิ” สีหน้าพี่ดินเหมือนนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ “ทดสอบหนีครั้งแรกของสะใภ้คณะมีขึ้นวันอาทิตย์นี้ใช่ไหม?”

ผมชะงักก่อนพยักหน้ารับว่าใช่ ช่วงนี้มัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมเรื่องนี้ไปเลย

“ถ้าทีหนีรอดมือพาร์ในการทดสอบได้ พี่จะให้รางวัล กลับกันถ้าพาร์จับเราได้ พี่จะให้รางวัลพาร์แทน”

“รางวัลอะไร?” ผมถามอย่างสนใจ    

“ชนะให้ได้ก่อนค่อยมาถาม แล้วบอกพาร์ไปยัง?”

ผมส่ายหน้า ยิ้มเจื่อนๆ ให้พี่ดินที่มองมาตาดุ

“รีบไปบอกซะ อีกฝ่ายจะได้ไม่ติดธุระไปไหน”

“งั้นผมฝากพี่ไปบอกแล้วกัน ให้พี่พูด ต่อให้มันติดธุระก็ต้องมาอยู่ดี”

พี่ดินจ้องตาดุใส่ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกลับมา ปฏิกิริยาปกติเวลาพี่ดินไม่ปฏิเสธจะช่วยเป็นธุระให้ ผมลอบถอนหายใจ แอบนึกขอบคุณพี่ประธานนิติเงียบๆ

แต่แล้วช่วงสี่ทุ่มกว่า ข้อความที่พาร์ส่งมา ทำรอยยิ้มที่มาทั้งวันหุบลงทันที

PAR: พรุ่งนี้กูไปบ้านมึงไม่ได้แล้ว
TEE: ทำไม? 
PAR: กูไม่ว่าง มีนัดแล้ว

หลังเหม่อมองข้อความสั้นๆ ความกังวลไม่มีที่มาที่ไปก็พุ่งจู่โจมใส่ดุจพายุ และคงสงบไม่ได้จนกว่าจะได้คำตอบ ผมลุกจากเตียง เดินหน้าขรึมไปเคาะห้องน้องสาว รอจนน้ำมาเปิดประตูก็พูดออกไปทันที

“ช่วยอะไรพี่สักอย่างสิ”

“…อะไรคะ?”

“สืบให้พี่หน่อย พรุ่งนี้พาร์จะไปไหน”

สาวน้อยของผมประสานงานกับเบอร์ดี้สืบหาข่าวได้รวดเร็วมากครับ ผมรอแค่ครึ่งชั่วโมงก็ได้คำตอบ

[พี่พาร์มีนัดกับเพื่อนสมัยมัธยมต้นไปเที่ยวที่สยามวันพรุ่งนี้ค่ะ]

ปลายสายบอกมาเสียงใสผ่านลำโพงมือถือน้ำ แต่ผมก็ยังรู้สึกกังวลแปลกๆ จนต้องถามออกไป

“แค่นั้น?”

[ใช่ค่ะ หนูรู้แค่นี้ แต่ถ้าพี่ทียังกังวลอยู่ เดี๋ยวหนูแอบสืบเพิ่มให้ ได้ความว่าไงหนูจะโทรไปรายงานนะ]

“ขอบใจนะ”

[ยินดีค่ะ]

หลังวางสายผมก็เจอรอยยิ้มล้อเลียนของยัยน้ำ จึงปั้นหน้าขรึมใส่น้อง

“อะไร?” 

“ไม่มี๊” น้องสาวปฏิเสธเสียงสูง “พี่กลับห้องไปเลย น้ำจะนอนแล้ว”

ผมเห็นจะห้าทุ่มแล้ว เลยทำตามที่น้องบอกโดยดี แต่ก่อนปิดประตูห้องดันได้ยินเสียงหัวเราะประหลาด

“หุๆ”

ผมรีบดึงประตูห้องนอนปิด แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่กลับโดนเสียงหัวเราะประหลาดตามหลอกหลอนไปถึงในฝัน แถมยังมาปนเปกับเรื่องพาร์…เช้าวันต่อมาผมเลยนอนหมดสภาพอยู่บนพรมหน้าโซฟา ปล่อยฮิเมะปีนขึ้นมานอนขดอยู่บนท้อง น้องอันนั่งจ้องทีวีตาไม่กระพริบอยู่ข้างๆ 

“เป็นอะไรหือ?”

ผมมองพ่อถือหนังสือพิมพ์เดินหลบผมไปนั่งโซฟา “…ก็แค่ฝันร้าย”

“งั้นก็ขึ้นไปนอนข้างบน”

ผมส่ายหน้า นอนตรงนี้ยังหลับอย่างสบายใจได้มากกว่าอีก 

“แล้วน้ำล่ะ?” ผมถามเพราะไม่เห็นน้องสาว

“อยู่ในครัวกับแม่ ให้แม่สอนทำขนมง่ายๆ อยู่ เห็นว่าอาทิตย์หน้าต้องทำไปส่งครู”

“อ้อ”

จำได้ว่าน้องสาวเคยขอให้พาร์ช่วยสอน แต่สงสัยจะไม่ทันแล้วเลยขอให้แม่สอนแทน

“แล้วคืนวาเลนไทน์ว่าไง ตกลงว่า…”

ผมเมินคำพูดพ่อ แกล้งทำเป็นหลับทันที ไปๆ มาๆ ดันเผลอหลับจริง มารู้สึกตัวอีกครั้งตอนโดนเขย่าตัว

“พี่! พี่ทีตื่นเดี๋ยวนี้!!”

ลืมตางัวเงียขึ้นมาก็เจอสีหน้าร้อนใจของยัยน้ำ

“พี่ลุกเลย!”

“หือ?”

“ตื่นยังเนี่ย ไปข้างบนกับน้ำเดี๋ยวนี้เลย”

ผมทำหน้างงใส่น้อง แต่ก็ยอมลุกตามแรงฉุด เดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง น้ำเปิดประตูห้องผม ผลักพี่ชายเข้าไป แล้วสั่งเสียงเคร่งเครียด “รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เราจะไปข้างนอกกัน”

“ไปไหน?”

“สยาม”   

“ไปทำไม?”

น้ำสูดลมหายใจเข้า แววตาขุ่นมัว “เมื่อกี้เบอร์ดี้โทรมาบอกน้ำว่า นอกจากพี่พาร์จะไปเที่ยวกับเพื่อนแล้ว ยังจะไปเที่ยวกับผู้หญิงด้วย!”

ทันทีที่ได้ยินใจผมพลันกระตุกวูบ

“พี่รีบอาบน้ำเหอะ”

ผมพยักหน้าเคร่งขรึมให้น้อง รีบเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัว แต่ก่อนประตูจะปิด น้ำเสียงจริงจังของน้องสาวก็ดังมาอีกรอบ

“รอน้ำด้วยนะ น้ำจะไปด้วย!”

############

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
«ตอบ #516 เมื่อ03-04-2017 18:01:09 »

ได้เม้นแรกและ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เจ๊ยยยยย.....พาร์ไปเที่ยวกับเพื่อนมัธยม
แต่มันมีหญิงไปด้วย ชีต้องชอบพาร์แน่เลย
แม้ที แน่ใจว่าพาร์รักตัวเอง แต่ไม่ยอมให้พาร์ ใกล้ชิดหญิง
ต้องไปดูให้เห็นกับตา ความหึงมาและ
ก็นัดมากินข้าวที่บ้านทีแท้ๆ ยังยอมยกเลิกนัด
ไปเที่ยวกับหญิง ฮึ่มมมมม ยอมไม่ได้ :z6: :z6: :z6:
คราวนี้จะเป็นที งอน เอ๊ย....โกรธเลยซะมั้ง
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2017 18:21:03 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
«ตอบ #517 เมื่อ03-04-2017 20:06:38 »

หืมมม

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
«ตอบ #518 เมื่อ03-04-2017 20:08:16 »

น่าสงสารพาร์เหมือนกัน กว่าทีจะรู้ใจ

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
«ตอบ #519 เมื่อ03-04-2017 21:53:04 »

 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
« ตอบ #519 เมื่อ: 03-04-2017 21:53:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
«ตอบ #520 เมื่อ03-04-2017 22:13:14 »

เอาคืนสินะ...พาร์...คราวนี้.....รู้ใจตัวเองแน่ๆ

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
«ตอบ #521 เมื่อ03-04-2017 22:55:21 »

สองน้องสาวน้ำกับเบอร์ดี้ วางแผนอะไรกันรึเปล่า

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
«ตอบ #522 เมื่อ04-04-2017 00:35:17 »

จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ :m11: :m11:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
Re: - ชลนที - [บทที่ 50] P.18 (03/04/2017)
«ตอบ #523 เมื่อ04-04-2017 00:47:47 »

มันตะหงิด ๆ แผนป่ะแว้ ~~~

ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #524 เมื่อ08-04-2017 11:08:11 »

บทที่ 51

“พี่พาร์ไม่ได้อยากไปหรอก”

“แต่ก็ไป” น้ำสวนเบอร์ดี้กลับไปทันที

สองสาวเถียงกันอยู่เบาะหลังตั้งแต่เบอร์ดี้ขึ้นรถมา ผมเคาะนิ้วกับพวงมาลัย นึกหงุดหงิดการจราจรที่ติดได้ติดดีมากกว่าเสียงน้องๆ ซะอีก

“พี่พาร์จำใจไปแน่นอน!” 

“เห็นสีหน้าจำใจเหรอ?”

“ก็ไม่…แต่เมื่อคืนตอนเบอร์เข้าไปหา พี่พาร์ดูหงุดหงิดนะ”

“ก็แค่เมื่อคืน!”    

“อย่าหาเรื่องกันนะน้ำ!”

“ก็มันน่าไหมล่ะ ถ้าพี่พาร์นอกใจพี่ทีนะ มีโกรธ!!”

“สาวๆ” ผมเรียกทั้งคู่ก่อนจะเถียงกันหนักกว่านี้ “พี่ว่าเราเปลี่ยนแผนไปรถไฟฟ้ากันเถอะ”

เมื่อไม่มีใครคัดค้าน พอรถเคลื่อนตัวได้ผมก็พยายามหาทางชิดซ้าย ขับเลี้ยวเข้าห้างใกล้ๆ วนหาจนได้ที่จอดรถก็พาสองสาวเดินทะลุห้างออกมาขึ้นบีทีเอสไปสยามแทน ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงสถานีสยาม คนเยอะจนผมต้องรีบคว้ามือน้องคนละข้างกันพลัดหลง แม้เข้าห้างมาแล้วผมก็ยังไม่กล้าปล่อยมือ กวาดมองฝูงชนตรงหน้าแล้วแอบผวา

คนเยอะไปไหน!

เบอร์ดีเขย่าแขนผม “ไปอุโมงค์ปลาค่ะ พี่พาร์นัดเพื่อนไว้ที่นั้นตอนสิบเอ็ดโมง”

“ฮะ?” ผมมึนนิดๆ “นัดเจอที่อุโมงค์ปลาเลยเนี่ยนะ?”

“ไม่ใช่ค่ะ นัดเจอกันหน้าทางเข้า”

ผมร้องอ้อในใจ แม้จะร้อนใจอยากไปเห็นกับตา แต่…

“ตั้งแต่เช้าเบอร์กินอะไรมายัง?” ผมจ้องสาวน้อยที่ตอนแรกพยักหน้า แต่พอโดนจ้องหนักเข้าหน้าก็เริ่มเจื่อน สารภาพเสียงอ่อย

“…ยังค่ะ”

ก็ว่าอยู่ ผมได้ยินเสียงท้องร้องของใครสักคนตั้งแต่อยู่ในรถล่ะ

“งั้นไปหาอะไรกินกันก่อน” ผมสรุป

“แต่…” น้ำทำท่าจะแย้ง แต่ถูกผมเอ่ยขัด

“ถ้าท้องหิวจะไปมีแรงสู้ได้ไง” พอน้ำเงียบผมก็พูดเสียงอ่อนลง “เอางี้ พี่ให้น้ำเลือกว่าจะกินอะไร”

ยัยน้ำรีบบอกแบบไม่เสียเวลาคิด “แฮมเบอร์เกอร์!”

…เลือกเพราะใช้เวลากินน้อยที่สุดชัดๆ

พวกผมใช้เวลาเติมพลังงานแค่ยี่สิบนาที ก่อนมาเยือนโลกใต้ทะเลที่อยู่ชั้นล่างสุด ก่อนซื้อตั๋วผมคุยกับพนักงานถามหาโปรโมชั่นถึงรู้ว่าใช้บัตรแรบบิทจ่ายจะได้ส่วนลด เลยให้สองสาวรอที่นี่ ส่วนตัวเองย้อนกลับไปเติมเงินบัตรแรทบิททั้งสามใบ แล้ววนกลับมาซื้อตั๋วอีกครั้ง

ได้ตั๋วปุ๊บ สองสาวแทบจะฉุดลากผมเข้าข้างในทันที

“เรากำลังตามหลังพี่พาร์สิบห้านาที” น้ำบอก

ผมแอบงง “ไม่ใช่สี่สิบห้า?” ไหนว่านัดสิบเอ็ดโมงไง

“สิบห้าต่างหาก น้ำเห็นพี่พาร์เข้าไปกับตา มองนาฬิกาด้วย ไม่มีพลาด”

“มากันกลุ่มใหญ่เลยค่ะ เกือบสิบคนได้ มีทั้งชายและหญิง” เบอร์ดี้ให้ข้อมูลเพิ่ม

“เป็นคู่ๆ อีกต่างหาก อย่างกับนัดบอด!”

“อคติไปแล้วนะน้ำ” เบอร์ดี้พูดเสียงขุ่น “พวกพี่เขาอาจแค่มาเที่ยวเฉพาะกลุ่มเพื่อนก็ได้! ตอนเบอร์โทรไปบอกก็ย้ำแล้วว่าแค่อาจจะมีผู้หญิงไปเที่ยวด้วย”

“ตอนนี้ก็มีจริงๆ แล้วนี่!”

สองสาวเริ่มถกเถียงกันอีกแล้ว ผมต้องคอยพูดปรามไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น มองน้องทั้งสองสะบัดหน้าใส่กันก็ชักเห็นอนาคตรางๆ สองคนนี้มีสิทธิ์แตกหักได้เพราะเรื่องพวกผมแน่ๆ

…หลังจากนี้คงต้องคอยระวังแล้วสิ

ผมพยายามดึงน้องมาดูพวกสัตว์น้ำเป็นระยะ น่าเสียดาย พวกมันไม่ได้ช่วยให้สองสาวใจเย็นขึ้นเลย เอาแต่ลากผมเดินตามหาพาร์จนเจอตัวนั่นแหละถึงดึงผมไปซ่อน มองสองสาวที่กลับมาสามัคคีก็ได้แต่ปลงตก แม้สองเสียงจะกระซิบเถียงกันอยู่ก็ตาม

“อยู่ตามลำพังกับผู้หญิงตำตา!”

“เพื่อนพี่พาร์ก็อยู่ใกล้ๆ นี่ไง!”

ผมพ่นลมหายใจให้สองสาว แล้วเหลือบมองพาร์ยืนดูปลาตู้หนึ่งคู่กับผู้หญิงแปลกหน้าได้เพียงแวบเดียวก็ละสายตาหนี ไม่อยากเห็นภาพแบบนี้ ทั้งที่ในความจริงสมควรเป็นแบบนี้…ใช่ไหม?

“เบอร์!” น้ำเรียกเพื่อนอย่างหมดความอดทน “จะคิดในแง่ดีไปถึงไหน ลองมองดีๆ สิ จงใจยืนกระจายเป็นคู่ๆ แบบนี้ เขาเรียกนัดบอดแล้ว!”

“แต่…”

“ถ้าอยากเถียง งั้นก็ชี้ตัวเพื่อนพี่พาร์ในกลุ่มผู้หญิงมาสิ”

“เบอร์ไม่ได้รู้จักเพื่อนพี่พาร์ทุกคนสักหน่อย!”

“งั้นน้ำออกไปถามให้เอง!”

คนหนึ่งจะออกไปลุย อีกคนคว้าตัวเพื่อนร้องห้าม วุ่นวายจนผมปวดหัวกว่าจะห้ามปรามได้คอก็ชักเริ่มแห้ง   

“แล้วพี่ทีจะซุ่มดูแบบนี้เหรอ” น้ำถามอย่างขัดใจ

“…หลักฐานยังไม่พอ” ผมว่าเสียงนิ่ง

“ไม่พออะไร” น้ำสะบัดเสียงใส่ “มาเที่ยวกับผู้หญิงก็ถือว่าผิดแล้ว!”

ถ้าเป็นแฟนกันล่ะก็นะ…แต่ผมกับมันยังไม่ได้เป็นอะไรกันนี่

ผมซ่อนแววตาหม่นของตัวเองไม่ให้น้องๆ เห็น พอพวกพาร์เคลื่อนตัว น้องๆ ก็ดึงผมเดินตามซุ่มดูไม่ให้คาดสายตา แม้ไม่อยากเห็น แต่ภาพของมันเดินยิ้มหัวเราะกับผู้หญิงก็อยู่ในสายตาผมตลอดเวลา

…เจ็บ

ยิ่งเห็นมันส่งยิ้มให้คนอื่นก็ยิ่งเจ็บ

ผมยกมือกำอกเสื้อตัวเอง…บางทีหัวใจผมคงมีแผลล่ะมั้ง มันถึงได้เจ็บขนาดนี้ เจ็บจนอยากร้องไห้

ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เงยหน้ามองด้านบนให้น้ำตาที่เกือบไหลออกมาย้อนกลับคืนที่ของมัน ก่อนจะคว้าตัวสองสาวลากออกมาจากตรงนั้นด้วยเหตุผลสั้นๆ

“พี่หิวน้ำ”

ผมพาน้องๆ ไปซื้อน้ำจริง แต่จากราคาแพงของมันเลยซื้อแค่แก้วเดียว ผมเลือกแก้วมีฝาปิดรูปเพนกวิ้นถือเป็นของฝากให้น้องอัน เจ้าตัวเล็กต้องชอบแน่ๆ นึกถึงน้องคนเล็กผมก็อดยิ้มไม่ได้ ป่านนี้คงนอนหลับกลางวันกับฮิเมะล่ะมั้ง แต่พอหันมาเจอสายตาสองคู่ที่มองมาน้ำตาคลอก็ตกใจ

“เฮ้ย! เป็นอะไร?!” ไม่มีใครตอบ ผมก็เริ่มเลิ่กลั่ก “หรือว่าอยากได้ฝารูปอื่น?”

ถามแค่นั้นน้องๆ ก็ปล่อยน้ำตาไหลพรากๆ จนผมต้องรีบจ่ายเงิน พาตัวหลบออกมาจากร้านค้า มองหาที่นั่งก็ไม่ว่าง เลยลากหลบมุมไม่ให้ยืนเกะกะขวางทางใคร

“ร้องทำไม” ผมถามเสียงอ่อน

“เพราะพี่นั่นแหละ!” ยัยน้ำทุบมือใส่ท้องผมไม่ยั้ง แต่แปบเดียวก็โผมากอดผมแน่น “น้ำไม่ชอบให้พี่ทีเศร้า ยิ่งยิ้มทั้งที่กำลังเศร้า น้ำยิ่งไม่ชอบ!”

“เอ๊ะ…”

“เบอร์ก็ไม่ชอบ พี่ทีอย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เลยนะ เดี๋ยวเบอร์…” คนพูดสูดน้ำมูก “เบอร์จะไปจัดการพี่พาร์ให้เอง!”

ผมชะงัก ไม่คิดว่าตัวเองจะเผลอแสดงอารมณ์ออกไปทางสีหน้าขนาดนั้น หลังพยายามปรับสีหน้าใหม่ก็ดึงผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาเช็ดน้ำตาให้เบอร์ดี้ ยื่นผ้าให้สั่งน้ำมูกออกมา แล้วหันไปดึงผ้าเช็ดหน้าอีกผืนจากกางเกงยัยน้ำ ดันน้องสาวออกห่างตัวจัดการเช็ดน้ำตาน้ำมูกให้

นานแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ให้น้อง และจากประสบการณ์ผมไม่กล้าพูดอะไรสักคำ เพราะเดี๋ยวน้องจะร้องไห้มากกว่าเดิม รอจนสองสาวหยุดน้ำตาได้ถึงจูงมือเตรียมพากลับบ้าน อารมณ์นี้ให้อยู่เที่ยวต่อก็คงไม่มีใครอยากเที่ยวแล้วล่ะ เผลอๆ ถ้าบังเอิญไปเจอพาร์อาจมีเรื่อง

แต่ใครจะรู้ว่าวันนี้ดวงผมตกอย่างหนัก ดันได้ปะทะคนที่ไม่อยากเจอเข้าจังๆ ที่อุโมงค์ปลา 

พาร์หุบยิ้มทันทีที่เห็นพวกเรา มันมองสองสาวแล้วมองผม แววตาเปลี่ยนไปฉับพลัน

“ไปเหอะพี่” น้ำสะบัดหน้าใส่พาร์ หันมาลากตัวผมเดินต่อ

“เดี๋ยวสิน้ำ คือว่า…” เบอร์ดี้ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงที่ว่ากลับหยุดลงหลังได้ยินเสียงนุ่มนวลของผู้หญิงข้างตัวพาร์   

“มีอะไรเหรอพาร์?”

ผมเหลือบมองมือเรียวเล็กของผู้หญิงเอื้อมมาจับแขนมัน เหมือนแผลในหัวใจโดนกรีดซ้ำ เจ็บจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ผมรีบเบือนหน้าหนีภาพตรงหน้า กำลังจะจูงน้องๆ เดินผ่าน แต่ยัยน้ำกลับสะบัดมือผมหลุดพุ่งไปเตะหว่างขาพาร์เต็มๆ แถมยังกรีดร้องใส่

“น้ำเกลียดพี่!”

ผมรีบตามไปตะครุบตัวน้องสาวลากกลับมาหาเบอร์ดี้ที่ยืนอ้าปากเหวอ แววตาตระหนกสุดๆ ยามเห็นพี่ชายแท้ๆ ทรุดฮวบไปนั่งกับพื้น เสียงสั่นๆ เอ่ยเรียกพี่ชายตะกุกตะกัก

“พะ…พี่”

ผมพยายามจับล็อกยัยน้ำที่กำลังดิ้น ลองปล่อยหลุดไปสิคงเข้าไปซ้ำพาร์แน่ อยู่นานกว่านี้คงไม่ได้แล้ว ผมรีบหันไปถามเบอร์ดี้รัวเร็ว

“เบอร์ล่ะ จะอยู่นี่หรือจะไปกับพี่?”

เบอร์ดี้มองผมสลับกับพาร์ที่ยังลุกไม่ขึ้นไปมา แววตาลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเหลือบมองคนมีสีหน้าตกใจย่อตัวลงนั่งคุกเข่าข้างพาร์ก็ยื่นมือคว้าชายเสื้อผม พูดเสียงหนักแน่น

“เบอร์ไปด้วย!”

ผมพยักหน้าให้เบอร์ดี้เก็บแก้วน้ำที่พื้นแล้วเดินตามมา ส่วนอีกคน…พอโดนผมจับอุ้มท่าเจ้าหญิงก็คว้าคอผมไปกอด ซบหน้ากับไหล่ปล่อยโฮออกมาไม่อายใคร

ระหว่างพาตัวเดินออกมาเร็วๆ ผมถูกเจ้าหน้าเข้ามาขวาง ต้องเสียเวลาตอบคำถามสักพักกว่าพวกเขาจะหลบทางให้ผมพาสองสาวออกมา หลังพาขึ้นรถไฟฟ้าผมก็โดนประชาชีจ้องเอาๆ ก็คนหนึ่งเล่นสะอึกสะอื้นไม่หยุด อีกคนก็ทำท่าจะเป่าปี่ตามเพื่อนทุกเมื่อ

แค่วันนี้ผมได้เจอประสบการณ์หลากหลาย ได้ทำกระทั่งฉาบปูนที่หน้า ดีที่คู่นี้อายุแค่สิบสาม และผมกับน้ำหน้าตาคล้ายกัน ไม่งั้นผมอาจโดนสังคมรุมประณามปาข้าวของใส่ไปแล้วก็ได้

ที่สุดผมก็ทนเห็นเด็กสองคนนี้ซึมเศร้าไม่ไหว จึงลากตัวไปเลี้ยงไอศกรีมปลอบใจในห้างที่ผมจอดรถทิ้งไว้ มองทั้งคู่กินไป นั่งตาแดงจมูกแดงไป เห็นแล้วก็ได้แต่อ่อนใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกโชคดีที่มีสองสาวมาเป็นเพื่อน ไม่งั้นผมคง…ผมสะบัดหน้าไล่เรื่องนั้นทิ้ง ก่อนชวนสองสาวคุยเรื่อยเปื่อย กินเสร็จก็พาไปเดินเล่น พยายามดึงความสนใจไปที่สิ่งของรอบตัว รอจนอารมณ์สองสาวดีกว่านี้ค่อยพากลับบ้าน

แต่ใครจะคาดคิดว่าที่บ้านมีระเบิดเวลาลูกเล็กๆ รอคอยผมอยู่

ทันทีที่เจ้าตัวเล็กเห็นหน้าผมก็แผดเสียงร้องไห้ใส่ทันที กลางวันโดนน้องสาวทุบท้อง ตกบ่ายโดนน้องคนเล็กวิ่งมาทุบต้นขา แต่แรงน้อยกว่าน้ำเยอะผมเลยไม่ค่อยเจ็บ พูดอะไรบ้างก็ไม่รู้ยืดยาวมาก แต่จับใจความได้แค่ ‘ทิ้งอัน’ กับ ‘หนีเที่ยว’

ผมที่วันนี้รู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจก็ได้แต่ฝืนยิ้ม พยายามปลอบน้องคนเล็กด้วยเหตุผลที่เด็กคนนี้น่าจะเข้าใจที่สุด

“ถ้าพี่พาอันไปด้วย ใครจะอยู่กับฮิเมะล่ะ”

คนร้องไห้เริ่มชะงัก ผมได้จังหวะพูดปลอบอีกสองสามประโยค เจ้าตัวเล็กถึงยอมพยักหน้าหงึกๆ ว่าเข้าใจ ผมส่งสัญญาณให้เบอร์เอาแก้วน้ำในมือให้น้อง อันถึงได้ยิ้มออก…นี่ถ้าให้แก้วน้ำผิดจังหวะคงโดนน้องโยนทิ้งพื้นแหงๆ

เสร็จสิ้นภารกิจครอบครัว ผมก็บอกแม่สั้นๆ ว่าวันนี้ไม่กินข้าวเย็น แล้วชิ่งหนีมาก่อนโดนซักถาม

ขึ้นถึงบนห้องก็ดึงสมาร์ทโฟนที่สั่นเป็นระยะตั้งแต่ออกจากโลกใต้ทะเลยัดใส่ลิ้นชัก ไม่คิดแลดูหน้าจอ ผละเดินมาหน้าตู้หนังสือ เริ่มค้นหาบอร์ดกระดานเล็กๆ

จำได้ว่าเก็บไว้แถวนี้…เจอล่ะ

ผมมองข้อความเดิมที่ดูเลื่อนๆ ตามกาลเวลา ‘ห้ามรบกวนคนอ่านหนังสือสอบ’ นึกย้อนดูจากเด็กเตรียมสอบวันนั้นกลายมาเป็นเด็กปี1 เทอม2 ในวันนี้…เวลาผ่านไปเร็วเหมือนกันนะครับ

ผมลบข้อความเดิมทิ้งหาปากกาบอร์ดมาเขียนข้อความใหม่

‘ขอมีเวลาส่วนตัวบ้าง ห้ามใครรบกวน’

หลังเอาไปแขวนหน้าห้องก็ดึงปิดประตูกดล็อกทันที ถ้าไม่ใช่ระดับไฟไหม้บ้าน ประตูบานนี้จะไม่เปิดออกจนกว่า…จะถึงพรุ่งนี้

แค่คิดก็เผลอถอนหายใจ ถึงไม่อยากไปก็ต้องไป ไม่งั้นเจอพี่ดินอบรมยาว

ผมหมุนตัวเข้าห้อง มองข้าวของที่ไม่ใช่ของผม หัวใจพลันเจ็บแปล๊บ แอบถามตัวเองว่า เพราะรู้ตัวช้าเกินไปใช่ไหม…

หึ เสียมันไปก่อนที่จะได้ทำอะไรซะอีก โง่เป็นบ้า

ผมหัวเราะเยาะตัวเองในใจ เพราะไม่อยากจมอยู่ในความผิดหวังแม้แต่วินาทีเดียว จึงคว้าเจ้าเครื่องเล่นเพลงพกพาตรงไปที่เตียง หลังเอาหูฟังครอบหัวก็ทิ้งตัวบนฟูกนอนทันที เปลือกตาปิดลง ปล่อยให้ท่วงทำนองเพลงวนเวียนภายในหัวเพียงอย่างเดียวโดยไม่คิดอะไรอีกเลย 

ช่วงเวลาหัวค่ำ ผมพึ่งออกจากห้องน้ำ แว่วเสียงเอะอะเหมือนมีคนกำลังทะเลาะกัน ว่าจะไม่สนใจ แต่เสียงที่ว่าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนตอนนี้ถกเถียงกันอยู่หน้าประตูห้องผม

“พี่ไปกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว จะกลับมาที่นี่อีกทำไม! ไปเลยนะ! อย่ามาเข้าใกล้พี่ชายน้ำ!!”

“มันไม่ใช่อย่างนั้น!”

ผมชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงน้ำกับพาร์ รู้ตัวอีกทีก็ยืนหน้าบานประตู ยื่นมือแตะลูกบิด สองจิตสองใจจนยืนค้างอยู่ในท่านั้น 

“น้ำเห็นเต็มสองตายังไม่ใช่อะไรอีก!”

“ให้พี่คุยกับที!”

“ไม่มีทาง!”

แว่วเสียงเบอร์ดี้พยายามพูดให้น้ำใจเย็นๆ ก่อนบานประตูโดนทุบกระหน่ำจนผมสะดุ้งโหยง เผลอปล่อยมือจากลูกบิด ก้าวถอยห่างมาหน่อยอย่างตกใจ

“ทีเปิดประตู!”

“ไม่เห็นป้ายหรือไง พี่ไม่เปิดหรอก เคาะให้ตายก็ไม่เปิด!”

คำพูดของน้ำเรียกสติผมกลับคืนมา จ้องประตูด้วยแววตาหม่นๆ อยู่ใกล้แค่นี้แต่ผมกลับไม่มีสิทธิ์ คิดพลางหมุนตัวเอนหลังพิงบานประตูเบาๆ อย่างหมดแรง หลับตาลงฟังสองเสียงที่ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้น

ใจที่เย็นขึ้นกว่าเดิมทำให้ผมคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ถ้ายังไงก็ต้องสูญเสียมันไปล่ะก็ ปล่อยมือตอนนี้น่าจะดีกว่า เจ็บวันนี้ยังพอทนไหว แต่เจ็บในวันหน้าผมอาจทรมานจนอยากตายเพราะมัน

“เด็กๆ ทะเลาะอะไรกัน?” เสียงพ่อแทรกขึ้นมา 

ผมยืนฟังบทสนทนาเงียบๆ จนกระทั่งไม่มีเสียงใดๆ อยู่หน้าห้องถึงเดินกลับไปที่เตียงนอน รีบหยิบหูฟังมาสวม ดื่มด่ำในเสียงเพลงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเองให้มากที่สุด ก่อนที่ความเครียดจะทำผมไข้ขึ้น

-------------

“เหล่าผู้มีค่าหัวหน้าใหม่ทั้งหลาย ถึงเวลาพิสูจน์ความสามารถครั้งแรกของตัวเองกันแล้ว วันนี้พวกเธอจะได้ลิ้มรสการเป็นผู้ถูกล่า จะโดนล่าหรือหนีรอด ขึ้นอยู่กับตัวพวกเธอเอง วันนี้ไม่มีพวกหน้าเก่า ไม่ต้องกลัวไปจะไปหนีทับเส้นทางของใคร จงหนีให้เต็มที่ ขอให้โชคดี”

เสียงตบมือดังขึ้นทันที ก่อนจะค่อยๆ ซาลง ฟังรุ่นพี่อีกคนออกมาพูด

“พวกเธอมีเวลาเตรียมตัวสิบนาที ก่อนเราจะปล่อยผู้ไล่ล่าลงสนาม พวกเธอต้องเอาของกลับมาก่อนได้ยินเสียงสัญญาณตอนเที่ยงตรง หลังสัญญาณดังจะไม่มีการไล่ล่าเกิดขึ้น ต่างฝ่ายต้องกลับมาที่พักตัวเอง และจะเริ่มไล่ล่าอีกครั้งในช่วงบ่ายโมงครึ่ง ใครมีคำถาม?”

คนนั่งหน้าผมยกมือถาม “ถ้าโดนจับตัวได้จะเป็นยังไงคะ?”

“เธอจะโดนผู้ไล่ล่าคุมตัว ถ้ามีโอกาสก็หลบหนีออกมา อย่าลืมว่าพวกเธอต้องหนีเอาตัวรอด อย่าโง่ไปนั่งเฉยๆ ให้เหล่าสามีคณะคุมตัวได้ง่ายๆ ล่ะ”

“ออกไปเตรียมตัวกันได้แล้ว!”

วันนี้ผมสวมผ้ารองเท้าผ้าใบ กางเกงพละขายาว เตรียมมาลุยเต็มที่ ส่วนท่อนบนเป็นเสื้อยืดคอกลมที่ได้รับแจกมา ผู้ถูกล่าคือเสื้อสีฟ้าอมเขียว ส่วนฝ่ายไล่ล่าคือเสื้อส้ม แบ่งแยกชัดเจนว่าใครอยู่ฝ่ายไหน ดีที่เป็นการหนีครั้งแรกผู้ไล่ล่าเลยมีแค่หนึ่ง ถึงเจอคนเสื้อส้มคนอื่น ถ้าไม่ใช่พาร์ ต่อให้ผมเดินเฉียดผ่านหน้าก็ไม่โดนจับ

แต่หลังจากนี้คงเพิ่มจำนวนผู้ไล่ล่าทุกการฝึกซ้อม ตำแหน่งฝึกซ้อมไล่ล่าต้องให้สามีคณะรับผิดชอบครับ รุ่นพี่ให้เหตุผลว่า เมื่อสามีฝึกเป็นผู้ไล่ล่าก็จะเข้าใจทั้งวิธีหลบหนีของสะใภ้คณะ และวิธีรับมือผู้ไล่ล่าเอง เป็นการเตรียมพร้อมป้องกันและช่วยเหลือสะใภ้คณะในวันสงคราม

เสียงสัญญาณปล่อยตัวผู้ไล่ล่าดังขึ้น เหล่าคนที่เดินทอดน่องก็ตื่นตัวแยกย้ายหนีกันกระจัดกระจาย

แววตาผมเปลี่ยนเป็นจริงจังระหว่างย้ายตัวเองหาที่กำบังให้พ้นจากสายตาคนอื่น ลอบมองคนเสื้อส้มวิ่งผ่านไปเป็นระยะ ได้จังหวะก็เคลื่อนไหวบ้าง บางทีผมควรหาตัวพาร์ให้เจอก่อนคงทำให้ได้เปรียบกว่า ติดแต่ว่า…ผมไม่อยากเห็นหน้ามันนี่สิ

ผ่านมาหลายชั่วโมง ผมก็นึกสงสัยว่าไอ้คนที่ควรไล่ผมหายหัวไปไหน นี่ขนาดผมเดินชิวๆ ล่อเป้าอยู่กลางถนน มันยังไม่โผล่หัวให้เห็นเลย

สาเหตุที่ผมมาเดินโชว์ตัวแบบนี้ เพราะของที่ต้องหิ้วไปส่งก่อนเที่ยงครับ มันคือเจ้าตุ๊กตาหมีตัวโตพอๆ กับน้องอัน ของชิ้นใหญ่ที่สุดในบรรดาของทั้งหมดที่รุ่นพี่เตรียมมาให้จับฉลาก ช่วยยืนยันชัดเจนว่าผมกำลังดวงตก

เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนผมผ่านไปเจอเจ้าหมีกำลังนั่งยิ้มแป้นบนเก้าอี้ไม้ ไม่ทุกข์ร้อนแม้อยู่กลางแดดในลานกิจกรรมของพวกวิศวะ แถวนั้นมีเสื้อส้มซุ่มอยู่เพียบ ผมเลยยังไม่กล้าไปเอา กลัวพาร์อยู่แถวนั้น เลยตัดสินใจล่อเป้าให้พาร์มาแถวนี้ก่อน แต่แผนนี้คงเป็นหมันแล้วล่ะ

ผมพ่นลมหายใจ เมินคนเสื้อส้มที่เลิกคิ้วใส่ระหว่างเดินผ่าน คงประหลาดใจที่ผมมาเดินให้จับง่ายๆ มั้ง

คิดพลางเดินเซ็งๆ กลับลานวิศวะ ระหว่างทางเจอคู่หนึ่งกำลังวิ่งไล่จับอย่างสนุก…ผมคงเป็นคนเดียวที่ไม่โดนไล่ล่าล่ะมั้ง น่าเบื่อชะมัด ผมเดินดุ่มๆ ไปคว้าเจ้าหมีมา แล้วเดินไปอาคารหอสมุด ข้างๆ หอสมุดมีร้านคาเฟ่ห้องแอร์อยู่ครับ นั่นแหละ สถานที่ต้องกลับไปของผม   

แค่โผล่หน้าผ่านมุมตึกห้องสมุดก็รีบถอยหลังแทบไม่ทัน เพราะไอ้คนที่ผมสงสัยว่าหายไปไหน มันกำลังนั่งบนบันไดขั้นสองของทางขึ้นร้านคาเฟ่ครับ สีหน้าพาร์เครียดขึง แววตาดุดันจนเหล่าเสื้อฟ้าอมเขียวเดินถือของขึ้นบันไดไปมองมันไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ แค่เห็นก็รู้แล้วครับว่าตัวเองหมดสิทธิ์ผ่าน นอกจากรอเสียงสัญญาณดัง

หลังนิ่วหน้างึมงำด่าไอ้คนฉลาดแกมโกงจนหน่ำใจ ก็พยายามมองหาทางเข้าอื่น เจอแค่ต้นไม้ให้ปีนขึ้นไป แต่แบกหมีปีนด้วยคงไม่ไหว แถมยังมีกฎห้ามทำของจับฉลากเสียหาย ผมเดาว่าคงครอบคลุมถึงความสะอาดด้วยล่ะมั้ง

มองหมีสีน้ำตาลขนนุ่มฟู่ในอ้อมกอด แล้วถอนหายใจ ควานหามือถือมาดูเวลา เจอแต่ความว่างเปล่า

อ้อ ผมทิ้งมือถือไว้ที่บ้านนี่หว่า

เลยเดินย้อนกลับไปหน้าห้องสมุด มองผ่านกระจกดูนาฬิกาติดฝาผนัง อ้าวเฮ้ย เหลืออีก 5 นาที ช่างหัวพาร์แล้ว! ผมหมุนตัวออกวิ่งไปทางคาเฟ่ แค่โผล่หน้าไปก็จ้องมา ขณะกำลังจะวิ่งขึ้นบันได ไอ้คนนั่งอยู่ดันลุกเอาตัวมาขวางทางขึ้น ผมเขยิบไปทางซ้าย มันตามมาขวาง ย้ายไปทางขวาก็ตามอีก

“หลีกไป!” ผมผลักพาร์ให้หลบไปพ้นทาง แต่มันกลับคว้าแขนผมไปบีบแน่น

“ไม่! มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน!”

ต่างคนต่างจ้อง พาร์ไม่ถอย ผมก็ไม่ถอย เป็นผมที่ส่งเสียงหัวเราะในคอ จงใจส่งเสียงเย้ยหยัน

“มาดักรอแทนที่จะตามหาตัวกู น่าภูมิใจฉิบหาย”

“ที!”

ผมสะบัดแขนออก “มึงในตอนนี้ไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรทั้งนั้น ถอยไป!”

“ไม่!”

ผมส่งแววตาเย็นชาให้มัน “ถ้าอยากให้กูคุยด้วยก็ใช้ความสามารถมึงตามจับตัวกูให้ได้สิ”

พูดแค่นั้นผมก็เดินเบียดพาร์ขึ้นบันได ไม่คิดเหลียวหลังไปมอง และพยายามไม่สนใจอาการเจ็บแผลตรงอก ผมเข้าใจดี บาดแผลยังใหม่ กว่าจะหายคงต้องใช้เวลา

-------------

แฮ่กๆๆ

ผมหอบหายใจรัวด้วยความเหนื่อย สำนึกขึ้นมาทันที ไม่น่าอารมณ์ขึ้นจนไปพูดท้าทายพาร์เลย

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนออกยาวๆ ไม่กี่ครั้ง ก็ผละจากที่ซ่อนตอนนี้เตรียมไปต่อ อยู่ที่เดิมนานๆ ไม่ได้หรอก พาร์แม่งหาเก่ง ไม่แค่นั้น ทั้งฝีเท้าทั้งการไล่ต้อนดักคนก็ทำได้ดีจนผมเกือบจนมุมหลายครั้ง ข้อได้เปรียบเดียวของผมคือชำนาญพื้นที่มากกว่ามัน แต่เพราะโดนไล่ต้อนแบบนี้ ผมเลยไม่มีโอกาสได้ตามหาของในฉลาก…

เฮ้ย!

ผมรีบก้มตัวหมอบกับพื้น หลบสองมือที่จู่ๆ ก็โผล่มาด้านข้างกะทันหัน พาร์เลยตะครุบได้แต่อากาศ ผมใช้โอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งหลักออกวิ่งเต็มฝีเท้า รู้สึกถึงรังสีคุกคามแผ่มาจากข้างหลังก็ชักหน้าซีด ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่คิดผ่อนความเร็ว

ยิ่งเวลาผ่านไป จำนวนครั้งที่พาร์เข้ามาจู่โจมผมก็ยิ่งมาก ผมเริ่มเครียดรับรู้ว่าร่างกายเริ่มประท้วงหลังใช้งานมันหนักเกินไป ส่งผลให้แรงถดถอย

โอ๊ย...ช่วยปล่อยกูพักหายใจหายคอบ้างเหอะ!!

ผมผงะตกใจกับของบางอย่างที่ปาใส่เฉียดหน้ากระแทกเข้ากับกำแพงข้างซ้ายมือ แต่เสียงเบากว่าที่คิด ก้มมองถึงเห็นว่าเป็นตุ๊กตาหมียักษ์หน้าตาคุ้นๆ

มาจากไหนวะนี่…

ผมรีบก้มเก็บเจ้าหมี เจอแบบนี้ก็ดีจะได้เอาไปส่ง…

รู้สึกเหมือนมีใครยืนข้างหลัง หันไปดูถึงกับผงะ ร่างกายเคลื่อนไหวหนีก่อนสมองสั่งการ รู้ตัวอีกทีหลังผมก็ติดกำแพงก้นติดพื้น มีจอมมารกระแทกฝ่ามือกั้นไม่ให้ผมหลบหนีไปไหน ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เหลือบมองด้านล่าง หัวเข่ามันแทรกกลางระหว่างขา ใกล้จนได้ยินเสียงหอบหายใจของกันและกัน ได้กลิ่นกระทั่งเหงื่อจากตัวมัน ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นกลัวจะมีเหตุปากชนปาก ได้แต่พูดงึมงำ

“…ถอยไปหน่อยก็ดีนะมึง”

“มึงก็หนีน่ะสิ!”

ผมหุบปากหลังได้ยินเสียงตะคอก ตั้งแต่เริ่มการไล่ล่าช่วงบ่ายพาร์เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน เถื่อนขึ้นจนผมอึ้ง แถมยังทำผมขวัญหนีดีฟ่อหลายครั้ง ที่วิ่งหนีมันได้นานขนาดนี้ ต้องเรียกว่าหนีตามสัญชาตญาณเอาตัวรอดล้วนๆ

“ฟังกูพูดให้ดี ถ้ามึงกล้าเหม่อหรือมีท่าทางต่อต้านไม่ฟัง กูจะจูบมึงตรงนี้แหละ!”

ตรงนี้เนี่ยนะ! ลานกว้างใต้อาคารเรียนแบบนี้มันไม่มีที่กำบังนะเฮ้ย

“กูไม่ได้อยากเบี้ยวนัดมึงเมื่อวาน! แต่กูลืมไปว่ามีนัดกับเพื่อนเก่าสมัยประถมตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อน”

“แล้ว?”

“ไม่นึกว่าพวกมันจะชวนเพื่อนที่มหาลัยมาเที่ยวด้วยแบบนั้น”

ผมพ่นลมหายใจ “แค่นี้ใช่ไหมที่อยากบอก?”

“อีกเรื่องมึงกำลังเข้าใจกูผิด กูไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น กูคิดกับมึงเนี่ย!”

ผมกรอกตาไปมา ดันอกให้มันถอยออกห่าง พูดเนิบนาบ “เมื่อเช้า…น้องมึงมาสารภาพผิดกับกูแล้ว”

พาร์ชะงักกึก สีหน้าแปรเปลี่ยนทันที ผมพูดก่อนที่มันจะอ้าปากแก้ตัว

“มึงรู้ตัวก่อนไปว่ามีนัดบอด แต่มึงก็ยังไป…แบบจงใจด้วย แถมให้เบอร์ดี้โทรไปบอกน้ำ ใช้นิสัยยัยน้ำดึงตัวกูไปหามึงถึงสยาม”

“กะ กูก็แค่…อยากเห็นมึงหึง”

ผมจ้องคนพูดเสียงแผ่วนิ่ง “แต่กูไม่หึง!”

คนฟังหน้าเจื่อนทันที “กูรู้ตั้งแต่สบตามึงที่อุโมงค์ใต้น้ำแล้ว…กูทำมึงเจ็บ ขอโทษ”

“ไม่ใช่แค่กู! เมื่อวานมึงทำน้ำเสียใจ ทำเบอร์ดี้รู้สึกผิด น้องของเราเสียทั้งน้ำตาเสียทั้งความรู้สึก และที่สำคัญมึงเกือบทำให้เด็กสองคนนั้นแตกคอกัน!”

พาร์ทำหน้าสลดทันที ถึงออกอาการหมาหงอย ผมก็ไม่คิดเห็นใจ

“มึงเคยคิดไหมว่า ความรู้สึกที่เสียไป มันยากจะประสานกลับมาให้เหมือนเดิม”

“กูขอโทษ”

“อย่ามาบอกแค่กู ไปบอกน้องด้วย ไม่งั้นมึงได้โดนน้องเกลียดแน่ กลายเป็นหมาหัวเน่าขึ้นมาเมื่อไหร่กูจะหัวเราะเยาะให้” ผมยันตัวลุกขึ้น ดึงเจ้าหมีขึ้นจากพื้นมาวางแหมะบนบ่า หันไปมองพาร์ที่ยังนั่งกับพื้น “และกูขอบอกมึงสั้นๆ…รู้สึกคิดผิดมากที่ไปจีบมึง”

เพราะถ้าผมไม่บอกให้มันรู้ก่อน หรือบอกช้ากว่านี้สักหน่อย เรื่องเมื่อวานอาจไม่เกิดก็ได้

ผมไม่สนใจเสียงพาร์พูดประท้วง เอ่ยทิ้งท้ายเสียงแผ่ว แล้วหมุนตัวเดินผละจากมา “บางทีปล่อยมึงไปคบผู้หญิง อาจดีกว่าให้มึงมาอยู่กับกูก็ได้”

เดินไปไม่ถึงห้าก้าวตัวผมก็โดนรวบไปกอด แผ่นหลังผมชิดอกมัน สองแขนพาร์รัดแน่นมากจนรู้สึกอึดอัด “…ปล่อยกู”

“ไม่…ไม่เอา กูไม่ยอมเสียมึงไปนะ”

ผมชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงสั่นเครือ แถมแถวไหล่ที่โดนซบยังรู้สึกเปียกชื้นหน่อยๆ แวบแรกคืออึ้ง ตั้งสติได้ก็เผลออุทาน

“มึงร้องไห้เรอะ?!”

“กูขอโทษ...ขอโทษจริงๆ…จะไม่ทำอีกแล้วครับ”   

“…ทำอะไร”

“ลองใจมึง”

ผมพ่นลมหายใจทันทีหลังได้ยินคำตอบ “ถ้าคิดได้แค่นี้ก็ปล่อยกูไปเหอะ”

แขนมันรัดแน่นกว่าเก่า น่ากลัวว่าคงแงะไม่ออกง่ายๆ ผมนิ่วหน้าหลังเริ่มรู้สึกหายใจไม่สะดวก

รัดแน่นไปแล้ว!

“…จะดูแลอย่างดี ไม่ทำให้เจ็บอีกแล้ว สัญญาเลย”

ผมไม่ทันได้ฟังช่วงแรกเลยจับประเด็นไม่ถูกว่ากำลังพูดเรื่องอะไร เลยถามกลับมึนๆ

“มึงจะดูแลอะไรนะ?”

เหมือนคำถามนี้จะไปจุดฉนวนน้ำโหคนข้างหลังเข้า ตัวผมถึงโดนหมุนผลักกระแทกผนังตึก แผ่นหลังเจ็บร้าวจนต้องนิ่วหน้า   

“หัวใจของมึงไง!!”

ผมสะดุ้งโหยงกับเสียงตะคอกของพาร์

“ได้ยินชัดไหม! หรือจะให้กูตะโกนกรอกหูอีกที!”

ยังไม่ทันได้อ้าปาก แววตาดุร้ายที่จ้องมาก็เปลี่ยนเป็นเว้าวอนขอความเห็นใจในแบบที่ลูกหมาไม่ทันหย่านมก็สู้ไม่ได้

“เพราะงั้นยกหัวใจของมึงให้กูดูแลได้ไหม…สัญญาจะดูแลอย่างดี”

ผมตาพร่าไปชั่วขณะหลังโดนดาเมจทั้งเสียงทั้งสีหน้าพุ่งจู่โจมกระแทกเข้ากลางใจ พอได้สติก็รีบยกมือบีบจมูก ส่งเสียงอู้อี้ทั้งที่หลบตามองไปทางอื่น ไม่กล้ามองหน้าพาร์ตรงๆ

“มีทิชชู่ไหม”

“ฮะ?”

“เลือดกำเดากูจะไหล”

############
ช่วงนี้ชลนทีมีเกมชิงให้เล่นนะคะ
ใครสนใจตามลายแทงไปได้ค่ะ

#แปะลายแทง
วันที่ 04/04/2017     เวลา -       สถานที่ เด็กดี (อันนี้ยังเปิดเล่นอยู่นะคะ หมดเวลาก็วันที่16 เมษาค่ะ)
วันที่ 08/04/2017     เวลา 11.00   สถานที่ เด็กดี
วันที่ 14/04/2017     เวลา 19.00    สถานที่ หน้าเพจ
วันที่ 19/04/2017     เวลา 00.00   สถานที่ หน้าเพจ
วันที่ 27/04/2017     เวลา 21.00    สถานที่ เล้าเป็ด

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #525 เมื่อ08-04-2017 11:33:25 »

5555555555 จุดอ่อนแต่ละคนสินะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #526 เมื่อ08-04-2017 16:06:41 »

หืมมมม

ออฟไลน์ jimmyjimmy

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-17
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #527 เมื่อ08-04-2017 18:49:37 »

ที..ใจอ่อนสีกที

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #528 เมื่อ08-04-2017 18:54:53 »

คือทีตื่นเต้นจนเลือดกำเดาไหลเลยเหรอ  :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #529 เมื่อ08-04-2017 22:24:36 »

 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
« ตอบ #529 เมื่อ: 08-04-2017 22:24:36 »





ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #530 เมื่อ09-04-2017 09:34:59 »

เป็นแผนของพาร์จริงๆด้วย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #531 เมื่อ09-04-2017 15:05:32 »

พาร์ ลองใจอย่างนี้ เดี๋ยวก็เสียใจจริงๆหรอก
พาร์ วางแผนอยากให้ทีหึง ทีก็หึงนะ
แล้วเสียใจที่ไม่บอกพาร์ เร็วกว่านี้

ชอบบบบ ที่พาร์ บอกที
“…จะดูแลอย่างดี ไม่ทำให้เจ็บอีกแล้ว สัญญาเลย”
“มึงจะดูแลอะไรนะ?”
   “หัวใจของมึงไง!!”
   
“เพราะงั้นยกหัวใจของมึงให้กูดูแลได้ไหม…สัญญาจะดูแลอย่างดี”

ชอบที่พาร์มีหลายบุคลิก  มีแววตาดุร้าย
แล้วก็เปลี่ยนเป็นเว้าวอนขอความเห็นใจ
แล้วก็เปลี่ยนเป็นเหมือนลูกหมา โอ๊ย.....พาร์ น่ารัก
แต่สุดท้ายพาร์ก็พูดจนไม่รู้ว่าที ซึ้งหรือหื่่นกันแน่
เพราะที เลือดกำเดาไหลเลย
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:



ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #532 เมื่อ09-04-2017 20:24:23 »

เราสงสารพาร์มากกกกกกกกก
พาร์เป็นคนที่น่าสงสารมากค่ะ
เอาตามความรู้สึกเราเลยนะ อย่าโกรธกันนะ 5555
/////////////////////////////////////////

พาร์คือคนที่แสดงออกทุกอย่าง ทุกสิ่งที่ทำคือจริงใจ จริงจังกับความรู้สึกของตัวเองที่มีให้ที แต่ทีทำเหมือนพวกที่กั๊กคนที่เข้ามาชอบตัวเอง แต่ไม่คิดจะให้ความรู้สึกมากไปกว่านี้ เข้าใจว่าทีมีปมบางอย่าง แต่ความรู้สึกของพาร์ก็สำคัญนะ เหมือนทีไม่คิดจะสนใจหรือใส่ใจเลย ทีสามารถปล่อยมือพาร์ได้ง่ายๆ เราว่าทีเจ็บไม่จริงหรอก ความรู้สึกทีอาจเป็นแค่คนที่ชอบตัวเองวันนึงอาจจะหายไปแล้วรู้สึกโหวงๆแค่นี้ก็ได้
#ทีมพาร์
#ทีมคนไม่สำคัญ

ออฟไลน์ Himbeere20

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #533 เมื่อ09-04-2017 21:33:05 »

เฮ้อ!! สงสารพาร์ พาร์นี่ทุ่มสุดนะ ส่วนทีเหมือนๆจะยอมเปิดใจแต่สุดท้ายก็ถอยกลับไปจุดเดิม แถมไม่ยอมฟังเหตุผล เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นหลัก  ไม่ยอมผ่อนปรนอะไรเลย บางทีมองกันคนละมุมมันก็เห็นไปได้คนละแบบนะ ใจเขาใจเราบ้างเถอะ

ออฟไลน์ PKT

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: - ชลนที - [บทที่ 51] P.18 (08/04/2017)
«ตอบ #534 เมื่อ12-04-2017 02:49:05 »

โอ้ยยยส 5555ชอบตอนสุดท้ายย น่ารักดีอ่ะ

ออฟไลน์ KatzeP

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-1
Re: - ชลนที - [บทที่ 52] P.18 (12/04/2017)
«ตอบ #535 เมื่อ12-04-2017 12:26:11 »

บทที่ 52

ผมลงจากรถ มองไปทางประตูรั้วบ้านที่เปิดอ้าทิ้งไว้ รถสีเงินจอดขวางหน้าประตูรั้วผิดวิสัยปกติที่ต้องขยับเลื่อนจอดเลียบรั้วนอกบ้าน คิ้วขมวดด้วยความสงสัยไม่นานกระจกฝั่งคนขับก็เลื่อนลงให้เห็นหน้าคนขอขับรถตามมาส่งถึงบ้าน 

ผมขยับมือเป็นเชิงถาม ไม่เข้าบ้านกูเหรอ?

พาร์ไม่ตอบ แต่กวักมือเรียกให้ไปหา ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงทำตามโดยดี

“เลือดหยุดยัง?”

ผมดึงทิชชูที่ยังเสียบในรูจมูกออก ลองก้มหน้าดู เลือดไม่ไหลออกมาแล้วครับ พอเงยหน้าขึ้นก็สบสายตากับพาร์พอดี สีหน้ามันค่อนข้างพอใจ

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว งั้นกูไปล่ะ”

“อ้าว ไม่แวะบ้านกู?” ผมถามงงๆ ทุกทีเห็นแวะประจำ อ้อ ต้องยกเว้นตอนมันโกรธผม

พาร์ถอนหายใจ “เพราะเรื่องเมื่อวานกูโดนสั่งห้ามเข้าบ้านมึง…” ชูสามนิ้วให้เห็น

ผมทำหน้าประหลาดใจ “ใครลงโทษมึงเนี่ย แล้วโดนงดสาม…เดือนหรือสัปดาห์?”

“พ่อมึงนั่นแหละ น้องมึงฟ้องกระจาย ตอนพ่อมึงชูสามนิ้วให้เห็น กูนึกว่าจะโดนงดสามเดือนแล้ว”

มุมปากผมกระตุก แต่เวลานี้ไม่ควรหัวเราะ เลยพยายามกลั้นไว้เต็มที่

“อ้อ โดนไปสามสัปดาห์…”

ไม่รอให้ผมพูดจบ พาร์ก็แย้งทันที “สามวันต่างหาก”

“ฮะ? แค่สามวัน?” ผมเบ้ปาก แบบนี้ไม่ต้องลงโทษก็ได้นะพ่อ 

“ถ้าเกิดมึงไม่ยอมออกจากบ้าน ติดต่อมึงก็ไม่ได้ กูคงกระวนกระวายอยู่หน้าบ้านมึง เป็นสามวันที่อาจเปลี่ยนความคิดมึงไปอีกทาง…กูกลัวนะ”

เห็นแววตาสั่นไหวของพาร์ ผมก็ทำอะไรไม่ถูก ต่างคนต่างมองกันเงียบๆ จนกระทั่งคนในรถเอ่ยเรียกผม

“ที…”

ผมเห็นพาร์ขยับปากเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่มีเสียงใดๆ หลุดออกมา อึดใจต่อมาคนพูดเหมือนจะเปลี่ยนใจ

“กูไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้”

ผมมองท้ายรถสีเงินขับห่างออกไปเรื่อยๆ

ไม่ใช่แค่พาร์ที่รู้สึกค้างคาในใจ ผมรู้ตัวว่าขี้โกงติดคำตอบพาร์ตั้งสองคำถาม และวันนี้ผมก็สัญญาว่าจะตอบด้วย แต่ต่อให้ไม่ตอบวันนี้พาร์ก็ไม่กล้าทวง ผมมั่นใจหลังเห็นอาการอยากพูดแต่ไม่ยอมพูดของมัน

ผมเลื่อนประตูรั้วจนช่องว่างให้คนเดินเข้าออก ใจก็ครุ่นคิดไปด้วย จากเรื่องเมื่อวานทำให้ผมเรียนรู้ว่าปล่อยความสัมพันธ์ไว้ครึ่งๆ กลางๆ ผลเสียปรากฏชัดยิ่งกว่าชัด พาร์ใช้มันลองใจผม ส่วนผมได้แต่มอง เพราะไม่มีสิทธิ์อะไรไปห้ามมัน พูดง่ายๆ ผลเสียเยอะกว่าผลดี ผมคงเจ็บกับมันไปอีกนาน และไม่อยากเจอซ้ำสอง 

ผมเริ่มเดินวนอยู่แถวประตูรั้ว ใจเริ่มแบ่งเป็นสองฝ่ายตบตีกันดุเดือดว่าจะไปหรือไม่ไป ความกล้าคือเรื่องหนึ่ง และอีกเรื่องคือการไปเยือนบ้านพาร์ ให้วิ่งโร่ถึงบ้านมันแค่ไปให้ตอบคำตอบก็ใช่เรื่อง

มันต้องมีข้ออ้างสิ!   

อ้างอะไรดีล่ะ…มึงลืมของ?

ผมเหลือบมองชั้นสอง ถึงไม่เห็นห้องตัวเอง แต่ข้าวของในห้องผมมีของพาร์เพียบ แต่พอเห็นห้องยัยน้ำผมก็ได้แต่ถอนหายใจ ขืนเข้าไปขนลงมา น้องสาวที่น่ารักคงคว้าไปทั้งหมดและบอก เดี๋ยวน้ำเอาไปคืนให้เอง แล้วก็คงให้พ่อขับรถไปส่ง และเพราะสาเหตุนี้ผมเลยไม่อยากเข้าบ้านไปเจอน้อง ไม่งั้นคงโดนตามเฝ้าไม่ได้ออกไปไหนจนถึงพรุ่งนี้

หลังเดินวนไปเวียนมา ระดมสมองครุ่นคิดหลายนาที จนนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำทิชชู่เปื้อนเลือดไม่เอาไปทิ้งสักที…เปื้อนเลือด! นั่นแหละ!

เหตุผลเข้าท่าแวบเข้ามาในหัว ผมรีบหมุนตัวตรงไปจับจักรยานเข็นผ่านช่องประตูรั้วที่เปิดทิ้งไว้ หันมาดึงประตูปิด แล้วขี่จักรยานออกมาเงียบๆ

…เดี๋ยวที่บ้านหาตัวผมไม่เจอก็โทรหาเองแหละครับ

-------------

ผมชะเง้อคอดูลาดเลาอยู่หน้าบ้านพาร์ เห็นรถสองคันจอดอยู่ ลุงแทนกับป้าเจนอยู่บ้านแหงๆ ผมเริ่มลังเลว่าจะเดินหน้าหรือถอยก่อนดี แต่ใจอยากเคลียร์ให้จบๆ เลยยกมือไปกดออด

ติ่งต่อง~

ผมยืนนิ่งรอ แต่ในใจกระวนกระวายพอสมควร คนที่โผล่มาดูแขกคือลุงแทน ผู้สูงวัยทำหน้าประหลาดใจทันทีที่เห็นผม แววตาเหมือนอยากถามว่าทำไมผมถึงมาอยู่นี่

“เอ่อ…พาร์” ผมอึกอัก

“เดี๋ยวๆ นี่มันสลับกันแล้ว” ลุงแทนพูดสวนขึ้นมา “พาร์ต่างหากที่ควรไปยืนหน้าบ้านนู้น”

“ครับ?” ผมทำหน้ามึน ไม่เข้าใจว่าผู้อาบน้ำร้อนมาก่อนอยากบอกอะไรกันแน่

“พ่อหมายถึงพาร์เป็นฝ่ายทำผิดก็ควรไปง้อทีต่างหาก นี่อะไรให้ทีมาง้อซะงั้น ใช้ไม่ได้!”

ผมกระพริบตาปริบๆ บอกจุดประสงค์ที่คิดไว้ก่อนมา

“ผมมาเพราะหมีน่ะ”

“หมี?”

“ครับ ตุ๊กตาหมีมอมๆ เปื้อนเลือด พาร์น่าจะพึ่งอุ้มเข้าบ้าน”

“อ้อ พ่อเห็นหิ้วไปด้านหลัง คงเอาไปซัก”

“นั่นแหละครับ ผมมาช่วยน่ะ เพราะผมมีส่วนผิดทำมันเปื้อนเลือดด้วย”

“…ไม่ได้มาง้อ?”

ผมพยักหน้า พูดยืนยัน “มาช่วยซักตุ๊กตาหมีครับ”

ผู้สูงวัยกรอกตาไปมา เหมือนสงสัยว่าเด็กพวกนี้เล่นบ้าอะไรกัน ก่อนถอนหายใจเลื่อนประตูบ้านให้ จนผมต้องรีบร้องค้าน

“ประตูเล็กพอครับ ผมเอาจักรยานมา”

ระหว่างผมยกจักรยานข้ามขอบประตูรั้วเข้ามา ลุงแทนก็ถามอีกอย่าง ท่าทางข้องใจมาก

“มาเจอหน้าลูกชายพ่อแบบนี้ ไม่โกรธแล้ว?”

“…ทำไมถึงถามล่ะครับ”

“ก็ทีน่าจะโกรธพาร์จนไม่อยากเห็นหน้านี่น่า อรรถเลยสั่งงดพาร์ไปที่บ้านตั้งสามวัน”

…แค่ผมกับพาร์มีเรื่องกัน ผู้ใหญ่ก็รู้เรื่องกันหมดเลยเรอะ

ผมยิ้มเจื่อนๆ ให้ลุงแทน “คือ…วันนี้พาร์พูดขอโทษผมไปแล้ว”

“แค่นั้นก็หายโกรธ?”

ผมมองสีหน้าไม่เชื่อของผู้สูงวัยกว่าก็ได้แต่พูดอ้อมแอ้ม “…ผมทำลูกชายลุงร้องไห้น่ะ”

“ใครร้องนะ?!”

ผมปิดปากไม่กล้าพูดอีก รีบเข็นจักรยานไปหาที่วาง หันมาเจอสีหน้าสุดเหลือเชื่อของลุงแทนก็รีบหาทางชิ่ง

“ผมไปช่วยพาร์ก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวที มาเล่าให้พ่อฟัง…” 

ผมวิ่งเลียบกำแพงด้านข้างเกือบทะลุถึงส่วนด้านหลังก็ผ่อนฝีเท้าลง แอบเลี้ยวมองด้านหลัง กลัวลุงแทนวิ่งตามมาจริงๆ ด้านหลังว่างเปล่าไม่มีแม้แต่เงาคน เผลอถอนหายใจด้วยความโล่งอก หันมาก้าวเท้าเลี้ยวมุมข้างหน้าก็เจอลานเล็กๆ ที่พอมีที่ให้ตากผ้า

พาร์อยู่ที่นั่นจริงๆ นุ่งแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว กำลังยืนเทผงซักฟอกลงกะละมังใบใหญ่ ตาเผลอกวาดมองแผ่นหลังไล่ลงมา ตั้งสติได้ก็รีบเบือนสายตาหนี ก่อนขมวดคิ้วรู้สึกว่านี่มันแปลกไปหรือเปล่า ก็แค่คนเพศเดียวกันเกือบเปลือย…

หันไปเจอเสื้อยืดที่จำได้ว่าของพาร์ตากแขวนไว้ ดูท่าทางแห้งดีแล้ว เลยแกะจากไม้แขวนเสื้อเดินเงียบๆ จับเสื้อสวมผ่านหัวทางด้านหลัง

“เฮ้ย!”

ผมรีบอ้อมมาคว้ากล่องผงซักฟองกับช้อนตักในมือพาร์ แล้วบอกคนที่กำลังตกใจ

“ใส่เสื้อซะ”

 พาร์ชะงัก เงียบไปอึดใจหนึ่งถึงพูดโผล่ออกมา น้ำเสียงตกใจยิ่งกว่าที่อุทานเมื่อกี้

“ทีเรอะ!”

“เออ กูนี่แหละ”

ผมเอาผงซักฟอกไปเก็บบนชั้นติดผนังบ้าน หันกลับมาพาร์กำลังใส่เสื้อครึ่งๆ กลางๆ แววตามองมายิ้มๆ

ผมทำเป็นไม่เห็นท่าทางยั่วกัน เดินผ่านมันไปนั่งยองๆ ข้างกะละมัง จุ่มมือละลายผงซักฟอก

“มึงมาได้ไง?”

ผมตอบโดยไม่หันไปมอง “ขี่จักรยานมา”

“แล้วมาทำไม”

“นึกได้ว่าหมีอยู่กับมึง”

“นี่มึงมาเพราะหมี?”

“แหงสิ กูเป็นคนทำเลือดหยดใส่มันนี่”

“อ้อ ต้องขอบคุณเลือดกำเดาของมึงที่ทำให้เราได้กลับเร็ว”

ผมถึงกับหลุดขำ เอ่ยล้อเลียนพาร์กลับ “ต้องขอบคุณการไล่กวดของมึงด้วย ทำกูหนีหัวซุกหัวซุนตั้งเกือบสองชั่วโมงจนรุ่นพี่ที่ทำหน้าที่เฝ้าดูถึงกับให้กูผ่านทดสอบ”

“ไม่นึกว่ามีผ่านกับไม่ผ่านด้วย”

“นั่นสิ นี่ถ้าช่วงบ่ายมึงไปนั่งดักรอกูเหมือนช่วงเช้า สงสัยเราคงได้โดนนัดให้มาวิ่งไล่จับกันใหม่แหงๆ”

พาร์รับคำในคอ บอกให้รอแปบอย่าพึ่งเอาหมีลง ผมหันมองเห็นพาร์ที่สวมเสื้อเรียบร้อยแล้วกำลังเดินกลับเข้าไปในบ้านก็รีบก้มหน้ามองกางเกงพละที่ใส่อยู่ ลังเลใจอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็ทนความอึดอัดไม่ไหว ลุกไปล้างมือแล้วถอดกางเกงพละขายาวออก ดีที่วันนี้ผมใส่บ็อกเซอร์ที่คล้ายๆ กางเกงขาสั้นมา

“อือหือ มึงกล้าวะ”

ผมหันไปมองคนพึ่งกลับมาพร้อมถ้วยใบเล็กในมือ อีกมือถือแปรงสีฟันเก่าๆ มาสองด้าม

“กล้าอะไร?”

มันไม่ตอบแต่ตาจ้องท่อนล่างผมนิ่งเชียว รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยจึงกระแอมไอใส่ มันถึงได้ค่อยๆ ถอนสายตาอย่างอ้อยอิ่ง

“นี่มึงจงใจแกล้งกูป่าวเนี่ย”

“ใครแกล้ง” พาร์เดินมาเทของในมือลงกะละมัง “นานๆ กูจะได้เห็นมึงใส่ขาสั้นก็ต้องมองหน่อยสิ”

ผมกรอกตามองฟ้า แบบนี้แหละเขาเรียกว่าแกล้ง

“แล้วไอ้ผงขาวๆ ที่ใส่ลงน้ำคืออะไร?”

“เบกกิ้งโซดา” ตอบพร้อมส่งแปรงสีฟันให้ผมถือ 

“ใส่ทำไม?”

“ตัวช่วยทำความสะอาด” ตอบพร้อมอุ้มเจ้าตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลลงไปนอนหงายในกะละมัง นอกจากเปรอะเลือดเป็นหย่อมๆ ขนนุ่มฟู่ก็เต็มไปด้วยฝุ่นจนน้ำในกะละมังเปลี่ยนสีในพริบตา พาร์ส่งม้านั่งให้ผมตัวหนึ่ง ก่อนหยิบของตัวเองเลื่อนมานั่งข้างกะละมัง ดึงแปรงสีฟันในมือผมไปด้ามหนึ่ง เริ่มลงมือขัดสีฉวีวรรณให้ตุ๊กตาหมี ผมเลยทำตามพลางฟังพาร์พูด

“ดูจากสภาพตอนนี้เหมือนหมีต้องสาปจริงๆ”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับพาร์ พูดเสริม “มิน่า แค่เจ้าของหมีเห็นมัน ถึงได้สติแตกกรีดร้องเสียงดังลั่น” พูดจบก็เผลอถอนหายใจ เพราะสภาพของหมีตอนนี้ต่างกับเมื่อตอนกลางวันที่ผมเอาตัวมันไปส่งราวฟ้ากับนรก

 “เจ้าของหมีน่าสงสารนะ ดูก็รู้ว่ารักเจ้านี่มาก แต่เพราะโดนเลือดมึง มันเลยโดนทิ้ง”

ผมทำหน้าหมั่นไส้ใส่พาร์ทันที “ทำเป็นพูดดี ตอนมึงปาหมีกระแทกผนังทำไมไม่คิด โชคดีของเจ้าหมีนี่แล้วที่ตาไม่หลุด จมูกไม่ยุบ ไส้ไม่ไหล”

“หัวกูตอนนั้นว่างคิดเรื่องอื่นที่ไหน!”

ผมไม่อยากเจอคำพูดเข้าตัวเลยเปลี่ยนเรื่อง “แล้วมึงซื้อหมีมาทำไม”

“เปล่า ที่ยื่นเงินให้เจ้าของหมีตอนแรกคือจ่ายค่าซักหมี แต่เหมือนเจ้าของจะไม่กล้าจับตุ๊กตาเปื้อนเลือดกำเดามึง กูเห็นปุ๊บก็รู้แล้วว่ามันมีชะตากรรมโดนเจ้าของทิ้งแน่ๆ เลยจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อตัวมา อย่างน้อยหมีตัวนี้ก็มีบุญคุณช่วยกูให้จับตัวมึงได้”

“สรุปมึงจ่ายไปเท่าไหร่?”

“มากพอซื้อตุ๊กตาตัวใหม่ได้ ถ้ามีเหลือทอนก็คิดซะว่าให้เป็นค่าทำขวัญ”

ผมจิ้มนิ้วใส่จมูกหมี “ค่าตัวมึงแพงกว่าของใหม่มือหนึ่งอีกนะเนี่ย”

พาร์หัวเราะ ท่าทางเห็นด้วย

พวกผมเริ่มเงียบ ตั้งใจเอาแปรงสีฟันกำจัดสิ่งปรกออก แต่กะละมังใบแค่นี้ หมีก็มีตัวเดียว มือเลยกระทบกันบ่อยๆ ไม่หลังมือชนกัน ก็บังเอิญจับทีเดียวกัน โดนตัวกันทีก็เผลอเหลือบมองอีกคน หากได้สบตาต่างคนต่างเบือนหน้าหลบ

น…นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน?

ผมเม้มปากแน่น นึกไม่ถึงว่าแค่นี้ก็ทำผมรู้สึกใจสั่นหน่อยๆ แถมยังตอกย้ำความจริงว่าระหว่างเราไม่มีทางกลับเป็นเพื่อนกันได้อีกแล้ว

ถ้าไม่คิดก้าวไปข้างหน้าก็มีแต่…แยกจาก

แค่คิดใจหนาวก็เหน็บกะทันหัน ผมพ่นลมออกจากปาก อีกครั้งที่รู้สึกว่าควรทำอะไรให้ชัดเจนสักที

“ที”

“หือ?”

พาร์เงียบไปนาน ก่อนบอกปัด “…ไม่มีอะไร”

ผมพ่นลมหายใจ ถามทั้งที่ยังมองหมี “…มึงอยากถามอะไรกูใช่ไหม”

“แล้วมึงล่ะ…อยากบอกกูหรือเปล่า”   

พาร์ลุกไปหยิบสายยางเตรียมเปิดน้ำ ผมรีบเอาหมีออก เทน้ำสกปรกลงพื้น ระหว่างรอน้ำเต็มกะละมังมีแต่ความเงียบ กระทั่งล้างฟองออกจากตัวตุ๊กตา เอาไปแช่น้ำผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มจางๆ ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา

ผมหยุดสายตาที่เจ้าหมีในกะละมัง สภาพของมันดูดีขึ้นโข รอยเลือดก็จางลงจนดูไม่ออก ไม่แน่ว่าหลังเอาไปตากแดดจนแห้งเจ้าหมีตัวนี้อาจกลับมามีสภาพดังเดิมก็ได้

ได้เวลาก็ยกเจ้าหมีขึ้น ต่างคนต่างช่วยกันบีบไล่น้ำออกจากตัวตุ๊กตาให้ได้มากที่สุด ก่อนเอาตัวไปตากแดด...ผมปล่อยพาร์ทำคนเดียว สายตาคอยจับจ้องแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งพยายามจับหมีนอนคว่ำพาดตัวบนท่อนอลูมิเนียมทั้งสามของราวตากผ้าแบบกางตั้งพื้น คนตรงหน้าผมเป็นผู้ชาย...ผู้ชายแน่นอน ถ้าไม่นับผม สายตาของมันก็ไม่เคยมองผู้ชายคนไหนในแง่นั้นสักคน บางทีถ้าไม่มีผม มันคงเลือกคบผู้หญิงที่สักคน อาจถึงขั้นแต่งงานมีลูกมีครอบครัวก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้ผมให้พาร์ไม่ได้ เมื่อวานหลังเห็นภาพมันอยู่กับผู้หญิง มันเจ็บมาก แต่อีกใจผมก็เผลอคิดว่าดีแล้ว ยิ่งตอนที่ใจเริ่มเย็นลง ผมคิดว่าควรจะปล่อยมือจากพาร์ด้วยซ้ำ ให้มันได้เจอกับสิ่งที่ดีกว่าในอนาคต

แต่ว่า…มันกลับเสียน้ำตาเพราะผม พยายามรั้งผมไว้ ทำในสิ่งที่ผมพยายามตัดใจไปแล้ว เพราะแบบนั้นผมเลยเกิดอยากทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง ต่อให้ในอนาคตอาจจะรู้สึกเสียใจที่เลือกแบบนี้ก็ตาม

ผมมองพาร์อย่างแน่วแน่ ส่งเสียงถามคนที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย

“มึงยังอยากคบกับกูอยู่ไหม?”

พาร์เกือบทำหมีร่วงจากราว จากที่บรรจงหามุมวางหมีก็เปลี่ยนเป็นพาดลวกๆ รีบหมุนตัวกลับมามองผม “มึงว่าอะไรนะ!!”

“กูติดค้างคำตอบมึง กูจะตอบแล้วนะ”

“เดี๋ยว! รอก่อน!”

ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของพาร์ “…มึงไม่อยากฟัง?”

พาร์ส่ายหน้า แปบเดียวก็พยักหน้า ไม่รู้เอาไงกันแน่ ท่าทางของมันทั้งสับสนทั้งแตกตื่น ดูไม่พร้อมจะฟังอย่างแรง แต่ผ่านไปสักพักสีหน้าพาร์กลับค่อยๆ สงบลง มีเพียงแววตาที่ดูกังวลใจอย่างหนัก สักพักมันก็ก้มหน้ามองพื้น เห็นพาร์ตอนนี้ทำให้ผมนึกถึงคนที่ยืนต่อหน้าผู้พิพากษาอย่างบอกไม่ถูก

“…ว่ามาเลย” น้ำเสียงเหมือนเค้นออกมาจากคอ

ผมมองพาร์นั่งเงียบพักใหญ่ ไม่ได้แกล้งให้พาร์รอ แค่อยากใช้เวลารวบรวมความกล้าพูดประโยคบางอย่าง ผมสูดลมหายใจเข้าออกหลายครั้ง กว่าจะกลั้นใจพูดออกมาด้วยความยากลำบาก 

“…กูชอบมึง”

“ฮะ!”

หลังอุทาน พาร์ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองผมทันที สีหน้าตกใจมาก แววตาผสมปนเปด้วยรู้สึกหลากหลายจนอ่านไม่ออก ถึงอย่างนั้นผมก็พูดต่อ

“เมื่อก่อนเคยชอบ ตอนนี้ชอบกว่า”

พึ่งจะได้รู้ว่ายากที่สุดก็คือคำแรก คำต่อๆ มาไหลลื่นขึ้นเยอะ ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งผ่อนคลาย

“เพราะงั้นคำตอบจากกูคือตกลง ไม่ว่าจะเรื่องคบ หรือเรื่อง…หัวใจ”

สีหน้าพาร์ตกตะลึง แต่จู่ๆ น้ำตาก็ร่วงให้ผมตกใจซะงั้น ไม่ทันจะได้เดินเข้าไปหา มันก็พุ่งตัวเข้ามารวบผมไปกอดซะแน่น 

“ที…”

เสียงเรียกชื่อสั่นเครือพอๆ กับร่างกายคนพูด ผมค่อยๆ ผ่อนคลายจากอาการตกใจ วางคางกับไหล่พาร์ ปล่อยให้มันกอดตามสบาย ครู่หนึ่งถึงลดเสียงลงเหลือแค่กระซิบ

“แต่กูอาจต้องตั้งเงื่อนไขกับมึง”

“จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น! น…นี่ดียิ่งกว่าที่คิดไว้อีก กูนึกว่าจะ…จะเสียมึงไปแล้ว”

ผมย่นคิ้วเมื่อได้ยินเสียงสะอื้น แต่ก็ยกมือตบไหล่ปลอบพลางพูดขู่ “ถ้ามีอีกคราวหน้าก็ไม่แน่”

“ไม่มีแล้ว! รับรองเลย!”

“ไปเคลียร์กับน้องๆ ด้วย”

“ครับ”

“ส่วนเงื่อนไขของกูมีแค่สองข้อกับหนึ่งสัญญา ถ้ามึงตกลง…”

“กูตกลง!”

ผมนิ่วหน้า พูดอย่างตำหนิ “มึงยังไม่ทันได้ฟัง อย่าพึ่งตอบตกลงง่ายๆ”

“กูพูดจริง มึงจะตั้งเงื่อนไขกี่ร้อยกี่พันข้อก็ได้ทั้งนั้น เทียบกับไม่ต้องเสียมึงไป มันก็แค่เรื่องเล็ก!”

นึกไม่ถึงว่าพาร์จะคิดเหมือนกัน…ผมกลั้นยิ้ม ยกสองแขนขึ้นกอดพาร์แน่นๆ บ้าง แอบขำที่เห็นมันสะดุ้งเฮือก ก็นะ นี่ครั้งแรกของผมเลยที่ได้กอดพาร์แบบนี้   

“มึงตกลงได้ แต่ยังไงก็ต้องฟังอยู่ดี ไม่งั้นเดี๋ยวหาว่ากูเอาเปรียบ” ผมว่า เมื่อพาร์เงียบไม่คัดค้านจึงพูดต่อ “เงื่อนไขแรก…หัวใจของกูมึงขอดูแล เพราะงั้นกูจะขอหัวใจของมึงมาดูแลเหมือนกัน”

พาร์ผละห่างจากตัวผมเล็กน้อย แววตาเชื่อมหวานจนคนโดนมองแทบหลอมละลาย แต่ต้องรีบดึงสติกลับมายกมือขวางกันริมฝีปากพาร์ที่เคลื่อนเข้าหากะทันหัน คนจู่โจมไม่โกรธ แถมยังจับมือผมให้อยู่นิ่งๆ แล้วประทับรอยจูบลงมาหนักๆ

ผมสะดุ้งโหยง ตรงฝ่ามืออย่างกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นจากรอยจูบวิ่งวนไปทั่วทั้งร่าง แล้วยังไปจุดไฟบนหน้าอีก ผมรีบชักมือกลับ ก้าวถอยห่างพาร์หน่อย คนถูกทิ้งห่างรีบก้าวตามมา แววตาทอแสงมีความสุข ไม่เหลือร่องรอยคนพึ่งร้องไห้เมื่อครู่เลย

“ขอจูบนะ”

ผมรีบพูดรัวๆ ตั้งใจขวางอารมณ์หวานๆ ที่น่าจะทำพาร์หน้ามืดจนคิดอยากรังแกกันขึ้นมา “เงื่อนไขที่สอง ถ้าวันไหนไม่อยากได้หัวใจของกูแล้ว กูขอคืนทั้งของตัวเองและของมึง วันนั้นจะเป็นวันที่เราไม่มีพันธะต่อกัน และอาจไม่ได้เจอกันอีก”

อารมณ์บนใบหน้าพาร์แปรเปลี่ยนฉับพลัน ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยายามจ้องสู้แววตาคุกคามประกาศชัดว่าลองคืนมาดูสิ…น่ากลัวว่ามันคงจับผมขัง

ผมรีบยกมือกระแอมไอ เหงื่อเริ่มซึมเพราะกลัวโดนหมาป่าใกล้ๆ ขย้ำฐานพูดจาขัดหู และเรื่องต่อไปต้องเรียกว่าขัดใจ แต่เป็นเรื่องที่สมควรพูดเนิ่นๆ จึงกลั้นใจบอกรวดเดียวจบ “ส่วนสัญญาข้อเดียวของกูคือมึงห้ามจับกูกิน จนกว่ากูจะอายุยี่สิบ…เอ็ด”

“ไม่มีทาง!” น้ำเสียงแข็งกร้าว แววตาข่มขู่

“แต่มึงรับปากตกลงไปแล้ว!”

หลังเถียงกลับ ผมก็ส่งแววตาสื่อกลับไปว่า มึงอยากไม่ฟังก่อนเอง แล้วพูดต่อ “อีกอย่างไปสัญญาอะไรกับผู้ใหญ่ไว้ก็ควรจะรักษาคำพูด!”

“นั่นแค่ยี่สิบ! แต่มึงบอกยี่สิบเอ็ด!”

“เดือนหน้าจะวันเกิดกูแล้วนี่ ต้องบวกเพิ่มสิ”

สีหน้าพาร์ยามนี้ดุจเจอพายุฝนกะทันหัน ซัดกระหน่ำใส่จนเปียกปอนไปทั้งตัว ริมฝีปากสั่นระริกเอ่ยเสียงตัดพ้อ ยิ่งแววตาไม่ต้องพูดถึง ผมที่เริ่มรู้แกวเหลือบสายตาไปมองหมีด้านหลังพาร์ทันที

“มึงจะใจร้ายปล่อยกูอดอยากปากแห้งถึงสองปี?”

ผมเม้มปากก่อนพยักหน้ายืนยันความใจร้ายของตัวเอง เห็นพาร์เงียบไปก็ดึงสายตากลับมามองเลยได้เห็นหมาป่ากำลังห่อเหี่ยวได้ที่ มองไปก็น่าสงสาร แต่ผมสงสารตัวเองมากกว่าเลยยืนเงียบกริบ

“…ก็ได้” พาร์สูดลมหายใจเข้า แต่แววตามุ่งมั่นอะไรบางอย่าง “กูสัญญาก็ได้ แต่ในฐานะที่เป็นแฟนกัน กูขอทวงสิทธิ์แทะๆ เล็มๆ ในเวลาที่หิวจัด”

“ฮะ!”

“ไม่สิ แค่หิวเฉยๆ ก็พอ…เอาแบบนี้แหละ”

“ไม่…” หลุดเสียงไปแค่คำเดียวก็โดนสวนกลับมาทันที

“กูยอมมากพอแล้ว มึงหมดสิทธิ์ปฏิเสธครับ และตอนนี้กูต้องการจูบ!”

คอเสื้อผมโดนกระชาก วินาทีต่อมาริมฝีปากถูกช่วงชิง สัมผัสหยาบโลนมากแตกต่างจากครั้งก่อนสิ้นเชิง ยิ่งโดนสัมผัสนานเท่าไหร่ผมยิ่งหงุดหงิดมากเท่านั้น ทันทีที่ปากเป็นอิสระ ผมก็สวนหมัดกระแทกท้องพาร์จนตัวงอ จ้องมองโจรขโมยจูบท่าทางจุกจนพูดไม่ออกด้วยแววตาเย็นชา

“ถ้าคราวหน้ากล้าปล้นจูบกันแบบนี้อีก กูชกมึงคว่ำแน่!”

-------------

สถานะของผมกับพาร์เปลี่ยนไปแค่อาทิตย์เดียวก็เข้าช่วงเตรียมตัวก่อนไปผจญมรสุมสอบกลางภาคที่จะเกิดขึ้นทันทีที่เปลี่ยนเดือนใหม่ ต่างคนต่างยุ่งกับเรื่องนี้จนต้องห่างกันสักพัก เรายังติดต่อผ่านข้อความเป็นหลัก บางครั้งโทรคุยกันให้ได้ยินเสียง ห่างกันหายวันก็จะมีใครสักคนหอบหิ้วหนังสือมาอ่านเป็นเพื่อน

มรสุมช่วงสอบทำให้คู่รักที่เกิดขึ้นหลังวันวาเลนไทน์ลดน้อยลงทีละนิด เพื่อนหลายคนในคณะผมเริ่มมีปัญหากับแฟน คิดว่าทางนิติก็คงมีเหมือนกัน พาร์ถึงได้ทำตัวไม่เป็นธรรมชาติ คอยระมัดระวังมากเกินไปจนผมอึดอัด ทนได้ไม่กี่วันก็ต้องจับตัวมันมาคุยให้รู้เรื่อง

“กูแค่ไม่อยากให้เราทะเลาะกัน”

ผมพ่นลมหายใจหลังได้ยินเหตุผล “มึงคิดว่าแค่เราทะเลาะกันก็ทำให้เลิกคบได้แล้ว?”

“กูไม่รู้ แต่อะไรที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดเรื่องได้ก็ควรระวังไว้ก่อน”

“แต่การระวังของมึงกำลังทำให้กูอึดอัด รู้ตัวไหม?”

“…ไม่”

ผมมองคนกำลังทำหน้าสลดอย่างอ่อนใจ “มึงฟังกูนะ ความยากอยู่ที่การแบ่งเวลาให้อีกคน เพราะถ้าร้องเรียกมากเกินไปก็ทำอีกคนรำคาญ ถ้าหายไปเลยก็ทำอีกคนกังวล ดังนั้นการกระทบกระทั่งกันในช่วงสอบไม่ใช่เรื่องแปลก และแค่เรื่องสอบก็เครียดพอแล้ว กูไม่อยากให้เรามาเครียดเรื่องแฟนเพิ่ม”

“ขอโทษ”

“มาขอโทษทำไม” ผมดันหน้าผากพาร์ให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน “กูรู้ว่ามึงเห็นคู่อื่นมีปัญหาเลยกังวลมาก แต่คู่อื่นก็ส่วนคู่อื่น คู่เราก็ส่วนคู่เรา ยิ่งมึงฝืนตัวเองมากเท่าไหร่ยิ่งทำกูอึดอัดใจ แต่ถ้ากลัวทะเลาะก็ไม่ต้องพูด แค่อยู่ข้างๆ กันและกันก็พอ เหมือนตอนที่เราอ่านหนังสือสอบอยู่บ้านทากะซัง กูชอบความสบายใจแบบนั้น เพราะงั้นช่วยปล่อยตัวตามสบายเวลาอยู่กับกูเถอะ ถือว่ากูขอ”

แววตาพาร์เปล่งประกายประหลาด ริมฝีปากยิ้มจนแก้มปริบ แถมยังขยับหน้าขโมยหอมแก้มกันดื้อๆ

“กูดีใจที่ได้รักมึงนะ”

ผมหน้าร้อนผ่าวกับคำบอกรักกะทันหัน คำที่ผมพูดไม่ค่อยออก แต่พาร์กลับพูดออกมาได้เป็นธรรมชาติมากๆ

“แก้มแดงแหนะ”

“ชะ ช่างกูเหอะ” ผมส่งเสียงดุกลบเกลื่อนอาการเขิน “หันหลังมา! แล้วอ่านหนังสือสอบของมึงไป!”

“ครับๆ” 

ผมชอบช่วงเวลานี้ นั่งพิงหลังกันและกัน ไม่ต้องมีคำพูด ไม่ต้องมองหน้า ความสนใจพุ่งไปยังสิ่งที่ต้องทำจนถึงช่วงเวลาหนึ่งที่หลุดออกจากภวังค์ แผ่นหลังก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นของอีกคน พอคิดว่าอีกคนกำลังพยายาม มันทำให้เกิดแรงฮึดให้พยายามเหมือนกัน

ผมละสายตาจากหนังสือ ทิ้งแรงไปด้านหลัง อีกฝ่ายโขกหัวกลับมาเบาๆ เหมือนถามว่ามีอะไร

“กลางวันนี้อยากกินอะไร?”

“ไม่ต้องทำ เดี๋ยวพาไปหาอะไรกินข้างนอก”

“กูทำแค่แปบเดียว ไม่เสียเวลาอ่านหนังสือหรอกน่า อีกอย่างได้ทำอาหารก็ช่วยกูผ่อนคลายดี”

…รองจากมึง

ผมยิ้มให้กับความคิดตัวเอง พอมานึกดูก็พบว่าตอนนี้คนข้างหลังเป็นอะไรหลายๆ อย่างสำหรับผมจริงๆ นั่นแหละ นึกถึงคำพูดบอกรักเมื่อครู่ก็ได้แต่แอบงึมงำพูดบ้าง

“กูก็ดีใจที่ได้ชอบมึงเหมือนกัน”

“อะไรนะ!”

ที่พิงขยับหนีกะทันหัน ผมเลยล้มหงายหลัง ก่อนหัวถึงพื้นมีมือมารองรับ แล้วโดนลากทั้งท่านั้นไปหนุนตักของอีกคน สายตาพวกเราสบกัน

“เมื่อกี้พูดเบาเท่ายุงแบบนั้นได้ไง ได้ยินไม่ชัดครับ พูดใหม่อีกครั้งเร็ว”

“เรื่องสิ!”

“ถ้าไม่ยอมพูดจะเปลี่ยนเป็นจูบแทน!”

มีขู่! ผมแยกเขี้ยวใส่พาร์ ทำท่าจะลุกขึ้น กลับโดนมือข้างหนึ่งกดดันให้นอนลงที่เดิม แถมยังเลื่อนมือมาปิดตา พร้อมกับสัมผัสที่ริมฝีปาก ตอนแรกผมเกร็งเพราะกลัวจะโดนจูบแบบคราวก่อน พอรับรู้สัมผัสอ่อนโยน รักใคร่ ทะนุถนอม เป็นจูบที่อ่อนโยนมากจนผมคลายอาการเกร็ง ยอมจูบตอบ ค่อยๆ ถ่ายทอดความรู้สึกส่งผ่านไปพร้อมจูบนี้เนิ่นนานจนเกือบขาดอากาศ พาร์ถึงยอมถอนจูบออก แว่วเสียงกระซิบแผ่วเหมือนคนกำลังละเมอ

“…อยากกินมึงจัง”

พลั่ก!

ผมผลักหัวพาร์ออกห่าง รีบกลิ้งตัวหนีออกมาให้พ้นรัศมีอันตราย อ่านหนังสือในห้องนอนเป็นความคิดที่ผิดจริงๆ ด้วย ผมรีบคว้ากองชีทบนพื้น พุ่งตัวไปทางประตู

“จะไปไหน!”

“ไปอ่านหนังสือข้างล่าง…”

“ให้แมวกวน?”

ผมสะอึกกับคำถามแทงใจ ลืมไปว่าถึงไม่มีคนอื่นในบ้านก็ยังมีฮิเมะอยู่ในกรง ถ้าลงไปก็ต้องปล่อยเจ้าเหมียวออกมาป่วน จึงรีบพลิกลิ้นเปลี่ยนคำพูดโดยเร็ว

“มึงบอกจะพาไปกินข้าวข้างนอกนี่ เปลี่ยนบรรยากาศอ่านหนังสือบ้างก็ไม่เลว”

“ไหนว่าจะทำอาหาร…”

“เปลี่ยนใจแล้ว จะไปหรือไม่ไปก็เรื่องของมึง กูลงไปก่อนล่ะ”

############
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-04-2017 17:23:51 โดย KatzeP »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: - ชลนที - [บทที่ 52] P.18 (12/04/2017)
«ตอบ #536 เมื่อ12-04-2017 14:13:30 »

คบกันจนได้

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
Re: - ชลนที - [บทที่ 52] P.18 (12/04/2017)
«ตอบ #537 เมื่อ12-04-2017 14:28:03 »

 :pig4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: - ชลนที - [บทที่ 52] P.18 (12/04/2017)
«ตอบ #538 เมื่อ12-04-2017 16:10:23 »

พาร์ ที  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ที ยอมคุย ยอมบอกความรู้สึกกับพาร์แล้ว
เข้าใจกันแล้ว ดีจัง เห็นใจพาร์มาก
กลัวว่าจะเสียที ไปสุดๆ น่ารักสุดๆ
แล้วอย่างนี้ที จะปล่อยพาร์ เสียพาร์ไปได้ยังไง ไม่มีทาง
ชอบเวลาที่พาร์ ที อยู่ด้วยกัน แชร์ความรู้สึกกัน
แหม แต่ตอนที่พาร์ บอก “…อยากกินมึงจัง”
ทีสะดุ้งเฮือกเลย  :ling1: :ling1: :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: - ชลนที - [บทที่ 52] P.18 (12/04/2017)
«ตอบ #539 เมื่อ12-04-2017 16:10:34 »

 :mc4: :mc4: :mc4: คบกันแล้ววววววว

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด