Just you and I : 25
ตอนนี้รู้สึกสมองโล่งมาก โล่งแบบเหมือนไม่เคยรู้สึกอะไรมาก่อน แม้แต่ตัวหนังสือที่อ่านมายังไม่มีสักตัว ไอ้กลอยกำลังแย่ครับ โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง ผมอ่านมาแล้วนะครับแต่พอเข้าห้องสอบปุ๊บ ตัวหนังสือมันลอยหายไปหมดเลย
หลังจากหมดสองชั่วโมง ผมเดินตัวลอยๆ ออกมา ไอ้เคที่เดินออกมาพร้อมกันทรุดนั่งกอดหนังสือที่วางด้านนอกพร้อมกับคร่ำครวญ
“ไอ้เชี่ยเอ้ย กูอ่านทุกอย่างที่จารย์บอก แต่มันออกทุกอย่างที่กูไม่ได้อ่าน กูอยากตาย” นั่นละครับสาเหตุที่สมองผมโล่ง อ่านตรงที่มันไม่ออก
“กูอ่านที่ป๋าสั่งให้ขีดเส้นใต้ แต่แม่งไม่ออกสักข้อ กูโดนหลอกใช่มั้ย” ไอ้ทูเริ่มโวยวาย
“มึงไม่โวยวายเหรอวะไอ้กลอย” ไอ้ต๋องมันถามผมครับ มันคงเห็นผมยืนมองพวกมันนิ่งๆ
“กูพูดไม่ออกว่ะ บรรยายออกมาไม่ได้” อยากร้องไห้อย่างเดียว สอบไฟนอลปีสองมันยากแบบนี้นี่เอง ในชีวิตไอ้กลอยเพิ่งเคยสอบครั้งแรก
“ขนาดวันแรกกูก็เหมือนจะตายทั้งเป็นอยู่แล้ว เหลืออีกตั้งหลายวัน พอสอบเสร็จเผากูเลย” ทุกคนในที่นี่พยักหน้าเห็นด้วยที่สุด ขนาดพวกเด็กเรียนยังบ่นเป็นขรมว่าทำไม่ได้
“อีเข็มมึงทำได้หรือเปล่าวะ” เพื่อนผู้หญิงที่พยายามถามความเคลื่อนไหวผมกับพี่โชอยู่ตลอด
อีเข็มยกมือขึ้นห้าม ก่อนจะปรายตามองแล้วยักคิ้ว
“ยิ่งกว่าทำได้อีกค่ะมึง”
“จริงดิ่ เจ๋งสัด”
“ยิ่งกว่าทำได้คือกูเททุกข้อ”
“อี...” ไร้คำด่าเลยครับ
“ตัวใครตัวมันค่ะพวกมึง อีกหลายวิชาเจอกัน วันนี้กูมีนัด”
“หน้าแบบมึงมีนัดด้วยเหรอวะ” ไอ้สักมองแบบไม่อยากจะเชื่อ ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน
“อ่าวไอ้เชี่ย กูผู้หญิงหน้าตาสวยขนาดนี้จะไม่มีผู้ชายได้ยังไง” มันดูภูมิใจกับการมีผู้ชายจีบมาก
“เขาตาบอดหรือเปล่าวะ”
“เขาตาบอดสี ถุย เขาปกติทุกอย่างเว้ย พวกมึงชอบชักใบให้เรือเสีย กูไปดีกว่า” อีเข็มโบกมือพวกผม แต่ก่อนไปมันยังวกมาเรื่องผมอีกจนได้ มิน่ามันถึงเรียกตัวเองว่าสาววาย “ไอ้กลอย มึงกับพี่โชช่วยอัพรูปคู่หน่อยสิวะ เพจกูเหงารูปมึงมาก มีแต่รูปเดี่ยวๆ ของมึงพวกกูเบื่อแล้ว”
ถ้ามันไม่รีบไปผมได้ด่ามันแน่ เพจที่มันว่าเป็นเพจเกี่ยวกับสาววายที่นัดรวมตัวกันครับ ส่วนใหญ่จะแชร์รูปหนุ่มๆ น่ารักๆ กับคู่จิ้น หนึ่งในคู่พวกนั้นก็คือคู่ผมกับพี่โช
อาจเพราะช่วงแรกๆ พี่โชมารับมาส่งผมทุกวันทำให้เพจมันคึกคักมาก แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะพี่โชเข้าไปทำงานในบริษัทของพ่อเต็มตัว ตอนแรกผมก็ยังคิดว่าพี่โชจะทำได้ยังไง แต่กว่าจะได้รู้คำตอบก็เปลืองตัวไม่ใช่น้อย ทั้งกอด ทั้งจูบสารพัดที่อยากจะแกล้งผม
พี่โชเข้าไปทำงานในบริษัทตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย เริ่มงานจากระดับล่างสุด พอรู้จักระบบและวิธีแก้ไขก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นมาฝึกแต่ละแผนก มิน่าถึงมีชื่อเป็นลำดับที่หนึ่งที่จะเข้ารับปริญญาบัตร เกียรตินิยมอันดับหนึ่งลำดับที่หนึ่งเชียวนะครับ
เรียนยังไง กินอะไรให้ได้แบบนั้นวะ
หลังจากพี่โชเข้าไปทำงาน ผมเลยต้องมามหาลัยคนเดียวด้วยรถของพี่โช ไม่ใช่รถสปอร์ตคาร์หรอกนะครับ เป็นรถที่ขายทั่วไปที่พี่โชซื้อให้ผม อ๊ะๆ อย่ามองแบบนั้น พี่โชไม่ได้ให้ผมฟรีๆ เขาให้ผมทำงานบ้านและทำกับข้าวเป็นการใช้หนี้ค่ารถที่ซื้อให้ แต่ที่จะได้ส่วนลดเยอะก็คงเป็นเรื่องหื่นๆ ที่พี่แกบอก
รอบหนึ่งต่อหนึ่งหมื่น แล้วรถแม่งกี่แสนวะ ผมต้องจ่ายกี่รอบถึงจะครบ
พอนึกถึงก็ทำให้หน้าร้อนวูบวาบ จนต้องสะบัดหัวลบภาพบนเตียงที่แสนเร้าร้อนออก ไอ้เชี่ยกลอยมึงกลายเป็นคนลามกตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือว่าโรคหื่นมันติดต่อวะ
“พวกมึง คืนนี้อ่านหนังสือใต้ตึกมั้ยวะ” ไอ้แว่นหัวหน้าห้องมันเดินมาคุยกับพวกผมครับ วิชาที่จะสอบพรุ่งนี้โคตรยาก ถ้าเกิดได้คนที่เก่งติวให้ก็น่าจะดีเหมือนกัน
“แล้วจะตื่นมาสอบทันเหรอวะ” ไอ้ต๋องถาม
“ก็เลิกสักเที่ยงคืนแล้วกลับไปนอน สอบสิบโมงแน่ะ มีเวลาสบาย” ไอ้แว่นมันว่า มันสบายสิก็ในเมื่อมันเก่งวิชานี้นี่หว่า กลางภาคมันได้เต็มเลยนะครับวิชาพรุ่งนี้น่ะ
ผมมองหน้าเพื่อนๆ คล้ายกับขอความคิดเห็น จนพวกมันพยักหน้าตกลง ผมก็กำลังจะตกลงแต่หน้าพี่โชตอนชี้นิ้วสั่งข้อห้ามปรากฏขึ้นมาเฉย เลยขอบอกอีกที
กลับมาถึงห้องก็เกือบจะสี่โมงเย็น พี่โชยังคงไม่กลับ ตอนนี้เห็นว่ากำลังมีโปรเจคใหญ่มากทำให้ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาเจอหน้า หรืออาจจะเจอเฉพาะตอนตื่นนอนไม่ก็ตอนสะดุ้งตื่นกลางดึก แล้วช่วงนี้พี่โชดูซูบผอมไปเยอะ อาจเพราะไม่ได้นอน ผมเห็นบางคืนทำงานโต้รุ่งก็ยังมี ที่จริงชีวิตของผมก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละ เคยทำงานโต้รุ่งมาเป็นอาทิตย์จากนั้นก็นอนตายอยู่ในห้อง แม่กับพี่กิ่งมาหาเพราะผมติดต่อไม่ได้ พอเปิดห้องเข้าไปผมโดนด่าซะหูชา เพราะมันไม่มีที่ว่างให้เหยียบเลย ก็ห้องชายโสดนี่หว่า
ผมหยิบมือถือออกมาไลน์หาพี่โช กดข้อความแต่ไม่ได้ส่งไปเพราะกลัวพี่โชจะยุ่ง หรือกลัวว่าจะประชุมอยู่ ผมเลยลบข้อความทั้งหมดไปก่อนจะเริ่มเก็บกวาดห้องที่รก ก้อนกระดาษกลมๆ ถูกปาทิ้งเกลื่อนห้อง มันเป็นกระดาษออกแบบของพี่โช เพราะถ้าเป็นของผม ผมจะเก็บทิ้งไปเรียบร้อย
กระดาษก้อนกลมๆ มีโครงสร้างของเหล็ก ผมพอมองออกอยู่หรอกแต่ไม่เข้าใจ แล้วที่สำคัญ ลายมือพี่โชควรไล่ไปหัดคัดกอไก่ใหม่ ไอ้ยึกยือๆ แบบนี้มันอ่านว่าอะไรได้บ้าง
หลังจากเก็บกวาดเสร็จ เสียงประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับพี่โชเดินเข้ามา ใบหน้าอิดโรยจนผมต้องรีบเดินเข้าไปพยุง พี่โชหันมายิ้มๆ ก่อนทิ้งตัวนอนบนโซฟาตัวยาว
“พี่กินข้าวหรือยัง หิวมั้ย” ผมยืนข้างๆ คนที่นอนคว่ำอยู่ พี่โชส่ายหน้ากับหมอนอิง “ไม่หิวก็ไปอาบน้ำก่อนจะได้สบายตัว” ผมฉุดคนตัวใหญ่ให้ลุก แต่อีกคนกลับออกแรงดึงจนผมร่วงไปนั่งก่อนจะใช้ตักผมแทนหมอน “ทำอะไรเนี่ย”
“เหนื่อย” พี่โชบอกเสียงอู้อี้ ดูเหนื่อยล้าจริงๆ จนน่าสงสาร
“เหนื่อยก็พัก แล้วก็กินข้าวเยอะๆ จะได้มีแรงทำงาน” ผมให้กำลังใจจนพี่โชขำเบาๆ “อ่อ กระดาษที่พี่ปาทิ้งผมเก็บใส่ถังใต้โต๊ะทำงานพี่นะ” ต้องบอกครับ เพราะผมเคยโดนว่า เรื่องเก็บกระดาษทิ้งทั้งที่มันอาจจะยังใช้ได้ แต่มันถูกขยำจนเละหมดแล้ว ไอ้เราก็คิดว่าทิ้ง ที่ไหนได้ โดนด่าเฉย มานึกๆ ก็ยังเคืองไม่หาย
“เป็นอะไร ทำหน้าบึ้งทำไม” ปากนุ่มๆ ยืดมาแตะปากผมเบาๆ
“เปล่า พี่โชอยากกินอะไร เดี๋ยวผมทำให้” มัวแต่เก็บของเลยไม่ได้ทำกับข้าวอะไรสักอย่าง อีกอย่างถ้าทำรอไว้ก็ไม่รู้ว่าอีกคนจะกลับมากี่โมง
“อะไรก็ได้” ตอบแบบผู้หญิงเลยแบบนี้ อะไรก็ได้ แต่พอทำให้ก็ไม่กิน แล้วจะอะไรก็ได้ทำไม
“ไข่เจียวหมูสับนะ” ผมบอก พี่โชก็พยักหน้าก่อนจะเข้าห้องไปอาบน้ำ
ผมรีบทำไข่เจียวหมูสับให้เสร็จก่อนพี่โชจะอาบน้ำเสร็จ ไม่นานคนที่ไปอาบน้ำก็เดินตัวหอมออกมา พี่โชใส่เสื้อยืดกางเกงนอนขายาว ใบหน้าดูดีขึ้นกว่าตอนกลับมา
“งานเยอะมากเลยเหรอ” ผมถามระหว่างกินข้าว พี่โชเงยหน้ามามองพลางพยักหน้า “เอ่อใช่ คืนนี้ผมขอไปอ่านหนังสือกับเพื่อนนะ” พี่โชถึงกับชะงักมือตอนจะเอาช้อนเข้าปาก
“ที่ไหน”
“ที่ใต้ตึกในมอนั่นแหละ”
“มีใครบ้าง แล้วจะกลับกี่โมง ไปเองหรือให้ใครมารับ” คำถามมารัวจนต้องนึกแปบหนึ่งถึงตอบได้
“ก็มีแต่เพื่อนในคลาส กลับประมาณเที่ยงคืนละมั้ง แล้วเดี๋ยวผมเอารถไปเอง”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้องๆ พี่ทำงานเหนื่อยต้องพักเยอะๆ ดิ่ ผมไปเองได้” พี่โชดูไม่พอใจเท่าไหร่
“ก็ได้” พอได้ยินก็ยิ้มสิครับ นานๆ ทีจะได้รับคำตอบแบบนี้ “แต่ให้กลับไม่เกินสี่ทุ่มครึ่ง”
เฮ้ย นี่มันจะทุ่มแล้วนะ ผมมองนาฬิกาเข็มสั้นชี้เลยเลขหก เข็มยาวชี้เลขเจ็ด
“พี่โช นี่มันจะทุ่มอยู่แล้ว กว่าจะไปถึงก็สองทุ่มกว่า ผมอ่านได้แปบเดียวก็ได้กลับอ่ะดิ่” บ่นสิครับ แต่พี่โชทำเหมือนไม่ฟังคำบ่น “พี่โช”
“ทำไมต้องไปอ่านที่อื่น ห้องนี่ก็อ่านได้”
“แต่เพื่อนผมมันเก่ง มันจะติวให้” พี่โชดูจะลังเลนิดๆ แต่ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม
“ก็ให้ไปแต่กลับก่อนสี่ทุ่มครึ่ง” พูดจบก็เอาจานไปล้างทันที นี่ผมยังไม่ตกลงโอเคอะไรเลยนะ พอผมกำลังจะอ้าปากพูดพี่โชก็ชูนิ้วชี้แล้วโบกไปมา
“พี่โช” ร้องเรียกเสียงสูงๆ แต่พี่โชก็เดินเข้าห้องไปแล้ว เอาเถอะ ถึงเวลาค่อยผัดผ่อนก็ได้
ผมเลี้ยวรถเข้าประตูมหาลัยมาเห็นท้ายรถสีส้มคุ้นตาอยู่ด้านหน้า ผมรีบขับตามทันที อยากรู้จริงๆ ว่าใช่พี่เบหรือเปล่า ถ้าพนันผมใส่เต็มร้อยว่าเจ้าของรถเป็นพี่เบแน่นอน
รถสีส้มขับผ่านตึกเรียนที่เป็นที่นัด ผมขับตามห่างๆ ไปจนถึงลานจอดรถอาจารย์ รถสีส้มยังติดเครื่อง ประตูฝั่งข้างคนขับเปิดออก คนลงมาคือไอ้ทูจริงๆ ผมรีบปิดไฟหน้ารถก่อนจ้องอย่างสนใจ อยากรู้ว่าคนขับจะลงมาหรือเปล่า ผมเห็นไอ้ทูเปิดประตูด้านหลังแล้วหยิบเอาหนังสือเรียนออกมาก่อนจะโบกมือลาเจ้าของรถ สุดท้ายก็ไม่ออกมา...
มาแล้ว
ผมยกยิ้มทันทีที่ประตูฝั่งคนขับเปิดออก คนขับร้องเรียกคนที่เพิ่งโบกมือลาก่อนยื่นเอาถุงขนมให้ ไอ้ทูรับถุงขนมมา คนยื่นเลยยกมือยีหัวฟู แหมๆ หวานเชียวนะ แล้วความคิดบางอย่างก็ทำให้ผมรีบเปิดประตูลงไปแล้วตรงเข้าไปหาคู่นั้น
“ฮั่นแน่ เจอตัวแล้ว” ไอ้ทูดูจะตกใจที่เห็นผมโผล่พรวด แต่พี่เบกลับพยักหน้าทักทาย “มีมาส่งกันด้วย”
“อะไรของมึง” ไอ้ทูรีบเฉไฉ
“ไม่ต้องเลย พี่คบกับเพื่อนผมเหรอ” ผมหันไปถามพี่เบแทน ไอ้ทูเบิกตาโตมันมองผม คงไม่คิดว่าผมจะถามออกมาตรงๆ พี่เบเลิกคิ้วนิดๆ ก่อนจะยิ้มออกมา
“ก็ดูๆ ไปก่อน” เชี่ย ตอบแบบเซเลปด้วย
“ชาวบ้านแบบผมก็เรียกว่าคบนั่นแหละ โด่ ไม่เห็นบอกบ้างเลย” แกล้งตีหน้าเศร้าเหมือนน้อยใจ
“มึงรีบไปเลย เดี๋ยวพวกไอ้แว่นจะรอ” ไอ้ทูคงเขินเพราะมันกำลังดันให้ผมเดิน เพื่อนกูก็มีมุมน่ารักนะเนี่ย ผมหัวเราะร่วนรั้งตัวไม่ไปตามแรง
“มีเขินนะมึง แล้วพี่คบเพื่อนผมจริงๆ ทำไมไม่เปิดตัวอ่ะ เก็บเงียบพวกผมเลยไม่ได้แซวมันจริงๆ จังๆ เลย”
“ก็ไม่ได้แอบ แต่เพื่อนมึงบอกไม่อยากบอก” พี่เบบอก ผมรีบหันมองเพื่อนตัวเองจนคอแทบเคล็ด
“มึงเห็นกูเป็นเพื่อนป่ะเนี่ย” ถามเสียงสูงจนต้องกระแอมเพราะเสียงแหบ ผมไม่ได้เล่นใหญ่ไปใช่มั้ย
ไอ้ทูแม่งส่ายหน้า นี่มันไม่เห็นผมเป็นเพื่อนเหรอวะ ไอ้เชี่ยนี่ ผมสะบัดหน้าค้อนมันวงใหญ่ แต่คำตอบมันเล่นเอาผมหลุดฟอร์มปล่อยเสียงหัวเราะดังจนนกที่เกาะตามต้นไม้บินหนี
“กูอายไอ้สัด พี่ก็รีบกลับๆ ไปได้แล้ว จะยืนให้ไอ้เชี่ยกลอยมันถามทำไม รีบๆ ไปไป๊” แม้แต่พี่เบยังหัวเราะอ่ะ เพื่อนผมมันน่ารักจะตาย ถ้าพี่ไม่ทำมันร้องไห้ตอนแรกก็มีความสุขไปละ
“เออๆ กูไปก็ได้” พี่เบบอก แต่ไม่วายหันมาสั่งก่อนจะขึ้นรถ “เสร็จแล้วก็โทรมาล่ะ จะได้มารับ”
ไอ้ทูพยักหน้านิดๆ ก่อนจะออกแรงผลักผมให้รีบเดิน มึงจะเขินทำไมเนี่ย
ผมกับไอ้ทูยืนมองรถพี่เบลับตาก็กลับมาขึ้นรถแล้วขับวนมาที่จอดหน้าตึก เปลืองน้ำมันอีก ดีที่พี่โชออกตังค์ให้ เอ่อ ต้องไลน์บอกก่อนว่าถึงแล้ว มัวแต่เล่นลืมดูเลยว่าสองทุ่มกว่าเข้าแล้ว เดดไลน์คือสี่ทุ่มครึ่ง
หนังสือเรียนถูกวางลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบมือถือออกมากดรูปกล้องแล้วสลับเป็นกล้องหน้า ผมเรียกพวกเพื่อนๆ ให้มันหันมามอง ไอ้พวกบ้ากล้องก็หันมายิ้มบ้าง ชูสองนิ้วบ้าง ผมกดถ่ายรัวๆ แล้วเลือกส่งให้พี่โชบอกว่าถึงแล้ว พอจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า ข้อความก็ดังขึ้นมา สงสัยพี่โชจะเห็นผมเลยไม่สนใจ แต่เสียงมันยังดังรัวจนต้องเอาออกมาดู
‘ไอ้เด็กปีหนึ่งนั่นไปทำไม ไหนบอกมีแต่เพื่อน?’
ผมขมวดคิ้วมองข้อความที่พี่โชส่งมา ไอ้เด็กปีหนึ่งที่ไหนวะ พอกดเข้าไปดูรูปที่ส่งให้ก็ไม่น่าจะมี ผมลองขยายภาพจนเต็มหน้าจอ เลื่อนไปมาจนเห็นหัวเล็กๆ ที่อยู่ตรงมุมเสา
“มึงเห็นไอ้รอนมาหรือเปล่า” ผมสะกิดไอ้เค แต่มันส่ายหน้า “แน่ใจนะ”
“เออ พวกกูนั่งตั้งนานยังไม่เห็นหัวมันเลย” ไอ้ต๋องช่วยยืนยัน
แล้วหัวไอ้รอนมันโผล่มาในรูปได้ยังไง
ผมค่อยๆ เหลียวซ้ายแลขวามองก็ไม่เห็นมันจริงๆ ไม่นะ ต้องไม่ใช่ ผมเดินไปสะกิดไอ้แว่นถามเรื่องไอ้รอน มันก็ส่ายหัว แม้แต่ถามคนอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกันหมด
ชิบหายละ ไอ้รอนมาจากไหน
“มึงเป็นอะไรวะ ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผี” ไอ้ทูมันพุดปุ๊บ ผมก็เด้งไปนั่งกลางวงอ่านหนังสือของเพื่อน “เป็นเหี้ยไรของมึงเนี่ยไอ้เชี่ยกลอย” คงเพราะผมกำลังเหยียบขนมมันตอนกระโดดเข้าไป ไอ้ทูเลยโวยวายลั่นตึก
“พะ พวกมึง ดูรูปดิ่” ผมยื่นมือถือออกไปกลางวง ไอ้พวกสอดรู้ก็รีบยื่นหน้ายื่นหัวมารุมดู พวกมันทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจ ผมเลยซูมรูปใหญ่เห็นชัดๆ แล้วชี้ไปที่มุมเสาในความมืดที่เห็นแค่หัวไอ้รอนโผล่มา
“น้องรหัสมึง?” ไอ้เคมันมองหน้าผม
“เอ่อดิ่”
“แล้วทำไมวะ” อีเข็มมันทำหน้างงคงไม่เข้าใจ
“ก็พวกมึงไม่เห็นมัน แล้วหัวมันมาอยู่ในรูปได้ยังไง” ผมว่า ตายังส่ายไปส่ายมา จะว่าไป นอกจากใต้ตึกที่เปิดไฟ รอบๆ ข้างก็มืดไปหมด โคตรวังเวง ถ้ามีซาวน์หมาหอนนะ ถ่ายหนังผีชัดๆ
“เออว่ะ มีแต่หัวด้วย ตัวแม่งไม่มี” ไอ้แว่นมันบอก มือมันดันแว่นให้ขึ้นไปที่ดั้ง “ทำไมน้องรหัสมึงถึงมีแต่หัววะ” ความสงสัยของไอ้แว่นคงมีบางคนเริ่มรู้สึกเหมือนผมแล้วครับ เพราะแต่ละคนเริ่มหันไปมองทางนั้นทีทางนี้ที
“มีแต่หัวไม่มีตัวก็ผีไงไอ้สัดแว่น ตัวท็อปซะเปล่ามึงอ่ะ ชิบหาย” ไอ้สักร่ายยาวก่อนจะทำตาโตในคำสบถสุดท้าย
พอความคิดตรงกันความหลอนประสาทก็เกิดขึ้น ไอ้เชี่ยรอนมันตายแล้วหรือเปล่า เมื่อเช้าผมเห็นข่าวในเฟซบุ๊คแวบๆ ว่ามีนักศึกษาที่ไหนสักที่ถูกรถชน กระจกหน้ารถพุ่งตัดหัวจนขาด ชีวิตทั้งชีวิตไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจอเรื่องผีสาง และไม่เชื่อว่าจะมีจริง แต่วันนี้คงต้องกลับใจ
ผมโดนผีหลอก!!!!!
ไม่รู้สมองแต่ละคนจะจินตนาการไปขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ ทั้งผู้หญิงผู้ชายมันไม่สนใจหนังสือกันแล้ว เพราะพวกมันกอดกันกลมแถมก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองไปรอบๆ แล้วผมมานั่งทำไมคนเดียววะเนี่ย ไอ้ทูแม่งโดดไปกลางวงแบบไม่ชวน
“ตะเอ๋” พอผมกำลังจะลุก กลับมีมือมาสะกิดที่ไหล่ พอหันไปเจอคนที่เอามือปิดหน้าแล้วเปิดออกพร้อมกับเสียง นั่นไม่ตกใจเท่าหน้าที่โผล่มาคือหน้าไอ้เชี่ยรอน
“ไอ้เชี่ยรอน” มือมันไปแบบอัตโนมัติครับ ต่อยเข้าเต็มๆ โหนกแก้ม พอพวกที่นั่งกอดกันอยู่ได้ยินชื่อไอ้รอนก็แตกกระเจิงวิ่งหนีคนละทิศละทาง รวมทั้งผม แต่ทำไมผมวิ่งอยู่กับที่วะ
“ทำร้ายผมทำไมเนี่ย” เสียงโวยวายของผีไอ้รอนผมยิ่งวิ่ง แต่มันก็ยังไม่ออกไปจากที่เดิม
ทำไมกูวิ่งไม่ไปเนี่ย
“ไอ้เชี่ย”
“ตลกว่ะพี่”
เสียงหัวเราะเยาะทำให้ผมหันไปมอง เห็นเสื้อตัวเองถูกมือผีดึงไว้ มิน่ากูถึงวิ่งไม่ไป...
ทำไมผีมันจับเสื้อผมได้วะ
“มึงเป็นผีแล้วทำไมแตะกูได้วะ”
“ใครเป็นผี ผมเนี่ยนะ”
“เออ!”
“เฮ้ย ผมตายแล้วดิ่ ทำไมไม่เห็นรู้ตัว” ไอ้รอนมันตาโตมอง ผมก็เริ่มใจไม่ดี นึกถึงคนที่เขาเล่าว่า ตายวันแรกจะไม่รู้ตัว ต้องหลังพระสวดถึงจะรู้ ชัดเลย ไอ้เชี่ยรอน
“ปล่อยกู ไอ้เชี่ย” ยังพยายามวิ่งแม้จะถูกแรงดึง มึงแรงควายไปไหน
“พี่ตลกว่ะ” ไอ้รอนมันหัวเราะไปกุมท้องไป กูตลกนะเว้ย “พี่ฟังผมนะ ผมยังไม่ตาย ยังหายใจอยู่ แล้วก็ยังชอบพี่อยู่ โอเค๊” หยุดดิ้นเลยผมกับประโยคสุดท้ายนั่น
“มึงยังไม่ตายจริงอะ”
“จริงดิ่ ไม่เชื่อจับหน้าอกผมดู หัวใจผมมันยังเต้นอยู่เห็นป่ะ” ไอ้รอนมันดึงมือผมขึ้นไปจับหน้าอกด้านซ้าย แรงเต้นเป็นจังหวะในนั้นยืนยันว่ามันยังมีชีวิตอยู่ “พี่รู้สึกป่ะ”
“เออ หัวใจมึงยังเต้นอยู่” ผมตอบ
“ใช่ม่ะ แล้วก็เต้นแรงด้วย”
“เออ เต้นแรง”
“ที่เต้นแรงเพราะอะไรรู้ป่ะ”
ผมส่ายหน้าก่อนไอ้รอนจะยื่นมืออีกข้างมาช้อนคางผมขึ้นมองหน้ามัน
“เพราะพี่กำลังจับมันอยู่ไงล่ะ” แววตาที่พูดดูจริงจังจนผมต้องเอามือตบที่อกมันไปแรงๆ
“ไอ้เชี่ย” รีบก้มหน้าหนี
“เขินผมอะดิ่”
“เขินเชี่ยไร มึงออกไปตามเพื่อนกูเลย”
“เพื่อนพี่กลัวผมทำไม คิดว่าผมเป็นผีเหรอ” ผมก็พยักหน้า “ทำไมคิดว่าผมตายวะ แช่งผมเหรอ โคตรเสียใจ” น้ำเสียงมันโคตรตอแหลจนผมเตะเจาะยางไปหนึ่งดอก
ผมยื่นมือถือที่มีรูปติดหัวให้เจ้าตัวมันดู พอเห็นมันก็ทำท่าเหมือนนึกออก
“อ๋อ เมื่อกี้ผมเดินมาจากโกดังแล้วเห็นใต้ตึกเปิดไฟเลยลองเดินมาดู” ไอ้รอนมันว่า “แล้วเหรียญบาทมันตกอยู่หน้าเสาผมก็เลยก้มเก็บ เห็นพี่ยกมือถือถ่ายรูปเลยหันมายิ้มไง” ผมฟังมันอธิบายแล้วคิดภาพตาม อ่า ตัวมันโดนเสาบังสินะ เลยโผล่ยิ้มมาแต่หัว ไอ้เชี่ยเอ้ย ทำกูหลอน
เกือบจะยี่สิบนาที เพื่อนๆ ผมก็ทยอยกันเดินมา หน้าตาพวกมันยังดูหลอนๆ จนผมหัวเราะ แต่ละคนทำหน้าอย่างฮา พอมาครบผมก็กะจะบอก แต่บังเอิญว่าหมาแถวคณะหอนขึ้นมา พวกมันก็เบิกตาโตกระโดดกอดกันกลม แม้แต่ผมยังแอบกลัวเลย หมาหอนทำไมเนี่ย
“พวกพี่กลัวผมเหรอ” อยู่ๆ ไอ้รอนก็โผล่เข้ามาแล้วทุกคนก็แตกกระเจิงอีกรอบ ผมมองเพื่อนตัวเองที่วิ่งกันป่าราบอย่างเซ็งๆ ต่างจากไอ้รอนที่มันหัวเราะไม่หยุด นี่ถ้าไอ้พวกนั้นรู้ ไอ้รอนตายแน่
สรุป ผมก็ยังไม่ได้อ่านหนังสือสักตัวเพราะมัวแต่กลัวผี จนเวลาสี่ทุ่มหลังจากพวกนั้นรู้เรื่องก็กลับมาอ่านหนังสือต่อ ผมเหลือเวลาแค่สามสิบนาทีมันจะไปอ่านทันได้ยังไง ส่วนไอ้รอนก็โดนตบหัวไปตามระเบียบ แต่มันก็ยังนั่งหน้าระรื่นอยู่ข้างผมไม่ยอมกลับ
“มึงทำหน้าแป้นแล้นข้างเพื่อนกูทำไม” ไอ้สักคงทนไม่ไหวเลยบ่น คือผมนั่งด้านขวาไอ้รอน ไอ้สักนั่งด้านซ้าย มันคงรำคาญ
“ไม่ทำไมครับ” ไอ้รอนมันว่า “พี่จะกลับกี่โมงอ่ะ” มันหันมาถามผมแทนจนไอ้สักทำเสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจ
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“กลับยังไงอ่ะ” ผมเริ่มเหล่ตามองเพราะรำคาญมัน
“กูขับรถมาเอง”
“โหย กะจะไปส่งสักหน่อย”
“ไอ้รอน มึงไปเล่นไกลๆ กูไป กูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง” ไล่ไปเถอะ มันไม่ฟังหรอก แถมยังนั่งทำตาหวานใส่ผมอีก มึงจะเชื่อมกูเหรอวะ
ผมส่งสายตารำคาญให้มัน ก่อนมือถือผมจะดัง หน้าจอโชว์ชื่อมายเลิฟ ก็พี่โชนั่นแหละครับ ไอ้รอนเริ่มหน้าบูดตอนผมกดรับ
(เลยสี่ทุ่มครึ่งแล้วทำไมยังไม่กลับ) เสียงดุมาเชียวนะ
“ครับๆ กำลังจะกลับ” ปากก็ตอบ มือก็เริ่มเก็บหนังสือใส่กระเป๋า
(แล้วไอ้เด็กนั่นไปทำไม ไหนบอกมีแค่เพื่อน ถามไปก็ไม่ยอมตอบ)
“มันมาทำงานของมัน ไม่เกี่ยวกันเลย” ผมรีบอธิบายก่อนไอ้น้องรหัสผมจะทำให้เสียเรื่องเพราะมันพูดแทรก
“พี่จะกลับแล้วเหรอ งั้นผมก็ต้องกลับด้วยอ่ะดิ่” ไอ้รอนยักคิ้วให้ ผมเลยถีบมันไปทีมันก็หัวเราะร่า
(ไอ้เชี่ยนั่นอยู่ด้วยเหรอ) นั่นไง ระเบิดลง
“อื่อ”
(ให้เวลาสามสิบนาที ถ้ายังไม่ถึงห้องรู้นะว่าจะโดนอะไร) ขู่แบบนี้คิดว่าจะกลัว?
“ยี่สิบนาทีก็ถึง แค่นี้นะ จุ๊บๆ”
ผมรีบกดวางแล้วสะพายเป้ขึ้นมา ไม่วายไอ้เชี่ยรอนถามขึ้นมาอีก
“ทำไมพี่ต้องส่งจุ๊บๆ ด้วยอ่ะ ทีผมโทรหา พี่ยังไม่เห็นจะจุ๊บๆ แบบนี้” มันโวยวายเหมือนเด็ก
“ไอ้รอน มึงโตเป็นควายยังงอแงอีก” ผมทำหน้าเซ็ง
“พี่จุ๊บๆ ผมมั่งดิ่” ปากแดงๆ นั่นยื่นเหมือนเป็ด จนหนึ่งในกลุ่มสาววายต้องตะโกนจนทุกคนหัวเราะ ยกเว้นไอ้รอน รวมถึงผมก็ด้วย แม่ง
“มึงเป็นผัวมันหรือไงฮะไอ้รอน มันก็จุ๊บๆ กับผัวของมัน มึงไปยุ่งทำไม” สาวหน้าตาธรรมดาชื่อแป้น หรือผมเรียกอีแป้น เลขาของอีเข็ม
“โห” ไอ้รอนหน้างอไปอีก ผมที่ดูเวลาแล้วน่าจะต้องรีบไป ไม่งั้นไม่อยากจะคิดถึงสภาพตัวเอง พรุ่งนี้ยังมีสอบอีก ก่อนจะสะดุดเสียงกระซิบไอ้รอนจนแทบตกบันได “งั้นพี่ก็ให้ผมเป็นผัวบ้างดิ่ จะได้จุ๊บๆ ผมได้” พูดจบมันก็รีบวิ่งหนีฝ่าเท้าผมที่เตรียมยกใส่
แค่คนเดียวไอ้กลอยก็จะตายห่าอยู่แล้ว ไม่เอาแล้วโว้ย
สรุปของสรุปอีกที ผมกลับก่อนสามสิบนาที พี่โชเลยได้แต่เหล่ตามอง มือยังคงวาดอะไรสักอย่างอยู่ที่โต๊ะทำงาน ผมเดินเอานมอุ่นๆ มาวางให้ก่อนจะเข้านอนไปก่อน จนมาสะดุ้งเมื่อที่ว่างข้างๆ ยุบตัว พี่โชสอดตัวลงนอนและไม่ลืมดึงผมเข้าไปกอดเหมือนกับทุกวัน
“ฝันดีนะ” ผมบอกแม้จะง่วง
“ครับ”
ความอุ่นทาบลงมาที่หน้าผาก ก่อนพี่โชจะกระชับอ้อมแขนแล้วพากันจมลงไปในห่วงแห่งความฝันด้วยกัน
....TBCถ้าไม่มีอะไรก็อัพวนไปค่ะ จุ๊บๆ
**ขอลบข้อความในส่วนตัวเลือกก่อนนะคะ เพราะทำให้ทุกคนไม่สบายใจ เรื่องนี้ยืนยันแฮปปี้ค่ะ แต่ดราม่านั้นจะมาเร็วๆ นี้จริงๆ**เพจที่ทำไม่ค่อยเป็น อิอิ ฝากด้วยค่าาา
>>>
เพจแบบเบาๆ <<<