Just you and I ตอนพิเศษ : 18 อีกครั้ง [Part1]
สวัสดีวันเปิดภาคเรียน กระผมนายกลอยประเกรียนกำลังเดินเข้าสู่มหาลัยที่ใช้ชีวิตเกิดตายวนเวียนเข้าสู่ปีที่สาม ผมย่างก้าวเข้าสู่บริเวณที่ถูกนัดเป็นจุดรวมพลในตอนเช้าด้วยท่าทางเงอะงะ เหลียวซ้ายแลขวา มองคนนู้นทีคนนั้นทีจนถูกใครบางคนชนเข้าอย่างจังจนเกือบหน้าคว่ำ
แว่นแสนแพงเกือบร่วงแล้วมั้ยล่ะ
“โทษๆ รีบไปเถอะ เดี๋ยวโดนรุ่นพี่ลงโทษ” ไอ้คนที่ชนผมมันก้มหัวขอโทษเล็กๆ แล้วยื่นมือมาดึงแขนผมให้รีบวิ่งไปที่สนามหญ้าหน้าตึกคณะ แต่คนขายาวมาลากคนขาสั้นมันดูไม่สมดุลกันเท่าไหร่ ไอ้คนลากมันหันหน้ามามองผมเป็นระยะ และตำหนิด้วยสายตาว่า มึงวิ่งช้า เออ กูขาสั้นแค่นี้จะให้ก้าวยาวเป็นเมตรหรือไง
พอมันลากผมมาถึงสนามหญ้าที่นัดชุมนุม (สองคำนี้ดูไม่ปลอดภัยยังไงพิกล) ผมรีบเดินมาเข้าแถวตอนลึกโดยมีไอ้คนที่มันลากผมอยู่ด้านหลัง
“เกือบไปแล้ว” ผมได้ยินมันพึมพำ
สนใจไอ้คนข้างหลังได้อีกแปบเดียว พวกที่ยืนอยู่ด้านหน้าแถวกระดานก็ตะโกนสั่งให้นับเลขเสียงดังๆ ผมก็แหกปากเสียงดังจนถูกหันมามอง อะไรวะ ก็บอกให้พูดเสียงดังก็ดังแล้วไง ไม่พอใจอะไรอีก พอผ่านไปแล้ว ไอ้ข้างหลังแอบสะกิดแล้วยกนิ้วโป้งให้ผม ผมเลยยิ้มให้มันทีหนึ่ง ก่อนมันจะกระพริบตามอง
“สวัสดีครับน้องปีหนึ่งทุกคน” เสียงดังฟังชัดจากปีสองซึ่งเป็นเฮดรุ่น
“สวัสดีค่ะ/ครับ” เด็กปีหนึ่ง รวมถึงผมขานตอบ
ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมผมถึงมาอยู่รวมกับปีหนึ่ง ผมยังไม่ถูกไล่ออกเพียงแต่ภารกิจที่ถูกมอบหมายให้ก่อนจะเปิดเทอมคือการให้ผมเป็นพี่เนียน แม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องทำ ผมแปลงกายด้วยฝีมือไอ้ทูกับอีเข็ม พวกมันพาผมไปเลือกซื้อข้าวของ (โดนพี่โชโทรจิกทั้งวัน) สภาพผมตอนนี้เลยเหมือนเด็กปีหนึ่ง (คิดว่างั้น)
แว่นตาทรงสี่เหลี่ยมอย่างที่ฮิตอยู่บนหน้าบานๆ ของผม แถมผมทรงเห็ดนี่อีก โคตรไม่เข้าใจทำไมต้องให้ตัดทรงนี้ สีผมก็ถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลเข้ม และชุดนักศึกษาที่ถูกระเบียบตั้งแต่คอไปถึงเท้า ขนาดตอนปีหนึ่งที่ผมเข้ามายังไม่เป๊ะขนาดนี้
“เอาล่ะค่ะ พวกพี่จะให้น้องๆ ทำความรู้จักกันก่อน ไม่ว่าจะซ้ายจะขวา จะหลังจะหน้าขอให้รู้จักกันไว้ แม้อีกหน่อยจะเรียนต่างภาคสาขา แต่เราคือคณะเดียวกัน” เตย รองเฮดรุ่นปีสองพูดได้ดีจนผมปรบมือให้ และก็โดนมองอีกรอบ
ผมเปล่าทำตัวเด่นนะเออ
จากนั้นความวุ่นวายก็เริ่มขึ้น เมื่อเสียงเจี้ยวจ้าวดังจนทั่ว จนไม่รู้ว่าใครถามชื่อใครก่อน ผมถูกไอ้คนข้างหลังสะกิดก่อนเพื่อน หน้าตามันก็งั้นๆ
“มึงชื่อไรวะไอ้แว่น” โห ดูมันเรียกผม กูออกจะหล่อเฟี้ยวฟ้าวขนาดนี้เรียกกูไอ้แว่น
“ชื่อกลอย มึงล่ะ” มันมึงมา ผมก็มึงกลับ พอมันได้ยินก็เลิกคิ้วแล้วหัวเราะ “ขำไรมึง”
“หน้าตาหงิมๆ ติ๋มๆ ไม่คิดว่าจะพูดมึงกู”
“อ่าว แล้วต้องหน้าตาอุบาทๆ แบบมึงเหรอ ถึงพูดมึงกูได้” กวนมันแต่มันก็ยังขำ ไอ้เด็กนี่อารมณ์ดีจริงๆ
“เออๆ กูชื่อเม่น” ผมมองหน้าไอ้เด็กชื่อเม่น สงสัยตอนแม่มันท้องชอบไปดูเม่นที่สวนสัตว์ อ่าว แล้วกูชื่อกลอย แม่ชอบไปดูอะไรวะ...ช่างๆ มันครับ ข้ามไปเถอะ
“พวกมึงชื่อไรวะ” ไอ้คนด้านซ้ายผมเสนอหน้าเข้ามา หน้าตาทะเล้นขยับไปทางกวนนิดๆ
“กูชื่อเม่น ไอ้แว่นนี่ชื่อกลอย ชื่อแม่งโคตรลิเก แม่มึงชอบดูลิเกใช่ป่ะ” แล้วไอ้สองตัวนี่ก็ขำ เดี๋ยวกูปั๊ดยันเลยนี่
หรือแม่ผมจะดูลิเกจริงๆ วะ
“ฮ่าๆ ตลกว่ะ กูชื่อเบียร์” มันบอก ไอ้เด็กเม่นกำลังจะอ้าปาก ไอ้คนชื่อเบียร์ก็พูดแทรก “แม่กูไม่ได้ชอบกินเบียร์ แต่พ่อกูชอบ กูเลยชื่อเบียร์” ผมก็ขำไปกับพวกมัน
ปีที่แล้วไม่สนุกเท่านี้ครับ ผมปลอมเข้าไปอยู่กับกลุ่มไอ้รอน แต่มันแม่งจับผมได้อ่ะ โคตรเซ็ง ปีนี้ผมไม่ยอมให้พวกมันจับได้แน่
“พวกมึงเลือกลงสาขาไหนวะ” ไอ้เด็กเบียร์ถาม
“กูเรียนจิตรกรรม มึงล่ะไอ้กลอย” เรียกไอ้เต็มปากเต็มคำสุดๆ
“กูเรียน...สาขาอะไรวะ” จะให้บอกว่าสาขาเดียวกับมึงนั่นแหละก็ไม่ได้ “เอ่อ กูลืมว่ะ”
“เอ้า ไอ้กลอย มึงโคตรโง่ว่ะ” กูจดทุกคำที่พวกมึงว่ากู ผมหรี่ตามองไอ้เด็กสองคนนี้อย่างเก็บอาการ หนอย ปีนเกลียวรุ่นพี่เหรอวะ โดนจัดหนักแน่
“กลุ่มพวกมึงตลกดีวะ ชื่อไรกันวะ” มาอีกหนึ่งหนุ่มครับ ไอ้เด็กคนนี้หน้าตาคมเข้มเหมือนสีผิว “กูชื่อไม้นะ สาขาจิตรกรรม” เสียงทุ้มแนะนำตัว ทำไมมีแต่คนเรียนสาขานี้วะ ถ้าเกิดผมไปเรียนบังเอิญเจอก็ซวยอ่ะสิ
สรุปพวกมันสามคนเรียนสาขาเดียวกันหมด แล้วมีบอกว่าโชคดีมีกลุ่มก้อนหล่อสามเชยหนึ่ง เออ ขอบใจที่ให้กูเชย
“เอาล่ะค่ะๆ น้องๆ ทุกคนอย่าลืมหาพี่รหัสให้เจอนะคะ คณะเรารับน้องแบบสร้างสรรค์ สโลแกนคือ มันส์ ฮา มาก ตอนนี้ให้น้องๆ ไปเรียนได้แล้วค่ะ อย่าลืมตามหาพี่รหัสด้วยนะคะ” รองเฮดพูดจบพวกปีสองก็เริ่มสลายตัว ผมกำลังจะลุกขึ้นยืนแต่มีเท้าคู่หนึ่งมายืนข้างๆ ผมมองไล่ขึ้นไป เห็นหน้าไอ้คนยืนค้ำหัวคุ้นๆ
“สวัสดีครับน้อง” ไอ้เชี่ยรอนยิ้มโคตรกวนตีนผมเลย มันข่มผมด้วย เดี๋ยวเถอะ รอให้กูแปลงกายได้ก่อน มึงจะโดน ไอ้เด็กปีหนึ่งสามคนยกมือไหว้ไอ้รอนเป็นแถว ยังมีสาวๆ ปีหนึ่งแอบกรี๊ดมันเบาๆ มันจ้องหน้ากดดันจนผมต้องยกมือไหว้
“สวัสดีครับรุ่นพี่” ไอ้เบียร์พูดครับ ไอ้รอนแค่พยักหน้าเหลือบมองด้วยหางตา แต่มันจ้องหน้าผมตรงๆ
“ไปเรียนได้แล้วนะครับ ถ้าไม่รู้จักห้องก็ถามพวกพี่ได้ ส่วนน้อง...ชื่ออะไรเหรอครับ” ตอนนี้ผมยังไม่มีป้ายชื่อครับ จะได้ตอนเย็น เห็นพวกปีสองเตรียมไว้เต็ม
“ชื่อกลอย” ตอบแบบห้วนๆ แต่ไอ้รอนมันทำหน้าไม่พอใจ ดูก็รู้ว่ามันกวน
“พูดกับรุ่นพี่ไม่มีหางเสียงเลยนะครับ น้องชื่ออะไรนะครับ” ไอ้เชี่ยรอน
ผมกัดฟันแนะนำตัวอีกรอบ มีเด็กปีหนึ่งกับปีสองยืนมองอย่างสนใจ อาจด้วยหน้าตาไอ้รอนด้วยส่วนหนึ่ง
“ผมชื่อกลอยครับ” ตะโกนจนไอ้รอนผงะเล็กๆ เล่นกูแล้วไอ้เด็กนี่
“แหม เสียงดีจังนะ” หน้าตามันโคตรเจ้าเล่ห์ ผมรีบขอตัวไปเรียนไอ้รอนมันก็พยักหน้าแต่ก่อนไปมันขยับมากระซิบเบาที่ข้างหู “พี่น่ารักกว่าปีที่แล้วอีก”
ไอ้สัด ผมด่าแบบไร้เสียงให้มันอ่านปากเอง มันก็หัวเราะตามหลังผมมานี่แหละ ส่วนได้เด็กปีหนึ่งที่เดินมาพร้อมกับผมมันก็มองหน้าตื่น
“หน้าตามึงต้องไปกระตุกต่อมอะไรพี่เขาแน่ว่ะ” ไอ้เบียร์ออกความเห็นคนแรก กระตุกต่อมเลวน่ะสิ
“แต่กูว่า หน้าตามันก็ดู...” ไอ้เม่นจับคางผมหันไปมาจนผมต้องสะบัดหน้าหนี “หน้าตาก็เฉยๆ ดีที่ขาว”
“ถ้ามันทำทรงผมดีๆ กับเอาแว่นตาออก กูว่า หน้าตาเหมือนผู้หญิงด้วยซ้ำ” ผมหันขวับไปมองเด็กหน้าคม มึงจิตนาการสูงมาก แต่สูงเกินจนมองผมเหมือนผู้หญิง
พอขึ้นตึก ผมก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ตอนแรกไอ้เด็กเม่นจะมาส่ง ผมก็แหวมันไป คือผมไม่ใช่ผู้หญิง อีกอย่างคือผมมีเรียนเช้าด้วย นี่ก็เกือบจะสาย ถ้าช้ากว่านี้เข้าไม่ทันแน่
“งั้นรีบๆ ตามมานะมึง อย่าโง่เดินหลงไปที่อื่นล่ะ” แทบอยากต่อยมัน มันด่าผมว่าโง่อีกแล้ว
พอแยกจากเด็กปีหนึ่ง ผมก็รีบวิ่งไปอีกตึกเพื่อไปเรียน เกือบไม่ทัน ดีที่คาบแรกอาจารย์มาช้า พอมาถึง ผมก็ถูกไอ้พวกเลวโห่รับ
“อ่าว ไอ้เด็กปีหนึ่งหัวเห็ด เข้าผิดห้องหรือเปล่าวะ” ไอ้เชี่ยต๋องมันปากดีจริงๆ ผมมองตาขวางเก็บแว่นใส่กระเป๋า แล้วดึงไทด์ออก โคตรจะอึดอัดอ่ะ
“เป็นไงวะ ปีนี้มีเด็กแจ่มๆ บ้างป่ะ” ไอ้เคเสนอหน้ามาถาม
“ทำไมมึงไปดูเองวะ” รำคาญครับ
“อ่าว กูปีสามนะ ต้องรออีกแปบพระเอกถึงจะโผล่”
“ถุย ถ้าหน้าอย่างมึงเป็นพระเอก กูจะเลิกดูละครเลยสัด” ไอ้เคหันหน้าหนีหลังจากถูกไอ้ทูตอกหน้าครับ “ว่าแต่มึง อย่าทำให้เด็กจับได้อย่างปีที่แล้วนะ”
“เออ กูพยายามอยู่ แล้วกลุ่มที่กูตีสนิทดันอยู่สาขาเราอีก โคตรซวย” ผมบ่น ไอ้ทูแม่งหัวเราะเยาะแถมบอกสมน้ำหน้า หนอย แต่จะด่ากลับก็ไม่ได้ในเมื่ออาจารย์เข้ามาแล้ว ปล่อยมันไปก่อน
คาบแรกก็ไม่มีอะไรแค่บอกแนวการสอนแล้วก็เช็คชื่อ ใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีด้วยซ้ำ พอเลิกพวกผมก็ตรงไปกินข้าวที่โรงอาหารกลาง ที่ไปเพราะต้องหลบไอ้เด็กปีหนึ่ง แน่นอนว่าพวกมันต้องลงไปกินที่โรงอาหารคณะแน่
บรรยายโรงอาหารโคตรคึกคัก เด็กใหม่ที่ห้องป้ายเดินอยู่เต็ม ปะปนกับพวกปีอื่นๆ
“ไอ้เชี่ย มึงดูเด็กปีหนึ่งบริหาร แจ่มเหี้ย” ไอ้ต๋องสะกิดพวกผมให้ดูครับ เด็กปีหนึ่งบริหารเดินเข้ามาเป็นกลุ่ม แต่ทำไมผมได้ยินชื่อคณะก็ต้องเสียวสันหลังทุกครั้ง
“แจ่มจริง ขาวด้วย สวยเชี่ย” ไอ้เคเห็นด้วย และไอ้สักก็พยักหน้าพลางยัดข้าวมันไก่เข้าปาก
“รีบๆ กินเถอะ ก่อนไอ้กลอยมันจะเป็นบ้าหรือคอเคล็ดไปก่อน” ไอ้ทูมันคงเห็นผมหันไปหันมา ที่ต้องหันเพราะกลัวมีเด็กคณะผมโผล่มา
หลังจากกินข้าวอิ่มก็ถึงเวลาที่ผมต้องไปเข้าเรียนกับเด็กปีหนึ่งบ้างเพื่อไม่ให้พวกมันสงสัย ซึ่งมันคือคาบว่างของผม แม่งลำบากจริงๆ ถ้าไม่ต้องไปเรียนผมคงไปนอนที่ไหนสักที่แน่
จากการเช็คตารางเรียน พวกปีหนึ่งมีเรียนที่อาคารเรียนรวม สภาพผมกลับมาเป็นไอ้เชยอีกครั้ง หน้าห้องเรียนมีกลุ่มเด็กปีหนึ่งกำลังจับกลุ่มคุยอย่างเฮฮา อาจเพราะเจอเพื่อนใหม่ด้วยเลยต้องสนิทกันไว้ก่อน พอพวกนั้นหันมาเห็นผมก็ยิ้มให้ ผมก็พยักหน้ารับ คือไม่รู้จักชื่อ
ผมเข้าห้องไป เจอหน้าไอ้เด็กเบียร์ก่อนคนแรก พอมันเห็นผมก็ปรี่เข้ามากอดคอก่อนตบหัวผมโคตรแรงจนผมเห็ดปลิว ซึ่งผมได้จดลงสมุดบัญชีไว้แล้ว
“หายไปไหนมาวะ คาบที่แล้วแม่งไม่เข้า” มันถาม ผมก็ปั้นหน้านิ่งๆ บอกว่าหลง “กูกับไอ้เม่นว่าแล้วว่ามึงต้องหลง ต่อไปมึงก็ตามพวกกูไว้” ดูมันภูมิใจเหมือนรู้ทุกที่
“มึงรู้ทุกที่ในนี้หรือไง” ลองถามไป มันก็ส่ายหน้า ไอ้อวดเก่งเอ้ย “แล้วไอ้พวกนั้นไปไหนแล้วล่ะ” ในห้องก็ไม่มี
“ลงไปซื้อขนมชั้นล่าง มึงรู้จักชั้นป่ะ” ไอ้นี่มึงลองเชิงผมหรือเปล่า
“ไม่รู้”
“กูว่าละ ไป เผื่อหิว” ไอ้เด็กเบียร์กอดคอผมไปที่ลิฟท์แล้วกดลงไปชั้นที่เจ็ดครับ ตอนนี้ผมอยู่ชั้นแปด
ลิฟท์เปิดออกพวกผมก็เข้าไป พยายามแงะมือมันออกก็ออกไม่ได้ มึงไม่ต้องกอดกูแบบนี้ก็ได้ จนเสียงลิฟท์ดังเพราะถึงชั้นเจ็ดแล้ว ประตูเปิดออกไอ้เบียร์ลากผมออกมาแต่ผมยังขืนตัวเองไว้ ตาก็มองกลุ่มคนตรงหน้าที่ยืนออจะลงไปด้านล่าง หนึ่งในนั้นก็คือพี่ฟลอยด์
บังเอิญอีกแล้ว
พี่ฟลอยด์หันมาเห็นผมก่อนไล่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าและมาหยุดที่แขนที่ไอ้เด็กปีหนึ่งมันพาดบ่าผมอยู่ สายตามันนี่น้องๆ ของพี่โชเลยครับ แต่ไม่มีรังสีไอเย็น สุดท้ายผมก็ออกมาจากลิฟท์ พวกพี่ฟลอยด์ก็เข้าไปแทนจนประตูลิฟท์ปิด ถอนหายใจแทบไม่ทัน
พอผมลูกลากมาที่ร้านขายของชำเล็กๆ เจอไอ้เด็กอีกสองคนกำลังหยิบขนมใส่ตะกร้า นี่พวกมึงจะกินยัยชาติหน้าหรือเปล่า เต็มตะกร้าจริงๆ แล้วพอหันมาเห็นผมก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“ไอ้เชี่ยกลอย กูคิดว่ามึงหลงไปอยู่นอกโลกซะแล้ว” ไอ้เม่นกวนทันทีที่เห็นหน้า จดอีกๆ มันเรียกผมไอ้เชี่ย
“โด่ ใครวะ บ่นตลอดเวลาแถมจะออกไปตามหามันอีก” ไอ้เด็กหน้าคมย้อนเพื่อนมันครับ ผมก็มองๆ ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้อยากกินขนม
“พวกมึงซื้อไปทำไมเยอะแยะวะ” ถามเพื่อได้กินของฟรี
“พวกข้างบนมันสั่งซื้อเพราะขี้เกียจลงมา มึงจะเอาไรป่ะ แต่ออกตังค์เองนะเว้ย” ไอ้เด็กขี้งก
หลังจากซื้อของเสร็จก็ต้องขึ้นไปเรียน วิชานี้เป็นวิชานอกคณะเลยไม่ต้องกลัวจะเจออาจารย์ที่รู้จัก ผมก็นั่งเนียนๆ ไปเพราะเรียนมาแล้ว วิชานี้ได้เกรดบีนะครับผมเนี่ย ไม่อยากจะโม้
สองชั่วโมงผ่านไปโคตรจะง่วง ผมกับพวกเด็กปีหนึ่งก็เดินออกมาเพราะตอนนี้เที่ยงพอดี คอผมมีแขนไอ้เด็กเม่นพาดอยู่ มันเฮฮาบ้าบอชวนสาวๆ ในห้องพูดไปขำไป ดูเหมือนจะมีคนสนใจมันมากทีเดียว แต่ผมว่า หน้าตามันก็งั้นๆ
โรงอาหารคณะ ก็มีแต่คนในคณะผมนั่นแหละครับ ปีสามกับปีสี่ที่ไม่อยากเบียดแย่งเด็กก็จะไปกินที่อื่น ที่ต้องให้เด็กปีหนึ่งกินที่นี่เพราะจะได้รู้จักทุกอย่างของคณะและร้านอาหารที่นี่อร่อยกว่าโรงอาหารกลางแน่นอน ผมเดินมากับไอ้ก๊วนเด็กหนุ่มที่พูดจากวนอวัยวะเบื้องล่าง ผมเห็นกลุ่มปีสองนั่งอยู่ที่ริมสุด พวกมันก็เหล่ๆ ตามอง แต่จะมีไอ้เด็กที่มันไม่ยอมอยู่เฉยที่ลุกออกมาจากกลุ่มแล้วตรงมาที่ผม
“เฮ้ย” ไอ้รอนมันจับแขนไอ้เด็กเม่นออกจากคอผมครับ หน้าตามันโคตรหาเรื่องจนผมกลัว
“พี่ทำไรอ่ะ” ไอ้เด็กเม่นขมวดคิ้วจ้องเหมือนไม่เข้าใจ ดูมันไม่กลัวด้วย แต่ผมนี่แหละที่กลัว
“มึงทำไรวะ กอดคอพะ...เพื่อนทำไม” คำถามโคตรงี่เง่า ผมคิดแบบนั้น ไอ้เด็กพวกนี้ก็คิดเหมือนกัน แถมตอนนี้เรายังเป็นจุดสนใจของคนทั้งคณะ
“อ่าวพี่ ผมกอดคอเพื่อนผม พี่เกี่ยวไรด้วย” นั่นไง ไอ้เม่นมึงหาเรื่องปีสองนะเว้ย
“เอ่อพี่ครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ” ผมรีบห้ามก่อนจะเกิดเรื่อง วันนี้เปิดเรียนวันแรกด้วย ขืนมาก่อเรื่องจะวุ่นวาย ไอ้รอนเหล่ตามองผมนิดๆ ก่อนจะพยักหน้า
“ก็ได้ งั้นกูขอลงโทษมึงหน่อยที่ทำเสียงดัง” ไอ้เชี่นรอนใช้อำนาจในทางที่ผิด มันหันไปสั่งไอ้เม่น “ปั่นจิ้งหรีดยี่สิบครั้งปฏิบัติ” ผมตาโตมองคำสั่งของไอ้รอน เชี่ย แค่สองรอบก็จะตายแล้ว นี่ตั้งยี่สิบรอบ
ไอ้เด็กเม่นหน้ามันโคตรนิ่ง ก่อนจะยอมทำจริงๆ จนผมตกใจ เพื่อนมันก็ด้วย พอหมุนไปได้สักห้าหกรอบมันก็เริ่มไม่ไหว จนไอ้เด็กไม้ขอทำต่อ แล้วมันก็ทำได้แค่ห้ารอบเช่นกัน ไอ้เบียร์อึกอักก่อนจะขอทำด้วย ซึ่งทำได้แค่สามรอบ ไอ้เชี่ยเอ้ย แล้วผมยืนอยู่ในกลุ่มพวกมันก็ต้องทำด้วย ขณะผมกำลังก้มล้วงมือจับหู ไอ้เชี่ยรอนก็เข้ามาห้าม
“มึงไม่ต้องทำ” เด็กปีหนึ่งที่ยืนมองต่างก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงห้าม ผมมองเด็กที่ผมเข้าไปสนิทยืนเซๆ จับโต๊ะก็สงสาร เอาวะ ทำก็ต้องทำทั้งกลุ่ม
ผมเริ่มหมุน ไอ้รอนร้องเสียงหลงเมื่อเห็นผมทำ หนึ่งรอบพอทน สองรอบก็ยังพอไหว สามรอบโอยโลกหมุน สี่รอบตาลายคล้ายจะเป็นลม ห้ารอบพาผมไปโรงบาลที หกรอบนอนตายอย่างสงบ ผมลงไปนอนที่พื้นโรงอาหาร ในหัวมันหมุนๆ เหมือนอยากจะอ้วก ไม่น่าเกิดมาเป็นคนดีเลยให้ตาย ไอ้รอนตกใจรีบมาประคองให้ผมลุก รวมถึงเด็กปีสองที่รีบวิ่งเข้ามา แต่ที่ทำให้ตกใจคือไอ้รอนถูกเด็กปีหนึ่งผลักครับ คนผลักก็คนที่ถูกสั่งหมุนคนแรก
“มึงทำไรวะ” ไอ้รอนดูตกใจที่ถูกผลัก
“ผมจะพาเพื่อนไปห้องพยาบาล” ไอ้เม่นว่า มันจับผมพาดหลังโดยมีไอ้ไม้กับไอ้เบียร์ช่วยดันขึ้นหลัง มันกระชับผมไว้แน่น แล้วมันก็พาวิ่งไปห้องพยาบาลท่ามกลางสายตาตกใจปนตกตะลึง “มึงทำใจดีๆ ไว้นะ อย่าเพิ่งตาย” น้ำเสียงมันดูเป็นห่วง
เอ่อ กูเนเวอร์ดาย ไม่มีวันตายเว้ย
....TBCตอนพิเศษมาแบบสั้นๆ พาร์ทแรกค่า น้องกลอยแกเนเวอร์ดายจริงๆ ฮ่าๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่าา แล้วเจอกันพาร์ทสองค่าาา
