Just you and I คนพิเศษ : 18 อีกครั้ง [Part3]
ผมมามหาลัยในสภาพไอ้กลอย (ประเกรียน) นั่นเพราะถูกจับได้แล้วเลยไม่จำเป็นต้องเป็นไอ้เชยอีก แต่พอคิดแล้วก็เสียใจ จะมีใครที่โดนเหมือนผมหรือเปล่า สองปีซ้อนที่หลอกใครไม่ได้ แต่ก็นั่นแหละ เพราะผมเกิดมาเป็นคนดีเกินไป เลยไม่สามารถหลอกใครได้ พวกคุณต้องยอมรับ
“ทำหน้าระรื่นเลยนะสัดกลอย” โดนไอ้เฮดรุ่นตบหัวไปหนึ่งทีสมองเกือบจะไหล ผมมองขวางจนเกือบจะโดนอีกรอบ ดีที่หลบทัน
“ตบหัวกูทำไมวะ เดี๋ยวกูโดดถีบ” ขู่มัน
“กล้าก็เอาสิ มา” โด่ ไม่ได้กลัวนะ แค่ขาสั้นเตะคอมันไม่ถึง “มึงนี่นะ สองปีซ้อน อายน้องมันบ้างหรือเปล่า” มันด่าผมหรือเปล่า น่าจะใช่ แถมยังชี้ไปที่น้องเนียนปีสองที่นั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย
ตอนนี้ปีสองกับปีสาม มีพี่ปีสี่นิดหน่อย กำลังประชุมเรื่องรับน้องครับ โดยที่ผมโดนเล่นตั้งแต่คนแรก จะโทษผมก็ไม่ได้ไง ในเมื่อผมไม่ได้ทำเรื่องแตก ต้องโทษไอ้เชี่ยต้อม กับเด็กปีสองนู้น เกิดเป็นน้องที่ดีไหว้ผมทุกครั้งที่เห็นหน้า เป็นไงล่ะ ความแตกเลย แล้วไอ้กลอยก็ผิดคนเดียว โคตรยุติธรรม แบบนี้ต้องไปร้องต่อศาลไคฟงขอความเห็นใจ
“ทำไมกูต้องอาย” ผมสวนกลับ ใช่ ทำไมต้องอาย คณะอื่นก็โดนจับกันเป็นว่าเล่น ไอ้นาย เฮดรุ่น (มันชื่อนาย) ส่ายหน้ามองผมเหมือนรับไม่ได้
“เรื่องของมึง” แล้วมันก็เดินไปคุยกับคนอื่นต่อ โด่ ไม่แน่จริงนี่หว่า
ผมนั่งหน้างออยู่ด้านหลัง มีพี่ปีสี่เดินมาตบหัวคนละป๊าบสองป๊าบ ผมได้แต่มองค้อนจนโดนขำ ตบหัวคนอื่นแล้วยังมีหน้ามาขำ รุ่นพี่โคตรใจร้าย
“มึงนี่น้า หน้าเด็กเสียเปล่า สมองมึงยิ่งกว่าเด็กอีก” พี่แจ็คปีสี่ตบบ่าเพื่อปลอบใจ แต่คำพูดมันด่าผมนี่หว่า
“ขอบคุณที่ชม” ผมยิ้มรับแม้จะรู้ว่าถูกด่า จนพี่มันหัวเราะก๊ากแล้วก็เดินออกจากห้องไป
พอปีสี่เริ่มออกไปเกือบหมด เพราะไม่อยากยุ่งเท่าไหร่ ปีสามกับปีสองเลยรวมหัวกันจะรับน้องก่อนที่จะมีพิธีของทางมหาลัย จะจัดหนักก่อนนั่นเอง ซึ่งความเห็นแต่ละคนก็ยากจะหยั่งลึก เอาตามที่พวกมันสบายใจครับ ผมไม่ยุ่ง แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว
ไอ้ทูนั่งเล่นมือถืออยู่ข้างผม มันบ่นบ้าบออะไรไม่รู้ของมัน ใช้เวลาไม่นานก็ทยอยออกจากห้อง ตอนเช้าผมมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวเจอกลุ่มไอ้เด็กเม่น หวังว่าตอนเที่ยงแบบนี้คงจะไม่เจอหรอกนะ
ผมไปกินข้าวโรงอาหารกลางกับเพื่อนตามเดิมและคนก็ยังเยอะเหมือนเดิม บางร้านนี่เข้าไม่ถึงหรอกนะครับ อย่างร้านที่ผมกำลังต่อคิว คนแม่งจะแห่มากินอะไรกันมากมาย รสชาติก็งั้นๆ ระหว่างรอเหมือนโดนสะกิด หันไปก็เจอหน้าไอ้เด็กเกษตรที่มันทำให้ผมต้องถูกด่า
“เรื่องเมื่อวานโทษทีนะมึง” ไอ้ต้อมมันยิ้มแหยๆ ส่งให้ผม ผมก็ตบบ่ามันไป
“ไม่เป็นไรมึง” กัดฟันพูด ไอ้ต้อมเห็นก็หัวเราะ
“มึงไม่บอกนี่หว่า ว่าเป็นพี่เนียน คุยไลน์มึงก็ไม่บอก”
“มึงเรียนคนละคณะกับกู แล้วกูต้องบอกมึงหรือเปล่า” ด่ามันครับ งอน
“นั่น ด่ากูอีก เอาน่าๆ งั้นมื้อนี้กูเลี้ยงเอง”
“แหม เพื่อนต้อม นิสัยดีจริงๆ” แล้วผมกับไอ้ต้อมก็หัวเราะจนพวกที่ต่อแถวหันมามอง คงคิดว่าผมกับไอ้ข้างๆ เป็นบ้า
พอได้ข้าวแล้วก็กลับไปนั่งที่โต๊ะ บังเอิญที่กลุ่มไอ้ต้อมก็นั่งโต๊ะเดียวกับพวกผม เพื่อนมันก็เฮฮาบ้าบอ พวกนี้ผมเคยเห็นที่แปลงผักกับร้านเหล้าวันนั้น พอพวกมันเห็นผมก็ทักทายธรรมดา แม้พวกเราจะเรียนคนคณะ แต่ความบ้าก็คงมีพอๆ กัน เพื่อนไอ้ต้อมมันเล่าเรื่องตลกทำเอาทั้งโต๊ะหัวเราะจนน้ำตาไหล ก่อนเสียงหัวเราะจะเงียบลงเมื่อมีคนมายืนค้ำหัวผม
“ที่นี่โรงอาหาร ช่วยเงียบๆ หน่อย” เสียงแบบนี้ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าเป็นใคร
“ก็โรงอาหาร ใครเขาก็คุยกัน พี่ไม่ไปบอกทุกโต๊ะละครับ” เชี่ย ผมหันไปมองหน้าไอ้ต้อมเลยครับ มันเงยหน้าย้อนคนที่มายืนด้านหลังผมแบบไม่กลัวตาย เจ๋งมากเพื่อนต้อม
“แต่โต๊ะนี้เสียงดังสุด” เสียงตอบกลับแบบไม่ยอมเหมือนกัน
“เหรอครับ ทำไมพวกผมถึงไม่รู้” ตอบโต้ทันควันจนอยากจะยกนิ้วให้
ผมค่อยๆ เงยหน้าไปมอง พี่ฟลอยด์กำลังจ้องตากับไอ้ต้อมแบบจริงจัง เหมือนเห็นไฟฟ้าชนกันด้วย ดูเหมือนคู่นี้จะมีคดีความกันมาหรือเปล่า เจอกันครั้งแรกไม่น่าจะเป็นได้ขนาดนี้ แล้วตอนนี้เพื่อนไอ้ต้อมเริ่มไม่พอใจ ยิ่งพี่ฟลอยด์มาคนเดียวอีก
“เอ่อ พวกผมขอโทษนะครับ” ผมรีบพูด พี่ฟลอยด์ละสายตาจากหน้าไอ้ต้อมมามองผมแทน รอยยิ้มเล็กๆ จุดขึ้นที่ริมฝีปาก โล่งอก
“ไม่เป็นไร” พี่ฟลอยด์ว่า ก่อนจะเดินไปยังเหล่ตามองไอ้ต้อมอีก
มึงกล้าหารมากเพื่อน
ผมตบไหล่ไอ้ต้อมให้มันเลิกโมโห พอมันหันหน้ากลับมา พวกเราก็เริ่มหาเรื่องคุยกันต่อ แต่ลดเสียงลง เหตุการณ์เมื่อครู่เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเพราะไม่มีใครพูดถึงอีก
กินข้าวเสร็จก็แยกย้ายครับ พวกผมมีเรียนที่ตึกคณะ ถึงเวลาต้องประชันหน้าสินะ ยังทำใจไม่ได้เลยอ่ะ มันเหมือนผมทำผิดจนไม่กล้าสู่หน้า แต่พอคิดอีกที ผมไม่ได้ทำอะไรพวกมันสักหน่อย ผมเดินเอื่อยจนโดนไอ้สักลากแขนให้รีบเดิน
“ทำหน้าตาตอแหลมาก” ดูมันด่าผมครับ
“ตอแหลพ่อง” ด่ามันไป
“มึงจะกลัวทำไมวะ ไม่ได้ทำพวกมันท้องสักหน่อย” ก็จริงของไอ้เคมันครับ ถุย ท้องเชี่ยไร จ้องกันไม่ท้องหรอกเว้ย (ยกเว้นจ้องตากับปีศาจที่ชื่อโชนะ เอ่อ ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกัน)
“มึงคงไม่ได้ไปอ่อยเหมือนตอนไอ้รอนใช่มั้ย” โดนตบหัวไปหนึ่งดอก ไอ้ต๋องมันมองตาเขียวปั๊ด “มือมึงหนักขึ้นหรือเปล่าวะ เชี่ย เจ็บชิบหาย”
“พูดไม่คิดมึงอ่ะ” ใช่ครับ พูดไม่คิด ผมเห็นด้วยกับไอ้ทู “อย่างไอ้เชี่ยกลอยไม่ต้องอ่อย มันก็ตามมาเอง” แล้วพวกมันสามสี่ตัวก็หัวเราะจนลั่นตึก
ไอ้เพื่อนชั่ว
ไล่เตะไอ้พวกเพื่อนเลวจนเกือบจะชนกับน้องปีหนึ่งที่น่าจะชื่อทราย น้องคนนี้ที่ถูกหมายตาจากเด็กปีหนึ่งด้วยกันเองว่าอาจเป็นพี่เนียน และน้องดูตกใจร้องว้ายเมื่อเกือบถูกชน ดีที่ยั้งตัวไว้ทัน ผมช่วยน้องเก็บสมุดที่ถือออกจากห้องมา อ่า เด็กพวกนี้เรียนห้องนี้สินะ
“ขะ ขอบคุณค่ะ” น้องทรายยิ้มให้ผม ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นหน้าผมระยะใกล้ “กลอยเหรอ” นั่นไง เรียกชื่อผมเฉยๆ
“อืม เจ็บหรือเปล่า” ผมถาม น้องส่ายหัวน้อยๆ ก่อนยิ้มออกมา ที่จริงพอมองใกล้ๆ น้องเป็นคนน่ารักคนหนึ่งเลยนะครับ “ขอโทษนะ ไม่ทันมอง”
“ไม่เป็นไร เราก็ไม่ได้มองเหมือนกัน แล้วไม่มาเรียนเหรอ ถามพวกเม่นก็บอกไม่รู้” อ่า นี่ผมฟังผิดหรือเปล่า ทำไมถึงถามแบบนี้
“แล้วพวกเม่นไม่ได้บอกอะไรเหรอ” ทรายส่ายหน้าครับ หรือว่าไอ้เด็กพวกนั้นมันไม่ได้บอกใคร “ช่างมันเถอะ จะเอางานไปส่งเหรอ รีบๆ ไป” ผมยิ้มให้น้อง ก่อนน้องจะรีบเดินไป
พอผมยืนขึ้นก็เกือบผงะ ไอ้เด็กปีหนึ่งสามคนยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ตรงหน้า มีแบล็กกราวด้านหลังเป็นพวกไอ้ทูที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ เด็กสามคนจ้องหน้าผมนิ่ง ไม่ยอมพูดอะไรออกมาจนผมเริ่มกดดัน
“มีอะไร” ผมถาม สภาพตอนนี้ของผมไม่ใช่ไอ้เชย พวกมันก็มองตั้งหัวจรดเท้าของผมนิ่งๆ
“พี่อยู่ปีอะไร” ไอ้เม่นถามครับ มันจ้องหน้าผม
“สาม” ตอบไปแบบเรียบๆ
“แก่กว่าจริงๆ สินะ” ไอ้ไม้มันพูดทำให้ผมมองมันตาขวาง ไอ้เด็กนี่ด่าผมแก่ ผมแค่เกิดก่อนมันเอง ไม่เรียกแก่เว้ย
“เอ่อ รู้แล้วก็ดี” ผมว่า
“พวกผมยังไม่ได้บอกคนอื่นๆ เรื่องพี่” ทีนี้ไอ้เด็กเบียร์พูดครับ หน้าตามันจริงจัง ไม่ดูทะเล้นเหมือนทุกที “แต่ถ้าพี่อยากให้บอก พวกผมก็จะบอก” อะไรของมัน
“ก็แล้วแต่พวกมึง อยากบอกก็บอก” ผมบอกปัดๆ เริ่มโมโหนิดๆ คือผมมีเรียนไง
“พี่จะไม่ห้ามเหรอ” ผมไม่ห้ามก็ผิดเหรอ
“มันอยู่ที่พวกมึงสามคน”
“ผมจะไม่บอก ถ้าพี่ยอมตกลง” ไอ้เม่นมันว่า ตกลงอะไรวะ
“ตกลงเรื่อง”
“ผมจะไม่บอกเรื่องพี่เป็นพี่เนียนกับเพื่อนคนอื่นๆ แต่พี่ต้องยอมไปเดทกับพวกเราสามคน” ไอ้ไม้มันว่า อ่อ
เชี่ย ผมฟังผิดใช่มั้ย เดทกับพวกมันสามคน
“มึงพูดผิดหรือเปล่าวะ” ผมกระพริบตาปริบๆ มองไอ้เด็กปีหนึ่งที่บอกให้ผมไปเดทด้วย แถมไอ้พวกข้างหลังมันก็ปิดปากหัวเราะ
“ไม่ผิดหรอก แล้วผมก็รู้ว่าคนที่มารับพี่เมื่อวานเป็นแฟนของพี่” เออ รู้ก็ดี แต่ขนาดรู้นะ “แต่พวกผมก็มีสิทธิ์ได้เดทกับพี่ เพราะพี่ยังไม่ได้แต่งงานกับใคร” เชี่ย ตรรกะไหนวะเนี่ย ไอ้กลอยมึน
“พวกมึงเพี้ยนหรือเปล่าวะ กูเป็นผู้ชายนะเว้ย เป็นพี่พวกมึงด้วย โอย กูปวดหัว ไปเรียนๆ” ผมจะเดินฝ่าพวกมันไป แต่โดนมือดึงไว้
“พวกผมพูดจริง” ดูพวกมันจริงจังจนผมอึกอัก
“งั้นพวกมึงไปบอกเพื่อนๆ ได้เลยนะ ว่ากูเป็นพี่เนียน โอเค๊ จบ” จะเดินก็ไม่ได้เดินอีกแล้ว ไอ้พวกเพื่อนเลวข้างหลังก็ไม่คิดจะช่วยผมเลย ส่งซิกไปก็ทำเฉย “ได้ งั้นเอาแบบนี้”
อยากให้เรื่องมันจบ คือแค่นี้ผมก็เหนื่อยจะแย่ มีไอ้รอนกับพี่ฟลอยด์ ผมก็โดนพี่โชบ่นทุกวัน นี่ถ้ารู้ว่ามีเพิ่มอีกสามชีวิตไอ้กลอยหมดหวังแน่ๆ ผมเดินเข้าไปในห้องเรียนเด็กปีหนึ่งที่ทุกคนกำลังนั่งทำงานอยู่ พอเห็นผมไปยืนหน้าห้องต่างก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างสนใจ
“อ่าวกลอย ทำไมแต่งตัวแบบนั้นล่ะ”
“ไทด์ก็ไม่ใส่ ป้ายชื่อก็ไม่ห้อย เดี๋ยวก็โดนทำโทษกันหมดหรอก”
“นั่นสิ แล้วแว่นหายไปไหน”
คำถามยังดังมาอย่างต่อเนื่อง ผมเหลือบตามองไอ้เด็กที่จะพาผมไปเดทก่อนจะยกมือห้ามเสียงมากมาย
“เอาล่ะน้องๆ ครับ” พอทุกคนได้ยินผมพูดต่างก็ทำหน้าฉงนสงสัย “พี่ขอโทษนะ ที่ต้องบอกว่า พี่อยู่ปีสาม พอดีต้องมาเป็นพี่เนียนช่วยน้องๆ เลยต้องมาอยู่ปีหนึ่ง” ผมบอก น้องปีหนึ่งทำตาโตอ้าปากค้างกันเป็นแถว รวมถึงน้องมายด์ พี่เนียนปีสองที่ไม่คิดว่าผมจะกล้าพูด
“เป็นพี่เนียนเหรอ?” เหมือนมีเสียงละเมอถามขึ้นมา ผมก็พยักหน้ารับ
“ขอโทษนะ ไว้เจอกันตอนรับน้องนะครับ” ผมยิ้มให้ทุกคนก่อนเดินออกจากห้องไป ไอ้เด็กสามคนทำหน้าหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมได้ยินเสียงคุยดังขึ้นมา คงจะเป็นเรื่องของผมนั่นแหละ
เดินออกมาจากห้อง พวกไอ้ต๋องก็ยกนิ้วโป้งให้ ผมก็ยิ้มอย่างภูมิใจแต่มันคว่ำนิ้วลง ไอ้เพื่อนเชี่ย ผมเลยวิ่งไล่เตะพวกมันต่อ ไม่ช่วยยังมาซ้ำเติม ไอ้เลว
“สวัสดีครับน้องปีหนึ่ง” เฮดรุ่นปีสองนัดรวมปีหนึ่งเหมือนเช่นทุกที จากวันที่ผมประกาศตัวในห้องไปก็เกือบอาทิตย์แล้ว ชีวิตผมก็ยังปกติสุขดี ไอ้เด็กสามคนนั่นผมไม่เห็นหัวเลยครับ อีกอย่าง ประชุมแบบนี้พวกผมไม่ค่อยจะมากันด้วย แต่วันนี้ต้องมา
“สวัสดีค่ะ/ครับรุ่นพี่ปีสอง” เสียงตอบรับดังจนเฮดรุ่นพอใจ
“อย่างที่น้องๆ ได้รู้ ว่าอีกไม่กี่วันจะมีพิธีรับขวัญน้องปีหนึ่ง วันนี้เราจึงจะบอกกำหนดการทั้งหมด” แล้วเฮดรุ่นก็บอกรายละเอียดทุกอย่าง ปีสามอย่างพวกผมก็ยืนบ้างนั่งบ้างตามอารมณ์ แต่ผมเห็นน้องๆ ต่างชำเลืองมองผมนิดๆ อาจเพราะบางคนเคยมาบ่นเรื่องรุ่นพี่ให้ฟัง หรือบางคนอาจจะชอบรุ่นพี่แล้วว่าบอกผม
“เรื่องกำหนดการผ่านไปแล้ว ตอนนี้พี่อยากจะเคลียร์ใจกับน้องๆ ทุกคน พี่ได้ยินมาว่า มีน้องปีหนึ่งไม่พอใจพี่กลอยที่เข้าไปเป็นพี่เนียนเหรอครับ” ผมมองบรรยากาศที่กำลังวุ่นวายหลังจากได้ยินคำถาม ก่อนไอ้สักมันจะเดินหน้าเหี้ยมไปอยู่ข้างๆ เฮดรุ่นปี่สอง
“ปีสองรวม” มันสั่งเรียบๆ ไม่ได้ว้ากเอะอะ แต่ปีสองก็รีบวิ่งมายืนเข้าแถวรวมอยู่ข้างซ้ายของปีหนึ่ง พวกผมเลยต้องมายืนรอบๆ น้องแทน “เอาล่ะ สวัสดีครับน้องปีหนึ่ง” ไอ้สักทักทาย
“สวัสดีค่ะ/ครับ คุณลุง คุณป้า” เสียงขานรับดังขึ้น แม้ผมจะไม่ค่อยชอบให้เรียกลุง แต่มันก็เป็นธรรมเนียม เพราะผมก็เคยเรียกลุงรหัสแบบนี้ ปีสองเป็นพี่รหัส ปีสามเป็นลุงกับป้า ปีสี่เป็นปู่กับย่า ปีที่จบออกไปคือทวดทั้งหมด
“พวกผมรู้เรื่องที่ปีหนึ่งเกลียดเพื่อนผม” ไอ้สักมันว่า ก่อนใช้สายตาเหี้ยมของมันเรียกผมให้ไปยืนข้างๆ “นี่คือเพื่อนของผม พวกคุณอาจจะเคยเรียกมันว่า ไอ้บ้าง มึงบ้าง หรือเคยด่า เคยตบหัวมัน” พอพูดถึงตรงนี้ หน้าของเด็กปีหนึ่งก็เริ่มซีด ผมไม่ได้ขี้ฟ้องนะ แค่บอกความจริง
“แม้เพื่อนของผมจะไม่สู้คน ถึงอยากสู้ก็สู้ไม่ได้เพราะขาสั้น” ผมหันไปมองไอ้เจที่มันมายืนอีกข้างของผม ไอ้เชี่ยนี่มันอยู่คนละสาขา แต่มึงกล้าว่ากูขาสั้นเหรอวะ แต่มันพูดแบบนี้ บรรยากาศก็ดูดีขึ้นกว่าไอ้สักพูด “ถึงพวกน้องๆ ไม่ชอบมันก็ต้องเคารพมันบ้าง เพราะนี่คือปีสาม”
“มันเข้าไปเคยสร้างความเดือดร้อนให้ใครมั้ย เคยทำให้ใครรำคาญมีมั้ย เคยไปยุ่งเรื่องส่วนตัวมีมั้ย มันเคยช่วยแนะนำอะไรมากมาย แล้วทำไมพวกน้องต้องไม่ชอบมันด้วย” ไอ้สักว่า แล้วเหล่ตาส่งไม้ให้ผมพูดต่อ
“พี่ขอโทษน้องๆ ทุกคนที่เข้าตีสนิท พี่ผิดเองที่อยากเข้าไปรู้จักน้องๆ ในฐานะพี่เนียน พี่ผิดเอง” ผมเริ่มดราม่าครับ “หากน้องจะเกลียดจะโกรธ มันก็เป็นสิทธิ์พี่เข้าไปบังคับไม่ได้ แต่น้องๆ ต้องรู้ไว้ ว่าพี่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร พี่แค่อยากรู้ว่าน้องต้องการอะไร ไม่เข้าใจตรงไหน จะได้มาบอกให้ทุกคนคอยช่วย อย่างน้อง” ผมชี้ไปทางเด็กผู้ชายร่างอวบค่อนไปทางอ้วน ที่เคยมาบ่นว่าหิวข้าว ทำไมไม่นัดสายกว่านี้สักหน่อยจะได้กินข้าว ผมก็มาบอกไอ้เฮดรุ่นและดราม่าใส่จนมันต้องนัดตอนเจ็ดโมงเช้าแทน “น้องอยากได้เวลากินข้าวเพราะกลัวเป็นลม พี่ก็มาบอกให้ แล้วก็น้อง” ชี้ไปทางเด็กผู้หญิงตัวเตี้ย “น้องอยากให้ปีสองบอกรายละเอียดงานต่างๆ เพราะบอร์ดไม่ยอมขึ้นเลยไม่รู้ พี่ก็บอก ตอนนี้ทั้งบอร์ดหรือรายละเอียดต่างๆ ปีสองก็อธิบายแบบชัดเจน แบบนี้พี่ก็ผิดเหรอครับ” ไม่ว่าจะปีหนึ่ง ปีสอง หรือปีสาม ต่างก็มองผมด้วยแววตาที่หลากหลาย
“พวกเราขอโทษค่ะ” เสียงน้องปีหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะเริ่มพูดพร้อมกันอีกรอบ บางคนก็เริ่มร้องไห้ด้วย นี่ผมดราม่าเกินไปหรือเปล่า
“เอาล่ะๆ ตอนนี้ก็เคลียร์ใจกันแล้วนะ หากใครคิดว่าคณะเราต้องมีว้าก มีลงโทษ อยากให้ลองคิดใหม่ คณะทุกคณะไม่เหมือนกัน การรับน้องก็ไม่เหมือนกัน แต่มีจุดประสงค์เดียวกันคือทำให้เกิดความสามัคคี รักใคร่ กลมเกลียวกัน อยากให้น้องๆ เข้าใจ แล้วก็...” ไอ้สักมันชี้นิ้วไปที่น้องมายด์ เด็กปีหนึ่งพากันมองตามหลังที่เดินออกมา “แนะนำตัวหน่อย”
“สวัสดีค่ะ ชื่อมายด์ ปีสอง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” น้องมายด์ยิ้มหวาน แต่น้องๆ หน้าเสียกันเป็นแถบ
ผมยืนอยู่ด้านหลังกวาดตามองเด็กๆ ปีหนึ่ง ก่อนสะดุดกับสายตาสามคู่ที่จ้องมา พวกมันจ้องผมอยู่นานผมรู้สึกได้ แต่ไม่อยากสนใจ ผมว่า ผมต้องมีต่อมอะไรสักอย่างทำงานผิด ถึงมีแต่ผู้ชายมาใกล้ ผมต้องให้พี่โชพาไปหาหมอตรวจดูสักหน่อย
เมื่อเคลียร์ใจเรื่องน้องมายด์เสร็จ พวกปีสามก็ปล่อยให้ปีสองจัดการต่อ ผมถูกไอ้ทูกอดคอ ดูก็รู้ว่ามันจะแซวเรื่องไอ้เด็กสามคนนั่น
“เอ่อพี่” ไอ้รอนมายื่นดักหน้าผม “วันนั้นผมขอโทษครับ ที่เรียกพี่ว่ามึง แล้วยังลงโทษพี่อีก”
“ช่างมัน ก็มึงต้องทำตามหน้าที่” ผมบอกปัด ก่อนจะเดินออกไป กับไอ้รอนนี่ผมชัดเจนมาก ตอนนี้มันก็เริ่มห่างๆ ไปบ้าง อีกทั้งพี่โชยังกันมันทุกทาง ตอนเลี้ยงสายรหัสก่อนเปิดเทอม พี่โชมานั่งข้างผมแล้วสั่งไอ้รอนห้ามเข้าใกล้ผมเกินจำเป็น ขนาดพวกพี่รหัสผมยังได้แต่กระพริบตา คงไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัว
พอเดินออกมา พวกผมก็ไปหาอะไรกินที่โรงหารอาหารคณะ พี่โชเพิ่งวางไปบอกว่าจะมารับ นี่ก็มารับทุกวันหลังจากวันที่เจอไอ้เม่นครับ ขนาดประชุมอยู่ยังสั่งให้พี่ซันมารับผม พี่ซันบ่นให้ฟังจนผมได้แต่ขอโทษแทน
“ผัวมึงจะมารับเหรอวะ” ไอ้สักคาบเส้นก๋วยเตี๋ยวแต่ปากยังพล่าม
“เออ” ผมกระแทกเสียงตอบกลับ พวกมันสนิทกับพี่โชพอสมควร ไปกินเหล้ายาดองกันก็หลายครั้ง “พวกมึงอย่าบอกเรื่องที่ได้ยินนะ กูหลอนมาหลายวันละ” ต้องสั่งครับ เพราะส่วนมากพี่โชมารับจะไม่เจอกับไอ้พวกนี้ แต่วันนี้พี่แกกำลังเลี้ยวรถจากหน้ามหาลัยแล้ว ต้องสั่งไว้ก่อน
“เลี้ยงข้าวพวกกูหนึ่งอาทิตย์ด้วย” ไอ้เคมีข้อต่อรอง
“เออๆ” เลี้ยงข้าวพวกมันยังดีกว่าถูกโมโหนะครับ
ที่ไม่อยากให้ถูกโมโห ไม่ใช่พี่โชจะตีหรือต่อยผมหรอก แค่จะงอนไม่ยอมพูดด้วย แล้วเป็นผมต้องง้อทุกรูปแบบ คือผมผิดจริงก็ต้องง้อจริง เคยง้อด้วยการปิดบังร่างกายลงพุงด้วยผ้ากันเปื้อนผืนเดียว ครั้งนั้นทำให้จำไปจนตาย แล้วผมก็เผาชุดนั่นไปแล้ว นึกแล้วก็โมโห ทำเหมือนผมเป็นตุ๊กตายางที่ไร้ชีวิต ดีที่ตอนนั้นยังไม่เปิดเทอม ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดว่าร่างกายผมจะมาแบบสมบูรณ์ครบสามสิบสองหรือเปล่า
“ว่าแต่ ไอ้เด็กพวกนั้นมันเอาจริงหรือเปล่าวะ” ไอ้ทูเปิดประเด็น ทำเอาพวกที่กินอย่างหิวโหยมองหน้ากัน “อย่างเมื่อกี้ กูเห็นมันมองแต่หน้ามึง”
“กูก็เห็น ตอนแรกคิดว่าแค่ไอ้เม่น ที่ไหนได้ มาเป็นแพค” ไอ้เคว่า
“เคยฟังกูบ้างมั้ยวะ” ไอ้สักมันว่า ผมก็งง “กูเคยบอกมึงแล้วว่าอย่าหาผัวเพิ่ม ไม่เคยฟัง...ชิบหาย” ประโยคหลังมันสบถเบาๆ แต่พวกผมได้ยิน ผมมองหน้ามันอย่างงงๆ ไอ้สักมันไม่ได้มองหน้าผม แต่มันมองเลยไปด้านหลัง...หรือว่า
ขวับ~ ผมรีบหันหลัง แต่ว่างเปล่า ถอนหายใจแบบโล่งอก ส่วนไอ้สักมันก็หัวเราะงอหงายจนผมต้องกระทืบเท้ามันที่ใต้โต๊ะ ไอ้เชี่ยนี่ทำผมหัวใจจะวาย
“ฮ่าๆ กลัวผัวนี่หว่า”
“ไอ้สัด” ด่าไปก็แค่นั้น มันไม่รู้สึก
Rrrrrrr
เสียงมือถือผมดังขัด เลยชี้หน้าด่ามัน
(อยู่หน้าตึก) เสียงทุ้มดังลอดออกมา
“เดี๋ยวผมไป” ผมว่า แล้วชี้หน้าด่าไอ้พวกเหี้ยนี้ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งออกไป
หน้าตึก ผมเห็นรถสปอร์ตสีดำจอดรออยู่อีกฝั่ง คนขับนั่งอยู่ในนั้นแต่ก็น่าจะมองเห็นผมเพราะกระจกรถเลื่อนลง ผมโบกมือให้พี่โชพร้อมกับจะข้ามถนนไปหา แต่ถูกมือปริศนาดึงไว้ก่อน
ความซวยมักจะมาเยือนโดยที่เราไม่รู้ตัว
“พี่ ผมขอพูดด้วยหน่อย” ไอ้เม่นมันดึงแขนผมไว้ แถมด้านหลังยังมีเพื่อนมันอีกสอง
“อะไร” เสียวสันหลังจริงๆ พี่โชนั่งมองอยู่ที่รถซะด้วย
“ผมพูดแบบจริงจัง เรื่องเดท”
“พวกมึงเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”
“พวกผมไม่ได้เพี้ยนนะ พวกเราแค่ทำเรื่องที่ตรงกับความรู้สึกก็แค่นั้น” ไม่ต้องพูดจริงจังแบบนั้นก็ได้ “ไปเดทกับพวกผมนะ”
“อยากเดทกับเมียกูขนาดนั้นเหรอวะ” ปีศาจมาแล้ว ผมค่อยๆ หันไปมองด้านหลัง ตัวเป็นๆ มายืนจังก้าอยู่
ไอ้เม่นมันจ้องพี่โชนิ่ง มือยังไม่ยอมปล่อยแขนผม ทั้งๆ ที่ผมพยายามสะบัดออก แต่มือโคตรเหนียว
“ปล่อยดิว่ะ” ผมไม่อยากให้เกิดเรื่อง พอไอ้เม่นปล่อย ผมก็รีบดึงแขนพี่โชให้กลับไปที่รถ “พี่โชกลับกัน นะๆ” จ้องตาไม่ยอมถอยเลย ไอ้กลอยกลัว
“อย่าให้กูเห็นพวกมึงยุ่งกับเมียกูอีก” พี่โชชี้หน้า ก่อนจะยอมเดินตามแรงของผมไปที่รถ โอย กูจะบ้าตาย พอขึ้นรถก็โดนเลย “กี่ครั้งแล้ว” เสียงนิ่งมาก นิ่งซะจนขนลุก
“อะไรกี่ครั้ง” เสียงสั่นทำไมวะไอ้กลอย ก่อนโดนสายตาเยี่ยงปีศาจจ้อง เหงื่อเม็ดเป้งไหลย้อยลงข้างขมับ “พี่โช พวกมันแกล้งผมเล่น” เอ่อใช่ มันต้องแกล้งผมแน่
“แกล้งเหี้ยอะไร” ทำไมต้องตวาดด้วยวุ้ย “อย่าให้มันอยู่ใกล้ พูดก็ห้าม จับก็ห้าม เบอร์โทรก็ห้ามมี ไลน์ก็ห้ามไม่ให้ เข้าใจหรือเปล่า” คำสั่งมายาวเหยียด ผมได้แต่พยักหน้ารับคำ ตอนนี้ต้องทำตามครับ ไม่อย่างนั้นปีศาจมันจะอาละวาด ความน่ากลัวมันเกินกว่าพวกคุณจะเข้าใจ
“พี่ไม่โกรธใช่ป่ะ” ลองถามไปหลังจากรถเลี้ยวออกนอกมหาลัยแล้ว พี่โชเหล่ตามามองนิดแต่ก็ทำใจแป้ว
“ไม่”
“โหย นี่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”
“ขนาดไม่ได้ทำ ถ้าทำมันคงตามเป็นพรวน” พูดเหมือนผมเป็นหมาเลย
“พี่โชอ่า อย่าโกรธดิ่” ง้อครับ ต้องรีบง้อ “พี่พาผมไปหาหมอหน่อยดิ่” ผมบอก พี่โชรีบหันมามองตาโต
“เป็นอะไร ไม่สบาย ปวดหัว ตัวร้อน มีไข้ ไอหรือ...”
“ไม่ใช่ๆ” ใบหน้าเป็นห่วงทำเอาผมยิ้มกว้าง ถ้าเป็นเรื่องของผม พี่โชมักจะสนใจมากเป็นพิเศษ “ผมจะให้พี่พาไปตรวจหาต่อมที่ล่อพวกผู้ชายเข้ามาใกล้อ่ะ” พี่โชเบิกตามองผม ก่อนจะค่อยๆ ขำจนกลายเป็นเสียงหัวเราะดังลั่นรถ “หัวเราะทำไม นี่จริงจังอยู่นะ”
“ไอ้เพี้ยน” พูดไม่พอ ผลักหัวผมอีก “ไม่ต้องไปหาหมอหรอก”
“ทำไมอ่ะ”
“เดี๋ยวตรวจให้เอง”
“พี่เป็นหมอเหรอ” พี่โชส่ายหน้า “แล้วจะตรวจได้ยังไง มั่วว่ะ”
“แต่พี่ฉีดยาเป็นนะ” ผมมองหน้าคนพูดแบบงงๆ พี่โชแม่งเคยฉีดยาให้ใครวะ ในห้องก็ไม่มีเข็มฉีดยาสักหน่อย มั่วตลอด แบบนี้ไปแจ้งสภาแพทย์ได้เลยนะ ไม่มีใบรับรองแต่รับฉีดยา
“พี่เป็นหมอเถื่อนเหรอวะ” พี่โชแม่งขำ
“โง่จริงเมียกู” อะไรวะ “อยากให้ฉีดยาให้ดูมั้ย” ตอนแรกก็งงๆ แต่พอจ้องสายตาปีศาจนานเข้าก็เริ่มเข้าใจ
“จะมีสักวันมั้ยที่พี่ไม่หื่น” หันหน้าหนี มือก็คอยปัดมือปลาหมึกที่เลื้อยมาจับแถวต้นขา มีลูบด้วย “พี่โชหยุดเลย ขับรถดีๆ”
“ครับๆ ขับรถดีๆ” พี่โชยิ้มแล้ว คงหายโกรธแล้ว
“พี่โช”
“ครับ”
“ถุงนี่คืออะไร” ถุงที่วางใต้คอนโซลด้านผมครับ ถุงกระดาษสีน้ำตาล
“อ๋อ ก็..”
พอเปิดออกมาดูแล้วดึงออกมา รีบเปิดกระจกแล้วโยนมันออกไป เชี่ยมาก ชุดเมดครับ แบบที่พี่กิ่งเคยให้ผมใส่ มีทั้งที่คาดผม ถุงเท้า กางเกงในที่อย่าเรียกว่ากางเกงใน มันเว้าจนเห็นทุกส่วน มีแค่เส้นที่รัด ยิ่งกว่าจีสตริงอีก
ไอ้หื่น คืนนี้นอนนอกห้องเลยไป๊
แต่สุดท้าย...ผมก็ต้องใส่ เหี้ยชิบหาย ไม่น่ากลับไปเป็นเด็กอายุสิบแปดปะปนกับไอ้เด็กพวกนั้นเลย ไม่น่าเลย (นอนนิ่งไว้อาลัยร่างกายตัวเอง)
...... จบตอนพิเศษ ........
จบตอนพิเศษนี้แล้วค่าาา ลากยาวมา 3 พาร์ท
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ
