►►❖ My Boss เจ้านายครับ ❖ ➳ ตอนที่ 26 The End // UP DATE 19/9/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ►►❖ My Boss เจ้านายครับ ❖ ➳ ตอนที่ 26 The End // UP DATE 19/9/59  (อ่าน 49794 ครั้ง)

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






แถลงไขแด่นักอ่าน :-[
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคน สถานที่ เหตุการณ์จริงแต่อย่างใด
อาจมีคำหยาบคายตามบริบทของตัวละครเพื่ออรรถรสในการอ่าน และความบันเทิง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หวังว่านักอ่านจะเปิดใจรับเรื่องนี้อีกเรื่องไว้พิจารณานะคะ :impress2:
ขอบคุณค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2016 17:20:35 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



1



“ไอ้ธันเป็นเรื่องแล้ว พวกเวรนั่นมันดมกลิ่นมาเจอมึงแล้วว่ะ กำลังเข้ามาในร้านมึงรีบหนีเหอะ!”เสียงหอบเหนื่อยของไอ้บัสเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมมหาลัยที่วิ่งรี่มาทางหน้าร้านบาร์‘บีโลน’ กำลังรายงานเรื่องสำคัญให้ผมทราบ

“เชี่ย! จนได้”ผมสบถอย่างตกใจเมื่อรู้ว่านั่นหมายถึงอะไร ผ้าเช็ดโต๊ะที่อยู่ในมือถึงกับร่วงลงพื้น

“หลังร้าน มึงออกทางนั้นเลย เร็ว!”ไอ้บัสชี้นิ้วรัวๆ ไปทางด้านหลังตรงทางออกประตูหนีไฟตบโต๊ะเร่งผมให้รีบวิ่ง
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกำลังเกิดขึ้น ข่าวร้ายที่สุดของที่สุดกำลังมาเยือน เอาเป็นว่าผมจะเล่าทีหลังว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ผมคงต้องสลัดผ้ากันเปื้อนยูนิฟอร์มพนักงานเสิร์ฟพาทไทม์ของบาร์ ‘บิโลน’ ออกชั่วคราวแล้วเร่งฝีเท้าโกยแน่บสุดชีวิตเท่าที่จะทำได้

โครม!

ไม่ถึงห้าวินาทีหลังจากที่ผมวิ่งออกมาจากทางหลังร้านไปไม่เท่าไหร่ เสียงเอะอะโวยวายและข้าวของที่ดูเหมือนจะถูกทำลายก็ดังไล่หลังผมมาอย่างฉิวเฉียด

ถ้าโดนจับได้ ไอ้พวกเวรนั่นมันไม่เลี้ยงผมไว้แน่!

“ไปจับไอ้สวะนั่นไว้! ถ้าจับไม่ได้พวกมึงเป็นศพแน่!”

เสียงตะโกนโหวกแหวกตามหลังผมมาชนิดที่แทบไม่ทิ้งห่าง เพราะตรอกซอกซอยที่ผมใช้เป็นเส้นทางหนีนั้นไม่ได้กว้างไปกว่าทางหมาลอดสักเท่าไหร่ และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะวิ่งฉิวเป็นจรวดได้

ไอ้เชี่ยบัส! นี่มันแนะนำทางหนีที่ดีกว่านี้ให้ไม่ได้แล้วรึไงวะ!

ผมขอบ่นหน่อยเหอะ แม่ง! นี่มันทางลงเหวชัดๆ แบบนี้จะหนีพ้นได้ไงวะ!

ไม่ผิดไปจากที่ผมคิด พอวิ่งมาได้สักระยะผมก็รู้แล้วล่ะว่าผมมาผิดทาง จะไม่ผิดทางได้ยังไงก็ในเมื่อทางตรงหน้าผมมันกลายเป็นกำแพงคอนกรีตของตึกไปแล้ว อยากเอาองค์สไปเดอร์แมนมาสิงร่าง!

เวรเอ้ย!!!

“เป็นไงล่ะ! คิดจะหนีสุดท้ายก็ต้องเหนื่อยเปล่า”เสียงทุ้มแสดงถึงความสะใจดังออกมาจากกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เดินเรียงหน้ากันมาหกคน แต่ละคนสูงใหญ่หุ่นล่ำไม่แพ้นักมวยปล้ำระดับโลก และที่สำคัญพวกมันยังพกอาวุธชนิดที่ไม่เกรงฟ้ากลัวดินกันเลยทีเดียว

“แฮ่กๆ ใจเย็นๆ กูจะยอมคุยกับพวกมึงดีๆ โอเคมั้ย?”ผมรู้ว่าถึงดิ้นไปตอนนี้ก็คงไม่รอด เอาน้ำเย็นเข้าลูบ ดีกว่าราดน้ำมันลงกองไฟจริงมั้ยล่ะ

“ฮึ! คุยเหรอวะ ได้แต่มึงต้องไปคุยกับหัวหน้ากูโน่น! ไปลากตัวมันมา!”ชายใส่ชุดสูทสีดำสั่ง ผมเดาว่าคงจะใหญ่สุดในกลุ่มกำลังสั่งการพวกหน้าโหดนั่นให้มาลากตัวผม แต่ใครจะยอมเอาชีวิตตัวเองไปให้พวกมันเฉือนทีละชิ้นกัน

“ไม่มีทางไปกับพวกมึงหรอก!”

ผมตะโกนสุดเสียงตั้งท่าป้องกันตัวและเตรียมสู้สุดใจขาดดิ้น เหตุการณ์โกลาหนจึงเกิดขึ้น ผมสวนหมัดไปหาไอ้ตัวที่เข้าใกล้ผมเป็นคนแรกก่อนจะใช้เท้าแตะคนที่ทำท่าจะพุ่งหมัดใส่ผม ไอ้คนที่มาด้านหลังเข้ามารัดคอผมจนผมต้องดิ้นม้วนตัวกระชากมันกระแทกกับพื้นก่อนที่ผมจะถูกใครบางคนถีบอย่างแรงมาจากทางด้านหลังจนร่างของผมกระเด็นอัดกำแพง

ผู้ชายอีกสามคนเข้ามากระชากตัวผมขึ้นแล้วรัวหมัดใส่หน้าผมไม่ยั้ง กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั้งปาก ผมพยายามต่อสู้แต่สุดท้ายกลับถูกของแข็งบางอย่างฟาดลงกลางหลัง ความเจ็บแล่นเข้าสู่โซนประสาทตูมเดียวจนผมควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ ภาพสุดท้ายที่ผมจำได้คือตัวเองล้ม และมองเห็นเพียงรองเท้าหนังเปื้อนโคลนตรงหน้าที่กำลังบนขยี้มือผมราวกับพรมเช็ดเท้าก็เท่านั้น


“ปลุกให้มันตื่น”เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นประจวบเหมาะกับที่ผมเพิ่งจะรู้สึกตัว ตอนนี้ร่างกายผมปวดร้าวราวกับโดนหักกระดูกไปทั่งตัว ก่อนที่จะถูกน้ำเย็นๆ ราดลงบนหัวเรียกสติให้กลับมา

ไอ้บ้าเอ้ย มันทำเหมือนผมเป็นหมาข้างถนน!

“แฮ่กๆ”

“ตื่นสักทีคราวนี้ก็ต้องคุยกันยาวหน่อย”เสียงรองเท้าหนังสีหัวมันวาวกระทบกับพื้นซึ่งกำลังย่างกรายมาทางผม ชายร่างสูงออกไปทางท้วมใบหน้ามีรอยย่นประปราย อายุราว 50 ปีเศษๆ สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อดีสีฉูดฉาดลวดลายสะดุดตาบ่งบอกถึงฐานะอย่างชัดเจน
 
“ถุย! คุยงั้นเหรอ กูไม่มีอะไรจะคุยกับพวกกุ้ยอย่างพวกมึงหรอก ไอ้พวกทำนาบนหลังคน!!!”

“กุ้ยเหรอวะ!”ผมไม่น่าปากหมาสวนกลับมันไปเลย คราวนี้เลยโดนหลังแหวนเข้าเต็มๆ

“อย่ามาทำปากดี คนอย่างพวกมึงที่เชิดเงินคนอื่นหนีเป็นล้านอย่างนี้จะให้พวกกูเรียกมึงว่าไง”

“เงินล้าน! อย่ามาตลก”ผมถึงกับผงะเมื่อได้ยินไอ้แก่หน้าเลือดนั่นพูดถึงเงินล้าน

“หยิบสัญญากู้ยืมให้มันดู”ไอ้หน้าเลือดกระดิกนิ้ว เพียงไม่นานกระดาษเอสี่แผ่นสีขาวที่มีลายเซ็นของไอ้โชค กับผมก็ปรากฏหราอยู่ต่อหน้า เล่นเอาผมแทบลมจับ

“เป็นไปไม่ได้ เงินที่ไอ้โชคยืมมันแค่ 5 แสน พวกมึงเอาอะไรมาพูดเป็นล้าน!”ผมเถียงใจขาดดิ้น

“มึงก็ไปถามเพื่อนที่แสนดีของมึงดู ตอนนี้ไปไหนแล้วล่ะถึงกับทิ้งมึงให้มาออกหน้ารับแทนอยู่แบบนี้”

ทันทีที่ไอ้พวกเวรนั่นพูดถึงไอ้โชค ผมก็แทบอยากจะแหกปากร้องให้ลั่นด้วยความคับแค้นอยู่ในอก คงเคยได้ยินคำที่เขาพูดกันว่า เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดมั้ย นั่นแหละชีวิตผม เดิมทีไอ้โชคเป็นเพื่อนผมตั้งแต่มัธยมจนกระทั่งเข้ามหาลัย จนวันหนึ่งมันเดือดร้อนเรื่องเงิน และมาอ้อนวอนผมให้ช่วยไปค้ำประกันให้มัน ไอ้ผมมันใจแข็งซะที่ไหนยิ่งเป็นเพื่อนที่คบกันมา 6 ปี 7 ปี แต่สุดท้าย ไอ้โชคชั่วเพื่อนเวรนั่นมันก็หอบเงินหนีไม่ติดต่อผมอีกเลย แถมกรรมยังมาตามตกที่ผมต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากพวกทวงหนี้นอกระบบ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้กินไม่ได้ใช้สักแดงเดียว

แล้วจู่ๆ ก็มาได้ยินไอ้พวกเวรนี่บอกว่าหนี้สินไอ้โชคเป็นล้าน จะไม่ให้ผมตกใจได้ยังไง ถึงจะแค่เงินแสนผมก็ไม่มีชดใช้ให้พวกมันอยู่ดี

“จะพัน จะหมื่น จะแสน หรือเป็นล้านอย่างที่พวกมึงบอกกูก็ไม่มีให้”ผมกำหมัดแน่นด้วยความแค้น

“ก็มึงมันโง่เองที่มีเพื่อนเฮงซวย แต่ถึงยังไงมึงก็เป็นคนค้ำ พวกกูก็ไม่ใช่โรงทานจะมายกหนี้ตัดสินให้กันไปง่ายๆ ธุรกิจก็คือธุรกิจ เงินก็ต้องแลกด้วยเงินไม่มีเงินก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต หรือไม่....มึงก็ต้องเอาอย่างอื่นมาแลก”มันเว้นวรรคคำพูดไป ผมหายใจหอบถี่เมื่อถูกกดดัน“…..เว้นเสียแต่เอาเพื่อนหน้าโง่ของมึงมาให้กูเชือดแทนตอนนี้เลย!”

ไอ้ตัวหัวหน้ามันพูดก่อนจะเอากระบอกปืนมาเล็งที่หัวของผมแล้วกดปากกระบอกปืนจนหัวผมเซไปตามแรง หัวใจของผมแม่งก็แทบจะหยุดเต้น

“.....แต่ว่ากูมีข้อเสนอเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ปลดหนี้ 5 แสนกับดอกเบี้ยอีก 5 แสนที่พวกมึงไม่เคยส่งทั้งต้นทั้งดอก มึงจะรับมั้ย”ปลายกระบอกปืนยังคงไม่ห่างจากหัวผม ข้อเสนอจึงไม่ต่างกับการบังคับให้รับปาก ตอนนี้ชีวิตของผมเหมือนอยู่ขอบเหวถ้าตุกติกก็จะถูกไอ้ห่านั่นถีบลงเหวไปสู่ความตายทันที ผมมีทางเลือกมั้ยล่ะ!

“มึงทำแบบนี้ไม่ยิงกูทิ้งไปเลยล่ะ!”

“ยิงทิ้งกูก็ไม่ได้อะไรเลยสิวะ สู้ใช้มึงให้เป็นประโยชน์ก่อนจะให้ตายไม่ดีรึไง ฮ่าๆ”แล้วเสียงหัวเราะชอบใจก็ดังครืนกันทั้งห้อง แม่งไอ้พวกเวรนี่มันโรคจิตชัดๆ เห็นคนอื่นจะตายแล้วมีความสุข

“กูไม่ทำห่าอะไรทั้งนั้น กูไม่ได้เป็นคนเอาเงินพวกมึงไปใช้ กูไม่รับผิดชอบเว้ย!!”

“ไม่ทำ ได้งั้นกูคงต้องเอาพวกเพื่อนมึงเข้ามาเกี่ยวด้วยแล้วว่ะ งานนี้คงได้สนุก!”ไอ้เวรนั่นโปรยภาพที่แอบถ่ายคนที่อยู่รอบตัวผม ทั้งไอ้บัส ไอ้ปอน ไอ้จูนเพื่อนผู้หญิงที่มหาลัย และคนอื่นๆ อีก นั่นทำให้ผมประสาทแทบจะแดก

“หยุดความคิดเลวๆ ของพวกมึงเดี๋ยวนี้!”

“มึงก็รับข้อเสนอไปสิวะ”

“ไม่!”

“งั้นอย่ามาเสียใจทีหลัง”

“อย่ามากดดันกู!”

“มันเป็นหน้าที่ของมึงต่างหาก ถ้าไม่ทำชีวิตเพื่อนมึงสักคนสองคนก็คงพอแลกได้”ไอ้หน้าเลือดหยิบรูปของเพื่อนผมขึ้นมาสุ่มดูสองสามใบแล้วกระตุกยิ้มยะเยือกจนผมหนาวไปถึงขั้วหัวใจ

แบบนี้มันเท่ากับขีดเส้นให้ผมเดินน่ะสิ!

“ก็ได้กูจะทำ! แต่อย่าเอาเพื่อนกูไปเกี่ยวคนพวกนั้นไม่รู้อะไรด้วย!!!”ผมพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาลูกผู้ชายที่มันไหลออกมาเองอย่างสิ้นหนทางเลือก ต่อให้กัดฟัน กำหมัดแน่นแค่ไหนมันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาเลย

ผมก็เพิ่งรู้ซึ้งถึงชีวิตบัดซบก็วันนี้

“งานที่ให้ทำมันไม่ยากหรอกนะ หน้าตาก็ดูน่าไว้ใจ ไหนจะปากดีแบบนี้อีก และดูมึงก็ท่าทางหัวไวคงไม่ทำให้พวกกูผิดหวัง”ไอ้เชี่ยนั่นยื่นมือมาจับคางผมให้เชิดขึ้นแล้วหันไปมาอย่างพินิจสองสามที ผมจะสะบัดหน้าหนี มันยิ้มอย่างพอใจจนผมขนลุก
ตกลงที่ผมเผลอรับปากไป ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะให้ผมไปทำอะไร คงไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย หรือไปทำอะไรที่มันเกินตัวผมหรอกนะ

“มึงจะให้กูทำงานอะไร”

“หนอนบ่อนไส้ มึงรู้จักมั้ย?”ไอ้หน้าเลือดกระตุกยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องอับๆ ไปแล้วเหมือนจะกระซิบมอบหมายงานอะไรบางอย่างให้ลูกน้องมันทำต่อ ถึงผมจะอยากรู้แค่ไหนแต่ก็ไกลเกินไปที่หูผมจะได้ยิน

“ใครก็ได้เอาไอ้เด็กนี่ไปล้างเนื้อล้างตัวที เอาข้าวเอาน้ำให้มันกินด้วย แถมยาและทำแผลให้มัน พรุ่งนี้เช้าจะมีคนมารับ”
ผมฟังแทบจะไม่ทัน แต่ที่จับใจความได้มันบอกว่าจะมีคนมารับ

รับไปไหน? แล้วผมต้องทำอะไร ไม่ๆ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว

“เดี๋ยว! มีคนมารับหมายความว่าไง จะให้กูไปไหนวะ”ผมตาโตมองไอ้หน้าโหดสองตัวที่มาหิ้วปีกผมแล้วลากไปยังอีกห้องหนึ่งอย่างสิ้นสภาพ

“เดี๋ยวมึงก็รู้เอง งานนี้มึงอาจต้องเปลืองตัวหน่อยแล้วว่ะ ขอบอกไว้ก่อนนะว่าเป็นเกียรติของชีวิตมึงแน่ๆ ที่จะได้ทำงานนี้ อาจจะได้ตายในหน้าทีอย่างพวกทหารก็ได้ ฮ่าๆ ”แล้วพวกมันก็หัวเราะราวกับผมเป็นตัวตลก ในหัวผมมันตื้อไปหมด มืดทั้งแปดด้าน ไม่รู้ว่าอะไรกำลังรอผมอยู่

ไอ้เหี้ยโชค กูอยากจะฆ่ามึงก็ตอนนี้หละ มึงทำชีวิตกูพังพินาศทั้งชีวิตจริงๆ! ไอ้บัดซบ




ฝากตอนแรกด้วยนะคะ ^^
 :mc4: :mc4: :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2016 18:11:57 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ติดตามค่าาาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



2



“บอสจะไปแน่เหรอครับ”

“ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะปฏิเสธ”

“ถ้าพวกมันเล่นไม่ซื่อ เรามีแต่เสียเปรียบ”

“อาเธอร์ไปเตรียมรถ”เสียงทุ้มฟังกังวานสะบัดข้อมือเป็นเชิงไล่ลูกน้องคนสนิท นาฬิกาเรือนหรูโผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อสูทกำลังทอแสงระยับกับแสงไฟภายในห้องทำงานที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูโอ่อ่าสมฐานะและตำแหน่ง CEO ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีทรัพย์สินเป็นอันดับต้นๆ จากการจัดอันดับมหาเศรษฐีในแวดวงธุรกิจ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักหน้าตาและตัวตนที่แท้จริงของ‘ฟรานซิส’ หนุ่มไฟแรงวัย 30 ต้นๆ ที่มีเงาเป็นตัวตนในแวดวงสังคมสีเทาอีกด้วย

เรื่องราวและประวัติส่วนตัวของฟรานซิสซับซ้อนและลึกลับ ยากที่จะหาข้อมูลส่วนตัวที่ถูกต้องของเขาเจอ บ้างก็ลงข้อมูลประวัติของเขาถูกต้องเพียงชื่อกับอายุเท่านั้น

หลังจากอาเธอร์ลูกน้องคนสนิทปิดประตูลง ฟรานซิสก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้หนังเต็มความสูงที่แตะเกือบ 2 เมตร ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกครึ่งฝรั่งอย่างเขาจะมีร่างกายสมชายเต็มร้อยที่ได้มาจากพ่อแท้ๆ มาเต็มคราบเช่นนี้ บวกกับใบหน้าที่หล่อคมคายดวงตาดุดันเฉกราชสีห์ ณ ที่นี้คงไม่มีใครเปรียบเขาได้ ลูกผู้ชายอกสามศอกยังน้อยไปสำหรับฟรานซิส ชายผู้ขึ้นชื่อเรื่องทรงเสน่ห์อย่างร้ายกาจคนนี้

ภายในเวลาเพียงไม่นานรถยุโรปยี่ห้อหรูที่ถูกสั่งทำขึ้นพิเศษก็มาเทียบหน้าบันไดบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีตึกสูงระฟ้านับร้อยชั้น ประตูรถด้านข้างถูกเปิดออกรอท่าผู้เป็นนาย บอดี้การ์ดรวมแล้วสิบคนค้อมตัวลงจนแทบหัวจรดพื้นเมื่อผู้เป็นนายเดินผ่าน ไม่มีใครกล้าที่จะสบตากับเขา ความเงียบเป็นสิ่งที่ฟรานซิสโปรดปรานและทุกคนตระหนักดี

รถหรูคันสีดำที่ถูกประกอบขึ้นมาสามารถกันกระสุนได้อย่างดีเลิศคงบ่งบอกได้ว่าชีวิตของเขานั้นสำคัญไฉน ภายในรถที่ดูกว้างขวางในช่วงเบาะหลัง ร่างสูงสง่านั่งไขว่ห้างสายตาเหลือบมองริมทางอย่างใช้ความคิด นิ้วเรียวยาวเคาะเบาๆ ลงบนท่อนแขนกำยำเป็นจังหวะ

“แหล่งของเรารายงานมาว่าคนพวกนั้นเหมือนกำลังซุ่มจะทำอะไรบางอย่าง”

“..........”

“และวันนี้ พวกมันก็นัดบอสเพื่อไปเจรจาเรื่องอำนาจการแบ่งลูกค่าและเรื่องการซื้อขายเกาะ ผมรู้สึกไม่ไว้ใจ”

“เราถึงต้องไปให้เห็นกับตาว่าคนพวกนั้นจะทำอย่างที่คิดจริงรึเปล่า ยังไงเราก็ถือไพ่เหนือกว่า การบุ่มบ่ามทำอะไรลงไปไม่เข้าท่าจะพานให้เจ็บตัว เพราะฉะนั้นลดการ์ดเหลือแค่สามให้เข้าไปกับฉันก็พอ”สายตาเย็นยะเยือกของฟรานซิสเป็นเชิงตำหนิอาเธอร์ที่ทำนอกเหนือคำสั่งคือการจัดบอดี้การ์ดเสียมากมายจนดูเกินจำเป็น

“ครับบอส”คำสั่งของฟรานซิสถือเป็นสิทธิ์ขาด ใครก็ตามแต่ไม่สามารถขัดคำสั่งเขาได้



Restaurant

ให้ตายเถอะ ผมหายใจไม่ทั่วท้องราวกับถูกสั่งประหารชีวิต มือของผมทั้งเย็นทั้งเกร็งไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำบ้าอะไรด้วยซ้ำจนกระทั่ง

ปัง ปัง!

“ทำไมมึงเข้าห้องน้ำนานจังวะ! ออกมาได้แล้ว!”เสียงถีบประตูห้องน้ำบ่งบอกว่าอารมณ์ของคนเฝ้ากำลังตึงเครียดสุดๆ ผมออกมาจากห้องน้ำก็เจอกับปากกระบอกปืนที่เตรียมเล็งจะยิงประตูไม่ก็หัวผม

“มึงจะทำบ้าอะไรวะ คนเข้าห้องน้ำยังจะตามมาอีก”

“หน้าที่กูคือเฝ้ามึงจนงานสำเร็จ ถ้ามึงคิดหนีไปก่อนล่ะก็ เจอยมบาลก่อนวัยอันควรแน่”

“เออๆ กูรู้แล้ว”ผมทำท่ารำคาญเดินหนีออกมา จริงๆ กลัวลูกตะกั่วเฉี่ยวหัวมากกว่า

ตอนนี้ผมไม่ได้ถูกขังอยู่ในห้องโทรมๆ เหมือนก่อนหน้านี้ ผมมีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ ได้กินอาหารที่พอกินได้ แถมได้มาเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารหรูระดับหกดาวอีก แต่ที่มันไม่ปกติก็คือ สิ่งที่ผมทำอยู่ล้วนเป็นการจัดฉากทั้งนั้น นี่คือส่วนหนึ่งในงานใหม่ที่ไม่เต็มใจของผมก็ว่าได้

“โบว์มึงเบี้ยวจัดใหม่”

“รู้แล้วๆ มึงไม่ต้องเอาปากกระบอกปืนมาชี้แทนนิ้วมึงหรอก.....นิ้วด้วนรึไง”ประโยคหลังผมพึมพำเบาๆ เหมือนคุยกับตัวเอง
เชี่ย! ขู่ชิบหาย

ผมจัดการดูแลเรื่องการแต่งกายในยูนิฟอร์มพนักงานร้านอาหารที่ดูดีไม่มีที่ติ ทั้งเสื้อเชิ้ตแขนยาวขาวผ่องติดโบว์สีดำรั้งถึงคอ และมีเสื้อกั๊กสีเข้ากับโบว์สามทับ ทั้งกางเกงสีดำรีดเรียบชนิดที่บาดมืออีก ไหนจะรวมถึงทรงผมที่ปาดเรียบไปด้านหลังเผยสัดส่วนรูปทรงของใบหน้าความคนชัดระดับ HD ถ้าไม่หน้าตาดีจริงผมทรงนี้คงทำผมดับ แต่โชคดีหน่อยที่ผมก็จัดอยู่ในกลุ่มคนหน้าตาดูได้ถึงจะไม่ได้ระดับพระกาฬก็เหอะ

“ฮัลโหลว่าไง.....ได้ อืม”ผมเหลือบตาไปมองด้วยความอยากรู้และทำทีเป็นจัดเสื้อ

“มีอะไร”ผมเลิกคิ้วถาม

“ไปทำหน้าทีของมึงได้แล้ว จำไว้ถ้ามึงเสือกพูดอะไรที่มันไม่เข้าท่าหรือเผยความลับรับรองว่าไม่ใช่มึงคนเดียวที่ไปเฝ้ายมบาลแน่ กูเตือนแค่นี้ ไป!”

มันผลักผมด้วยกระบอกปืนให้ไปทำหน้าที่ แค่งานบริการมันไม่เกินกำลังผมหรอก แต่เบื้องหลังของงานนี่สิที่แม่งทำผมซี๊ดไปถึงหัวใจ แค่คิดตัวผมก็สั่นแล้ว

และตอนนี้ ภายในร้านผี ผมขอเรียกแบบนั้นเพราะมันเงียบจริงๆ ผมกำลังยืนทำใจอยู่หน้าบาร์น้ำ รอสัญญาณเพื่อทำหน้าที่ให้บริการแขกพิเศษในคืนนี้ แน่นอนว่าเป้าหมายของผมคงไม่พ้นแขกที่มาคืนนี้ ผมได้ฟังกิตติศัพท์มากจากพวกสวะนั่นมาบ้างแล้ว กำลังใจของการใช้ชีวิตให้รอดของผมเป็นศูนย์แทบทันที จะให้ผมเข้าไปอยู่ในถ้ำของเสือ พวกมันคงอยากจะฆ่าผมให้ตายในรูปแบบนี้สินะ

นี่ผมคิดดีแล้วใช่มั้ยถึงได้ตัดสินใจทำเรื่องบ้าๆ พวกนี้ หากคืนนี้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับผมผมจะทำยังไง แค่คิดผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่จริงๆ

ผมได้แต่ครวญครางในใจ ก่อนที่จะที่ผู้จัดการร้านจะมาเรียก ผมไม่รู้ว่าไอ้ผู้จัดการร้านติ๋มแตกนี่จะเป็นหนึ่งในแผนการด้วยรึเปล่า แต่ดูเหมือนมันไม่รับรู้ถึงความตึงเครียดห่าเหวอะไรเลย หรือว่าที่นี่มีแค่ผมคนเดียวที่ปลอม!

“พนักงานใหม่ จะมายืนเซ่อทำไมแขกมาโน่นแล้ว แบบนี้จะไหวมั้ยห๊ะ....เด็กเส้นก็อย่างนี้ล่ะนะ”แล้วผู้จัดการร้านก็บ่นงึมงำแล้วจากไป

เชี่ย! ผมว่ามันใช่อย่างที่คิดเลยว่ะ นี่กูเป็นเหยื่ออยู่ตัวเดียวสินะ

“ครับขอโทษครับ!”หน้าที่ของผมคือเป็นบริกรบริการเครื่องดื่ม พวกมันบอกว่าผมจะได้อยู่ใกล้ชิด แต่ผมว่าการอยู่ห่างๆ มันก็จะดีกว่า แต่ผมเลือกไม่ได้นี่สิ

เพียงเวลาไม่นานเสียงกระดิ่งของประตูร้านก็ดังขึ้นไอ้ชั่วที่บงการชีวิตผมก็เดินเข้ามาในร้านเสมือนแขกทั่วไป พร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสี่คน มันเดินมานั่งตรงโต๊ะด้านในที่จัดไว้ ผมเลยต้องเดินไปทำหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่ม

“ฮึ ดูดีนิ ไม่เลว”ไอ้แก่นั่นเอ่ยปากชม แต่ผมไม่ดีใจสักนิดกลับกัดฟันกรอดด้วยความชังเสียมากกว่า พูดอย่างเดียวไม่ว่าแต่แม่งเอามือมาลูบสะโพกผมด้วยจนผมเผลอร้องออกมาอย่างตกใจ

“เฮ้ย!”

“ไม่ต้อง”ไอ้แก่นั้นสั่งห้ามลูกน้องที่ทำท่าเหมือนจะชักอะไรบางอย่างออกมาจากใต้สูทนั่น ผมถึงกับหน้าซีด
อย่าบอกนะว่าไอ้แก่นี่มันวิตถาร คนปกติที่ไหนเอามือมาลูบตูดคนอื่นวะ แถมผู้ชายอีก!

“พวกมันมากันแล้วครับ”มีคนๆ หนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมารายงานเรื่องให้ทราบด้วยท่าทางตึงเครียด ผมถึงกับกลั้นหายใจประหม่าจนเหงื่อตก

ไม่ถึงห้านาที กลุ่มชายสองคนท่าทางดูดีมีมาดก็เดินเข้ามาก่อนจะเปิดทางให้ใครคนหนึ่งเดินนำ ไอ้แก่นั่นลุกขึ้นจากเก้าอี้เผยรอยยิ้มที่ดูยังไงก็หลอกลวงไปให้กับแขกคนสำคัญที่เพิ่งเดินเข้ามา ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าของคนๆ นั้น สาบานว่ากรามของผมแทบค้างเมื่อได้เห็น คำว่าไม่มีที่ติมันอยู่ตรงหน้าของผมตรงนี้นี่เอง สิ่งที่ชายทั้งโลกปรารถนาไม่ว่าจะหน้าตา รูปร่าง ส่วนสูง มันอยู่ที่เขาแทบจะทุกประการ

ผู้ชายอะไรวะดูดีเป็นบ้า แถมยังหน้าตาอย่างกับนายแบบทะลุปกนิตยสารต่างประเทศ

ผมสลัดความคิดตัวเองที่เริ่มฟุ้งซ่าน เมื่อมีสายตากดดันจ้องมาทางผม ผมจึงรีบทำหน้าที่ตัวเองอย่างว่องไวกดเก็บความเกร็งไว้ภายในอกสุดแรง ทำเหมือนเรื่องทุกอย่างปกติ ผมเข้าไปเลื่อนเก้าอี้ให้กับเขา ก่อนจะจัดการบริการเครื่องดื่มเป็นไวท์แดงที่ขวนหนึ่งตกราคาเกือบแสน มือผมมันสั่นเล็กน้อยจนปากขวดกระทบกับขอบแก้วดัง ‘กิ้ง’ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเผลอหันไปมองแขกคนสำคัญ

และวินาทีนั้นสายตาของผมก็ประสานเข้าให้กับเขา ทุกอย่างยิ่งกว่าหิมะตกในประเทศไทย ความรู้สึกเย็นยะเยือกและดุดันวิ่งพล่านผ่านทางดวงตาผมทันที ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นแทบจะดูดผมเข้าไปให้ตกอยู่ในภวังค์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนมีเสียงๆ หนึ่งที่กระชากผมออกมา

“แฮ่ม! คุณฟรานซิส.....อย่าไปถือสาพนักงานเลยเรื่องของเราสำคัญกว่า....ไปได้แล้ว”ไอ้แก่นั่นโบ้ยหน้าไล่ ผมถอยออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียวโค้งคัมนับอย่างสุภาพก่อนเดินออกไป

เอาแล้วไงไอ้ธัญ มึงทำอะไรลงไปตั้งสติหน่อยสิวะ อยากจะยีหัวตัวเองแรงๆ ให้ตายเถอะ!
 
ผมพยายามเตือนตัวเอง และพยายามสลัดภาพฟรานซิสออกไป ผมได้ยินว่าเขาชื่นฟรานซิสมันเป็นชื่อที่ผมคงจะจำไปอีกนาน
 
“ฟูว์....แต่ผู้ชายอะไรวะแม่งเสน่ห์แรงชิบหาย”ผมพึมพำกับตัวเองแล้วลูบอกที่หัวใจแทบระเบิดเหมือนเจอดาราฮอลลีวูด
เพียงไม่นานอาหารก็ค่อยๆ ทยอยมาเสิร์ฟ ผมต้องเข้าไปเพื่อเติมเครื่องดื่มที่ถูกจิบจนเกือบหมดแก้ว บทสนทนาบนโต๊ะอาหารจึงผ่านเข้าหูผมอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“จากทั้งหมด ฉันคิดว่านายได้มันไปมากกว่าครึ่ง ทำไมถึงไม่คิดว่าการที่ทำแบบนั้นจะเป็นการไม่ให้เกียรติพวกเราบ้าง”

“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับจิตใจคน เราบังคับไม่ได้หรอกนะ ความน่าเชื่อถือของเรามันต่างกัน ถ้าหากผมตกลงก็ใช่ว่าคนที่ผิดสัญญาจะเป็นฝ่ายเรา”

“เฮ๊อะ! คุณฟรานซิสคงไม่ได้หมายถึงพวกเราไม่มีเครดิตพอที่จะมัดใจลูกค้าได้เองอย่างนั้นเหรอ และการที่เราเป็นแค่บริษัทเงินทุนเล็กๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาคุณหรือลูกค้าส่วนใหญ่ คุณหมายถึงแบบนั้นใช่มั้ย”

“คุณก็น่าจะฉลาดพอ ผมคงไม่ต้องพูดรายละเอียดในส่วนนั้น และการที่คุณขอให้ผมปฏิเสธลูกค้าที่เต็มใจมาทำธุรกิจกับผมเพียงเพราะอยู่ในพื้นที่ที่คุณดูแล แบบนั้นมันไม่น่าตลกไปหน่อยรึไง คุณคงต้องกลับไปคิดเรื่องพวกนี้ใหม่แล้วในฐานะนักธุรกิจไม่ใช่ในฐานะผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ และผมอยากให้คุณไปคิดให้มากก่อนจะมาพูดเรื่องนี้อีกครั้ง ผมยินดีเป็นผู้ร่วมทำธุรกิจ แต่ไม่ใช่ผู้ช่วยเหลือทางธุรกิจอย่างที่คุณอยากจะให้เราเป็น ทุกอย่างคือการแข่งขันคุณก็รู้”

ท่าทางตอนนี้บนโต๊ะอาหารแทบจะล้มโต๊ะกันอยู่แล้ว ผมสังเกตได้จากสีหน้าของไอ้แก่นั่นที่เอ็นปูดขึ้นตรงขมับแถมยังหน้าแดงสุดๆ

ตึง!

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!”

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ไอ้แก่นั่นก็ลุกขึ้นตบโต๊ะแล้วตะคอกเสียงดัง มันกำลังจะเริ่มเกมแล้วใช่มั้ย?

“แกคิดว่าพวกฉันเป็นใครถึงได้พูดจาไร้ความคิดแบบนั้น เด็กอย่างแกที่เพิ่งทำธุรกิจอย่ามาทำตัวเหมือนที่นี่เป็นสนามเด็กเล่น มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ”

“ฮึ! ที่ผมมาวันนี้ก็ไม่ได้หวังอะไรจากคุณอยู่แล้ว และอีกเรื่องที่ผมอยากจะพูดให้ชัดเจน เกาะจันทร์ฉายที่ทางเรากำลังจะลงทุนกว้านซื้อผมจะนับคุณในฐานะคู่แข่งหากคุณอยากจะได้ที่ตรงนั้นเหมือนกับเรา”ดูเหมือนฟรานซิสแทบจะไม่สะทกสะท้านกับคำสบถด่านั่นเลย แถมยังพูดเหมือนประกาศสงครามกันชัดๆ

“แกพูดว่าอะไรนะ!”

“ขอบคุณสำหรับเครื่องดื่ม”ฟรานซิสจิบไวท์ในแก้วเล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนจะปล่อยแก้วไวท์ในมือให้ร่วงลงพื้นแทนที่จะวางไว้บนโต๊ะเหมือนก่อนหน้า

“คนอย่างแก อย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ง่ายๆ!”

ทันใดนั้นฝ่ายบอดี้การ์ดไอ้แก่ก็ล้วงปืนออกมาเล็งไปที่ฟรานซิส ส่วนบอดี้การ์ดของฟรานซิสก็ไวไม่แพ้กันส่งปากกระบอกปืนสวนกลับไปทางด้านไอ้แก่และคนอื่นที่เป็นฝ่ายตรงข้ามอย่างรู้เกม

เห็นสถานการณ์แบบนี้แล้วเข่าผมแทบทรุด ถึงแม้จะรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้นก็ตาม เอาจริงๆ นี่มันเกินไปมั้ย เรื่องจริงนะเว้ยไม่ใช่ละคร! ใครมันจะใจเย็นยืนมองดูสถานการณ์แบบนี้ได้หน้าตาเฉย

ให้ตายเถอะ! ใครก็ได้ต่อยผมให้ตื่นจากความฝันบ้าๆ นี้สักที!!!!

“ฟังให้ดี.....แผนนี้จะไม่มีวันล่ม มึงจะต้องเข้าใกล้ฟรานซิสและพามันหนีให้ได้ ทำทุกวิถีทางเพื่อให้เข้าไปอยู่ในกลุ่มพวกมัน เข้าไปแล้วก็อย่าให้เรื่องมันแดง ถ้ามึงทำงานนี้พลาดก็จะไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ชีวิตคนรอบตัวมึงก็จะพลอยซวยไปด้วยเข้าใจมั้ย!”

“ทำไมจะต้องเอาคนไม่เกี่ยวข้องมาพัวพันด้วยวะ พวกมึงไม่แฟร์!”

“พวกกูทำได้ทุกอย่าเพื่อผลประโยชน์ และถ้ามึงทำตัวไม่มีประโยชน์พวกกูก็จะเป่าทิ้ง!”

บทสนทนาก่อนหน้านี้ที่พวกมันขู่ ยังดังอยู่ในหัวผมอยู่เลย แม่งกดดันสุดติ่งแล้วแบบนี้จะทำงานได้ไงวะ!

วินาทีที่ผมหันไปสบตาไอ้แก่นั่น มันก็ให้สัญญาณผมโดยการส่งสายตาและกระตุกคิ้วเป็นนัย ผมนี่แม่งใจหมาเพราะขาแทบจะไม่ทำงาน แต่ดีที่มีไอ้เหี้ยมตัวไหนไม่ทราบเล่นมาประกบด้านหลังผมแล้วเอาของแข็งสีเงินมาจ่อตรงท้ายทอย ผมไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน ตอนนี้แม่งดูกลมกลืนไปหมด ไม่รู้ว่าไอ้คนข้างหลังผมเนี่ยมันเซ็ทฉากหรือของจริงกันแน่

“นี่สินะสิ่งที่คุณเฉินต้องการจริงๆ”

“ใช่! ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ แกก็สมควรจะรู้ว่าผู้ใหญ่เขาจะเล่นกันยังไง”

“น่าตลกจริงๆ ที่เด็กอย่างผมคงไม่อยากเล่นด้วย”ฟรานซิสทำสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา ทำให้ผมรู้ว่าสถานการณ์เริ่มวิกฤติขั้นรุนแรงแล้ว แต่เขาไม่มีแม้แต่จะวิ่งหนีหรือมีท่าทีตื่นตระหนกเลยสักนิด

“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องเลิกเล่น.....และเอาจริง!”สิ้นเสียงไอ้แก่นั่นกระสุนเม็ดแรกที่ดังขึ้นทำเอาผมมุดตัวลงหลบใต้โต๊ะอย่างเอาตัวรอด แต่แม่งไอ้ตัวที่ประกบด้านหลังผมมันลากขาผมออกมา พอเห็นหน้าผมก็จำได้ว่าเป็นตัวเดียวกับที่คุมผมแจก่อนหน้านี้

“ปล่อยกูนะเว้ย!”

“มึงคิดจะหนีหรือไงวะ!”ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยิงกันเปรี้ยงปร้างกลางร้านจะให้กูปุจฉาวิสัจฉนาอะไรกับมึงอีก!

“ถ้าแผนล่มเพราะมึงตอนนี้ กูนี่แหละที่จะเป็นคนฆ่าปิดปากมึงเอง”แล้วมันก็ซัดปากกระบอกปืนมาทางผมเตรียมจะยิง ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเรี่ยวแรงจากไหนมิทราบทำให้ผมผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งผ่าดงกระสุน วิสัยทัศน์การมองเห็นของผมมันช่างพร่าเลือน แต่ภาพรางๆ มันทำให้ผมเห็นว่าตัวเองกำลังวิ่งไปทิศทางไหน

ชายร่างสูงสง่าที่อยู่ตรงหน้าไม่ผิดเพี้ยนไปแน่ว่าเป็นใคร เข้าดูมีสีหน้าตกใจก่อนจะยื่นมือใหญ่มารับร่างของผม ซึ่งตอนนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรู้สึกได้เพียงความเจ็บปวดที่ฝังรากลึกลงบริเวณแผ่นหลังจนยากจะทานทนความเจ็บนั้นได้

“คุ้มกันบอส!!!”นั่นคือเสียงโหวกแหวกสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่ทุกอย่าจะดับวูบไป







มาถึงตอนที่ 2 แล้ว ตัวละครหลังอย่างฟรานซิสก็โผล่มาให้เห็นกันสักที ขอบดีศรีตำบลก็ต้องค่อยๆ มา(เกี่ยวมั้ย)
จากชื่อนิยายที่คิดนาน คิดยาก คิดมาก และติดไม่ตก :serius2: สุดท้ายก็มาลงด้วย My Boss
ไม่รู้ว่าจะเข้ากับแนวพญานกจกปลาไหลรึเปล่า<<<แนวอัลไล :ruready เอาเป็นว่า...
ฝากนักอ่านติดตามให้กำลังใจคนแต่งด้วยนะคะ 1 เม้น = ล้านกำลังใจ จริงๆ ขอบคุณค่ะ :katai2-1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2016 18:12:17 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
เฮ้ยยยย สนุกกกกก ลุ้นดีๆเราชอบบบ

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4




3



“โอ๊ย!”

“เป็นยังไงบ้างไอ้ธัน”ผมได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างๆ หลังจากที่ผมรู้สึกตัว ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเจ็บจนแทบจะขยับตัวไม่ได้ และใบหน้าที่ผมเห็นกลับเป็นคนที่ผมคิดว่าชีวิตนี้แม่งต้องฆ่ามันให้ได้

“ไอ้โชค! มึงมาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วกูอยู่ที่ไหนวะ!”ผมกวาดตามองไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองแม่งนอนอยู่กลางทุ่งสะวันน่าแถวไหนสักแห่ง ไกลสุดตามีแต่ทุ่งหญ้าและภูเขา ผมว่านี่มันบ้าแล้ว!

“ไอ้ธันกูขอโทษว่ะที่ทำกับมึงแบบนี้ แต่กูไม่มีทางเลือก”มันทำหน้าเศร้า แล้วยืนขึ้นทำท่าเหมือนกำลังจะหนีผมไป

“ไอ้โชค มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมาก็หลายปี แต่มึงเลือกที่จะทำกับกูแบบนี้กูไม่มีทางยกโทษให้ มึงมารับผิดชอบสิ่งที่มึงทำสิวะกูถึงจะยกโทษให้ ”แล้วผมก็ลุกขึ้นชี้หน้าด่าให้คนตรงหน้าอย่างเหลืออด

“กูขอโทษ…..”แล้วไอ้โชคมันก็หันหลังให้ผมแล้วเดินไป ผมพยายามเดินตามมองมันไม่คลาดสายตา

“มึงอย่าหนีนะไอ้โชค! ไอ้เพื่อนเลว ไอ้เพื่อนเฮงซวย! มึงทำกับกูแบบนี้ได้ไงวะ กูเพื่อนมึงนะ!”ยิ่งเดินตามมันยิ่งทิ้งระยะห่างจากตัวผม แม้ผมจะวิ่งตามมันแต่ไอ้โชคกลับไกลห่างออกไปทุกทีความรู้สึกของผมตอนนี้มันช่างเจ็บปวด การถูกใครสักคนที่ไว้ใจหักหลังมันเจ็บราวกับกลืนเข็มพันเล่ม

“ไอ้โชคมึงกลับมานะเว้ย! ไอ้โชค ไอ้โชค!!!!”ผมร้องเรียงมันจนแทบขาดใจ เรียกยังไงมันก็ไม่หันมาหาผมเลยสักนิด

“..........”

“ไอ้โชคคคคคค!”



เฮือก!

ฝัน.....นี่ผมฝันไปหรอกเหรอ

ทันทีที่ลืมตา ผมก็รู้ทันทีว่าทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ทว่า....มันกลับทำให้ใจของผมรู้สึกเจ็บปวดได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อะไรเนี้ย! นี่ผมถึงกับร้องไห้เลยเหรอ ฮึ!
 
ผมหัวเราะเยาะตัวเองอย่างรู้สึกสมเพชก่อนใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาบางๆ ออกทั้งสองแก้มทันที ใครมาเห็นเข้าคงนึกว่าผมใจเสาะแน่ๆ

“ถ้าเจ็บแผลจะให้ตามหมอมาให้มั้ย?”

“ไม่ต้อง ขอบใจมาก”ผมตอบคำถามที่ลอยมาแทบทันที

แต่เดี๋ยว! ใครถามวะ....แล้วตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนเนี้ย ใช่! ก่อนหน้านี้ผมยังอยู่ที่ภัทรตาคารหรูระดับหกดาวอยู่เลย แล้วหลังจากนั้นก็มีศึกดวนปืน แล้วช่วงที่ชุลมุนผมพยายามจะหนี แต่ว่าอยู่ดีๆ ผมก็โง่บรมวิ่งผ่าดงกระสุนไปทางผู้ชายที่ชื่อฟรานซิสแล้วก็รู้สึกว่า.....เหมือนตัวเองจะโดนยิงต่อจากนั้นผมก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวแล้ว

แล้วคนที่ถามผม ถ้าสมองผมไม่ได้รับการกระทบกระเทือนใดๆ น้ำเสียงฟังแล้วรู้สึกเย็นๆ แบบนี้ อย่าบอกนะว่า

“ฟรานซิส! โอ๊ย!”ผมเอี้ยวตัวหันไปมองด้านหลังเพราะเหมือนจะถูกจับนอนตะแคง เท่านั้นแหละความเจ็บก็ทำผมกระจ่าง

“อย่าขยับไปมากกว่านี้จะดีกว่า”ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ผมตอนนี้ใช่ฟรานซิสตัวจริงและถ้ามองดูดีๆ ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแน่ๆ แล้วผมอยู่ไหน!

“ขอโทษนะ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าที่นี่ที่ไหน คุณพอจะบอกผมได้มั้ย?”ผมพยายามจะดันตัวเองขึ้นนั่งสุดตัว แต่ดูเหมือนแขนของผมแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรง

“เพนท์เฮาส์ของฉันเอง”ฟรานซิสลุกขึ้นเดินมาแล้วใช้แขนสองข้างของเขากดตัวผมให้จมลงกับเตียงขนาดคิงไซส์ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าของเขาชัดขึ้นไปอีก ทำเอาผมทึ่งจนพูดไม่ออก ยิ่งกลิ่นโคโลญที่ฟุ้งมาจากตัวเขายิ่งทำให้ผมหัวใจแทบหยุดเต้น
ผมยอมรับว่าเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา ขนาดผมยังรู้สึกได้

“แล้ว....ทำไมผมถึงมาอยู่นี่ได้”ผมถามต่อแต่สายตายังคงจับจ้องที่ฟรานซิส สำรวจคนตรงหน้าอย่างละเอียด ผมคงไม่ทำอะไรที่ดูน่าเกลียดใช่มั้ย?

“นายชื่ออะไร?”ผมว่าเมื่อกี้ผมยังไม่ได้คำตอบจากเขา

“เอ่อ....ธัน ผมชื่อธัน”

“นายทำงานอยู่ที่ร้านนั่น?”

“อืม....แต่เพิ่งเข้าไปทำงานยังไม่ผ่านโปรฯ”ผมหมายถึงโปรฯของการทำงานใช้หนี้

“นายมีครอบครัวรึเปล่า”

“มี ผมมีพ่อกับแม่อยู่ต่างจังหวัด”

“นายอายุเท่าไหร่?”

“22 ย่าง 23”

แอ๊ะ! แล้วทำไมเขาถึงถามผมเยอะขนาดนี้อย่าบอกนะว่าเขาสงสัย?

“ดะเดี๋ยวนะ.....คุณอยากจะรู้เรื่องของผมไปทำไม”

“นายมีเหตุผลอะไร ทำไมถึงช่วยฉัน?”

ช่วย?

ถ้าหมายถึงการที่ผมมานอนเจ็บอยู่แบบนี้ผมสาบานว่าทุกอย่างเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจ ถึงจริงๆ แล้วในแผนการที่ไอ้แก่นั่นวางไว้ว่าให้ผมทำตัวเป็นฮีโร่ผู้ไม่รู้ประสีประสาเข้าไปช่วยฟรานซิสจากการปะทะ แต่ในแผนบอกว่าให้ผมพาเขาหนีและตีตัวเขาสนิทสนม แต่ไอ้การที่อยู่ดีๆ ผมกลายเป็นคนพลเมืองดีวิ่งเข้าไปบังกระสุนให้นี่มันผิดพลาดทางเทคนิคจริงๆ

ใครบ้าที่ไหนจะเอาตัวไปบังกระสุนให้คนอื่นที่ไม่รู้จักกันบ้าง พ่อแม่ก็ไม่ใช่! แต่แม่งสถานการณ์เมื่อคืนผมดูเป็นคนดีสุดๆ

“ฮ่าๆ กะก็คนมันตกใจ ผมเห็นไอ้บ้าไหนก็ไม่รู้มันหันกระบอกปืนไปทางคุณผมก็เลย.....”ผมหัวเราะฝืดๆ ไหลตามน้ำไป

“ไม่มีคนปกติที่ไหนเขาทำกันแบบนั้น”ผมถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อฟรานซิสใช้สายตากร้าวมองมาทางผม ผมรู้ว่าตัวเองหลบตาเขา

“.....”

“แต่....ก็ขอบคุณที่นายช่วยฉันไว้ อยากได้อะไรตอบแทนว่ามา”

ห๊า! นี่ตกลงเชื่อแล้วเหรอ

“ของตอบแทนอะไรกัน ผมไม่อยากได้หรอกนะ”

ผมต้องเล่นละครไปตามน้ำใช่มั้ย นรกคงกวักมือเรียกหยอยๆ แล้วสินะ

“แล้วนายต้องการอะไร บ้าน รถ ที่ดิน.....หรือผู้หญิงสักคน”

“แฮ่ก   ๆ”ผมถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองเมื่อเขาพูดถึงผู้หญิง ถึงผมจะไม่มีแฟนในตอนนี้แต่อดีตผมก็เคยมีเหมือนกันนะเฟ้ย! หน้าตาผมมันดูอดอยากปากแห้งขนาดนั้นเลยรึไง“ขอโทษนะครับ ผมไม่ต้องการสิ่งที่คุณเสนอมาทั้งหมดนั่นแหละ”

“แล้วอะไรที่นายต้องการ”

สิ่งเดียวที่ผมต้องการ คือการอยู่รอดของผมต่างหาก

“ผมอยากได้งานทำ”

“ฮึ”ฟรานซิสถึงกับหัวเราะแต่ไม่ได้โจ่งแจ้ง ถึงเขาจะหัวเราะยังไงก็ไม่ทำลายภาพพจน์ของเขาอยู่ดี“แค่นั้นใช่มั้ยที่นายต้องการ ก็ได้ฉันจะให้คนหางานดีๆ ให้นายสักแห่งแล้วกัน”

เขาพูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไป
 
“ดะเดี๋ยว ผมมีเรื่องอยากจะขออีกเรื่อง”ผมกำหมัดแน่นเรียกความกล้าทั้งหมดที่มีออกมา ไม่รู้ว่าหน้าของผมถอดสีมากแค่ไหนแต่ยังไงผมก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ เดิมพันของผมไม่ใช่แค่ชีวิตของผมคนเดียว

“หืม?”

“งานที่ผมอยากทำต้องไม่ใช่ข้างนอกนั่น”ผมหันไปมองหน้าต่างบ้านยักษ์ที่มองออกไปเป็นทิวทัศน์ของตึกสูงราวกับปติมากรรมภาพวาด“แต่ผม....ผมอยากทำงานที่นี่กับคุณ”

สาบานว่าผมเห็นแววตาของฟรานซิสที่มองผมแทบจะทะลุถึงข้างใน ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่หลังจากผมขอเรื่องนี้ มือของผมจิกผ้าห่มผืนหนาของเขาเสียยับ แสดงถึงอาการกระวนกระวายใจบางอย่าง มันคงแปลกอยู่แล้วที่อยู่ดีๆ ก็มาขอทำงานกับเขาดื้อๆ

“ถะถ้าคุณไม่ว่า.....งานบ้านผมทำได้หมดทุกอย่าง เรื่องทำกับข้าว กวาดบ้าน ถูพื้น ล้างห้องน้ำผมก็ทำได้หมด”

“ทำไมนายถึงอยากทำงานพวกนั้นที่นี่ ฉันมีคนทำความสะอาดที่ไว้ใจได้อยู่แล้ว”

“ผมไม่อยากจะกลับไปทำงานที่มันเสี่ยงจะเจอกับเหตุการณ์แบบเมื่อคืนอีก ไม่รู้ว่าการที่ผมรอดมาได้นั้นผมกลับออกไปอาจจะโดนพวกบ้านั่นตามมาทำร้ายผมก็ได้ มันอาจจะคิดว่าผมช่วยคุณไว้เพราะผมเป็นพวกของคุณ ผมยังไม่อยากตายตอนนี้หรอกนะ”
ไอ้ธัน! มึงได้ร้างวันออสสะกาก้าแน่ปีนี้!

“..........”ฟรานซิสยืนมองผมแต่ไม่ได้พูดอะไร เขานิ่งเสียจนผมอ่านความคิดเขาไม่ออก

“แต่ถ้าหาก.....สิ่งที่ผมขอคุณมันมากไปกับการช่วยคุณให้พ้นจากกระสุนนั่น ผมก็คงต้องเดินหน้ารับชะตากรรมตัวเอง”ผมคอตกราวกับเล่าปัญหาชีวิตที่มืดแปดด้าน

“ฉันจะลองไปคิดดู แต่ถ้านายไม่เป็นอะไรมากแล้วเดี๋ยวจะให้คนไปส่ง”

“คุณฟรานซิส….”ผมเรียกเขาเบาๆ ราวกับไม่กล้ากวนใจ ผมเดาความคิดฟรานซิสไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไร สำหรับคนฉลาดๆ คงไม่คิดจะตอบปากรับคำอะไรง่ายๆ แน่



สาบานว่าผมยังคงเจ็บแผลที่หลังอยู่ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเองหลับไป 2 วันเต็มๆ คนของฟรานซิสบอกว่าโชคดีที่กระสุนไม่ได้เข้าจุดสำคัญแค่ถากๆ ไปเท่านั้น แต่ทำไม่ความเจ็บมันถึงได้อลังการขนาดนั้นผมก็ไม่รู้ อย่างกับโดนเย็บไปสิบเข็ม
 
คุณคงไม่เชื่อแน่ว่าผมออกมาจากเพ้นท์เฮาส์ของฟรานซิสยังไง เขาให้ลูกน้องของเขาเอาผ้ามาคลุมหัวผมไว้แล้วแบกขึ้นรถมาทิ้งไว้ในที่ๆ ผมต้องการ ถ้าผมจำกลิ่นคงพอจะหาทางกลับไปยังที่ที่ผมออกมาได้นานแล้ว

เฮ้อ! แล้วผมต้องทำยังไงต่อไปกับชีวิตห่วยๆ นี่ดี ถ้าไม่ติดว่าทุกอย่างมันจะเกี่ยวพันกับคนรอบตัว ผมคงจะเสนอตัวให้มันฆ่าผมไปซะให้รู้แล้วรู้รอด

“ไอ้ธัน! นั่นมึงป่ะ”ผมหันไปตามเสียงเรียก และก็เจอกับไอ้จูนเพื่อนผู้หญิงที่ผม ไอ้บัส ไอ้ปอนสนิทด้วยที่มหาลัยซึ่งเรียกอยู่คณะเดียวกัน แถมยังเป็นคนที่คอยจดเลคเชอร์ให้ผมลอกเกือบทุกวิชา ดูเหมือนจะเป็นการเจอกันที่ผมไม่พร้อมสักเท่าไหร่

“ไอ้จูน มาทำอะไรแถวนี้วะ”

“ออกมาซื้อของ ว่าแต่มึงเถอะหายไปไหนมาหลายวัน โทรไปถามไอ้บัส มันก็บอกว่ามึงไปธุระต่างจังหวัดจริงรึเปล่า”ไอ้จูนมีสีหน้าสงสัย ก็แน่ล่ะสภาพผมคงไม่เหมาะที่จะเดินไปไหนมาไหนด้วยซ้ำ ถึงแม้เสื้อผ้าจะดูใหม่เอี่ยมเพราะเพิ่งจะซื้อแกะกล่อง แต่หน้าตานี่ไม่เข้ากันเลย ศพมากๆ

“อืม.....ก็ไปจริงธุระส่วนตัวน่ะ”

“ถ้าไปไหนคราวหลังก็บอกกันด้วยสิวะ คนเขาเป็นห่วง”ผู้หญิงที่ดูห้าวๆ แก่นๆ แถมยังเรียนเก่งชนิดที่ขัดกับบุคลิก คงไม่ต้องพูดถึงว่าอนาคตจะไกลขนาดไหน ผมมองไอ้จูนแล้วก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที

“นา....ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ามีอะไรจะโทรบอกแล้วกัน ขอบใจมากกูต้องไปหาไอ้บัสมันแล้ว นัดไว้”ผมแกล้งมองเวลาแต่ปรากฏว่านาฬิกาที่เคยใส่กลับไม่มี พอนึกดูอีกทีแม้แต่กระเป๋าตังค์ก็ยังหาย

อย่าบอกนะว่ายังอยู่ที่ฟรานซิส ซวยแล้วมั้ยล่ะ!

“ไอ้จูนเดี๋ยว!”ผมเรียกไอ้จูนไว้ก่อนที่มันจะข้ามถนนไปอีกฝั่ง

“อะไร?”

“พอดีทำกระเป๋าตังค์หายน่ะ ขอยืมเงินค่าแท็กซี่หน่อยดิเดี๋ยวจะคืนให้”

“หาย! แล้วไปแจ้งความรึยัง”

“เอ่อยัง แต่ไม่เป็นไรไม่ได้มีอะไรสำคัญ ตังค์ก็มีไม่กี่บาทฟาดเคราะห์ไปแล้วกัน ขอบใจมาก”ผมยิ้มให้ไอ้จูนก่อนจะโบกมือลาเบาๆ เพราะรู้สึกเหมือนมันจะสะเทือนไปถึงแผล





>>>>>to be continued :katai4:
ฝากติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณค่ะ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2016 18:12:35 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



4




ตอนนี้ผมมาลงแท็กซี่ตรงหน้าร้านบาร์‘บิโลน’สถานที่ทำงานเก่าที่คุ้นตา ผมอยากจะเดินเข้าไปแต่ก็รู้สึกใจไม่กล้า ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ความเสียหายจะเยอะขนาดไหน

เอาวะ! เขาไปขอโทษเจ้าของร้านสักคำก็ยังดี

“ไอ้ธัน!!!!”พอผมก้าวเท้าเข้าไปในร้านเท่านั้นแหละ เสียงตะโกนเรียกของไอ้บัสก็ดังขึ้นอย่างดีใจแถมมันโถมตัวของมันเข้ามากอดผมเสียเต็มรักจนผมเผลอร้องโอ๊ย ดีนะที่ตอนนี้ร้านยังไม่ทันเปิด

“เป็นอะไรวะ มึงเจ็บตรงไหนรึเปล่า รู้มั้ยกูใจไม่ดีเลยที่มึงหายไปสามสี่สันวันไม่ติดต่อมา”

“เปล่ากูสบายดี แค่หลบไปกบดานเท่านั้นแหละ”ทุกคนไม่รู้อะไรจะเป็นดีที่สุด

“ไอ้ธันมาแล้วเหรอวะ แม่งหายหัวเลย”ไอ้ปอนเพื่อนอีกคนที่โพล่มาแบบเซอร์ไพรส์ เพราะปกติมันไม่ได้ทำงานที่นี่

“มึงมาทำงานที่นี่ได้ไงวะไอ้ปอน”

“ก็ไอ้บัสให้กูมาทำแทนมึง มึงเล่นหนีแล้วหายหัวไม่ติดต่อ”

“มันมีเรื่องนิดหน่อยวะ”

“ช่างเถอะ แล้วตกลงกับไอ้พวกเวรนั่นเป็นไงบ้าง”ไอ้บัสถามขึ้นโยนไม้กวาดทิ้งอย่างจริงจัง

“วันนั้นหนีไม่รอดว่ะเลยโดนไปนิดหน่อย แต่ก็ไปตกลงกับพวกมันมาแล้ว”

“เชี่ย! โดนซ้อม”ไอ้ปอนทำท่าสยอง

“เออ แต่ไม่เป็นไรหายแล้ว กูป๊อดที่ไหน”ผมยิ้มฝืนๆ

“แล้วไอ้โชค?”

“มึงยังจะถามหามันอีกเหรอวะไอ้เชี่ยปอน!”ไอ้บัสหันไปตบหัวไปปอนทีนึง

“กูก็นึกว่ามันจะกลับมารับผิดชอบโกยขี้ของมันแล้ว”

“โกยห่าอะไร อยู่บนหัวไอ้ธันเต็มๆ”

“พวกมึงสองตัวพอได้แล้ว กูดูเป็นตัวสกปรกเลยว่ะ”

“แล้วนี่มึงจะทำไงต่อวะ”

“กูจะมาขอโทษพี่เงาะก่อนเลยว่ะ แม่งวันนั้นกูว่าร้านเละแน่”ผมถอนหายใจอย่างยาว ไม่อยากนึกภาพ

“ก็ไม่เท่าไหร่ เบียร์ 5 ลัง แก้วหน้าบาร์ทั้งแถบ เก้าอี้พังไป 3 ตัว กับโต๊ะอีก 2 ”ไอ้บัสเล่าหน้าตาย

“พอๆ อย่าเล่าเลยกูเจ็บ แล้วนี่พี่เงาะอยู่มั้ย?”

“หลังร้านโน่นกำลังเช็คสต็อคของในครัว ไปให้ไวแกกำลังอารมณ์ดีที่เมื่อคืนลูกค้าเยอะ”

“เออๆ ขอบใจ มึงไปเตรียมร้านได้แล้ว เอาใจพี่เงาะทางอ้อมแทนกูหน่อย”

ผมส่งไอ้สองตัวนั่นไปทำงานแล้วพาร่างกายที่ดูเหน็ดเหนื่อยไปหาพี่เงาะในครัว ระหว่างทางก็เจอกับเพื่อนร่วมงานในร้านที่ทักทายผมถามสารทุกข์สุขดิบพากันเห็นใจ

“พี่เงาะ”ผมส่งเสียงเรียกพี่เงาะที่กำลังยุ่งอยู่กับงานตรงหน้า พอพี่เงาะเห็นผมก็ดูมีท่าทีนิ่งสงบแล้วเดินออกมา นำผมไปคุยหลังร้านเป็นการส่วนตัว

พี่เงาะเป็นเจ้าของร้านสไตล์ขาลุย เป็นผู้หญิงหัวทันสมัยและก็ไม่ตกยุคเรื่องการแต่งตัวจึงดูกระชากวัยตลอดเวลาทั้งๆ ที่พี่แกก็อายุ 30 จะย่าง 40 แล้ว พี่เงาะเป็นเจ้าของร้านที่ผมทำงานด้วยได้นานที่สุด และเป็นเจ้าของร้านที่ใจกว้างกับลูกน้องและมีความยุติธรรมจนทุกคนในร้านนับถือแกเป็นญาติผู้ใหญ่ก็ว่าได้

“เป็นไงก่อเรื่องแล้วหายไปหลายวัน พี่นึกว่าจะไม่กลับมาแล้วซะอีก รู้มั้ยว่าวันนั้นวุ่นวายมาก ดีนะที่เด็กในร้านไม่มีใครเป็นอะไร”พี่เงาะเหวียงทันที

“..........”ผมจะทำไงได้ล่ะก็เงียบสิครับ

“ข้าวของก็เสียหายไปหลายรายการ แก้วเอย เก้าอี้เอย โต๊ะเอยทำเอายุ่งเหยิงไปหมด”

“ครับพี่เงาะ ผมรู้ผมเลยจะมาขอโทษ”

“แล้วหายมั้ย?”

“..........”

“เงียบคือ?”

“ขอโทษครับ ผมรู้ว่าผมผิด ถ้าพี่เงาะจะหักเงินจากเงินเดือนผมก็ยินดี”

“หักไปแล้วจะพอมั้ย”

“ผมรู้ว่ามันน้อยแต่ว่า.....”

“ก็เพราะมันน้อยไงแล้วจะพอมั้ย หักไปกำไรก็ไม่คืน ทุนก็ไม่เสมอ เอาไป!”อยู่ดีๆ พี่เงาะก็จับมือผมแล้วยัดบางอย่างใส่มือ ปรากฏว่ามันเป็นเงินจำนวนหนึ่งซึ่งมันมากกว่าเงินที่ผมควรจะได้ในแต่ละเดือนเสียอีก

“พี่เงาะ?”ผมมองหน้าพี่เงาะแต่พูดอะไรไม่ออก ผมรู้เลยว่าคนตรงหน้ากำลังทำให้ผมเข่าแทบอ่อน

“พี่ได้ยินเรื่องจากไอ้บัสมันแล้ว พี่ไม่รู้ว่าจะช่วยธันได้ยังไงถ้ามีอะไรที่พี่พอจะช่วยได้ก็บอกแล้วกัน แต่ไม่เอาพังร้านอีกนะพี่ขี้เกียจซื้อของใหม่”

“แต่พี่เงาะมันเยอะ.....”

“ให้แล้วไม่เอาคืน ถ้าจะคืนก็คืนด้วยแรงงาน กลับไปทำงานไป”

“ครับ….ผมสัญญาว่าผมจะทำงานเต็มที่เพื่อตอบแทนพี่ แต่ถ้าวันไหนผมรู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำให้พี่เงาะเดือดร้อนผมขอเดินออกไปนะพี่....ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนั้นมันจะเร็วหรือช้า”

“อืม ให้ถึงวันนั้นค่อยว่ากันพี่ชอบให้โอกาสคน โดยเฉพาะคนใจแมนๆ อย่างธัน”ผมยิ้มจนน้ำตาแทบร่วง มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังได้เจอคนดีๆ อย่างพี่เงาะบ้างแค่นี้ผมก็รู้สึกว่าชีวิตผมดีขึ้นมากแล้ว



อ้า....รู้สึกปวดเมื่อยทั้งตัวแถมยังเจ็บแผลที่แถวๆ ซี่โครงซ้ายขึ้นมาอีกด้วย ผมคงโหมงานหนักไปจริงๆ แทบจะไม่ได้พัก กลางวันก็ไปเรียนส่วนตกเย็นจนถึงตีสองก็ทำงาน แต่โชคดีที่บางวันมีเรียนเที่ยงบ้างเช้าบ้างสลับกันไป ไม่งั้นผมคงน็อค แต่ถึงยังไงการใช่ชีวิตของผมมันก็เปลี่ยนไป ผมรู้สึกตัวเองหวาดระแวงอยู่ทุกวัน การที่ผมออกมาเดินตามถนนเพื่อไปมหาลัย และไปทำงานผมรู้สึกเหมือนมีคนตามผมอยู่ตลอดเวลา ผมรู้ดีว่าอาจจะเป็นเพราะผมคิดไปเองด้วยความกลัว

แต่ที่แน่ๆ สักวันพวกไอ้แก่นั่นคงกลับมาลากตัวผมถ้ามันรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน แถมยังมาอู้งานมันอีก

“เฮ้ย!”ห่างไปหนึ่งร้อยเมตร แสงไฟจากประตูบ้านเช่าที่ทั้งเก่าทั้งโทรมซึ่งเป็นที่พักของผมมันสว่างอยู่ ผมจำได้ว่าก่อนออกจากบ้านผมปิดมันไปแล้ว ไม่มีทางที่ผมจะลืม

“เกิดอะไรขึ้นวะ!”ผมวิ่งหน้าตั้งไปดูที่เกิดเหตุ และเห็นว่าข้าวของภายในบ้านถูกโยนออกมากองไว้หน้าบ้านกระจัดกระจายในเวลาตอนตี 2

“ทำอะไร!”

“มาก็ดีแล้วจะได้ย้ายๆ ออกไปสักที”

“ย้ายอะไร ผมบอกตอนไหนว่าย้าย?”บุคคลที่ผมโต้เถียงด้วยไม่ใช่ใคร แต่เป็นเจ้าของห้องเช่าโกโรโกโสนี่

“ฉันบอกให้ย้ายก็ย้ายสิ ค่าเช้าเดือนที่แล้วกับเดือนนี้ฉันยังไม่ได้รับสักบาท จะทนให้มาอยู่ฟรีๆ ได้ยังไง”

“ก็เราตกลงกันแล้วว่าอีก 1 อาทิตย์ผมจะให้”

“ไม่รงไม่รอมันแล้ว เอ้า! ขนของออกไปซะ พรุ่งนี้จะมีคนย้ายมาอยู่แทนแล้ว”เจ้าของห้องเช่ายืนกอดอกด่าทอผมเสียยกใหญ่แต่สายตาที่คุยกับผมดูมีพิรุธจนผมสังเกตได้ เธอมองไปที่ด้านหลังของผมราวกับไม่ได้มีแค่เราที่ยืนถกเถียงกัน ผมเลยต้องหันไปมองตามอย่างสงสัย และนั่นก็ทำให้ความจริงกระจ่างทันที

ไม่ผิด! นั่นมันพวกของไอ้แก่เฉิน พวกมันใช้วิธีนี่สินะที่ให้รู้ว่าพวกมันยังจับตาดูผมอยู่และบีบทางหนีรอดของผมให้เล็กลง


“เป็นไงมึงหายไปหลายวันไม่คิดจะติดต่อพวกกูเลยเหรอวะ”ในตรอกซอยแคบๆ ที่ส่งกลิ่นเหม็นอับของขยะ ผมถูกพาตัวมาคุยเงียบๆ กับไอ้พวกหน้าเหี้ยมสามคนที่นี่ แสงไฟตรงปากซอยจากถนนไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกอุ่นใจเลยสักนิด

“ใครว่าไม่อยากติดต่อ แต่หาทางติดต่อไม่ได้ต่างหาก ถ้าตั้งใจจะหลบพวกมึงจริง กูคงไม่เดินเตร่อยู่ตามถนนให้พวกมึงตามตัวได้หรอก”

“ก็ดี กูแค่จะมาเตือนความจำมึงเรื่องงาน นายเขาร้อนใจอยากได้ข่าว แต่ถ้ามึงเล่นตุกติกพยายามจะหนี ขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่ายังไงพวกกูก็ตามมึงเจออยู่ดี ตอนนี้หน้าที่มึงแค่ดิ้นรนเข้าใกล้คนที่นายต้องการให้ได้ มึงจะใช้วิธีไหนหรือทำยังไงก็เรื่องของมึง รีบใช้สมองของมึงคิดเข้าล่ะว่าจะทำยังไง!”

“อย่าเอามือสกปรกของมึงมาแตะตัวกู!”ผมปัดมือที่เอื้อมมาจะจับหน้าของผมออก

“เฮอะ! คิดว่าตัวมึงวิเศษวิโสอะไรนักหนาพวกกูถึงแตะต้องไม่ได้!”ดูท่าว่าผมจะทำมันเดือด ชายหน้าโหดที่มีรอยแผลเป็นตรงหน้าผากถึงกับกระชากคอเสื้อแล้วหิ้วตัวผมแทบลอย

“จะยังไงตัวกูก็ไม่ได้สกปรกไปถึงจิตใจเหมือนพวกมึง!”

ไม่สิ้นประโยค ร่างของผมถูกโยนลงพื้นหลังลงกระแทกพื้นปูนเต็มน้ำหนัก สะกิดความเจ็บเก่าร้าวขึ้นมาตามเส้นประสาท ก่อนสามร่างยักษ์ที่ไม่กลัวโดนเรียกหมาหมู่ก็กรูเข้ามา ผมใช่แรงเท่าที่มีเข้าสู้แม้จะรู้ว่าสู้ไม้ไหวก็อย่าให้มันสบประมาทได้ เท้าแตะตีนถีบมือต่อยผมปล่อยหมัดอย่างไร้ทิศทาง ปล่อยแตะไปหนึ่งถูกคืนหมัดไปสามถึงไม่แฟร์แต่ผมก็ยังสู้

ผลสรุป.....คงจะชัดเจนตั้งแต่จำนวนคนแล้ว

“สมน้ำหน้าปากดีนัก คืนนี้ก็นอนกับหมาข้างถนนแถวนี้ไปก็แล้วกัน ถ้าโชคดีคงเจอเสี่ยกระเป๋าหนักอุ้มกลับไปนอนรัง”คำพูดที่ทั้งดูถูกและเหยียดหยามแสดงถึงความสะใจจนออกนอกหน้า พวกมันสะบัดก้นหนีไปหลังจากโยนร่างของผมที่รองมือรองเท้ามันจนสาแก่ใจ

ถุย! ผมพ่นเลือดคาวๆ ที่ปนกับน้ำลายออกมา แทบจะไม่รู้เลยว่าเลือดรสชาติเป็นยังไง เจ็บจนชาชนิดที่หน้าแทบไม่รู้สึก ผมพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นโดยไม่ร้องขอความช่วยเหลือสักคำ มีแต่ต้องกัดฟันพาตัวเองออกมาจากที่สกปรกตรงนั้นให้ได้
แสงไฟจากท้องถนนที่ดูสว่างจ้า แต่รถที่แล่นผ่านไปมาแทบจะไม่มี ผมพาร่างกายที่บอบช้ำพยายามข้ามฝั่งไปอีกฟาก เพราะไม่ไกลไปจากนี้จะมีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ๆ ผมคงต้องใช้ที่นั่นเป็นบ้านชั่วคราวไปก่อน จะให้โทรไปหาไอ้บัส หรือไอ้ปอนตอนนี้เรื่องคงจะยุ่ง ที่อยู่เก่าก็โดยไล่ออกมาแล้ว

“ทนอีกนิดไอ้ธัน”ผมกัดฟันกรอดพยุงร่างตัวเองข้ามถนน ถนนสองเลนที่ดูว่าแคบกลายเป็นไกลถนัดตา

อีกแค่ครึ่งทาง.....เท่านั่น

ปี๊น ปี๊น!!!!!

ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ จะมีรถขับมาในตอนนี้ เสียงแตรรถบีบไล่เตือนห่างจากผมประมาณ 100 เมตร ไฟจากหน้ารถส่องเข้าดวงตาของผมวูบใหญ่ทำทุกอย่างดูสว่างจ้าไปหมด มองอะไรไม่เห็นนอกเสียจากแสงจากดวงไฟหน้ารถที่พุ่งตรงมาใกล้ทุกที แต่ตอนนี้ผมมีแรงที่จะหลีกหนีซะที่ไหน

ถ้าตอนนี้มันเป็นจุดจบ ผมคิดว่ามันพอแล้วจริงๆ กับความยากลำบากในชีวิตนี้

ตายซะได้ก็ดี!

เอี๊ยด!!!!!



>>>>> to be continued  :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2016 18:12:53 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



5



“รู้สึกตัวแล้วใช่มั้ย”เสียงทุ้มต้ำเอ่ยถาม ผมยกมือตัวเองขึ้นจับศีรษะเพราะรู้สึกวิงเวียนและมีอาหารบีบตรงขมับ สายตาของผมค่อยๆ ปรับกับแสงไฟจนเริ่มมองเห็นสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันแสดงถึงความสงสัยใคร่รู้

ผมไม่ได้ตายไปแล้วแล้วรึไง?

นั่นคือคำถามที่ผุดขึ้นในความคิด แต่คอของผมแห้งผากเกินกว่าจะพูดอะไรได้ แต่คงไม่ต้องสงสัยเพราะผมไม่ได้ฟั่นเฟือนจนคิวว่าตัวเองตายไปแล้ว ในเมื่อสภาพแวดล้อมที่ผมมองเห็นมันช่างคุ้นตา

“ต้องการอะไรรึเปล่า”น้ำเสียงที่ฟังดูเรียบเฉยเอ่ยถาม

“น้ำ.....”ผมตอบคำถามอย่างไร้สติ กระพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่ความขุ่นมัว ชายร่างสูงหน้าตาคุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนยืนแก้วน้ำที่ใส่หลอดให้ผม ผมยันตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลก่อนจะคว้าน้ำเข้ามาดื่มจนหมดแก้วอย่างไม่คิดอะไร และมองเขาอย่างใช้ความคิด ทั้งเสื้อผ้าการแต่งตัวที่ดูสุภาพและรัดกุม ใบหน้าออกไปทางลูกเสี้ยว แต่ดูท่าทางยังหนุ่มแต่อายุคงเยอะกว่าผม คิดยังไงผมก็ยังนึกไม่ออกจึงตัดสินใจถามออกไป

“คุณคือ.....”

“ฉันชื่ออาเธอร์ เราเคยพบกันแต่นายอาจจะแค่คุ้น แต่คงจำไม่ได้”ผู้ชายที่ดูมาดเข้มคว้าแก้วเปล่าไปจากมือผมก่อนจะวางไปยังที่เดิม

“ขอโทษนะ ผมจำไม่ได้จริงๆ ว่าเราเคยเจอกันที่ไหน”ผมขมวดคิ้วยุ่ง

“ที่ร้านอาหารเหตุการณ์ในคืนนั้น”ผมถึงบางอ้อทันที

“งั้นเมื่อคืนคุณก็เป็นคนขับรถคั้นนั้น?”เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับเขา

“เปล่า”

“แอ๊ะ! ถ้าไม่ใช่คนที่ขับรถเมื่อคืนแล้วคุณมาเจอผมได้ยังไง”ผมพยายามนึกและประติดประต่อเหตุการณ์ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่ได้มีบาดแผลเพิ่มเติมแสดงว่าผมยังโชคดีอยู่

“ฉันเป็นคนขับเอง”คนที่ทำให้ผมไม่ทันจะคาดคิดเดินเข้ามา อาเธอร์ถอยห่างผมไปเล็กน้อยก่อนจะค้อมตัวคำนับฟรานซิสที่เดินเข้ามา เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้อาเธอร์ แล้วอาเธอร์ก็เดินออกไป

ตลกนา! นี่มันบุพเพอาละวาดหรืออะไรวะเนี้ย ผมเพิ่งจะโดนพวกเขาเอาไปทิ้งเมื่อไม่กี่วันก่อนนะ แต่กลับมาเจอกันแบบคาดไม่ถึงแบบนี้มันไม่ตลกรึไง

บ้าเอ้ย! ผมโคตรงงกับสถานการณ์ตอนนี้มากพยายามนึกแล้วนึกอีกว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว นายล้มลงกลางถนนตอนที่ฉันขับรถผ่านไปแถวนั้นพอดี”ฟรานซิสนั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ถูกวางไว้ข้างเตียง มือใหญ่ของเขาประสานไว้บนตักที่ตัวเองนั่งไขว่ห้างพร้อมใช้สายตาที่ดูร้อนแรงนั่นมองผม

บอกตรงๆ ว่าผมรู้สึกไม่กล้าสบตาของเขาสักเท่าไหร่ มันให้ความรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก แต่ผมจะเมินเลยก็เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเขากำลังพูดกับผม

ถึงจะเป็นครั้งที่สอง...ไม่ใช่สิครั้งที่สามที่เราได้เจอกัน แต่ผมก็ยังรู้สึกเกร็งจริงๆ แต่ก็ขอบคุณบุญกรรมที่ผมได้ทำมา ถึงให้ผมมีโอกาสมาเจอเขาอีกครั้งไม่ว่าจะด้วยอะไร

“คุณช่วยผมไว้ ขอบคุณมากครับ”น้ำเสียงของผมมันคงฟังแล้วดูตลกแน่ๆ

“นายไปเจออะไรมา?”ฟรานซิสเอ่ยถามพร้อมกับเดินตรงดิ่งเข้ามาหาผม ผมขยับตัวเล็กน้อยด้วยความตื่นกลัว แอบซี๊ดเบาๆ กับความปวดเนื้อเมื่อยตัว

“ผมโชคไม่ดีเองที่ไปเจอเข้ากับหมาฝูงนึง”ผมหัวเราะฝืดๆ แต่ฟรานซิสกลับเอื้อมมือมาจับปลายคางผมแล้วเชิดขึ้นใช้สานตาคู่คมมองอย่างสำรวจ

“ฉันชอบอะไรที่ไม่อ้อมค้อมนะ”ผมเบี่ยงหน้าหลบจากสัมผัสที่ทำเอาหน้าร้อนฉ่าก่อนจะยิ้มเห่ยๆ กลับไปให้
ก็ผมบอกไปแล้วว่าผู้ชายตรงหน้าเสน่ห์เขามันร้อยกาจ ผู้ชายอย่างผมยังต้องอาย

“ถ้าฉันบอกว่าฉันเจอไอ้พวกบ้านั่น นายคงจะหัวเราะ”

“ทำไมฉันต้องหัวเราะ”

“เพราะมันดูบ้าบอเกินไปที่ฉันจะโดนพวกนั่นทำร้ายอย่างที่มันควรจะเป็น”

“นายคิดว่าเพราะฉัน?”

“ใครจะกล้าคิด ผมไม่ได้พาดพิงถึงคุณสักประโยค ก็แค่....ผมมันซวยเอง หาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น ว่ามั้ยครับ?”
ประโยคที่แฝงไปด้วยคำตัดพ้อ ฟรานซิสคงฉลาดพอที่จะรู้สึกได้ แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมผมถึงต้องตัดพ้อเขาจริงจังขนาดนี้นะ

“ฮึ”จู่ๆ ผู้ชายตรงหน้าก็หลุดขำ ผมหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจ แถมภาพตรงหน้ายังดูแปลกตาไปอีก ใครจะคิดว่าผู้ชายที่มาดมาเต็ม ลูกน้องดูเทิดทูนจะขำกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ แต่ขนาดขำยังหล่อเห็นแล้วหงุดหงิดตัวเองว่ะ!

ผมใช่ตัวตลกสำหรับเขาหรือไง

“คุณขำอะไร”ผมทำหน้าบึ้ง

“ก่อนหน้านี้ที่นายร้องขอฉัน เพื่อความสบายใจของฉันและนาย.....ชื่อธันใช่มั้ย?”

“ใช่ครับ”

“ฉันจะให้งานนายทำก็แล้วกัน”

“ห๊า! นี่คุณฟรานซิสพูดจริงใช่มั้ย”ผมหูตาสว่างทันที มองฟรานซิสเป็นพระเจ้ามาโปรดทันที

“นายดูดีใจ”

“ก็แน่นอนน่ะสิ ผมมีความหวังแค่คุณคนเดียวจริงๆ”ผมเผลอยื่นมือไปกุมมือของฟรานซิสอย่างไม่รู้ตัว“ขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ”

“เอาเป็นว่างานของนายคือ.....”


ผมต้องใช่มารยาแค่ไหน ลูกอ้อนเท่าไหร่ถึงจะได้งานนี้มาได้ และความต้องการของผมมันก็เป็นจริง ฟรานซิสอยากให้ผมไปทำงานในบริษัทของเขา แต่ผมปฏิเสธไปเพราะอ้างว่าผมไม่มีความสามารถพอและยังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในการไปเรียน ฟรานซิสเสนอให้ผมไปเป็นคนส่งเอกสาร แต่ผมก็บอกปัดไปว่าไม่ใช่คนที่คุ้นชินเส้นทางได้ง่ายๆ งานอาจผิดพลาด ร่ายสารพัดงานจนไปจบที่คนสวนและนั่นคือคำขาดที่ผมบอกกับฟรานซิสว่า

“ถ้าคุณให้งานที่คิดว่าผมทำได้ดีผมคงรับปากไปแล้ว คุณไม้ไว้ใจผมคุณก็แค่ส่งผมออกไปให้พวกนั้นมันจัดการผมก็แค่นั้น”

“..........”

เท่านั้นผมถึงได้ยินในสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดนั่นคือ

“ถ้านายยืนยันที่จะทำฉันก็จะให้ แต่งานที่ได้อาจมากว่าที่นายคิด”

มีหรือที่ผมจะปฏิเสธ ในที่สุดผมก็เข้ามาอยู่ในเพนท์เฮาส์ส่วนตัวของฟรานซิสฐานะผู้ดูแลบ้านจนได้ แต่กว่าจะเข้ามาถึงรังของเขา ผมต้องผ่านหลากหลายมาตรการขั้นตอนในการตรวจค้น แถมยังโดนเหล่าบอดี้การ์ดค้นตัวจนแทบจะควักไส้ออกมาให้ดูอยู่แล้ว แค่ตรวจค้นก็กินเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง

ผมออกมารับงานที่นี่เต็มตัว งานที่บาร์ผมก็ขอพี่เงาะลาออกมาแล้ว และขอไม่รับเงินค่าแรงที่ยังค้างด้วย ผมถือว่าเป็นการรับผิดชอบที่มันอาจจะเล็กน้อยต่อความเสียหายเสียเวลาของพี่เงาะไปได้บ้าง เพราะถ้าผมให้เงินตรงๆ พี่เงาะคงไม่รับ

ความลำบากของผมตอนนี้คือพวกไอ้แก่เฉิน มันติดต่อผมมาว่าให้รายงานข่าวความเคลื่อนไหวของฟรานซิสให้มันรู้ ผ่านโทรศัพท์โดยเมมชื่อมันว่า‘อากง’ซึ่งผมอยากจะเผากงเต็กใส่พริกใส่เกลือส่งให้มันใจจะขาด หรือมันบอกว่าไม่ก็ส่งรหัสลับตามที่ตกลงกันไว้ ถ้าผมตุกติกมันก็ขู่เอาชีวิต ถึงจะเป็นแค่คำขู่ถ้ามันทำจริงๆ ชาตินี้ผมคงใช่ชีวิตอย่างไม่มีความสุขแน่ๆ ทุกอย่างต้องกันไว้ก่อน มาแก้ทีหลังมันก็สายไป

ตอนนี้ผมก็ต้องอาศัยบ้านไอ้บัสมันอยู่ชั่วคราว และคงไม่นานเพราะไม่อยากให้มันเดือดร้อน ไม่ได้เล่าเรื่องบ้าๆ ที่ผมกำลังทำตอนนี้ให้ใครฟัง เพราะทุกอย่าถือเป็นความลับ

วันนี้เป็นวันแรกที่ผมมาทำงานที่เพนท์เฮาส์ของฟรานซิส ก่อนหน้านี้ผมนอนพักรักษาตัวอยู่บ้านไอ้บัสประมาณ 3 วัน และตกลงกับฟรานซิสว่าจะมาทำงานวันนี้ในตอนบ่าย  3 โมงเย็นเป็นต้นไปจนกระทั่งงานเสร็จไม่เกิน 3 ทุ่ม และบางวันอาจจะขอมาเช้าหากมีเสื้อผ้าหรือของที่ต้องทำความสะอาดในช่วงนั้น หยุดเฉพาะวันอาทิตย์ และสามารถลางานได้ล่วงหน้า 1 วัน

เรื่องอาหารอาเธอร์บอกผมว่ามื้อเช้าเขาไม่ทาน แต่จะดื่มกาแฟเสียส่วนใหญ่ กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลคือสิ่งที่เขาดื่ม ส่วนมื้อเที่ยงก็ไม่จำเป็น มื้อเย็นมีบ้างหลังเลิกงานแค่บางครั้ง เพราะส่วนใหญ่ทานมาจากข้างนอก ส่วนวันหยุดของฟรานซิสคือวันเสาร์ การไม่รบกวนเวลานอนของเขาคือกฎที่ต้องปฏิบัติ ห้ามนำดอกไม้ทุกชนิดเข้าไปเพราะฟรานซิสแพ้เกสรดอกไม้ นี่คือส่วนน้อยที่ผมพอจะจำได้ และมีกฎเกณฑ์อีกต่างๆ มากมายที่จดอยู่ในสมุดเป็นตั้ง

ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิดที่ใช้วิธีการนี้ตีสนิทกับเขา แต่ละวันก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลยด้วยซ้ำ นี่มึงทำอะไรลงไปวะไอ้ธัน!

ผาง!

ในที่สุดผมก็เปิดประตูผ่านด่านอรหันมาได้สำเร็จ ผมเพิ่งจะสังเกตให้เต็มตาก็วันนี้ว่าที่นี่กว้างแค่ไหน และไม่สามารถประเมินค่าได้เลยว่าทั้งหมดนี้ราคาเท่าไหร่กันแน่ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกับเฟอร์นิเจอร์ ของประดับตกแต่ง หรือแม้แต่หัวก๊อกน้ำ หากผมทำบางอย่างพังคงต้องเฉือนเนื้อหักกระดูกตัวเองขายชดใช้

ผมเดินสำรวจดูรอบๆ ไม่พบแม้แต่รูปถ่ายของผู้เป็นเจ้าของเลยแม้แต่น้อย เจอแต่แก้วเป่ามากมายที่วางโชว์อยู่เต็มชั้นกระจก ผมคงเดาว่าฟรานซิสคงจะชอบอะไรประมาณนี้ ผมเดินดูไปเรื่อยๆ อย่างตื่นตาจนสะดุดใจเข้าให้กับแก้วเป่าที่ถูกทำให้เป็นรูปอาชาไนยดูสง่า ผมตั้งท่าจะเอื้อมมือไปหยิบแต่ทว่าเสียงของอาเธอร์ที่ดังอยู่ในโซนประสาทของผมก็เตือนไว้

“อย่าได้หยิบจับอะไรในที่ที่มันควรจะวางอยู่ นั่นคือสิ่งที่ต้องทำ”

“โอเค ผมจะพยายามไม่แตะต้องอะไรไปมากกว่านี้”

ผมถ่อยห่างอย่างตั้งใจ และหันไปสนใจกับห้องรับแขกที่อยู่ถัดไป ไม่อยากจะเชื่อสายตากับทิวทัศน์ที่สามารถมองผ่านบานกระจกใหญ่ยักษ์นั่นได้ และที่ทำให้ผมแปลกใจระเบียงปีกซ้ายที่ยื่นออกไปก็มีสระน้ำส่วนตัวเล็กๆ ที่ทำเอาผมกรามแทบค้าง และเดินกลับเข้ามาระงับอารมณ์ความตื่นเต้นของตนเอง มองขึ้นไปอีกชั้นจะเห็นได้ว่ามีห้องต่างๆ ที่ถูกปิดประตูไว้ถึง 4 ห้องด้วยกัน ผมเดาว่า 1 ใน 4 ห้องนั้นคือห้องนอนของฟรานซิส

ผมกระตุกยิ้มอย่างได้ใจก่อนจะกระโจนขึ้นบันใดไปยังชั้นบนและแง้มเปิดดูทีละห้องจนถึงห้องสุดท้าย และผมมั่นใจว่าห้องนี้แหละคือห้องนอนของเขา เหตุผลคือ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของฟรานซิสมันอบอวนอยู่ในห้องนี้ ผมจำกลิ่นได้ไม่ผิด สองคือดูเหมือนจะมีการใช้งานห้องนี้อยู่เป็นประจำ และสามคือมันกว้างขวางและดูสะดวกสบายที่สุดจากในสามห้องที่ผ่านมา
ถ้าจะเดินเข้าไปสำรวจนิดหน่อยคงจะไม่เป็นไรล่ะมั้ง

คิดได้ผมก็จัดการเปิดประตูเข้าไป บรรยากาศช่างให้ความรู้สึกเงียบสงบจนบอกไม่ถูก แต่ผมคงไม่ค่อยชอบอะไรที่มันเงียบเกินไปแบบนี้

“อ๊ะ! นั่นโต๊ะทำงานของฟรานซิส”ผมตาลุกวาวรีบกระโจนไปหาทันทีแต่ก็ยังไม่กล้าแตะต้องอะไร ได้แต่ชะโงกหน้าดูสำรวจด้วยสายตา แต่มันเรียบร้อยเกินไปจนไม่เห็นแม้แต่เอกสารหรืออะไรที่น่าสนใจ

ท่าทางฟรานซิสจะเนี๊ยบจนผมคาดไม่ถึงจริงๆ หรือมีห้องลับเหมือนในหนังซ่อนเอาไว้ก็ไม่แน่ ก็เงินมันทำได้ทุกอย่างไม่ใช่เหรอ
ปึก! ปึก!

“โห นี่ชวนเพื่อนมานอนสิบคนหรือนอนคนเดียววะเนี้ย”ผมตบเตียงทดสอบความนุ่มก่อนจะหย่อนก้นลงไปนั่งแล้วโยนตัวทดสอบ
ชาตินี้ทั้งชาติผมคงไม่ได้มีโอกาสรวยได้แบบนี้แน่ๆ เขาทำบุญมาด้วยอะไรผมอิจฉาเป็นบ้า!

ตึก!

“สบายสุดๆ......”ผมมองซ้ายมองขวาแล้วล้มตัวลงนอนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่แถวๆ ปลายเตียง ก่อนจะใช้มือสองข้างกวาดไปรอบๆ ผืนเตียงให้สัมผัสที่มันสบายสุดๆ แถมยังได้กลิ่นหอมจางๆ ของฟรานซิสติดอยู่ทำเอาผมรู้สึกคิดไปเอง จนเผลอจิตนาการถึงเจ้าของเตียงตอนนอนหลับ

ไอ้ธันนนน! มึงจะจิตนาการทำซากอ้อยอะไรวะ! 

“ถ้าชอบขนาดนั้นให้ฉันยกให้นายมั้ย?”

เชี่ยยยยยย! ร้องในใจดังมาก

ผมสะดุ้งโหยงจากเตียง เมื่อได้ยินเสียงฟรานซิสดังมาจากข้างๆ หัวใจผมแทบร่วงลงตาตุ่ม รีบแก้สถานการณ์โดยทำทีเป็นปัดๆ ดึงๆ ผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมราบทั้งเตียงซึ่งผมเพิ่งจะทำมันยับไปเล็กน้อย
 
“บอส! คุณมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง”ผมทำหน้าเลิ่กลั่กยืนตัวเกร็ง มองฟรานซิสที่เดิมเข้ามาประชิดตัวผมด้วยท่าทีสุขุม

“หืม.....นายเรียกฉันว่าอะไร?”

“บอส ก็อาเธอร์ก็เรียกคุณแบบนั้น แล้วตอนนี้คุณก็เป็นเจ้านายของผม”

“นายไม่จำเป็นต้องเรียกฉันแบบนั้น ฉันได้ยินจากที่ทำงานจนเบื่อแล้ว ฉันไม่อยากให้บ้านกลายเป็นที่ทำงาน”ฟรานซิสเอ่ยพลางดึงรั้งเนคไทให้คลายออก

“ก็ได้ครับ”ผมก้มตาต่ำลงนิด เมื่อเผลอมองกิริยาท่าทางคนเขาไม่วางตาจนดูเสียมารยาท

“แล้ว...ตกลงเมื่อกี้นายกำลังทำอะไร ดูตกใจเชียว”เสื้อสูทถูกผู้สวมใส่ถอดออกและโยนลงบนเตียง ก่อนร่างสูงจะกอดอกรอฟังคำตอบ

คือผมควรจะดีใจมั้ย นี่มันอภิมหากาพย์ความกดดันเลยเว้ยเฮ้ย!

“ปะเปล่า ผมแค่เผลอเอนตัว แล้วก็ตกใจที่คุณกลับมา….”

“ฮึ ฉันควรจะบอกนายก่อนกลับมาบ้านตัวเองด้วยดีรึเปล่า?”

“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ผมแค่เอ่อ...ตกใจ ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาเร็ว”ผมเอี้ยวหน้าหลบสายตาของฟรานซิส พยายามเขยิบห่างเพราะตรงนี้มันไม่เหมาะเท่าไหร่ที่ผมจะยืน
 
“ถ้าฉันกลับมาช้าคงเห็นนายหลับอยู่บนเตียง”ฟรานซิสเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้น้ำเสียงฟังดูทีเล่นทีจริง หน้าของผมใกล้เสียงจนลมหายใจอุ่นๆ ของเขาเป่ารดใบหน้า แม้เขาจะไม่ได้แตะต้องตัวผมแต่มันให้ความรู้สึกประหม่าขาแข็งไปหมด แค่ภายนอกที่แสดงออกมันยังชัดเจนไม่พอหรอกว่าเขามีนิสัยยังไง อาจจะน่ากลัวกว่าที่ผมจิตนาการไว้ก็ได้

เสือยิ้มน่ะ รู้จักใช่มั้ย?


“ผะผมแค่จะนอนดู ไม่ได้จะนอนจริงๆ สักหน่อย ก็เตียงมันสบายขนาดนี้”ประโยคท่อนหลังผมเสียงอ่อนจนแทบพูดอยู่ในลำคอ
ฟรานซิสคงมองว่ามันเป็นคำแก้ตัวที่ดูทุเรศที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมาเลยก็ได้ แต่ใครจะรู้ว่ามันคือเรื่องจริงที่ผมหลุดปากออกมา

“งั้นจะลองนอนกับฉันดูสักคืนไหม?”ดวงตาพราวระยัยส่งความรู้สึกวูบวาบเมื่อร่างสูงสง่ายกมือขึ้นลูบคางสากมองผมอย่างสำรวจ

“ไม่ครับ! ผมไปทำงานดีกว่า”เขาแสดงออกราวกับผมเป็นเหยื่อ ร้อยยิ้มกริ่มของฟรานซิสทำหัวใจผมกระตุกวูบ ผมอ่านความคิดเขาไม่ออกตลอดจนการกระทำ เขาทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย

“..........”

“บอส….เอ่อคุณฟรานซิส มื้อเย็นคุณต้องการจะทานอะไรรึเปล่าครับ”ผมโผล่หน้ามาที่กรอบประตูห้องอีกรอบหลังจากเพิ่งเดินหนีออกไป และเริ่มปรับการเรียกตามที่เจ้านายต้องการ

“ฉันไม่มีแผนจะออกไปไหน ขออะไรที่มันทานง่ายๆ ก็แล้วกัน”

“ถ้าคุณไม่ว่าผมจะทำข้าวผัด คุณทานได้ใช่มั้ย?”

“ก็ไม่เลว”
   
“ตามนั้นนะครับ”ผมรีบวิ่งลงบันไดมาด้านล่างแทบจะทันทีเมื่อได้คำตอบ พอเอามือทาบอกเสียงหัวใจของผมมันยังเต้นเร็วอยู่เลย อาจเพราะผมเพิ่งจะวิ่งลงมาจากด้านบนก็ได้

ทั้งที่การสนิทกับใครสักคน หรือสนทนาให้ดูเป็นมิตรไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม แต่พอมาเจอคนๆ นี้ แม่ง! สกิวผมมันห่วยแตกมากจริงๆ




>>>>>to be continued :bye2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-07-2016 14:55:24 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
กินเลยค่ะบอส!

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tukkata bambola

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รู้สึกเป็นห่วงอนาคตน้องธันจะเจอเรื่องอะไรอีกเนีย

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
บุคลิกบอสนี่มัน กร๊าวใจเราจริงๆเลยยยยย :katai5:

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



6


ก๊อก! ก๊อก!

“อาหารพร้อมแล้วถ้าคุณจะทานเลย.....”

ผาง!

ไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคประตูตรงหน้าก็เปิดออก ภาพแรกที่ผมเห็นคือฟรานซิสในชุดที่ดูสบายๆ ต่างจากที่ผมเคยเห็น เสื้อไร้ปกปลดกระดุมสามเม็ดแขนสั้นสีเท่ากับกางเกงขายาวสีขาวดูสบายๆ เดินออกมา กลิ่นหอมแชมพูละมุนจนชวนเคลิ้ม พาลให้ผมสติหายไปชั่ววูบแต่ก็กลับมาสู่สถานการณ์ได้ทัน

“ผ้ากันเปื้อนนายดูน่าสนใจดี”

“มันไม่สำคัญหรอกครับ”ผมรีบถอดมันออกเพราะดูน่าอายเกินไปที่ผู้ชายจะเดินใส่ผ้ากันเปื้อนระบายลูกไม้ไปทั่วบ้าน มันไม่ได้เป็นของผมแต่แรก อาจจะเป็นของเมดคนเก่าผมแค่ยืมมาใช้

“ฉันลืมบอกไปว่าคืนนี้ฉันจะดื่ม เตรียมกับแกล้มไว้ให้หน่อยก็ดี”

“หมายถึงดื่มคนเดียวหรือมีใครมาดื่มด้วยครับ”ผมเดินตามเขาลงบันไดไป

“คนเดียว หรือนายสนใจจะดื่มเป็นเพื่อนฉัน”

“ไม่ดีกว่าครับ เจ้านายกับลูกน้องผมไม่คิดว่ามันจะเหมาะหรอกครับ”

“ฉันคิดว่านายจะตอบว่าไม่ดื่มของพวกนี้ซะอีก”

“ผมไม่ได้ใสซื่อนะครับ”

“จากที่เห็นนายนอนรอฉันที่เตียงก็พอเดาออก จริงมั้ย?”

ปั๊ก! ผมโดนเข้าไปอีก 1 ดอก

“มันไม่ได้มีความหมายแบบนั้นครับ!”ผมแทบสะดุดขาตัวเองล้มพรืดเมื่อฟรานซิสพูดขึ้น จริงๆ เขาไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าวันแรกที่เจอ แต่เขาจะน่ากลัวก็ตอนที่ใช้คำพูดล้วงความคิดคนนี่แหละ แล้วก็...สายตาของเขาด้วย

“ฉันคงเข้าใจผิดไปเอง”

“รีบกินก่อนที่มันจะเย็นดีกว่าครับ”ผมเปิดฝาครอบจานออก ข้าวผัดที่สามคมกินอยู่ตรงหน้าของฟรานซิส เขาดูอึ้งจนผมแปลกใจ

“..........”

“มีอะไรครับ หรือว่ามันดูน่าเกลียด”

“เปล่า แค่ปริมาณมันเยอะเกินไป ฉันคงกินมันไม่หมด”

“เยอะ? ผมคิดว่าคุณจะทานมันหมด”ผมกะเอาจากขนาดตัวของเขาว่าเขาน่าจะกินสักเท่าไหร่ แต่เปล่าเลยเขาทานเท่าจำนวนคนปกติดูจากปริมาณที่เขาแบ่งออก

“ที่เหลือของนายกินสิ”เขาเลื่อนส่วนที่แบ่งออกมาให้ผมแล้วพยักเพยิดสิ่งที่เขายกให้

“ไม่เป็นไร คุณทานเถอะครับ”ผมตั้งท่าปฏิเสธ ถึงจะหิวแต่จะกินพร้อมกันมันก็ยังไง ผมถนัดนั่งกินข้าวคนเดียวมากกว่าที่จะกินกับคนไม่คุ้นเคย

“ถ้านายไม่กินฉันจะเชื่อได้ไงว่ามันปลอดภัย”ฟรานซิสกอดอกนั่งไขว่ห้างมองจานข้าวผัดตรงหน้า เหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่ ผมว่าชีวิตนี้เขาคงอยู่ด้วยความหวาดระแวงมาตลอดชีวิตสินะ และวันนี้ก็แถมผมมาอีกคนให้เขาได้ระแวงไปอีก

“ก็ได้ครับ ผมจะกินที่เหลือทั้งหมดเอง คุณจะได้เชื่อสักทีว่ามันปลอดภัย แถมอร่อย!”ว่าแล้วผมก็จัดการเลื่อนเก้าอี้นั่งลงกินข้าวผัดที่ตัวเองทำตรงหน้าให้เขาเห็นอย่างประชดประชัน ฟรานซิสนั่งมองผมไม่วางตาจนกระทั่งผมเพิ่งรู้สึกว่าเขาเอาแต่ยิ้มกริ่มไม่แม้แต่แตะข้าวสักเม็ด

ท่าทางวางมาดเข้มจนกาแฟเรียกพี่มันอยู่ในสาดเลือดของเขาหรือไง ผมสงสัยจริงๆ

“ทำไมไม่กินล่ะ ฝีมือผมก็ไม่ได้ต่างจากเชฟระดับโรงแรมหรอกนะครับ อร่อยกว่าซะด้วยซ้ำ”ผมลุกขึ้นยกจานข้าวที่ตัวเองกินซะเกลี้ยงเดินเข้าไปเก็บในส่วนของครัวแล้วเดินออกมา เรียกได้ว่าอิ่มสุดๆ จนต้องรองขอชีวิต!

ฟรานซิสยังคงนั่งอยู่เหมือนเดิมไม่แตะข้าวผัดเลยสักนิด

“ฉันลืมไปว่าเพิ่งจะกินมาบ้างแล้ว จานนี้ฉันยกให้นายกินให้หมดก็แล้วกัน”เจ้าตัวพูดเสร็จก็ผุดลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเลย ผมสตั๊นไปห้าวิมองแผ่นหลังกว้างที่ผุดลุกขึ้นเดินออกไปอย่างไม่แคร์สื่อ

อึ๊ย! แล้วจะให้ผมมายุ่งยากผัดข้าวเพื่ออะไร!

ผมว่าผมชักจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ เห็นหน้าหล่อๆ แต่เหลี่ยมเยอะใช่เล่น

“ฉันขอกลับแกล้มที่สั่งไปด้วย ฉันจะรอที่ห้องรับแขก”ร่างสูงเดินลิ่วออกไป ผมนี่ถึงกับสั่นเป็นสันนิบาตรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา แต่ก็ต้องข่มอาการ

คอยดูเถอะฉันจะปอกนายให้ไอ้แก่เฉินนั่นหมดเปลือกเลย!



กึก!

ฟรานซิสเหลือบสายตามองผมเมื่อกับแกล้มตรงหน้าที่เขาต้องการพร้อมแล้ว รวมทั้งเครื่องดื่มสำหรับผู้ใหญ่ เขาขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะวางเอกสารในมือลงตรงโต๊ะข้างหน้า ฟรานซิสยื่นมือมาเพื่อรับแก้วที่มีน้ำสีอำพันอย่างที่เขาต้องการ เขายกขึ้นจิบแล้ววางมันลง

“ดูนายเหมือนจะเข้าใจจัด”

“มันไม่ใช่เรื่องยากเสียหน่อยในตู้เย็นก็พอจะมีของบ้าง”ผมเลื่อนถาดผลไม้จำพวกรสเปรี้ยวไปไว้ตรงหน้าฟรานซิสให้เขาถนัดที่จะเอื้อมมาหยิบมันถึง แต่ผมเดาว่าคนอย่างเขาไม่น่าจะแตะของตรงหน้าเกิน 2 ชิ้น ไม่เชื่อเอาตีนมาถีบหน้าผมเลย

“นายท่าทางจะหัวไว ตอนนี้นายกำลังเรียนคณะอะไร?”

“ผมเรียนบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจสมัยใหม่”

“ทำไมถึงอยากเรียนบริหาร”

“ผมบอก คุณคงจะหัวเราะ”จากยืนตอนนี้ผมเลือกที่จะนั่งลงกับพื้นและปล่อยให้ฟรานซิสใช้อภิสิทธิ์เจ้าของบ้านจับจองโซฟาแต่เพียงผู้เดียว

“บอกมาสิ จะได้รู้ว่าฉันจะหัวเราะรึเปล่า”

“ถ้าหากบอกไปแล้วคุณหัวเราะผมก็เสียเซลฟ์ฟรีๆ น่ะสิ ผมขอเก็บไว้เป็นความลับดีกว่า”

“แล้วทำไมถึงไม่เลือกงานบริษัทซึ่งนายน่าจะเหมาะ แต่กลับขอมาเป็นคนทำความสะอาด?”

ตอบยังไงให้ดูดีวะ อย่างกับสัมภาษณ์พนักงานใหม่!

“ถ้าจะให้ได้งานแบบนั้น ผมขอเอาความสามารถเข้าแลกดีกว่า มันดูไม่แฟร์ และผมยังเป็นแค่นักศึกษาเรียบก็ยังไม่ทันจะจบด้วยซ้ำจะทำอะไรได้”

“การกอบโกยประสบการณ์เอาไว้ฉันคิดว่ามันสำคัญ”

“ขอบคุณที่แนะนำครับ”

ถ้าไม่เพราะเรื่องไอ้โชค หากมีโอกาสเข้ามาแบบนี้ผมคงไม่ถือดีพูดแบบนั้นหรอก

“อืม...นายนี่มันก็หัวแข็งน่าดู”ผมรินเหล้าให้ฟรานซิสเป็นแก้วที่สอง

“คุณดื่มไปแล้วกันครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปทำงานก่อนถ้ามีอะไรก็เรียกผมแล้วกัน”ผมผุดลุกขึ้น ฟรานซิสมองตามแต่ไม่ได้พูดอะไร
ผมควรจะทำหน้าที่ให้สมกับที่เขาจ้างสินะ หากมีอะไรแอบแฝงมันก็จะได้ดูไม่น่าสงสัย การเอาใจเขาเล็กๆ น้อยๆ ก็คงจะเป็นหน้าที่ผมเช่นกัน ว่าแต่.....ที่นี่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้างรึเปล่าเนี้ย ผมเดินเตร่หาแล้วจนทั่วแต่ก็ไม่พบ แต่ที่นี่จากที่ผมก้าวเข้ามา บอกตรงๆ ว่าโคตรสะอาด

“เอ่อขอโทษนะครับ”ผมโผล่หน้ามาหาฟรานซิสอีกรอบ เขาแค่เลิกคิ้วเป็นเชิงรับรู้ว่าผมเดินเข้ามา“คุณอาจจะรู้ว่าพวกของใช้ที่จะทำความสะอาดมันอยู่ที่ไหน คุณบอกผมได้มั้ย”เขาลุกขึ้นและเดินมาทางผม แต่ไม่ได้พูดอะไร

“..........”

“คุณแค่บอกผม.....”ผมย้ำอีกครั้ง แต่เขากลับเดินผ่านผมไปกลิ่นแอลกอฮอร์อ่อนๆ ปัดผ่านปลายจมูก ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะให้ผมเดินตาม

“ห้องนี้จะเป็นห้องเก็บของที่ระลึกที่ฉันได้มา ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสื้อผ้า รองเท้า ของที่ฉันไม่ได้ใส่ ส่วนห้องนี้จะใช้เก็บอุปกรณ์ที่นายต้องการ”เขาแนะนำผมแต่ละห้องอย่างละเอียดพร้อมเปิดเข้าไปให้ผมดู และเรามาหยุดอยู่หน้าประตูห้องเก็บของที่ผมต้องการ ฟรานซิสยืนกอดอกกว้างอย่างสง่า แล้วมองผมเป็นเชิงถามว่าผมอยากจะรู้อะไรอีกหรือไม่

“อา....ขอบคุณครับ ผมคงไม่รบกวนคุณแล้ว”ผมเดินเข้าไปด้านในทุกอย่างถูกจัดเก็บเป็นสัดส่วน มีชั้นวางของสำหรับน้ำยาซักล้างและทำความสะอาดหลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของของที่ใช้ทำความสะอาด มันดูละลานตาจมผมแอบอึ้งไปสามวิ
เอาจริงๆ ผมมีแค่ผงซักฟอกห่อเดียวก็แทบทำความสะอาดบ้านได้ทั้งหลัง แต่นี่มันอะไรเนี้ยแยกประเภทการใช้งานซะทุกอย่าง จะเยอะไปไหน ยุบยิบยุบยับไปซะหมด คนก่อนหน้านี้จบด็อกเตอร์ด้านการทำความสะอาดมารึไง

งานแรกขอเป็นเช็ดถูกระจกก่อนก็แล้วกัน เอาอะไรที่มันเบาๆ ก่อนเป็นการวอร์มร่างกาย แล้วน้ำยาสำหรับเช็ดกระจกอยู่ไหนอีก?
โอ๊ยยยยยย! ยุ่งยากชิบ!

ผมเดินทอดน่องไล่ดูบรรดาน้ำยาต่างๆ บนชั้นวางที่สูงยันเพดาน ก่อนจะเจอฉลากที่คุ้นตา และผมมั่นใจว่าใช่

ฮึบ! แต่แม่งใช้ลิฟท์ขึ้นไปเก็บเปล่าวะสูงชิบหาย! สาบานว่าผมแขย่งปลายเท้าสุดความสูงปลายนิ้วกลับแตะได้เพียงขอบชั้นวาง
หงุดหงิด! กระโดดอีกหน่อยก็ได้วะ แม่งเสียศักดิ์ศรีความสูงของลูกผู้ชายหมด!

ปึก!

แล้วอยู่ดีๆ แผ่นหลังของผมก็รู้สึกเหมือนกระทบเข้ากับบางอย่าง แขนที่ดูแข็งแรงก็ยื่นผ่านตัดหน้าผมเอื้อมหยิบสิ่งที่ผมต้องการ ผมหันตัวกลับไปด้วยปฏิกิริยาตอบสนองทันทีก็เจอกับฟรานซิสที่ยืนคร่อมหลังผมซะจนหาทางออกไม่ได้ แผงอกกว้างของเขาอยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงสิบเซ็น ทำให้กลิ่นโคโลญอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นแฮลกอฮอร์อบอวนอยู่ในจมูก สาบานได้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูกล้ามหน้าอกแน่นๆ ของเขา แต่มันบังเอิญโผล่ออกมาจากคอเสื้อเข้าตาผมพอดี

บัดสีบัดเถลิงมั้ยล่ะมึงไอ้ธัน!

“ถ้านายคิดได้น่าจะใช้เก้าอี้รอง”ฟรานซิสพูดกับผม แต่เพราะผมมัวคิดจนสติกระจุยกระเจิงเลยพานให้สะดุ้งจนถอยร่นไปกระแทกเข้ากับชั้นวาง ขวดน้ำยาชั้นบนจึงสะเทือนและเลื่อนแทบหล่นลงมาใส่หัวแบะ แต่ดีที่ฟรานซิสเอื้อมไปประคองมันไว้ ผมเลยโดนก๊อปปี้ติดชั้นด้วยร่างกายใหญ่โตนั่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ขะขอบคุณ”ผมละล่ำละลักบอกฟรานซิสไปทั้งๆ ที่ไม่กล้าสบตากับเขา ใจผมมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมรู้สึกแปลกๆ จนยากจะอธิบายว่าคืออะไร

เป็นอะไรของมึงวะทำไมต้องสั่นด้วย!

“หน้านายมีเหงื่อ เป็นอะไรรึเปล่า”นิ้วโป้งของฟรานซิสเกลียไล่หยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นเป็นเมล็ดแตงโมบนหน้าผากผมอย่างอ้อยอิ่งราวกับจงใจแกล้ง ผมเอี้ยวหน้าหลบยกมือขึ้นคว้าข้อมือฟรานซิสแล้วดึงออกอย่างตกใจ

“ผะผมไม่เป็นไร แค่อากาศข้างในมันร้อน”ผมยิ้มฝืดๆ บอกเขา คนตรงหน้ากระตุกยิ้มราวกับการมองผมดูประหม่าเป็นเรื่องสนุก
“ร้อน? แต่มือนายดูเย็น”ซวยแล้ว ผมรีบปล่อยมือจากการสัมผัสข้อมือของฟรานซิสออก พยายามหาคำแก้ตัวที่ดูฉลาด

“ฮ่าๆ อุณภูมิร่างกายผมมันก็แปลกๆ อย่างนี้แหละอย่าไปใส่ใจเลยครับ”

“ก็คงจะจริง”ฟรานซิสเลิกคิ้วของเขาขึ้นก่อนจะสอดมือใหญ่โอบต้นคอของผมราวกับจะพิสูจน์ให้แน่ชัด นิ้วโป้งแอบสัมผัสใบหูของผมส่งความรู้สึกเย้าแหย่จนผมสะพรึง

เย้ยยยย! ทำอะไรของเขาเนี้ย!

ชีวิตนี้ผมไม่เคยรู้สึกว่าใครอันตรายเท่านี้มาก่อน ขนาดไอ้แก่เฉินนั่นผมก็แค่กลัวมันเพราะค่ำขู่ที่จะทำให้คนรอบตัวที่ผมรักเป็นอันตราย แต่กับฟรานซิสไม่ใช่.....เขาไม่ได้ให้ความรู้สึกกลัวแบบนั้น

“เอ่อคือ! ผมต้องไปทำความสะอาด ขอตัวก่อน”ผมโดดหนีจากเขาออกมาก่อนจะสุ่มคว้าเอาขวดน้ำยาทำความสะอาดที่ใกล้มืออกมาด้วย

ผมเดินหนีชนิดที่แอบเอาร่างตัวเองไปหลบในมุมมืดในห้องครัว หลังผมพิงเคาเตอร์บาร์ก่อนจะทรุดตัวลงนั่นชนิดที่หมดเรี่ยวแรง
เอากะเขาสิ! เขาทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลยนะ จะมาใจเต้นระส่ำกับผู้ชายตัวเท่าช้างอย่างฟรานซิสน่ะนะ หัวผมคงกระทบกระเทือนหลายครั้งจนเพี้ยน

ถึงเขาจะหล่อ จะเพอร์เฟ็ค จะรวย แต่ยังไงเขาก็ไม่ใช่ผู้หญิงเหอะ! กล้ามอกใหญ่ๆ ก็แทนอกตู้มๆ ไม่ได้หรอกนะ จำไว้ไอ้ธัน!



>>>>> to be continued  :katai2-1:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
บอสขี้อ่อยคือดีงาม ธันใจเต้นไม่แปลกค่ะ ของเขาดีขนาดนี้ ใส่ชุดอ่อยอีก แย่

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4




7


“เป็นยังไงบ้างวะไอ้ธันสำหรับงานใหม่วันแรก มึงดูเบลอๆ นะ”

ผมยืนนิ่งกำลังนึกว่าตัวเองจะทำอะไรก่อนดีหลังจากเข้าห้องน้ำ เอาจริงๆ สติผมหลุดตั้งแต่อยู่ใกล้ฟรานซิสแล้ว คุณคงไม่รู้ว่าหลังจากเหตุการณ์ในห้องเก็บของผมพยายามหลบหน้าเขาสุดชีวิต

“ก็ไม่เป็นไงสบายดี แต่แม่งมีเจ้านายที่กูอ่านความคิดเชี่ยไรไม่ออกเลยจริงๆ”ผมเดินไปเอาถุงนอนมาปูข้างเตียงไอ้บัส โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดของมันผมเลยได้เจอมันก่อนนอน เพราะถ้าปกติผมนอนไปแล้วไอ้บัสจึงจะกลับมา เมื่อก่อนชีวิตผมก็เคยเป็นแบบนั้น ออกเช้ากลับดึก

“เอานา งานวันแรกมึงจะอะไรนักหนา ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ค่อยๆ เรียนรู้ งานใหม่เจ้านายใหม่ไม่ใช่เรื่องแปลก”

“กูกำลังพยายาม”

“เมื่อวานพี่เงาะยังถามถึงมึงอยู่เลยว่ามึงเป็นไงบ้าง กูก็เลยบอกว่ามึงได้งานใหม่เจ้านายรักมาก กอไก่ล้านตัว”

“เชี่ยบัส! มึงก็ไปแหย่ให้พี่เงาะแกนอยด์ เออ แล้วตกลงไอ้ปอนยังทำงานอยู่อีกมั้ยวะ”

“ทำอยู่ แม่งคงจะติดใจที่นั่นเข้าแล้ว กลางคืนหญิงเพียบอาหารตามันเลย”

“บอกมันระวังหน่อย เดี๋ยวเงินจะไม่เหลือ แม่งยิ่งใจใหญ่ชอบฉีกกระเป๋าเลี้ยงหญิงจนไม่มีจะแดก”

“ขี้เกียจเตือน ปล่อยให้มันไส้แห้งแดกมาม่าไปเลย”

“สุดท้ายมันก็อ้อนให้มึงเลี้ยงข้าวมันอยู่ดีป่ะวะ”

“กูจะโทรไปเตือนมันตอนนี้ทันมั้ยวะ”ไอ้บัสถึงกับรีบคว้าโทรศัพท์

“ไม่ทัน เดือนนี้ก็ให้มันแดกข้าวมึงไปก่อนแล้วกัน”

“เชี่ยแล้ว”ไอ้บัสคอตก ผมเดินไปปิดไฟก่อนจะบอกให้มันนอน

“นอนๆ พรุ่งนี้มีเรียน”

“ปลุกกูด้วย”

“เออ”



หลังจากเลิกเรียนคลาสสุดท้ายตอนบ่ายโมง ผมกับไอ้ปอน ไอ้บัสก็นัดก็ไปกินน้ำแข็งใสหลังมอ โดยชวนไอ้จูนมาด้วย ทุกคนสั่งเมนูเดิมๆ จนป้าสวยเจ้าของร้านจำได้ มานั่งปุ๊บก็มีเมนูโปรดมากระแทกปากโดยไม่ต้องสั่งเลย

“กว่าจะมากันครบ”ไอ้จูนตักน้ำแข็งใสเข้าปากแล้วพูดไปด้วย

“เออ ต่างคนก็ต่างยุ่ง เวลาเป็นเงินเป็นทองหมด”

“กินเสร็จพวกมึงจะไปไหนต่อ?”ไอ้จูนถามขึ้น

“กูจะกลับบ้านไปงีบแล้วไปทำงานที่ร้านต่อ”ไอ้บัสบอกพร้อมกับตักนมที่ราดบนหน้าน้ำแข็งของไอ้ปอนเข้าปาก ไอ้ปอนหน้ามุ่ยฉกพุทราเชื่อมไอ้บัสมาเคี้ยวแทนอย่างสะใจ

“ส่วนกูก็ต้องไปทำงานเหมือนกัน กว่าจะเดินทางถึงก็ได้เวลางานพอดี”ผมเฉาะน้ำแข็งให้ละลายรวมกับน้ำแดงก่อนจะเสียบหลอดดูดน้ำ

“อ้อกูลืมบอกไอ้ธัน หอที่มึงฝากกูไปดูให้อีกอาทิตย์จะมีคนย้ายออก ถ้ามึงจะอยู่ก็รีบไปจองคิวไว้เลย เพราะที่นั่นถูกแถมยังมีคนจ้องจะเข้าอยู่เพียบ เสียอย่างเดียวหาความปลอดภัยไม่ค่อยได้แถมเจ้าของดุเหมือนหมา ถ้าเป็นผู้ชายก็โอเคอยู่ มึงสนป่ะ”

“เออกูสน ขอเบอร์ที่นั่นหน่อย”ผมเมมเบอร์โทรศัพท์จากมือถือไอ้จูน เพราะผมก็ร้อนที่จะออกมาหาที่อยู่ด้วยตัวเองเหมือนกัน ถ้าถูกและมีที่ซุกหัวนอนผมก็เอาทั้งนั้น ไม่อยากรบกวนบ้านไอ้บัสนานแกรงใจมัน

“มึงไม่ต้องรีบก็ได้ไอ้ธันอยู่กับกูไปก่อน”

“ไม่เอา กูเบื่อนอนฟังเสียงกรนของมึงจะแย่ เผลอๆ แม่งตดใส่ผ้าห่มเสียงดังชิบหาย”

“เชี่ย!”ไอ้บัสยื่นขามาแตะเก้าอี้ผม

“ถ้ามึงไม่เชื่อกูจะอัดวิดีโอไว้ให้มึงดู”

“ทุเรศว่ะไอ้บัส”ไอ้จูนทำหน้าเบี้ยววางช้อนน้ำแข็งใสแล้วเอามือปิดปากตัวเอง

“เอคติ้งเกินไปไอ้จูน”ไอ้บัสดันหัวไอ้จูนเป็นเชิงหยอกล้อ

“เอาเป็นว่ากินเสร็จก็แยกย้ายมีอะไรก็โทรมา แล้ววันอาทิตย์อย่าลืมมาเจอกันด้วยประชุมเรื่องพรีเซนท์งานโอเคมั้ย”ไอ้จูนประกาศ

“โอเค”

หลังกินเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันไปจริงๆ ส่วนผมพอได้ข่าวที่อยู่ใหม่ก็เลยรีบติดต่อ ได้คุยกับป้าเสียงแหลมๆ ที่พูดจาหมาไม่ค่อยแดก แม่งเศษเล็บความง้อลูกค้าไม่มี แต่ทำไงได้ในเมื่อผมต้องการจะอยู่ เลยตกลงกันไปว่าถ้าห้องว่างก็ให้โทรมาบอกด้วยแล้วจะเข้าไปดู



ผมลงรถเมย์ก่อนจะเดินย้อนขึ้นมานิดหน่อย และเลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่ทางเข้าเพนท์เฮาส์ของฟรานซิส จริงๆ ที่นี่ไม่ได้มีแค่บ้านของฟรานซิสอย่างเดียว ถ้านับดูดีๆ ไม่งงกับการออกแบบที่มันดูยากก็พอจะกะได้ว่ามีประมาณยี่สิบกว่าชั้น ซึ่งเพนท์เฮาส์ของฟรานซิสอยู่ชั้นบนสุด และต่ำลงมาอีกสองชั้นอาเธอร์บอกว่าฟรานซิสสงวนไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวโดยไม่มีการซื้อขายหรือเช่าอยู่ และที่ผมยังช็อคสุดๆ ก็ตรงที่ตึกหลังโตๆ นี่เป็นของเขาทั้งหมด ทั้งได้กำไรจากการขายเพนท์เฮาส์ที่ราคาไม่ใช้เล่นๆ และถือเป็นการสร้างที่อยู่ที่สะดวกสบายเพื่อตัวเองอีก ผมไม่รู้จะเอาอะไรมาบรรยายความรู้สึกอึ้งทึ่งนี้ดี

ผมเดินทอดน่องแตะฝุ่นด้วยความเซ็งแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีสายเรียกเข้าที่สะเทือนสิบกว่าริกเตอร์อยู่ในกระเป๋ากางเกงของผม

‘อากง’

เชี่ย! โทรมาทำไมวะ

ผมอ่านชื่อเจ้าของเบอร์ที่ขึ้นหราบนหน้าจอ ผงะจนแทบทำโทรศัพท์ร่วงจากมือ ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่และตัดสินใจกดรับสาย เพราะถ้าผมปฏิเสธตัดสายทิ้งคงมีเรื่องยาวเป็นหางว่าวแน่ๆ

“[ฮะฮัลโหล]”

“เป็นไง.....สบายดีมั้ย”

นี่มึงกล้าถาม!

“ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

“[รู้สึกข่าวคราวจะไม่ค่อยคืบหน้า นี่มึงยังทำงานให้กูอยู่มั้ย หรือมึงคิดว่ากูปล่อยมึงให้ไปเดินเล่นพาราก้อนรึไง]”

ผมมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเดินหลบเข้าหลังพุ่มไม้ใกล้ทางเข้าประตูให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นหรือได้ยินอะไรจากบทสนทนา

“ใจเย็นๆ สิวะ อยู่ๆ จะให้กูคาบเนื้อชินใหญ่วิ่งไปกองให้มึงทีเดียวเดี๋ยวพวกนั้นรู้ตัวเข้าทำไง”

“[ภายในสามวัน กูต้องได้ข่าวจากมึง เช็คมาว่าไอ้ฟรานซิสจะไปเกาะจันทร์ฉายเมื่อไหร่]”

“เกาะ? แล้วกูจะไปรู้ได้ไง”

“[ก็ใช้สมองอันน้อยนิดของมึงสิวะ]”

“สามวันเป็นไปไม่ได้!”

“[กูจะรอคำตอบ ถ้าไม่มีข่าวคราวมึงจะได้รู้ว่ากูเอาจริง.....ติ๊ด!]”

“เฮ้ย! เดี๋ยว!”ผมตาลุกวาวมองหน้าจออย่างกระสับกระส่าย

บ้าเอ้ย! เรื่องนั้นใครจะไปทำได้วะ! ผมแทบปาโทรศัพท์ทิ้งเพราะความหงุดหงิด แต่พลันสายตากลับหันไปเห็นรถคันสีดำคุ้นตาที่เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่งกำลังชะลอรถเข้ามาจอด ชายที่สวมชุดสูทดูรัดกุมวิ่งเหยาะๆ จากประตูหน้าทางเข้าเพนท์เฮาส์มาเปิดประตูรถออก

ผมรีบเอาตัวหลบมุมเพื่อซุ่มดูเหตุการณ์ต่อไปอย่างสนใจ

และแล้วก็มีผู้ชายรูปร่างสันทัดสูงประมาณไอ้บัสลงมาจากรถในชุดสูททันสมัยดูดึงดูดความสนใจ รวมทั้งใบหน้าได้รูปที่ชวนมองเห็นแล้วต้องเผลอมองซ้ำ เขาไม่ได้ดูดีในแบบที่น่าเกรงขามแต่ดูเป็นผู้ชายที่สวยราวกับผู้หญิง ทั้งทรงผมที่ไม่ได้ตัดสั้นแต่ปล่อยให้ยาวระต้นคอในแบบสไตล์หนุ่มญี่ปุ่นดูแล้วอายุก็ไม่ได้แก่กว่าผมไปสักเท่าไหร่ อาจจะเยอะกว่าสัก สองสามปี นั่นยิ่งทำให้ผมสนใจขึ้นมาอีกเมื่อคนที่ลงมาจากรถอีกด้านคือฟรานซิสเขาดูเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ต้องพูดถึง

หลังจากที่ฟรานซิสลงจากรถ เขาก็เดินเข้าไปด้านในโดยมีผู้ชายหน้าสวยเดินตามหลังไปอย่างสนิทสนม แถมยังมีการถือกระเป๋าเอกสารให้ฟรานซิสเสียด้วย นั่นคงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะขึ้นไปข้างบนด้วยกันหรอกใช่มั้ย ในเมื่อเพนท์เฮาส์ของฟรานซิสขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยระดับทำเนียบขาว นั่นก็แสดงว่าพวกเขาคงสนิทกันน่าดูจนไม่ต้องลูบหน้าลูบหลังระแวดระวังความปลอดภัย

ดูก็พอรู้ว่าฟรานซิสคงมีรสนิยมอะไรประมาณนั้น แต่ไม่คิดว่าจะดีขนาดนี้ แล้วถ้าชอบอะไรที่มันหรูหราขนาดนั้น เขาจะมาหยอกล้อผมแบบนั้นทำไม

อา! นี่ผมมัวมาคิดเรื่องบ้าอะไรเนี้ยใช่เรื่องมั้ย!

แต่ว่าตอนนี้ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปข้างในเหมือนกัน.....ลองไปดูให้ซึ่งๆ หน้าหน่อยเหอะว่าเขาเป็นใคร มาทำอะไร ไม่แน่ผมอาจจะได้ขอมูลส่งเป็นดอกเบี้ยแก้ขัดไอ้แก่เฉินนั่นไปก่อนก็ได้



“ถ้าเสร็จแล้วนายควรไปได้แล้ว”เสียงเรียบเอ่ยขึ้น เมื่อผมวางเครื่องดื่มให้นาวีที่ฟรานซิสเพิ่งแนะนำเขาให้ผมรู้จักและแนะนำนาวีให้รู้จักผม เขาเอ่ยปากไล่ผมอย่างไม่อ้อมคอม เพราะผมแค่เผลออ้อยอิ่งแอบฟังพวกเขาคุยกันอย่างเนียนๆ

นาวีเป็นเลขาส่วนตัวของฟรานซิส ตั้งแต่แรกเจอตำแหน่งนั้นผมคิดว่าเป็นของอาเธอร์เสียอีก แต่ผมพอจะให้เหตุผลโดยไม่ต้องถามว่าทำไมอาเธอร์ถึงไม่ใช่ เพราะดูจากรูปลักษณ์แล้วเขาน่าจะเป็นฝ่ายลุยมากกว่ามานั่งจับเอกสารเรียบเรียงตารางสรุปรายงานอะไรเทือกนั้น

ตั้งแต่ได้พูดคุยเล็กน้อยกับนาวี ผมไม่ค่อยถูกชะตากับเขาเลย หมอนั่นชอบใช้สายตาเหยียดๆ มองผมนิ่งๆ แต่ไม่พูดอะไรนั่นถึงได้ทำให้ผมรู้สึกว่ามันน่าหงุดหงิด เขาทำราวกับว่าเขาคือบุคคลสำคัญที่ฟรานซิสขาดไม่ได้ แสดงความเป็นเจ้าของเสียเต็มที่อย่างที่ผมรู้สึกได้

“ถ้าต้องการอะไรเรียกผมแล้วกัน ผมจะไปทำความสะอาดในครัว”ฟรานซิสนั่งไขว่ห้างพลิกเอกสารในมือสีหน้าเคร่งเครียด เขาไม่แม้แต่ชำเลืองมามองผมสักนิด แต่ผมไม่ได้หวังให้เขามาสนใจมากกว่างานในมือและคนข้างๆ เสียหน่อย


“....เสร็จแล้วควรออกไปได้ โด่! พูดอย่างกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน”ผมพึมพำหลังฟรานซิสส่งเขากลับ แล้วผมก็ต้องมายืนล้างแก้วที่เพิ่งใช้เสร็จอยู่ในครัว พอจับแก้วที่นาวีใช้ผมแทบไม่อยากจะล้าง

เอาทิ้งไปสักใบจะมีใครสังเกตเห็นมั้ยวะ

โอเค๊…..ผมจะยอมล้างแก้วที่หมอนั่นใช้ก็แล้วกัน แลกกับข้อมูลบางอย่างที่ผมแอบเห็นแอบได้ยินมามันคงพอจะมีประโยชน์บ้าง
ผมจัดการทำความสะอาด เก็บกวาดอย่างที่ควรจะเป็น ตลอดไปจนเช็คของที่ขาดหรือต้องการเพิ่มจนเสร็จ รวบรวมเสื้อผ้าเจ้าของบ้านที่ต้องส่งร้านซัก และนี่จวนจะได้เวลากลับบ้าน ผมไม่เจอฟรานซิสอีกหลังจากส่งนาวีกลับ เขาเข้าห้องนอนชั้นบนไปไม่รู้ว่าออกมารึยัง เสียงกุกกักที่ดังอยู่ข้างล่างทำให้บรรยากาศที่นี่ไม่เงียบสงบอีกต่อไปเพราะผม

“คุณอยู่ในห้องรึเปล่า”ผมเคาะประตูห้องฟรานซิสสองสามครั้ง ไม่มีเสียงตอบกลับออกมา

หรือว่าเขาจะอยู่ในห้องหนังสือข้างล่าง? แต่ไม่น่าใช่เพราะผมเพิ่งจะออกมาจากห้องนั้นหลังจากทำความสะอาดเสร็จ
ผมขมวดคิ้วเรียกหาฟรานซิสไปซะทั่ว ทั้งๆ เปิดห้องโน้น แง้มห้องนี้แต่ก็ไม่พบ
 
อะไรเนี้ย คนตั้งตัวโตอยู่ๆ ทำไมถึงได้หายไป ผมยืนหมุนอยู่หน้าประตูห้องของเขาอีกครั้งแต่ก็ไม่กล้าข้ามกรอบประตูนั่นเข้าไป ผมตั้งใจจะกลับเลยในเมื่อจะมาบอกลาแล้วเจ้าของบ้านไม่อยู่

“.....งั้นผมกลับล่ะ”ผมเอ่ยลอยๆ และทำท่าจะหมุนตัวเดินกลับ แต่ทว่า

“เดี๋ยวสิ ฉันมีเรื่องให้นายช่วย”หยดน้ำพราวเกาะตามผิวของฟรานซิสที่นุงเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวพันครึ่งตัวล่างทำให้ผมถึงกับกลืนน้ำลาย จู่ๆ เข้าก็โผล่มาแล้วจับแขนผมไว้แน่น แถมยังออกมาในสภาพนี้อีก หรือที่ผมเรียกเขาไม่ตอบเพราะคงอยู่ในห้องน้ำ
แต่ไอ้การรีบร้อนออกมาทั้งสภาพนี้แกรงใจผมหน่อยเหอะ หรือเห็นผมไม่ได้มีอะไรแบบนั้นเลยอยากอวดรึไง ชิส์!

“มีอะไรครับ”ผมสบตาฟรานซิลที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาดูแปลกตาไปเมื่อผมที่เปียกชื้นลู่ปรกหน้า ถึงมันจะให้ความรู้สึกเหมือนคนละคนแต่ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ต่อให้ผมปิดตาก็จำเขาได้ และในสภาพแบบนั้นมันชวนให้หัวใจผมเต้นแรงอย่างไรสาเหตุ

“..........”

“ถามไม่ตอบ งั้นผมกลับล่ะ”ผมพูดแต่เขานิ่งแบบนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่องผมเลยตัดสินใจเดินออกมา แต่กลับถูกฟรานซิสดึงเขาห้องชนิดที่คำว่าตั้งตัวอยู่ไกลจากผมไปทันที

“ลากผมเข้ามาทำไม ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนไป”ผมตาโตแกะมือใหญ่นั่นพัลวัน รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที

“ตอนนี้แหละดี ฉันอยากให้นายช่วยฉันผ่อนคลายสักหน่อย”เขาพูดหน้าตาย แล้วดึงผมเข้ามาประชิดตัวเสียจนผมระแวง สายตามองฟรานซิสสลับกับเตียงคิงไซส์

บ้านา.....ทำไมผมถึงต้องคิดไปถึงเรื่องใต้สะดื้อด้วยเล่า!!!



 >>>> to be continued :bye2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ทำไมธันไม่บอกความจริงฟรานซิสไปล่ะ บอกว่าตัวเองถูกขู่ให้มาเป็นหนอนบ่อนไส้ โดยเอาความปลอดภัยของเพื่อน ๆ มาใช้
เพราะไอ้พวกนั้นไม่ใช่คนดี ถึงทำงานสำเร็จก็ใช่ว่าธันจะรอด เผลอ ๆ ถ้าธันถูกจับได้โดนฆ่าตาย พวกมันก็ไม่เดือดร้อน
ถ้าบอกฟรานซิสไปจะได้วางแผนตลบหลัง (ระหว่างนี้ก็ขอให้ฝั่งนี้คุ้มครองเพื่อน ๆ ของธันด้วย) แลกกันไง ให้ธันไปบอกข่าวลวงกับฝั่งโน้น แล้วจัดการมันซะ

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
รู้ได้ไงคะว่าเราพึ่งมาอ่านย้อนแล้วบ่นถึงพอดี!
ฟรานนี่ขยันอ่อยค่ะ จะให้เด็กมันตบะแตกกระโจนเข้าใส่ก่อนแล้วค่อยสวนกลับใช่ไหมคะ วั๊ยยยย

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4




8



“อืม....ตรงนั้นแหละ”

“ตรงนี้ใช่มั้ยครับ”ผมถามย้ำเขาอีกครั้งก่อนจะออกแรงกดอีกหน่อยอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

“ฉันจะจ่ายค่านอกเวลาให้”

“ตกลงครับ ไม่มีอะไรที่ผมจะต้องปฏิเสธ”

ฟรานซิสอยู่ในท่านอนคว่ำสบายๆ ส่วนผมก็นั่งคุกเข่าคร่อมตัวเขาก่อนจะใช้ฝ่ามือกดช่วงเอวชนิดที่ลงแรงแทบทั้งตัว อย่าเพิ่งเขาใจผิดว่าผมทำอะไรไม่ดี ตอนนี้ผมแค่กำลังนวดให้เขาก็เท่านั่น เขาบอกว่ารู้สึกล้าเพราะทั้งวันต้องนั่งประชุมยาวทั้งเช้าและบ่าย เขาเลยขอให้ผมช่วยนวดให้

ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะนอนโป๊อล่างฉ่าง เพราะตอนนี้เขาจัดการสวมใส่เสื้อผ้าเป็นที่เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นผมคงคร่อมเขาไม่สนิทใจ
“ถ้าอยากจะนวดทำไมไม่จ้างหมอนวดดีๆ มา หรือให้เลขาของคุณที่ดูเหมือนจะเก่งทุกงานช่วยล่ะ”ผมเผลอกระแนะกระแหนเขา ถ้าเขาเห็นหน้าผมตอนนี้คงได้เข้าใจผิด แต่ดีที่เขาคว่ำหน้าอยู่

“ฉันไม่ชอบให้ใครมาแตะตัวสุ่มสี่สุ่มห้า”

อ้าว! แล้วสิ่งที่ผมกำลังทำล่ะ?

“’งั้นผมพอแค่นี้”ได้ยินเขาพูดแบบนั้นมือผมถึงกับชะงักเตรียมจะผละออกจากหน้าที่กะทันหัน แต่จู่ๆ คนที่นอนนิ่งคว่ำหน้าก็พลิกตัวมาแล้วคว้าผมทุ่มลงนอนกับเตียงแล้วขังผมไว้ภายใต้วงแขน บทบาทของเราสลับกันอย่างรวดเร็ว ผมอ้าปากเหวอตามองค้าง คนเบื้องหน้ากลับจ้องผมเขม้น

“คุณจะทำอะไร คงไม่ได้จะนวดให้ผมหรอกนะ”ผมพูดติดตลกแต่สถานการณ์มันกลับไม่ใช่

“นายเป็นอะไร?”คำถามที่จู่โจมไม่รู้ว่าผมควรเอาประเด็นไหนมาตอบ มันกว้างเท่ามหาสมุทร แต่ท่าทางฟรานซิสจะเอาจริง ดวงตาของเขามองผมทำเอาผมแทบไหม้ ที่รู้ๆ มันร้อนไปถึงหูแล้ว

“คุณหมายถึงอะไรผมไม่รู้ แต่ตอนนี้คุณควรจะออกไปจากตัวผมก่อนแล้วค่อยพูดกัน”ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้มีแรงเท่าคนตรงหน้าแค่น้ำหนักฟรานซิสก็กินขาด แต่ผมก็พยายามใช้ฝ่ามือดันแผงอกนั่นออกด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย

“ฉันรู้ว่านายรู้ จะตอบฉันมาหรือจะให้ฉันคิดไปเองกับท่าทางและการระทำของนาย....ธัน”ฟรานซิสเอ่ยชื่อผมเสียงดุ

“ผมไปทำอะไรตอนไหนให้คุณไม่พอใจ”

“คนที่ไม่พอใจ คือนายต่างหาก”

“ผมไม่พอใจคุณตอนไหนผมนึกไม่ออก”ผมเริ่มเสียงดัง

“คล้ายว่าฉันจะจำได้”เสียงทุ้มกระซิบแผ่วใกล้ใบหู ร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์กระตุกชัดตรงมุมปากราวกับมีแผนการ ท่วงท่าที่เขาขยับราวกับตระเตรียมมาดี

ผมคาดไม่ผิด เพราะนาทีนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีมือใหญ่สอดเข้ามาผ่านชายเสื้อเชิ้ตลูบขึ้นผ่านหน้าท้องราบจนผมกระตุกวูบ ภายในรู้สึกปั่นป่วนเสมือนเล่นเครื่องเล่นหวาดเสียว

“คุณฟรานซิส! นี่คุณคิดจะทำอะไรครับ!”ผมร้องโวยพยายามหยุดมือหนาอย่างตกใจ

นี่มันคุกคามทางเพศชัดๆ

“ก็พิสูจน์ว่านายเป็นอย่างที่ฉันคิดรึเปล่า”

“เป็นอะไร เฮ้ย! คุณฟรานซิส...คุณ!”ผมกระตุกเสื้อตัวเองปิดท้องพยายามดิ้นหนีการรุกคืบชนิดที่ไม่แกรงใจชุดนักศึกษาผมสักนิด ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด โดยเฉพาะมือใหญ่แสนช่ำชองนั่นเล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

ตอนนี้เขาเป็นบ้าอะไรเนี้ย! ฤดูติดสัดรึไง!

“ตัวนายจับแล้วถนัดมือดีใช่เล่น”

ตอบหน่อย! ผมเป็นคนหรือสากกะเบือ ไอ้ที่บอกว่าจับถนัดมือนี้เอาอะไรคิด!

“ถ้าคุณไม่พอใจอะไรในตัวผมจริงๆ คุณต่อยผมเลยดีกว่าเหอะ!!!”

“ใครว่าฉันไม่พอใจในตัวนาย การกระทำของฉันไม่ได้บอกเหรอว่านายดูน่าสนใจ และฉันก็รู้สึกสนใจนาย”

“แต่ผมเป็นผู้ชาย”

“ฉันตาบอดรึไง?”

“ถ้าไม่บอดก็อย่าเอามือมาจับคนอื่นเค้าซีซั้วสิ! ถ้าอยากจะจับนักคุณเลขาส่วนตัวของคุณน่าจะโอเคกว่าผม!”ผมตะปบมือฟรานซิสที่เอื้อมมาโอบต้นคอผม เขาใช้นิ้วเกลี่ยหลังต้นคอซะผมตัวเกร็ง

“นั่นแหละที่ฉันถามว่านายเป็นอะไร รู้ตัวมั้ยว่านายพูดจาเหมือนหึงหวงฉันกับนาวี”แววตาแพรวพราวกลอกมองผมด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ฮ๊ะ! อย่ามาตลก ผมกับคุณเป็อะไรกันข้อนั้นคุณน่าจะรู้นะครับคุณฟรานซิส ผมจะคิดแบบนั้นไปทำไม ไม่มีเหตุผลเลยด้วยซ้ำ!”

“สายตาของนาย ปากของนาย มันส่อ”ฟรานซิสก้มลงมากระซิบบอกความลับกับผมชนิดที่ใกล้เสียจนจะดูดปากกันอยู่แล้ว
โว้ยยยยย! นี่ผมเป็นอะไรเนี่ยถึงได้สั่นไปหมดทั้งตัวแบบนี้ และผมก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมฟรานซิสถึงต้องเล่นมุกต้อนไก่เข้าถ้ำเสือกับผมด้วย!

“พะพูดอะไรของคุณไม่เห็นจะรู้เรื่อง ผมจะไม่พอใจอะไรคุณ ผมกับคุณแค่เจ้านายกับลูกจ้าง”ผมแก้ต่างสุดตัวและย้ำสถานะอีกครั้ง

“การที่นายพูดถึงนาวีบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะนายไม่พอใจเขารึไง”

“นั่นมันงานของคุณผมจะไปทำแบบนั้นทำไมครับ”

“เพราะนายหลงเสน่ห์ฉันน่ะสิ”

“ไม่มีทางครับ!”



วันนี้เป็นเช้าวันเสาร์ที่ผมไม่ต้องเข้ามอ เป็นเช้าที่ดีที่สุด เป็นเช้าที่สดใส เป็นเช้าที่บรรยากาศเป็นใจ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าผมไม่ต้องกลับไปที่นั่นอีก

ร้องไห้สักร้อยรอบจะหายมั้ยวะ!

“ไอ้ธัน ไหนมึงบอกจะออกไปตลาดแต่เช้า แล้วไปทำงานไงวะ....ตื่นได้แล้ว”ไอ้บัสเอื้อมมือยาวๆ จากเตียงมาเขย่าตัวผมที่ยังหนีความจริงซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มน้ำเสียงกึ่งหลับกึ่งตื่น มันคงจะตื่นจากเสียงนาฬิกาปลุกของผม และเห็นว่าผมยังนอนเฉยมันเลยหวังดี

“รู้แล้วกูขอทำใจเดี๋ยว.....”

ผมรู้ว่าวันนี้วันเสาร์และเป็นวันหยุดของเจ้านายผู้หลงตัวเองอย่างฟรานซิส ถ้าจำได้เมื่อคืนคงได้ยินคำนั้นหลุดจากปากของเขา เขาบอกว่าผมหลงเสน่ห์เขา มีอะไรให้หลงวะ ก็แค่หล่อล่ำหุ่นดีมีกล้า มีsix pack หน้าตาดีevery thing เป็นลูกครึ่ง แถมรวยมาก เอาอะไรมามั่นใจขนาดนั้น

นึกแล้วยังรู้สึกแค้นในอกอย่างบอกไม่ถูก ผมยังจำเสียงหัวเราะหงึกๆ ในลำคอเสมือนมีชัยที่เห็นผมกระวีกระวาดหอบหิวตัวเองออกมาจากห้องของเขาอย่างผู้แพ้ได้ ตอนนั้นผมแค่ตกใจเลยเถียงอะไรไม่ออกก็เท่านั้น

“รีบๆ เลยเดี๋ยวเจ้านายมึงไล่ออกมึงจะไม่มีแดกนะเว้ย”

“มึงนอนไปเลย กูลุกก็ได้”

ผมดีดตัวขึ้นนั่งก่อนจะเข้าห้องน้ำอาบน้ำและแต่งตัวโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ไอ้บัสมันยังคงนอนอยู่อย่างมีความสุขส่วนผมก็ต้องออกไปทำงาน ทำหน้าที่.....ที่ไม่ควรจะได้รับ

ติ๊ด ติ๊ด!

ขณะผมกาวลงจากรถเมย์เสียงข้อความก็ดังเตือนจากโทรศัพท์ ผมหยิบมันขึ้นมาดูก็มีข้อความจาก‘อากง’เข้ามา

[อากงคิดถึงแกมาก ซื้อน้ำเต้าหู้มาให้อากงที่ 58.1103 อากงจะรอแกรีบมาไวๆ ล่ะ]

“เอาน้ำเกลือไปกินดีกว่ามั้ยไอ้แก่!”ผมอ่านข้อความเสร็จถึงกับเบ้หน้าแล้วลบทิ้งทันที อยากรู้ใครคนพิมพ์ข้อความจะขาด

ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไอ้แก่เฉินมันต้องการจะเจอผม อาจเพราะเรื่องเมื่อคืนที่ผมรายงานไอ้แก่เฉินไป ตอนนี้มันถึงได้เรียกตัวผมให้ไปเจอกันตามสถานที่ในรหัส นั่นคือเลขที่อยู่ กับหมายเลขห้อง อย่างที่ตกลงกันไว้ ผมก้มลงมองนาฬิกาก่อนจะรีบโบกแท็กซี่เปลี่ยนเป้าหมายการเดินทางกะทันหัน



     58.1103

“เฮียครับไอ้ธันมาแล้ว”

“ให้เข้ามา”

“มีอะไรก็รีบๆ พูด กูจะได้กลับไปทำหน้าที่ให้มึงไม่บกพร่อง”ผมประชดประชันสะบัดแขนที่ถูกล็อคไว้ประกบซ้ายขวาออกเป็นอิสระ

“กูขอรายละเอียดข้อมูลมากกว่านี้”ไอ้แก่เฉินเดินมาทางผมพร้อมเสียบปากกาสีเงินแท่งหนึ่งให้ผมใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ
“อะไร กูไม่ได้อยากได้ปากกา”

“มึงคิดว่ากูจะให้ปากกามึงไปทดเลขเล่นรึไง เก็บปากกานี้ไว้ให้ดีทุกเสียงจะถูกบันทึกไวในนี้ เอาติดตัวมึงไป มึงรู้ว่าควรจะใช้มันตอนไหน”

“ยุ่งยากชะมัด”ผมบ่นแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่กลับเอามันออกมาพลิกดูไปมาแล้วกดทดลองดู“.....ถ้าเกิดจับได้ก็ซวยน่ะสิ”

“ไม่มีทาง มันถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างแนบเนียน คิดว่ามันกระจอกมึงคิดผิดแล้ว”

“กูไม่มีทางเลือกอยู่แล้ว ตอนนี้กลับได้แล้วใช่มั้ย กูรีบ”

“เดี๋ยว”ผมกำลังเดินกลับออกไป แต่ไอ้แก่เฉินก็เรียกผมไว้ซะก่อน

“อะไรอีกวะ”

“ข้อมูลที่มึงให้มา แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าถูกต้อง”

“กูไม่รู้ เห็นอะไรก็บอกมึงเท่าที่เห็นเป็นข้อมูลดิบ มึงจะคิดวะเคราะห์ ยังไงนั่นก็ไม่เกี่ยวกับกูแล้ว”

ผมบอกเรื่องที่ตัวเองไปเห็นเอกสารการจองตั๋วเครื่องบินตอนที่ฟรานซิสกับนาวีนั่งคุยกัน ซึ่งที่นั่นเป็นสนามบินในจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของเกาะจันทร์ฉายที่ไอ้แก่เฉินพูดถึง ผมก็เลยคิดว่ามันน่าจะเกี่ยวข้อง ผมเห็นรายละเอียดไม่ชัดเจนเห็นแค่ตัวเลขวันที่ แต่เวลาผมมองไม่ถนัด ข้อมูลที่ผมให้มันก็มีเพียงเท่านี้

“ก็ทำงานได้ดีอยู่ กูชักสงสัยว่ามึงทำยังไงถึงได้ข้อมูลมาได้”

“กูจำเป็นต้องบอกมึงด้วยงั้นเหรอ”ไอ้แก่เฉินยักไหล่ไม่แยแสก่อนจะโบกมือไล่ให้ผมกลับ แต่ก่อนจะกลับมีบางอย่างที่ทำให้ผมเกิดอยากรู้ขึ้นมา“อยากรู้เรื่องของฟรานซิสไปทำไมวะ มึงคิดจะทำอะไรกันแน่”คิ้วของผมย่นเข้าหากันอย่างสงสัย

“เรื่องของผู้ใหญ่ หน้าที่ของมึงคือทำตามที่กูสั่งก็พอ.....แล้วก็จำไว้ด้วยว่าหน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง แค่มึงกระดิกตัวทำอะไรที่มันไม่ช่วยให้เรื่องมันจบง่ายๆ หรือคิดจะทำอะไรนอกลู่นอกทาง ก็เตรียมรับของขวัญบรรณาการชิ้นใหญ่จากกูได้เลย เอาล่ะไสหัวไปได้แล้ว!”

เออ! ทีหมดประโยชน์ก็เอ่ยปากไล่ แม่ง! กูขอให้มึงคิดอะไรไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง!

นี่คือการแช่งจากใจจริงของผมเลย แต่ที่ส่งสัย มันต้องการจะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับฟรานซิสขนาดนั้น ผมไม่ได้จะคิดเข้าข้างใครหรือเห็นว่าใครดีทั้งนั้น ทั้งไอ้แก่เฉิน ทั้งฟรานซิส ผมเชื่อได้เลยว่าไม่มีใครน่าไว้ใจทั้งนั้นสำหรับผม
หากคุณมาอยู่จุดๆ นี้คุณคงจะเข้าใจผม พึ่งตัวเองเพื่อหาทางรอดนั่นคือสิ่งที่ผมคิด อาจจะไม่ดีที่สุดแต่มันก็ปลอดภัยที่สุดกับใครอีกหลายคน



ณ ตอนนี้คงไม่มีอะไรดูหน่วงหนักเท่าการเผชิญหน้ากันระหว่างผมกับฟรานซิสแล้วล่ะ ผมพยายามไม่คิดมากและบอกตัวเองว่ามันก็แค่หน้าที่ มันก็ยิ่งดีน่ะสิถ้าเขากับผมสนิทกันขนาดนั้น อะไรๆ มันจะได้ดูง่ายขึ้น

แต่ความเป็นจริงแล้ว.....แม่งคิดไม่ตกว่ะ เอาวะมันอาจจะเป็นแค่การข่มขวัญกันเฉยๆ ก็ได้ ไอ้ท่าทางแปลกๆ พฤติกรรมช่วนเสี่ยงของฟรานซิสผมควรจะระวังให้มากที่สุด

อย่าเผลอมองตาเขา

อย่างเผลอเออออตามเขา

อย่าเผลอหลงเสน่ห์เขา

นั่นคือสิ่งที่ผมต้องท่องไว้ซะบ้างแล้ว

มือทั้งสองข้างของผมหิวของพะรุงพะรังไว้แน่น รวมทั้งผักสดผลไม้ต่างๆ ที่ใช้สำหรับมื้ออาหารของวันนี้ ผมเดินเข้าเพนท์เฮาส์ตามปกติ และเข้าสู่ระบบตรวจค้นความปลอดภัยด้วยความเหนื่อยหน่ายซังกะตายต่อชีวิต ซึ่งวันนี้ผมก็พบว่ามันไม่ปกติ ผมมองหน้าการ์ดที่แทบควักไส้ผมออกมาตรวจด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามก่อนปากของผมมันจะโพล่งออกไป

“เสร็จแล้ว แค่นี้เหรอ?”

“นายไปได้แล้ว”

“เล่นตลกอะไรรึเปล่าเนี้ย ตรวจแค่กระเป๋าใบเดียวแค่นั้นจริงๆ อ่ะ”

“เป็นคำสั่ง เราทำตามหน้าที่”ผมมองพวกการ์ดงงๆ ก่อนจะเดินไปตามทาง ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม พวกเค้าลดการ์ดตรวจที่คุมเข้มลงเสียจนแทบจะไม่ตรวจ ผมอุตส่าห์ทำเวลาเพื่อให้มีเวลาเหลือสำหรับการตรวจค้น นั่นเท่ากับผมมาถึงที่นี่เร็วกว่าปกติน่ะสิ

ประตูระบบล็อคด้วยรหัสผ่านถูกเปิดออกด้วยการ์ดเพียงใบเดียว ซึ่งผมมีสิทธิ์ถือครองมันไว้ 1 ใบ และที่ตัวของฟรานซิสอีก 1  ใบ ภายในยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ผมเดาว่าเจ้าของบ้านยังคงนอนหลับอยู่ข้างบน ผมเลยจัดการเอาของที่ซื้อมาทั้งหมดไปเก็บ และเตรียมมื้อเช้าง่ายๆ คือกาแฟดำ กับขนมปังเล็กน้อยเผื่อไว้ หากเขาจะทานมันคู่กับกาแฟ

ของที่จำเป็นต้องใช่ในครัวผมเก็บมันเข้าที่เข้าทาง และหันไปจัดการล้างผลไม้พวกแอปเปิ้ล สตอเบอร์รี่ แคนตาลูป มันอาจจะดูเยอะแต่ก็เป็นผลไม้ที่เก็บง่ายและอยู่ได้นาน สตอเบอร์รี่ผมแค่ซื้อมาเพราะว่าผมอยากจะกิน แค่นี้เขาคงไม่คิดว่าผมปล้นเงินเขาหรอกนะ

ขณะที่ผมกำลังสาละวนกับการล้างแคนตาลูปลูกใหญ่และแอปเปิ้ลหกเจ็ดลูกในชามผสมแสตนแลสใบใหญ่ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี ผมรีบเอามันมากดรับเพื่อตัดเสียงรบกวนกลัวคนข้างบนตื่นแล้วหนีบมันไว้กับไหล่ มือก็ทำงานต่อ

“ฮัลโหล”

“[ไอ้ธันกูมีเรื่องจะเล่ามึงว่ะ”เสียงไอ้บัสโทรมาอย่างตื่นเต้น]”

“มีอะไรวะ พูดช้าๆ หน่อย มึงคงจะไม่ได้บอกว่าไอ้จูนเรียกมึงไปเฉ่งเรื่องโปรเจกต์พรีเซนท์ที่มึงทำไวรัสแดกหรอกใช่มั้ย”

“[เชี่ย! ไม่ใช่เรื่องนั่นเข้าเรื่องๆ!]”

“ว่า?”

“[หลังจากที่มึงออกไปทำงานตอนเช้า ไอ้เอกเพื่อนแถวบ้านที่ต่างจังหวัดของไอ้โชคมันโทรหากูเว้ย แม่งมันบอกว่าสองวันก่อนมันเห็นไอ้โชคกลับบ้าน แล้วก็รีบร้อนออกไป กูว่ามันกำลังหนีว่ะ เรื่องเรียนมันก็ลาออกไปแล้ว]”

แค่ชื่อที่ได้ยินมันก็ทำผมเดือดขึ้นมาบัดดล

“เดี๋ยวนะไอ้บัส มึงไปรู้จักไอ้เอกตั้งแต่เมื่อไหร่”ไอ้เอกไม่ได้เป็นเพื่อนในคณะ แต่เอกมันรู้จักผมกับไอ้โชคตอนสมัยเรียนมัธยมโรงเรียนประจำชายล้วนและบ้านมันอยู่ใกล้กับบ้านไอ้โชคผมเลยมีโอกาสผ่านหน้าบ้านมันออกจะบ่อยตอนไปเที่ยวบ้านไอ้โชค แต่เราก็ไม่ได้สนิทกันมากนัก ไอ้เอกมันอยู่คนละห้องเรียนกับผมและไอ้โชคสมัยมัธยม แต่บังเอิญมาเรียนมหาลัยเดียวกันเลยกลายเป็นคนรู้จัก เจอกันก็ทักทายกันบ้างตามประสา

“[กูเจอมันในมอแล้วสืบรู้มาว่าเป็นเพื่อนแถวบ้านไอ้โชคกูเจอเลยขอแลกเบอร์กับมัน แล้วขอช่วยมันนิดหน่อย กูไม่ยอมนะเว้ยให้
ไอ้เชี่ยนั่นหนีไปง่ายๆ ยังไงก็ต้องหาตัวมันให้เจอมึงจะได้ไม่ต้องโดนไอ้พวกเวรนั่นรังควานอีก]”

“กูขอบใจมึงมาก แต่เรื่องไอ้โชคมึงควรอยู่ห่างๆ มันไว้จะดีกว่า กับกูมันยังทำได้ขนาดนี้ ถ้ามึงไปตามมันมึงอาจเดือดร้อน”

“[ไอ้ธัน! กูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย ไม่ได้เป็นเพื่อเหี้ยๆ อย่างไอ้โชค เพื่อนเอาไว้ทำอะไรวะ พากันไปแดกเหล้าอย่างเดียวรึไง มึงมีอะไรให้กูช่วยก็บอกได้เลย อย่าเก็บไว้คนเดียว]”

“กูโคตรซึงเลยว่ะ แม่งเจอกูขอกอด”

“[พอๆ เย็นนี้เลิกงานแวะมาที่ร้านหน่อย พี่เงาะเค้าอยากเจอ]”

“เออๆ ไว้กูจะ.....เห้ย!!!”

เคร้งงงง!

จังหวะที่ผมหันไปจะหยิบผ้ามาเช็ดน้ำ คนที่มายืนอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียงก็ทำผมสะดุ้งตกใจจนเผลอมือพลาดไปโดนชามน้ำปริ่มๆ ที่กำลังแช่แอปเปิ้ลอยู่พลัดตกลงมาน้ำหกกระจายสาดกระเด็นโดนเสื้อลามไปถึงกางเกงของผมจนเปียกซึมถึงชั้นใน โทรศัพท์ในมือก็พาลตกพื้นไปด้วย ทั้งๆ ที่ยังคุยกับไอ้บัสไม่ทันจบ

“ตกใจฉันขนาดนั้นเลยรึไง”สีหน้ากรุ่นๆ ที่ดูอบอวนไปด้วยรังสีบางอย่างชำเลือกมองผมด้วยสายตาเย็นเยียบ

“ตกใจน่ะสิ มายืนแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง ถ้าเกิดผมเป็นโรคหัวใจ ไม่หัวใจวายตายตรงนี้รึไงครับ ถอยไปก่อนเดี๋ยวก็เหยียบน้ำลื่น.....”

พรืดดดด!

ไม่ทันขาดคำ สิ่งที่เกิดขึ้นราวกำคำแช่งชัก แต่คนที่ประสบเหตุกลับกลายเป็นผมแทนที่จะเป็นฟรานซิส ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วตามแรงโน้มถ่วงของโลกผมหลับตาตามสัญชาตญาณก่อนจะรู้สึกราวกับตัวเองโดนทุ่มลงกับพื้นกระเบื้อง แต่ปรากฏว่าร่างกายกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด

คงไม่มีใครคาดคิดว่าสิ่งที่คนตรงหน้าทำคือการช่วยเหลืออย่างไม่ทันคิดหรือว่าตั้งใจ แต่ที่รู้ผมโถมลงมาทับคนเบื้องล่างเต็มๆ ส่วนฟรานซิสก็นอนราบลงกับพื้นอีกมือก็โอบตัวผมราวกับปกป้องสุดฤทธิ์ หน้าของผมแนบลงกับไหล่กว้างของเขา มันใกล้ชนิดที่ได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายเต้น

“ฟรานซิส คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“ไม่เป็นไรได้ไง ฉันรู้สึกเหมือนหลังฉันจะหัก”เขาทำสีหน้านิ่งไม่ขยับตัว ผมถึงกับหน้าถอดสี

“ผมจะไปเรียกการ์ดข้างนอก คุณรออยู่ตรงนี้นะ”ผมทำท่าจะยันตัวลุกขึ้นแต่กลับถูกแขนใหญ่นั่นโอบรัดจนแน่นไม่เหลือช่องว่างระหว่างตัวให้อากาศลอดผ่าน

“นี่คุณ ไหนบอกว่าเจ็บก็ปล่อยผมสิ”แขนของผมพยายามดันตัวเขาออก และพบว่ากำลังโดนคนเจ้าเล่ห์แกล้ง

ทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมกับผมเลยจริงๆ!

“นายทำพื้นบ้านฉันเลอะ แถมยังทำให้ฉันตกอยู่ในอันตราย.....เพราะความไม่ระมัดระวังของนาย นี่คือการลงโทษ และฉันใจดีพอที่จะไม่ไปยุ่งกับเงินเดือนของนาย”

“คุณ ฟราน ซิส!”

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน ภาพลักษณ์ที่แสนเพอร์เฟคนั่นมันหายไปไหนหมด แล้วดูสิ่งที่เขาทำกับผมตอนนี้สิ

“นายเรียกแต่ชื่อของฉัน ข้องใจอะไรรึเปล่า”

อึก!

“คุณทำแบบนี้กับผมอีกแล้วนะ!”ฟรานซิสเหวี่ยงตัวผมให้นอนราบกับพื้นที่เปียกไปด้วยน้ำจนหลังผมชุ่ม ส่วนตัวเขาก็ขึ้นมาทาบทับร่างกายผมแทน ทำเอาผมรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

“พื้นเปียกนายก็ต้องเช็ดสิ”

“คุณก็ปล่อยผมสิ ผมจะได้ไปหาผ้ามาเช็ด!”ถึงผมจะแสดงท่าทีต้อต้านยังไงเขาก็ไม่ฟังผมอยู่ดี แถมยังมองผมด้วยดวงตาสีฟ้ามรกตนั่นอย่างดุดันและดูเคร่งขรึมผิดกับก่อนหน้านี้ ถึงริมฝีปากของเขาดูเหมือนจะเหยียดยิ้ม แต่มันดูเป็นรอยยิ้มที่ต่างออกไปจากทุกที แต่มีหรือผมจะย้อมแพ้หลบตาเขา ตอนนี้จะมาหนีไม่มองก็ไม่ได้แล้ว ตาต่อตาฟันต่อฟันสิ ผมขี้ขลาดซะที่ไหน!

“ใครบอกว่าจะให้นายหาผ้ามาเช็ด ที่ตัวนายก็มีผ้ามากพอจะใช้ได้อยู่แล้ว”

“คุณหมายความว่าอะไร ผมไม่เล่นด้วยหรอกนะ!”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ผมรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ทั้งที่บอกว่าจะไม่กลัวแล้วแท้ๆ

“ใครว่าฉันเล่นล่ะ ทั้งหมดไม่ใช่การแสดงหรอกนะธัน”ว่าแล้วฟรานซิสก็ถือดีถลกเสื้อยืดตัวเก่งของผมขึ้นก่อนจะถอดมันออกอย่างชำนาญชนิดที่ผมไร้ความสามารถจะปัดป้อง ผมพยายามพลิกตัวเพื่อหาช่องทางหนีเมื่อรู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติ

“คุณเป็นบ้าไปแล้วรึไง ผมไม่ใช่ผู้หญิงของคุณนะ!”ผมร้องเตือนเขาอย่างตกใจ ตอนนี้ก้อนเนื้อในอกซ้ายของผมมันบีบรัดอย่างหนักหน่วง

“ฉันรู้ แต่นายก็ไม่ต่าง....คงเตรียมใจไว้แล้วเสียด้วยซ้ำ สำหรับ...ในหลายๆ อย่าง”สิ้นประโยคมือหนาของฟรานซิสก็รวบแขนผมขึ้นเหนือศีรษะ อวดโชว์สรีระสัดส่วนของชายหนุ่มที่ไม่ได้น่ามองน่าตื่นเต้นสำหรับผู้ชาย แต่กับคนตรงหน้ามันต่างออกไป เข้าจดจ้องสำรวจร่างกายผมจนแทบจะทะลวงเข้าไปถึงข้างในอย่าสนใจ มันทำให้ผมรู้สึกอายขึ้นมาจนอยากจะมุดดินหนี ร่องรอยการต่อต้านโผล่ผื่นแดงเป็นจ้ำบนผิวขาวภายใต้ร่มผ้า จนผมเห็นได้ชัด

ร้ายกว่านั้น เขาไม่เพียงบังคับผมแต่กลับโน้มตัวลงมาจนผมหน้าถอดสีพยายามหดตัวเกร็งอย่างไร้สาเหตุ ในท้องกระตุกวูบสั่นกลัวทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง และปลายจมูกโด่งเป็นสันของคนตรงหน้าก็กดลงต่ำสัมผัสไล่ลากผ่านไหล่มน จนผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกดูดกลืนกำลังไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะต่อต้าน

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันเนี้ย!!!!!

“คุณทำอะไร ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ”ผมฮึดสู้ขยับตัวดิ้นอีกครั้ง ราวกับจะร้องเตือนสติของเขา

“เสื้อตัวเดียวคงจะเช็ดพื้นไม่แห้งหรอก”มือหนาที่ว่างอยู่เลื่อนลงต่ำลูบผ่านเอวของผมจนไปหยุดอยู่ตรงสะโพกแล้วค่อยๆ สอดนิ้วมือผ่านขอบกางเกงยีนส์ของผมแล้วชะงักค้าง ก่อนพูดอะไรบางอย่าง

“นายอยากให้ฉันทำอะไรต่อ”เสียงทุ้มที่ฟังดูกังวานกระซิบเบาๆ ข้างใบหูของผมอย่างจงใจ ผมกัดฟันกรอดจนหน้าของผมคงแดงเถือกเต็มไปด้วยความโกรธ

“คุณฟรานซิส....ปล่อยผม!”

“แน่ใจนะว่านายจะไม่เสียดาย”

“ผมจะเสียใจมากกว่าถ้าคุณทำแบบนั้น”

“ตกลง”เขาทำเหมือนเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครูเป็นแค่การเล่นมวยปล้ำของเด็กๆ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงต่อหน้าผมแล้วจับต้นคอตัวเองเอียงไปมาเล็กน้อยราวกับเคล็ดยอก ก่อนจะพูดขึ้น

“ฉันหิวแล้ว ตั้งโต๊ะเลยแล้วกัน ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อข้างบน”ร่างสูงหมุนตัวแล้วเดินจากไปอย่างไม่ยี่หร่ะ ผมนอนอึ้งมองฟรานซิสในสภาพเปลือยท่อนบน รอบๆ ก็เป็นน้ำที่เนืองนองและผลแอปเปิ้ลที่ยังคงกระจาย

มีอะไรให้ผมสติหลุดไปมากกว่านี้มั้ยบอกผมที แล้วเรื่องเมื้อกี้นั่นมันอะไรกัน ผีหอบหื่นเข้าสิงเขารึไง!

แต่มีอย่างหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจ ผมรู้สึกได้ว่าฟรานซิสอารมณ์ร้ายผิดปกติ วันธรรมดาเขาไม่เคยส่งสายตากร้าวใส่ผมแบบเมื่อครู่ ถ้าคุณเป็นผมจะรู้สึกเลยว่ามันน่าหวาดกลัวและเลวร้ายขนาดไหน ความรู้สึกที่ส่งแผ่มากถึงผมเหมือนเขากำลังเตือนอะไรบางอย่าง แต่ผมก็หัวทึบเกินกว่าจะรู้ความหมาย





ขอเมาท์เอา to be continued ไปเก็บก่อน
ตอนนี้ล่อซะยาวเลย :a5: ไม่อยากตัดฉับอรรถรสของการดำเนินเรื่องค่ะ ต้องขออภัย
พูดถึงตัวละครที่มีจุดยืนของตัวเองค่อนข้างสูง โดยเฉพาะฟรานซิส :-[
พระเอกอ่อยแรงมากกกกจริงๆ (ยอมรับเขาเลย):hao6: ปล่อยฟีโรโมนชนิดที่ไม่มีกั๊ก
ส่วนธัน จริงๆ ก็น่าสงสารเหมือนกันไม่รู้เคาระห์ซ้ำหรือกรรมซัด :z6:
ที่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ แต่ในความร้ายดำมืด เชื่อว่าธันต้องผ่านมันไปได้(หรือไม่?)
ยังไงก็ฝาก My Boss ด้วยนะคะ  :impress:

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หึงรึปล่าวคะ  :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
สืบรู้แล้วแน่ๆเลย! บอสอ่อยแรงเบอร์นี้ จับพาดบ่าแล้วพาขึ้นชั้นบนเถอะค่ะ!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ love boy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มาต่อไวๆ นะ เป็นกำลังใจให้นะค่ะ
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ฟรานซิสโกรธเรื่องอะไรเนี่ยยยยยย  หรือหึง? หรือสงสัย?

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4



9



            บาร์‘บิโลน’

   “...ตอบมา...คนอะไร ไม่คิดถึงความรู้สึกคนอื่น.....คนใจร้ายไง ได้ยินม้ายยยย~~”   

   “เฮ้ย!มึงพูดกับใครเนี้ยไปโทรหาคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าตอนนี้ได้โดยด่ายับแน่ วางเลย”ไอ้บัสมาถึงก็คว้าโทรศัพท์ผมไปเฉย“.....เอ่อขอโทษครับเพื่อนผมมันเมาไม่รู้เรื่อง ครับ?....อ่า บาร์บิโลน ครับ”ผมไม่ได้สนใจว่าไอ้บัสกำลังพูดกับใคร แต่กลับคว้าเครื่องดื่มตรงหน้ามาซดเข้าปากแทน

   “เบาๆ กินเป็นน้ำเลยนะมึง พอแล้วๆ กินแบบนี้เดี๋ยวก็เมาหัวทิ่ม มึงแดกเยอะแบบนี้ได้ที่ไหน”

   “ปล่อยไอ้บัส กูเพิ่งจะกินได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย”

   “ครึ่งชั่วโมงบ้านมึงสิ มึงนั่งกินมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว นี่มันก็เที่ยงคืนแล้วมึงกลับบ้านไปก่อนเลยไป กูรอให้มึงอยู่จนกูเลิกงานไม่ได้แน่ พี่เงาะก็บอกให้กูมาส่งมึงกลับ”

   “ไอ้บัสมึงมีแฝดเหรอวะ แม่งตลกว่ะ ฮ่าๆ”   

   “แฝดพ่อมึงสิ กูอยู่นี่! มึงเมาแล้ว กลับๆ”ผมหัวเราะชอบใจชี้นิ้วไปอีกทาง ไอ้บัสกวาดแก้วกับขวดของมึนเมาที่อยู่ตรงหน้าผมเก็บจนเกลี้ยง

   “กูยังไม่อยากกลับ กูอยู่เป็นเพื่อนมึงน๊า.....”

   “มึงอย่ามาอ้อน พูดเป็นเทปยืดกูฟังแล้วรำคาญว่ะ วันนี้มึงเป็นเชี่ยอะไรของมึงวะ”มันหิ้วปีกผมให้ลงมาจากเก้าอี้

   “มึงจะไปเข้าใจอะไรกู.....ชีวิตกูมันบัดซบเจอแต่เรื่อง กูก็คนนะเว้ยไม่ใช่พระอิญพระปูนโยนอะไรมาใส่กูก็รู้สึกเจ็บเป็น”

   “เออกูรู้ หรือเพราะมึงเก็บเรื่องไอ้โชคมาคิดอีกแล้ววะ”

   “ไอ้บัส ฮึก!”ผมสะอึกเป็นรอบที่ร้อย รู้สึกโลกนี้มันหมุนเร็วไปหมด“.....มึงอย่าทิ้งกูนะเว้ยกูไม่อยากเสียใจอีกแล้ว กูเจ็บว่ะ มันเจ็บตรงนี้!”ผมเอามือทุบลงไปที่อกข้างซ้ายของตัวเอง น้ำตาของผมจู่ๆ มันก็ไหลมาจากไหนไม่รู้

   “พอๆ หยุดคิดเรื่องห่าบ้าบอได้แล้ว กูไม่ทิ้งมึงแน่!”สติของผมมันพร่ามัวไปหมด ความรู้สึกต่างๆ มันเหมือนถูกดันออกมาจากข้างในจากไหนมากมายก็ไม่รู้

   “มึงสัญญานะว้อยยยย!”

   “ไอ้ปอนๆ มานี่หน่อย!”หูผมแว่วๆ ได้ยินเสียงของไอ้บัสตะโกนเรียกใครบางคน ตอนนี้ผมยืนแทบจะไม่ไหว ต้องให้ไอ้บัสหิ้วปีก ส่วนผมก็เกาะมันมือเป็นปลาหมึกเลย

   “โหยยยย! หมดสภาพเลยว่ะไอ้ธัน เมาปลิ้น”

   “มึงอย่าเพิ่งวิจารณ์ กูฝากร้านแป๊บนึงบอกพี่เงาะให้ด้วยเดี๋ยวกลับมา กูจะเอาไอ้ธันไปส่ง แม่งกลับเองไม่น่าจะไหวแล้วว่ะ”

   “เออๆ รีบไปรีบกลับ”

   “ไหวป่ะวะไอ้ธัน”

   “กูไหว กูโอเค”

   “แต่สภาพมึงไม่โอเคเลยว่ะ”ไอ้ปอนทำหน้าเบ้

   “กูไปแล้ว อย่าลืมบอกพี่เงาะ”

   “เออๆ”

   ถึงผมจะเมา แต่ก็ไม่ได้หมดสติ สติน่ะพอมีอยู่บ้างแต่อาจไม่ชัดเจนรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร และรู้ว่าใครคือคนที่กำลังหิ้วผมออกมาจากร้าน นี่สินะที่เขาเรียกว่าพอเหล้าเข้าปากก็จะกลายเป็นอีกคน

   “ยืนดีๆ กูจะโบกแท็กซี่ได้ไงถ้ามึงจะพากูล้มทั้งยืนแบบนี้”

   “กูนั่ง ให้กูนั่ง”

   “นั่งเชี่ยอะไรของมึง พื้นสกปรก!”

   มีหลายประโยคที่ไอ้บัสพูดกับผม ผมได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง สายตาของผมจับจ้องไปทางถนนที่มีรถขับสวนทางกันไปมา มันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์วันที่ตัวเองถูกซ้อมปางตายก่อนจะเจอเข้ากับฟรานซิสอีกรอบอย่างบังเอิญ ตลกดีมั้ยล่ะที่เหยื่อกระโดดมากินเบ็ดเองทั้งๆ ที่ไม่ทันจะหย่อนเบ็ดเลย

   ไม่รู้เพราะผมเมาหรือตามันพร่า ที่จู่ๆ ก็เห็นรถหรูคันสีดำจอดลงตรงหน้า แล้วผู้ชายที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีก็ก้าวลงมาจากรถ เขาเดินก้าวขายาวๆ มาหยุดลงตรงหน้าผมกับไอ้บัส

   “ฮ่าๆ ไอ้บัสกูว่ากูเหมือนเห็นผีเลยว่ะ”ผมหัวเราะอย่างสนุก

   “ใครวะ?”ไอ้บัสกระซิบถามผม

   “จาใครล่า.....ก็เจ้านายใหม่กูเองหล่อใช่มั้ยล่ะกูโคตรอิจฉา.....ฮึก! แม่งหลอนว่ะมาเป็นตัวเป็นตนเลย ฮ่าๆ”มือของผมเอื้อมไปขยุ้มเสื้อของคนตรงหน้า แล้วหัวเราะชอบใจ

   “เชี่ยไอ้ธัน มึงทำไรวะนั่นเจ้านายมึงไม่ใช่เหรอ!”ไอ้บัสพยายามแกะมือผมออก ผมก็กำแน่นไม่ยอมปล่อยแถมยังผละจากไอ้บัสไปเกาะเขาแน่นอีก

   “ฮึก!....ทำกับผมแบบนั้นคงสนุกสินะ ใจร้ายจังว่ะ....”

   “ฉันจะพาหมอนี่ไปเอง”

   “แต่เขาอยู่กับผมที่บ้าน ไม่รบกวนคุณดีกว่าครับ”

   “ฉันมีเรื่องเข้าใจผิดกับเขานิดหน่อย คืนนี้จะให้ไปค้างที่บ้านฉันไม่ต้องเป็นห่วง กลับไปทำงานของนายเถอะ”

   “ถ้างั้น.....ก็ฝากไอ้ธันด้วย มันอาจจะพูดพร่ามแต่เดี๋ยวหัวถึงหมอนมันก็หลับ”

   “อืม”



   อือ....หิวน้ำเป็นบ้า

   วินาทีแรกที่ผมรู้สึกตัว ผมรู้ว่าเมื่อคืนตัวเองเมาเหมือนหมา แล้วตอนนี้ผมก็รู้สึกตัวเพราะรู้สึกว่าคอของผมมันแห้งผากราวกับขาดน้ำมาตลอดทั้งคืน แถมยังรู้สึกมึนหัวชนิดที่ยกหัวไม่ขึ้น ผมได้แต่ขยับตัวเล็กน้อยรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผิดปกติไป มือของผมที่สัมผัสได้ในตอนนี้คือความหนุบหนับเย็นๆ เรียบๆ แน่นๆ ทั้งที่ไม่อยากลืมตาตื่นแต่ก็ต้องฝืน

   ดวงตาของผมค่อยๆ ปรับแสงและภาพตรงหน้าให้ชัดทีละน้อย และสิ่งที่ผมเห็นคือมือของผมกำลังกอดและเอาหน้าซุกอยู่กับอกเปลือยเปล่าของใครบางคนชนิดที่แนบสนิทจมูกแทบจะฝังไปกับผิวเนื้อ ผมร้องลั่นในใจชนิดที่ดังมาก

   ไอ้บัสเหรอ!!! ผมจำได้ว่ามันบอกจะมาส่งผมที่บ้าน หรือว่าผมเมาจนไปทำอะไรมัน!

   ตะแต่เดี๋ยวนะ! สีผิวฝรั่งจ๋า กล้ามหน้าท้องแน่นๆ นี่ กูว่าไม่ใช่แล้วล่ะไอ้ธัน! แค่กลิ่นก็ดูแพงแล้ว

   ผมใช้มือแตะๆ เพื่อพิสูจน์โดยการสัมผัสตามสุภาษิตที่ว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ

   ร้องเชี่ยในใจรอบที่ล้านลั่นมากครับ!

   “พอใจหรือยัง?”เจ้าของเสียงขยับตัวราวกับถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ ผมค่อยๆ เลื่อนมือออกจากร่างกายนั่น และยังรู้สึกอีกว่าไม่ใช่แค่มือที่เกาะเกี่ยวคนตรงหน้าเป็นเถาวัลย์ แต่รวมถึงขาของผมด้วยเช่นกัน

   ผมรู้สึกหน้าหดเหลือแค่สองนิ้ว แถมยังร้อนผ่าวชนิดที่เหมือนโดนไฟนาบ

   “อาจจะเป็นคำถามโง่ๆ ตะแต่ว่าเรา ไม่! ไม่ใช่สิ หมายถึงผม คือ.....”อยากตบปากตัวเองทำไม่ต้องมาอึกอักตอนนี้ด้วยวะ
   จะไม่ให้ผมละล่ำละลักแบบนี้ได้ไง ก็ดูสภาพฟรานซิสตอนนี้ที่โชว์ร่างกายเปลือยเปล่าราวกับนายแบบโฆษณากางเกงในชาย และกลับมามองตัวเองที่มีสภาพเปลือยที่ไม่ต่างกัน ไอ้ต่างกันก็คือรูปร่างนี่แหละ คุณจะให้ผมคิดอะไร แม่งหัวผมจะระเบิดอยู่แล้ว ละครน้ำเน่าก็น้ำเน่าเหอะแม่งมาเจอเองแบบนี้เน่าเละแทะชนิดที่หนอนไต่เลย

   “ถ้านายจะถามอะไรไว้ค่อยคุยกัน เพราะยังไงฉันก็ต้องมีเรื่องคุยกับนายอยู่ดีธัน”

   “แต่ว่าผม.....”

   “ไม่มีแต่ วันนี้ฉันต้องไปทำงานจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ถึงแม้วันนี้จะเป็นวันหยุดของนายแต่ช่วยลงไปจัดการกับเศษขยะข้างล่างก่อนกลับด้วย ฉันหมายถึง.....เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยอ้วกของนาย หรือจะอยู่ต่อฉันก็ไม่ว่า”ฟรานซิสลุกขึ้นจากเตียงผมแทบลืมหายใจกับหุ่นสุดเซี๊ยะนั่น ในความโชคร้ายยังมีเรื่องยินดีอยู่บ้างนั่นคือฟรานซิสยังคงมีกางเกงติดอยู่กับร่างกายเขาตั้ง 1 ชิ้น ไม่อย่างนั้นถ้าผมได้เห็นบั้นท้ายล่ำๆ นั่น เลือดกำเดาคงพุ่งไปถึงขั้วโลก

   คิดยังไงก็คิดไม่ตก ทำไมผมถึงมานอนกกเจ้านายตัวเองได้ ผมไม่ใช่พวกกินบนเรือนขี้บนหลังคาหรอกนะ แล้วรสนิยมทางเพศของผมมันก็ยังปกติอยู่......รึเปล่านะ?

   โว้ยยยยยย! ไม่รู้แล้วไม่อยากคิดแล้วว้อย! ทำไมต้องมาหน้าแดงเป็นคิดเรื่องลามกแต่เช้าแบบนี้ด้วยเนี้ย ยิ่งคิดยิ่งขึ้น! ไม่ๆ อย่ามองผมแบบนั้น ผมหมายถึงความดัน เพราะผมรู้สึกปวดขมับตุบๆ จนเหมือนจะระเบิด



   ร้านฟาสฟู๊ด

   “ทำหน้าเป็นหมาหงอยแบบนี้มีเรื่องอะไรรึเปล่าวะ”

   “ยังแฮ๊งอยู่อีกเหรอวะ?”ไอ้ปอนเชยคางผมราวกับจะมองหน้าผมให้ชัด ผมจิ๊ปากสะบัดหน้าหนี

   “แฮ้ง? นี่มึงดื่มมาเหรอวะ”เสียงแหลมสูงปรี๊ดของไอ้จูนเสียดแก้วหูผม

   “นิดหน่อย”

   “ดื่มทำไมไม่ชวนวะ”

   “กูดื่มคนเดียว แต่ไปดื่มที่บาร์รอไอ้บัสกลับบ้านเฉยๆ”ผมแก้ต่าง แล้วหยิบเฟรนฟรายเข้าปาก

   “ก็นึกว่าไปดื่มแล้วไม่ชวน ไม่งั้นแม่จะงอนเป็นขนตาเลย ชิ!”

   “กูไม่อยากจะเล่า แม่งมันเมาปลิ้นเลยว่ะ ฮ่าๆ”

   “เออ เห็นกูเมาแล้วขำ”

   “เลิกนอกเรื่องแล้วมาจัดการเรื่องเรียนมา”ไอ้บัสปาเฟรนฟรายใส่ไอ้ปอน

   “ถึงมันจะลด 50% มึงอย่าเอามาปาดิวะกูเสียดาย”ไอ้ปอนเก็บเฟรชขึ้นมากิน

   “งั้นมึงก็กินให้หมดนี่เลยแล้วเอาF ไปแดกแก้เลี่ยน”

   “แม่งมาโหมดโหดวะ”

   “อย่าทะเลาะกันได้มั้ยวะ กูปวดหัวอีกแล้วเนี้ย”

   ผมจัดการสงบศึกชั่วคราวก่อนจะเข้าสู่โหมดทำงานจริงจัง พวกเราสี่คนใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงภายในร้านฟาสฟู๊ดเพื่อปรู๊ฟงานที่จะพรีเซนท์ในอีกสองวันข้างหน้าก่อนปิดคอร์ส หลังจากแยกย้ายกับไอ้จูน ผมกับไอ้ปอนแล้วก็ไอ้บัสก็ตัดสินใจไปเดินเตร่แถวเกมส์เซ็นเตอร์ ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงกับการผ่อนคลายชนิดที่ลืมเรื่องปวดหัวไปซะสนิท ผมกับไอ้ปอนชอบเกมส์ยิงซอมบี้ แต่ไอ้บัสเลือกที่จะไปโยนบาสเก็บแต้มจำนวนลูก หลังจากจบเกมส์ผมกับไอ้ปอนก็ไปสมทบกับไอ้บัสแข่งโยนลูกบาสลงห่วง ใครแพ้คนนั้นเลี้ยงน้ำ สุดท้ายคนที่แพ้คือไอ้ปอนจนได้

   “สนุกสุดๆ ไม่ได้มาเล่นอะไรอย่างนี้นานแล้ว”ดูไอ้ปอนจะดี๊ด้าเป็นพิเศษ

   “อย่าลืมล่ะกันมึงต้องเลี้ยงน้ำพวกกู”

   “น้ำเปล่าคนละขวดใช่มั้ย”

   “บ้ามมึงสิ ไม่งั้นกูไม่ยอมเสียเงินเพื่อเอาชนะมึงหรอก อย่างพวกกูต้องอะไรที่มันเย็นๆ ชื่นใจได้อารมณ์แมนๆ ป่าววะ”ผมพูดพลางเดินนำไปด้านหน้า

   “แน่นอนมึงกินโอเลี้ยง ส่วนมึงก็ชาเย็นแมนพอมะ”

   “มึงเอาไปแดกเองเหอะ”ผมชูกำปั้นใส่ไอ้ปอนแล้วเผลอหยุดที่ป้ายโฆษณาชุดชั้นในชายแบรนด์ดังร้านหนึ่งในห้าง สายตาผมมองไปที่นายแบบที่โพสท่ายืนจังก้าอวดรูปร่างและกางเกงในเป้าตึงนั่นอย่างมาดมั่น ผมไม่ได้มองเล็งไปที่ส่วนอื่นเลยนอกจากใบหน้าคมคายที่เป็นชาวต่างชาติเต็มตัว พาลให้ผมคิดไปถึงใครคนหนึ่งอย่างไม่ทันตั้งตัวซะได้

   เชี่ย! ผมมองหน้าผู้ชายในภาพเป็นฟรานซิสไปได้ยังไง

   “มึงจะซื้อเหรอวะ”ไอ้บัสถามขึ้น

   “ก็คงงั้น”ผมตอบแล้วเดินเลยร้านไป ไอ้ปอนกับไอ้บัสคงงงแต่ก็เดินตามผมมาแต่โดยดี ทั้งๆ ที่เป็นวันหยุดตัวเองแท้ๆ แต่ความผ่อนคลายมันหายไปไหนหมดวะ มีแต่เรื่องปวดหัว

   ตอนนี้เราสามคนกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ผมกับไอ้บัสส่งไอ้ปอนขึ้นแท็กซี่ เดี๋ยวนี้มันทำงานมีเงินมันบอกอยากไปไหนมาไหนสบายๆ เลยเลือกที่จะนั่งแท็กซี่แทนซะส่วนใหญ่ พอผมแซวมันว่ากระแดะมันกลับชูนิ้วกลางให้แล้วเปิดตูดขึ้นแท็กซี่ไปเลย ตอนนี้ก็เหลือผมกับไอ้บัสที่ยืนคอยรถประจำทางด้วยกัน

   “เอ่อไอ้บัส กูมีเรื่องสงสัยอยากจะถามมึงวะ”

   “อะไรวะ”

   “คือเมื่อคืนกูเมามากระดับไหนวะ”

   “ก็พอๆ กับงานเลี้ยงวันเกิดไอ้พี่ตั้ม พี่รหัสมึงนั่นแหละ”ผมระลึกได้ว่าตอนนั้นผมเมาชนิดที่แทบจะแก้ผ้ากระโดดลงอ่างปลาโชว์พาว แต่ดีที่พวกเพื่อนๆ มันห้ามไว้ทัน เหตุการณ์นั้นผมแทบอยากจะฝังลืม ถ้าผมโดดตอนนั้นไม่อยากจะคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้น

   “เชี่ย เมาขนาดนั้นเลยเหรอวะ แต่กูก็ยังพอจำได้นะว่ามึงมาช่วยพากูกลับบ้าน แต่ว่า....”ผมเว้นวรรคกำลังไตร่ตรองความคิด“มันติดอยู่นิดหน่อยว่า มึงพากูกลับบ้าน แต่พอกูตื่นมา กูเอ่อ.....ไม่ได้อยู่ที่บ้านมึง”

   “ไอ้เชี่ยธัน มึงจำไม่ได้เหรอวะว่าเมื่อคืนเจ้านายมึงมารับกลับ เห็นมึงกระโจนเข้ากอดเขาซะขนาดนั้น ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าใจว่ามึงเด็กเสีย แม่งอ่อยชิบหาย”ไอ้บัสเล่าไปขำไป ผมนี่ถึงกับตะลึงพรึงเพริด

   “กูทำงั้นเหรอวะ”

   “เออ! เอากล้องวงจรปิดหน้าร้านมาดูมั้ยล่ะมึง”

   “เชี่ยแล้วไง”ผมถึงกับกุมขมับ

   “แต่เจ้านายมึงนี่แม่งโคตรหล่อเลยว่ะ อย่างกับพระเอกหนังฝรั่ง”

   “หนังเอคชั่น?”

   “หนังโป๊ ฮ่าๆ”

   “ไอ้เชี่ยบัส!”ผมไล่กวดแตะมันต่อหน้าธารกำนัลอย่างไม่แกรงใจ

   มึงหยุดทำให้กูจิตนาการได้มัยวะ แม่งเพื่อนเลว!


>>>> to be continued นะคะ  :bye2:

**ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะมากค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
บอสใจดีขนาดนี้ไม่ให้คิดได้ไงคะว่าหวังเคลมน้องมันนนนนนนน

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4




10



   วันนี้เป็นอีกวันที่ผมต้องเข้ามาที่เพนท์เฮาส์ก่อนหน้านี้ 3 วันมาแล้วที่ผมไม่ได้เจอกับเจ้าของบ้านตัวปัญหา เพราะอาเธอร์บอกผมว่าพวกเขามีธุระที่ต้องไปจัดการ ฟรานซิสจึงไม่ได้อยู่บ้านสักระยะนึง และผมก็ไม่รู้ว่ากี่วัน ถ้าให้เดาเขาคงจะไปต่างจังหวัดเกี่ยวกับเกาะจันทร์ฉายอะไรนั่นแน่นอน

   ระหว่างทางที่ผมเดินออกมาจากที่พักใหม่ คงยังไม่รู้ใช่ไหมล่ะว่าผมย้ายจากบ้านไอ้บัสมาอยู่หอที่ติดต่อไว้กับยัยเจ๊ปากผีนั่นเรียบร้อยแล้ว ถึงที่นั่นจะดูโทรม ความปลอดภัยเป็นศูนย์ แต่เรื่องราคามันก็ทำให้ผมไม่ขัดสนที่จะจ่ายโดยไม่ต้องค้างหนี้ติดสินให้โดนว่า

   ผมเดินออกมาจากซอยที่พักได้ระยะหนึ่ง ผมแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง แต่รู้สึกเหมือนมีคนตามอีกแล้ว ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นบ่อยจนผมคิดว่าตัวเองหลอนไปเองแต่ก็ไม่ใช่
 
   เท้าของผมก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆ ร้อนใจจะเดินให้ถึงป้ายรถประจำทางไวๆ แต่พอจะเลี้ยวตรงหัวมุมถนน ผมถึงกับผงะเมื่อโดนขวางหน้าด้วยชายร่างสูงถึงสองคน การแต่งตัวไม่ได้ดูสะดุดตา แต่พฤติกรรมที่ทำนี่แหละแม่งเหมือนโจร

   “เฮ้ย! พวกมึงเป็นใครวะตามกูมาทำไมเนี้ย”มือของผมพยายามล้วงหาโทรศัพท์เพื่อโทรขอความช่วยเหลือ แต่คว้านหายังไงก็ไม่เจอ

   “พวกกูมีเรื่องต้องคุยกับมึงตามคำสั่ง ตามมาถ้าไม่อยากเจ็บตัวฟรี”

   มาแนวนี้แม่งโจรในละครเลยว่ะ แต่บางอย่างที่มันพูดกับผมทำให้ผมฉุกใจคิด

   “มึงพวกไอ้แก่เฉินเหรอวะ”

   ผมซุ่มเสี่ยงถามออกไป

   “ระวังคำพูดมึงไว้หน่อยเรียกหัวหน้าแบบนั้นหัวมึงได้หลุดแน่”ไอ้ผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินตวัดมีดพับมาทางผมในมุมที่อับสายตา ผมกลืนน้ำลายเฮือกแล้วเดินตามมันไปอย่างเงียบๆ จนมันพาผมมาที่แห่งหนึ่งไม่ไกลจากหอที่ผมอยู่ เป็นบริเวณตึกที่กำลังก่อสร้างแต่ถูกชะงักไป บรรยากาศรอบๆ ก็ดูไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่เพราะลับสายตาคนแถมยังดูรกร้างจนแทบจะเป็นดงงู

   “เชี่ย! ไม่โดนมึงแทงตายที่นี่ก็โดนงูฉกล่ะวะ หาที่ดีๆ กว่านี้ไม่ได้แล้วรึไง”

   “อย่าพูดมากกูรำคาญ บอกมันว่าควรจะทำอะไร”ไอ้ตัวใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าบุ้ยหน้าให้อีกคนเข้ามาทำหน้าที่ ผมถอยหลังกรูไปสองสามก้าวเพราะแม่งเดินมามีดจะจ้วงท้องผมดับอยู่แล้ว

   “จะพูดก็พูดมาดิวะ ทำไม่ต้องทำหน้าโหดด้วย”

   “ฟังให้ดีงานนี้เป็นงานสำคัญ ถ้าทำสำเร็จหนี้เกินครึ่งอาจถูกล้าง ถ้าเกิดพลาดมึงก็เละ”

   “งานอะไร?”

   “ขโมยข้อมูลบริษัทไอ้เวรนั่น เจ้านายต้องการรายชื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดหากเป็นไปได้ให้เร็วที่สุดด่วรที่สุด และถ้ามึงทำได้นายกูใจดีให้งานนี้เป็นงานสุดทายอำลาวงจรหนี้สินของมึง”

   “เชี่ย! อาชญากรรม!”

   ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อสิ่งที่ผมทำอยู่นับวันจะยิ่งถลำลึก ขาหนึ่งข้างกำลังก้าวเข้าคุกอยู่รอมร่อแล้ว แต่สิ่งที่ทำไหนเลยผมจะปฏิเสธมันได้ นั่นหมายถึงชีวิตของคนรอบตัวของผมโดยตรง คิดยังไงก็คิดไม่ตกชีวิตของผมมันหมดคุณค่าหมดสิ้นหนทางแล้วจริงๆ รึไงถึงต้องทำอะไรแบบนี้ ถ้ามีทางรอดอื่นมีเหรอผมจะไม่เลือก ผมไม่ได้อยากจะเลวอยากจะชั่วเพราะต้องมารับผิดชอบเรื่องบ้าๆ พวกนี้สักหน่อย

   ผมไม่อยากใช้ชีวิตที่ถูกบงการเรื่องเลวๆ พวกนี้ตลอดไปหรอกนะ ผมต้องตามหาไอ้โชค ให้มันมารับในสิ่งที่มันก่อสิไม่ใช่ผมมารับแทนทุกอย่างแบบนี้ งานสุดท้ายอะไร ผมไม่ดีใจเลยสักนิดกับเรื่องบ้าบอพวกนี้!



   เพล้ง!

   ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อแก้วในมือหล่นลงพื้นใบที่ 2 แล้ว ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองใจลอยเท่านี้มาก่อนเลย 2 วันมานี้หลังจากคิดเรื่องที่พวกไอ้แก่เฉินมาพูดในหัวของผมก็ทำงานตลิดเวลาฟุ้งซ่านเรื่องล้านแปดจนแทบไม่ได้ว่างเว้น

   จึ๊ก!

   “อ่ะ!”เศษแก้วที่ปลายแหลมคมตำมือผมเข้าเต็มๆ ทันทีที่ผมยื่นมือเข้าไปหา เลือดสีแดงสดค่อยๆ ซึมขึ้นที่ปลายนิ้วชี้ ก่อนจะหยดลงพื้นราวกับน้ำรั่วจากก๊อก

   มันรู้สึกเจ็บ แต่น้อยกว่าข้างในที่ผมเป็นอยู่ ผมจึงไม่ได้สนใจและเก็บเศษแก้วต่ออย่างไม่ยี่หระ

   “พอได้แล้ว ไปทำแผล”คนที่คว้าข้อมือผมแล้วดึงตัวผมให้ยืนขึ้นดูมีสีหน้านึกรำคาญ แล้วลากตัวผมออกไปจากที่เกิดเหตุ ฟังดูน้ำเสียงของเขาหงุดหงิดไม่ใช่น้อย ผมไม่รู้ว่าเขารู้ได้ไงว่าผมโดนแก้วตำมือ ไม่แน่เขาอาจจะเดินมาดูตามเสียงที่ผมรบกวนเขาไปหลายรอบแล้วสำหรับวันนี้

   ฟุบ!

   ตัวผมถูกโยนลงบนโซฟาที่ปกติเขาจะเป็นคนครองมันทั้งหมด ผมไม่เคยแม้แต่ขึ้นไปนั่งเคียงไหลกับเขาเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้เขากลับโยนผมลงมานั่งแล้วเขาก็นั่งลงใกล้ๆ มองมือของผมที่เลือดยังไม่ยอมหยุดไหล หากคุณเคยโดนแก้วบาดมือจะรู้เลยว่าปลายนิ้วของเราแทบจะเหมือนก๊อกน้ำดีๆ นี่เอง

   “กดไว้ เดี๋ยวฉันมา”ผมมองตามฟรานซิสที่ผุดลุกขึ้นแล้วไปหยิบอะไรบางอย่างมาจากตู้ใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว ผมมองเขาไม่วางตาจนกระทั่งเขาวางกล่องสี่เหลี่ยมสีดำที่มีเครื่องหมายบวกสีขาวอยู่บนฝากล่อง เขาปลดล็อคออกอย่างคล่องแคล่วก่อนจะหยิบพาสเตอร์ออกมา

   “ผมแปะเองได้”ผมเอื้อมมือไปจะหยิบแต่กลับโดนดุซะงั้น

   “ไม่ต้อง อยู่เฉยๆ ”ผมเพิ่งจะรู้ว่าถึงหน้าตาเขาจะไม่ให้ว่าดูแลใครได้ แต่พอเห็นแบบนี้แล้วผมอึ้งเลย แถมมือยังเบากว่าพยาบาลแก่ๆ บางคนในโรงพยาบาลอีก

   “คุณทำแบบนี้ได้ด้วย?”ถึงปาดผมจะพูดแต่เลือกที่จะมองมือตัวเองมากกว่า

   “ใครๆ ก็ทำได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก.....เสร็จแล้ว”

   “ขอบคุณมาก”พาสเตอร์ถูกแปะปิดปากแผลอย่างบรรจงราวกับมืออาชีพ ผมมองแล้วมองอีกอย่างพิจาณา

   “คราวหลังก็ระวังหน่อย นายไม่ใช่เด็กๆ แล้วที่จะทำอะไรพลาดบ่อยๆ”

   “ผมรู้แล้วล่ะนา”ผมพูดเสร็จก็รีบลุกขึ้นพรวด แต่กลับถูกพรานซิสกระชากให้กลับลงมานั่นอีกรอบ“มะ มีอะไรอีกผมจะไปเก็บของเตรียมมื้อเย็น วันนี้คุณไม่ออกไปไหนไม่ใช่เหรอ?”ผมถามเพราะวันนี้ตรงกับวันหยุดของเขา

   “ไม่ต้อง ฉันจะออกไปกินข้างนอก”

   “ครับ งั้นผมอาจจะกลับก่อนคุณเข้ามา”

   ความรู้สึกโล่งใจไม่ใช่เพราะไม่มีงานเพิ่ม แต่โล่งใจเพราะผมจะได้ไม่ต้องเจอเขาตลอดช่วงเย็นถึงค่ำ พักนี้ผมยอมรับว่ารู้สึกตัวเองเงียบไป และไม่อยากจะเผชิญหน้าหรือมองหน้าฟรานซิสตรงๆ ผมรู้สึกตัวเองเป็นวัวสันหลังหวะที่หวาดระแวงกลัวความผิด กลัวถูกจับได้ กลัวไปหมดทุกอย่าง

   “ใครบอกว่าฉันจะออกไปคนเดียว”

   “แอ๊ะ! อาเธอร์หรือนาวีล่ะที่จะไปกับคุณ”

   “นายนั่นแหละ”

   “ครับ.....ห๊า! ผมเนี้ยนะ ทำไมต้องเป็นผมล่ะ”

   “มันยังอยู่ในเวลางาน ตอนนี้ฉันมีสิทธิ์สั่ง นายแค่ปฏิบัติตาม”

   ครั้นผมจะปฏิเสธก็ง้างปากไม่ขึ้น ก็พ่อคุณทูนหัวผมกลับเดินดุ่มๆ ขึ้นไปข้างบนแล้วโยนคำสั่งลงมาอีกละรอก   “ฉันให้เวลานาย 10 นาทีเพื่อเตรียมตัว”

   “แต่ว่า…..”

   ผมชะเง้อคอแทบเคล็ดเพื่อจะเสวนาต่อ แต่ฟรานซิสกลับไม่สนใจตัดบทโดยการปิดประตูห้องแล้วปล่อยให้ผมอ้าปากพะงาบๆ งับอากาศเล่นเหมือนปลาทองงับน้ำ

   ใครมันจะไปมีอารมณ์ดินเนอร์ล่ะตอนนี้ ผมอยากจะตะโกนดังๆ ใส่หูฟรานซิสเหลือเกินว่า กูนี่แหละจะฆ่าเอ็งอยู่รอมร่อแล้วช่วยอยู่ห่างๆ กูตอนนี้ได้มั้ย!



   ไม่ต้องบอกว่าบรรยากาศในรถเงียบเชียบขนาดไหน ผมทำตัวลีบอยู่อีกมุมๆ หนึ่งของรถที่แล่นอยู่บนถนนสายเลี่ยงเมืองมานานเกือบ 2 ชั่วโมงจมผมงงว่าเขาจะพาผมไปกินข้าวหรือไปตะเข็บชายแดนกันแน่ทำไมถึงไกลขนาดนี้ ทางด้านฟรานซิสก็นั่งปกติในที่ประจำของเขาสบายๆ ผมบอกได้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งจะเคยนั่นรถหรูขนาดนี้ในชีวิต(ไม่นับตอนเมาเพราะผมไม่มีสติ) เห็นภายนอกว่าหรูแล้ว แต่ภายในโคตรจะสบาย เบาะนั่งด้านหลังก็นุ่มตูดอย่างบอกไม่ถูก แอร์ก็เย็นชนิดที่ชวนหลับ พื้นที่ส่วนตัวด้านหลังก็กว้างราวกับลีมูซีนแต่ให้คนละอารมณ์คนละสไตล์

   “กลัวฉันขนาดนั้นเลยรึไง”

   “แค่อยากจะนั่งห่างๆ”สายตาของผมกวาดมองบรรยากาศข้างทางราวกับเจ้านายพาหมามาเที่ยว ส่วนผมน่ะเหรอก็เป็นหมาน่ะสิ

   หวืด!

   ตูดผมไถลไปกับเบาะนั่งก่อนจะหยุดชะงักเมื่อร่างกายส่วนข้างกระแทกเข้ากับเจ้าของสูทสีดำที่ดูไม่เป็นทางการ เพราะปกติเขามักจะใส่เนคไท แต่ตอนนี้กลับสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมดูสบายๆ สวมเพียงสูตรนอกแฟชั่นจนผมแทบไม่อยากจะมอง เดี๋ยวจะแสดงสีหน้าเกินงาม

   “จะดึงมาทำไมเนี้ย”ผมจะขยับตัวออกแต่ฟรานซิสกลับโอบเอวผมทางด้านหลังทำให้ผมขยับไปไหนไม่ได้ ผมทำสายตาเลิกลักมองไปยังคนขับด้านหน้า รู้สึกกระดากอายขึ้นมาทันที

   นี่ไม่ได้นั่งอยู่ในรถสองคนนะเว้ย! ไอ้บ้านี่เป็นหอบหื่นให้มันรู้เวลาบ้างไม่ได้รึไง

   “คุณ ฟราน ซิส!”รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสียงกัดฟันกรอดเอ่ยชื่อผู้เป็นนายอย่างเหลืออด ฟรานซิสหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้เล็กน้อยก่อนจะจงใจเลื่อนมือลงต่ำมาจนถึงสะโพกของผม แต่ใบหน้าของเขากลับเฉมองไปทางอื่นอย่างกวนประสาท

   จะทำอนาจารต่อหน้าผู้อื่นเลยรึไงวะ!

   “นี่มันในรถนะครับคุณฟรานซิส”ผมพยายามเอ่ยถ้อยคำสุภาพเพื่อให้เกียรติเขา เพราะ ณ ที่นี้ผมบอกแล้วว่าไม่ได้มีแค่ผมกับเขาเพียงสองคน ยังมีไอ้การ์ดหน้านิ่งนั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน วันนี้อาเธอร์ไม่ได้มาด้วย

   “ถ้าไม่ใช่ในรถนายโอเคงั้นเหรอ”ฟรานซิสหันหน้ามามองผมมือข้างหนึ่งค้ำศีรษะตัวเองศอกวางทับกับขอบหน้าต่างรถรอคำตอบ ผมได้ยินอย่างนั้นแทบอยากจะเอาปี๊บมาคลุมหัว คนอื่นที่ได้ยินเขาจะคิดยังไง

   “ฮ่าๆ คุณหมายถึงอะไรครับ”ผมพยายามแกะมือปลาหมึกนั่นออก“.....ผมไม่เข้าใจ พูดแบบนั้นคนอื่นจะมองผมไม่ดี” 

   “นายหมายถึงเจมส์น่ะเหรอ เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เราพูดหรอก”

   “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่การกระทำคุณมันไม่เหมาะ”

   “ฉันทำอะไร”คิ้วทั้งสองข้างของเขาขมวดเชิงอยากรู้ ผมก็อยากรู้จะจริงๆ ว่าเขาไม่รู้หรือแกล้งถามผมเล่น

   “ก็คุณ.....”

   “Excuse me. We have arrived already.”

   บทสนทนาของผมถูกตัดอีกครั้ง เมื่อการ์ดควบตำแหน่งคนขับรถของฟรานซิสเอ่ยขึ้น ผมหันไปมองภายนอกรถแทบจะทันทีเมื่อเพิ่งรู้สึกตัวว่ารถได้จอดสนิทแล้ว เจมส์ลงจากรถอย่างรวดเร็วมาเปิดประตูให้ฟรานซิส เขาเดินลงไปจากรถและผมก็ขยับตัวตามออกมาทั้งๆ ที่อารมณ์ยังค้าง ผมไม่ได้หมายถึงอารมณ์อื่นใดนอกจากความหงุดหงิด อย่าเพิ่งเข้าใจผมผิด

   โอ๊ย! แล้วผมจะแก้ตัวทำฝาชีอะไรวะ!

   “นี่มันที่ไหนเนี้ย”ผมพึมพำมองบรรยากาศรอบๆ อย่าตะลึงพรึงเพริด ไม่เพียงบรรยากาศที่ดูให้ความสบายตาแต่ทุกอย่างดูสงบเงียบอยู่บบพื้นฐานของการตกแต่งสไตล์ยุโรปฟิวชั่นที่ยังคงให้กลิ่นอายความเป็นไทยอยู่ ผมมัวแต่ยืนมองบรรยากาศรอบๆ จนเพลิน ฟรานซิสจึงเรียกผมให้ตามเขาเข้าไปด้านใน

   เมื่อผมเห็นว่ามีพนักงานต้อนรับกำลังรอนำทางอยู่ผมจึงเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อให้ไม่ต้องมีใครมารอ

   “คุณแน่ใจนะว่าร้านไม่ได้ปิด”ผมกระตุกแขนเสื้อฟรานซิสที่เดินนำอยู่ด้านหน้า เพราะดูรอบๆ แล้วมันเงียบจนผิดปกติ ถึงจะมีโต๊ะที่พร้อมต้อนรับลูกค้าแล้วก็เหอะ แต่มันแทบจะไม่มีใครเลย

   “ถ้าปิดแล้วเราจะเดินเข้ามาได้มั้ย”

   “คุณบอกได้มั้ยว่าที่นี่ที่ไหน เรามาไกลเพื่อจะมาแค่นี้เนี้ยนะ”

   “อืม”

   “ผมว่า ดูมันไม่ค่อยปลอดภัยให้โทรเรียกอาเธอร์มามั้ยเผื่อมีเรื่องผิดปกติ”

   “พูดมากนา”มือของผมถูกลากไปให้เดินเคียงข้างเจ้าของร่างสูงราวกับเตือนให้ผมหุปปาก ผมมองเลิ่กลั่กไปทั่วทั้งร้านราวกับจับจ้องหาความผิดปกติจนกระทั่งมาหยุดอยู่บริเวณโต๊ะเอาท์ดอร์ที่ตั้งอยู่กลางเฉลียงซึ่งยื่นออกมาจากตัวร้านลงไปในทะทะเลลาปเล็กๆ ให้บรรยากาศริมน้ำในแบบเรียบหรู

   “นี่มันฟ้าจรดน้ำชัดๆ”ผมวิ่งไปเกาะราวกั้นระเบียงแล้วยื่นหน้าออกไปปะทะกับลมอ่อนๆ จ้องมองขอบทะเลสาบที่ผมคิดว่าคงจะเป็นฝีมือมนุษย์ที่สร้างขึ้นแต่มันก็สุดยอดเอามากๆ

   “รีบมานั่งได้แล้วเดี๋ยวอาหารจะมาเสิร์ฟ”เก้าอี้ตัวสีขาวถูกเลื่อนออกโดยฟรานซิส ผมหย่อนก้นลงนั่งด้วยความแปลกใจ เขาดูเป็นสุภาพบุรุษแต่ผมนี่มันสถุลชนดีๆ นี่เอง

   “มันไม่ได้มีอะไรพิเศษใช่มั้ย”ไม่มีใครแปลกใจก็บ้าแล้ว

   “พิเศษ ? ฉันไม่เห็นว่ามันจะพิเศษตรงไหน”

   “อย่าบอกนะว่าคุณมากินอะไรแบบนี้บ่อย”ผมตาโตโพล่งถามออกไป ฟรานซิสได้แต่ยิ้มแล้วจัดการกวักมือพนักงานให้มาเติมไวท์ในแก้วทรงคาบาเน่ตรงหน้า ทั้งของผมและของตัวเอง ผมรีบยกแก้วไวท์ขึ้นมาแล้วจิบเข้าปากทันที

   “อย่าบอกนะว่านี่มัน.....เบอร์กันดี?”ผมมองไวท์ในมือถึงกับสั่น จะไม่ให้สั่นได้ไง นี่มันไวท์แดงชั้นดีขึ้นชื่อระดับโลกเลยนะ คุณภาพดี รสดี แถมยังแพงที่สุดซะด้วย

   “ไม่ยักรู้ว่านายจะรู้เรื่องพวกนี้”

   “ผมก็เคยเป็นพนักงานบาร์....อา....ร้านอาหารหรูๆ ก่อนหน้านี้นะ”ผมเกือบจะหลุดปากพูดออกไป ใจผมนี่แม่งวูบลงตาตุ่มไปแล้ว

   “ฮึ!”คนตรงหน้าดื่มดำกับกลิ่นของไวท์ก่อนจะจิบมันราวกับเพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมละมุม และรถชาตินุ่มลิ้น ส่วนผมน่ะเหรอ มีของดีอยู่ตรงหน้าจะให้มานั่งจิบเป็นมดกินน้ำมันจะไปพอยาไส้อะไรล่ะ

   “เติมหน่อย”แก้วเปล่าถูกวางบนโต๊ะ ฟรานซิสชะงักค้างมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาก็เงียบไปกลับยิ้มขึ้นมาตรงมุมปากโดยที่ผมไม่ทันสังเกตเห็น

   เขาคงไม่ได้จะขี้เหนียวเก็บไว้กินเองหมดขวดนั่นหรอกนะ

   “นายจะอิ่มไวท์ก่อนอาหารจะมาถึงนะ”แก้วที่สามกรอกเข้าปากเสร็จเรียบร้อย มันหอมนุ่มอร่อยจนผมแทบอยากจะร้องไห้ ปกติกินแต่เหล้าผสมโซดา ไม่ก็เบียร์ยี่ห้อไทยทำ แต่มาถึงจุดนี้กินไวท์ความเหนือชั้นแม่งทำให้ผมระเริงเป็นแมงเม่าเลย

   “รู้แล้วล่ะนา คุณคงจะไม่บอกตอนท้ายให้ให้ผมเซอร์ไพรส์ใช่มั้ยว่าทั้งหมดนี่ผมต้องจ่าย”

   “นายคิดว่าไง ? ”

   “คุณคงไม่ใจร้ายทั้งๆ ที่คุณเป็นคนชวนผมออกมาเองหรอกนะ”ผมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันมาตื่นตากับอาหารที่มาวางตรงหน้า

   อย่าให้ผมเล่าว่าผมกินอะไรไปบ้าง มันปวดหัวเสียยิ่งกว่าขึ้นเครื่องเล่นผาดโผน ทั้งจานรองจานหลัก แล้วก่อนหน้านี้ยังมีแอพพิไทเซอร์ แล้วก็ซุปอีก แถมยังตบตบด้วยของหวานเป็นเค้ก ผมนี่แทบจะนอนกลิ้งลงกลางพื้นเพราะความอิ่ม แต่เค้กไม่ใช่ว่ามันไม่อร่อยหรอกนะ แต่ผมรู้สึกพะอืดพะอมสุดๆ จึงกินไปได้แค่ครึ่งเดียว และนั่นเป็นจานสุดท้ายที่ผมกินเหลือ ก่อนหน้านี้อย่างให้สาธยาย แทบไม่เหลือร่องรอย แต่คนตรงหน้ากลับกินเหลือเสียบานเบอะให้เขาเก็บกลับไปทิ้งจนน่าเสียดายแต่ผมก็ไม่ได้พูด

   “ผมขอตัวไปห้องน้ำนะครับ”ดูท่าว่าผมควรจะเดินย่อยเป็นดีที่สุด แต่พอลุกเท่านั้นแหละรู้สึกว่าตัวเองเซไปประมาณ 40
องศากับการสับขาหลอกตัวเองอีกสองก้าว

   ไม่ม้างงงงง! มันคงจะไม่ใช่ ผมแครู้สึกไปเอง

   ผมรีบมองไปที่ตัวน่าสงสัยคือไวท์แดงตรงหน้าอันดับแรกเลย ก่อนจะพาตัวเองเดินออกมาแล้วสะบัดหัวเหมือนหมาติดเห็บสองสามรอบ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะหายอีกไม่ช้า แค่ไวท์มันคงไม่ทำให้ผมถึงกับเมาหรอกใช่มั้ย แต่ไอ้ปริมาณที่ผมกินเข้าไปเกินควรก็ทำให้คิดมากอยู่เหมือนกัน

   “เดินดีๆ”

   “อื้ม”

   เชี่ย! เสียงสูงมาไงวะ ผมตะครุปปากตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อหู มันเป็นสัญญาณอ่อนๆ ที่ผมรู้ว่าแอลกอฮอล์ในเลือดมันเริ่มสูงขึ้น

   ล้างหน้า ล้างหน้ากูต้องล้างหน้าด่วน เรียกสติ เรียกทุกอย่างคืนมาจะมามึนกับของพื้นๆ พวกนี้ได้ไงวะ

   แต่จะว่าไปผมก็ไม่เคยกินไวท์มากเท่านี้มาก่อน เลยไม่รู้ว่ามันจะเมาได้ด้วยรึเปล่านี่สิ

   “เอ่อ ขอโทษครับห้องน้ำไปทางไหนครับ”ผมสะกิดพนักงานหญิงคนหนึ่งเพื่อถามทางไปห้องน้ำ

   “เดินตรงไปด้านในเลยค่ะ”

   “อ๋อครับ ขอบคุณครับ”

   ป้ายสีขาวที่บอกเส้นทางการไปห้องน้ำมีลูกศรชี้เป็นระยะ ผมเดินไปตามลูกศรเรื่อยๆ ก่อนจะบังเอิญชนไหล่เข้าให้กับใครบางคนที่ดูเหมือนจะเป็นพนักงานชายในร้าน

   “ขอโทษครับ.....ลูกค้าไม่เป็นอะไรใช่มั้ยครับ”

   “ไม่เป็นไรครับผมก็ขอโทษ.....”สิ้นเสียงขอโทษขอโพยผมเงยหน้าขึ้นสบตากับพนักงานคนนั้นเป็นเชิงปฏิเสธทำขอโทษตามมารยาท แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้ากลับทำให้ผมชะงักค้างราวกับโดนฮุกกลางอากาศ คนตรงหน้าผมก็เช่นกัน ผมยืนนิ่งราวกับโดนแช่แข็ง หัวใจกระตุกวูบและเจ็บปวดราวกับโดนเข็มพันเล่มทิ่มตำ
 
   ณ ตอนนี้ผมได้แต่นิ่งอยู่เนิ่นนานราวกับโดนสะกดจิต เพราะผมเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะใช่อย่างที่ตาเห็นหรือเปล่า

   “ไอ้ ธัน.....”เสียงอ่อนเอ่ยขึ้นแผวเบาแต่ผมก็รับรู้ว่ามันเรียกชื่อผม และนั่นคือสิ่งยืนยันที่ทำให้ผมถึงกับหมดเรี่ยวแรงทิ้งตัวลงกับพื้น แทนที่จะจับคนตรงหน้าไว้ให้แน่นไม่ปล่อยมืออย่างที่สมองมันสั่ง

   “..........”ผมอยากจะพูด แต่กลับไม่มีคำพูดใดๆ ออกจาปาก มันพูดไม่ออกมันจุกอยู่ที่อกเจ็บอยู่ที่ก้อนเนื้ออกซ้ายจนน้ำตาผมไหลอย่างไม่รู้ตัว ส่วนคนตรงหน้าก็ตกใจไม่แพ้ผมเช่นกัน

   “กู.....กูขอโทษว่ะ แต่กูจำเป็นจริงๆ”มันรีบพูดแล้วรีบวิ่งหนีไปราวกับไม่มีอะไรสามารถรั้งมันไว้ได้แม้แต่มิตรภาพ

   “โชค.....ไอ้โชค”ความฝันครั้งนั้นผมจำได้ ผมเรียกมันในฝันให้กลับมา แต่มันก็ไม่แม้แต่หันมามองผม และถึงแม้ตอนนี้จะเป็นความจริงแค่ไหน มันก็ไม่ได้ต่างไปจากความฝันครั้งนั้นเลย

   ฮึก!

   ถ้าผมจะร้องไห้ปล่อยโฮออกมาตอนนี้จะมีใครว่าผมมั้ย

   เชี่ยเอ้ย! ไหนบอกว่าจะจับมันมารับผิดชอบไง แล้วมานั่งเป็นไอ้ขี้แพ้หน้าโง่แบบนี้ทำไมวะ กูเกลียดตัวเองชิบหาย!!!!




>>>> to be continued :bye2:

ออฟไลน์ tiew93

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สงสารธันจังเลยยยย ส่วนเรื่องที่ให้เป็นสปายถ้าฟรานซิสรู้ทันอยู่แล้วก็คงดี แต่ถ้าไม่รู้นี่สิ โอ้ยยย น้องธันของเจ้  :sad4:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
โถน้องธัน...ร้องไห้เลยอะ

ออฟไลน์ Soda.wine

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 o13. เราจะรอน๊าาาาา

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เป็นบอสที่อ่อยเก่ง แต่การปล่อยให้นายเอกเข้าถึงตัวได้ง่ายมันก็ผิดวิสัยผู้ทรงอิทธิพลไปหน่อย

หรือบอสวางแผนอะไรอยู่

ออฟไลน์ Cc-kun

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
หรือบอสรู้เรื่องเลยจงใจพามากินข้าวที่นี่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด