The Scalpel นักฆ่าสองโลก >>>ตอนที่ 44 ซาซากิ ฮาจิเมะ (29/08/2018)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Scalpel นักฆ่าสองโลก >>>ตอนที่ 44 ซาซากิ ฮาจิเมะ (29/08/2018)  (อ่าน 41858 ครั้ง)

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 21
เชื่อใจ


ความสงสัยที่อยู่ภายในใจแปรเปลี่ยนเป็นความไม่ไว้ใจ หวาดระแวง และอึดอัด การเดินทางในครั้งนี้สำคัญกับเขาเป็นอย่างยิ่ง  มันเป็นสิ่งที่กำหนดการตัดสินใจในอนาคตที่เขาต้องเลือก แต่หากเพียงเริ่มต้นเขากลับต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ เพื่อนร่วมทางที่เขาเลือกด้วยสัญชาตญาณของตนเองกลับเป็นคนที่ตลบตะแลงแกล้งทำสิ่งต่างๆได้อย่างแนบเนียนถึงเพียงนี้ ความประทับใจในคราแรกเริ่มสั่นไหวอย่างไม่อาจห้ามไว้ได้



ในครั้งแรกที่ได้พบลูกครึ่งทั้งสองสัญชาตญาณบอกว่าพวกเขาเชื่อใจได้ แต่เหตุใดเล่าความรู้สึกนั้นกลับไม่หนักแน่นพอ  ลังเลเพียงเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้  การกระทำของเรย์ที่ทำเพื่อให้เขารอดพ้นจากทหารหน้าประตูทางเข้ามันแนบเนียนเสียจนเขาหวั่นกลัวในใจ กลัวเหลือเกินว่าทุกสิ่งที่เขาได้รับก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงเรื่องโกหกหลอกลวง ทั้งยังบาดแผลที่เขาได้เห็นมันไม่มีทางที่จะมีอยู่จริง



พวกเขาทำสิ่งใดได้บ้าง...พวกเขาต่างจากลูกครึ่งที่เขาเคยพบเจออย่างไร หรือบางทีพวกเขาอาจจะไม่ใช่ลูกครึ่งเสียด้วยซ้ำ  ภาพที่เห็นอยู่อาจจะไม่ใช่ความจริง ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาใช้เล่ห์กลใดจึงทำให้เขามองเห็นเป็นเช่นนั้นได้ มันเป็นดังว่าพวกเขาสามารถทำได้ทุกสิ่งอย่างดังใจต้องการ ด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม



“หึหึ ฮ่าๆๆๆ ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว สีหน้าอะไรของเจ้าเอลลูญ์ บิดเบี้ยวสิ้นดี ฮ่าๆ เรย์  เจ้าก็คิดเช่นเดียวกับข้าใช่หรือไม่เรย์  ฮ่าๆ” นาฟระเบิดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ และเมื่อมองไปข้างๆก็พบเรย์ที่พยายามกลั้นหัวเราะจนตัวงอ การกระทำขัดบรรยากาศพาให้เอลลูญ์ยิ่งมีสีหน้าบิดเบี้ยวดังไม่รู้ว่าตนควรแสดงสีหน้าอย่างไรดี เพราะความลังเลเมื่อครู่กลับกลายเป็นความน่าฉงนสงสัย เมื่อได้มองได้มองสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มดังสนุกสนานของลูกครึ่งทั้งสองยิ่งไม่เข้าใจ



เอลลูญ์จดจ้องใบหน้าของทั้งสองสลับไปมาด้วยสีหน้าจริงจังดังว่าต้องการคำอธิบาย ทำให้นาฟค่อยๆลดเสียงหัวเราะลง แต่กระนั้นก็ไม่ได้หยุดลงในทันที



“อ่า ข้าจะบอกความจริงเจ้าเอง เลิกทำสีหน้าบิดเบี้ยวเช่นนั้นเสียเถอะ” สีหน้าของเอลลูญ์บ่งบอกหลากหลายอารมณ์ความรู้สึก ทั้งสงสัย ตกใจ เสียใจ และผิดหวัง มันผสมปนเปกันเสียยุ่งเหยิงไปหมด ดังด้ายที่ไม่อาจแก้ปมได้เมื่อเริ่มพันกัน จึงไม่อาจบรรยายสีหน้าเขาได้นอกจากคำว่าบิดเบี้ยว



สีหน้าที่เกิดขึ้นช่างไม่เข้ากับใบหน้าที่งดงามแม้แต่น้อย ทำให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกตลกขบขันดังที่เกิดขึ้นกับเรย์และนาฟ เรย์ที่พอใจแล้วจึงได้กล่าวบอกให้เอลลูญ์เลิกแสดงสีหน้าเช่นนั้น



“ไม่ ข้าต้องฟังก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วข้าก็ไม่อาจคลายความรู้สึกเหล่านี้ไปได้” เอลลูญ์ปฏิเสธดังเด็กน้อยที่ยังควบคุมควบอารมณ์ของตนเองไม่ได้ นั่นยิ่งทำให้เรย์เพิ่มความเอ็นดูเด็กหนุ่มมากขึ้น   ในครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอกัน เอลลูญ์มีท่าทีแข็งกระด้าง ดังว่าบังคับให้ตนเป็นผู้ใหญ่เกินอายุจริง  มันบดบังตัวจริงของเขาไปเสียหมดจนรู้สึกน่าเสียดาย



แต่เมื่อเริ่มพูดคุยและได้เดินทางด้วยกัน ทั้งยังเหตุการณ์เมื่อครู่พร้อมคำตอบที่แสนซื่อตรง ทำให้เรย์กับนาฟตระหนักได้ชัดเจนว่า เด็กหนุ่มตรงหน้ามีอายุเพียง 14 ปี เท่านั้น มันคงเทียบได้กับเด็กน้อยคนหนึ่งเมื่อคิดถึงอายุของเขาทั้งสอง



ความต้องการกลั่นแกล้งเด็กน้อยให้ต้องเผยนิสัยจริงๆที่พวกเขาเริ่มต้นอย่างลับๆจึงยิ่งเริ่มสนุกมากขึ้นไปอีก



“อ่า เริ่มจากตรงไหนดีนะ” เรย์พึมพำอย่างขบคิด พร้อมเอียงคอน้อยๆอย่างนุ่มนวล  แม้จะไม่เข้ากับอายุของเขา แต่ใบหน้าที่อ่อนเยาว์กลับไม่ได้ติดขัดกับมันแม้แต่น้อย มันจึงเป็นการเคลื่อนไหวที่ทำให้ผู้ได้มองต้องรู้สึกหลงใหลอย่างห้ามไม่ได้ เรย์กับนาฟอายุ 27 ปีแล้ว นั่นจึงทำให้พวกเขามองว่าเอลลูญ์เป็นเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น



“เรื่องที่ท่านโกหกอย่างชำนาญนั่นเสียก่อนเป็นอย่างไร” เสียงออกความเห็นอย่างเร่งร้อนออกจากปากเอลลูญ์ ดังว่ารอให้ถ่วงเวลาไปมากกว่านี้ไม่ไดแล้ว แม้เขาพยายามอดทนเพื่อรักษาภาพลักษณ์ที่ใจเย็นเกินเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่อาจใจเย็นลงไปมากกว่านี้ได้ เมื่อเป็นเรื่องของลูกครึ่งทั้งสอง



ความอ่อนโยนที่ได้สัมผัสตลอดการเดินทาง ค่อยๆทำให้กำแพงนั้นหลอมละลาย เขาจึงรู้สึกแย่เช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นเขาอาจจะทำเพียงสังหาร แล้วเปลี่ยนเพื่อนร่วมทางใหม่เสียก็ได้ แต่เขากลับทำเช่นนั้นกลับลูกครึ่งทั้งสองไม่ได้



นานเท่าใดกันที่เขาต้องปิดบังความต้องการต่างๆเอาไว้ แล้วเชื่อฟังผู้ที่ให้ชีวิตใหม่แก่เขา แม้การเดินทางในครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เขาตัดสินใจด้วยตนเอง จนถึงขั้นต้องขัดคำสั่งของคนผู้นั้น  เพียงเพราะต้องการพิสูจน์คำพูดของผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยพบเมื่อนานมาแล้วเท่านั้น...เขาอยากสะสางเรื่องค้างคาใจทั้งหมดนั้นด้วยตัวของเขาเอง



และทั้งเรย์กับนาฟให้ความรู้สึกบางอย่างคล้ายผู้หญิงคนนั้น ทั้งความใจดี ทั้งความเอาใจใส่ที่มอบให้  จึงทำให้เขารู้สึกเสียใจเป็นที่สุดหากทุกอย่างเป็นเพียงการโกหก  ในส่วนลึกของเราเองจึงยังคงรอคำแก้ตัวจากพวกเขา  หากมันน่าเชื่อถือ  เขาจะไม่ลังเลที่จะเชื่อเลย...แย่แล้ว เขาผิดพลาดตั้งแต่เริ่มเสียแล้ว  เหตุใดเขาจึงใจอ่อนเช่นนี้



“ตกลง...จากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ไม่ได้ทำให้ข้าแปลกใจมากนักว่าเจ้าจะสงสัยข้า เป็นใครก็คงไม่อาจไว้วางใจคนเช่นนี้ได้ แต่ถือว่าข้าขอเถอะนะ อย่าเรียกมันว่าการโกหกเลย เรียกมันว่า การพูดโน้มน้าวศัตรูจะดีกว่า เพราะข้าใช้มันเพียงแค่กับศัตรูเท่านั้น ไม่มีทางที่ข้าจะใช้กับสหายหรือพวกเดียวกันเด็ดขาด



ข้าไม่ได้ขอให้เจ้าเชื่อ แต่ข้าขอโอกาสได้หรือไม่ โอกาสที่เจ้าจะได้เห็นมันด้วยตา และสัมผัสด้วยความรู้สึกของเจ้าเอง อย่าตัดสินมันเพียงเพราะเห็นการกระทำของข้าเพียงแค่ครั้งเดียวเลย การกระทำบางอย่างมันซับซ้อน และมีเหตุผลในตัวเองทั้งนั้น



ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเราใช้เวลาเตรียมตัวและเดินทางมายังที่แห่งนี้ แม้มันจะเพียงระยะเวลาสั้นๆ ข้าก็ผูกพันกำเจ้าเช่นพี่น้องคนหนึ่ง...ข้าไม่ได้ร้องขอให้เจ้าเป็นตัวแทน แต่ข้าอยากให้เจ้ารับรู้เอาไว้ว่าเมื่อก่อนพวกเรามีน้องชายต่างสายเลือดอยู่คนหนึ่ง เขาคล้ายกับเจ้า เขาพยายามเข้มแข็งแม้สูญเสียสิ่งสำคัญ ทำตนโตเกินไวเพื่อปกปิดความอ้างว้างของตนเอง แต่ตอนนั้นพวกข้าไม่อาจทำสิ่งใดได้ ตอนนี้พวกข้าจึงอยากช่วยเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปของเจ้าบ้าง



อาจจะเป็นการทดแทนที่ไม่อาจทำมันได้ในตอนนั้นก็เป็นได้ เพราะพวกเราจากกันมาหลายปีแล้ว ตอนนี้เองก็คงอายุไม่ต่างจากเจ้ามากนัก เช่นนั้นแล้วข้าขอร้อง อย่าได้ตัดสินพวกข้าเพียงแค่เหตุการณ์นั้น อย่าได้หันหลังแล้วเดินจากพวกข้าไปเลย ถือเสียว่าเมตตาข้าก็ได้ แต่ช่วยรับข้อเสนอของข้าได้หรือไม่” เรย์กล่าวที่สิ่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไร้ซึ่งการเสแสร้งแกล้งทำดังเช่นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ทางเข้าป้อมปราการ เอลลูญ์ไม่เข้าใจมากนัก แต่เขากลับเชื่อว่าเรื่องเหล่านั้นไม่ใช่คำโกหกหลอกลวง  นั่นทำให้หัวใจที่แห้งเหี่ยวค่อยๆกลับมามีชีวิตชีวา เขาสัมผัสมันได้ เรย์ไม่ได้พยายามใช้น้ำเสียงหรือบรรยากาศให้เป็นประโยชน์ดังที่เคยแสดงให้เหล่าทหารยามได้เห็น



จะบอกใครได้อย่างไรว่าเขาเชื่อใจคนที่พึ่งเจอกันเพียง 1 สัปดาห์ได้มากมายถึงเพียงนี้...มันมากกว่าความรู้สึกที่เขามอบให้ครอบครัวของเขาเสียอีก ความรู้สึกดีใจที่ตนถูกมองว่าเป็นน้องชายยิ่งชุ่มฉ่ำหัวใจและอบอุ่นอย่างเห็นได้ชัด ความอบอุ่นที่เขาเคยสัมผัสมันเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต เขากำลังได้รับมันอีกครั้ง แม้จะน่ากลัวหากถูกหลอก แต่มันน่าเสียดายยิ่งกว่าหากเขาปฏิเสธความอบอุ่นเหล่านี้...



“ข้าจะรับข้อเสนอของท่าน” แม้น้ำเสียงนั้นจะแผ่วเบา แต่มันก็เต็มเปี่ยมไปด้วยการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว  เขาไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าตนจะได้รับการเติมเต็มความรู้สึกเหล่านี้จากเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์ เพราะเช่นนั้นแล้ว ปีศาจตนอื่นเป็นเช่นไร แดนปีศาจเป็นอย่างไร เขาต้องพิสูจน์มันด้วยตาของตนเอง



“หึหึ แบบนี้จึงสมเป็นเจ้านะเอลลูญ์...หากตัดสินใจสิ่งใดไปแล้ว ก็ต้องพร้อมที่จะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ด้วย อย่าเชื่อใจพวกข้า แต่ก็จงอย่าปิดกั้นสัญชาตญาณของตนเอง เป็นเช่นนั้นน่ะดีแล้ว” นาฟกล่าวขึ้นหลังจากนั่งมองพวกเขาทั้งสองอยู่นาน ความเอ็นดูที่ไม่ปกปิดถ่ายทอดมาทางดวงตา ยิ่งพาหัวใจของเอลลูญ์พองโตมากขึ้นไปอีก



“ข้าเข้าใจแล้ว...ข้าจะไม่เชื่อใจพวกท่าน แต่ข้าจะมองพวกมันด้วยตาของตนเอง” มือหนาของนาฟยื่นไปลูบผมสีเงินนั้นอย่างเบามือพร้อมรอยยิ้มอันอบอุ่น ตอบรับรอยยิ้มกว้างที่ยากจะได้เห็นของเอลลูญ์อย่างยินดี



ในเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเขาร่วมกันวางแผนทบทวนเส้นทางต่างๆ โดยมีนาฟเป็นผู้อธิบายเส้นทางต่างๆเพื่อให้เอลลูญ์ได้เลือกสถานที่ที่ตนต้องการไป ด้วยประสบการณ์ 8 ปี ที่นาฟกับเรย์ยืนหยัดอยู่ในหมู่บ้านร้าง ทำให้เขาต้องดิ้นรน แล้วได้เดินทางไปยังที่ต่างๆในแดนพยัคฆ์  แม้ไม่เคยไปเยือนแดนอื่น แต่เขาก็รับปากว่าจะเดินทางไปดินแดนอื่นๆพร้อมกับเอลลูญ์ด้วย



ส่วนเรย์จัดเตรียมกระเป๋า และสัมภาระที่จำเป็น ในระหว่างนั้นก็ดูแลเอลลูญ์ที่ไม่คุ้นเคยกับชีวิตของสามัญชนได้เป็นอย่างดี อย่างที่นาฟได้บอกไป เรย์ก็รู้สึกเช่นนั้นไม่ต่างกัน ภาพของเอลลูญ์ซ้อนทับภาพของรูร์กัส เด็กน้อยที่เขาไม่ได้พบมานานมากแล้ว  ในช่วงที่ริเรน่าจากไปกับปีศาจทำให้เขาได้เห็นภาพของเด็กน้อยที่พยายามเข้มแข็ง นั่นทำให้เขารู้ว่าความอ้างว้างเจ็บปวดเพียงใด เขาจึงอยากมี่จะเยียวยาส่วนที่ขาดหายไปของเอลลูญ์แม้เด็กหนุ่มจะไม่ได้ร้องขอก็ตาม



ความรู้สึกและการกระทำเหล่านั้นส่งผลถึงเอลลูญ์มากกว่าที่เรย์คิด เพราะความหวาดระแวงที่ต้องมีอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เด็กทำให้เขากลายเป็นคนช่างสั่งเกต เขาจึงสัมผัสความรู้สึกที่ส่งผ่านมาโดยไร้คำพูดเหล่านั้นได้มากกว่าที่ควร ความเอาใจใส่ ความห่วงใจ การดุ การสอน ที่ไม่ใช่การบังคับค่อยๆหล่อเลี้ยงหัวใจที่หนังอึ้งนั้นอย่างช้าๆแต่มีประสิทธภาพ



เรย์ปรึกษาเรื่องของเอลลูญ์กับนาฟ นาฟจึงเสนอหัวข้อของการกลั่นแกล้งเอลลูญ์มาให้ หลังจากที่ตนได้ทดลองกระทำมาบ้างแล้ว มันแจ้งชัดว่าเอลลูญ์ปกปิดนิสัยจริงๆของตน พวกเขาจึงยิ่งพยายามทำให้เอลลูญ์เผยมันออกมา มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ



“หึหึ ข้าดีใจที่เจ้าคิดได้เช่นนั้น...เพื่อเป็นรางวัลข้าจะเผยความลับของพวกเราให้เจ้าได้เห็น” เรย์กล่าวขึ้นหลังจากที่นาฟดึงมือกลับมาวางไว้ที่ถ้วยชา พอได้ฟังนาฟเองก็พยักหน้าเบาๆเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่าตนเห็นด้วย



“ความลับ?” ความว่าความลับดึงความสนใจของเอลลูญ์ไปเสียหมด ความดีใจเมื่อครู่จึงถูกสลัดทิ้งแต่ก็ยังเกาะกุมหัวใจ เขาจึงแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็นดังเด็กน้อยอย่างไม่ปกปิดสิ่งใด



“จะกล่าวว่าความลับของพวกเราคงไม่ถูกต้องนัก แต่ถ้าบอกว่าความลับของเหล่าลูกครึ่งคงจะถูกต้องกว่า แม้ลูกครึ่งส่วนใหญ่จะไม่รู้สึกถึงมันเลยก็ตาม” น้ำเสียงถูกลดให้เบาลง เพราะเกรงว่าปีศาจด้านนอกอาจจะได้ยินเข้า ความลับนี้มันเกี่ยวพันกับทุกฝ่าย หากมีใครรู้เข้ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่จนถึงขั้นพลิกหน้าประวัติศาสตร์ก็ว่าได้ และนอกจากนี้มันอาจทำให้เหล่าลูกครึ่งเดือดร้อนมากกว่านี้ก็เป็นได้


...(ต่อ)

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
...

“ท่านหมายถึง...พลังใช่หรือไม่” เรื่องที่เข้ามาในหัวของเอลลูญ์เรื่องแรกคือเรื่องนี้ เขาจึงถามมันออกไปตรงๆ



“ใช่ ก่อนอื่นข้าจะแสดงมันให้เจ้าได้เห็นอีกครั้ง” กล่าวจบ เรย์ก็วางมือซ้ายไว้กลางโต๊ะ เพื่อให้เอลลูญญ์ได้เห็นได้อย่างชัดเจน จากนั้นก็วางมือข้างขวาทาบทับไปบนมือซ้ายให้มีความห่างเล็กน้อย เพียงชั่วครู่พลังที่ไม่คุ้นเคยก็เกิดขึ้น มันมีองค์ประกอบของไอน้ำแผ่ซ่านออกมาเล็กน้อยพอให้รู้สึกตัวหากอยู่ใกล้ๆ



ห้องนี้มีเพียงพวกเขาทำให้ทั้งสาม จึงสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่ซ่านออกมาได้อย่างชัดเจน แต่หากอยู่ในที่กว้าง หรือผู้คนพลุกพล่าน การจะสัมผัสถึงมันคงทำได้อย่างยากลำบาก ดังเช่นก่อนหน้านี้จึงไม่มีใครเลยที่สัมผัส หรือรู้สึกตัวถึงมันได้ และเมื่อเรย์ยกมือข้างขวาออก แผลพุพองอันน่าสยดสยองก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่เพียงชั่วครู่ก็เลือนหายไป



“ท่านทำได้...อย่างไร” เสียงแผ่วเบาของเอลลูญ์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ ความรู้สึกชุ่มฉ่ำน้อยๆที่เกิดขึ้นจากไอน้ำ และความอึดอัดจากการบีบรัดของอากาศมันไม่สามารถอธิบายสิ่งใดได้เลย



“เจ้ารู้จักปรากฏการณ์มิราจรึเปล่า...มันคล้ายอย่างนั้น ภาพลวงตาที่เกิดจากความร้อนของไอน้ำที่ถูกบีบอัดจากอากาศซึ่งมีอุณหภูมิต่างกัน ปกติมันจะสร้างภาพลวงตาอย่างเช่นอย่างเช่นมีภาพน้ำเกิดขึ้น หรือสะท้อนภาพสิ่งของให้กลับหัว แต่สำหรับพลังของนี้มันสะท้อนภาพภายในจิตใจของข้าออกไปเท่านั้นเอง” เรย์ค่อยๆอธิบายเปรียบเทียบอย่างไม่รีบร้อน หลังจากที่เอลลูญ์พยักหน้าเบาๆเพื่อตอบคำถามในตอนแรก แต่กระนั้นในหัวของเอลลูญ์เก็บเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจจากความพิลึกกึกกือจากเรื่องที่เขาได้ฟัง พลังที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน มันช่างต่างจากพลังธาตุ กับพลังแฝง แม้ใกล้เคียงกัน แต่การประยุกต์ใช้ของพลังธาตุสร้างสิ่งละเอียดอ่อนเช่นนี้ไม่ได้



“สุดยอด” การทำใจรับเลือกแปลกใหม่ไม่ได้ยากเลยสำหรับเด็กอย่างเอลลูญ์ เขายอมรับมันอย่างง่ายดาย เมื่อตระหนักถึงความจริงที่อยู่ตรงหน้า และด้วยความจริงที่ว่า พวกเขาไม่ใช่ทั้งมนุษย์และปีศาจ



“มันไม่ได้ยอดเยี่ยมเช่นนั้น เพราะพลังของพวกเราละเอียดอ่อน มันจึงสัมผัสได้อย่างบางเบา จนยากที่ใครจะสัมผัสถึงมัน และถึงแม้จะสัมผัสถึง ก็ยากที่จะดึงมันออกมาใช้ พี่น้องของเราไม่มีใครสามารถทำมันได้เลย แม้ข้าจะไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่ทำได้ แต่ที่ข้ามั่นใจคือ มันต้องมีน้อยมากแน่ๆ



และสิ่งที่จะใช้กระตุ้นมันก็คือความรู้ แต่พวกเราไร้ซึ่งโอกาสเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะรู้วิธีใช้ พวกข้าเองสัมผัสถึงพลังได้แต่ก็ไร้ซึ่งความรู้ในการใช้ หากไม่ได้อ่านหนังสือจากท่านอาจารย์ พลังที่เจ้าเห็นเมื่อครู่คงไม่อาจเกิดขึ้นได้



ครั้งแรกที่ข้าได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับปรากฏการณ์มิราจ ดังว่าพลังที่ข้าสัมผัสได้ในร่างกายมันถูกกระตุ้น ข้าฉุกใจคิดจึงได้ทดลองใช้มัน แต่ก็ใช่ว่าจะใช้ได้ในทันที กว่าจะเป็นรูปร่างได้ขนาดนี้ ข้าลองผิดลองถูกมากมายทีเดียว ต้องหาความรู้ ต้องฝึกฝน เป็นเวลากว่า 2 ปี มันจึงสำเร็จดังที่หวังเอาไว้” เรย์เล่าเรื่องราวจุดเริ่มต้นให้เอลลูญ์ได้ฟัง พลังที่ไม่อาจรู้ได้ว่า ได้รับเพราะโชค  หรือความบังเอิญ หรืออาจเพราะโชคชะตาเล่นตลกบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็คว้ามันเอาไว้ด้วยความพยายามทั้งหมดที่มี



“เช่นนั้นแล้ว อาจจะไม่มีอีกแล้วก็เป็นได้ใช่หรือไม่ ลูกครึ่งที่ทำได้เช่นพวกท่าน เพราะที่แดนมนุษย์เอง  ลูกครึ่งมีฐานะเป็นทาสตั้งแต่เกิด...ถูกตัดสิทธ์ในการเข้าถึงความรู้ตั้งแต่ต้น...แต่พวกท่านเถอะ แน่ใจหรือที่เล่าให้ข้าฟังถึงความลับที่สำคัญขนาดนี้” ยิ่งได้ฟัง ยิ่งรู้สึกได้ว่าหน้าประวัติศาสตร์กำลังจะถูกพลิกครั้งยิ่งใหญ่  หากแม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดก็ตาม   แม้ไม่อาจคาดเดาได้ว่ามันจะเป็นไปในทางที่ดี  หรือในทางที่เลวร้าย มันก็ช่างเป็นเรื่องที่เยี่ยมยอดอยู่ดี



พลังที่ละเอียดอ่อน  แตกต่าง และแปลกแยก  ดังเผ่าพันธุ์ของพวกเขา ทั้งมันยังสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ และอาจจะใช้ได้อย่างไม่จำกัดอีก   หากเรื่องราวเหล่านี้แพร่งพรายออกไปคงมีการเปลี่ยนแปลงทั่วทุกแห่งบนโลกจนเกิดความโกลาหลเป็นแน่



“อย่าวิตกไปเลย  ใช่ว่าอยากใช้แล้วจะใช้ได้เลยดังพลังของพวกเจ้าเสียหน่อย...ถึงข้าจะอยากให้มันเป็นแบบนั้นก็ตาม”  นาฟสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเอลลูญ์ จึงกล่าวออกไปให้เด็กหนุ่มได้สบายใจ



แม้ไม่อาจรู้ได้ว่าเอลลูญ์คิดสิ่งใดอยู่ แต่หาคาดเดาจากฐานะราชวงศ์ของเขาคงไม่ใช่เรื่องยากนัก เพราะหากว่าเรื่องนี้ถูกประกาศให้ภายนอกได้รับรู้ แดนมนุษย์คงวุ่นวายมากที่สุด และคงอาจเกิดเรื่องร้ายแรงต่างๆอีกมากมาย  ไม่ว่าจะจากลูกครึ่งหรือมนุษย์ก็ตาม



สำหรับเขาเอลลูญ์เป็นมนุษย์ที่แปลกประหลาดเช่นเดียวกับอาจารย์ของเขา  เพราะโดยทั่วไปแล้วราชวงศ์ไม่เคยในความสนใจผู้ที่ด้อยกว่าตนเอง  ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นหรือเผ่าพันธุ์ใดก็ตาม  พวกเขาทระนงตนว่าพวกเขาเหนือกว่าผู้อื่น ดังนั้นสิ่งที่เอลลูญ์กำลังทำอยู่มันจึงเป็นเรื่องไม่คาดคิด ทั้งสนใจในวิถีชีวิต และเรื่องราวต่างๆของแดนปีศาจ  ทั้งยอมพึ่งพาพวกเขา   ทำดังว่าต้องการพิสูจน์ข้อข้องใจบางอย่างภายในใจ



และที่พวกเขาไว้วางใจเอลลูญ์ไม่ใช่เพียงเพราะความเอ็นดูเท่านั้น  พวกเขาต้องการช่วยให้เอลลูญ์ได้เลือกในสิ่งที่ตนลังเลด้วยตนเอง โดยไม่ต้องเชื่อฟังใครดังที่ผ่านมา  นั่นคือสิ่งที่เขารู้สึก เขารับรู้ได้ว่าเอลลูญ์ต้องมีชีวิตที่ถูกขีดเส้นเอาไว้อย่างแน่นอน



“ข้าแค่...”



“ช่างมันเถอะ  ข้าไม่ได้ใส่ใจนักหรอก” นาฟเอ่ยขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าเอลลูญ์กำลังจะกล่าวข้อแก้ตัว  เพื่อให้พวกเขาสบายใจ  แต่อาจเป็นข้อผูกมัดเขาเสียเองออกมา   ทั้งต่อจากนี้หรือในอนาคตที่จะต้องมาถึงในสักวันหนึ่ง  ถ้าหากเอลลูญ์เลือกที่จะเชื่อใจพวกเขา  เขาเองก็จะเชื่อใจเด็กหนุ่มตรงหน้าเช่นเดียวกัน



“ขอบคุณครับ  ท่านนาฟ” คำขอบคุณจากใจถูกส่งออกมา แม้เพียงจะอยู่ร่วมกันเพียงไม่กี่วัน  แต่สายสัมพันธ์บางอย่างกลับถูกต่อถักทอกลมเกลียวเสียจนไม่อาจแก้ออกได้



“พอๆ เลิกบรรยากาศน่าขนลุกนี่เสียทีเถอะน่า ข้าจะแสดงพลังของข้าให้เห็นเอง มันสุดยอดกว่าของเรย์เป็นไหนๆ  ฮ่าๆๆๆ” บรรยากาศครุกรุ่มเมื่อครู่ถูกขัดด้วยเสียงแหง่ความอารมณ์ดีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของนาฟ มันดังเสียจนพวกเขาลืมไปว่าต้องลดเสียงลง  แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีใครห้ามนาฟเลยสักคนเดียว



“กล้ามาก พลังของเจ้ามันสุดยอดกว่าของข้าเมื่อใดกัน”  นอกจากจะไม่ห้ามแล้ว เรย์ยังเถียงกลับไปอย่างนึกสนุก เขาไม่อยากให้เอลลูญ์ต้องคิดอะไรมากนัก



“แน่นอน  พลังของข้ามันมีประโยชน์  และสุดยอดกว่าพลังของเจ้าแน่นอน” มีหรือคนหาเรื่องจะยอมแพ้ นาฟยังคงโต้ตอบกลับไปอย่างลอยหน้าลอยตา  หาได้หวั่นวิตกกับแววตาเอาเรื่องของเรย์ไม่



“แค่เลียนเสียงสัตว์ แล้วก็ปล่อยควันมันมีประโยชน์ที่ตรงใดกัน  เหอะ” เรย์โต้ตอบกลับไปอย่างดูถูก  จนนาฟเริ่มร้อนขึ้นมา พวกเขาจึงจ้องหน้ากันจนอาจเกิดประกายไฟปะทะกันได้เลยทีเดียว



“เลียนเสียง ปล่อยควัน ...ข้าอยากเห็น” หากอยู่กับพวกลูกครึ่งทั้งสองมาได้สักระยะหนึ่ง  ใครๆก็รับรู้ได้ว่า  พวกเขาถกเถียง และทะเลาะกันเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ  ไม่ได้โกรธเกลียดกันจริงจังอย่างที่เห็น  เวลาผ่านไปไม่นานพวกเขาก็ลืมแล้ว   ดังนั้นเอลลูญ์จึงหันเหความสนใจพวกเขาแทน  ก่อนที่จะพวกเขาจะเริ่มสู้กันดังครั้งก่อนๆ



ในช่วงแรกเอลลูญ์ก็เป็นคนหนึ่งที่วิตกกังวลเสียทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จนถึงขั้นเข้าไปห้ามในระหว่างที่ทั้งคู่ต่อสู้กัน จนกลายเป็นสู้สามทางเสียด้วยซ้ำ หลังจากนั้นเขาจึงได้แต่หาช่องว่างและหาเรื่องเรียกร้องความสนใจจากพวกเขาเช่นนี้เท่านั้น...ช่างเป็นผู้ใหญ่ที่มีนิสัยดังเช่นเด็กตัวเล็กกันเสียจริงๆ



“เจ้าสนใจสินะ อยากเห็นหรือไม่เอลลูญ์”  และการกระทำเช่นนั้นก็ได้ผลทุกครั้งดังคาด นาฟรีบหันความสนใจมาที่เอลลูญ์ในทันที  เขามองตอบเด็กหนุ่มด้วยสายตาแห่งความพอใจ เพราะเขาได้รับสายตาแห่งความอยากรู้อยากเห็นที่แสนไร้เดียงสาจากสายตาของเอลลูญ์ เช่นเดียวกัน



ถึงแม้เอลลูญ์จะทำเช่นนั้นเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาสนใจใคร่รู้ในเรื่องนี้จริงๆ สายตาที่ส่งออกไปจึงเป็นเช่นใจจริงของเขา และมันก็เป็นเช่นนี้บ่อยครั้ง จนสร้างความพอใจให้ทั้งสองฝ่ายอย่างไม่อึดอัด



“ครับ  ข้าอยากเห็น” เอลลูญ์รีบตอบรับอย่างไม่ต้องคิดทบทวนให้มากนัก ช่างเป็นนิสัยที่ไม่เข้ากับภาพลักษณ์ของเขาเอาเสียเลย ดังว่าตัวตนที่อยู่ภายใต้ภาพลักษณ์นั้นแต่ต่างจากที่เห็นอย่างสิ้นเชิง  ยิ่งมีฉากหน้าที่โดดเด่นและสำคัญ ภายในจิตใจเองจึงต้องเหยียบย่ำความอ่อนแอเพื่อปกปิดมันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เป็นดังหุ่นเชิดที่ไร้ซึ่งอิสระทางความคิดของตนอย่างสิ้นเชิง



“เฮ้อ จะออกไปด้านนอกก็ระวังตัวด้วย...แล้วก็อย่าลืมหาข่าวจากด้านนอกด้วย ข้าจะหาข่าวจากในร้านนี้เอง” เรย์ส่ายหน้าอย่างปลงๆแต่ริมฝีปากกลับประดับด้วยรอยยิ้มบางๆอย่างพอใจในภาพที่เห็น ตอนนี้พวกเขาต่างยิ้มได้ และอยากให้มีภาพเหล่านี้ในช่วงเวลาต่อๆไป



จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกัน เอลลูญ์กับนาฟออกไปด้านนอกหมู่บ้านที่มีป่าอยู่นอกรั่วกั้น ส่วนเรย์เลือกที่จะลงมานั่งในส่วนของห้องอาหารของที่พัก ซึ่งมีบาร์และสุราเลิศรสรออยู่ มันช่างเหมาะกับการหาข่าวเสียจริงๆ เพราะเมื่อได้ร่ำสุราแล้ว สติความนึกคิดก็ขาดไป ทำให้เอ่ยความลับออกมาได้อย่างง่ายดาย



เรย์เลือกนั่งโต๊ะเงียบๆในมุมหนึ่งของร้าน  หลังจากสั่งอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว  วันนี้ไม่ทราบว่าเพราะมีเหตุใดเกิดขึ้น ทั้งๆที่ยังไม่มืดค่ำ  ร้านกลับคับคลั่งไปด้วยผู้คนเสียจนน่าแปลกใจ



การหาข่าวของเรย์ไม่ได้ยากลำบากแต่อย่างใด  เขาเพียงรอฟังการสนทนาของผู้คนในร้านนี้เท่านั้น  เพราะเขามีความสามารถในการจับอารมณ์จากน้ำเสียงของผู้คนได้ จึงสามารถเลือกฟังเพียงแค่เสียงที่น่าสนใจเท่านั้น  ความพิเศษที่ใช้เพิ่มขึ้นมาคือ  การปิดกั้นเสียงหลังจากเลือกเป้าหมายของเสียงได้แล้ว



เมื่ออาหารถูกจัดวางบนโต๊ะจนครบแล้ว เขาจึงนั่งจบสุราเงียบๆพร้อมเพ่งสมาธิไปที่หูเพื่อเลือกเป้าหมาย ยิ่งคนพลุกพล่านมากเพียงใด ก็ยิ่งต้องใช้สมาธิมากตามไปด้วย ส่งผลให้ประสาทการรับรู้อื่นๆหยุดนิ่ง  จนไม่สามารถรับรู้ถึงอันตรายที่เข้ามาในระหว่างนั้นได้



เรย์ไม่รู้เลยว่าตนกำลังถูกจับตามองจากใครบางคนที่นั่งอยู่มุมอับด้านหลัง เพราะเขาเลือกเป้าหมายได้แล้ว และมันยังเป็นเรื่องสำคัญเสียด้วย คิดคำนวณได้คร่าวๆคือเหตุเกี่ยวกับการเกิดจลาจลที่นี่เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งปีศาจที่กำลังเล่าอย่างออกรสออกชาตินั้นคาดว่าจะเป็นนายทหารยศต่ำคนหนึ่งที่กำลังสนทนาอยู่กับเจ้าของร้าน



‘การเกิดจลาจลเป็นความตั้งใจของเบื้องบนอย่างนั้นรึ’



‘ใช่แล้ว ข้าบังเอิญไปได้ยินเข้า แต่เจ้าห้ามบอกผู้ใดเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงถูกสังหารแน่’



‘เจ้าไปได้ยินมาจากผู้ใดกัน  จึงมั่นใจถึงเพียงนี้’



‘ข้าไม่เห็นว่าใคร แต่คู่สนทนาอีกคนคือหัวหน้าของข้าแน่ๆ’



‘เช่นนั้นแล้ว  ทำไมต้องก่อจลาจลขึ้นเล่า’



‘ก็เพราะ...’



พรึบ!!



การแอบฟังขาดห้วงเมื่อเรย์รับรู้ได้ว่าเขาถูกใครบางคนวางมือลงบนไหล่ มือปริศนาบีบแน่นดังว่าต้องการให้เขาหยุดฟังเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่

 

 

 

To Be Continued...


_______________________________________________________



***ประกาศเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2560 ในเพจ Green  Head - หัวเขียว

#แจ้งข่าว
กรีนกลับมาแล้วค่าาา คิดถึงกันมั๊ยเอ่ย
ช่วงนี้อยู่ในช่วงเขียนไม่ไป ยิ่งลองแนวฮาๆบ้างยิ่งไม่คืบหน้า
ที่ไม่ได้อัพเดทข่าวเลยเพราะกะว่าจะแต่งตอนต่อไปให้เสร็จแล้วลง จากนั้นค่อยแจ้ง สุดท้ายมันก็เลยนานกว่าที่ควร
พอลองเปลี่ยนแนวไปเขียนตอนพิเศษ ตอนหลักก็เลยเขว เขียนไม่ไปเหมือนกัน แก้แล้วแก้อีก เขียนได้ 5 แถว ขีดทิ้ง เขียน ใหม่ วนอยู่อย่างนี้ทุกวันๆ
ต้องขอโทษด้วยนะคะ มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ทั้งๆที่วางพล็อต กำหนดฉากไว้หมดแล้ว แต่พอลงมือเขียนจริงมันกับไม่เป็นอย่างใจ
ตอนนี้เริ่มเขียนต่อได้แล้ว จึงเข้ามาแจ้งให้ทราบ ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ เพราะไม่อยากสัญญาแล้วทำไม่ได้เหมือนคราวก่อน แต่จะพยายามเขียนต่อให้เร็วที่สุดค่ะ
ใครมีแนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับกรีน แนะนำกันเข้ามาได้นะคะ กลัวจะเกิดขึ้นอีก
นักเขียนมือใหม่ Green Head - หัวเขียว รบกวนขอคำแนะนำจากผู้รู้ทุกท่านด้วยนะคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

______________________________________________

สวัสดีค่ะ  จากประกาศข้างต้นจะเห็นได้ว่า  สาเหตุของการหายไปในครั้งนี้คือ อาการเขียนไม่ไป
และคราวก่อนได้บอกไว้ว่าจะลงตอนพิเศษ แต่กลับเขียนไม่ได้อย่างใจคิด

วันนี้กรีนก็เลยลงตอนหลักที่พึ่งแต่งเสร็จให้ได้อ่านรอกันไปก่อน

ส่วนตอนพิเศษ จะค่อยๆแต่งอย่างไม่เร่งรีบจนเกินไปเหมือนคราวก่อน

จนทำให้ทุกอย่างรวนไปหมดแบบนี้

พล็อตค่อยๆคงที่แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะออกทะเลนะคะ

รอบนี้แค่เกิดอาการแปลกๆเท่านั้น อาจจะเป็นครั้งแรกที่แต่งก็เลยรับมือปัญหาไม่ถูกทาง

แต่ในอนาคตคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นอีก หรือถ้าเกิดขึ้นอีก เราก็น่าจะรับมือกับมันได้ดีกว่าคราวนี้

แร็กนาร์ยังไม่มีบทในตอนนี้ ตอนหน้าจะกลับมาเจอทุกท่านแน่นอนค่ะ

ขอบคุณนักอ่านที่ยังรออยู่  อย่าถือสากรีนเลยนะคะ แนะนำวิธีแก้ปัญหาให้กรีนดีกว่าเนาะ

ว่างๆก็เข้าไปคุยกันในเพจได้ค่ะ กรีนพร้อมตอบเสมอเมื่อว่าง

พูดคุยและทวงนิยายได้ที่>>>https://www.facebook.com/greenheadzoro/

___________________________________

#ของขวัญวันคริสต์มาสจากในเพจค่ะ(แปะให้สำหรับใครที่ยังไม่เห็น)

Cr.Jinori (น้องสาวที่น่ารักของกรีนเอง)

ยังไม่เฉลยว่าใคร แต่ลองเดากันได้นะค้าาาาา


ใบ้ให้นิดๆว่า ตัวละครตัวนี้ออกมาแล้ว(ไม่ขอบอกว่าออกมารูปแบบไหน) และ...เป็นหนึ่งในตัวเกร็งพระเอก! ที่ตอนนี้กำลังเถียงกับน้องอยู่ว่าจะเลือกใครเป็นพระเอกดี(ฮ่าๆ)

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
 :hao7: :hao7:มาแล้วว

ออฟไลน์ VitamiN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชอบแนวนี้ o13
มาต่ออีกนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 22
เค้าลางของอตีต


บ้านชั้นเดียวสร้างด้วยอิฐและปูนซึ่งเน้นความมั่นคงแข็งแรงมากกว่าความสวยสดงดงาม  มันตั้งอยู่ห่างจากหมู่บ้านอันคึกคักไปในทิศทางตรงข้ามกับป้อมปราการ บริเวณข้างทางเต็มไปด้วยความเขียวขจีของไร่นา ตั้งอยู่สุดปลายทางอันขรุขระซึ่งลัดเลี้ยวจากถนนสายหลักเข้าสู้พื้นที่ของเกษตรกรรม



“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือคะ” ปีศาจวัย 20 ต้นๆ ที่กำลังยืนรดน้ำผักในสวนสวยกล่าวทักทายปีศาจชราที่อายุน่าจะเกินกว่าความเป็นพี่ชายไปมากแล้ว ซึ่งเดินมาพร้อมกับปีศาจอีกตนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีดำตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยน้ำเสียงอนเจื้อยแจ้ว



“ข้ากลับมาแล้ว...ข้ามีเรื่องสำคัญต้องพูดคุย ช่วยอย่าให้ใครเข้ามารบกวน” ปีศาจชราตอบกลับและบอกจุดประสงค์ของตนในทันที จนรอยยิ้มของปีศาจสาวจากหายแล้วแทนที่ด้วยสีหน้าจริงจัง



“พบแล้วหรือค่ะ...ข้าเข้าใจแล้ว” จากนั้นรอยยิ้มแห่งความปรีติก็เข้ามาแทนที่ แล้วจึงหันกลับไปรดน้ำผักต่อ ดังว่าไม่มีสิ่งใดน่าสงสัย เพียงเท่านั้นปีศาจชราก็ก็เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับชายในชุดคลุมสีดำ   



ปึก แกร็ก



หน้าต่างบานสุดท้ายถูกปิดลง หลังจากที่เข้ามาด้านในแล้ว ปีศาจชราก็เดินปิดประตู หน้าต่าง อย่างมิดชิด ส่วนชายในชุดคลุมก็ค่อยๆเปิดผ้าคลุมออก



เรย์จ้องมองการกระทำทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกไปมากนัก แม้ดวงตาจะจับจ้องที่ร่างแก่ชรานั้นอยู่ก็ตาม



ร่างกายที่แก่ชรานั้นไม่ได้แตกต่างจากมนุษย์เลย มีเพียงขนาดร่างกายเท่านั้นที่ต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นสีผมที่มีสีแดงแซมด้วยสีขาว ร่างกายที่เหี่ยวย่น ไหล่และหลังที่โค้งงอลงเล็กน้อย ตามแบบของคนทีอายุที่มากแล้ว



แต่แล้วร่างกายนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลง จากไหล่ที่ลู่ตกก็ตั้งขึ้น หลังที่โค้งงอเล็กน้อยก็เปลี่ยนเป็นยืดตรง ร่องรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า และร่างกายก็ค่อยๆเรียบตึง กระทั่งสีผมดอกเลาก็ค่อยๆกลับเป็นสีแดงเลือด มันน่าฉงนเสียจนเขาไม่อาจขยับตัวได้ บรรยากาศเรียบง่ายในคราแรก ก็แปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดและดุดัน



จากร่างของปีศาจชราอายุเกือบ 60 ปี กลับกลายเป็นปีศาจผู้มีรูปร่างสันทัดที่หากคาดเดาอายุมีคงไม่เกิน 40 ปีอย่างแน่นอน  ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นหลังจากร่างกายที่โค้งงอยืดตรงทำให้ร่างนั้นใหญ่โตกว่าปีศาจปกติเสียด้วยซ้ำ



“นั่งตามสบาย” ปีศาจที่ไม่เหลือเค้าความแก่ชราผายมือเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มลูกครึ่งผมสีฟ้าปลายสีเทานั่งลงบริเวณโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารที่อยู่กลางตัวบ้าน 



หลังจากแขกแปลกหน้าแต่คุ้นเคยในความรู้สึกนั่งลง เจ้าของบ้านก็เดินไปด้านหลังของบ้านซึ่งเป็นบริเวณห้องครัว ผ่านไปไม่นานก็ออกมาพร้อมชาหอมกรุ่นซึ่งใช้สำหรับรับแขก



ชาหอมกรุ่นถูกวางลงบนโต๊ะด้านหน้าของเรย์ด้วยฝีมือของเจ้าของบ้านร่างใหญ่ ซึ่งนั่งจิบชาอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะอาหาร แต่กระนั้นเขาก็ไม่คิดที่จะหยิบมันขึ้นมาลิ้มลอง เพราะยังคงหวาดระแวงต่อพฤติกรรมของปีศาจตรงหน้า มันน่าแปลกมากเกินไปที่บุรุษปีศาจตนนี้ไม่ตกใจเลยที่เห็นเขาเป็นลูกครึ่ง ทั้งยังท่าทีสบายๆนั่นอีก มันทำให้เขาจับสัมผัสโกหกผ่านน้ำเสียงนั้นไม่ได้เลย



“เจ้ารู้จักข้าหรือไม่” คำถามราบเรียบเอื้อนเอ่ยออกจากปากของปีศาจตนนั้น โดยไม่สนใจท่าทางของอีกฝ่ายที่หวาดระแวงตนแม้แต่น้อย เรย์ที่เห็นว่าอีกฝ่ายมิได้มีท่าทางน่าสงสัยจึงค่อยๆคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา หวังให้ตนสามารถคาดเดาได้ว่าปีศาจตนนี้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับตนบ้าง



แรกเริ่มเขาได้พบกับปีศาจตนนี้บนเกวียนบรรทุกข้าวของจำพวกพืชผักสวนครัวจำนวนมากมาย  ใช่แล้วมันคือปีศาจที่เขาสอบถามข้อมูลก่อนเข้ามาทางประตูหน้าด่านนั่นเอง   ในครานั้นเขาเห็นรูปลักษณ์ของปีศาจตนนี้เป็นปีศาจที่แก่ชราผู้น่าเห็นใจ  จนไม่คิดติดใจสิ่งใดปล่อยผ่านความคิดต่อชายตรงหน้าจนหมดสิ้น



คราที่สองคือตอนที่เขากำลังหาข้อมูลจากส่วนบาร์ในที่พักนักเดินทาง...

.

.

.

ร่างกายแข็งทื่อที่พยายามปรับอารมณ์ของตนให้สงบนิ่งปราศจากความกระวนกระวายใดๆค่อยๆหันหน้ากลับไปมองด้านหลัง



“อึก” แต่มือนั้นกลับบีบแน่นแล้วผลักไปด้านหน้าเล็กน้อยดังต้องการบอกความในว่าไม่ให้หันกลับไปมอง เรย์ที่อยากเห็นใบหน้าของเจ้าของมือจึงได้แต่หันกลับมามองตรงๆดังเดิม เพราะเขาเกรงว่าหากทำสิ่งใดขัดความประสงค์ของมัน  เป็นเขาเองที่จะเดือดร้อน  เมื่อเห็นว่าเรย์ยอมนั่งนิ่งๆมองตรงไปด้านหน้าอย่างที่ต้องการแล้ว แรงบีบนั้นก็ค่อยๆคลายลง



“นับ 1- 10 ช้าๆ  จากนั้นเดินตามข้าออกไปด้านนอก” เสียงทุ้มใหญ่แต่แหบพร่าตามอายุกระซิบบอกจากด้านบนอย่างแผ่วเบาดังรู้ถึงความสามารถของเรย์เป็นอย่างดี จากนั้นมือเหี่ยวย่นก็ผละออกไป เงาร่างนั้นเดินผ่านเรย์ไปที่ประตูทางเข้าเช่นว่าพวกเขาต่างคนต่างกลับออกไปนอกร้านไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกันเลย



เรย์จะไม่ตามไปหรือหาทางหนีก็สามารถทำได้  แต่ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างบอกให้เขาตามเจ้าของแผ่นหลังที่งองุ้มด้วยความแก่ชรานั้นออกไป  เมื่อขาก้าวพ้นประตูหน้าร้านเขาก็เห็นปีศาจชราที่คุ้นแสนคุ้นหน้า และจดจำได้ทันทีว่าปีศาจตนนี้คือปีศาจที่ตนสอบถามข้อมูลก่อนเข้าประตูหน้าด่าน ทำให้เขาตกใจอยู่ไม่น้อยเลย เพราะไม่คาดคิดว่าปีศาจที่ดูไร้พิษสงค์นั้นจะสามารถรับรู้ถึงเรื่องที่เขาใช้พลังได้



ไม่รอให้เรย์คิดมากไปกว่านี้ ปีศาจชราที่รู้ทันความคิดของเรย์ก็ยิ้มออกมาน้อยๆแล้วเดินไปตามซอกซอยข้างที่พักของพวกเขาทันที เห็นดังนั้นเรย์ก็หยุดความสงสัยทั้งหมดแล้วก้าวตามไป แต่แล้วความแปลกใจใหม่ก็เข้ามาในหัว  เมื่อปีศาจหลังงองุ้มก้าวเดินได้อย่างรวดเร็ว จนเขาต้องเร่งฝีเท้าตามไป  ไม่นานพวกเขาก็พ้นจากตรอกซอกซอยในหมู่บ้าน  แล้วมาหยุดยังถนนที่ทอดยาวโดยสองข้างทางมีเพียงไร่นาสำหรับเพาะปลูก  ชายชราจึงหยุดเร่งฝีเท้าแล้วก้าวเดินอย่างบายๆโดยปราศจากความเหน็ดเหนื่อยอย่างสิ้นเชิง



“แฮ่ก  แฮ่ก” ต่างจากเรย์ที่เหนื่อยจนต้องก้มหน้าวางมือลงบนหน้าขาที่งอลงเล็กน้อยเพื่อพยุงตัว พร้อมกอบโกยหายใจเอาอากาศเข้าปอด ระบายความเหน็ดเหนื่อยที่ได้พบเจอเมื่อครู่



แต่เขาก็ไม่ได้ถามสิ่งใดออกไป  ทำเพียงก้าวเดินตามปีศาจชราต่อไปเท่านั้น แม้ในใจจะมีความหวาดระแวง และความสงสัยมากมายก็ตาม จนตอนนี้เขาจึงอยู่ต่อหน้าปีศาจที่ปลดเปลื้องความชราจนเหลือไว้เพียงความแข็งแกร่งน่าเกรงขามแบบนักรบเท่านั้น



คำถามนั้นทำให้เรย์คิดไม่ตก เพราะแม้คิดย้อนกลับไปก็ไม่อาจหาข้อมูลใดๆได้ แม้เก่งกาจ  แต่ปิดซ่อน ทั้งรูปลักษณ์และความสามารถ  ทั้งยังไม่มีท่าทีเป็นศัตรู เพราะหากเปิดเผยข้อมูลของเขาต่อกลุ่มโนบุคงได้รางวัลอย่างงาม แต่กลับเก็บเงียบและพาเขามายังบ้านหลังนี้ดังต้องการพูดคุยเรื่องลับอันสำคัญ



“ไม่  ข้าพบท่านครั้งแรกที่ทางเข้าประตูหน้าด้าน แต่ข้าก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าท่านเป็นใคร” เรย์ตอบอย่างจำยอม แล้วนั่งเงียบรอคอยการสนทนารอบใหม่จากปีศาจตรงหน้า



“ทาคุ...ปีศาจที่ข้ารู้จักเรียกข้าเช่นนั้น แล้วนามของเจ้าเล่าเจ้าหนุ่ม” น้ำเสียงแหบพร่าตามอายุจางหายเหลือไว้เพียงน้ำเสียงทุ้มใหญ่ที่ทรงพลังเท่านั้น



“เรย์...คือชื่อของข้า”   เมื่อได้คำตอบปีศาจนามทาคุจึงยกชาขึ้นจิบอีกครั้งอย่างใจเย็น  ดังต้องการเรียบเรียงที่ตนจะกล่าวต่อไป



“ข้าต้องเคยพบเจ้าเมื่อนานมาแล้วอย่างแน่นอน...ความรู้สึกข้าบอกเช่นนั้น...เรย์” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักแน่นดังตอกย้ำความรู้สึกของตนกล่าวออกมา พร้อมทั้งยังพยักหน้าดังตกลงกับตนเองให้แน่ใจ



“ท่านกำลังจะบอกอะไร”  แม้จะลังเลอยู่บ้าง แต่เรย์ก็เลือกที่จะถามข้อสงสัยของตนออกไป  เขามั่นใจว่าไม่เคยพบเจอปีศาจตนนี้มาก่อนอย่างแน่นอน  ไม่ว่าจะในรูปลักษณ์ใดก็ตาม   แม้ว่าจะเดินทางท่องเที่ยวไปกับนาฟหลายต่อหลายครั้งในแดนปีศาจ  แต่เขาก็สามารถจดจำว่าตนเคยพบเจอ   หรือพูดคุยกับใครไปบ้างได้อย่างแม่นยำ



“ข้าไม่ได้สัมผัสมันมาเนิ่นนาน ความรู้สึกคุ้นเคยจากใครบางคน...แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นข้าก็เชื่อในความรู้สึกของตนเอง”  ทาคุยังคงไม่ตอบ เขาทำเพียงรำพึงรำพันดังระลึกให้แน่ใจในความรู้สึกของตนเท่านั้น  เรย์ก็มองสถานการณ์อย่างใจเย็นจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก   ทำเพียงรออยู่เงียบๆเท่านั้น



“ข้าไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร คำแรกที่ปรากฏในหัวของข้าคือ ‘ทาคุ’  ซึ่งคาดว่าจะเป็นชื่อของข้า...”



“ท่านความจำเสื่อมเช่นนั้นรึ”



“ใช่...ความทรงจำก่อนที่ข้าจะลืมตาตื่นขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนี้หายไป  น้องสาว ไม่สิ ผู้มีพระคุณที่ข้าเห็นเป็นน้องสาว...หรือก็คือผู้หญิงที่เจ้าเจอที่สวนก่อนหน้านี้ได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้” ทาคุกล่าวด้วยสีหน้าอันอบอุ่น เขาระลึกความหลังถึงหญิงสาวที่ช่วยชีวิตเขาไว้ โดยไม่ฟังคำคัดค้านของคนในหมู่บ้าน และจนถึงบัดนี้นางก็ยังคงเชื่อใจและคอยช่วยเหลือเขา แล้วเขาจะไม่ยอมสละชีวิตมาอยู่เคียงข้างนางในยามที่มีอันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ได้อย่างไร



หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงซักถามจากเรย์อีก เขาเพียงตั้งใจฟังอย่างเงียบๆเพื่อพิจารณาเรื่องราวเหล่านั้นอย่างถี่ถ้วน  และตัดสินใจว่าควรเชื่อหรือไม่เท่านั้น



ส่วนทาคุเองก็เล่าเรื่องราวอย่างไม่ปิดบัง เพราะเขาเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเรย์มาได้สักพักจึงพอคาดเดาได้ว่าเรย์มีทักษะในการแยกแยะเสียงขั้นสูง การกล่าวโป้ปดอันเป็นการกระทำที่จะทำให้เรย์ยิ่งหวาดระแวงจึงไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง และเขาเองก็เชื่อในสัญชาตญาณของตนเองว่าเขารู้จักกับเรย์  ทั้งยังรู้สึกว่าเรย์เชื่อใจได้  เขาจึงตัดสินใจลองเสี่ยงพนันกับโชคชะตาครั้งนี้อีกครั้ง

 

**************************************50%*************************************

เรื่องราวเริ่มต้นตั้งแต่ข้าลืมตาตื่น ภาพแรกที่ได้เห็นคือปีศาจสาวที่มีรอยยิ้มอันหมองเศร้า แต่กระนั้นแววตาและริมฝีปากก็เผยรอยยิ้มดีใจออกมาเพราะความตื่นเต้น



คำถามแรกจากริมฝีปากสีหวานไม่ใช่ ‘เจ้าเป็นใคร’ แต่กลับเป็น ‘ร่างกายท่านเป็นเช่นไรบ้าง’ แล้วตรวจดูร่างกายของข้าอีกครั้งจนมั่นใจว่าอาการดีขึ้น จึงได้ชวนไปทานอาหารฝีมือของนาง



หลังทานอาหารเรียบร้อย พวกเขาทั้งสองจึงนั่งเหม่อมองสวนผักเล็กๆข้างชานบ้าน ที่เต็มไปด้วยพืชผักนานาพันธุ์ ถัดไปเป็นถนนทอดยามจนถึงบ้านหลังอื่นที่ตั้งเรียงรายเอาไว้มากมาย และมีฉากหลังเป็นภูเขาเขียวขจีเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูใบไม่ผลิ ทิวทัศน์ที่งดงามช่วยผ่อนคลายบรรยากาศจนเหลือไว้เพียงความสบายใจ รอยยิ้มบางๆจึงปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของปีศาจเผ่าพยัคฆ์ทั้งสอง



ปีศาจสาวเริ่มเปิดบางเล่าเรื่องของตนก่อน เพื่อให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย และพร้อมจะเปิดใจกับนางมากขึ้น



นางเล่าว่า ตนชื่อ ‘อาโอย’ เป็นปีศาจที่มีอาชีพเกษตรกรอันเป็นอาชีพที่สืบทอดมาในครอบครัว ตอนนี้อาศัยอยู่เพียงตนเดียว เพราะพ่อแม่เสียไปเมื่อหลายปีก่อนด้วยโรคระบาด และพี่ชายเพียงคนเดียวที่คอยดูแลอาโอยตั้งแต่นั้นมาก็จากไปด้วยเหตุน้ำป่าไหลหลากเมื่อหลายคืนก่อน...และในเช้าวันต่อมาก็ได้พบข้าในจุดที่พี่ชายของนางหายไป



รอยยิ้มเศร้าสร้อยแต่แฝงความอบอุ่นยิ้มออกมาให้ใจเต้น พร้อมน้ำเสียงเชื่อมั่นในบางสิ่งที่เลือกจะเชื่อ ‘สวรรค์คงเห็นใจข้า...จึงช่วยประทานพี่ชายคนใหม่มาให้’ จากนั้นรอยยิ้มที่สดใส แม้เจือด้วยความเศร้าไปบ้าง แต่ไม่หม่นหมองเท่าเมื่อครู่ก็เผยออกมา มันช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าแผลในใจของอาโอยดีขึ้นมากแล้ว



หลังจากนั้นอาโอยก็บอกถึงสภาพร่างกายที่ได้พบกับข้าครั้งแรก วันนั้นร่างกายของข้าเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัสจากการถูกทำร้าย มองแล้วน่าจะตายมากกว่ามีชีวิตอยู่เสียด้วยซ้ำ แต่เลือดกลับหยุดไหลไปเอง เป็นการฟื้นตัวที่มีมากกว่าปีศาจทั่วๆไป มันน่าตกใจสำหรับพวกชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง แต่อาโอยกลับประทับใจในความเหลือเชื่อนั้น



เมื่อได้ฟังข้าจึงพยายามคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าในหัว เพื่อหาสาเหตุของบาดแผลเหล่านั้น รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับตัวของข้าเอง แต่ยิ่งคิดทบทวน ภายในหัวยิ่งพร่ามัว และปวดหนึบไปหมด สิ่งเดียวที่ชัดเจนคือเสียงๆหนึ่งเท่านั้น



‘ทาคุ ทาคุ...ทาคุถ้าข้าไม่รอดฝากเจ้าปกป้องลูกเมียข้าด้วย’



หลังจบเสียงอันน่าเกรงขามนั้น ภายในหัวก็เต็มไปด้วยภาพสีแดงฉานของเลือดที่หลั่งไหลเปรอะเปื้อนอย่างไม่ขาดสาย และสติก็มืดดับลง



ข้าหลับไปนานเท่าใดไม่อาจทราบ จึงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่อาโอยกลับไม่ถามสิ่งใด เพียงบอกด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยว่า



‘อย่าได้รีบร้อน ความทรงจำอันสำคัญไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจลืมเลือนไปได้...ไม่นานมันต้องกลับมาอย่างแน่นอน ส่วนในระหว่างที่รอความทรงจำกลับมา ท่านจะเป็นพี่ชายของข้าไปก่อนได้หรือไม่’ อาโอยกล่าวอย่างร้องขอ ข้าที่รู้สึกขอบพระคุณอย่างเหลือล้นอยู่ก่อนแล้วก็ไม่คิดที่จะผลักไสใดๆเช่นเดียวกัน



ข้าจึงบอกเล่าทุกสิ่งที่ได้เห็นภายในหัวให้นางฟัง อาโอยคิดว่านั่นคือชื่อของข้า ข้าจึงมีชื่อว่า ‘ทาคุ’ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



ผ่านไปหลายเดือนความสงบสุขก็จบลง เมื่อมีปีศาจหลายตนบุกเข้ามาในบ้านและหมายจะสังหารข้า มันทำให้ข้าตระหนักถึงอันตรายและความสามารถที่เกินคาดเดาของตนเอง...ข้าแข็งแกร่ง!!



ข้าลงมือสังหารพวกมันจนหมด แต่กระนั้นข้ากลับยังคงใจสงบนิ่งดังว่าข้าได้ผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มามากมายเสียจนเฉยชากับมันเสียแล้ว



ในเหตุการณ์นั้นทำให้อาโอยได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกจับเป็นตัวประกันในการต่อรองกับข้า ข้าจึงจะรับผิดชอบโดยออกไปจากหมู่บ้าน แต่อาโอยกลับตามมาอย่างไม่เกรงกลับอันตราย



พวกเราทั้งสองเดินทางย้ายไปหมูบ้านอื่นที่ไกลออกไป ในระหว่างทางข้าก็พยายามคิดค้นวิธีแปลงโฉม แต่มันคงไปกระตุ้นความทรงจำในกาย ในเวลากลางคืนที่เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน ความทรงจำของข้าจึงปรากฏออกมาทีละเล็กละน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นความสามารถของตนเอง แต่อาจมีบางครั้งที่เห็นปีศาจตนอื่น แต่กลับเห็นหน้าไม่ชัดเอาเสียเลย



วันนั้นข้าได้เห็นความทรงจำเกี่ยวกับการแปลงโฉมที่เป็นความสามารถเฉพาะตัวของตระกูลข้า แม้มันเป็นเพียงความฝันข้าก็เลือกที่จะเชื่อ และทดลองใช้มัน แล้วมันก็ได้ผล...ได้ผลเกินกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก



จากวันนั้นความสงบสุขจึงกลับมาอีกครั้ง พร้อมข้าที่พยายามหาเศษเสี้ยวความทรงจำ และอาโอยที่คอยสอนงานของเกษตรกรให้กับข้า จนเวลาล่วงเลยผ่านไปถึง 8 ปี อาโอยจึงตัดสินใจแต่งงาน แล้วต้องย้ายตามสามีเข้าไปยังเขตตะวันตก อาโอยชวนข้าไปด้วย แต่ข้าปฏิเสธเพราะในเศษเสี้ยวความทรงจำที่สะสมมาตลอด 8 ปี แม้จะไม่ชัดเจนและไม่สามารถประติดประต่อได้



มันมีจุดเชื่อมโยงที่ชัดเจนเพียงจุดเดียวนั่นคือ ความทรงจำเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับ เขตเหนือ!!



ข้าเฝ้าสืบเสาะได้อีกเพียงไม่นานหลังจากนั้น ก็เกิดสงครามระหว่างทั้ง 2 เขต ขึ้น และลางสังหรณ์ของข้าก็บอกว่า มันต้องเกี่ยวข้องกับความทรงจำของข้าอย่างแน่นอน...วงล้อแห่งโชคชะตาของข้าเริ่มหมุนอีกครั้งแล้ว





************************************80%*******************************************

.

.

.

กลับมายังเขตเหนือ ณ ห้องๆหนึ่งในบ้านใหญ่กลุ่มยาฉะ มีเงาร่างตะคุ่มๆ เล็กกระจิดลิดของเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังรื้อค้นชั้นหนังสือที่บริเวณมุมในสุดของห้องหนังสือขนาดเล็ก ซึ่งมีทางลับเชื่อมต่อกับห้องหนังสือขนาดใหญ่ด้านนอก



ห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กซึ่งมีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงไฟเพียงดวงเดียวซึ่งวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ ห้องนี้ไม่ต่างจากห้องลับในบ้านของเขามากนัก จะต่างก็เพียงบรรยากาศและจุดประสงค์ที่ใช้เท่านั้น



การค้นพบห้องลับโดยบังเอิญเป็นเรื่องที่แร็กนาร์คาดหวัง เขาจึงพยายามค้นหารายละเอียดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



วันนี้แร็กนาร์ขอใช้ห้องสมุดของบ้านเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้จากเจ้าของบ้าน ด้วยเหตุผลของความอยากรู้อยากเห็นเจ้าบ้านจึงได้อนุญาตอย่างไม่ขัดสิ่งใด แต่จุดประสงค์หลักที่เจ้าตัวเล็กต้องการกลับเป็นการค้นหาห้องลับที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้



ยาฉะ เบียกโกะ ไม่ใช่ปีศาจที่โง่งม แม้เขาจะอนุญาตแต่โดยดี แต่ก็สั่งให้ยาจิตามมาด้วย เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แร็กนาร์...ซึ่งเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจให้คนร่างเล็กเสียมากกว่า ส่วนทางฝั่งรูร์กัสก็ติดตามเอจิออกไปทำธุระสำคัญที่นอกหมู่บ้านเช่นเดียวกัน



ส่วนเด็กแฝด ฮิเดโอะ กับ ฮิโรกิ นั้นคนเป็นพ่อเรียกให้เข้าไปพบเสียตั้งแต่เช้า เช่นนั้นและพวกเด็กน้อยทั้งหลายจึงได้แยกย้ายกันไปคนละทิศทางเช่นนี้เอง



แร็กนาร์อยู่ในห้องหนังสือตั้งแต่เช้าจรดเย็นโดยมีเจ้าโกยาตเลย์นกน้อยของเขาเกาะไหล่มองมาอย่างเงียบๆเป็นเด็กดีเสียจนแร็กนาร์ถูกใจมากขึ้นๆไปอีก เวลาพักสายตาก็จะนำขนมที่ติดมาป้อนมันเสียทุกครั้งไป



และมียาจินั่งง่วงเหงาหาวนอนเป็นเพื่อนอยู่ด้านตรงข้ามของโต๊ะอ่านหนังสือ แต่จนแล้วจนรอดยาจิที่ไม่ถูกโรคกับการอ่านหนังสืออย่างรุนแรงจึงลุกออกไป แล้วทิ้งเขาเอาไว้อย่างไม่ใยดี ช่างเป็นลูกน้องที่น่าเขี่ยทิ้งเสียจริงๆ ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะกำชับให้แร็กนาร์เก็บเป็นความลับ มันเข้าทางเขาพอดีจึงรับปากอย่างไม่อิดออดใดๆ



เขาอ่านหนังสือเกี่ยวกับแดนพยัคฆ์ต่อได้สักพักจนมั่นใจว่ายาจิจะไม่ย้อนกลับมาแล้วจึงปิดหนังสือ แล้วเริ่มเดินสำรวจจนทั่วห้องสมุด แต่จนแล้วจนรอดเขากลับไม่พบสิ่งใดเลย



แร็กนาร์นั่งลงพิงชั้นหนังสือย่างเหนื่อยหน่ายที่การคาดเดาของตนผิดพลาดในมุมด้านในสุดของห้องสมุด เขาเอนตัวพิงร่างกายลงไปทั้งร่าง แล้วใช้มือท้าวลงไปบนพื้นจนมือเล็กๆนั้นวางเข้าไปในช่องเล็กๆซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างผนังกับชั้นวางหนังสือ ช่องเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในสุดของห้องสมุดหากไม่ทันสังเกตให้ดีก็จะมองข้ามไปได้ง่ายๆหากคนทั่วไปพบเจอคงไม่ใส่ใจใดๆแต่ในหัวของแร็กนาร์กลับโลดแล่นอย่างลิงโลด พร้อมขอสันนิษฐานมากมายที่ใช้เปิดห้องลับด้านหลังช่องนี้



ช่องเล็กแคบที่ห่างจากผนังเพียง 1 เซนติเมตร ไม่เพียงพอให้ใช้มือวางลงไปเสียงด้ายซ้ำ และหากสังเกตบริเวณใกล้เคียงก็จะพบเจอหนังสือเล่มมุมล่างสุดที่ชิดกับผนังของชั้นวางซึ่งติดกับช่องเล็กๆนั้นที่มีขนาดพอดีกับช่องอันเล็กแคบ



แร็กนาร์หยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาอย่างไม่ลังเล แล้วจึงพบว่าปกหนังสือของเล่มนี้ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ที่ขอบปกหนังสือทุกด้านทั้งปกหน้าและปกหลังมีแผ่นเหล็กบางๆที่ถูกทำให้พับงอติดเอาไว้ให้มันหนาและหนักขึ้น รวมทั้งโผล่พ้นจากตัวหนังสือเล็กน้อย มันอาจจะดูธรรมดาหากไม่พบช่องลับ แต่เมื่อมันอยู่คู่กันจึงคาดเดาได้ไม่ยากเช่นนี้เอง



มือเล็กดุนดันหนังสือเข้าไปในช่องว่างโดยคว่ำด้านยาวที่มีแผนเหล็กลง จากนั้นดันมันลงไปด้านล่างจนติดพื้นด้วยแรงที่มากขึ้น



กริ๊ก!



เสียงแผ่นเหล็กลงล็อกในจุดที่มีช่องสี่เหลี่ยมซึ่งอยู่ที่พื้นอย่างพอดี รอเพียงชั่วอึดใจชั้นวางหนังสือก็ค่อยๆเลื่อนมาข้างหน้า แล้วห้องหนังสือขนาดเล็กก็ปรากฏแก่สายตาของแร็กนาร์ ช่องเล็กๆนั้นไม่อาจส่องผ่านเข้ามาดูด้านในได้ เพราะมีแผ่นเหล็กสีคล้ายคลึงผนังปิดซ้อนทับหลังชั้นหนังสือปิดจนถึงช่องว่างนั้นพอดี



แร็กนาร์เงียบฟังเสียงโดยรอบจนมั่นใจว่าไม่มีใครแอบมอง หรืออยู่ใกล้ๆบริเวณนี้แล้วจึงได้เดินเข้าไป จากนั้นชั้นหนังสือก็เลื่อนปิดลงด้วยตัวของมันเอง พร้อมๆกับตะเกียงบนโต๊ะหนังสือที่สว่างขึ้น กลไกลที่แร็กนาร์เคยพบ เขาจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นแต่อย่างใด



เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาต้องการเจ้าของร่างเล็กก็เริ่มค้นหาหนังสือที่น่าสนใจเหล่านั้นทันที และตอนนี้เองแร็กนาร์ก็เจอกับหนังสือเล่มหนึ่งที่สะดุดตาเสียจนมือสั่น



‘4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้’



เพียงชื่อที่ปรากฏบนปกหนังสือก็ทำให้หัวใจของแร็กนาร์เต้นเร็วเสียจนแทบทะลุออกมา ดังคราวที่ได้ฟังเรื่องราวของริเรน่า แต่ครั้งนี้...มันเต้นเร็วกว่าครั้งนั้นมากมายทีเดียว

 

 

To Be Continued...

 

______________________________________________________________

กลับมาแล้วค่าาาาา  คิดถึงกันไหมเอ่ย

ก่อนหน้านี้เราแจ้งในเพจไปบ้างแล้ว  แต่จะแจ้งอีกครั้งนะคะ

ช่วงที่หายไปเราวุ่นๆกับการหางานใหม่ พอกลับมาเขียน ตัดใจจากงานใหม่ได้

ก็โดนย้ายสาขาที่ทำงาน เพราะเราเขียนใบลาออกแล้ว พอยกเลิกก็เลยต้องย้ายสาขา

สาขาใหม่ก็ต้องปรับตัวใหม่  เวลาทำงาน หรือเพื่อนร่วมงาน วิธีการทำงานก็ปรับใหม่

จนเราแบ่งเวลามานั่งพิมพ์ไม่ได้  กลับถึงห้องก็หลับ ตื่นก็ถึงเวลาไปทำงาน

พอเริ่มปรับตัวได้ก็มีมหากรรมสอบที่วิทยาลัย

เราก็วุ่นกับการเคลียร์งานส่ง   และอ่านหนังสือสอบอีก

จนตอนนี้สอบเสร็จแล้ว  แต่วันที่  10  เราจะกลับต่างจังหวัด(ลูกพี่ลูกน้องบวช)

จากที่จะกลับมาอัพที่เดียว  2  ตอน  หลังพิมพ์เสร็จ  ก็ต้องเลื่อนออกไป เปลี่ยนเป็น

ทยายลงเท่าที่ทำเสร็จก่อน



แล้วเจอกันจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-03-2017 07:47:23 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่  23
จุดร่วม




โพล๊ะ จ๋อม!



มวลน้ำที่อัดเกาะกันเป็นก้อนกลมขนาดใหญ่กว่ากำมือผู้ใหญ่เล็กน้อย แตกกระจายล่วงลงสู่ถังน้ำที่วางรองอยู่เบื้องล่าง ตรงหน้าของร่างขาวซีดของเด็กน้อย เพราะเผลอใจลอยจนหลุดจากสมาธิ



แร็กนาร์นั่งอยู่ในห้องพักของตนพร้อมถังน้ำที่สูงถึงอกในขณะที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น  เขายังคงไม่ยอมแพ้  ตั้งสมาธิแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง



โพล๊ะ จ๋อม!



และแล้วมันก็ยังคงมีผลลัพธ์เช่นเดิม เมื่อน้ำในถังส่วนหนึ่งเกาะรวมกันเป็นกลุ่มก้อนรอยต่อภายในก็เชื่อมต่อโมเลกุลอย่างหนาแน่นก่อนลอยตัวขึ้นจากถังน้ำตามการขยับมือของร่างเล็ก แต่เมื่อคนขาดสมาธิอย่างที่ตนไม่ควรจะเป็นในเวลานี้ เผลอให้สมองจดจ่อกับเรื่องอื่น  ก็ทำให้น้ำที่เกาะรวมกลุ่มกันนั้นล่วงลงสู่ถังไม้แล้วแตกกระจายลงไปรวมกับน้ำที่ยังคงอยู่ในถังนั้น



หลังจากที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดต่างๆกับหมอชราทำให้แร็กนาร์ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งจนเขาพอจะเข้าใจในพลังของตนเพียงคร่าวๆไปได้บ้างแล้ว แม้ไม่กระจ่างชัดนักก็ตาม



หลายสิ่งหลายอย่างเชื่อมโยงกันแต่ยังคงมีเรื่องค้างคามากมาย เพราะจากข้อมูลแล้วลูกครึ่งจะมีพลังที่ได้รับจากพ่อและแม่ของตนเท่านั้น  แต่เขากลับแตกต่าง...ริเรน่า แม่ของแร็กนาร์นั้นเป็นผู้ใช้ธาตุลม และพ่อของเขาเป็นปีศาจเผ่าพยัคฆ์ พอลองเปรียบเทียบข้อมูลแล้วจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งสองจะสามารถใช้ธาตุน้ำได้



ไม่เพียงเท่านั้น สีผมที่ใช้กำหนดเผ่าพันธุ์ของเขาก็แปลกประหลาด ทั้งๆที่ริเรน่าเป็นมนุษย์ธาตุลม เขาจึงควรมีผมตรงกลางศีรษะเป็นสีน้ำตาล  แต่ผมของเขากลับเป็นสีดำ เช่นเดียวกับรูร์กัสที่ใช้ธาตุดินเสียได้...ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้อีกเช่นเดียวกัน



ปริศนามากมายเกาะกุมหัวใจของแร็กนาร์ จากข้อมูลเหล่านั้นเขาจึงมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ามันต้องเกี่ยวพันธ์กับช่วงเวลา   1  ปีที่ริเรน่าหายไปกับพ่อแท้ๆของเขาแน่นอน



และอีกสิ่งหนึ่งที่รบกวนการฝึกของเขาอยู่นี้นั้นหนีไม่พ้นหนังสือเล่มนั้น...



‘4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้’



ชื่อที่กระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในร่างกายของเขา วันนั้นแร็กนาร์ทำได้เพียงจ้องมองหน้าปกเท่านั้น เขาก็ถูกเรียกจากหน้าห้องสมุดด้านนอก จึงต้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้  และเพื่อไม่ให้ตนตกเป็นที่ต้องสงสัยจึงไม่เสี่ยงที่จะหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมาด้วย



ผ่านมา  3  วันแล้ว  ที่เขาออกจากห้องนั้นและไม่ได้กลับเข้าไปอีก  เป็นเพราะเป็นเหตุวุ่นวายในช่วงนี้จึงมีการตรวจสอบค้นหาศัตรูที่ลักลอบเข้ามาอย่างเคร่งคัด   และตัวเขาเองก็ถูกจับตามองจากชายผู้ทีนามว่า  ซาดาโอะ  ที่ต้องเข้าไปนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดนั้นด้วยกันเสียทุกครั้งไป  แร็กนาร์จึงทำได้เพียงอ่านหนังสือเกี่ยวกับโลกภายนอก และสมุนไพรในแดนปีศาจอย่างเงียบๆเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้น  มันทำให้วันนี้จึงเป็นอีกหนึ่งวันที่เขาฝึกเพื่อให้ลืมเรื่องคาใจเหล่านั้น



แต่ด้วยที่แร็กนาร์เป็นคนจำพวกที่ไม่ชอบให้มีเรื่องค้างคาใจจึงทำให้เขาคิดไม่ตกอยู่เช่นนี้เอง  ได้แต่นั่งภาวนาให้ซาดาโอะติดธุระสำคัญจนไม่อาจปลีกตัวมานั่งจับตามองเขาได้อยู่เช่นนั้นเอง



‘เป็นที่ปรึกษากลุ่มแท้ๆแต่ทำไมถึงว่างนักนะ หนอยยย’



เฮ้อ



ถึงจะก่นด่าในใจไปมากมายเพียงใดแต่เขาก็ไม่อาจหาทางออกได้ นั่นเป็นเพราะแร็กนาร์กับซาดาโอะนั้น  เป็นคนประเภทเดียวกันจึงกินกันไม่ลงนั่นเอง  ทำได้เพียงดูท่าทีของอีกฝ่ายไปเช่นนี้จนแน่ใจว่าตนเหนือกว่าจึงจะยอมลงมือ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะก่อกวนจนซาดาโอะจนผละลุกออกไปเอง



‘ช่างเถอะ  มาสนใจเรื่องพลังของเราดีกว่า  ให้มืดค่ำกว่านี้ก่อนแล้วค่อยลองไปอีกรอบก็แล้วกัน...ขออย่าได้พบอย่าได้เจอกันเลย  เฮ้ออออ’



แร็กนาร์ใจจดจ่อส่งคำสั่งไปที่มวลน้ำในถังอีกครั้ง  คำสั่งใช้ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์  ซึ่งสวนทางกับเวทมนต์หรือพลังวิเศษอย่างสิ้นเชิง



แต่นั่นเป็นความพิเศษของเขาไม่แน่ว่าเพราะเดิมทีแร็กนาร์ไม่ใช่คนของโลกใบนี้ พลังบางอย่างจึงใช้ได้อย่างอิสระหากเข้าใจและใส่คำสั่งที่ถูกต้องลงไปก็เป็นได้



ก่อนหน้านี้แร็กนาร์ทดลองใช้พลังที่ซับซ้อนมากขึ้น อย่างเช่นการสร้างแก๊สธรรมชาติซึ่งเป็นธาตุไฮโดรคาร์บอน[CH4]  แล้วนำมารวมกับออกซิเจน [O] ในอากาศอย่างรวดเร็วจนเกิดการคายความร้อนและลุกไหม้  แต่มันก็เกิดขึ้นเป็นเพียงจุดเล็กๆเท่าหัวไม้ขีดไฟเท่านั้น  เป็นเพราะพลังยังไม่เสถียรมากพอนั่นเอง

 

 

แร็กนาร์จึงกลับมาที่จุดเริ่มต้นของพลังน้ำ  [H2O] ที่เข้าใช้พลังครั้งแรกโดยความบังเอิญ ซึ่งเป็นสมการเคมีที่เรียบง่าย และคุ้นเคยเป็นอย่างดี



ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเขามีประโยชน์ขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อใส่ความเข้าใจและการเรียนรู้ที่ถูกต้องเข้าไป ทำให้เขาสามารถใช้พลังได้อย่างอิสระ  แต่ต้องฝึกฝนจนชำนาญเสียก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วพลังจะไม่เสถียร  แล้วยังมีพลังน้อยนิดจนไม่อาจใช้ต่อสู้ได้



ตั้งแต่วันที่เข้าใจถึงสถานการณ์ของตนเอง  แร็กนาร์ก็ทดลองใช้พลังของตนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะพลังพื้นฐานที่เขาใช้ได้ดีที่สุดอย่างการใช้น้ำ  เขาฝึกฝนมันบ่อยที่สุดเพื่อให้ใช้มันได้อย่างดีที่สุดเมื่อถึงเวลาที่ต้องการ



‘ตอนนี้ขนาดแค่สูตรพื้นฐานอย่าง [H2O]   ยังใช้ยาก ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กันนะถึงจะใช้พลังอื่นๆได้อย่างคล่องแคล่ว   



เอาเถอะๆลืมมันไปก่อนก็แล้วกัน   มีสมาธิกันการฝึกฝนดีกว่าแร็กนาร์...แล้วก็ใช้มันจัดการไอ้ซาดะนั่นคนแรกซะเลย หึ่ยยยย...จะเหมือนเราอะไรนักหนาวะ’




ร่างยังเด็กเล็กนักแต่วิญญาณกลับผ่านโลกมามาก  รู้สึกรำคาญใจเมื่อเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่เพียงฝีมือห่างกันไม่มาก   นิสัยยังคล้ายกันจนแทบหาความแตกต่างไม่เจอนี่อีก



แร็กนาร์ฝึกรวมมวลของน้ำซ้ำๆสลับกับการใช้คำสั่งเรียกน้ำที่ระเหยอยู่ในอากาศมารวมตัวกัน รวมทั้งจับเคล็ดลับไปใช้สร้างน้ำจากร่างกายของตนให้ได้มากขึ้น เขาทำเช่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ตนชำนาญการใช้พลังนี้ให้ได้มากที่สุด การสัมผัสน้ำจริงๆแล้วใช้ร่วมกับมโนสำนึกมันช่วยเสริมสร้างให้การฝึกฝนนี้เป็นไปอย่างรวดเร็วจนเขาพอใจเป็นอย่างยิ่ง



ใครได้มองคงเห็นเป็นภาพแปลกประหลาด จนน่าอัศจรรย์ใจอย่างแน่นอน  เพราะในโลกใบนี้คงไม่มีผู้ใดใช้วิธีพิลึกพิลั่นเช่นแร็กนาร์อีกแล้ว

..

..

..

จวบจนเวลาผ่านไปจนฟ้ามืดแร็กนาร์จึงลุกขึ้นแล้วเดินมุ่งไปยังห้องสมุดของกลุ่มยาฉะ  เขาเดินไปตามทางที่ยาฉะ  เบียกโกะให้ใช้สำหรับหลบเลี่ยงลูกสมุนของกลุ่มยาฉะหากต้องการเดินไปยังห้องสมุด



ขณะเดินอยู่รอบด้านมีเสียงดังมากมายให้เขาได้ฟัง บ่งบอกว่าในเวลานี้บ้านใหญ่กลุ่มยาฉะวุ่นวายมากเพียงใด แต่แร็กนาร์ก็เลือกที่จะไม่สนใจ   ดังนั้นเขาจึงเดินไปยังห้องสมุดด้วยตัวคนเดียวอย่างเงียบเชียบ  พร้อมด้วยความหวังว่าอย่าได้เจอกับซาดาโอะเลย...



ครืดดดดดดดด



แต่สุดท้ายความหวังก็ไม่เป็นดั่งใจคิด  หลังบานประตูที่เปิดออกด้วยฝีมือปีศาจสายพันธุ์เสือชีตาร์ ซึ่งเดินออกมาจากในห้องสมุด มันยิ้มมุมปากอย่างเย้ยๆ  ที่ตนเองนั้นโชคดีกว่า ส่วนแร็กนาร์นั้นช่างโชคร้ายที่ได้เจอกับเขาเสียได้



“สายันสวัสดิ์เด็กน้อย” เสียงราบเรียบที่แฝงด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีกล่าวออกมา หลังจากที่คิดว่าตนมาเสียเที่ยวเสียแล้วในวันนี้  แต่พอจะกลับออกไปจัดการงานที่เหลืออยู่ก็ได้พบเจอกับเป้าหมายเสียก่อน



“ด้านนอกเกิดเรื่องวุ่นวาย ท่านยังใจเย็นเช่นนี้จะดีหรือ”  แร็กนาร์ไม่ได้ตอบกลับเขาเลือกที่จะถามตามความคิดกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์



“ข้ารู้ว่าเรื่องใดสำคัญกว่า...และเรื่องใดยังไม่ถึงเวลา” คำตอบของซาดาโฮะแฝงไว้หลายความหมาย เรื่องใดสำคัญ   เรื่องใดยังไม่ถึงเวลา หากคนทั่วไปได้ฟังอาจจะไม่คิดสิ่งใด แต่กับแร็กนาร์มันสื่อได้หลายเรื่องทีเดียว



เรื่องใดสำคัญกว่า...สำหรับที่ปรึกษากลุ่มยาฉะ  การเฝ้าเด็กตัวเล็กนั้นสำคัญกว่าปัญหาของกลุ่มอย่างนั้นหรือ   แล้วยังไม่ถึงเวลาอันใด ต้องรอให้เกิดเหตุที่ร้ายแรงยิ่งกว่าหัวหน้ากลุ่มถูกวางยาพิษอีกหรือ  จึงจะถึงเวลาอันควร  จะคิดอย่างไรก็ไม่อาจหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผลกับคำตอบได้



และนั่นมันเป็นเหตุให้แร็กนาร์มั่นใจว่าซาดาโอะเองก็สงสัยเขาอยู่ไม่น้อยเลย หลังจากนี้เขาคงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะซาดาโอะคงไม่ใจเย็นจนถึงขนาดปล่อยให้แร็กนาร์ทำลายแผนการของตนได้  การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจึงเป็นเรื่องที่พึงกระทำเป็นอย่างยิ่ง



ในความเป็นจริงนั้นแร็กนาร์สันนิษฐานได้อย่างใกล้เคียง  แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้คือ  ความรู้สึกของซาดาโอะที่มีต่อแร็กนาร์  ไม่ใช่เพียงสนใจแต่เขาชอบบรรยากาศรอบๆตัวของคนตัวเล็ก มันช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง  ยิ่งได้เข้าใกล้ตลอดหลายวันที่ผ่านมา  มันยิ่งทำให้เขาได้ซึมซับความผ่อนคลายอย่างที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ในวันนี้เขาจึงยึดติดในการรอคอยแร็กนาร์จนล้มเลิกกำหนดการในช่วงเวลาที่ผ่านมาเสียหมด  ถึงไร้วี่แววแต่เขาก็ยังคงรอจนถึงเวลานี้



“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าปรึกษาการใช้พลังกับท่านหมอ”  หลังเงียบอยู่นานซาดาโอะก็เริ่มต้นสนทนาอีกครั้ง พวกเขายังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับเลี่ยงไปที่ใด  ยืนจ้องหน้ากันอยู่เช่นนั้นตั้งแต่เปิดประตู



“ใช่”  แร็กนาร์ยังคงตอบกลับไปตรงๆแม้ยังคงสงสัยว่า เหตุใดปีศาจตนนี้จึงรู้เรื่องราวของตนกับหมอชรา แต่หากพอคิดดีๆแล้วคงไม่มีสิ่งใดน่าตกใจนัก   เพราะเรื่องที่เขาทำไปนั้นไม่ใช่ความลับ  เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น   จึงไม่ได้กำชับหมอชราให้เก็บไว้เป็นความลับ  ไม่แปลกนักที่หมอชราจะกล่าวออกไปหากมีผู้ใดซักถาม



 “เจ้าเป็น  0.02% เช่นนั้นรึ   หึหึ  ช่างน่าสนใจจริงๆ” แร็กนาร์เข้าใจในสิ่งที่ซาดาโอะต้องการสื่อในทันที เพราะ   0.02%  คืออัตราของลูกครึ่งมนุษย์กับปีศาจที่สามารถใช้พลังได้นั่นเอง



“มันสำคัญอันใดกับท่านอย่างนั้นรึ”



‘เกี่ยวอะไรกับแกวะ’



คำที่ตอบกลับและเสียงความคิดภายในใจเกิดขึ้นพร้อมๆกัน  มันช่างต่างกันลิบลับ  แต่ก็แฝงความไม่พอใจในความรู้สึกนั้นไม่ต่างกัน



แม้ความคิดเช่นนั้นของซาดาโอะจะเข้าทางเขาพอดี   แต่ก็อดที่จะรู้สึกไม่พอใจไม่ได้เลย เพราะหากทุกคนต่างเข้าใจว่าเขาเป็นลูกครึ่งที่มีพลังมันก็ง่ายที่จะใช้เป็นข้ออ้างต่อไป  แม้จากบันทึกต่างๆจะไม่มีข้อมูลพลังที่เขาได้รับ  แต่หากยังพอให้คนอื่นเข้าใจผิดได้เขามีเหตุผลใดเล่าที่จะปฏิเสธมัน



“ข้าคงไม่อาจให้คำตอบเจ้าได้...รู้เพียงว่ามันช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”  ซาดาโอะยังคงไม่เผยสิ่งใด   นั่นเป็นนิสัยที่แร็กนารไม่ชอบใจเอาเสียเลย  เพราะมันเป็นนิสัยเดียวกับเขาที่จะไม่เผยข้อมูลใดๆหากไม่เป็นผลดีต่อตนเอง  และยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อีกด้วย  มันจึงเป็นการยากยิ่งที่จะล่อหลอกเอาข้อมูลมา  เพราะแม้เขาจะพูดจาน้อยนิด  แต่หากเป็นการล่อหลอกให้อีกฝ่ายคลายข้อมูลสำคัญ  เขาก็ทำได้ดีเสียจนใครหลายคนตกใจ   



“เสียดายสิ่งใด”  การหลอกล่อซาดาโอะไร้ผลทุกครั้ง ครั้งนี้แร็กนาร์จึงเลือกที่จะถามสิ่งที่ค้างคาใจออกไปตรงๆแทน ซึ่งเขารู้ดีว่าซาดาโอะจะเผยเพียงข้อมูลที่ตนจะได้ผลประโยชน์ในภายหลังเท่านั้น   แต่จะสำคัญอันใดเล่า เขาเพียงเลือกข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ก็เพียงพอแล้ว  หากระวังให้ดีเขาเองก็คงได้ประโยชน์กลับมาบ้าง...ไม่มากก็น้อย



“พลังของเจ้าปั่นป่วนยิ่งนัก   อาจารย์ดีๆก็ไม่อาจมีได้  ช่างน่าเสียดายจริงๆ”  คิ้วของแร็กนาร์ขมวดมุ่น  สิ่งที่ซาดาโอะกล่าวมามันถูกต้อง  เพราะเขาฝืนกฎของโลกใบนี้ พลังในกายจึงได้ปั่นป่วน  และยังไม่อาจหาวิธีแก้ไขได้



“ข้าไม่ต้องการอาจารย์” คำกล่าวตอบนี้ดังตอบคำถามมากมายในคราเดียว  การตอบสั้นไร้คำอธิบายดังนิสัยของเขา



 

‘หึ  อาจารย์สำคัญอะไร  ในเมื่อพลังที่เราใช้อยู่มันไม่ได้มาจากโลกนี้โดยตรง...หรือต่อให้ต้องการ คนๆนั้นก็ไม่มีทางเป็นแกแน่ ที่พูดต้องการอะไรกันแน่นะเจ้านี่’




จากนั้นแร็กนาร์ก็ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก เขาเลือกที่จะเดินผ่านซาดาโอะจากช่องว่างที่เหลืออยู่จากพื้นที่ที่ซาดาโอะยืนขวางเอาไว้ด้านหน้าประตู



“เดี๋ยว” ในจังหวะที่ร่างเล็กเดินผ่านช่องว่างข้างๆตัวเขาเข้าไป  ซาดาโอะก็เอ่ยเสียงนิ่งหยุดการกระทำของคู่สนทนานั้นไว้ด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง พร้อมยื่นมือเข้าไปขวางร่างของแร็กนาร์เอาไว้ในมือของเขาปรากฏห่อผ้าสีขาวห่อเล็ก ที่มีเชือกสีดำผูกปิดห่อเอาไว้



แร็กนาร์มองถุงนั้นแล้วเงยหน้าสบตาเจ้าของห่อผ้าอันกระจิดริดด้วยสายตางุนงงสงสัย  เขาทำความเข้าใจกับความคิดของซาดาโอะไม่ได้เลยแม้แต่น้อย จะอย่างไรเขาก็ไม่อาจหาคำมาอธิบายพฤติกรรมอันแปลกประหลาดนี้ได้



“รับไปสิ  มันช่วยเจ้าได้...ถ้าไม่เชื่อก็ลองสอบถามท่านหมอดูก่อน แล้วก็อย่าได้ปฏิเสธ เพราะการช่วยเจ้าครั้งนี้  มันมีผลตอบแทนที่น่าพอใจต่อข้าในอนาคตแน่นอน”  หลังจากจบประโยคแร็กนาร์ก็เลิกคิดลังเล แล้วยื่นมือออกไปคว้าเอาห่อผ้าห่อเล็กนั้น



จะอย่างไรเมื่อมีผลประโยชน์อยู่ตรงหน้า  เขาก็เลือกที่จะคว้ามันไว้ แม้มันอาจจะเป็นกับดักในภายหลังก็ตาม...เขาไม่เข้าใจ จะอย่างไรก็ไม่อาจเข้าใจ เขารู้เพียงว่า ความนึกคิดของซาดาโอะนั้นซับซ้อนเกินจะเข้าใจได้ด้วยข้อมูลอันน้อยนิดที่เขามีในตอนนี้



“เดี๋ยว”  ครานี้แร็กนาร์เอ่ยปากให้ซาดาโอะหยุดบ้าง  เมื่อซาดาโอะก้าวเดินจากไปหลังจากที่เขารับห่อผ้าสีขาวเอาไว้ ทางฝั่งซาดาโอะเองก็ไม่ได้ขัดข้อง เขาหยุดฝีเท้าลงแล้วหันกลับไปมองแร็กนาร์ที่ยังคงหันหลังในเขาอยู่ตามเดิมไม่ได้หันมามองเขาแต่อย่างใด



“เบียกโกะไม่ใช่คนโง่ หยุดเสียดีกว่า...คำเตือนจากข้า หวังว่ามันจะมีค่ามากพอหากเจ้าต้องการรักษาชีวิต และข้าไม่ชอบติดค้างบุญคุณใคร”



ครืดดดดด ปึ้ง



ประตูปิดลงด้วยมือของแร็กนาร์หลังจากที่เอ่ยเรื่องที่ต้องการกล่าวจบ แต่ในใจของเขากลับยังคงสับสน อาจจะเพราะด้วยเขาแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เท่าเทียมจากคนอื่นๆมาตลอด  จึงนิ่งนอนใจไม่ตอบแทนสิ่งใดให้ซาดาโอะไม่ได้  แม้รู้ว่าอาจมีภัยร้ายเพิ่มขึ้นในอนาคตก็ตาม 



แร็กนาร์ยืนนิ่งหน้าประตูจนได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างออกไป เขาจึงผ่อนคลายหัวใจที่อันแน่นด้วยความหวาดระแวงลงอย่างไม่รู้ตัวเลยว่า ส่วนหนึ่งในใจมีความห่วงใยบางๆก่อตัวขึ้นต่อผู้ที่เดินจากไปเมื่อครู่อย่างไม่ทราบสาเหตุ



“ข้ารู้เด็กน้อย...แต่ข้าไม่อาจถอยหลังกลับได้อีกแล้ว”  ทางด้านซาดาโอะเองก็กล่าวตอบกลับเบาๆหลังจากที่เดินห่างจากห้องสมุดด้วยความเหม่อลอย รอยยิ้มบางๆประดับริมฝีปากดังยอมรับชะตากรรม เพราะอย่างน้อยตอนนี้เขาก็รู้สึกดีขึ้นเมื่อรับรู้ถึงความห่วงใยที่ส่งผ่านคำเตือนนั้น...อย่างไม่ทราบสาเหตุของอาการสบายใจของตน  ไม่ต่างจากร่างเล็กที่หายไปในห้องเช่นเดียวกัน

..

..

..

ย้อนกลับไปยังห้องสมุดหลังจากที่แร็กนาร์สลัดสิ่งต่างๆทิ้งไปจนหมดจนเหลือไว้เพียงความเยือกเย็นที่อยู่ในดวงตา...ดวงตาที่ไม่เหมาะกับเด็กอายุ 8  ขวบแม้แต่น้อย



เมื่อทุกอย่างในกายสงบลง แร็กนาร์ก็รีบเดินตรงไปยังห้องลับอย่างไม่รอช้า พอเข้าไปได้ก็ตรงใบหยิบหนังสือที่ยังคงวางอยู่บนชั้นวางที่เดิมของมัน แล้วเดินไปวางลงบนโต๊ะ พอก้นสัมผัสเก้าอี้   แร็กนาร์ก็เริ่มไล่สายตาอ่านตัวอักษรตั้งแต่หน้าปกหนังสือ ที่เขายังจำมันได้เป็นอย่างดี



‘4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้’



ลายมือที่เขียนจากพู่กันวิจิตงดงามโค้งงออย่างอ่อนช้อย บ่งบอกได้ว่าผู้เขียนบันทึกเล่มนี้เป็นอิสตรี มือบางเปิดเข้าไปอ่านหน้าแรกอย่างไม่รีบร้อน  พบว่ามันเป็นบันทึกเรื่องราวดังชีวประวัติของเหล่าทหารหาญแห่งเขตใต้   ซึ่งเป็นพันธมิตรกับเขตเหนือมาอย่างยาวนาน



แร็กนาร์ไล่เรียงอ่านความเป็นมาของปีศาจเหล่านั้นด้วยใจเต้นระทึกดังจังหวะกองที่สั่นระรัวไม่ต่างจากเดิม  เสียงที่เปล่งออกมาก็ขาดๆหายๆเพราะหายใจไม่คล่องปอด  ดังว่าอักษรเหล่านั้นมีพลังที่เอ่อล้นออกมาจนต้องเหน็ดเหนื่อยต่อการรับรู้ข้อมูลเหล่านี้



“4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้ เป็นหน่วยที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า  1,000  ปีของแดนพยัคฆ์  ซึ่งขึ้นตรงต่อผู้นำกลุ่มโฮชิ  กลุ่มใหญ่ที่ควบคุมเขตใต้ในเวลานั้น พวกเขาสาบานตนเป็นพี่น้องกับหัวหน้ากลุ่มโฮชิ ด้วยความจงรักภักดีพร้อมร่วมเป็นร่วมตายกับน้องเล็กของพวกเขา  หรือก็คือผู้นำกลุ่มโฮชิในเวลานั้น  พวกเขาทั้ง  5  ต่อสู้ร่วมกันมาอย่างยาวนาน...” แร็กนาร์หอบหายใจเพียงอ่านได้ย่อหน้าเดียว  เขารู้สึกทรมานดังหัวใจจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่อยากหยุดอ่านบันทึกเล่มนี้  แร็กนาร์จึงหยุดพักหลับตาลง หายใจเข้าออกเป็นจังหวะ   เพื่อปรับลมหายใจให้เป็นปกติ แล้วเริ่มอ่านต่อ



“4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้ เป็นดังเงาตามตัวของผู้นำกลุ่มโฮชิ แม้ให้สัตสาบานตนเป็นพี่น้อง แต่ก็ยังคงทำหน้าที่...ของ..ตน อย่างเข้มงวด จึงมีน้อยครั้งนักที่ปีศาจทั่วไปจะได้พบเห็นพวกเขา



แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นนามของพวกเขาก็ประจักษ์ทั่วแดนปีศาจทั้ง  3  ดินแดน  แม้จะไม่เคยพบเห็นใบหน้าของพวกเขาก็ตาม



นามของพวกเขาที่ปีศาจทั้งหลายได้ประจักษ์เรียงตั้งแต่พี่ใหญ่  พี่รอง  พี่สาม จนถึงพี่สี่ มีดังนี้



ซาซากิ  ฮาจิเมะ



ฟุคุนากะ ทาคุมะ



ซาคุมะ   ไดจิ



และ ฟุชิมิ คาสึกิ



แต่ถึงแม้ปีศาจทั้งหลายจะรู้จักนามของพวกเขา น้อยคนนักที่จะเรียกขานเขาด้วยชื่อ  ปีศาจทั้งหลายล้วนเรียกขานพวกเขารวมกันว่า ‘4   องครักษ์เงาแห่งเขตใต้’ ชื่อที่ต้องกลายเป็นตำนานที่ยังคงตราตรึงในใจของปีศาจทุกตนสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน...” เป็นอีกครั้งที่แร็กนาร์หยุดลง  เพราะครั้งนี้เขากลั้นใจอ่านมากกว่าคราแรกไปไกลโข  หัวใจจึงเต้นถี่รัว จนต้องอ้าปากกอบโกยเอาอากาศเข้าไปเติมเต็มระบบหายใจให้หายใจได้เป็นปกติ



จนแล้วจนรอดแร็กนาร์ฝืนอ่านต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แม้ทรมานเพียงใดก็ตาม  หน้าถัดไปบอกถึงลักษณะ  สายพันธุ์ อายุ  และความถนัดของแต่ละตนเอาไว้ มีรายระเอียดยิบย่อยมากมาย  แต่ก็มีเพียงความถนัดเท่านั้นที่เขียนพอคร่าวๆดังต้องการปิดเอาไว้ไม่ยอมเผยจุดอ่อน



แม้ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของผู้บันทึกหนังสือเล่มนี้ แร็กนาร์ก็ยังคงอ่านต่อไป จนเวลาแห่งความอยากรู้อยากเห็น และความอดทนอดกลั้นผ่านไปหลายชั่วยาม ในระหว่างที่อ่านก็ยังคงปวดในอก ความทรงจำบางอย่างวูบไหวขึ้นในหัวอย่างลางเลือน ดังมองเห็นรูปจำแลงขององครักษ์ทั้ง 4  อยู่ตรงหน้าของเขา  แร็กนาร์จึงยิ่งมั่นใจว่า 4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้มีความเกี่ยวข้องกับโซ่ตรวนที่อยู่ภายในใจของร่างนี้อย่างแน่นอน...หากเป็นเช่นนั้นคงอีกไม่นานนักที่ความทรงจำเหล่านั้นจะเผยออกมา



แร็กนาร์หยุดพักครั้งที่เท่าไหร่ไม่อาจทราบ  แต่พอมองดูจำนวนหน้าที่อ่านผ่านไปคำนวณกับการหยุดพักและอ่านอย่างยากลำบากที่ผ่านมา  เขาจึงรู้ว่าตนหายเข้ามาในนี้หลายชั่วยามมากเกินไปแล้ว  มือบางค่อยๆยกหนังสือขึ้นปิดหลังจดจำหน้าหนังสือที่อ่านล่าสุดเรียบร้อยแล้ว  จากนั้นจึงยืนขึ้นจากเก้าอี้แล้วยกหนังสือขึ้นเพื่อนำไปวางบนชั้นดังเดิม



พรึ่บ



เมื่อได้ออกแรงเขาก็รับรู้ได้ว่าสภาพร่างกายและจิตใจของเขาเสียหายไม่น้อยเลยหลังจากที่อ่านบันทึกเมื่อครู่ มือของเขาจึงได้หมดแรงเช่นนี้ถึงขั้นทำหนังสือล่วงหลุดมือตกลงไปบนพื้นจนได้



แร็กนาร์ก้มลงหมายจะเก็บหนังสือที่ล่วงหล่นก็ต้องชะงักมือไว้เมื่อสะดุดตากับข้อความในวรรคแรกของหน้าที่เปิดออก  จากที่จะเก็บขึ้นมาเพื่อเก็บไว้ที่เดิม   เขาจึงเปลี่ยนเป็นหยิบมันขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วนั่งอ่านด้วยใจเต้นระทึก



“ในปีนั้นเกิดสงครามแย่งชิงการเป็นหัวหน้ากลุ่มยาฉะตนต่อไป  ยาฉะ  เบียกโกะ  ลูกชายคนเล็กของหัวหน้ากลุ่มที่จากไป  ได้ส่งจดหมายขอความช่วยเหลือไปถึงหน้าหน้ากลุ่มโยชิตนปัจจุบันซึ่งพวกเขาไม่เพียงเป็นพันธมิตรต่อกัน  พวกเขายังเป็นสหายสนิทที่สามารถตายแทนกันได้อีกด้วย



หัวหน้ากลุ่มโยชิ พร้อมด้วย  4  องครักษ์เงาแห่งเขตใต้  รุดหน้ามายังเขตเหนือทันทีที่ได้รับจดหมายฉบับนั้น  และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของ   พวกเขาทั้ง 5 ชีวิต  ปิดตำนาน  หัวหน้ากลุ่มโยชิผู้เกรียงไกร และ  4  องครักษ์เงาผู้จงรักภักดีไปตลาดกาล...”



ตึกตัก  ตึกตัก



หัวใจที่เต้นถี่รัว  เพิ่มความเร็วขึ้นอีกอย่างไม่เกรงใจเจ้าของร่าง   ร่างกายของแร็กนาร์สั่นไหวหนักกว่าทุกครา  แต่เขาก็ไม่คิดที่จะหยุดอ่าน  มือบางที่สั่นเทายกขึ้นกำตำแหน่งหัวใจข้างหนึ่ง  ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ยื่นมือไปเปิดหนังสือหน้าถัดไป



ความหวังมากมายเกิดขึ้นในใจ  แต่เมื่อดวงตาได้ประจักษ์ความหวังกลับมอดดับลงอย่างรวดเร็ว   เมื่อหน้าต่อไป   มีอักษรที่เขียนไว้เพียงบรรทัดเดียวด้วยตัวหนังสือไม่เป็นระเบียบเท่าหน้าอื่นๆ พร้อมรอยหมึกที่หยดลงบนกระดาษเป็นวงกลมน้อยใหญ่หลายจุด และพอลองมองหน้าถัดไปจึงรู้ว่ามันว่างเปล่า บันทึกจบลงเพียงเท่านั้น...



แร็กนาร์หลับตาลงด้วยความผิดหวังที่จุกในอก ผ่านไปสักพักเขาก็ลืมตาขึ้น  เพราะใจเย็นลงมากแล้ว  จากนั้นจึงสำรวจหน้านั้นอีกครั้ง และเมื่อใจเย็นลง ประสาทสัมผัสจึงรับรู้สิ่งต่างๆได้ดีขึ้น  กลิ่นฉุนของเลือดที่คละเคล้ากับกลิ่นน้ำหมึกจางๆลอยมาแตะจมูก  ทำให้เขาเข้าใจในทันที



‘ไม่ใช่ว่าไม่อยากเขียนต่อ...แต่เจ้าของบันทึกฉบับนี้ไม่อาจเขียนต่อได้อีกแล้วต่างหาก’



บันทึกจึงจบลงเพียงประโยคสั้นๆที่เป็นรอยต่อของเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่มีใครบางคนอยากปกปิดเอาไว้ตลอดกาล...



“จวบจนถึงค่ำคืนแห่งจุดจบ...”

 

 

To Be Continued...



________________________________________________________________

กลับมาแล้วค่าาา หายไปอีกแล้ว

มีข้อแก้ตัวมาอีกตามเคย ไม่รู้จะเบื่อกันรึยัง (แหะๆ)

กรีนขอโทษนะคะ ที่ชอบมีเรื่องแบบนี้เข้ามาประจำ

ทุกคนคงทราบดีว่าช่วงนี้มีงานสัปดาห์หนังสือ ส่วนตัวกรีนเองนั้น

ทำงานอยู่ร้านหนังสือร้านหนึ่งค่ะ ช่วงก่อนหน้านี้ที่หายไปเพราะช่วงเตรียมงาน

ส่วนช่วงนี้ร้านก็วุ่นๆเพราะคนไม่พอ  เนื่องจากต้องแบ่งคนออกไปขายหนังสือตามบูธ

กรีนกลับถึงบ้านก็เลยน็อกทุกทีเลย 

ส่วนวันนี้วันหยุดก็ยังไปเรียนตามเคย รู้สึกผิดที่รับปากแล้วทำไม่ได้วันก็เลยโด๊ปกาแฟซะเลย555

(น่าจะทำตั้งนานแล้วเนาะ บ้าจริง)

สุดท้ายวันนี้ก็พิมพ์เสร็จค่าาาา ส่วนตอนต่อไปเขียนเสร็จแล้ว รอแค่พิมพ์ลงคอมฯ

กรีนจะพยายามลงให้ได้เร็วที่สุด  เพื่อชดเชยเวลาที่หายไปนะคะ จะพยายามอึดๆ

วันที่ 9 สอบเสร็จ ก็ปิดเทอม  คงจะได้ลงตามปกติ(ถ้าไม่ติดปัญหาอื่นๆ)

ขอไม่รับปากว่าจะลงตามปกติเนาะ ช่วงนี้ชีวิตกรีนวุ่นวายมากจริงๆ

ยังหาความสงบสุขไม่เจอเลย (ฮ่าๆ)

แต่จะพยายามมาอัพเดตความเคลื่อนไหวทุกวันนะคะ  จะได้รู้ว่าจะไม่ดองเค็มเรื่องนี้แน่นอน

ส่วนใครอยากพูดคุยก็ทักมาได้ค่ะ กรีนจะขยันๆเข้าไปตอบเนาะ

 

Facebook : Green Heat - หัวเขียว หรือพิมพ์ greenheatzoro

twitter :  @mato_dae
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2017 23:09:29 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ Reminder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สนุกมากค่ะ  o13

เรื่องงานก็สู้ๆนะคุณกรีน

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขอมาตามด้วยคน

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 24
เคลื่อนไหว


แร็กนาร์วางหนังสือลงด้วยความรู้สึกมากมายที่ค้างคาในจิตใจ  เขาจึงลองกลับไปอ่านตอนก่อนๆหน้านี้ที่ข้ามมา  แต่มันกลับมีเพียงเรื่องราวในชีวิตของ  4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้เท่านั้น



ไม่รอช้าให้ตนหนักใจไปมากกว่านี้ แร็กนาร์นำหนังสือเล่มนั้นเก็บเข้าชั้นเดิม  แล้วลงมือค้นหาหนังสือเล่มอื่นๆที่พอจะมีข้อมูลของเหตุการณ์ในคืนนั้นอย่างมีความหวังว่ามันจะมีอยู่แม้เพียงสักเล่มก็ยังดี ร่างเล็กหาจนมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดพรายขึ้นตามใบหน้าและลำตัว...แต่ก็ไม่มีหนังสือเล่มใดเลยที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา



‘บ้าเอ๊ย นี่มันอะไรกัน กำลังถึงจุดสำคัญแท้ๆทำไมถึงเขียนต่อไปไม่ได้  ใครกันต้องการเก็บเรื่องพวกนี้ไว้เป็นความลับ ใครกันที่ทำเรื่องพวกนี้  คืนนั้นมันมีอะไรกันแน่ สำคัญอะไรถึงต้องปิดบัง ให้ตายเถอะมีแต่เรื่องค้างคาใจ...แต่ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องรู้ให้ได้ คอยดูเถอะ หึ’



คนเขียนบันทึกอาจถูกสังหาร แล้วเป็นเพราะเหตุอันใดกันมันจึงไม่ทำลายบันทึกเล่มนี้ทิ้งเสีย คำถามนี้รบกวนจิตใจของแร็กนาร์เป็นอย่างยิ่ง  ขอสันนิษฐานมากมายปรากฏขึ้นในหัว แต่ก็ยังไม่อาจเลือกได้ว่าเรื่องใดเป็นความจริง



รอยหมึกคละเคล้ากับรอยเลือด  หมายความว่า  เจ้าของบันทึกถูกสังหารขณะเขียนบันทึกหน้าสุดท้าย ทำให้ตัดข้อที่ว่า เจ้าของบันทึกอาจจะหนีไปขณะเขียนทิ้งไป  เพราะดูจากรอยเลือดที่สาดกระจาย  มันเห็นได้ชัดว่า เจ้าของบันทึกไม่แม้แต่ขยับตัวหนีด้วยซ้ำไป  มันยิ่งทำให้เขาคิดไม่ตกว่า  ตกลงว่าบันทึกเล่มนี้เป็นความจริง  หรือเป็นเพียงกับดักกันแน่   คนเขียนเสียชีวิต แต่บันทึกยังคงอยู่  จะอย่างไรมันก็น่าสงสัยจนเกินไป...



ร่างเล็กนั่งลงพิงชั้นหนังสือแล้วชันเข้าขึ้นวางมือไปบนเข่าทั้งสองข้างอย่างหมดแรง เป็นท่าประจำเมื่อเขาไม่อาจสืบหาความจริงเรื่องใดๆได้แล้วต้องหยุดมันเอาไว้แต่เพียงเท่านั้น แต่มันก็เป็นเพียงการพักใช่ว่าเขาจะยอมแพ้เสียเมื่อไหร่ แร็กนาร์เป็นเช่นนี้เสมอเมื่อเขาตัดสินใจทำสิ่งใดแล้วจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ  เขาจึงได้มีชื่อเสียงมากมาย  เพราะไม่ว่าเป้าหมายจะเข้าถึงยากเพียงใด เขาก็สามารถเข้าไปสังหารได้ตามกำหนดการ



ดวงตาสีดำหม่นมองทอดขึ้นไปบนเพดานห้อง เป็นสายตาที่ล่องลอย ปลดปล่อยความเครียดที่มีอยู่ในหัว ให้ล่องลอยไปในอากาศ  จากนั้นหลับตาลงราวกับต้องการพักผ่อนจากเรื่องราวที่ตนต้องพบเจอเมื่อครู่



แร็กนาร์นั่งหลับตาเงียบๆเรียบเรียงเรื่องราวในหัวเพื่อกำหนดสิ่งที่ตนต้องทำต่อไป ผ่านไปไม่นานนักดวงตาสีดำหม่นก็ค่อยๆลืมขึ้นมันทอประกายราบเรียบลุ่มลึกไม่เข้ากับเด็กวัย 8 ขวบ  แม้แต่น้อย   แผนการมากมายถูกเรียบเรียงขึ้นมาใหม่  หลังจากประติดประต่อเรื่องราวที่ได้รับรู้  ตั้งแต่ความทรงจำในร่างนี้  เรื่องราวจากปากรูร์กัส  ข้อมูลเกี่ยวกับโลกใบนี้ในหนังสือที่อยู่ในบ้านหลังเล็กกลางป่า สิ่งที่ได้รู้จากเด็กฝาแฝด   คำบอกเล่าของหมอชรา  เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากเข้ามาเหยียบบ้านใหญ่กลุ่มยาฉะ รวมทั้งเรื่องที่ถูกบันทึกในหนังสือเล่มเมื่อครู่ด้วย



ร่างเล็กเรียบเรียงเรื่องต่างๆให้แบ่งแยกเป็นหัวข้อ แล้วแยกข้อมูลที่ตนต้องรู้เพิ่มเติมออกมาไว้เป็นส่วนๆ แจกแจงแผนการและสมมติฐานที่สันนิษฐานได้  รวมทั้งกำหนดบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อขึ้นมาอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้พลาดจุดสำคัญไป  สิ่งที่สำคัญคือการเตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต



“4  องครักษ์เงา...พี่น้องร่วมสาบาน...สหายสนิทที่สามารถตายแทนกันได้...หัวหน้ากลุ่มโยชิ...หัวหน้ากลุ่มยาฮะ...เหตุการณ์ในคืนนั้น...”



หลังเอ่ยถ้อยคำที่ยังประติดประต่อกันยังไม่สนิท แร็กนาร์ก็ขมวดคิ้วจนหัวคิ้วแทบจะผูกกันเป็นโบว์  เพราะเมื่อลองคิดทบทวนให้ดีๆมันกลับต่อกันได้พอดี  ขาดชิ้นส่วนสำคัญเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น



“หัวหน้ากลุ่มโยชิ...เช่นนั้นสินะ” กุญแจสำคัญของชิ้นส่วนที่ขาดหายคือ ปีศาจที่ยังคงเป็นปริศนา  มีเพียงชื่อตำแหน่งปรากฏในหนังสือเท่านั้น มันน่าแปลกประหลาดหากว่าเรื่องราวของปีศาจที่มีความสำคัญมากถึงเพียงนี้ไม่มีจดบันทึกเอาไว้  กระทั่งบันทึกที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องร่วมสาบานยังไม่มีชื่อปรากฏอยู่ นั่นหมายความว่า ชื่อของปีศาจตนนั้นต้องสร้างความเสียหายให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่วางแผนเรื่องราวต่างๆเอาไว้อย่างแน่นอน



แร็กนาร์ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง  แล้วเริ่มค้นหาบันทึกของปีศาจที่ตนต้องการทราบข้อมูลอย่างเร่งรีบ   เพราะต้องการรู้เรื่องราวต่างๆให้ได้เร็วขึ้นแม้เพียงสักนิดก็ยังดี

..

..

..

กลับไปยังสถานการณ์ของกลุ่มยาฉะ มีเหตุเกิดวุ่นวายตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง ยาฉะ  เบียกโกะ ก็เรียกเหล่าหัวหน้าหน่วยที่ยังประจำการอยู่ในบ้านใหญ่กลุ่มยาฉะเข้าพบ เพื่อประชุมวางแผนการป้องกันเหตุที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมา



เมื่อวันก่อนได้มีการแบ่งพื้นที่สำหรับดูแลใหม่  ทำให้หน่วยลาดตะเวนที่แยกตัวไปสำรวจบริเวณศาลเจ้าคามาคุระ ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากหมู่บ้านเฮียวจินคุระไปยังทิศใต้ไปในป่าลึกยังไม่กลับออกมา



ศาลเจ้าคามาคุระ  เป็นที่สักการะของปีศาจในหมู่บ้านที่ต้องการมีบุตร  รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆที่อยู่โดยรอบอีกด้วย วัดนี้จึงเป็นเพียงแค่วัดที่ปีศาจมาขอบุตรเท่านั้น  ส่งผลให้ไม่เป็นที่สนใจของปีศาจที่ทำงานให้กลุ่มยาฉะมากนัก  จึงมีการเฝ้าระวังอย่างหละหลวม



แต่หลังจากเปลี่ยนหน่วยที่เฝ้าดูแลบริเวณนั้น  หัวหน้าหน่วยย่อยซึ่งสับเปลี่ยนคนของหัวหน้าเคียวจิที่ได้รับบาดเจ็บออกไป   แล้วใช้คนของหัวหน้าโกวโบเข้ามาประจำการแทน โกวจิน้องชายของโกวโบ  ผู้เป็นหน่วยย่อยในปกครองของพี่ชาย  รู้สึกไม่พอใจการทำงานของหน่วยย่อยก่อนหน้านี้ที่เฝ้าสังเกตการณ์อย่างหละหลวม  จึงส่งลูกสมุน  3 นาย เข้าไปสำรวจภายในศาลเจ้าอย่างถี่ถ้วย



ผ่านไปเกือบ 1วัน  พวกเขาก็ยังไม่กลับมา ปีศาจทั้ง  3  ตนที่ถูกส่งออกไปในหน่วยนับว่ามีฝีมือสูงมากทีเดียว  เขาจึงยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจถึงลางร้ายที่คืบคลานเข้ามา  ในคืนนั้นเองโกวจิพร้อมด้วยปีศาจในหน่วยอีก  6 ตน จึงรุดเข้าไปสำรวจบริเวณศาลเจ้าอีกครั้ง  แต่ทุกอย่างกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย



จึงได้กลับมารายงานหัวหน้าใหญ่ในยามวิกาล  ไม่กลัวแม้แต่จะถูกลงโทษ เพราะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนเพียงใด  หากไม่อยากให้เกิดเหตุเช่นเดิมที่นายน้อยถูกลักพาตัว   และหัวหน้าใหญ่ยังถูกวางยาพิษ พวกเขาจึงต้องระแวดระวังมากยิ่งขึ้น



จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ทำให้พวกเขาเข้าใจได้ในทันทีว่าศัตรูที่แฝงอยู่มีฝีมือ  และอำนาจในกลุ่มไม่น้อยเลย ทั้งยังฉลาดเฉลียวเป็นอย่างยิ่งจึงหาช่องว่างโจมตีพวกเขาได้หลายครั้งหลายคราเช่นนี้  ความเคลือบแคลงใจสงสัยก่อตัวเป็นหวาดระแวง เวลานี้ทั่วทั้งบ้านใหญ่  ต่างระแวงสงสัยซึ่งกันและกัน



หัวหน้าหน่วยที่เข้าประชุมครั้งนี้ ต่างมีบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกดดัน   เพราะเหตุยังไม่คลี่คลาย แม้แต่พวกเขายังเริ่มระแวงกันเอง แต่กระนั้นก็รับคำสั่งของหัวหน้าใหญ่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  นับว่าเป็นเหล่าผู้ถูกเลือกที่ไว้วางใจได้มากทีเดียว



หลังประชุมเสร็จ ยาฉะ  เบียกโกะ ก็เดินตรงไปยังห้องอาบน้ำรวม  ซึ่งมีบ่อน้ำร้อนให้แช่ในยามที่อยากผ่อนคลาย  แต่ในขณะก้าวเดินไปยังห้องอาบน้ำ  เขากลับไปยินเสียงพูดคุยมากมายที่ดังมาจากเหล่าลูกสมุนกลุ่มยาฉะที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น



ด้วยความสามารถระดับหัวหน้า การได้ยินเสียงจากระยะไกลจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา และด้วยความสามารถพิเศษซึ่งสืบทอดผ่านทางสายเลือดของตระกูลที่มีมาตั้งแต่บรรพกาล นอกจากรับรู้เสียง  และสั่งการสัตว์ต่างๆได้แล้ว เขายังสามารถแทรกแซงการมองเห็นจากด้วยตาของสัตว์ต่างๆในรัศมีของพลังที่แผ่ออกไปได้อีกด้วย



เมื่อความสามารถนั้นเริ่มทำงาน เบียกโกะก็มองเห็นได้หลากหลายทิศทางในเวลาเดียวกัน  ภาพที่เห็นผ่านดวงตาของสัตว์ที่อยู่บริเวณนั้น ทั้งมุมมองจากพื้นดิน บนต้นไม้  บนต้นหญ้า  บนท้องนภา ต่างมุ่งมาสู่ดวงตาของเขาในจุดเดียว ในคราแรกที่ใช้พลังนี้ผู้ใช้ถึงขั้นสับสนมึนงงจนสลบลงไปได้  เพราะแม้กระทั้งสัตว์ตัวเล็กๆที่โดนพลังก็ส่งภาพเข้ามา ไม่ว่าจะไร้สาระเพียงใดก็ตาม  มันจึงไม่ต่างจากการถ้ำมองดีๆนี่เอง การแยกแยะมองเพียงภาพที่สำคัญจึงเป็นเรื่องยากเป็นอย่างยิ่ง  เขาจึงยังไม่ปลุกพลังนี้ในตัวของลูกชายทั้ง  2 เพราะยังไม่ถึงเวลา เด็กน้อยฝาแฝดฮิเดโอะกับฮิโรกิจึงยังไม่อาจใช้พลังนี้ได้นั่นเอง



หลังจากตัดภาพที่ไม่สำคัญทิ้งไป  เขาจึงได้เห็นสถานการณ์ในกลุ่มของตนอย่างชัดเจน  ข้อเสียของพลังนี้อีกหนึ่งข้อคือสิ้นเปลืองพลัง  น้อยครั้งนักที่เขาคิดจะใช้มัน  ครานี้จำเป็นจริงๆจึงได้ใช้   หากไม่รีบควบคุมสถานการณ์ เหตุการณ์จะยิ่งบานปลายจนเข้าทางศัตรูได้     



ปีศาจระดับล่างหลายตนพากันจับกลุ่มพูดคุย  ถกเถียงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บ้างก็มองปีศาจที่อยู่รอบข้างด้วยสายตาหวาดระแวงไม่กล้าสนทนากับปีศาจตนใดเลย บ้างก็จับสังเกตพฤติกรรมของปีศาจตนอื่นเสียจนน่ารังเกียจ  ช่างเป็นบรรยากาศที่ชวนอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง



ใจความการสนทนา  และภาพที่ได้รับเต็มไปด้วยความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน  ต่างฝ่ายต่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นศัตรูที่แฝงตัวอยู่   นอกจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น  บรรยากาศเช่นนี้ก็เป็นบรรยากาศที่เบียกโกะไม่ชอบใจเอาเสียเลย



“บังอาจ!!   พวกเจ้ายังเห็นหัวข้าอยู่รึไม่ ใยจึงได้หวั่นเกรงศัตรูเช่นนี้  คำสั่งของข้าพวกเจ้าไม่เห็นความสำคัญเลยรึ   ข้ายังอยู่ใยพวกเจ้าต้องเกรงกลัว หลงลืมความสามารถของข้าผู้นี้ไปได้อย่างไร  พวกเจ้าคิดว่ากลุ่มของเราจะแพ้เช่นนั้นหรือ



ความตายหาได้น่ากลัว  เห็นรึไม่ข้าเอาชนะมันมาได้ถึง  2 ครั้งสองครา  พวกเจ้าติดใจสงสัยอันใด  เคลือบแคลงสิ่งใดจงถามข้า  จะหวาดกลัวไปใยเพียงสุนัขที่แฝงตัวอยู่  ไม่กล้าแม้แต่เผชิญหน้ากับเราตรงๆ  อย่าได้หวาดระแวง  จงทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดก็พอ



เข้าใจรึไม่!!”



เสียงอันดังก้องหน้าหวั่นเกรงแผดไปทั่วบริเวณบ้าน ทำให้ทุกเสียงหยุดลง   จิตใจที่หวาดระแวงก็เริ่มตื่นตัว จนค่อยๆสงบลงเมื่อได้ฟังเสียงที่น่าเกรงขามนั้น



ทั่วทั้งบริเวณเงียบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจ  ความร้อนรนต่างๆหายไปเหลือเพียงความเคารพเชื่อฟัง  ศรัทธาในปีศาจที่กล่าวถ้อยคำอันเต็มไปด้วยความถือดี  แม้ถ้อยคำจะเหมือนโอ้อวดไปบ้างตามนิสัยของเจ้าตัว แต่ปีศาจทุกตนทีได้ฟังรู้ดีว่าถ้อยคำเหล่านั้นเชื่อถือได้  และพวกเขาก็เชื่อเช่นนั้นอย่างสุดหัวใจ



หัวหน้าหน่วยทุกตนก้มหน้าลงคุกเข่าทำความเคารพ  แม้บางตนอยู่ในที่ไกลตาและรู้ดีว่าหัวหน้าใหญ่มองไม่เห็น แต่ก็ยังแสดงความเคารพ เพื่อยืนยันถึงความซื่อสัตย์ของตน แม้แต่ลูกสมุนระดับล่างยังรับรู้ถึงความเกรงขามที่แผ่ออกมา  พวกมันจึงคุกเข่าทำความเคารพตามด้วยหัวใจที่ซื่อสัตย์ไม่แพ้กัน  ความเคลือบแคลงใจสงสัยในความสามารถของหัวหน้าใหญ่ก็เหือดหายไปกับลมที่พัดผ่าน  เหลือไว้เพื่อความเชื่อมั่นและชื่นชมเท่านั้น



“รับคำสั่งขอรับ  ท่านหัวหน้าใหญ่!!!” เสียงประสานจากทั่วทุกสารทิศดังขึ้นพร้อมเพียงกัน จนแม้แต่ผู้ที่แฝงตัวอยู่ยังรับรู้ถึงบรรยากาศที่แผ่ออกมา  และความเกรงขามของผู้ที่มันหมายชีวิต  ในใจวูบไหว ความมั่นใจวูบหายไปส่วนหนึ่ง เริ่มเคลือบแคลงใจในคำสั่งที่ตนได้รับว่าถูกต้องแล้วหรือ  แต่มันก็ยังควบคุมตนให้สงบไม่แสดงท่าทีร้อนรนออกไปได้  สมกับเป็นมือสังหารที่น่าไว้วางใจของกลุ่มโนบุเสียจริงๆ

 

+++++++++++++++++++++++++50%+++++++++++++++++++++++



ต่อพรุ่งนี้ค่าาาา

____________________________________________

พิเศษ #ทริปเที่ยวกาญฯด้วยรถไฟฟรี

ที่หายไปไม่ได้ไปไหนค่ะ  แค่ไปเที่ยวมา  ใครสนใจอยากไปเที่ยวบ้าง เก็บบทความของเราไว้เป็นข้อมูลได้นะคะ

จิ้ม>>>ทริปเที่ยวกาญฯด้วยรถไฟฟรี

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2017 02:25:03 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่  24
เคลื่อนไหว (ครึ่งหลัง)

หลังจากทุกอย่างไปไปตามที่ตนพอใจแล้ว เบียกโกะจึงหันหลังแล้วก้าวเดินเข้าไปยังโรงอาบน้ำรวมด้วยย่างก้าวที่สม่ำเสมอบ่งบอกถึงความมั่งคงในสิ่งที่ตนกล่าว และเขาไม่หวั่นกลัวต่อศัตรูที่อยู่ใกล้ตัวแม้แต่น้อย



ด้านในโรงอาบน้ำรวมมีห้องสำหรับเปลี่ยนชุดอยู่ด้านหน้าก่อนถึงห้องอาบน้ำ ภายในห้องนี้มีตู้ไม้แบ่งเป็นช่องมากมาย ใช้สำหรับเก็บชุดและสิ่งของที่นำติดตัวเข้ามา ในแต่ละช่องนั้นก็มีผ้าสีขาวผืนยาวที่พอสำหรับปกปิดเบื้องล่างวางพับไว้อย่างเรียบร้อย



ชุดยูกาตะสีแดงคล้ำคล้ายเลือดสัตว์ถูกถอดออกจากร่างกาย หลังจากที่ดึงผ้าที่มัดไว้บริเวณสะโพกออก ปรากฏร่างกายใหญ่โตเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่สมส่วน บนร่างกายนั้นมีลวดลายของเสือโคร่งปรากฏอยู่ทั่วร่าง นอกจากนี้ยังมีรอยแผลเป็นอันเกิดจาการต่อสู้อยู่มากมาย มันยิ่งขับเสริมลวดลายเหล่านั้นให้ดูน่าหลงไหลคล้ายรอยสักที่มีมาแต่กำเนิด ส่งผลให้ร่างกายนั้นเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามของหัวหน้ากลุ่มที่แท้จริง



หางยาวตวัดเกี่ยวชุดยูกาตะที่ล่วงลงสู่พื้นขึ้นมาให้พอดีกับตำแหน่งของมือง่ายต่อการหยิบจับ มือหนาหยิบเอาชุดของตนขึ้นไปวางไว้ในช่องที่อยู่ด้านหน้า จากนั้นจึงถอดส่วนปกปิดกายชิ้นสุดท้ายออก นำมันวางไว้ในช่องเดียวกัน แล้วหยิบผ้าสีขาวมาพันไว้ที่สะโพกของตนแทน



เมื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาอาบน้ำ เบียกโกะเดินอย่างสบายอารมณ์ แกว่งหางไปมา ทั้งยังผิวปากที่ไม่เข้ากับบุคลิกของตนแม้แต่น้อย ห้องอาบน้ำแผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นหอมอบอวน ชุ่มชื่นไปด้วยกลิ่นของน้ำร้อน ก่อนลงไปแช่น้ำ ทุกครั้งต้องชำระล้างร่างกายด้วยน้ำเย็นเสียก่อน



ส่วนของที่อาบน้ำเย็นเป็นการอาบน้ำจากฝักบัว ซึ่งรับอิทธิพลมาจากแดนมนุษย์ที่พัฒนาเครื่องจักรกลไปไกลกว่าแดนปีศาจอยู่มากโข น้ำเย็นไหลชำระร่างกายอันกำยำตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายเท้า ไม่เว้นแม้แต่น้ำผ้าสีขาวที่พันไว้รอบเอว มันแนบชิดลู่ไปกับร่างกายจนเห็นภายในอย่างชัดเจน ร่างกายนี้สมบูรณ์แบบกระทั่งส่วนกลางกายยังใหญ่โตแม้มันจะยังคงหลับสนิทอยู่ก็ตาม หากใครได้มองคงหลงไหลจนอยากให้บุรุษผู้นี้โอบกอดอย่างแน่นอน



หลังชำระร่างกายด้วยน้ำเย็นจนพอใจ เบียกโกะก็ปิดน้ำแล้วก้าวเดินไปยังส่วนของบ่อน้ำร้อนที่ความร้อนกำลังได้ที่ มันช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าได้ทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของเขาเป็นอย่างยิ่ง



เขาแช่ร่างกายในน้ำร้อน โดยนั่งลงไปบนโขดหิน แล้วเอนพิงขอบอ่างที่สร้างไว้สำหรับกักเก็บน้ำ บ่อน้ำร้อนนี้เป็นบ่อธรรมชาติที่เขาสร้างต่อเติมออกไปเป็นโรงอาบน้ำ มันจึงยังคงสภาพของหินภายในบ่อที่มีมาแต่เดิมไว้อย่างสวยงาม



ดวงตาสีแดงปิดลง ปล่อยให้สมองว่างเปล่า สีหน้าเขาดูปล่อยวาง คิ้วที่ขมวดโดยไม่รู้ตัวก็คลายออก แม้ภายนอกเขาดูเหมือนมั่นใจในทุกสิ่ง แต่ความจริงแล้วเขาก็มีเรื่องหนักใจอยู่มากมาย ความสามารถที่ใช้ไปเมื่อครู่ก็ยังไม่คลายออกเพราะยังไม่วางใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ จะอย่างไรด้วยตำแหน่งของเขาก็ไม่อาจปล่อยวางอย่างเต็มที่ได้ ทำได้เพียงผ่อนคลายให้อารมณ์ความรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น



ตึก ตึก



เสียงฝีเท้าที่หยุดในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าคมคลายนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น เพียงชั่วอึดใจร่างเล็ก 2 ร่างที่มีใบหน้าเหมือนกันจนแยกไม่ออก เว้นเพียงสีผิวเท่านั้นที่แตกต่าง ก็วิ่งเข้ามาในห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว



“ท่านพ่อ!!” สองเสียงประสานกันอย่างร่าเริงตามวัยของเด็กน้อยวัย 7 ขวบ ที่ยังไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย



“หยุดวิ่งก่อนๆไปล้างตัวแล้วจึงมาลงแช่น้ำกับพ่อ” น้ำเสียงนุ่มลึกเต็มไปด้วยความอบอุ่นของคนเป็นพ่อกล่าวออกมา มีเพียงเวลานี้เท่านั้นที่เขาสามารถละทิ้งจากตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มยาฉะแล้วเป็นเพียงพ่อของเด็กชายทั้งสองเท่านั้น เขาจึงมีความสุขเป็นอย่างยิ่งที่คนรักยังคงทิ้งสิ่งสำคัญไว้ให้แม้จากไปหลายปีแล้วก็ตาม



“คร้าบบบบ” สองเสียงยังคงประสานกันเจื้อยแจ้ว ร่างกายที่ยังเด็กสมวัยไร้การปกปิดด้วยผ้าใดๆตามแบบฉบับของเด็กน้อยที่ยังไม่รู้จักกับความอายในการเปลือยเปล่าต่อหน้าผู้อื่น นี่กระมังที่ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจความรู้สึกร้อนผ่าวเมื่อได้มองร่างกายบอบบางซีดขาวของแร็กนาร์



หลังล้างตัวเสร็จฮิเดโอะกับฮิโรกิก็ลงมาแช่ในบ่อน้ำร้อนกับพ่อของตน ยิ่งเมื่อเห็นแขนที่กางออกก็วิ่งเข้าไปในอ้อมแขนแกร่งอย่างไม่ลังเล ร่างกายที่ยังเล็กกระจ้อยร่อยหากเทียบกับร่างกายของผู้เป็นพ่อ ก็นั่งลงบนหน้าขาคนละข้างด้วยความเคยชิน



“ท่านพ่อๆท่านแข็งแรงดีแล้วใช่หรือไม่” ฮิเดโอะรีบเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ เพราะท่านพ่อของเขาพึ่งฟื้นขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อน



“อา...แน่นอน เพื่อนของเจ้าเก่งยิ่งนัก ยาบำรุงสมุนไพรที่ให้พ่อดื่มทุกวันได้ผลดีทีเดียว ทำให้รู้สึกมีกำลังวังชามากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก” เบียกโกะลูบหัวลูกชายด้วยความรักใคร่ ก่อนเอ่ยตอบอย่างไม่ปิดบัง แม้รู้สึกถึงความอันตรายที่แฝงอยู่ภายในดวงตาสีดำที่เขาเคยจับจ้องคราวนั้น แต่มันก็ใช่ว่าจะไม่น่าเชื่อถือ ดวงตาดางนั้นมันดูน่าเชื่อถือเกินตัวของเด็กคนนั้นเสียอีก ความอันตรายนั้นเหมือนมีไว้เพียงป้องกันตัวเองเสียมากกว่า เขาจึงไม่เคลือบแคลงใจสงสัยมากมายนัก และยอมดื่มยาที่แร็กนาร์ต้มให้เสียแต่โดยดี



“ใช่ๆแร็กนาร์เก่งมากๆสุดยอดที่สุดเลยครับ...แล้วก็งดงามมากด้วย” ฮิโรกิเอ่ยชม เมื่อคิดถึงคนที่เขาปราบปลื้ม และยังสาบานว่าจะปกป้อง ซึ่งพอนึกถึงก็ทำให้คิดถึงร่างกายขาวเนียนที่ยังคงติดตาอยู่ตั้งแต่เมื่อวันก่อนอย่างไม่มีทางลบมันออกไปจากหัวได้ รอยยิ้มกว้างประดับริมฝีบาก ภายในดวงตาที่ไร้เดียงสาประกายความปราถนาออกมาอย่างไร้การปิดบัง เพราะเขาไม่เข้าว่าตนต้องการสิ่งใดจึงไม่รู้ว่าความรู้สึกเหล่านั้นควรปิดบังไว้ให้รู้เพียงตนเอง



เบียกโกะตกตะลึงถึงสองครั้ง ที่ลูกทั้งสองของเขามีความรู้สึกให้แร็กนาร์เกินกว่าผู้มีพระคุณอย่างแน่นอน ไม่เพียงฮิโรกิที่แสดงออกมา ฮิเดโอะที่นั่งเงียบฟังเมื่อครู่ก็แสดงสีหน้าแววตาเช่นเดียวกับฮิโรกิไม่ต่างกัน แต่เขาก็ไม่คิดจะห้ามปราม หรือกระตุ้นสิ่งใด เพียงปล่อยให้ลูกทั้งสองทำตามใจเท่านั้น เพราะเขารู้ดีว่า เรื่องความรู้สึกไม่มีใครสามารถบังคับมันได้...ดังตัวของเราเอง



สิ่งที่บังคับยากที่สุดคือความรู้สึกปรารถนาที่มีต่อใครคนหนึ่งเบียกโกะเข้าใจดี เขาเองก็ไม่อาจควบคุมหรือตัดใจต่อใครอีกคนที่อยู่ในใจเขาในตอนนี้ได้เช่นเดียวกัน แม้รู้ว่าตนเลือกทางที่อันตรายถึงชีวิต แต่เขาก็เลือกที่จะเดินไปตามแผนของคนๆนั้น แล้วจึงหาทางทำให้คนคนนั้นเป็นของตนให้จนใด้



“กรู้ กรู้” นกน้อยที่มีลักษณะก่ำกึ่งไม่แน่ว่าเป็นอินทรีหรือเหยี่ยวดังขึ้น มันบินเข้ามาในห้องอาบน้ำผ่านทางช่องไม้ที่ทำไว้สำหรับระบายอากาศซึ่งอยู่ด้านบนของโรงอาบน้ำ



“เจ้าโก เหตุใดจึงมาที่นี่ได้ แร็กนาร์เล่า” ฮิโรกิเอ่ยถามเจ้านกตัวจ้อยเมื่อมันบินเข้ามาเกาะที่ขอบอ่างข้างๆฝั่งที่พวกเขานั่งอยู่



“กรู้ๆกรู๊ โกๆ กรู้”



‘แม่แร็กนาร์ให้โกออกมาเล่นด้านนอก ก็เลยบินมาเรื่อยๆได้ยินเสียงฮิเดะกับฮิโระจึงบินเข้ามาหา’



 โกยาตเลย์เข้าใจในคำถาม มันจึงตอบอย่างฉะฉานตามภาษานกอย่างเจื้อยแจ้ว เพราะรู้ดีว่าพวกเขาเป็นปีศาจเช่นเดียวกัน การสื่อสารแม้คนละภาษาก็เข้าใจกันได้อย่างไม่ยากเย็น



เบียกโกะแปลกใจเล็กน้อยที่นกตัวนี้อยู่ในอาณาเขตของเขา แต่เขาไม่อาจควบคุมมันได้ ทำให้เขารู้ได้ว่านกตัวนี้เป็นปีศาจเผ่าวิหกนั่นเอง



“หือ ลูกรู้จักนกน้อยตัวนี้ด้วยรึ ฮิโรกิ” เมื่อคับข้องใจเบียกโกะจึงเอ่ยถามลูกชายตน เพราะถ้าหากไม่น่าไว้วางใจคงต้องฆ่าทิ้งเสีย เพราะไม่อาจรู้อายุของโกยาตเลย์เบียกโกะจึงสงสัยว่านกน้อยตัวนี้อาจจะเป็นหน่วยสอดแนมที่ถูกศัตรูส่งเข้ามาตีสนิทกับลูกชายตน อีกทั้งยังเริ่มระแวงใจว่าปีศาจเผ่าวิหกอาจจะหนุนหลังกลุ่มโนบุในศึกครั้งนี้อีกด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงศึกครั้งนี้คงหนักหนากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา



“เจ้าโก เป็นนกของแร็กนาร์ครับท่านพ่อ แต่เป็นพวกเราเองที่ไปเก็บไข่มาจากในป่า มันพึ่งฟักเมื่อวานนี้เอง แม้ไม่เหมือนนักก็ตาม เพราะมันเติบโตอย่างรวดเร็ว เพียงวันเดียวก็บินได้เสียแล้ว” วาจาฉะฉานกล่าวตอบอย่างครอบคลุม ดังรู้ว่าพ่อของตนสงสัยสิ่งใด มันหาใช่คำตอบจากฮิโรกิที่ถูกถาม แต่เป็นฮิเดโอะที่ตอบออกไปแทน ฮิเดโอะเติบโตทางความคิดขึ้นมากทีเดียว เขาพอคาดเดาความคิดของพ่อตนเองได้ จึงไม่รอช้าที่จะตอบ แล้วขยายความให้เบียกโกะได้วางใจในสิ่งที่สงสัย จะอย่างไรโกยาตเลย์ก็ทำให้แร็กนาร์ยิ้มได้ เขาควรรักษาชีวิตมันไว้ แม้จะรู้สึกอิจฉาอยู่เล็กน้อยก็ตาม



“อืม เป็นเช่นนั้นเองรึ พ่อเข้าใจแล้ว มานี่สิเจ้านกน้อย” สีหน้าเบียกโกะดูผ่อนคลาย อย่างน้อยหากเป็นเช่นนั้นจริงเขาก็วางใจเรื่องความร่วมมือระหว่างเผ่าวิหกกับกลุ่มโนบุลงได้ จึงกล่าวเรียกโกยาตเลย์ด้วยความเอ็นดู พร้อมยืนมือออกไปหาเจ้านกน้อยดังต้องการเรียกให้มันเข้ามาร่วมวงสนทนา



โกยาตเลย์มองสำรวจอีกฝ่ายอย่างละเอียด แม้มันจะออกจากไข่มาเพียง 1 วัน แต่ด้วยสัญชาตญาณของความระวังตัวสั่งให้มันไม่ไว้วางใจคนแปลกหน้า เลือดของเผ่าพันธ์วิหกชั้นสูงที่มีติดตัวมาทำให้มันรับรู้บรรยากาศ และอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างแม่นยำ เมื่อได้สัมผัสกลิ่นอายที่ไร้ความประสงค์ร้าย มันก็ยอมบินไปเกาะที่นิ้วชี้ของเบียกโกะที่ยื่นมาให้ บอกถึงความไว้วางใจในตัวอีกฝ่าย



“พ่ออยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนตัวน้อยทั้งสองของลูก เล่าให้พ่อฟังได้หรือไม่” เบียกโกะกล่าวขณะขยับไปตั้งศอกลงไว้บนขอบอ่างอาบน้ำที่ตนพิงอยู่ ส่งผลให้เจ้าโกยาตเลย์เขามาอยู่ตรงกลางวงสนทนาพอดิบพอดี



เด็กทั้งสองตอบรับคำขอของพ่อ แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวของแร็กนาร์กับรูร์กัสที่ตนได้รับรู้ให้เบียกโกะฟัง คำสรรเสริญเยินยอเกินจริงไปบ้าง เพราะเรื่องราวเหล่านั้นผ่านดวงตาของเด็กน้อยที่หลงใหลในตัวแร็กนาร์ ดังสลับกับเสียง กรู้ๆโกๆของเจ้านกน้อยที่ช่วยเสริมว่า



‘เห็นด้วย’



‘ใช่เลย’



‘ท่านแม่สุดยอด’



ก็ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย สร้างรอยยิ้มบนริมฝีปากให้เบียกโกะที่ยิ้มเอ็นดูอยู่ตลอดเวลา พวกเขาหัวเราะด้วยเสียงแห่งความสุข และภายในใจของเบียกโกะก็ตัดสินใจได้แล้วว่าตนควรเริ่มเคลื่อนไหวตัวแปรตัวนี้ได้แล้ว

 



 

To Be Continued...



_________________________________________________________________________________

ตอนนี้ให้ท่านพ่อไปแล้วล่ะ ของเขาดีจริง  หุหุ  (อร๊ายยย   เขิน)

ขอถามความเห็นนิดนึงค่ะ  ตอนแรกให้เบียกโกะอายุ 40

แต่มาลังเลเรื่องยายุเล็กน้อย  เพราะห่างจากแม่แร็กนาร์มาเกินไป

เราจะขอเปลี่ยนเป้นอายุซัก   30  กว่า  มีใครเห็นด้วยไหมคะ  ขอความเห็นหน่อยค่า

กรีนอยากได้ความสมัครใจของทุกคน  เพราะลองกลับไป่านแล้วไม่สมดุลกัน 

ถ้าตกลงตอนรีไรท์หลังภาคสยบแดนพยัคฆ์จบ  กรีนจะได้แก้ไขเลย


คุยเล่นอีกนิด...ตอนแรกกะว่าจะให้จบภายใน  20-25  ตอน  แต่ตอนนี้ดำเนินเรื่องมาถึง  18  ตอนแล้ว เหลือ   7 ตอนก็ครบ แต่เรื่องยังไม่ถึงไหนเลย  ไม่รู้แต่งเยอะไปไหน (ฮ่าๆ)  ดูท่าจะเกินแล้วล่ะงานนี้...สุดท้ายก็จบลงที่ยังกำหนดตอนที่จะจบไม่ได้ รอๆลุ้นไปด้วยกันนะคะ   เพราะกรีนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกกี่ตอนถึงจะจบ  ฟุฟุฟุ

____________________________________________

พิเศษ #ทริปเที่ยวกาญฯด้วยรถไฟฟรี

ที่หายหลายวันไปไม่ได้ไปไหนค่ะ แค่ไปเที่ยวมา ใครสนใจอยากไปเที่ยวบ้างเก็บบทความของกรีนไว้เป็นข้อมูลได้นะคะ

จิ้ม>>>ทริปเที่ยวกาญฯด้วนรถไฟฟรี



ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หวังว่าจะไม่มีใครเจ็บมากเกินไป

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่  25
พิสูจน์ (ครึ่งแรก)

เบียกโกะฟังเรื่องราวของแร็กนาร์กับรูร์กัส สองพี่น้องต่างเผ่าพันธุ์พรางครุ่นคิด สัญชาตญาณบอกเขาว่า เด็กทั้งสองต้องมีความเกี่ยวพันธ์กับเหตุการณ์ในอดีต และยังเป็นเงื่อนไขสำคัญในการแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเวลานี้ โดยเฉพาะเด็กน้อยลูกครึ่งปีศาจเผ่าพยัคฆ์ ที่มีบรรยากาศอันตรายเกินเด็กวัย 8 ขวบตนนั้น



หลังจากที่แช่น้ำจนพอใจแล้ว เขาจึงออกปากให้ลูกชายทั้งสองไปบอกให้แร็กนาร์กับรูร์กัสมาพบในวันรุ่งขึ้น ความทรงจำซ้อนทับกับเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีก่อน ความรู้สึกที่อาบในดวงดาสีดำคู่นั้นช่างแสนคุ้นเคย เมื่อลองทบทวนเรื่องราวทั้งหมด มันจึงพอผูกเข้าด้วยกันได้ แม้จะยังไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่เขารอไม่ได้อีกแล้ว คงต้องพิสูจน์ข้อข้องใจนี้ให้เร็วที่สุด



เบียกโกะตัดสินใจเลือกทางที่ยากที่สุดไปเสียแล้ว เขาจึงต้องรีบแก้ไขให้รัดกุมและรอบคอบที่สุด คราก่อนเขาเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่ครานี้เขาจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว หากต้องการรักษาชีวิตของคนที่ตนรักไว้ทั้งหมด โดยไม่ต้องเสียสละชีวิตของใคร แม้จะยากเย็นเพียงไรเขาก็ไม่มีวันหันหลังกลับอย่างแน่นอน



ชีวิตของเขาถูกช่วยไว้เป็นครั้งที่ 2 ในอดีตสหายเพียงหนึ่งเดียวสละชีวิตเพื่อช่วยเอาไว้ มาครานี้หากว่าเป็นดังที่เขาคิดคนที่ช่วยชีวิตไว้เป็นเด็กคนนั้นจริง มันก็ไม่ผิดเลยที่เลือกทางที่เป็นอยู่ เขาควรตอบแทนทุกสิ่งอย่างคืนอย่างเท่าเทียมไม่ใช่เพื่อสหายของเขา แต่ทุกอย่างมันเกิดจากความเห็นแก่ตัวของเขาเอง ถ้าความเห็นแก่ตัวนี้ได้ตอบแทนบุญคุณทั้งหมด เบียกโกะก็พร้อมจะทำทุกทางให้แผนการทุกอย่างสำเร็จให้จงได้



สำหรับเบียกโกะแล้ว ชีวิตถูกกำหนดโดยโชคชะตาเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น อีกครึ่งหนึ่งเราต้องเลือกมันด้วยตนเอง ชีวิตจึงได้ลิ้มรสผลลัพธ์มากมายหลายรูปแบบจนถึงทุกวันนี้ หากครั้งนี้โชคชะตาคือการพบเจอ ส่วนอีกครึ่งเขาต้องเลือกว่าจะสานต่อความสัมพันธ์เช่นไร มันก็ถึงเวลาที่เขาต้องกำหนดมันแล้ว

..

..

..

บรรยากาศคึกคักดำเนินมาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าวันนี้ เพราะปีศาจทุกตนต่างร่วมแรงแข็งขันทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  ส่วนทางแร็กนาร์กับรูร์กัสหลังจากได้รับการเรียกพบของเบียกโกะจากเด็กฝาแฝดทั้งสอง และเจ้านกน้อยโกยาตเลย์แล้ว วันนี้จึงตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ล้างหน้าแปรงฟัน เสียแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวไปพบเบียกโกะ ความจริงแล้วแร็กนาร์หาได้เร่งรีบ แต่เป็นรูร์กัสต่างหากที่ตื่นเต้นจนเร่งเร้าปลุกแร็กนาร์ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง



แร็กนาร์มองพี่ชายของตนด้ายสายตาของผู้ใหญ่ที่มองเด็กอย่างปลงๆ เพราะรูร์กัสหลงใหลในความน่าเกรงขามของเบียกโกะตั้งแต่คราก่อนที่ได้พูดคุยกัน จนแทบอยากขอเป็นศิษย์ ถ้าไม่ติดว่าใช้พลังของคนละเผ่าพันธุ์ รูร์กัสคงทำไปนานแล้ว



วันนี้แร็กนาร์ยังคงสวมชุดยูกาตะสีเทาเช่นเดิม ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัวตามแบบฉบับของเจ้าตัว ที่ชอบในความกลมกลืนไปกับทุกสิ่งจนไม่โดดเด่นสะดุดตา แต่อย่างไรด้วยรูปร่างหน้าตาและสีผมที่ผิดแปลกก็ไม่สามารถกลบตัวตนของเด็กน้อยได้เลย



ส่วนรูร์กัสสวมชุดยูกาตะสีเขียวที่มองแล้วสบายตา เข้ากับใบหน้าที่ยิ้มแย้มและกิริยาที่นอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง



“โก”



“กรู๊ กรู้”



ก่อนออกจากห้องของตน แร็กนาร์เรียกให้โกยาตเลย์เจ้านกตัวจ้อยแสนน่าเอ็นดูที่เขาเลี้ยงไว้ให้มาเกาะที่ไหล่บางซึ่งเป็นที่ประจำของมันเวลาออกไปด้านนอกด้วยกัน  โกยาตเลย์ที่มองอย่างรอคอยว่าแร็กนาร์จะเรียกตนหรือไม่ก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วตอบรับพร้อมกระพือปีกบินเข้ามาหาแร็กนาร์อย่างอารมณ์ดี



หนึ่งมนุษย์ หนึ่งลูกครึ่ง  หนึ่งปีศาจเผ่าวิหก เดินออกจากห้องหลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว   พวกเขาเดินไปยังบ้านของ 2 ผู้คุมเพื่อทานอาหารอย่างเช่นทุกมื้อด้วยความเคยชิน  เปิดโอกาสให้  2 ผู้คุมได้ซักถามเล็กถามเล็กน้อย และนั่นทำให้แร็กนาร์ได้เห็นสายตาแห่งความกังวลใจจากยาจิ



มันทำให้เรารู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ก่อนไปพบเบียกโกะ  แร็กนาร์จึงย้อนกลับไปที่ห้องเพื่อเตรียมความพร้อมใหม่อีกครั้ง เขาหยิบมีดอันใหม่ที่ได้รับมาจากหมอชราที่มีความคมกริบกว่าเดิมอยู่มากโข   ยาสลายกล้ามเนื้อ  ยานอนหลับ  และยาชาติดตัวไปด้วย   จะอย่างไรป้องกันเอาไว้ก็ดีกว่าแก้ที่หลัง



ในระหว่างหยิบของที่จำเป็น  แร็กนาร์ก็ออกปากเตือนรูร์กัสให้ระมัดระวังตัวให้ดี  อย่าได้ประมาทโดยเด็ดขาด  รูร์กัสก็รับปากแต่โดยดีแม้ว่าจะหลงใหลในความเกรงขามของเบียกโกะ  แต่เขาเชื่อว่าแร็กนาร์มีเหตุผลมากพอที่ตนจะเชื่อฟัง  แร็กนาร์อยากทำมากกว่าตักเตือนแต่ไม่รู้ว่าสำหรับโลกนี้แล้วรูร์กัสเก่งมากเพียงใด   จึงไม่อาจชี้แนะสิ่งใดได้อีก  ทำได้เพียงต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น   และหวังให้รูร์กัสรอดหากเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น



พอออกจากห้องพักก็พบฮิเดโอะกับฮิโรกิที่ยืมยิ้มรออยู่หน้าห้องเพื่อนำทางพวกเขาไปพบพ่อของตน   บรรยากาศที่เห็นทำให้แร็กนาร์รู้ได้ว่าเด็กฝาแฝดทั้ง   2  ไม่รู้ถึงเรื่องที่ยาจิกำลังกังวลใจอยู่ เขาจึงไม่เอ่ยถาม  เพราะอย่างไรลูกก็ไม่อาจระแวงพ่อของตนได้



“แร็กนาร์  พี่รูร์กัส  พวกเรามาส่งได้เพียงเท่านี้   เข้าไปไม่ได้เพราะท่านพ่อต้องการสนทนากับทั้งสองคนตามลำพัง แต่ไม่ต้องกังวลนะ  เพราะพ่อของข้าใจดี”  ฮิเดโอะกล่าวอย่างเจื้อยแจ้ว ด้วยความหวังให้ผู้มีพระคุณทั้ง  2 เข้ากับพ่อของตนได้ แม้จะเคยพบกันครั้งหนึ่งแล้วแต่ไม่ใช่เป็นการส่วนตัวเช่นนี้   เขาคาดหวังอยู่มากทีเดียว



“ใช่ๆพ่อข้าใจดีมากๆ  ถึงรูปร่างจะใหญ่โต หน้าจะโหดไปสักนิด แต่รับรองใจดีแน่นอน” ฮิโรกิช่วยเสริม 



“อื้อ  พี่ก็คิดเช่นนั้น”  รูร์กัสรับคำ   ส่วนแร็กนาร์เพียงแค่พยักหน้าน้อยๆเพื่อให้เด็กทั้งสองสบายใจเท่านั้น  จะอย่างไรเขาก็ไม่อาจวางใจในตัวเบียกโกะได้



“ ท่านพ่อ  แร็กนาร์กับพี่รูร์กัสมาแล้วขอรับ”  หลังวางใจว่าทั้งสองคงไม่หวาดกลัวท่านพ่อของตน เช่นเด็กตนอื่นๆที่อาศัยอยู่ในเขตนี้จนไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพวกเขา  ฮิเดโอะก็วางใจรีบแจ้งการมาของรูร์กัสกับแร็กนาร์ทันที



“เข้ามาได้”  น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูถูกส่งออกมาดังจนถึงหน้าประตูเพื่อเป็นการตอบรับคำกล่าวของลูกชาย



ครืดดดดด



“ขออนุญาตขอรับ”  รูร์กัสกล่าวแล้วเดินนำเข้าไปหลังจากประตูเปิดออก เมื่อพ้นประตูเล็กน้อยก็ยิ้มให้เด็กชายฝากแฝดที่ปิดประตูลงอีกครั้งก่อนจากไป   ในห้องจึงเหลือเพียง  4  ชีวิตเท่านั้น



"เชิญนั่ง” ในห้องกว้างหน้าต่างถูกปิดสนิททุกด้าน  บ่งบอกว่าเรื่องที่พวกเขากำลังพบเจอถูกปิดเป็นความลับ



ฟูก  2 อันถูกวางไว้ ตรงข้ามกับร่างของเบียกโกะที่นั่งรอยู่ก่อนแล้ว  มันห่างกันพอประมาณ และด้านหน้าของแต่ละที่นั่งมีชา  และขนมถูกจัดวางเอาไว้ คล้ายบรรยากาศผ่อนคลายในสภาพแวดล้อมที่กดดัน



“ขอบคุณขอรับ” สองพี่น้องนั่งลงแล้วจึงกล่าวขอบคุณตามมารยาท



หลังจากนั้นห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ  ไม่มีแม้แต่ใครที่ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม  ด้วยเหตุว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนนั้นเอง



ดังว่าแร็กนาร์กับเบียกโกะอยู่ในบรรยากาศของผู้ผ่านโลกมามาก  พวกเขาจึงขบคิดเรียบเรียงคำสนทนาก่อนจะเริ่มพูดคุยกัน  ทั้งยังหยั่งเชิงอีกฝ่ายอย่างสงวนท่าทีอีกด้วย ทั้งสองอยู่ในบรรยากาศเช่นนั้นจนกระทั่งรูร์กัสยังรู้สึกได้ ในห้องนี้หากเทียบอายุวิญญาณรูร์กัสก็เด็กที่สุด ไม่แปลกนักที่เขาจะอยู่ในอาการที่แตกต่าง  แต่กระนั้นเขาเองก็อยู่ในภวังค์ความคิดพรางจ้องมองแร็กนาร์ด้วยสายตาสับสนมากขึ้นเท่านั้น



“ข้าขอเข้าเรื่องเลยนะเด็กน้อย  เพราะดูเหมือนว่าเจ้าจะพอเข้าใจอยู่บ้าง” เบียกโกะกล่าวออกมาในที่สุด   เมื่อรับรู้ว่าแร็กนาร์ไม่ใช่เด็กที่เข้าใจอะไรยาก ไม่ต้องกล่าวสิ่งใดอ้อมโลกในเสียเวลา เด็กตรงหน้าดูโตเกินไปเสียด้วยซ้ำ



แร็กนาร์ไม่ตอบ แต่จ้องมองดวงตาของเบียกโกะเพื่อค้นหาคำตอบอย่างไม่หลบซ่อน    เป็นสัญญาณว่าเขาพร้อมรับฟังทุกอย่างแล้ว



“ข้ารู้เรื่องราวของพวกเจ้าทั้ง 2 จากฮิเดโอะกับฮิโรกิ  และเจ้าโกนกน้อยตัวนั้นมาบ้างแล้ว”   สายตาที่หันเหไปทางโกยาตเลย์ที่เกาะอยู่บนไหล่ของแร็กนาร์  ซึ่งเจ้าตัวน้อยดังหายกลายเป็นอากาศตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้ เพราะรับรู้ได้ว่า แร็กนาร์กำลังใช้ความคิดจึงไม่กล้ารบกวน  มันจึงเงียบแล้วรอคอยอยู่เช่นนั้น   พอเบียกโกะกล่าวถึงมัน มันจึงผงกหัวน้อยๆรับคำว่าตนก็อยู่ในช่วงเวลานั้น  ถึงกล่าวเพียงเล็กน้อย  แต่ได้ฟังมากมายทีเดียว



รูร์กัสรู้ดีว่าเบียกโกะรู้เรื่องใดบ้าง หากเด็กน้อยฝาแฝดไม่ได้ปิดบังแล้วเล่าไปเสียทั้งหมด    เพราะความเห็นใจฮิเดโอะกับฮิโรกิที่สูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็กเช่นตัวเขา  รูร์กัสจึงเผลอเล่าเรื่องแม่ของตนเพื่อปลอบใจเด็กทั้งสอง  และยังบอกถึงเหตุผลที่แร็กนาร์ต้องมาอาศัยอยู่ในบ้านเล็กกลางป่าอีกด้วย   เพราะตอนนั้นเขาเชื่อว่าเด็กทั้งสองจะไม่มีทางหักหลังแร็กนาร์อย่างแน่นอน



“พวกเจ้ามีความเป็นมาที่น่าสนใจทีเดียว ทำให้ข้าแปลกใจไม่น้อย  แต่ก็ไม่มีส่วนใดที่ไม่ดี  เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ...”  คำกล่าวนั้นหยุดลง  เพียงพอให้อีกฝ่ายได้ตระหนกจนเผลอเผยพิรุธออกมาบ้าง   หรือบางทีอาจจะเพียงพอให้อีกฝ่ายได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับประโยคถัดไป



ทุกชีวิตในห้องรู้ถึงบรรยากาศกดดัน ในคำพูดต่อไป  แร็กนาร์กระชับมีดในแขนเสื้อ  โกยาตเลย์จ้องมองเป้าหมายตรงหน้า แม้แต่รูร์กัสยังระมัดระวังตัวเตรียมพร้อมมากขึ้น



“เหตุใด...จึงลักลอบเข้าไปยังห้องสมุดลับของข้า!”  สิ้นคำประกาศิตทุกชีวิตก็เคลื่อนไหว  แต่ผู้ที่เร็วที่สุดกลับเป็นเบียกโกะ เขาพุ่งไปหารูร์กัสที่กำลังตั้งสมาธิกับการใช้พลังที่ดูจะให้ความเสียหายกับเขามากที่สุด และยังเป็นจุดอ่อนต่อคู่ต่อลองของเขาด้วย  การกระทำนี้เป็นไปได้น้อยแร็กนาร์จึงยังไม่ทันระวัง  เพราะคิดว่าเป้าหมายแรกที่เบียกโกะจะพุ่งเข้าใส่คือตนเอง  เขาจึงขยับตัวผิดจังหวะจนเข้าประชิดตัวรูร์กัสไม่ทันการ



มือหนาบีบคอรูร์กัสจนเจ้าตัวตาแทบถลนออกจากเบ้าเพราะขาดอากาศหายใจ  มือทั้งสองข้างก็จิกดึงมือที่ใหญ่กว่าคอของเขาไปมากโขแม้เป็นมือเพียงข้างเดียว  รูร์กัสตะเกียกตะกายใส่ผู้ที่ทำร้ายตนอย่างไม่คิดชีวิต   คิดเพียงอยากให้ตนหยุดอาการทรมานเท่านั้น



แร็กนาร์ที่ตั้งสติได้ก็พุ่งเข้าใส่เบียกโกะ แต่เบียกโกะไม่ใช่เคียวจิที่ประมาทคู่ต่อสู้  ทั้งยังมีประสาทการรับรู้และมีความเร็วที่มากกว่า   สัญชาตญาณสัตว์ป่าอันเฉียบคมคาดเดาทิศทางของแร็กนาร์ได้อย่างแม่นยำ   เพราะแร็กนาร์ยังเด็กจึงดึงความสามารถจริงๆของตนออกมาใช้ไม่ได้   เขาจึงเผลอเปิดช่องโหว่ให้เบียกโกะได้จัดการ



แร็กนาร์ที่พุ่งตัวเข้ามาด้วยความเร็ว   กลับสับเท้าจนเปลี่ยนทิศทางไปฝั่งซ้าย   เบียกโกะที่เล็งช่องว่างอยู่ก่อนแล้วก็เปลี่ยนทิศของมือที่พุ่งออกมาอย่างลวดเร็วไปที่คอของแร็กนาร์อย่างพอดิบพอดี  แม้ไม่ได้ออกแรงมากเท่าทำกับรูร์กัส   เพราะเบียกโกะต้องการให้แร็กนาร์ยังคงมีสติมากพอได้มองความสิ้นหวังที่เขาเตรียมไว้ด้วยตาของตนเอง   แต่แร็กนาร์ก็รู้สึกทรมานมากกว่าที่ควร



มือที่ไร้การพันธนาการตวัดมีดในมืออย่างเอาเป็นเอาตาย  โดนแขนใหญ่โตไปหลายครั้งแต่กลับไม่โดนจุดสำคัญแม้แต่น้อย  เพราะเวลานี้ดวงตาแร็กนาร์พร่ามัวมันเต็มไปด้วยน้ำตา ร่างกายนี้กำลังหวาดกลัว   กลัวจนวิญญาณของเขายังพลอยรู้สึกตามไปด้วย



ร่างกายสั่นเทา  มือแทบไร้เรี่ยวแรง น้ำตาไหลเป็นสาย  ร่างกายนี้ยังคงจดจำนาทีที่จบชีวิตลงได้  ความหวาดกลัวในเวลานั้นซ้อนทับกับเหตุการณ์ที่เป็นอยู่  จนแร็กนาร์ไม่อาจควบคุมความเยือกเย็นเอาไว้ได้อีก



“กรู้  กรู๊”



‘ปล่อยแม่ข้านะ’



โกยาตเลย์ที่บินลงจากไหล่ของแร็กนาร์พร้อมกับตอนที่แร็กนาร์เริ่มเคลื่อนไหว  มันเห็นภาพที่โหดร้ายนั้น จึงบินเข้าไปหมายจะช่วยเหลือแร็กนาร์



ตุ๊บ!



แต่เพียงสบตากับผู้ร้าย โกยาตเลย์ที่ออกจากไข่มายังไม่ถึงสัปดาห์ก็รู้สึกหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ  เรี่ยวแรงมันหดหายจนล่วงลงสู่พื้นอย่างอเนจอนาถ



 

****************************************60%**********************************************

มาต่อคืนนี้ค่ะ  รอก่อนน้า

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ทำไมทำแบบนี้

ออฟไลน์ Reminder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อิเบื๊อกโกะ...ทำอะไรเนี่ย :z3:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 25
พิสูจน์ (ครึ่งหลัง)


“อึก อัก” รูร์กัสตาถลนจนมองไม่เห็นเหตุการณ์แต่เขากลับกลัวจับใจ กลัวว่าจะเสียน้องชายของตนไปอีกครั้ง จึงดิ้นรนครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ยอมแพ้



“พี่...พี่รูร์กั...ส” แร็กนาร์เปร่งเสียงอย่างแผ่วเบาเมื่อได้ยินเสียงพี่ชายของตน ภาพที่เห็นยิ่งทวีความเจ็บปวด ไม่เพียงร่างกายที่หวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่รูเฟียสกระทำก่อนดับลมหายใจเจ้าของร่าง แม้กระทั้งพี่ชายที่เขาให้ปฏิพานว่าจะปกป้องด้วยชีวิตก็กำลังจะจบชีวิตลงโดยที่เขาทำสิ่งใดไม่ได้เลย ไม่เว้นแม้แต่เจ้าโกยาตเลย์นกน้อยที่เขาเฝ้าเลี้ยงอย่างทะนุถนอมมันก็กำลังนอนกองกับพื้นด้วยร่างกายที่สั่นเทา



‘ไม่นะ ไม่เอา ไม่อยากสูญเสียอีกแล้ว ให้ตายเถอะพระเจ้าจอมงี่เง่า ให้ชีวิตผมมาแล้วจะให้จบลงเพียงแค่นี้น่ะเหรอ ทำไม ไม่เข้าใจเลย



ได้โปรดละเว้นชีวิตของรูร์กัสด้วย ชีวิตของผมจะเอามันไปก็ได้ แต่ขอร้องล่ะ ละเว้นชีวิตของรูร์กัสเถอะ ได้โปรด...’




เสียงร่ำไห้ในใจหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเช่นคราวก่อน ดวงดาสีดำที่จดจ้องผู้ร้ายเริ่มเปลี่ยนไปจากที่เจ็บปวดและเว้าวอนกลายเป็นโกรธเกรี้ยวอย่างเจ็บแค้น เวลานี้ความโกรธบดบังดวงตาของแร็กนาร์ไปหมดสิ้น สติสัมปชัญญะที่มีเริ่มจางหาย ความนึกคิดในหัวก็มลายหายไปหมดจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นตัวตนของนักฆ่าผู้ฉลาดและเยือกเย็นคนนั้น



บรรยากาศรอบตัวหนักอึ้ง ดวงตาสีดำแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความวาวโรจน์ ผมสองสีถูกย้อมจนเป็นสีแดงชาดทั้งศีรษะ ดังว่าเวลานี้แร็กนาร์เป็นปีศาจเผ่าพยัคฆ์เต็มตัว ไม่ใช่เพียงลูกครึ่งที่ไร้ซึ่งพลังอีกแล้ว



ไม่เพียงเท่านั้นร่างของแร็กนาร์แปรเปลี่ยนเหนือกว่าปีศาจเสียอีก ฟันในปากเปลี่ยนเป็นเขี้ยวอันแหลมคม เล็บงอกยาวกลายเป็นกงเล็บดังสัตว์ป่า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะมีเพียงตอนที่ปีศาจใช้ร่างสัตว์เท่านั้น  สภาพของแร็กนาร์เป็นดังเช่นการหยุดชะงักระหว่างแปรเปลี่ยนร่างจากร่างปีศาจเป็นร่างสัตว์เต็มตัว ซึ่งหากคงไว้ได้จะได้ร่างปีศาจอันแข็งแกร่งยิ่งกว่าปีศาจทั่วไป



เพราะร่างที่คงอยู่อย่างครึ่งๆกลางๆทำให้สัญชาตญาณเข้าครอบงำอย่างสิ้นเชิง ในมือไร้มีดผ่าตัด เหลือไว้เพียงกงเล็บที่คมกริบยิ่งกว่า แร็กนาร์ใช้กงเล็บตะปปลงไปบนแขนของเบียกโกะ ที่กำลังชื่นชมภาพตรงหน้าอย่างไม่ทันตั้งตัว จนเสียจังหวะปล่อยมืออกจากลำคอเล็ก ร่างบางจึงหลุดพ้นจากการพันธนาการออกมาได้

แร็กนาร์กระโดดถอยหลังจนเกิดระยะห่างระหว่างทั้งสองเพื่อตั้งหลัก จนไม่ทันสังเกตว่าชั่วครู่ดวงตาของเบียกโกะแวววาวเต็มไปด้วยความยินดีแล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว



‘ในที่สุดข้าก็พบ...ใช่แล้วข้าพบเจ้าแล้วเด็กน้อย’



เมื่อทุกอย่างดำเนินมาตามแผนเบียกโกะจึงคลายมือออกจากคอของรูร์กัส แล้วลุกขึ้นยืนอย่างไม่สนใจตัวประกันอีก



“แค่ก แค่ก แฮ่ก แฮ่ก” รูร์กัสไออย่างทรมาน จึงพยายามสูดหายใจเข้าปอดเพื่อให้ตนหายใจได้สะดวกขึ้น แต่ด้วยที่ขาดอากาศไปนานพอควร ทำให้ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นได้ รูร์กัสจึงหันไปสบตาแร็กนาร์อย่างวิงวอนให้แร็กนาร์หยุดอาการที่เป็นอยู่



รูร์กัสตระหนักดีว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นต่อไปหากสภาพร่างกายของแร็กนาร์เปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้  เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น  มันเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วเขาจึงพยายามไม่ให้รูซเข้าใกล้แร็กนาร์มากนักเพราะกลัวว่ามันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง  จนกลายเป็นแร็กนาร์ที่เขาไม่รู้จัก...



ครั้งแรกเกิดขึ้นตอนที่แร็กนาร์มีอายุเพียง 6 ขวบ  ซึ่งตอนนั้นมีลูกนกตกลงมาจากรังบนต้นไม้ในป่า  แร็กนาร์จึงนำมันกลับไปวางไว้ที่เดิม แต่นกชนิดนี้มันรังเกียจมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง  เมื่อแม่นกกลับมาแล้วได้กลิ่นของแร็กนาร์จากตัวของลูกน้อย  มันจึงบินจากไปอย่างไม่กลับมาเหลียวแลอีกเลย



หลังจากนั้นแร็กนาร์กลับไปดูอีกครั้งว่ามันเป็นเช่นไรบ้าง  พอเห็นว่าลูกนกถูกทิ้งไว้เขาจึงนำกลับมาเลี้ยงไว้ในโรงเก็บฟืนที่ตนใช้สำหรับซุกหัวนอน  โดยแอบเลี้ยงเอาไว้  บอกเพียงรูร์กัสให้รับรู้เท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งที่รูร์กัสเป็นเวรนำอาหารไปให้แร็กนาร์   แต่กลับถูกพ่อสั่งให้อ่าหนังสืออยู่ในห้อง รูซจึงนำอาหารไปให้แร็กนาร์แทน



ด้วยไม่คาดคิดจึงทำให้รูซไปพบแร็กนาร์ที่กำลังยิ้มแย้มอย่างมีความสุขอยู่กับเจ้านกตัวน้อย   ด้วยทนเห็นภาพคนที่ตนเกลียดชังมีความสุขไม่ได้ รูซจึงแย่งเจ้านกตัวนั้นมาในตอนที่แร็กนาร์ไม่ทันตั้งตัว แล้วเหวี่ยงมันลงพื้นตามด้วยกระทืบเท้าเหยียบมันครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ปราณี 



รูร์กัสที่ได้ยินเสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของแร็กนาร์รีบวิ่งออกมาจากห้องตรงไปยังโรงเก็บฟืน ภาพที่เห็นทำให้เขาเบิกตากว้าง สภาพร่างกายของแร็กนาร์กำลังเปลี่ยนไป!!



แร็กนาร์พุ่งเข้าทำร้านรูซด้วยความโกรธเกรี้ยว  จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดหากรูร์กัสไม่เข้าไปขวางเอาไว้ ยังดีที่ตอนนั้นแร็กนาร์ยังคงหลงเหลือสติอยู่บ้างไม่เช่นนั้นเขาเองก็คงมีสภาพไม่ต่างจากรูซเลย น้องชายคนสุดท้องของเขาได้สติก็โผเข้ากอดรูร์กัสแล้วร้องไห้ราวกับคนเสียสติแล้วจึงสลบไป



หลังจากพาร่างอันปวกเปียกของน้องชายไปนอนไว้บนที่นอน  รูร์กัสก็กลับมาสำรวจบาดแผลของรูซ มีแผลเหวอะหวะตามแขนที่ยกขึ้นมาปกป้องตนเอง และตามแผ่นอกที่เป็นช่องว่างไม่อาจป้องกกันได้  รูร์กัสห้ามเลือดให้น้องชายคนกลางอย่างเร่งรีบพร้อมข่มขู่ไปเล็กน้อย  เพื่อไม่ให้รูซปากเปาะจนเรื่องนี้รู้ไปถึงหูพ่อของตน



น้องชายร่วมมารดาก็ไม่กล้าปริปากบอกใครอีกเลย วันนั้นจึงมีข่าวว่ารูซโดนสัตว์ในป่าทำร้าย จนพวกเขาถูกห้ามเข้าไปในป่าเสียหลายวัน เรื่องราวเหล่านั้นมันจึงถูกเก็บเป็นความลับตลอดมาไม่เว้นแม้แต่กับตัวของแร็กนาร์เอง...จนกระทั่งวันนี้มันกลับกำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง  และยังร้ายแรงยิ่งกว่า!



ครั้งนี้แร็กนาร์ดูไร้สติอย่างสิ้นเชิง กลิ่นอายกระหายเลือดคละคลุ้งในอากาศจนแค่เพียงหายใจยังลำบาก ดวงตาไร้แววการสั่นไหวเช่นคราวก่อน ตอนนี้แร็กนาร์เสียสติไปเสียแล้ว



กลับไปยังฝั่งของแร็กนาร์ที่ตอนนี้ตั้งหลักเรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กที่ผิดแปลกไปกำลังพุ่งเข้าใส่เบียกโกะอย่างไร้แบบแผน เคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณด้วยพละกำลังที่ปะทุออกมาเท่านั้น  หากแร็กนาร์ยังคงหลงเหลือสติอยู่แล้วใช้ผสมผลานกับพลังนี้คงน่าหวาดกลัวมากทีเดียว แต่ตอนนี้แร็กนาร์ไม่หลงเหลือมันอีกแล้ว และด้วยร่างกายที่เล็กกว่าเบียกโกะอยู่มากโข  มันจึงดูเหมือนสัตว์เล็กๆที่กำลังข่มขู่ราชาแห่งป่าอยู่อย่างไอย่างนั้น ท่าทีออกหมัดมวยต่างๆก็ไม่อาจแตะต้องเบียกโกะได้เลยแม้แต่น้อย



สองร่างโรมรันจนผนังด้านหนึ่งพังออก ด้านนอกเป็นลานกว้างที่เหมาะแก่การต่อสู้ครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง   ดังว่ามันถูกตระเตรียมเอาไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เสียงการปะทะที่ดังก้องปะทุขึ้นทุกคราที่ทั้งสองร่างเผชิญหน้ากัน  แต่กระนั้นในบริเวณนี้กลับไม่มีปีศาจตนใดโผล่เข้ามา



มันทำให้รูร์กัสที่ลุกขึ้นมานั่งมองการต่อสู้ครั้งนี้อย่างใจจดจ่อเข้าใจในที่สุดว่า  พวกเขากำลังวิ่งอยู่บนฝ่ามือของเบียกโกะที่วางแผนทุกอย่างไว้ตั้งแต่ต้น  สถานที่พิเศษที่ไม่มีใครเข้าถึงได้ยกเว้นแต่คนที่สร้างมันขึ้นมาจะอนุญาต มันไม่มีทางที่จะบังเอิญมีอยู่แล้ว สถานที่แห่งนี้บ่งบอกได้ว่าพวกเขาไร้ซึ่งทางหนีและกำลังตกเป็นเหยื่ออย่างไม่มีทางดิ้นหลุดออกไปจากหลุมพรางนี้ ทั้งยังไม่อาจมีใครเข้ามาช่วยเหลือได้อีกด้วย  เขาต้องลงมือทำอะไรบางอย่าง!



“กรู๊”  โกยาตเลย์ที่ดึงสติอันสั่นไหวของตนกลับมาได้แล้วบินเข้ามาอยู่ใกล้ๆรูร์กัสพร้อมชมการต่อสู้ด้วยหัวใจที่เต้นระทึก  แม้จะไม่รับรู้สิ่งใดมาก   แต่มันก็กำลังภาวนาให้แร็กนาร์ชนะอย่างสุดใจ มันตระหนักดีว่าการต่อสู้ตรงหน้าไม่ใช่เรื่องที่มันจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ หากยิ่งเข้าไปขวางระหว่างที่ต่อสู้  ฝ่ายที่เสียหายอาจจะเป็นฝ่ายของตนเสียก็ได้



แต่ยิ่งเวลานานขึ้นก็ยิ่งเห็นชัดเจนว่าแร็กนาร์เสียเปรียบอีกฝ่ายอยู่มากทีเดียว เพราะไม่ว่าแร็กนาร์จะโจมตีมากเพียงใด เบียกโกะจะปัดป้องได้เสมอ บาดแผลที่ปรากฏบนร่างใหญ่โตนั้นก็มีเพียงแผลเดิมที่ได้มาในตอนแรกที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวเท่านั้น



ส่วนทางแร็กนาร์พยายามครั้งแล้วครั้งเล่า   ออกหมัดก็โดนหลบบ้าง  ปัดป้องจนพลาดเป้าบ้างช่างน่าขัดใจยิ่งนัก ท่าเท้าที่เตะออกไปก็โดนสวนกลับด้วยการออกแรงเล็กน้อยไม่ให้ทำร้ายร่างเล็กมาเกินไป  หากแร็กนาร์ยังคงมีสติครบถ้วนคงรับรู้ได้ว่าเบียกโกะยังไม่ได้ใช้ฝีมือที่แท้จริงแม้เพียงนิด เขาแทบจะไม่แตะต้องร่างกายของแร็กนาร์เสียด้วยซ้ำไป



จังหวะที่แร็กนาร์กระโดดขึ้นกลางอากาศแล้วหมุนตัวเตะ เบียกโกะเพิ่มความเร็วขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีก็หายไปจากตรงหน้าของร่างเล็ก โผล่อีกครั้งก็มาอยู่ด้านหลังเสียแล้ว  มือที่เกร็งจนแข็งพอฟันลงบนลำคอเล็กของแร็กนาร์ตนเจ้าตัวสลบไป



“หมดเวลาเล่นสนุกแล้วเด็กน้อย”  เสียงทุ้มแหบกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูที่เจือไปทั้งดวงตา ไม่ต่างจากมองลูกชายของตน  แต่เวลานี้มีหรือที่ใครจะมองเห็น



ดวงตาอบอุ่นจ้องมองแร็กนาร์ที่กำลังค่อยๆกลับคืนสภาพเดิมอย่างพึงพอใจ  มองสำรวจร่างกายว่าไม่มีส่วนใดเสียหายริมฝีปากก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างยินดี บรรยากาศผ่อนคลายจนเขาไม่ทันได้ระมัดระวังตัวเพราะกำลังมีความสุขที่สุดในรอบหลายปี  ไม่ทันสังเกตว่ามีเถาวัลย์สีน้ำตาลกำลังค่อยๆเลื้อยขึ้นจากพื้นพันไปตามขา แขน ลำตัว จนถึงคอในที่สุด



“ปล่อยน้องของข้า”   รูร์กัสที่ออกมาอยู่ด้านนอกตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบกล่าวขึ้นอย่างแข็งกร้าวขัดกับบรรยากาศอย่างสิ้นเชิง   พร้อมดวงตาที่กำลังวาวโรจน์ด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่เบียกโกะเพียงกระตุกยิ้มที่มุมปากหาได้ตกใจหรือมีท่าทีหวาดกลัว  สองแขนกระชับร่างในอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเพื่อกันไม่ให้ตกลงไป



“ธาตุไม้อย่างนั้นรึ หึหึหึ มันไม่ได้อยู่ในธาตุหลักทั้ง  5 ของมนุษย์ แต่เป็นธาตุใหม่ที่หลอมรวมธาตุ  ดิน น้ำ และลม  3 ธาตุเข้าด้วยกันใช้เพื่อควบคุมและกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช



ไม่เลวๆช่างยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมจริงๆ ยอมเยี่ยมทั้งพี่ทั้งน้อง   ฮ่าๆๆๆ”  เสียงระเบิดหัวเราะที่ดังก้องสร้างความฉงนให้รูร์กัสไม่น้อย  เพราะในน้ำเสียงนั้นหาได้มีความประชดประชันปะปนอยู่  รอยยิ้มบนริมฝีปากนั้นก็แย้มยิ้มกว้างขึ้นอีกด้วยความยินดีอย่างไม่ปิดบัง



เบียกโกะกำลังดีใจที่การพิสูจน์ครั้งนี้ของตนได้ผลลัพธ์มากเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้เสียอีก  ทำให้เขารู้สึกยินดี   จนอยากตะโกนออกมาดังๆเสียด้วยซ้ำ



รูร์กัสยังไม่วางใจเขาควบคุมเถาวัลย์ให้รัดร่างนั้นแน่นขึ้น  คิดเพียงว่าปีศาจตนนี้บ้าไปแล้วหรือ   แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา พยายามเพ่งสมาธิไปที่การใช้พลังจนแผ่นหลังชื้นเหงื่อเฉอะแฉะไปหมด



“แต่ดูแล้วเจ้าคงใช้มันได้ไม่นาน  เพราะฝีมือยังไม่ถึงขั้นสินะ  น่าเสียดายๆคงไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะให้ตรงจุด  พื้นฐานการใช้พลังจึงเหลาะแหละเช่นนี้”  รูร์กัสยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจว่าปีศาจตนนี้ต้องการสิ่งใด  เมื่อเบียกโกะกล่าวดังกำลังพิจารณาบุตรหลาน  เพื่อเตรียมวางแผนอนาคตให้อย่างไรอย่างนั้น  แต่ประโยคถัดมากลับทำให้รูร์กัสตกตะลึงจนแทบหยุดหายใจ



“แต่ไม่เป็นไร  อายุเท่านี้ทำได้ถึงเพียงนี้ก็นับว่ามีพรสวรรค์มากเกินไปพอแล้ว ยอดเยี่ยมสมกับเป็น...ลูกชายของริเรน่า”

 

 

 

 

To Be Continued...

 

______________________________________________________________________________

สวัสดีค่ะ  กลับมาแล้วหลังจากหายไปนาน   เพราะต้นเดือนใช้วันหยุดไปเที่ยวจนหมดก็เลยทำงานยาวมา 2 อาทิตย์แล้วค่ะ  ไม่ได้พักเลย  มันส่งผลให้พอถึงห้องหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายทุกทีเลย ฮ่าๆ

เป็นยังไงกันบ้างคะตอนนี้ พอจะไขปริศนาอะไรออกแล้วบ้าง กรีนวางองค์ประกอบครบแล้ว  ตอนนี้ได้เวลาเปิดโปงซะที พร้อมกันรึยังเอ่ย?

ปมต่างๆกำลังจะถูกแก้  คงไม่เบื่อกันไปก่อนเนาะ เพราะมันหลายปมซะเหลือเกิน บางคนอาจจะว่ากรีนบ้า  จริงๆกรีนโรคจิตค่ะ ชอบทรมานคนอ่านให้ค้าง ฮ่าๆ  อย่าโกรธกันเลยนะคนดี  อยู่จิ้นแร็กนาร์ตัวน้อยเป็นเพื่อนกรีนไปนานๆน้า

พูดคุยและทวงนิยายได้ที่  FB: Green Head – หัวเขียว   หรือพิมพ์  greenheadzoro

Twitter: mato_dae

 

 

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
คุณคนเขียนอย่าทำให้อยากแล้วจากไปแบบนี้โอ๊ยยยอ่านทันแล้วติดค่ะ  มาต่อบ่อยๆ นะคะ ตอนสุดท้ายนี้พ่อลูกเจอกันแล้วว ตัวละครมีเยอะมากก  ชอบนายเอก  :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่  26
เจรจา (ครึ่งแรก)


“หมายความว่าอย่างไร ท่านรู้จักท่านแม่...ท่านเกี่ยวข้องอะไรกับมัน!!” รูร์กัสตั้งสติได้ก็ตะหวาดกร้าวอย่างไม่เกรงกลัว ในเวลานี้ในหัวของเขาคิดไปแต่ในแง่ร้าย  ด้วยคาดคิดอยู่แล้วว่าอย่างไรตนต้องได้พบกับปีศาจร้ายตนนั้นอีกครั้ง เพียงแต่ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วถึงเพียงนี้ หากมันทั้งสองเกี่ยวข้องกัน เขาเชื่อว่าไม่นานต้องได้พบกับมันอย่างแน่นอน ส่วนเวลานี้รูร์กัสตระหนักดีว่าตนนั้นหาใช่คู่ต้อสู้ของปีศาจที่อยู่ตรงหน้า จึงเลือกใช้พลังที่ไม่สมบูรณ์ และไม่ได้เร่งร้อนบุกเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิตเช่นคราวก่อน ความคิดในคราวนี้จึงเป็นเพียงการหาทางรอดให้ตนและน้องชายเท่านั้น



แต่กระนั้นความเกรี้ยวกาจก็ทำให้พลังที่ใช้ควบคุมเถาวัลย์รัดร่างของเบียกโกะแน่นขึ้นตามอารมณ์ที่ประทุขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้เขาใช้พลังไปอย่างสิ้นเปลืองกว่าที่คำนวณเวลาเอาไว้ และฝืนร่างกายมากกว่าที่ควร พลังที่เกินขีดจำกันจึงเกิดผลเสียกับร่างกายอย่างไม่อาจคาดเดาได้



เบียกโกะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บเพราะถูกรัดคอจนขาดอากาศหายใจ เถาวัลย์ที่ผู้ใช้ธาตุใช้จะเหนียวและแข็งแรงเป็นอย่างมาก เพราะถูกอัดพลังเข้าไปโดยตรง แม้แต่ตัวเขาก็รู้สึกถึงแรงบีบรัดที่ยากจะคลายออก แต่ใบหน้านั้นก็มิได้ฉายแวววิตกกังวล มันกลับประดับไปด้วยรอยยิ้มบางๆแสดงถึงความยินดีที่ทดสอบพลังของรูร์กัสได้แล้วว่าอยู่ในขั้นใด



ในตอนที่แช่น้ำนั้นเขาไม่รู้ว่าแม่ของเด็กทั้ง 2 ชื่ออะไร ด้วยเพราะรูร์กัสไม่ได้บอกชื่อแม่ของตนให้แก่เด็กชายฝาแฝดได้ฟัง แม้มีความใกล้เคียงอยู่มากแต่เขาก็ไม่อาจเชื่อได้อย่างสนิทใจ จึงต้องลงมือพิสูจน์ดูเช่นนี้เท่าที่สามารถหาทางได้ เพื่อตรวจสอบว่ารูร์กัสกับแร็กนาร์ใช่ลูกชายของริเรน่าหรือไม่ ผลพิสูจน์คือสภาพของแร็กนาร์ที่เปลี่ยนไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่เขากลับโลภมากเมื่อรู้ถึงพลังของรูร์กัส และยิ่งโลภมากยิ่งขึ้นเมื่ออยากรู้ว่าขีดจำกัสของรูร์กัสอยู่ที่ใด



“อั๊ก!” รูร์กัสที่ฝืนใช้พลังจนกระอักเลือด แม้พลังนี้จะแข็งแกร่งกว่าการใช้ธาตุหลัก แต่พลังที่ไม่สมบูรณ์ก็ต้องย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง ผลตอบแทนของการฝืนใช้พลังนี้จึงทำให้กระแสพลังที่ไหลเวียนในร่างกายบีบเค้นพลังออกมาอย่างไม่อาจควบคุมจนร่างกายเจ็บปวดแสนสาหัส มันบ่งบอกว่าเขาฝืนมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว...ช่างอ่อนแอ อ่อนแอจนน่าสมเพท



ปีศาจร่างใหญ่โตกำลังพิจารณารูร์กัสอย่างถี่ถ้วน แววตาของเขาหาได้เหยียดหยามในพลังอันน้อยนิดของเด็กน้อย แต่กลับเต็มไปด้วยความห่วงใย และคาดหวัง เพราะตอนนี้รูร์กัสยังเด็กนักจึงยังไม่อาจควบคุมพลังนี้ได้ หากฝึกฝนอีก 2-3 ปี คาดว่าพลังนี้คงน่าหวั่นเกรงมากมายทีเดียว เพื่อรอดูผลลัพธ์ที่คาดหวังเบียกโกะที่รู้ดีว่ารูร์กัสฝืนขีดจำกัดไปแล้ว หากปล่อยไว้พลังคงถูกเค้นออกมาจนเหือดแห้งจนถึงขั้นไม่อาจใช้พลังได้อีก



เขาทำมากเกินไปเสียแล้ว สมควรยุติลงเสียที...เบียกโกะจึงหลับตาลงเค้นพลังในกายบางส่วนไปรวมไว้ที่มือจนเล็บงอกยาวออกมา พลังนี้ไม่เหมือนพลังของแร็กนาร์ที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณหาใช่การฝึกฝน และพลังของเขาจะใช้ได้เพียงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ไม่ใช่ทั้งร่างเช่นที่เกิดขึ้นกับแร็กนาร์ เพราะหากทำเช่นนั้นเขาที่ไม่ได้มีลักษณะพิเศษทางสายเลือดเช่นเดียวกับแร็กนาร์จะทำให้สูญเสียพลังมากเกินไปจนไม่ไม่อาจใช้พลังอื่นใดได้อีก หรือร่างกายอาจเจ็บปวดจนสูญสลายด้วยการใช้เพียงครั้งเดียว



มือที่ประดับด้วยกงเล็บแหลมคมยกขึ้นตระหวัดเกี่ยวเถาวัลย์จนขาดวิ่นด้วยการมือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกมืออุ้มร่างบอบบางของแร็กนาร์เอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ดูยากเกินไปสำหรับเบียกโกะเลย บ่งบอกว่าปีศาจตนนี้แข็งแกร่งเกินจะคาดเดา



ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วหลังจากเถาวัลย์หลุดออกจากร่าง เป็นอีกครั้งที่เบียกโกะหายไปแล้วปรากฏตัวด้านหลังคู่ต่อสู้ กงเล็บถูกหดกลับไปเป็นเช่นเดิม แล้วฟันสันมือไปที่คอของรูร์กัสตำแหน่งที่ทำให้หลับไป



รูร์กัสที่นั่งคุกเข่าอยู่เบิกตาโพรงด้วยไม่ทันตั้งตัว แล้วหมดสติลง จนร่างกายเอนเอียงจะทิ้งตัวลงกับพื้น เบียกโกะจึงใช้มือข้างที่ว่างอยู่คว้าตัวรูร์กัสเอาไว้ เด็ก 2 คน ถูกอุ้มด้วยแขนแข็งแกร่งคนละข้างอย่างไม่รู้สึกหนักแต่อย่างใด เพราะหากเทียบร่างของเด็กทั้งสองกับเบียกโกะแล้วมันช่างต่างกันจนเวลาอุ้มร่างทั้งสองไว้บนแขนยังรู้สึกคล้ายโอบอุ้มปุยนุ่นอยู่หลายส่วน



โกยาตเลย์เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้แต่มองอย่างไม่เข้าใจ เพราะมันสัมผัสได้ว่าเบียกโกะไร้ความกดดันในการสังหารตั้งแต่หยุดแร็กนาร์ไม่ให้อาละวาทได้ มันจึงมองเบียกโกะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสับงุนงงเกินจะคาดเดาความคิดของปีศาจตนนี้ได้



เบียกโกะสัมผัสสายตาที่มองมาได้จึงหันไปมองยิ้มให้โกยาตเลย์อย่างเอ็นดู คราวนี้ผลพลอยได้อีกอย่างคือ การที่ได้รู้ว่าปีศาจเผ่าวิหคตนนี้มีสัญชาตญาณเฉียบแหลมเกินอายุ ความเป็นมาของมันคงน่ากลัวอย่างไม่อาจคาดเดาได้ แต่จากเหตุการณ์ที่ก่อขึ้นก็ทำให้เขารู้ว่าวิหคตนนี้ซื่อสัตย์กับแร็กนาร์จึงไม่เป็นกังวลนัก และตระหนักดีว่าบางเรื่องราวเขาก็ไม่ควรยื่นมือเข้าไปเปลี่ยนแปลงมัน จึงปล่อยให้แรงขับเคลื่อนแห่งโชคชะตาเป็นผู้กำหนดอนาคตของเด็กๆเหล่านี้ให้เดินต่อไปข้างหน้าเท่านั้น



ร่างใหญ่โตโอบอุ้มเด็กทั้งสองเข้ามาในห้องที่ใช้พูดคุยในคราแรกก็ต้องชะงักเมื่อปรากฏร่างของใครคนหนึ่งทั้งๆที่ไม่คาดคิด เพราะอาณาเขตที่เขาสร้างไม่ได้อนุญาตให้เข้าใครมาได้โดยง่าย



“ท่านหมอ” เบียกโกะเอ่ยเรียกหมอชราอย่างปลงๆมากกว่าตกใจสงสัย เพราะเขารู้ความเป็นมาของหมอชราเป็นอย่างดี จึงไม่แปลกใจนักที่อีกฝ่ายจะรู้เรื่องราวที่เขากำลังทำอยู่ ทั้งยังเข้ามาในอาณาเขตได้โดยที่เขาไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย



“พาไปนอนบนฟูกข้าจะดูอาการของเด็กทั้งสองให้ ...จะทำเช่นนี้เหตุใดไม่บอกข้า หึ” สายตาที่เต็มไปด้วยความตำหนิจากหมอชราส่งไปยังเบียกโกะอย่างไม่ปิดบัง



“เพราะข้ารู้ว่าท่านจะไม่เห็นด้วย และคงคัดค้านหัวชนฝาถ้าต้องเห็นเด็กๆบาดเจ็บ...ข้ารู้ดีว่าท่านเอ็นดูเด็กทั้งสองยิ่ง” เบียกโกะเอ่ยตอบพร้อมๆกับที่วางร่างของเด็กทั้งสองลงบนฟูกนอนที่วางอยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่เขานั่งเมื่อครู่มากนัก เขากล่าวตอบนิ่งๆเหมือนคุยเรื่องปกติหาได้โกรธที่หมอชราตำหนิตนแม้แต่น้อย



“หึ รู้ถึงขั้นนั้นแล้วเจ้าก็ยังจะทำ...แต่เอาเถอะจะอย่างไรข้าก็ห้ามเจ้าช้าเกินไป หลบไปได้แล้วข้าขอดูอาการหน่อย” หมอชรากล่าวอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย แล้วจึงเดินเข้าไปดูอาการของรูร์กัสกับแร็กนาร์ ที่ดูอย่างไรก็อาการไม่สู้ดีนัก ใบหน้าซีดเซียวจากการใช้พลังที่ไม่คุ้นเคยทั้งยังไม่อาจควบคุมมันได้ ซึ่งถูกเบียกโกะใช้สถานการณ์บังคับจนต้องใช้พลังเหล่านั้นออกมา



เบียกโกะมองใบหน้าที่เคร่งเครียดของหมอชราแล้วจึงเริ่มกังวลตามไปด้วย รู้สึกใจหายไม่น้อยที่เขาทำเกินเหตุจนเด็กทั้งสองเจ็บหนักจนถึงขั้นทำให้หมอชราหนักใจได้



“เด็กๆเป็นเช่นไรบ้างขอรับท่านหมอ” เขาเอ่ยถามอย่างห้ามความสงสัยไว้ไม่ได้ เพราะเขากระทำเกินกว่าที่ตนคาดการณ์เอาไว้ ในใจจึงกังวลด้วยความรู้สึกผิด ที่ได้กระทำลงไป



หมอชราไม่ตอบ ทำเพียงหยิบถุงใบเล็กออกมาแขนเสื้อที่สวมอยู่  ภายในบรรจุยาไว้   2 เม็ด ซึ่งเขาเตรียมเอาไว้ในการนี้โดยฉะเพราะ ดีแล้วที่เขาเตรียมมาเผื่ออีกหนึ่งเม็ด  ด้วยเกรงว่าจะมีเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้  เพราะในตอนแรกหมอชราคิดว่าคงได้รักษาเพียงแร็กนาร์  แต่ความไม่สบายใจที่รบกวนอยู่ทำให้เขาเตรียมยามาเพิ่ม ยาเม็ดกลมสีดำที่เกิดจากการปลอมรวมของสมุนไพรหายากถูกหย่อนลงไปยังปากของเด็กทั้งสองคนละหนึ่งเม็ด   จากนั้นมือแห้งเหี่ยวก็กดตำแหน่งบริเวณคอให้เด็กทั้งสองกลืนยาลงไปโดยไม่ต้องปลุกขึ้นมาหรือใช้วิธีอื่นใด



บรรยากาศเงียบเชียบและสีหน้ากังวลใจของหมอชรายิ่งพาให้เบียกโกะเริ่มเครียดหนักขึ้น  ด้วยกังวลใจว่าเขาได้ทำลายลูกชายของริเรน่าเสียแล้ว หากวันใดเขาตามไปยังโลกหน้าคงต้องโดนด่าจนหูชาเป็นแน่ และยิ่งกลัวเมื่อเพียงพบกันเพียงไม่นานก็ต้องแยกจากกันเสียแล้ว   ทั้งแผนการที่เตรียมเอาไว้ก็คงเหลวไม่เป็นท่า...ยังไม่เริ่มลงมือทำสิ่งใด ผลลัพธ์ก็ออกมาแล้วหรือไร



“เด็กทั้งสอง...” หมอชรากล่าวด้วยน้ำเสียงห่อเหี่ยวและสั่นน้อยๆแล้วหยุดลง



“เด็กทั้งสองเป็นเช่นไรท่านหมอ รีบตอบช้า” พาให้ผู้ฟังหวั่นใจยิ่งขึ้น น้ำเสียงที่เอ่ยเร่งเร้าจึงเต็มไปด้วยความร้อนรน



“เด็กทั้งสอง...” คราวนี้หมอชราหันมาสบตากับเบียกโกะด้วยสภาพใบหน้าอิดโรย ดูแก่ลงหลายปียิ่งกว่าที่เป็นอยู่ แต่ก็หยุดลงอีกดังว่าคำที่จะเอ่ยต่อไปมันน่ากลัวเสียจนไม่กล้าเอ่ยมันออกมา



“เป็นเช่นไร” เบียกโกะหัวใจแทบหยุดเต้น เผลอกลั้นหายใจอย่างลุ้นระทึก แต่ในหัวกลับคิดถึงผลที่ร้ายแรงที่สุด ความรู้สึกผิดเข้าโจมตีเสียจนอึดอัด ไม่เพียงทำลายลูกชายของผู้มีพระคุณ เขายังทำร้ายจิตใจลูกชายของตนด้วย หากฮิเดโอะกับฮิโรกิรู้เรื่องเหล่านี้จะทำเช่นไร เขาคิดไม่ออกเลย ผลกระทบมากมายเกิดขึ้น ตีกันเสียวุ่นวาย



โชคชะตากำหนดกุญแจสำคัญไว้ตั้งแต่ 8 ปีก่อน ผูกมัดดังสัญญาที่ไม่อาจบิดเบือน แต่เขากลับกระทำการที่ขาดเขลาด้วยความสนุกจนเกิดเรื่องร้ายแรง...


‘นี่คือบทลงโทษที่เจ้ากำหนดไว้อย่างนั้นหรือ’


ช่องว่างของคำพูดที่ปล่อยให้เวลาผ่านไปดังจงใจให้อีกฝ่ายได้จินตนาการถึงการสูญเสียที่เกิดขึ้น ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ แม้แต่โกยาตเลย์ยังเงียบ เพราะมันได้เห็นรอยยิ้มเย็นจากหมอชราก่อนหันหน้าไปหาเบียกโกะ จึงพอคาดเดาบางสิ่งบางอย่างได้ มันจึงเงียบแล้วคอยมองสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น จนหมอชรากล่าวต่อ



“เด็กทั้งสอง...ปลอดภัยดี เพียงแค่สูญเสียพลังเท่านั้น ข้าให้ยาฟื้นพลังชนิดพิเศษไปแล้ว สักพักก็จะดีขึ้นเอง หึหึหึ” สิ้นคำกล่าว พร้อมเสียงหัวเราะส่งท้าย ทำให้เบียกโกะนิ่งอึ้งกว่าจะประติดประต่อคำกล่าวของหมอชรา กับอารมณ์ความรู้สึกที่จมดิ่งเกือบถึงขีดสุดเข้าด้วยกันได้ก็ผ่านไปหลายอึกใจทีเดียว



“โถ่! ท่านหมอ ท่านหลอกข้า” เบียกโกะกล่าวอย่างเหนื่อยใจ เพราะพึ่งตระหนักได้ว่าตนถูกปีศาจชราตนนี้หลอกปั่นหัวเล่นอีกแล้ว ไม่ว่าจะอยู่มานานเท่าใดเขาก็ไม่เคยตามเกมของหมอชราได้ทันสักครา...ปีศาจเฒ่าเจ้าเล่ห์! เฮ้ออออ



“หึ ให้ข้าเอาคืนเสียบ้าง ร่างกายเล็กๆของแร็กนาร์รับพลังได้เสียที่ไหนเจ้าก็รู้ดีกว่าใครว่าพลังนั่นร้ายกาจเพียงใดแล้วยังกระทำอีก  ไม่พอเจ้ายังเอาแต่เล่นสนุกเป็นเด็กๆรู้ความจริงแล้วใยไม่รีบหยุดเอาไว้ ปล่อยให้มันทำความเสียหายให้ร่างกายถึงเพียงนี้  เจ้าโดนเพียงเท่านี้นับว่ายังน้อยไป” รอยยิ้มสะใจปรากฏที่มุมปากก่อนจะบ่นยาวยืดว่าทำสิ่งร้ายแรงอันใดลงไปบ้างเพื่อปลดปล่อยความอัดอั้นไม่พอใจออกไป



การที่พลังตื่นขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่ทันได้เตรียมการฝึกฝนใดๆจะทำให้ร่างกายรับภาระหนักยิ่งกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นร่างกายของผู้ที่ใช้พลังนี้ต้องแข็งแรงมากพอที่จะรองรับพลังที่มหาศาลเหล่านี้เอาไว้ ทั้งยังต้องมีสติมากพอที่จะควบคุมมันไม่เช่นนั้นพลังนี้ก็จะไร้ประโยชน์ ทั้งยังมีผลเสียอย่างหาที่สุดไม่ได้จนกลายเป็นการทำร้ายผู้ที่ใช้เอง



“ข้า...ข้าแค่ตื่นเต้นจนหลงลืมไป เพราะไม่ได้เห็นมันมานานหลายปี จึงเผลอชื่นชมจนลืมทุกอย่างไปเสียหมดสิ้น” เสียงที่น่าเกรงขามหลงเหลือเพียงความเบาที่ลดลงจนแทบไม่ได้ยิน เวลาที่เขาอยู่กับหมอชราตามสำพังความน่าเกรงขามของหัวหน้าใหญ่จะหายไปจนหมดเช่นตอนนี้  เพราะเบียกโกะนับถือหมอชราเหมือนญาติผู้ใหญ่ตนหนึ่งและยังรู้จักกันมาตั้งแต่ตนยังเยาว์วัยจึงแสดงนิสัยเด็กๆออกมาอย่างผ่อนคลายเช่นนี้เสมอ



“หึ เจ้านี่มัน! นิสัยเช่นนี้เสมอไม่ว่าจะโตขึ้นเพียงใดก็ไม่ยอมแก้ไขเสียที...ถึงข้าจะบ่นเสียยาวเหยียดแต่ข้าก็ไม่ได้กังวลเรื่องร่างกายของแร็กนาร์มากนัก เพราะอย่างไรก็เป็นลูกครึ่งจึงมีพลังฟื้นฟูสูงกว่ามนุษย์ทั่วไปอยู่มากโข



ข้ากังวลเรื่องรูร์กัสเสียมากกว่า เพราะมาช้าไปข้าจึงหยุดไม่ทันการ เด็กคนนี้ฝืนใช้พลังที่ยังไม่ถึงขั้นจนเส้นพลังปั่นป่วนไปหมดถึงขั้นทำลายอวัยวะภายในจนกระอักเลือดออกมา แถมยังเป็นมนุษย์ธรรมดาคงฟื้นพลังยากกว่าลูกครึ่งอย่างแร็กนาร์อยู่มากที่เดียว ยาที่ข้าให้มีฤทธิ์ที่ช่วยฟื้นพลังก็จริงแต่มันคงต้องใช้เวลา ยังดีที่เส้นพลังไม่ขาดไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่อาจใช้พลังได้อีก...นับว่ายังมีความโชคดีในโชคร้าย” กล่าวจบหมอชราถอนหายใจออกมา ด้วยอายุที่ผ่านโลกมาหลายปีจึงรู้ว่า พลังของมนุษย์กว่าจะแข็งแกร่งขึ้นจนเทียบชั้นกับปีศาจได้นั้นต้องฝึกฝนอย่างหนักกว่าปีศาจหลายเท่า ทั้งยังทีลำดับขั้นแบ่งอย่างชัดเจน เป็นตัวกำหนดความเข้มข้นของพลังที่แต่ละคนมี ดังนั้นการฝืนใช้พลังในลำดับขั้นที่สูงกว่าที่ตนอยู่จะต้องแลกเปลี่ยนด้วยความเสียหายมากมายเสมอ



“คิดแล้วเชียวถึงว่าอยู่ๆก็กระอักเลือดออกมา ข้าประมาทอีกจนได้ ไม่คิดว่ารูร์กัสจะใช้พลังข้ามลำดับขั้น ข้าคิดว่าเพียงฝึกพื้นฐานธาตุเสริมไม่แน่นเท่านั้น” คำกล่าวของหมอชราทำให้เบียกโกะรู้ข้อผิดพลาดอีกข้อของตัวเอง จึงกล่าวด้วยความรู้สึกผิดดังเด็กน้อยที่ยอมรับผิดเมื่อถูกพ่อแม่จับได้



“ข้าเองก็พึ่งรับรู้ว่ารูร์กัสอยู่เพียงขั้นควบคุมเท่านั้น ใช้ได้นานถึงเพียงนี้นับว่าฝืนตัวเองไม่น้อยเลย สิ่งที่ขับเคลื่อนพลังในกายคงเป็นความรู้สึกที่ๆไม่อยากสูญเสียคนที่ตนรักครั้งแล้วครั้งเล่า...ช่างน่าเวทนานัก แต่ก็น่านับถือมากทีเดียวที่ยังใช้ชีวิตอย่างร่าเริงได้จนถึงตอนนี้” มือเหี่ยวย่นลูบไปบนผมสีดำของรูร์กัสอย่างอ่อนโยน สายตาก็เต็มไปด้วยความเอ็นดูและชื่นชม หมอชรารับรู้เรื่องราวเมื่อ 8 ปีก่อนเป็นอย่างดี จึงเอ็นดูรูร์กัสมากขึ้นเมื่อได้รู้ความจริงถึงความเป็นมาของเด็กทั้งสอง เด็กที่สูญเสียแม่ไปยังคงยิ้มได้ ทั้งยังโอบอ้อมอารีถึงเพียงนี้ หัวใจคงแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร



หลังจากนั้นห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ผู้ใหญ่ทั้งสองไปนั่งเงียบๆรอคอยเวลา ปล่อยให้แร็กนาร์กับรูร์กัสได้พักผ่อน โดยมีเจ้าโกยาตเลย์บินไปเกาะตรงกลางระหว่างหมอนที่นอนไว้ด้วยร่างหลับใหลทั้งสอง แม้มันรู้สึกสะใจไปกับหมอชรา แต่ก็ยังไม่อาจทิ้งความกังวลใจไปได้ หัวใจมันซื่อตรง มันรักแร็กนาร์มากที่สุด พอรู้ว่าแร็กนาร์รักรูร์กัสมันจึงรักรูร์กัสตามไปด้วย แต่เวลานี้มันขอห่วงใยแร็กนาร์มากที่สุดก็พอ มันจึงบินเข้าไปคลอเคลียข้างแก้มนุ่มของแร็กนาร์ ใช้หัวถูไถเพื่อส่งมอบความอบอุ่นไปให้

..

..

..



*****************************60%***************************************

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขอให้เปงเรื่องราวดีๆ

ออฟไลน์ Reminder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :เฮ้อ:ป๋านี่น่าตีจิงๆ

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 26
เจรจา (ครึ่งหลัง)


ผ่านไปหลายชั่วยามจนดวงอาทิตย์เฉิดฉายตรงกับศีรษะแร็กนาร์ก็ลืมตาตื่นขึ้นก่อน ดวงตาสีดำมองรอบๆอย่างสำรวจ สิ่งแรกที่แร็กนาร์เห็นคือเจ้าโกยาตเลย์ที่นอนอยู่ข้างๆแก้มของเขาอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ถัดไปคือใบหน้าของรูร์กัสที่ยังหลับใหลไม่ได้สติ  เขาพยายามประมวลผลจากความทรงจำที่มีอยู่ แต่ความทรงจำที่จดจำได้ล่าสุดมีเพียงภาพใบหน้าของรูร์กัสที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดจนแทบขาดใจ ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้นเขากลับจำมันไม่ได้เลย



ร่างเล็กรีบผุดลุกขึ้นแล้วมองสำรวจรอบกาย เมื่อเห็นว่าในห้องมีเพียงพวกเขาทั้ง 3 ที่อยู่นอนอยู่บนฟูก เขาจึงยื่นมือไปจับชีพจรของรูร์กัส วจับเพียงชั่วครู่แร็กนาร์จึงมีสีหน้าผ่อนคลายลง เพราะชีพจรของรูร์กัสเต้นสม่ำเสมอไม่น่าเป็นกังวลใดๆ แต่กระนั้นร่องรอยบนลำคอเล็กนั้นก็ยังทำให้เขาไม่พอใจอยู่มากทีเดียว



แร็กนาร์ไม่ใช่คนใจร้อนจึงพยายามประเมินสถานการณ์ แม้ยังโกรธเกรี้ยวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ยังควบคุมสีหน้าท่าทางเอาไว้ได้ เพราะเชื่อว่าการแก้แค้นอาจจะช้าสักเล็กน้อย แต่ขอให้ผลเป็นที่น่าพอใจมากกว่าใช้อารมณ์ไร้ซึ่งแผนการมีแต่จะทำให้เสียแรงเปล่านั้น ช่างไม่สาแก่ใจเขาเลย



“พี่รูร์กัส พี่รูร์กัส” มือเล็กเขย่าร่างของพี่ชายพร้อมทั้งส่งเสียงเรียกปลุกรูร์กัสทื่เห็นว่าปลอดภัยแล้ว เพียงแต่หลับเพราะความเหนื่อยล้าของร่างกายเท่านั้น ทั้งยังมีเรื่องมากมายที่ต้องสอบถามจึงช่วยไม่ได้ที่ต้องฝืนปลุกให้รูร์กัสตื่นขึ้นมาตอบคำถามตน 



ครืดดดดดด



“ฟื้นแล้วรึ เร็วกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก” ผู้ที่เปิดประตูเข้ามาคือหมอชรา ที่ตั้งใจเข้ามาตรวจดูอาการของเด็กทั้งสอบอีกครั้งหลังจากผ่านไประยะหนึ่ ด้วยคาดว่ายังไม่ฟื้น เพราะนอกจากการฝืนใช้พลังมากเกินไปแล้ว แร็กนาร์กับรูร์กัสยังถูกทำให้สลบ เขาจึงกะระยะเวลาไว้มากกว่าที่ควร แต่พอเห็นแร็กนาร์ที่นั่งอยู่จึงเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ



“ตาเฒ่า” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา ราวรำพึงรำพันกับตนเอง ด้วยไม่คาดว่าหมอชราจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



“โอ้ ตื่นขึ้นมาก็ปากเสียเลยรึ เจ้านี่ไม่สลดลงบ้างเลย เฮ้อ” คิ้วสีเทาขมวดฉับ เมื่อคนที่พึ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายเอ่ยคำที่ไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก แต่น้ำเสียนั้นหาได้โกรธเกรี้ยว เพียงปลงกับคำพูดคำจาของเด็กน้อยเสียมากกว่า ซึ่งคำเรียกนี้ แร็กนาร์ใช้เรียกเขาหลายครั้งจนคร้านจะห้ามปรามเสียแล้ว



“ไม่ต้องถามสิ่งใด รอรูร์กัสตื่นเสียก่อน...เบียกโกะจะเป็นผู้อธิบายเรื่องทั้งหมด และมีเรื่องสำคัญจะเจรจากับพวกเจ้า” เพียงแร็กนาร์อ้าปากจะถาม ก็ถูกขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ที่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเมื่อดูออกว่าคนตัวเล็กวุ่นวายใจสงสัยใคร่รู้มากมายเพียงใด



แร็กนาร์หุบปากลงแล้วครุ่นคิดอีกเล็กน้อยก่อนพยักหน้า จะอย่างไรเขาก็คงหนีจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ แม้ใคร่ครวญดูแล้วว่าตนคงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเหตุการร์วุ่นวายครั้งใหญ่ ทั้งตอนนี้ยังไร้พลังจะต่อกรกับอีกฝ่าย สู้รอฟังคำเจรจาแล้วค่อยตัดสินใจเสียดีกว่า จะอย่างไรฝ่ายนั้นก็เพียงต้องการเจรจา หาได้บังคับขู่เข็ญทั้งที่ตนเหนือกว่ามากถึงเพียงนี้  เมื่อคำนึงถึงจึงพอคาดเดาได้ว่าฐานะของพวกเขาทั้งสองคงสำคัญกับอีกฝ่ายไม่น้อยเลย



หมอชราเห็นดังนั้นก็อดที่จะชื่นชมในใจไม่ได้ ไม่ว่าจะยามใดแร็กนาร์ก็มักจะใจเย็น ทั้งยังคิดอย่างละเอียดรอบครอบถึงผลได้ผลเสียเสมอ นิสัยเช่นนี้ทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่เสียอีก...โตเกินวัยโดยแท้



จากนั้นหมอชราก็เดินเข้าไปประชิดร่างของเด็กน้อยแล้วตรวจอาการของแร็กนาร์กับรูร์กัส แร็กนาร์ก็ทำเพียงนั่งนิ่งๆปล่อยให้หมอชราทำตามใจตนหาได้อวดเก่ง หรือหยิ่งทะนงในฝีมือของตนไม่



ชีพจรของรูร์กัสเป็นปกติ แต่เส้นพลังธาตุที่อยู่ในร่างกายกลับหมุนวนอย่างปั่นป่วนทำงานผิดปกติจนน่าแปลกใจ แม้ว่ามันจะค่อยๆสงบลงแต่แร็กนาร์ก็ไม่อาจวางใจ ด้วยไม่รู้ว่าในระหว่างที่ตนสูญเสียความทรงจำไปเกิดเรื่องอันใดขึ้นมาบ้าง คนดื้อเงียบเช่นรูร์กัสคงต้องฝืนตนเองทำสิ่งต้องห้ามไปแน่ๆจึงมีสภาพเช่นนี้ แร็กนาร์จึงคาดโทษในใจ ทั้งตัวพี่ชายตน และผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หรือผู้วางแผนให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เอาไว้หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนี้ไปก่อนค่อยว่ากัน



“อือ...แร็กนาร์!” รูร์กัสสะดุ้งโหยงหลังจากลืมตาตื่นขึ้น เพราะตอนที่ถูกทำให้สลบไปเขายังไม่ทันตั้งตัว จึงไม่รู้กระทั่งว่าเหตุใดตนจึงสลบไป ด้วยความรู้สึกที่ค้างคาเขาจึงตระหนกจนรีบลุกขึ้นมามองรอบกายแล้วหยุดลงเมื่อเห็นแร็กนาร์ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวลใจและความงุนงงสงสัย



ผ่านไปหลายอึดใจจึงตั้งสติได้ แล้วมองแร็กนาร์ด้วยความดีใจที่เห็นว่าน้องชายของตนปลอดภัยดี แม้ยังคงงุนงงอยู่บ้าง แต่ภาพแร็กนาร์ที่นั่งเล่นอยู่บนฟูกนอนพร้อมเล่นกับเจ้าโกยาตเลย์ที่เข้ามาคลอเคลียร์แก้มขาวเนียนอย่างร่าเริงไร้ซึ่งความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ทำให้เขาวางใจ จนทำให้รูร์กัสมีความคิดว่าเหตุการณ์ที่ตนเผชิญก่อนนี้เป็นความฝันหรือย่างไร แต่สิ่งที่ย้ำเตือนว่ามันไม่ใช่ความฝัน คือรอยนิ้วมือขนาดใหญ่ที่ประดับอยู่บนคอของแร็กนาร์ซึ่งยังไม่จางหายไปนั่นเอง



“พี่รูร์กัสท่านฟื้นแล้ว... แต่อย่าพึ่งถามสิ่งใดเลย เรามีเรื่องสำคัญยิ่งกว่ารออยู่...ข้าเองก็อยากรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากไร้สติเช่นกัน ดังนั้นเราจะพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากจัดการเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน “ แร็กนาร์กล่าวอธิบายอย่างยาวเหยียด เขานั่งรอรูร์กัสฟื้นอยู่ 1 ชั่วโมง จึงได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากโกยาตเลย์คร่าวๆแล้ว แต่ที่เขายังค้างคาใจคือ การกระทำของรูร์กัสที่ทำดังว่ารู้ถึงสภาพร่างกายของเขาที่เกิดขึ้น ทั้งที่ในความทรงจำของร่างนี้ ไม่มีความทรงจำถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเลย จึงตั้งใจที่จะสอบถามให้กระจ่างแจ้งเช่นเดียวกัน แต่คงทำต้องทำหลังจากนี้



“ถ้าเช่นนั้นข้าเข้าเรื่องที่ต้องการเจรจากเลยก็แล้วกัน” ดวงตาของรูร์กัสฉายแววตื่นตระหนก และโกรธเกรี้ยวเมื่อหันไปตามเสียงที่เกิดขึ้น แล้วพบเบียกโกะนั่งอยู่บริเวณชานระเบียงที่ยื่นออกไปยังสวนหย่อมที่ใช้ต่อสู้ก่อนหน้านี้  เพราะก่อนหน้านี้เขาสนใจเพียงแร็กนาร์จึงไม่ได้มองโดยรอบ พอสายตาประทะกับร่างของแร็กนาร์ก็หยุดลง หาได้มองไปทางด้านหลังจึงไม่สังเกตเห็นเบียกโกะ เวลานี้เข้าจึงตระหนกเป็นอย่างยิ่ง รีบลุกขึ้นไปขวางแร็กนาร์เอาไว้ แล้วมองเบียกโกะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน



“ไม่เป็นไรพี่รูร์กัส” มือเล็กจับแขนพี่ชายแล้วลูบเบาๆเพื่อให้รูร์กัสใจเย็นลง มันคงยากที่เด็กอายุเพียงเท่านี้จะยังใจเย็นอยู่ได้ทั้งที่ตนและน้องชายพึ่งผ่านเหตุการร์เฉียดตายมาได้ แต่พอถูกมือเล็กๆลูบอย่างปลอบประโลม ทั้งยังใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเสียจนเหมือนปลอบโยนเด็กตัวเล็กๆเขาจึงค่อยๆใจเย็นลง แล้วหันมามองสบดวงตาสีดำสนิทที่ฉายแววจริงจังเสียจนเขาต้องเชื่อฟังทุกครั้งอย่างไม่ทราบสาเหตุทั้งที่ตนเป็นพี่ชาย รูร์กัสก็พยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วถอยกลับมานั่งลงที่เดิมอย่างว่าง่าย



เจ้าโกยาตเลย์ก็บินขึ้นไปเกาะบนไหล่ของแร็กนาร์ ทั้งสามจึงหันมองไปทางเบียกโกะ อย่างพร้อมจะฟัง เมื่อเห็นดังนั้น เบียกโกะจึงเดินเข้ามานั่งในห้องด้วย แล้วเริ่มการเจรจา



“แร็กนาร์ รูร์กัส พวกเจ้าทั้งสองคงยังไม่รู้ถึงความสำคัญของตนเองมากนัก แต่กระนั้นข้าก็ยังไม่ขอเอ่ยถึงมันให้พวกเจ้าได้ฟัง เพียงแต่อยากให้พวกเจ้าทั้งสองร่วมมือทำตามแผนการที่ข้าได้วางเอาไว้



คงจะแปลกใจที่ข้าที่เกือบจะลงมือสังหารพวกเจ้า แต่เวลานี้กลับมาเจรจาขอความร่วมมือ อย่างที่บอกว่ายังไม่ขอเอ่ยถึง เพราะข้ายังไม่อาจตอบคำถามทั้งหมดที่พวกเจ้าสงสัยได้ แต่สิ่งเดียวที่บอกได้คือสาเหตุของสิ่งที่ข้าทำลงไป เป็นเพราะ ข้าต้องการความแน่ใจว่าพวกเจ้าเป็นลูกชายของริเรน่าจริงๆ หาใช่ความเข้าใจผิด หรือเป็นเล่ย์กลอันใดของศัตรูที่ต้องการหลอกลวงข้า” เบียกโกะเอ่ยปูทางอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังคงทิ้งปริศนาไว้อย่างพร้อมเพียงกัน ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความเงียบ เหลือเพียงสายตาของแต่ละคนที่มองด้วยความรู้สึกแตกต่างกันไป



หลังจากนั้นเบียกโกะจึงเริ่มเล่าแผนการของตนอย่างคร่าวๆไม่ได้เจาะลึกถึงจุดประสงค์ แต่ก็ยังคงไว้ด้วยขั้นตอนของความเป็นไปที่ตนต้องการ เพราะรู้ดีว่าแร็กนาร์ฉลาดหลักแหลมเกินจะหลอกใช้ จึงเล่ามากกว่าที่คิดเอาไว้ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวของกับซาดาโอะและเทโทระ รวมทั้งข้อสันนิษฐานกับเบื้องหลังความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีก่อน แต่เขาก็ไม่ได้เจาะจงบุคคลหรือรายละเอียดของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดังต้องการกระตุ้นให้คู่เจรจาได้รู้สึกค้างคาใจ และอยากรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของบุคคลเหล่านั้นมากขึ้นไปอีก



“แล้วถ้าข้าไม่ร่วมมือกับท่านเล่า” แร็กนาร์เอ่ยขึ้นหลังจากนั่งฟังอยู่เงียบๆจนจบ หลังจากได้ฟังเขาก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายจงใจทำให้ตนอย่างรู้ และเป็นดังที่อีกฝ่ายหวังไว้ รายละเอียดเหล่านั้นช่างล่อตาล่อใจเขาเป็นอย่างยิ่ง แต่กระนั้นเขาก็ยังหยั่งเชิงเอาไว้อย่างไว้ท่าที เพื่อบอกกลายๆว่าตนจะไม่ดิ้นไปตามแผนของอีกฝ่ายง่ายๆอย่างแน่นอน รวมทั้งเพื่อตกเหยื่อให้อีกฝ่ายได้เผยไต๋ออกมาโดยเร็ว และเป็นดังคาด บนริมฝีปากของเบียกโกะกระตุกยิ้มอย่างพอใจ เมื่อเห็นว่าแร็กนาร์ตามเกมของตนทัน ทั้งยังรู้อีกว่าตนมีข้อต่อรองที่สมควรแก่การตกลง โดยไม่ต้องรอให้เขาต้องเอ่ยหลอกล่อไปมากกว่านี้...ช่างถูกใจข้าเสียจริง



“หึหึ เจ้าต้องตกลงอย่างแน่นอน เพราะข้อแลกเปลี่ยนของข้าคือ...การปลดผนึกความทรงจำที่อยู่ในหัวของเจ้า...เด็กน้อย”

 

 

 




To Be Continued...



_________________________________________________________________________



กลับมาแล้วค่าาาา หลังจากหายไปนานมากกกกกกก

หยุดพักซะเพลินเลย ช่วงที่หายไปก็ไม่มีอะไรมากค่ะ

ไปทะลายกองดองนิยายมา หมุนเงินใช้ไม่ทันจนต้องเร่งอ่าน

แล้วหนังสือก็ออกใหม่หนักมาก จนตามแทบไม่ทันต้องตัดใจไปหลายเล่ม

กว่าจะเข้าล่องเข้ารอยกลับมาแต่งต่อได้  แทบเขวกันไปเลยทีเดียว

ที่จริงก็ไม่ได้มีแค่อ่านนิยายที่ดองไว้ เพื่อเอาไปขายหรอกค่ะ

ก็ที่หายไปแรกๆมีสอบที่มหาลัย ต่อมาก็ไปเที่ยว หลังเที่ยวเสร็จก็วุ่นๆเรื่องที่ทำงาน

นับสต็อกครั้งใหญ่นั่นเองงงงง (กรีนทำงานร้านหนังสือค่ะ)

หนังสือหายเยอะจนปวดเศียรเวียนเกล้า ระแวงกันไปทั้งร้านเลยทีเดียว

สรุปแล้วช่วงที่หายไป  จะว่าไปอ่านหนังสือคลายเครียด หรือไปเพิ่มเรื่องเครียดๆมากันแน่

อันนี้ตัวเองก็ไม่แน่ใจ (ฮ่าๆ)

เอาเป็นว่าจะกลับมาแต่งต่อแล้วค่าาาาาา

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

พูดคุยและทวงนิยายได้ที่ >>> FB:  Green Head -  หัวเขียน , Twitter :  mato_dae

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Reminder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
หนึ่งว่าตาฝาดดด  ดีใจที่คนเขียนกลับมาา :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่ 27
การพบเจอ


แกร็ก



ประตูไม้ถูกเปิดออกจากด้านนอกของตัวบ้านด้วยมือของคนตัวเล็ก  แสงจันทร์สาดส่องไปด้านในจนเห็นเครื่องเรือนภายในบ้านที่จัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ  เขาก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็วเพราะความเคยชิน  แต่ถึงอย่างนั้นฝีเท้าก็ยังเบาหวิวเช่นทุกครา



ร่างนั้นเดินตรงไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีประตูอีกบ้านปิดอยู่โดยไม่ได้สนใจจุดตะเกียงให้สว่าง ดังว่าสายตาของเขาสามารถมองเห็นได้ในความมืดที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่องเพียงลางเลือน



เมื่อเดินไปถึงก็ผลักประตูบานนั้นให้เปิดออก  แล้วเดินเข้าไปในห้องห้องนั้น เขาเดินผ่านโต๊ะทานข้าวและบรรดาเครื่องครัวที่ใช้ทำอาหารซึ่งถูกจัดเก็บไว้เป็นอย่างดี  ด้วยความรวดเร็วร่างนั้นหยุดฝีเท้าลงหน้าตาผิงที่เต็มไปด้วยฟืนสำหรับจุดไฟใช้ทำอาหาร



เพียงใช้มือแตะก็สัมผัสเข้ากับฟืนที่เรียงรายกันอยู่ แต่หากใช้จิตใจที่แน่วแน่ไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็นและสัมผัสได้  รวมทั้งจิตนาการว่ากองฟืนที่อยู่ตรงหน้าไม่มีอยู่จริงแล้วเดินผ่านภาพนั้นเข้าไปก็จะสามารถทุละผ่านเข้าไปได้ราวกับเวทย์มนต์เช่นเดียวกับเขา



เพียงเท่านั้นด้านหลังภาพที่ตาเห็น ภายในเตาผิงนั้นก็สว่างขึ้น ด้านในมีต้นไม้  กิ่งไม้พาดผ่านกันไปมาอยู่มุมหนึ่ง  และบนนั้นมีสัตว์ประหลาดที่มีหน้าตาท่าทางคล้ายกิ้งก่าอยู่ในทีเกาะอยู่ จะต่างก็ตรงที่มันมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย   ทั้งบนตัวมันหาใช่ผิวหนังแต่เป็นเกล็ดแข็งห่อหุ้มเอาไว้ทั่วทั้งตัวเพื่อปกป้องมันจากอันตราย  นอกจากนี้เวลามันขยับร่างกายไปที่บริเวณอื่น  เกร็ดทั่วร่างก็จะเปลี่ยนสีจนกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมเช่นนั้นจนแยกไม่ออก  หาได้เปลี่ยนได้ทีละสี แต่ตัวของมันเลียนแบบสีทั้งหมดที่ปรากฏออกมาได้อย่างแนบเนียน



“เคลตี้”  เสียงเล็กที่แหบเล็กน้อยกล่าวเรียกมัน แต่แทนที่มันจะขยับเข้ามาหา   มันกลับนิ่งเฉยทั้งยังสะบัดหน้าหนีอย่างเอาแต่ใจ ดังจะบอกว่า



‘ข้าโกรธเจ้า’   อย่างไรอย่างนั้น



“ขอโทษที่ข้าไปนานเกินกำหนด  เจ้าหิวหรือไม่ ดูสิข้ามีผลไม้มาให้เยอะแยะเลย” แร็กนาร์กล่าวอย่างเอาใจ  ทั้งๆที่เขาไม่ชอบกล่าวอะไรยาวๆเช่นนั้น แต่กับสัตว์มายาซึ่งเป็นสัตว์ในพันธะสัญญาของตน  เขากลับทำมันอย่างเคยชินโดยไม่รู้สึกแปลกใจอันใด เพราะว่าตั้งแต่ต้นการทำพันธะสัญญากับเคลตี้ แร็กนาร์ก็ปฏิบัติเช่นนี้อยู่แล้ว



ในระหว่างที่กล่าวอย่างเอาใจนั้น  แร็กนาร์ก็นำกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่มาวางลงบนพื้น แล้วจัดแจงเอาผลไม้ในกระเป๋าออกมาวางบนพื้นทีละอย่าง จนกลายเป็นกองผลไม้กองใหญ่ เห็นแล้วเจ้าเคลตี้ตัวอ้วนต้องน้ำลายสอ  แต่มันคงไว้ท่าทีทำเพียงทันมามองนิ่งๆเท่านั้น แต่น้ำลายกลับไม่เชื่อฟังไหลออกมาจนมันต้องรีบใช้ขาเช็ดออกไปอย่างรวดเร็ว



แต่มีหรือที่มันจะรอดพ้นสายตาแร็กนาร์ไปได้ แม้เห็นเช่นนั้นแร็กนาร์กลับไม่กล่าววาจอเสียดแทงให้มันต้องอับอาย แต่ยิ่งเห็นเช่นนั้นคนยิ้มยากกลับฉีกยิ้มกว้างอย่างระจบประแจงภายในใจก็กำลังนึกเอ็นดูมันอยู่ในที



“กินเถอะนะ ดูสิเจ้าผอมเกินไปแล้ว ครั้งหน้าข้าสัญญาว่าจะไม่ผิดคำพูดอีก...นะ...นะเคลตี้” เสียงที่กล่าวออกมาทั้งอ่อนหวาน ทั้งออดอ้อน หากใครได้ยินคงอดที่จะใจอ่อนไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่เจ้าเคลตี้ตัวอ้วนที่หาได้ผอมอย่างที่แร็กนาร์กล่าวไม่ มันยอมอ้าปากรับเอาผลไม้ลูกเล็กที่แร็กนาร์นำไปป้อนถึงปากอย่างง่ายดาย เมื่อหมดผลนี้ก็ต่อด้วยผลนั้นเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนผลไม้กองใหญ่ตรงหน้าอันตรธานหายไปทั้งจนหมดสิ้น



หนึ่งสัตว์พันธะสัญญา  หนึ่งลูกครึ่งผู้เป็นเจ้าของพันธะสัญญา ยิ้มจนแก้มปริอย่างเบิกบานเมื่อได้ในสิ่งที่ตนพอใจ จะอย่างไรใครจะเชื่อว่าคนอย่าง S.P นักฆ่าเลือดเย็นที่สังหารมนุษย์ดังผักปลาจะอ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้ สำหรับแร็กนาร์นั้น สัตว์เชื่อใจได้มากกว่ามนุษย์ เพียงรักมัน ให้อาหารมัน ใจดีกับมัน มันก็จะรักและเชื่อฟังเราอย่างหมดใจ มันซื่อสัตย์เขาจึงอ่อนโยนกับพวกมันเสมอหากมีโอกาสได้พบเจอ



เคลตี้ในความรู้สึกของแร็กนาร์นั้นซื่อตรง  แม้มันจะมีนิสัยที่เย่อหยิ่งแต่มันก็แสดงออกมาตรงๆหาได้ยิ้มต่อหน้า แต่ภายในกลับอยากหั่นเขาเป็นชิ้นๆเช่นมนุษย์ไม่  และน้อยยิ่งกว่าน้อยนักที่สัตว์มายาจะยอมทำพันธะสัญญากับลูกครึ่ง การทำพันธะสัญญานั้นต้องเกิดจากความเชื่อใจของทั้งสองฝ่ายจึงจะสำเร็จ มันจึงช่วยยืนยันความไว้ใจทั้งหมดของพวกเขาได้เป็นอย่างดี



อาจจะเพราะเป็นเช่นนี้กระมัง เขาจึงยอมผ่อนคลายและแสดงนิสัยเด็กๆที่เก็บเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดออกมาในรอบหลายปี และมันอาจจะเป็นเหตุผลเดียวกันที่ทำให้เขามักใจอ่อนกับเจ้าสองแฝดขาวดำมากมายนัก...แร็กนาร์อยากให้เด็กทั้งสองเป็นเช่นนี้ตลอดไป ไม่อยากให้อีกฝ่ายเติบโตเลยแม้แต่น้อย เพราะว่ายิ่งเติบโต เล่ห์เหลี่ยมก็จะมากตามไปด้วย เขากลัว กลัวการเปลี่ยนแปลงของเด็กทั้งสองเป็นอย่างยิ่ง     



‘มียาหยุดการเติบโตไหมนะ...เฮ้อ แต่มีไปก็คงเท่านั้น การใช้ชีวิตอยู่บนโลกกับสภาพแวดล้อมที่มีแต่กลโกงและการใส่หน้ากากเข้าหากัน ต่อให้ร่างกายยังเป็นเด็ก แต่อย่างไรจิตใจก็ต้องซึมซับสิ่งเหล่านั้นเอาไว้แน่...เพราะแบบนั้นเราคงต้องรอดูต่อไปอีก รอดูว่าพวกเขาจะรักษาคำที่ตนให้สัตย์สาบานได้หรือไม่...เรานี่โอนอ่อนกับพวกนั้นอีกแล้วสินะ ชิ เพราะพวกนั้นมีท่าทาง และนิสัยเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆแน่เลย  เราถึงใจอ่อนกับพวกนั้นทุกทีแบบนี้ ถ้าเป็นมนุษย์เราคงตัดใจไม่เชื่อพวกนั้นได้ตั้งนานแล้วแท้ๆ...ใช่  มันต้องเป็นแบบนั้นแน่’



แร็กนาร์โอดครวญในใจ  ทั้งยังหาเหตุผลให้ตัวเองเสร็จสรรพ เขาไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจใครได้ง่ายๆเพราะผ่านการถูกหักหลังมาแล้วถึงสองครั้งสองครา  คนที่เขาเชื่อใจที่สุดมักหักหลังเขาเสมอ...เรายกเว้นให้ได้เพียงรูร์กัสเท่านั้น  เพราะรูร์กัสคือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของเขาในโลกใบนี้



ส่วนคนอื่นคงต้องขอใช้ประโยชน์ในการแลกเปลี่ยน  การใช้ใจแลกใจมันเจ็บปวดและเชื่อถือไม่ได้  ดังนั้นเขาจึงต้องคอยมองพิจารณาไปเรื่อยๆ...เขาจะไม่เชื่อใจใครง่ายๆอีกแล้ว



“เคลตี้  เจ้าสร้างภาพลวงตาไว้ที่นี่แล้วไปกับข้า เรามีงานใหญ่ต้องทำกัน...ทำได้หรือไม” ใครครวญอยู่สักพักแร็กนาร์ก็คิดว่าถึงเวลากลับแล้ว การลอบออกมาครั้งนี้เขาไม่ได้บอกใครจึงต้องกลับไปให้ทันเวลา จะทำให้รูร์กัสกังวลไม่ได้



เคลตี้ผงกหัวอย่างว่าง่าย แล้วหลับตาเพ่งสมาธิผลึกภาพลวงตาลงในเตาผิง  เรียบร้อยแล้วก็กระโดดเข้าไปในเป้สะพายหลังของแร็กนาร์ที่เปิดรออยู่  เตรียมเคลื่อนย้ายอย่างสบายใจ  ภายใต้การเดินทางของคนตัวเล็กที่เป็นพาหนะมีชีวิตอย่างแร็กนาร์...มันช่างเป็นสัตว์พันธะสัญญาที่สบายเสียจริงๆ



**************************************30%******************************************


..

..

..

อีกด้านของป่า



กลุ่มชาย 4 ชีวิตกำลังวิ่งลัดเลาะแนวป่ามาอย่างเร่งรีบโดยมีปีศาจ 10 ตนวิ่งตามมา แต่ที่พวกเขาหวาดกลัวจนต้องหนีอย่างหัวซุกหัวซุนกลับไม่ใช่เพราะปีศาจทั้ง 10 ตนนั้น  สิ่งที่พวกเขากลัวคือชายสวมหน้ากากสีขาวอันสลักไว้ด้วยใบหน้ายิ้มครึ่งไม่ยิ้มครึ่งนั่นต่างหาก  มันรวดเร็วจนน่าหวาดกลัว เพียงชั่วพริบตาเจ้านั่นก็หายไปจากต้นไม้ที่มันยืนอยู่  แล้วโผล่ขึ้นบนต้นไม้อีกต้นที่ห่างออกไกลโขเกินที่มนุษย์หรือปีศาจจะทำได้อย่างง่ายดาย การเผชิญหน้ากับมันเพียงชั่วครู่กับทำให้พวกเขาบาดเจ็บจนต้องหนีตายเช่นนี้เอง



ในเวลานี้ศักดิ์ศรีถูกทิ้งขว้างไปพวกเขาเลือกที่จะรักษาชีวิต แม้ในตอนแรกบางคนจะไม่ยอม แต่หากถูกเกลี่ยกล่อมจากเพื่อนร่วมทางแล้วเขาจึงโอนอ่อนในที่สุด  จะอย่างไรหากพวกเขารอดก็สามารถส่งข่าวอันหน้าหวาดหวั่นที่พวกเขารู้ได้ และยังสามารถช่วยชีวิตไว้ได้อีกหลายชีวิต จะมัวมาห่วงศักดิ์ศรีอันกินไม่ได้อยู่ร่ำไป  มันก็น่ารังเกียจเกินไปแล้ว...จะอย่างไรชีวิตก็สำคัญที่สุด ยิ่งชีวิตของตนยิ่งสำคัญ ทั้งยังหากอยากแก้แค้น การมีชีวิตอยู่แล้วหมั่นฝึกปรือให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นแล้วกลับมาต่อสู้อีกครั้งก็ยังไม่สาย



ตอนนี้กลุ่มปีศาจ 10 ตน และชายสวมหน้ากากหยุดชะงักด้วยพลังของเรย์ที่สร้างภาพลวงตาป่าวงกตเอาไว้ แต่พวกเขาก็มีความเชื่อว่าเพียงไม่นานพวกมันต้องตามทันแน่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเขตเหนือ แต่ศัตรูมาจากเขตตะวันตก เห็นได้ชัดว่าพวกมันหาได้หวั่นเกรงต่อสิ่งใด หน่วยลาดตะเวนที่พบเจอพวกมันก็ถูกสังหารจนหมดสิ้น พวกมันติดตามตั้งแต่ภายในเขตตะวันตก จนตอนนี้พวกเขามุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางของเขตเหนือ พวกมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง



“อีกไกลเท่าใดจึงจะถึงจุดนัดพบคนรู้จักของเจ้า” ทาคุเอ่ยถามทั้งที่ยังหายใจเหนื่อยหอบ พวกเขาวิ่งมาหลายวันหลายคืนทั้งยังไม่มีอาหารตกถึงท้อง ต่อให้แข็งแรงเพียงใดก็ต้องอ่อนล้าจนต้องขยับตัวไม่ไหวเป็นแน่ ที่ที่พวกเขาจะไปคือจุดนัดพบของคนที่เชื่อใจได้ ซึ่งเป็นคนรู้จักของเรย์และนาฟ



ในตอนแรกพวกเขาอยากนำเรื่องเข้าไปรายงานหัวหน้ากลุ่มยาฉะโดยตรง  แต่จากเรื่องราวที่พวกเขาได้รับรู้มาจึงพอสันนิษฐานได้ว่า  ผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องวางหมากแฝงตัวไว้ในตำแหน่งสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวหัวหน้ากลุ่มยาฉะเป็นแน่ พวกเขาจึงต้องพึ่งพาปีศาจที่เชื่อใจได้ ทั้งยังต้องมีสิทธิ์เข้าพบหัวหน้ากลุ่มยาฉะโดยไม่ถูกสงสัยอีกด้วย  และโชคก็เข้าข้างที่หนุ่มลูกครึ่งทั้งสองรู้จักกับคนที่มีคุณสมบัติตรงกับเงื่อนไขพอดี เมื่อหลายวันก่อนที่จะถูกพวกมันเข้าโจมตี   นาฟจึงให้นกพิราบส่งสารมาให้แก่ปีศาจตนนั้น  ที่เหลือจึงมีแค่พวกเขาที่ต้องไปให้ถึงจุดนัดพบให้จงได้



“ไม่ไกลแล้ว สถานที่คือหอสังเกตการณ์ร้างท้ายหมู่บ้านซึ่งมีช่องทางที่ใช้รอบเข้าไปด้านหลังบ้านใหญ่กลุ่มยาฉะได้...นั้นอย่างไร ข้ามองเห็นมันแล้ว”  จบคำอธิบาย  เสียงนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยินดี  เมื่อเขามองเห็นยอดหอสังเกตการณ์ที่สูงกว่าต้นไม้อยู่รำไรปรากฏอยู่ด้านหน้า ทุกชีวิตเร่งฝีเท้าขึ้นอย่างมีความหวัง  แต่แล้วเสียงฝีเท้าด้านหลังก็ดังขึ้นอีกครั้ง ไม่ต้องหันไปมองก็รับรู้ได้ว่าชายสวมหน้ากาก  กับกลุ่มนักล่า  10 ตน ตามพวกเขามาแล้ว



“เร็วเข้า! รีบวิ่ง!” เรย์กำชับอย่างรวดเร็ว คนที่มารับเป็นใครเขาย่อมรู้ดี  หากไปถึงทางรอดที่แทบจะเป็นศูนย์นั้นจะต้องเพิ่มขึ้นมากมายเลยทีเดียว



ทางด้ายชายสมหน้ากากนั้นมันสังหรณ์ใจไม่ดีเมื่อเห็นว่าเหยื่อที่เขาไล่ตามมายังคงมีความหวังแม้พวกเขาไล่ล่าจนใกล้จะถึงตัวอยู่แล้ว  มันจึงเร่งฝีเท้าขึ้นหมายจะคว้าตัวเรย์ที่วิ่งรั้งท้ายกลุ่มเอาไว้



เพียงหนึ่งฝ่ามือที่กำลังจะถึง ลมหอบใหญ่ดังพายุโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงก็ตัดผ่านช่องว่างในระยะห่างแล้วซัดเขากระเด็นออกมาดังมีผนังสะท้อนพลังกั้นอยู่ ด้วยมันกำลังลอยอยู่ในอากาศชายสวมหน้ากากจึงตั้งหลักไม่ทันแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังลงพื้นได้อย่างสวยงาม



ดวงตาของมันเบิกกว้างและจดจ้องผู้ช่วยเหลือที่มาถึง ทั้งยังสบถเบาๆอย่างขัดใจ เมื่อผู้ที่ปรากฏตัวออกมาคือปีศาจที่ตนไม่อยากเจอมากที่สุด ไม่ใช่ว่ามันหวาดกลัว  แต่ปีศาจตนนั้นเป็นปีศาจตนเดียวบนโลกที่มันไม่อยากลงมือสังหารมากที่สุดต่างหาก



“หยุด...กลับ!”  เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจึงสั่งกลุ่มนักล่าให้กลับไปอย่างไม่ลังเล แม้เสียดายที่พลาดช่วงสำคัญของแผนการ แต่อย่างไรแผนการก็ไม่เสียหาย กลุ่มยาฉะรู้เรื่องแล้วอย่างไร...เกี่ยวข้องกับเขาด้วยหรือ  หึ  ยิ่งขัดแย้งกันเขายิ่งได้รับประโยชน์มากที่สุดอยู่แล้ว จะอย่างไรแผนการก็ปรับเปลี่ยนได้ ทั้งตอนนี้เองก็ยังไม่ถึงเวลาอันควรที่เขาจะเปิดเผยตน  เขาต้องเลือกสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าแน่นอนอยู่แล้ว



มันช่างน่าเสียดาย  ทั้งๆที่ปีศาจตนนั้นคือปีศาจที่เขาอยากให้มีชีวิตอยู่มากที่สุด  เหตุใดเหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดจนได้  มันบังเอิญเกินไปแล้ว...ในที่สุดจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวก็ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับแผนการของเขาจนได้ เขาจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับปีศาจตนนั้นอย่างไรดี...



พวกนักล่าแม้ไม่พอใจแต่ก็เชื่อฟังคำสั่งโดยไม่กล้าขัด เพราะหากพวกมันขัดคำสั่ง  ชายลึกลับนั้นจะต้องสังหารพวกมันอย่างไม่ลังเลเป็นแน่



คล้อยหลังเงาร่างของนักล่า  พายุที่โหมกระหน่ำเป็นฉากกั้นอย่างรุนแรงนั้นก็หยุดลงอย่างรวดเร็ว ร่างทั้งสี่ชีวิตก็เองก็ทรุดลงกับพื้นอย่างเหมดแรง  ให้ตายพวกเขาไม่เคยหนีตายจนแทบไม่รอดเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ   เพราะครั้งนี้พวกเขาคิดเพียงต้องรอดชีวิตจึงเลือกที่จะหนี  ทั้งยังกว่าจะหลุดพ้นจากการต่อสู้อันโหดเหี้ยมมาได้ทำเอาพวกเขาบาดเจ็บกันถ้วนหน้า  การที่พวกเขาได้ต่อสู้เพียงนิดก็ทำให้รู้ถึงระดับของตนเอง...หากเพียงสู้กับพวกนักล่า  พวกเขาย่อมชนะได้ แต่กับชายสวมหน้ากากนั่น  ฝีมือต่างกันเกินไป มันแข็งแกร่งเกินไป  พลังมากมายเกินไป  เป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง  ดีเท่าไรแล้วที่พวกเขาหาทางหนีทีไล่เอาไว้ ดีแล้วพวกเขาเลือกหนีตั้งแต่ต้น...ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่รอดจนถึงตอนนี้



“เอ้าๆ  ลุกขึ้นได้แล้ว นอนกันหมดสภาพเช่นนี้ข้าแบกพวกเจ้าไม่ไหวรอกนะ  ลุกขึ้นแล้วเดินตามมาข้าจะรักษาให้”  ชายแก่ผู้มีผมขาวแซมแดง  ทั้งร่างกายเหี่ยวย่นจนแยกสายพันธุ์ปีศาจไม่ออกเอ่ยขึ้น   ผู้ที่ปรากฏตัวออกมาคือ  หมอชรา  หมอประจำกลุ่มยาฉะนั่นเอง!

*******************************************60%**********************************


มาต่อวันนี้ตอนดึกๆนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-07-2017 05:03:17 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด