The Scalpel นักฆ่าสองโลก >>>ตอนที่ 44 ซาซากิ ฮาจิเมะ (29/08/2018)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Scalpel นักฆ่าสองโลก >>>ตอนที่ 44 ซาซากิ ฮาจิเมะ (29/08/2018)  (อ่าน 41895 ครั้ง)

ออฟไลน์ Reminder

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ป๊ะป๋าโชว์เทพมากๆ...

ว่าแต่แร็กน่ามายิ้มเดียวเองง่า.... :katai1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่ 32
เปิดฉากฟาดฟัน 2 (ครึ่งหลัง)

“เจ้ากำลังกล่าวถึงเรื่องอะไร” เสียงของเบียกโกะเต็มไปด้วยความสงสัย ดวงตาก็สั่นเทาด้วยความฉงน  มือที่มีเล็บงอกก็ค่อยๆหดลง ความรู้สึกของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวังและสับสน

“โฮบุซึบิ อิซานางิ ชื่อนี้ท่านยังจดจำได้หรือไม่...หรือจะลืมกระทั่งชื่อของสหายสนิทผู้นี้ไปเสียแล้ว” ซาดาโอะกล่าวด้วยเสียงเรียบเย็น ทั้งยังแฝงด้วยความโกรธแค้น  พี่ชายของเขาต้องสังเวยชีวิตให้กับปีศาจตนนี้ แต่มันกลับไม่คิดให้ความสำคัญ

“นี่เจ้า!” อาการตื่นตะลึงที่เกิดขึ้นพาให้บรรยากาศตึงเครียดมากขึ้นไปอีก

“พี่ชายของข้าเดินทางจากเขตใต้เพื่อช่วยเหลือท่าน แต่กลับต้องสังเวยชีวิตที่ดินแดนแห่งนี้จนไม่อาจหวนกลับบ้านเดิม  ท่านไม่คิดว่ามันน่าเศร้าหรือ หึหึ ข้าเคยเจ็บปวดเจียนตายเมื่อได้ยินข่าวนี้

แต่ว่าท่านรู้หรือไม่ว่า  ในเวลาไม่นานหลังจากนั้นข้าก็ได้รับข้อความที่สำคัญยิ่งกว่า มันทำให้ข้าถึงกับเปลี่ยนอารมณ์หมองเศร้านั้นให้กลายเป็นความเครียดแค้นที่มีต่อท่าน!” เสียงของซาดาโอะดังขึ้นเรื่อยๆด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ปะทุออกมา ต่อให้เยือกเย็นมากเพียงใดก็ไม่อาจยับยั้งความรู้สึกโกรธแค้นนี้ให้สงบลงได้

รอบด้านเงียบสงบ แม้แต่ตัวเบียกโกะเองก็ทำเพียงยืนนิ่งรอคอยฟังคำเฉลยของซาดาโอะเพียงเท่านั้น เพียงเอ่ยชื่อนั้นเขาก็รับรู้ได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของซาดาโอะแล้ว และเขาก็รับรู้ถึงเหตุผลที่เขตใต้เข้าร่วมต่อสู้กับเขตตะวันตกเสียที

“ท่านหลอกลวงพี่ชายข้า หลอกลวงทุกคน หลอกลวงกระทั่งกลุ่มโฮชิ แสร้งดีหน้าเศร้าเสียใจกับการตายของพี่ชายข้า แต่แท้จริงแล้วกลับวางแผนเอาไว้ทั้งหมด เพียงเพื่ออำนาจที่จะครอบครองกลุ่มยาฉะถึงกับหลอกใช้สหายคนสำคัญที่สรรเสริญเยินยอท่านอยู่ตลอด รู้หรือไม่ว่าพี่นับถือท่านมากเพียงใด  เชื่อใจท่านมากเพียงใด แต่ท่านกลับทำเรื่องชั่วร้ายถึงเพียงนี้!” แม้เสียงนั้นจะเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกาจ แต่เจ้าของเสียงกลับมีดวงตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตา ความเสียใจที่ปนเปกับความโกรธมันทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าเช่นไร

ด้วยอยู่ร่วมกันมาหลายปี มีหรือที่ซาดาโอะจะไม่หวั่นไหว มันทำให้เขาเข้าใจพี่ชายเป็นอย่างดี เบียกโกะนั้นทำให้เขารู้สึกเชื่อใจจนชวนสับสนอยู่บ่อยครั้ง หากเขาไม่ตั้งมั่นในการแก้แค้นเขาคงล้มเลิกแผนการนี้ไปนานแล้ว  แต่เวลานี้เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจากนี้จะเจ็บปวดเพียงใดเขาขอดำเนินแผนการให้ลุล่วง สิ่งสำคัญในตอนนี้ไม่ใช่ความรู้สึกของเขา แต่เป็นการแก้แค้นให้พี่ชายอันเป็นที่รัก

 “ข้าไม่เคยทรยศอิซานางิ จนหมายฉบับนั้นต้องถูกปลอมขึ้นมาอย่างแน่นอน” เบียกโกะกำหมัดแน่นด้วยความอดกลั้น เขาอยากเข้าไปโอบกอดคนตรงหน้า อยากเช็ดน้ำตาที่รินไหล แต่ซาดาโอะกลับไม่เปิดช่องว่างให้เขาเข้าไปประชิดตัว ดาบยาวยังคงตั้งตรงชี้มากทางเขา เสียงนั้นก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ เขาไม่เคยที่จะทรยศสหายของตน ใครกันที่กล้าใส่ร้ายเขาเช่นนี้

“จะเชื่อไม่ได้ได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นจดหมายจากพี่น้องร่วมสาบานของพี่ชาย ท่านซาซากิส่งจดหมายลับนี้มาก่อนที่จะถูกท่านฆ่าปิดปาก จดหมายนั่นเป็นลายมือของท่านซาซากิอย่างแน่นอน ทั้งยังตราประทับและวิธีการส่งจดหมาย ท่านยังจะโกหกหน้าด้านๆว่าจดหมายนั่นเป็นของปลอมได้อีกหรือ!” ซาซากิ ฮาจิเมะ คือ 1 ใน 4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้ ผู้ซึ่งน่าเชื่อถือที่สุดในองครักษ์ทั้ง  4 มันช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าจดหมายฉบับนั้นเชื่อถือได้อย่างแน่นอน

กล่าวจบซาดาโอะก็ไม่รีรอสิ่งใดอีก เขาพุ่งเข้าจู่โจมเบียกโกะในทันที

“ฝนดาวตก” กระบวนท่าฝนดาวตก หนึ่งในกระบวนวิชาเฉพาะของตระกูลโฮบุซึบิ ผู้นำกลุ่มโฮชิที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น มันช่วยเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าซาดาโอะคือ ผู้สืบทอดกลุ่มโฮชิอย่างถูกต้อง เขามีอำนาจเหนือเขตใต้ทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย
กระบวนท่านี้เป็นการโจมติดระยะไกล ไม่ต้องเขาใกล้ศัตรูก็สามารถกระหน่ำแทงรังสีของดาบเข้าฟาดฟันศัตรูได้ ทั้งยังรวดเร็วจนไม่อาจมองทันด้วยตาเปล่า ผู้ที่มีฝีมืออ่อนด้อยอาจมองเห็นเพียงกันยกดาบขึ้นแทงไปข้างหน้าไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วมันถูกกระหน่ำแทงมากกว่าร้อยครั้งภายในไม่กี่วินาที

 เบียกโกะมองเห็นการโจมตีนั้นอย่างชัดเจน จึงต้องเบี่ยงตัวหลบแล้วชักดาบออกมาปัดป้อง แต่กระนั้นก็ยังมีรังสีบางส่วนหลุดรอดมาเฉือนตามร่างกายจนเลือดไหลซึงไปหลายแผล

“ข้ายังยืนยันคำเดิมว่าข้าไม่เคยทรยศพี่ชายเจ้า ข้าสามารถพิสูจน์มันได้” เบียกโกะกล่าวขึ้นทั้งที่ยังรับมือกระบวนท่าอันน่าสะพรึงนั้นอยู่ เขาเคยรับมือกระบวนท่านี้แต่ความเร็วที่มากเท่านี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันบ่งบอกได้ว่าซาดาโอะมีความเร็วเหนือกว่าพี่ชาย อาจจะด้วยสายพันธุ์หรือพรสวรรค์ที่ติดตัวมาก็ไม่อาจทราบ แต่เขาจะประมาทไม่ได้แม้แต่เสี่ยววินาที

“หุบปาก! ข้าจะไม่ฟังคำโป้ปดของท่าน!” แต่ซาดาโอะก็ยังคงปฏิเสธที่จะฟัง หลายครั้งที่เบียกโกะทำให้เขาเกิดความลังเล ดังนั้นเขาต้องฟังเบียกโกะให้น้อยที่สุด เขาจะลังเลอีกไม่ได้แล้ว

“ท่องนภา” ฉับพลันความเร็วของซาดาโอะก็เพิ่มขึ้น กระบวนท่าท่องนภาคือการเพิ่มความเร็วให้เหนือกว่าขีดจำกัดของตนนั่นเอง
ซาดาโอะปรากฏตัวตรงหน้าของเบียกโกะ

“ทะลวงดารา” ดาบยาวถูกเปลี่ยนเป็นดาบสั้นสองมือตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ บัดนี้มันกลับถูกแทงไปที่ท้องของเบียกโกะเสียแล้ว เลือดมากมายไหลย้อมคมมีดจนเปลี่ยนจากสีเงินเป็นสีแดง ไหลหยดลงสู่พื้นหยดแล้วหยดเล่า

เบียกโกะตั้งสติได้ก็รีบกระโดดถอยหลัง แต่ร่างกายก็อ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด จากก่อนหน้านี้เขาเสียเลือดไปไม่น้อย ครานี้ยังโดนกระทำมากกว่าเดิม ทำให้ร่างกายได้รับความเสียหายอย่างเห็นได้ชัด

“เหตุใดจึงไม่ตอบโต้เล่าท่านเบียกโกะ ท่านกำลังดูถูกฝีมือข้าอยู่หรืออย่างไร หรือคิดว่าหากทำเช่นนี้แล้วข้าจะยอมรับฟังท่าน ขอบอกไว้เลยว่ามันเปล่าประโยชน์” การต่อสู้รุนแรงขึ้นอีก แม้อีกฝ่ายจะไม่ตอบโต้กลับมาเลยก็ตาม เบียกโกะทำเพียงปัดป้อง และตั้งรับเท่านั้น ยิ่งพาให้ซาดาโอะหงุดหงิดในใจ

การต่อสู้ของทั้งสองรวดเร็วและรุนแรงจนพาให้ปีศาจรอบด้านไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว รังสีฆ่าฟัน ทั้งยังพลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายยิ่งทำให้พวกมันหวาดกลัวจนแข้งขาสั่น แต่กระนั้นก็ยังยืนปักหลักลุ้นระทึกกับการต่อสู้ในครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ

“ลงมือสิ จะตั้งรับอยู่ทำไม” ซาดาโอะยังคงกล่าวในเบียกโกะตอบโต้ เพราะหากเขาสังหารอีกฝ่ายทั้งที่เป็นเช่นนี้ คงเป็นเขาเองที่จะทำจิตใจให้สงบลงไม่ได้ หากเบียกโกะตอบโต้อย่างน้อยเขาก็จะทำใจยอมรับมันได้

“อึก” เลือดไหลออกจากบาดแผลมากมาย หรือกระทั่งภายในร่างกายที่เครื่องในบอบช้ำ  เพราะกระบวนท่าของซาดาโอะไม่ใช่การโจมตีธรรมดา แต่ยังส่งรังสีของดาบเข้าไปทำลายอวัยวะภายในด้วย ส่งผลให้เวลานี้เบียกโกะมีอาการเลือดออกภายใน จนมีเลือดไหลออกมาจากริมฝีปากอย่างไม่ขาดสาย

เขาสามารถเลี่ยงจุดตายได้ก็จริง แต่การโจมตีที่หนักหน่วงก็ยังคงมีผลมากขึ้นเรื่อยๆ  ทั้งยังสะสมจนร่างกายเบียกโกะเริ่มซวนเซแทบจะควบคุมร่างกายไม่อยู่

“ตอบโต้สิ เบียกโกะ!” ซาดาโอะจะรู้ตัวหรือไม่ว่าตัวเขาเองกำลังทำตามความปรารถนาส่วนลึก ความจริงเขาไม่ต้องการสังหารเบียกโกะแล้ว  เพียงแต่แผนการดำเนินมาไกลเกินไปจนเขาไม่อาจจะถอยหลังกลับได้ จิตสำนึกจึงสั่งให้เขาบอกเบียกโกะลงมือตอบโต้ตน หากเป็นเช่นนั้น ฝ่ายที่ต้องตายอาจจะเป็นเขาเอง

ความเสียใจ ความลังเล ความกลัว เกาะกินหัวใจ จนไม่อาจห้ามหยดน้ำตาได้ เสียงที่สั่งเครือนั้นเบียกโกะรับรู้ดีกว่าใคร แม้ถูกควบคุมให้มันสงบเยือกเย็นแต่เขาก็รับรู้ถึงมันได้ ซาดาโอะยังคงตะโกนอยู่ตลอดว่าให้เบียกโกะตอบโต้ มันจึงทำให้เบียกโกะยิ่งเจ็บปวด เขาไม่อยากให้ซาดาโอะเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

“เหตุใดจึงไม่ลงมือ ลงมือสิเบียกโกะ  ตอบโต้ข้าสิเบียกโกะ ข้าเกลียดท่าน ข้าโกรธแค้นท่าน ข้าจะฆ่าท่าน ท่านเข้าใจหรือไม่ ลงมือซะสิ!” การตะเบ็งเสียงที่ดังก้อง ยิ่งพาให้การโจมตีหนักขึ้น ความเสียใจพัดพามาจนเขาไม่อาจหวนกลับ ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจหยุดการโจมตีของตนได้

“ถ้าท่านไม่ลงมือ...ก็ตายซะ!” สิ้นคำกล่าวสุดท้าย ซาดาโอะเพิ่มกำลังของตนด้วยขีดจำกัดสายเลือด ร่างนั้นพลันกลายเป็นร่างก่ำกึ่งระหว่างสัตว์กับปีศาจ ใบหน้านั้นแปลเปลี่ยนเป็นชีตาร์เสือที่มีความเร็วมากที่สุดในหมู่เสือด้วยกัน ทั้งมือทั้งเท้า ทั้งขนทั่วร่างกายก็เปลี่ยนรูปร่าง เพียงแต่เขายังคงยืนสองขาดังรูปลักษณ์ของปีศาจเท่านั้นเอง นี่คือการแปลงร่างขั้นสมบูรณ์ซึ่งเป็นขีดจำกัดสายเลือดของตระกูลโฮบุซึบินั่นเอง

ฉับพลันร่างนั้นหายไปต่อหน้าต่อตาเบียกโกะ แล้วปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าอย่างไม่อาจตั้งตัว ร่างนั้นใช้มือตะปบที่อกของเบียกโกะจนร่างใหญ่โตกระเด็นไปหลายร้อยเมตร จากนั้นก็ไปปรากฏตัวด้านหน้าเบียกโกะที่กำลังลอยไป แล้วตะปบกงเล็บแหลมคมลงบนอกอีกครั้ง ส่งผลให้เบียกโกะลอยกลับมาที่เดิม

ยังไม่ทันที่จะหายใจร่างของซาดาโอะก็กลับไปยืนอยู่ยังจุดเดิม ดวงตาของเขาแดงกร่ำด้วยสัญชาตญาณที่ถูกใช้แทนที่ความคิดทั้งปวง กงเล็บแหลมคมถูกกางจนสุดความยาวเตรียมรับร่างของเบียกโกะที่ลอยกลับมา

อึดใจต่อมาเมื่อร่างกายใหญ่โตของเบียกโกะที่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวใดๆก็ลอยเข้าไปใกล้ซาดาโอะ

ฉั่วะ!

“อย่า!”

เลือดสีแดงไหลรินดังสายน้ำ เมื่อซาดาโอะใช้กงเล็บอันแหลมคงแทงทะลุช่วงท้องของเบียกโกะ จนมือนั้นทะลุไปด้านหลัง มันเกิดขึ้นพร้อมๆกับเสียงเสียงหนึ่งที่ร้องห้ามขึ้นแต่มันก็ไม่ทันการเสียแล้ว

“ท่านทาคุมะ...” เสียงนั้นทำให้ซาดาโอะได้สติ ร่างกายของเขาจึงกลับไปเป็นร่างปีศาจดังเดิม ทั้งยังตกใจเมื่อได้เห็นผู้ที่ตนคิดว่าจากโลกนี้ไปแล้ว

‘ไม่จริงในจดหมายบอกว่า 4 องครักษ์เงาและท่านพี่ตายไปแล้ว แล้วท่านทาคุมะจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างไร แล้วเหตุใดจึงออกมาจากเรือนของเบียกโกะ’

คำถามมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวของซาดาโอะ ทั้งร่างกายของเขายังสั่นเทา หากท่านทาคุมะยังคงมีชีวิตอยู่ แปลว่าจดหมายฉบับนั้นเป็นของปลอม แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นเบียกโกะก็เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่จริงหรอก มันต้องไม่จริง ทาคุมะที่อยู่ตรงหน้าอาจจะไม่ใช่ทาคุมะที่แท้จริง

ซาดาโอะถกเถียงกับตนในใจ ตอนนี้สมองของเขาไม่อาจวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนได้ สีหน้า อารมณ์ ความรู้สึกจึงเต็มไปด้วยความสับสบ

“ผู้ที่ทรยศตัวจริงคือ คาสึกิ ถึงข้าจะยังไม่รู้แน่ชัดว่าจดหมายนั้นจะถูกส่งจากซาซากิได้อย่างไร แต่ว่าข้ารับรองได้ว่าเบียกโกะไม่ได้สังหารอิซานางิอย่างแน่นอน ส่วนที่ว่าข้าเป็นตัวจริงหรือไม่เจ้าจะลองพิสูจน์สิ่งใดก็ย่อมได้” ตัวของทาคุมะนั้นได้ความทรงจำกลับมาเต็มร้อยแล้ว ในเวลานี้เขาจึงต้องการสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งปวง และช่วยชีวิตของผู้บริสุทธิ์ให้ได้มากที่สุด

จิตใจที่ลังเลของซาดาโอะบอกให้เขาเชื่อในสิ่งที่ทาคุมะกล่าวออกมา ไม่ใช่ว่ามันน่าเชื่อถือ แต่มันเพราะเขาอยากจะเชื่อเช่นนั้นมาตลอด ในส่วนลึกเขาอยากให้ใครสักคนมาบอกกับเขาว่าจดหมายนั้นเป็นเรื่องโกหก

ซาดาโอะมองไปที่แขนของตนเอง แล้วไล่ไปยังมือที่ทะลุเข้าไปยังหน้าท้องของเบียกโกะ มือนั้นสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด แล้วมองไล่ขึ้นมาบนใบหน้าของเบียกโกะที่ยังคงยิ้มให้เขาอยู่ ทั้งที่ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

“หึหึ เชื่อข้าได้หรือยัง...ซาดา...อึก” ยังกล่าวไม่ทันจบเบียกโกะก็กระอักเลือดออกมาก้อนใหญ่ ทำให้ซาดาโอะลนลานรีบดึงมือของตนออกจากท้องเบียกโกะแล้วรับร่างที่ล้มลงไปกับพื้นไว้แทน

ตอนนี้ซาดาโอะจึงอยู่ในท่านั่งคุกเข่าทั้งยังกอดเบียกโกะเอาไว้แน่น

“ไม่จริง ไม่จริง อย่าตายนะ เบียกโกะ อึก ฮือ” มืออันสั่นเทาแม้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดแต่ก็พยายามดึงเสื้อที่ตนสวมอยู่ออกมาห้ามเลือดที่ไหลออกมาจากแผลใหญ่นั้น ยิ่งเมื่อเห็นผู้ที่อยู่ในอ้อมกอดหลับตาลงอย่างไร้สติ ความกลัวยิ่งกัดกินหัวใจ

“ไม่เอา อย่าตาย อย่าตายนะเบียกโกะ ข้าของสั่งว่าไม่ให้ท่านตาย ไม่เอา อย่าหายไป อย่าหายไปเหมือนพี่ชาย ฮึก ฮือ” จากที่พยายามห้ามเลือด แต่แล้วเบียกโกะก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นขึ้นมา ซาดาโอะจึงเปลี่ยนเป็นโอบกอดเบียกโกะไว้กับอกของตนแทน

เสียงร่ำไห้ยังดังระงม ด้วยหัวใจที่แตกสลาย แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งเหตุการณ์ที่เคลื่อนไป บุคคลที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดกระชับดาบในมือ แล้วหายไปจากที่ตรงนั้นในชั่วพริบตา เขาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของซาดาโอะที่กำลังจดจ่ออยู่กับความเสียใจ



To Be Continued...

_____________________________

กลับมาแล้วค้า ยังมีชีวิตอยู่นะคะ  ฮ่า
เอาครึ่งหลังมาต่อให้แล้ว ส่วนตอนหน้าก็ใกล้เสร็จ  คงได้ลงเร็วๆนี้
ตอนนี้คงขอให้เหล่าผู้ใหญ่เขาเด่นไปกันก่อนเนาะ  ให้เคลียร์ๆปัญหาไปทีละคู่
กรีนกำหนดคู่ต่อสู้ไว้หมดแล้ว เหลือแค่ว่าใครสู้ก่อนหลัง แล้วให้จบลงอย่างสวยงาม
แร็กนาร์อาจจะหายไปบ้างก็อย่าลืมคิดถึงน้า
เจอกันตอนหน้าค้า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2017 09:02:17 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
รอๆๆๆ  เริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่แรกเลย ลุ้นๆ ซาดาโอะอย่าเป็นไรนะ :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่ 33
เผชิญความจริง



ดาบยาวในมือของผู้มาใหม่ถูกยกขึ้นเหนือหัว คมดาบอันคมกริบต้องแสงจันทร์เปล่งประกายในเงามืด ดังเพชฌฆาตที่พร้อมสังหารเหยื่อให้สิ้นซาก การกระทำนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา ไม่ปล่อยให้คนที่จมอยู่ในความเศร้าได้ตั้งตัว

เคร้ง!

แต่ผู้ที่มีการตอบสนองอันรวดเร็วไม่ได้มีเพียงชายผู้นี้ เพราะก่อนที่ดาบจะถึงตัวซาดาโอะ ทาคุมะก็เป็นผู้ที่พุ่งเข้ามารับดาบแทน  ดาบยักษ์ปะทะเข้ากับดาบยาวอันคมกริบ เกิดเสียงกระทบกันก้องกังวานไปทั่วบริเวณ 

ด้วยแรงที่มากกว่าทั้งยังถีบตัวพุ่งออกไปด้วยความเร็วยิ่งทำให้การจู่โจมนั้นทรงพลังมากขึ้นไปอีก ส่งผลให้ร่างของชายผู้นั้นกระเด็นถอยหลังไปตามแรงปะทะหลายกิโลเมตร

ทาคุมะหันมามองซาดาโอะที่นั่งก้มหน้าอยู่เช่นเดิมด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่ในใจเขาร้องเตือนว่า ชายผู้นั้น คนที่เขาจัดการไปเมื่อครู่อันตราย ถ้าปล่อยไว้ต้องเกิดการสูญเสียขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งยังมีบางอย่างที่เขาติดใจในกระบวนท่าของชายผู้นั้น ทั้งที่ไม่เคยพบกันมาก่อน แต่เขารู้สึกคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างยิ่ง

เขาทั้งลังเลทั้งสับสน แต่แล้วสัญชาตญาณของเขาก็สั่งว่าไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ มันจะไม่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นแน่นอน ทาคุมะยิ้มบางๆอย่างจำยอมในสัญชาตญาณก่อนจะพุ่งตามร่างที่ลอยระริ้วนั้นไป

กลับมายังซาดาโอะ เขาไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เจ้าตัวยังคงอยู่ในอารมณ์เศร้าสลด น้ำตาท่วมใบหน้าอย่างที่ไม่คิดว่าตนจะต้องมานั่งร้องไห้เช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สอง

ครั้งหนึ่งคือการสูญเสียพี่ชายอันเป็นที่รัก ครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ คราวนี้ยังต้องเสียคนที่ตนให้ใจไปอีก  ยิ่งทำให้เขาแทบคุ้มคลั่ง

“ซาดาโอะข้าเชื่อใจเจ้า”

“อยู่ดีๆทำไมถึงพูดขึ้นมาล่ะ”

“ฮ่าๆ ข้าก็ไม่รู้สิ แค่อยากให้เจ้ารู้เอาไว้น่ะ”

“ท่านนี่ไร้แก่นสานขึ้นทุกวันจริงๆ เฮ้อ”

“ข้าพูดจริงๆนะซาดาโอะ ข้าเชื่อใจเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนในครอบครัวของข้านี่นา”


คำสนทนาเมื่อไม่กี่วันก่อนในห้องหนังสือปรากฏขึ้นในหัว ดังจะช่วยตอบย้ำว่าเขานั้นโง่เกินจะเยียวยา หากบอกว่าลางสังหรณ์ของเบียกโกะล้ำเลิศ คำกล่าวเหล่านั้นคงเป็นสิ่งที่ลางสังหรณ์ของซาดาโอะเตือนตัวเขา และซาดาโอะเอง

แต่แล้วมันก็เกิดขึ้น เขายอมรับว่าตนรู้สึกดีมากเพียงใดที่ถูกกล่าวเช่นนั้น เบียกโกะบอกว่าเชื่อใจ บอกว่าเขาคือครอบครัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขามีครอบครัวคือพี่ชายเพียงตนเดียว มันทำให้หัวใจอุ่นวาบ เกิดความลังเลชั่วขณะ จนเขาต้องใช้เวลามากมายในการสลัดความลังเลเหล่านั้นทิ้ง

และวันนี้เขาก็ได้เลือกเส้นทางที่สวนกัน เส้นทางที่ไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้ เบียกโกะเชื่อใจเขา แล้วดูสิ่งที่เขาตอบแทนอีกฝ่ายสิ...มันคือความตายอย่างนั้นหรือ

“ฮึก เบียก...โกะ เบียกโกะ” ซาดาโอะร่ำไห้กอดร่างที่เย็นเฉียบนั้นด้วยหัวใจแตกสลาย เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกแล้ว ตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงคำกล่าวโทษตัวเองที่โง่เขลาเกินเยียวยา

“หึหึ ฮ่าๆๆๆ งดงามๆงดงามจริงๆ ภาพของคนโง่กอดกับคนโง่ มันช่างงดงามจริงๆว่าไหมซาดาโอะ” เสียงผู้มาใหม่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน พร้อมเหยียบย่ำผู้ที่เขาคิดว่าต่ำต้อยกว่า

เสียงนั้นทำให้ซาดาโอะได้สติจากภวังค์ความคิดของตนเอง สายตาแห่งความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นความสับสน เขาเรียบเรียงเรื่องต่างๆเข้าด้วยกันโดยไม่ต้องให้ใครมาชังจูง ก่อนที่ดวงตานั้นจะเต็มไปด้วยความวาวโรจน์อย่างโกรธเกรี้ยว

“แก! เทโทระ” ซาดาโอะหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมทั้งคำรามรอดไรฟันที่ขบกันแน่นด้วยความอดกลั้น

“หือ ดูสิ ดูท่าเจ้าจะฉลาดขึ้นมาแล้วล่ะนะ ไม่สิ  ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนฉลาด หลายครั้งข้าถึงอยากได้เจ้ามาไว้ข้างกาย แต่ก็ถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าอย่างไรล่ะ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ถ้ามาเป็นคนของข้า ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าก็ได้นะ...ซาดาโอะที่รัก” เทโทระชื่นชอบการเหยียบย่ำความรู้สึกของผู้อื่น เขาจึงไม่มีท่าทีว่าจะสงบปากสงบคำลงง่ายๆ

สายตาของซาดาโอะเต็มไปด้วยความต้องการฆ่า หากสายตาฆ่าคนได้เทโทระคงแหลกเป็นพันเป็นหมื่นชิ้นไปแล้ว แต่ส่วนลึกของเขาบอกว่าให้อดทน อดทนฟังมันให้กระจ่าง ให้มันช่วยยืนยันข้อสันนิษฐานทั้งหมดของเขา และเมื่อมั่นใจแล้วจะลงมือจัดการอีกฝ่ายตอนนั้นก็ยังไม่สาย

“อ่า อย่างนั้นหรือ อย่างนั้นเอง หัวใจเจ้าคงมอบให้เจ้าน้องชายผู้โงเขลาของข้าไปแล้ว หึหึ แต่น่าเสียดายจริงๆที่เจ้าต้องเป็นผู้สังหารมันด้วยตนเอง หึหึ ฮ่าๆๆ” กล่าวจบเทโทระก็หัวเราะร่าอย่างสะใจ ไม่เพียงชีวิต แต่เขาทำลายหัวใจของเจ้าโง่นั่นให้แหลกสลายลงไปได้โดยไม่ต้องวางแผนให้ซับซ้อน โชคช่างเข้าข้างเสียจริงๆ ในเมื่อซาดาโอะคือคนที่เบียกโกะมอบหัวใจให้ การที่เขาทำลายซาดาโอะลงไปด้วยคงช่วยให้วิญญาณนั่นตายอย่างไม่สงบอย่างแน่นอน มันช่วงสะใจเขาเสียจริงๆ

“แก! บังอาจหรอกใช้ข้า เทโทระ!” ซาดาโอะตะหวาดเกล้าอย่างเกรี้ยวกาจ เขาทั้งเจ็บใจ ทั้งโกรธแค้นจนไม่รู้ว่าควรระบายความรู้สึกเหล่านี้อย่างไรดี

“หลอกใช้ ข้าหลอกใช้เจ้าเมื่อไหร่กัน เพียงแค่จดหมายฉบับเดียวเจ้าก็เชื่ออย่างหมดใจ ข้าเพียงยื่นมือเข้าไปเป็นช่องทางช่วยให้เจ้ากำจัดศัตรูได้ง่ายดายขึ้น มันเรียกว่าความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่หรือ อย่างไรพวกเราก็ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย หึหึ
ศัตรูของเราก็เป็นคนคนเดียวกัน เจ้าได้แก้แค้น ข้าได้ครอบครองกลุ่มยาฉะ มันมีสิ่งใดที่ข้าหลอกเจ้ากันล่ะ หรือจะบอกว่าต่อให้ข้าหลอก เจ้าเองไม่ใช่หรือที่เต็มใจให้ข้าหลอกใช้เป็นเครื่องมือ” คำกล่าวเหล่านั้นซาดาโอะไม่อาจปฏิเสธได้ ในเมื่อเข้าเองก็รู้ถึงเป้าหมายของเทโทระ และเต็มใจที่จะเข้าร่วมแผนการด้วยตนเอง แต่แล้วใครล่ะที่ส่งจดหมายฉบับนั้นให้เขาหากไม่ใช่เทโทระ ใครกันที่ตั้งใจหลอกใช้ตัวเขา ซาดาโอะครุ่นคิดแต่สมองของเขาไม่ยอมทำงานอย่างใจต้องการ

เพราะไฟที่สุมใจจนแทบมอดไหม้นี้ เขาปักใจเชื่อไปแล้วว่าเทโทระคือเจ้าของจดหมายจึงยิ่งโหมไฟแห่งความโกรธแค้นมากขึ้นไปอีก

ไม่เพียงหลอกใช้เขา แต่หลอกใช้กลุ่มโฮชิด้วย ซาดาโอะเกลียดตัวเองที่โง่เขลา เขาเป็นผู้นำกลุ่มแท้ๆแต่กลับนำชีวิตของสมาชิกในกลุ่มมาเสี่ยงกับแผนการครั้งนี้ด้วย เพียงเพื่อล้มล้างเบียกโกะ และเหล่าสมาชิกที่ภักดีต่อเบียกโกะ เขาถึงกลับยอมยกคนของตนให้เข้าร่วมกับกลุ่มโนบุ ไม่รู้ว่าหากจบการต่อสู้นี้แล้วหากตนตายไป เทโทระจะทำเช่นไรกับผู้ที่เหลือรอด หรืออาจจะเข้ายึดทั้งเขตตะวันตก และเขตใต้เป็นของตนเลยก็ได้ เรียกได้ว่าคราวนี้เทโทระวางแผนที่จะครอบครองแดนพยัคฆ์ทั้งหมดเลยก็ว่าได้

ด้วยความโกรธเกรี้ยวใจผลลัพธ์อันแยบยลของเทโทระซึ่งวางแผนไว้ใหญ่โต ทั้งยังได้กำจัดศัตรูให้สิ้นซากไปพร้อมๆกัน ทำให้ซาดาโอะตระหนักได้ว่าไม่ควรปล่อยให้ปีศาจที่มีความทะเยอทะยานอันมากมายตนนี้เอาไว้

เขาวางร่างเย็นเฉียบของเบียกโกะเอาไว้กับพื้นอย่างแผ่วเบา แล้วกระชับดาบเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง

“ข้าคงไม่อาจปฏิเสธเจ้าได้เทโทระ แต่ข้าขอถามหนึ่งข้อ” เสียงที่สงบนิ่งนี้ช่างเย็นชาจับใจ เหมือนภูเขาไฟที่รอการระเบิดครั้งใหญ่ก็ว่าได้

“ว่ามาสิ ข้าจะใจดีตอบให้” แต่ดูเหมือนเทโทระจะไม่หวั่นใจกับมันแม้แต่น้อย

“ถ้าสังหารข้าแล้ว เจ้าจะทำอย่างไรกับสมาชิกกลุ่มโฮชิ” ซาดาโอะถามทันทีโดยไม่ลังเล

“หึหึ ก็ต้องดูว่าใครจะสวามิภักดิ์ต่อข้า ถ้าไม่...เจ้าคงได้เจอพวกเขาในไม่ช้า” เทโทระชะงักเล็กน้อย เมื่อได้รับคำถามที่ไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ เขาไม่คิดว่าซาดาโอะจะเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาได้เร็วขนาดนี้

ในแรกเริ่มเขาต้องการเพียงกลุ่มยาฉะ และเขตเหนือ แต่เมื่อได้รับพลังนี้มาเขาก็คิดว่าเพียงแค่อาณาเขตเพียงน้อยนิดนี้ไม่เพียงพอต่อพลังอำนาจของเขาต่อไป เมื่อทุกอย่างลงตัว เขาได้กำจัดเสี้ยนหนามตำใจอย่างเบียกโกะด้วยการวางแผนดึงเขตอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง จากนั้นก็ใช้มันเป็นตัวเชื่อมต่อในการครอบครองอาณาเขตเหล่านั้น เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็ว่าได้
ในวันที่เข้าได้ครอบครองทั้งเขตเหนือ ตะวันตก และใต้ เหลือเพียงเขตตะวันออกเพียงเขตเดียว จะใช้กำลังคนที่มากกว่าบุกยึดด้วยกำลังก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เพราะเขตตะวันออกตัดขาดจากโลกภายนอกมานาน การจะใช้เล่ห์กลในการยึดครองจึงยุ่งยากเกินไป สู้ใช้กำลังที่รวมไว้ด้วยสมาชิกสามเขต ถล่มเขตเล็กๆเพียงเขตเดียวก็จะไม่ใช่เรื่องยาก เท่านี้เขาก็จะได้เป็นใหญ่เหนือแดนพยัคฆ์อันยิ่งใหญ่นี้ ความฝันของเขาเพียงแค่เอื้อมเท่านั้น สมแล้วที่วางแผนอย่างอดทนมานานหลายปี

“เข้าใจแล้ว” เมื่อได้ฟังคำตอบที่ไม่รื่นหูนั่น ซาดาโอะก็ตัดสินใจได้ว่า แม้ต้องแลกด้วยชีวิตเขาก็ต้องหยุดปีศาจตนนี้ให้จงได้
ร่างของซาดาโอะปล่อยจิตสังหารอันมากมายออกมาอีกครั้ง แค่ครั้งนี้มันมากกว่าที่สู้กับเบียกโกะ เพราะเขาไร้ซึ่งความลังเลอย่างสิ้นเชิง  เขาลุกขึ้นยืนแล้วหันหน้าไปเผชิญกับเทโทระตรงๆ พร้อมทั้งปลดปล่อยขีดจำกัดสายเลือดออกมาอย่างไม่สนใจผลเสียที่เกิดขึ้นกับร่างกายอีกต่อไป

เทโทระเพียงยิ้มบางๆอย่างเย้ยหยันหาได้หวั่นกลัวต่อพลังของซาดาโอะแต่อย่างใด เขาปล่อยพลังของตนออกมาบ้าง มันรุ่นแรงเสียจนซาดาโอะยังแปลกใจ

“ก๊า กา” เสียงนกร้องในเงามืดด้วยความหวั่นกลัว พวกมันต่างดิ้นรนในการหลบหนี แต่เหมือนจะไร้ผลเมื่อไม่นานพวกมันก็โดนควบคุม

เพียงไม่นานฝูงสีดำของอีกาก็บินมารวมกันรอบตัวเทโทระ ด้วยความสามารถของขีดจำกัดสายเลือดตระกูลยาฉะ

โดยปกติเผ่าพยัคฆ์จะมีความสามารถในการสื่อสารกับสัตว์ ทั้งยังสามารถควบคุมพวกมันได้ แต่นั่นก็มีขีดจำกัด พวกเขาควบคุมได้เพียงสัตว์ที่จำยอม หรือเปิดใจด้วย แต่พลังของตระกูลยาฉะต่างออกไป พวกเขาสามารถแทรกซึมเข้าไปในจิตใจของสัตว์ทุกตัวได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงขีดจำกัดเหล่านั้น

เพียงแต่การแทรกซึมเข้าไปในจิตใจนั้นง่าย แต่การควบคุมนั้นยากแสนยาก ดังนั้นจะเข้าแทรกซึมมองผ่านสายตาสัตว์เหล่านั้นเท่าใดก็ได้ แต่การควบคุมจะไม่มีทางทำได้มากมายเท่านี้  ตัวเบียกโกะเองก็ควบคุมสัตว์พร้อมๆกันได้เพียง 10 ตัวเท่านั้น
แต่เวลานี้เทโทระควบคุมพวกมันได้ไม่ต่ำกว่า 30 ตัว ชวยผู้นี้ซ่อนพลังมหาศาลเหล่านี้ไว้เพื่อสิ่งใดกัน แล้วหากมีพลังมากมายเช่นนี้เหตุใดจึงไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเล่า

จากที่ซาดาโอะรู้คือ เทโทระได้รับพรสวรรค์มาน้อยนิด สามารถควบคุมสัตว์ได้เพียง 3 ตัวเท่านั้น การเลือกผู้สืบทอดจึงตกไปเป็นของน้องชายร่วมสายเลือดอย่างเบียกโกะที่มีพรสรรค์มากกว่า

สิ่งเหล่านั้นสร้างความสับสนให้ซาดาโอะไม่น้อย เทโทระมีพลังมากมายถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

“ฮ่าๆ ตกใจหรือซาดาโอะที่รัก พลังที่ข้าได้รับมามันสุดยอดมากเลยใช่หรือไม่” เทโทระกล่าวอย่างผู้ที่เหนือกว่า

“พลังที่ได้รับมาหมายความว่าอย่างไร” ซาดาโอะถามออกไปด้วยความงุนงง พลังขีดจำกัดสายเลือดรับมาจากผู้อื่นได้ด้วยหรือ เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย

“มันไม่ใช่ธุระที่ข้าต้องตอบเจ้า ได้เวลาจบเรื่องของเราแล้ว จัดการซะ!” เสียงเหี้ยมเกียมออกคำสั่งอย่างผู้เหนือกว่า
ฝูงอีกา 30 ตัวพุ่งเข้าใส่ซาดาโอะโดยหมุนตัวด้วยความเร็ว พุ่งทะรวงใส่ศัตรูอย่างไม่เสียดายชีวิต
พวกมันไม่ใช่อีกาธรรมดา พวกมันแข็งแกร่งเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นแดนปีศาจ ไม่ว่าสัตว์ตนใดก็มีพละกำลัง และความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

 อัตราการต่อสู้กลายเป็น 30 ต่อหนึ่ง ทำให้ท่วงท่าและความเร็วของซาดาโอะเริ่มพลาดเป้า พวกอีกาที่เขาหลบได้มันจะพุ่งกลับมาอีกครั้ง เพราะมันยังมีชีวิต ควบคุมทิศทางได้อย่างใจ ส่วนตัวที่ถูกฟันก็จะถูกแทนที่ด้วยอีกาตัวใหม่ที่เทโทระเรียกมา
ปีศาจร้ายเพียงยืมมองด้วยความเพลิดเพลินเท่านั้น เขาชื่นชอบการใช้พลังของตนเป็นอย่างยิ่ง  ในเวลานี้ตัวตนของเขาแข็งแกร่งกว่าใครในตระกูลยาฉะ เบียกโกะที่ได้ชื่อว่าอัจฉริยะ เพราะควบคุมสัตว์ได้ถึง 10 ตัว แล้วเวลานี้เขาควบคุมมันได้ถึง 30 ตัวจะให้เรียกว่าอะไรเล่า

“ฝนดาวตก”

“ท่องนภา”

“ทะลวงดารา”

วิชาดาบถูกนำออกมาใช้อย่างต่อเนื่องจนในที่สุดซาดาโอะก็กำจัดอีกา 30 ตัวให้ตายไปจนหมดสิ้น

พึก!

แต่ร่างกายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บมากมายเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ร่างนั้นทรุดตัวลงกับพื้น แล้วต้องใช้ดาบพยุงตัวเอาไว้ เลือดก็ไหลออกจากมุมปาก เพราะบาดเจ็บภายใน

ร่างกายเขามีแผลที่ทะลุไปมาอยู่ 2 จุด ส่วนที่เหลือเป็นร่องรอยการเฉือนไปมาจากแรงหมุนควงสว่านของอีกาเหล่านี้

“แฮ่กๆ” ลงหายใจเริ่มขาดห้วง เพราะพลังที่ถูกใช้ออกมามากเกินตัว ซาดาโอะยังคงมีความเหนื่อยล้าจากที่สู้กับเบียกโกะ ยิ่งเมื่อใช้ร่างกึ่งสัตว์ และวิชาดาบจึงยิ่งทำให้ร่างกายได้รับภาระหนัก

ทั้งความโกรธเกรี้ยวจนทำให้สติสัมปชัญญะขาดห้วง เขาจึงคิดแผนที่เอาตัวรอดจากฝูงอีกาไม่ออก ได้แต่สู้กับมันซึ่งๆหน้าเท่านั้น เวลานี้ร่างกายของเขาจึงทั้งบาดเจ็บทั้งเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง

“หึหึ จบแล้วหรือนี่ เร็วกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก เดรัจฉานเหล่านี้ช่างอ่อนแอยิ่งนัก”

พรึ่บ!

เทโทระกล่าวขึ้นหลังจากที่เขามาปรากฏตัวใกล้ๆกับซาดาโอะ แล้วใช้ดาบเสียบร่างไร้ชีวิตของอีกกาตัวหนึ่งขึ้นมามองดู แล้วตวัดฟันทิ้งดังของไร้ค่า

ซาดาโอะรีบกระโดดถอยหลังแล้วยกดาบขึ้นมาเตรียมพร้อมสู้ในระยะที่พอเหมาะ แม้ตระหนักดีว่าเวลานี้เขาไม่อาจสู้เทโทระได้ แต่ก็ไม่ยอมถอยง่ายๆ

พลังมากมายถูกรวบรวมสำหรับการโจมตีครั้งสุดท้าย เขาไม่แข็งแกร่งเท่าพี่ชาย การถูกสัญชาตญาณเข้าครอบงำจึงเป็นเรื่องที่เขาหวาดกลัวมากที่สุด

แต่เวลานี้เขาจะลังเลไม่ได้อีกแล้ว กระบวนท่ารุนแรงที่สุดของเพลงดาบประจำตระกูลต้องถูกนำออกมาใช้ เพื่อดึงศักยภาพให้ออกมามากที่สุด เขาต้องจำยอมให้สัญชาตญาณเข้าครอบงำ

พลังมากมายที่ปะทุออกนั้น เทโทระเองยังรู้สึกหวั่นใจ ความรู้สึกหวาดกลัวต่ออิซานางิที่หลอกหลอนเขากลับมาอีกครั้ง มันจึงทำให้เขาเตรียมเอาจริงเพื่อรับมือกับกระบวนท่าอันประหวั่นพรั่นพรึงนี้

ร่างกายซาดาโอะปะทุพลังในร่างกึ่งสัตว์อีกครั้ง เพียงแต่เวลานี้ดวงตานั้นอาบไปด้วยสีแดงวาวโรจน์ สีแดงที่มากกว่าปกติ สีแดงที่เป็นดังไฟที่พร้อมเผาไหม้ให้ศัตรูตกตายไปพร้อมกัน

เทโทระเองก็เปลี่ยนท่อนแขนทั้งสองข้างของตนให้เป็นร่างสัตว์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกาย พร้อมรับมืออีกฝ่ายอย่างเต็มที่

“ถล่มนภา” ซาดาโอะเข้าประชิดตัวเทโทระด้วยความเร็ว ดาบนั้นเล็งจุดตายตามสัญชาตญาณ จุดตายอันเป็นช่องโหว่ที่ศัตรูคาดไม่ถึง มันเป็นเพลงดาบที่ไม่สามารถคาดเดาการโจมตีได้

“พิชิตพยัคฆ์” เทโทระเองก็มีสัญชาตญาณที่เฉียบคมด้วยพลังที่ได้รับมา  เข้ามองเห็นวิชาดาบที่เปลี่ยนไปของซาดาโอะในช่วงสุดท้าย จึงสามารถรับกระบวนท่านั้นไว้ได้ ด้วยเพลงดาบของตน

การปะทะที่ทรงพลังของสองขั้วอำนาจอันยิ่งใหญ่ ทำให้เกิดแรงระเบิดของอากาศ พาให้ผู้คนโดยรอบกระเด็นออกไปอย่างไม่อาจตั้งตัว ด้วยไม่อาจต้านทางพลังเหล่านั้นไหว ส่วนผู้ที่ไม่ได้กระเด็นตามแรงลมก็ยืนอยู่ด้วยอาการสั่นสะท้านไปทั้งกาย บางตนถึงกับไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ ทรุดเข่าลงพื้นอย่างหวาดกลัว

 ตูม!

ร่างที่ปะทะกันกระเด็นออกไปด้านหลังหลายร้อยเมตรด้วยพลังที่เข้าปะทะอันมหาศาล  พาให้สิ่งปลูกสร้างที่อยู่โดยรอบพังไปหลายหลัง แล้วทั้งสองร่างก็ไปหยุดติดกำแพงคนละฝั่ง

เหล่าผู้ชมต่างลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าใครกันจะเป็นผู้ที่ลุกขึ้นมาก่อน
เป็นฝ่ายซาดาโอะที่ลุกยืนขึ้น

“อุก อ้วก!” แต่แล้วร่างนั้นก็กระอักเลือดแล้วล้มลงอีกครั้ง

“หึหึ ฮ่าๆๆ แข็งแกร่ง ข้าช่างแข็งแกร่งจริงๆ ข้าเคยหวาดกลัวพี่ชายเจ้า แต่ดูสิซาดาโอะ ข้าสามารถจัดการเจ้าได้อย่างง่ายดายทีเดียว” เทโทระนั่งอยู่เช่นเดิม แต่ร่างกายเขากลับไร้ร่องรอยบาดแผล มีเพียงฝุ่นและเลือดที่เกาะติดเสื้อผ้าเท่านั้น

เพียงชั่วพริบตาร่างนั้นก็ไปปรากฏต่อหน้าร่างของซาดาโอะที่ล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรง รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยปรากฏขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
 หลังจากได้รับพลังมาเขาไม่อาจใช้มันได้ แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่ากระบวนท่าของปีศาจในอดีตไม่อาจทำอันตรายใดๆต่อเขาได้อีก เทโทระจึงยิ่งพอใจ หัวใจพองโตด้วยความลำพอง การครอบครองแดนพยัคฆ์อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมแล้ว เพียงผ่านพ้นคืนนี้ไปทุกอย่างก็จะตกเป็นของเขาโดยไม่มีใครต่อต้าน

เทโทระมองร่างที่หายใจรวยรินด้วยความสมเพท ก่อนจะยกดาบนั้นขึ้นเตรียมปิดชีวิตของผู้ที่หมดประโยชน์โดยไม่ลังเล

“ลาก่อนซาดาโอะที่รัก แล้วข้าจะส่งเหล่าลูกสมุนที่ภักดีต่อเจ้าตามไป...ในไม่ช้า”

“อย่า...อย่าฆ่าพวกนั้น แค่กๆ” ซาดาโอะกล่าวทัดทานด้วยสายตาแข็งกร้าว เวลานี้ชีวิตของเขามาถึงปลายทางแล้วคงไม่อาจยื้อไว้ได้อีก แต่เหล่าพรรคพวกที่จงรักภักดีต่อเขาต้องมาตกตายไปด้วยเพราะความโง่เขลาของตัวเขาเองเช่นนี้ เขาไม่ต้องการแม้แต่น้อย

‘ขอร้องล่ะ ใครก็ได้ ได้โปรดช่วยพวกเขาเหล่านั้นด้วย พวกนั้นไม่เกี่ยวข้องด้วยเลยสักนิด’   

คำอ้อนวอนที่แม้รู้ว่าไม่อาจเป็นจริง แต่ซาดาโอะก็ร้องขอมันด้วยความหวังสุดท้ายของชีวิต

‘พี่ครับ พี่มองอยู่หรือไม่ ได้โปรดช่วยคนของเราด้วย แล้วผมจะไปหาพี่โดยไม่เรียกร้องอะไรอีกเลย’

เมื่อถึงจุดที่รู้ว่าตนเองต้องตาย พวกเขาต่างต้องคิดถึงคนสำคัญ เวลานี้ซาดาโอะจึงเรียกร้องหาคนที่ตายไปแล้ว ครอบครัวที่สำคัญที่สุด ครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว

“ข้าพูดจริงๆนะซาดาโอะ ข้าเชื่อใจเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนในครอบครัวของข้านี่นา”

แต่แล้วคำพูดของใครอีกคนกลับปรากฏขึ้นมาในหัว พาให้ซาดาโอะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความรู้สึกผิด เขาได้สังหารผู้ที่เห็นความสำคัญของเขาถึงเพียงนี้ลงไปด้วยมือตนเอง เขายังจะเรียกร้องสิ่งใดได้อีกหรือ

“ข้าจะไปหาท่านแล้ว เบียกโกะ” ช่วงสุดท้ายนี้เขาก็หวนคิดถึงความทรงจำที่แสนอบอุ่นตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้รับความรักมากมายแต่กลับติดอยู่ในความแค้นจนพยายามมองข้ามมัน การเสียใจทีหลังเป็นเช่นนี้เอง เขาพึ่งเข้าใจความหมายของคำคำนั้นในวันนี้เอง

“หึหึ ถ้าเช่นนั้นก็ตามกันไปในนรกซะเถอะ!” ไม่รอช้า เทโทระลงดาบอย่างเลือดเย็น เป้าหมายคือคอของร่างที่ไร้เรี่ยวแรงด้านหน้าของตน

เคร้ง!

“จะไปหาข้าไม่ต้องไปถึงนรกหรอก...ว่าไหมซาดาโอะ” คมดาบที่ปะทะกันเกิดแรงลมรุนแรง แต่ก็ไม่น่าสนใจเท่าผู้ที่ปรากฏตัวออกมาในเวลานี้ ผู้ที่ใครๆต่างคิดว่าหมดลมหายใจไปแล้ว

“ท่านเบียกโกะ!”

“เบียกโกะ!”



To Be Continued...


---------------------------------------------------------------

มาแล้วค่า คิดว่าจะเสร็จเร็ว มาช้าอีกตามเคย แหะๆ

ตอนนี้เสพเหล่าผู้ใหญ่ทั้งหลายไปก่อนนะคะ

กรีนไม่มีเงินจ่ายค่าตัวแร็กนาร์ กร๊ากกก

ล้อเล่นค่ะล้อเล่น  ตอนหน้า แร็กนาร์เด็กซึนจะโผล่มาแน่นอน

เดี๋ยวจะมาให้หายคิดถึงแล้วเนาะ รอกันไปก่อน้า

แล้วเจอกันจ้า



รอๆๆๆ  เริ่มอ่านใหม่ตั้งแต่แรกเลย ลุ้นๆ ซาดาโอะอย่าเป็นไรนะ :katai1: :katai1:
ขอบคุณนะคะ ไปอ่านตั้งแต่แรกเลย แปลว่ากรีนดองนานจริงๆ แหะๆ
ต่อไปก็ลุ้นๆด้วยกันเนาะ
//ลองตอบข้อความ ทำได้แล้วค้าา
 :impress2:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
กริ๊ดดดด  เบียกโกะ ยังอยู่   :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 34
เงาร้ายกล้ำกราย


ในเวลานั้นภายในเรือนของเบียกโกะเต็มไปด้วยบรรยากาศชวนอึดอัด  พวกเขาจ้องมองออกไปด้านนอกจากผ่านประตูที่แง้มเปิดอยู่เล็กน้อย แม้จะอยู่ภายในมิติที่ปิดกั้นจากภายนอกแต่การมองเห็นรอบด้านยังคงอยู่ หากกล่าวให้ถูกต้องคือมันปิดกั้นการรับรู้จากคนภายนอก แต่ผู้ที่อยู่ด้านในสามารถรับรู้ถึงภายนอกได้ทั้งหมดนั่นเอง

พวกเขาลุ้นระทึกไปกับการต่อสู้ของเบียกโกะ ทั้งชื่นชม ทั้งยกย่องในความแข็งแกร่ง จนกระทั่งซาดาโอะปรากฏตัว

“โอ๊ย อ้าก!” ทาคุมะก็เกิดอาการปวดหัวอีกครั้ง

“ท่านทาคุมะ!” พวกเขาเป็นห่วงในใจ แต่อีกใจก็รอคอยว่าครานี้ทาคุมะจะได้ความทรงจำแบบใดกลับมา และเกี่ยวข้องกับชายที่ชื่อซาดาโอะอย่างไร พวกเขาจึงไม่ได้เข้าไปแตะต้องเพียงนั่งมองเงียบๆเท่านั้น

“อึก โอ๊ย! ปวดหัว ปวด” ทาคุมะกุมหัวตัวเองแน่น ยิ่งเมื่อได้ยินชื่อ ‘โฮบุซึบิ อิซานางิ’ ภายในหัวของเขายิ่งปวดร้าวดังว่ามันจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆภาพมากมายหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย

ภายในห้องเริ่มโกลาหล เมื่อพวกเขาเข้าไปล้อมรอบทาคุมะด้วยความเป็นห่วง

“แร็กนาร์!” เสียงของรูร์กัสเรียกให้พวกเขาเหล่านั้นหันมาสนใจแร็กนาร์ที่เวลานี้ก็มีอาการแทบไม่ต่างกัน

แร็กนาร์กุมหน้าอกบริเวณหัวใจของตนแน่น กดเอาไว้เพียงหวังให้มันหยุดเต้นแรงเสียงที มันเต้นแรงดังว่าจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้ เพียงชื่อนั้น ชื่อที่ซาดาโอะกล่าวออกมาก็เหมือนสลักปลดผนึกความทรงจำบางส่วนที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
เหงื่อมากมายผุดพรายเต็มใบหน้าและร่างกายจนเปียกชุ่ม เพราะหัวใจสูบฉีดเร็วเกินไปมันจึงเผาผลาญพลังงานภายในร่างมากกว่าปกติ จนเขาแทบจะขยับร่างกายไม่ไหว

“ท่านพ่อ!” เสียงของสองแฝดดังขึ้น พวกเขาให้ความสนใจในอาการของทาคุมะกับแร็กนาร์อยู่เพียงชั่วครู่ ก็อดใจที่จะมองการต่อสู้ด้านนอกไม่ได้ จึงเป็นเพียงสองตนที่รับรู้ถึงอาการบาดเจ็บของพ่อตนก่อนใคร

ไม่เพียงเท่านั้นเด็กทั้งสองเตรียมวิ่งออกไปด้านนอกโดยไม่ยั้งคิด

“หยุดนะ” แต่เรย์กับนาฟเร็วกว่า พวกเขาเข้าไปจับเด็กทั้งสองไว้ก่อนที่จะพ้นขอบเขตมิติปิดกั้น เรย์จับตัวฮิเดโอะ ส่วนนาฟจับตัวฮิโรกิ โดยตรึงตัวจากด้านหลัง พวกเขาจึงได้เห็นภาพด้านนอก ภาพที่ร่างของเบียกโกะเต็มไปด้วยเลือด

“ปล่อยข้า ข้าจะไปช่วยท่านพ่อ ปล่อยนะ ปล่อยๆ”

“ปล่อยข้าเถอะท่านเรย์ ปล่อยข้า ได้โปรด ปล่อย”

ฮิโรกิกับฮิเดโอะดิ้นรนจะออกไปให้ได้ แต่ด้วยร่างกายของเด็กกับผู้ใหญ่การหลุดจาการเกาะกุมนี้จึงแทบเป็นไปไม่ได้ แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงดิ้นต่อไป ทั้งตี ทั้งต่อย เรย์กับนาฟอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ

เวลานี้หัวใจเด็กน้องเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาสูญเสียท่านแม่ไปตั้งแต่เด็ก ท่านพ่อเองก็พึ่งฟื้นจากการถูกพิษ มาเวลานี้ท่านพ่อที่พึ่งปลอดภัยได้ไม่นานยังต้องมาบาดเจ็บอย่างหนัก และจากรูปการท่านพ่อของเขาอาจจะตกตายตามท่านแม่ไปอีกคนก็เป็นได้

เพราะเป็นเช่นนั้นแม้รู้ดีว่าไม่อาจหลุดออกไปได้ แต่ก็ยังคงดิ้นต่อไป ความหวังอันน้อยนิดนี้ที่ยังคงมีอยู่จึงได้พยายามคว้ามันเอาไว้ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

เรย์กับนาฟรับรู้ความรู้สึกของเด็กทั้งสองดี พวกเขาก็เป็นห่วงเบียกโกะไม่น้อยถึงแม้จะพึ่งพบกันเพียงไม่นานก็ตาม เพราะเป็นเช่นนั้นจึงยิ่งปล่อยให้เด็กทั้งสองออกไปสละชีวิตอีกไม่ได้ อย่างน้อยช่วยให้ลูกชายของชายผู้นั้นรอดจากเหตุการณ์นี้ไปได้ก็ยังดี
ด้วยพวกเขามุ่งความสนใจไปที่เด็กทั้งสองจึงไม่มีใครคาดคิดว่าทาคุมะจะพุ่งตัวออกไปด้านนอกโดยที่ไม่มีใครทันได้ตั้งตัว และในจังหวะนั้นพวกเขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเบียกโกะถูกแทงก่อนที่ทาคุมะจะห้ามทัน

“ท่านพ่อ!ไม่!”

“ท่านเบียกโกะ”

ผู้ที่อยู่ภายในห้องต่างตะโกนลั่นอย่างไม่คาดคิด พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเบียกโกะจะไม่ยอมตอบโต้จนถึงวินาทีสุดท้าย ด้วยแผนของการที่วางเอาไว้แม้ใครสักคนต้องจบชีวิตลงพวกเขาก็ต้องดำเนินการต่อไป ดังนั้นเหล่าผู้ที่เหลืออยู่จึงพยายามอดกลั้นตนเองไม่ให้พุ่งออกไปด้านนอก มีเพียงเด็กแฝดทั้งสองที่ร้องไห้ดิ้นรนแทบขาดใจ และอาศัยจังหวะที่เรย์กับนาฟตกใจดิ้นสุดแรงจนหลุดออกจากการเกาะกุม

“ท่านพ่อ!”

เพรี๊ยะ เพรี๊ยะ

ก่อนที่จะหลุดออกไปเพียงคืบ ฮิเดโอะกับฮิโรกิก็ถูกฝ่ามือเล็กตบลงไปที่แก้มคนละข้างจนหันไปตามแรงที่มากกว่าขนาดของมือนั้น

“หยุดอาละวาดได้แล้ว!” ผู้ที่ลงมือคือแร็กนาร์ แม้ยังกุมหัวใจที่ยังเต้นแรงจนเจ็บปวด แต่เขาก็ทุ่มแรงที่เหลืออยู่ไปกับฝ่ามือเมื่อครู่อย่างไม่ออมแรง ร่างเล็กๆที่ใกล้หมดแรงจึงทรุดตัวลงคุกเข่าอย่างห้ามร่างกายตนเองไม่อยู่

“แร็กนาร์ ตะ แต่ แต่พ่อของข้า ฮึก ฮือ” ฮิโรกิที่ได้สติก่อนหันหน้ากลับมามองก่อนจะตอบด้วยสติที่เหลือเพียงน้อยนิด เวลานี้ต่อให้เป็นแร็กนาร์ก็หยุดพวกเขาไม่ได้

“แร็กนาร์อย่าฝืน ส่วนพวกเจ้ากลับไปนั่งลงที่เดิมเถอะนะ” รูร์กัสเข้ามาพยุงตัวแร็กนาร์ขึ้น ก่อนจะสั่งเด็กทั้งสองด้วยน้ำเสียงอบอุ่นที่เจือด้วยความรู้สึกขอร้อง

หากสังเกตรอบด้านให้ดีจะรู้ได้ว่าเวลานี้แร็กนาร์ รูร์กัส และโกยาตเลย์ ไม่ได้ตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งหมอชรายังหายไปจากห้องตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ

คำร้องขอของเบียกโกะที่ขอร้องแร็กนาร์เอาไว้ คือ หากการเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆขึ้น ให้ช่วยดูแลเด็กทั้งสองแทนเขาด้วย และจงรู้ไว้ว่าทุกสิ่งที่เห็นไม่ได้เป็นความจริงเสมอไป ดังที่ว่า หากจะหลอกศัตรูให้แนบเนียนต้องหลอกพวกเดียวกันก่อน และเบียกโกะยังไม่ไว้ใจพวกทาคุมะเต็มร้อย เขาจึงไม่ได้ขอร้องเอาไว้ แม้แต่ตัวแร็กนาร์เองเบียกโกะยังคงปิดบังแผนบางส่วน มีเพียงคำเตือนนั้นและคำขอร้อง 2 ข้อ จากเจ้าตัวเท่านั้น

แร็กนาร์ที่รับคำขอร้องนั้นมาจึงรู้ดีว่าเบียกโกะปลอดภัย และเขาก็เข้าใจมากพอว่าความคิดนี้จะบอกใครไม่ได้ เพราะเขาเองก็ยังไม่เชื่อใจใครเช่นเดียวกัน จึงต้องห้ามเด็กน้อยฝาแฝดตามที่รับปากเอาไว้เท่านั้น และดูเหมือนรูร์กัสกับโกยาตเลย์จะเข้าใจความคิดนี้พวกเขาจึงทำใจให้สงบลงได้ภายในเวลาไม่นาน

“อย่าห้ามนะ ข้าจะไป ข้าจะไป ท่านพ่อข้ากำลังจะตาย พวกเจ้าไม่เข้าใจรึไงกัน” ฮิโรกิไม่แม้แต่จะเรียกสติตนกลับมา เขาหลับหูหลับตากล่าวเช่นนั้นแล้วเข้าไปผลักแร็กนาร์กับรูร์กัสที่ขวางทางอยู่ ร่างที่แทบหมดแรงจึงเซล้มไปทับรูร์กัสจนล้มลงไปที่พื้นทั้งคู่

ซูม! เพล้ง

เอลลูญ์ใช้พลังสายฟ้าเป็นม่านขวางฮิโรกิเอาไว้ แต่ด้วยพลังที่มากเกินไปจึงกระทบเข้ากับมิติปิดกั้นจนแตกออก ฮิโรกิที่ชนเข้ากับม่านพลังสายฟ้ากระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ หลังจากที่แตะโดนเพียงน้อยนิด ก็เจ็บแปล็ปไปทั่วร่าง
ฮิเดโอะเองที่กำลังพุ่งตัวตามฮิโรกิไปก็ชะงักด้วยความตกใจ และในจังหวะนั้นเอง เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของเขา

‘เบียกโกะปลอดภัย ไม่ตายๆ’

"กรู้ กรู๊"

มันคือเสียงเขาเจ้าโกยาตเลย์นั่นเอง มันเข้าใจจุดประสงค์ของแร็กนาร์ จึงช่วยคิดหาทางบอกเด็กชายฝาแฝดโดยไม่ให้ผู้ใดรับรู้
ด้วยความสามารถสื่อสารทางจิตอันแข็งแกร่งของมันที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ตามความปรารถนาที่แรงกล้า มันจึงรู้ว่าตนทำเช่นนี้ได้ โดยลองใช้ขออนุญาตจัดการเรื่องนี้จากแร็กนาร์เมื่อครู่

เด็กน้อยทั้งสองลังเลก่อนที่จะมองใบหน้าที่จริงจังของเจ้านกตัวน้อย สลับกับแร็กนาร์และรูร์กัส จนเจ้าตัวยอมสงบลงในที่สุด
เหตุการณ์ที่อยู่ๆความเงียบก็เข้าปกคลุม เด็กชายฝาแฝดที่สงบลงนั้นสร้างความประหลาดใจให้เรย์ นาฟ และเอลลูญ์ไม่น้อย แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเงียบแล้วกลับไปสนใจเหตุการณ์ด้านนอก ยิ่งได้ฟังบทสนทนาอันแสนชั่วช้าเหล่านั้น พวกเขาจึงโกรธเกรี้ยวในใจ ทั้งสงสาร ทั้งเวทนาซาดาโอะผู้ที่ถูกหลอกใช้เป็นอย่างยิ่ง การหลอกใช้ความรู้สึกรักของผู้อื่นเช่นนี้ช่างต่ำช้าเสียยิ่งกว่าสัตว์นรกตนใด น่ารังเกียจจนเกินกว่าจะให้อภัย

และแล้วพวกเขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อพบว่า เบียกโกะยังไม่ตาย ร่างกายของเขาดูแข็งแรงกว่าสภาพโชกเลือดดังที่เห็นภายนอก ภายในห้องจึงเต็มไปด้วยความโล่งใจที่เห็นว่าทุกอย่างกลับมาเข้าที่เข้าทาง

แร็กนาร์เองก็รู้สึกโล่งใจเช่นเดียวกันที่ตนถ่วงเวลาเอาไว้ได้สำเร็จ เพียงเท่านี้แผนการก็จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่น องครักษ์ตัวน้อยทั้งสองของเขาก็ยังคงปลอดภัย อาการของเจ้าตัวจึงดีขึ้นไม่น้อย

“เสียงฝีเท้า มิติปิดกั้นแตกไปแล้ว เราคงซ่อนตัวอีกไม่ได้” แร็กนาร์กลับมาอยู่ในท่าทางปกติ อาการเจ็บที่หน้าอกสงบลงแล้ว ประสาทสัมผัสจึงกลับมาเฉียบคมเช่นเดิม จากที่ได้ยินบ่งบอกว่าพวกมันอยู่ไม่ไกลมากนัก คงเพราะพวกมันคาดเดาว่าทาคุมะ เรย์ นาฟ และเอลลูญ์ ซ่อนตัวอยู่ที่นี่

เทโทระที่หลอกใช้ซาดาโอะคงไม่ได้บอกกล่าวถึงการมาของทาคุมะเพราะกลัวเสียแผน ดังนั้นพวกมันคงคิดฆ่าปิดปากในเวลานี้เป็นแน่ ก่อนหน้านี้พวกมันคงไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาจึงเพียงแค่วนเวียนตามหาอยู่บริเวณนี้ แต่เวลานี้มิติปิดกั้นแตกด้วยพลังของเอลลูญ์ไปแล้วจึงไม่อาจปกปิดตัวตนของพวกเขาได้อีก

“แย่แล้ว พวกมันมีเยอะซะด้วยสิ” เรย์ก็ได้ยินเสียเช่นเดียวกัน เขาแปลกใจที่แร็กนาร์ได้ยินอยู่ไม่น้อย เพราะเสียงมันเบามาก ถึงขั้นที่คนที่เหลือไม่รู้สึกถึงมัน แต่ก็ได้แต่เก็บข้อสงสัยไว้ในใจ

“พวกที่มีฝีมือจริงๆมีแค่ 3 คน แต่พวกที่เหลือก็เยอะกว่าเราหลายเท่าตัว” จากการวิเคราะห์จากฝีเท้านั่นคือข้อสรุปของแร็กนาร์ พวกมันคงคิดกำจัดพวกเขาด้วยกำลังคนที่มากกว่า

ในห้องเหลือเพียง แร็กนาร์ รูร์กัส โกยาตเลย์ ฮิเดโอะ ฮิโรกิ เอลลูญ์ เรย์ และนาฟ เหลือเพียงเด็กน้อย และลูกครึ่งที่มีพลังเพียงน้อยนิด กับจำนวนศัตรูที่มากกว่าหลายเท่า นั่นทำให้พวกเขาอยู่ในช่วงวิกฤติยิ่งกว่าด้านนอกเสียแล้ว

“พวกเราสู้กับพวกนั้นทั้งหมดไม่ไหว คงต้องวางแผนกำจัดหัวหน้าของพวกมันทั้ง 3 คนนั้นก่อน” แร็กนาร์เสนอความคิดของตน เขามีแผนอยู่มาก แต่ต้องถามความสมัครใจของพวกนั้นเสียก่อน

“ข้าเห็นด้วย แต่เราจะใช้วิธีไหนล่ะ” เรย์กล่าวสบทบ เพราะเขาเองก็เป็นอีกคนที่รับรู้ถึงภัยคุกคามนั้น ส่วนคนอื่นๆนั้นตอนนี้แทบจะทำหน้าเหลอหลาด้วยความงุนงงไปเสียหมด ใบหน้าฉายแววคำถาม เจ้าพวกนี้คุยบ้าอะไรกัน

“ถ้าเราหลอกล่อให้พวกนั้นแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ก็จะล่าหัวของผู้ที่แข็งแกร่งได้ง่ายขึ้น” แต่ถึงเป็นเช่นนั้นพวกเขาทั้งสองก็หาได้สนใจผู้คนรอบข้างแต่อย่างใด กล่าวต่อไปโดนไร้ความสงสารที่จะไขความกระจ่างให้ผู้อื่นไม่

“ถ้าเช่นนั้นเราก็ต้องหลอกล่อให้พวกมันสลัดหลุดจากเหล่าสมุนที่ติดสอยห้อยถามมานั้นด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นเราก็จะได้เปรียบมากว่า” เรย์กล่าวเสริมแผนการของแร็กนาร์ แร็กนาร์เองก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะเขาก็คิดเอาไว้เช่นเดียวกัน

“ใช่ แต่ประเด็นหลักของเราคือการแบ่งกลุ่มต่อสู้ ถึงพวกมันจะถูกล่อหลอกให้อยู่ตนเดียว ข้าคิดว่าพวกมันต้องแกร่งกว่าพวกเราแน่นอน ถ้าไม่วางแผนดีๆฝ่ายเราต่างหากที่จะเพลี่ยงพล้ำ” กล่าวจบแร็กนาร์ก็มองเรย์อย่างขอความเห็น เพราะจากที่แบ่งได้ชัดเจนคงได้เพียงสองกลุ่ม หากแบ่งเป็นสามมันจะมีโอกาสพลาดมากเกินไป

“ข้าคิดว่าควรแบ่งตามความคุ้นเคยของพลัง เพราะอย่างไรหากต้องร่วมกันโจมตีต้องรู้จักพลังของอีกฝ่ายดี จึงมีโอกาสชนะมากกว่าจับคู่กับคนที่เราไม่คุ้นเคย” เรย์กล่าวด้วยความหนักใจ เขาพอจะเข้าใจแร็กนาร์ เพราะเขาเองก็จนปัญญาจะแบ่งกลุ่มให้ออกเป็นสาม ในเมื่อผู้ที่ดูท่าจะพึ่งพาได้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย

“นั่นสินะ หรือเราควรเปลี่ยนแผน แผนนี้เสี่ยงเกินไป”

..

..

..

ภายในห้องเตรียมพร้อมด้วยความระทึก รอคอยให้พวกมันเข้ามาใกล้ในระยะพอเหมาะที่จะเริ่มแผนการ

แร็กนาร์ให้สัญญาณเริ่มต้นพวกเขาก็แยกตัวออกเป็น 3 ทางด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเหล่าลูกสมุนระดับต่ำจะตามทัน เป้าหมายคือล่อศัตรูให้ออกไปสู้นอกกำแพง เพื่อไม่ให้รบกวนการต่อสู้ภายใน

กลุ่มแรกที่พ้นเขตประตูทิศตะวันตกคือ กลุ่มของเด็กชายฝาแฝดทั้งสอง เพียงแต่ไม่ได้มีเพียงพวกเขา ที่ความเร็วเหนือกว่ากลุ่มอื่นเพราะเจ้าตัวนั่งอยู่บนสัตว์สี่เท้าตัวสีแดงเพลิงตัวใหญ่ยักษ์ที่สามารถแบกรับน้ำหนักของผู้ใหญ่ได้ 2-3 คน นอกจากนี้ยังห้อมล้อมไปด้วยเจ้าสัตว์สี่เท้าตัวเล็กอีก 8 ตัว พวกเขากำลังอยู่ในฝูงหมาป่าเพลิงนั่นเอง

ชิบะ คือ สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของปีศาจน้อยทั้งสอง พวกเขาเก็บมันมาเลี้ยงตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ เพราะหาพ่อแม่มันไม่เจอ ช่องที่เขาเคยคิดจะใช้หลบหนีเมื่อครั้งที่พาแร็กนาร์ลอบเข้ามาคือช่องสำหรับการออกจากบ้านของเจ้าสัตว์ตัวนี้นั่นเอง เพียงแต่เวลานี้มันตัวใหญ่เกินกว่าจะใช้ช่องทางนั้นแล้วเท่านั้นเอง

หากจะเข้ามาด้านในมันเพียงกระโดดข้ามกำแพงอันสูงชะรูดเท่านั้น ที่ใช้อยู่ก็เลยคงมีแค่ลูกๆของมันเท่านั้นเอง

ฮิเดโอะกับฮิโรกินั้นเว้นระยะห่างจากเจ้าสัตว์ตัวโตตั้งแต่มันเริ่มออกไปสร้างครอบครัวด้านนอก เพราะหมาป่าเพลิงเกลียดมนุษย์ มันจึงให้กลิ่นมนุษย์ติดตัวกลับรังไปบ่อยนักไม่ได้ แต่เวลานี้ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์มังคงรับรู้ถึงเงาร้ายที่กล้ำกลายหมายจะทำลายชีวิตผู้มีพระคุณของมัน มันจึงได้กลับมาพร้อมลูกๆเช่นนี้

ในตอนแรกที่แร็กนาร์กับเรย์กำลังหารือกันเรื่องเปลี่ยนแผนการ ก็ต้องชะงักงันเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของฝูงสัตว์สี่เท้าที่กำลังพุ่งทะยานเข้าตรงมาบริเวณนี้ด้วยความเร็ว ภายใต้สถานการร์ตรึงเครียดที่ยากจะรับมือเช่นนี้ พวกเขาจึงทำได้เพียงเตรียมพร้อมต่อสู้เท่านั้น การเคลื่อนที่ที่เร็วเกินไปเหล่านั้น จะเตรียมแผนการใดรับมือได้ทันเล่า

แต่แล้วเมื่อพวกมันโผล่พรวดเข้ามา สถานการณ์ตรึงเครียดก็คลี่คลายลงด้วยเสียงร้องดีใจของเด็กชายฝาแฝด

ทั้งยังมั่นใจถึงขั้นเสนอให้ใช้แผนเดิมดังที่แร็กนาร์ปรึกษากับเรย์ในตอนแรก และผู้เสนอก็ยังคงเป็นฮิเดโอะผู้ฉลาดเกินเด็กอีกเช่นเคย เขาปะติดปะต่อคำพูดเหล่านั้นแล้วจึงเข้าใจแผนการในที่สุด แต่ตอนแรกเขาไม่กล้าสอดปากออกความเห็น เพราะดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นตัวถ่วงในแผนการนี้มากที่สุด จะเรียกร้องสิ่งใดได้อีกเล่า

เมื่อเจ้าชิบะโผล่มาจึงเรียกความมั่นใจให้เขาไม่น้อย เจ้าตัวอยากช่วยให้มากที่สุด จึงเสนอตัวที่จะจัดการศัตรูให้ โดยยกเหตุผลด้านพลังของเจ้าสัตว์สี่เท้าทั้งฝูงว่าเก่งกาจเพียงใด แม้แร็กนาร์จะห่วงอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยอมรับให้ความเด็ดเดี่ยวที่ฉายออกมาทางแววตาจของเด็กทั้งสอง เขาจึงทำเพียงฝากฝังความปลอดภัยของเด็กน้อยกับเจ้าหมาป่าเพลิง 9 ตัวนี้เท่านั้น

และด้วยความเร็วที่แต่ละกลุ่มออกตัวไปคนละทิศ ทำให้เหล่าหัวหน้าที่นำลูกสมุนทั้งสามตัดสินใจพุ่งตัวออกไปโดยทิ้งสมุนที่ไร้ความเร็วเอาไว้เพียงเท่านั้น หากตนใดตามทันก็ตามไป แต่หากไม่ทันก็ถูกทิ้งไว้ตามรายทาง จนในที่สุดฝ่ายที่ตามพวกฮิเดโอะกับฮิโรกิมาเหลือเพียงตัวหัวหน้าที่เก่งที่สุดเพียงตนเดียว

พวกเขาหยุดลงในระยะที่มากพอ รอเพียงชั่วครู่ศัตรูตัวร้ายที่พวกเขาจำได้ขึ้นใจก็โผล่หัวออกมา

“หึๆ เจอกันอีกแล้วนะขอรับนายน้อย” ผู้ที่ปรากฏตัวออกมาคือคุระ เจ้าปีศาจร้ายสมาชิกของกลุ่มโนบุที่ใช้มือจ้วงแทงหมายสังหารเขาเมื่อคราวก่อนนั่นเอง

“กรร” เสียงหมาป่าเพลิงดังระงมเพื่อข่มขู่ศัตรูของมัน ขนบนร่างก็ตั้งชัน เตรียมพร้อมสู้ทุกขณะ

ฮิเดโอะนั้นแม้อายุยังน้อย แต่เขาก็มีพรสรรค์ของสายเลือดตระกูลยาฉะ จึงสามารถสื่อจิตกับสัตว์ทั้ง 9 ได้เป็นอย่างดี  ด้วยที่คลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็กทำให้เด็กน้อยก้าวข้ามข้อจำกัดที่จะควบคุมสัตว์ได้เพียงน้อยนิดนั่นไป หนึ่งปีศาจ เก้าสัตว์จึงรวมใจเป็นหนึ่งเดียว

ลูกๆของชิบะกระโจนหายเข้าไปในพุ่มไม้รอบด้าน เหลือเพียงเจ้าสัตว์สี่เท้าตัวโตที่ขึ้นขี่ด้วยเด็กน้อยฝาแฝดทั้งสอง และศัตรูอีกหนึ่งตนเท่านั้น

มือเล็กลูบแผงคออย่างใจเย็น เขาต้องการให้เจ้าชิบะทำตามแผนโดยไม่วู่วามตามวิสัยของหมาป่าเพลิง   เจ้าหมาป่าเพลิงตัวโตก็รับรู้ถึงสัมผัสนั้นมันจึงหยุดชะงักการจู่โจมของตนลง

“ข้าก็ไม่คิดว่าเราจะได้พบกันอีกครั้งเร็วถึงเพียงนี้” น้ำเสียงเยือกเย็นเกินเด็กกล่าวตอบโต้ เวลาเป็นตายเช่นนี้ฮิเดโอะเข้าใจว่าตนควรเยือกเย็นและรอบครอบกว่าเวลาใด หากมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำพลาด แผนการทั้งหมดจะล้มเหลว เมื่อตระหนักเช่นนั้นเด็กน้อยจึงข่มใจให้สงบอยู่ได้เช่นนี้

คุระชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเหยื่อของตนมีท่าทางต่างออกไปจากคราวก่อน  เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์กลับทำให้เด็กน้อยเติบโตได้ถึงเพียงนี้นับว่าน่าตกใจไม่น้อยเลย

ฮิเดโอะเพียงยิ้มรับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันไปสบตากับฮิโรกิ  เพียงเท่านั้นแฝดน้องก็รับรู้ว่าแฝดพี่ของตนต้องการสิ่งใด จากนั้นร่างของฮิเดโอะก็แปรเปลี่ยนเป็นเสือดำก่อนจะทะยานตามเหล่าลูกของชิบะไป

“ฮ่าๆ  อะไรกันๆนายน้อยจอมขี้ขลาด ปากเก่งไปเท่านั้น ยังไม่สู้ก็หนีไปแล้วหรือ” คุระตะโกนไล่หลังฮิเดโอะอย่างเย้ยหยัน ดูถูกเด็กน้อยเป็นอย่างยิ่ง แต่กระนั้นก็ดูเหมือนว่าฮิเดโอะจะไม่คิดแม้จะหันหลังกลับมามอง

“หุบปาก!”

“กรร!”

หนึ่งเจ้านาย หนึ่งสัตว์เลี้ยงตะหวาดเกล้าอย่างโกรธเกรี้ยว ความโกรธแปรเปลี่ยนเป็นพลังที่ใช้เพียงสัญชาตญาณในการต่อสู้
ฮิโรกินั้นเชื่อเพียงสัญชาตญาณเขาจึงมีความสามารถในการควบคุมน้อยกว่าฮิเดโอะ  ด้วยที่แฝดพี่รู้เรื่องนี้ดี  เจ้าตัวจึงให้ฮิโรกิควบคุมเพียงชิบะเท่านั้น แม้ยิ่งตัวใหญ่จะยิ่งควบคุมยาก แต่เจ้าชิบะใช่จะไร้สมอง มันเก่งกล้าเกินพวกเขาเสียอีก การเริ่มแผนขั้นแรกจึงวางใจพวกเขาได้

ชิบะปลดปล่อยพลังเพลิงออกมาทั้งร่าง มันไม่กลัวฮิโรกิจะทนรับพลังอันล้นหลามไม่ไหว เพราะจุดแข็งของฮิโรกิคือความ
แข็งแกร่งของร่างกาย มันจึงไม่ต้องข่มพลังเช่นตอนที่ฮิเดโอะนั่งอยู่ เด็กทั้งสองมีจุดอ่อนและจุดแข็งต่างกันเช่นนี้เอง

“ไปกันชิบะ”

“กรร”

เมื่อผ่านจุดที่ต้องรับพลังปะทุไปได้ เปลวเพลิงนั้นก็ค่อยๆรวมเป็นหนึ่งกับร่างกายของฮิโรกิ เวลานี้ไฟจึงลุกไหม้โหมแรงโดยมีหนึ่งเจ้านายหนึ่งสัตว์เลี้ยงอยู่ใจกลางเปลวเพลิงนั้น

คุระเคร่งเครียดกับภาพที่เห็น เขาไม่คิดว่าเด็กตัวเท่านี้จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหมาป่าเพลิงอันแข็งแกร่งได้ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่อาจบังคับให้พลังของจิ้งจอกเพลิงปะทุเต็มที่ได้ถึงเพียงนี้

มันได้แต่คิดเคียดแค้นในใจ นี่สินะขีดจำกัดสายเลือด ช่างน่าอิจฉาเสียจริงๆเพียงสืบสายเลือด  ไม่ต้องพยายามสิ่งใดก็ได้รับพลังที่มากมายถึงเพียงนี้ คอยดูเถอะข้าผู้นี้จะกำจัดมันสิ้นซาก

ดวงตาของคุระแดงก่ำขึ้นไปอีกด้วยความรู้สึกดำมืด มันเกลียดชังเหล่าผู้มีขีดจำกัดสายเลือดเป็นอย่างยิ่งจึงได้รับงานนี้มาทำโดยไม่ห่วงชีวิต และแล้วมันก็มาถึง สิ่งที่วาดฝันนั่นคือเหยียบย่ำผู้มีขีดจำกัดสายเลือดให้จมดิน

ชิบะที่ถูกกระตุ้นพลังจนถึงขีดสุดกระโจนเข้าใส่คุระด้วยความเร็ว ปากอ้ากว้างคำรามและหมายกัดกินศัตรูที่อยู่ตรงหน้า

เคร้ง!

คุระยกดาบขึ้นรับคมเขี้ยวนั้นไว้อย่างทันท่วงที ดาบ  2 เล่มไขว่กันเพื่อรับแรงจู่โจมอันมหาศาล มันพยายามต้านทางพลังนั้นแต่ร่างกายก็ถูกอัดกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว แล้วหายไปจากระยะสายตาของคู่ต่อสู้

มันปรากฏตัวด้านขวาหมายจู่โจมลำคอ  แต่เจ้าชิบะก็ใช้เท้าหน้าตะปบรับไว้ได้ทัน มันเคลื่อนตัวไปรอบๆแต่ดูเหมือนไม่ว่าจะจู่โจมจากทิศทางใด เจ้าหมาป่าเพลิงก็รับได้เสียหมด

แต่ความเป็นจริงนั่นเป็นความสามารถของฮิเดโอะเขาสามรถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวด้วยสัมผัสทั้ง 5 อันแม่นจำ จึงสั่งการชิบะให้รับมือได้ทุกครั้งไป

“แก!” คุระกัดฟันโกรธ จ้องมองอย่างโกรธเกรี้ยว คิดริษยาในใจว่าที่เขาสังหารฮิโรกิไม่ได้เสียทีเพราะหมาป่าเพลิงที่รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของเขา ในใจจึงยิ่งฝังลึกด้วยความมืด เขาไม่รู้ว่าฮิโรกิต่างหากคือผู้ที่รับรู้ถึงตัวตนทั้งหมดของเขา จึงเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันริษยาอยู่เช่นนี้

ยิ่งเมื่อคิดถึงพลังที่หมาป่าเพลิงแสดงออกเมื่อเขาเข้าควบคุมยิ่งโกรธเกรี้ยว เจ้าหมาโง่ เหตุใดจึงฟังคนอ่อนแอ แต่ปฏิเสธผู้ที่แข็งแกร่งเช่นข้าเล่า

จิตใจของคุระมืดมิด ดังเจ้าตัวจมหายลงไปในบ่อโคลนอันดำมืด สติที่มีถูกดึงหายไป เหลือไว้เพียงความกระหายเลือดเพียงเท่านั้น

ก้อนสสารมืดที่ได้รับมาจากชายผู้นั้นปะทุออก กลายเป็นขุมพลังสีดำห่อหุ้มร่างกาย พลังชีวิตถูกรีดเร้นออกมาใช้จนเกิดพลังอันมหาศาลเกินปีศาจทั่วไป

ดังเครื่องจักรสังหารที่พร้อมทำลายทุกสิ่งให้ราบเป็นหน้ากอง
 




  To Be Continued...

__________________________________________
สวัสดีค่า มาแล้วๆ จ่ายค่าตัวแร็กนาร์ไปแล้ว แต่ก็ยังมานิดเดียว กร๊ากก
นี่แหละน้าแร็กนาร์น้อยของเราเล่นตัวจริงๆเล้ย
เพราะอย่างนั้นขอพื้นที่ให้สองแฝดโชว์ฝีมือก่อนะคะ
เด็ก 2 คนนี้ก็น่ารักนะ ฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจกันด้วยนะคะ
 ฟินๆกับ 2 แฝดขาวดำไปก่อนน้า
แล้วเจอกันจ้า


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เอาอีกจิ นะน้าาา

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 35
ท่าไม้ตายสุดท้าย


สสารสีดำที่ห่อหุ้มร่างกายของคุระเต็มไปด้วยความน่าสะพรึง มันเต็มไปด้วยไอสังหารอันมหาศาลจนฮิโรกิแทบหายใจไม่ทั่วท้อง ส่วนเจ้าชิบะมันก็ปล่อบรังสีฆ่าฟันออกมาหักล้างไอสังหารเหล่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วฮิโรกิคงไม่อาจคงสติเอาไว้ได้เช่นนี้

ฮิโรกิรับรู้ได้ถึงความช่วยเหลือที่ได้รับ แม้ไร้ประสบการณ์การต่อสู้ แต่เขาก็รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าสสารนั้นอันตราย และเขาก็กำลังได้รับการปกป้องจากเจ้าชิบะ มือน้อยๆจึงลูบขนนุ่มบนหลังคอเจ้าชิบะด้วยความขอบคุณ

เวลานี้เขาต้องพึ่งเพื่อนตัวโตนี้ ฮิโรกิรู้ดีว่าตนยังอ่อนแอ จึงพยายามทำใจให้สงบแล้วเข้าควบคุมเจ้าชิบะอีกครั้ง เขาต้องละทิ้งความกลัวที่เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่ต่างจากตัวถ่วงเช่นที่ผ่านมา

เปลวเพลิงที่แดงที่ลดลงเล็กน้อยตั้งแต่ฮิโรกิควบคุมความรู้สึกตนเองไม่ได้นั้นก็ลุกโหมขึ้นอีกครั้ง ได้เวลาเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจตนนี้แล้ว

บรรยากาศรอบด้านกดดันขึ้นเรื่อยๆดังทดสอบความอดทนว่าใครจะเผยช่องว่างให้อีกฝ่ายเข้าโจมตีก่อน ดวงตาสีแดงของทั้งสามก็ทอประกายท่ามกลางความมืด จดจ้องอย่างไม่ลดละจนในที่สุดผู้ที่ขยับตัวก่อนก็เป็นฝ่ายของฮิโรกิ

หมาป่าเพลิงพุ่งเข้าใส่คุระที่เปิดช่องว่างเพราะหันไปสนใจเสียงอึกทึกครึกโครมที่ดังขึ้นรอบๆจนเสียจังหวะไปชั่วขณะ และเสียงที่ดังขึ้นก็เป็นดังสัญญาณที่ส่งให้พวกฮิโรกิว่าจงสู้ให้เต็มที่

นอกจากจะเตรียมแผนขั้นถัดไปแล้ว ฮิเดโอะยังไปเตรียมสถานที่ต่อสู้ด้วย การต่อสู้ด้วยเปลวเพลิงภายในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้คงไม่แคล้วป่านี้จะถูกเผา เขาและลูกๆของชิบะจึงจัดการล้มต้นไม้ที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยให้ล้มลง ไม่ให้ไฟลุกลามไปถึงป่าโดยรอบไปมากกว่านี้ หากจะทำลายก็ทำในพื้นที่ที่จำกัดเอาไว้เท่านั้น

ดังนั้นเวลานี้เองชิบะก็ไม่ต้องคำนึงว่าไฟจะลุกลามไปถึงบ้านของมัน หรือป่าที่เป็นดังสวนในบ้านของมันอีก เมื่อไร้ห่วงพลังที่ระเบิดออกมาจึงเพิ่มมากขึ้น ความเร็วและพลังก็เพิ่มขึ้นเมื่อปราศจากความลังเล

ชิบะอ้าป้ากกว้างขณะพุ้งจู่โจม เปลวไฟสีแดงถูกพ่นออกจากปากพุ่งเป้าไปที่ศัตรู แต่น่าเสียดายคุระหลบมันได้อย่างง่ายดายไฟจึงพุ่งไปโดนต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังเกิดเพลิงลุกไหม้ต้นไม้ใหญ่จนหักโค่นล้มลงทับต้นที่อยู่ข้างๆ ไฟลุกลามเป็นวงกว้าง อนุภาพมันร้ายแรงถึงขั้นทำลายต้นไม้ใหญ่โตลงได้ง่ายๆ หากเป็นศัตรูของมันคงมีสภาพไม่ต่างจากต้นไม้ต้นนั้นเลย

คุระหลับเปลวไฟทันอย่างฉิวเฉียด แม้มีสติสัมปชัญญะเหลือเพียงน้อยนิดก็ตาม ความมืดที่เต็มไปด้วยไอสังหารนั้นควบคุมสติจนแทบไม่อาจควบคุมพลังในร่างได้

และน่าเสียดายที่เปลวเพลิงเมื่อครู่เป็นเพียงตัวล่อ ร่างของชิบะหายไปจากระยะสายตาตั้งแต่ที่คุระพุ่งตัวหลบ มันไปปรากฏตัวอยู่ด้านนั้นอยู่ก่อนแล้ว ดังคาดการณ์ได้ว่าคุระจะหลบไปทิศทางใด

ฮิโรกินั้นเชื่อในสัญชาตญาณอันเฉียบแหลม และบางครั้งมันก็ไม่ต่างจากการวัดดวง ในเสี้ยวความคิดมีความคิดที่ว่าคุระต้องไปที่ตรงนั้นเขาก็สั่งให้ชิบะไปรออย่างไม่ลังเล

ชิบะอ้าปากเผยคมเขี้ยวอันแหลมคมกัดเข้าที่ไหล่ของคุระอย่างจังจนเลือดสีแดงพุ่งกระฉูดเปรอะเปื้อนไปทั่วปาก

“อ้าก!” ความเจ็บปาดแล่นไปทั่วร่าง แต่คุระก็ฝืนสลัดตัวออกจากคมเขี้ยวนั้น เขากระโดนถอยหลังอย่างโกรธแค้น ไหล่ซ้ายที่ถูกกัดก็หายไปหลายส่วน กลายเป็นแผลกว้างอันน่าหวาดกลัว

แต่เพียงไม่นานเลือดก็หยุดไหล สสารสีดำค่อยๆห่อหุ้มบริเวณนั้นปิดปากแผลอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะสร้างเนื้อเยื่อใหม่ซ่อมแซมส่วนที่หายไปอย่างน่าอัศจรรย์

ฮิโรกิกับชิบะมองภาพนั้นด้วยความตกตะลึง สิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขาแล้ว ความเสียหายมากมายเช่นนั้นกลับรักษาได้ในชั่วอึดใจ การต่อสู้ครั้งนี้คงยากลำบากกว่าที่ผ่านมาอย่างเทียบไม่ติดเลยทีเดียว

“ฮ่าๆ เป็นอะไรไปเล่า ตกใจรึ หึหึ หรือหวาดกลัวกัน เอ้า! เข้ามาสิ” คุระกล่าวอย่างท้าทาย เขาเองก็ตกใจกับพลังที่ได้รับมา เพราะครั้งนี้เขาใช้มันเป็นครั้งแรก แต่เมื่อเห็นความอัศจรรย์เช่นนี้ เขาก็รับได้อย่างง่ายดาย

เขาไม่คำนึงถึงสิ่งที่แลกมาแม้แต่น้อย พลังนี้ยิ่งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ หรือเพิ่มพลังมากเพียงใด อายุขัยยิ่งสั้นลง พลังชีวิตที่ถูกดึงมาใช้ก่อนเวลานั้นจะยิ่งลดลงอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่นานความตกใจเหล่านั้นก็หมดไป ฮิโรกิกับชิบะเข้าจู่โจมอีกครั้ง ชิบะพ่นไฟครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คุระก็ยังหลบได้ ฮิโรกิรับรู้ในทันทีว่าเวลานี้ความเร็วของคุระเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก การต่อสู้จึงยากลำบากมากขึ้นไปอีก

ไม่ว่าพวกเขาจะโจมตีกี่ครั้งคุระก็จะสามารถฟื้นตัวได้ทุกครั้งไปไม่ต่างจากร่างกายที่เป็นอมตะเลย ในที่สุดฝ่ายที่ล้าก่อนก็เป็นเจ้าชิบะ มันเริ่มเหนื่อยและหมดพลัง ร่างกายหอบแฮ่กอย่างห้ามไม่อยู่

เห็นดังนั้นคุระจึงยิ่งโจมตีกลับไปหนักขึ้น จากที่ความเร็วเท่ากันก็กลับกลายเป็นว่าเจ้าชิบะช้าลง จากที่ไล่ต้อนจึงเป็นฝ่ายหลบเลี่ยงบ้าง

ดาบของคุระไม่อาจสร้างรอบแผลให้เจ้าชิบะได้เขาจึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ คำนึงถึงพลังใหม่ที่ได้รับ แล้วลองเพ่งให้สสารสีดำห่อหุ้มดาบของตน เป็นดังคาดมันเป็นไปได้ จากนั้นก็ทดลองใช้

คุระพุ่งเข้าใส่ชิบะ ฝ่ายเจ้าหมาป่าเพลิงก็พ่นไฟใส่ร่างนั้น แต่ด้วยความเร็วที่มากกว่าทำให้คุระหลบได้อย่างไม่ยากเย็น เพียงเบี่ยงตัวเล็กน้อยเขาก็หลบมันพ้น

“ดาบผ่าเกราะ”

ร่างที่เต็มไปด้วยสสารสีดำนั้นพุ่งตัวไปด้านขวาของชิบะแล้วง้างดาบขนานไปกับแนวราบ คมดาบลากผ่านตั้งแต่กลางลำตัวไปจนถึงส่วนหาง

“โฮก!” เจ้าชิบะร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แผลที่เป็นแนวยาวเต็มไปด้วยเลือด แต่กระนั้นมันก็ไม่ยอมล้มลง ยังคงจ้องมองศัตรูอย่างไม่ยอมแพ้

“อา ข้าโจมตีได้แล้ว” คุระกล่าวพร้อมกับยกดาบขึ้นมาตวัดล้นชิมเลือดอย่างไม่คิดรังเกียจ ดวงตาก็ทอประกายกระหายเลือด กลิ่นเลือดของศัตรูช่วยกระตุ้นสัญชาตญาณของเขาจนในใจมีแต่คำสั่งให้ฆ่า ฉีกกระชากร่างของศัตรูออกเป็นชิ้นๆ เพื่อลิ้มรสกลิ่นคราวเลือดอันหอมหวาน

ดวงตาสีแดงของเผ่าพยัคฆ์ถูกย้อมจนเป็นสีดำ สิ่งที่ทอประกายในดวงตานั้นมีเพียงความตาย จากนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมอีกครั้ง
การต่อสู้เต็มไปด้วยความกดดัน ร่างของชิบะเริ่มเกิดบาดแผลที่เต็มไปด้วยเลือดมากมาย พละกำลังก็เริ่มลดลง ส่วนทางคุระนั้นกลับต่อสู้ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ พลังชีวิตลดลง แต่ก็สร้างความหวั่นเกรงให้คู่ต่อสู้ไม่น้อย ใครก็ต้องหวาดกลัวเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ฟื้นฟูได้รวดเร็วดังว่าไม่มีวันตายเช่นนี้

“แฮ่กๆ” ชิบะเว้นระยะห่างออกมาตั้งหลัก ร่างของมันเหนื่อยล้าเต็มที แต่แววตาคู่นั้นก็หาได้หวั่นเกรง มันพร้อมสู้แลกด้วยชีวิตหากมีคำสั่งจากนายน้อยของมัน

“ชิบะ ไม่เป็นไร” ฮิโรกิเองก็ไม่ได้ยอมแพ้ ดวงตานั้นไหววูบด้วยความยินดีเมื่อรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของพี่ชาย หน้าที่ของเขาสำเร็จแล้ว แม้จะหนักหนากว่าที่คิดเอาไว้ก็ตาม

คุระไม่ได้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวรอบๆ เพราะคิดเพียงสังหารศัตรูที่อยู่ตรงหน้า มันจึงทุ่มกำลังเข้าจู่โจมชิบะอีกครั้ง แต่เพียงก้าวได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักงัน รอบๆของมันเต็มไปด้วยลูกไฟที่พุ่งเข้าใส่จากทุกทิศทาง ไม่อาจหลบหนีไปจากการโจมตีครั้งนี้ได้อีก

“อ้าก!” ไฟโหมกระหน่ำลุกไหม้ดังร่างนั้นเป็นเชื้อเพลิง แม้ลูกไฟแต่ละลูกจะอนุภาพไม่เท่าเปลวเพลิงของชิบะ แต่เมื่อมันถูกโจมตีไปที่จุดเดียวกันถึง 8 ลูก ความรุนแรงของมันจึงไม่ต่างกันเลย

ร่างของคุระดิ้นเร่าๆในเปลวเพลิงอย่างเจ็บปวด แต่แล้วก็เกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้นอีกครั้ง

“อว้าก!” คุระหยุดดิ้นแล้วขับพลังในร่างให้ปะทุอีกครั้ง จนเปลวเพลิงนั้นดับลงด้วยกระแสลมที่ปะทุออกมาจากสสารสีดำ พลังชีวิตแทบจะถึงขีดสุด เขาไม่คิดห่วงชีวิตของตนอีกแล้ว การต่อสู้นี้แม้แลกด้วยชีวิต ก็ต้องชนะให้จงได้ เขาต้องสังหารพวกมันทั้งหมดจนไม่เหลือซาก

ภาพอันน่าสยดสยองเกิดขึ้นอีกครั้ง ร่างกายของคุระเต็มไปด้วยบาดแผลไฟไหม้ มีแผลเหวอะหวะไปทั่วร่างกายดังศพเดินได้ก็ไม่ปาน ทั้งยังห่อหุ้มด้วยสสารสีดำนั้นอีกยิ่งเพิ่มความสยดสยองได้หลายเท่าตัว

สสารสีดำค่อยๆฟื้นฟูร่างกายอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับยังคงเหลือร่องรอยของแผลเป็นเหวอะหวะทั่วร่าง ใบหน้า หรือเส้นผมบนศีรษะก็ไม่อาจกลับมาอยู่ในสภาพเดิม เวลานี้ร่างกายของคุระดูน่าเกลียดเป็นอย่างยิ่ง ใครได้มองคงไม่อาจจดจำเขาได้อีกแล้ว
คุระจ้องมองสภาพของตนด้วยความโกรธยิ่งขึ้นไปอีก ฮิเดโอะเห็นโอกาสที่คุระยังจดจ่อกับร่างของตนสั่งการให้ลูกๆของชิบะเข้าโจมตี

‘อิจิโจมตี’

คำสั่งถูกส่งไปที่อิจิเจ้าลูกหมาตัวที่หนึ่งซึ่งซุ่มรออยู่ด้านหลังของคุระ พวกมันทั้ง 8 ตัวถูกสั่งให้ซุ่มตัวอยู่ในความมืด โดยล้อมรอบตัวของคุระเอาไว้เป็นวงกว้าง แล้วเข้าจู่โจมตามลำดับที่ฮิเดโอะสั่งการ

“ฮิโรกิ ชิบะ ยังมีพลังเหลือพอสินะ เตรียมการโจมตีสุดท้ายได้เลย ข้ากับลูกๆของชิบะจะเตรียมการรอให้เอง ทุ่มพลังทั้งหมดใช้ท่าไม้ตายนั่นซะ!” ฮิเดโอะเปลี่ยนแผนฉับพลัน การจับเป็นใช้ไม่ได้อีกแล้ว สัตว์ประหลาดเช่นนี้ต้องกำจัดสถานเดียว ไม่เช่นนั้นผู้ที่เพลี่ยงพร้ำจะเป็นพวกเขาเอง

“รับทราบ เริ่มกันเลยชิบะ!” ฮิเดโอะสั่งการทันที จากนั้นฮิโรกิก็เข้าสู่สมาธิเพื่อใช้ท่าไม้ตายสุดท้าย ฮิโรกิส่งพลังทั้งหมดของตนไปให้กับชิบะ แต่เพื่อให้มันเสถียรและเข้ากันได้ดีที่สุด การทำเช่นนี้จึงต้องใช้สมาธิและเวลามากกว่าการใช้ท่าทั่วๆไป

ฮิเดโอะออกห่างจากตัวชิบะเมื่อสังการจบ จากนั้นเขาก็ขึ้นไปอยู่บนต้นไม้ ต้นที่ยังไม่ถูกทำลายเพื่อมองให้เห็นภาพรวมด้านล่างทั้งหมด

อิจิเข้าโจมตีจากด้านหลัง มันใช้หัวพุ่งชนจนคุระกระเด็นไปด้านหน้า จากนั้นก็กระโดดหลบเข้าสู่เงามืดอีกครั้ง

‘นิจัง ซันจิ ที่แขน’

คำสั่งออกมาอีกครั้งเมื่อคุระหันไปสนใจอิจิที่ลอบโจมตีเมื่อครู่ นิจัง กับ ซันจิ จึง จึงพุ่งออกมาจากฝั่งซ้ายและขวา ใช้เขี้ยวอันแหลมคมฉีกกระชากแขนของคุระตัวละข้างแล้วพุ่งตัวสลับฝั่งกันอย่างรู้ใจ

“อ้าก!” ความเจ็บปวดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อแขนทั้งสองข้างของคุระขาดกระจุยติดไปกับปากของหมาป่าเพลิงทั้งสองตัว ร่างกายที่ขาดไปไม่สามารถงอกใหม่ได้หากเป็นชิ้นส่วนสำคัญเช่นนี้ ต้องนำมันกลับมาต่อคืนเท่านั้น คุระจึงทำได้เพียงปิดปากแผลเอาไว้แล้วชิงแขนของตนคืนมาเท่านั้น

“ไอ้หมารอบกัด! เอาแขนของข้าคืนมา!” คุระคุ้มคลั่ง วิ่งตรงไปยังทิศทางของนิจังในทันที เขาต้องเอาแขนขวาคืนมาเสียก่อน

‘โยโนะ โกจิ’

โยโนะ กับ โกจิ พุ่งตัวจากด้านหลังของนิจัง เข้าสกัดกั้นการโจมตีของคุระในทันที พวกมันพ่นลูกไฟไปที่ขาของคุระตัวละข้าง จากนั้นก็วิ่งผ่านตัวคุระไป

“แกๆๆ ไอ้พวกเดรัจฉาน! วันนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้จงได้!” คุระไม่ยอมทรุดตัวลง มันยังคงยืนหยัดแล้วพุ่งตรงไปหานิจัง

“หงิง!” นิจังลอยละลิ่วด้วยแรงเตะของคุระ แขนที่คาบไว้ก็หลุดออกจากปาก เห็นดังนั้นคุระจึงตวัดเท้าเตะให้แขนของตนลอยขึ้น คาบเอาไว้ แล้วนำไปต่อคืนในทันที

‘โรคุ’

ฮิเดโอะแม้จะห่วงนิจังแต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ตนคาดสายตาจากเป้าหมาย ยังคงโจมตีต่อไป ไม่ปล่อยให้แผนการผิดพลาด ไม่เช่นนั้นการโจมตีของทุกตัวที่ทุ่มเทมาคงสูญเปล่า

โรคุกระโดดลงจากต้นไม้ มันกัดคอของคุระพร้อมโถมน้ำหนักจากด้านบน คุระจึงล้มลงกับพื้น แขนที่กำลังจะถูกต่อกลับคืนก็กระเด็นหลุดไป

‘นานะ ฮะจิ ช่วยโรคุ’

หมาป่าเพลิงทั้งสองเข้าไปกัดขาของคุระ พร้อมฉีกกระชากขานั้นให้หลุดออกมา

“ย้าก!” คุระรีดเค้นพลังทั้งหมดจากร่างกาย พลังที่พุ่งออกมาพาให้หมาป่าเพลิงทั้งสามกระเด็นออกไป และการต่อแขนของมันก็สำเร็จลุล่วง

คุระยืนขึ้นอีกครั้งด้วยความโกรธเกรี้ยว เวลานี้มันไร้สติมีเพียงความต้องการฆ่า เพราะความทรงจำในส่วนลึกบางส่วนปรากฏขึ้นมา พลังของผู้สืบสายเลือดตระกูลยาฉะ สายเลือดผู้ควบคุมสัตว์อันเข้มข้นกว่าปีศาจตนใด

มันจึงคิดได้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีทั้งหมดคือเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ เด็กแฝดผู้มีผิวสีคล้ำนั่นเอง สายตากระหายเลือดนั้นจึงถูกส่งไปยังฮิเดโอะที่อยู่บนต้นไม้แทน

ร่างอันน่าสยดสยองนั้นคำรามดังลั่นก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปหมายโจมตีฮิเดโอะ

หวิ๊ง!

แต่แล้วก่อนที่การจู่โจมจะถึงตัวฮิเดโอะร่างของมันก็ไม่อาจขยับได้ เสียงของเส้นเชือกที่เสียดสีกับร่างกายของคุระดังขึ้น เชือกสีแดงปรากฏขึ้นให้ประจักษ์แก่สายตา เชือกเส้นนั้นถูกโยงไปมาทุกทิศทาง ผูดมัดร่างของคุระไว้อย่างหนาแน่น และปลายเชือกแต่ละด้านก็ถูกยึดไว้ด้วยคมเขี้ยวของหมาป่าเพลิงเส้นละตัว ดังหลักที่ยึดใยแมงมุมเอาไว้ การกระทำเมื่อครู่ของพวกเขาคือการตรึงคุระเอาไว้นั่นเอง

เชือกชนิดพิเศษที่ปรากฏรูปร่างเมื่อได้รับแรงดึงมหาศาลจากทุกด้านนี้ ทำมากจากใยของแมงมุมมายาที่คอยจับเหยื่อไม่ให้หลุดลอดจากกับดักของมัน หากถูกจับแล้วไม่ว่าใครก็ไม่อาจดิ้นหลุดไปได้

“ดึง!” เสียงจากฮิเดโอะดังขึ้น พวกลูกหมาป่าเพลิงทั้ง 8 ตัวก็ออกแรงดึงจนคุระตกลงไปบนพื้น แต่มันยังคงพยุงตัวไม่ให้ล้มลงไปได้ และดิ้นรนอย่างไม่ยอมแพ้

“ปล่อยนะ ข้าบอกให้ปล่อย! ถ้าหลุดไปได้ข้าจะฆ่าพวกเจ้า จะฉีกกระชากให้เป็นหมื่นๆชิ้น พวกเจ้าก็รู้ว่าข้าฟื้นฟูร่างกายได้ ฮ่าๆๆ ข้าไม่มีวันตายจงรู้เอาไว้ซะ!” เมื่อไม่ได้ดังใจต้องการ คุระจึงเริ่มข่มขู่ อย่างไรมันก็มั่นใจว่าเด็กและเดรัจฉานเหล่านี้ไม่มีทางสังหารมันลงได้

“หึหึ ถ้าเช่นนั้นก็ลองฟื้นฟูจากเถ้าถ่านที่แหลกเป็นขุนผงก่อนเป็นเช่นไร” ฮิเดโอะเอ่ยอย่างเหนือกว่า

“ย้าก!”

“โฮก!”

เสียงสัตว์ร้ายทั้งสองคำรามดังตอบรับคำกล่าวของฮิเดโอะ เปลวเพลิงสีแดงก็แปรเปลี่ยนไปเป็นสีดำอย่างสมบูรณ์ ท่าไม้ตายสุดท้ายของพวกเขาสำเร็จแล้ว

“เพลิงทมิฬ!”

“โฮก!”

“ย้าก!”

สัญญาณการโจมตีดังขึ้น ฮิโรกิกับชิบะเข้าโจมตี ส่วนลูกหมาป่าเพลิงทั้งแปดก็ทุ่มพลังทั้งหมดดึงรั้งคุระเอาไว้
ก้อนเปลวเพลิงสีดำอันใหญ่โตถูกปล่อยออกมาจากปากของชิบะ พลังนี้เกิดจากการหลอมรวมพลังของฮิโรกิกับชิบะเข้าด้วยกัน เพราะมันต้องใช้พลังมากมายมหาศาล และการหลอมพลังยังต้องอาศัยความเชื่อใจกันอย่างถึงที่สุด การใช้พลังจึงทำได้ยากเช่นนี้

ส่วนที่ต้องตรึงคุระเอาไว้ตามแผนของฮิเดโอะเพราะว่าแม้เพลิงทมิฬจะมีพลังมหาศาลเพียงใด แต่การโจมตีนั้นกลับช้าเป็นอย่างยิ่ง จึงต้องตรึงคุระเอาไว้ไม่ให้ขยับตัวหลบออกไปได้

“อ้าก!” คุระร้องตะโกนอย่างเจ็บปวด เขาพยายามรีดเค้นพลังจากก้นบึ้ง ต่อให้ต้องใช้พลังชีวิตทั้งหมดเข้าก็ต้องหลุดออกไปจากเปลวเพลิงนี้แล้วลากพวกมันตกตายตามไปด้วยให้จงได้

แต่ถึงแม้สสารสีดำจะปะทุออกมาก็ไม่อาจดับเปลวเพลิงเหล่านั้นได้

“อย่าพยายามเลยคุระ ไฟนี่จะไม่ดับจนกว่าจะเผาผลาญเป้าหมายให้เหลือเพียงเถ้าถ่าน” ฮิเดโอะกล่าวอย่างราบเรียบพร้อมกลับกระโดดลงไปด้านล่าง

ฮิโรกิเองก็ลงจากหลังของชิบะมายืนข้างแฝดพี่ของตน ยืนจ้องมองร่างของคุระที่ค่อยๆจมหายไปให้เปลวเพลิง นี่เป็นการสังหารปีศาจครั้งแรกของพวกเขา จิตใจจึงยังคงหวั่นไหว และมีความหวาดกลัวเกิดขึ้น สองพี่น้องจึงยืนนิ่งๆเช่นนั้นเพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่ตนกระทำลงไป ใช้ความเงียบปลอบประโลมจิตใจที่สั่นไหวอยู่เช่นนั้น

“พวกเรา...ช่วยทุกคนได้แล้ว” ฮิโรกิเอ่ยทำลายความเงียบ แม้เขาจะไม่ฉลาดเท่าฮิเดโอะ แต่เขามีความมั่นใจที่มากกว่า เข้มแข็งมากกว่า เวลานี้จึงอยากช่วยพี่ชายที่อาจคิดฉุดรั้งตัวเองให้รู้สึกผิดว่าเป็นผู้วางแผนทุกอย่าง 

ฮิเดโอะที่ได้ยินเสียงของน้องชายจึงหันหน้าขึ้นมามอง เขาได้พบกับรอยยิ้มที่สดใสอันไม่เข้ากับสถานการณ์

“นะ ฮี่ๆ” ฮิโรกิยังยิ้มดังเป็นบ้า แต่ประโยคสั้นๆที่บอกว่าพวกเขาช่วยทุกคนได้แล้ว พวกเขาไม่ได้เป็นตัวถ่วงของคนอื่นๆแล้วนั่น ก็ช่วยเยียวยาจิตใจของฮิเดโอะได้มากทีเดียว เขาจึงยิ้มออกในที่สุด

“นั่นสินะ พวกเราช่วยทุกคนได้แล้ว ฮี่ๆฮ่าๆ” ฮิเดโอะยิ้มตอบ แล้วหัวเราะอย่างเบิกบานออกมาได้เช่นเดียวกัน นั่นสินะพวกเขาต้องยินดีกับความสำเร็จสิ จะมาเศร้าใจเช่นนี้ได้อย่างไร

“ฮี่ๆ ฮ่าๆ สำเร็จ”

“สำเร็จแล้ว เราชนะแล้ว”

กำปั้นเล็กถูกยกขึ้นมาชนกันเบาๆเพื่อฉลองชัยชนะในครั้งนี้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความเข้าใจที่ส่งผ่านไปให้อีกฝ่ายช่วยให้พวกเขาผ่านพ้นความรู้สึกอันเลวร้ายไปได้ในที่สุด

บู๊วววว

เหล่าเหมาป่าเพลิงเองก็ช่วยฉลองความสำเร็จในครั้งนี้เช่นเดียวกัน บริเวณนั้นจึงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และเสียงหอนอย่างยินดีของเหล่าเจ้าสี่ขาทั้ง 9 ตัว ท่ามกลางเปลวไฟที่ค่อยๆมอดดับลง เผาผลาญความชั่วร้ายจนหมดสิ้น

..

..

..

ทางด้านแร็กนาร์ รูร์กัส โกยาตเลย์ และเคลตี้

“ย้าก!”

ตู้ม!

แผ่นดินหนาที่ถูกสร้างเป็นกำแพงขวางกั้นการโจมตีดังสนั่น แตกออกเป็นเสี่ยงๆด้วยแรงกระแทกอันมหาศาล แต่รูร์กัสก็ยังคงสร้างมันขึ้นอีกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อคุ้มกันแร็กนาร์ และคอยเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรู

แร็กนาร์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วแต่หากไม่อาจตามทันเป้าหมายที่มีพลังลึกลับห่อหุ้มร่างกาย เขาจึงอาศัยช่องว่างที่รูร์กัสเปิดให้เข้าจู่โจม ใช้มีดผ่าตัดอันเล็กเฉือนลึกลงไปถึงเส้นเลือด แต่หากในคราวนี้เลือดไม่ได้กระฉูดออกมา

คมมีดที่เฉือนด้วยความรวดเร็วนั้นจึงแทบมองไม่เห็นบาดแผลเลยทีเดียว ซึ่งหากนับจริงๆแล้วบาดแผลเหล่านั้นมีราวๆ หนึ่งร้อยแผลเลยทีเดียว

แร็กนาร์หันไปสบตารูร์กัสเพื่อส่งสัญญาณว่าถึงเวลาปิดฉากการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว รูร์กัสทุ่มพลังทั้งหมดยกพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของศัตรูขึ้น จึงส่งผลให้มันถูกดีดขึ้นไปกลางอากาศ

ร่างเล็กของแร็กนาร์ที่กระโดดขึ้นไปรออยู่ก่อนแล้วเล็งจุดสุดท้ายที่ลำคอของศัตรู และเมื่อเป็นการจู่โจมกลางอากาศเช่นนี้ผู้ที่มีจุดมุ่งหมายจึงเคลื่อนไหวได้ดีกว่า ศัตรูไม่ทันตั้งตัวมันจึงไม่อาจหลบการโจมตีนั้นได้ทัน

“พวกแกไม่มีวันฆ่าข้าได้” มันตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวที่ต้องเสียท่าให้เด็กน้อย ทั้งยังเป็นเพียงมนุษย์และลูกครึ่ง ชั่งน่าอับอายจนไม่อาจมองหน้าใครได้อีก ดังนั้นหากอยากหลุดพ้นจากความอับอายนั้นเขาจึงต้องฆ่าพวกมันให้สิ้นซาก

“หึ   อย่างนั้นรึ” แร็กนาร์สะแหยะยิ้มเยอะเย้ย มองด้วยสายตาเย็นชาที่ใครได้มองก็ต้องหวาดหวั่นในใจ ดังแช่แข็งคนได้ทั้งเป็น ความกลัวเข้าเกาะกินจิตใจของมันด้วยประโยคแสนธรรมดาอย่างรวดเร็ว เพราะอะไรไม่ทราบมันรู้สึกได้ว่าตัวตนตรงหน้าเป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัวเกินบรรยาย

“ยะ...อย่า อย่านะ!”

ฉั๊วะ!

เสียงสุดท้ายของมัน ก่อนคมมีดเฉือนผ่านเส้นเลือดบริเวณลำคอ เต็มไปด้วยความน่าเวทนา กว่าจะรู้ว่าตนเผชิญหน้ากับตัวตนที่น่าหวาดกลัวเพียงใดก็สายไปเสียแล้ว

ฟึบ!

แร็กนาร์ลงเหยียบพื้นอย่างนิ่มนวล ไม่นานร่างที่ยังคงลอยอยู่กลางอากาศก็เกิดระเบิดลมขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าทุกบริเวณที่ถูกเฉือน เลือดก็กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ร่างกายที่ถูกปิดกั้นการไหลเวียนของเลือดด้วยเปลวไฟร้อนอันแม่นยำ ทำให้เลือดในกายไม่อาจไหลเวียน เดือดพล่านและเกิดการระเบิดภายในร่าง จนร่างกายแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

บนใบหน้าของเด็กน้อยยังคงฉายสีหน้าอันแสนเย็นชา ดังว่าเคยเห็นภาพเหล่านี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

ตู๊บ!
รูร์กัสเห็นภาพนั้นถึงกับขาอ่อน ร่างกายสั่นเทาจนไร้เรี่ยวแรง แม้จิตนาการว่าตนสังหารศัตรูครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นมันด้วยตาของตนเอง ภาพที่เกิดขึ้นเกินกว่าเด็กจะรับได้พาให้รูร์กัสสั่นสะท้านด้วยความกลัวจับขั้วหัวใจ

แร็กนาร์เห็นดังนั้นจึงพึงสำนึกได้ว่า เขาทำเรื่องโหดร้ายต่อหน้าเด็กคนหนึ่งไปเสียแล้ว จึงรีบเข้าไปกอดแล้วลูบหัว ลูบหลังจากปลอบประโลม

“ไม่เป็นไรพี่รูร์กัส ข้าอยู่นี่แล้ว ไม่มีอะไรน่ากลัว ลืมมันไปเสียเถอะ...นะ” ถ้อยคำที่ไม่เคยมอบให้ใครส่งผ่านออกมาอย่างเก้ๆกังๆ เพราะความไม่เคยชิน แต่ก็พยายามส่งผ่านความอบอุ่น ความปลอดภัยไปให้พี่ชายอ่อนโยน

การต่อสู้ของพวกเขาก็จบลงแล้ว การต่อสู้เต็มไปด้วยความราบรื่น ในระหว่างที่หนีนั้นก็วางกลับดักไว้มากมายจนลดทอนพลังของศัตรูได้หลายส่วน เมื่อต้องเผชิญกันตรงๆ หน้าศัตรูก็ระเบิดพลังสสารสีดำออกมา ในตอนนั้นการต่อสู้เริ่มยากลำบาก ไม่ว่ารูร์กัสจะโจมตีเช่นไรมันก็ฟื้นพลังกลับมาได้

แร็กนาร์จึงเสี่ยงใช้พลังที่คิดค้นขึ้นใหม่ มันยังไม่เสถียรดีนัก แต่ก็ช่วยให้พวกเขาสังหารตัวตนที่ฟื้นฟูบาดแผลอย่างรวดเร็วนั้นลงได้

เวลานี้พวกเขาจึงนั่งพักอย่างหมดแรง แต่แล้วเหตุการณ์ที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น

“กรู้ๆ”

เจ้าโกยาตเลย์ร้องเสียงดังก่อนที่จะพุ่งตัวออกไปอย่างไม่ฟังคำทัดทานของแร็กนาร์ มันไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อนพวกเขาจึงยิ่งแปลกใจและกังวล

แร็กนาร์อยากตามโกยาตเลย์ไป แต่ก็ห่วงรูร์กัสที่ใช้พลังไปเกือบหมด และยังต้องพบกับภาพอันแสนน่ากลัวนั้นอีกเขาจึงไม่กล้าที่จะปล่อยรูร์กัสไว้คนเดียว

 ในตอนนั้นเอง เด็กชายฝาแฝดและฝูงหมาป่าเพลิงก็วิ่งตรงมาหาพวกเขา แร็กนาร์จึงฝากฝังรูร์กัสกับพวกเขา แล้วตามเจ้าโกยาตเลย์ไปด้วยความเป็นห่วง และกังวลใจ ลางสังหรณ์ก็ร้องเตือนอย่างไม่ขาดสายว่าศัตรูที่อันตรายยิ่งกว่ากำลังคืบคลานเข้ามา...





To Be Continued...


_______________________________________
กลับมาแล้วค่า กรีนกลับไปพักผ่อนต่างจังหวัดมาล่ะ คุคุ
พึ่งกลับมาถึงเมื่อวานเอง ในที่สุดก็ได้ลงแล้ว เย้
ตอนหน้าพบกับการต่อสู้ของแร็กนาร์เต็มรูปแบบ
ตอนนี้เอาแค่พอหอมปากหอมคอไปก่อนเนาะ หุหุ
เจอกันตอนหน้าจ้า
#ฮาเร็มของแร็กนาร์เด็กซึน


ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
แร็กนาาของเจ้   :mew1:

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
โหดๆทั้งนั้น

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 36
ศัตรูตัวฉกาจ


ขณะเดียวกันทางด้านเอลลูญ์ เรย์ และนาฟ พวกเขาได้พบกับ เอจิ และยาจิที่เดินทางมาหลังจากที่ส่งเจ้านกเค้าแมวล่วงหน้ามาก่อนไม่นานนัก เพราะได้เปิดกระดาษแผ่นนั้นของเบียกโกะเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังได้รับสารอีกฉบับที่ผูกติดกับนกเค้าแมวมาด้วยด้ายสีขาวในระหว่างทางที่วิ่งกลับมานี้

เอจิกับยาจิบาดเจ็บไม่น้อย ทั้งยังเหนื่อยล้าจากการผืนร่างกายให้วิ่งด้วยความเร็วเกินขีดจำกัด แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมพัก เขาขอให้เรย์ช่วยค้นหาสถานที่อันมีภาพลวงตาครอบคลุมเอาไว้ สถานที่อันเป็นดังกุญแจสำคัญในการหยุดเหล่าปีศาจกลุ่มโนบุ
เรย์ลังเลไม่น้อยเพราะเขาไม่มั่นใจในความสามารถของตนนัก ทั้งยังมีเรื่องที่ต้องทำตามแผนของแร็กนาร์อีก ตอนนี้พวกเขายังไม่แม้แต่จะออกไปพ้นเขตบ้านด้วยซ้ำไป

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าจัดการเองพวกท่านไปเถอะ” เอลลูญ์เอ่ยปากขอจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ถ้าหากมันเป็นเรื่องสำคัญก็ต้องทำไม่ใช่หรือ พวกเขาตกลงร่วมมือกับปีศาจเหล่านี้แล้วอย่างไรก็ต้องช่วยจนถึงที่สุด เขาผิดคำพูดของตนไม่ได้

“ถ้าเช่นนั้นฝากดูแลเอลลูญ์ด้วยนะนาฟ” เรย์ตัดสินใจที่จะไป ถ้าหากมันเป็นหนทางที่ดี หากพวกเขาเชื่อในพลังอันน้อยนิดนี้เขาจะขอลองดูสักครั้ง

“ไม่จำเป็นท่านนาฟได้ด้วยเถอะ ข้าดูแลตนเองได้” เอลลูญ์ปฏิเสธ เพราะเขาเองก็ห่วงเรย์ไม่น้อย แม้จะร่วมมือกัน แต่ความเชื่อใจยังมีให้ไม่เต็มร้อย ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาได้ ทั้งยังหากคำนวณเรื่องพลัง เขามีมากเรย์กับนาฟหลายเท่าตัว ขาดเพียงประสบการณ์การต่อสู้เท่านั้น

ทั้งหากอยู่ด้วยกันพวกเขาจึงจะแข็งแกร่งที่สุด นั่นจึงจะทำให้เอลลูญ์วางใจได้ เขาจะแยกทั้งสองออกจากกันได้อย่างไรในเมื่อมันเป็นหนทางที่จะรีดเค้นพลังให้ออกมาอย่างถึงขีดสุดได้

“แน่ใจนะเอลลูญ์” นาฟเห็นสายตาอันมุ่งมั่นในการตัดสินใจของเอลลูญ์จึงถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง เขาห่วงทั้งสองเช่นเดียวกัน เมื่อครู่จึงยากที่จะตัดสินใจ เพราะหากคิดแล้วเอลลูญมีพลังมากกว่าพวกเขา แต่ไร้ประสบการณ์ ส่วนเรย์นั้นมีประสบการณ์ที่มากมายแต่หากถนัดเพียงการสนับสนุน ต่อสู้เพียงลำพังไม่ได้

ดูเหมือนจะมีภาษีเท่ากัน แต่เมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนจะอย่างไรเอลลูญ์ก็มีโอกาสที่จะชนะมากกว่า ส่วนเรย์ถึงจะรู้ข้อนั้นดูก็คงยืนกรานที่จะให้เขาไปกับเอลลูญ์ด้วยความรู้สึกเป็นพี่ที่อยากปกป้องดูแลน้องชายอย่างถึงที่สุด

ในตอนนี้เอลลูญ์กล้าที่จะยืนกรานเช่นนั้นเขาจึงกล้าที่จะตัดสินใจขัดคำขอของเรย์เช่นเดียวกัน

เอลลูญ์พยักหน้ายืนยันพร้อมทั้งจ้องกลับนาฟด้วยสายตาเด็ดเดี่ยในการตัดสินใจของตนแล้ว เรย์เองเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ เป็นเช่นนี้แล้วจะค้านไปก็คงเปล่าประโยชน์

จากนั้นพวกเขาก็แยกทางไปกับกลุ่มของเอจิ ยาจิ ส่วนเอลลูญ์ยืนรอจนแน่ใจว่าฝ่ายนั้นน่าจะตามมาใกล้ถึงตัวแล้ว จึงเริ่มต้นวิ่งอีกครั้ง เพื่อล่อไม่ให้ศัตรูตามพวกเรย์ไป

เมื่อไกลมากพอเขาจึงหยุดยืนรอศัตรูอย่างสบายใจ และทันที่ที่ศัตรูเข้ามาในระยะโจมตี สายฟ้าก็โหมกระหน่ำลงมาราวกับห่าฝน

“ธันเดอร์ สตอร์ม!”

เพียงชั่วอึดใจร่างนั้นก็เต็มไปด้วยบาดแผลที่เกิดจากสายฟ้า เป็นล่องลอยไหม้ไปทั่วร่างกายไม่ทันแม้แต่สสารสีดำจะทำงานด้วยซ้ำไป เพราะมันย่ามใจในพลังของตนจึงได้ประมาทคู่ต่อสู้ หากมันหลบออกไปได้ทันคงไม่เกิดบาดแผลมากมายจนถึงแก่ชีวิตเช่นนี้

ร่างไร้ลมหายใจล้มลงอย่างหมดสภาพ เอลลูญ์อดที่จะสะท้านในใจไม่ได้ เขาสังหารมนุษย์มาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ไม่อาจทำใจให้สงบลงได้

“เก่งจริงๆนะ”

พรึก!

เสียงราบเรียบอันคุ้นหูดังขึ้นในระยะประชิด ไม่ทันที่เอลลูญ์จะหันไปมองก็โดนซัดลอยระริ่วไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

“แต่ย่ามใจเกินไป เปิดช่องว่างมากเกินไป พลังมากมายแต่กลับใช้ไม่เป็น ทั้งยังรู้สึกเห็นใจศัตรู ช่างเป็นคนที่ใช้พลังอย่างไร้ประโยชน์ ไร้ค่า ช่างไร้ค่าอะไรเช่นนี้” คาสึกิกล่าวขึ้นด้วยอารมณ์ที่ไม่คงที่นัก เขาอยากจัดการทาคุมะแต่หากถูกสั่งให้มากำจัดพวกอ่อนแอเช่นนี้เสียได้ ช่างเปลืองเวลาเสียจริงๆ

“แค่กๆ” ร่างที่ถูกอัดกระเด็นชนเข้ากับต้นไม่อย่างจังกระอักเลือดออกมาเมื่อต้องรับแรงกระแทกอันมหาศาลจากการโจมตีเมื่อครู่ เอลลูญ์พยุงตัวลุกขึ้นแม้เจ็บไปทั่วร่างกาย

“ธันเดอร์ สตอร์ม!” เขาใช้พลังอีกครั้งแต่หากคาสึกิก็หลบได้อย่างง่ายดาย เพราะไร้ประสบการณ์การโจมตีจึงเต็มไปด้วยความซื่อตรงไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมหรือลูกไม้ใดๆ รูปแบบที่ออกมาแบบตรงๆจนศัตรูอ่านทางได้

คาสึกิเป็นศัตรูที่ยากจะจัดการ เพราะโดยปกติแล้วเอลลูญ์ก็สามารถสู้ได้ดี ในบรรดาคนรุ่นเดียวกันถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง เหล่าทหารของจักรวรรดิยังหวั่นเกรง แต่คาสึกิมีทั้งพลังที่ใกล้เคียงมีทั้งประสบการณ์อันเหนือกว่า การจะกำจัดคาสึกิจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย เขามั่นใจในตนเองมากเกินไป โลกช่างกว้างใหญ่เสียจริงๆ

“หึหึ ข้อบอกเจ้าไปแล้วว่าไร้ค่า พลังที่มากมายนั่นหากหลบได้มันก็เปล่าประโยชน์อยู่ดี มนุษย์ชอบบอกว่าตนนั้นฉลาดเหนือกว่าพวกเรา แล้วทำไมเจ้าจึงได้โง่เง่าเช่นนี้ ฮ่าๆ” เสียงหัวเรอะเย้ยหยันทำให้เอลลูญ์เย็นชาขึ้น เขาเกลียดพวกเจ้าเล่ห์ที่มีแต่กลอุบายอันแสนชั่วช้าเป็นที่สุด เขาที่เชื่อในความถูกต้องเสมอมาจึงไม่ต้องการให้ตนน่ารังเกียจเช่นคนเหล่านั้น

“หุบปาก ข้าจะใช้พลังชนะเจ้าให้ดู การต่อสู้ที่ขาวสะอาดเป็นเช่นไรข้าจะทำให้เจ้าเห็นเต็มๆตา!” สายฟ้าห่อหุ้มร่างกายจนไร้ช่องว่าง ดังเกาะป้องกันอันไร้เทียมทาน

“หึหึหึ ถ้าเช่นนันก็ลองดู!” คาสึกิไม่แม้แต่ชักดาบ เขาเปลี่ยนเพียงส่วนสองมือให้เป็นกงเล็บอันแหลมคม การจัดการมดปลวกไม่จำเป็นต้องเอาใช้อาวุธให้เสียคม

“ย้าก!” ทั้งสองเข้าห้ำหั่นกันตรงๆ แลกหมัดวัดพลังว่าใครเหนือกว่า พลังของพยัคฆ์ร้ายที่เหนือกว่ามนุษย์หลายสิบเท่า กับพลังสายฟ้าที่ทรงพลังเหนือธาตุทั้งปวง

ตู้ม!

เกิดเสียงระเบิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะคลื่นพลังที่ถูกปล่อยออกมาระหว่างต่อสู้ คนหนึ่งต่อยอีกคนตั้งรับแล้วสวนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ คาสึกิรับคำท้าของเอลลูญ์เพราะเห็นว่ามันน่าสนุกไม่น้อย การต่อสู้จึงดำเนินต่อไปอย่างสูสี ไร้เล่ห์กล ไร้อาวุธ แลกเพียงหมัดที่อาบไปด้วยพลังอันล้นหลาม การต่อสู้ที่ทำรายสิ่งรอบข้างด้วยพลังที่เกิดจากร่างกายของตนอย่างแท้จริง!

เอลลูญ์ปล่อยหมัดที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าเข้าใส่ใบหน้าของคาสึกิ แต่หากอีกคนก็หลับมันได้อย่างฉิวเฉียด แล้วสวนกลับด้วยการตะปบคมเล็บอันคมกริบเข้าใส่คอของเอลลูญ์ เอลลูญ์กระโดดถอยหลังแต่หากคลื่นพลังที่ปล่อยออกมาเสียดสีกับอากาศจนเกิดเป็นคมมีดลมอันคมกริบพุ่งตรงไปยังช่วงตัวที่ยกขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อยอย่างแม่นยำ

รอยยิ้มอันมุ่งร้ายเกิดขึ้นบนริมฝีปากของคาสึกิ การโจมตีทุกท่วงท่าถูกคำนวณมาก่อนหน้านั้นแล้ว ก่อนหน้านี้เขาโจตีเชื่องช้าเทียบเท่าเอลลูญ์การต่อสู้จึงสูสี แต่หากเวลานี้เขากลับเพิ่มความเร็วมากขึ้นจนเกิดคมมีดจากการเสียดสีของอากาศ

“อั๊ก!” เอลลูญ์ลงพื้นอย่างซวนเซ แต่เขาก็ยังพยุงตนเองไม่ให้ล้มลงไปได้ ความเชื่อมั่นอันซื่อตรงยังคงเกาะแน่นในจิตใจ ถึงแม้อีกฝ่ายจะเพียงเล่นสนุกยังไม่เอาจริง เขาก็ต้องโจมตีเหนือกว่าให้จงได้

“หมดเวลาสนุกแล้วไอ้หนู ข้าเบื่อแล้ว” กล่าวเพียงเท่านั้นคาสึกิก็เข้าโจมตี เขาตวัดมืออันมีคมเล็บแหลมคมครั้งแล้วครั้งเล่า มันเร็วเกินกว่าเอลลูญ์ที่ร่างกายย่ำแย่จะหลบได้ทัน

“อั๊กๆ อึบ! อั๊ก” ได้แต่ส่งเสียงอันอดกลั้นแสนเจ็บปวดไปมา จะอย่างไรเขาก็ไม่คิดจะส่งเสียงความร้องอย่างเจ็บปวดให้ศัตรูพอใจ แม้จะเละเป็นผักเขาก็ยังกัดฟันกลั้นเสียงอยู่เช่นนั้นจนชวนให้คนลงมือเพิ่มแรงโมโหมากขึ้น

เสียงที่คาสึกิอยากฟังคือเสียงกรีดร้องของเหยื่อ เอลลูญ์ที่อดกลั้นแม้ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดเช่นนี้ทำให้เขาไม่พอใจ ดวงตาสีแดงก่ำจึงปรากฏความไม่พอใจอย่างชัดเจน

“หึหึ อดทนเก่งดีนี่เจ้าหนู มาดูกันว่าเจ้าจะทดได้สักกี่น้ำ!” กงเล็บถูกหดเก็บ เหลือไว้เพียงกำปั้นที่เต็มไปด้วยขนสีเหลืองพวดด้วยลายสีดำอันใหญ่โตเกินปกติ

คาสึกิชอบการเอาชนะ การที่เห็นเอลลูญ์เป็นเช่นนี้เขาจึงอยากลองเอาชนะความอดทนอดกลั้นนี้ดูสักครั้ง เขาต้องการให้เอลลูญ์กรีดร้องอย่างเจ็บปวด ต้องการให้อีกฝ่ายร้องขอชีวิตอย่างอ้อนวอน หรือร้องขอความตายเพื่อให้หลุดพ้นจากความเจ็บปวดเหล่านี้ไป!

หมัดแล้วหมัดเล่าซัดเขาใส่ร่างอันเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสาดกระจาก กระดูกก็หักเคลื่อนซี่แล้วซี่เล่า แม้ร่างกายจะผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนักแต่ก็ไร้ผลเมื่อยู่ต่อหน้าพลังอันเหนือกว่าเช่นนี้

เอลลูญ์ยังคงอดทน กัดริมฝีปากจนเลือดไหลซึมแต่ก็ยังคงแบกศักดิ์ลูกผู้ชายของตนอย่างหนักแน่น ต่อให้ต้องตายเขาก็ไม่คิดที่จะกรีดร้อง หรืออ้อนวอนขอชีวิตจากศัตรู

คาสึกิโมโหมากขึ้นมากขึ้นจนตัวสั่น ถ้าไม่อาจทำให้เขาพอใจได้ก็จงตายไปซะ!

ตู้ม!

“อั๊ก!”

หมัดสุดท้ายที่ทุ่มพลังมหาศาลลงไปทำให้ร่างของเอลลูญ์ถูกอัดติดกับพื้น ซี่โครงหักไปหลายซี่ ท้องก็ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งพื้นด้านล่างยังแตกเป็นหลุม ช่วยยืนยันความหนักหน่วงของหมัดนี้ได้เป็นอย่างดี

เอลลูญ์กระอักเลือดออกมาอย่างเจ็บปวด แต่เขาก็ยังคงไม่กรีดร้อง สติที่เรือนรางทำให้เขาตระหนักถึงความอ่อนแอของตนได้เป็นอย่างดี ความอวดดี ความยโสในพลังที่เคยมีถูกทำลายชั่วพริบตา

ความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดคือเจ็บใจ ความฝันทั้งหมดจะทะลายลงที่นี่แต่เขากลับไม่อาจต่อต้านสื่งใดได้เลย ทำได้เพียงยอมรับความจริงอันน่าสมเพทนี้

‘มนุษย์ ปีศาจ ต่างกันอย่างไร เจ้าลองพิสูจน์ดูด้วยตาตนเองเถอะ สักวันลองมองโลกใบนี้ด้วยสองตาของเจ้าเอง แล้วจึงตัดสินโดยไร้ทิฐิใดๆข้าเชื่อว่าเจ้าต้องเลือกเส้นทางที่ถูกต้องอย่างแน่นอน’

คำกล่าวที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นถูกฉายชัด ภาพของริเรน่าสะท้อนรอยยิ้มอันสว่างไสวไร้ซึ่งกฏเกณฑ์ใดๆมาขวางกันเช่นพวกราชวงศ์คนอื่นๆ มันเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจอย่างแท้จริง เขาตอบรับคำพูดเหล่านั้นเสมอมาจึงเริ่มต้นเดินทางไปทั่วดินแดนเช่นนี้

เขาได้พบกับลูกครึ่งที่ราชวงศ์รังเกียจ บอกว่าไร้พลังและแสนอ่อนแอ แต่หากความจริงที่ได้มอง ได้สัมผัสมันกับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เรย์กับนาฟอบอุ่น ให้ความอบอุ่นยิ่งกว่าครอบครัวจอมปลอมของเขา ทั้งยังฉลาดหลักแหลม ดึงพลังต่อสู้ออกมาได้ถึงขีดสุด

ต่างจากตัวเขาทั้งที่มีพลังมากมาย แต่กลับใช้พลังอย่างเปล่าประโยชน์ ไม่สามารถดึงพลังทั้งหมดออกมาใช้ได้ตามใจนึก ทั้งยังไร้ประสบการณ์จนเพี้ยงพร้ำให้คู่ต่อสู้อย่างง่ายดาย โลกใบนี้กว้างใหญ่จนตัวเขาที่ทระนงตนตลอดมาไม่ต่างจากมดปลวกอันไร้พลังแสนอ่อนแอ ช่างน่าสมเพทจนแทบทนรับไม่ได้

น้ำตาแห่งความเจ็บใจไหลซึมออกมาอย่างไม่อาจห้ามเอาไว้ได้อีก เขาเจ็บใจตนเองที่ไร้ความสามารถเช่นนี้ เจ็บใจที่ค้นพบความอ่อนแอของตนแล้วแต่ไม่อาจข้ามผ่านมันไปได้ เขาต้องตายไปเช่นนี้หรือช่างไร้ค่าเหลือประมาณ หากได้มีชีวิตเขาจะพิสูจน์คำกล่าวนั้นของริเรน่าให้สำเร็จ และจะฝึกฝนจนแข็งแกร่งขึ้นเหนือผู้ใด เพื่อปกป้องผู้คนอันเป็นที่รักของเขาไม่ให้สูญเสียใครไปอีกเช่นนี้...

กรู้!

‘หยุดนะ’

คาสึกิชะงักหมัดที่ยกขึ้นกลางอากาศเพื่อยกลงไปซ้ำอีกครั้ง เสียงร้องของเจ้าโกยาตเลย์ก็ดังขึ้น มันรับรู้ถึงอันตรายได้มากกว่าใครๆจึงรู้สึกได้ถึงศัตรูตัวฉกาจที่กำลังจะพรากชีวิตของใครบางคนในกลุ่มไป

จากนั้นร่างมันก็ขยายใหญ่ขึ้น มากขึ้นๆจนมีขนาดเท่าเด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง แล้วพุ่งชนด้วยความเร็วทั้งหมดที่ตนมี

ความเร็วที่พุ่งอย่างสุดกำลังตั้งแต่บินมาจากแร็กนาร์จึงทำให้มันรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆจนคาสึกิต้องหลบไปมาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
เขาละความสนใจเพียงเล็กน้อยก่อนหันกลับไปหาร่างของเอลลูญ์ก็หายไปจากตรงนั้นแล้ว เจ้านกประหลาดเองก็พุ่งชนอย่างไม่หยุดหย่อน จึงไม่อาจให้ความสนใจที่ตรงนั้นได้อีก

เอลลูญ์ที่หายไปตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น แต่หากเขาอยู่ในภาพลวงตาของเคลตี้ เจ้าสัตว์เลี้ยงมายาของแร็กนาร์
ส่วนแร็กนาร์เองก็กำลังปฐมพยาบาลแบบเร่งด่วน สภาพของเอลลูญ์หนักหนาเกินกว่าจะรักษาด้วยวิธีปฐมพยาบาลธรรมดา เขาจึงรีบผ่าตัดฉุกเฉินโดยด่วน

โกยาตเลย์ และภาพลวงตานี้คงต้านศัตรูเอาไว้ได้ไม่นานนัก การรักษาครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยความกดดันของเวลา

“ห้ามหลับนะ ไม่เช่นนั้นเจ้าไม่รอดแน่” แร็กนาร์เอ่ยเสียบราบเรียบแต่ในน้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เอลลูญ์ที่เดินตามทางของริเรน่าเสมอมานั่นทำให้แร็กนาร์เปิดใจแม้ยังไม่ชอบขี้หน้ามากนัก

ความเจ็บปวดแห่งการสูญเสียในตอนนั้นเป็นของจริงอย่างไม่ต้องสงสัย หัวใจที่ปิดกั้นผู้คนจึงแง้มออกเล็กน้อย เป็นความเล็กน้อยที่มีให้เด็กชายฝาแฝด และเอลลูญ์ พากเขาเป็นเด็กน้อยที่ให้ความรู้สึกน่าเอ็นดูแบบลูกหลาน เด็กที่สามารถปลูกฝังความคิดใดลงไปก็ได้ เด็กที่ไร้พิษไพรหากต้องเผชิญกับแผนการของเขา

เวลานี้แร็กนาร์จึงคิดเพียงว่าต้องช่วยเอลลูญ์ให้จงได้ ความคิดที่อยากเดินตามรอยริเรน่าของเขา เอลลูญ์ต้องกลายมาเป็นกำลังสำคัญอย่างแน่นอน

“สู้ ข้าอยากสู้ จะ...เจ็บใจ ฮึก” เอลลูญ์ตอบรับเสียงของแร็กนาร์จึงขอโอกาสอีกครั้ง ความปรารถนาของเขาขอให้มันเป็นจริงอีกสักครั้ง ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันสูญเปล่าเช่นนี้อย่างแน่นอน

‘เด็กคนนี้ซื่อตรงต่อความรู้สึกเสียจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความกล้าเอ่ยปากถามตอนนั้น หรือคำขอที่เป็นไปได้ยากตอนนี้

ริเรน่าเธอหว่านต้นกล้าแบบไหนเอาไว้นะ ทำไมต้นกล้าเหล่านั้นถึงได้เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองขนาดนี้ ถ้าฉันคนนี้เดินตามเส้นทางนี้ไปจะมีความสุขใช่รึเปล่า

ฉันคนนี้จะมีคนที่เชื่อใจได้เหมือนกับที่เธอได้รับใช่ไหม...’


แร็กนาร์มองภาพของเอลลูญ์แล้วคิดสะท้อนถึงผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับริเรน่า ผู้หญิงที่ตายไปแล้วแต่จิตวิญญาณอันมุ่งมั่นยังคงอยู่ คนที่ทั้งน่าทึ่ง ทั้งน่ายกย่อง และน่าอิจฉาในคราวเดียวกัน

เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเดินตามเส้นทางนั้นเพื่อพิสูจน์ความสามารถของตน เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นจนปกป้องรูร์กัสได้ และเพื่อค้นหาเหล่าคนที่เขาเชื่อใจได้ คนที่เชื่อใจไม่คิดหักหลัง ผู้คนที่เขาไม่อาจได้รับมันในโลกเดิม

“ถ้าเจ้าพร้อมตายข้าจะช่วยเจ้า ช่วยให้สู้ได้อีกสักครั้ง จะยอมรับมันหรือไม่” คำถามที่จุดประกายความหวังของเอลลูญ์ถูกเอ่ยขึ้น หากถามว่าเตรียมใจแล้วหรือยัง ของตอบได้อย่างเต็มปากว่าหากได้รับโอกาสแม้แลกด้วยชีวิตเขาก็ยอม ขอให้เขาได้ทำลายความเจ็บใจเหล่านี้สักครั้ง

“ข้ายอมสู้ตาย ดีว่าต้องเจ็บใจจนตายตาไม่หลับเช่นนี้” เสียงแหบแห่งอันเบาหวิวเอ่ยอย่างหนักแน่น ดวงตาสีน้ำตาลอันพร่าเลือนจ้องมองแร็กนาร์ด้วยความจริงจังในคำกล่าวของตน

“ดี” กล่าวจบก็ลงมือจัดการ แร็กนาร์เลิกที่จะผ่าตัดยื้อชีวิต แต่ฉีดยาระงับความเจ็บปวดไปถึง 3 เข็ม ยาชา 2 เข็ม และสมุนไพรสมานแผลที่ถูกพันไปทั่วร่างกาย

ใช้มือกดกล้ามเนื้อ และกระดูกให้เคลื่อนกลับไปยังที่เดิมด้วยความเร็วจนเกิดความเจ็บปวดอันไม่อาจอดกลั้น เอลลูญ์ถึงขั้นหลุดเสียงร้องออกมาอยู่หลายครั้ง แต่ก็นับว่าน้อยนิดหากเทียบกับคนอื่นๆ ทำให้แร็กนาร์ประทับใจในความอดทนเหล่านี้ไม่น้อย

ขวดของเหลวสีอำพันถูกหยิบออกมาจากกระเป๋า แสงระยิบระยับที่ทอประกายภายในทำให้รู้สึกได้ถึงความวิเศษของน้ำยานี้ ด้านในคือแมลงซ่อมแซมซึ่งถูกกลั่นออกมาจากดอกไม้ที่หาได้ยากในแดนพยัคฆ์ มันเป็นยาที่แร็กนาร์พึ่งปรุงมันได้สำเร็จจึงยังไม่ได้ทดลองใช้

ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหลังจากใช้น้ำยานี้มีมากมาย ทั้งหมดเรี่ยวแรงไปหลายวันเพราะดึกศักยภาพออกมาใช้ก่อน ช่วยซ่อมแซมร่างกายแต่หากมีพิษเมื่อเวลาผ่านไป 8 ชั่วโมง จึงต้องรีบขับของเสียออกมาให้ทันเวลา

และถ้าหากผิดพลาดยาอาจจะเร่งปฏิกิริยาจนพิษทำงานเร็วขึ้น แมลงที่ยังมีชีวิตเมื่อซ่อมแซมส่วนที่เสียหายแล้ว มันจะหลับ และเมื่อตื่นขึ้นมันจะต้องการพลังงานในการมีชีวิตจึงจะกัดกินร่างกายของผู้ที่ใช้มัน การขับแมลงเหล่านั้นจึงต้องทำก่อนที่มันจะตื่นขึ้นมานั่นเอง

แร็กนาร์จึงต้องถามเอลลูญ์เพื่อยืนยันความสมัครใจ ทั้งการเตรียมการร่างกายให้รับการซ่อมแซมเหล่านั้นได้ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะหากขยับร่างกายผิดรูปเพียงเล็กน้อย หรือแม้แต่กระดูกบางซี่ เส้นเอ็นบางเส้น ก็ทำให้ร่างกายผิดรูปจนไม่อาจกลับมาอยู่ในสภาพเดิมได้อีก

ผู้ที่เตรียมการจึงต้องแม่นยำในตำแหน่งร่างกายของมนุษย์ ใช่ว่าจะใช้สุ่มสี่สุ่มห้าเพียงเพราะมียาซ่อมแซมและยาขับพิษได้ ความเสี่ยงจึงมากขึ้นอีกเท่าตัว ใครกันเล่าจะอยากให้ร่างกายตนเองผิดรูปจากปกติสามัญ

“ไอ้นกบัดซบ!” ทางด้านคาสึกิ เขาไม่อาจรับรู้ถึงการมาของแร็กนาร์เพราะเคลตี้สามารถสร้างภาพลวงตาที่กลมกลืนหายไปได้ทั้งภาพและเสียง เขาจึงยังคงมองเห็นเพียงโกยาตเลย์ การโจมตีที่เร็วจนไม่อาจมองตามได้ทันยิ่งทำให้คาสึกิหัวเสีย เขาร้อนใจกลัวว่าเหยื่อของตนจะหายไป การไม่ได้จบชีวิตมันด้วยตนเองทำให้เขายังไม่พอใจ

คาสึกิพยายามควบคุมอารมณ์ที่พรุ่งพล่านให้สงบลง ก่อนจะหลับตาเปิดประสาทสัมผัสทั้งหมดให้เฉียบคมมากยิ่งขึ้น ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจดาวตาของเขาก็เบิกโพรง

พรึ่บ!

“กรู้ กรู๊ กร้”

‘ปล่อยนะ ปล่อยสิ ปล่อยโกนะ’

 เจ้านกตัวโตที่ถูกหิ้วปีกเอาไว้ข้างหนึ่งดิ้นรนอย่างไม่ยอมแพ้ มันทั้งจิก ทั้งข่วนเพื่อหวังให้มื่อนั้นคลายออกไป

“หึหึ ทำข้าเจ็บแสบนัก ตายซะ! ”

“ธันเดอร์โบลท์”

เปรี้ยง!

ฟ้าผ่าลงไปยังตัวของคาสึกิที่กำลังยื่นมืออีกข้างเข้าไปหักคอของโกยาตเลย์ มันไม่ได้รุนแรงมากนักเพียงแค่ทำให้ชาไปทั่วร่างชั่วขณะเท่านั้น

ร่างที่ถูกกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วกายเกิดความชา และเจ็บแปร๊บขึ้นทั่วบริเวณ มือที่จับเจ้าโกยาตเลย์เอาไว้จึงแข็งค้างปล่อยให้ตัวของเจ้านกร่วงลงสู่พื้น

แร็กนาร์ใช้โอกาสนี้พุ่งตัวเข้าไปรับโกยาตเลย์ก่อนที่มันจะตกถึงพื้น โอบอุ้มมันเอาไว้พร้อมตรวจร่างกายด้วยความเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าโกยาตเลย์ยังคงปลอดภัย

ร่างนั้นหายลับไปในความมืดก่อนจะให้เคลตี้สร้างภาพลวงตาเพื่อเป็นเกาะกำบังให้เจ้านกน้อยที่ตัวกำลังค่อยๆหดลงจนเหลือเท่าเดิม

“แสบนักนะ มีคนมาช่วงอย่างนั้นรึ” คาสึกิคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว อารมณ์ที่สงบลงกลับมาพรุ่งพล่านอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าสภาพของเอลลูญ์แทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว มีเพียงเสื้อผ้าที่ยังคงเปอะเปื้อนเลือดและผ้าพันแผลตามร่างกายเท่านั้น

“ใช่ ข้าพร้อมสู้อีกครั้งแล้ว ครั้งนี้ข้าจะใช้พลังทั้งหมดที่มีโค่นเจ้า!” เอลลูญ์ก็กล่าวอย่างฮึกเหิม ช่องว่างที่เคยเปิดรอบทิศกลับหายไปอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คาสึกิเลือดระอุด้วยความคาดหวังการต่อสู้ที่สนุกมากกว่าเมื่อครู่ คาดหวังต่อผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นมาใหม่

ถึงขั้นช่วยให้เจ้าเด็กสายฟ้ากลับมาพร้อมสู้ ทั้งยังคงช่วยนัดแนะแผนการและวิธีการต่อสู้ให้ ท่าทีของเจ้านั่นจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ ชองเล่นชิ้นใหม่ที่โผล่มาน่าสนใจไม่น้อย

“ธันเดอร์บลิทซ์” สายฟ้าถูกปล่อยออกไปเป็นเส้นตรงขนานกับพื้น คาสึกิจึงต้องกระโดดขึ้นด้านบนอย่างเลี่ยงไม่ได้

CH4O

พรึ่บ!

แร็กนาร์ใช้โอกาสนี้เข้าจู่โจมกลางอากาศ มีดผ่าตัดสองด้ามที่อยู่ในมือถูกเฉือนไปที่เส้นเอ็นบนข้อมือของคาสึกิข้างหนึ่งเกิดเลือดกระฉูดออกมาเมื่อเส้นเลือดถูกตัดขาด ส่วนอีกข้างกลับเกิดเพียงรอยไหม้เล็กน้อยเท่านั้น

‘บ้าเอ๊ย พลาดจนได้ เรายังควบคุมมันไม่ได้’

แร็กนาร์เข่นเขี้ยวในใจ โอกาสโจมตีของเขาพลาดเป้าเสียแล้ว จำนวนครั้งการโจมตีคงต้องมากขึ้นไปอีก ทั้งคาสึกิแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ก่อนหน้านี้ เอลลูญ์จะเปิดโอกาสให้เขาได้กี่ครั้งกัน โอกาสชนะมีไม่ถึง 30% เสียด้วยซ้ำไป

“คิดจะทำอะไร ข้าอุตสาห์คาดหวังให้มีคนเก่งๆโผล่มา แล้วเหตุใจจึงกลายเป็นเด็กน้อยลูกครึ่งที่ไร้พลังได้เล่า น่ารำคาญจริง” บาดแผลที่เลือดกระฉุดออกค่อยๆผสาญกันด้วยความรวดเร็ว การโจมตีเพียงแค่นั้นไม่อาจปิดลมหายใจของปีศาจที่มีพลังฟื้นฟูอันล้นหลามได้

“หึ” แร็กนาร์เพียงหัวเรอะกลับคำดูถูกเหล่านั้น คำดูถูกที่ร่างนี้ได้รับมาตลอดชีวิต ลูกครึ่งไร้พลังแล้วอย่างไร โอกาสชนะ 30% แล้วอย่างไร ข้าคนนี้จะล้มล้างกฏบ้าบอเหล่านี้ให้ดูกันเต็มๆตา!



To Be Continued...


_____________________________________

มาแล้วค่า เมื่อวานหลับอีกแล้ว แหะๆ
ขอโทษด้วยนะคะ แต่ก็มาลงแล้วน้า
คราวก่อนบอกว่าจะให้เห็นแร็กนาร์สู้เต็มรูปแบบ
แต่ว่ากลับเขียนไปไม่ถึงง่ะ เพราะงั้นขอยกยอดไปตอนหน้านะคะ
เจอกันตอนหน้าจ้า


ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จี้ดๆทั้งนั้นเบยจ้า

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 37
รุกไล่

ฟุชิมิ คาสึกิ หนึ่งในองครักษ์เงาแห่งเขตใต้ ผู้ใช้ดาบสั้นคู่เป็นอาวุธประจำกาย ทั้งยังมีทักษะของนักฆ่าโดยกำเนิด ครั้งก่อนที่จะเข้าร่วมในหน่วยองครักษ์เงา เขามีอาชีพเป็นนักฆ่า ลอบสังหารศัตรูจากเงามืด และละทิ้งอาชีพนั้นเพราะผู้มีพระคุณของเขา หัวหน้ากลุ่มโฮชิ โฮมุซึบิ อิซานางิ นั่นเอง

บุญคุณที่ถูกช่วยเหลือจากเงามืด วังวนนักฆ่าอันป่าเถื่อน ทำให้เขาอุทิศตนเพื่อเป็นเงาคอยช่วยเหลืออิซานางิเสมอมา
แต่แล้วเหตุการณ์กลับเป็นไปอย่างที่เขาไม่คาดคิด ทั้งที่เขาคอยช่วยเหลือถึงเพียงนี้ ทั้งเคารพรักถึงเพียงนี้ กลับคว้าเอาหญิงสาวชาวมนุษย์แสนต่ำต้อยมาเป็นคู่ชีวิต

เขาพยายามปิดบังความรู้สึกทั้งมวล ทั้งยังเสียสละปิดหูปิดตาได้หากเขาผู้นั้นคว้าปีศาจสาวร่วมครองคู่ แล้วใยจึงกลับกลายเป็นมนุษย์อ่อนแอไปได้เล่า จะอย่างไรเขาก็ไม่อาจยอมรับได้

ยามเมื่อถึงทางตัน ความรู้สึกเอ่อล้นจนไม่อาจบิดบังได้อีก ทางที่เขาเลือกจึงเป็นการสังหารนังแพศยาที่บังอาจยั่วยวนอิซานางิให้หลงใหล

ฟั่นเฟืองเริ่มเดินไปในทิศทางที่บิดเบี้ยว ข้อเสนออันเป็นทางออกของเรื่องราวทั้งหมดถูกยกขึ้นมากล่าวอ้าง และเขาก็เลือกที่จะก้าวเดินไปในเส้นทางนั้น ทางของผู้ทรยศ!

และเมื่อเลือกเส้นทางนี้แล้ว ชายผู้เป็นที่รักจึงจากโลกนี้ไปอย่างไร้หนทาง หากไม่ฟังสิ่งที่เขาเตือน ถ้าหากว่าไม่อาจก้าวตามความคาดหวัง ก็จงอย่าได้เดินไปบนเส้นทางที่เขาเกลียดชังอีกเลย ให้เหลือไว้เพียงความทรงจำอันงดงามจะดีกว่า
สุดท้ายแล้วเขาจึงทำลายผู้ที่รักสุดหัวใจด้วยตัวของเขาเอง...

ในยามนี้คาสึกิดังสัตว์ป่าที่ถูกปล่อยออกมาจากกรงที่เรียกว่า อิซานางิ ผู้ที่คอยเตือนสติไม่ให้เขาถลำลึกไปในความมืด เส้นทางของคาวเลือด กลิ่นอายกระหายเลือดจึงปลดปล่อยออกมาอย่างไม่ปิดบัง ความต้องการฆ่าที่ถูกฝังลึกมานานร่ำร้องอยากลิ้มรสกลิ่นคาวเลือดอันคุ้นเคย

จากวันนั้นเขาก็ ฆ่า ฆ่า ฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้ตนไร้ซึ่งจิตใจ หนีจากความเจ็บปวดทั้งมวล เพียงไม่นานตัวตนที่ถูกปิดผนึกก็ถูกเปิดออกอย่างบ้าคลั่ง

เขาจ้องมองเหยื่อแสนอ่อนแอด้วยความรู้สึกแสนเสียดาย การต่อสู้ที่ดุเดือดคือสิ่งที่ต้องการ การสังหารที่เลือดแลกเลือด ยิ่งยากลำบากยิ่งสะใจในการฆ่า จิตใจที่ฮึกเหิมในการต่อสู้จึงลดลงอย่างเห็นได้ชัด

แต่กระนั้นมือก็หยิบอาวุธเตรียมต่อสู้ คิดเพียงว่ารีบทำให้เรื่องมันจบ แล้วคงได้คู่ต่อสู้ใหม่ เพียงเด็กมนุษย์ที่มีพลังมากมายแต่หากใช้ไม่เป็น กับลูกครึ่งที่ฉลาดนิดหน่อยแต่หากไร้พลัง มันไม่พออุ่นเครื่องสำหรับเขาด้วยซ้ำ

มือกระชับดาบสั้น สายตาจับจ้องเหยื่อ ลิ้นตวัดเลียริมฝีปากอย่างหมายมาด การฆ่าแม้จะกับคนอ่อนแอก็ยังคงสนุก ทรมานให้ร้องขอความตายก็รื่นหูเช่นเดียวกัน

“ขอล่ะเจ้าพวกอ่อนแอช่วยอยู่เล่นกันนานๆ หน่อยก็แล้วกัน” กล่าวจบร่างนั้นก็หายไปจากระยะสายตา เงาร่างจมหายไปกับความมืด ยากที่จะมองเห็น ต่อให้เป็นผู้มีฝีมือทัดเทียมกันก็ไม่อาจเข้าใจทักษะของนักฆ่าได้

“สายฟ้าข้างหลัง! ” แต่ในความเป็นจริงผู้ที่มีทักษะของนักฆ่าไม่ได้มีเพียงคาสึกิ แร็กนาร์ที่เป็นถึงอดีตนักฆ่านั้นเข้าใจทักษะทั้งหมดดี สิ่งที่การันตีความสามารถนี้ก็คือการติดระดับโลกในประวัติอาชญากร

‘มาดูกันว่านักฆ่าของโลกนี้จะมีฝีมือถึงขั้นไหนกัน’

แร็กนาร์ก็เร้นหายไปจากความมืดเมื่อกล่าวจบ ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนยากจะคาดเดา เอลลูญ์มีความเชื่อในตัวแร็กนาร์ส่วนหนึ่งเพราะช่วยรักษาเขา จึงเชื่อสิ่งที่แร็กนาร์กล่าวมา เขากางม่านพลังที่ร้อยเรียงสายฟ้าสานเป็นรูปตาข่ายเสริมความแน่นหน้าไว้ด้านหลังอย่างทันท่วงที โดยไม่แม้แต่จะหันไปมอง

“ข้าชื่อเอลลูญ์ เจ้าเด็กหน้าตาย! ” เอลลูญ์ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด เด็กคนนี้แม้ถูกชะตาด้วย แต่เรื่องที่น่าหนักใจคือการเรียกชื่อผู้อื่น เพราะหลังจากที่อยู่ร่วมกันมานั้นพบว่าแร็กนาร์เรียกชื่อเต็มเพียงแค่รูร์กัส

ดูจากพยางค์แล้วเขาคาดเดาได้ว่าแร็กนาร์คงเรียกชื่อคนอื่นได้ไม่เกิน 2 คำ จึงยังพอหวังว่าจะเรียกชื่อเขาถูกต้อง แต่แล้วเขากลับเลวร้ายยิ่งกว่าคนอื่นๆ เพราะเจ้าตัวดันจำไม่ได้แม้แต่ชื่อนี่สิ กรรมของเอลลูญ์แท้ๆ

จะคิดว่าเพียงล้อเล่น แต่สีหน้าท่าทางก็ดูจริงจังจนเกินไป สุดท้ายแล้วคงต้องคอยย้ำบ่อยๆ เพียงเท่านั้น และหวังว่าสักวันคนตัวเล็กจะจำชื่อของเขาได้ หรือบางทีอาจจะเพราะชื่อเขาออกเสียงยากเกินไปหรือไรก็ไม่อาจทราบได้

“แก! ” คาสึกิส่งเสียงลอดไรฟันอย่างหัวเสีย เพราะการโจมตีของเอลลูญ์อยู่เหนือความคาดหมาย การโจมตีที่ไม่บรรลุผลอย่างใจต้องการทำให้เขาไม่พอใจ ภาพที่จินตนาการไว้ในหัวถูกเขี่ยทิ้งให้แหลกเหลว

สิ่งที่คาสึกิต่างจากแร็กนาร์คือการวางแผน สำหรับความมั่นใจที่ล้นเหลือทำให้เขาวาดหวังแผนการไว้เพียงอย่างเดียว แต่แร็กนาร์นั้นมีแผนการมากมายในหัวเพื่อเป็นการรับรองว่าศัตรูจะไม่อาจหลุดพ้นเงื้อมมือของเขาไปได้

และอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจเทียบคือความใจเย็น คาสึกิกระหายเลือด ชอบการต่อสู้แบบเลือดแลกเลือด และการฆ่าอย่างทรมาน ทำให้จิตใจของเขายากที่จะควบคุมให้สงบลงได้ ดังว่าจิตใจนั้นมีปีศาจแห่งความหายนะเข้าควบคุม

สิ่งที่หล่อหลอมคาสึกิให้มีสติอยู่คงเป็นประสบการณ์ สัญชาตญาณอันปราดเปรื่อง เขาจึงรู้ว่าเวลาใดควรรุก เวลาใดควรถอย จากการโจมตีเมื่อครู่พอเห็นว่าอีกฝ่ายป้องกันไว้ได้จึงเร้นกายหายไปในความมืดอีกครั้ง

ฉึก ฉึก

แต่แล้วผู้ที่หลอมรวมตัวเข้ากลับความมืดก็เป็นฝ่ายเฝ้ารออยู่ เสียงฝีเท้าอันเบาหวิวก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากประสาทสัมผัสของแร็
กนาร์ได้

มีดผ่าตัดประกายเงาวับในความมืด เส้นเลือดที่ต้นขาทั้งสองข้างถูกเฉือนอย่างรวดเร็ว และก่อนที่คาสึกิจะได้ตอบโต้ แร็กนาร์ก็เป็นดังควันลอยหายไปในความมืด

ผู้ที่อยู่ในที่แจ้งคือเอลลูญ์ เขาไม่มีทักษะเช่นคนทั้งสอง จึงใช้เวลาที่แร็กนาร์ซื้อไว้ให้สร้างเสริมพลังเพื่อใช้ต่อสู้ขึ้นใหม่
ท่าไม้ตายทั้งหมดของเขาไม่อาจใช้ได้ผล สิ่งที่พึ่งได้คงเป็นร่างกายที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี เขาสานเส้นใยสายฟ้าร้อยเรียงเป็นเกราะห่อหุ้มมือจนถึงข้อศอกทั้งสองข้าง สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือพลังและความเร็ว

สายฟ้าที่มีประสิทธิภาพน้อยเกินไปยากที่จะทำลายคาสึกิ ทำได้อย่างมากก็เพียงแค่หยุดการเคลื่อนไหวเพียงชั่วคราวเท่านั้น ความเร็วด้วยเช่นกัน คาสึกิเป็นนักฆ่า ที่มีทักษะของมือสังหาร การเคลื่อนที่จึงมีข้อเสียน้อย ประหยัดพลัง ทั้งยังช่วยเพิ่มศักยภาพให้การโจมตีอย่างท่วมท้น

สิ่งที่เขาอ้อนวอนขอจากแร็กนาร์คือการได้ต่อสู้อีกครั้ง เพราะมีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขาอยากจะลองทำมันให้สำเร็จ ในขณะต่อสู้เขารู้ดีว่าตนไม่อาจก้าวข้ามคาสึกิไปได้ จึงพยายามลองใช้มันอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยพลังที่ลดลง และสมาธิที่แตกกระเจิง ทำให้เขาไม่อาจใช้มันได้

สายฟ้าถักทอใต้ฝ่าเท้า บีบอัดสายพลังให้เล็กลง เล็กลงยิ่งกว่าที่ใช้ห่อหุ้มแขนทั้งสองข้าง เมื่อสายฟ้าถูกบีบอัดจนเล็กลง มันจึงยิ่งเบาบาง ประจุไฟฟ้าด้านในเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน ห่อหุ่มจากฝ่าเท้าถักทอจนถึงเข่า ดังชุดเกราะของนักรบ ความเบา และพลังที่เพิ่มขึ้นจากตัวซ่อมแซม ช่วยให้เอลลูญ์เพิ่มความเร็วของตนได้สำเร็จ

เลือดที่ไหลซึมออกจากบาดแผลของคาสึกิเพียงเล็กน้อย นั้นช่วยทำให้เอลลูญ์สามารถคาดเดาตำแหน่งของคาสึกิได้ แม้จะช่วยสั้นๆ ก่อนบาดแผลถูกปิดเขาก็เคลื่อนไหวไปที่จุดนั้นได้อย่างที่คาดหมาย

พลังที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มทักษะของเอลลูญ์ดังตัวช่วยในการจุดระเบิดความเร็วใต้ฝ่าเท้า การส่งตัวจากพลังนั้นทำให้ตัวเขาทั้งเบาและเร็ว สังเกตได้จากเท้าที่ไม่แตะพื้น พลังหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง อัดส่งด้วยพลังที่ล้นเหลือ พลังที่มากอยู่แล้วมากยิ่งขึ้นด้วยการช่วยเหลือของแร็กนาร์ เอลลูญ์วาดหวังว่าในอนาคตเขาจะมีพลังสูงขึ้นยิ่งกว่านี้

ตู้ม!

หมัดอัดพลังสายฟ้าถูกปล่อยออกไปทันทีเมื่อเคลื่อนที่ไปถึงคาสึกิ แต่คนที่มีประสบการณ์ย่อมมีสัญชาตญาณเป็นเลิศเช่นเดียวกัน คาสึกิสามารถหลบกำปั้นนั้นได้อย่างเฉียดฉิว แต่ด้วยประจุพลังที่ห่อหุ้มทำให้มันขยายขอบเขตการโจมตีจนถึงใบหน้าของคาสึกิได้

คาสึกิถูกรุกไล่จากเด็กทั้งสอง ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อ เมื่อครู่เขาพึ่งจัดการเอลลูญ์จนสะบักสะบอม แล้วเหตุใดจึงกลับมาแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ พวกมันใช้เล่ห์กลอันใด แล้วยังเด็กน้อยลูกครึ่งนั่นอีก มันมีทักษะนักฆ่าเช่นเดียวกับเขา และที่น่าเจ็บใจคือความเป็นไปได้ว่าทักษะมันอาจจะสูงกว่า เพราะเขาไม่อาจสัมผัสถึงตัวตนมันได้แม้แต่น้อย

การถอยร่นของคาสึกิทำให้เอลลูญ์เรียกความมั่นใจของตนกลับมาอีกครั้ง แต่คำเตือนของแร็กนาร์ยังดังกึกก้องในหัวว่าอย่าได้ใจ เพราะอีกฝ่ายยังไม่แสดงฝีมือทั้งหมดออกมา

คาสึกิยกเลิกการแฝงกายในเงามืด เขารู้แล้วว่าทักษะนั้นถ้าฝืนใช้รังแต่จะทำให้เขาเสียเปรียบเจ้าเด็กลูกครึ่ง หากหลบเจ้าสายฟ้าไปในความมืด เจ้าลูกครึ่งก็จะคอยซุ่มโจมตีอยู่ และเมื่อเจ้าลูกครึ่งโจมตีเลือดที่กระฉูดออกจากรอยแผลก็จะทำให้เจ้าสายฟ้าทราบตำแหน่งของเขาและเข้าโจมตีในขณะที่เขาสวนกลับเจ้าเด็กลูกครึ่ง

เวลานี้เขาจึงต้องเลือกกำจัดศัตรูในที่แจ้งให้ได้เสียก่อน แล้วจึงไล่ตามเจ้าเด็กลูกครึ่งที่อยู่ในความมืดก็ไม่มีปัญหา ดีไม่ดีมันอาจจะเผยตัวออกมาเองเพื่อช่วยเพื่อนของมันก็ได้ คาสึกิจึงตัดสินใจเข้าห้ำหั่นกับเอลลูญ์แทน

ร่างที่โถมเข้าใส่เอลลูญ์เพิ่มความเร็วขึ้นอีก ทำให้มันเทียบเท่ากับเอลลูญ์ที่เสริมพลังตนเองด้วยสายฟ้า การปะทะกันระหว่างดาบสั้นและกำปั้นที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าทำให้เกิดประกายวิบวับทุกที่ที่ร่างของคนทั้งเคลื่อนที่ไป

ความเร็วที่เทียบเคียงทำให้ยากที่แร็กนาร์จะเข้าไปแทรกแซง หากพลาดพลั้งผู้ที่เสียเปรียบอาจจะเป็นฝ่ายเอลลูญ์ก็ได้ เขาจึงได้แต่แฝงตัวในเงามืด รอโอกาสดังเช่นสัตว์ร้ายที่คอยซุ่มโจมตีเหยื่อ

มีดผ่าตัดเล่มหนึ่งถูกเก็บเข้าไว้ในกระเป๋า เหลือไว้เพียงเล่มเดียว พลังที่ไม่เสถียรทำให้ไม่อาจส่งพลังไปยังตัวมีดพร้อมกันทั้งสองด้ามได้

เขาต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ เมื่อได้พิสูจน์แล้วว่าไม่อาจทำให้พลังของตนเสถียรได้ในการต่อสู้ครั้งนี้ จุดที่เขาต้องการส่งพลังเข้าไปยังคงเดิม ที่เพิ่มมีดเป็น 2 เล่มเพื่อต้องการความรวดเร็วเท่านั้น แต่ถ้าหากมันยังออกมาเหมือนการสุ่มเช่นนี้ สู้ถ่ายพลังไปที่มีดเล่มเดียวไม่ดีกว่าหรือ

การใช้พลังของแร็กนาร์คือเปลี่ยนแปลงพลังธาตุเป็นความร้อนในชั่วขณะหนึ่งที่มีดสัมผัสร่างกายของศัตรู เพื่อส่งความร้อนเข้าไปในเส้นเลือด และปิดกั้นการไหลเวียนของเลือดในจุดที่ฟันลงไป มันเป็นการโจมตีที่รวดเร็วและละเอียดอ่อน จึงต้องใช้ทักษะและฝีมือที่มากด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งตัดการไหลเวียนเลือดแต่ละจุดก็ต้องแม่นยำ หากพลาดแผลก็จะสมานกันเช่นเมื่อครู่ มันมีข้อดีตรงที่ทำให้เอลลูญ์ทราบตำแหน่งของศัตรู แต่หากเวลานี้มันใช้ไม่ได้แล้ว เพราะคู่ต่อสู้ไม่ต้องการที่จะหลบซ่อน เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันเพื่อเปิดเผยที่ซ่อนของศัตรูอีก

พลังที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ไหลไปรวมกันที่มีดเล่มเดียว เกิดกระแสความร้อนล้อมรอบคมมีด แต่หากไม่อาจทำให้มีดหลอมละลาย เพราะแร็กนาร์สร้างพลังน้ำส่วนหนึ่งห่อหุ้มมีดไว้บางๆ เกิดเป็นพลังสองกระแสที่ไม่อาจกลืนกินกันได้

หลังจากวันที่ค้นพบว่าตนใช้พลังธาตุได้อย่างหลากหลาย แร็กนาร์ก็ค้นคว้าพลังเหล่านั้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันก็ยังไม่ดีพอที่จะใช้ต่อสู้ได้ เวลานี้พลังที่เขาใช้ได้คือน้ำกับไฟ ธาตุที่เขาคุ้นเคยมากที่สุด

การใช้มีดผ่าตัดแบบดัดแปลงนั้นเขาพึ่งสร้างมันได้ไม่นาน พลังจึงยังใช้ได้ไม่เต็มที่ สิ่งที่ทดแทนพลังที่ถูกส่งออกจากคมมีดจึงเป็นจำนวนการฟันลงไปบนร่างศัตรู ยิ่งกับปีศาจแล้วจำนวนยิ่งมากกว่าสัตว์หรือมนุษย์หลายเท่าตัว

‘อีกไม่นานสายฟ้าจะแพ้ เพราะคาสึกิยังไม่เผยคมเขี้ยวของปีศาจ ตอนนี้พลังยังทำลายคาสึกิได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น ถ้ามันใช้พลังทั้งหมดโต้กลับพลังของเจ้าสายฟ้านั่นต้องไม่มีผลแน่ เราคงต้องช่วยทำให้พลังนั่นมีผลมากขึ้น’

แร็กนาร์มองการเคลื่อนไหวของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจน ความเร็วที่เทียบเท่าทำให้ทั้งสองรุกรับกันอย่างเท่าเทียม ร่องรอยบาดแผลก็มากขึ้นตามลำดับ แต่สิ่งหนึ่งที่แร็กนาร์สังเกตเห็นคือพลังของเอลลูญ์ยังไม่มากพอที่จะทำให้คาสึกิบาดเจ็บสาหัส

ทั้งยังไม่รู้ว่าคาสึกิจะแปรเปลี่ยนร่างได้มากเพียงใด อาจจะมือเดียว สองมือ หรืออาจจะเปลี่ยนได้ทั้งขา ความเป็นไปได้เหล่านี้ก็ถูกแร็กนาร์คำนวณเอาไว้ อีกไม่นานเคลตี้กับโกยาตเลย์จะกลับมาสมทบ เวลานั้นคงถึงเวลาเผด็จศึกอย่างแท้จริง ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทั้งสองต้องทำคือทำให้คาสึกิบาดเจ็บให้ได้มากที่สุด

การโจมตีปิดท้ายหากคาสึกิยังไร้ร่องรอยบาดแผล มันอาจจะไม่บรรลุผล แร็กนาร์เค้นพลังจากร่างออกมาไว้ที่มืออีกข้าง เลือกรูปแบบการใช้พลังที่สูญเสียพลังน้อยและควบคุมง่ายที่สุด น้ำถูกกลั่นออกมาจากมือเล็กๆ นั้น จนกลายเป็นธารน้ำไหล เคลือบฝ่ามือไว้อย่างแนบแน่น

ทางด้านเอลลูญ์ พลังที่ถูกดึงออกมาใช้ล่วงหน้าทำให้เขาเหนื่อยกว่าครั้งใดๆ ร่างกายที่ทนรับพลังเกินขอบเขตของตนเริ่มอ่อนล้า แต่เขาก็ยังคงฝืนไม่ให้ความเร็วของตนลดลง

เมื่อเน้นไปที่ความเร็ว พลังจึงที่ถูกใช้ห่อหุ้มกำปั้นจึงลดลงแทน เหมือนเป็นช่องว่างให้คมดาบฟันทะลุผ่านม่านสายฟ้าจนถึงนิ้วมือ

“อึก! ” เอลลูญ์ถอยร่นออกจากระยะการโจมตี เพราะมือถูกฟันจากระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางจนถึงกลางฝ่ามือ แม้เลือดไหลอาบเขาก็ไม่คิดที่จะส่งเสียงร้องอันแสนสังเวช กัดฟันทนความเจ็บอยู่เช่นนั้น ข่มกลั้นมันเอาไว้แล้วเข้าโจมตีอีกครั้ง

แต่เหมือนว่ามันจะเป็นโอกาสให้คาสึกิตั้งหลักในการต่อสู้ เขาระเบิดพลังจนปากกลายเป็นคมเขี้ยวอันแหลมคม เขาสามารถเลือกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายในการเพิ่มพลัง แต่ด้วยที่เชื่อในคมดาบอันเป็นอาวุธคู่กาย ทั้งมันยังถ่ายพลังไปได้เพียงที่เดียว จึงเลือกขาไม่ได้ เพราะมันมีถึงสอง สุดท้ายจึงเลือกเพิ่มคมเขี้ยวให้กับตน เป็นดังดาบเล่มที่สามในการใช้ฟาดฟันศัตรู

เมื่อกำปั้นทั้งสองข้างปะทะเข้ารับคมดาบไว้อีกครั้ง จึงกลายเป็นเอลลูญ์ที่เปิดช่องว่างให้คาสึกิจู่โจม ปากถูกอ้ากว้างเผยคมเขี้ยวอันคมกริบวาววับภายใน พุ่งเป้าจู่โจมหมายกัดหัวคู่ต่อสู้ให้ขาดสะบั้น

สัญชาตญาณเอาชีวิตของเอลลูญ์ร่ำร้องถึงอันตรายที่หมายชีวิต แต่มันสายเกินไปที่จะหลบเลี่ยง ทั้งประชิดตัวและความเร็วที่เหนือกว่าทำให้เขากระโดดหลบออกไปไม่ทัน

พรึ่บ!

มวลน้ำก้อนหนึ่งถูกขว้างในหน้าของคาสึกิจนมันต้องชะงักไปชั่วขณะ ทำให้เอลลูญ์เบี่ยงตัวหลบไปได้เล็กน้อย แต่มันก็ไม่มากพอที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีได้ทั้งหมด

“อ้าก! อึก” เสียงร้องหลุดลอดออกมาสั้นๆ ก่อนจะถูกหยุดไว้เมื่อได้สติ หัวไหล่ข้างหนึ่งถูกคมเขี้ยวกัดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เลือดไหลทะลักอย่างน่าหวาดกลัว

แร็กนาร์เป็นคนช่วยหยุดคาสึกิเมื่อครู่ เอลลูญ์จึงเอาชีวิตรอดมาได้ แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งยังดูเหมือนคาสึกิจะไม่ปล่อยให้เอลลูญ์หลุดจากคมเขี้ยวของตนได้ง่ายๆ แร็กนาร์จึงใช้ช่องว่างนั้นเข้าเฉือนร่างกายของคาสึกิ

แผลเล็กๆ เกิดขึ้น แผลแล้วแผลเล่า ความร้อนที่ถูกส่งจากคมมีดไหลเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ร่างกายคาสึกิเริ่มเดือดพล่าน เริ่มรับรู้ถึงอันตรายที่คาดไม่ถึง ทั้งยังรู้สึกเหนื่อยหอบมากขึ้นอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

ความเหนื่อยเข้าถาโถม เพราะเลือดไหลไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ สายตาเริ่มพร่ามัวจนแทบสิ้นสติ แม้ไม่ทราบสาเหตุของอาการทั้งหมดนี้ แต่ก็พอจะคาดเดาได้ว่ามันมีผลมาจากการกระทำของเจ้าเด็กลูกครึ่ง คาสึกิจึงยอมปล่อยคมเขี้ยวจากบ่าของเอลลูญ์ แล้วมุ่งการโจมตีไปที่แร็กนาร์

แร็กนาร์แฝงกายเข้าไปในความมืดอีกครั้งแต่หากครั้งนี้คาสึกิเร็วกว่า มันง้างดาบฟันแร็กนาร์ก่อนที่จะหายไป

“อ้าก! ” ร่างของคนตัวเล็กกระเด็นลอยละลิ่วไปตามแรงที่ถูกซัดผ่านคมมีด

“แร็กนาร์! ” เอลลูญ์เรียกชื่อคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง ก่อนรีบเคลื่อนไหวเข้าไปตั้งรับการจู่โจมของคาสึกิที่พุ่งเข้าใส่แร็กนาร์อีกครั้ง

เคร้ง! ฉัวะ!

เอลลูญ์กัดฟันระงับความเจ็บปวดเพื่อปกป้องแร็กนาร์ที่นอนนิ่งไม่ไหวติง แม้ถูกฟันครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่ยอมถอยจากจุดนั้น
แร็กนาร์ไม่ได้รับแผลสาหัสอย่างที่คิด เพราะในช่วงเวลานั้นเขายกแขนขึ้นป้องกันเอาไว้ และกระโดดถอยหลังเพื่อลดแรงกระแทก เวลานี้เขาจึงลุกขึ้นยืนจ้องมองแผ่นหลังของชายที่ปกป้องเขาอยู่อย่างไม่คิดจะถอยแม้แต่ก้าวเดียว

ความรู้สึกหลากหลายเข้ามาจุกอก เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนในโลกเดิม ความห่วงใยและได้รับการปกป้อง คนที่โดดเดี่ยวมาตลอดจึงหวั่นไหวอีกครั้งอย่างไม่อาจต้านทานมันได้ ไม่ใช่ใจอ่อนกับความเด็ดเดี่ยวอันบริสุทธิ์ของพวกเด็กๆ แต่หากเป็นความรู้สึกปลอดภัยที่ถูกปกป้อง

เพียงในนานที่เข้ามาในโลกแห่งนี้ กำแพงที่ถูกสร้างอย่างแน่นหนาก็ถูกสั่นคลอนครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่รูร์กัส ฮิเดโอะ ฮิโรกิ โกยาตเลย์ แล้วยังเอลลูญ์อีก พวกเด็กเหล่านั้นทำให้เขาลดกำแพงลงได้ง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ

ความรู้สึกเอ่อล้นเมื่อหวนนึกถึงความรู้สึกอันซับซ้อนแสนอบอุ่นที่เขาได้รับตลอดมา พาให้แร็กนาร์น้ำตาไหลอย่างไม่อาจกลั้น

‘ความดีใจคือความรู้สึกแบบนี้เองสินะ’

ในวันนี้เขายอมรับแล้วว่า ตัวตนของเด็กๆ เหล่านี้แทรกผ่านกำแพงแน่นหนามาจนถึงจิตใจของเขาจนได้

‘พระเจ้าท่านช่างโกหกจริงๆ ไหนบอกผมว่าจะเป็นชีวิตที่เจ็บปวดทรมาน แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงได้มีความสุขขนาดนี้ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดแบบไหน ผมก็ดีใจที่มันเกิดขึ้น มันคงเป็นความรู้สึกที่ผมใฝ่หามาตลอด ความอบอุ่นที่ถูกปกป้อง

ขอบคุณจริงๆ ครับ พระเจ้า

แล้วได้โปรดอย่าหายไปนะ...ทุกคน’


ความรู้สึกเหล่านั้นฝังลึกลงในจิตใจ หัวใจที่เปิดรับเด็กๆ เหล่านั้นอ้อนวอนขออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่กระนั้นเขาก็ตระหนักดีว่า ความปรารถนาจะเป็นจริงได้อย่างไรหากเราไม่พยายาม

วันนี้เขาต้องทำให้เด็กๆ เหล่านี้รอดพ้นค่ำคืนอันอาบด้วยเลือดไปให้ได้

ร่างนั้นหายไปในความมืดอีกครั้ง เพียงชั่วอึดใจเข้าก็ปรากฏตัวด้านหลังของคาสึกิ ความจริงมันควรถึงเวลาที่พลังจะระเบิดออกแล้ว แต่ด้วยร่างกายอันแข็งแรงเกินปีศาจทั่วไปของคาสึกิยังคงระงับอาการเหล่านั้นไว้ได้

สิ่งที่แร็กนาร์ต้องทำคือเฉือนเข้าไปให้มากขึ้นมากขึ้นกว่าครั้งที่ผ่านมา ทุกเส้นเลือดที่ไหลเวียนในร่างกาย เขาต้องส่งพลังออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เอลลูญ์ตกใจที่เห็นแร็กนาร์อยู่ด้านหลังคาสึกิ แต่เขาก็เก็บสีหน้าได้ดี รีบคลายหมัดแล้วตรึงข้อมือของคาสึกิไว้แทน เขาไม่รู้ว่าคนตัวเล็กใช้พลังแบบใด เพราะแร็กนาร์เพียงบอกว่าเขาต้องเปิดช่องว่างให้เจ้าตัวโจมตีให้ได้มากที่สุดเท่านั้น

หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่จะหวังพึ่งพลังของเหล่าลูกครึ่ง แต่ในช่วงที่ผ่านมาเขาอยู่กับเรย์และนาฟ มันทำให้เขาเรียนรู้ว่าลูกครึ่งไม่ได้ไร้พลังเช่นที่คนทั่วไปคิด พวกเขาล้วนเก่งกาจ หากค้นพบวิธีใช้พลัง แล้วใช้มันต่อสู้ วิถีที่แตกต่างทำให้มองพลังเหล่านั้นว่าแปลกแยก แต่ก็ยอดเยี่ยมจนไม่อาจละสายตาไปได้

เขาทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อตรึงแขนทั้งสองข้างของคาสึกิเอาไว้ ปลดพลังที่เท้าแล้วไหลเวียนมันไว้ที่มือแทน ความเชื่อใจที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเร็วกว่าสมอง ร่างกายตอบสนองเร็วกว่าความคิด ความเร็วจึงมากกว่าคาสึกิจะถอยหลบทัน

“ปล่อยนะเจ้าพวกเด็กบัดซบ! ” คาสึกิที่ไม่ทันตั้งตัวร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เขาพลาดให้เด็กพวกนี้ถึงสองครั้งสองครา น่าละอายเกินกว่าจะพบใครได้

แร็กนาร์เองก็พุ่งเป้าไปที่แขนขวาเพียงข้างเดียว หากไม่อาจกำจัดได้ทั้งหมด ก็ควรจะกำจัดทิ้งทีละส่วน ทั้งอีกมือก็ปล่อยกระแสน้ำอาบไล้ชุ่มไปทั่วร่างของคาสึกิ

สิ่งที่พวกเขาทั้งสองต้องทำคือตัดกำลังไม่ใช่สังหาร ดังนั้นไม่ต้องพุ่งเป้าไปที่ทุกส่วน ขอเพียงส่วนใดส่วนหนึ่งเสียหายก็สามารถลดทอนพลังไปได้มากแล้ว

“เจ้าสายฟ้าปล่อยสายฟ้าเร็ว! ” แร็กนาร์กระโดดถอยห่างจากระยะของทั้งคู่ก่อนเอ่ยสั่งเอลลูญ์ด้วยเสียงอันเฉียบขาด

“ธันเดอร์ สตอร์ม! ”

“อ้าก! ”

สายฟ้าฟาดลงใส่ร่างของทั้งสองที่ยื้อยุดกันอยู่ มันรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆเพราะน้ำที่เปียกชุ่มทั่วตัวคาสึกิด้วยฝีมือของแร็กนาร์ ช่วยให้สายฟ้ารุนแรนขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เพียงแต่เจ้าของพลังอย่างเอลลูญ์กลับไร้บาดแผลจากฟ้าผ่า ต่างจากคาสึกิที่ถูกกระแสไฟฟ้าไหลเข้าไปในร่างกายจนเกิดการช็อตอย่างรุนแรง

ตู้ม!

“อ้าก! ”

ทั้งสายฟ้าเหล่านั้นยังช่วยกระตุ้นความร้อนที่แร็กนาร์ส่งไว้ในร่าง จนแขนข้างที่แร็กนาร์ทุ่มกำลังฟาดฟันเมื่อครู่เกิดการระเบิดออก ด้วยความร้อนที่ไม่สามารถระบายออกจากกระแสเลือดไปที่ใดได้

ในจังหวะที่แขนของคาสึกิระเบิดแร็กนาร์โถมตัวผลักเอลลูญ์ให้พ้นจากระยะการระเบิดได้อย่างทันท่วงที เขาจึงหลุดพ้นจากแรงระเบิดเหล่านั้น

แร็กนาร์คร่อมเอลลูญ์เอาไว้สายตาทั้งสองสบจ้องกันอย่างเผลอไผล หัวใจสั่นไหวอย่างไม่ทันตั้งตัว ช่วงเวลานั้นดังว่าเสียงรอบด้านหายไปหมด หลงเหลือไว้เพียงหัวใจที่ส่งเสียงเต้นตุบตับรัวเร็วสองดวง

บรรยากาศสงบลงอย่างที่ไม่ควรจะเป็น จนกระทั่งเสียงชิ้นส่วนของแขนข้างนั่นตกลงที่ข้างตัวพวกเขา แร็กนาร์จึงได้สติแล้วรีบลุกออก พยายามรวบรวมสติที่หายไปให้กลับมาอย่างครบถ้วน

‘อีกแล้ว...มันอะไรกันนะความรู้สึกแบบนี้’

แร็กนาร์ครุ่นคิดทั้งที่มองไปยังศัตรูผู้มีใบหน้าอันบิดเบี้ยว เพราะเสียแขนข้างหนึ่งไปด้วยการโจมตีของพวกเขา




To Be Continued...

_________________________________________
สวัสดีค่ะ  สอบเสร็จแล้ว ฮู้เล่!
ไม่รู้ว่าผลจะออกมาว่าสอบได้  หรือได้สอบ
ตอนนี้เหลือแค่ลุ้นแล้วล่ะ...
เอาเป็นว่าเรากลับมาเสพแร็กนาร์ให้สบายใจกันดีกว่าเนาะ  หุหุ
เป็นไงกันบ้างคะ แร็กนาร์มาแล้ว จุใจกันรึเปล่า
ตอนหน้าก็ยังให้แร็กนาร์โชว์ฝีมืออยู่น้า
แล้วพบกันจ้า



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อื้อหือออ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
 :katai1: :katai1: เอาอีกเอาอีกแร็กส์ นามีสบตากะแอลลู เข้าคู่กันใช่ไหมหรืออาร่ายยย ฮาเร็มนักฆ่าชุอุ๋ยคงไม่ใช่นะ :hao3:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่ 38
โต้วาที

“อ้าก!” เสียงกรีดร้องดังแผดหู แต่หากเพียงไม่นานมันก็สงบลง สงบเกินกว่าจะคาดเดาสิ่งใดได้ คาสึกิหลับตานิ่ง ไม่ขยับเขยื่อนกาย แผลที่เกิดจากการระเบิดแขนข้างนั้นค่อยๆสมานตัว แม้ไม่อาจงอกออกมาใหม่ แต่เลือดก็หยุดไหลและบาดแผลปิดสนิทในที่สุด

สสารสีดำเอ่อล้นกาย พวกเขาล้วนแล้วแต่ได้รับพลังเหล่านี้มาจากชายสวมหน้ากาก ชายลึกลับที่ไร้ที่มาที่ไป แต่หากเต็มไปด้วยพลังอันเหลือล้น พลังที่ใช้เปลี่ยนให้คนอ่อนแอแข็งแกร่งเกินขีดจำกัด

พวกปีศาจระดับสูงต่างรู้ดีว่าพลังเหล่านี้แลกมาด้วยอายุขัย จึงใช้มันเพียงยามจำเป็นเท่านั้น และยังใช้มันในวิธีที่ถูกต้อง เพื่อลดอายุขัยน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ ทั้งยังมีพลังเพิ่มขึ้นเกินกว่าการใช้ออกมาทีเดียวในปริมาณที่มากมาย

และคาสึกิก็เป็นหนึ่งในกลุ่มปีศาจระดับสูงเหล่านั้น เพราะการต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้เขาสติแตกและดูถูกคู่ต่อสู้ จึงไม่ทันจะได้จริงจังก็ถูกเล่นงานเสียแล้ว เรียกได้ว่าการเสียแขนหนึ่งข้างไปนั้นช่วยเรียกสติเขากลับมาได้เป็นอย่างดี มันคงเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดที่ทำให้เขาอยู่ในโหมดต่อสู้ได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่จะพลาดพลั้งไปมากกว่านี้

ไม่เพียงร่างกายที่ถูกฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพสมบูรณ์ จิตใจของคาสึกิเองก็กลับมาอยู่ในสภาพเต็มร้อย เข้าสู่โหมดสังหารเต็มรูปแบบ เปิดประสาทสัมผัสทั่วร่าง รัศมีการรับรู้เกินกว่าปีศาจทั่วไปหลายเท่า กระชับดาบสั้นที่เหลือเพียงข้างเดียว จ้องมองเหยื่อที่มีสภาพไม่สู้ดีนักอย่างกระหายเลือด

เพียงชั่วพริบตาร่างนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“อ้าก!” แร็กนาร์ปลิวระร่องจนกระทบกับต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง กระอักเลือดสีแดงออกมาจนเปราะเปื้อนเสื้อสีเทาไป
ส่วนหนึ่ง

“อั๊ก!”

ปึก!

ตามด้วยเอลลูญ์ที่ถูกแทงที่ท้องอย่างรวดเร็วจนไม่อาจป้องกันได้ เขาล้มลงคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสิ้นท่า เวลานี้สถานการณ์เลวร้ายเกินกว่าจะโต้กลับได้ ยิ่งเอลลูญ์ที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว ทั้งยังปกป้องแร็กนาร์เมื่อครู่จึงทำให้เขาแทบขยับร่างกายไม่ไหว เสียเลือดมากเกินไป

ผลั๊ก!

เอลลูญ์ถูกเตะกระเด็นจากจุดนั้น ทั้งคาสึกิยังตามไปสังหารเขาอีก หากไม่ทำอะไรตอนนี้เอลลูญ์คงไม่อาจมีชีวติรอดต่อไปได้ แร็กนาร์มองตามการกระทำนั้นทุกการเคลื่อนไหว เขากำลังปรับสายตาของร่างนี้ให้มองเห็นมากกว่าปกติ

เพราะร่างกายยังเด็ก และยังไม่ใช่ร่างกายที่ผ่านการฝึกมา ร่างนี้จึงยังไม่อาจใช้ทักษะของเขาได้อย่างเต็มที่ การเปิดประสาทสัมผัสทั้ง 5 จึงต้องใช้เวลา แร็กนาร์พยายามผืนร่างกายให้รองรับความสามารถของเขา เพื่อที่จะหาทางเอาตัวรอดในการต่อสู้ครั้งนี้

‘ช้าเกินไปแล้วไปแล้วเคลตี้ เร็วเข้า’

กระแสคำสั่งถูกส่งไปยังสัตว์พันธสัญญา เพื่อสร้างภาพลวงตาให้หทั่วบริเวณ เคลตี้จึงแยกตัวออกไป และยังต้องช่วยฟื้นฟูโกยาตเลย์ให้ทันเวลา การต่อสู้ครั้งนี้หากพวกเขาไม่ร่วมมือกันแล้วล่ะก็คงไม่อาจชนะได้

แผนการ และพลังล้วนสำคัญในเวลานี้ มันไม่ยากเกินไปที่จะโค่นล้มองครักษ์เงาตนหนึ่งหากพวกเขาใช้พลังร่วมกัน ประสานความสามารถเหล่านั้นได้ถูกต้องถูกจังหวะ หากสูญเสียใครไปในเวลานี้แล้วคงไม่อาจเอาชีวิตรอดได้อีก เช่นนั้นแล้วเขาต้องช่วยเอลลูญ์เสียก่อน

“เดี๋ยวสิ ฟุชิมิ คาสึกิ” เสียงราบเรียบที่เอ่ยเรียกชื่อคาสึกิทำให้เจ้าของชื่อชะงักเท้าที่กำลังกระทืบรัวไปยังร่างของเอลลูญ์ที่ขดกลมปกป้องส่วนสำคัญไม่ให้ได้รับการโจมตีมากเกินไป

“รู้ด้วยรึว่าข้าคือใคร” คาสึกิให้ความสนใจแร็กนาร์ในทันที เขาหันไปสบตาเจ้าของดวงตาสีดำสนิทนั้นด้วยความฉงน

“รู้สิ 1 ในองครักษ์เงาแห่งเขตใต้...แต่หากเป็นผู้ทรยศ สังหารหัวหน้าของตน” จากเสียงที่แร็กนาร์ได้ฟังในครั้งนั้น เสียงที่รับรู้ได้ในวันที่สนทนากับทาคุมะ ทำให้เขาคาดเดาได้ว่าชื่อผู้ทรยศที่ได้ยินต้องเป็นชื่อของปีศาจตรงหน้า ทั้งฝีมือ ลักษณะท่าทางล้วนแล้วแต่ตรงกับคำบอกเล่าของเรย์ทั้งสิ้น

แร็กนาร์ต้องการถ่วงเวลา แต่หากอีกจุดประสงค์หนึ่งคือเพื่อทดสอบข้อสันนิษฐานของเขา ความสัมพันธ์ที่มาบรรจบกันด้วยจุดร่วมเพียงจุดเดียว และหากเป็นเช่นนั้นจริงโชคชะตาคงเล่นตลกกับเจ้าของร่างนี้ไม่น้อย

“หุบปาก! เจ้าเด็กลูกครึ่งแสนน่ารังเกียจ” ส่วนผสมอันไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของปีศาจเผ่าพยัคฆ์กับมนุษย์ชั่งทิ่มแทงดวงตาคาสึกิยิ่งนัก แม้ส่วนหนึ่งของเส้นผมสีแดงจะเป็นสีดำ หาได้เป็นสีน้ำตาลดังเช่นนังแพศยานั่น แต่ด้วยที่มันคล้ายกันจนแทบแยกไม่ออก มันจึงแสลงลูกตาจนไม่อยากมอง

แร็กนาร์สังเกตท่าทีของคาสึกิจนครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการขยับร่างกาย สายตาที่มองมา การเต้นของชีพจร และลมหายใจ เขาล้วนได้ยินมันอย่างชัดเจน แร็กนาร์สามารถเปิดประสาทสัมผัสได้เทียบเท่าในร่างเดิม แต่เขาก้รู้ว่ามันไม่คงอยู่ได้ตลอด เขาเพียงฝืนร่างกายให้แสดงความสามารถออกมา ดังนั้นมันจึงมีขีดจำกัด จะใช้ได้นานเท่าใดก็อยู่ที่การรองรับของร่างกายนี้แล้ว

รอยยิ้มแต่งแต้มมุมปากเมื่อเขารับรู้ได้ว่าคาสึกิกำลังเริ่มร้อนรน ปีศาจตนนี้ไม่ได้เย็นชาจนไร้หัวใจ แต่การทรยศครั้งนี้คงมีเหตุจูงใจที่ไม่อยากเปิดเผยออกมา

เวลานั้นเองแร็กนาร์จึงเปลี่ยนแผน หากเป็นไปดังที่เขาคิด การโต้วาทีในครั้งนี้คงเปลี่ยนสถานการณ์ได้อีกมากมายทีเดียว ไม่เพียงถ่วงเวลา และไขข้อข้องใจของเขา แต่มันจะต้องทำให้คาสึกิสติหลุดได้อีกครั้งอย่างแน่นอน โอกาสกำจัดคาสึกิก็เพิ่มความเป็นไปได้มากขึ้นไปอีก

“หึหึ น่ารังเกียจรึ สำหรับเจ้าคงมีความรู้สึกที่มากกว่านั้น...ข้าพูดถูกหรือไม่” แร็กนาร์กล่าวอย่างรู้ทัน เขาลุกขึ้นปัดฝุ่นออกจากร่างกาย บาดแผลที่แขนเลือดหยุดไหลแล้ว ซี่โครงเองก็เคลื่อนต่อกัน อวัยวะภายในกำลังซ่อมแซม เรียกได้ว่าแร็กนาร์เกือบจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์

เขาไม่ใช่มนุษย์การฟื้นฟูจึงมากกว่าเอลลูญ์ แม้จะเพียงครึ่งเดียวของปีศาจก็ใช่ว่ามันจะช้ามากนัก แร็กนาร์สบตาคาสึกิอย่างแน่วแน่ ไร้ความกลัวต่อผู้ที่มีพลังมากกว่า ใบหน้าราบเรียบ แต่หากมุมปากประดับด้วยรอยยิ้มบางๆอย่างเจ้าเล่ห์
แร็กนาร์ไม่ชอบพูด แต่นั่นหมายถึงช่วงเวลาปกติ ถ้าหากว่าการพูดมีผลกับการต่อสู้ เขาก็พร้อมที่จะใช้มัน แม้จะเสียพลังในการขยับปากก็ตาม มันไม่ได้เสียเปล่าเช่นเวลาปกติทั่วไป

“หึ เด็กน้อยเจ้าไปรู้สิ่งใดมากันแน่ จะมาพูดอ้อมค้อมอยู่ทำไม ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้ามากนักหรอกนะ” คาสึกิเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ความอดทนของเขามีขีดจำกัด เพียงรูปลักษณ์ภายนอกของเด็กตรงหน้าก็พาให้เขาหัวเสียไม่น้อย แล้วยังจะกล่าวเล่นลิ้นเช่นนี้อีก เขาอยากจะเข้าไปกระชากลิ้นมันมาตัดทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ความอยากรู้ก็มากกว่าจึงยังพอระงับอารมณ์เอาไว้ได้

“เมื่อ 9 ปีก่อน หัวหน้าของเจ้าพาหญิงสาวชาวมนุษย์ผู้หนึ่งมายังที่แห่งนี้ ดินแดนพยัคฆ์ที่มนุษย์ไม่ควรเข้าใกล้ ทั้งยังทำให้หญิงผู้นั้นกลายเป็นภรรยาของตน และยังให้ดำเนิดทายาทตัวน้อยออกมาเป็นสักขีพยานแห่งรักจนทำให้เจ้าไม่พอใจคิดคดทรยศต่อหัวหน้าของตน...ข้ากล่าวถูกใช่หรือไม่” ข้อสัญนิษฐานแรกถูกกล่าวออกไป ความเป็นไปเหล่านี้มันชัดเจนดั้งแต่วันที่ได้ยินเสียงนั้น และเมื่อจับต้นชนปลาย นำเรื่องที่รูร์กัสเล่าเกี่ยวกับริเรน่ามาปะติดปะต่อกัน ความเป็นไปได้อันยากจะคาดเดาก็เกิดขึ้น

คาสึกิกำดาบในมือแน่น ความจริงที่ออกจากปากเด็กน้อยตอกย้ำความทรงจำเหล่านั้น ภาพบาดตาบาดใจวันที่หัวหน้ากลับมาพร้อมกับหญิงสาวชาวมนุษย์ผู้หนึ่ง ทั้งยังประกาศอย่างแน่วแน่ว่าหญิงผู้นั้นคือนายหญิงของกลุ่มโฮชิยังชัดเจน

วันนั้นมีเพียงเขาที่เอ่ยคัดค้าน เขาไม่ยอม ไม่ยอมยกหัวหน้าให้หญิงต่ำต้อยผู้นั้นเป็นอันขาด แต่การปฏิเสธหัวชนฝาก็ไม่อาจเป็นผลต่อความรู้สึกของหัวหน้า มันช่างน่าเจ็บปวด ความเห็นของเขาไม่แม้แต่จะทำให้เขาผู้นั้นหยุดคิดแม้แต่น้อย

ความทรงจำนั้นช่างแสนเจ็บปวด เจ็บปวดแต่ต้องเก็บเอาไว้เพียงในใจ เฝ้ามองภาพที่ชายผู้เป็นที่รักคอยเอาใจผู้หญิงแสนโสมมคนนั้นเรื่อยมา

แร็กนาร์สัมผัสได้ถึงหัวใจอันแสนเจ็บปวดแต่หากเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นของคาสึกิ มันช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าขอสัญนิษฐานของเขาถูกต้อง

โฮมุซึบิ อิซานางิ หัวหน้ากลุ่มโฮชิคือพ่อของเขา ชายที่ทำเรื่องร้ายกาจต่อครอบครัวของรูร์กัส แต่หากมอบความรักให้ริเรน่าและร่างนี้อย่างหมดหัวใจ เสียสละแม้พลังสุดท้าย ทั้งที่รู้ว่าหากไม่มีมันตนจะต้องพ่ายแพ้ ผู้ที่เอาแต่ใจตัวเองจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

หัวใจของแร็กนาร์เต้นกระหน่ำอีกครั้ง ภาพสุดท้ายในความทรงจำฉายชัด มันไม่ใช่ความมืดเช่นครั้งก่อน แค่ครานี้กลับเป็นใบหน้าแสนอ่อนโยนของปีศาจเผ่าพยัคฆ์ตนหนึ่ง ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านทำให้เขายังคงสติเอาไว้ได้ เพียงไม่นานหัวใจดวงนี้ก็ค่อยๆสงบลง

แร็กนาร์เคยคิดว่าหากรู้ว่าผู้ที่ผนึกความทรงจำเหล่านี้ลงไปในร่างของเขา ความทรงจำและพลังทั้งหมดจะปะทุออกมา แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ พ่อของร่างนี้ใช้พลังกดทับมันอย่างถึงที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้ร่างกายนี้ถูกทำลายก่อนถึงเวลาอันควร

ความรักของพ่อเขารับรู้ถึงมันได้ ความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับมาก่อน มาพร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นแต่หากไม่ได้มากมายจนร่างนี้รับไม่ไหว บาดแผลทั้งหมดหายสนิท ผมสองสีถูกย้อมเป็นสีแดงทั่วศีรษะ พลังเผ่าพยัคฆ์กำลังปะทุขึ้นในร่างกายของเขา

“แล้วมันอย่างไร จะมากล่าวเรื่องเหล่านี้เพื่ออันใด เพื่อตอกย้ำความผิดพลาดของข้ารึ” คาสึกิยังคงไม่สติแตกแต่อารมณ์ของเขาก็ครุกรุ่นอย่างเห็นได้ชัด เขาหาได้สนใจความเปลี่ยนแปลงของร่างนั้น คาสึกิสนใจใคร่รู้จุดประสงค์ของเด็กน้อยมากกว่า

“เพื่ออะไร หึหึ เจ้าคงสับสนไม่น้อยที่ไม่อาจสังหารหญิงสาวผู้นั้นได้ ความโกรธเกรี้ยวก็ยังคงอยู่ในจิตใจ และยังคงรู้สึกผิดต่อหัวหน้าอีก ตลอดหลายปีมานี้คงทรมานไม่น้อย”

“แล้วมันอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า”

“มีคนผู้หนึ่งเขียนหนังสือเอาไว้ เรื่องราวเหล่านั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ 4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัย หรือวิธีการต่อสู้ แต่น่าเสียดายมันจบลงเมื่อเขียนถึงคืนนั้น คืนที่พวกเจ้าลงมือ

แต่นั่นมันก็มากพอที่จะทำให้ข้าคาดเดาว่า นิสัยอย่างเจ้าคงไม่อาจวางแผนเหล่านี้ได้ ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คงเป็นเทโทระพี่ชายของเบียกโกะ และผู้ที่ยุยงส่งเสริมให้เจ้าทรยศคงเป็นสหายที่อยู่ใกล้ตัว ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่”

“เจ้า!” คาสึกิอดที่จะตะลึงในข้อสัญนิษฐานเหล่านี้ไม่ได้ เด็กคนนี้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างไรกันแน่ เหตุใดจึงยื่นมือเข้ามายุ่งทั้งที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องราวอันตรายเพียงใด

“นี่คาสึกิบอกได้หรือไม่ว่าใครชักจูงให้เจ้าสังหารหัวหน้ากลุ่มโฮชิ” แร็กนาร์ถามออกไป แม้รู้อยู่แล้วว่าอย่างไรคาสึกิคงไม่บอกเขาง่ายๆ แต่ว่าไม่ลองก็ไม่รู้จริงหรือไม่

“หึ อย่ามาตัดสินว่าข้าไร้ความคิดจนให้ใครมาจูงจมูกได้ง่ายๆ และอย่าได้บังอาจมาหลอกลวงข้า ข้าไม่มีทางหลงกลเด็กน้อยเช่นเจ้า!” คาสึกิเก็บสีหน้าได้ดี แต่หัวใจที่เต้นผิดจังหวะทำให้แร็กนาร์รู้ได้ว่าคาสึกิกำลังปกปิดความจริง ยังมีองครักษ์เงาที่ทรยศอยู่อีก องครักษ์เงาที่เหลือจะมีใครบ้างทรยศ ทาคุมะคือหนึ่งในนั้นหรือไม่ ถ้าเช่นนั้นหากความทรงจำกลับมาทาคุมะจะไม่คิดกำจัดพวกเขาหรือ

ผลลัพธ์อันเลวร้ายกำลังเกิดขึ้นเสียแล้ว เวลานี้พวกเขาล้วนแล้วแต่คิดว่าทาคุมะคือพรรคพวก ถ้าหากมีใครเข้าหาทาคุมะอย่างสนิทใจ คงถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย แม้มันเป็นเพียงข้อสัญนิษฐานแต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ ไม่ดีแล้วเขาต้องเร่งมือจะมามัวใจเย็นอยู่เช่นนี้ไม่ได้

‘เคลตี้เปลี่ยนแผน’

แร็กนาร์สั่งการเคลตี้อีกครั้ง เวลานี้หากทาคุมะกลับมาสมทบกับรูร์กัส เช่นนั้นแล้วชีวิตของรูร์กัสต้องตกอยู่ในอันตราย จะอย่างไรเขาก็ต้องไปพิสูจน์ด้วยตาของตน ถ้าหากมีความเป็นไปได้แม้แต่น้อยนิด เขาก็ต้องป้องกันมันเอาไว้ ไม่เอาแล้วเขาไม่อยากสูญเสียพวกเด็กๆไป

เมื่อรับพวกเด็กๆเข้ามาอยู่หลังกำแพงแล้ว แร็กนาร์ก็บอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมสูญเสียที่อยู่ของตนเด็ดขาด!

“หึหึ ข้าก็คิดเช่นนั้น...จริงสิคาสึกิ เจ้าไม่ลองมองหน้าข้อให้ชัดๆหน่อยหรือ ไม่คิดว่าคล้ายใครเลยรึอย่างไร” แผนอันใจกล้าบ้าบิ่นจึงเริ่มต้นขึ้น จะใช้วิธีอื่นก็ได้เพื่อให้คาสึกิสติแตก ไม่มีสติยั้งคิด หลงลืมรูปแบบการต่อสู้ แต่วิธีนี้กลับเป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

คาสึกิจ้องมองแร็กนาร์ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะกลับมาจ้องมองใบหน้านั้นอย่างพินิจพิจารณา แม้ผมจะถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงทั้งศีรษะแต่ใบหน้าที่แสนน่ารังเกียจนั้นเขาไม่อาจลืม ใบหน้าอันโดดเด่นใครจ้องมองก็ต้องหวั่นไหว ใบหน้าของหญิงสาวที่พาความหายนะมาสู่หัวหน้าของเขา

ใบหน้าของ ริเรน่า คูฟฟ์

แม้ใบหน้านั้นจะลอกแบบมาจากริเรน่า แต่ดวงตากลับเรียวเล็กคมกริบ ไม่ได้กลมโตเท่าริเรน่า ดวงตาที่เขาคุ้นเคย ดวงตาที่ถอดแบบมาจากชายอันเป็นที่รัก และผมสีแดงเพลิงนั้นยิ่งย้ำเตือน เด็กคนนี้คือพยานรักของพวกเขาทั้งสอง ส่วนผสมอันแสนน่ารังเกียจ ส่วนผสมที่คาสึกิอย่างทำลายตั้งแต่ครั้งแรกที่มันลืมตาดูโลก

“แก! ยังไม่ตายอีกรึ เหตุใดยังกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าข้า ช่างขวางหูขวางตา ใบหน้าอันแสนน่ารังเกียจนั่น ข้าจะทำลายให้หมดสิ้น!” คาสึกิระเบิดอารมณ์ออกมาจนหมดสิ้น ความเกรี้ยวโกรธถาโถมในใจอย่างไม่อาจห้าม คิดแต่เพียงอยากทำลายเด็กคนนี้ให้แหลกเป็นผุยผง ไม่แม้แต่จะควบคุมพลังอันบ้าคลั่งที่ผลาญอายุขัยให้ลดลงอย่างรวดเร็ว

พลังสสารมืดปะทุขึ้นจนต้นไม้โดยรอบเหี่ยวเฉา พลังมากมายมหาศาลยิ่งกว่าคุระที่พึ่งเคยใช้มันครั้งแรก  คาสึกิเคลื่อนไหวชั่วพริบตาไปยังตัวแร็กนาร์อีกครั้ง กระบวนท่าอันรวดเร็วหมายฟาดฟันคอเด็กน้อยให้ขาดสะบั้น

เลือดสีแดงสาดกระเด็นอาบใบมีด แต่หากไร้ร่องรอยของเจ้าของรอยเลือดนั้น แร็กนาร์หายไปจากจุดที่ยืนอยู่เมื่อครู่เสียแล้ว
คาสึกิแม้ไร้ซึ่งสติยั้งคิดแต่หากความสามารถยังคงอยู่ เขาสัมผัสได้ถึงเสียงฝีเท้าของผู้ที่แฝงกายในเงามืด ร่างนั้นอยู่ด้านหลังของเขาห่างออกไปเล็กน้อย ความจริงเขาควรแปลกใจในความรวดเร็วของแร็กนาร์ แต่หากเวลานี้เขาไร้สติสัมปชัญญะเหลือคงไว้เพียงความคุ้มคลั่งของพลังอันดำมืด เขาจึงไม่ได้คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนเคลื่อนไหวไล่ล่าแร็กนาร์อีกครั้ง

ร่างสองร่างผุบโผล่ในความมืด ความเร็วเกินกว่าคนทั่วไปจะมองเห็น เอลลูญ์ที่ขยับกายให้พ้นระยะการโจมตีเพื่อฟื้นฟูร่างกายนั่งมองอย่างเงียบงัน แม้มองเห็นบ้างไม่เห็นบ้างแต่เขาก็พอสังเกตได้ว่าแร็กนาร์กำลังเปลี่ยนไป

ไม่เพียงศีรษะที่ถูกเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่มันถูกเปลี่ยนทั้งแววตา คมเขี้ยว และแม้แต่สภาพร่างกาย เวลานี้ร่างนั้นอยู่ในร่างของปีศาจเผ่าพยัคฆ์เต็มรูปแบบ หรืออาจจะมากกว่าปีศาจทั่วไป จากที่เขาเคยเห็นพวกนั้นแปรเปลี่นยร่างกึ่งสัตว์ได้เพียงบางส่วนเท่านั้นต่างจากแร็กนาร์อย่างสิ้นเชิง...เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่! เอลลูญ์ได้แต่เก็บความฉงนไว้ในใจ

แร็กนาร์รับรู้ถึงพลังที่อยู่ในกายอันเอ่อล้น รวมทั้งความทรงจำในการใช้พลังอันคุ้มคลั่งนี้จากภายใน เพียงแต่มันไม่ใช่การเรียกใช่การใช้โดยสถานการณ์บีบบังคับจนถึงชีวิตเช่นครั้งก่อน ทั้งพ่อของเจ้าของร่างกายนี้ยังตั้งเงื่อนไขเพื่อปกป้องร่างนี้ไว้เป็นอย่างดี
เขากำหนดให้พลังไหลของมาอย่างพอดีกับสภาพร่างกายที่ร่างนี้รับได้ และเมื่อแร็กนาร์มีสติมากเพียงพอไม่เหมือนเมื่อครั้งที่เขาปลดปล่อยพลังเพื่อช่วยรูร์กัสโดยที่ไม่รู้วิธีการควบคุม

แม้วิธีการใช้จะซับซ้อนและทำได้ยากในเวลาอันสั้น แต่แร็กนาร์ก็พอใช้มันได้ แม้ไม่เต็มร้อยก็ตาม เขาเสริมจุดอ่อนที่ขาดหายนั้นด้วยเทคนิคของนักฆ่าที่ติดตัวมา

ความว่องไวที่มีอยู่ก่อนแล้วเพิ่มยิ่งขึ้นด้วยวิถีก้าวย่างเช่นนักฆ่าที่อาศัยความรวดเร็วในการจู่โจมศัตรู ยิ่งร่างนี้ถูกเสริมพลัง มันยิ่งรองรับทักษะของเขาได้มากยิ่งขึ้น แร็กนาร์รู้สึกพอใจอย่างยิ่ง แม้ว่าพลังที่ใช้ได้ตอนนี้จะไม่ถึงเสี้ยวของพลังที่แท้จริงก็ตาม

เส้นทางการฝึกฝนอีกยาวไกล เขายังอ่อนแอเรื่องใช้พลังพิเศษ ส่วนร่างนี้เองก็ไม่อาจรอบรับทักษะที่ติดตัวมาของเขาได้ เขาต้องมีชีวิตรอดจากเหตุการณ์นี้ให้จงได้ เมื่อนั้นเขาจะต้องใช้พลังที่พึงมีของตนให้เต็มที่อย่างแน่นอน

“เจ้าหนอนแมลงน่ารังเกียจที่เกิดจากสตรีแพศยาเช่นเจ้าช่างตายจากเสียจริง เอาแต่วิ่งหลบหลีกน่ารำคาญ วันนี้ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นๆชิ้น ให้จบสิ้นสายเลือดโสมมของเจ้าให้ได้!” คาสึกิตวาดเกล้า แม้สติหลุดลอย แต่ความรู้สึกอันแรงกล้ายังคงอยู่

ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเคียดแค้น ทั้งยังหงุดหงิดใจที่ไม่อาจไล่ตามแร็กนาร์ได้ทัน บาดแผลเดียวที่เขาลงมือแตะต้องเด็กน้อย
ได้คือบาดแผลที่คอก่อนที่แร็กนาร์จะขับเคลื่อนพลังเร้นกายหายไป

หลังจากนั้นแม้ปะทะกันก็หลบได้อยู่ร่ำไป ดังว่าเด็กคนนั้นสามารถมองท่วงท่าของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และเหนือกว่าที่คาดยังสามารถใช้มีดผ่าตัดอันเล็กจ้อยปัดป้องคมดาบของเขาได้โดยไม่สึกหลอแม้แต่น้อย

สิ่งที่ปะทะกับคมดาบของคาสึกิไม่ใชคมมีดทั่วไป แต่หากเป็นคมมีดที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังถึงสองธาตุเป็นเกาะปกป้องคมมีดอับเปราะบางนั้นไว้อย่างหนาแน่

การปะทะก็ไม่ใช่การใช้พลังปะทะกันโดยตรง เพราะอย่างไรแล้วแร็กนาร์ก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาจึงเน้นตั้งรับ หลบหลีก และปัดป้อง เบี่ยงวิถีการโจมตีด้วยทักษะอันนุ่มนวลแต่หากรวดเร็วจนยากที่จะกระทำได้โดยง่ายดาย

ทักษะนี้เป็นสิ่งที่แร็กนาร์ถนัด การต่อสู้ของเขาไม่เคยเน้นปะทะด้วยพลัง การฆ่าของเขาเงียบเชียบ รวดเร็ว เน้นจุดตาย ไม่ให้เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่น้อย

พวกเขาทั้งสองรุกไล่กันไปมา แต่หากไม่มีใครลงมือสยบใครได้ บาดแผลก็เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย เกิดจากการโฉบเฉี่ยวไปมาของคมมีด คมดาบเท่านั้น พลังกายก็ลดทอนอย่างเห็นได้ชัด

การหลบหลีกและโจมตีของแร็กนาร์เต็มไปด้วยทักษะอันเฉียบแหลม ส่วนคาสึกิแม้ไร้สติยั้งคิดไตร่ตรองแต่ก็เคลื่อนไหวด้วยสัญชาตญานการต่อสู้ที่อัดแน่นด้วยประสบการณ์อย่างล้นเหลือ เรียกได้ว่าไม่มีใครอ่อนด้อยกว่าใครเลย

ทั้งพลังกายของแร็กนาร์ยังลดต่ำลงรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด อีกไม่นานเขาต้องพลาดพลั้งเสียทีให้คาสึกิเป็นแน่ แร็กนาร์จึงเร่งสั่งการเคลตี้ให้ดำเนินแผนการอย่างรวดเร็ว ข่าวดีในตอนนี้คงเป็นเรื่องที่โกยาตเลย์ฟื้นแล้ว และกำลังนัดแนะการประสานพลังกับเอลลูญ์ที่ตามไปสมทบยังที่หลบซ่อน

ภาพลวงตาของเคลตี้เองกก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว หากหลอกล่อคาสึกิที่คุ้มคลั่งเต็มที่ ทั้งยังอยู่ในห้วงความแค้นบังตาไปติดอยู่ในภาพลวงตานั้น พวกเขาคงมีเวลาเตรียมการมากพอ หรือไม่แล้วคาสึกิอาจจะไม่หลุดจากภาพลวงตานี้ไปชั่วชีวิต

‘หึ ขอข้าดูจิตใจของเจ้าหน่อยเถอะ...คาสึกิ’

แร็กนาร์คิดอย่างหมายมาดทั้งที่ยังรับมือคาสึกิอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เขาแยกประสาท ร่างกาย และความคิดออกจากกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

คาสึกิเหวี่ยงดาบเข้าที่ไหล่ซ้าย แร็กนาร์ก็ถอยหลบหนึ่งก้าว แล้วใช้มีดผ่าตัดเบี่ยงวิถีผลักคมดาบนั้นออกจากร่างกายตน คมดาบที่ควรผ่าไหล่เฉียนลงจนถึงสะโพกเบี่ยงลงด้านล่างก่อนถึงตัวแร็กนาร์

ดังสายน้ำอ่อนนุ่มที่ปะทะเข้ากับคมดาบ พาให้วิถีอันเปี่ยมพลังใหลระร่องตามกระแสน้ำที่ซัดสาดพาไปยังทิศทางอื่น

มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่หดเกร็งจนกงเล็มแหลมคมยืดยาวขึ้นยิ่งกว่าที่ควร ตวัดไปมาทุกครั้งเมื่อคู่ต่อสู้เผยจุดบอด แต่น่าเสียดายที่แร็กนาร์ไม่อาจเคลือบกงเล็บเล่านั้นไว้ด้วยพลัง ทั้งมันยังมีขนาดเล็กจ้อยตามขนาดของร่างกายทำให้มันเกิดเพียงบาดแผลเล็กๆบนร่างของคาสึกิเท่านั้น

ทำให้บาดแผลเหล่านั้นสมานตัวอย่างรวดเร็ว ไร้ซึ่งการยับยั้งฟื้นฟูเช่นโดนมีดเฉือนดังก่อนหน้านี้ เพราะใช้มีดผ่าตัดเบี่ยงวิถีดาบ แร็กนร์จึงไม่อาจใช้มันเฉือนร่างคู่ต่อสู้ได้ เหงื่อเย็นผุดขึ้นมากมายเขากำลังจะหมดพลังกายแล้ว

ผมสีแดงค่อยๆจากลง แปรเปลี่ยนเป็นสีดำล้อมรอบอีกครั้ง คมเขี้ยวมือเท้าก็หายไปจนหมดสิ้น พลังที่ได้มาหมดลงแล้ว ดังสัญญาณที่ส่งผ่านไปในโสตประสาทของคาสึกิ เขารับรู้ได้แม้ไร้สติว่าคู่ต่อสู้อ่อนแอลงแล้ว รีบเร่งจังหวะจ้วงแทงให้เฉียบคมยิ่งกว่าที่แล้วมา ทุ่มพลังโจมตีอย่างไม่คิดถึงผลเสียใดๆ

“อั๊ก” คมดาบผ่าจากอกจนถึงสะโพก แรงอัดอันมหาศาลทำให้ร่างกายเล็กๆนั่นลอยระริ่วไปไกล ไม่รอช้าคาสึกิถีบเท้าพุ่งทะยานตามไปหวังสังหารเหยื่อให้สิ้นซาก

แต่หากเขาเห็นร่างของแร็กนาร์นอนจมกองเลือดอยู่ด้านหน้าแท้ กลับไม่อาจไปถึงตัวได้รวดเร็วตามที่ใจคิด มันดังว่าร่างนั้นอยู่ไกลแสนไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง

และแล้วร่างนั้นก็หายไปกับสายหมอกสีขาวที่รายล้อมคาสึกิเอาไว้ รอบด้านสว่างวาบดังว่าเขาอยู่ในเวลาเช้า ต้นไม้รอบทิศสลายหายไปเหลือไว้เพียงพื้นโล่งสีขาวล้อมกรอบเขาไว้ทั้งสี่ด้าน

“สายันต์สวัสคาสึกิ” เสียงอันน่ารังเกียจแต่กลับคุ้นเคยดังขึ้นเรียก มันสะท้อนจากผนังทั้งสี่ด้าน เกิดเป็นเสียงกังวานดังขึ้นซ้ำๆจนหูอื้อ

เพียงไม่นางร่างของหญิงสาวมากมายปรากฏขึ้นรอบตัวเขา สะท้อนไปมาดังกระจกที่จับจ้องไปยังหญิงสาวผู้หนึ่งโดยไม่อาจรู้ว่าภาพใดคือตัวจริง เพราะทุกภาพล้วนเกิดขึ้นจากคนเพียงคนเดียว
 


To Be Continued...
______________________________________________

มาแล้วค้าา
เดี๋ยวกรีนจะเปิดนิยายเรื่องใหม่ที่แอบเขียนเอาไว้นะคะ
ฝากลูกชายคนใหม่ของกรีนด้วยน้าาา


เรื่อง PAY เปย์ข้าด้วยบุฟเฟต์สิ



ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
ติดตามและตามจิกคนเขียน มาเร็วๆ น่าา  สู้จ้ากะลังสนุกเลย :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว
ตอนที่  39
ริษยา
(ครึ่งแรก)


ในขณะที่แร็กนาร์ถ่วงเวลาอยู่นั้นเคลตี้ก็ทิ้งภาพลวงตาซึ่งปกปิดโกยาตเลย์ที่ฟื้นพลังเต็มที่เอาไว้ มันรอคอยจนแน่ใจว่าเอลลูญ์หลบเลี่ยงมายังที่ที่มันอยู่ จึงดำเนินแผนต่อไปตามคำสั่งเจ้านายในพันธสัญญาของมัน

 พลังของเคลตี้มีขีดจำกัดเนื่องจากมันยังอยู่ในวัยเด็กไม่ต่างจากแร็กนาร์ และพลังของคู่พันธสัญญาของมันเองก็ยังน้อยนิด หากต้องการใช้ภาพลวงตาขนาดใหญ่จึงต้องใช้เวลาในการเตรียมการเอาไว้

และภาพลวงตาที่จะใช้ในครั้งนี้ยังเป็นอีกขั้นของภาพมายาทั้งมวล สิ่งที่เจ้านายของมันต้องการคือการใช้ประโยชน์จากอดีตอันดำมืดที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้ในจิตใจของศัตรู ดังนั้นแล้วมันจึงต้องเตรียมดักมายาอันกลืนกินศัตรูเมื่อเข้ามาสู่อาณาเขตของมัน

เมื่อศัตรูเข้ามาในกับดักเพียงเสี้ยววินาทีมันจะทำการค้นหาความทรงจำที่ถูกปิดซ่อนไว้ แล้วถ่ายทอดความทรงจำนั้นไปสู่เจ้านายของมัน และเมื่อแร็กนาร์สั่งการมันก็จะสร้างภาพลวงตาตามความต้องการของแร็กนาร์

หากเป็นพ่อแม่ของมันแล้วคงสามารถเรียกความทรงจำทั้งหมดของศัตรูออกมาและส่งให้กับคู่พันธสัญญาได้ในทันที แต่ตัวมันเองกลับส่งความทรงจำให้แร็กนาร์ได้เพียงน้อยนิด แร็กนาร์ที่สื่อสารกับเคลตี้มาตลอดจึงรู้ถึงขีดจำกัดนี้ดี เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงเลือกความทรงจำส่วนลึกที่สุดของคาสึกิมาใช้ประโยชน์นั่นเอง

แผนการครั้งนี้มีความเสี่ยงอย่างเห็นได้ชัด แต่ด้วยขีดจำกัดของพวกเขาวิธีนี้จึงเป็นหนทางเดียวที่จะชนะได้ ความทรงจำที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ย่อมมีผลเสีย แร็กนาร์เองก็ไม่อาจกำหนดผลลัพธ์อันเกิดจากภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้นได้เช่นกัน หวังเพียงให้พวกเขาเตรียมการแผนขั้นสุดท้ายจนสำเร็จเท่านั้น

 ดังนั้นแล้วเขาจึงหาหนทางจนถึงที่สุด เพื่อหาทางออกที่สูญเสียไม่มากจนเกินไป และหาข้อมูลจากคาสึกิให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อเขามั่นใจแล้วว่าข้อสงสัยของเขาถูกต้อง แร็กนาร์จึงไม่ลังเลที่จะใช้หนทางนี้ สั่งการเปลี่ยนแผนในทันที

ม่านหมอกหนาเตอะถูกสร้างขึ้นโดยเคลตี้ กับดักอันร้ายกาจที่แม้จะใช้ด้วยพลังอันอ่อนแอก็มีอานุภาพมากเกินกว่าเผ่าพันธุ์อื่นจะก้าวข้ามไปได้ ทันทีที่แร็กนาร์กระเด็นมายังบริเวณที่ถูกเตรียมการไว้ ม่านหมอกสีขาวก็เข้าห้อมล้อมคาสึกิที่พุ่งเข้าสู่กับดักในทันที

เพียงชั่วอึดใจเคลตี้ก็ค้นหาความทรงจำส่วนที่ต้องการพบ มันส่งความทรงจำส่วนนั้นไปยังสมองของแร็กนาร์ที่กำลังปฐมพยาบาลร่างกายของตน โดยพิงร่างกายอยู่กับต้นไม้ที่ถูกกระแทกเมื่อครู่

แร็กนาร์ได้รับความทรงจำเหล่านั้น ความทรงจำและความรู้สึกอันดำมืดเมื่อครั้งที่เจ้าของร่างได้พบริเรน่า และมันก็เป็นดังชนวนเหตุให้ใครบางคนนำความรู้สึกเหล่านั้นมาเป็นเครื่องมือในการผลักดันคาสึกิให้เข้าสู่วังวนแห่งการทรยศ

แต่เพราะความทรงจำมีเพียงส่วนเดียวเขาจึงไม่อาจล่วงรู้ความลับของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้ แร็กนาร์ตระหนักถึงความอันตรายที่ซับซ้อนจากเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีก่อน เขาจึงเลือกที่จะตัดไฟเสียเพื่อไม่ในมันบานปลายไปมากกว่านี้ ส่วนผู้บงการนั้นเขาต้องคาดคั้นมันออกมาจากคาสึกิให้ได้

หลังสั่งการเคลตี้แร็กนาร์ก็ไปยังจุดที่โยกาตเลย์กับเอลลูญ์อยู่ เขาต้องฟื้นพลังของเอลลูญ์ให้ได้มากที่สุด และตระเตรียมแผนการขั้นสุดท้ายที่จะใช้โค่นล้มคาสึกิ เขารู้ดีว่าพลังอันน้อยนิดของตนไม่อาจล้มคาสึกิลงได้ ดังนั้นแล้วสิ่งที่จะปิดฉากคือพลังของเด็กทั้งสอง

ทางด้านคาสึกิที่อยู่ในม่านหมอก เขามองเห็นภาพที่สะท้อนไปมาในกระจกได้เป็นอย่างดี ซึ่งมันถูกควบคุมผ่านจิตใต้สำนึกของเขา สัญชาตญาณที่ไร้การควบคุมทำให้เขาตกลงสู่ภาพลวงตาโดยสมบูรณ์ ด้วยสติที่ถูกทำให้เลือนหายจนหมดสิ้น เขาจึงถูกครอบงำได้อย่างง่ายดาย

สิ่งที่สะท้อนภายในใจจึงเป็นภาพของคาสึกิที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มร้อย ยืนอยู่ตรงกลางโดยถูกล้อมรอบด้วยกระจก ดังว่าการต่อสู้เมื่อครู่เป็นเพียงความฝันเท่านั้น

เพราะภาพมายาของเคลตี้ควบคุมจิตสำนึกที่อยู่ภายใน เวลานี้สิ่งที่คาสึกิสัมผัสได้จึงเป็นสภาพภายในจิตใจของเขานั่นเอง
ร่างกายภายนอกของคาสึกินั้น  ดวงตายังคงเบิกโพลงด้วยความคลุ้มคลั่ง แต่กระนั้นมันก็ไม่อาจขยับเขยื้อนไปที่ใดได้ เพราะดวง
จิตของมันถูกดึงออกไปอย่างไม่รู้สึกตัว สภาพภายนอกจึงหยุดชะงักลงดังว่าเวลาได้ถูกหยุดเอาไว้

ภายในดวงจิตนั้นคาสึกิคล้ายตัวตนที่มีสติ เพราะสิ่งที่ถูกครอบงำคือดวงจิต เป็นภาพฝันอันไม่มีอยู่จริง แต่ภายใต้จิตสำนึกมันกลับถูกควบคุมโดยง่าย ทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นคือความจริง การต่อสู้เมื่อครู่ต่างหากคือความฝัน

“สายันต์สวัสดิ์คาสึกิ” เสียงหวานอันคุ้นเคยทำให้คาสึกิแทบจะตาถลนออกจากเบ้า ด้วยเชื่อว่าริเรน่าไม่มีทางที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกเป็นครั้งที่สอง เพราะได้รับการยืนยันแล้วว่า หญิงสาวที่เขารังเกียจนักหนาได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว

“นี่มันอะไร” แม้จะฉงนสงสัยแต่คาสึกิก็เก็บสีหน้าได้ดี ถามกลับไปด้วยความนึกคิดที่ตีกันมากมายในหัว

“เหตุใดจึงถามเช่นนั้นเล่า...ท่านคาสึกิ ไม่ดีใจที่ได้พบข้าอีกครั้งหรือไร” รอยยิ้มอ่อนโยนดั่งเทพธิดาเผยออกมาดังว่าไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝงในประโยคนั้น

“เจ้าตายไปแล้ว” คาสึกิเข่นเคี่ยว จะอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเชื่อ แม้ในจิตใจจะสั่งการให้เชื่อในภาพเหล่านั้นจนหมดสิ้นแล้วก็ตาม

“จริงรึ ถ้าเช่นนั้นข้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าท่านคือใครกันเล่า” เสียงหวานยังคงเจื้อยแจ้ว สีหน้าหาได้หวั่นเกรงหรือแสดงพิรุธใดๆ

“อย่าได้โกหกข้า! ซาซากิยืนยันกับข้าเองว่าเจ้าตายไปแล้ว” แม้จะยืนยันกับตนเพียงใด แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังที่ควบคุมจิตใจได้ ด้วยเพราะแร็กนาร์ทำให้คาสึกิไร้สติแล้วจึงเข้าควบคุม เขาจึงไร้จิตที่จะต่อต้าน ทั้งความคิด ความรู้สึกต่างถูกกระตุ้นให้เชื่อในภาพเหล่านั้นอย่างถึงขีดสุด

“เชื่อเช่นนั้นจริงหรือท่านคาสึกิ ไม่คิดว่าจะถูกหลอกบ้างเลยหรือไร ดูท่านทาคุมะนั่นสิ ไม่ใช่ว่าท่านซาซากิก็บอกว่าเขาตายไปแล้วเช่นนั้นรึ” ภาพมายายังคงกระตุ้นจิตของคาสึกิให้เชื่อต่อไป ไม่ว่าจะภาพของหญิงสาวที่เขาเกลียดชังนักหนา หรือคำกล่าวที่เป็นดังหอกทิ่มแทงย้ำเตือนความจริงที่เขาปฏิเสธล้วนทำให้คาสึกิไม่อาจกล่าวค้านสิ่งใดได้อีก

“ท่านก็เห็นท่านทาคุมะด้วยตาของตนเองว่ายังคงมีชีวิตอยู่ ถ้าเช่นนั้นแล้วข้าเล่า” ร่างของริเรน่ายังคงกล่าวคำเสียดแทงต่อไป ด้วยความต้องการของแร็กนาร์ นอกจากที่จะให้คาสึกิสิ้นฤทธิ์แล้ว เขายังคงต้องดึงความลับที่ถูกปกปิดเอาไว้เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้ออกมาให้ได้มากที่สุด

“ไม่ใช่ว่าท่านถูกหลอกใช้มาตลอดหรอกรึ เป็นผู้โง่เขลาที่ถูกหลอกใช้โดยซาซากิแสนเจ้าเล่ห์นั่น” หัวข้อการสนทนาถูกชักนำไปในทางที่ข้อสันนิษฐานของแร็กนาร์สรุปเอาไว้ สำหรับนักฆ่าข้อมูลสำคัญที่สุด ดังนั้นแล้วหากสรุปข้อสันนิษฐานใดออกมาก็ต้องยืนยันให้แน่ชัดเสียก่อน

หรือไม่ก็ต้องระวังข้อเป็นไปได้ทั้งหมด หากเป็นเช่นนั้นมันมีความเสี่ยงมากเกินไป  ตามนิสัยของเขา  การสังหารทุกครั้งต้องออกมาสมบูรณ์แบบเสมอ

“ไม่จริง  ซาซากิไม่มีทางโกหกข้า! เขาเป็นผู้ชี้เส้นทางให้ข้า เป็นผู้ชักพาให้ข้าได้พบท่านผู้นั้น ทำให้ข้าได้ครอบครองพลังที่เกินขีดจำกัด ซาซากิหวังดีกับข้าถึงเพียงนี้ ไม่มีทางที่จะหลอกใช้ข้าได้ ไม่มีทาง ข้าไม่เชื่อ!” อารมณ์ของคาสึกิขาดผึ่ง ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความแคลงใจ เขาเชื่อในซาซากิมาตลอด แต่จิตใจอีกด้านกลับเชื่อในคำกล่าวของริเรน่าอย่างไม่อาจต้านทาน พยายามหาข้อแก้ต่างให้คำกล่าวนั้นอย่างเต็มที่

แร็กนาร์ได้ยินคำกล่าวทั้งหมดของคาสึกิ เขาจึงเก็บรายชื่อเหล่านั้นไปวิเคราะห์หาข้อเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา

‘ซาซากิ ซาซากิ...ชื่อนั่น ชื่อที่ซาดาโอะยืนยันว่าส่งจดหมายไปให้ อ่า รู้ตัวการแล้ว แต่คนที่มอบพลังนั่นใครกันนะ คงจะเป็นคนที่มอบสสารสีดำให้ปีศาจเหล่านี้ไม่ผิดแน่

ถ้าคนลึกลับนั่นเข้าร่วมต่อสู้ทางฝั่งเบียกโกะแย่แน่ จะทำอย่างไรดี’


แร็กนาร์เรียบเรียงข้อมูลที่ได้มา จนในที่สุดเขาก็สามารถกำหนดผู้อยู่เบื้องหลังได้ แต่มันกลับวุ่นวายกว่าที่คาดคิด นอกจากการแทรกซึมของเทโทระในการปลุกปั้นผู้ทรยศแล้ว ดูเหมือนว่าฝั่งซาซากิผู้ทรยศเองก็มีผู้อยู่เบื้องหลังอันน่าหวั่นเกรงเช่นเดียวกัน

“ข้าไม่เชื่อ! ไม่มีทาง! ไม่! ไม่! ไม่!  ถ้าเจ้ายังไม่ตาย  ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยมือของข้าเอง!” แต่ก่อนที่แร็กนาร์จะได้คาดเดาสิ่งใดเพิ่มเติมคาสึกิก็คลั่งเสียก่อน และเหนือความคาดหมายเมื่อจิตเชื่อมต่อกับร่างกายอีกครั้งด้วยความปรารถนาในการฆ่าอย่างล้นหลาม
แร็กนาร์รู้ดีว่าหากกระตุ้นความดำมืดส่วนลึกภายในใจเขาจะไม่อาจควบคุมศัตรูได้โดยสมบูรณ์ เพียงแต่ไม่คาดว่าอีกฝ่ายจะคลั่งจนเชื่อมต่อจิตคืนสู่ร่างกายได้เร็วถึงเพียงนี้

“เร็วเข้า โก สายฟ้า” แร็กนาร์กล่าวเร่งเร้า แต่กระนั้นน้ำเสียงก็หาได้ร้อนรน เขาคำนวณเวลาแล้วว่ายังคงทัน แต่ก็ต้องกระตุ้นให้เด็กทั้งสองเตรียมพร้อมและตื่นตัวรอรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

เพล้ง! เพล้ง!

คาสึกิฟาดฟันใส่กระจกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่ว่าจะโจมตีกี่ครั้งก็ไม่อาจพบตัวจริงได้ ใบหน้านั้นจึงบิดเบี้ยว โถมใส่ความเกลียดชังอย่างไม่หยุดยั้ง ร่างกายภายนอกเองก็เหวี่ยงดาบตามการเคลื่อนไหวในจิตใจเช่นเดียวกัน บ่งบอกว่าอีกไม่นานภาพมายาจะถูกทำลายลง

“ตาย! ตายซะ! มนุษย์แสนต่ำต้อย หญิงแพศยาเช่นเจ้าสมควรตาย!” ความรู้สึกที่ถูกปิดไว้ถาโถมออกมา แม้เคลตี้จะกระตุ้นมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“เกลียด เกลียด ข้าเกลียดเจ้า! เหตุใดจึงเป็นเจ้า ข้ายอมปิดบังความรู้สึกถึงเพียงนี้ ยอมเสียสละถึงเพียงนี้ ใจกว้างถึงเพียงนี้ ใยต้องเป็นเจ้า” คาสึกิบ้าคลั่ง พร่ำเพ้อถึงความรู้สึกที่อัดแน่นภายในใจ ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้น ความปรารถนาในหัวหน้าของตน

“ข้ารัก ข้ารักท่านถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงเลือกมนุษย์ต่ำต้อยผู้นี้เล่า ถ้าเป็น ถ้าเป็นปีศาจสักตนล่ะก็ เมื่อนั้นข้าก็พร้อมจะยอมรับแท้ๆ ท่านช่างใจร้าย...ท่านอิซานางิ” น้ำตาหลั่งไหล เขาเข้าสู่วังวนที่ไม่อาจถอนตัวได้ตั้งแต่ที่ถูกช่วยชีวิตไว้ ความรักเกิดขึ้นอย่างไม่อาจห้าม แต่ก็ฝืนปกปิดมันแล้วอุทิศชีวิตปกป้องชายผู้เป็นที่รักเท่านั้น

 “จริงหรือ...ถ้าไม่ใช่ข้า ท่านยอมรับได้จริงหรือ” เหมือนความรู้สึกที่ถูกปิดเปิดออกอีกครั้งด้วยประโยคอันเสียดแทงจิตใจเกินกว่าจะรับไหว เพราะเคลตี้สามารถค้นความรู้สึกอันลึกที่สุดออกมาได้ แม้จะเป็นความรู้สึกที่ตัวตนนั้นอยากลืมก็ตาม
ใช่แล้ว นั่นเป็นคำถามที่คาสึกิเฝ้าถามตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

‘ถ้าเป็นปีศาจด้วยกัน ไม่ใช่มนุษย์เช่นริเรน่า เขายอมได้จริงหรือ’

แต่คำถามเหล่านั้นก็ถูกฝังจมหายไปในความมืดมิดส่วนลึกสุดของหัวใจอย่างหมดสิ้น เมื่อเขาเชื่อในคำยุยงของ...ซาซากิ



************************50%************************
มา 50% ก่อนนะคะ
กรีนไม่มีสมาธิแต่งเลยขอสารภาพ
วอกแวกอยู่ตลอด หาทางให้ตัวเองอยู่นิ่งไม่ได้
ใครมีเคล็ดลับดีๆส่งต่อมาบ้างนะคะ
อีกครึ่งเจอกันเร็วสุดพรุ่งนี้ค่ะ อย่างช้าก็ 2-3 วันน้า

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-02-2018 08:00:55 โดย GreenHead(หัวเขียว) »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ดาร์กจิงๆ

ออฟไลน์ GreenHead(หัวเขียว)

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
    • Green Head - หัวเขียว

ตอนที่ 39
ริษยา (ครึ่งหลัง)

“อ้าก!” ร่างกายภายนอกหวีดร้องโหยหวนแสนเจ็บปวด เพราะคำถามที่ถูกลืมเลือนมานานย้อนคืนกลับมา มากกว่าสิ่งอื่นใดคือความรู้สึกผิด คาสึกิเกียจชังริเรน่าอย่างถึงที่สุด แต่ก็รักอิซานางิสุดหัวใจเช่นเดียวกัน

เพื่อให้ชายอันเป็นที่รักมีความสุขเขาจึงยอมอดทน และโยนความผิดพลาดทั้งหมดไปให้หญิงสาวที่ถูกบังคับขืนใจมายังแดนปีศาจ ทั้งที่รู้ดีแต่กลับใช้ข้ออ้างว่าหากเป็นปีศาจด้วยกันเขาจะยอมรับได้ ที่เขาเป็นเช่นนี้เพราะริเรน่าคือสายเลือดของมนุษย์อันอ่อนแอ

พยายามเชื่อในข้ออ้างของตน จมหายความรู้สึกอันดำมืดลงในจิตใจส่วนลึกที่สุด แต่แล้วความอดทนก็ขาดวิ่นด้วยคำยั่วยุอันหอมหวาน ช่วยหาทางออกที่ทรมานน้อยกว่ามาให้ ถูกครอบงำด้วยความคิดอันแสนโสมม

หากข้าไม่ได้ เจ้าก็ต้องไม่ได้!

ความผิดทั้งหมดถูกโยนไปให้หญิงสาวอันแสนต่ำต้อย กล่าวโทษว่าที่เขาต้องทำเช่นนี้เพราะหญิงผู้นั้น ถ้าไม่ใช่มันเขาก็ไม่มีทางทรยศพวกพ้อง ไม่มีทางปล่อยให้อิซานางิถูกสังหารอย่างแน่นอน

ความจริงที่พยายามหนีมาตลอดถูกผลักกลับมา ดังว่าเขากลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง โดยพาความรู้สึกผิดต่ออิซานางิ และหญิงสาวผู้นั้นมาด้วย คาสึกิหลอกตัวเองมาตลอดว่าไม่เคยเจ็บปวดต่อสิ่งที่ทำลงไป แต่ความเป็นจริงความรู้สึกเหล่านั้นยังหลอกหลอนเขาเสมอมา ยิ่งอยากลืมกลับยิ่งจดจำ ยิ่งฝังมันให้ลึกก็ยิ่งตระหนักรู้ว่ามันยังคงอยู่

หัวใจของคาสึกิแตกสลาย สสารสีดำกลืนกินพลังชีวิตจนหมดสิ้น ต่อให้เขาสังหารศัตรูจนพินาศก็ไม่อาจมีชีวิตผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ ดังปีศาจสังหารที่ถูกอัญเชิญมาทำลายล้างแล้วสูญสิ้นไปเพียงชั่วข้ามคืน

พลังประทุเผาไหม้ กลิ่นอายของความตายแผ่ขยายไปรอบทิศ กระทั่งเด็กน้อยทั้งหมดยังสัมผัสได้ ความเศร้าเสียใจ ความเจ็บปวด ความรู้สึกผิด ความโกรธเกรี้ยว และความริษยา หลอมรวมเป็นความรู้สึกอันเจ็บปวดที่สามารถทำลายชีวิตหนึ่งอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส

แร็กนาร์รับรู้ถึงมันแต่เขาก็ไม่ได้ใจอ่อนถึงขั้นสงสารศัตรู หัวใจของเขาถูกหล่อหลอมให้เย็นชากับทุกชีวิต ไม่ว่าใครก็ไม่ต่างจากสุกรที่ต้องถูกมนุษย์กลืนกิน สุกรมีเลือดเนื้อ มนุษย์ก็มีเลือดเนื้อ มีเพียงหนึ่งชีวิตเช่นเดียวกัน มันแตกต่างกันที่ใดเขาไม่เคยคิดเลย

มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ไม่สิ สิ่งมีชีวิตก็เป็นเช่นนี้ ผู้อ่อนแอย่อมถูกผู้แข็งแกร่งกลืนกิน เห็นแก่ตัวเป็นที่สุด ไม่ต่างจากเขา หากไม่ใช่คนสำคัญแล้ว ก็ไม่เคยคิดปรานีต่อสิ่งใด

ต่างจากเด็กน้อยเหล่านี้ เอลลูญ์ โกยาตเลย์ เคลตี้ เป็นเด็กน้อยที่ไม่เข้าใจถึงสัจธรรมของสิ่งมีชีวิต พวกเขาหวั่นไหว พวกเขาเห็นใจ ความคิดที่จะเอาชนะถูกสั่นคลอน

“อย่าได้ใจอ่อน หากเราไม่ฆ่าก็จะถูกฆ่าเสียเอง อย่าได้ลืมความจริงข้อนี้ไป...และอย่าได้ลืมว่าเราจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด คนตายไม่อาจปกป้องใครได้จงจำไว้ให้ดี” คำกล่าวนี้แม้จะเย็นชา แต่มันก็เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เด็กน้อยทั้งสามเหมือนได้สติ เขาจ้องมองภาพของคาสึกิเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหน้าหนีอย่างตัดใจ กล่าวขอโทษเงียบๆ แล้วเรียกความรู้สึกอันมั่นคงกลับมา

ใช่แล้ว พวกเขาต้องมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องคนสำคัญ!

แร็กนาร์มองภาพเหล่านั้นแล้วระบายยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจ เขารู้ว่าการฆ่าครั้งแรกนั้นเจ็บปวดเพียงใด ยิ่งกับศัตรูที่ทำผิดเพราะถูกหลอกใช้ด้วยแล้วยิ่งเจ็บปวด พวกเขาไร้ความผิดแต่ก็ต้องลงมือสังหาร มันทรมานยิ่งนัก...แร็กนาร์เข้าใจมันดี

แร็กนาร์เคลื่อนกายไปยังอาณาเขตที่เตรียมไว้ เป็นสัญญาณบ่งบอกโกยาตเลย์กับเอลลูญว่าได้เวลาลงมือปิดฉากแล้ว

กลุ่มเมฆลอยเหนือบริเวณที่พวกเขาใช้ต่อสู้ แม้ท้องฟ้าจะยังคงมืดมิด แต่ก็สังเกตได้ไม่ยากเลยว่าเมฆก้อนนั้นลอยต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เมฆหนาแน่นสีดำถูกสอดแทรกเคลื่อนผ่านด้วยสาฟ้าสีเหลืองทอง เกิดประกายฟ้าแลบไปทั่วทั้งก้อน

พลังของโกยาตเลย์คือควบคุมสภาพอากาศ ไม่ว่าจะทำให้อากาศแจ่มใส มีฝนตก หรือกระทั่ง...มีพายุก็ตาม พลังของเผ่าวิหค เผ่าพันธุ์ที่มีควบคุมท้องฟ้าทั้งมวล

แม้มันจะพึ่งฟักออกจากไข่ แต่สัญชาตญาณของผู้ปกครองท้องฟ้าย่อมไม่เคยเลือนหาย ร่างกายเล็กๆนั่นแฝงพลังอันยิ่งใหญ่เกินจะคาดเดา เวลานี้อาจยังใช้ได้ไม่ถึงที่สุด เพราะพลังกายอ่อนแอ แต่มันก็เพียงพอที่จะเสริมพลังให้กับเอลลูญ์

สายฟ้าที่ไหลผ่านก้อนเมฆมีสองสาย สายหนึ่งอ่อนด้อยกว่า ทั้งยังเคลื่อนตัวได้เพียงในก้อนเมฆ แต่ก็ช่วยผลักดันให้สายฟ้าอีกสายหนึ่งมีให้พลังเพิ่มขึ้น สายฟ้าที่ทั้งรวดเร็วและเข้มข้นกลืนกินสายฟ้าอันอ่อนแอนั้นเพื่อแปรเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังของตน ทั้งมันยังเคลื่อนตัวได้อย่างอิสระ สามารถกำหนดได้โดยผู้เป็นเจ้าของของมัน

เมื่อแร็กนาร์เข้าไปอยู่ภายใต้ก้อนเมฆเช่นเดียวกับคาสึกิ หลังจากที่รอคอยมานานจนสามารถเพิ่มพลังได้มหาศาล สายฟ้าสายนั้นก็หลอมรวมเข้ากับก้อนเมฆอย่างสมบูรณ์ เพียงไม่นานก็เกิดกระแสลมพายุรุนแรงก่อตัวขึ้นภายใน

เปรี้ยง!

สายฟ้าผ่าลงจากก้อนเมฆครั้งแล้วครั้งเล่า พายุหมุนอีกกว่าสิบสายซึ่งภายในเต็มไปด้วยสายฟ้าก็หมุนไปมารอบๆอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ

โกยาตเลย์เกาะอยู่บนไหล่ของเอลลูญ์ พวกเขาประสานพลังเข้าด้วยกัน ทั้งยังเชื่อมต่อจิตเอาไว้อย่างเหนี่ยวแน่ เอลลูญ์ควบคุมสายฟ้า โกยาตเลย์ควบคุมพายุหมุนที่มีสายฟ้าของเอลลูญ์ไหลเวียนอยู่ คอยบังคับให้มันหลบหลีกร่างเล็กๆของแร็กนาร์ และเคลื่อนตัวกักขังไม่ให้คาสึกิสามารถขยับออกจากบริเวณนั้นไปได้

“LAKE MARACAIBO” (มาราไคโบทะเลสาบแห่งสายฟ้า)

ท่าประสานที่ถูกคิดค้นโดยแร็กนาร์ พวกเขาเองยังไม่คาดคิดว่าจะมีพลังได้มากถึงเพียงนี้ พลังที่สามารถกักขัง 1 ใน 4 องครักษ์เงาแห่งเขตใต้เอาไว้ได้อย่างง่ายดาย แม้จะสูญเสียพลังไปอย่างรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์ของมันก็มากมายเกินกว่าจะปฏิเสธได้

คาสึกิพยายามหลบหลีก แต่ไม่ว่าจะเคลื่อนที่ไปทิศทางใดก็ไม่อาจหนีพ้น หลบสายฟ้าสองสายที่เข้าปะทะ ก็มีพายุอีกสายหนึ่งปิดทางหนีทั้งยังถูกสายฟ้าที่อยู่ภายในเคลื่อนตัวเข้าโจมตี ถูกกักขังไว้ในใจกลางของพายุสายฟ้าอันบ้าคลั่ง

แร็กนาร์จ้องมองคาสึกิจนมั่นใจว่าไม่อาจหลบหนีจากแผนการของเขาได้ จึงเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่ายด้วยฝีเท้าไร้เสียงอันเป็นทักษะติดตัวของนักฆ่า ส่วนโกยาตเลย์กับเอลลูญ์นั้นอยู่นอกอาณาเขตพลังนี้ ทั้งยังมีเคลตี้คอยสร้างภาพลวงตากำบังเอาไว้ เขาจึงไม่ต้องเป็นห่วงเด็กทั้งสามมากมายนัก

ภารกิจของแร็กนาร์ คือ ระเบิดร่างของคาสึกิจากภายใน พลังสายฟ้าพายุนี้ทำได้มากที่สุดเพียงกักขังเท่านั้น เพราะไม่ว่าจะโดนโจมตีบาดเจ็บเพียงใด คาสึกิก็สามารถฟื้นตัวได้ในทันที กับคู่ต่อสู้ที่มีพลังฟื้นฟูล้นหลาม เขาต้องทำให้มันแตกละเอียดเป็นชิ้นๆเท่านั้น

เมื่อเป็นเช่นนั้นก่อนที่พลังของเด็กทั้งสามจะหมดลง เขาต้องปิดฉากการต่อสู้นี้ลงให้จงได้

มีดผ่าตัดในมือเรืองแสงสีเหลืองนวล ไฟที่ห่อหุ้มน้ำเอาไว้ลุกโชติช่วงขึ้น แร็กนาร์ถ่ายโอนพลังไปยังมีดมากขึ้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการใช้พลัง เพียงไม่นานแสงสีเหลืองก็ค่อยๆกลายเป็นสีฟ้า และสีน้ำเงินในที่สุด การใช้ไฟที่ร้อนแรงที่สุดย่อมแลกมาด้วยพลังที่มากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าแร็กนาร์ทุ่มสุดตัวกับการโจมตีในครั้งนี้

ฉั้วะ! ฉั้วะ!

มีดเฉือนเส้นเลือดบนร่างกายของศัตรูอย่างแม่นยำ ภาพร่างเส้นเลือด เส้นเอ็นต่างๆ ปรากฏขึ้นในหัวอย่างแจ่มชัด ไม่ว่าจะเฉือนลงไปที่ร่างกายนั้นครั้งใดก็เป็นจุดที่เล็งเอาไว้ทั้งสิ้น

ความแม่นยำ รวดเร็ว และการคำนวณอย่างถี่ถ้วน ทำให้แร็กนาร์สามารถเคลื่อนพลังถ่ายทอดลงไปในการโจมตีได้มากขึ้น พลังที่ถูกบีบอัดจนเล็กไหลแทรกซึมเข้าไปในเส้นเลือดทุกครั้งที่มีดปะทะเข้ากับร่างกาย แม้บาดแผลภายนอกจะถูกรักษาอย่างรวดเร็ว แต่การบาดเจ็บภายในยังคงอยู่

หรือก็คือ แม้รักษาบาดแผลจากอาการบาดเจ็บแต่ก็ไม่อาจลบล้างพลังที่ถูกส่งเข้าสู้ร่างกายได้ ทั้งยังถูกปิดกั้นการไหลเวียนของเลือด โดยหล่อเลี้ยงพลังเข้าขวางกั้นเส้นเลือดที่ถูกตัดขาดเอาไว้ไม่ให้เชื่อมต่อกันได้

ความร้อนเคลื่อนจากจุดหนึ่งไปสู่จุดหนึ่ง ปะทะกันจนเกิดการกระเพื้อมด้วยความร้อนอันมหาศาล ยิ่งช่องว่างระหว่างกันใกล้มากเพียงใด ความร้อนที่ก่อตัวยิ่งทำให้เลือดร้อนขึ้นยิ่งกว่าน้ำเดือดระอุ

คาสึกิที่ไม่มีสติยั้งคิดไม่รู้สึกกระทั่งความเจ็บปวด พยายามค้นหาศัตรูที่หลบซ่อนอยู่ ทั้งยังหาหนทางหลบหลีกจากบริเวณนี้ สัญชาตญาณร่ำร้องว่าผู้ควบคุมพลังอยู่ไม่ไกล แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากกงขังนี้ได้

ส่วนแร็กนาร์ที่เข้าโจมตี เขาสามารถลบตัวตนได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งการโจมตีก็ไม่ได้ส่งผลเจ็บปวดมากมาย คาสึกิที่ไร้สติยั้งคิดจึงไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด รู้สึกเมือนแมลงตัวเล็กๆเข้ามากัดจนยุบยิบไปหมดเท่านั้น โดยไม่รู้เลยว่าการโจมตีเหล่านี้ต่างหากที่
เขาควรหลีกเลี่ยง

5

4

3

2

และ

“1”

ตำแหน่งที่แร็กนาร์ต้องจัดการมีน้อยลงเต็มที และในที่สุดเขาก็เฉือนลงบนตำแหน่งสุดท้ายได้สำเร็จ เส้นเลือกที่คอขาดออก เลือดพุ่งกระฉูดรุนแรง ก่อนจะค่อยๆหยุดลง และถูกสมานเข้าด้วยกันด้วยพลังฟื้นฟูอันเหลือเชื่อ แต่มันก็ยังคงเหลือร่องรอยเอาไว้ ทั้งยังเป็นร่องรอยของพลังที่ฝังรากลึกเข้าไปภายใน

เสื้อผ้าที่ขาดวิ้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าแร็กนาร์เฉือนมีดผ่าตัดลงบนร่างของคาสึกิมากมายเพียงใด มันมากพอที่จะปิดการไหลเวียนเลือดโดยสมบูรณ์ และยังทำให้เลือดที่เดือดระอุภายในปะทุความร้อนอออกมาได้พร้อมๆกัน ในที่สุดร่างนั้นก็ระเบิดออก

ตู้ม!

เสียงอันดังสนั่นหวั่นไหวนั่นทำให้แร็กนาร์เผยยิ้มกว้างอย่างพอใจ ดวงตาเย็นชาทอประกายความยินดี
ภารกิจเสร็จสิ้น!



To Be Continued...
___________________________________________

เย้! ในที่สุดการต่อสู้ของเด็กๆกลุ่มนี้ก็ผ่านไปด้วยดี
ต่อไปจะพากลับไปหาคูฟฟ์คนพี่น้าา
เจอกันตอนหน้าจ้า


ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
ในที่สุดก็ปิดฉากกลุ่มเบบี้ เสร็จสิ้นภารกิจ  สู้ๆ คนเขียนจ้า :3123: :L2: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด